The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

๙๐ ปี เศรษฐีธรรม ชีวประวัติ ปฏิปทา และพระธรรมเทศนา หลวงปู่ลี กุสลธโร (พระอริยสาวกแห่งภูผาแดง) วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ray of Dhamma ตามแสงธรรม, 2023-09-24 18:11:09

๙๐ ปี เศรษฐีธรรม -หลวงปู่ลี กุสลธโร

๙๐ ปี เศรษฐีธรรม ชีวประวัติ ปฏิปทา และพระธรรมเทศนา หลวงปู่ลี กุสลธโร (พระอริยสาวกแห่งภูผาแดง) วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

Keywords: ธรรม

ถวายการอุปัฏฐาก ปริศนาธรรมของเมรุ ปริศนาธรรมของเมรุ มีคติธรรมแฝงอยู่ดังนี้ ส่วนที่เห็นได้ออกแบบเป็น ๓ ชั้น หมายถึง เจดีย์ เพียงแต่ไม่มียอด เนื่องจากเจดีย์เป็นเครื่องหมายแสดงถึงการสักการบูชา ซึ่งผู้ที่มีคุณความดีพิเศษควร สร้างสถูปหรือเจดีย์ไว้เคารพบูชามี ๔ ประเภท ได้แก่ ๑.พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ๒.พระปัจเจกพุทธเจ้า, ๓.พระอรหันตสาวก, ๔.พระเจ้าจักรพรรดิ ฐานเจดีย์ชั้นที่หนึ่ง หมายถึง ศีล ซึ่งเป็นเครื่องรองรับสมาธิ ชั้นนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เมตร สื่อถึง “ กรรมฐาน ๔๐ ” คือ อุบาย ๔๐ วิธีในการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ ฐานเจดีย์ชั้นที่สอง หมายถึง สมาธิ เมื่อสมาธิแนบแน่นก็จะเป็นฐานให้เกิดปัญญาต่อไป ชั้นนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๒ เมตร สื่อถึง “ กาย ๓๒ ” คือ ส่วนประกอบที่มีลักษณะต่าง ๆ กัน ๓๒ อย่าง ในร่างกาย เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ การพิจารณากาย ๓๒ จะตัดกามตัณหาราคะได้ ฐานเจดีย์ชั้นที่สาม หมายถึง ปัญญา หรือการศึกษาขั้นสูง เพื่อให้สามารถตัดกิเลสได้โดยสิ้นเชิง ชั้นนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๖ เมตร สื่อถึง “ โสฬสญาณ (ญาณ ๑๖) ” คือ ญาณที่เกิดขึ้นแก่ผู้เจริญ วิปัสสนาตามลำ ดับตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด (เมรุ ที่คณะศิษยานุศิษย์ร่วมใจสามัคคีสร้างถวาย สำ หรับใช้ในวันงานพระราชทานเพลิง) 350


ชั้นบนสุดวางเตาเผาลักษณะเรียบง่าย ผนังทำ ด้วยอิฐ เตานี้จะอยู่กึ่งกลางพอดี เพื่อสื่อถึงความหมายว่า หลวงตาได้บำ เพ็ญเพียรจนบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ได้เสวยวิมุตติสุข เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานโดยแท้ บันไดทางขึ้นเมรุมี ๔ ทาง สื่อถึง “ อริยสัจ ๔ ” คือหลักความจริง ๔ ประการ ที่พระพุทธเจ้าทรง ตรัสรู้ หัวเสามี ๑๓ เหลี่ยม แทนหลัก “ ธุดงควัตร ๑๓ ” กลด มีรัศมีกว้าง ๘.๓๐ หมายถึง อริยมรรคมีองค์ ๘ ก็ได้ หรือจะหมายถึงมงคลสูตร ๓๘ ประการ ก็ได้ ซึ่งมงคลสูตร ๓๘ ประการนั้นมีเนื้อหาสำ คัญคือ การปฏิเสธมงคลจากภายนอกศาสนาหรือ การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ให้เราหมั่นทำ ความดี สร้างมงคลชีวิตขึ้นด้วยตัวเอง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ละสังขารเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ สิริอายุรวม ๙๗ ปี ๕ เดือน ๑๘ วัน ๗๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำ เพ็ญพระราชกุศล ๗ วัน หลังจากนั้นทางคณะกรรมการจัดงานได้จัด ให้มีการไหว้พระสวดมนต์ถวายทุกคืน แต่ไม่มีการสวดพระอภิธรรม มีเฉพาะสวดบังสุกุลและแสดงพระ ธรรมเทศนา ทั้งนี้แม้จะเป็นงานที่มีผู้ร่วมงานมหาศาล แต่เนื่องจากความสามัคคีของศิษยานุศิษย์ได้มา ร่วมช่วยกันเป็นจำ นวนมาก งานจึงสำ เร็จลุล่วงผ่านไปได้ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย วันพระราช ทานเพลิงสรีระสังขาร ได้จัดให้มีขึ้นในวันเสาร์ที่ ๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ สภาพเมรุ ในปัจจุบัน หลังจากผ่านวันงานพระราชทานเพลิง ทางวัดได้สร้างรั้วสแตนเลสกั้นไว้อย่างแน่นหนามั่นคง เพื่อความเป็นระเบียบและปลอดภัย 351


ถวายการอุปัฏฐาก 352 (ภาพบรรยากาศในวันเคลื่อนสรีระสังขารฯ เพื่อขึ้นสู่จิตกาธาน ๔ มีนาคม ๒๕๕๔)


353 พระเทพสารเวที เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จไปในการพระราชทานเพลิงสรีระสังขารฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จไปในการพระราชทานเพลิงสรีระสังขารฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (อดีตนายกรัฐมนตรี) พร้อมคณะรัฐบาล ได้มาร่วมพิธีฯ งานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารฯ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔


ถวายการอุปัฏฐาก 354 หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นองค์ประธานในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (ภาพบรรยากาศในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารฯ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔)


355 (ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ มาร่วมพิธีพระราชทานเพลิงฯ อย่างเนืองแน่น)


ถวายการอุปัฏฐาก 356 บรรยากาศในวันงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร พระธรรมวิสุทธิมงคล หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (ในคืนวันเสาร์ที่ ๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕)


357 อัฐิธาตุหลวงตามหาบัว แปรสภาพเป็นพระธาตุลักษณะต่างๆ


ประวัติสังเขป พระบูรพาจารย์ * พระบูรพาจารย์ที่องค์หลวงปู่เคารพ และเป็นเสมือนผู้บอกทาง * ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง กับองค์หลวงปู่ลี (เคยร่วมออกธุดงค์ และจำ พรรษา) พระบูรพาจารย์ ๙ องค์ ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี


พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) นามเดิม มั่น แก่นแก้ว เกิด วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มกราคม ๒๔๑๓ ปีมะแม เดือนยี่ ณ บ้านคำ บง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี โยมบิดา คำ ด้วง แก่นแก้ว โยมมารดา จันทร์แก่นแก้ว บรรพชา เป็นสามเณร ในสำ นักวัดบ้านคำ บง ๒ ปีและได้ลาสิกขา มาช่วยงานทางบ้าน อุปสมบท วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๔๓๖ ณ วัดศรีอุบลรัตนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมีพระอริยกวี(อ่อน ธมฺมรกฺขิโต) เป็นพระอุปัชฌาย์และพระครูสีทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประจักษ์อุบลคุณ(สุ่ย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายานามว่า “ภูริทตฺโต” ท่านได้อยู่สำ นักวิปัสสนากับท่านพระอาจารย์เสาร์กนฺตสีโล พระ ณ วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็นสุดยอดพระอรหันต์แห่งยุค เป็นบิดาของพระกรรมฐาน ตำ นาน ชีวิตและปฏิปทาของท่านถูกกล่าวขานกันไม่รู้จบ ท่านสำ เร็จปฏิสัมภิทานุศาสน์ ๔ อย่าง คือ ๑. ธัมมปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในธรรม ๒. อัตถปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในอรรถ ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในภาษา ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในปฏิภาณ ท่านได้แสวงหาวิเวกบำ เพ็ญสมณธรรมในเขตภาคเหนือหลายแห่ง เพื่อสงเคราะห์สาธุชนในที่ ต่างๆ นานถึง ๑๑ ปี จนได้รับความรู้แจ่มแจ้งในพระธรรมวินัย สิ้นความสงสัยในสัตถุศาสน์ บรรลุธรรมขั้นพระอรหัตผล ที่ถ้ำ ดอกคำ ตำ บลน้ำ แพร่ อำ เภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) จึงได้กราบอาราธนาท่าน เพื่อกลับมาเมตตา โปรดสาธุชนทางภาคอีสาน วาระสุดท้ายท่านจำ พรรษาที่วัดป่าภูริทัตตถิราวาส บ้านหนองผือ ตำ บล นาใน อำ เภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดป่าสุทธาวาส อำ เภอเมือง จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๒ เวลา ๐๒.๒๓ น. สิริอายุรวม ๘๐ ปีพรรษา ๕๖ วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร 359


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม จูม จันทรวงศ์ โยมบิดา คำ สิงห์จันทรวงศ์ โยมมารดา เขียว จันทรวงศ์ เกิด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑ ปีชวด ที่บ้านท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม บรรพชา อายุ ๑๒ ปีบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดโพนแก้ว อ.ท่าอุเทน เมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๔๒ อุปสมบท ๙ มีนาคม ๒๔๕๐ ที่วัดมหาชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำ ภูโดยมีพระครูแสง ธัมมธโร เป็นพระอุปัชฌาย์พระครูสีมา สีลสัมปันโน วัดจันทาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาจันทร์่ เขมิโย (ภายหลังเป็นพระเทพสิทธาจารย์) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ การศึกษา เปรียญธรรม ๓ ประโยค สำ นักเรียนวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร ธรรมปฏิบัติ พ.ศ. ๒๔๔๖ ติดตาม พระอาจารย์จันทร์ เขมิโย ไปจำ พรรษาที่วัดเลียบ จ.อุบลราชธานี อันเป็นสำ นักของท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ได้มีโอกาสศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ ในด้านสมถวิปัสสนากรรมฐาน จากท่านพระอาจารย์เสาร์และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สมณศักดิ์ ๑๙ ธันวาคม ๒๔๘๘ ได้เป็นพระราชาคณะที่ พระธรรมเจดีย์ ปฏิปทา ท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน จึงเป็นที่เคารพ ยำ เกรงของเหล่าพระภิกษุและสามเณร ท่านเป็นพระมหาเถระคู่บารมีและเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่ออดีตวัดโพธิสมภรณ์ในช่วงยุคต้นๆ ที่ท่านได้ดำ รงตำ แหน่ง เจ้าอาวาส ได้กลายเป็นศูนย์กลางของพระกรรมฐานศิษย์สายหลวงปู่มั่นเกือบทั้งหมด เพราะครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่จะอุปสมบทกับท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ทั้งสิ้น มรณภาพ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร สิริอายุรวม ๗๕ ปีพรรษา ๕๔ พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี 360


นามเดิม สิงห์ บุญโท โยมบิดา เพีย อัครวงศ์ (อ้วน) (เพีย อัครวงศ์ เป็นตำแหน่งข้าราชการหัวเมืองลาวกาว-ลาวพวน มีหน้าที่จัดการศึกษาและการพระศาสนา) โยมมารดา หล้า บุญโท การศึกษาในสมัยที่ท่านเป็น ฆราวาส ท่านได้ศึกษาจนเป็นครูสอนวิชาสามัญ ได้ดีผู้หนึ่ง เกิด เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๒ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู บ้านหนองขอน ต.หัวทะเล อ.อำ นาจเจริญ จ.อุบลราชธานี(ปัจจุบันคือ จ.อำ นาจเจริญ) บรรพชา เป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ ใน สำ นักพระอุปัชฌาย์ป้อง ณ วัดบ้านหนองขอน ต.หัวทะเล อ.อำ นาจเจริญ จ.อุบลราชธานี อุปสมบท วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ ณ พัทธสีมาวัดสุทัศนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดทัศน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สมณศักดิ์ ได้รับพระราชสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีนามว่า พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๐ ตลอดชีวิตของท่านได้ทุ่มเทกับงานด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนาและการอบรมสั่งสอนพุทธ บริษัททั้งหลาย ได้ตั้งกองทัพธรรมขึ้นที่วัดป่าสาลวัน ด้วยความมุ่งมั่นและความเป็นผู้เอาจริง เอาจังทุกอย่าง แม้จะมีอุปสรรคมากมายหลายอย่าง แต่ท่านก็ฝ่าฟันเอาชนะมาได้ด้วยธรรม มรณภาพ ท่านอาพาธด้วยโรคมะเร็งเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และได้ละสังขารเข้าสู่แดนอนุปาทิ เสสนิพาน เมื่อวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๔ เวลา ๑๐.๒๐ น. ณ วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา สิริอายุรวม ๗๓ ปีพรรษา ๕๑ พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา 361


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิมชื่อ ปิ่น บุญโท โยมบิดา เพียอัครวงศ์ (อ้วน บุญโท) (เพียอัครวงศ์ เป็นตำแหน่งข้าราชการหัวเมืองลาวกาว- ลาวพวน เมืองเวียงจันทน์ มีหน้าที่จัดการศึกษาและการพระศาสนา) โยมมารดา นางหล้า บุญโท มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๕ และหลวงปู่สิงห์ขนฺตยาคโม เป็นบุตรคนที่ ๔ อายุห่างจากท่าน ๓ ปี เกิด วันพฤหัสบดีเดือน ๔ ปีมะโรง พุทธศักราช ๒๔๓๕ ณ บ้านหนองขอน ต.หัวทะเล อ.อำ นาจเจริญ จ.อุบลราชธานี(ปัจจุบันคือจังหวัดอำ นาจเจริญ) อุปสมบท เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๕๗ ขณะที่ท่านมีอายุ๒๒ ปีบริบูรณ์เป็นการบวชในตระกูลต่อจากที่ได้ บวชพระภิกษุสิงห์ขนฺตยาคโม ผู้เป็นพระพี่ชาย ในปีพ.ศ. ๒๔๘๗-๒๔๘๘ หลวงปู่พระมหาปิ่น ได้อาพาธอยู่ที่วัดป่าแสนสำ ราญ อ.วารินชำ ราบ จ.อุบลราชธานีในช่วงนั้นพระอาจารย์ฝั้นซึ่งได้รับคำ สั่งจาก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ซึ่งอาพาธอยู่ ให้เข้ามาถวายธรรมโอสถซึ่งสมเด็จพอใจในพระ ธรรมเทศนานั้น จึงได้สั่งให้พระอาจารย์ฝั้น อยู่ที่อุบลราชธานีเพื่ออุปัฏฐากสมเด็จ ในพรรษานั้น ในช่วงเวลาที่ผ่านพ้นการอุปัฏฐากสมเด็จ พระอาจารย์ฝั้นได้ประกอบยา รักษาโรคมาถวายพระอาจารย์มหาปิ่น ซึ่งปีนั้นท่านกำ ลังอาพาธด้วยโรคปอด อยู่ที่วัดป่า แสนสำ ราญพระอาจารย์ฝั้นได้พยายามหาสมุนไพรต่างๆ มาปรุง แล้วกลั่นเป็นยาถวาย พระอาจารย์มหาปิ่น หยูกยาที่ทันสมัยก็ไม่มีเพราะขณะนั้นกำ ลังอยู่ในระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ ๒ พระอาจารย์มหาปิ่นท่านอาพาธอยู่นานถึง ๒ พรรษา มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๙ ณ วัดป่าแสนสำราญ สิริอายุรวม ๕๓ ปีพรรษา ๓๑ หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล วัดป่าแสนสำ ราญ อ.วารินชำ ราบ จ.อุบลราชธานี 362


นามเดิม อ่อน กาญวิบูลย์ บิดา เมืองกลาง กาญวิบูลย์ มารดา บุญมา กาญวิบูลย์ เกิด วันอังคาร ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีขาล พ.ศ. ๒๔๔๕ บ.ดอนเงิน ต.แชแล อ.กุมภวาปีจ.อุดรธานี บรรพชา เป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๖ ปีพ.ศ. ๒๔๖๑ ที่วัดเกาะเกตุ บ้านเมืองเก่า อ. กุมภวาปีจ.อุดรธานี อุปสมบท ครั้นอายุครบบวช ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย ณ วัดปะโค อำ เภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีเมื่อเดือน ๗ แรม ๑๑ ค่ำ ปีระกา ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๖๔ โดยมี พระอาจารย์จันทา เจ้าคณะอำ เภอกุมภวาปีเป็นพระอุปัชฌาย์ ธรรมปฏิบัติ ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้เดินธุดงค์ไปจนถึงอำ เภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย และได้เข้าศึกษา ปฏิบัติกัมมัฏฐาน กับพระอาจารย์สุวรรณ เป็นเบื้องต้น พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้ถวายตัวเป็นศิษย์ ของพระอาจารย์เสาร์และพระอาจารย์มั่น ที่วัดป่าสาระวารี-บ้านค้อ อำ เภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานีณ ที่นี้ ได้พบกับพระอาจารย์ฝั้นเป็นครั้งแรก ญัตติฝ่ายธรรมยุต หลวงปู่มั่น ได้สั่งให้หลวงปู่อ่อนให้ไปญัตติเป็นธรรมยุตพร้อมด้วยหลวงปู่กว่า สุมโน เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๖๗ ณ วัดโพธิสมภรณ์จ.อุดรธานีโดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) แต่ครั้งยังดำ รงสมณศักดิ์ที่พระครูชิโนวาทธำ รง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอดิสัยคุณาธาร(คำ อรโก) เป็นกรรมวาจาจารย์แล้วกลับไปจำ พรรษาอยู่ที่ วัดอรัญญวาสีอ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย กับหลวงปู่มั่น พร้อมกับหลวงปู่กว่า ในปัจฉิมวัย ปีพ.ศ. ๒๔๙๖ ท่านได้สร้างวัดป่านิโครธารามและจำ พรรษาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จนกระทั่งมรณภาพ มรณภาพ ท่านละสังขารเข้าสู่แดนอนุปาทิเสสนิพพาน วันพุธที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ เวลา ๐๔.๐๐ น. ณ โรงพยาบาลรามาธิบดีกรุงเทพมหานคร สิริอายุรวม ๘๐ ปีพรรษา ๕๗ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี 363


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม บ่อ แก้วสุวรรณ บิดา มอ แก้วสุวรรณ มารดา พิลา แก้วสุวรรณ เกิด เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๔ ตรงกับวันพุธขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย ท่านเป็นบุตรคนแรก มีพี่น้องร่วม บิดามารดาเดียวกัน ๔ คน เป็นชาย ๒ คน เป็นหญิง ๒ คน บรรพชา หลวงปู่มีจิตโน้มน้าวไปสู่ทางธรรมตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุย่างเข้า ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบ้านนาแก ต.บ้านนากลาง อ.เมือง จ.หนองบัวลำ ภู อุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ อายุครบ ๒๓ ปีบริบูรณ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสร่างโศก ปัจจุบันมีชื่อว่าวัดศรีธรรมาราม อ.เมือง จ.ยโสธร โดยมีพระครูวิจิตรวิโส ธนาจารย์เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ได้รับฉายาว่า “ฐานสโม” ท่านได้มีโอกาสพบและรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ เสนาสนะป่า บ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ท่านพบวิมุตติธรรมขั้นสูงสุด เมื่อปีพ.ศ.๒๔๘๗ พรรษาที่ ๒๐ อายุ ๔๓ ปี ที่ถ้ำ บ้านหนองยวน ประเทศพม่า มรณภาพ ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ สิริรวมอายุได้๙๓ ปี๑๑ เดือน ๒๗ วัน พรรษา ๗๐ คติธรรมหลวงปู่ชอบ ฐานสโม U ให้พิจารณาความตาย นั่งก็ตาย นอนก็ตาย ยืนก็ตาย เดินก็ตาย U พิจารณา เกิด-ดับ U ดูตัวเจ้าของ U บ่ต้องดีใจ บ่ต้องเสียใจ ดีก็ช่าง ร้ายก็ช่าง U วาง หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย 364


นามเดิม วอ ต่อมาคุณลุงเปลี่ยนให้ใหม่ชื่อว่า หลุย นามสกุล วรบุตร บิดา คุณพ่อคำ ผ่อย วรบุตร ลูกชายเจ้าเมืองแก่นท้าว แขวงไชยบุรีประเทศลาว มารดา เจ้าแม่นางกวย (สุวรรณภา) วรบุตร ธิดาของผู้มีฐานเขตเมืองเลย เกิด วันอังคารที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๔ เวลารุ่งอรุณจวนสว่าง ตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลูณ ตำ บลกุดป่อง อ.เมือง จ.เลย มีพี่สาวต่างบิดา ๑ คน และ น้องชายร่วมบิดามารดาอีก ๑ คน อุปสมบท เป็นพระฝ่ายมหานิกาย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ และขณะเป็นพระฝ่ายธรรมยุต หลวงปู่ต้อง ญัตติถึง ๓ ครั้ง คือ ในปีพ.ศ. ๒๔๖๖-๒๔๖๗ และ พ.ศ. ๒๔๖๘ เพราะภาวนาจิตจะสงบ แล้วเกิดอาการสะดุ้ง ครั้งสุดท้ายญัตติเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ เวลา ๑๓.๐๘ น. โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล ขณะดำ รงสมณศักดิ์ที่ พระครูสังฆวุฒิกร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญ ปญญาวุโธ เป็นพระกรรมวา จาจารย์ ณ วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ในปีพ.ศ. ๒๕๐๗ พรรษา ๔๐ ท่านถึงที่สุดแห่งธรรม สามารถประหารกิเลส เข้าสู่พระนิพพานด้วยวิชาม้างกาย ที่ถ้ำกกกอก อ.วังสะพุง จ.เลย มรณภาพ วันจันทร์ที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เวลา ๐๐.๔๓ น. ณ โรงพยาบาลหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สิริรวมอายุได้๘๘ ปี๑๐ เดือน ๑๔ วัน ๖๔ พรรษา คติธรรมหลวงปู่หลุย จันทสาโร ” กิเลสอย่าละด้วยความรักความชัง ให้ละด้วยความเบื่อหน่ายเป็นมรรควิถี ” ขอให้บำ รุงศรัทธา เชื่อมั่นคำ สั่งสอนของพระพุทธเจ้าและปฏิบัติตาม เกิดผลได้จริงๆ เพราะคำ สอนของพระพุทธองค์ สาวกสังคายนาไว้ดีแล้ว ” ในครอบครัวใด มีทาน ศีล ๕ มีภาวนาพุทโธ ในครอบครัวนั้นมีหลักธรรมวินัยเยือกเย็น สามัคคีกัน ต่างคนต่างมี่ธรรม จะมีความสุขมาก หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำ ผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย 365


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม ขาว โคระถา โยมบิดา พั่ว โคระถา โยมมารดา รอด โคระถา มีพี่น้อง ร่วมท้องเดียวกัน ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๔ เกิด วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ ตรงกับปีชวด ที่บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อำ นาจเจริญ จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันคือ อ.เมือง จ.อำ นาจเจริญ) อุปสมบท วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ที่วัดโพธิ์ศรีบ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อำ นาจเจริญ จ.อุบลราชธานี โดยมีท่านพระครูพุฒิศักดิ์เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์บุญจันทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ญัตติฝ่ายธรรมยุต วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๖๘ โดยมีพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ญัตติพร้อมกับหลวงปู่หลุย จันทสาโร โดยมีหลวงปู่ขาว เป็นนาคซ้าย หลวงปู่หลุยเป็นนาคขวา (หลวงปู่หลุยบวชก่อน ๑๕ นาที) หลวงปู่ขาวท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดในพรรษาที่ ๑๖-๑๗ ที่เสนาสนะป่ากลางทุ่งนา บ้านโหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ มรณภาพ วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๒๖ ณ วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำ ภู จ.อุดรธานี (ปัจจุบัน คือ อ.เมือง จ.หนองบัวลำ ภู) สิริรวมอายุ ๙๔ ปี๔ เดือน ๑๘ วัน พรรษา ๕๗ ข้อวัตรปฏิปทา เคารพเทิดทูนพระธรรมวินัย ปฏิบัติบูชาคุณพระรัตนตรัย เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในการ ประกอบความเพียร เพื่อความหลุดพ้น มักน้อย สันโดษ ไม่ชอบคลุกคลีวุ่นวาย เมตตาธรรมสูง สงบ เยือกเย็น เป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่ง หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำ ภู 366


นามเดิม ฝั้น สุวรรณรงค์ โยมบิดา เจ้าไชยกุมาร (เม้า) ซึ่งเป็นหลานของพระเสนาณรงค์ เจ้าเมืองพรรณานิคม โยมมารดา ชื่อนุ้ย เป็นบุตรีของหลวงประชานุรักษ์ จะเห็นได้ว่าเชื้อสายของท่านเป็นขุนนาง ทั้งฝ่ายบิดาและมารดา เป็นเชื้อสายขุนนางเก่าแก่ของหมู่ชน ที่เรียกว่า ผู้ไทย ซึ่งอพยพ มาจากประเทศลาว ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เกิด วันอาทิตย์ที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ ตรงกับวัน ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุน ที่บ้านม่วงไข่ ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร บรรพชา เป็นสามเณร เมื่ออายุได้๑๙ ปีที่วัดโพนทอง บ้านบะทอง อ.พรรณานิคม อุปสมบท ในปีพ.ศ. ๒๔๖๒ อายุ ๒๐ ปีท่านได้อุปสมบทเป็นภิกษุฝ่ายมหานิกาย ที่วัดสิทธิบังคม ต.บ้านไร่ อ.พรรณานิคม มีพระครูป้อง นนตะเสน เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์สังและพระอาจารย์นวล เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ ท่านได้ญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ เวลา ๑๕.๒๒ น. ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานีโดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระรถ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมุก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ เวลา ๑๙.๕๐ น. ด้วยอาการสงบ ณ วัดป่าอุดมสมพร สิริอายุรวม ๗๗ ปี๔ เดือน ๑๕ วัน ๕๒ พรรษา ข้อวัตรปฏิปทา ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ใส่ใจในข้อวัตร ยินดีในที่สงัด อ่อนน้อมถ่อมตน มักน้อย สันโดษ ปรารภความเพียรเด็ดเดี่ยว ฉลาดในอุบายวิธีฝึกหัดตนเพื่อเอาชนะกิเลสมาร เมตตาธรรมสูงยิ่งไม่เลือกชาติชั้น วรรณะ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร 367


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม ทองสุก มหาหิง บิดาชื่อ นายเลี้ยง มหาหิง มารดาชื่อ นางบุญมีมหาหิง พี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งมีชีวิตและมรณภาพไปแล้ว ๑๐ คน ท่านเป็นคนที่ ๒ เกิด วันศุกร์ที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๑ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ ปีวอก ต.ห้วยหวาย อ.หนองโคน จ.สระบุรี(ปัจจุบันคือ อ.พุทธบาท) บรรพชา ภายหลังที่ได้ศึกษาอักขระสมัยตามสมควรแล้ว ท่านก็ได้เข้าไปเพื่อศึกษาธรรมต่อไป เมื่ออายุ ๑๖ ปีท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระธรรมธีรราชมหามุนีซึ่งต่อมาคือพระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์สิริจันโท) นักธรรมกถึกเอกในสมัยนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๖ อยู่ที่วัดปทุมวนาราม ท่านได้พยายามศึกษาพระปริยัติธรรม จนสามารถสอบนักธรรม ชั้นตรีได้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ อุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ พัทธสีมาวัดปทุมวนาราม อ.ปทุมวัน จ.พระนคร โดยมีพระปัญญาพิศาลเถร (หนูจิตปุญโญ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดบุญมีอินเชฏฐโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมณศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ ได้รับสัญญาบัตรเป็นพระครูชั้นโท ที่พระครูอุดมธรรมคุณ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เวลา ๐๖.๐๔ น. ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร สิริอายุรวม ๕๗ ปีพรรษา ๓๘ พระครูอุดมธรรมคุณ (ทองสุก สุจิตโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร 368


นามเดิม ชาลีนารีวงศ์ โยมบิดา นายปาว นารีวงศ์ โยมมารดา นางพ่วย นารีวงศ์ ปู่ชื่อจันทารี ย่าชื่อนางสีดา ตาชื่อนันทะเสน ยายชื่อนางดี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน รวม ๙ คน เป็นชาย ๕ คน เป็นหญิง ๔ คน เกิด วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ เวลา ๒๑.๐๐ น. เดือนยี่ แรม ๒ ค่ำ ปีมะเมีย ณ บ้านหนองสองห้อง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี อุปสมบท วันพุธที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ ในฝ่ายมหานิกาย ต่อมาได้กราบลาพระอุปัชฌาย์ เพื่อเดินธุดงค์ไปกราบหลวงปู่มั่น ที่วัดบูรพา จ.อุบลราชธานีต่อมาท่านได้ติดตามหลวงปู่มั่น ไปในที่ต่างๆ เป็นเวลา ๔ เดือน ภายหลังหลวงปู่มั่นได้ให้ท่านญัตติใหม่เป็นธรรมยุต วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ วัดบูรพา จ.อุบลราชธานีโดยมีพระปัญญาพิศาลเถร เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านสามารถย่างศพกิเลสตาย บรรลุธรรมขั้นสูงที่ถ้ำ เขาฉกรรจ์อ.เขาฉกรรจ์จ.สระแก้ว สมณศักดิ์ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่ พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ มรณภาพ วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๐๔ ณ วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สิริรวมอายุได้๕๕ ปี๓ เดือน ๖ วัน พรรษา ๓๓ หลังจากท่านมรณภาพ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์สมเด็จพระสังฆราช(จวน อุฏฐายี) มีพระบัญชาให้เก็บศพท่านไว้ยังไม่ถวายเพลิง เอาอย่างพระมหากัสสปะเถระ ที่ในวันหนึ่ง ในอนาคตกาลจะมีพระศรีอริยเมตไตรย มาเผาศพพระมหากัสสปะอย่างสมศักดิ์ศรี นัยของท่านพ่อลีก็ขอให้เอาเยี่ยงอย่างนี้ เป็นอุทาหรณ์ว่า “ผู้มีบุญกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ท่านในวันข้างหน้า จะได้มาถวายเพลิงสรีระของท่านอย่างสมศักดิ์ศรี” พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 369


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม ซามา สินทร โยมบิดา นายลุย สินทร โยมมารดา นางบุญ สินทร เกิด วันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๗ ตรงกับขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรง ณ บ้านขามเปลี้ย ต.จระเข้อ.พระลับ จ.ขอนแก่น มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ ครอบครัวมีอาชีพทำ นาทำ ไร่ บรรพชา เป็นสามเณรฝ่ายมหานิกาย ๔ พรรษา ก็ลาสิกขาออกมาช่วยบิดามารดาทำ นาอีก และท่าน ได้ตัดสินใจบรรพชาเป็นสามเณรครั้งที่ ๒ อีก อุปสมบท ฝ่ายมหานิกายได้๔ พรรษา บ้านดอนแขม ต.บางคำ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ญัตติในฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๓ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ พัทธสีมา วัดชัยชุมพล อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิโดยมีท่านพระครูพิศาล (ศรีจันทร์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์หล้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “อจุตฺโต” ธรรมปฏิบัติ ท่านได้ช่วยสั่งสอนชาวบ้านให้เลิกการนับถือผีและให้ถือไตรสรณคมน์แทน ตลอดชีวิต สมณเพศของท่าน ท่านมักแสวงหาวิเวกทำ ความเพียรอยู่เสมอ ไปหลายแห่งทุกท้องที่ กับครูบาอาจารย์หลายองค์เช่น อาจารย์อุ่น อาจารย์สิงห์หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน ฯลฯ มรณภาพ ท่านได้ละสังขารด้วยอาการสงบ ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ เวลา ๑๒.๕๐ น. ณ วัดป่าอัมพวัน บ.ไร่ม่วง อ.เมือง จ.เลย สิริรวมอายุได้๗๖ ปี๑ เดือน ๘ วัน พรรษา ๕๐ หลวงปู่ซามา อจุตโต วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย 370


นามเดิม จันทร์ศรีแสนมงคล โยมบิดา นายบุญสาร แสนมงคล โยมมารดา นางหลุน แสนมงคล เกิด วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ ตรงกับวันอังคาร แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน ณ บ้านโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น อุปสมบท วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๔ อายุ ๒๐ ปีโดยมีพระครูพิศาลอรัญญเขต(จันทร์ เขมิโย) เจ้าคณะธรรมยุตจังหวัดขอนแก่น และเจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ (วัดศรีจันทราวาส) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สิงห์ขนฺตยาคโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์มีพระอาจารย์กรรมฐาน จำ นวน ๒๕ รูปนั่งเป็นพระอันดับ ได้รับนามฉายาว่า “จนฺททีโป” อันมีความหมายเป็น มงคลว่า “ผู้มีแสงสว่างเจิดจ้าดั่งจันทร์เพ็ญ” ศาสนศึกษา พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบนักธรรมเอกได้ในสนามหลวง สำ นักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร สมณศักดิ์ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นที่ พระอุดมญาณโมลี ปัจจุบัน หลวงปู่จันทร์ศรีสิริอายุได้๑๐๑ พรรษา ๘๑ (เมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๕) ดำ รงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ (ธรรมยุต) และที่ปรึกษามหาเถรสมาคม (มส.) หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมตตาให้โอวาทธรรมแก่หลวงปู่จันทร์ศรี “มหาภาวนาเป็นแล้ว ควรเลิกเรียนปริยัติออกปฏิบัติกรรมฐานอีก จะได้พ้นทุกข์ประสบ แต่ความสุขกายสุขใจ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีก” เป็นอันว่าข้าพเจ้าได้ใกล้ชิด กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ชั่วระยะหนึ่งท่านจึงจากไป ในปีนั้นข้าพเจ้าได้กำ ไรแห่งชีวิต ซึ่งทำ ให้สามารถปฏิบัติศาสนกิจอยู่ในเพศพรหมจรรย์มาได้อย่างปลอดภัย พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป) วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี 371


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม บุญมีสมภาค โยมบิดา นายทำ มา สมภาค โยมมารดา นางหนุก สมภาค เกิด วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีจอ ณ บ.ขี้เหล็ก ต.รังแร้ง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ บรรพชา เป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๗ ปีบวชอยู่ ๒ ปีจึงได้ลาสิกขาบท อุปสมบท อายุ ๒๑ ปีอุปสมบทเป็นพระฝ่ายมหานิกาย เมื่อบวชแล้วจึงได้มาศึกษาธรรม ยังสำ นักวัดเลียบ จ.อุบลราชธานีจากนั้นท่านได้ญัตติเป็นพระธรรมยุต ในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมีพระศาสนดิลก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาสว่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า สิริธโร แปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งเกียรติคุณความดี หลังจากที่ได้บวชแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนข้อวัตรปฏิบัติเพียงเวลาไม่นานนัก ท่านก็สอบนักธรรมตรีโท เอก ได้สมเจตนารมณ์ที่ตั้งใจไว้ ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนรูปหนึ่งในวงศ์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และเป็นที่ เคารพนับถือของครูบาอาจารย์สายป่าหลายองค์เช่น หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงพ่อพุธ ฐานิโย หลวงปู่บัว สิริปุณโณ หลวงปู่ศรีมหาวีโร หลวงปู่ลีกุสลธโร เป็นต้น (ท่านเคยจำ พรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านห้วยทราย อ.คำชะอีจ.มุกดาหาร ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ขณะนั้นหลวงปู่ลีกุสลธโร (เพิ่งบวชได้เพียง ๑ พรรษา) มาขออยู่ร่วมจำ พรรษาด้วย) มรณภาพ ท่านละสังขารเข้าสู่แดนธรรมอันสงบ เมื่อวันที่ ๒๐ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๕ เวลา ๑๐.๑๐ น. ตรงกับวันจันทร์แรม ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีวอก สิริรวมอายุได้๘๑ ปี๖ เดือน ๖ วัน ๕๙ พรรษา หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 372


นามเดิม บัว โลหิตดี โยมบิดา นายทองดีโลหิตดี โยมมารดา นางแพงศรีโลหิตดี เกิด วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ณ หมู่บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ท่านมีพี่น้องรวมทั้งหมด ๑๖ คน อุปสมบท วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ขณะนั้นดำ รงสมณศักดิ์ที่ พระราชเวทีเป็นพระอุปัชฌาย์พระครูปลัดอ่อนตา เขมังกโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ได้รับฉายาว่า ญาณสัมปันโน ครั้นบวชแล้วท่านได้ศึกษาพุทธ ประวัติและประวัติพระอรหันตสาวก จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่าง จริงจัง ท่านตั้งใจจะศึกษาพระปริยัติธรรมเสียก่อน เพราะถ้าไม่ศึกษาแล้วจะไม่เข้าใจวิธี ปฏิบัติท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมอยู่กับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ธมฺธโร) เป็นเวลา ๗ ปี จนสอบได้นักธรรมเอก และเปรียญธรรม ๓ ประโยค แล้วจึงออกปฏิบัติ ธุดงคกรรมฐาน เป็นเวลา ๙ ปีท่านได้มอบกายถวายชีวิตเพื่ออยู่ศึกษาปฏิบัติกรรมฐาน กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อย่างเด็ดเดี่ยวเป็นเวลา ๘ ปีจวบจนหลวงปู่มั่นละสังขารเข้าสู่ แดนนิพพาน เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๒ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นพระสุคโตที่ยิ่งใหญ่ทั้งทางธรรมและทางโลก เปี่ยมด้วยบุญญาบารมีอันสูงยิ่ง องค์ท่านได้ละสังขารลาวัฏวนด้วยอาการอันสงบ เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ประกอบพร้อมด้วยธรรมวิสุทธิ์ ความมีมหาสติอันไพบูลย์ในอิริยาบถนอน ณ กุฏิขององค์ท่าน เวลา ๐๓.๕๓ นาทีเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ แรม ๑๑ ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล สิริอายุรวม ๙๗ ปี๕ เดือน ๑๘ วัน ๗๗ พรรษา พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี 373


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม โอเจี๊ยะ โพธิกิจ โยมบิดา นายซุ่นแฉ่ โพธิกิจ โยมมารดา นางแฟ โพธิกิจ เกิด วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๙ ตรงกับวันอังคาร เดือน ๗ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีมะโรง ณ บ้านคลองน้ำ เค็ม ต.คลองน้ำ เค็ม อ.แหลมสิงห์จ.จันทบุรี อุปสมบท วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐ เวลา ๑๖.๑๙ น. ณ พัทธสีมาวัดจันทนาราม ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรีโดยมีพระครูครุนารถสมาจาร(เศียร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพัฒน์พิหารการ(เชย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านพ่อลีธัมมธโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านได้รับการยกย่องจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า “เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง” ท่านได้รับการยกย่องชมเชยในคุณธรรมจากหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ว่า “พระอาจารย์เจี๊ยะ เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง เป็นเพชรน้ำ หนึ่งที่หาได้โดยยากยิ่ง” มรณภาพ ท่านละขันธ์เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ด้วยความสงบ และอาจหาญในธรรม ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เวลา ประมาณ ๒๓.๕๕ น. สิริอายุรวม ๘๘ ปี๒ เดือน ๑๗ วัน ๖๘ พรรษา ปฏิปทาของท่านพระอาจารย์เจี๊ยะอาจจะแตกต่างจากพระกรรมฐานรูปอื่นในแง่ ปลีกย่อย แต่โดยหลักใหญ่แล้วเป็นเอกเทศ ท่านไม่กว้างขวางเรื่องธรรมะภายนอก รอบรู้เฉพาะเรื่อง ธรรมะภายใน ท่านปฏิบัติลำ บาก แต่รู้เร็ว คำ สอนของท่านก็เป็นประเภทปัจเจกธรรม เพราะท่านมุ่งเน้น ทางด้านจิตใจเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับท่านมีบารมีธรรมที่บ่มบำ เพ็ญมาแต่ชาติปางก่อน เป็นสิ่งที่ช่วย เกื้อหนุนอยู่อย่างลึกลับ การปฏิบัติของท่านจึงนับว่ารู้เร็วในยุคปัจจุบันสมัย ที่มนุษย์มีกิเลสหนาขึ้นโดยลำ ดับ พระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท) วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 374


โยมบิดา นายลาด น้อยก้อม โยมมารดา นางดา น้อยก้อม เกิด เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๓๑ ที่บ้านเขืองใหญ่ ต.หมูม่น อ.ธวัชบุรี(โป่งลิง) จ.ร้อยเอ็ด ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ทั้งหมด ๙ คน อุปสมบท เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๘๒ ขณะมีอายุได้๕๓ ปีแล้ว ณ วัดบึงพระลานชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เวลา ๑๕.๑๘ น. โดยมีท่านพระครูคุณสารพินิจ เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์ปลัดแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้มาจำ พรรษาอยู่กับพระอาจารย์เพ็ง พุทฺธธมฺโม ซึ่งเป็นพระลูกชาย ที่วัดป่าศรีไพรวัน จังหวัดร้อยเอ็ด ในกลางพรรษาแรกนั้นเอง ท่านมีอาการเจ็บในรูหูเป็นอย่างมาก ได้นั่งสมาธิพิจารณาทุกขเวทนาใต้ต้นลำ ดวนใน บริเวณวัด ติดต่อกัน ๓ วัน ๓ คืนจึงรู้แจ้งในอริยสัจ จึงเอาชนะความเจ็บปวดได้ จากนั้นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านได้เรียนศึกษากับหลวงปู่มั่น ได้ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตเริ่มต้น และรำ ลึก ถึงพระคุณของพ่อแม่ จากนั้นท่านได้ออกธุดงค์ไปจังหวัดมหาสารคาม ได้ถวายตัวเป็น ศิษย์เพื่อปฏิบัติพระกรรมฐานกับพระอาจารย์คูณ ธัมมุตฺตโม ที่วัดป่าพูนไพบูลย์ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๕ หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ กับพระอาจารย์ศรีมหาวีโร รับนิมนต์จากท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์อุดรธานีเพื่อสร้าง วัดกรรมฐานที่บ้านหนองแซง จังหวัดอุดรธานีสถานที่แห่งนี้เป็นที่เที่ยวผ่านไปมาของ พระอาจารย์กรรมฐานเสมอ เช่น พระอาจารย์ชอบ ฐานสโม พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร พระอาจารย์คำ ดีปภาโส หลวงปู่เจิ่น สิริจันโท หลวงปู่จันทา ถาวโร ฯลฯ มรณภาพ ท่านได้ละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๘ สิริอายุรวม ๘๗ ปี๓๖ พรรษา หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี 375


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง นามเดิม สิงห์ทอง ไชยเสนา โยมบิดา นายบุญจันทร์ ไชยเสนา โยมมารดา นางอบมา ไชยเสนา เกิด เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีชวด ณ บ้านศรีฐาน ตำ บลกระจาย อ.เมือง จ.ยโสธร ท่านมีพี่น้องร่วมมารดา-บิดาเดียวกัน ๕ คน เป็นชาย ๓ เป็นหญิง ๒ อุปสมบท วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีได้อุปสมบท ก่อนเข้าพรรษา ๗ วัน ณ พัทธสีมา วัดป่าสำ ราญนิเวสน์ ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.อำ นาจเจริญ โดยมีพระครูทัศนวิสุทธิ์ (มหาดุสิต เทวิโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เดียวกันกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดภูทอก แต่พระอาจารย์สิงห์ทองบวชหลัง ๑ พรรษา โดยมีพระอาจารย์บุญสิงห์เป็นพระอาจารย์ผู้ให้การอบรมสั่งสอนด้านสมาธิ ภาวนา และอุบายการปฏิบัติธรรม พระอาจารย์เคยอยู่กับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่บ้านห้วยทรายและวัดป่าบ้านตาด ท่านได้รับความไว้วางใจจากหลวงตามหาบัวเป็นอย่างมาก มีครั้งหนึ่งองค์หลวงตามหาบัวได้มอบหมายให้ท่านทำ หน้าที่เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต ในการดำ เนินงานประชุมเพลิงศพหลวงปู่บัว สิริปุณโณ ที่วัดป่าหนองแซง มรณภาพ ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ณ ท้องทุ่งนารังสิต หมู่ที่ ๕ ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีพร้อมกับ พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม พระอาจารย์วัน อุตฺตโม พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม สิริอายุรวม ๕๕ ปี๙ เดือน ๑๕ วัน พรรษา ๓๕ หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร 376


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับองค์หลวงปู่ลี (เคยร่วมออกธุดงค์ และจำ พรรษา) หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่าบ้านนาคูณ จ.อุดรธานี หลวงปู่เพียร วิริโย วัดป่าหนองกอง จ.อุดรธานี หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) จ.ร้อยเอ็ด หลวงปู่ผาง ปริปุณโน วัดประสิทธิธรรม จ.อุดรธานี หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ํากลองเพล จ.หนองบัวลําภู พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดป่าประสิทธิ์สามัคคีจ.สกลนคร หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม จ.สกลนคร พระอาจารย์ปรีดา ฉันทกโร วัดป่าดานวิเวก จ.บึงกาฬ หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม วัดป่าดานศรีสำ ราญ จ.บึงกาฬ หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิต จ.สกลนคร พระครูสังฆรักษ์คำพอง วัดป่านานาชาติสหรัฐอเมริกา 377


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง หลวงพ่อคำผอง กุสลธโร วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำ สหายธรรมจันทร์นิมิต จ.อุดรธานี หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำ น้อย จ.อุดรธานี หลวงพ่อปัญญา ปัญญาวัฑโฒ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริวัดป่าเวฬุวนาราม จ.เลย หลวงปู่บุญจันทร์ กตปุญโญ วัดป่ากุดฉิม จ.หนองบัวลำ ภู หลวงปู่มี ปมุตโต วัดดอยเทพนิมิต จ.อุดรธานี หลวงพ่อนิพนธ์ อภิปสันโน วัดป่าศาลาน้อย จ.เลย หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต วัดป่าภูสังโฆ จ.อุดรธานี คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ สำ นักชีบ้านห้วยทราย จ.มุกดาหาร 378


หลวงปู่ลี กุสลธโร กราบคารวะสรีระสังขารหลวงปู่คำ พอง ติสโส หลวงปู่ลี กุสลธโร, หลวงพ่อปรีดา(อ.ทุย) ฉันทกโร ณ เจดีย์หลวงปู่คำ ตัน ฐิตธัมโม วัดป่าดานศรีสำ ราญ จ.บึงกาฬ 379


ครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง หลวงพ่ออินทร์ถวาย กราบคารวะหลวงปู่ลี หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ, หลวงปู่เคน เขมาสโย, หลวงปู่ลี กุสลธโร หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ, หลวงปู่ลี กุสลธโร หลวงพ่อสุธรรม, หลวงพ่ออินทร์ถวาย, หลวงปู่ลี, สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หลวงปู่ศรี, หลวงปู่ท่อน, หลวงปู่ลี หลวงปู่บุญมี, หลวงปู่ลี, หลวงปู่บุญมา, หลวงพ่อจันทร์เรียน หลวงปู่ลี, หลวงปู่เพียร หลวงปู่ลี, สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หลวงปู่บุญมี, หลวงปู่ลี (วันละสังขารหลวงพ่อปัญญาวัฑโฒ) 380


หลวงปู่ลี กุสลธโร, หลวงพ่ออุทัย สิริธโร หลวงปู่ลี กุสลธโร, หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม หลวงปู่ลี หลวงพ่อบุญกู้ หลวงพ่ออินทร์ถวาย หลวงพ่ออินทร์ถวาย, หลวงปู่ลี, หลวงพ่ออุทัย หลวงพ่อทองอินทร์ กตปุญโญ กราบคารวะ หลวงปู่ลี กุสลธโร หลวงปู่ลี, หลวงพ่ออินทร์ถวาย หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน กราบคารวะ หลวงปู่ลี กุสลธโร ณ วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่ลี กุสลธโร, หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม 381


หลวงปู่ลี U เข้าร่วมโครงการช่วยชาติกับ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน U เมตตาธรรม สงเคราะห์โลก ฯลฯ


เป็นที่รู้กันดีทั่วไปว่า หลวงปู่ลี มีความเคารพเทิดทูนในองค์หลวงตามหาบัวเป็นอย่างมาก เมื่อองค์หลวงตามีความดำริประกาศตัวออกมาเป็นผู้นำ ในการเริ่มทอดผ้าป่าช่วยชาติไทย หรือเรื่อง สงเคราะห์โลกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตึกสงฆ์อาพาธ(อาคาร ๙๖ ปี) โรงพยาบาลอุดรธานี การตั้งมูลนิธิสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน แม้แต่ในยามที่องค์หลวงตาอาพาธหนัก หลวงปู่ ก็จะมาประจำ อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อถวายการดูแลรักษาอาการอาพาธ และธุระของครูบาอาจารย์ อย่างสุดความสามารถ จนกระทั่งองค์หลวงตาได้ละสังขาร หรือในงานพระราชทานเพลิงสรีระ สังขารองค์หลวงตา หลวงปู่ลีเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่คอยควบคุมดูแลงานทุกอย่างจนสำ เร็จลุล่วง ผ่านไปได้ด้วยดีโดยตลอด สมดังที่องค์หลวงตาได้กล่าวชื่นชมหลวงปู่ลี เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ว่า “ ธรรมลีนี่เก่งอยู่นะ ความพากเพียรนี้เก่งมาแต่ไหนแต่ไร นี่เรื่องได้ทำ บุญสนองคุณ ครูบาอาจารย์นะเรารู้ ธรรมลีเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่จะออกไปนู้นไปนี่ชั่วกาลเวลา หลักใหญ่อยู่ทีนี่ๆ ตลอด นี่ก็ให้ไปอยู่ผาแดงนะเราสั่งให้ไป ” บูชาพระคุณพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงตามหาบัว 383


สงเคราะห์โลก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปร่วมพิธีมอบทองคำ ครั้งที่ ๑๕ เพื่อนำ เข้าสู่คลังหลวงของประเทศไทย หลวงตามหาบัว หลวงปู่บุญมี หลวงปู่ลี หลวงปู่อุทัย หลวงปู่ฟัก หลวงพ่ออินทร์ถวาย หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อเมือง หลวงพ่อคลาด วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๐ ณ ศาลาใหญ่หน้าวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี 384


หลวงปู่ลี กุสลธโร มอบทองคำ -เงินไทย-ดอลลาร์ (ถวายแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อสมทบทุนเข้าโครงการช่วยชาติ, สร้างตึกสงฆ์อาพาธ และในการสงเคราะห์โลกฯลฯ) วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ๑ กก. ๘,๔๐๐ ๒๐๔ เงินญี่ปุ่น ๑๐๐ ๙ กันยายน ๒๕๔๒ ๔ กก. - ๑๐๐ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๓ ๑ กก. เช็ค ๗,๐๐๐ ๓๒ บาท ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ ๑ กก. ๑,๖๔๐ ๑๐ ๓๔ บาท ๘๔ สต. ๗ เมษายน ๒๕๔๔ ๑ กก. ๑๓,๕๐๐ ๒ ๒๖ บาท ๖ มิถุนายน ๒๕๔๔ ๒ กก. เช็ค ๒๖,๔๐๐ ๙ บาท ๒ สลึง ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ๒ กก. ๓,๒๐๐ ๓๐๕ ๓ บาท ๕๐ สต. ๙ ธันวาคม ๒๕๔๕ ๑ กก. - ๑,๙๕๑ ๘ บาท ๕๐ สต. ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๕ ๑๓ กก. ๕๐,๐๐๐ ๑,๓๗๔ ๔๑ บาท ๒๕ สต. ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ ๑๒ บาท - ๔๓๑ ๕๐ สต. ๑๒ เมษายน ๒๕๔๖ ๓ กก. ๑๑๐,๓๗๐ ๔,๐๖๕ ๑๐๐ ยูโร ๓๕ บาท เช็ค ๓๔,๕๐๐ เงินอังกฤษ ๗๕ สต. ๒๐ ปอนด์ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๖ ๑ กก. - ๑,๕๖๗ มาเลเซีย ๑๐ บาท ๗๐๐ ริงกิต ๕๐ สต. ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ๑๒ กก. - ๔๐๘ ๔๐ บาท ๕๐ สต. ๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ ๕ บาท ๒๔๙,๐๑๐ ๘๐ รวมทั้งหมด ๘๔ สต. เช็ค ๘๖,๙๐๐ ๓๓๕,๙๑๐ บ. 385


สงเคราะห์โลก วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ๑๖ บาท ๖๔๐,๐๒๐ ๕๐๐ หยวน รวมทั้งหมด ๓๕ สต. เช็ค ๓๑๘,๑๐๐ ๑๐ หยวน ๙๕๘,๑๒๐ บ. ๒๖ กันยายน ๒๕๔๗ ๓ บาท ๓๓๓,๓๘๐ ๓๔ สต. เช็ค ๘๒,๓๐๐ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ๑ กก. ๑๔ เมษายน ๒๕๔๗ ๑ บาท ๑,๓๒๐ ๑๑๔ ๙ เมษายน ๒๕๔๗ ๑๔๐ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๘ ๔๐ ๒๙,๑๐๐ ๕๐๘ รวมทั้งหมด ๘๐ สต. เช็ค ๓๔,๐๐๐ ๖๓,๑๐๐ บ. ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ ๓ กก. ๒๖๗,๘๗๐ รวมทั้งหมด ๙ บาท เช็ค ๓๓๒,๔๔๘ ๖๐๐,๓๑๘ บ. ๒๕ สต. ๑๘ กันยายน ๒๕๔๘ ๒ กก. ๑๔๐,๐๐๐ เงินเกาหลี รวมทั้งหมด ๑๘ บาท เช็ค ๒๑๘,๑๐๐ ๕๖,๙๘๐ วอน ๓๕๘,๑๐๐ บ. ๕๐ สต. ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๘ ๓ ๒๓,๑๒๐ เช็ค ๑,๕๐๐ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ๓ กก. ๕๗๐ ๙ บาท ๑ มกราคม ๒๕๔๘ ๑ บาท ๔๗,๒๐๐ รวมทั้งหมด ๔๙ สต. เช็ค ๑๖๖,๑๐๐ ๒๑๓,๓๐๐ บ. ๕ ธันวาคม ๒๕๔๙ ๓ กก. ๓๐๕,๕๐๐ ๑๙ บาท เช็ค ๑๑๘,๕๐๐ ๙๗ สต. ๗ กันยายน ๒๕๔๙ ๓ กก. ๑๖๑,๑๔๐ ๒๙๘ เงินยูโร รวมทั้งเช็ค ๔๔ บาท เช็ค ๑๘๕,๘๔๙ ๑๕ ยูโร ทั้งเงินสด ๑๓ สต. เป็นเงิน ๓๔๖,๙๘๙ บ. ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ๕ กก. ๑๐,๐๐๐ รวมทั้งหมด ๑ บาท เช็ค ๓๓๕,๑๐๐ ๓๔๕,๑๐๐ บ. ๕๐ สต. ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๒ ๓๐๐,๐๐๐ เช็ค ๑๔,๐๐๐ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ๑ บาท ๓๒๘,๕๐๐ บ. รวมทั้งหมด ๖๒.๕ สต. เช็ค ๗๑,๕๐๐ ๔๐๐,๐๐๐ บ. 386


วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ๕ บาท ๗๓๐,๐๐๐ ๕๐ สต. ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ๓ บาท ๕๐๐,๐๐๐ รวมทั้งหมด ๕๐ สต. เช็ค ๓๑๓,๐๐๐ ๘๑๓,๐๐๐ บ. ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ๑๑๒,๓๐๐ (ตึกสงฆ์) ๒๐๐,๐๐๐ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ตึกสงฆ์อาพาธ รวมทั้งหมด เช็ค ๓,๕๐๐ ๓๐๐,๐๐๐ บ. ๒๙๖,๕๐๐ บ. ๑๑ เมษายน ๒๕๕๒ สร้างตึกสงฆ์ รวมทั้งหมด เช็ค ๖๗,๐๐๐ ๓๓๘,๐๐๐ บ. ๒๗๑,๐๐๐ บ. ๔ เมษายน ๒๕๕๒ สร้างตึกสงฆ์ จำ นวน ๒๑๓ กอง เป็นเงิน ๔๒๖,๐๐๐ บ. ถวายปัจจัย สงเคราะห์โลก ๒๔,๗๐๐ บ. ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๒ สร้างตึกสงฆ์ ๒๘๘,๐๐๐ บ. อาพาธ ๒๘๐,๐๐๐ บ. เช็ค ๘,๐๐๐ บ. ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ๒๓๕,๒๐๐ รวมทั้งหมด เช็ค ๑๒๙,๘๐๐ ๓๖๕,๐๐๐ บ. ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๒ ๒ บาท สร้างตึกสงฆ์ ๓ สลึง ๒๕๐ กอง เงินสด ๕๐๐,๐๐๐ บ. ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ตึกสงฆ์อาพาธ จำ นวน ๖๐๐ กอง เป็นเงิน ๑ ล้าน ๒ แสนบาท ๒๕ มกราคม ๒๕๕๒ ตึกสงฆ์ จำ นวน ๑๑๕ กอง เป็นเงิน ๒๓๐,๐๐๐ บ. 387


สงเคราะห์โลก วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๔ มกราคม ๒๕๕๒ ตึกสงฆ์ จำ นวน ๓๔ กอง เป็นเงิน ๖๘,๐๐๐ บ. ๑ มกราคม ๒๕๕๒ ๑ กก. ๓๕๔,๐๐๐ สร้างตึกสงฆ์ ๔๗ บาท เช็ค ๑๐๐,๐๐๐ บ. จำ นวน ๑๐๕ กอง ๗๕ สต. รวม ๔๕๔,๐๐๐ บ. เป็นเงิน ๒๑๐,๐๐๐ บาท ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ๑๐ บาท ๔๑๒,๘๕๖ รวมทั้งหมด ๕๐ สต.ครึ่ง เช็ค ๓๑,๒๐๐ ๔๔๔,๐๕๖ บ. ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ๖,๒๐๐ ๑๐๐ ๙ มกราคม ๒๕๕๓ ๖๐ บาท ๑,๒๖๐,๐๐๐ ๑๐๙ รวมทั้งหมด ๕๐ สต. เช็ค ๒๙๘,๐๐๐ บ. ๑,๕๕๘,๐๐๐ บาท คิดเป็นผ้าป่า จำ นวน ๖๓๐ กอง ๑๗ เมษายน ๒๕๕๓ ๒ บาท ๔๔๒,๐๐๐ รวมทั้งหมด ๒๕ สต. เช็ค ๕๒,๒๐๐ บ. ๔๙๔,๒๐๐ บ. คิดเป็นผ้าป่า ๒๔๗ กอง ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๗ - ๕๔๓ กก. ๘๒,๑๘๖,๔๒๗ รวมเช็คและ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๒๕ สต. เช็ค ๔๒,๙๖๒,๐๖๒ เงินสดเป็นเงิน ครึ่งสลึง ๑๒๕,๑๔๘,๔๘๙ บาท ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๑๙ บาท ๑,๐๐๓,๔๐๐ รวมเช็คและ ๒๕ สต. เช็ค ๒๓๙,๐๐๐ เงินสดเป็นเงิน ๑,๒๔๒,๔๐๐ บาท ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๓๑,๗๖๐ รวมเช็คและ เช็ค ๓๐๐,๐๐๐ เงินสดเป็นเงิน ๓๓๑,๗๖๐ บาท จำ นวน ๑๖๕ กอง ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓- ๒๓ บ.ครึ่งสลึง ๑,๙๙๗,๘๗๐ รวมเช็คและ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ถวาย ณ เช็ค ๕๔๓,๓๐๐ เงินสดเป็นเงิน รพ.ศิริราช ๒,๕๔๑,๑๗๐ บาท จำ นวน ๑,๒๗๐ กอง ผ้าขาว ๗๖ พับ 388


วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๘ มกราคม ๒๕๕๔ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๔ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๔ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๔ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๔ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๔,๙๓๓,๘๓๓ บาท จำ นวน ๒,๔๖๖ กอง รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๖,๑๘๑,๕๕๔ บาท จำ นวน ๓,๐๙๐ กอง ผ้าขาว ๕๗ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๕,๖๙๘,๗๕๐ บาท จำ นวน ๒,๘๔๙ กอง ผ้าขาว ๘๕ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๙,๒๐๑,๔๖๖ บาท จำ นวน ๔,๖๐๐ กอง ผ้าขาว ๖๘ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๑๕,๒๕๑,๐๘๖ บาท รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๙,๓๐๑,๘๘๓ บาท จำ นวน ๔,๖๕๐ กอง รวมเป็นเงิน ๑๐,๓๒๓,๘๐๐ บาท จำ นวน ๕,๑๖๑ กอง ผ้าขาว ๕๔ พับ ๑ กก. ๖ บ. ๗๕ สต. ๑ กก. ๔๑ บ. ๗๕ สต. ๒ กก. ๑๓ บ. ๕๐ สต. ครึ่ง สลึง ๓ กก. ๒๘ บ. ๒๕ สต. ๓ กก. ๕๖ บ. ๒๕ สต. ๔ กก. ๕๔ บ. ๕๐ สต. ครึ่ง สลึง ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท เช็ค ๙๓๓,๘๓๓ บาท ๔,๗๐๐,๐๐๐ บ. เช็ค ๑,๔๘๑,๕๕๔ ๓,๙๗๘,๐๐๐ บ. เช็ค ๑,๗๒๐,๗๕๐ ๔,๕๘๕,๐๐๐ บ. เช็ค ๔,๖๑๖,๔๖๖ ๙,๖๒๘,๑๐๐ บ. เช็ค ๕,๖๒๒,๙๘๖ ๘,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๘,๖๖๓,๐๐๐ บ. เช็ค ๑,๖๖๐,๘๐๐ บ. 389


สงเคราะห์โลก วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ ๖ มีนาคม ๒๕๕๔ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๔ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๔ ๒ เมษายน ๒๕๕๔ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๑๑,๙๙๗,๗๔๖ บ. จำ นวน ๕,๙๙๘ กอง ผ้าขาว ๙๓ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๑๕,๗๘๙,๔๖๒ บ. จำ นวน ๗,๘๙๔ กอง ผ้าขาว ๑๙๙ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๖,๕๒๙,๙๖๙ บ. จำ นวน ๓,๒๖๔ กอง ผ้าขาว ๓๑ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๒,๔๗๓,๗๐๐ บ. รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๒,๔๔๖,๑๐๐ บ. ผ้าขาว ๙ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๑,๐๗๙,๗๕๒ บ. ผ้าขาว ๒๑ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๗,๙๖๙,๐๐๐ บ. ผ้าขาว ๗ พับ ๘ กก. ๓๒ บ. ครึ่งสลึง ๑๔ กก. ๔๙ บ. ๒๕ สต. ๕ กก. ๒๘ บ. ๔๙ บ. ๒๔ สต. ๕๖ บ. ๒๕ สต. ๑๓ บ. ๒๕ สต. ๒๒ บ. ๖,๐๑๐,๐๐๐ บ. เช็ค ๕,๙๘๗,๗๔๖ ๑๒,๑๔๓,๐๐๐ บ. เช็ค ๓,๖๔๖,๔๖๒ ๕,๗๐๕,๐๐๐ บ. เช็ค ๘๒๔,๙๖๙ ๒,๒๕๐,๐๐๐ บ. เช็ค ๒๒๓,๗๐๐ ๑,๕๙๘,๐๐๐ บ. เช็ค ๘๔๘,๑๐๐ ๙๑๗,๐๐๐ บ. เช็ค ๑๖๒,๗๕๒ ๙๑๒,๐๐๐ บ. เช็ค ๗,๐๕๗,๐๐๐ 390


วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๙ เมษายน ๒๕๕๔ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๔ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๔ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔ รวมยอดทองคำ ตั้งแต่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๗ – ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๑,๐๔๐,๐๐๐ บ. ผ้าขาว ๒๐ พับ รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๑,๕๗๙,๒๒๐ บ. รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๒,๒๕๒,๐๐๐ บ. รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๒,๔๗๓,๗๐๐ บ. รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๕๙๒,๔๓๐ บาท รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๗๕๕,๕๐๐ บ. รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน วัน ๓ พ.ค.๔๗ - ๕ พ.ค.๕๔ เป็นเงิน ๒๔๔,๖๒๔,๓๑๘ บาท รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๓,๓๒๘,๕๕๙ บ. ๒๗ กก. ๑๓ บ. ๗๕ สต. ๓๔ บ. ๒๕ สต. ๓๙ บ. ๕๗ สต. ครึ่งสลึง ๔ กก. ๓๔ บ. ๓๐ สต. ๑ กก. ๓๘ บ. ๑ กก. ๕๗ บ. ๖๖๐ กก. ๑๒ บ. ๗ สต. ๘๔๐,๐๐๐ บ. เช็ค ๒๐๐,๐๐๐ ๑,๒๑๗,๐๐๐ บ. เช็ค ๓๖๒,๒๒๐ ๒,๑๔๔,๐๐๐ บ. เช็ค ๑๐๘,๐๐๐ ๑,๘๒๖,๐๐๐ บ. เช็ค ๒๕๗,๐๐๐ ๕๗๖,๙๓๐ บ. เช็ค ๑๕,๕๐๐ ๕๒๑,๐๐๐ บ. เช็ค ๒๓๔,๕๐๐ ๑๖๓,๖๗๖,๔๘๗ บ. เช็ค ๘๐,๙๔๗,๘๓๑ ๑๐,๑๗๙,๖๑๑.๘๘ ๒,๗๐๘,๗๐๐ บ. ๑,๕๓๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๔,๒๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๒,๘๔๓,๐๐๐ บ. เช็ค ๔๘๕,๕๕๙ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. 391


สงเคราะห์โลก วัน/เดือน/ปี ทองคำ เงินบาทไทย เงินดอลลาร์ เงินสกุลอื่นๆ หมายเหตุ (บาท) (ดอลลาร์) ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๔ ๔ กันยายน ๒๕๕๔ รวมยอดเงินทั้งหมด ตั้งแต่วัน ที่ ๓ พ.ค. ๒๕๔๗- ๔ ก.ย. ๒๕๕๔ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๒ มกราคม ๒๕๕๕ ๗ มกราคม ๒๕๕๕ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๕ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๕ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๕ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๕ ยอดรวมทั้งหมด เป็นเงินหลวงปู่ทั้งหมด ๕๓ ล้าน รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๒๗๕,๓๑๑,๘๓๙.๘๘ บาท รวมเช็คและ เงินสดเป็นเงิน ๔,๔๔๓,๕๒๔ บ. ๖,๐๐๔,๒๐๑ บ. ๑,๑๑๐,๒๕๐ บ. ๑๙๓,๘๗๘,๔๔๙.๘๘ บาท เช็ค ๘๑,๔๓๓,๓๙๐ บาท ๒,๐๗๖,๑๗๐ บ. เช็ค ๒,๓๖๗,๓๕๔ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๒,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๒,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๑,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๓,๐๐๐,๐๐๐ บ. ๘,๐๐๐,๐๐๐ บ. (ครบ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท) ๑๐๑,๗๒๗,๐๒๕ บาท ๕๓,๑๔๔,๔๕๙ บาท * หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมดที่ได้แสดงให้ได้ศึกษานี้เป็นเพียงบางส่วน และยังหาข้อมูลที่เหลือไม่ได้อีกมากมายฯลฯ เข้าเฝ้าและกราบเยี่ยมอาการพระประชวร สมเด็จพระ สังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวัฑฒโน) โดยมี องค์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่ลี กุสลธโร และหลวง พ่ออุทัย สิริธโร ได้ติดตามไปร่วมในพิธีบำ เพ็ญกุศลเป็นการ ส่วนพระองค์ พร้อมนี้ทรงร่วมถวายทองคำ ด้วย เมื่อวันที่ ๑๓ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ ณ ตึกวชิรญาณสามัคคี พยาบาลชั้น ๖ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร 392


สงเคราะห์โลก (คณะสงฆ์โดยการนำของท่านอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ได้มอบปัจจัยเป็นกองทุนสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน เป็นปฐมฤกษ์จำ นวนเงิน ๑ ล้านบาทถ้วน เปิดบัญชีที่ธนาคาร กรุงไทย สาขาอุดรธานี เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาค สมทบกองทุนวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ได้มีโอกาสร่วมบำ เพ็ญ มหากุศลโดยทั่วหน้ากัน และเพื่อให้การบริหารจัดการกองทุนเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย คณะสงฆ์จึงได้มีมติจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร กองทุนดังกล่าว โดยมีหลวงปู่ลี วัดถ้ำ ผาแดง เป็นประธาน กรรมการ) นี่เราก็เห็นด้วยแล้ว เมื่อวานนี้เขาประชุมกันเรียบร้อยก็มาหาเรา เราไม่ได้ไปประชุม ว่าได้มอบเงินให้เป็นกองทุน ๑ ล้านบาท เราก็ ให้พร้อมในขณะเดียวกันเลยเมื่อวานนี้ ๑ ล้านบาทเหมือนกัน เป็นกองทุนเรียกว่าได้เงิน ๒ ล้านแล้ว เราคิดทุกด้านทุกทางเพื่อพี่น้องชาวไทยลูกหลานไทยเรา เราไม่หวังอะไรแหละเราพูดตรงๆ ถ้าพูด ทางด้านจิตใจเราก็พอเต็มที่แล้ว พูดถึงอย่างอื่นก็เหลือเฟือดังที่เห็น แต่ที่คิดไปภายนอกกระจาย ออกไปเพื่อลูกหลานของเรานั่นละบกพร่อง เราจึงได้อุตส่าห์พยายามคิดไว้ทุกด้านทุกทาง เมื่ออยู่ ในฐานะพอเป็นไปได้อยู่ เราก็พาตะเกียกตะกายอย่างนี้แหละ (โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เปิดสิ่งที่ไม่มีราค่ำราคาออก) หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นประธานกรรมการบริหารกองทุนสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน 394


ในสมัยที่หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท พักอาพาธอยู่ที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำ เภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี หลวงปู่ลีมักจะมากราบคารวะเยี่ยมเยียนท่านอยู่เสมอ และองค์หลวงปู่เจี๊ยะ ท่านก็ชื่นชมหลวงปู่ลีเป็นอย่างมากเช่นกัน ท่านทั้งสองจึงมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน หลวงปู่ลี กุสลธโร กราบเยี่ยมหลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท 395


สงเคราะห์โลก พิธีเททองหล่อรูปเหมือน พระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท) ณ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำ เภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙ เวลา ๑๐.๐๐ น. โดยมีพระเถระที่มาร่วมพิธี ดังนี้ หลวงปู่ลี กุสลธโร (เป็นองค์ประธานในพิธี) หลวงปู่มหาเนียม สุวโจ หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม พระอาจารย์บุญช่วย ปัญญวันโต พิธีหล่อรูปเหมือนหลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท จำ นวน ๔ องค์ เพื่อนำ ไปประดิษฐานที่ ๑. วัดทรายงาม (วัดบ้านเกิดของหลวงปู่) บ้านหนองบัว อำ เภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ๒. วัดป่าพระอาจารย์มั่น อำ เภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ๓. วัดถ้ำช้างร้อง ภายในวนอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดตาก ๔. พระอาจารย์เข่ง ท่านจะนำ ไปประดิษฐานไว้ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ชาวพุทธศาสนิกชน ในมาเลเซียได้มีโอกาสกราบไหว้สักการบูชา 396


หลวงปู่มหาเนียม สุวโจ 397


สงเคราะห์โลก พิธีวางศิลาฤกษ์ ณ โรงพยาบาลอุดรธานี ๑๘ มกราคม ๒๕๕๒ ผลงานด้านวัตถุสิ่งสุดท้ายที่องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านเมตตาช่วยเหลือ คือ การสร้างตึกสงฆ์อาพาธ ๑๐ ชั้น ในโรงพยาบาลอุดรธานี มูลค่าการก่อสร้าง ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน) 398


หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป หลวงปู่สวัสดิ์ ขันติโก หลวงปู่ลี กุสลธโร หลวงพ่อสิงห์ อินทปัญโญ หลวงพ่ออุทัย สิริธโร หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก หลวงพ่อคูณ สุเมโธ หลวงพ่อเมือง พลวัฑโฒ หลวงพ่อชาลี ถิรธัมโม ตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลอุดร ศิลาฤกษ์ 399


Click to View FlipBook Version