The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chalikae, 2023-11-02 03:14:45

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

ขั้นสอน ๑. นักเรียนจับกลุมศึกษาใบความรูเรื่องการพูดสรุปความและประเมินคาเรื่องที่ฟงและดู ครูสุม นักเรียน ๒ – ๓ คนพูดนําเสนอความรูและใหนักเรียนรวมนําเสนอความรูเพิ่มเติม ๒. ครูใหนักเรียนดูวีดิทัศน เรื่อง “DreamTransplant - ปลูก ถาย ฝน” โดยศูนยรับบริจาค อวัยวะสภากาชาดไทย ใหนักเรียนแตละกลุมพูดสรุปความวาสารที่ไดฟงเปนเรื่องเกี่ยวกับใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไร อยางไร และรวมกันประเมินคาดานตาง ๆ ๓. นักเรียนทําใบงานเรื่องการประเมินคาจากเรื่องที่ฟงและดู ขั้นสรุป ครูสรุปความรูเรื่องการพูดสรุปความและประเมินคาจากสื่อที่ฟงและดู พรอมเปดโอกาสให นักเรียนรวมแสดงความคิดเห็นและซักถามขอสงสัย ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๑. อินเทอรเน็ต ๒. หองสมุด ๓. ภาพขอความโฆษณา ๔. ใบความรู้เรื่องการพูดสรุปความและประเมินค่าเรื่องที่ฟังและดู ๕. ใบงานเรื่อง การประเมินค่าจากเรื่องที่ฟังและดู ๖. วีดิทัศน์เรื่อง “Dream Transplant - ปลูก ถ่าย ฝัน” โดยศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ รู้และเข้าใจหลักการพูด สรุปความและการ ประเมินค่าจากสื่อที่ฟัง และดู สังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. พูดสรุปความจากเรื่อง ที่ฟังและดู ๒. พูดประเมินค่าจาก เรื่องที่ฟังและดู ประเมินการพูดสรุป ความและประเมิน ค่าจากเรื่องที่ฟังและ ดู แบบประเมินการพูดสรุป ความและประเมินค่าจาก เรื่องที่ฟังและดู ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง การพูดสรุปความและประเมินค่าเรื่องที่ฟังและดู หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง การพูดสรุปความและประเมินความน่าเชื่อถือของสื่อ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การพูดสรุปความ การพูดสรุปความ หมายถึงการพูดสรุปสาระสำคัญจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการ เพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้แก่ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง แหล่งความรู้จากการฟังและดูอาจมาจากสื่อโทรทัศน์ วิทยุหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ รวมทั้งการฟังบรรยายและทัศนศึกษา การฝึกฝนทักษะการพูดสรุปความ อย่างสม่ำเสมอจะสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวการพูดสรุปความจากเรื่องที่ฟังและดู การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพนอกจากเนื้อหาหรือสารที่ถูกต้องชัดเจน วิธีในการส่งเสริมเป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การพูดสรุปความจากเรื่องที่ฟังและดูจึงมีแนวทางสำคัญที่ควร ทราบเพื่อนำไปฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ดังนี้ ๑. จับใจความสำคัญเรื่องที่ฟังและดูจากสื่อโทรทัศน์วิทยุหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ โดยอาจใช้ คำถาม ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใด อย่างไร จากนั้นหารายละเอียดของเรื่องที่เป็นส่วนขยายใจความสำคัญ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เรื่องที่ได้ฟังและดูมีความสมบูรณ์มากขึ้น ๒. เรียบเรียงเนื้อหาตามลำดับเหตุการณ์หรือความสำคัญของเรื่องเพื่อให้ผู้ฟังซึ่งเป็นผู้รับสารเข้าใจได้ ง่าย เช่น เรียงลำดับตามวันเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น นำเสนอเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กัน เป็นต้น ๓. กรณีเนื้อหาที่ต้องการพูดยาวมาก ผู้พูดอาจฝึกซ้อมการพูด โดยกำหนดเป็นประเด็น ๆ จดจำให้ขึ้น ใจแล้วทดลองพูด ส่วนรายละเอียดของเรื่องอาจนำเสนอเฉพาะจุดสำคัญแกผู่้ฟังเพียงบางส่วน ๔. พูดสรุปความจากเรื่องที่ได้เตรียมไว้อย่างเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง บางกรณีผู้พูดอาจมีต้นฉบับของ เนื้อหาที่จะพูดกำหนดเป็นประเด็นอย่างชัดเจน เพื่อผู้ฟังเข้าใจง่ายไม่สับสน นอกจากนี้ผู้พูดควรระบุ แหล่งข้อมูลที่ตนได้สรุปความมาให้ผู้ฟังรับทราบเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์ให้ผู้ฟังได้ศึกษา ค้นคว้าความรู้เพิ่มเติม ข้อควรระวังในการพูดสรุปความจากเรื่องที่ฟังและดูคือ ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็น ส่วนตัวเนื่องจากการพูดลักษณะดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและมุ่งหวังให้ผู้ฟังได้รับ ประโยชน์จากการฟังเนื้อหาสาระสำคัญที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น การประเมินค่าเรื่องที่ฟังและดู การประเมินสาร คือ การพินิจพิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ แล้วลงความเห็นว่าสารที่ได้ฟังนั้นดี หรือไม่สมเหตุสมผลหรือไม่ น่าเชื่อถือหรือไม่ เพื่อจะได้นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ สารที่ดีควรมีคุณค่าในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑. คุณค่าด้านเนื้อหา ได้แก่การนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง มีความน่าเชื่อถือ และสมเหตุสมผล ๒. คุณค่าด้านข้อคิด ได้แก่การส่งสารให้รู้ว่าผู้ส่งสารมีแนวคิดอย่างไร มีวัตถุประสงค์อะไร มีเจตนาดี หรือไม่


๓. คุณค่าด้านวรรณกรรม ได้แก่ความเหมะสมของสารตามประเภทที่นำเสนอ เช่น ถ้าเป็นสารที่ให้ ความรู้ต้องมีลำดับขั้นตอนการนำเสนอจากเนื้อหาง่ายไปสู่เนื้อหาที่ซับซ้อน ทั้งมีภาพประกอบที่ชัดเจน ๔. คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ประโยชน์ที่สังคมได้รับ ซึ่งอาจปรากฏให้เห็นทั้งทางตรงและ ทางอ้อม โดยมีเป้าหมายคือพัฒนาสังคม และส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม สรุป การพูดสรุปความและการประเมินค่าเรื่องที่ฟังและดูมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้แก่ผู้พูดซึ่งจะได้ฝึกฝน การสรุปสาระสำคัญจากเรื่องต่าง ๆ โดยใช้ทักษะการฟังและการดูซึ่งมีความจำเป็นในการศึกษาค้นคว้าแหล่ง เรียนรู้อีกทั้งเป็นการฝึกทักษะการพูดให้ถูกต้อง คล่องแคล่ว และเป็นผู้มีบุคลิกภาพในการพูดที่ดีส่วนผู้ฟัง ย่อมจะได้รับประโยชน์จากสาระหรือความรู้ที่ผู้พูดนำเสนอ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้มากยิ่งขึ้น


ใบงาน เรื่อง การประเมินค่าจากเรื่องที่ฟังและดู หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง การพูดสรุปความและประเมินความน่าเชื่อถือของสื่อ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่ม ................................................................................. ชื่อ – สกุล..................................................................................................................ชั้นม.๑/.........เลข ที่............. ชื่อ – สกุล..................................................................................................................ช้นัม.๑/.........เลขที่........... ชื่อ – สกุล..................................................................................................................ช้นัม.๑/.........เลขที่........... ชื่อ – สกุล..................................................................................................................ช้นัม.๑/.........เลขที่........... ชื่อ – สกุล..................................................................................................................ช้นัม.๑/.........เลขที่........... คำชี้แจง นักเรียนเลือกดูโฆษณาทางโทรทัศน์หรือสื่อประเภทโน้มน้าวใจที่นักเรียนสนใจ แล้วพูดสรุป สาระสำคัญและประเมินตามหัวข้อต่อไปนี้ ๑. โฆษณาสินค้าอะไร ๒. มีรายละเอียดอะไรบ้าง ๓. น่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะเหตุใด .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๐ หลักการเขียนจดหมาย เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคําถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสมและสละสลวย ม.๑/๗ เขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ ม.๑/๙ มีมารยาทในการเขียน ๒. สาระสำคัญ การเขียนจดหมาย เป็นวิธีการที่นิยมใช้เพื่อสื่อสารแทนการพูด เมื่อผู้รับและผู้ส่งอยู่ห่างไกลกัน หรือมี ความจำเป็นบางประการที่ทำให้ไม่สามารถพูดจากันได้ นอกจากนี้ จดหมายยังใช้เป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ที่ไม่รู้จักกันและจดหมายอาจใช้เป็นเอกสารสำคัญสำหรับอ้างเป็นหลักฐานได้อีกด้วย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนรูและเขาใจองคประกอบของจดหมาย ๒. รูและเขาใจหลักการเขียนจดหมายสวนตัว ๓. นักเรียนอธิบายองคประกอบการเขียนจดหมาย ๔. นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ หลักการเขียนจดหมาย ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูอานจดหมายใหนักเรียนฟง ครูซักถามถึงประสบการณการเขียนจดหมายของนักเรียน ขั้นสอน ๑. นักเรียนและครูรวมกันศึกษาใบความรูเรื่องการเขียนจดหมาย ๒. นักเรียนแบงกลุม ๓ – ๔ คน ทํากิจกรรมใบงานเรื่องการพิจารณาองคประกอบของ จดหมาย ๓. ครูแจกกระดาษใหนักเรียนพับเปนซองจดหมายวาดดวงตราไปรษณียากร และจาหนาซอง ตามหลักการเขียนจดหมาย นักเรียนสงจดหมายใหครู


ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปหลักการการเขียนจดหมายรวมกัน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๑. อินเทอรเน็ต ๒. หองสมุด ๓. ใบความรู้การเขียนจดหมาย ๔. ใบงานเรื่อง การพิจารณาองค์ประกอบของจดหมาย ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. รู้และเข้าใจ องค์ประกอบของ จดหมาย ๒. รู้และเข้าใจหลักการ เขียนจดหมายส่วนตัว สังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ อธิบายองค์ประกอบของ จดหมายได้ ทำใบงานเรื่อง การพิจารณา องค์ประกอบของ จดหมาย ใบงานเรื่องการพิจารณา องค์ประกอบของ จดหมาย ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง การเขียนจดหมาย หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่อง หลักการเขียนจดหมาย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การเขียนจดหมาย การเขียนจดหมาย เป็นวิธีการที่นิยมใช้เพื่อสื่อสารแทนการพูด เมื่อผู้รับและผู้ส่งอยู่ห่างไกลกัน หรือมี ความจำเป็นบางประการที่ทำให้ไม่สามารถพูดจากันได้นอกจากนี้จดหมายยังใช้เป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ที่ไม่รู้จักกันและจดหมายอาจใช้เป็นเอกสารสำคัญสำหรับอ้างเป็นหลักฐานได้อีกด้วย จุดมุ่งหมายของการเขียนจดหมาย ๑. เพื่อสื่อสารแทนการพูด ๒. เพื่อเป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่รู้จักกัน ๓. เพื่อเป็นเอกสารสำคัญสำหรับอ้างเป็นหลักฐาน จดหมายเป็นวิธีการติดต่อสื่อสารโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเป็นผู้ติดต่อเอง การเขียนจดหมายจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษา ให้ถูกต้อง และใช้ถ้อยคำที่ชัดเจนและแจ่มแจ้งจะได้ไม่เป็นปัญหากับผู้อ่าน ประเภทของจดหมาย แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้๓ ประเภท ดังนี้ ๑. จดหมายส่วนตัว เป็นจดหมายที่เขียนกันในวงศ์ญาติสนิท มิตร สหาย และบุคคลที่รู้จักคุ้นเคย เพื่อ ส่งข่าวคราวไต่ถามทุกข์สุข แสดงความรักความระลึกถึงที่มีต่อกัน หรือเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่น่ารู้น่าสนใจให้ ฟังตลอดจนขอความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นการติดต่อกันอย่างไม่เป็นทางการ ภาษาและสำนวนที่ใช้ไม่ เคร่งครัดภาษาที่ใช้ในหนังสือราชการและจดหมายธุรกิจ การเขียนคำขึ้นต้น ลงท้าย จดหมายส่วนตัวไม่มี กฎเกณฑ์ตายตัวแต่ควรระมัดระวังและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบุคคลที่จะเขียนถึง ๒. จดหมายธุรกิจ หมายถึง จดหมายระหว่างห้างร้านและบริษัทต่าง ๆ หรือจดหมายที่เอกชนมีต่อห้าง ร้านด้วยกิจธุระต่าง ๆ เช่น จดหมายสั่งของจากร้าน จดหมายทวงหนี้จดหมายสมัครงาน จดหมายสอบถาม เรื่องต่าง ๆ จดหมายตอบรับหรือปฏิเสธคำเชิญเป็นทางการ ข้อความต้องรัดกุม กระชับ สั้น แต่ได้ใจความครบ บริบูรณ์ ๓. จดหมายราชการ ตามระเบียบงานสารบรรณซึ่งเป็น “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงาน สารบรรณ พ.ศ. ๒๕๕๖” ให้เรียกเอกสารประเภทนี้ว่า หนังสือราชการ ซึ่งหมายถึง เอกสารที่เป็นหลักฐาน ทางราชการ มีรายละเอียดดังนี้ หนังสือที่มีไปมาระหว่างส่วนราชการ หนังสือที่ส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่น ซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือที่มีไปถึงบุคคล ภายนอก หนังสือที่หน่วยงานอื่นใดมิใช่ส่วนราชการหรือบุคคลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ เอกสารที่ทางราชการจัดทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการ เอกสารที่ทางราชการจัดทำขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ การเขียนจดหมายทุกแบบย่อมเพ่งเล็งเรื่องความมีระเบียบของรูปแบบ สำนวน โวหาร และการใช้ภาษา ที่ถูกต้อง ตลอดจนความสะอาดเป็นสำคัญ


องค์ประกอบและรูปแบบของจดหมาย ผู้เขียนคงเคยเขียนจดหมายหรืออ่านจดหมายมาบ้างแล้ว คงจะสังเกตเห็นว่าจดหมายนั้นไม่ว่า ประเภทใด จะต้องประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ ๑. ที่อยู่ของผู้เขียนอยู่มุมบนด้านซ้ายมือ ๒. วัน เดือน ปีที่เขียนจดหมาย อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ เช่น ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ๓. คำขึ้นต้น ห่างจากขอบกระดาษด้านซ้าย ๑ นิ้ว ๔. เนื้อหา ขึ้นอยู่กับย่อหน้าตามปกติอาจจะอยู่ห่างจากขอบกระดาษด้านซ้าย ๒ นิ้ว ๕. คำลงท้ายอยู่ตรงกับวัน เดือน ปี ๖. ลายมือชื่อผู้เขียน ๗. ชื่อ-นามสกุลตัวบรรจง ตัวอย่าง รูปแบบการเขียนจดหมายทั่วไป สถานที่เขียนจดหมาย วัน.... เดือน...... ปี........ คำขึ้นต้น เนื้อหา....................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ คำลงท้าย ชื่อผู้เขียน (ชื่อสกุลตัวบรรจง)


หลักการทั่วไปในการเขียนจดหมาย ๑. หลักการทั่วไปในการเขียนจดหมาย การเขียนจดหมายควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ ๑.๑ การใช้ถ้อยคำ จดหมายที่ต้องใช้ถ้อยคำในการเขียนให้ถูกต้องเหมาะสม กับประเภทของ จดหมายและผู้รับจดหมายด้วย หลักการใช้ถ้อยคำสำหรับการเขียนจดหมาย มีดังนี้ ๑.๑.๑ ใช้คำขึ้นต้นและคำลงท้ายจดหมายส่วนตัวให้เหมาะสมและถูกต้องตามแบบแผน ๑) การใช้คำขึ้นต้นและคำลงท้ายจดหมายส่วนตัว การเขียนจดหมายส่วนตัวไม่มี ข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้คำขึ้นต้นและคำลงท้ายที่ตายตัว เพียงแต่เลือกใช้ให้เหมาะสมเท่านั้น คำขึ้นต้นและ ลงท้ายสำหรับบุคคลทั่วไป ๑.๑.๒ ใช้ภาษาเขียนให้ถูกกับระดับของจดหมาย โดยทั่วไปแล้วถ้าเขียนจดหมายส่วนตัวถึง บุคคลที่สนิทสนมกัน ก็จะใช้คำระดับที่ไม่เป็นทางการ แต่ถ้าเขียนจดหมายธุรกิจต่าง ๆ ก็ใช้คำระดับที่เป็น ทางการ ๑.๑.๓ เขียนโดยใช้ถ้อยคำตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้รับจดหมายได้ทราบเรื่อง อย่างรวดเร็วและ เข้าใจได้ทันทีตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ หากจะต้องปฏิบัติการตามความในจดหมายนั้นก็ปฏิบัติได้โดยถูกต้อง ครบถ้วน ๑.๑.๔ เขียนเชิงสร้างสรรค์คือ เขียนโดยเรียบเรียงถ้อยคำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกแช่มชื่น ชวนอ่าน แสดงน้ำใจที่ดีต่อผู้ได้รับจดหมาย ๑.๒ มารยาทในการเขียนจดหมาย ๑) เลือกกระดาษ ซอง ที่สะอาดเรียบร้อย หากเป็นไปได้ควรใช้กระดาษที่ทำขึ้นเพื่อการเขียน จดหมายโดยตรง แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ควรใช้กระดาษที่มีสีสุภาพ กระดาษที่ใช้เขียนควรเป็นกระดาษเต็มแผ่น ไม่ฉีก ขาด ไม่ยู่ยี่ยับเยิน ไม่สกปรก ซองจดหมายที่ดีที่สุดคือซองที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยจัดทำขึ้น เพราะมี ขนาดและคุณภาพได้มาตรฐาน ซองประเภทนี้มีจำหน่ายตามที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขทุกแห่ง ถ้าหาซอง จดหมายของการสื่อแห่งประเทศไม่ได้ก็อาจเลือกซื้อจากซองที่มีเอกชนทำขึ้นจำหน่าย ซึ่งถ้าเป็นในกรณีหลังนี้ ควรเลือกซองที่มีสีสุภาพ ไม่ควรมีลวดลาย ไม่ควรใช้ซองที่มีตราครุฑส่งจดหมายที่มิใช่หนังสือราชการ ไม่ควรใช้ ซองที่มีขอบซองเป็นลายขาวแดงน้ำเงินสลับกัน ซึ่งเป็นซองสำหรับส่งจดหมายไปรษณีย์อากาศไปยัง ต่างประเทศในการส่งจดหมายในประเทศ ๒) เขียนหนังสือให้ชัดเจน อ่านง่าย การเขียนตัวอักษรค่อนข้างโตและเว้นช่องไฟค่อนข้างห่าง จะช่วยให้จดหมายนั้นอ่านง่าย ไม่ควรเขียนด้วยดินสอดำหรือหมึกสีแดง เพราะถือกันว่าไม่สุภาพ แม้หมึกหรือ ดินสอสีต่าง ๆ ก็ไม่ควรเขียนจดหมาย สีที่เหมาะสมคือสีน้ำเงินและสีดำ ไม่ควรเขียนให้มีตัวผิด ตัวตก ต้องแก้ ต้องเติม มีรอยขูดลบขีดฆ่า หรือมีเส้นโยง ข้อความรุงรัง ทำให้ดูสกปรกไม่งามตา ๓) จะต้องศึกษาให้ถูกต้องถ่องแท้ก่อนว่า ผู้ที่เราจะเขียนจดหมายไปถึงนั้น เป็นใคร มี ตำแหน่งหน้าที่อะไร การเขียนข้อความในจดหมายก็ดีการจ่าหน้าซองก็ดีจะต้องระบุตำแหน่งหน้าที่ชั้นยศ ของผู้นั้นให้ถูกต้องและต้องสะกดชื่อ นามสกุล ยศ ตำแหน่ง ของผู้นั้นให้ถูกต้องด้วย ๔) เมื่อเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ต้องพับให้เรียบร้อยแล้วบรรจุซอง จ่าหน้าซองให้ถูกต้อง ครบถ้วนปิดดวงตราไปรษณียากรให้ครบถ้วนตามราคาและถูกตำแหน่ง ก่อนที่จะนำไปส่ง ๕) เขียนจ่าหน้าซองจดหมาย ๕.๑) เขียนชื่อ นามสกุลของผู้รับให้ถูกต้อง ชัดเจน อ่านง่าย ถ้าผู้รับเป็นแพทย์เป็น อาจารย์หรือมียศตำรวจ ทหาร หรือมีคำนำหน้านามแสดงเกียรติยศหรือฐานันดรศักดิ์ก็ใช้ถ้อยคำพิเศษ


เหล่านั้นนำหน้าชื่อ คำนำหน้าชื่อควรเขียนเต็ม ไม่ควรใช้คำย่อ ถ้าทราบตำแหน่งก็ระบุตำแหน่งลงไปด้วย ใน กรณีที่ไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าว ควรใช้คำว่า คุณ นำหน้าชื่อผู้รับในการจ่าหน้าซองจดหมายนั้น


ใบงาน เรื่อง การพิจารณาองค์ประกอบของจดหมาย หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่อง หลักการเขียนจดหมาย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาองค์ประกอบของเนื้อหาจดหมายและการจ่าหน้าซองจดหมาย พร้อมระบุข้อมูล ให้ถูกต้องสมบูรณ์ - ส่วนเนื้อหาจดหมาย - การจ่าหน้าซอง ........................................................ ....................................................... ....................................................... .......................................................... .......................................................... .......................................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. ........................................ ............................... ส่วนนี้คือ ……………………………… …… ส่วนนี้คือ ……………………………… …… ส่วนนี้คือ ………………… ………………… ส่วนนี้คือ ………………… ………………… ส่วนนี้คือ …………………………… ……… ........................................................ ....................................................... ....................................................... ........................................................ ....................................................... ....................................................... ส่วนนี้คือ …………………… ……………… ส่วนนี้คือ ………………… ………………… ส่วนนี้คือ …………………… ………………


เฉลยใบงาน เรื่อง การพิจารณาองค์ประกอบของจดหมาย หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่อง หลักการเขียนจดหมาย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาองค์ประกอบของเนื้อหาจดหมายและการจ่าหน้าซองจดหมาย พร้อมระบุข้อมูล ให้ถูกต้องสมบูรณ์ - ส่วนเนื้อหา - การจ่าหน้าซองาจดหมาย ........................................................ ....................................................... ....................................................... .......................................................... .......................................................... .......................................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................. ........................................ ............................... ส่วนนี้คือ วัน เดือน ปี ส่วนนี้คือ คำขึ้นต้น ส่วนนี้คือ ที่อยู่ของ ผู้เขียน ส่วนนี้คือ เนื้อหา ส่วนนี้คือ คำลงท้าย ........................................................ ....................................................... ....................................................... ........................................................ ....................................................... ....................................................... ส่วนนี้คือ ชื่อที่อยู่ผู้ส่ง ส่วนนี้คือ ดวงตรา ไปรษณียากร ส่วนนี้คือ ชื่อที่อยู่ผู้รับ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๑ การเขียนจดหมายขอความชวยเหลือ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคําถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสมและสละสลวย ม.๑/๗ เขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ ม.๑/๙ มีมารยาทในการเขียน ๒. สาระสำคัญ การเขียนจดหมาย เป็นวิธีการที่นิยมใช้เพื่อสื่อสารแทนการพูด เมื่อผู้รับและผู้ส่งอยู่ห่างไกลกัน หรือมี ความจำเป็นบางประการที่ทำให้ไม่สามารถพูดจากันได้ นอกจากนี้ จดหมายยังใช้เป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ที่ไม่รู้จักกันและจดหมายอาจใช้เป็นเอกสารสำคัญสำหรับอ้างเป็นหลักฐานได้อีกด้วย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนรูและเขาใจหลักการเขียนจดหมายขอความชวยเหลือ ๓.๒ เขียนจดหมายขอความชวยเหลือได้ ๓.๓ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ การเขียนจดหมายสวนตัว เรื่อง การเขียนจดหมายขอความชวยเหลือ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการขอความชวยเหลือเมื่อเรามีความจําเปนเราจะมีวิธีใดบาง หรือมีวิธีพูดอยางไรใหคนที่เราตองการใหมาชวยเหลือ ๒. ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวาระหวางการขอความชวยเหลือดวยคําพูดกับการขอความชวย เหลือดวยลายลักษณอักษร มีขอดีขอเสียแตกตางกันอยางไร ขั้นสอน ๑. นักเรียนทํากิจกรรมเสียงกระซิบจากฉันถึงเธอโดยตัวแทนนักเรียนแถวละหนึ่งคน อานข อความที่ครูเขียนให แลวใหไปกระซิบบอกเพื่อน นักเรียนถายทอดขอความนั้นตอไปเรื่อย ๆ จนถึงนักเรียนคน สุดทายของแถว


๒. นักเรียนคนสุดทายของแถวมาบอกขอความที่ไดฟงจากเพื่อน ๓. นักเรียนรวมกันพูดอภิปรายถึงขอดีของขอมูลที่เปนลายลักษณอักษร เพราะวาสามารถถาย ทอดขอมูลไดถูกตองแมนยํากวา การถายทอดดวยการพูดบอกตอ ๔. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่องการเขียนจดหมาย ๕. ครูเขียนแบบฟอรมจดหมายขอความชวยเหลือแลวใหตัวแทนนักเรียนออกไปเติมบนกระดาน แลวครูเฉลย ๖. นักเรียนจําลองสถานการณอยางสรางสรรคเพื่อเขียนจดหมายขอความชวยเหลือ ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปหลักการการเขียนจดหมายขอความชวยเหลือรวมกัน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๑. อินเทอรเน็ต ๒. หองสมุด ๓. ใบความรู้การเขียนจดหมาย ๔. ข้อความกิจกรรมเสียงกระซิบจากฉันถึงเธอ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ รู้และเข้าใจหลักการเขียน จดหมายขอความ ช่วยเหลือ สังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ เขียนจดหมายขอความ ช่วยเหลือ ตรวจการเขียน จดหมายขอความ ช่วยเหลือ แบบประเมินการเขียน จดหมายขอความ ช่วยเหลือ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง จดหมายขอความช่วยเหลือ หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง การเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การเขียนจดหมาย การเขียนจดหมายเป็นการสื่อสารโดยตรงระหว่างบุคคล โดยใช้ตัวหนังสือหรือข้อความแทนการพูดจา ดังนั้นสารในจดหมายจึงต้องเป็นข้อความที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง บอกความประสงค์ของผู้ส่งสารได้สมบูรณ์ตาม ต้องการ ทั้งนี้เพราะผู้รับจดหมายไม่มีโอกาสซักถามขณะที่ได้รับสารถ้าเขียนไม่ชัดเจนจะทำให้เกิดความเข้าใจ คลาดเคลื่อน ฉะนั้นผู้เขียนจดหมายจึงควรใช้ภาษาที่ถูกต้อง สละสลวยเหมาะกับระดับบุคคลและกาลเทศะ ต้องมีมารยาทในการเขียน ประเภทของจดหมายที่จะเขียนติดต่อกันส่วนมากได้แก่ จดหมายส่วนตัว และจดหมายกิจธุระ จดหมายส่วนตัว เป็นจดหมายที่เขียนถึงผู้ที่เรารู้จักมักคุ้นเพื่อส่งข่าวคราว เล่าเรื่อง ไต่ถามทุกข์สุข แสดงความรัก ความระลึกถึงกัน ความห่วงใย หรือขอความช่วยเหลือกันในระหว่างญาติมิตร พ่อแม่ครูภาษา ที่ใช้เป็นภาษาระดับกันเอง หรือที่เรียกว่า ภาษาปาก แต่ต้องเหมาะสมกับระดับฐานะของบุคคล จดหมายกิจธุระ เป็นจดหมายระหว่างบุคคลที่ติดต่อสื่อสารกันด้วยกิจธุระ เช่น การติดต่อสอบถาม การบอกขายหรือแจ้งรายการสินค้า การเตือน การทวงถาม การแจ้งข่าวสาร หากเป็นจดหมายกิจธุระที่ ติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัท ห้างร้าน องค์กรต่าง ๆ เรียกว่า จดหมายธุรกิจ ใช้ภาษาระดับทางการ มารยาทในการเขียนจดหมาย การเขียนจดหมายเป็นการสื่อสารวิธีหนึ่งที่ผู้เขียนจำเป็นต้องคำนึงถึงมารยาทในการเขียนเพื่อให้บรรลุ ตามจุดประสงค์ที่ต้องการและให้การสื่อสารเกิดประสิทธิภาพโดยมีหลักการเขียน ดังนี้ ๑. ต้องใช้คำขึ้นต้น ลงท้ายจดหมายให้เหมาะสมกับระดับบุคคล ๒. มีความสะอาด ๓. เลือกใช้กระดาษและซองที่เหมาะสม ๔. ถ้าเป็นการเขียนด้วยมือ ต้องให้อ่านง่ายชัดเจน ใช้ปากกาไม่ควรใช้ดินสอ ๕. ผนึกตราไปรษณีย์ให้ครบถ้วนตามอัตราค่าไปรษณียากร ๖. ไม่สอดสิ่งของมีค่าอื่นใดลงในซองจดหมาย ๗. จ่าหน้าซองจดหมาย และระบุรหัสไปรษณีย์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน ๘. ไม่ใช้ซองหรือกระดาษตราครุฑมาเขียนจดหมายส่วนตัว ๙. ไม่นำตราไปรษณียากรที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำอีก ๑๐. ใช้ภาษาที่สุภาพเหมาะสมกับผู้รับ และใช้ถ้อยคำที่กระชับ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๒ การเขียนจดหมายสอบถามขอมูล เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคําถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสมและสละสลวย ม.๑/๓ เขียนบรรยายประสบการณ์โดยระบุสาระสําคัญและรายละเอียดสนับสนุน ม.๑/๖ เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อที่ได้รับ ม.๑/๗ เขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ ม.๑/๘ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน ม.๑/๙ มีมารยาทในการเขียน ๒. สาระสำคัญ การเขียนจดหมาย เป็นวิธีการที่นิยมใช้เพื่อสื่อสารแทนการพูด เมื่อผู้รับและผู้ส่งอยู่ห่างไกลกัน หรือมี ความจำเป็นบางประการที่ทำให้ไม่สามารถพูดจากันได้ นอกจากนี้ จดหมายยังใช้เป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ที่ไม่รู้จักกันและจดหมายอาจใช้เป็นเอกสารสำคัญสำหรับอ้างเป็นหลักฐานได้อีกด้วย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนรูและเขาใจหลักการเขียนจดหมายสอบถามขอมูล ๓.๒ นักเรียนเขียนจดหมายสอบถามขอมูล ๓.๓ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ การเขียนจดหมายกิจธุระ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ นักเรียนและครูรวมกันพิจารณาขอแตกตางของจดหมายสวนตัวและจดหมายกิจธุระ โดย พิจารณาในดานองคประกอบ และการใชภาษา ครูเชื่อมโยงเขาสูบทเรียน ขั้นสอน ๑. นักเรียนสรางสถานการณเขียนจดหมายสอบถามขอมูลอยางสรางสรรค์


๒. นักเรียนจับคูแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบความถูกตองของผลงานโดยคํานึงถึงความเหมาะสม ของเหตุการณรูปแบบการเขียน และการใชภาษา ๓. ตัวแทนนักเรียน ๔ – ๕ คนนําเสนอผลงาน และนักเรียนทุกคนรวมกันพิจารณาหรือใหขอเส นอแนะเพิ่มเติม ขั้นสรุป ตัวแทนนักเรียนสรุปความรูเรื่องการเขียนจดหมายสอบถามขอมูล ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ ตัวอย่างจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ รู้และเข้าใจหลักการเขียน จดหมายสอบถามข้อมูล สังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ เขียนจดหมายสอบถาม ข้อมูลได้ เขียนจดหมาย สอบถามข้อมูล แบบประเมินการเขียน จดหมายสอบถามข้อมูล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑ การเขียนรายงานการศึกษาคนควา เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๘ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน ๒. สาระสำคัญ รายงาน เป็นกิจกรรมประกอบการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งผู้สอนกำหนดให้มีรายงานเพื่อใช้ในการ ประเมินผลการเรียน หรือผู้เรียนเลือกศึกษาเองตามความสนใจ รายงานอาจทำเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ เป็นรายงานผลการทดลอง รายงานการสังเกต เป็นต้น ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกความหมายของการเขียนรายงานการศึกษาคนควาได ๓.๒ นักเรียนบอกวัตถุประสงคของการเขียนรายงานการศึกษาคนควาได้ ๓.๓ นักเรียนบอกลักษณะของการเขียนรายงานการคนควาที่ดีได้ ๓.๔ นักเรียนฝกทักษะการเขียนรายงานการศึกษาคนควา ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมายและหลักการเขียนรายงานการศึกษาคนควา ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูนําตัวอยางการเขียนที่ดีและไมดีใหนักเรียนดูเปนตัวอยางจากนั้นเปดประเด็นใหนักเรียน อภิปรายงานเขียนทั้งสองแบบ ๒. ครูเชื่อมโยงตัวอยางการเขียนขางตนสูเรื่องการเขียนรายงานการคนควา ขั้นสอน นักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๔ คน ศึกษาใบความรูที่ ๑ เรื่อง การเขียนรายงานการศึกษาคนคว้า จากนั้นสรุปความรู เรื่องการเขียนรายงานการศึกษาคนควาเปนผลงานกลุม โดยสรุป ในรูปแบบmind mapping ลงในกระดาษโฟรชารต


ขั้นสรุป นักเรียนจํานวน ๑ กลุม นําเสนอผลงานการสรุปความรูเรื่องการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า ในรูปแบบ mind mappingครูและเพื่อนในหองรวมกันประเมินผลงานโดยการติชมและแนะนําเพิ่มเติมให ครบถวน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ใบความรูเรื่อง การเขียนรายงานการศึกษาคนควา ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. ความหมายของการ เขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้าได้ ๒. วัตถุประสงค์ของการ เขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้าได้ ๓. ลักษณะของการเขียน รายงานการค้นคว้าที่ดี ๑. สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ๒. สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๑. แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ เขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้าได้ ประเมินจาก แผนภาพ ความคิด แบบประเมินแผนภาพ ความคิด ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า รายงาน เป็นกิจกรรมประกอบการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งผู้สอนกำหนดให้มีรายงานเพื่อใช้ในการ ประเมินผลการเรียน หรือผู้เรียนเลือกศึกษาเองตามความสนใจ รายงานอาจทำเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ เป็นรายงานผลการทดลอง รายงานการสังเกต เป็นต้น วัตถุประสงค์ของการรายงาน การทำรายงานมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เรียนรู้มีความสามารถ และทักษะด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑. เพื่อให้รู้จักวิธีการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเอง มีโอกาสศึกษาค้นคว้าวิชาต่าง ๆ ที่ตนสนใจอย่าง กว้างขวางและลึกซึ้ง ๒. เพื่อฝึกทักษะด้านการอ่านและสร้างนิสัยรักการอ่านและการค้นคว้า สามารถสรุปความหรือ จับใจความของเรื่องที่อ่านได้ ๓. เพื่อส่งเสริมให้มีความคิดริเริ่ม รู้จักคิดอย่างมีระเบียบ มีเหตุผล และสามารถรวบรวมความรู้ ความคิด นำมาเรียบเรียงให้เป็นระเบียบได้ ๔. เพื่อให้สามารถวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ได้โดยรู้จักใช้วิจารณญาณของตนเอง ตลอดจนสามารถ แสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลโดยมีหลักฐานอ้างอิง ๕. เพื่อฝึกทักษะด้านการเขียน สามารถเรียบเรียงข้อมูลที่ได้มาให้เป็นเรื่องราวอย่างมีระเบียบด้วย สำนวนภาษาที่ถูกต้อง ๖. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลว่ามีความรู้ความเข้าใจในปัญหาที่ได้ศึกษามามากน้อยเพียงใด ลักษณะของรายงานที่ดี รายงานที่ดีควรมีลักษณะที่ดีดังนี้ ๑. มีเนื้อเรื่องครบถ้วนตามหัวข้อที่กำหนด ๒. มีความถูกต้องเที่ยงตรง และแม่นยำ ๓. จัดเรียงลำดับของเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง มีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีเมื่อกล่าวถึงสิ่งใดก็มีหลักฐาน อ้างอิงอย่างเพียงพอ สมเหตุสมผล ตลอดจนมีความสามารถในการกลั่นกรองและสรุปความรู้ความคิดได้จาก แหล่งต่าง ๆ ๔. แสดงหลักฐานที่มาอย่างถูกต้องและละเอียดถี่ถ้วน ๕. ใช้ภาษาได้ถูกต้องได้ผลตามจุดมุ่งหมาย และเป็นภาษาที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป การใช้ภาษาในการเขียนรายงาน ภาษาที่ใช้ในการเขียนรายงานต้องใช้ภาษาที่เป็นทางการ พึงระมัดระวังในเรื่องของการสะกด เครื่องหมายการแบ่งวรรคตอน การจัดเรียงรูปประโยคที่ถูกต้อง หลักในการเขียนรายงาน สามารถสรุปได้ดังนี้ ๑. การใช้คำในภาษาไทย • ใช้คำในภาษาราชการ ไม่ใช้ภาษาพูด และให้เป็นคำภาษาไทยมากที่สุด • ใช้คำที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ใช้คำที่ต้องมีการแปลความหมายอีกครั้งหนึ่ง • ในการอธิบายความต้องเลือกใช้คำที่มีความหมายสอดคล้องตรงกับความเป็นจริง • เลือกใช้คำที่มีความหมายชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด


• ไม่ใช้คำภาษาถิ่น คำผวน คำสแลง หากจำเป็นต้องใช้ต้องมีคำอธิบายกำกับ • ไม่ใช้คำที่ไม่สื่อความหมาย • ไม่ใช้คำย่อต้องเขียนเป็นคำเต็ม • ไม่ใช้เครื่องหมายแทนคำพูด • เมื่อต้องใช้ศัพท์ทางวิชาการ ควรเลือกใช้ศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน ๒. การใช้คำในภาษาอังกฤษ • ถ้าเป็นคำที่ใช้กันแพร่หลายในภาษาไทยอยู่แล้ว ให้เขียนเป็นภาษาไทยโดยไม่ต้องมีคำ ภาษาอังกฤษกำกับ • ถ้าเป็นคำใหม่ศัพท์บัญญัติศัพท์วิชาการที่เขียนศัพท์ในการใช้ครั้งแรกให้กำกับคำ ภาษาอังกฤษไว้ในวงเล็บ และไม่ต้องกำกับอีกเมื่อใช้ครั้งต่อไป


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๒ การเขียนรายงานการศึกษาคนควา เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๘ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน ๒. สาระสำคัญ รายงาน เป็นกิจกรรมประกอบการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งผู้สอนกำหนดให้มีรายงานเพื่อใช้ในการ ประเมินผลการเรียน หรือผู้เรียนเลือกศึกษาเองตามความสนใจ รายงานอาจทำเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ เป็นรายงานผลการทดลอง รายงานการสังเกต เป็นต้น ทั้งผู้เรียนจำเป็นต้องทราบองค์ประกอบของรายงาน ก่อนเขียนรายงาน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกองค์ประกอบของรายงานการศึกษาค้นคว้าได้ถูกต้อง ๓.๒ นักเรียนอธิบายขั้นตอนการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าได้ถูกต้อง ๓.๓ นักเรียนบอกหลักและมารยาทในการเขียนรายงานได้ ๓.๔ นักเรียนขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าได้ ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาหลักการ รูปแบบ องคประกอบของการเขียนรายงานการศึกษาคนควา ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูใหนักเรียนเรียงสวนประกอบของรายงานจากบัตรคําองคประกอบของรายงาน ดังนี้ ปกหนา ปกรอง คํานํา สารบัญ บทนํา เนื้อหา บทสรุป บรรณานุกรม ปกหลัง จากนั้นเฉลยคําตอบแลว อภิปรายความรูรวมกัน ขั้นสอน ๑. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๔ คน โดยเรียกกลุมตนเองวากลุมบาน จากนั้นใหนักเรียนแต ละคนเปนผูเชี่ยวชาญหมายเลข ๑-๔ เพื่อแยกไปศึกษาความรูตามหมายเลขที่ตนเองไดรับ


ผูเชี่ยวชาญคนที่ ๑ ศึกษารูปแบบรายงานและองคประกอบที่ ๑ ปกรายงาน ผูเชี่ยวชาญคนที่ ๒ ศึกษาองคประกอบที่ ๒ คํานํา ผูเชี่ยวชาญคนที่ ๓ ศึกษาองคประกอบที่ ๓ สารบัญ ผูเชี่ยวชาญคนที่ ๔ ศึกษาองคประกอบที่ ๔ เนื้อหา ๒. นักเรียนแตละคนแยกยายกลับเขากลุมบานเพื่อถายทอดความรูที่ตนเองไปศึกษามาแกเพื่อน คนอื่น ๆ จนครบทุกคน ๓. นักเรียนแตละกลุมชวยกันทําใบงาน การเขียนรายงาน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับการเขียนรายงานและองคประกอบของรายงานเพื่อ ทบทวนความเขาใจ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ใบความรูเรื่อง รูปแบบและองคประกอบของรายงาน ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความรู้เกี่ยวกับการเขียน รายงาน สังเกตพฤติกรรมการ เรียนรายบุคคล สังเกตพฤติกรรมการ เรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. เขียนรายงาน การศึกษาค้นคว้าได้ ๒. กระบวนการกลุ่ม ๑.ประเมินจากการ ทำใบงาน ๒.สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๑. ใบงาน เรื่องการเขียน รายงาน ๒.แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง รูปแบบและองค์ประกอบของรายงาน หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ รูปแบบและองค์ประกอบรายงาน การเขียนรายงานเพื่อการศึกษาค้นคว้ามีรูปแบบและองค์ประกอบต่อไปนี้ ๑. ปก - ปกนอก (กระดาษที่มีความหนาคงทน เน้นสีเรียบ) - ปกรอง (กระดาษเปล่าสีขาว) - ปกใน (เหมือนปกนอกทุกประการแต่ใช้กระดาษขาว) - ปกรองหลัง (กระดาษเปล่าสีขาว) - ปกหลัง (กระดาษที่มีความหนาคงทน เน้นสีเรียบ ใช้สีเดียวกันกับปกนอก) ๒. คำนำ ๓. สารบัญ ๔. เนื้อหา ๕. บรรณานุกรม หรือแหล่งอ้างอิง ๖. ภาคผนวก (รูปภาพ แผนภูมิกราฟ ตารางต่าง ๆ) การจัดระยะขอบ หรือจัดกั้นหน้า - กั้นหลัง กั้นหน้า ระยะขอบเท่ากับ ๓.๑๗ เซนติเมตร กั้นหลัง ระยะขอบเท่ากับ ๒.๕๐ เซนติเมตร ขอบบน ระยะขอบเท่ากับ ๒.๕๐ เซนติเมตร หรือ ๓.๐๐ เซนติเมตร ขอบล่าง ระยะขอบเท่ากับ ๒.๕๐ เซนติเมตร หรือ ๒.๐๐ เซนติเมตร รูปแบบของปก ปกจะประกอบด้วยข้อความ ๔ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ ชื่อเรื่องรายงาน ส่วนที่ ๒ ชื่อผู้จัดทำรายงาน ส่วนที่ ๓ เสนอใคร ส่วนที่ ๔ บอกถึงรายงานฉบับนี้เป็นของวิชาอะไร ภาคเรียนและปีการศึกษาใด โรงเรียนอะไร ข้อความทั้ง ๔ ส่วน ให้มีการเว้นระยะห่างของแต่ละส่วนให้เท่า ๆ กัน ข้อความส่วนที่ ๑ อาจมีขนาดอักษรที่ใหญ่กว่าข้อความส่วนอื่น ๆ ก็ได้ ข้อความในส่วนที่ ๒ – ๓ ควรใช้ขนาดอักษรที่เท่ากัน สำหรับข้อความในส่วนที่ ๔ ขนาดอักษรอาจมีขนาดเท่ากับส่วนที่ ๒ และ ๓ หรืออาจ จำเป็นต้องมีขนาดอักษรที่เล็กกว่าส่วน ๒ – ๓ เล็กน้อย


องค์ประกอบที่ ๑ หน้าปกรายงาน ตัวอย่างรูปแบบของปกรายงานดังนี้ ตัวอย่างปกรายงาน รายงาน เรื่อง ……………………. จัดทำโดย ชื่อ-นามสกุล .................................... เลขที่...............ชั้น............................ เสนอ ................................................ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนวิชา ............................ ภาคเรียนที่ ……………… ปีการศึกษา ……………………


องค์ประกอบที่ ๒ คำนำ คำนำ เป็นหน้าสำคัญที่แจ้งให้ผู้อ่านทราบวัตถุประสงค์ความเป็นมา แนวเนื้อหาสาระที่มีในรายงาน การจัดลำดับของเรื่องราว และขอบคุณผู้ที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เขียน รูปแบบของคำนำ มีลักษณะดังนี้ คำนำ รายงานเรื่อง.............................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน ลงชื่อผู้เขียน ตัวอย่างการเขียนคำนำ คำนำ รายงานเรื่องคำนามฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ท ๒๑๑๐๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ที่เกี่ยวกับคำนาม รายงานนี้ มีเนื้อหาประกอบด้วย ความหมายของคำนาม ชนิดของคำนาม หน้าที่ของคำนามและ ตัวอย่างคำนาม ซึ่งได้ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลจากหนังสือและสื่อแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน เด็กชายรักดีมีเมตตา องค์ประกอบที่ ๓ สารบัญ สารบัญ หมายถึง บัญชีเรื่อง รายชื่อเรื่อง การเขียนหนังสือหรือรายงานเรื่องหนึ่งต้องมีเนื้อเรื่อง หรือหัวข้อต่าง ๆ ซึ่งรายชื่อของเนื้อเรื่องหรือหัวข้อเรื่องนั้น ๆ จัดเป็นสารบัญของหนังสือนั้น ในสารบัญ นอกจากจะบอกรายชื่อหัวข้อเรื่องแล้วยังบอกด้วยว่าหัวข้อต่าง ๆ นั้นอยู่ในหน้าใดทำให้ค้นหาเรื่องที่จะอ่าน หรือสนใจได้สะดวก


สารบัญมีรูปแบบดังนี้ สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ชื่อเรื่องรายงาน ๑ หัวข้อย่อย ..... หัวข้อย่อย ..... ……. …. บรรณานุกรม หรือแหล่งอ้างอิง ..... ภาคผนวก ..... องค์ประกอบที่ ๔ เนื้อหาของรายงาน มีข้อกำหนดดังนี้ ๑. ข้อความที่เป็นชื่อเรื่อง (มักจะอยู่ที่หน้าแรกของเนื้อหารายงาน) จัดกึ่งกลางหน้ากระดาษ ๒. ข้อความที่เป็นหัวข้อย่อย ใช้ชิดซ้าย เหมือนกันทั้งฉบับ ๓. ข้อความที่เป็นเนื้อหา หรือเนื้อเรื่องใช้เหมือนกันทั้งฉบับ ๔. รูปแบบอักษรให้ใช้แบบเดียวกันทั้งฉบับ ๕. สีอักษร โดยทั่วไปและแบบเป็นทางการจะใช้สีดำ ๖. เนื้อหาในบางส่วนจำเป็นต้องมีรูปภาพมาประกอบเพื่อจะได้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะต้องใช้ รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหารายงาน ๗. ข้อความเนื้อหาในแต่ละหัวข้อ ให้ขึ้นต้นบรรทัดใหม่และมีการย่อหน้า ๘. ในส่วนของการย่อหน้าให้ย่อหน้าเท่ากันทั้งฉบับ ๙. ข้อความเนื้อหาที่เป็นการจัดเรียงลำดับเลขข้อ หรือเลขข้อย่อยก็ควรใช้ในรูปแบบที่เหมือนกันและ จัดย่อหน้าให้เท่ากัน ย่อหน้าเป็นระดับชั้นที่ถูกต้องด้วย ๑๐. ใส่เลขหน้าในรายงานเพื่อจัดทำสารบัญ โดยจัดวางและใช้รูปแบบเดียวกันทั้งฉบับ


ตัวอย่างเนื้อหารายงาน ชื่อเรื่อง หัวข้อ ๑... ข้อความเนื้อหา......................................... .................................................................................. .................................................................................. หัวข้อ ๒…. ข้อความเนื้อหา......................................... .................................................................................. .................................................................................. ชื่อเรื่อง หัวข้อ ๑... ๑. ข้อความเนื้อหา…………………... ๑.๑ …………………………… ๑.๒ …………………………… ๒. ………………………………………….. ๒.๑ …………………………… ๒.๒ …………………………… หัวข้อ ๒…………………………………………


ใบงาน เรื่อง การเขียนรายงาน หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนโครงร่างรายงานในหัวข้อ “การละเล่นของเด็กไทย” ตามหลักการเขียน รายงาน โดยมีองค์ประกอบตามที่กำหนดให้ดังนี้ ๑. ปก รายงาน เรื่อง …………………..……………………. จัดทำโดย ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… เสนอ ................................................ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนวิชา ............................ ภาคเรียนที่ ……………… ปีการศึกษา ……………………


๒. คำนำ คำนำ ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. เนื้อหา (เขียนเฉพาะหัวข้อหลักและหัวข้อย่อย ไม่ต้องใส่รายละเอียด) ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. สารบัญ ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๓ การเขียนบรรณานุกรม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๘ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน ๒. สาระสำคัญ บรรณานุกรมเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากส่วนเนื้อเรื่อง ซึ่งจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือที่นำมาอ้างอิง ไว้ในรายงานได้แก่ ชื่อผู้แต่ง ปีพิมพ์ ชื่อบทความ ชื่อหนังสือ ครั้งที่พิมพ์ และสถานที่พิมพ์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกหลักการในการเขียนบรรณานุกรมได ๓.๒ นักเรียนบอกหลักและมารยาทในการเขียนได ๓.๓ นักเรียนเขียนบรรณานุกรมไดถูกตอง ๓.๔ นักเรียนเขียนรายงานการจากศึกษาคนควาไดถูกตอง ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาการเขียนบรรณานุกรมเพื่อใชประกอบการเขียนรายงานการศึกษาคนควา ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับมารยาทในการศึกษาคนควาขอมูลและขอคํานึงในการนําขอมูลจาก แหลงตาง ๆ มาใชแลวอภิปรายรวมกันเรื่องการเขียนบรรณานุกรม ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่องการเขียนบรรณานุกรม ๒. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง การเขียนบรรณานุกรม คนคว้า จากนั้นสรุปความรูเรื่องการเขียนรายงานการศึกษาคนควาเปนผลงานกลุม โดยสรุป ในรูปแบบmind mapping ลงในกระดาษโฟรชารต


ขั้นสรุป ๑. ครูและนักเรียนรวมเฉลยใบงาน การเขียนบรรณานุกรมจากนั้นสรุปความรูเรื่องการเขียน บรรณานุกรม ๒. ครูมอบหมายงานนักเรียนแตละกลุมไปศึกษาคนควาทํารายงานตามหัวขอประเพณีไทยตาม ภาคตาง ๆ ดังนี้ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต และใหนักเรียนเขียนรายงานตามรูปแบบและมีการเขียนบรรณานุกรม ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ใบความรูเรื่อง การเขียนบรรณานุกรม ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การเขียนบรรณานุกรม สังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. การเขียนบรรณานุกรม ๒. การเขียนรายงาน การศึกษาค้นคว้า ๑. ประเมินจากการ ทำใบงาน ๒. ประเมินจากการ เขียนรายงาน การศึกษาค้นคว้า ๑. ใบงานเรื่อง การเขียน บรรณานุกรม ๒. แบบประเมิน การ เขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การเขียนบรรณานุกรม หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง การเขียนบรรณานุกรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ บรรณานุกรม บรรณานุกรมเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากส่วนเนื้อเรื่อง ซึ่งจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ ที่นำมาอ้างอิงไว้ในรายงานได้แก่ชื่อผู้แต่ง ปีพิมพ์ชื่อบทความ ชื่อหนังสือ ครั้งที่พิมพ์และสถานที่พิมพ์ หลักเกณฑ์การเขียนบรรณานุกรม ๑. เขียนคำว่า บรรณานุกรม ไว้กลางหน้ากระดาษ ๒. เมื่อเริ่มต้นเขียนให้ชิดขอบกระดาษที่เว้นไว้ประมาณ ๑.๕ นิ้ว หากบรรทัดเดียวไม่จบ บรรทัดถัดไปให้ย่อเข้ามา ๗ ช่วงตัวอักษร ๓. เมื่อรวบรวมแหล่งสารนิเทศที่อ้างอิงไว้ครบถ้วนทั้งหมดแล้ว ให้นำมาเรียงลำดับตาม ตัวอักษรของรายการแรก โดยเรียงตามแบบพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ดังนี้ ๓.๑ เรียงตามรูปพยัญชนะ – สระที่ปรากฏ ไม่เรียงตามเสียงที่อ่าน เช่น หย่า เรียงไว้ ที่พยัญชนะ ห และ อย่า เรียงไว้ที่พยัญชนะ อ ๓.๒ หากเป็นพยัญชนะตัวเดียวกัน ให้เรียงลำดับที่คำประกอบด้วยพยัญชนะล้วน เรียงไว้ก่อนคำที่มีสระติดตัว เช่น ๓.๓ พยัญชนะที่มีสระติดตัว ให้เรียงลำดับสระ ๓.๔ คำที่สะกดด้วยพยัญชนะเดียวกันวรรณยุกต์ต่างกัน ให้ดูพยัญชนะตัวถัดไปไม่ ต้องเรียงลำดับตามเสียงวรรณยุกต์ ๓.๕ ตัวเลข สัญลักษณ์และคำย่อ หากเป็นตัวแรกของรายการของแหล่งสารนิเทศที่ ใช้ในการอ้างอิง ให้เรียงไว้ตรงพยัญชนะ และตัวสะกดที่อ่านเสียงออกมา ๔. การลงรายการชื่อผู้แต่ง มีหลักเกณฑ์ดังนี้ ๔.๑ คำนำหน้าชื่อให้ตัดทิ้ง ไม่ต้องใส่ไว้ได้แก่ ๔.๑.๑ คำนำหน้าชื่อตามปกติ ๔.๑.๒ ตำแหน่งทางวิชาการ ๔.๑.๓ คำระบุบอกอาชีพ ๔.๒ คำนำหน้าชื่อที่เป็นบรรดาศักดิ์เช่น หม่อมเจ้า ให้คงไว้โดยให้ย้ายสลับไปไว้ หลังชื่อ ๔.๓ ผู้แต่งที่ใช้นามแฝง ให้ใช้นามแฝงนั้นเป็นชื่อผู้แต่งเหมือนผู้แต่งปกติโดยไม่ต้อง เขียนกำกับไว้ว่าเป็นนามแฝง รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมหนังสือ ชื่อผู้แต่ง. (ปีพิมพ์). ชื่อหนังสือ (ครั้งที่พิมพ์). สถานที่พิมพ์: สำนักพิมพ์ อุทัย หิรัญโต. (๒๕๓๑). หลักการบริหารบุคคล. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.


ใบงาน เรื่อง การเขียนบรรณานุกรม หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง การเขียนบรรณานุกรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ คำชี้แจง : ให้นักเรียนใส่หมายเลขเรียงลำดับบรรณานุกรมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (๒ คะแนน) ชัยวัฒน์สุทธิรัตน์. (๒๕๕๘). ศิลปะการสอนเพื่อผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑. (พิมพ์ครั้งที่ ๒). กรุงเทพฯ : วีพรินท์. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาชั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๘). สนุกกับวรรณคดี. กรุงเทพฯ : โรง พิมพ์สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากร ทางการศึกษา. สุพรรณีปิ่นมณี. (๒๕๔๙). ภาษาและวัฒนธรรมอ่านสนุก. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชิต ภิบาลแทน. (๒๕๓๕). วิทยาศาสตร์น่ารู้เรื่องสุริยจักรวาลโลกและดวงดาว. กรุงเทพฯ : บริษัทอักษราพิพัฒน์. ทองย้อย แสงสินชัย. (๒๕๔๑). โคลงโลกนิติศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฉบับถอดความ. กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมมิก. พูลสุข เอกไทยเจริญ. (๒๕๕๑). การเขียนรายงานการค้นคว้า. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.


ตอนที่ ๒ คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนบรรณานุกรมจากข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (๓ คะแนน) ๑. หนังสือเทคนิคการพูด พิมพ์ครั้งที่ ๒ ผู้เขียน นายสวัสดิ์บันเทิงสุข พิมพ์เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๔ ที่สำนักพิมพ์ ไทยควอลิตี้บุ๊คส์กรุงเทพมหานคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. หนังสือเรื่องวรรณกรรมไทย ผู้เขียน คุณหญิงกุหลาบ มัลลิกะมาส จัดพิมพ์โดยคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปีพ.ศ. ๒๕๑๗ กรุงเทพมหานคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. หนังสือสุดยอดวิธีอ่านตำรา ผู้เขียน คุณวีรวุธ มาฆะศิรานนท์พิมพ์ในปีพ.ศ. ๒๕๔๒ สำนักพิมพ์เอ็กเปอร์ เน็ทกรุงเทพมหานคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. หนังสือระบบเสียงในภาษา ผู้เขียน กาญจนา นาคสกุล พิมพ์ครั้งที่ ๕ ปีที่พิมพ์๒๕๕๔ สำนักพิมพ์ คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


เฉลยใบงาน เรื่อง การเขียนบรรณานุกรม หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง การเขียนบรรณานุกรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ คำชี้แจง : ให้นักเรียนใส่หมายเลขเรียงลำดับบรรณานุกรมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (๑) ชัยวัฒน์สุทธิรัตน์. (๒๕๕๘). ศิลปะการสอนเพื่อผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑. (พิมพ์ครั้งที่ ๒). กรุงเทพฯ : วีพรินท์. (๖) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาชั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๘). สนุกกับวรรณคดี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา. (๕) สุพรรณีปิ่นมณี. (๒๕๔๙). ภาษาและวัฒนธรรมอ่านสนุก. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. (๒) ชิต ภิบาลแทน. (๒๕๓๕). วิทยาศาสตร์น่ารู้เรื่องสุริยจักรวาลโลกและดวงดาว. กรุงเทพฯ : บริษัท อักษราพิพัฒน์. (๓) ทองย้อย แสงสินชัย. (๒๕๔๑). โคลงโลกนิติศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฉบับถอดความ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมมิก. (๔) พูลสุข เอกไทยเจริญ. (๒๕๕๑). การเขียนรายงานการค้นคว้า. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. ตอนที่ ๒ ๑. สวัสดิ์บรรเทิงสุข. (๒๕๕๔). เทคนิคการพูด. (พิมพ์ครั้งที่ ๒). กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์. ๒. กุหลาบ มัลลิกะมาส. (๒๕๑๗). วรรณกรรมไทย. กรุงเทพฯ : คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง. ๓. วีรวุธ มาฆะศิรานนท์. (๒๕๔๒). สุดยอดวิธีอ่านตำรา. กรุงเทพฯ : เอ็กเปอร์เน็ท. ๔. กาญจนา นาคพันธ์. (๒๕๕๔). ระบบเสียงในภาษา. พิมพ์ครั้งที่ ๕. กรุงเทพฯ : คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๔ การพูดรายงานจากการศึกษาค้นคว้า เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟ้งและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัด ม.๑/๕ พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา ม.๑/๖ มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด ๒. สาระสำคัญ การพูดรายงาน เป็นการบอกเล่า ชี้แจง ประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ต่าง ๆ เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นการเผยแพร่ความรู้ความคิด เพื่อสร้างความเจริญงอก งามทางสติปัญญา ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกความหมายของการพูดรายงานได ๓.๒ นักเรียนบอกหลักและมารยาทในการฟง ดูและพูดได ๓.๓ นักเรียนสรุปความรูเกี่ยวกับพูดรายงานจากการศึกษาคนควาได้ ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาขั้นตอนการพูดรายงานหลักและมารยาทในการฟง ดูและพูด ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับนักพูดมืออาชีพ (ครูอาจกลาวถึงนักพูดที่เปนที่รูจักในปจจุบัน เชน โนต อุดม แตพานิช) วาเพราะเหตุใดนักพูดคนดังกลาวถึงจึงเปนที่ชื่นชอบของคนทั่วไป ขั้นสอน ๑. ครูซักถามนักเรียนวาในฐานะที่เปนนักเรียน การพูดมีความสําคัญและมีประโยชนกับนักเรียน อยางไรบาง นักเรียนใชการพูดในการเรียนอยางไร จากนั้นเชื่อมโยงเขาสูการพูดรายงานหนาชั้นเรียน ๒. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๔ คน เพื่อชวยกันระดมความคิดเกี่ยวกับขั้นตอนและหลักปฏิบัติ ในการพูดรายงานหนาชั้นเรียนลงในกระดาษที่ครูแจกให


๓. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่องการพูดรายงานจากการศึกษาคนควา แลวสรุปความรูบันทึกลง สมุด ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับเรื่องการพูดรายงานจากการศึกษาคนควาโดยการสุ มถามนักเรียนเปนรายบุคคลและนัดหมายการพูดรายงานจากการศึกษาคนควาในชั่วโมงตอไป ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ใบความรูเรื่อง การพูดรายงานจากการศึกษาคนควา ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. ความหมายของการ พูดรายงาน ๒. หลักและมารยาทใน การฟัง ดูและพูด สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ สรุปความรู้เกี่ยวกับพูด รายงานจากการศึกษา ค้นคว้าได้ สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม แบบประเมินพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การพูดรายงาน หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง การพูดรายงานจากการศึกษาค้นคว้า รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การพูดรายงาน การพูดรายงาน เป็นการบอกเล่า ชี้แจง ประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา ต่าง ๆ เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้เป็นการเผยแพร่ความรู้ความคิด เพื่อสร้างความเจริญงอก งามทางสติปัญญา หลักการพูดรายงาน ๑. พูดข้อมูลที่ค้นคว้ามาจากการทำรายงานไปตามลำดับให้ต่อเนื่องกัน ถ้าเป็นเรื่องยาวต้องแบ่งเป็น หัวข้อให้สัมพันธ์กัน ๒. ใช้ภาษาพูดที่กระชับ เข้าใจง่าย สุภาพ ด้วยเสียงที่ดังพอควร หนักแน่น แสดงความมั่นใจ อาจอ่าน ข้อความสำคัญบางตอน ถ้ามีเอกสารแจกควรแนะนำให้ดูโดยบอกหน้าและบรรทัดที่ ให้ผู้ฟังพบข้อความนั้น ๆ จึงพูด ๓. เสนอข้อมูลตรงประเด็นและยกหลักฐาน เหตุผลมาประกอบการพูดอย่างพอเพียง ไม่มากหรือน้อย เกินไป ๔. ไม่ใช้ภาษาต่างประเทศถ้ามีคำภาษาไทยใช้อยู่แล้วและเป็นที่รู้จัก นอกจากเป็นคำใหม่หรือเป็น ศัพท์เฉพาะวงการ ๕. พูดคำควบกล้ำให้ชัดเจน รวมทั้งการพูดเว้นวรรคตอน ออกเสียงวรรณยุกต์ให้ถูกต้องตามหลัก ภาษาไทย ๗. ไม่ควรพูดเรื่องส่วนตัวของตนเอง และไม่นำเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมาพูด มารยาทในการพูด ฟังและดู ๑. แสดงความสนใจ โดยฟังและดูอย่างสงบ ไม่คุยกัน หรือทำกิจกรรมอื่น ๒. การฟังในที่ประชุม ผู้ฟังควรมาถึงก่อนผู้พูด และออกจากที่ประชุมหลังผู้พูด ๓. เมื่อต้องการถามผู้พูดหรือแสดงความคิดเห็น ควรรอโอกาสให้ผู้พูดพูดจบก่อน และยกมือเพื่อแสดง ความคิดเห็นหรือตั้งคำถาม ๔. ใช้น้ำเสียงและกริยาวาจาที่สุภาพในการซักถาม ๕. เมื่อฟังหรือดูจบ ควรปรบมือให้เกียรติแก่ผู้พูด


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๕ การพูดรายงานการศึกษาคนควา เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟ้งและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัด ม.๑/๕ พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา ม.๑/๖ มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด ๒. สาระสำคัญ การพูดรายงาน เป็นการบอกเล่า ชี้แจง ประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ต่าง ๆ เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นการเผยแพร่ความรู้ความคิด เพื่อสร้างความเจริญงอก งามทางสติปัญญา ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกหลักและมารยาทในการพูดรายงานการศึกษาคนควาได ๓.๒ นักเรียนพูดรายงานการศึกษาคนควาได ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ การพูดรายงานการศึกษาคนควา ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับหลักและมารยาทในการพูดรายงานการศึกษาคนควา เพื่อเปนการ ทบทวนความรูกอนนักเรียนออกไปพูดรายงานหนาชั้นเรียนตามที่ไดรับมอบหมายงานในคาบที่ผานมา ขั้นสอน นักเรียนกลุมที่ ๑ ออกมาพูดรายงานการศึกษาคนควาตามที่ไดรับมอบหมาย โดยมีครูและเพื่อน เปนผูประเมินผลการพูดใหคําแนะนําและติชม เมื่อนักเรียนกลุมแรกนําเสนอเรียบรอยแลวจึงใหกลุมตอไป ออกมาพูดรายงานจนครบ


ขั้นสรุป ครูและนักเรียนอภิปรายสรุปความรูเกี่ยวกับการพูดรายงานและมารยาทในการฟง ดูและพูดอีก ครั้ง ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ใบความรูเรื่อง การพูดรายงาน ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ หลักและมารยาทในการ ฟัง ดูและพูด สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ การพูดรายงานการศึกษา ค้นคว้า ๑. สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๒. ประเมินการพูด รายงานการศึกษา ค้นคว้า ๑. แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๒. แบบประเมิน การพูด รายงานการศึกษาค้นคว้า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. รักชาติศาสน์กษัตริย์ ๒. มีวินัย ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มีมารยาทในการฟัง ดูและพูด ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๖ การอ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ การใส่ทำนองในการอ่านโคลงสี่สุภาพ นิยมอ่านบาทที่หนึ่ง ที่สอง และที่สี่ให้มีเสียงขึ้นลง สูงต่ำตาม เสียงวรรณยุกต์ แล้วอ่านบาทที่สามวรรคแรกให้มีเสียงสูงขึ้นกว่าทุกบาท โดยเฉพาะท้ายวรรคอ่านให้มีเสียง จัตวาปนอยู่ด้วย โดยทอดเสียงวรรณยุกต์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกหลักการอานรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพได ๓.๒ นักเรียนอานออกเสียงรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพไดถูกตอง ๓.๓ นักเรียนทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองตามความสนใจได้ ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ศึกษากลวิธีการอานออกเสียงแบบทํานองเสนาะโคลงสี่สุภาพ ๔.๒ การทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองตามความสนใจ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูให้นักเรียนอ่านโคลงสี่สุภาพ ดังนี้ เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่ สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ


จากนั้นถามนักเรียนว่าคำประพันธ์ข้างต้นเป็นคำประพันธ์ชนิดใด มีวิธีการอ่านอย่างไร แล้ว ให้นักเรียนช่วยกันแบ่งวรรคการอ่าน เสียงลือ /เสียงเล่า อ้าง อันใด/พี่เอย เสียงย่อม/ยอยศใคร ทั่วหล้า สองเขือ/พี่หลับใหล ลืมตื่น/ฤๅพี่ สองพี่/คิดเองอ้า อย่าได้/ถามเผือ ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาฉันทลักษณ์และหลักการอ่านโคลงสี่สุภาพจากใบความรู้เรื่อง ฉันทลักษณ์ และหลักการอ่านโคลงสี่สุภาพนักเรียนบันทึกความรู้ลงสมุด ๒. นักเรียนจับคู่ฝึกปฏิบัติการอ่านโคลงสี่สุภาพบทต่าง ๆที่ครูเตรียมให้ ๓. ครูสุ่มนักเรียน ๒-๓ คน อ่านโคลงสี่สุภาพ โดยมีครูและเพื่อนในห้องติชม ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่องฉันทลักษณ์และการอ่านโคลงสี่สุภาพ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ หนังสือเรียนวรรณคดีไทยชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ ๖.๒ ใบความรู้เรื่อง ฉันทลักษณ์และหลักการอ่านโคลงสี่สุภาพ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ หลักการอ่านร้อยกรอง ประเภทโคลงสี่สุภาพ สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ อ่านออกเสียงร้อยกรอง ประเภทโคลงสี่สุภาพ ประเมินจากการอ่าน ร้อยกรองประเภท โคลงสี่สุภาพ แบบประเมินจากการอ่าน ร้อยกรองประเภท โคลงสี่สุภาพ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ใบความรู้เรื่อง ฉันทลักษณ์และการอ่านโคลงสี่สุภาพ หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพ ๑. คณะ โคลงสี่สุภาพบทหนึ่งมี๔ บาท แต่ละบาทประกอบด้วยวรรค ๒ วรรค วรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๒ คำ ยกเว้นวรรคหลังของบาทที่ ๔ จะมี๔ คำ ในบาทที่ ๑ และ ๓ อาจมีคำสร้อยหรือไม่ก็ได้ ๒. คำเอก คำโท โคลงสี่สุภาพบังคับให้มีคำเอก ๗ แห่ง และโท ๔ แห่ง ในกรณีที่หาคำเอกไม่ได้อาจใช้คำตายแทน คำเอก และทำเอกโทษ เช่น คำตายที่แทนคำเอก คุณแม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา คุณบิดรดุจอา กาศกว้าง คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร (โคลงโลกนิติของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร) ๓. คำเอกโทษและโทโทษ ในการหาคำเอกคำโทมาแต่งโคลงนั้น บางทียากมากถึงอนุโลมให้ใช้คำเอกโทษ คำโทโทษแทนทั้งนี้ เพื่อให้ได้คำเอกคำโทตามข้อบังคับของโคลงสี่สุภาพ เช่น เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ น้องหญิง อ่อนแอบแนบอกอิง อุ่นล้ำ นวลจันทร์นั่นนวลจริง แต่ชื่อ ฤๅเอย นวลพี่พี่กลืนกล้ำ กลิ่นเนื้อเหลือนวล (นิราศสุพรรณ ของ สุนทรภู่) ขอฝากซากสวาทสร้อย สุนทร ไว้ที่ทำสาคร เขตนี้ ศาลาท่าวัดพร พี่ฝาก มาเอย ใครที่พี่เป็นผี้ พี่ให้อภัยเจริญ (นิราศสุพรรณ ของ สุนทรภู่) ๔. สัมผัส สัมผัสนอก บังคับไว้ดังนี้ คำสุดท้ายของบาทที่ ๑ (ไม่นับคำสร้อย) สัมผัสกับคำที่ ๕ ของบาทที่ ๒ และ บาทที่ ๓ คำสุดท้ายของ บาทที่ ๒ สัมผัสกับคำที่ ๕ ของบาทที่ ๔


ถ้าแต่งโคลงมีจำนวนมากกว่า ๑ บท จะต้องสัมผัสเชื่อมระหว่างบทด้วย คือ ให้คำสุดท้ายของบทต้น สัมผัสกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของบทต่อไป สัมผัสใน บังคับไว้ดังนี้ โคลงสี่สุภาพนิยมสัมผัสในเป็นสัมผัสอักษร ให้สัมผัสอยู่คู่กันได้มีคำอื่นคั่นก็ได้สัมผัสข้ามวรรคหรือจะ มีสัมผัสกันทั้งวรรคยิ่งดีส่วนสัมผัสสระนั้นโคลงไม่นิยม หากจะมีในแต่ละบาทไม่ควรเกิน ๑ แห่ง ๕. คำสร้อย คำสร้อยของโคลงสี่สุภาพ มีอยู่ ๒ แห่ง คือ บาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ คำสร้อยตามปกติมีอยู่ ๒ คำ คำต้นนั้นมีหน้าที่ต่อคำข้างหน้าให้ได้ความครบ ส่วนคำท้ายเป็นคำเสริมให้เต็ม เช่น เจ็บจิต จริงพ่อ, อย่างไร ฤๅแม่, ฟังคำ หน่อยรา, โอ้อก เราอา โคลงสี่สุภาพมีวิธีการอ่าน ดังนี้ ๑. อ่านทอดเสียงให้ตรงตามจังหวะของแต่ละวรรค วรรคหน้าแต่ละบาทมี๒ จังหวะ จังหวะละ ๒ คำ และ ๓ คำวรรคหลังบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ มี๑ จังหวะ เป็นจังหวะ ๒ คำ ถ้ามีคำสร้อยก็เพิ่มอีก ๑ จังหวะ เป็นจังหวะ ๒ คำ วรรคหลังบาทที่ ๒ มี๑ จังหวะ เป็นจังหวะ ๒ คำ วรรคหลังบาทที่ ๔ มี๒ จังหวะ จังหวะ ละ ๒ คำ ๒. คำท้ายวรรคที่ใช้คำเสียงจัตวา ต้องเอื้อนเสียงให้สูงเป็นพิเศษ ตามปกติโคลงสี่สุภาพที่แต่งถูกต้อง และไพเราะ ใช้คำเสียงจัตวาตรงคำท้ายของบาทที่ ๑ หรือคำท้ายบท ๓. เอื้อนวรรคหลังบาทที่ ๒ ให้เสียงต่ำกว่าปกติ ๔. ในกรณีที่มีคำมากพยางค์เกินแผนบังคับต้องรวบเสียงคำนั้น ๆ ให้สั้นเข้า ตัวอย่างการแบ่งวรรคการอ่านโคลงสี่สุภาพ เสียงลือ/เสียงเล่าอ้าง/ อันใด/พี่เอย/ เสียงย่อม/ยอยศใคร/ ทั่วหล้า/ สองเขือ/พี่หลับใหล/ ลืมตื่น/ฤๅพี่/ สองพี่/คิดเองอ้า/ อย่าได้/ถามเผือ//


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๗ การอ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ การใส่ทำนองในการอ่านโคลงสี่สุภาพ นิยมอ่านบาทที่หนึ่ง ที่สอง และที่สี่ให้มีเสียงขึ้นลง สูงต่ำตาม เสียงวรรณยุกต์ แล้วอ่านบาทที่สามวรรคแรกให้มีเสียงสูงขึ้นกว่าทุกบาท โดยเฉพาะท้ายวรรคอ่านให้มีเสียง จัตวาปนอยู่ด้วย โดยทอดเสียงวรรณยุกต์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกหลักการอานรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพได ๓.๒ นักเรียนอานออกเสียงรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพไดถูกตอง ๓.๓ นักเรียนทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองตามความสนใจได้ ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ศึกษากลวิธีการอานออกเสียงแบบทํานองเสนาะโคลงสี่สุภาพ ๔.๒ การทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองตามความสนใจ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูซักถามนักเรียนถึงหลักการอานออกเสียงแบบทํานองเสนาะโคลงสี่สุภาพวามีหลักการอานที่ ถูกตองอยางไรบาง ขั้นสอน ๑. ครูใหนักเรียนแตละคนเลาใหเพื่อนฟงวาบทอาขยานที่ตนเลือกจากโคลงโลกนิติคือบทใด และเหตุผลใดจึงเลือกบทนั้นจากนั้นใหนักเรียนแตละคนเขากลุมตามบทที่นักเรียนเลือกแลวฝกซอมการอาน ทํานองเสนาะบทนั้น ๆ


๒. นักเรียนสอบทองทํานองเสนาะบทอาขยานที่ตนเองเลือกทีละคนโดยมีครูเปนผูประเมินผล การอาน (หากไมทันในคาบใหนัดเพิ่มนอกเวลาเรียน) ขั้นสรุป ครูแนะนําติชมการอานออกเสียงแบบทํานองเสนาะของนักเรียนเพื่อใหนักเรียนไปปรับปรุงแกไข ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ หนังสือเรียนวรรณคดีไทยชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การอ่านทำนองเสนาะ โคลงสี่สุภาพ สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ อ่านออกเสียงแบบทำนอง เสนาะโคลงสี่สุภาพและ ท่องจำบทอาขยานและ บทร้อยกรองตามความ สนใจ ประเมินจากการอ่าน ออกเสียงแบบ ทำนองเสนาะโคลงสี่ สุภาพและการ ท่องจำบทอาขยาน และบทร้อยกรอง ตามความสนใจ แบบประเมินจากการอ่าน ออกเสียงแบบทำนอง เสนาะโคลงสี่สุภาพและ การท่องจำบทอาขยาน และบทร้อยกรองตาม ความสนใจ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การอ่านทำนองเสนาะประเภทโคลงสี่สุภาพ หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การอ่านทำนองประเภทโคลงสี่สุภาพ การใส่ทำนอง การใส่ทำนองในการอ่านโคลงสี่สุภาพ นิยมอ่านบาทที่หนึ่ง ที่สอง และที่สี่ให้มีเสียงขึ้นลง สูงต่ำตาม เสียงวรรณยุกต์แล้วอ่านบาทที่สามวรรคแรกให้มีเสียงสูงขึ้นกว่าทุกบาท โดยเฉพาะท้ายวรรคอ่านให้มีเสียง จัตวาปนอยู่ด้วย โดยทอดเสียงวรรณยุกต์ สำหรับการอ่านโคลงกระทู้ที่มีคำกระทู้อยู่ต้นวรรคทุกวรรคนั้นมีหลักการอ่านอยู่ว่าให้การอ่าน กระทู้ เรียงลงมาด้วยเสียงธรรมดาแบบอ่านร้อยแก้วเสียก่อน เพื่อให้ผู้ฟังทราบเกี่ยวกับกระทู้นั้นก่อนว่า กล่าวถึงอะไร แล้วจึงอ่านทำนองเช่นเดียวกับโคลงสี่สุภาพ (นันทา ขุนภักดี๒๕๓๖ : ๕) ตัวอย่างโคลงกระทู้ เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์ หน่ายหนี หาง่าย หลายหมื่นมี มากได้ เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์ หากยาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา การใส่อารมณ์ การใส่อารมณ์ในการอ่านโคลงสี่สุภาพควรใส่อารมณ์สอดแทรกลงไปในบทที่อ่านให้เหมาะสมกับ เนื้อเรื่องและบรรยากาศ โดยอาศัยการตีความตัวบทที่จะอ่านให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วอ่านทอดอารมณ์ออกมา เป็นท่วงทำนองให้น่าฟัง


บทอ่านโคลงสี่สุภาพ พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา สายดิ่งทิ้งทอดวา หยั่งได้ เขาสูงอาจวัดวา กำหนด จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ฯ ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มรรยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้าย แสลงดิน โคควายวายชีพได้ เขาหนัง เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้ คนเด็ดดับสูญสัง- ขารร่าง เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้าย กับดี เพื่อนกิน สินทรัพย์แล้ว แหนงหนี หาง่าย หลายหมื่น มากได้ เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี วาอาตม์ หายาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา


Click to View FlipBook Version