The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

๙๐ ปี เศรษฐีธรรม ชีวประวัติ ปฏิปทา และพระธรรมเทศนา หลวงปู่ลี กุสลธโร (พระอริยสาวกแห่งภูผาแดง) วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ray of Dhamma ตามแสงธรรม, 2023-09-24 18:11:09

๙๐ ปี เศรษฐีธรรม -หลวงปู่ลี กุสลธโร

๙๐ ปี เศรษฐีธรรม ชีวประวัติ ปฏิปทา และพระธรรมเทศนา หลวงปู่ลี กุสลธโร (พระอริยสาวกแห่งภูผาแดง) วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

Keywords: ธรรม

พระอริยสาวกผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร ชีวประวัติ ปฏิปทา และพระธรรมเทศนา คณะศิษยานุศิษย์ขอน้อมกตัญญูกตเวทิตาคุณ ถวายบูชาแด่ หลวงปู่ลี กุสลธโร เนื่องในวาระอันเป็นมหามงคล สิริอายุวัฒนะครบ ๙๐ ปี ๖๓ พรรษา วันที่ ๓๐ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐) วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) เก้าสิบปี ชาตกาล อริยสงฆ์ พระผู้รักษ์ สกุลวงศ์ กรรมฐาน พระผู้เป็น เศรษฐีธรรม ครองมานาน พระผู้กล้า หักราน กิเลสกรรม เป็นหนึ่งใน หัวใจ พระกรรมฐาน เป็นครูสอน ทางนิพพาน ดับทุกข์เข็ญ เป็นหนึ่งใน ใจชาวพุทธ ทุกเช้าเย็น เป็นสาวก ดังเฉกเช่น ครั้งพุทธกาล


เหตุผล และจุดประสงค์ในการจัดทำ ดังนี้คือ - เพื่อบูชาธรรมะ และเกียรติคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ - เพื่อเป็นการเผยแผ่ธรรมะประวัติอันทรงคุณค่ายิ่งขององค์หลวงปู่ - เพื่อรักษาเป็นมรดกธรรม ที่ควรสักการบูชา - เพื่อถวายครูบาอาจารย์ และมอบให้เป็นสมบัติของห้องสมุด เช่น วัดต่างๆ , ชมรมพุทธศาสน์, สถานการศึกษา โรงเรียน-มหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ฯลฯ - เพื่อจะได้เป็นทิฏฐานุคติแบบอย่างอันดีงาม ให้แก่สาธุชนในสมัยปัจจุบันและภายภาคหน้า ได้มีโอกาส ศึกษาธรรมะ และเจริญรอยตามแบบอย่างอันดีงามของครูบาอาจารย์สืบไป วัดป่าบ้านตาด อำ เภอเมือง จังหวัดอุดรธานี วันพุธที่ ๒๕ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เรื่อง อนุญาตให้พิมพ์หนังสือเศรษฐีธรรม เรียน คณะศิษยานุศิษย์ ตามที่ทางคณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ผู้ที่เคารพและมีจิตศรัทธาต่อองค์ ครูบาอาจารย์ ได้เขียนจดหมายกราบเรียนแจ้งความประสงค์ต้องการจะพิมพ์หนังสือธรรมะของ องค์หลวงปู่ เพื่อบูชาคุณครูบาอาจารย์ และจะได้นำ ออกเผยแผ่เป็นธรรมทานในโอกาสต่อไป ความละเอียดที่แจ้งแล้วนั้น บัดนี้อาตมาได้พิจารณาแล้วจึงเห็นสมควรอนุญาตให้พิมพ์ได้ตาม ความประสงค์ เพื่อเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาสืบไป ขออนุโมทนากุศลจิตกับเจ้าภาพทุกท่าน ....................................................... หลวงปู่ลี กุสลธโร


อนุโมทนากถา วัดป่าบ้านตาดในยุคก่อน พระผู้ใหญ่รองจากองค์หลวงตา ก็มีหลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ ท่านได้ช่วยปกครองหมู่คณะร่วมกับ หลวงปู่ลีจึงเป็นความเรียบร้อยดีงาม พระในบ้านตาดช่วงนั้น มีเพียง ๑๖ รูป หลวงตาในวัย ๕๖ ปี ทำการอบรมพระอย่าง เข้มงวดกวดขันที่สุด หลวงปู่ลีถือได้ว่าดำ เนินรอยตามปฏิปทาธรรม ที่พ่อแม่ครู อาจารย์วางไว้อย่างเคร่งครัดท่านหนึ่ง เพราะนับแต่วันท่านอุปสมบท เป็นครั้งแรกในงานถวายเพลิงศพหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๙๓ แล้ว ก็ได้ดำ รงตนอยู่ในสมณภาวะ เป็นสมณบุตรพุทธ ชิโนรส ติดตามองค์หลวงตาประดุจเงาฉายไปในสถานที่ต่างๆ เช่นที่วัดป่าบ้านห้วยทราย จังหวัดมุกดาหาร ที่วัดสถานีทดลองเกษตรกรรม อำ เภอพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี และเมื่อหลวงตาก่อตั้งวัดป่าบ้านตาดขึ้น ท่านก็ติดตามกลับมาด้วย จึงนับเป็นครูบาอาจารย์ยุคบุกเบิกของวัดป่าบ้านตาด ที่เป็นผู้มุ่งมั่นและจงรักภักดี ต่อพ่อแม่ครูอาจารย์เสมอต้น เสมอปลายที่สุดท่านหนึ่ง ผลงานเด่นของหลวงปู่ลีในช่วงปัจฉิมสมัยขององค์หลวงตา ก็คือการที่ได้เข้าร่วมช่วยระดม หาทองคำ เข้าคลังหลวง จำ นวน ๑๓ ตัน ถือว่าท่านเป็นกำลังสำคัญอย่างมากทีเดียว นอกจากนี้ท่านยัง ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนการหาทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธและอาคารผู้ป่วยใน “อาคาร ๙๖ ปีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” โรงพยาบาลอุดรธานี จนสำ เร็จลุล่วงไปด้วยดี และการสร้างพุทธมหาเจดีย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์(ภูผาแดง) อำ เภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานีโดยหลวงปู่ลีกุสลธโร น้อมถวายบูชากตัญญูกตเวทิตาคุณ จึงขอกราบคารวะแด่องค์หลวงปู่ลี กุสลธโร พระเถระผู้ทรงคุณงามความดีพร้อม ด้วยเศียรเกล้า ในโอกาสอุดมมงคลฉลองอายุวัฒนะ ครบ ๙๐ ปี๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ นี้ขอหลวงปู่ลีกุสลธโร ผู้เป็นเนื้อนาบุญ สถิตเป็นประทีปธรรม เป็นมิ่งขวัญของปวงหมู่พุทธบริษัทตราบนานเท่านาน หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสฺสโก ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ...หลวงตาท่านเมตตาใคร เราก็ควรจะทำ ใจรักเคารพยอมรับ เช่น หลวงปู่ลีเป็นพระดีเน้อ ลูกหลานเอย พวกเราก็ต้องยกมือไหว้หลวงปู่ลีเพราะหลวงตาท่านยอมรับใช่ไหมละ... (ณ วัดป่าบ้านตาด ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๓)


สิ่งที่ควรเข้าใจก่อนอ่าน หนังสือ ๙๐ ปี เศรษฐีธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร (พระอริยสาวกผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม) ซึ่งเป็น คำ จากองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เล่มนี้เป็นการรวบรวมชีวประวัติ ปฏิปทา และโอวาทธรรมอันทรงคุณค่ายิ่งของหลวงปู่ลี กุสลธโร โดยการถอดเทปจากการแสดงพระธรรมเทศนา ในหลายวาระโอกาส และรวมภาพอิริยาบถต่างๆ ขององค์หลวงปู่ ซึ่งถือว่าเป็นภาพอันงดงามที่หาดูได้ ยาก จึงนำ มาบันทึกจัดเก็บไว้เป็นรูปเล่มที่สวยงาม ได้มาตรฐานน่าศึกษาและควรค่าแก่การเก็บรักษา ด้วยทางคณะศิษย์ได้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อน้อมถวายบูชาเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชา เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณในเมตตาธรรมขององค์หลวงปู่ อนึ่งในการเผยแผ่ธรรมะขององค์หลวงปู่ในครั้งนี้ ด้วยกัณฑ์เทศน์ขององค์หลวงปู่ส่วนมาก เป็นภาษาท้องถิ่น(ภาษาอีสาน) คณะศิษย์ปรารถนาให้สาธุชนทั้งหลายได้ซาบซึ้งในข้อวัตรปฏิบัติปฏิปทา เครื่องพาดำ เนิน และพระธรรมวินัยอันเป็นสิ่งสำ คัญสูงสุด ที่พวกเราชาวพุทธศาสนิกชนทุกท่านควร น้อมนำ มาศึกษาประพฤติปฏิบัติต่อตนเอง ให้สมกับเป็นมรดกธรรมหรือมหาสมบัติอันล้ำ ค่าที่หลวงปู่ ฝากไว้ คณะศิษย์จึงกราบขอขมา ขอโอกาสบันทึกเป็นภาษากลาง ทั้งนี้เมื่อพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ได้อ่านแล้ว จะได้เข้าใจง่ายตามความหมายขององค์หลวงปู่ มิได้มีเจตนาอื่น ดังนั้นจึงได้นำ เผยแผ่ เป็นภาษากลางเพราะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแก่คนไทยทั่วไปทั้ง ๔ ภาค การพิมพ์หนังสือธรรมเป็นอนุสรณ์และที่ระลึก นอกจากเป็นการกระทำ สิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ที่ คงอยู่ยืนนานแล้ว ยังเป็นการบำ เพ็ญธรรมทาน คือการให้ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญว่า เป็นทานอันยอดเยี่ยมอีกด้วย ผู้ปฏิบัติเช่นนี้จึงได้ชื่อว่ามีส่วนร่วมในการบูชาธรรมของพระบูรพาจารย์ อันจักอำ นวยประโยชน์สุขที่แท้จริง ขอขอบคุณ และอนุโมทนาสาธุการต่อท่านเจ้าภาพทุกท่านที่ได้ สนับสนุนทุนทรัพย์ ในการจัดทำ หนังสือเล่มดังกล่าวนี้ได้ออกเผยแผ่สาระธรรมสิ่งที่ดีงามต่อสาธุชน ให้ได้เกิดศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนายิ่งๆ สืบไป ขอท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จงมีกำ ลังใจ ในการประพฤติปฏิบัติธรรม หากยามใดเกิดความท้อแท้ขอจงนึกถึงองค์หลวงปู่ เพื่อนำ คติธรรมคำ สอน ของท่านมาเป็นทิฏฐานุคติแบบอย่างอันดีงาม และมุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ประสพสุข ชั่วกาลนาน ขอจงทุกท่านเทอญ ศิษยานุศิษย์ผู้จัดทำ


ประวัติการจำพรรษา ๔๑ 7 พรรษาที่ ๑ ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ วัดป่าทรงคุณ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ๔๓ 7 พรรษาที่ ๒-๕ ปีพุทธศักราช ๒๔๙๔-๙๗ เสนาสนะป่าบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ๔๙ 7 พรรษาที่ ๖ ปีพุทธศักราช ๒๔๙๘ วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ๖๐ 7 พรรษาที่ ๗ ปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ วัดป่าท่าสวย อ.วังสะพุง จ.เลย ๖๖ 7 พรรษาที่ ๘ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ วัดบุญญานุสรณ์ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ๖๘ 7 พรรษาที่ ๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๑ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ๗๒ 7 พรรษาที่ ๑๐ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ วัดป่าท่าสวย บ้านวังม่วง อ.วังสะพุง จ.เลย ๗๔ 7 พรรษาที่ ๑๑ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ วัดปริตตบรรพต อ.วังสะพุง จ.เลย ๗๖ 7 พรรษาที่ ๑๒ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๔ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ๘๐ 7 พรรษาที่ ๑๓ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ๘๔ 7 พรรษาที่ ๑๔ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำ ภู ๘๖ 7 พรรษาที่ ๑๕ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ วัดถ้ำ พระนาผักหอก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ๙๒ 7 พรรษาที่ ๑๖ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ วัดป่าภูเขารัง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ๙๔ 7 พรรษาที่ ๑๗ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ๙๖ 7 พรรษาที่ ๑๘ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำ ภู ๑๐๑ 7 พรรษาที่ ๑๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๑ วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ๑๐๔ 7 พรรษาที่ ๒๐-๒๓ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒-๑๕วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ๑๐๗ 7 พรรษาที่ ๒๔ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ วัดป่าถ้ำ พระนาหลวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ๑๑๓ 7 พรรษาที่ ๒๕ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ วัดป่าสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย ๑๑๖ 7 คำ อนุญาตให้พิมพ์หนังสือเศรษฐีธรรม (หลวงปู่ลี กุสลธโร) ๒ 7 ประทานพระวรธรรมคติ (พระเทพสารเวที) ๓ 7 พระวรธรรมคติ (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก) ๕ 7 คติธรรมพระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป) ๗ 7 อนุโมทนากถา (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) ๘ 7 สิ่งที่ควรเข้าใจก่อนอ่าน ๙ 7 พระประธานวัดภูผาแดง ๑๔ 7 พระพุทธพจน์ ๑๕ 7 เสาหลักพระกรรมฐาน ๒๐ 7 ที่มาของชื่อเศรษฐีธรรม ๒๕ 7 พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ยกย่อง หลวงปู่ลี กุสลธโร ๒๖ 7 กุสลธโรเถโรบูชา ๓๒ ชีวประวัติ หลวงปู่ลี กุสลธโร ๓๔ 7 ต้นตระกูลของบรรพบุรุษ ๓๕ 7 อดีตชาติ ๓๖ 7 จบพรหมจรรย์ พบวิมุตติสุข ๓๖ 7 ชาติภูมิ ๓๗ 7 ชีวิตสมณะ การแสวงหาโมกขธรรม และปฏิปทา ๓๘ สารบัญ 10


7 พระธรรมเทศนา ๑๖๐ 7 กัณฑ์ที่ ๑ หลงกิเลส หลงสมมุติ ๑๖๑ 7 กัณฑ์ที่ ๒ ความสงบให้มันเพียงพอ ๑๖๓ 7 กัณฑ์ที่ ๓ ความเป็นนักบวช ๑๖๔ 7 กัณฑ์ที่ ๔ พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้บอกทาง ๑๖๗ 7 กัณฑ์ที่ ๕ ผลเกิดจากเหตุ ๑๖๙ 7 กัณฑ์ที่ ๖ การภาวนาให้มีสัจจะ ๑๗๐ 7 กัณฑ์ที่ ๗ ฝึกสติให้อยู่กับจิต ๑๗๔ 7 กัณฑ์ที่ ๘ ตนเองต้องฝึกหัดตนเอง ๑๗๗ 7 กัณฑ์ที่ ๙ พิจารณากาย ๑๘๐ 7 กัณฑ์ที่ ๑๐ มีแต่ดีกับชั่วที่ฝากโลกไว้ ๑๘๒ 7 กัณฑ์ที่ ๑๑ ฝึกหัดสังเกตตนเอง ๑๘๔ 7 กัณฑ์ที่ ๑๒ ให้อยู่กับพุทโธ ๑๘๗ 7 กัณฑ์ที่ ๑๓ มาศึกษาหรือมาทำ ลาย ๑๘๙ 7 กัณฑ์ที่ ๑๔ มัวจับปลานอกสุ่ม ๑๙๐ 7 กัณฑ์ที่ ๑๕ สติอยู่กับลมหายใจ ๑๙๒ 7 กัณฑ์ที่ ๑๖ ให้ดูหัวใจเจ้าของ ๑๙๔ 7 กัณฑ์ที่ ๑๗ ฝืนกิเลสในใจเรา ๑๙๕ 7 กัณฑ์ที่ ๑๘ อยู่กับพุทโธ ๒๔ ชั่วโมง ๑๙๘ 7 กัณฑ์ที่ ๑๙ ให้ตั้งใจในความเพียร ๑๙๙ 7 กัณฑ์ที่ ๒๐ ปฏิปทา อุบายการภาวนา ๒๐๐ 7 กัณฑ์ที่ ๒๑ ฝึกความสงบเป็นอันดับแรก ๒๐๒ 7 กัณฑ์ที่ ๒๒ ให้ดูหัวใจเจ้าของ ๒๐๔ 7 กัณฑ์ที่ ๒๓ ทุกข์เพราะอารมณ์ ๒๐๗ 7 กัณฑ์ที่ ๒๔ กิเลสเต็มหัวใจ ๒๐๘ 7 กัณฑ์ที่ ๒๕ สถานที่น่ากลัวทำ ให้ภาวนาดี ๒๐๙ 7 พรรษาที่ ๒๖ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๘ วัดป่าดานวิเวก(ดงสีชมพู) อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ๑๑๘ 7 พรรษาที่ ๒๗-๒๘ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๙-๒๐ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ๑๑๙ 7 พรรษาที่ ๒๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๑ ไร่สวน บ้านผาขาว อ.วังสะพุง จ.เลย ๑๒๕ 7 พรรษาที่ ๓๐ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๒ วัดถ้ำ หีบ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ๑๒๕ 7 พรรษาที่ ๓๑ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๓ วัดปริตตบรรพต อ.วังสะพุง จ.เลย ๑๒๙ 7 พรรษาที่ ๓๒ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ วัดป่าบ้านสวนกล้วย อ.เมือง จ.เลย ๑๓๐ 7 พรรษาที่ ๓๓ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ วัดดอยเทพนิมิต อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ๑๓๑ 7 พรรษาที่ ๓๔ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๖ วัดป่าหนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี ๑๓๔ 7 พรรษาที่ ๓๕ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๗ วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ๑๓๗ 7 พรรษาที่ ๓๖ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ วัดป่าบ้านสวนกล้วย อ.เมือง จ.เลย ๑๔๐ 7 ประวัติย่อพระอาจารย์นิพนธ์ อภิปสันโน วัดป่าศาลาน้อย อ.ด่านซ้าย จ.เลย ๑๔๑ 7 พรรษาที่ ๓๗ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ๑๔๒ 7 พรรษาที่ ๓๘ ปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ๑๔๖ 7 พรรษาที่ ๓๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ วัดป่าห้วยลาด อำ เภอภูเรือ จังหวัดเลย ๑๔๗ 7 พรรษาที่ ๔๐ ปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ๑๔๘ 7 พรรษาที่ ๔๑-๕๐ปีพุทธศักราช ๒๕๓๓-๔๒ วัดป่าเกษรศีลคุณฯ อ.หนองวัวซอ อุดรธานี ๑๕๐ 7 ประวัติย่อหลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำ สหายฯ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ๑๕๑ 7 พรรษาที่ ๕๑ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๓ วัดป่านาแองญาณสัมปันโน อ.เมือง จ.อุดรธานี ๑๕๖ 7 พรรษาที่ ๕๒-๖๒ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๔-๕๕ วัดป่าเกษรศีลคุณฯ อ.หนองวัวซอ อุดรธานี ๑๕๘ 7 กัณฑ์ที่ ๒๖ กายคตาสติ ๒๑๑ 7 กัณฑ์ที่ ๒๗ เห็นธรรมด้วยสัญญาหรือด้วยปัญญา ๒๑๓ 7 กัณฑ์ที่ ๒๘ กรรม ๒๑๗ 7 กัณฑ์ที่ ๒๙ ใจมันคอยวิ่งตามกิเลส ๒๑๘ 7 กัณฑ์ที่ ๓๐ ภาวนาสู้กิเลส ๒๒๑ 7 กัณฑ์ที่ ๓๑ แก้อารมณ์จากใจ ๒๒๒ 7 กัณฑ์ที่ ๓๒ เป็นพระให้เป็นนักเสียสละ ๒๒๖ 7 กัณฑ์ที่ ๓๓ ให้ฝึกความสงบ ๒๒๘ 7 กัณฑ์ที่ ๓๔ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ๒๓๑ 7 กัณฑ์ที่ ๓๕ ส่งเสริมการปฏิบัติ ๒๓๕ 7 กัณฑ์ที่ ๓๖ ให้พากันตั้งใจภาวนา ๒๓๘ 7 กัณฑ์ที่ ๓๗ ทำ ให้จริง ๒๔๑ 7 กัณฑ์ที่ ๓๘ สะสมบ่มอินทรีย์ไปเรื่อยๆ ๒๔๒ 7 กัณฑ์ที่ ๓๙ การกระทำ สำ คัญที่สุด ๒๔๕ 7 กัณฑ์ที่ ๔๐ ถ้าหากกลัวตาย ธรรมะเกิดไม่ได้ ๒๔๖ 7 กัณฑ์ที่ ๔๑ มีแต่ความจำ ความจริงไม่มี 7 กัณฑ์ที่ ๔๒ ให้สำ รวจดูใจตนเอง 7 กัณฑ์ที่ ๔๓ ทรมานกิเลสตนเอง ๒๕๔ 7 กัณฑ์ที่ ๔๔ ความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา ๒๕๗ 7 กัณฑ์ที่ ๔๕ ดูแต่ตำ รา ไม่ดูใจตนเอง ๒๕๙ 7 กัณฑ์ที่ ๔๖ สอนพระให้เป็นพระ ๒๖๑ 7 กัณฑ์ที่ ๔๗ โทษแต่ศาสนาไม่ดูใจตัวเอง ๒๖๓ 7 กัณฑ์ที่ ๔๘ กิเลสเป็นเจ้าหัวใจ ๒๖๕ 7 กัณฑ์ที่ ๔๙ ปลดเปลื้องตัวเองออกจากกองทุกข์ ๒๖๗ 7 กัณฑ์ที่ ๕๐ ศาสนาแห่งเหตุผล ๒๖๙


7 ประวัติย่อหลวงพ่อปัญญา ปัญญาวัฑโฒ ๒๗๑ 7 กัณฑ์ที่ ๕๑ อุฏฐานสัมปทา ๒๗๓ 7 กัณฑ์ที่ ๕๒ เลี้ยงจิตด้วยพุทโธ ๒๗๕ 7 กัณฑ์ที่ ๕๓ ฝึกหัดดัดตนเอง ๒๗๗ 7 กัณฑ์ที่ ๕๔ บังคับกิเลส ๒๗๘ 7 กัณฑ์ที่ ๕๕ บริกรรมพุทโธๆ อย่าให้เผลอ ๒๗๙ 7 กัณฑ์ที่ ๕๖ เอาแบบพุทธเจ้าหรือแบบเทวทัตต์ ๒๘๑ 7 กัณฑ์ที่ ๕๗ บวชจริงเห็นจริง ๒๘๔ 7 กัณฑ์ที่ ๕๘ บริกรรมพุทโธด้วยสติ ๒๘๕ 7 สื่อธรรมะ ต่างๆ ๒๘๗ 7 กุสลธโรวาท ๒๘๙ พ � และตำรายาสมุนไ�พร ๓๐๑ (รวมพระคาถาต่างๆ มากมาย และยาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ ฯลฯ) ๓๐๒ ถวายอุปัฏฐากฯ ๓๓๕ 7หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นองค์ประธานคณะสงฆ์ ถวายการรักษาองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๓๓๖ 7หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นองค์ประธานในงานพระราชทานเพลิงฯ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๓๕๔ 7อัฐิธาตุหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แปรสภาพเป็นพระธาตุลักษณะต่างๆ ๓๕๗ 7 ๑. พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) ๓๕๙ 7 ๒. พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) ๓๖๐ 7 ๓. พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ ๓๖๑ (หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม) 7 ๔. หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล ๓๖๒ 7 ๕. พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ๓๖๓ 7 ๖. หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ๓๖๔ 7 ๗. หลวงปู่หลุย จันทสาโร ๓๖๕ 7 ๘. หลวงปู่ขาว อนาลโย ๓๖๖ 7 ๙. หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ๓๖๗ 7 ๑๐.พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงปู่ทองสุก สุจิตฺโต) ๓๖๘ 7 ๑๑. พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ ๓๖๙ (ท่านพ่อลี ธัมมธโร) 7 ๑๒. หลวงปู่ซามา อจุตโต ๓๗๐ 7 ๑๓. พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป) ๓๗๑ 7 ๑๔. หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร ๓๗๒ 7 ๑๕. พระธรรมวิสุทธิมงคล ๓๗๓ (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) 7 ๑๖. พระครูสุทธิธรรมรังสี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท) ๓๗๔ 7 ๑๗. หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ๓๗๕ 7 ๑๘. พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร ๓๗๖ 7 ครูบ�าอาจารย์ที่เคยร� ่ว� ม�ออกธุดงค์และจำพ�รรษา ๓๗๗ สงเคราะห์โลก ช่วยชาติ ๓๘๒ 7 บูชาพระคุณพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๓๘๓ 7 ส ��าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จไปร่วมพิธีมอบทองคำ ครั้งที่ ๑๔ ๓๘๔ 7 หลวงปู่ลี กุสลธโร มอบทองคำ -เงินไทย-ดอลลาร์ เพื่อเข้าร่วมโครงการช่วยชาติ ๓๘๕ 7 หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นประธานกรรมการบริหารกองทุนสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ ๓๙๔ 7 หลวงปู่ลี กุสลธโร กราบเยี่ยมหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ๓๙๕ 7 พิธีเททองหล่อรูปเหมือนพระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท) ๓๙๖ 7 พิธีวางศิลาฤกษ์โรงพยาบาลอุดรธานี ๑๘ มกราคม ๒๕๕๒ ๓๙๘ 7 พิธีติดรูปเหรียญหลวงตามหาบัว (หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นองค์ประธาน) ๔๐๐ 7 พิธีรับมอบอาคาร ๙๖ ปี (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ๔๐๑ 7 พระเถระที่มาร่วมงาน พิธีรับมอบอาคาร ๙๖ ปี ๔๐๓ 7 ความเมตตาและสงเคราะห์ โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม อ.เมือง จ.อุดรธานี ๔๐๖ 7 เขื่อนลำ ตะคองไม่รั่วแล้ว ๔๐๗ พระบูรพาจารย์ (ประวัติสังเขป) ๓๕๘ 12


13 วัดภูผาแดง ๔๐๘ 7 ประวัติวัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) ๔๐๙ 7 หลวงตามหาบัว ปรารภถึงวัดภูผาแดง, หลวงปู่ลี กุสลธโร, หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต ๔๑๐ 7 ผาแดง ๔๑๔ 7 ถ ้ำย่างไก่(ถ้ำ จัน) ๔๑๕ 7 พรานป้อ ๔๑๖ 7 ถ ้ำ นกยูง ๔๑๘ 7 สวนอาสน์ ๔๑๙ 7 วัดเก่า ๔๒๐ 7 ถ ้ำ ขาม-ผาแดง ๔๒๑ 7 วัดภูผาแดง เป็นวัดทองคำ (โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ๔๒๒ 7 กฎระเบียบของวัดภูผาแดง ๔๒๔ 7 ธรรมปฏิสันถาร ๔๒๕ 7 การใช้สอยปัจจัยสี่ ๔๒๕ 7 ปฏิปทาด้านข้อวัตร ๔๒๖ 7 ตราตั้งเจ้าอาวาส ๔๒๘ 7 ประวัติย่อพระอาจารย์วันชัย วิจิตโต ๔๓๐ 7 หนังสืออนุญาตให้สร้างวัด ๔๓๑ 7 ตราตั้งวัดหนองสวรรค์ ๔๓๒ 7 ประกาศเขตพระราชทานวิสุงคามสีมา ๔๓๓ พุทธมหาเจดีย์ ๔๓๔ 7 เจดีย์ที่น่ากราบไหว้ ๔๓๕ 7 ใจนี่แลเป็นผู้ทรงบุญทรงกุศล ๔๓๖ 7 พิธีวางศิลาฤกษ์พุทธมหาเจดีย์และพิธีเททองหล่อรูปเหมือนบูรพาจารย์ ๔๓๗ 7 บรรยากาศ ความสามัคคีของลูกศิษย์มาร่วมช่วยสร้างพระเจดีย์ ๔๓๙ พินัยกรรมหลวงปู่ลี 7 พินัยกรรมฉบับที่ ๑ ๔๔๑ 7 พินัยกรรมฉบับที่ ๒ ๔๔๒ 7 หลวงปู่เซ็นพินัยกรรม ๔๔๓ 7 เลขที่บัญชีร่วมสร้างพุทธมหาเจดีย์ (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ๔๔๔ 7 อานิสงส์ในการสร้างพระเจดีย์ ๔๔๕ 7 แผนที่ทางไปวัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) ๔๔๖ 7 รายละเอียดหนังสือ ๙๐ ปี เศรษฐีธรรม ๔๔๗ 7 ข้อมูลทางบรรณานุกรม ๔๔๘


พระประธานวัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี


อสฺสทฺโธ อกตฺู จ สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร หตาวกาโส วนฺตาโส ส เว อุตฺตมโปริโส นรชนใด ไม่เชื่อ (ตามเขาว่า) รู้จักพระนิพพาน อันอะไรๆ ทำ ไม่ได้ ตัดเงื่อนต่อได้ มีโอกาสอันขจัดแล้ว และคลายความหวังแล้ว ผู้นั้นแล เป็นบุรุษสูงสุด (พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๘. อสตฺจ สตฺจ ตฺวา ธมฺมํ อชฺฌตฺต ํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก เทวมนุสฺเสหิ จ ปูชิโต โย โส สงฺคชาลมติจฺจ โส มุนิ ผู้ใดรู้ธรรมของอสัตบุรุษและของสัตบุรุษ ทั้งภายในทั้งภายนอก มีเทวดาและมนุษย์บูชาในโลกทั้งปวง ผู้นั้นจึงล่วงข่ายคือเครื่องข้องได้ และเป็นมุนี (พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๔๓๒. ขุ. มหา. ๒๙/๔๐๖ พระพุทธพจน์


พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร


“ ...หลวงปู่มั่นก็เหมือนกันท่านปรารถนาเป็นพุทธภูมิ เลยพอมาชาตินี้มยปัญญา ท่านเกิด ระลึกชาติได้ว่าท่านเคยเกิดเป็นสุนัขถึงหมื่นชาติ เลยเกิดความสลดสังเวชขึ้น เลยโกรธว่า จะเอาตัวเองให้รอด จึงทำ ให้บุญบารมีในอดีตชาติที่บำเพ็ญมาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้านั้น ได้มาประมวลรวมลงมาในชาตินี้เลย เพราะท่านจะไม่เอาอีกต่อไปแล้ว จึงทำ ให้ท่านเร็วนะ เรื่องความแตกฉานในอรรถในธรรม เพราะท่านเกิดความสลดสังเวชมากนะ ” (โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร ๓ สิงหาคม ๒๕๓๘ สะสมบ่มอินทรีย์ไปเรื่อยๆ) “ ...มันจะเกิดขึ้นเองมันจะปรากฏเอง อย่างหลวงปู่มั่นนั้นท่านมีพระอรหันต์มาสอนนะ ถ้าภาวนาถึงขั้นภาวนามยปัญญาแล้ว ถ้าเกิดติดขัดตรงไหนจะมีผู้ที่มาแก้ปัญหาให้ เพราะคลื่นจิตมันตรงกันนะ สำ คัญคลื่นจิต มันสำ คัญตัวนี้แหละ ฝึกเข้าไปหัดเข้าไป มันจะเห็นไปเองหรอก แต่ถ้ากินกับนอนมันไม่เห็นอะไรนะ สักหน่อยก็กล่าวตู่ศาสนาว่า ไม่จริงเท่านั้นแหละ ” (โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร เทศน์ในพรรษาปี ๒๕๔๑ โทษแต่ศาสนาไม่จริงใจตัวเองมันไม่จริง) “ หลวงปู่มั่นท่านสอนท่านให้บริกรรมพุทโธ แม้จะได้เรียนมาถึง ๕ ประโยค ก็ต้องได้มา เรียนพุทโธกับท่าน บางองค์ต้องเรียนถึง ๑ ปี ๖ เดือนก็มี บางองค์ ๒ ปีก็มี พอมันอยู่กับพุทโธเท่านั้นแหละมันจะเกิดหรอก ธรรมจะเกิดถ้ามันสงบ ” (โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๘ เห็นธรรมด้วยสัญญา หรือด้วยปัญญา) “ ครูบาอาจารย์อย่างหลวงปู่มั่นนี้ ท่านได้บำเพ็ญเพียรจนสลบถึงสามครั้งนะ คิดดู ไม่ใช่ของง่ายนะ ท่านทำ ความพากความเพียร ” (ภาวนาสู้กิเลส)


พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี


คืนแห่ง..ความสำ เร็จ วาระสุดท้ายในช่วงออกปฏิบัติธรรม องค์ท่านได้มุ่งสู่วัดดอยธรรมเจดีย์ อำ เภอ โคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เป็นช่วงพรรษาที่ ๑๕-๑๖ ของท่าน บนหลังเขาลูกนี้เอง ในคืนเดือน ดับ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ (ตรงกับวันจันทร์ที่๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓) เวลา ๕ ทุ่มตรง คืนแห่งความสำ เร็จ ระหว่างกิเลสกับธรรมอัศจรรย์ภายในใจของท่านจึงตัดสินกัน ลงได้ ด้วยความประจักษ์ใจ หายสงสัยทุกสิ่งทุกอย่างเรื่องภพชาติ เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย กิเลสตัณหา อาสวะทุกประเภทได้ขาดกระเด็นออกไปจากใจในคืนวันนี้เอง “ ...พ่อแม่ครูจารย์เหมือนกัน ไปกับท่านสององค์ พอดีเห็นท่านฉันจังหันแล้ว วันนั้นท่านก็เข้านั่งที่เลยทันที เอามุ้งลงที่ท่านอยู่ มันไม่มีฝาผนังนะอยู่ห่าง ท่านนั่งอยู่นั้นจนกวาดตาด กวาดตาดก็บ่ายสามบ่ายสี่นู้น กวาดตาดออกมาถึงพบท่านเดินอยู่ ฉันจังหันแล้วก็เข้าที่ พอกวาดตาดถึงออกมา ทำ อยู่อย่างนั้น ทำ ถึงขนาดนั้น ต้องมีต้องรู้อะไรล่ะ” (โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๓๘ แก้อารมณ์จากใจ) “...พ่อแม่ครูจารย์ท่านถึงได้จัดหาสถานที่ให้ไปภาวนาที่ภูหลวง ให้พระขึ้นไปเปลี่ยนกันภาวนา บนภูหลวง ให้ช้างให้เสือทรมานช่วย ถ้านั่งภาวนา กำ หนดจิตเข้าจริงๆ แล้วก็ดูเหมือนว่า ไม่มีลมหายใจของเราเข้าออกเลย แต่เราก็ไม่ตายนะ” (โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร กรกฎาคม ๒๕๓๘ ให้ฝึกความสงบ) “...พ่อแม่ครูจารย์พูดอะไรมา เราก็จับเอาใจความไปพิจารณา เอาไปปฏิบัติทันที เพราะความตายไม่รู้มันจะมาถึงเราวันไหนนะ นั่งก็ตายนอนก็ตาย พิจารณาอยู่อย่างนั้นแหละ ให้มันคุ้นเคยกับความตาย” (โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๘ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด) “...พ่อแม่ครูจารย์ท่านเทศน์มีแต่เด็ดๆ นะ เอาไปปฏิบัติได้เลย ถ้าเราเอาไปใคร่ครวญเอาไปเป็นคติตัวอย่าง เอาไปเป็นความพากความเพียร แต่ถ้าฟังแล้วไม่เอาไปพิจารณา ไม่เอาไปกำ กับจิตใจตัวเอง มันก็ไม่เกิดผลนะ” (โอวาทธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๘ (ค่ำ ) มีแต่ความจำ ความจริงไม่มี)


หลวงปู่มหาจันทร์ สิริจันโท หลวงปู่มหาอ้วน ติสฺโส หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่มหาจูม พันธุโล หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม หลวงปู่กินรี จันทิโย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่มหาจันทร์ เขมิโย หลวงปู่มี ญาณมุนี หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล หลวงปู่มหาพิมพ์ ธัมมธโร หลวงปู่ดูลย์ อตุโล


หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ท่านพ่อลี ธัมมธโร หลวงปู่ดี ฉันโน หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่สาม อกิญจโน หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ หลวงปู่เกิ่ง อธิมุตฺตโก หลวงปู่สีลา อิสฺสโร หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่มหาจันทร์ศรี จันททีโป หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ท่านพ่อลี ธัมมธโร หลวงปู่ดี ฉันโน หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม


หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท หลวงปู่ศรี มหาวีโร หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ หลวงปู่ผาง ปริปุณโณ หลวงปู่เพียร วิริโย หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต หลวงปู่บัว สิริปุณโณ หลวงปู่ชา สุภัทโท หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร หลวงปู่หล้า เขมปัตโต


หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต หลวงปู่ลี กุสลธโร หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม หลวงพ่อบุญจันทร์ กตปุญโญ หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ หลวงพ่อคูณ สุเมโธ หลวงปู่ปรีดา ฉันทกโร หลวงปู่อว้าน เขมโก หลวงพ่อนิพนธ์ อภิปสันโน หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร หลวงปู่แบน ธนากโร หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร


อริยสาวก พระสุปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติดี อุชุปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติตรง ญายปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม สามีจิปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติชอบ อาหุเนยโย ท่านเป็นผู้ควรสักการะ ที่เขานำมาบูชา ปาหุเนยโย ท่านเป็นผู้ควรของต้อนรับ ทักขิเนยโย ท่านเป็นผู้ควรทักษิณาทาน อัญชะลีกะระณีโย ท่านเป็นผู้ควรอัญชลีกรรม อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ ท่านเป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาอื่นยิ่งกว่า ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิฯ ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้นด้วยเศียรเกล้า (ทานจึงเป็น ่ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มพีระภาคเจ้า ทีน่าเคาร่ พ บูชา สักการะ กราบไหว้ได้อยางสนิทใจ) ่ สังโฆ สุเขตตาภะยะติเขตตะสัญญิโต พระสงฆ์เป็นนาบุญอันยิงใหญ ่ กว่านา่ บุญอันดีทั้งหลาย โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก เป็นผู้เห็นพระนิพพาน ตรัสรู้ตามพระสุคตหมู่ใด โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส เป็นผู้ละกิเลสเครืองโลเล เป็น ่ พระอริยเจ้า มีปัญญาดี วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ


ที่มาของชื่อ หลวงปู่ลี กุสลธโร พระอริยสาวกผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม “เศรษฐีธรรม” คำ นี้ ศิษยานุศิษย์ เป็นคำ ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านเคยปรารภให้ลูกศิษย์ฟังหลายครั้งหลายหนถึง หลวงปู่ลี กุสลธโร ว่า เป็นพระเศรษฐีธรรมองค์หนึ่ง อยู่แบบเงียบๆ มานาน เป็นพระที่ติดตามอุปัฏฐากใกล้ชิดกับ องค์หลวงตามหาบัวมานานมาก ด้วยคำ พูดนี้จึงได้เป็นที่รู้จักกันดีในเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วไป


พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้กล่าวยกย่อง หลวงปู่ลี กุสลธโร ในหลายวาระและโอกาสต่างๆ “ธรรมลีนี้เป็นเศรษฐีธรรมองค์หนึ่งนะ พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้นะ เนี่ยทรงครองเศรษฐีธรรม ไว้อย่างเงียบๆ นะ นี่พระองค์นี้ลูกศิษย์ของเรา เราบวชให้ติดตามเราตั้งแต่วันเผาศพพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น นั่นละเป็นวันบวชธรรมลีนี้นี่นะ บวชแล้วติดสอยห้อยตามเรา เราไปที่ไหนติดตามเราเหมือนปลิงเกาะนะ องค์นี้ล่ะองค์เกาะที่สุดเลยเกาะเรา แล้วท่านก็สมมักสมหมายท่าน อยู่กับเราตลอดมาเลยนะองค์นี้ นี้ท่านก็ครองธรรม เศรษฐีธรรมภายในใจอย่างลึกลับ กิริยาท่าทางจริตนิสัยนั้นเป็นตามนิสัยวาสนาของ ใครของเรา แต่เรื่องธรรมนั้นเต็มหัวใจแล้ว ว่าอย่างนั้นเลยนะ ท่านไม่มีอะไรอีกแล้ว นี่ล่ะธรรม พระพุทธเจ้าเห็นไหม ผู้ปฏิบัติตามเห็นอยู่อย่างนี้ รู้อยู่อย่างนี้ สดๆ ร้อนๆ อยู่อย่างนี้” (โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๑) (คณะศิษย์ได้พยายามรวบรวมเรียบเรียงจากกัณฑ์เทศน์ต่างๆ ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ปรารภ ถึงหลวงปู่ลี กุสลธโร และสภาพบรรยากาศภายในวัด ภูผาแดง เพื่อจะได้เป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นนั่น ย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ อันแน่นแฟ้นของสองพระอริยสงฆ์ จะเป็นทิฏฐานุคติอันดีงามแก่บรรดาสาธุชนตลอดไป) 26


27 หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


ธรรมลีเก่งอยู่นะ อย่างนี้มาเรื่อยๆ ธรรมลีมา เรื่อยๆ สมเหตุสมผลที่เกาะเราเหมือนปลิงติดฝานั่นน่ะ ดึงไม่ออก เราไปไหนดึงไม่ออก ขโมยไปขโมยตาม ธรรมลีนี้ พอดีไปถึงบ้านชะโนดดง ป่าเหมาะสม แต่เป็นป่าช้าทั้งหมดเลย เราเข้าไปอยู่ในกลางป่าช้าเลยละ เข้าไปอยู่ตรงกลางป่าช้าเลย ไล่ธรรมลีออกไปอยู่ริมๆ ทุ่งนานู้น จะดลบันดาลอะไรไม่ ทราบ ถ้าทราบว่าธรรมลีกลัวผี แล้วเราจะไล่เข้าไปอยู่กลาง ป่าช้า เราจะออกไปอยู่ริม ทุ่งนา พอกลางคืนขโมยหนีเลย เพราะธรรมลีติดตลอด แต่นี้บันดลบันดาลเราเลยเข้าไปอยู่ในกลางป่าช้า ไล่ธรรมลีไปอยู่ริมทุ่งนา มา โอ๋ย บุญช่วยเหลือเกิน ว่าบุญช่วยเหลือเกิน ตัวสั่นเลยว่าอย่างนั้น ท่านจะให้ไปอยู่ อย่างไรนา เข้าไปอยู่ในป่าช้าบ้านชะโนดดง ไปอยู่นานอยู่นะ สบาย เราเลยเข้าไปอยู่ในกลางป่าช้าคนเดียว ไล่ธรรมลีไป อยู่ริมทุ่งนานู่น เพราะเราไปคนเดียว ธรรมลีติดตามสลัด ไม่ออก เหมือนปลิงยังบอกนั่นละ เข้าไปอยู่ในกลางป่าช้าเรา เศรษฐีธรรมนะนั่นธรรมลี เราพูดเป็นครั้งๆ คราวๆ เศรษฐีธรรม เป็นมานานแล้วนะ ตั้งแต่เราอยู่ห้วยทราย เศรษฐีธรรม สมเหตุสมผลกับติดตามเรา (โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ไปที่ไหนมีความเมตตาทั้งนั้น) ภาพถ่าย ณ งานพิธีมอบทองคำ เข้าคลังหลวง ครั้งที่ ๑๕ ภาพถ่าย ณ วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน ภาพถ่าย ณ ลานพุทธมณฑล จ.นครปฐม 28


29 “ธรรมลีเกาะเราเหมือนปลิง ปลิงเกาะดึงไม่ออกเลย ธรรมลี ไปดักข้างหน้า เราไม่ให้ใคร ไปด้วย เวลาเราจะไปแล้วขโมยดัก ไม่ใช่เล่นนะธรรมลี พอบวชแล้วติดเราเลย บวชวันเผาศพ หลวงปู่มั่นที่วัดสุทธาวาส วันถวายเพลิงหลวงปู่มั่นบวชพระเยอะ บวชในวันนั้นเยอะ ธรรมลีบวช ทีนี้ พอบวชเสร็จแล้วเราหลบไปเลย กลัวใครจะตามทัน หาหลีกไป ธรรมลีก็หลีกตามเอา จนไปอยู่ด้วย ไปไหนติดไปเลยๆ” (โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ คำ สอนของพระพุทธเจ้าให้จดจำ ลึกๆ) “ธรรมลีนี่เศรษฐีธรรมนะ เก็บอยู่เงียบๆ ออกมาจึงจะรู้ ออกมาจากเศรษฐีธรรม ธรรมพอ ในใจแล้วอันนี้ออกช่วยโลก เราจึงเรียกว่า เศรษฐีธรรม” (โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ เพราะความเสียสละนั่นเอง) “นี่ของธรรมลีนะนี่ ที่พูดผาแดงตะกี้นี้ ธรรมลีนี้เป็นเศรษฐีธรรมแบบเงียบๆ นะ หลวงตา นะเปิดประตูอันนี้ออกมาไม่มีใครเปิด ธรรมลีนี้เป็นเศรษฐีธรรมมานานนะ ติดสอยห้อยตามเรา ตั้งแต่บวช พอบวชเสร็จติดเราไปเรื่อยเลย ไปที่ไหนติดสอยห้อยตามตลอดคือ ธรรมลีนี้ มาอยู่ที่ นี่ก็มาด้วย ไปไหนติดไปเรื่อยเลย ออกจากนี้ก็ไปอยู่ผาแดงนี่เอาของมาถวาย นี่ละเรียกว่า เศรษฐีธรรมองค์หนึ่ง เศรษฐีธรรมพอแล้ว เต็มเหนี่ยวแล้ว” (โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๒๖ กันยายน ๒๕๔๗ ผู้ทรงมรรคทรงผลอยู่ในแดนพุทธศาสนา) หลวงปู่ลี ติดตามองงค์หลวงตามหาบัวไปในงานนิมนต์ ภาพถ่าย ณ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ณ วัดรังสีปาลิวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธ์ุ ๔ ก.พ. ๒๕๕๐


ธรรมลีนี้เอาของมาปัจจัยเอามาเรื่อยๆ ไม่ว่าองค์ไหนละอยู่แถวนั้นเอามาเรื่อยๆ นะ แถวนาคูณ หนองกอง ผาแดง มาทั้งนั้นละ เมื่อเร็วๆ นี้ท่านเพียรก็มา ท่านป่วย มานี่ถวายเช็คเท่าไร เป็นล้านบาทนู้นน่ะ เมื่อสองสามวันนี้ ท่านเพียรมาจากหนองกอง ท่านเหล่านี้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งนั้น เป็นลูกศิษย์เรามาตั้งแต่ต้นเลย ที่ออกไปนี้ ถูกเราขับไล่ออก ไปนะ นี่ตั้งแต่วันเกิด จนกระทั่งถึงป่านนี้ ตามธรรมดาเป็นพ่อตาแม่ยายเขาได้แล้ว มันขนาดนั้นละ นี่ยังมาเป็นลูกเขยใหม่มันอย่างไรนี่ ไป ไล่ไป องค์ นั้นไปอยู่นั้น องค์นี้ไปอยู่นี้ ท่านเพียรไปหนองกอง ท่านบุญมีไปอยู่นาคูณ ธรรมลีไปอยู่ผาแดง อันนี้ไล่ไม่ค่อยไปนะ ไล่ทางนี้ หลบมาทางนี้ ไล่ทางนี้หลบมาทางนี้นะ ธรรมลีอยู่ กับเรามาดั้งเดิม ....พวกนี้เป็นลูกศิษย์เรามาดั้งเดิมนะนี่ ตั้งแต่ บวชใหม่ๆ ท่านบุญมี ท่านเพียร ธรรมลี ธรรมลีบวช วันเผาศพหลวงปู่มั่น เราจำ ได้อยู่ บวชวันนั้นละวัน เผาศพ พอบวชแล้ว ติดตามเราไปเลย นี่ละเหนียว ที่สุด ถ้าเป็นปลิง ดึงไม่ออกนะ โห ของเล่นเมื่อไรน่ะ เหนียวมากนะ เพราะนิสัยเราชอบไปคนเดียว แต่ ไหนแต่ไรมาไปคนเดียว พอศพหลวงปู่มั่น เสร็จแล้ว จะไปคนเดียวไม่ได้ รุมๆ (คง ไม่กลัวผีแล้วครับ) ธรรมลีกลัวผี ไปพัก อยู่ที่มันจนตรอกจริงๆ คือที่นั่นมันเหมาะมาก พักอยู่ ทางชะโนดดง ทางนู้น อยู่ป่าลึกๆ เป็นป่าช้าเขาที่ นั่น เหมาะ ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเลย เราไปหาเรื่องอยู่ เอาที่นั่น ไล่ธรรมลีไปอยู่นู้นปากทางเข้ามาริมทุ่งนา เราเข้าไปอยู่ในป่าช้าเลยคนเดียว สบายเลยตลอด จนกระทั่งวันจากมา โอ๊ย ธรรมลีมาระบายให้ หมู่เพื่อนฟัง รอดตายมานี่ พอดีบุญช่วย ว่าบุญช่วย ท่านไล่เราให้อยู่ริมทุ่งนา ทุ่งร้างละไม่ได้ทำ นา ท่านไล่เราอยู่ที่นู่น ท่านไปอยู่ในนู้นลึกๆ คนเดียว ถ้าท่านไล่เราไปนั้น เราตายเลย ว่าอย่างนั้นนะ นี่พอดี ท่านเข้าไปเอง ไล่เราอยู่ริม เราก็เลยอยู่สบาย ธรรมลีกลัวผี ถ้าเรารู้ว่ากลัวผี เราจะไล่เข้าไปหาป่าผี (โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๒ จิตที่อิ่มธรรม) 30


31 พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เมตตามาเยี่ยมหลวงปู่ลี ณ วัดภูผาแดง เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ นับว่าเป็นมหามงคลอย่างยิ่งแก่สถานที่ และเหล่าศิษยานุศิษย์ทุกคน ที่ได้รับเมตตาธรรมจากองค์หลวงตามาโดยตลอด (ภาพนี้หลวงปู่ลี นั่งรอต้อนรับองค์หลวงตา อยู่ที่โรงน้ำ ร้อนวัดภูผาแดง)


พระเถระ รูปใด ใฝ่พ้นทุกข์ เพื่อหวังสุข ปรีด์เปรม เกษมสันต์ ปลอดกามา อามิส นิจนิรันดร์ เพียรมุ่งมั่น ตามรอยบาท พระศาสดา หลวงปู่ลี กุสลธโร เถโรมั่น รูปนี้นั้น ฟุ้งเฟื่อง เรื่องทิศา ประชาชน เชิดชู น้อมบูชา เป็นเนื้อนา บุญเขต พิเศษจริง ผู้หวังบุญ ได้บุญ สุนทรภาค บริจาค ได้กุศล ผลใหญ่ยิ่ง เป็นพระสงฆ์ ผู้เป็นหลัก ได้พักพิง สมเป็นมิ่ง ขวัญประชา มาเนิ่นนาน มงคลวาร ผ่านบรรจบ ครบเก้าสิบ บารมี ขจรไกล แผ่ไพศาล จงยืนยง ถึงฝั่ง จีรังกาล อภิบาล สานุศิษย์ เป็นนิตย์เทอญ ประพันธ์โดย ศิษยานุศิษย์ กุสลธโรเถโรบูชา 32


33


หลวงปู่ลี กุสลธโร ท่านได้อุปสมบทในวันประชุมเพลิงศพหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากนั้นต่อ มาท่านก็ได้ขอติดสอยห้อยตามองค์หลวงตามหาบัวตลอดมา แม้ว่าองค์หลวงตาจะออกเที่ยวธุดงค์ปลีก วิเวกไปทางไหน หรือจะดุจะว่าจะไล่ให้หนีไปอย่างไรก็ตาม หลวงปู่ลี ท่านก็อดทนและขอติดตามไป ทุกหนทุกแห่ง ไม่เลิกไม่ลาไม่ท้อถอย เพื่อหวังให้ท่านเมตตาช่วยอบรมสั่งสอนอุบายในการปฏิบัติธรรม ต่างๆ จนในที่สุด องค์หลวงตาก็ยอมรับเป็นศิษย์ นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นต้นมา หลวงปู่ลี เคยจำ พรรษากับองค์หลวงตาที่บ้านห้วยทราย ที่จันทบุรีและวัดป่าบ้านตาด ท่านมีอุปนิสัยพูดแต่น้อย รักการอยู่ป่าตลอดมา ไม่ติดสถานที่ แต่เมื่อท่านมีอายุมากเข้า ประจวบกับพระเณร มาขอศึกษากับ ท่านมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านจึงยอมอยู่เป็นที่เป็นฐานแน่นอน ชีวประวัติหลวงปู่ลีกุสลธโร วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) อำ เภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่ลี กุสลธโร (ในสมัยอดีต) 34


35 พระอริยสาวกผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม พระเดชพระคุณหลวงปู่ลี กุสลธโร พระอริยสาวกแห่งภูผาแดง เป็นหนึ่งในศิษย์พระกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดองค์หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่มีอุปนิสัย เป็นปัจเจกกะ มีกิริยาที่น่ารัก จงรักภักดีต่อครูบาอาจารย์อย่างหาที่ติมิได้ ท่านพูดเพียงพอดี ไม่มาก ไม่น้อย รักสงบ สมถสม่ำ เสมอ ยินดีในธุดงควัตร มีเมตตาเป็นสาธารณะ ไม่ระย่อในการปราบกิเลส ท่านได้แสวงหาสถานที่เที่ยววิเวกด้วยการออกเที่ยวธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ มากมาย เช่น ภูวัว ถ้ำ จันทร์ จังหวัดบึงกาฬ ตามป่าเขาลำ เนาไพรในเขตสกลนคร และเขตจังหวัดเลย เช่น ภูหลวง ภูเรือ ภูผาสาด เป็นต้น ท่านสามารถภาวนาพิจารณาอสุภะและสุภะกรรมฐาน ตั้งเป็นภาพปฏิภาคนิมิตขึ้นแล้ว เพ่งกระแสจิต ทำ ลายเผาผลาญกิเลสได้ ตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส เมื่อบวชได้เพียง ๑๑ วัน ท่านตั้งใจภาวนาไม่ลดละความพากเพียร ได้นิมิตว่า ตนเองเดินทาง เข้าไปในป่ากว้าง ผ่านห้วยหนองคลองบึง มีขอนไม้ชาติยาวใหญ่ดำ สุดสายตา จึงเดินปีนขึ้นไปไต่ตาม ขอนนั้นไปเรื่อยๆ พอสุดปลายขอนไม้ชาตินั้น พลันเจอป่าอันรกชัฎ มีขวากหนามรกรุงรัง จะหันหลัง กลับก็ไม่ได้ จึงต้องพยายามแหวกคมหนาม มุดมอดบุกผ่าเข้าไป ให้ผ่านป่าอันแสนจะข้ามยากนั้น เมื่อผ่านมาได้ด้วยความยากลำ บาก เจอทุ่งโล่งอันเวิ้งว้าง มีหอพระไตรปิฎกอันวิจิตรตระการตา ตั้งเด่น เป็นสง่าอยู่ จึงก้าวเดินขึ้นไป เห็นห้องหอประตูตู้ กำ ลังจะเดินเข้าไปเปิด แต่ยังไม่ทันได้เปิด แต่ได้เข้าไปถึง จิตก็ถอนออกจากนิมิตนั้น พอสรุปความตามนิมิตขององค์ท่าน ดังนี้ คำ ว่า ไปจนสุดปลายขอนชาติ นั้นหมายถึงชาตินี้เป็นปลายชาติ คือ ชาติสุดท้าย คำ ว่า ป่ารกและขวากหนาม นั้นหมายถึงท่านต้องฟันฝ่าและต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นอย่าง มากจึงจะถึงวิมุตติ คำ ว่า พบทุ่งโล่ง นั้น หมายถึง เมื่อข้ามทางอันแสนทรหดและกันดารมาได้ ถึงความเป็น ผู้สบายกายใจ โล่งจากกิเลสตัณหา ไม่มีเสี้ยนหนามคือกิเลสตัณหาใดเข้ามาทิ่มแทงได้ ต้นตระกูลของบรรพบุรุษ ต้นตระกูลของคุณตาและคุณยายเป็นคนเมืองเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อครั้งเกิดข้าศึกสงคราม สมัยมีการปราบจีนฮ่อ บรรพบุรุษได้เคยเอาสมบัติฝังเอาไว้ใต้ต้นขนุน และต้นมะขามใหญ่ แต่ด้วยความไม่สะดวกหลายๆ อย่าง จึงไม่สามารถขนเอาสมบัติอันมหาศาลนั้นมา ที่ประเทศไทยด้วย จากนั้นจึงได้ตัดสินใจอพยพย้ายภูมิลำ เนามาตั้งรกรากทำ มาหากินอยู่ที่ อำ เภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ พอหลวงปู่เกิดได้สักระยะหนึ่ง โยมบิดาและมารดาได้พาอพยพย้ายถิ่นฐานมาที่อำ เภอ ด่านซ้าย จังหวัดเลย


คำ ว่า เห็นตู้พระไตรปิฎก นั้น หมายความว่า เห็นธรรมที่สัมผัสด้วยใจ ทั้งพระอภิธรรม พระสูตร และพระวินัย คำ ว่า เข้าถึงแต่ไม่ได้เปิดดู นั้น หมายความว่าถึงธรรมแล้ว แต่ไม่เก่งในเทศนาโวหารในการสอนคน แม้อายุพรรษามากท่านมักวางตนเป็นเสมือนผู้น้อย มักติดตามหลวงตามหาบัวไปตามสถานที่ ต่างๆ เสมือนเณรน้อยๆ ท่านเป็นศิษย์ที่ซื่อสัตย์ เคารพยำ เกรงและปฏิบัติตามคำ สอนครูบาอาจารย์ อย่างหาที่ติมิได้ ท่านได้รับการยกย่องจากหลวงตามหาบัวว่าเป็นเศรษฐีธรรม และองค์หลวงตามัก เรียกนามท่านสั้นๆว่า ธรรมลี อดีตชาติ ท่านเล่าว่า อดีตชาติท่านเกิดเป็นสุนัขรับใช้องค์หลวงตามาหลายภพชาติ แม้ในภพชาติที่เป็น สุนัขนั้น หลวงตาก็ได้เมตตาอบรมสั่งสอน ดัดนิสัยจนเป็นสุนัขที่มีนิสัยดี ไม่เกเร นอกจากนั้น ท่านยังเคยเกิดเป็นช้าง ท่านระลึกชาติในภพที่เกิดเป็นช้างว่า ท่านเป็นช้างชื่อว่า คำ บ่อ เจ้าของช้างชื่อ พ่อส่วน เขามีลูกสาว ๒ คน ชื่ออีหวัน และอีพัน ถูกเขาใช้ลากซุงเสมอ ส่วนนายควาญช้างชื่อว่า บักคำ ต้น ท่านระลึกย้อนในภพชาติหลังๆ ของท่านมักเกี่ยวข้องกับองค์หลวงตามหาบัวเสมอ อดีตสะท้อน ปัจจุบันเป็นที่อัศจรรย์เสมอในบุญบารมี ใครจะคาดคิดได้ว่า พระเถระผู้ทรงคุณธรรมอยู่ในป่าเขา ลำ เนาไพร ไม่ค่อยเทศนาว่าการ ต้อนรับแขกผู้มาเยือนเช่นท่าน จะสามารถหาทองคำ เพื่อเข้าโครงการ ช่วยชาติกับพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัวได้ถึง ๕๐๐ กว่ากิโลกรัม คิดเป็นเงินนั้นเป็นจำ นวน มหาศาลทีเดียว จบพรหมจรรย์ พบวิมุตติสุข ท่านสิ้นกิเลสกลางพรรษาที่ ๑๑ ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เวลา ๐๒.๐๐ น. (ตีสอง) ตรง กับวันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน ปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ ที่วัดบ้านกกกอก อำ เภอวังสะพุง จังหวัดเลย ...คืนนั้นฝนตกทั้งคืน ท่านเพลิดเพลินในการภาวนา ธรรม คือ สติ สมาธิ และปัญญา หลั่งไหล เหมือนสายน้ำ จิตเต็มอิ่มในธรรม เดินจงกรมคล้ายกับว่าเท้าไม่ได้เหยียบพื้นดิน นั่งภาวนา คล้ายกับว่าตัวลอยอยู่เหนือพื้น ทำ สมาธิทั้งคืนไม่นอน ไม่พักผ่อน ในขณะที่พิจารณาเข้าด้ายเข้าเข็ม ธรรมขั้นสุดท้าย ภพภูมิพญานาคราชเขาดีใจ เสียงเทวดาไชโยโห่ร้องก้องทิวเขาพนาร่วมอนุโมทนาว่า ศิษย์ของพระตถาคตเจ้าได้ผ่านไปอีกองค์หนึ่งแล้ว เสียงฆ้องทิพย์ดังกระหึ่มมาเป็นระยะๆ สลับกับเสียง เทวดาไชโยแว่วมาแต่ไกล เสียงสาธุการปานว่าโลกธาตุทั้งมวลหวั่นไหว ปรากฏว่าภูเขาบริเวณนั้นขาด ออกจากกัน น้ำ ตาร่วงอัศจรรย์เกินที่จำ มาเล่าได้ คืนนั้นเสวยวิมุตติสุขสุดที่จะพรรณนา ต่อมาภายหลัง ท่านได้นำ เรื่องธรรมอัศจรรย์ที่ได้รู้ไปกราบเรียนถวายพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 36


37 ชาติภูมิ หลวงปู่ลี กุสลธโร ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีจอ ที่อำ เภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ในระยะต่อมาบิดามารดาของท่าน จึงได้พาย้าย ถิ่นฐานมาอยู่ที่ อำ เภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นบุตรของนายอู๊ด ทองคำ ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตีทอง และนางโพธิ์ ชาลีเชียงพิณ ท่านมีพี่น้องรวมกัน ๙ คน ดังนี้ คนที่ ๑. นางวันดี เพ็งลี (ชาลีเชียงพิณ) คนที่ ๒. หลวงปู่มี ปมุตโต (วัดดอยเทพนิมิต (ถ้ำ เกีย) อำ เภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี) คนที่ ๓. หลวงปู่ลี กุสลธโร คนที่ ๔, ๕, ๖, ๗,๘ ไม่ทราบนาม คนที่ ๙. นางบุญก่อง ศรีบุญเรือง (พี่น้องต่างบิดา) ต่อมาโยมมารดาได้อย่าร้างกับนายอู๊ด ทองคำ แล้วได้พาบุตรย้ายถิ่นฐาน อพยพเดินทางมาอยู่ ที่บ้านน้ำ พ่น ตำ บลน้ำ พ่น อำ เภอหนองวัวซอ พออยู่ได้ระยะหนึ่งจึงได้ย้ายมาตั้งรกราก ลงหลักปักฐาน ใช้ชีวิตครอบครัวทำ มาหากิน ยึดอาชีพเกษตรกรรม ทำ นา ทำ ไร่ อยู่ที่บ้านหนองบัวบาน ตำ บลหนองบัว บาน อำ เภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ภายหลังโยมมารดาจึงได้แต่งงานกับ นายบุ่น ชาลีเชียงพิณ ชีวิตสมรส ท่านเล่าชีวิตในวัยเด็กว่า สมัยเป็นเด็กพ่อแม่ก็พาทำ บุญเหมือนกับชาวบ้านทั่วๆ ไป อายุได้ ๑๒ปี เรียนจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๓ เมื่ออายุ ๒๐ กว่าปี ได้แต่งงานกับ นางสาวตี ภรรยาตั้งท้องแล้วคลอดลูกออกมาตาย ท่านได้ เกิดความสลดใจยิ่งนัก ท่านเล่าว่า การแต่งงานก็มิได้แต่งกันด้วยความรัก เหตุที่แต่งงานกันเพราะตาม ประเพณีที่ญาติผู้ใหญ่ให้แต่งเท่านั้น ท่านเองไม่เคยมีคนที่รักและไม่เคยรักหญิงใดเลย ท่านใช้ชีวิตร่วม อยู่กินกับภรรยาเป็นเวลาได้ ๒ ปี ๖ เดือน (มีบุตรด้วยกัน แต่เสียชีวิตแต่ยังแรกเกิด) นายบุ่น ชาลีเชียงพิณ นางโพธิ์ ชาลีเชียงพิณ นางบุญก่อง ศรีบุญเรือง


จากนั้นต่อมาจึงขอออกบวช เพราะได้ฟังธรรมจากหลวงปู่เหรียญใหญ่(เป็นคนจังหวัด อุบลราชธานี) ซึ่งท่านเป็นพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่เดินธุดงค์มาพักยังเขตป่าแถว บริเวณหมู่บ้านของท่าน หลวงปู่เหรียญใหญ่องค์นี้จึงเปรียบเสมือนว่าเป็นพระอาจารย์องค์แรกของ หลวงปู่ลี เป็นผู้ชี้ทางสว่างแห่งธรรม นำ พาท่านเข้าสู่วงศ์พระกรรมฐานฝ่ายอรัญญวาสีโดยแท้ ท่านเล่าว่าจิตของท่านถนัดนักในการพิจารณาอสุภะกรรมฐาน พิจารณาเมื่อไหร่ก็ได้เรื่องได้ ราวเมื่อนั้น เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ เป็นอุปนิสัยดั้งเดิมของท่าน (เนื้อความตอนนี้จึงนับว่าเป็นบุญ ญาบารมีขององค์หลวงปู่ ที่ได้สั่งสมมานานหลายภพชาติ) ชีวิตสมณะ การแสวงหาโมกขธรรม และปฏิปทา เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านได้บรรพชาอุปสมบท เมื่ออายุได้ ๒๙ ปี ในวันที่ ๓๐ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เวลา ๑๖.๑๒ น. ที่วัดศรีโพนเมือง ตำ บลในเมือง อำ เภอเมือง จังหวัดสกลนคร หลวงปู่ลี เป็นนาคซ้าย บวชพร้อมกับหลวงปู่บัวคำ มหาวีโร เป็นนาคขวา (อดีตเจ้าอาวาสวัดป่า สัมมานุสรณ์ และเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม) โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายานามว่า “กุสลธโร” แปลว่า “พระผู้ทรงไว้ซึ่งความฉลาด” พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร 38


39 หลวงปู่ลี กุสลธโร (ในสมัยอดีต) (หลวงปู่ลี กุสลธโร ท่านเคยปรารภให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านเกิดวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ ๕ กันยายยน ๒๔๖๕)


41 ประวัติการจำาพรรษา หลังจากเสร็จงานถวายเพลิงศพ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ วัดป่าสุทธาวาส อำาเภอเมือง จังหวัด สกลนคร แล้วก็ได้ขอติดตาม พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ออกธุดงค์เที่ยวจาริก ไปตามป่าเขาลำ เนาไพร เพื่อรับใช้อุปัฏฐาก และบำ เพ็ญสมณธรรมต่อไป หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้กล่าวถึงบรรยากาศและเหตุการณ์ในวันถวายเพลิงศพ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ วัดป่าสุทธาวาส อำ เภอเมือง จังหวัดสกลนคร ไว้ดังนี้ว่า “ วันนั้นเป็นวันเผาศพพ่อแม่ครูจารย์ ธรรมลีบวชวันนั้นล่ะ วันถวายเพลิงพ่อแม่ครูจารย์มั่น บวชในวันนั้นหลายองค์ แต่นอกนั้นยังเหลือหรือไม่เหลือก็จำ ไม่ได้ จำ ได้ธรรมลีองค์เดียวที่บวชในวัน เผาศพหลวงปู่มั่นเรา กับท่านเจ้าคุณอุปัชฌาย์เรานี่ล่ะ บวชในวันนั้นมากนะวันเผาศพพ่อแม่ครูจารย์มั่น บวชวันนั้นหลายองค์ บวชแล้วติดตามเราไปเรื่อย ไม่ยอมปล่อยเลยนะ พอบวชแล้วเราก็ไปเลย แล้วติดตามตลอด “ ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ ประธานจัดงานถวายเพลิงศพท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านพระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้ติดตามท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ จนถึงวันมรณภาพ


ประวัติการจำาพรรษา 42 คณะสงฆ์ที่ไปร่วมงานประชุมเพลิงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร


43 พรรษาที่ ๑ ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ จำ�พรรษาที่วัดป่าทรงคุณ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี อยู่ศึกษาพระธรรมวินัยและการปฏิบัติจิตตภาวนากับหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม และหลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล (สาเหตุที่ไม่ได้จำ พรรษา กับท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน เพราะมีครูบาอาจารย์ได้ให้ คำแนะนำ ท่านว่า ในขณะนั้นเป็นช่วงที่ท่านพระอาจารย์มหาบัว กำ ลัง เร่งความเพียรอย่างมากในด้านจิตตภาวนา ไม่ต้องการให้ใครมาเกี่ยวข้อง เพราะเกรงว่าจะทำ ให้การปฏิบัติธรรมเสียเวลาล่าช้าออกไปอีก และใน ปีนั้นช่วงฤดูแล้งไปถึงเดือนพฤษภาคม องค์ท่านหลวงตาก็ได้ไปปลีกวิเวก ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อำ เภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เป็นสำ นัก ของหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ เพราะเป็นทำ เลที่เหมาะสมอย่างยิ่งในด้าน การปฏิบัติจิตตภาวนา ในที่สุดองค์หลวงตาก็สามารถประหารกิเลสให้ ขาดสะบั้น ทำ ลายอวิชชาจนหมดสิ้น ได้พบธรรมอัศจรรย์ สมความ มุ่งมาดปรารถนา ณ สถานที่แห่งนี้นั่นเอง) หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม พระอาจารย์ฝั้น, พระอาจารย์มหาปิ่น, พระอาจารย์สิงห์ หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล


ประวัติการจำาพรรษา 44 ในการสร้างวัดของท่านพระอาจารย์สิงห์และคณะ บางครั้งก็ถูกขัดขวางจากคนบางกลุ่มซึ่งเต็ม ไปด้วยมิจฉาทิฐิ เช่น เมื่อครั้งไปจัดสร้างวัดป่าทรงคุณ บริเวณป่ามะม่วง จังหวัดปราจีนบุรี มีนักเลงโต ไม่พอใจ จนถึงจ้างคนมาลอบยิงท่านพระอาจารย์สิงห์ซึ่งกำ ลังเดินจงกรมอยู่ในป่าช้า แต่คนที่รับจ้าง มายิง ยกปืนยิงไม่ออก พอจะก้าวเท้าหนี ก็ก้าวไม่ออก ท่านพระอาจารย์สิงห์จึงได้รู้ว่าใครเป็นผู้จ้างวาน ท่านจึงได้อบรมสั่งสอนชี้แนะแนวทางที่ถูกที่ควร แล้วปล่อยตัวมือปืนไป ตอนเช้าท่านได้ออกไปบิณฑบาต ที่บ้านคนที่จ้างมือปืนไปยิงท่าน เมื่อบุคคลทั้งหมดเห็นท่านพระอาจารย์สิงห์ ก็ตกตะลึงยืนนิ่งเป็นใบ้ จนกระทั่งพระอาจารย์มหาปิ่นซึ่งไปด้วย ช่วยบอกท่านพระอาจารย์สิงห์ จึงได้คลายอำ นาจกระแสจิต คนเหล่านั้นต่างก้มกราบและขออภัยจากท่าน เสร็จแล้วทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันสร้างวัดให้ เป็นวัดป่าทรงคุณ ตำ บลดงพระราม อำ เภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี สำ เร็จลุล่วงด้วยดี การสร้างวัดป่าทรงคุณ


45 พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม) ท่านพระอาจารย์สิงห์เมื่อได้เข้ากราบและถวายตัวเป็นลูกศิษย์ เพื่อศึกษาอบรมธรรมจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านได้ ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมิได้หยุดหรือ ท้อถอย และได้ติดตามท่านพระอาจารย์มั่นเดินธุดงค์ปฏิบัติ กรรมฐานไปตามป่าช้า ตามถ้ำ เทือกเขาต่างๆ ไปเรื่อยๆ บำ เพ็ญ เพียรจนเกิดความชำ นาญ รู้วาระจิตตนเองและวาระจิตของ ผู้อื่นด้วย เกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงจนเป็นที่ไว้วางใจของท่าน พระอาจารย์มั่น ให้ทำ การสอนลูกศิษย์พระเณรแทนในบาง โอกาส ท่านพระอาจารย์มั่นได้มอบหมายให้ท่านพระอาจารย์สิงห์ คอยควบคุมดูแลพระเณรในการประพฤติปฏิบัติ นั่งสมาธิและ เดินจงกรมภาวนา ปรากฏว่าท่านไม่ได้เดินตรวจควบคุม แต่อย่างใด เพียงแต่ท่านนั่งทำ สมาธิหลับตากำ หนดตรวจดู แต่ท่านพระอาจารย์สิงห์ก็สามารถทราบ ได้ว่า พระเณรองค์ไหนได้ปฏิบัติอย่างไรบ้าง องค์ใดยืน เดิน นั่ง นอนอย่างไร ตลอดไปถึงความนึกคิด ในวันรุ่งขึ้นท่านสามารถรายงานให้ท่านพระอาจารย์มั่นทราบได้ทุกองค์ และเมื่อสอบถามความจริงจาก พระและเณรทุกองค์ต่างก็ยอมรับว่า เป็นจริงตามที่ท่านพระอาจารย์สิงห์รายงาน จนเป็นที่เคารพ เกรงขามของพระเณรทุกองค์ ไม่กล้ากระทำกิจอันใดที่ผิด เพราะเกรงท่านพระอาจารย์สิงห์จะรู้ จนเป็น ที่ไว้วางใจของท่านพระอาจารย์มั่น ได้มอบหน้าที่ให้เป็นผู้อบรมสั่งสอนพระเณรทั้งหมด วัตร ปฏิปทาของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ตลอดระยะเวลาที่ท่านพระอาจารย์สิงห์เจริญรอยตามปฏิปทาของพระอาจารย์มั่น ท่านได้ปฏิบัติ กิจวัตรประจำ วันไม่ได้ขาด เช่น ตอนเช้า ทำ วัตรสวดมนต์เสร็จ ท่านจะนำ คณะออกบิณฑบาตแผ่บุญกุศลแก่ญาติโยม หลังจากนั้น ท่านจะให้โอวาทอบรมพระภิกษุ สามเณร ปฏิบัติกรรมฐานทุกๆ วันมิให้ขาด ตอนเย็น หลังจากทำ วัตรสวดมนต์เสร็จ ท่านจะแสดงพระธรรมเทศนา และแก้ปัญหาธรรมให้แก่ ลูกศิษย์ที่ติดขัดปัญหาจนเป็นที่เข้าใจ ตอนกลางคืน ท่านจะให้พระภิกษุ สามเณรทุกรูปนั่งสมาธิภาวนา ซึ่งปรากฏว่า ไม่มีใครกล้า หลีกเลี่ยง พอรุ่งเช้า ท่านก็จะเรียกพระภิกษุสามเณรที่ไม่ปฏิบัติกรรมฐาน มาว่ากล่าวตักเตือน ชี้ให้เห็น ถึงความเสียหายต่างๆ จนเป็นที่ยำ เกรงของคณะศิษย์ทุกรูป


ประวัติการจำาพรรษา 46 ท่านพระอาจารย์สิงห์ท่านฉันหนเดียว และฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตรตลอดชีวิต ท่านถือผ้าไตรจีวร สามผืนเป็นวัตร ท่านถือผ้านิสีทนะปูนั่งเป็นวัตร คือ จะนั่ง ณ ที่ใดก็ตาม ท่านต้องปูผ้านิสีทนะของท่าน ก่อนจึงจะนั่งทับลงไป การปฏิบัติต่างๆ ท่านถือเคร่งครัดมาก ด้านการประกอบความเพียร บางครั้งท่านจะเดินจงกรมตลอดวัน นั่งสมาธิตลอดคืน บางทีท่าน จะบอกลูกศิษย์ที่คอยอุปัฏฐาก ว่าท่านจะเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๕ วันบ้าง ๗ วันบ้าง ซึ่งก็หมายความว่า ท่านได้อดอาหารเป็นเวลา ๕ - ๗ วันไปด้วย ร่างกายของท่านก็มิได้มีอะไรผิดปรกติ ยังเห็นท่านปฏิบัติ กรรมฐานเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาอยู่เป็นประจำ มิได้ขาด วิธีปฏิบัติพระไตรสรณคมน์ การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม) วัดป่าสาลวัน อำ เภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ท่านสอนให้ปฏิบัติใจของตนเอง เพราะคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ทั้งสามนี้สำ เร็จ ด้วยใจ ล้วนเป็นคุณสมบัติของใจทั้งนั้น ท่านจึงสอนให้ ปฏิบัติใจของตนเองให้เป็นคนหมั่นคนขยัน ไหว้พระทุกวัน นั่งสมาธิทุกวัน ปฐมํ ยามํ จงฺกามาย นิสชฺชํ อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ เวลาก่อนเข้านอน ตอนหัวค่ำ ให้เดินจงกรม แล้วทำ พิธีไหว้พระ เจริญพรหมวิหาร นั่งสมาธิภาวนา ทำ จิตสงบและตั้งมั่นเป็นสมาธิก่อนเข้านอน อฑฺฒรตฺตํ จงฺกามาย นิสชฺชํ อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธต เวลาเที่ยงคืน นอนตื่นขึ้นเป็นเวลาที่สงบสงัดดี ให้เดินจงกรม ทำ พิธีไหว้พระเจริญ พรหมวิหาร นั่งสมาธิภาวนา ทำ จิตใจให้สงบและตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ จึงนอน ต่อไปอีก ปจฺฉิมํ ยามํ จงฺกามาย นิสชฺชํ อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตฯ เวลาปัจจุสมัย จวนใกล้รุ่ง ให้ลุกขึ้นแต่เช้า ล้างหน้า เช็ดหน้าเรียบร้อยแล้ว ทำ พิธีไหว้พระเจริญ พรหมวิหาร นั่งสมาธิภาวนาทำ จิตให้สงบและตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่แล้วเดินจงกรมต่อไปอีกจนแจ้ง เป็นวันใหม่ จึงประกอบการงานต่อไป


47 การนั่งสมาธิ ๑.นั่งสมาธิวิธี ให้นั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย เอามือขวาวางทับมือซ้าย อุชุํ กายํ ปณิธาย ตั้งกายให้ตรง คือ ไม่ให้เอียงไปข้างซ้าย ข้างขวา ข้างหน้า ข้างหลัง และอย่าก้มนักเช่นอย่างหอยนาหน้าต่ำ อย่าเงย นักเช่นอย่างนกกระแต้ (นกกระต้อยตีวิด) นอนหงายถึงดูพระพุทธ รูปเป็นตัวอย่าง อุชุํ จิตฺตํ ปณิธาย ตั้งจิตให้ตรงคือ อย่าส่งใจไปทาง ตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และอย่าส่งใจไปข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา พึงกำ หนดรวมเข้าไว้ในจิตฯ ๒.วิธีสำรวมจิตในสมาธิ มนสา สำวโร สาธุ สำ รวมจิตให้ดี คือ ให้นึกว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ใจ พระธรรม อยู่ที่ใจ พระอริย สงฆ์อยู่ที่ใจ นึกอยู่อย่างนี้จนใจตกลงเห็นว่า อยู่ที่ใจจริงๆ แล้ว ทอดธุระเครื่องกังวลลงได้ว่า ไม่ต้อง กังวลอะไรอื่นอีก จะกำ หนดเฉพาะที่ใจแห่งเดียวเท่านั้นจึงตั้งสติกำ หนดใจนั้นไว้ นึกคำ บริกรรมรวมใจเข้าฯ ๓.วิธีนึกคำบริกรรม ให้ตรวจดูจิตเสียก่อน ว่าจิตคิดอยู่ในอารมณ์อะไร ในอารมณ์อันนั้นเป็น อารมณ์ที่น่ารัก หรือน่าชัง เมื่อติดใจในอารมณ์ที่น่ารัก พึงเข้าใจว่าจิตนี้ลำ เอียง ไปด้วยความรักเมื่อติดในอารมณ์ที่น่าชัง พึงเข้าใจ ว่าจิตนี้ลำ เอียงไปด้วยความชัง ไม่ตั้งเที่ยง พึงกำ หนดส่วนทั้งสองนั้นให้เป็นคู่กันเข้าไว้ที่ตรงหน้าซ้ายขวา แล้วตั้งสติกำ หนดใจตั้งไว้ในระหว่างกลาง ทำ ความรู้เท่าส่วนทั้งสอง เปรียบอย่างถนน สามแยกออก จากจิตตรงหน้าอก ระวังไม่ให้จิตแวะไปตามทางเส้นซ้ายเส้นขวา ให้เดินตรงตามเส้นกลาง แต่ระวังไม่ ให้ไปข้างหน้า ให้กำ หนดเฉพาะจิตอยู่กับที่นั่นก่อน แล้วนึกคำ บริกรรมที่เลือกไว้จำ เพาะพอเหมาะกับใจ คำ ใดคำ หนึ่งเป็นต้นว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๓ จบ แล้วรวมลงเอาคำ เดียวว่า “พุทโธๆๆ” เป็นอารมณ์ เพ่งจำ เพาะจิต จนกว่าจิตนั้นจะวางความรักความชังได้ขาดตั้งลงเป็นกลางจริงๆ แล้วจึงกำ หนดรวม ทวนกระแสประชุมลงในภวังค์ ตั้งสติตามกำ หนดจิตในภวังค์นั้นให้เห็น แจ่มแจ้งไม่ให้เผลอฯ


ประวัติการจำาพรรษา 48 วิธีเดินจงกรม พึงตั้งกำ หนดหนทางสั้นยาวแล้วแต่ต้องการ ยืนที่ต้นทาง ยกมือประนม ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แล้วตั้งความสัตย์อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าจะตั้งใจปฏิบัติ เพื่อเป็นปฏิบัติบูชาคุณของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับทั้ง พระธรรมและพระอริยสงฆ์สาวก ขอให้น้ำ�ใจของข้าพเจ้าสงบระงับตั้ง มั่นเป็นสมาธิ มีปัญญาเฉลียวฉลาดรู้แจ้งแทงตลอด ในคำ�สั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกประการเทอญ แล้ววางมือลง เอามือขวาจับมือซ้ายไว้ข้างหนึ่งเจริญพรหมวิหาร ๔ ทอดตาลงเบื้องต่ำ ตั้งสติกำ หนด จิตนึกคำ บริกรรม เดินกลับไปกลับมาจนกว่าจิตจะสงบรวมลงเป็นองค์สมาธิ ในขณะที่จิตกำ ลังรวมอยู่ นั้น จะหยุดยืนกำ หนดจิตให้รวมสนิทเป็นสมาธิก่อน จึงเดินต่อไปอีกก็ได้ ในวิธีเดินจงกรมนี้ กำ หนดจิต อย่างเดียวกันกับนั่งสมาธิ แปลกแต่ใช้อิริยาบถเดินเท่านั้นฯ เพราะฉะนั้น ท่านผู้ฝึกหัดใหม่ทั้งหลายพึงเข้าใจเถิดว่า การทำ ความเพียรคือ ฝึกหัดจิตในสมาธิ วิธีนี้ มีวิธีที่จะต้องฝึกหัดในอิริยาบถทั้ง ๔ จึงต้องนั่งสมาธิบ้าง เดินจงกรมบ้าง ยืนกำ หนดจิตบ้าง นอนสีหไสยาสน์บ้าง เพื่อให้ชำ นาญคล่องแคล่ว และเปลี่ยนอิริยาบถให้สม่ำ เสมอฯ ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม นับเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่สำ คัญ ยิ่งและมีบารมีธรรมมากองค์หนึ่ง ที่ให้การอบรม พระภิกษุ สามเณร ญาติโยม โดยสืบต่อจาก หลวงปู่มั่น ผู้พระอาจารย์ ถือหลักธรรมสีบทอดมาเป็นลำ ดับจนถึงสมัยปัจจุบัน พระอาจารย์ได้ทำ คุณ ประโยชน์แก่ปวงชนอย่างกว้างขวาง ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคใด ๆ ท่านสามารถใช้สติปัญญาแยกแยะอุบายธรรม แนะนำ ศิษย์รุ่นน้องให้ได้รับการภาวนาอย่างได้ผล โน้มน้าวจิตใจของบุคคลที่เคยยึดถือ นับถือภูตผีต่าง ๆ ให้หันกลับมายึดถือพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งที่ ระลึก ธรรมะของท่านมีทั้งอ่อนน้อมละมุนละไม และเข้มแข็งในบางเวลา ท่านพระอาจารย์สิงห์ ได้พา คณะออกธุดงค์ไปโปรดเทศนาธรรมอบรมญาติโยม ไปตามถิ่นต่าง ๆ จนเป็นที่ยอมรับ และในที่สุดทุก พื้นที่โคมทองแห่งพระศาสนา สัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้แจ่มจำ รัส จนทั่วทุกหนแห่ง ด้วยความสามารถ อำ นาจบุญบารมีของพระปรมาจารย์หลวงปู่มั่น พระอาจารย์สิงห์และพระอาจารย์มหาปิ่น ผู้เป็น น้องชาย ก็ได้สามารถปั้นยอดขุนพลแห่งกองทัพธรรมได้อีกเป็นจำ นวนมาก จึงนับว่าพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เป็นลูกศิษย์คู่บุญบารมีของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยแท้จริง


49 หลังจากฤดูออกพรรษา ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ หลวงปู่ลี ท่านได้เดินทางออกจากวัดป่าทรงคุณ อำ เภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อตามหาพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่า ภูริทัตตถิราวาส ตำ บลนาใน อำ เภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร จึงทราบข่าวว่าองค์หลวงตามหาบัว ไปพักปฏิบัติธรรมที่วัดป่าญาณสัมปันนานุสรณ์ บ้านกุดไห อำ เภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร ขณะนั้นใน ใจท่านก็คิดว่าจะรีบตามไปหาองค์ท่าน แต่ได้มีสามเณรพิน ได้ขอร้องว่าอย่าเพิ่งรีบไป โปรดเมตตาให้ กระผมได้เก็บพลูเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน ด้วยเหตุนี้หลวงปู่ลีจึงได้เมตตารอให้ สามเณรพินทำธุระดัง กล่าวให้เสร็จเสียก่อน ต่อมาเมื่อทำธุระเสร็จแล้ว จากนั้นหลวงปู่ลีกับสามเณรพินก็ได้ออกติดตามมาที่ บ้านกุดไห แต่น่าเสียดายที่มาไม่ทันการณ์ เพราะองค์หลวงตามหาบัวท่านได้ธุดงค์ไปที่อื่นแล้ว เมื่อรู้ อย่างนั้นหลวงปู่ลีจึงได้รีบติดตามเสาะแสวงหาต่อไป และในที่สุดก็สมความมุ่งมาดปรารถนาที่ตั้งใจเอาไว้ หลวงปู่ลีได้มีโอกาสพบกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ที่ป่าบง บ้านนางเติ้ง จากนั้น ก็ได้เข้ากราบนมัสการและขอมอบกายถวายชีวิตติดตามอยู่ศึกษาอบรมกับองค์หลวงตามหาบัวตลอดมา พรรษาที่ ๒-๕ ปีพุทธศักราช ๒๔๙๔-๒๔๙๗ จำ�พรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านห้วยทราย อ.คำ�ชะอี จ.มุกดาหาร


Click to View FlipBook Version