The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by แก้มป่อง แก้มหอม, 2022-09-16 00:32:52

หลักสูตรโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย

หลักสูตรโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย

150

คาอธิบายรายวิชา

ว 32244 ชวี วทิ ยา 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้

วทิ ยาศาสตร์

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ชว่ั โมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ศกึ ษาวเิ คราะห์อาหารและการยอ่ ยอาหาร การสลายสารอาหารระดบั เซลล์ การรักษาดลุ ยภาพ

ในรา่ งกาย ระบบหายใจกบั การรกั ษาดุลยภาพในร่างกาย รา่ งกาย ระบบขับถ่ายกับการรกั ษาดุลยภาพใน

ร่างกาย และระบบหมนุ เวยี นเลอื ดกบั การรักษาดุลยภาพในรา่ งกาย การรักษาดลุ ยภาพของร่างกายสัตว์และ

มนุษย์ โดยการทางานของระบบหายใจ ระบบขัยถ่าย ระบบหมนุ เวียนเลอื ด ระบบนา้ เหลือง การสรา้ ง

ภมู คิ มุ้ กนั การทางานของระบบยอ่ ยอาหาร และการสลายอาหารเพ่ือให้ไดพ้ ลังงานในร่างกายสตั วแ์ ละมนุษย์

151

ตลอดทง้ั สามารถนาความรู้เร่อื งการย่อยอาหารแลการสลายสารอาหารเพอื่ ใหไ้ ดพ้ ลงั งาน และการรักษาดลุ ย
ภาพของมนษุ ยม์ าประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั

ทกั ษะ ใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สารวจตรวจสอบ การสังเกต การ
สืบคน้ ข้อมูล การทดลองการอภิปรายสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจส่อื สารส่ิงทเ่ี รียนรู้

คุณลักษณะ มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ นาความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ดแู ลสง่ิ มชี ีวติ อ่ืน เฝ้า
ระวัง พฒั นาสงิ่ แวดล้อมอย่างยงั่ ยนื มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรมคณุ ธรรมและค่านิยม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพื่อ
บรรลุเปา้ หมายของหลกั สตู รโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู
1. สืบคน้ ข้อมลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและกระบวนการยอ่ ยอาหารของสัตว์ทีไ่ มม่ ี

ทางเดินอาหาร สตั วท์ ีม่ ีทางเดินอาหารแบบไมส่ มบรู ณ์ และสัตวท์ มี่ ที างเดินอาหาร
แบบสมบูรณ์

2. สงั เกต อธิบาย การกนิ อาหารของไฮดรา และพลานาเรยี
3. อธิบายเกีย่ วกบั โครงสรา้ ง หน้าที่ และกระบวนการยอ่ ยอาหาร และการดูดซมึ สารอาหารภายใน
ระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์
4. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และเปรียบเทียบโครงสร้างที่ทาหนา้ ท่แี ลกเปลยี่ นแก๊สของฟองนา้
ไฮดราพลานาเรีย ไส้เดือนดนิ แมลง ปลา กบ และนก
5. สังเกต และอธบิ ายโครงสรา้ งของปอดในสตั วเ์ ลี้ยงลกู ด้วยน้านม
6. สบื คน้ ข้อมูล อธิบายโครงสรา้ งท่ีใช้ในการแลกเปลี่ยนแกส๊ และกระบวนการแลกเปลี่ยนแกส๊ ของ
มนุษย์
7. อธบิ ายการทางานของปอด และทดลองวัดปริมาตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์
8. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ ายและเปรยี บเทียบระบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบเปดิ และระบบหมุนเวียนเลือด
แบบปดิ
9. สงั เกต และอธบิ ายทศิ ทางการไหลของเลือดและการเคลอื่ นทขี่ องเซลล์เม็ดเลอื ดในหางปลาและ
สรุปความสมั พนั ธร์ ะหว่างขนาดของหลอดเลือดกับความเร็วในการไหลของเลอื ด
10. อธิบายโครงสร้างและการทางานของหัวใจและหลอดเลือดในมนษุ ย์
11. สังเกต และอธบิ ายโครงสรา้ งหัวใจของสัตว์เลย้ี งลูกดว้ ยน้านม ทศิ ทางการไหลของเลอื ดผา่ น
หัวใจของมนุษย์ และเขียนแผนผังสรปุ การหมุนเวียนเลือดของมนษุ ย์
12. สืบค้นข้อมลู ระบุความแตกตา่ งของเซลล์เม็ดเลอื ดแดง เซลล์เม็ดเลอื ดขาวเพลตเลต และ
พลาสมา
13. อธบิ ายหมู่เลือดและหลักการให้และรับเลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh

152

14. อธบิ าย และสรุปเกี่ยวกับส่วนประกอบและหนา้ ทีข่ องน้าเหลือง รวมทั้งโครงสร้างและหน้าที่
ของหลอดน้าเหลอื ง และตอ่ มนา้ เหลอื ง

15. สบื ค้นข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทยี บกลไกการต่อตา้ นหรอื ทาลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่
จาเพาะและแบบจาเพาะ

16. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บการสร้างภูมิคุม้ กนั กอ่ เองและภูมคิ ุ้มกันรับมา
17. สืบค้นขอ้ มูล และอธิบายเกี่ยวกับความผิดปกตขิ องระบบภมู คิ ุ้มกันที่ทาให้เกิดเอดส์ ภูมแิ พ้
การสร้างภูมิต้านทานตอ่ เนื้อเย่ือตนเอง
18. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งและหนา้ ทใี่ นการกาจัดของเสยี ออกจาก
รา่ งกายของฟองน้า ไฮดรา พลานาเรียไส้เดอื นดนิ แมลง และสัตว์มีกระดูกสันหลงั
19. อธิบายโครงสร้างและหน้าทข่ี องไต และโครงสร้างท่ีใช้ลาเลยี งปัสสาวะออกจากรา่ งกาย
20. อธบิ ายกลไกการทางานของหนว่ ยไต ในการกาจดั ของเสียออกจากร่างกาย และเขียนแผนผงั
สรปุ ข้ันตอนการกาจดั ของเสยี ออกจากรา่ งกายโดยหนว่ ยไต
21. สืบค้นข้อมูล อธบิ าย และยกตัวอยา่ งเกยี่ วกับความผดิ ปกติของไตอันเน่ืองมาจากโรคตา่ ง ๆ

รวมทัง้ หมด 21 ผลการเรยี นรู้

153

คาอธบิ ายรายวชิ า

ว 32244 ชวี วิทยา 4 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์

ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชัว่ โมง จานวน 1.5 หน่วยกิต

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ศึกษาวเิ คราะหเ์ น้อื เยอ่ื พืช โครงสร้างและหน้าท่ขี องราก โครงสรา้ งและหน้าท่ีของลาตน้ โครงสร้าง

และหน้าทขี่ องใบ การคายนา้ ของพืช การลาเลียงนา้ ของพชื การลาเลยี งธาตอุ าหารของพชื การลาเลยี ง

สารอาหารขอพชื การคน้ คว้าที่เกยี่ วข้องกบั กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วย

แสงโฟโตเรสไพเรชนั กลไกการเพ่ิมความเขม้ ข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในพชื C4 กลไกการเพ่ิมความเข้มข้น

ของคาร์บอนไดออกไซด์ในพชื CAMปจั จยั บางประการทีม่ ผี ลตอ่ การสังเคราะห์ด้วยแสง การปรบั ตัวของพืช

เพ่อื รับแสงการสืบพันธ์ุแบบอาศยั เพศของพืชดอก การสืบพันธ์แุ บบไม่อาศยั เพศของพชื ดอก การเจรญิ เตบิ โต

ของพชื การควบคุมการเจรญิ เติบโตของพชื การตอบสนองของพืชตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ

การสงั เกตการสบื ค้นขอ้ มูล การอภิปราย สรปุ เพื่อใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สอื่ สารส่งิ ที่เรียนรู้

มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ นาความรไู้ ปใช้ในชีวติ ของตนเอง ดูแลรกั ษาสงิ่ มชี ีวิตอนื่ เฝ้าระวงั และพัฒนา

ส่ิงแวดลอ้ มอย่างยั่งยืน มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านิยม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน

อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบ

วินัย มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพื่อ

บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู
1. อธิบายเกย่ี วกับชนดิ และลักษณะของเนื้อเย่อื พืชและเขียนแผนผงั เพ่ือสรปุ ชนดิ ของเนื้อเยื่อพืช
2. สงั เกต อธิบาย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งภายในของรากพืชใบเล้ยี งเดี่ยวและรากพืชใบเลย้ี งคจู่ าก
การตดั ตามขวาง
3. สังเกต อธิบาย และเปรยี บเทยี บโครงสรา้ งภายในของลาต้นพชื ใบเล้ยี งเด่ียวและลาตน้ พืชใบเลี้ยงคู่
จากการตดั ตามขวาง
4. สงั เกต และอธิบายโครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตามขวาง
5. สืบคน้ ข้อมูล สังเกต และอธบิ ายการแลกเปล่ียนแกส๊ และการคายน้าของพชื
6. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายกลไกการลาเลยี งนา้ และธาตอุ าหารของพืช
7. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายความสาคญั ของธาตอุ าหารและยกตวั อยา่ งธาตุอาหารที่สาคญั ท่มี ีผลต่อการ
เจรญิ เติบโตของพืช
8. อธบิ ายกลไกการลาเลยี งอาหารในพชื

154

9. สบื ค้นข้อมลู และสรปุ การศกึ ษาทไ่ี ด้จากการทดลองของนักวทิ ยาศาสตรใ์ นอดตี เกี่ยวกบั กระบวนการ
สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

10. อธิบายขน้ั ตอนท่เี กิดข้ึนในกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื C3
11. เปรยี บเทียบกลไกการตรงึ คารบ์ อนไดออกไซดใ์ นพชื C3 พชื C4 และ พืช CAM
12. สบื ค้นข้อมลู อภิปราย และสรปุ ปัจจยั ความเขม้ ของแสง ความเขม้ ข้นของคาร์บอนไดออกไซดแ์ ละ

อุณหภมู ิ ที่มีผลตอ่ การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื
13. อธบิ ายวฏั จักรชีวติ แบบสลบั ของพชื ดอกอธิบาย และเปรียบเทยี บกระบวนการสรา้ งเซลล์สืบพนั ธ์เุ พศ

ผ้แู ละเพศเมียของพืชดอกและอธิบายการปฏิสนธิของพืชดอก

รวมทั้งหมด 14 ผลการเรยี นรู้

155

คาอธิบายรายวชิ า

ว 32245 ชวี วิทยา 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ช่วั โมง จานวน 1.5 หน่วยกิต

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ศกึ ษาเกีย่ วกับความหลากหลายทางชีวภาพและความยง่ั ยนื ของสิ่งแวดลอ้ ม ความหลากหลายของ
สิง่ มชี วี ติ การศกึ ษาความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต กาเนิดของชีวติ อาณาจักรของสิ่งมชี วี ติ ความหลากหลาย
ทางชีวภาพในประเทศไทย การสญู เสียความหลากหลายทางชีวภาพ ศึกษาเกย่ี วกบั ประชากร ความหนาแนน่
และการแพร่กระจายของประชากร ขนาดของประชากร รูปแบบการเพ่มิ ของประชากร การรอดชีวิตของ
ประชากร ประชากรมนุษย์ ศกึ ษาโครงสรางและอวัยวะท่ใี ชในการเคลอื่ นท่ีของสง่ิ มีชวี ิตเซลลเดียวของสตั ว
และมนษุ ย ศึกษาระบบประสาทและอวัยวะรบั ความรูสกึ การรับรูและตอบสนองของส่งิ มีชวี ิตเซลลเดยี ว ของ
สัตวและมนุษย เซลลประสาทและการทางานของเซลลประสาท สมองและไขสนั หลงั ที่เปนศูนยควบคมุ ระบบ
ประสาทการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอัตโนวัติ โครงสรางและการทางานของ
อวัยวะรับความรสู กึ ทีเ่ กีย่ วกับนยั นตากบั การมองเห็น หกู ับการไดยิน จมูกกับการดมกลิน่ ลิ้นกบั การรบั รส
และผวิ หนงั กบั การรบั ความรูสกึ ศกึ ษาการสบื พันธแุ์ บบไมอ่ าศัยเพศและการสืบพันธุ์แบบอาศยั เพศของสัตว์
ศึกษาระบบตอมไรทอโครงสรางและการทางานของตอมไรทอ ฮอรโมนจากตอมไรทอและอวัยวะที่สาคัญ การ
รักษาดุลยภาพของรางกายดวยฮอรโมนและฟโรโมนในสัตว ศึกษาพฤติกรรมของสัตว กลไกการเกิดพฤตกิ รรม
ของสตั ว พฤตกิ รรมเปนมาแตกาเนดิ และพฤติกรรมเรียนรคู วามสัมพันธระหวางพฤติกรรมกับพัฒนาการของ
ระบบประสาท การส่ือสารระหวางสัตวโดยการใชเสียง ทาทาง และสารเคมี ศึกษาเกีย่ วกับความหลากหลาย
ของระบบนเิ วศ ความสัมพนั ธใ์ นระบบนเิ วศและการหมุนเวยี นสาร ศึกษาเก่ยี วกบั มนุษยก์ ับความยั่งยืนของ
สงิ่ แวดลอ้ ม ทรพั ยากรธรรมชาติ การใชป้ ระโยชน์ ปัญหาและการจัดการ หลักอนรุ ักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ และชนดิ พันธ์ุตา่ งถิ่นที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ ม

156

โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร กระบวนการสบื เสาะหาความรู การสืบคนขอมูลการสงั เกต
การวิเคราะห การทดลอง อภิปรายการอธิบาย และสรุป เพ่ือให เกิดความรูความคิดความเขาใจ มี
ความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารส่ิงที่เรียนรูและนาความรูไปใชในชีวิตของตนเองมีจิตวิทยาศาสตร
จริยธรรม คุณธรรม และคานยิ ม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพ่ือ
บรรลุเปา้ หมายของหลักสตู รโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นรู

1.อภิปรายความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยงระหว่างความ
หลากหลายทางพนั ธุกรรม ความหลากหลายของสปีชสี ์ และความหลากหลายของระบบนิเวศ

2.อธิบายการเกดิ เซลลเ์ ร่ิมแรกของสงิ่ มีชวี ติ และววิ ฒั นาการของส่ิงมีชีวติ เซลล์เดยี ว
3.อธิบายลักษณะสาคัญ และยกตวั อย่างสิ่งมชี วี ติ กลุ่มพชื ส่ิงมีชีวติ กลมุ่ ฟังไจ และส่ิงมชี ีวติ กลุ่มสัตว์
4.อธิบาย และยกตวั อยา่ งการจาแนกสิ่งมชี ีวติ จากหมวดหมู่ใหญ่จนถงึ หมวดย่อย และวิธกี ารเขยี นชื่อ
วทิ ยาศาสตร์ในลาดบั ขนั้ สปชี สี ์
5. สรา้ งไดโทมัสคยี ใ์ นการระบสุ ิ่งมีชวี ติ หรอื ตัวอย่างที่กาหนดออกเปน็ หมวดหมู่
6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทของไฮดรา พลานา
เรีย ไส้เดอื นดิน กงุ้ หอย แมลง และสตั วม์ กี ระดูกสันหลัง
7. อธบิ ายเก่ยี วกับโครงสรา้ งและหน้าที่ของเซลล์ประสาท
8. อธิบายเกี่ยวกบั การเปลย่ี นแปลงของศักยไ์ ฟฟ้าทเ่ี ยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาท และกลไกการ
ถา่ ยทอดกระแสประสาท
9. อธบิ าย และสรุปเกยี่ วกบั โครงสรา้ งของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก
10. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ ายโครงสร้างและหน้าท่ขี องส่วนตา่ งๆ ในสมองส่วนหนา้ สมองสว่ นกลาง

157

สมองส่วนหลงั และไขสันหลัง
11. สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย เปรยี บเทยี บและยกตวั อยา่ งการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ และ

ระบบประสาทอตั โนวตั ิ
12. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี อง ตา หู จมกู ลิ้น และผิวหนังของมนุษย์ ยกตัวอยา่ ง

โรคต่างๆ ที่เก่ยี วข้อง และบอกแนวทางในการดูแลปอ้ งกนั และรกั ษา
13. สังเกตและอธิบายการหาตาแหนง่ ของจุดบอดโฟเวีย และความไวในการรับสัมผสั ของผิวหนัง
14. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของอวยั วะทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการเคล่ือนที่

ของแมงกะพรนุ หมกึ ดาวทะเล ไส้เดอื นดิน แมลง ปลา และนก
15. สบื คน้ ขอ้ มูล และอธิบายโครงสร้างและหนา้ ที่ของกระดูกและกล้ามเนอื้ ที่เกี่ยวข้องกับการ

เคลอื่ นไหวและการเคลื่อนท่ีของมนุษย์
16. สังเกต และอธิบายการทางานของข้อต่อชนดิ ตา่ งๆ และการทางานของกล้ามเนอื้ โครงรา่ งที่

เกย่ี วข้องกับการเคลอ่ื นไหวและการเคลอ่ื นที่ของมนุษย์
17. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบาย และยกตวั อย่างการสืบพันธุแ์ บบไมอ่ าศัยเพศและการสบื พันธ์ุแบบอาศยั เพศ
18. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องอวัยวะในระบบสบื พนั ธุเ์ พศชายและระบบสืบพนั ธุ์

เพศหญงิ
19. อธิบายกระบวนการสรา้ งสเปิร์ม กระบวนการสรา้ งไข่ การปฏสิ นธใิ นมนษุ ย์
20. อธบิ ายการเจริญเตบิ โตระยะเอม็ บริโอและระยะหลงั เอ็มบริโอของกบไก่ และมนุษย์
21. สบื คน้ ข้อมูล อธิบาย และเขยี นแผนผงั สรุปหน้าทีข่ องฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และเนื้อเย่อื ที่สร้าง

ฮอร์โมน
22. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย เปรยี บเทยี บ และยกตวั อย่างพฤตกิ รรมทเี่ ป็นมาแตก่ าเนดิ และพฤตกิ รรมที่

เกดิ จากการเรยี นร้ขู องสตั ว์
23. สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างความสมั พันธ์ระหวา่ งพฤติกรรมกบั วิวฒั นาการของระบบ

ประสาท
24. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และยกตวั อย่างการสื่อสารระหวา่ งสัตว์ท่ีทาให้สัตวแ์ สดงพฤติกรรม
25. วเิ คราะห์ อธิบาย และยกตัวอยา่ งกระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนิเวศ
26. อธบิ าย ยกตวั อย่างการเกดิ ไบโอแมกนฟิ เิ คชันและบอกแนวทางในการลดการเกดิ ไบโอแมกนฟิ เิ ค

ชัน
27. สืบค้นข้อมูล และเขียนแผนภาพ เพือ่ อธิบายวัฏจักรไนโตรเจน วฏั จกั รกามะถัน และวัฏจักร

ฟอสฟอรัส
28. สืบคน้ ขอ้ มูล ยกตัวอย่าง และอธิบายลกั ษณะของไบโอมทีก่ ระจายอย่ตู ามเขตภมู ศิ าสตร์ต่างๆ บน

โลก
29. สบื คน้ ข้อมูล ยกตวั อยา่ ง อธิบาย และเปรยี บเทียบการเปลีย่ นแปลงแทนทแ่ี บบปฐมภูมิ และการ

เปล่ยี นแปลงแทนทแ่ี บบทตุ ยิ ภมู ิ

158

30. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ าย ยกตัวอยา่ ง และสรปุ เกี่ยวกับลกั ษณะเฉพาะของประชากรของสิ่งมีชวี ติ บาง
ชนิด

31. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายเปรียบเทยี บ และยกตวั อย่างการเพิ่มของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชยี ล
และการเพ่มิ ของประชากรแบบลอจิสติก

32. อธิบาย และยกตัวอย่างปจั จยั ทีค่ วบคุมการเติบโตของประชากร
33. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ปญั หาการขาดแคลนน้า การเกดิ มลพษิ ทางน้า และผลกระทบท่ีมีตอ่
มนษุ ย์และส่ิงแวดล้อม รวมทัง้ เสนอแนวทางการวางแผนการจัดการนา้ และการแกไ้ ขปัญหา
34. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ปญั หามลพิษทางอากาศ และผลกระทบท่ีมีต่อมนุษยแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม
รวมท้งั เสนอแนวทางการแก้ไขปญั หา
35. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ปญั หาท่ีเกดิ กับทรพั ยากรดนิ และผลกระทบทม่ี ตี ่อมนุษยแ์ ละ
ส่ิงแวดล้อม รวมท้งั เสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหา
36. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ปัญหา ผลกระทบที่เกดิ จากการทาลายป่าไม้ รวมทัง้ เสนอแนวทางใน
การป้องกันการทาลายปา่ ไมแ้ ละการอนุรกั ษ์ป่าไม้
37. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรุปปัญหา ผลกระทบท่ที าใหส้ ัตวป์ า่ มจี านวนลดลง และแนวทางในการ
อนรุ ักษส์ ตั ว์ปา่

รวมทั้งหมด 37 ผลการเรียนรู้

คาอธบิ ายรายวชิ า

ว33141 วิชาชวี วทิ ยาพนื้ ฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

159

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ชั่วโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกิต

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ศกึ ษาเก่ียวกบั ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนทใี่ นระบบนเิ วศ การใช้

ทรัพยากรของมนษุ ย์ การใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและผลกระทบทม่ี ตี ่อทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ

สง่ิ แวดลอ้ มแนวทาง

ในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปัญหาสิง่ แวดล้อมรวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ โครงสร้าง

ของเซลล์ การลาเลยี งสารผา่ นเซลล์ การรกั ษาดุลยภาพของรา่ งกาย พืช สัตว์ ในรา่ งกายมนุษย์ การสร้าง

ภูมิค้มุ กัน กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง การเจรญิ เติบโตของพืช การควบคมุ การเจริญเตบิ โตของพชื

การตอบสนองของพืชต่อส่งิ แวดล้อม

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้น

ข้อมลู และการอภปิ ราย เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิด สามารถสอื่ สารส่งิ ทเ่ี รยี นรู้ มคี วามสามารถ

ในการตดั สินใจ เหน็ คณุ ค่าของการนาความร้ไู ปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม

คุณธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน

อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบ

วินัย มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพื่อ

บรรลุเปา้ หมายของหลกั สูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล

รหสั ตวั ชี้วดั ว 1.1 ม.4/2 ว 1.1 ม.4/3 ว 1.1 ม.4/4
ว 1.1 ม.4/1 ว 1.2 ม.4/2 ว 1.2 ม.4/3 ว 1.2 ม.4/4
ว 1.2 ม.4/1 ว 1.2 ม.4/6 ว 1.2 ม.4/7 ว 1.2 ม.4/8
ว 1.2 ม.4/5 ว 1.2 ม.4/10 ว 1.2 ม.4/11 ว 1.2 ม.4/12
ว 1.2 ม.4/9

รวมทัง้ สนิ้ 16 ตวั ชวี้ ัด

160

คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ สาระการเรยี นร้เู พ่ิมเตมิ

รหัส ว 31221 วชิ า เคมี 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4

ภาคเรยี นท่ี 2 เวลาเรยี น 60 ช่วั โมง จานวน 1.5 หน่วยกติ

......................................................................................................................................................................

ศึกษาขอ้ ปฏบิ ัตเิ บือ้ งตน้ ในการทาปฏิบัติการเคมี การเลอื กใช้อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมอื ในการทา

ปฏิบัติการ

การระบหุ น่วยวัด ปริมาณตา่ งๆ ของสาร การเปล่ียนหนว่ ยในระบบเอสไอดว้ ยการใชแ้ ฟกเตอร์เปล่ียนหนว่ ย

ศกึ ษาแบบจาลองอะตอม สัญลกั ษณ์ นวิ เคลยี ร์ของธาตุ อนภุ าคมูลฐานของอะตอม การจัดเรียงอิเล็กตรอนใน

อะตอม

การจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ แนวโน้มสมบตั ิบาง ประการของธาตใุ นตารางธาตุตามหมู่และตามคาบ สมบัติ

ของธาตโุ ลหะแทรนซิชัน การเปรียบเทียบสมบัตกิ ับธาตโุ ลหะในกลุ่มธาตุ เรพรเี ซนเททีฟ ศกึ ษาและอธิบาย

สมบตั ิและคานวณคร่งึ ชวี ติ ของไอโซโทปกมั มันตรังสี ยกตัวอย่างการนาธาตมุ าใชป้ ระโยชน์ รวมท้ังผลกระทบ

ต่อสิง่ มชี ีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม ศึกษาการเกดิ พนั ธะไอออนิก สูตรและการเรียกช่อื สารประกอบไอออนิก การ

เปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิดสารประกอบไอออนิก สมบตั ิของสารประกอบไอออนิก ปฏกิ ิรยิ าของ

สารประกอบไอออนิก ศึกษา การเกิดพนั ธะและชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ การเขียนสูตรและเรยี กชื่อสารโคเว

เลนต์ ความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ พลงั งานท่ีเก่ียวข้องกับปฏิกิริยาของสารโคเวเลนต์

รปู รา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ สภาพขวั้ ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ สมบัตขิ อง

สารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย ศึกษาการเกดิ โลหะและสมบตั ขิ องโลหะ

โดยใชก้ ารเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ

สามารถนาความรแู้ ละ หลักการไปใชป้ ระโยชน์ เช่ือมโยง อธบิ ายปรากฏการณ์ หรอื แกป้ ญั หาในชีวิตประจ

าวัน สามารถจัดกระทาและวิเคราะหข์ ้อมูล สอ่ื สารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจแก้ปัญหา มจี ติ

วทิ ยาศาสตร์ เห็นคุณค่าของวิทยาศาสตร์ มีจริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน

อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบ

วินัย มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อ

บรรลเุ ป้าหมายของหลักสูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้
1. บอกและอธบิ ายข้อปฏิบัติเบอื้ งตน้ และปฏบิ ัติตนท่แี สดงถึงความตระหนกั ในการทาปฏิบัตกิ ารเคมี

เพื่อให้มคี วามปลอดภยั ทั้งตอ่ ตนเอง ผูอ้ ่นื และส่งิ แวดลอ้ ม และเสนอแนวทางแก้ไขเม่อื เกดิ อุบัตเิ หตุ

161

2. เลือกและใช้อปุ กรณ์หรือเคร่ืองมอื ในการท าปฏบิ ัตกิ าร และวัดปรมิ าณตา่ ง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
3. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลอง และเขยี นรายงานการทดลอง
4. ระบหุ น่วยวดั ปรมิ าณตา่ ง ๆ ของสาร และเปล่ียนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอดว้ ยการใช้
แฟกเตอร์เปลย่ี นหนว่ ย
5. สบื ค้นขอ้ มูลสมมตฐิ าน การทดลอง หรือผลการทดลองที่เปน็ ประจกั ษ์พยานในการเสนอ
แบบจาลองอะตอมของนักวทิ ยาศาสตร์ และอธบิ าย วิวฒั นาการของแบบจาลองอะตอม
6. เขยี นสญั ลักษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุ และระบจุ านวนโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอนของอะตอม
จากสัญลกั ษณน์ วิ เคลียรร์ วมท้งั บอก ความหมายของไอโซโทป
7. อธบิ ายและเขยี นการจัดเรียงอเิ ล็กตรอนในระดับพลังงานหลัก และระดบั พลังงานย่อยเมื่อทราบ
เลขอะตอมของธาตุ
8. ระบุหมู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ของธาตเุ รพรเี ซนเททฟี และธาตแุ ทรนซิชันใน
ตารางธาตุ
9. วเิ คราะห์และบอกแนวโน้มสมบตั ขิ องธาตุเรพรเี ซนเททีฟตามหมแู่ ละตามคาบ
10. บอกสมบตั ขิ องธาตุโลหะแทรนซชิ ัน และเปรียบเทยี บสมบัติกับธาตุโลหะในกลมุ่ ธาตุเรพรเี ซนเท
ทีฟ
11. อธิบายสมบตั ิและค านวณคร่ึงชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี
12. สืบค้นขอ้ มูลและยกตัวอย่างการน าธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อส่ิงมีชีวิตและ
ส่ิงแวดลอ้ ม
13. อธิบายการเกดิ ไอออนและการเกิดพันธะไอออนกิ โดยใชแ้ ผนภาพ หรือสญั ลักษณแ์ บบจุดของลวิ
อิส
14. เขียนสตู รและเรยี กชือ่ สารประกอบไอออนิก
15. คานวณพลงั งานที่เก่ียวข้องกับปฏิกริ ยิ าการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวฏั จกั รบอร์น-ฮาเบอร์
16. อธบิ ายสมบัติของสารประกอบไอออนิก
17. เขยี นสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สุทธขิ องปฏิกริ ยิ าของสารประกอบไอออนกิ
18. อธบิ ายการเกิดพนั ธะโคเวเลนต์แบบพันธะเด่ยี ว พนั ธะคู่ และพนั ธะสาม ดว้ ยโครงสร้างลวิ อสิ
19. เขียนสูตรและเรยี กชอื่ สารโคเวเลนต์
20. วเิ คราะหแ์ ละเปรียบเทยี บความยาวพนั ธะ และพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมท้งั คานวณ
พลังงานทีเ่ กี่ยวข้องกับปฏกิ ริ ิยาของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพนั ธะ
21. คาดคะเนรูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนตโ์ ดยใช้ทฤษฎกี ารผลักระหว่างคอู่ ิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ และ
ระบสุ ภาพขว้ั ของโมเลกุลโคเวเลนต์
22. ระบชุ นดิ ของแรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดือด
และการละลายน้ าของสารโคเวเลนต์
23. สืบค้นขอ้ มูลและอธิบายสมบัตขิ องสารโคเวเลนตโ์ ครงรา่ งตาขา่ ยชนดิ ต่าง ๆ
24. อธิบายการเกิดพนั ธะโลหะและสมบตั ขิ องโลหะ

162

25. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบค้นขอ้ มูล
และนาเสนอตวั อยา่ งการใช้ประโยชนข์ อง สารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะได้อยา่ งเหมาะสม

รวม 25 ผลการเรยี นรู้

คาอธบิ ายรายวิชาเพม่ิ เตมิ

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระการเรยี นร้เู พิ่มเตมิ

รหสั ว 31222 วิชา เคมี 2 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4

ภาคเรยี นท่ี 2 เวลาเรยี น 60 ชั่วโมง จานวน 1.5 หน่วยกติ

......................................................................................................................................................................

ศกึ ษาเก่ยี วกับมวลอะตอมของธาตุ มวลของธาตุ 1 อะตอม มวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ มวลโมเลกลุ

ของสารความสมั พนั ธ์ ระหว่างจานวนโมล อนุภาค มวลและปริมาตรของแกส๊ ท่ี STP ศึกษาหนว่ ยและการ

คานวณความเขม้ ขน้ ของสารละลาย การ ทดลองเตรียมสารละลาย การเปรียบเทยี บจุดเดือดและจดุ

หลอมเหลวของ

สารบริสุทธิแ์ ละสารละลาย ศึกษาความหมายและเขียน สตู รโมเลกลุ สตู รเอมพิรคิ ัล หรอื สตู รอย่างงา่ ย และ

สูตรโครงสรา้ ง การคานวณหามวลเปน็ รอ้ ยละจากสตู ร การคานวณหาสตู ร เอมพริ คิ ลั และสตู รโมเลกุลของสาร

ศึกษาการเขยี นและดุลสมการเคมี ทดลองและคานวณหาอตั ราสว่ นจานวนโมลของสารต้ังต้นท่ี ทาปฏิกิริยา

พอดกี นั ศึกษาสมบตั ิของระบบปิด และระบบเปิด ศกึ ษาและฝึกคานวณปริมาณสารในปฏิกิริยาเคมีที่เปน็ ไป

ตามกฎ

ทรงมวล กฎสดั ส่วนคงที่ ศึกษาทดลองและคานวณปริมาตรของแกส๊ ในปฏิกริ ิยาเคมีตามกฎของเกย์-ลูสแซก

และกฎของอาโวกาโดร ศกึ ษาและฝกึ คานวณหาความสัมพันธร์ ะหว่างปรมิ าณของสารในสมการเคมีนั้น ๆ และ

สมการเคมีที่เก่ยี วข้องมากกว่าหน่งึ สมการ สารกาหนดปริมาณ ผลไดร้ ้อยละ โดยใช้การเรียนรูด้ ว้ ย

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ สามารถนาความรู้และ หลักการไป

ใชป้ ระโยชน์ เช่ือมโยง อธิบายปรากฏการณ์ หรือแก้ปญั หาในชีวิตประจาวัน สามารถจดั กระทาและวเิ คราะห์

163

ขอ้ มูล ส่ือสารสิง่ ที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจแกป้ ญั หา มีจติ วิทยาศาสตร์ เหน็ คุณค่าของ
วทิ ยาศาสตร์ มีจริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่เี หมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพื่อ
บรรลุเป้าหมายของหลักสตู รโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้
1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ มวลโมเลกลุ

และมวลสตู ร
2. อธบิ ายและคานวณปริมาณใดปรมิ าณหน่ึงจากความสมั พันธข์ องโมล จานวนอนภุ าค มวล และ

ปริมาตรของแก๊สที่ STP
3. คานวณอตั ราส่วนโดยมวลของธาตุองคป์ ระกอบของสารประกอบตามกฎสดั สว่ นคงที่
4. คานวณสูตรอย่างงา่ ยและสตู รโมเลกุลของสาร
5. คานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยต่าง ๆ
6. อธบิ ายวธิ ีการและเตรียมสารละลายใหม้ ีความเข้มข้นในหนว่ ยโมลาริตี และปรมิ าตรสารละลายตาม

ทก่ี าหนด

7. เปรยี บเทยี บจุดเดอื ดและจดุ เยือกแข็งของสารละลายกบั สารบริสุทธิ์ รวมทั้งคานวณจุดเดือด และ
จดุ เยอื กแขง็ ของสารละลาย

8. แปลความหมายสัญลกั ษณใ์ นสมการเคมี เขยี นและดลุ สมการเคมีของปฏกิ ริ ยิ าเคมีบางชนิด
9. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิรยิ าเคมที ่ีเกีย่ วขอ้ งกบั มวลสาร
10. คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกิริยาเคมีท่เี กี่ยวข้องกับความเข้มขน้ ของสารละลาย
11. คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมีทเี่ กยี่ วข้องกบั ปรมิ าตรแกส๊
12. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมีหลายขั้นตอนได้
13. ระบสุ ารกาหนดปรมิ าณและคานวณปรมิ าณสารต่าง ๆ ในปฏกิ ริ ิยาเคมี
14. คานวณผลได้ร้อยละของผลติ ภัณฑ์ในปฏิกริ ยิ าเคมี

รวม 14 ผลการเรยี นรู้

164

คาอธิบายรายวชิ าเพมิ่ เติม สาระการเรยี นรเู้ พิม่ เติม
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5
รหสั ว 32223 วชิ า เคมี 3 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรยี น 60 ชั่วโมง

ศกึ ษาความหมายของอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี ทดลองเพื่อศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
การคานวณหาอตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าของสารจากกราฟ ศึกษาและวเิ คราะห์แนวคดิ เกี่ยวกับการเกิดปฏกิ ิริยา

165

เคมี โดยใช้ทฤษฎีจลน์และการชนกันของอนภุ าค การเกิดสารเชงิ ซ้อนกัมมนั ต์ พลังงานกับการดาเนินไปของ
ปฏกิ ริ ิยา เคมี ศกึ ษาและทดลองเก่ียวกบั ผลของความเข้มข้น พืน้ ทผ่ี วิ อุณหภูมิ ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ิยา และตวั หนว่ ง
ปฏกิ ิริยา
ตอ่ อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมบัติของตัวเรง่ ปฏกิ ิริยา และการใชท้ ฤษฎจี ลนอ์ ธบิ ายผลของปจั จัยตา่ งๆ ทมี่ ี
ต่อ อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

ศึกษาปฏกิ ริ ยิ าเคมีท่เี กิดขึน้ อยา่ งสมบรณู ์ การเกิดปฏิกิรยิ าไปข้างหนา้ ปฏกิ ิรยิ าย้อนกลบั และ
ปฏิกิริยา
ที่ ผันกลบั ได้ ทดลองเกี่ยวกับปฏิกริ ยิ าทผ่ี นั กลับได้ ศกึ ษาการเปลี่ยนแปลงท่ีทาให้เกิดภาวะสมดุลระหวา่ ง
สถานะ สมดุลในสารละลายอิ่มตัว สมดุลไดนามกิ ศึกษาและทดลองสมดุลเคมีในปฏิกิรยิ า วเิ คราะห์
ความสัมพนั ธ์
ระหว่างความเขม้ ขน้ ของสารตา่ งๆ ณ ภาวะสมดุล ค่าคงทีส่ มดุลกบั สมการเคมี คานวณหาคา่ คงที่ของสมดล
และ หาความเขม้ ขน้ ของสารในปฏกิ ิริยา ณ ภาวะสมดุล ทดลองเพอื่ ศกึ ษาผลของความเข้มข้น ความดนั
อุณหภมู ิ
ต่อภาวะสมดุลและค่าคงท่ีสมดุล หลกั ของเลอชาเตอลเิ อและการนาหลักของเลอชาเตอลิเอไปใช้ใน
กระบวนการ อุตสาหกรรม กระบวนการต่างๆ ของสง่ิ มีชวี ิตและสิง่ แวดล้อม

ศึกษาและทดลองสมบัติบางประการของสารละลายอิเลก็ โทรไลต์และสารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์
ประเภทของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ ศกึ ษาไอออนในสารละลาย กรด และเบส ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เร
เนยี ส เบรนิ สเตด–ลาวรี และลิวอิส ศึกษาและทดลองเก่ยี วกับการถา่ ยโอนโปรตอนของสารละลายกรด-เบส
ศกึ ษา์คก่ รด–เบส การคานวณและการเขียนสมการการแตกตัวของกรด-เบส การคานวณคา่ คงทีก่ ารแตกตวั
เป็นไอออน ของกรดออ่ นและเบสออ่ น ศึกษาและทดลองการแตกตวั เป็นไอออนของน้า การคานวณค่าคงท่ี
การแตกตวั ของน้า pH ของสารละลาย และการคานวณคา่ pH อนิ ดิเคเตอร์สาหรับกรด-เบส สารละลาย
กรด-เบสในชีวิตประจาวนั และในสงิ่ มชี วี ิต ศกึ ษาและทดลองเร่ืองปฏิกริ ยิ าสะเทินและปฏิกิรยิ าการเกดิ เกลือ
จากปฏิกริ ยิ าระหวา่ งสารละลาย กรดกบั สารละลายเบส ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิสของเกลอื ศกึ ษาเกย่ี วกบั การ
ไทเทรตสารละลายกรด-เบส การเขียน กราฟและการหาจุดสมมูลจากกราฟของการไทเทรต และคานวณหา
ความเขม้ ข้นของสารละลายกรด-เบส ศึกษาหลักการเลอื กใชอ้ นิ ดเิ คเตอรส์ าหรบั ไทเทรตกรด-เบส การ
ประยกุ ตค์ วาม์ร้เร่อื งการไทเทรตไปใช้ใน ชีวติ ประจาวัน ศึกษาและทดลองสมบัติความเปน็ บัฟเฟอรข์ อง
สารละลาย

เพือ่ ใหม้ ีความ์ร้ความเข้าใจเก่ียวกบั อัตราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี สมดลุ เคมใี นสง่ิ มชี ีวิตและส่งิ แวดล้อม
และสารละลายกรด-เบส โดยใชก้ ารเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความ์ร้ การ
สารวจ ตรวจสอบ สามารถนาความ์ร้และหลกั การไปใช้ประโยชน์ เช่อื มโยง อธบิ ายปรากฏการณ์หรอื แกป้ ญั หา
ใน ชวี ิตประจาวนั สามารถจดั กระทาและวเิ คราะห์ขอ้ มลู สื่อสารสิง่ ท่ีเรยี น์ร้ มคี วามสามารถในการตดั สินใจ
แกป้ ญั หา มีจติ วทิ ยาศาสตร์ เหน็ คณุ ค่าของวิทยาศาสตร์ มีจรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ

166

วินัย มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพ่ือ
บรรลเุ ปา้ หมายของหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้
1.อธบิ ายความสมั พันธ์และคานวณปริมาตร ความดัน หรอื อุณหภมู ขิ องแกส๊ ท่ภี าวะตา่ งๆตามกฎ

ของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลสู แซก
2. คานวณปริมาตร ความดัน หรือ อุณหภมู ิของแกส๊ ทภ่ี าวะต่างๆ ตามกฎรวมแก๊ส
3. คานวณปริมาตรความดนั อณุ หภูมิ จานวนโมล หรอื มวลของแก๊ส จากความสัมพนั ธ์ตามกฎของ

อาโวกาโดร และกฎแก๊สอุดมคติ
4. คานวณความดันย่อยหรอื จานวนโมลของแก๊ส ในแกส๊ ผสมโดยใช้กฎความดนั ยอ่ ยของดอลตัน
5. อธบิ ายการแพร่ของแกส๊ โดยใช้ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ คานวณและเปรียบเทยี บอัตรา การแพร่ของ

แกส๊ โดยใช้กฎการแพร่ผ่านของ เกรแฮม
6. สบื ค้นข้อมูลนาเสนอตวั อยา่ งและอธบิ ายการ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามร้เู ก่ยี วกับสมบัติและกฎต่างๆ ของ

แกส๊ ในการอธบิ ายปรากฏการณ์ หรือแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันและในอตุ สาหกรรม
7. ทดลอง และเขียนกราฟการเพมิ่ ข้ึนหรือลดลง ของสารที่ทาการวดั ในปฏิกิรยิ า
8. คานวณอัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมีและเขยี นกราฟ การลดลงหรือเพ่มิ ขึ้นของสารที่ไมไ่ ด้วัด

ในปฏิกริ ิยา
9. เขยี นแผนภาพและอธบิ ายทศิ ทางการชนกันของอนภุ าคและพลังงานที่ส่งผลตอ่ อัตรา

การเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
10. เปรยี บเทียบอตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเมื่อมกี ารเปลย่ี น แปลงความเข้มข้นพ้ืนทผ่ี วิ ของสารตั้งต้น

อณุ หภมู ิ และตวั เรง่ ปฏกิ ริ ิยา
11. ระบปุ ัจจยั ท่มี ีผลตอ่ ภาวะสมดลุ ของระบบ พร้อมท้ังอธิบายการเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขึ้นเมอ่ื ภาวะ

สมดุลของระบบถูกรบกวนได้
12. ยกตัวอย่าง และอธิบายปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ อัตราการเกิด ปฏิกริ ยิ าเคมใี นชีวติ ประจาวันหรือ

อุตสาหกรรม
13. ทดสอบ และอธิบายความหมายของปฏกิ ริ ิยาผนั กลับได้และภาวะสมดุล
14. อธบิ ายการเปล่ียนแปลงความเขม้ ขน้ ของสาร อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าไปขา้ งหนา้ และอัตราการ

เกิดปฏิกิรยิ ายอ้ นกลับเม่อื เร่มิ ปฏิกริ ิยา จนกระทง่ั ระบบอยู่ในภาวะสมดุล
15. คานวณคา่ คงทสี่ มดุลของปฏกิ ิริยา
16. คานวณความเข้มข้นของสารที่ภาวะสมดุล
17. คานวณคา่ คงทส่ี มดลุ หรอื ความเขม้ ข้นของ ปฏกิ ริ ยิ าหลายขั้นตอน
18. ระบปุ ัจจัยทมี่ ีผลตอ่ ภาวะสมดุลและคา่ คงที่สมดุลของระบบรวมทงั้ คาดคะเนการเปล่ยี นแปลงที่

เกดิ ข้ึนเมอ่ื ภาวะสมดุลของระบบถูกรบกวนโดยใชห้ ลกั ของเลอชาเตอลิเอ

167

19. ยกตวั อยา่ ง และอธบิ ายสมดุลเคมขี อง กระบวนการทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสง่ิ มชี วี ีติปรากฏการณ์ ใน
ธรรมชาตแิ ละกระบวนการในอุตสาหกรรม

รวม 19 ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวชิ าเพิม่ เตมิ สาระการเรียนรู้เพิม่ เติม
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5
รหัส ว 32224 วิชา เคมี 4 จานวน 1.5 หน่วยกติ
ภาคเรียนที่ 2 เวลาเรียน 60 ชว่ั โมง

ศกึ ษาและทดลองปฏกิ ริ ิยาการถ่ายโอนอิเล็กตรอน ปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชัน ปฏกิ ิรยิ ารีดกั ชัน ปฏกิ ริ ยิ ารี
ดอกซ์ ฝึกเขียนและดุลสมการรีดอกซ์ ศึกษาและทดลองหลักการของเซลล์กัลวานิก เขียนแผนภาพเซลลก์ ัลวา
นิก การหาคา่ ศักยไ์ ฟฟา้ มาตรฐานของครึ่งเซลล์ การคานวณหาศกั ยไ์ ฟฟา้ ของเซลล์ปฏิกิริยา ศกึ ษาหลักของ
เซลล์อเิ ล็กโทรไลต์
และปฏกิ ริ ิยา ทเี่ กดิ ขึน้ ในเซลล์ การนาหลักของเซลลอ์ เิ ลก็ โทรไลตไ์ ปใช้ ในการแยกสาร การทาให้โลหะบริสทุ ธ์ิ
การชบุ โลหะด้วยกระแสไฟฟ้า ศึกษาความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยเี กย่ี วขอ้ งกบั เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี ศึกษาเก่ยี วกับ
อุตสาหกรรมแร่ท่ีมใี นประเทศไทย ได้แก่ ดีบุก พลวง สังกะสี แคดเมยี ม แทนทาลัม ไนโอเบียม และ
เซอรโ์ ครเนียม อตุ สาหกรรมเซรามกิ ส์ โดยใชว้ ัตถุดบิ ท่ีมใี นประเทศ อตุ สาหกรรมการผลิตและการใช้ประโยชน์
จากโซเดียม
คลอไรด์ ซึ่งมีอย่มู ากท้งั ในทะเลและบนดินแถบภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ โดยกลา่ วถึงการผลิตเกลือสมุทรและ
เกลอื สนิ เธาว์ รวมทง้ั การนาเกลอื ทีผ่ ลิตไดม้ าใช้ประโยชน์ในการเตรียมโซเดยี มคลอไรด์ กา๊ ซคลอรีน ตลอดจน
การเตรียมโซดาแอชจากโซเดียมคลอไรด์ แลว้ ศึกษาการนาโซเดียมไฮดรอกไซด์และกา๊ ซคลอรนี ท่ีเตรียม ได้ไป
ใช้ประโยชน์ในการผลิตสารฟอกขาวและ อตุ สาหกรรมการผลิตปยุ๋ แอมโมเนยี ซลั เฟต ป๋ยุ ยูเรยี และปยุ๋ ฟอสเฟต

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มลู
และการอภิปราย เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสือ่ สารสิ่งทีเ่ รยี นรู้ มคี วามสามารถในการ
ตัดสนิ ใจ นาความร้ไู ปใช้ในชีวติ ประจาวนั มจี ติ วิทยาศาสตร์ คุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อ
บรรลุเป้าหมายของหลกั สตู รโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้

168

1. ระบุ และอธิบายวา่ สารเปน็ กรดหรอื เบส โดยใช้ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียส เบรนิ สเตด-ลาวรี
และลวิ อสิ
2. ระบุคู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบส ของเบรินสเตด-ลาวรี
3. คานวณ และเปรียบเทียบความสามารถในการแตกตัวหรอื ความแรงของกรดและเบส
4. คานวณค่า pH ความเขม้ ข้นของไฮโดรเนียม ไอออน หรอื ไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลาย
กรดและเบส
5. เขียนสมการเคมีแสดงปฏกิ ริ ยิ าสะเทิน และ ระบคุ วามเป็นกรด-เบสของสารละลายหลงั การ
สะเทนิ
6. เขยี นปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิสของเกลอื และระบุความเปน็ กรด-เบสของสารละลายเกลอื

7. ทดลอง และอธิบายหลกั การการไทเทรต และเลอื กใชอ้ นิ ดิเคเตอร์ ท่เี หมาะสมสาหรับการไทเทรต
กรด-เบส

8. คานวณปริมาณสารหรือความเขม้ ขน้ ของ สารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต
9. อธิบายสมบตั ิ องค์ประกอบและประโยชน์ ของสารละลายบฟั เฟอร์
10. สบื คน้ ขอ้ มูล และนาเสนอตัวอยา่ งการใช้ประโยชน์ และการแก้ปญั หาโดยใช้ความรู้เกี่ยวกบั กรด-
เบส
11. คานวณเลขออกซิเดชัน และระบปุ ฏิกิริยาทีเ่ ป็นปฏิกิรยิ ารดี อกซ์
12. วิเคราะหก์ ารเปล่ยี นแปลงเลขออกซเิ ดชนั และระบุตวั รีดวิ ซ์และตัวออกซไิ ดส์ รวมทง้ั เขียน
คร่ึงปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชันและครึง่ ปฏกิริยา รีดกั ชันของปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์
13. ทดลอง และเปรยี บเทียบความสามารถในการ เปน็ ตัวรดี ิวซห์ รอื ตัวออกซไิ ดส์ และเขียนแสดง
ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์
14 ดลุ สมการรีดอกซ์ ด้วยการใชเ้ ลขออกซิเดชนั และวธิ ีคร่ึงปฏิกิรยิ า
15. ระบอุ งค์ประกอบของเซลลเ์ คมีไฟฟ้า และเขยี นสมการเคมีของปฏกิ ิรยิ าท่ีแอโนด และแคโทด
ปฏิกริ ิยารวม และแผนภาพเซลล์
16. คานวณค่าศักยไ์ ฟฟา้ มาตรฐานของเซลล์ และระบุประเภทของเซลล์เคมีไฟฟ้าขว้ั ไฟฟา้
และปฏิกริ ิยาเคมีท่ีเกดิ ขน้ึ
17. อธบิ ายหลักการทางาน และเขยี นสมการแสดง ปฏิกิรยิ าของเซลลป์ ฐมภมู แิ ละเซลล์ทุติยภูมิ
18. ทดลองชบุ โลหะ และแยกสารเคมีดว้ ยกระแส ไฟฟา้ และอธบิ ายหลกั การทางเคมไี ฟฟา้ ท่ใี ช้ใน
การชุบโลหะ การแยกสารเคมีดว้ ยกระแส ไฟฟ้า การทาโลหะให้บรสิ ทุ ธ์ิ และการปอ้ งกัน การกดั กรอ่ นของ
โลหะ
19. สบื คน้ ข้อมูล และนาเสนอ ตวั อย่างความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยที เี่ กย่ี วขอ้ งกับเซลลเ์ คมไี ฟฟ้า
ในชีวติ ประจาวัน

169

รวม 19 ผลการเรียนรู้

คาอธบิ ายรายวิชาเพ่มิ เติม

กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ สาระการเรยี นรูเ้ พิม่ เตมิ
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
รหัส ว33225 วชิ า เคมี 5 จานวน 1.5 หน่วยกติ

ภาคเรยี นท่ี 2 เวลาเรียน 60 ชัว่ โมง

ศกึ ษาความหมายของสารประกอบอนิ ทรยี ์และเคมีอนิ ทรยี ์ การเขยี นสตู รโครงสรา้ งแบบลิวอิสแบบย่อ
แบบ ผสม แบบใชเ้ สน้ และมุม ศึกษา ทดลองการเกดิ ไอโซเมอรข์ องสารประกอบอินทรีย์ ศกึ ษาและทดลอง
เกยี่ วกบั หมู่อะตอมที่ แสดงสมบตั ิเฉพาะหรอื หม่ฟู งั ก์ช่นั ในโมเลกลุ ของสาร ศึกษาหมู่ฟังก์ช่นั การจาแนก
ประเภทของสารประกอบอนิ ทรยี ์ ศกึ ษา โครงสรา้ ง การเขียนสูตร การเรยี กชือ่ แนวโนม้ ของจดุ หลอมเหลว
และจดุ เดือด การละลายในน์า ปฏิกริ ิยาบางชนดิ การนาไป ใช้ประโยชน์ และอันตรายของสารประกอบ
อนิ ทรียป์ ระเภทแอลเคน แอลคนี แอลไคน์ แอลกอฮอล์ ฟนี อล อีเทอร์ แอลดไี ฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซลิ ิก
เอสเทอร์ เอมีน และเอไมด์ ศึกษาและทดลองสมบตั บิ างประการของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน การเตรียม
เอสเทอรจ์ ากปฏกิ ิรยิ าที่เรียกวา่ เอสเทอริฟิเคชัน และปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิสของเอสเทอร์

170

ศึกษาการเกิดและองค์ประกอบทางเคมขี องเชื้อเพลิงซากดกึ ดาบรรพ์ การสารวจหาแหล่งปโิ ตรเลยี ม
กระบวนการ กลน่ั น้ามนั ดิบและแยกแกส๊ ธรรมชาติ เลขออกเทน เลขซีเทน อุตสาหกรรมปโิ ตรเคมีและการใช้
ประโยชน์ของปิโตรเคมีภัณฑ์ ศกึ ษาประเภทของพอลเิ มอร์และปฏกิ ริ ยิ าพอลเิ มอไรเซชัน ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง
โครงสร้างกับสมบัติของ พอลิเมอร์ศกึ ษาสมบัตขิ องผลติ ภณั ฑ์จากพอลเิ มอร์ประเภทต่างๆ ศกึ ษา ทดลองสมบตั ิ
บางประการของพลาสตกิ ชนดิ ตา่ งๆ และการเตรียมเสน้ ใยก่ึงสงั เคราะหจ์ ากเสน้ ใยธรรมชาติ ความก้าวหนา้
ทางเทคโนโลยีทน่ี ามาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พอลเิ มอร์สังเคราะห์ และการนาพอลิเมอรไ์ ปใช้ประโยชน์
อยา่ งเหมาะสมและปลอดภยั มลพิษทอ่ี าจเกิดขึ้นและ แนวทางในการป้องกนั ศกึ ษาธาตุที่เปน็ องค์ประกอบ
หลัก โครงสร้าง ชนดิ หนา้ ที่ แหลง่ ที่พบ และประโยชน์ของโปรตนี คาร์โบไฮเดรต ลพิ ดิ และกรดนิวคลีอิก
ศกึ ษาและทดลองเกี่ยวกับการทดสอบโปรตีนในอาหาร ศึกษาสมบตั ิและการทางาน ของเอนไซม์ และการ
เรยี กชอ่ื ทดลองเพอื่ ศกึ ษาสมบัติของเอนไซม์และปจั จัยบางประการทมี่ ผี ลตอ่ การทางานของเอนไซม์ ศกึ ษา
และทดลองการแปลงสภาพโปรตนี สมบตั บิ างประการและปฏิกิริยาเฉพาะของคาร์โบไฮเดรต การละลายของ
นา้ มนั และไขมนั ในตัวทาละลายบางชนดิ ปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลซิ ิสของน้ามนั หรอื ไขมัน ซงึ่ เปน็ เอสเทอร์ดว้ ย
สารละลายเบส ศกึ ษา ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีทีเ่ กี่ยวข้องกบั สารชวี โมเลกุล

เพือ่ ให้มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั สมบตั ิและปฏิกิรยิ าของสารประกอบอินทรีย์ เชื้อเพลิงซากดกึ ดา
บรรพแ์ ละ ผลติ ภัณฑ์ สารชีวโมเลกุล โดยใชก้ ารเรียนรดู้ ้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหา
ความรูก้ ารสารวจตรวจสอบ สามารถนาความรู้และหลกั การไปใชป้ ระโยชน์ เชื่อมโยง อธบิ ายปรากฏการณ์
หรอื แกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั มี ความสามารถในการจัดกระทาและวิเคราะหข์ อ้ มลู รวมทัง้ สามารถส่ือสารส่ิง
ท่เี รยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ แก้ปัญหา มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มท่ี
เหมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพ่ือ
บรรลุเป้าหมายของหลักสตู รโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้
1. สืบคน้ ขอ้ มูลและนาเสนอตัวอย่างสารประกอบ อินทรยี ท์ ีม่ พี นั ธะเด่ียว พันธะคู่ หรือพันธะสาม ท่ี

พบ
ในชวี ิตประจาวัน

2. เขยี นสตูรโครงสร้างลิวอสิ สูตรโครงสร์างแบบย่อ และสตู รโครงสรา้ งแบบเส้นของสารประกอบ
อนิ ทรีย์

3. วเิ คราะห์โครงสร้าง และระบปุ ระเภทของสารประกอบอินทรีย์จากหมูฟ่ ังก์ชัน

171

4. เขยี นสูตรโครงสรา้ งและเรียกชื่อสารประกอบ อินทรียป์ ระเภทต่างๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ไมเ่ กนิ 1 หมู่
ตามระบบ IUPAC

5. เขยี นไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบ อินทรียป์ ระเภทต่างๆ
6. วิเคราะห์ และเปรียบเทียบจดุ เดอื ด และการละลายในน้าของสารประกอบอินทรยี ท์ ม่ี หี ม่ฟู งั ก์ชนั
ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน
7. ระบปุ ระเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน และเขยี นผลิตภณั ฑ์จากปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้
ปฏิกริ ยิ ากบั โบรมนี หรอื ปฏกิ ิรยิ ากับ โพแทสเซียมเปอรแ์ มงกาเนต
8. เขียนสมการเคมีและอธบิ ายการเกิดปฏิกริ ิยาเอสเทอริฟิเคชนั ปฏิกริ ิยาการสงั เคราะหเ์ อไมด์
ปฏกิ ริ ิยาไฮโดรลซสิ ิ และปฏกิ ิรยิ าสะปอนนิฟิเคชัน
9. ทดสอบปฏิกริ ิยาเอสเทอริฟเิ คชัน ปฏกิ ิรยิ า ไฮโดรลซิ ิส และปฏกิ ิรยิ าสะปอนนิฟเิ คชนั
10. สบื คน้ ข้อมูล และนาเสนอตวั อย่างการนา สารประกอบอนิ ทรยี ์ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั
และอตุ สาหกรรม
11. ระบปุ ระเภทของปฏกิ ริ ยิ าการเกิดพอลิเมอร์ จากโครงสรา้ งของมอนอเมอรห์ รือพอลเิ มอร์
12. วิเคราะห์ และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่าง โครงสร้างและสมบัติของพอลเิ มอร์ รวมทัง้ การ
นาไปใช้ประโยชน์
13. ทดสอบ และระบปุ ระเภทของพลาสติก และผลติ ภัณฑ์ยางรวมท้ังการนาไปใช้ ประโยชน์
14. อธิบายผลของการปรับ เปล่ยี นโครงสรา้ งและ การสงั เคราะห์พอลิเมอรท์ ่มี ีต่อสมบัติของพอลเิ มอร์
15. สบื ค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอยา่ งผลกระทบ จากการใช้และการกาจดั ผลติ ภัณฑ์ พอลิเมอร์
และแนวทางแกไ้ ข
16. กาหนดปัญหา และนาเสนอแนวทางการแกป้ ญั หา โดยใช้ความรู้ทางเคมีจากสถานการณท์ เี่ กิดขนึ้
ในชวี ิตประจาวนั การประกอบอาชพี หรืออุตสาหกรรม
17. แสดงหลักฐานถึงการบูรณาการความรู้ทางเคมี รว่ มกบั สาขาวิชาอืน่ รวมท้งั ทักษะกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตรห์ รอื กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมโดยเน้นการคดิ วเิ คราะห์ การแกป้ ญั หาและความคิด
สรา้ งสรรค์ เพื่อแก้ ปัญหาในสถานการณห์ รือประเดน็ ทสี่ นใจ
18. นาเสนอผลงานหรือชนิ้ งานท่ีไดจ้ ากการแกป้ ัญหา ในสถาน การณ์หรือประเดน็ ที่สนใจ
โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
19. แสดงหลักฐานการเขา้ ร่วมการสมั มนาการเข้าร่วมประชุมวิชาการ หรอื การแสดงผลงาน
ส่งิ ประดิษฐ์ในงานนิทรรศการ

คาอธิบายรายวชิ าเคมีพืน้ ฐาน รวมทงั้ หมด 19 ผลการเรียนรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
รหัส ว33121 วชิ า เคมีพื้นฐาน สาระการเรยี นรพู้ ืน้ ฐาน
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6
ภาคเรยี นท่ี 2 เวลาเรยี น 60 ชว่ั โมง จานวน 1.5 หน่วยกิต

172

ศกึ ษาววิ ฒั นาการของแบบจาลองอะตอมของธาตุ อนภุ าคมูลฐานของอะตอม เลขอะตอม เลขมวล
และไอโซโทป สัญลกั ษณนิวเคลยี รการจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอมของธาตบุ างชนดิ การจัดเรยี งธาตใุ นตาราง
ธาตุ แนวโนมสมบตั ิบางประการของธาตตุ ามตารางธาตุ ศึกษาและทดลองเกี่ยวกบั ชนิดของพันธะเคมจี ากการ
นาไฟฟาของสารบางชนดิ ศึกษาการเกิดพนั ธะและสมบตั ิบางประการของสารประกอบโคเวเลนต ไอออนกิ และ
โลหะ

ศกึ ษาและทดลองการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี ศึกษาความสัมพนั ธของพลงั งานกับการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
ศึกษาและคานวณหาอตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ศึกษาและทดลองปจจยั ทมี่ ีผลตออัตราการเกิดปฏกิ ิริยา ศึกษา
ปฏกิ ริ ยิ าเคมีในชีวิตประจาวัน การใชประโยชนและผลของปฏิกิรยิ าเคมตี อสงิ่ มีชวี ิตและสิ่งแวดลอม

ศกึ ษาการเกิดและแหลงปโตรเลียม กระบวนการแยกแกสธรรมชาติการกล่ันนา้ มันดบิ ผลิตภัณฑ และ
การใชประโยชนผลติ ภัณฑทีไ่ ด ผลกระทบของการใชผลิตภณั ฑจากปโตรเลียมตอส่ิงมชี วี ิตและ สง่ิ แวดลอม
รวมท้ังการปองกันและแกไขปญหา เชอ้ื เพลงิ ในชีวติ ประจาวัน เลขออกเทน เลขซีเทน

ศกึ ษาความหมายและตวั อยางพอลิเมอรธรรมชาติและพอลเิ มอรสังเคราะหปฏิกิริยาการสงั เคราะห
พอลเิ มอร โครงสราง สมบตั ิ ประเภทของพอลิเมอรรวมท้งั การใชประโยชนและผลกระทบจากการใชผลติ ภัณฑ
ของพอลิเมอร ศึกษาและทดลองจาแนกชนดิ ของพลาสตกิ บางชนดิ โดยใชความหนาแนนเปนเกณฑ ศกึ ษายาง
ธรรมชาตริ วมทั้งยางสงั เคราะห เสนใยธรรมชาติ เสนใยสังเคราะห และทดลองเตรยี มเสนใยสังเคราะห

เพ่ือใหมีความรูความเขาใจเก่ียวกับสมบัติและความสัมพนั ธระหวางสมบัติของธาตุและสารประกอบ
พนั ธะเคมี ปฏิกิริยาเคมี การใชเชอ้ื เพลิงผลิตภัณฑจากพอลเิ มอรและสารชีวโมเลกุลโดยใชการเรียนรูดวยกระ
บวนการทางวิทยาศาสตร การสืบเสาะหาความรู การสารวจตรวจสอบ สามารถนาความรู และหลักการไปใช
ประโยชนเช่ือมโยง อธิบายปรากฏการณหรือแกปญหาในชีวิตประจาวัน สามารถจัดกระทา และวิเคราะหข
อมูล สื่อสารสิ่งที่เรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจแกปญหา มีจิตวิทยาศาสตร เห็นคุณคาของวิทยา
ศาสตร มีจริยธรรม คณุ ธรรมและคานยิ มที่เหมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพ่ือ
บรรลเุ ปา้ หมายของหลกั สตู รโรงเรียนมาตรฐานสากล

ตวั ชีว้ ัด
(ว 2.1 ม.4-6/1) (ว 2.1 ม.4-6/2) (ว 2.1 ม.4-6/3) (ว 2.1 ม.4-6/4) (ว 2.1 ม.4-6/5) (ว 2.1 ม.4-6/6)
(ว 2.1 ม.4-6/7) (ว 2.1 ม.4-6/8) (ว 2.1 ม.4-6/9) (ว 2.1 ม.4-6/10) (ว 2.1 ม.4-6/11) (ว 2.1 ม.4-6/12)

173

(ว 2.1 ม.4-6/13) (ว 2.1 ม.4-6/14) (ว 2.1 ม.4-6/15) (ว 2.1 ม.4-6/16) (ว 2.1 ม.4-6/17)
(ว 2.1 ม.4-6/18) (ว 2.1 ม.4-6/19) (ว 2.1 ม.4-6/20) (ว 2.1 ม.4-6/21) (ว 2.1 ม.4-6/22)
(ว 2.1 ม.4-6/23) (ว 2.1 ม.4-6/24) (ว 2.1 ม.4-6/25)

รวมท้ังสน้ิ 25 ตวั ช้ีวดั

1. ระบวุ า่ สารเปน็ ธาตหุ รือสารประกอบและอย่ใู น รปู อะตอม โมเลกลุ หรอื ไอออนจากสูตรเคมี
2. เปรยี บเทียบความเหมือนและความแตกต่างของแบบจาลองอะตอมของโบร์ กับแบบจาลอง
อะตอมแบบกลมุ่ หมอก
3. ระบุจานวนโปรตอนนิวตรอนและอิเล็กตรอน ของอะตอม และไอออนทีเ่ กดิ จากอะตอมเดยี ว
4. เขยี นสญั ลกั ษณน์ ิวเคลียรข์ องธาตแุ ละระบกุ าร เป็นไอโซโทป
5. ระบหุ มแู่ ละคาบของธาตแุ ละระบวุ ่าธาตเุ ปน็ โลหะ อโลหะกง่ึ โลหะกลมุ่ ธาตุเรพรเี ซนเททฟี
หรือกล่มุ ธาตุแทรนซชิ นั จากตารางธาตุ
6. เปรียบเทยี บสมบัตกิ ารนาไฟฟ้าการให้และรบั อิเล็กตรอนระหวา่ งธาตุในกลมุ่ โลหะกับอโลหะ
7. สบื คน้ ข้อมูลและนาเสนอตวั อยา่ งประโยชนแ์ ละ อันตรายทีเ่ กดิ จากธาตุเรพรเี ซนเททีฟ
และธาตแุ ทรนซชิ ัน
8. ระบุว่าพนั ธะโคเวเลนตเ์ ป็นพันธะเดยี่ ว พนั ธะคู่ หรือพันธะสามและระบุจานวนคู่อิเล็กตรอน
ระหว่างอะตอมคู่ร่วมพนั ธะ จากสูตรโครงสร้าง
9. ระบสุ ภาพขั้วของสารทโ่ี มเลกุลประกอบดว้ ย ๒ อะตอม10.ระบสุ ารที่เกดิ พันธะไฮโดรเจน
ได้จากสตู ร โครงสร้าง
10. ระบุสารท่ีเกิดพนั ธะไฮโดรเจน ได้จากสูตร โครงสร้าง
11. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจดุ เดือดของสาร โคเวเลนตก์ ับแรงดึงดดู ระหว่างโมเลกุลตาม สภาพ
ข้ัวหรือการเกดิ พนั ธะไฮโดรเจน
12. เขยี นสตู รเคมีของไอออนและสารประกอบ ไอออนิก
13. ระบวุ ่าสารเกดิ การละลายแบบแตกตัวหรือ ไมแ่ ตกตวั พรอ้ มใหเ้ หตุผลและระบวุ ่าสาร ละลายทไ่ี ด้
เปน็ สารละลายอิเลก็ โทรไลต์ หรอื นอนอิเล็กโทรไลต์
14. ระบสุ ารประกอบอนิทรีย์ประเภทไฮโดรคาร์บอน วา่ อ่มิ ตวั หรอื ไมอ่ ่ิมตัวจากสูตรโครงสร้าง
15. สบื ค้นขอ้ มูลและเปรยี บเทยี บสมบตั ิ ทางกายภาพระหวา่ งพอลเิ มอร์ และมอนอเมอร์
ของพอลิเมอร์ชนดิ น้นั
16. ระบุสมบัตคิ วามเป็นกรด-เบสจากโครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรีย์
17. อธิบายสมบตั ิการละลายในตวั ทาละลายชนิดตา่ งๆ ของสาร
18. วเิ คราะห์และอธบิ ายความ สัมพันธ์ระหวา่ ง โครงสร้างกบั สมบัตเิ ทอรม์ อพลาสติก และเทอรม์ อ
เซต
ของพอลเิ มอร์ และการนาพอลเิ มอร์ไปใชป้ ระโยชน์

174

19. สบื ค้นขอ้ มูลและนาเสนอผลกระทบของการใช้ ผลติ ภณั ฑพ์ อลิเมอรท์ ่มี ีตอ่ ส่ิงมีชีวิตและ
สิง่ แวดลอ้ ม พรอ้ มแนวทางป้องกนั หรือแกไ้ ข

20. ระบสุ ูตรเคมขี องสารต้ังตน้ ผลิตภัณฑ์ และแปลความหมายของสัญลักษณ์ในสมการเคมี
ของปฏกิ ิริยาเคมี

21. ทดลองและอธิบายผลของความเข้มข้น พืน้ ท่ผี วิ อุณหภมู แิ ละตวั เรง่ ปฏิกริ ยิ าท่มี ีผลตอ่ อตั รา
การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี

22.สบื ค้นขอ้ มูลและอธบิ ายปจั จยั ท่มี ีผลต่ออัตรา การเกิดปฏกิ ิริยาเคมีท่ีใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน
หรอื ในอตุ สาหกรรม

23. อธบิ ายความหมายของปฏิกิริยารีดอกซ์
24. อธบิ ายสมบตั ิของสารกัมมันตรังสี และคานวณครึง่ ชีวติ และปริมาณของสารกมั มนั ตรงั สี
25. สืบค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอย่างประโยชน์ ของสารกมั มันตรงั สีและการปอ้ งกันอนั ตราย ท่เี กิด
จากกัมมันตภาพรงั สี

รวมท้ังส้ิน 25 ตัวช้ีวัด

175

คาอธิบายรายวชิ า

กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชาฟิสิกส์ 1
รหสั วิชา ว 31201 ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรียน 4 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ 80 ชั่วโมง/ภาค
จานวน 2 หนว่ ยกิต

ศึกษาธรรมชาติของวิชาฟิสิกส์ ปริมาณกายภาพและหน่วย การวัด ความคลาดเคล่ือนในการวัดและ
การทดลองในวิชาฟิสิกส์ การบอกตาแหน่งของวัตถุ ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ
เคลอื่ นท่แี นวตรงด้วยความเร่งคงตวั แรงและผลของแรงทม่ี ีต่อสภาพการเคลือ่ นที่ของวตั ถุ กฎการเคลือ่ นทข่ี อง
นวิ ตนั กฎแรงดึงดดู ระหว่างมวล และแรงเสยี ดทาน การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทลก์ ารเคล่ือนทแ่ี บบวงกลมและ
การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบค้นข้อมูล การสารวจ
ตรวจสอบ เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคดิ มีความสามารถในการสื่อสารสิง่ ท่ีเรยี นรู้ การตดั สินใจ
การนาความรไู้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมท่เี หมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพื่อ
บรรลุเป้าหมายของหลกั สูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง
1. สืบค้นและอธบิ ายการคน้ หาความรู้ทางฟสิ ิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทง้ั พัฒนาการของหลักการ

และแนวคิดทางฟิสิกส์ท่ีมผี ลการแสวงหาความรู้ใหมแ่ ละการพฒั นาเทคโนโลยี

176

2. วัดและรายงานผลการวดั ปริมาณทางฟิสิกส์ไดถ้ ูกต้องเหมาะสม โดยนาความคลาดเคลื่อน ในการ
วดั มาพจิ ารณาในการนาเสนอผลด้วย รวมทัง้ แสดงผลการทดลองในรปู ของกราฟ วเิ คราะหแ์ ละแปล
ความหมายจากกราฟเส้นตรง

3. ทดลองและอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งตาแหนง่ การกระจัด ความเรว็ และความเร่งของ การ
เคลอ่ื นที่ของวตั ถุในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทงั้ ทดลองหาคา่ ความเร่งโนม้ ถ่วงของ
โลก และคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้อง

4. อธบิ ายแรงและผลของแรงลัพธ์ทม่ี ีตอ่ การเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ รวมทั้งทดลองหาแรงลัพธ์ของแรงสอง
แรงที่ทามุมต่อกัน

5. เขียนแผนภาพของแรงทกี่ ระทาตอ่ วตั ถุอิสระ และอธบิ ายกฎการเคลื่อนทีข่ องนิวตนั และการใชก้ ฎ
การเคลอ่ื นทีข่ องนิวตนั กบั สภาพการเคลอื่ นที่ของวัตถุ รวมทั้งทดลองและอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างแรง
มวล และความเร่ง ตามกฎข้อท่ีสองของนวิ ตัน

6. วิเคราะหแ์ ละอธิบายแรงเสียดทานระหวา่ งผวิ สัมผัสของวัตถุคู่หน่งึ ๆ ในกรณที วี่ ตั ถหุ ยดุ น่ิงและ
วตั ถเุ คล่อื นท่ี รวมทงั้ ทดลองหาสมั ประสทิ ธ์คิ วามเสยี ดทานระหวา่ งผิวสัมผัสของวตั ถุคูห่ น่งึ ๆ และนาความรู้
เรอื่ งแรงเสยี ดทานไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั

7. อธบิ ายกฎความโน้มถว่ งสากลและผลของสนามโน้มถ่วงทท่ี าให้วัตถมุ ีนา้ หนกั รวมทั้งคานวณ
ปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้อง

รวมทั้งหมด 7 ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง

177

คาอธิบายรายวิชา

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาฟสิ ิกส์ 2
รหัสวชิ า ว 31202 ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรยี น 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ 80 ชัว่ โมง/ภาค
จานวน 2 หน่วยกติ

ศึกษาหลักการของกลศาสตร์ในเร่ืองสมดุกล เง่ือนไขที่ทาให้วัตถุหรือระบบอยู่ในสมดุกล ศูนย์กลาง
มวลของวัตถุ และผลของศูนย์ถ่วงท่ีมีต่อเสถียรภาพของวัตถุ งาน พลังงาน ความสัมพันธ์ระหว่างงาน และ
พลังงานจลน์ ความสมั พันธ์ระหว่างงานและพลังงานศักยโ์ นม้ ถว่ ง และความสมั พันธร์ ะหว่างขนาดของแรงทีใ่ ช้
ดึงสปรงิ กบั ระยะท่สี ปริงยดื ออก แรงอนุรกั ษ์ กฎการอนุรักษ์พลังงาน กาลัง เครื่องกลอยา่ งงา่ ยบางชนดิ
โมเมนตัม การชนกันของวัตถุในหนึ่งมิติ การดล แรงดล และกฎการณ์อนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แบบ
โพรเจกไทล์ การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหา
ความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต วิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้
ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังทักษะการเรียนรู้ใน
ศตวรรษท่ี ๒๑ ในด้านการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้
และนาความรูไ้ ปใช้ในชีวติ ของตนเอง มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพ่ือ
บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สตู รโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง
1. อธิบายสมดุลกลของวตั ถุ โมเมนต์ และผลรวมของโมเมนตท์ มี่ ตี ่อการหมุน แรงคูค่ วบและผลของ

แรงคูค่ วบที่มตี อ่ สมดุลของวัตถุ เขยี นแผนภาพวตั ถุอสิ ระ เม่อื วัตถุอยูใ่ นสมดุลกล และคานวณหาปริมาณต่างๆ
ทเี่ กยี่ วขอ้ ง รวมทั้งทดลองและอธิบายสมดลุ ของแรงสามแรง

2. สังเกตและอธบิ ายสภาพการเคลื่อนทข่ี องวตั ถุ เมอ่ื แรงท่กี ระทาต่อวัตถุผ่านศูนยก์ ลางมวลของวัตถุ
และผลของศูนย์ถว่ งที่มตี ่อเสถยี รภาพของวตั ถุ

3. วเิ คราะห์ และคานวณงานของแรงคงตวั จากสมการและพ้ืนทใี่ ตก้ ราฟความสัมพนั ธ์ ระหว่างแรง
กับตาแหน่ง รวมทั้งอธบิ ายและคานวณกาลังเฉล่ยี

4. อธิบายและคานวณพลงั งานจลน์ พลงั งานศกั ย์ พลงั งานกล ทดลองหาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงานกับ
พลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วงความสัมพันธ์ ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึง
สปริงกบั ระยะท่สี ปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลงั งานศกั ยย์ ืดหยุ่น รวมทง้ั อธิบายความ
สัมพันธ์ระหว่าง งานของแรงลพั ธ์และพลังงานจลน์ และคานวณงานทีเ่ กดิ ขึ้นจากแรงลพั ธ์

178

5. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมท้ังวเิ คราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ ง กบั การ
เคล่อื นท่ีของวัตถุในสถานการณต์ ่าง ๆ โดยใช้กฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล

6. อธบิ ายการทางาน ประสทิ ธภิ าพ และการไดเ้ ปรยี บเชิงกลของเครื่องกลอย่างงา่ ยบางชนดิ โดยใช้
ความรเู้ รื่องงานและสมดุลกล รวมทั้งคานวณประสทิ ธิภาพและการได้เปรียบเชิงกล

7. อธิบายและคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพ้นื ท่ีใตก้ ราฟ ความสมั พนั ธ์
ระหว่างแรงกบั เวลา รวมทั้งอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างแรงดลกบั โมเมนตัม

8. ทดลอง อธบิ าย และคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วกบั การชนของวตั ถุในหนึ่งมิติทงั้ แบบยดื หยุน่ ไม่
ยดื หยุ่น และการดีดตวั แยกจากกนั ในหน่งึ มิติซึง่ เป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม

9. อธบิ าย วเิ คราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้องกบั การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ และ
ทดลองการเคลอื่ นทแ่ี บบโพรเจกไทล์

10. ทดลองและอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างแรงสศู่ ูนย์กลาง รัศมขี องการเคล่อื นท่ี อตั ราเรว็ เชิงเสน้
อัตราเร็วเชงิ มมุ และมวลของวตั ถใุ นการเคลอ่ื นที่แบบวงกลมในระนาบระดับ รวมท้งั คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่
เกยี่ วขอ้ ง และประยุกตใ์ ชค้ วามรกู้ ารเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทยี ม

รวมท้ังหมด 10 ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวัง

179

180

คาอธิบายรายวิชา

กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 3
รหัสวชิ า ว32203 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรียน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ 80 ช่วั โมง/ภาค
จานวน 2 หน่วยกติ

ศึกษาการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย และหลักการของคล่ืนในเรื่อง องค์ประกอบและการ
เคลื่อนที่ของคลื่น สมบัติของคลน่ื ธรรมชาติของเสียง สมบัตขิ องคลนื่ เสยี ง การอธบิ ายปรากฎการณ์ท่ีเก่ียวกับ
คลื่นเสียง การสั่นพ้องของเสยี ง บีตส์ ปรากฎการณ์ดอปเพลอร์และคลื่นกระแทก หูและการได้ยิน และความ
เข้มของเสียง ธรรมชาติของแสง กระจกเงาโค้ง เลนส์และ การรับรู้สึกของนัยน์ตาคน และอธิบายปรากฏท่ี
เก่ียวกับคล่ืนเสียง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบค้นข้อมูล การสารวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิด
ความรู้ ความเข้าใจ ความคิด มีความสามารถในการส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ การตัดสินใจ การนาความรู้ไปใช้ใน
ชวี ติ ประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมทเ่ี หมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพ่ือ
บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวัง
1. ทดลอง และอธบิ ายการเคลือ่ นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยของวตั ถุตดิ ปลายสปริงและลูกตุ้ม

อย่างงา่ ย รวมทั้งคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกยี่ วข้อง
2. อธบิ ายความถธ่ี รรมชาติของวัตถุและการเกิดการสั่นพอ้ ง
3. อธิบายปรากฏการณ์คลืน่ ชนดิ ของคลืน่ ส่วนประกอบของคลนื่ การแผข่ องหนา้ คล่นื ดว้ ย

หลกั การของ ฮอยเกนส์ และการรวมกันของคลื่นตามหลกั การซอ้ นทับ พร้อมทง้ั คานวณอัตราเร็ว ความถ่ี และ
ความยาวคลน่ื

4. สงั เกต และอธิบายการสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด และการเลีย้ วเบนของคล่ืนผิวนา้ รวมทั้ง
คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง

5. อธิบายการเกดิ เสียง การเคล่ือนท่ีของเสียง ความสมั พันธร์ ะหว่างคล่นื การกระจัดของอนุภาค กบั
คลื่น ความดนั ความสมั พนั ธ์ระหว่างอัตราเร็วของเสยี งในอากาศที่ขน้ึ กับอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส
สมบัตขิ องคลื่นเสยี ง ไดแ้ ก่ การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด การเลี้ยวเบน รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ
ทเี่ ก่ียวขอ้ ง

6. อธิบายความเขม้ เสยี ง ระดบั เสียง องคป์ ระกอบของการไดย้ ิน คุณภาพเสียง และมลพษิ ทางเสียง
รวมทั้งคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง

181

7. ทดลอง และอธิบายการเกิดการส่ันพอ้ งของอากาศในท่อปลายเปิดหนง่ึ ด้าน รวมทงั้ สงั เกต และ
อธิบายการเกดิ บีต คล่ืนนง่ิ ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ คลน่ื กระแทกของเสยี ง คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่
เกี่ยวขอ้ ง และนาความรเู้ รอ่ื งเสยี งไปใช้ในชีวติ ประจาวนั

8. ทดลอง และอธิบายการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตค่แู ละเกรตตงิ การเลี้ยวเบน และการแทรก
สอดของแสงผา่ นสลติ เด่ยี ว รวมทั้งคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง

9. ทดลอง และอธิบายการสะท้อนของแสงทผี่ ิววัตถุ ตามกฎการสะท้อน เขียนรังสีของแสงและ
คานวณตาแหน่งและขนาดภาพของวตั ถุ เมอื่ แสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลม รวมทัง้
อธบิ ายการน าความรูเ้ ร่ืองการสะทอ้ นของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจกเงาทรงกลมไปใชป้ ระโยชน์ใน
ชีวติ ประจาวนั

10. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างดรรชนีหกั เห มมุ ตกกระทบ และมมุ หกั เห รวมทง้ั
อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างความลกึ จรงิ และความลึกปรากฏ มมุ วกิ ฤตและการสะท้อนกลับหมดของแสง และ
คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง

11. ทดลอง และเขียนรังสีของแสงเพอื่ แสดงภาพทีเ่ กิดจากเลนส์บาง หาตาแหน่ง ขนาด ชนิดของ
ภาพ และความสมั พันธ์ระหว่างระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั รวมทง้ั คานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี
เกย่ี วข้อง และอธิบายการนาความรเู้ ร่ืองการหกั เหของแสงผ่านเลนส์บางไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั

12. อธบิ ายปรากฏการณธ์ รรมชาติท่เี กี่ยวกบั แสง เชน่ รุ้ง การทรงกลด มริ าจ และการเหน็ ทอ้ งฟา้
เปน็ สีตา่ ง ๆ ในชว่ งเวลาตา่ งกนั

13. สังเกต และอธิบายการมองเหน็ แสงสี สขี องวัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี รวมทัง้
อธิบายสาเหตุของการบอดสี

รวมท้ังหมด 13 ผลการเรยี นรู้

182

คาอธบิ ายรายวชิ า

กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 4

รหัสวิชา ว32204 ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2

เวลาเรียน 4 ช่วั โมง/สปั ดาห์ 80 ช่วั โมง/ภาค จานวน 2 หนว่ ยกติ

ศกึ ษาหลกั การของไฟฟา้ เร่ือง กฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟ้า ความจุและตวั เก็บประจุ กฎของ
โอห์ม สภาพตา้ นทานและสภาพนาไฟฟา้ การวิเคราะห์วงจรไฟฟ้ากระแสตรงอย่างง่าย การหาพลังงานไฟฟา้ ที่
ใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบค้นข้อมูล การสารวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิด
ความรู้ ความเข้าใจ ความคิด มีความสามารถในการส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ การตัดสินใจ มีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับกระบวนการใชเ้ ทคโนโลยี การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรมคุณธรรม
และคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพื่อ
บรรลุเปา้ หมายของหลกั สูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้
1. ทดลองและอธิบายการทาวัตถุทเ่ี ปน็ กลางทางไฟฟา้ ให้มปี ระจไุ ฟฟา้ โดยการขดั สีกนั และการ

เหนยี่ วนาไฟฟา้ สถติ
2. อธบิ ายและคานวณแรงไฟฟา้ ตามกฎของคูลอมบ์
3. อธบิ ายและคานวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ ทก่ี ระทากับอนภุ าคท่มี ปี ระจไุ ฟฟ้าทอี่ ยู่ใน

สนามไฟฟ้า รวมทั้งหาสนามไฟฟา้ ลพั ธ์เนอ่ื งจากระบบจุดประจโุ ดยรวมกันแบบเวกเตอร์

183

4. อธิบายและคานวณพลังงานศักย์ไฟฟ้า ศักย์ไฟฟา้ และความต่างศักย์ระหว่างสองตาแหน่งใด ๆ
5. อธบิ ายส่วนประกอบของตัวเก็บประจุ ความสมั พันธ์ระหวา่ งประจุไฟฟ้า ความต่างศกั ย์ และความจุ
ของตวั เกบ็ ประจุ และอธิบายพลงั งานสะสมในตวั เก็บประจุ และความจุสมมูลรวมท้ังคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่
เกย่ี วขอ้ ง
6. นาความร้เู รือ่ งไฟฟา้ สถติ ไปอธบิ ายหลกั การทางานของเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ บางชนดิ และ ปรากฏการณ์
ในชวี ติ ประจาวัน
7. อธิบายการเคล่อื นที่ของอเิ ลก็ ตรอนอสิ ระและกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง
กระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นากับความเร็วลอยเลอ่ื นของอเิ ล็กตรอนอสิ ระ ความหนาแน่นของอเิ ลก็ ตรอนในลวด
ตัวนาและพืน้ ท่หี น้าตัดของลวดตวั นาและคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้อง
8. ทดลองและอธบิ ายกฎของโอห์ม อธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความต้านทานกับความยาว
พน้ื ท่ีหนา้ ตัด และสภาพตา้ นทานของตัวนาโลหะท่ีอุณหภูมิคงตวั และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง
รวมท้งั อธิบายและคานวณความต้านทานสมมลู เมือ่ นาตวั ตา้ นทานมาต่อกนั แบบอนกุ รมและแบบขนาน
9. ทดลอง อธบิ าย และคานวณอเี อม็ เอฟของแหล่งกาเนิดไฟฟา้ กระแสตรง รวมทั้งอธบิ ายและ
คานวณพลังงานไฟฟา้ และกาลงั ไฟฟา้
10. ทดลอง และคานวณอีเอม็ เอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอรี่แบบอนกุ รมและแบบขนาน รวมทั้ง
คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงซึ่งประกอบด้วยแบตเตอรี่และตวั ตา้ นทาน
11. อธิบายการเปลี่ยนพลงั งานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟา้ รวมท้งั สืบค้นและอภปิ รายเก่ียวกับ
เทคโนโลยี ท่ีนามาแกป้ ญั หาหรอื ตอบสนองความตอ้ งการทางด้านพลังงานไฟฟา้ โดยเน้นด้านประสทิ ธภิ าพ
และความคุ้มค่าดา้ นค่าใชจ้ า่ ย

รวมท้ังหมด 11 ผลการเรียนรู้

184

คาอธิบายรายวิชา

กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 4
รหัสวชิ า ว33205 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรียน 4 ช่วั โมง/สปั ดาห์ 80 ช่วั โมง/ภาค
จานวน 2 หน่วยกติ

ศึกษาสนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็ก ท่ีกระทากับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหน่ียวนา
แม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าและการส่ือสาร ความสัมพันธ์ของ
ความร้อนกบั การเปลีย่ นอณุ หภูมิและสถานะของสสาร สภาพยดื หยุ่นของวัสดแุ ละมอดุลัสของยัง หลักการของ
สสารและฟิสิกส์แผนใหม่ในเร่ือง ความร้อน และการเปล่ียนสถานะของสาร ทฤษฎีจลน์ ของแก็ส กฎของแก็ส
และพลังงานในระบบแกส็ ความดนั ในของหลและกฎของพาสคัล แรงพยุงและ หลักของอารค์ ิมีดิส ความตงึ ผิว
การเคลือ่ นท่ีในของไหลและหลักแบร์นูลลี การค้นพบอิเล็กตรอน แนวคดิ เกีย่ วกับแบบจาลองอะตอม สมมฐิ าน
ของพลังค์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี การสลาย
กัมมันตภาพรงั สีและพลังงานนิวเคลยี ร์ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื คน้ ข้อมูล การสารวจตรวจ

185

คาตอบ เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด มีความสามารถในการสอื่ สาร ส่ิงที่เรยี นรู้ การตดั สนิ ใจ การนา
ความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มที่เหมาะสม

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงาน
อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบ
วินัย มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อ
บรรลุเป้าหมายของหลักสตู รโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั
1. สังเกต และอธิบายเส้นสนามแม่เหล็ก อธิบายและคานวณฟลักซ์แม่เหล็กในบริเวณท่ีกาหนด

รวมท้ังสังเกต และอธิบายสนามแมเ่ หลก็ ทเ่ี กดิ จากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาเสน้ ตรง และโซเลนอยด์
2. อธิบาย และคานวณแรงแม่เหลก็ ทกี่ ระทาต่ออนุภาคที่มปี ระจไุ ฟฟ้าเคล่ือนทใ่ี นสนามแม่เหล็ก แรง

แม่เหล็กท่กี ระทาตอ่ เส้นลวดท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหลก็ รัศมคี วามโค้งของการ เคล่ือนทเ่ี ม่ือ
ประจเุ คล่ือนท่ีต้งั ฉากกบั สนามแมเ่ หลก็ รวมทง้ั อธบิ ายแรงระหว่างเส้นลวดตวั นาคขู่ นานท่ีมี กระแสไฟฟา้ ผ่าน

3. อธบิ ายหลกั การทางานของแกลแวนอมิเตอร์ และมอเตอร์ไฟฟา้ กระแสตรง รวมท้งั คานวณ ปรมิ าณ
ตา่ งๆ ที่เกีย่ วข้อง

4. สังเกต และอธิบายการเกดิ อีเอม็ เอฟเหน่ียวนากฎการเหนีย่ วนาของฟาราเดย์ และคานวณ ปรมิ าณ
ตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง รวมทั้งนาความรเู้ ร่อื งอเี อม็ เอฟเหนี่ยวนาไปอธบิ ายการท างานของเคร่อื งใช้ไฟฟ้า

5. อธบิ าย และคานวณความตา่ งศกั ย์อารเ์ อ็มเอส และกระแสไฟฟา้ อาร์เอ็มเอส
6. อธิบายหลักการทางานและประโยชน์ของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ๓ เฟส การแปลงอีเอ็ม
เอฟของหม้อแปลง และคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง
7. อธิบายการเกดิ และลักษณะเฉพาะของ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์เชงิ เส้น
และแผน่ โพลารอยด์ รวมท้ังอธิบายการนาคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ในช่วงความถต่ี า่ ง ๆ ไปประยกุ ต์ใช้และ หลักการ
ทางานของอุปกรณ์ทเ่ี ก่ยี วข้อง

186

8. สืบค้น และอธิบายการสื่อสารโดยอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งผ่านสารสนเทศ และ
เปรยี บเทียบการส่อื สารด้วยสญั ญาณแอนะล็อกกบั สญั ญาณดจิ ทิ ลั

9. อธิบาย และคานวณความร้อนท่ีทาให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ ความร้อนที่ทาให้สสารเปล่ียน สถานะ
และความร้อนที่เกิดจากการถา่ ยโอนตามกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน

10. อธิบายสภาพยืดหยุ่นและลักษณะการยืด และหดตัวของวัสดุท่ีเป็นแท่ง เมื่อถูกกระทาด้วยแรง ค่า
ต่าง ๆ รวมท้ังทดลอง อธิบายและคานวณความเค้นตามยาว ความเครียดตามยาว และมอดุลัสของยัง และนา
ความรู้เร่ืองสภาพยดื หยนุ่ ไปใช้ในชีวติ ประจาวัน

11. อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมท้ังอธิบาย
หลกั การทางานของแมนอมเิ ตอร์ บารอมเิ ตอร์ และเคร่อื งอัดไฮดรอลกิ

12. ทดลอง อธิบาย และคานวณขนาดแรงพยุงจากของไหล
13. ทดลอง อธิบาย และคานวณความตึงผิวของของเหลว รวมทั้งสังเกตและอธิบายแรงหนืดของ
ของเหลว
14. อธิบายสมบัติของของไหลอุดมคติ สมการความต่อเนื่อง และสมการแบร์นูลลี รวมทั้งคานวณ
ปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง และนาความรู้เกี่ยวกับสมการความต่อเน่ืองและสมการแบร์นูลลีไปอธิบาย หลักการ
ทางานของอปุ กรณต์ ่าง ๆ
15. อธบิ ายกฎของแก๊สอุดมคตแิ ละคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง
16. อธิบายแบบจาลองของแก๊สอดุ มคติ ทฤษฎีจลนข์ องแก๊ส และอัตราเร็วอารเ์ อ็มเอสของโมเลกุล ของ
แกส๊ รวมทง้ั คานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้อง
17. อธิบาย และคานวณงานที่ทาโดยแก๊สในภาชนะปิดโดยความดันคงตัว และอธิบายความสัมพันธ์
ระหว่างความร้อน พลังงานภายในระบบ และงานรวมทั้งคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง และนาความรู้ เรอ่ื ง
พลังงานภายในระบบไปอธบิ ายหลกั การทางานของเครือ่ งใชใ้ นชีวติ ประจาวัน
18. อธิบายสมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ และการเกิดเส้นสเปกตรัมของอะตอม
ไฮโดรเจน รวมทั้งคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง
19. อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคานวณพลงั งานโฟตอน พลังงานจลนข์ องโฟโต อิเล็กตรอน
และฟงั กช์ นั งานของโลหะ
20. อธิบายทวิภาวะของคลนื่ และอนุภาค รวมท้งั อธบิ าย และคานวณความยาวคล่นื เดอบรอยล์
21. อธบิ ายกมั มนั ตภาพรงั สีและความแตกตา่ งของรงั สีแอลฟา บตี า และแกมมา
22. อธิบาย และคานวณกัมมันตภาพของนิวเคลียสกัมมันตรังสี รวมทั้งทดลอง อธิบาย และ คานวณ
จานวนนิวเคลยี สกัมมนั ตภาพรงั สที ่ีเหลือจากการสลาย และคร่ึงชวี ิต
23. อธบิ ายแรงนิวเคลยี ร์ เสถียรภาพของนิวเคลียส และพลังงานยึดเหนยี่ ว รวมทั้งคานวณปรมิ าณ ต่าง
ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง
24. อธิบายปฏกิ ิรยิ านิวเคลยี ร์ ฟิชชันและฟวิ ชัน รวมท้ังคานวณพลงั งานนวิ เคลียร์
25. อธิบายประโยชน์ของพลงั งานนวิ เคลียร์และรงั สี รวมทั้งอันตรายและการป้องกันรังสีในดา้ นตา่ ง ๆ

187

26. อธิบายการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาคแบบจาลองมาตรฐาน และการใช้ประโยชน์ จากการ
ค้นคว้าวจิ ัยด้านฟิสิกส์อนภุ าคในด้านตา่ ง ๆ

รวมทง้ั หมด 26 ผลการเรยี นรู้

คาอธิบายรายวชิ า

รหัสวชิ า ว30285 เทคนคิ ปฏบิ ัตกิ ารเคมีเบ้อื งตน้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ศึกษาขอ้ ควรปฏิบัตใิ นการทางานในห้องปฏิบตั กิ ารเคมี ซง่ึ เก่ยี วข้องกบั การใช้และความปลอดภยั ใน
ห้องปฎิบัตกิ ารเคมี เทคนคิ พ้นื ฐานการวัด กระบวนการวัด ความผิดพลาดของการวัด ความถกู ต้องความไม่
แนน่ อน ของการวดั รวมทงั้ การอา่ นการบันทึกผลของการวัด เทคนคิ การใชอ้ ุปกรณ์ และเคร่ืองแก้วทใ่ี ชใ้ น
ห้องปฏบิ ัติการเคมี เทคนิควธิ ีการและปฏบิ ัติการทดลองเก่ยี วกับการถา่ ยเทสาร การกรอง การพบั กระดาษกรอง
การแยกสารโดยการสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย และการแยกสารโดยใช้เทคนคิ โครมาโทกราฟี และการไทเทรต

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสงั เกต การสารวจ การอธบิ าย การ
วเิ คราะห์ และการอภิปราย เพื่อให้มีความเข้าใจ มที กั ษะกระบวนการและเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เห็นคุณค่า
ของวิทยาศาสตร์ รวมทงั้ มีความเข้าใจเกยี่ วกับเทคนคิ ตา่ ง ๆ ท่ใี ช้ในห้องปฏิบัตกิ ารทดลอง ทางานดว้ ยความ
รอบคอบและปลอดภยั ทราบวิธปี อ้ งกันและแกไ้ ขอุบัตเิ หตุ ภัยอนั ตรายทแ่ี อบแฝงอยูใ่ นสารเคมี ตลอดจน
สามารถใชอ้ ปุ กรณ์ และตดิ ต้ังอปุ กรณ์ท่เี หมาะสมกบั กระบวนการทดลองได้

จากกระบวนการเรียนร้ตู ่างๆ ทาให้นักเรียนมคี วามเป็นเลิศวิชาการ ล้าหนา้ ทางความคดิ ผลิตงานอย่าง
สร้างสรรค์ ร่วมกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบวินัย มี
ความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อบรรลุ
เป้าหมายของหลกั สูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นรู้
1. บอกและอธบิ ายข้อปฏบิ ัตเิ บื้องตน้ และปฏิบัติตนท่ีแสดงถึงความตระหนกั ในการทาปฏบิ ัติการเคมี

เพ่ือให้มีความปลอดภัยท้ังตอ่ ตนเอง ผูอ้ ื่น และสงิ่ แวดลอ้ ม และเสนอแนวทางแก้ไขเม่อื เกดิ อบุ ตั ิเหตุ
2.เลอื กและใช้อุปกรณห์ รอื เครื่องมอื ในการทาปฏิบัตกิ าร และวดั ปรมิ าณตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลอง และเขยี นรายงานการทดลอง
4. ระบหุ น่วยวดั ปรมิ าณของสาร และเปลยี่ นหนว่ ยวัดใหเ้ ปน็ หน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟกเตอร์

เปลย่ี นหนว่ ย

188

5. คานวณและเตรียมสารละลายทมี่ ีความเขม้ ขน้ ในหนว่ ยของรอ้ ยละโดยมวล ร้อยละโดยปริมาตร รอ้ ย
ละโดยมวลตอ่ ปริมาตร และสว่ นในล้านส่วน (ppm)

คาอธบิ ายรายวชิ าเพม่ิ เติม

รายวชิ าทกั ษะปฏิบตั กิ ารฟสิ กิ ส์ รหสั วิชา ว 30286 กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์

ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เวลา 40 ช่วั โมง จานวน 1 หน่วยกติ 2 ช่วั โมง/สัปดาห์

ฝกึ ฝนและพัฒนาเทคนคิ ปฏิบัติการทางฟิสิกสท์ เ่ี ก่ยี วข้องกับกลศาสตร์ ไฟฟา้ คล่ืน ในหัวขอ้ ทก่ี าหนด
และหวั ขอ้ อิสระท่นี ักเรยี นสนใจภายใตก้ ารควบคุมของอาจารย์ประจาวิชา

จากกระบวนการเรียนร้ตู ่างๆ ทาใหน้ ักเรียนมคี วามเป็นเลิศวชิ าการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงานอยา่ ง
สร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบวินัย มี
ความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพ่ือบรรลุ
เป้าหมายของหลกั สูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นร้ทู ่คี าดหวัง

1. ฝกึ ใช้และอา่ นคา่ จากเครอ่ื งมอื วัดเบื้องตน้ ใช้เลขนยั สาคญั ในการบันทึกขอ้ มูล วเิ คราะห์ความคลาดเคลื่อนของ
การทดลอง เขยี นตารางและกราฟนาเสนอขอ้ มูล การวิเคราะหข์ ้อมลู และเขียนสรปุ ผลการทดลองได้
2. กาหนดตัวแปร สมมตฐิ าน ของการทดลอง วเิ คราะห์และอธบิ ายความสมั พันธ์ระหวา่ งตัวแปรได้
3. ทดลอง และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างคาบการแกว่งกับความยาวเชอื กของวตั ถุท่ีสัน่ แบบซมิ เปิลฮาโมนกิ วิเคราะหห์ าค่า
ความเรง่ เน่อื งจากสนามโน้มถ่วงได้
4. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างปริมาตรวัตถทุ ีจ่ มและแรงลอยตวั วเิ คราะหห์ าความหนาแน่นสารได้
5. ทดลอง และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ากับกระแส วเิ คราะห์หาค่าความต้านทานไฟฟ้า

189

6. ทดลอง และอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างจานวนคลื่นนิง่ กับความยาวเชือก วเิ คราะห์ค่าความถ่ีคล่นื ได้
7. ทดลอง และอธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคา่ ไซนม์ มุ ตกกระทบและไซน์มุมหกั เหของคล่นื แสง วเิ คราะหห์ าคา่ ดัชนหี กั เหของ
ตัวกลางได้
8. ออกแบบการทดลองทางฟสิ กิ ส์ในประเด็นท่นี ักเรียนสนใจ รวมถึงกาหนดตวั แปร สมมติฐาน วเิ คราะห์และนาเสนอขอ้ มลู
สรปุ และอภปิ รายผลการทดลองได้

คาอธบิ ายรายวิชา

รายวิชา ธรณีวิทยาเบื้องต้น ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5
รหสั วิชา ว32281 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1 หนว่ ยกิต

ศึกษาลักษณะทางธรณีวิทยา ลักษณะทางกายภาพของพ้ืนโลก ส่วนประกอบของโลก ปรากฏการณ์
ทางธรณที ี่มีผลทาให้เกิดภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ลักษณะทางธรณีวิทยาในท้องถ่นิ ทรัพยากรดิน หนิ แร่ ซาก
ดึกดาบรรพ์และวิวัฒนาการโลกศึกษากระบวนการต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนบนผวิ โลกและภายในโลก ความสัมพันธ์ของ
กระบวนการต่างๆ ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ สารวจ ตรวจสอบ และอภิปราย เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการ มีเจตคติและเห็น
คุณคา่ ของวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่งิ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชนแ์ ละใชใ้ นการศึกษาวิชาอ่ืนต่อไป

จากกระบวนการเรียนรตู้ ่างๆ ทาให้นักเรียนมคี วามเปน็ เลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงานอย่าง
สร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบวินัย มี
ความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อบรรลุ
เปา้ หมายของหลักสตู รโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายส่วนประกอบของโลกทางธรณีวทิ ยาได้

190

2. อภปิ รายการเกิดปรากฏการณ์ทางธรณแี ละผลกระทบที่เกิดจากการเปลีย่ นแปลงของโลกได้
3. อธบิ ายและวิเคราะหก์ ระบวนการเกิดองคป์ ระกอบ สมบัติ สามารถจาแนกชนดิ ของหินและการใช้ประโยชน์
ของหินแตล่ ะประเภทได้
4. อธบิ ายกระบวนการเกิดแร่ องค์ประกอบ สมบตั ิ และการนาแร่ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้
5. วเิ คราะห์และอภปิ รายววิ ฒั นาการโลกโดยใชข้ ้อมลู ของซากดึกดาบรรพแ์ ละอายขุ องหินได้
6. วิเคราะห์และอภิปรายลกั ษณะทางธรณีวทิ ยาในทอ้ งถ่นิ และการเปลย่ี นแปลงทางธรณีวทิ ยาท่ีเกิดจากภัย
ธรรมชาติหรือมนษุ ย์ได้
7. อภิปรายธรณวี ทิ ยาสิง่ แวดล้อมได้
8. อธบิ ายแผนท่ีทางธรณีวทิ ยาได้
9. อภิปรายทรพั ยากรธรรมชาติทเี่ ก่ยี วกบั เชอื้ เพลิงธรรมชาตไิ ด้
10. วเิ คราะหธ์ รณีวทิ ยาประเทศไทยได้

รวมทงั้ หมด 10 ผลการเรียนรู้

191

คาอธิบายรายวิชา

รหัสวิชา ว๓๓๒๘๑ วิชาวิทยาศาสตรก์ บั ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖/๕ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๔0 ช่ัวโมง จานวน 1.๐ หน่วยกิต

________________________________________________________________________________

ศกึ ษาคน้ คว้า และวเิ คราะห์ ปฏิบัตกิ ารทดลอง วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ การเขียนความเรยี งข้นั สูง
โดยผา่ นภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ ในเชิงวิทยาศาสตร์ ใชท้ ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์กระบวนการสบื เสาะหา
ความรู้ การสารวจตรวจสอบการสืบคน้ ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี การอธิบายและทดลองทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
อย่างง่ายเพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะในการสืบค้นข้อมลู ทักษะการคดิ แก้ปัญหา วิเคราะห์เปรยี บเทยี บ
สือ่ สารส่ิงท่ีเรยี นรูม้ คี วามสามารถในการตดั สินใจ โดยอาศยั ทฤษฎีองค์ความรู้ สร้างชนิ้ งานประเมนิ ผลงาน มีจิต
สาธารณะและเหน็ คุณคา่ ตระหนักถงึ ความสาคญั ของเรอ่ื งที่ศกึ ษา สามารถนาความรู้
และทักษะไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มทเ่ี หมาะสมและภาคภูมิใจ
ในภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ ช่วยอนุรกั ษ์ ดแู ลรักษาส่งิ แวดลอ้ ม และสาธารณะสมบัติ เพือ่ ประโยชน์ของสว่ นรว่ ม
และประเทศชาติ

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาใหน้ ักเรียนมคี วามเป็นเลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงานอยา่ ง
สร้างสรรค์ ร่วมกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบวินัย มี
ความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อบรรลุ
เปา้ หมายของหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นรู้
1. อธิบายความหมาย และยกตัวอย่างภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ได้
2. เข้าใจและอธิบายเก่ยี วกบั การไดม้ าซง่ึ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์
3. อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ ง วิทยาศาสตร์กับภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ได้
4. ตงั้ คาถามทกี่ าหนดประเดน็ หรือตวั แปรท่ีสาคญั ในการสารวจตรวจสอบหรอื ศึกษาค้นคว้าเรือ่ ง
ท่ีสนใจได้อยา่ งครอบคลุมและเชอ่ื ถือได้
5. ออกแบบการทดลองวธิ กี ารดาเนินงานศกึ ษาภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ ไดอ้ ย่างเหมาะสม
6. วเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรุปผลการศึกษาภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ โดยใชว้ ิธกี ารทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะการคดิ
ขน้ั สูงได้
7. ใช้เทคโนโลยีในการสืบคน้ ข้อมูล เชือ่ มโยงองค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง เขียนความเรยี งขน้ั สูง เขยี นรายงาน
นาเสนอผลงานได้

192

รวมทงั้ หมด 7 ผลการเรยี นรู้

193

คาอธิบายรายวชิ า

รหสั วชิ า ว33281 วชิ าวิทยาศาสตรก์ บั ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6/5 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ

________________________________________________________________________________

ศึกษาค้นควา้ และวิเคราะห์ ปฏิบัติการทดลอง วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ การเขยี นความเรียงข้นั สูง
โดยผ่านภูมิปัญญาท้องถน่ิ ในเชงิ วทิ ยาศาสตร์ ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ การสารวจตรวจสอบการสืบคน้ ข้อมูลดว้ ยเทคโนโลยี การอธบิ ายและทดลองทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
อย่างง่ายเพื่อใหเ้ กิดความร้คู วามเขา้ ใจ มีทักษะในการสบื ค้นข้อมลู ทักษะการคิดแก้ปัญหา วิเคราะห์เปรียบเทยี บ
ส่ือสารสง่ิ ที่เรียนรมู้ ีความสามารถในการตดั สนิ ใจ โดยอาศยั ทฤษฎีองค์ความรู้ สรา้ งชน้ิ งานประเมนิ ผลงาน มจี ิต
สาธารณะและเห็นคุณค่า ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของเรอ่ื งที่ศึกษา สามารถนาความรู้
และทักษะไปใช้ในชีวติ ประจาวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมท่ีเหมาะสมและภาคภมู ใิ จ
ในภมู ิปญั ญาท้องถิ่น ชว่ ยอนรุ ักษ์ ดูแลรักษาส่งิ แวดล้อม และสาธารณะสมบตั ิ เพ่อื ประโยชนข์ องส่วนรว่ ม
และประเทศชาติ

จากกระบวนการเรียนรตู้ ่างๆ ทาใหน้ ักเรียนมคี วามเปน็ เลิศวชิ าการ ล้าหนา้ ทางความคิด ผลิตงานอยา่ ง
สร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน มีระเบียบวินัย มี
ความซ่ือสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อบรรลุ
เป้าหมายของหลกั สตู รโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมาย และยกตวั อยา่ งภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ได้
2. เข้าใจและอธบิ ายเก่ยี วกบั การไดม้ าซง่ึ ความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์
3. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่าง วิทยาศาสตรก์ ับภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ได้
4. ต้ังคาถามทก่ี าหนดประเดน็ หรอื ตัวแปรที่สาคัญในการสารวจตรวจสอบหรอื ศึกษาคน้ คว้าเรื่อง
ทีส่ นใจไดอ้ ยา่ งครอบคลุมและเชอ่ื ถอื ได้
5. ออกแบบการทดลองวธิ ีการดาเนินงานศึกษาภมู ิปญั ญาท้องถ่ินไดอ้ ย่างเหมาะสม
6. วิเคราะหข์ อ้ มลู และสรุปผลการศกึ ษาภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ โดยใชว้ ิธีการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการคดิ
ขน้ั สูงได้
7. ใช้เทคโนโลยใี นการสบื ค้นขอ้ มูล เชื่อมโยงองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง เขียนความเรียงข้นั สูง เขยี นรายงาน
นาเสนอผลงานได้

194

รวมทงั้ หมด 7 ผลการเรยี นรู้

195

คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม

รายวชิ านาโนเทคโนโลยี รหัส ว33282 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย
เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต

ศึกษาความหมายของนาโนเทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยีในธรรมชาติ ผลติ ภณั ฑน์ าโนเทคโนโลยี
ความเป็นสหวิทยาการของนาโนเทคโนโลยี สบื เสาะความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ ใชห้ ลกั การ เหตุผลและจินตนาการ
ทดลอง ลงขอ้ สรปุ จากข้อมูลอย่างสมเหตุสมผล เพื่อหาคาตอบ เสนอผลงานทางวิทยาศาสตร์ เพือ่ ให้ผู้เรยี นมี
ความรคู้ วามเข้าใจ หลักการที่เกี่ยวขอ้ งกับนาโนเทคโนโลยี เข้าใจหลักการทางานของ นักวจิ ยั ทางด้านนาโน
ศาสตร์ และนาโนเทคโนโลยี ใช้ทกั ษะกระบวนการในการ สืบเสาะหาความรู้ สื่อสารส่ิงที่ เรียนรู้ และสามารถ
ประยกุ ตค์ วามรู้ในการวเิ คราะห์ ผลดี ผลเสียของผลติ ภัณฑ์ท่เี กดิ จากนาโนเทคโนโลยีใน ชีวติ ประจาวนั

จากกระบวนการเรียนร้ตู ่างๆ ทาใหน้ ักเรียนมีความเป็นเลศิ วชิ าการ ล้าหน้าทางความคิด ผลิตงานอยา่ ง
สร้างสรรค์ ร่วมกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบวินัย มี
ความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข เพื่อบรรลุ
เป้าหมายของหลกั สูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นรู้
1. สืบคน้ เกี่ยวกับองค์ความรู้ทางดา้ นนาโนศาสตร์ และนาโนเทคโนโลยไี ด้
2. อธิบายกระบวนการเกดิ ความรทู้ างนาโนศาสตร์และนาโนเทคโนโลยีได้
3. ใชห้ ลกั การทางวิทยาศาสตร์และหลกั เกณฑ์ท่สี มเหตสุ มผลในการอธบิ ายนาโนเทคโนโลยีในธรรมชาติ

ผลติ ภัณฑน์ าโนเทคโนโลยี และสหวิทยาการของนาโนเทคโนโลยไี ด้
4. วเิ คราะห์ อภปิ รายและนาเสนอผลงานท่นี า่ สนใจเก่ียวกบั นาโนเทคโนโลยไี ด้

รวม 4 ผลการเรยี นรู้

196

รายวิชา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาอธบิ ายรายวชิ า
รหสั วชิ า ว30207 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2
เวลา 20 ชวั่ โมง จานวน 0.5 หน่วยกติ

ศกึ ษาวิเคราะห์ ความหมายและคุณค่าของการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเภท
ของโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิธีดาเนินการทาโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศกึ ษาวิเคราะห์
และอภิปรายตัวอย่างโครงงานเกี่ยวกับ ชื่อเรื่อง บทคัดย่อ การออกแบบการทดลอง การอภิปรายและสรุปผล
การเขียนเอกสารอ้างองิ แนวคิดในกรดัดแปลง ขยาย เพิ่มเติม จากโครงงานท่ีได้ศึกษา สืบคน้ ข้อมูล ปฏบิ ัติการ
ทดลอง สารวจตรวจสอบสมมติฐานของปัญหาท่ีสนใจเป็นพิเศษ บันทึกและรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และจัด
กระทาข้อมูล สรุปผล เขยี นรายงาน และนาเสนอผลงาน เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจ มีความคิดระดบั สงู ในการ
สร้างองค์ความรู้โดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ สามารถเสนอเค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี สอ่ื สารสง่ิ ท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ มีจิตวทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม
อันพงึ ประสงค์

จากกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ทาให้นักเรียนมีความเปน็ เลิศวิชาการ ล้าหน้าทางความคดิ ผลิตงานอย่าง
สร้างสรรค์ ร่วมกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลกรักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีระเบียบวินัย มี
ความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสาธารณะ ดารงชีวิตบนพ้ืนฐานเศรษฐกิจพอเพียง หลีกเล่ียงอบายมุข เพื่อบรรลุ
เปา้ หมายของหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล

ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวัง

1. อธิบายความหมาย คุณคา่ และประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์
2. จัดทาเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ทีจ่ ะดาเนินการวจิ ยั ด้วยตนเอง
3. นาเสนอเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตรต์ ่อที่ประชุม
4. ดาเนินการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ตามแผนการปฏิบัตงิ าน
5. เขยี นรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์

197

6. เสนอผลงานโครงงานวทิ ยาศาสตรใ์ นโรงเรยี นหรือชมุ ชน

รวมทัง้ หมด 6 ผลการเรยี นรู้

160

คาอธบิ ายรายวชิ า
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา

ศาสนา และวัฒนธรรม

161

คาอธบิ ายรายวิชา

ส21101 สงั คมศึกษาฯ 1 กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จานวน 1.5 หน่วยการเรยี น

----------------------------------------------------

ศึกษาวเิ คราะห์ อธบิ ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสปู่ ระเทศไทย ความสาคัญของพระพุทธศาสนา
ต่อสงั คมไทย พุทธประวัตพิ ุทธสาวก พุทธสาวกิ า ชาดก พทุ ธคุณ หลักธรรมสาคญั ในกรอบอรยิ สัจสี่ พทุ ธศาสน
สุภาษิต วิธคี ิดแบบ โยนโิ สมนสิการ การสวดมนตแ์ ผ่เมตตา การบริหารจิตและเจรญิ ปัญญาด้วยอานาปานสติ

ศึกษาวิเคราะห์ อธบิ ายศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย บคุ คลสาที่เปน็ แบบอย่างดา้ นศาสนสัมพนั ธ์
รวมถึงการบาเพ็ญประโยชน์ตอ่ ศาสนาสถานของศาสนาท่ีตนนบั ถือ จรยิ วตั รของสาวก จดั พธิ กี รรมตามศาสนา
พธิ ีที่ตนนับถอื อย่าง ถูกตอ้ งในวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนาอนื่ ๆ

ศกึ ษา วเิ คราะห์ บทบาทหน้าที่ของเยาวชนทม่ี ีตอ่ สังคมและประเทศชาติ เคารพสิทธิ เสรภี าพของ
ตนเองและ ผ้อู น่ื หลกั การ เจตนารมณ์โครงสร้างสาระสาคัญของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยฉบบั
ปจั จบุ ันโดยสงั เขป บทบาท การถว่ งดุลของอานาจอธิปไตยจากรฐั ธรรมนูญฉบบั ปจั จบุ ัน ความคล้ายคลึงและ
ความแตกต่างระหว่างวฒั นธรรมไทยกบั วฒั นธรรมของประเทศในภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ และ
วัฒนธรรมท่ีเป็นปจั จัยในการสรา้ งความสัมพันธ์ท่ีดี หรืออาจนาไปสคู่ วามเข้าใจผิดตอ่ กนั ปฏิบตั ติ นเปน็
ประโยชน์ต่อสงั คมและประเทศชาติ ปฏิบัตติ ามกฎหมายคมุ้ ครองเด็ก กฎหมาย การศึกษา กฎหมายค้มุ ครอง
ผบู้ รโิ ภค กฎหมายลิขสิทธ์ิ กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบบั ปัจจุบันทีเ่ กีย่ วข้องกบั ตนเอง

โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบคน้ ข้อมลู กระบวนการทางสังคม กระบวนการปฏบิ ัติ
กระบวนการกลมุ่ กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปญั หา

เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจ สามารถนาไปปฏิบัตใิ นการดาเนนิ ชีวิต นาไปพฒั นาแกป้ ัญหาของตนเอง
และ ครอบครัว รกั ษาส่ิงแวดล้อม มีคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นดา้ นรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซื่อสัตย์สุจริต มี
วนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่ อย่างพอเพียง มงุ่ มน่ั ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ สามารถอยรู่ ่วมกนั ได้
อยา่ งสันตสิ ขุ

รหสั ตวั ชี้วดั


Click to View FlipBook Version