๒. ครูใหนักเรียนอานออกเสียงบทรอยกรองกาพยเหชมเครื่องคาวหวานเปนทํานองเสนาะ พร้อมกับครู ๓. นักเรียนแตละกลุมฝกอานออกเสียงบทรอยกรองกาพยเหชมเครื่องคาวหวานตามแบบ ประเมินที่ครูแจกให้ ๔. ครูใหนักเรียนศึกษาใบความรูเรื่องการเหเรือ พรอมทั้งอธิบายการเหเรือการอานทํานองเห เรือซึ่งจะมีการเหนําและมีลูกคูรับ โดยเริ่มจากครูอานทํานองเหเรือและนักเรียนเปนลูกคูรับ ตามเอกสาร ประกอบการอานทํานองเหเรือ ๕. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสลับกันเปนคนอานทํานองเหและเปนลูกคูรับ สลับกันจนครบทุก กลุ่ม ขั้นสรุป ๑. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปลักษณะการอานบทรอยกรองเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน สามารถอานไดทั้งทํานองเสนาะและทํานองเหเรือ ๒. ครูเสนอแนะใหนักเรียนศึกษาและชมการอานทํานองเหเรือจากสื่ออิเล็กทรอนิกสจากเว็บไซต ตาง ๆ และฝกฝนการอานเพื่อนําไปใชกิจกรรมที่เกี่ยวของ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ ซีดีการอ่านทำนองเสนาะกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ๖.๔ เอกสารประกอบการอ่านเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระ พุทธเลิศหล้านภาลัย ๖.๕ ใบความรู้เรื่องการเห่เรือ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การอ่านออกเสียง บทร้อยกรอง ประเมินการทำ กิจกรรมกลุ่ม แบบประเมินการทำ กิจกรรมกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ อ่านออกเสียง บทร้อยกรอง ประเมินการอ่าน ออกเสียงร้อยกรอง แบบประเมินการอ่าน ออกเสียงร้อยกรอง ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒
เอกสารประกอบการอ่านเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย หอมยี่หร่ารสฉุน เฉียบร้อน ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา แรงอยากยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ฯ ๏ มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน ๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๏ รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๏ ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ฯ
เอกสารประกอบการอ่านทำนองเห่เรือเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๏ มัสมั่น (ชะ) แกงแก้วตา (ชะ) หอมยี่หร่ารสร้อนแรง (ฮ้า ไฮ้) ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ ยำใหญj (ชะ) ใส่สารพัด (ชะ) วางจานจัดหลายเหลือตรา (ฮ้า ไฮ้) รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ ตับเหล็ก (ชะ) ลวกหล่อนต้ม (ชะ) เจือน้ำส้มโรยพริกไทย (ฮ้า ไฮ้) โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ หมูแนม (ชะ) แหลมเลิศรส (ชะ) พร้อมพริกสดใบทองหลาง (ฮ้า ไฮ้) พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ ก้อยกุ้ง (ชะ) ปรุงประทิ่น (ชะ) วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย (ฮ้า ไฮ้) รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ เทโพ (ชะ) พื้นเนื้อท้อง (ชะ) เป็นมันย่องล่องลอยมัน (ฮ้า ไฮ้) น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์(เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ ความรัก (ชะ) ยักเปลี่ยนท่า (ชะ) ทำน้ำยาอย่างแกงขม (ฮ้า ไฮ้) กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ ข้าวหุง (ชะ) ปรุงอย่างเทศ (ชะ) รสพิเศษใส่ลูกเอ็น (ฮ้า ไฮ้) ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ เหลือรู้(ชะ) หมูป่าต้ม (ชะ) แกงคั่วส้มใส่ระกำ (ฮ้า ไฮ้) รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม (เฮเฮเฮเห่ เฮเฮเฮ....) ๏ ช้าช้า (ชะ) พล่าเนื้อสด (ชะ) ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม (ฮ้า ไฮ้) คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์(เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ ล่าเตียง (ชะ) คิดเตียงน้อง (ชะ) นอนเตียงทองทำเมืองบน (ฮ้า ไฮ้) ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ เห็นหรุ่ม (ชะ) รุมทรวงเศร้า (ชะ) รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน (ฮ้า ไฮ้) เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ รังนก (ชะ) นึ่งน่าซด (ชะ) โอชารสกว่าทั้งปวง (ฮ้า ไฮ้) นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน(เฮเฮเฮเห่ เฮเฮเฮ....) ๏ ไตปลา (ชะ) เสแสร้งว่า (ชะ) ดุจวาจากระบิดกระบวน (ฮ้า ไฮ้) ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ (เฮ เฮ เฮ เห่ เฮ เฮ เฮ....) ๏ ผักโฉม (ชะ) ชื่อเพราะพร้อง (ชะ) เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน (ฮ้า ไฮ้) ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนางฯ(เฮเฮเฮเห่ เฮเฮเฮ....)
ใบความรู้เรื่อง การเห่เรือ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การเห่เรือ ประเภทของการเห่เรือ สามารถจำแนกออกได้๒ ประเภท คือ ๑. การเห่เรือหลวง (การเห่เรือในงานพระราชพิธี) ๒. การเห่เรือเล่น (การเห่เรือเล่นของชาวบ้านในงานต่าง ๆ) ในปัจจุบันการเห่เรือยังคงมีอยู่เฉพาะ การเห่เรือหลวงที่ใช้ในกระบวนพยุหยาตราชลมารค และถือเป็น โบราณราชประเพณีที่ต้องรักษาไว้เป็นมรดกของชาติสืบไป ที่มาของการเห่เรือนั้นไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ สันนิษฐานว่าเป็นประเพณีของชนชาติต่าง ๆ หลากหลายชนชาติที่มีเรือพายใช้เช่น อินเดีย จีน ญวน เป็นต้น ลักษณะที่พลพายจะขับร้องในเวลาที่พายเรือเพื่อให้เกิดความรื่นเริงในการเดินทาง และผ่อนคลายความเหนื่อย อ่อนลง การเห่คือ การขับลำนำอย่างหนึ่ง คนไทยได้แบบอย่างมาจากการสวดมนต์บูชาเทพเจ้าของ อินเดีย การเห่เรือมีจังหวะและทำนองหลายอย่างใช้ในโอกาสต่าง ๆ กันมี๓ ทำนองดังนี้ ๑. ช้าละวะเห่ ใช้เวลาออกเรือ ๒. มูลเห่ ใช้ตอนเรือเข้าสู่กระแสน้ำ เพราะเป็นจังหวะเร็ว ๓. สวะเห่ ใช้เมื่อเรือเทียบท่า
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๔ วิจักษวรรณคดี เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนํามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ๒. สาระสำคัญ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สันนิษฐาน ว่าทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อชมสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ซึ่งมีฝีพระหัตถ์ในการแต่งเครื่องเสวย ขึ้นต้นด้วยโคลงสี่สุภาพ ๑ บท และตามด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ไม่จำกัดจำนวนบท โดยโคลงสี่สุภาพและกาพย์ ยานี ๑๑ บทแรกจะสัมพันธ์กัน แบ่งออกเป็น ๕ ช่วง คือ บทเห่ชมเครื่องคาว บทเห่ชมผลไม้ บทเห่ชมเครื่อง หวาน บทเห่ครวญเข้ากับงานนักขัตฤกษ์ และบทเห่เจ้าเซ็น ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนวิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรม ๓.๒ นักเรียนสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๓.๓ นักเรียนสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๔.๒ วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรม ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นักเรียนดูภาพอาหารจากวรรณคดีเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน พรอมยกคําประพันธใน เรื่อง เชน มัสมั่น ยําใหญ หมูแนม ลาเตียง คําประพันธ
๏ มัสมั่นแกงแกวตา หอมยี่หรารสรอนแรง ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พรอมพริกสดใบทองหลาง ๏ ลาเตียงคิดเตียงนอง นอนเตียงทองทําเมืองบน ๏ ยําใหญใสสารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา ๒. นักเรียนวิเคราะหความสัมพันธระหวางรูปภาพอาหารกับคําประพันธภาพใหตรงกัน ขั้นสอน ๑. แบงนักเรียนออกเปนกลุม ศึกษาใบความรูเรื่องวรรณคดีและวรรณกรรม และศึกษาวรรณคดี เรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวานในหนังสือแบบเรียนภาษาไทยพรอมทั้งสรุปประเด็น ดังนี้ กลุมที่ ๑ ความหมายของวรรณคดีกับวรรณกรรม กลุมที่ ๒ ความหมายของการวิเคราะหวิจารณ กลุมที่ ๓ การแบงวรรณคดีตามเนื้อหา กลุมที่ ๔ ความเปนมาของเรื่อง/ประเภทของวรรณคดี กลุมที่ ๕ ประวัติผูแตง กลุมที่ ๖ ลักษณะคําประพันธ กลุมที่ ๗ เนื้อเรื่อง ๒. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการศึกษาตามประเด็นที่รับผิดชอบ ครูซักถามนักเรียน เสนอแนะเพิ่มเติมและชมเชยผลงานของนักเรียน ๓. นักเรียนทําใบงานเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวานครูตรวจใบงานนักเรียน ขั้นสรุป ๑. นักเรียนครูรวมกันสรุปเนื้อหาและบันทึกลงในสมุดงานของตนเอง ๒. ครูเสนอแนะใหนักเรียนคนควาอาหารไทยในวรรณคดีที่นักเรียนชื่นชอบพรอมคําอธิบายแล้ว จัดปายนิเทศอาหารไทยในวรรคดีไทย ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต
๖.๒ หองสมุด ๖.๓ เว็บไซต์อาหารชาววัง ๖.๔ ใบความรู้เรื่องวรรณคดีและวรรณกรรม ๖.๕ ใบความรู้เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ๖.๖ ภาพอาหาร ๖.๗ ใบงานเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การวิเคราะห์วรรณคดี และวรรณกรรมสรุป ความรู้จากเรื่องที่อ่าน สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่มของ นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่มของ นักเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ นักเรียนสามารถ วิเคราะห์วรรณคดีและ วรรณกรรมที่อ่านได้ การนำเสนอผลงาน กลุ่ม แบบประเมิน การนำเสนองานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้เรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง วิจักษ์วรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ความเป็นมา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ประทานความเป็นมาของกาพย์เห่ ชมเครื่องคาวหวานไว้ว่า รัชกาลที่ ๒ คงได้พระราชทานพระราชนิพนธ์ขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ทรงชมฝีพระ หัตถ์สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีแต่ครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด ด้วย ทรงมีความสามารถเป็นเลิศในการปรุงเครื่องเสวย ส่วนจุดประสงค์ในการพระราชนิพนธ์ก็เพื่อใช้เป็นบทเห่เรือ เสด็จประพาสส่วนพระองค์ ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๒ ในพระบรมราชวงศ์จักรี มีพระนามเดิมว่า ฉิม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๓๑๐ ที่ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา เมืองสมุทรสงคราม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระ อมรินทราบรมราชินีเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๓๕๒ ทรงดำรงสิริราชสมบัติอยู่ ๑๖ ปีและเสด็จ สวรรคต พ.ศ. ๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถหลายด้าน เป็น ทั้งนักรบ นักปกครอง นักบริหาร ศิลปิน กวีช่าง ได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองทั้งด้านการปกครอง และการ ศาสนา ทรงรักษาสัมพันธไมตรีกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการแต่งราชทูตไปเจริญพระราชไมตรีกับจีน และผูกมิตรกับประเทศตะวันตกทั้งอังกฤษและโปรตุเกสในด้านศาสนาโปรดให้จัดพระสมณทูตไปประเทศลังกา โปรดให้สังคายนาบทสวดมนต์รวบรวมนักปราชญ์ราชบัณฑิตให้แต่งมหาชาติคำหลวง ซึ่งสูญหายไป ๖ กัณฑ์ คือ หิมพานต์ทานกัณฑ์จุลพน มัทรีสักบรรพ และฉกษัตริย์ให้ครบบริบูรณ์ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ได้ทรงสร้างและ ปฏิสังขรณ์วัดหลายแห่ง โดยเฉพาะวัดอรุณราชวรารามถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาล โปรดให้สร้างพระอุโบสถ และพระวิหารขึ้นใหม่ นอกจากนี้ยังทรงฟื้นฟูประเพณีวิสาขบูชา ให้เป็นพิธีหลวง ในด้านศิลปวัฒนธรรมนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงทำนุบำรุงศิลปะทุกประเภทให้ เจริญรุ่งเรือง ทั้งวรรณคดีนาฏศิลป์และศิลปกรรม เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม พระองค์ ทรงเป็นกวีที่มีพระราชนิพนธ์หลายเรื่องหลายแนว ทรงพระราชนิพนธ์บทละครในเรื่องอิเหนา รามเกียรติ์ บทละครนอกเรื่องสังข์ทอง ไชยเชษฐ์ไกรทอง มณีพิชัย และคาวีกาพย์เห่เรือ บทพากย์รามเกียรติ์ตอนต่าง ๆ มีนางลอย เอราวัณ เป็นต้น บทพระราชนิพนธ์บทละครรำนั้นทรงพิถีพิถันให้บทละครสอดคล้องกับท่ารำ นาฏศิลป์ในรัชสมัยนี้จึงได้ชื่อว่าเจริญสูงสุดเป็นแบบอย่างของสมัยต่อมา ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงที่ไพเราะ คือเพลงพระสุบิน หรือเพลงบุหลันลอยเลื่อน นอกจากนี้ยังมีฝีพระหัตถ์ในงานช่างแกะสลักดังปรากฏที่บาน ประตูแกะสลักวัดสุทัศน์เทพวราราม ในอภิลักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปีแห่งพระบรมราชสมภพ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (องค์การยูเนสโก) ได้ยกย่องพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก และเนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัยทรงเป็นศิลปินหลายแขนง ทางราชการจึงประกาศให้วันพระบรมราชสมภพ คือ ๒๔ กุมภาพันธ์ของทุก ปีเป็นวัน“ศิลปินแห่งชาติ”
ลักษณะคำประพันธ์ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนี้แต่งตามแบบกาพย์เห่หรือกาพย์เห่เรือ คือแต่งเป็นโคลงผสมกาพย์โดยมี โคลงสี่สุภาพ ๑ บท เป็นบทนำหรือขึ้นต้น แล้วแต่งเป็นกาพย์ยานี๑๑ ไม่จำกัดจำนวน ขยายความต่อจาก โคลงบทนั้น โดยมากเนื้อความในกาพย์ยานีบทแรกจะเลียนความโคลงสี่สุภาพตอนต้น บทประพันธ์ในลักษณะ นี้หากพรรณนาความรู้เกี่ยวกับเรือหรือการเดินทางทางเรือ เรียกว่ากาพย์เห่เรือ แต่ถ้าพรรณนาเรื่องอื่น ๆ จะ เป็นเรื่องใดก็ได้เช่น ชมนก ชมหนังสือ หรือชมเครื่องคาวหวาน ดังที่อ่านนี้เรียกว่า กาพย์เห่ เนื้อเรื่อง โคลง ๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย หอมยี่หร่ารสฉุน เฉียบร้อน ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา แรงอยากยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ฯ กาพย์ ๏ มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน ๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๏ รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๏ ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ฯ สาระสำคัญของเรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเพณีมี เนื้อความพรรณนาอาหารคาวหวาน และผลไม้ต่าง ๆ ๑. เครื่องคาวที่ปรากฏในคำประพันธ์คือ มัสมั่น ยำใหญ่ตับเหล็กลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ น้ำยา แกงอ่อม ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ แกงคั่งส้มใส่ระกำ พล่าเนื้อ ล่าเตียง หรุ่ม รังนก ไตปลา แสร้งว่า ๒. กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานมีลักษณะเป็นนิราศ กล่าวคือมีการคร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก ๓. กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นบทประพันธ์ที่นักวรรณคดีนิยมกันว่าเป็นวรรณคดีบริสุทธิ์คือ เพ่งเล็งความงดงามไพเราะยิ่งกว่าอย่างอื่น คุณค่าของเรื่อง คุณค่าของวรรณคดีเรื่องนี้อยู่ที่ความไพเราะ และความคมคายของบทเปรียบเทียบในการพรรณนา ที่ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ รูปลักษณ์กลิ่น สีของอาหารได้อย่างชัดเจน อาหารที่ปรากฏในเรื่องกาพย์เห่ชม เครื่องคาวหวานสามารถเล่าเรื่องราวได้มากมาย ทั้งวัฒนธรรม ประเพณีวิถีชีวิต และสภาพบ้านเมืองทำให้ ภูมิใจในเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีความงดงามวิจิตร ละเอียดอ่อน และพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำ เป็นแบบอย่างที่ดีที่ผู้หญิงไทยในปัจจุบันควรยึดถือ และตระหนักถึงความสำคัญของเสน่ห์ปลายจวัก คำศัพท์คำศัพท์ความหมาย กล เหมือน กล่อมเกลี้ยงกลม รสกลมกล่อม ก้อย อาหารชนิดหนึ่งคล้ายพล่า ทำจากเนื้อ ปลา หรือกุ้งที่ยังดิบ แกงขม เครื่องผักต้ม เช่น มะระ ผักบุ้ง เป็นต้น หั่นเป็นชิ้น ๆ สำหรับรับประทานกับขนมจีนน้ำยา แกงคั่วส้ม แกงที่ปรุงน้ำพริกคล้ายแกงส้มแต่ใส่กะทิมี๒ แบบ คือแบบรสเค็ม เช่น แกงคั่วใบยอ แกงอ่อม มะระปลาดุก เป็นต้น และแบบสองรสมีรสเปรี้ยวและหวานเช่น แกงคั่วแซบ แกงหมูเทโพ หรือแกงปลาเทโพ เป็นต้น ข้อน ยกมือทุบแรง ๆ ความขำ ความลับ ในที่นี้หมายถึง ความลับระหว่างกวีกับนาง เคร่า คอย ช้าช้า คือคำว่า ชะช้า เป็นคำอุทานแสดงความดีใจ แปลกใจ เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ เหมือนกับที่นางตั้งใจทำ แด แด ตับเหล็ก คำที่ใช้ม้ามของหมูเป็นอวัยวะในท้องหมูที่อยู่ใต้ชายโครงซ้าย มีหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดแดงที่เสีย
ไตปลา เนื้อที่เป็นก้อนอยู่ในกระเพาะปลาบางชนิด เช่น ปลาทูเป็นต้น ใช้หมักเกลือแล้วปรุงอาหารแบบเครื่อง จิ้ม เทโพ ชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ไม่มีเกล็ด น้ำปลาญี่ปุ่น ในที่นี้หมายถึง เครื่องปรุงประเภทน้ำปลาหรือซอสปรุงรสคล้ายซีอิ้ว นิทร (อ่านว่า นิด) นอน พร้อง พูดถึง พล่า อาหารยำใช้เนื้อสัตว์สด ๆ ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว พริก และใส่ตะไคร้หั่นฝอยใบสะระแหน่ เป็นต้น เพราะ ไพเราะ ประทนิ่ เครื่องหอม ไฟฟอน กองไฟที่ดับแล้วแต่ยังมีความร้อนระอุอยู่ ภุญช์รับประทาน มัสมั่น แกงชนิดหนึ่งปรุงด้วยเครื่องเทศ เช่น ลูกผักชียี่หร่า ลูกกระวาน ใบกระวานอบเชย กานพลูเป็นต้น มือนาง ฝีมือนาง เมืองบน เมืองฟ้า เมืองสวรรค์หรือบางแห่งเรียกว่า เมืองเหนือ ยำใหญ่อาหารยำแบบไทย ประกอบด้วยเนื้อกุ้ง หมูไข่และแตงกวา เป็นต้น ยี่หร่า เครื่องเทศชนิดหนึ่งกลิ่นหอมฉุน เม็ดรีเล็ก รังนก รังนกนางแอ่นทำด้วยน้ำลายนกที่ขยอกออกมาจากลำคำ ใช้นึ่งแล้วทำอาหารคาวได้ รางชาง สวยงาม เด่น ลดลั่นชั้นชอบกล มีลวดลายเป็นขั้น ๆ อย่างสวยงาม ล่าเตียง (ในหนังสือพระราชวิจารณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าด้วยเรื่องจดหมายทรงจำ ของกรมหลวงนรินทรเทวีเรียก หน้าเตียง) อาหารว่าทำด้วยไข่โรยเป็นฝอยบนกระทะ แล้วหุ้มไส้ที่ทำด้วยกุ้งสับ ปรุงรส พับห่อเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ บางแห่งเรียกว่า หรุ่ม ลูกเอ็น หรือลูกเฮ็ล คือลูกกระวาน แสร้งว่า ในความว่า “ไตปลาเสแสร้งว่า หมายถึง อาหารชนิดหนึ่งเป็นเครื่องจิ้มที่ตั้งใจทำแทนไตปลาโดยใช้ เนื้อปลาย่างแทนไส้ปลาปัจจุบันทำด้วยกุ้งก็มี เสาวคนธ์กลิ่นหอม หมูแนม อาหารว่าง ทำด้วยเนื้อหมูและข้าวคั่วโม่ หรุ่ม อาหารว่างคล้ายล่าเตียง แต่ไส้ทำด้วยหมูสับและห่อใหญ่กว่าล่าเตียง หื่นหอม หอมมากจนเร้าอารมณ์ เหลือตรา เหลือที่จะพรรณนาหรือคะเนนับ อ่อม แกงชนิดหนึ่งคล้ายแกงคั่วแต่ใส่มะระ มักแกงกับปลาดุก เอวบาง ในที่นี้หมายถึงผู้หญิง โอชา มีรสดีอร่อย
ใบงาน เรื่อง การสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง วิจักษ์วรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ...................................................................สกุล...............................................ชั้นม.๑/............เลขที่ ............ ท ๕.๑ ม๑/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนเติมคำในช่องว่างต่อไปนี้(๑๐ คะแนน) ๑. กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานเป็นพระราชนิพนธ์ใน ....................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ๒. พระองค์ทรงเป็นกวีดีเด่นที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ประจำปีพ.ศ. ..................... ....................................... ให้เป็นกวีดีเด่นคนที่ ...................................................ของประเทศไทย ๓. ลักษณะคำประพันธ์ของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ประกอบด้วย ........................................................... และ...................................โดยขึ้นต้นด้วยโคลง........................จำนวน ................บทจากนั้นเป็นกาพย์ ........................... ไม่จำกัดจำนวนขยายความต่อจากโคลงบทนั้น ๔. เนื้อความในกาพย์บทแรกจะ...................................................โคลงสี่สุภาพตอนต้น ๕. ลักษณะคำประพันธ์ในข้อ ๓ และข้อ ๔ หากพรรณนาความรู้เกี่ยวกับเรือหรือการเดินทางทางเรือ เรียกว่า .........................................................แต่ถ้าเป็นพรรณนาเรื่องอื่น ๆ เช่น ชมนก ชมธรรมชาติหรือ ชมเครื่องคาวหวาน เรียกว่า........................................................................................................................... ๖. ที่มาของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน คือ ..................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ๗. เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน นี้เป็นการชมฝีพระหัตถ์ในการปรุงอาหารของ.......................................... ..................................................................................................................................................................... ๘. เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนิยมนำมากล่าวอ้างอิงในตำรา ................................................................ ๙. พระราชนิพนธ์เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เพราะมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เห่ในวาระ.............................. .................................................................................................................................................................... ๑๐. อาหารที่ปรากฏในเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานตอนที่ศึกษาของรัชกาลที่ ๒ มีอะไรบ้าง .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนพิจารณาว่าคำประพันธ์ต่อไปนี้กล่าวถึงอาหารชนิดใดบ้าง ๑. มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๒. ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๓. ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๔. หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๕. ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๖. เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๗. ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๘. ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๙. รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๑๐. ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. .............. .............................................. ..............
เฉลยใบงาน เรื่อง การสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง วิจักษ์วรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ท ๕.๑ ม๑/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนเติมคำในช่องว่างต่อไปนี้(๑๐ คะแนน) ๑. กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานเป็นพระราชนิพนธ์ใน พระสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) ๒. พระองค์ทรงเป็นกวีดีเด่นที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ประจำปีพ.ศ. ๒๕๑๑ ให้เป็นกวีดีเด่นคนที่ ๓ ของประเทศไทย ๓. ลักษณะคำประพันธ์ของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ประกอบด้วย โคลง และกาพย์โดยขึ้นต้นด้วย โคลงสี่สุภาพ จำนวน ๑ บท จากนั้นเป็นกาพย์ยานี๑๑ ไม่จำกัดจำนวนขยายความต่อจากโคลงบทนั้น ๔. เนื้อความในกาพย์บทแรกจะ เลียนแบบหรือเลียนความโคลงสี่สุภาพตอนต้น ๕. ลักษณะคำประพันธ์ในข้อ ๓ และข้อ ๔ หากพรรณนาความรู้เกี่ยวกับเรือหรือการเดินทางทางเรือ เรียกว่า กาพย์เห่เรือ แต่ถ้าเป็นพรรณนาเรื่องอื่นๆ เช่น ชมเครื่องคาวหวาน เรียกว่า กาพย์เห่ ๖. ที่มาของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน คือ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๗. เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน นี้เป็นการชมฝีพระหัตถ์ในการปรุงอาหารของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ๘. เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนิยมนำมากล่าวอ้างอิงในตำรา อาหารไทย ๙. พระราชนิพนธ์เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เพราะมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เห่ในวาระ เสด็จประพาส เป็นการส่วนพระองค์ ๑๐. อาหารที่ปรากฏในเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานตอนที่ศึกษาของรัชกาลที่ ๒ มีอะไรบ้าง มัสมั่น ยำใหญ่ ตบัเหล็กลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ น้ำยา แกงออม ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ แกงคั่วส้มหมูใส่ระกำ พล่าเนื้อ ล่าเตียง หรุ่ม รังนก ไตปลา แสร้งว่า
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนพิจารณาว่าคำประพันธ์ต่อไปนี้กล่าวถึงอาหารชนิดใดบ้าง ๑. มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๒. ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๓. ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๔. หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๕. ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๖. เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๗. ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๘. ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๙. รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๑๐. ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ แกงมัสมั ่น ย าใหญ่ หมูแนม ตับเหล็กลวก ก้อยกุ้ง แกงเทโพ น ้ายา, อ่อม พล่าเนื้อ รังนก ไตปลา, แสร้งว่า
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๕ วิเคราะหคุณคาวรรณคดีและวรรณกรรม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนํามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานบรรยายอาหารคาวหวานและผลไม้อย่างละเอียด นับเป็นวรรณคดีที่ สำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงพระปรีชาสามารถในเชิงกวีของรัชกาลที่ 2 แม้เนื้อเรื่องจะไม่มากนัก ทว่าทำให้ ทรงคุณค่าหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ และด้านสังคม ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจคุณคาดานเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๓.๒ นักเรียนมีความรูความเขาใจคุณคาดานวรรณศิลปวรรณคดีและวรรณกรรม ๓.๓ นักเรียนมีความรูความเขาใจคุณคาดานสังคมวรรณคดีและวรรณกรรม ๓.๔ นักเรียนอธิบายคุณคาดานเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อานได ๓.๕ นักเรียนอธิบายคุณคาดานวรรณศิลปวรรณคดีและวรรณกรรมที่อานได้ ๓.๖ นักเรียนอธิบายคุณคาดานสังคมวรรณคดีและวรรณกรรมที่อานได้ ๓.๗ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๘ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ อธิบายคุณคาวรรณคดีและวรรณกรรม ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูยกตัวอยางคําประพันธ์ “แลวสอนวาอยาไวใจมนุษย มันยากสุดลึกล้ําเหลือกําหนด ถึงเถาวัลยพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไมคดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน” ครูถามนักเรียนวาคําประพันธนี้มีคุณคาดานใด (ดานเนื้อหามีขอคิด ดานวรรณศิลป มีการใช ถอยคําไพเราะ มีสัมผัสสระสัมผัสอักษร มีการเปรียบเทียบ ความหมายดี มีคําที่แสดงจินตภาพแจมชัด ดาน สังคมเปนแนวทางการปฏิบัติตน) ขั้นสอน ๑. แบงนักเรียนออกเปนกลุม ศึกษาใบความรูเรื่องคุณคาวรรณคดี และศึกษาวรรณคดีเรื่อง กาพยเหชมเครื่องคาวหวานในหนังสือแบบเรียนภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ พรอมทั้งวิเคราะหประเด็น ดังนี้ กลุมที่ ๑ คุณคาดานเนื้อหา พรอมยกตัวอยางจากเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน กลุมที่ ๒ คุณคาดานวรรณศิลป (ดานการใชโวหารภาพพจน) พรอมยกตัวอยางจาก เรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน กลุมที่ ๓ คุณคาดานวรรณศิลป (ดานการเลนเสียง) พรอมยกตัวอยางจากเรื่องกาพยเห ชมเครื่องคาวหวาน กลุมที่ ๔ คุณคาดานวรรณศิลป (ดานการเลนคํา) พรอมยกตัวอยางจากเรื่องกาพยเห ชมเครื่องคาวหวาน กลุมที่ ๕ คุณคาดานสังคม พรอมยกตัวอยางจากเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ๒. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการศึกษาตามประเด็นที่รับผิดชอบ ครูซักถามนักเรียน เสนอแนะเพิ่มเติม และชมเชยผลงานของนักเรียน ๓. นักเรียนทําใบงานเรื่องคุณคาวรรณคดีเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน สงครูตรวจ ขั้นสรุป ๑. นักเรียนรวมกันสรุปและบันทึกลงในสมุดงานของตนเอง ๒. ครูเสนอแนะนักเรียนคนควากาพยเหชมประเภทอื่นๆตามความสนใจและประสบการณของ นักเรียน เชน ชมเพื่อน ชมโรงเรียน ชมครู เปนตน แลวนําผลงานมาจัดแสดงบนปายนิเทศในหองเรียน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ ใบความรู้เรื่องคุณค่าวรรณคดี ๖.๔ สื่อ Power point คุณค่าวรรณคดี
๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ คุณค่าวรรณคดีและ วรรณกรรม ประเมินการร่วม กิจกรรมกลุ่ม แบบประเมินการร่วม กิจกรรมกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ อธิบายคุณค่าด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ และด้านสังคมจากเรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาว หวาน ได้ถูกต้อง นำเสนอผลงานกลุ่ม แบบประเมิน การนำเสนองานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้ เรื่อง คุณค่าของวรรณคดี หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ วรรณคดีเป็นดัชนีบ่งชี้ความเจริญทางด้านวัฒนธรรมของชนชาติต่าง ๆ แสดงความมั่งคั่งของภาษา แสดงความเจริญเติบโตทางด้านจิตใจ สติปัญญาและจินตนาการ แบ่งดังนี้ ๑. คุณค่าด้านเนื้อหา ช่วยให้เห็นความสำคัญของการศึกษาวรรณคดีโดยอาศัยการดำเนินเรื่อง หรือแนวคิดเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์วรรณคดีการดำเนินเรื่องในเนื้อหาเป็นส่วนที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจ เรื่องราวทั้งหมด ทั้งสอดแทรกแนวคิดและกลวิธีในการดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านได้ใช้มุมมองความคิดพิจารณาเรื่อง นั้น ๆ โดยผู้อ่านอาจมีทัศนะต่อเรื่องแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสนใจของผู้อ่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เกิดการพัฒนาความคิดและเสริมสร้างจินตนาการ ช่วยยกระดับความคิดและจิตใจของ ผู้อ่านให้สูงขึ้น การวิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา สามารถวิเคราะห์ในประเด็นต่าง ๆ ได้ดังนี้ ๑.๑ ได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น ขนบธรรมเนียม ประเพณีสภาพสังคม การเมืองการปกครอง การดำรงชีวิตของคนในสมัยนั้น ๆ และความรู้อื่น ๆ ๑.๒ ได้รับประสบการณ์กวีถ่ายทอดประสบการณ์ที่เกิดจากการมองโลกอย่างกว้างขวาง และลุ่มลึก จากประสบการณ์ส่วนตัวของกวีได้กลายเป็นประสบการณ์ร่วมระหว่างผู้อ่านกับกวีผู้อ่านได้รับ ประสบการณ์จากการอ่านงานของกวี ๑.๓ เกิดจินตนาภาพ ผู้อ่านเห็นคุณค่าในความงดงามของวรรณคดีทำให้เกิดความประทับใจ และรับรู้ความคิดที่แปลกใหม่ เป็นกระบวนการที่ให้รายละเอียดโดดเด่น และให้ผู้อ่านได้สร้างความคิดตาม ซึ่ง ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน ผู้อ่านเกิดความคิดจินตนาการกว้างไกลและประเทืองปัญญา ๑.๔ พัฒนาจิตใจผู้อ่าน วรรณคดีต่าง ๆ มีเนื้อหาสาระ เรื่องราวสนุก อ่านแล้วสบายใจ สามารถกล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน ให้ข้อคิดคติธรรม อีกทั้งสอนให้ประพฤติดีประพฤติชอบ สร้างสรรค์ จรรโลงใจให้เกิดกำลังใจยามที่ท้อแท้ ๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์วรรณคดีที่ได้รับยกย่องว่าดีเด่นต้องมีกลวิธีการประพันธ์ที่ดีเยี่ยม และ ให้คำเหมาะสมกับลักษณะหน้าที่ของคำ ถูกต้องตรงความหมาย เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและมีเสียงเสนาะ ซึ่ง ผู้อ่านจะเกิดจินตนาการตามเนื้อเรื่องได้จะต้องเข้าใจสำนวนโวหารและภาพพจน์เสมือนได้ยินเสียง ได้เห็น ภาพเกิดอารมณ์สะเทือนใจ มีความรู้สึกคล้อยตาม ดังนี้ ๒.๑ การใช้ภาพพจน์เป็นการพลิกแพลงภาษาให้แปลกออกไปกว่าที่เป็นอยู่ปกติทำให้ เกิดรสกระทบความรู้สึกและอารมณ์ต่างกับภาษาที่ใช้อย่างตรงไปตรงมา ดังนี้ ๒.๑.๑ อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งคล้ายหรือเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง โดยมีคำ แสดงความเปรียบ เช่น เปรียบ ประดุจ ดุจ ดั่ง เหมือน ราวกับ ราว เพียง เพี้ยง ฯลฯ ๒.๑.๒ อุปลักษณ์คือ การเปรียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากการอุปมา โดยอุปลักษณ์มักใช้คำว่า เป็น คือ ในการเปรียบ ๒.๑.๓ สัญลักษณ์คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง โดยไม่มีคำแสดง ความเปรียบ “เขาเป็นคนเจ้าชู้มาก เห็นเปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถประจำเลย” มีคำเปรียบได้แก่คำว่า เป็น กับ คือ “ชีวิตคือการต่อสู้” ๒.๑.๔ อติพจน์คือ การใช้ถ้อยคำที่กล่าวผิดไปจากความเป็นจริง โดยกล่าวถึงสิ่ง หนึ่งเปรียบเทียบกับสิ่งที่ดูเกินมากกว่าความจริง เช่น
ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ก้อยกุ้งทั้งหอมทั้งเลิศรสราวกับอาหารทิพย์และเมื่อสัมผัสลิ้นก็รู้สึกอร่อยมากจน แทบจะ “ขาดใจ” เป็นการพรรณนาแบบเกินความจริง ๒.๑.๕ บุคคลวัต คือ การกล่าวถึงสิ่งที่ไม่มีชีวิตจิตใจให้มีการกระทำเหมือนมนุษย์ ๒.๑.๖ สัทพจน์คือ การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ ๒.๒ การเล่นเสียง คือการเลือกสรรคำที่มีเสียงสัมผัสกัน ได้แก่การเล่นเสียงอักษร เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์เพื่อเพิ่มความไพเราะและแสดงความสามารถของกวีที่แม้จะเล่นเสียงของคำ แต่ยังคงความหมายไว้ได้ดังบทประพันธ์ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลใจอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๒.๒.๑ การเล่นเสียงอักษร คือการใช้คำที่มีเสียงพยัญชนะเดียวกันหลาย ๆ พยางค์ ติดกัน เพื่อความไพเราะ จากบทประพันธ์ดังนี้ร้อน รุม รุ่ม เป็นเสียง /ร/ ๒.๒.๒ การเล่นเสียงสระ คือ การใช้สัมผัสสระที่มีเสียงตรงกัน ถ้ามีตัวสะกดก็ต้อง เป็นตัวสะกดในมาตราเดียวกัน แม้จะใช้พยัญชนะมาใช้เล่นสัมผัสเสียงสระอีก หรุ่ม – รุม, ไกล-ใจ รุ่ม- กลุ้ม ๒.๒.๓ การเล่นเสียงวรรณยุกต์คือการใช้คำที่ไล่ระดับเสียง ๒ หรือ ๓ ระดับ เป็น ชุด ๆ เช่น หรุ่ม รุม รุ่ม ๒.๓ การเล่นคำ คือ การสรรคำมาเรียงร้อยในคำประพันธ์ได้แก่การเล่นคำพ้อง การเล่นคำซ้ำการเล่นคำเชิงคำถาม ๒.๓.๑ การเล่นคำพ้อง คือการใช้คำพ้องเสียงหรือคำที่มีเสียงเหมือนกัน มีรูปเหมือน หรือต่างกันก็ได้แต่จะต้องมีความหมายต่าง ๆ กันไป มาเรียบเรียงเข้าด้วยกัน เช่น เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ำระกำแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ เหมือนโศกพี่ที่ช้ำระกำเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย ๒.๓.๒ การเล่นคำซ้ำ คือ การนำคำเดียวมาซ้ำ ๆ ใกล้ๆ กัน เช่น รอนรอนสุริยะโอ้อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลงค่ำแล้ว ๒.๓.๔ การเล่นคำเชิงคำถาม (ใช้คำถามเชิงวาทศิลป์) คือ การใช้คำถามที่ไม่ ต้องการคำตอบ เช่น ผักโฉมชื่อเพราะพ้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนางฯ ๓. คุณค่าด้านสังคมและสะท้อนวิถีไทย วรรณคดีเป็นวัฒนธรรมทางภาษาที่แสดงให้เห็นถึง ความเจริญรุ่งเรืองในอดีต บอกเล่าเรื่องราวด้านชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมประเพณีสภาพสังคมหรือ ความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคม ซึ่งเป็นลักษณะประจำชาติที่แสดงออกมาทางวรรณคดีด้วยภาษาที่งดงาม ไพเราะ ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกเป็นชาติร่วมกัน เพราะต่างรู้สึกว่าได้เป็นเจ้าของขนบธรรมเนียมประเพณี และภาษาเดียวกัน แบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ ๓.๑ วรรณคดีชี้นำสังคม เป็นการพิจารณาคุณค่าด้านสังคมว่าวรรณคดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับ สังคม สะท้อนให้เห็นสภาพสังคม ทั้งด้านค่านิยมวัฒนธรรมและความประพฤติของคนในสังคม แนวทางการ ปฏิบัติตน หรือชี้ให้เห็นปัญหาที่สังคมขณะนั้นกำลังเผชิญอยู่
๓.๑.๑ ด้านวัฒนธรรมอาหารการกินของคนไทยสมัยโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงความ ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการทำอาหาร ซึ่งอาหารบางชนิดไม่ปรากฏแพร่หลายหรือไม่คุ้นชื่อ ในปัจจุบัน เช่น แสร้งว่า หรุ่ม ล่าเตียง ยำใหญ่ เป็นต้น ๓.๑.๒ สะท้อนภาพบ้านเมืองในอดีต มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติเช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น จึงมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน เช่น ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ เป็นวิธีหุงข้าวแบบหนึ่งของแขกเปอร์เซีย ใช้เนยหรือน้ำมันเนยเป็นตัวรัดเมล็ดข้าวให้เรียงดูสวยงาม ใส่เครื่องเทศชนิดหนึ่งมีชื่อว่า “ลูกเฮลท์” เพี้ยนเสียงมาเป็น “ลูกเอ็น” ทำให้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ๓.๒ วรรณคดีสร้างสำนึกร่วมในความเป็นชาติวรรณคดีเป็นสิ่งผูกพันจิตใจของคนในชาติ ให้สำนึกว่าร่วมอยู่ในชาติเดียวกัน วรรณคดีจะเป็นสื่อกลางที่นำไปสู่การรวมเป็นชาติซึ่งจะเป็นเครื่องผูกจิตใจ คนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ๔. ข้อคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน การอ่านวรรณคดีผู้อ่านจะได้รับข้อคิด ต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ว่าจะเป็นคติธรรม คำสอนต่าง ๆ โดยกวีนำเสนอ ผ่านฉาก ตัวละคร หรือบทสนทนา อันเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละเรื่อง เช่น ๔.๑ ด้านการศึกษา ในวรรณคดีหลายเรื่องจะให้ข้อคิดเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน มีคำสอน ที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของการศึกษา ๔.๒ ด้านการรู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เป็นข้อคิดสอนใจสามารถใช้ได้ทุกยุคสมัย ๔.๓ ด้านความสามัคคีวรรณคดีช่วยปลุกสำนึกให้มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ๔.๔ การปฏิบัติหน้าที่ของตน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ใดก็ทำด้วยความเต็มใจไม่เกี่ยงงอน เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ทั้งที่เป็นหน้าที่ต่อตนเอง สังคม หรือประเทศชาติ
ใบงาน เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ...................................................................สกุล...............................................ชั้นม.๑/............เลขที่ ............ คำชี้แจง : นักเรียนได้ศึกษากาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานแล้ว ให้นักเรียนแสดงทรรศนะตามหัวข้อต่อไปนี้ ๑. คุณค่าด้านเนื้อหา ด้านสังคม ให้นักเรียนบอกคำประพันธ์ที่ปรากฏในเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่สะท้อนสังคมเกี่ยวกับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมการกินจากต่างชาติ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ใหนั้กเรียนเลือกคำตอบต่อไปนี้เติมลงในช่องว่างให้ถูกต้องเหมาะสม การเล่นเสียงพยัญชนะ การเล่นเสียงสระ การเล่นเสียงวรรณยุกต์ การเล่นคำ อุปมา อุปลักษณ์อธิพจน์ ตัวอย่าง “ลดหลั่นชั้นชอบกล” มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้าน การเล่นเสียงพยัญชนะ ได้แก่ลด – หลั่น, ชั้น – ชอบ ๒.๑ รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้าน....................................... ได้แก่ .......................................................................................................................................... ๒.๒ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้าน......................................... ได้แก่ ......................................................................................................................................... ๒.๓ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้าน.............................................................................. ได้แก่ ......................................................................................................................................... ๒.๔ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้าน..................................................... ได้แก่.......................................................................................................................................... ๒.๕ รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน คุณค่าวรรณศิลป์ด้าน......................................................................................... ได้แก่..........................................................................................................................................
๓. ให้นักเรียนรวบรวมคำศัพท์ที่ปรากฏในเรื่อง ๓.๑ คำที่หมายถึงสตรี........................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓.๒ คำที่แสดงการรับประทาน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ๓.๓ คำที่แสดงวิธีการปรุงอาหาร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
เฉลยใบงาน เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง : นักเรียนได้ศึกษากาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานแล้ว ให้นักเรียนแสดงทรรศนะตามหัวข้อต่อไปนี้ ๑. คุณค่าด้านเนื้อหา ด้านสังคม ให้นักเรียนบอกคำประพันธ์ที่ปรากฏในเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่สะท้อนสังคมเกี่ยวกับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมการกินจากต่างชาติ “ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพเิศษใสลู่กเอ็น” “ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ” “มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง” ๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ให้นักเรียนเลือกคำตอบต่อไปนี้เติมลงในช่องว่างให้ถูกต้องเหมาะสม การเล่นเสียงพยัญชนะ การเล่นเสียงสระ การเล่นเสียงวรรณยุกต์ การเล่นคำ อุปมา ตัวอย่าง “ลดหลั่นชั้นชอบกล” มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้าน การเล่นเสียงพยัญชนะ ได้แก่ลด – หลั่น, ชั้น – ชอบ ๒.๑ รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้านการเล่นคำ ได้แก่ ทิพย์– หยิบ, เปรียบ – เทียบ ๒.๒ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้านการเล่นคำ ได้แก่ล่าเตียง – เตียง ๒.๓ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้านการเล่นเสียงวรรณยุกต์ ได้แก่ รุม รุ่ม ๒.๔ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย มีคุณค่าวรรณศิลป์ด้านอุปลักษณ์ ได้แก่วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย ๒.๕ รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน คุณค่าวรรณศิลป์ด้านอธิพจน์ ได้แก่คือไฟฟอน ๓. ให้นักเรียนรวบรวมคำศัพท์ที่ปรากฏในเรื่อง ๓.๑ คำที่หมายถึงสตรีนพคณุแก้วตา ขวัญ หล่อน มติร เจ้าดวงใจ นาง น้อง ๓.๒ คำที่แสดงการรับประทาน บริโภค ภุญช์กลืน วางถึงลิ้น ซด เสวย ๓.๓ คำที่แสดงวิธีการปรุงอาหาร แกง ยำ ลวก ต้ม ก้อย พล่า นึ่ง หุง
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่องวิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนํามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.๑/๔ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๒. สาระสำคัญ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สันนิษฐาน ว่าทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อชมสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ซึ่งมีฝีพระหัตถ์ในการแต่งเครื่องเสวย ขึ้นต้นด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท และตามด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ไม่จำกัดจำนวนบท โดยโคลงสี่สุภาพและกาพย์ ยานี ๑๑ บทแรกจะสัมพันธ์กัน ซึ่งบรรยายอาหารคาวหวานและผลไม้อย่างละเอียด นับเป็นวรรณคดีที่สำคัญ อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงพระปรีชาสามารถในเชิงกวีของรัชกาลที่ ๒ แม้เนื้อเรื่องจะไม่มากนัก ทว่าทำให้ทรงคุณค่า หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ และด้านสังคม ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๓.๒ นักเรียน มีความรูความเขาใจหลักการวิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรม ๓.๓ นักเรียนมีความรูความเขาใจคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน ๓.๔ นักเรียนสรุปความรูและขอคิดจากการอานไปประยุกตใชในชีวิตจริงได ๓.๕ นักเรียนสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๓.๖ นักเรียนวิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๓.๗ นักเรียนอธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมจากเรื่องที่อานได้ ๓.๘ นักเรียนสรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริงได้ ๓.๙ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๔.๒ หลักการวิเคราะหวรรณคดีและวรรณคดี ๔.๓ อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
๔.๔ สรุปความรูและขอคิดจากการอานไปประยุกต์ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูยกตัวอยางวรรคทอง (วรรคทองคือคําประพันธมีการเรียงรอยคําที่ไพเราะ อีกทั้งใหพลังใน ด้านความรูสึกที่ชัดเจนและมีคุณคาตอจิตใจ มีคติสอนใจ) “ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์ มีคนรักรสถอยอรอยจิต แมนพูดชั่วตัวตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษยเพราะพูดจา” (นิราศภูเขาทอง : สุนทรภู) ครูถามนักเรียนวาคําประพันธขางตนมีคุณคาดานใดบาง (เนื้อหาเปนขอคิดคําสอน/ดานวรรณ ศิลปมีสัมผัสทั้งอักษรและสระ/อุปมา ดานสังคม สะทอนสภาพสังคม การดํารงชีวิต) ขั้นสอน ๑. แบงนักเรียนออกเปนกลุมศึกษากาพยเหชมเครื่องคาวหวาน สรุบความรูและขอคิดจากกา อ่านไปใชในชีวิตประจําวันในเรื่องใดไดบาง พรอมอธิบายเหตุผลประกอบ ๒. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานการศึกษาตามประเด็นที่รับผิดชอบ ครูซักถามนักเรียน เสนอแนะเพิ่มเติม และชมเชยผลงานของนักเรียน ๓. นักเรียนทําแบบทดสอบกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ขั้นสรุป ๑. ครูและนักเรียนสรุปเนื้อหาคุณคาขอคิดที่ไดจากเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ๒. ครูแนะนํานักเรียนเลือกคําประพันธที่นักเรียนเห็นวามีความไพเราะหรือที่ชอบพรอมอธิบาย ว่าไพเราะหรือชอบดวยเหตุผลใดไวใชเปนตัวอยางในการแตงคําประพันธประเภทกาพย์ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ คำประพันธ์วรรคทอง ๖.๔ แบบทดสอบ
๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ คุณค่าของวรรณคดีและ วรรณกรรมสรุปความรู้ และข้อคิดจากการอ่าน เพื่อประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน ประเมินการร่วม กิจกรรมกลุ่ม แบบประเมินการร่วม กิจกรรมกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่านได้ สรุปความรู้และข้อคิดจาก การอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวัน แบบทดสอบ นำเสนอผลงานกลุ่ม แบบทดสอบ แบบประเมิน การนำเสนอผลงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงาน เรื่อง สรปุ ความรู้ละข้อคิดวรรณคดีและวรรณกรรม หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่องวิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มที่ ............ ชื่อสมาชิก ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านวรรณคดีเรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อ ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไรบ้าง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................
เฉลยใบงาน เรื่อง สรปุ ความรู้ละข้อคิดวรรณคดีและวรรณกรรม หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่องวิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านวรรณคดีเรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อ ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไรบ้าง (แนวทางการตอบ) ๑. ได้รับความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยที่มีวิธีการทำอาหารได้หลายวิธี ๒. ได้รับความรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของอาหารแต่ละชนิด ๓. สร้างความรู้สึกภูมิใจในเอกลักษณ์ของอาหารไทย ๔. นำความรู้เรื่องการปรุงอาหารบางชนิดในกาพย์เห่เครื่องคาวหวานมาไปประยุกต์ใช้ทำอาหารไทย รับประทานในครอบครัว ๕. สร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพเป็นพ่อครัวหรือแม่ครัว อยู่ในดุลยพินิจของครู
แบบทดสอบ เรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว ๑. ผู้แต่งเรื่องกาพย์ชมเครื่องคาวหวานคือใคร ๑. รัชกาลที่ ๑ ๒. รัชกาลที่ ๒ ๓. เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ๔. เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ๒. เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายใด ๑. ชมฝีมือทำกับข้าวของชาววัง ๒. เพื่อใช้เห่ในงานพระราชพิธี ๓. เพื่อใช้ประกอบการละเล่น ๔. เพื่อขับเห่เรือประพาสต้นส่วนพระองค์ ๓. สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีมีความเกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ ๒ อย่างไร ๑. เป็นพระราชมารดา ๒. เป็นพระเจ้าพี่นางเธอ ๓. เป็นพระเจ้าน้องยาเธอ ๔. เป็นพระอัครมเหสี ๔. กาพย์เห่แต่งคำประพันธ์ชนิดใด ๑. โคลงสี่สุภาพกับร่ายสุภาพ ๒. โคลงสี่สุภาพกับกาพย์ยานี ๓. โคลงสี่สุภาพกับกาพย์ฉบัง ๔. โคลงชนิดต่าง ๆ กับกาพย์ชนิดต่าง ๆ ๕. กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรเป็นสำคัญ ๑. การชมฝีมือการปรุงอาหาร ๒. คร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก ๓. พรรณนาความอร่อยของอาหาร ๔. กล่าวถึงวัฒนธรรมในการรับประทานอาหาร ๖. กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานดีเด่นในด้านใด ๑. สัมผัสดี ๒. เปรียบเทียบดี ๓. กล่าวทำนองชักชวนให้อยากชิมฝีมือ ๔. บรรยายลักษณะอาหารได้ละเอียด ๗. ข้อใดมีชื่ออาหารและเครื่องปรุงถูกต้องตามเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ๑. ก้อยกุ้ง ใบทองหลาง ๒. ข้าวหุง ยี่หร่า ๓. แกงคั่วส้ม ระกำ ๔. ยำใหญ่ พริกป่น ๘. “ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ” เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากชาติใด ๑. อินเดีย ๒. ญี่ปุ่น ๓. จีน ๔. อังกฤษ ๙. ข้อใดมีอาหารที่แตกต่างจากข้ออื่น ๑. แสร้งว่า ๒. ล่าเตียง ๓. หรุ่ม ๔. หมูแนม ๑๐. ข้อความต่อไปนี้กล่าวถึงอาหารกี่ชนิด “ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น” ๑. ๑ ชนิด ๒. ๒ ชนิด ๓. ๓ ชนิด ๔. ๔ ชนิด ๑๑. ข้อใดไม่ได้กล่าวถึงนางอันเป็นที่รัก ๑. โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๒. รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๓. น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๔. ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๑๒. “ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง” ข้อความนี้บอกความรู้สึกของกวีอย่างไร ๑. อารมณ์โกรธ ๒. ทุกข์โศก ๓. ตื่นตระหนก ๔. ประหลาดใจ ๑๓. “ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องหรือโฉมไหน” คำประพันธ์นี้เด่นในด้านใด ๑. สัมผัสอักษร ๒. สัมผัสใน ๓. เล่นคำ ๔. เล่นเสียงวรรณยุกต์ ๑๔. ข้อใดใช้การเล่นเสียงวรรณยุกต์ ๑. ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน ๒. ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๓. เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๔. รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๑๕. ข้อใดใช้โวหารเปรียบเทียบ ๑. มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๒. ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๓. ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๔. ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ฯ ๑๖. ข้อใดกล่าวเกินจริง ๑. ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๒. ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๓. ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ ๔. เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ๑๗. ข้อใดใช้โวหารอุปลักษณ์ ๑. ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๒. เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๓. ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๔. ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๑๘. ข้อใดกล่าวถึงอาหารที่ใช้เนื้อสัตว์สด ๆ มายำปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา พริก และใส่ตะไคร้ ใบสะระแหน่ ๑. หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๒. รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๓. ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๔. ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๑๙. “มีคำกล่าวว่าอาหารไทยนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้วยังมีความสวยงามในการจัด คือมิใช่เพียงกินแต่ ให้อิ่มท้องแต่อิ่มทั้งตาที่ได้ดูอีกด้วย” ข้อใดกล่าวสนับสนุนข้อความนี้ได้ถูกต้องและกระชับที่สุด ๑. อาหารต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ๒. อาหารไทยต้องใช้ฝีมือในการประดิษฐ์ ๓. อาหารไทยเป็นทั้งประณีตศิลป์และวิจิตรศิลป์ ๔. อาหารไทยคือสิ่งที่แสดงวัฒนธรรมอันงดงามของไทย ๒๐. บุคคลในข้อใดนำคุณค่าจากการอ่านไปใช้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด ๑. นัน ทำตัวเป็นนักสืบเลียนแบบการ์ตูนโคนัน ๒. นา อยากเป็นนักวาดการ์ตูนจึงฝึกฝนวาดภาพการ์ตูนตามหนังสือการ์ตูน ๓. นิด เดินทางไปชิมอาหารทุกร้านที่มีการแนะนำในนิตยสารคู่ครัว ๔. น้อย อดอาหารเพื่อเก็บเงินไปซื้อเสื้อผ้าตามนางแบบในนิตยสาร เฉลยแบบทดสอบ เรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. ข้อ ๒ ๒. ข้อ ๔ ๓. ข้อ ๔ ๔. ข้อ ๒ ๕. ข้อ ๑ ๖. ข้อ ๒ ๗. ข้อ ๓ ๘. ข้อ ๑ ๙. ข้อ ๑ ๑๐. ข้อ ๒ ๑๑. ข้อ ๓ ๑๒. ข้อ ๒ ๑๓. ข้อ ๓ ๑๔. ข้อ ๓ ๑๕. ข้อ ๓ ๑๖. ข้อ ๒ ๑๗. ข้อ ๒ ๑๘. ข้อ ๔ ๑๙. ข้อ ๓ ๒๐. ข้อ ๒
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๗ ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับกาพยยานี ๑๑ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๕ แต่งบทร้อยกรอง ๒. สาระสำคัญ กาพย์ยานี เป็นคำประพันธ์ไทยประเภทกาพย์ที่กวีนิยมแต่งมาก ปรากฏการแต่งตั้งแต่สมัยกรุงศรี อยุธยา มีทั้งแต่งสลับกับคำประพันธ์ประเภทอื่นและแต่งเพียงลำพัง กาพย์ยานีบทหนึ่งมีสองบาท บาทละ ๑๑ คำ คนทั่วไปจึงนิยมเรียกว่า กาพย์ยานี ๑๑ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายหลักการแตงบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ๓.๒ นักเรียนฝกแตงบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ หลักการแตงบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูเลานิทานกาพยยานี ๑๑ หมาปากะลูกหมูสามตัวใหนักเรียนฟง และนํานิทานมาติดบนกระดานหนาชั้นเรียน แลวสนทนาลักษณะคําประพันธของกาพยยานี ๑๑ ขั้นสอน ๑. แบงนักเรียนออกเปนกลุม ๆ ละ ๔ คน นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษา ใบความรูเรื่อง กาพยยานี ๑๑ รวม กันสรุปและอธิบายเพิ่มเติม ๒. นักเรียนแตละกลุมชวยกันทําใบงาน เรื่องรูรักษแตงกาพยยานี ๑๑ โดยใหสมาชิกในแตละกลุมจับคูกันเปน ๒ คูแลวให้แตละคูปฏิบัติกิจกรรมดังตอไปนี้ - สมาชิกคนที่ ๑ อานโจทยคําถาม และเขียนคําตอบ - สมาชิกคนที่ ๒ เปนฝายสังเกต ตรวจสอบคําตอบ
ใหสมาชิกแตละคูเปลี่ยนบทบาทกันในคําถามขอตอไป ๓. นักเรียนรวมกลุมเดิม (๔ คน) ใหแตละคูนําคําตอบของคูตนเองมานําเสนอใหเพื่อนอีกคูหนึ่งฟง เพื่อชวยกัน ตรวจสอบความถูกตอง จากนั้นนําใบงาน เรื่องรูรักษแตงกาพยยานี ๑๑ สงครู ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันประเมินงานของทุกกลุมอภิปรายแนวทางและหลักการแตงกาพยยานี ๑๑ เพื่อสรุป ความรูและมอบหมายใหนักเรียนไปอานคําประพันธประเภทกาพยยานี ๑๑ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ นิทานกาพย์ยานี๑๑ หมาป่ากะลูกหมูสามตัว ๖.๔ ใบความรู้เรื่องหลักการแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ๖.๕ ใบงานเรื่องรู้รักษ์แต่งกาพย์ยานี๑๑ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ หลักการแต่งบทร้อยกรอง ประเภทกาพย์ยานี๑๑ สังเกตจากการเรียน และการตอบคำถาม แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ อ่านและเข้าใจหลัก ในการแต่งบทร้อยกรอง ประเภทกาพย์ยานี๑๑ ๑. ตรวจใบงาน เรื่องรู้รักษ์แต่ง กาพย์ยานี๑๑ ๒. สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๑. แบบบันทึกคะแนน ๒. แบบสังเกต พฤติกรรมการทำงาน กลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
นิทานกาพย์ยานี๑๑ เรื่องหมาป่ากะลูกหมูสามตัว ๏ หมูงาม สามพี่น้อง ส้องอาศัย กลางไพรสณฑ์ ต่างตัว ต่างสาละวน สร้างบ้านตน ตามแต่ใจ ๏ ตัวแรก แบกฟางหญ้า ทำแค่ว่า พออาศัย สมเจตน์เสร็จไวไว มักง่ายไว้ไม่พะวง ๏ ตัวสอง ปองกิ่งไม้ แค่พอใช้ใจประสงค์ เร่งทำ เร่งจำนง คุณภาพคง พอปานกลาง ๏ ตัวท้าย ไม่ประมาท เก่งฉกาจ หินหัดสร้าง ประดอย ค่อย ๆ วาง บ้านกว้างขวาง อย่างแข็งแรง ๏ วันหนึ่ง มีหมาป่า ล่ำกายา พละแข็งแกร่ง ท้องหิว โหยกิ่วแห้ง แฝงกายมา หมายล่าหมู ๏ ถึงบ้าน หมูตัวแรก หมูแปลกใจ ไปซ่อนสู่ ในบ้าน ฟางคุดคู้ หมาป่าดูไม่เท่าไร ๏ เป่าลม ถล่มบ้าน ฟางแหลก ลาญ ทานไม่ไหว หมูวิ่ง หนีเร็วไว ไปอยู่บ้าน หมูตัวรอง ๏ หมาป่า มิช้ารอ ตามไปต่อ หลังที่สอง กิ่งไม้หมาไตร่ตรอง ต้องเพิ่มแรง เป่าทะลาย ๏ บ้านพัง หลังที่สอง หมูพี่น้อง ต้องวิ่งหาย ไปบ้าน หลังสุดท้าย กระวนกระวาย กลัวตายกัน ๏ หมาป่า ไล่มาถึง ตกตะลึง ทึ่งบ้านนั้น แข็งแกร่ง รวมแรงพลัน กระแทกกระทั้น แทบบรรลัย ๏ หมาแพ้หมูชนะ รู้ไหมล่ะ เพราะอะไร ตรองตรึก ฝึกนิสัย ทำดีไว้ตั้งใจเอย ฯ อวิชฺชาภิกฺขุ
ใบความรู้เรื่อง กาพย์ยานี๑๑ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกาพย์ยานี๑๑ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เแผนผัง วรรคหน้า วรรคหลัง ΟΟΟΟΟ ΟΟΟΟΟΟ บทที่ ๑ วรรคหน้า วรรคหลัง ΟΟΟΟΟ ΟΟΟΟΟΟ วรรคหน้า วรรคหลัง ΟΟΟΟΟ ΟΟΟΟΟΟ บทที่ ๒ วรรคหน้า วรรคหลัง ΟΟΟΟΟ ΟΟΟΟΟΟ หมายเหตุ เส้นสีแดงคือสัมผัสระหว่างวรรค เส้นเขียวคือสัมผัสระหว่างบท สิบเอ็ดให้จดจำ กำหนดคำของพยางค์ สัมผัสเร่งจัดวาง ตามแบบบทจำจดมา วรรคแรกกับวรรคสอง สัมผัสต้องรีบสรรหา คำท้ายส่งต่อมา ถึงวรรคสามตามต่อกัน สัมผัสระหว่างบท ให้งามงดอย่างสร้างสรรค์ ไพเราะเสนาะพลัน เรียงรักษ์ร้อยทุกถ้อยคำ (ประพันธ์โดย ยุพาพร สิงหวงศ์) ลักษณะบังคับ ๑. บทหนึ่งมี๒ บาท บาทหนึ่งมี๒ วรรค วรรคแรกมี๕ คำ วรรคหลังมี๖ คำ รวมเป็น ๑๑ คำ จึงเรียกว่า กาพย์ยานี๑๑ ๒. สัมผัสมีดังนี้ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับคำที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ (เลื่อนมาคำที่ ๑ หรือ ๒ ก็ได้) คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ ถ้าจะแต่งบทต่อไป จะต้องให้คำสุดท้ายของบทต้น สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทต่อไป ซึ่งถือเป็นสัมผัสระหว่างบท ในการแต่งกาพย์ยานี๑๑ นั้น ถ้า จะให้คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ สัมผัสกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคที่ ๔ ด้วย ก็จะเป็นการเพิ่มความ ไพเราะยิ่งขึ้นซึ่งในปัจจุบันนิยมให้สัมผัสกันด้วย ๓. ถ้อยคำที่ใช้ในวรรคเดียวกันนิยมให้มีสัมผัสในเหมือนกลอนจึงจะไพเราะ ๔. คำสุดท้ายของบท ห้ามใช้คำตายหรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์และนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์สามัญ หรือจัตวา ๕. กาพย์ยานีนั้น อาจเรียกว่า กาพย์ยานีลำนำ หรือกาพย์๑๑ ก็ได้เหตุที่เรียกว่ากาพย์ยานีนั้น เข้าใจว่าเป็นกาพย์ที่แปลงมาจากฉันท์บาลีใน “รตนสูตร” ซึ่งขึ้นด้วยคำว่า “ยานี” ซึ่งเรียกชื่อตามคำขึ้นต้นนั้น
๖. กาพย์ยานีมักนิยมแต่งเป็นบทสวด บทเห่เรือ บทพากย์โขน และบทสรภัญญะที่ใช้ในบทละคร และมักนิยมแต่งเกี่ยวกับตอนที่เป็นบทพรรณนาโวหาร หรือตอนที่ชมสิ่งต่าง ๆ หรือตอนที่โศกเศร้าคร่ำครวญ
ใบงาน เรื่อง รู้รักษ์แต่งกาพย์ยานี๑๑ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกาพย์ยานี๑๑ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ อธิบายฉันทลักษณ์ คำชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่างให้ได้ใจความที่ถูกต้อง ๑. ลักษณะบังคับของกาพย์ยานี๑๑ มีดังนี้ ก. ๑ บท มี...........................................บาท ข. ๑ บาทมี............................................วรรค ค. ๑ บทมี..............................................วรรค ง. ๑ บาทมี............................................คำ จ. บาทแรก เรียกว่า.............................. ฉ. บาทหลัง เรียกว่า.............................. ช. วรรคหน้า มี.......................................คำ ซ. วรรคหลัง มี........................................คำ ๒. ลักษณะบังคับสัมผัสของกาพย์ยานี๑๑ มีดังนี้ ก. สัมผัสบังคับเป็นลักษณะสัมผัส ......................... ข. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ นิยมส่งสัมผัสไปยังคำที่........ของวรรคที่ ๒ ค. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ................. ง. หากแต่งมากกว่า ๑ บท คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ของบทต้น ส่งสัมผัสสระไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่.................ของบทถัดไป
ตอนที่ ๒ ร้อยรัดสัมผัส คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนโยงเส้นคำสัมผัสกาพย์ยานี๑๑ ให้ถูกต้องตามลักษณะบังคับ สตรีมีสองมือ มั่นยึดถือในแก่นสาร เกลียวเอ็นจักเป็นงาน มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ สตรีมีสองตีน ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน มิหมายมั่นกินแรงใคร สตรีมดีวงตา เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่ มองโลกอย่างกว้างไกล มิใช่คอยชม้อยชวน สตรีมีดวงใจ เป็นดวงไฟมิผันผวน สร้างสมพลังมวล ด้วยเธอล้วนก็คือคน สตรีมีชีวิต ล้างรอยผิด ด้วยเหตุผล คุณค่าเสรีชน มิใช่ปรนกามารมณ์ ดอกไม้มีหนามแหลม มิใช่แย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งพื้นดิน อหังการ์ดอกไม้: จีรนันท์พิตรปรีชา
ตอนที่ ๓ เรียงลำดับแต่งกาพย์ยานี๑๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนเรียงลำดับของกาพย์ยานี๑๑ ให้ถูกต้อง ๑. สายใยแต่ในครรภ์คอยดูแลไม่แปรฝัน ศรรักปักอกแม่ เอ่ยรักนั้นพลันยินดี ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ๒. อกอุ่นการุณรัก เป็นมิ่งมั่นนิรันดร เฝ้าฟูมฟักไม่เลี่ยงหนีถักทอต่อชีวี ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ๓. คอยฝึกหัดเขียนอักษร ย้อนเอ่ยรักประจักษ์คุณ อุ่นมือสื่อสัมผัส ฝึกฝนไม่แง่งอน ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ๔. แม่อดทนให้ตักหนุน กอดใดใคร่ละมุน อุ่นเอื้อเมื่อฟ้าหม่น คุ้นเคยรักถักต่อพลัน ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ๕. อุ่นแท้แม่รักลูก รักแท้แต่ในครรภ์บ่มเพาะคนจนดีงาม คอยปลอบปลูกทุกสิ่งสรรค์ ............................................................................................................................. .............................................................................................................................
เฉลยใบงาน เรื่อง รู้รักษ์แต่งกาพย์ยานี๑๑ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกาพย์ยานี๑๑ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ อธิบายฉันทลักษณ์ คำชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่างให้ได้ใจความที่ถูกต้อง ๑. ลักษณะบังคับของกาพย์ยานี๑๑ มีดังนี้ ก. ๑ บท ม.ี...................๒........................บาท ข. ๑ บาทมี...................๒.......................วรรค ค. ๑ บทมี.....................๔.......................วรรค ง. ๑ บาทม.ี.................๑๑........................คำ จ. บาทแรก เรียกว่า......บาทเอก...................... ฉ. บาทหลงัเรียกว่า......บาทโท........................ ช. วรรคหน้า มี....................๕...................คำ ซ. วรรคหลงัมี.....................๖...................คำ ๒. ลักษณะบังคับสัมผัสของกาพย์ยานี๑๑ มีดังนี้ ก. สมัผัสบงัคับเป็นลักษณะสัมผสั........นอก และ....สมัผสัสระ............... ข. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ นิยมส่งสัมผัสไปยังคำที่...๓.....ของวรรคที่ ๒ ค. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ..........๓....... ง. หากแต่งมากกว่า ๑ บท คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ของบทต้น ส่งสัมผัสสระไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่......๒...........ของบทถัดไป
คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนโยงเส้นคำสัมผัสกาพย์ยานี๑๑ ให้ถูกต้องตามลักษณะบังคับ สตรีมีสองมือ มั่นยึดถือในแก่นสาร เกลียวเอ็นจักเป็นงาน มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ สตรีมีสองตีน ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน มิหมายมั่นกินแรงใคร สตรีมดีวงตา เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่ มองโลกอย่างกว้างไกล มิใช่คอยชม้อยชวน สตรีมีดวงใจ เป็นดวงไฟมิผันผวน สร้างสมพลังมวล ด้วยเธอล้วนก็คือคน สตรีมีชีวิต ล้างรอยผิด ด้วยเหตุผล คุณค่าเสรีชน มิใช่ปรนกามารมณ์ ดอกไม้มีหนามแหลม มิใช่แย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งพื้นดิน อหังการ์ดอกไม้: จีรนันท์พิตรปรีชา
ตอนที่ ๓ เรียงลำดับแต่งกาพย์ยานี๑๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนเรียงลำดับของกาพย์ยานี๑๑ ให้ถูกต้อง ๑. สายใยแต่ในครรภ์คอยดูแลไม่แปรฝัน ศรรักปักอกแม่ เอ่ยรักนั้นพลันยินดี ศรรักปักอกแม่คอยดูแลไม่แปรฝัน สายใยแต่ในครรภ์เอ่ยรักนั้นพลันยินดี ๒. อกอุ่นการุณรัก เป็นมิ่งมั่นนิรันดร เฝ้าฟูมฟักไม่เลี่ยงหนีถักทอต่อชีวี อกอุ่นการุณรัก เฝ้าฟูมฟักไม่เลี่ยงหนี ถักทอต่อชีวีเป็นมิ่งมั่นนิรันดร ๓. คอยฝึกหัดเขียนอักษร ย้อนเอ่ยรักประจักษ์คุณ อุ่นมือสื่อสัมผัส ฝึกฝนไม่แง่งอน อุ่นมือสื่อสัมผัส คอยฝึกหัดเขียนอักษร ฝึกฝนไม่แง่งอน ย้อนเอ่ยรักประจักษ์คุณ ๔. แม่อดทนให้ตักหนุน กอดใดใคร่ละมุน อุ่นเอื้อเมื่อฟ้าหม่น คุ้นเคยรักถักต่อพลัน อุ่นเอื้อเมื่อฟ้าหม่น แม่อดทนให้ตักหนุน กอดใดใคร่ละมุน คุ้นเคยรักถักต่อพลัน ๕. อุ่นแท้แม่รักลูก รักแท้แต่ในครรภ์บ่มเพาะคนจนดีงาม คอยปลอบปลูกทุกสิ่งสรรค์ อุ่นแท้แม่รักลูก คอยปลอบปลูกทุกสิ่งสรรค์ รักแท้แต่ในครรภ์บ่มเพาะคนจนดีงาม
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๘ เรื่อง แตงกาพยยานี ๑๑ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๕ แต่งบทร้อยกรอง ๒. สาระสำคัญ กาพย์ยานี เป็นคำประพันธ์ไทยประเภทกาพย์ที่กวีนิยมแต่งมาก ปรากฏการแต่งตั้งแต่สมัยกรุงศรี อยุธยา มีทั้งแต่งสลับกับคำประพันธ์ประเภทอื่นและแต่งเพียงลำพัง กาพย์ยานีบทหนึ่งมีสองบาท บาทละ ๑๑ คำ คนทั่วไปจึงนิยมเรียกว่า กาพย์ยานี ๑๑ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับฉันทลักษณบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๓.๒ นักเรียนแตงกาพยยานี ๑๑ ได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ กาพยยานี ๑๑ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูรวบรวมงานเขียนกาพยยานี ๑๑ ที่ไดรับการยกยองวามีความไพเราะ จากหนังสือเรียน และ แหลงขอมูลสารสนเทศมาเปนตัวอยางในการเขียนโดยใหนักเรียนมาอานใหเพื่อน ๆ ฟง ขั้นสอน ๑. นักเรียนและครูรวมกันทบทวนฉันทลักษณของกาพยยานี ๑๑ ๒. ใหนักเรียนจับคูกันเลือกเรื่องที่สนใจจากภาพและชวยกันแตงกาพยยานี ๑๑ กลุมละ ๒ บท ๓. ครูสุมใหนักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรูผลงานของกันและกัน ๔. ครูประเมินผลงาน ขั้นสรุป ๑. สะทอนขอมูลเพื่อพัฒนาตอไป
๒. ฝกแตงกาพยยานี ๑๑ เรื่องที่นักเรียนสนใจตามจินตนาการและสรางสรรค์ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ ตัวอย่างกาพย์ยานี๑๑ ๖.๔ รูปภาพต่าง ๆ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ฉันทลักษณ์บทร้อยกรอง ประเภทกาพย์ยานี๑๑ สังเกตจากการเรียน และการตอบคำถาม แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ แต่งกาพย์ยานี๑๑ ๑. ตรวจใบงานการ แต่งกาพย์ยานี๑๑ ๒. สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๑. แบบประเมินการแต่ง กาพย์ยานี๑๑ ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตัวอย่างกาพย์ยานี๑๑ ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคคะใดใด ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้ ก็โลดจากคอกไป บ่ยอมอยู่ในที่ขัง (มัทนะพาธา : พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๖) เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ำ สนธยาจะใกล้ค่ำ คำนึงหน้าเจ้าตรา เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย (กาพย์เห่เรือ : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) ฟังใดได้รู้เรื่อง ก็ปราดเปรื่องปรีชาชาญ เปรียบลิ้นชินน้ำตาล รู้รสหวานซาบซ่านใจ ฟังใดไม่รู้ความ วิชาทรามจะงามไฉน เปรียบจวักตักใดใด ไป่รู้รสหมดทั้งมวล (ฟังใดได้รู้เรื่อง : ชิต บุรทัต) ลมเย็นมาเรื่อยเรื่อย หวิวหวิวเฉื่อยเหนื่อยสิ้นไป รวยรื่นชื่นสดใส ลืมเลือนทุกข์สุขหฤหรรษ์ แสงทองพร่องพริบหาย ค่ำกำจายรายทั่วพลัน เพียงครู่จู่คลุมสรร พสิ่งไว้ในเงื้อมมือ (ท้องฟ้ายามสายัณห์: เสนีย์วิลาวรรณ) การเกิดต้องเจ็บปวด ต้องร้าวรวดและทรมา ในสายฝนมีสายฟ้า ในผาทึบมีถ้ำทอง มาเถิดมาทุกข์ยาก มาบั่นบากกับเพื่อนพ้อง อย่าหวังเลยรังรอง จะเรืองไรในชีพนี้ ห้าวแรกที่เราย่าง จะสร้างทางในทุกที่ ป่าเถื่อนในปฐพี ยังมีไว้รอให้เดิน (หนทางแห่งหอยทาก:เนาวรัตน์พงษ์ไพบูลย์) ด้วยธรรมนั้นเทียมเท่า แต่ใครเล่าที่ครอบงำ เอาเปรียบและเหยียบย่ำ มวลชีวิตจนผิดไป ในน้ำทุกหยดน้ำ หรือใช่น้ำเฉพาะใคร ลมแดดหรือดนิใด ล้วนสมบัติอันเป็นกลาง โลกนี้คือที่อยู่ ให้หมู่สรรพสัตว์สร้าง เลี้ยงธรรมชาติวาง ตำแหน่งไว้ชั่วนิรันดร์ (เพลงไทยของคนทุกข์:ไพวรินทร์ขาวงาม)
ใบงาน เรื่อง การแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี๑๑ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘ เรื่อง แต่งกาพย์ยานี๑๑ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ...........................................................................................ชั้น..................................เลขที่................ คำชี้แจง ให้นักเรียนแต่งกาพย์ยานี๑๑ จำนวน ๒ บท ในเรื่องที่ตนเองสนใจตามจินตนาการ (วาดภาพประกอบ ระบายสีให้สวยงาม) ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. ..........
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง เรื่องพื้นฐานการอานจับใจความสําคัญ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ๒. สาระสำคัญ การอ่านจับใจความสำคัญเป็นการอ่านที่มุ่งหาสาระของเรื่อง (ใจความสำคัญ+ส่วนขยายใจความ สำคัญ) เช่น เก็บจุดมุ่งหมายสำคัญของเรื่อง เก็บเนื้อเรื่องที่สำคัญ เก็บความรู้หรือข้อมูลที่น่าสนใจตลอดจน แนวความคิดหรือทัศนะของผู้เขียน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนเขาใจความหมายของใจความสําคัญ ๓.๒ นักเรียนมีความรูความเขาใจลักษณะของใจความสําคัญ ๓.๓ นักเรียนจับใจความสําคัญจากบทรอยแกวและรอยกรองที่อานได ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ หลักการอานจับใจความสําคัญ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการอานในชีวิตประจําวัน นักเรียนจะตองพบกับสื่อประเภท ใดบางและสื่อเหลานี้มีประโยชนอยางไร อีกทั้งการรับสื่อแตละประเภท นักเรียนจะตองมีพื้นฐานการอานที่ดี เพื่อจะนําไปสูทักษะการอานจับใจความสําคัญและการนําไปใช้ ๒. ครูใหอาสาสมัครนักเรียน ๒ – ๓ คน เลาเรื่องจากหนังสือที่นักเรียนสนใจใหเพื่อนฟง ครูถาม นักเรียนวา นักเรียนชอบหรือสนใจหนังสือเลมใดที่เพื่อนเลาใหฟง เพราะเหตุใดจึงชอบ ขั้นสอน ๑. ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา การอานแลวจับใจความสําคัญ จะชวยใหผูอานเลาเรื่องราวได นาสนใจ เพราะจะเลือกเลาเฉพาะใจความที่สําคัญหรือนาสนใจของเรื่อง
๒. นักเรียนรวมกลุม ๆ ละ ๓ – ๔ คน ตามความสมัครใจศึกษาใบความรูเรื่องการอานจับ ใจความสําคัญ โดยศึกษาความหมายของการอานจับใจความสําคัญ ลักษณะของใจความสําคัญ แนวการอาน จับใจความ หลักการอานจับใจความและตัวอยางการอานจับใจความ ๓. นักเรียนแตละกลุมวางแผนการศึกษาความรูเรื่องการอานจับใจความสําคัญ และกําหนด แนวทางในการอานจับใจความสําคัญของบทรอยแกวและรอยกรอง พรอมยกตัวอยางการจับใจความสําคัญ ประกอบ ๔. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาใบความรูเรื่อง การอานจับใจความสําคัญ และกําหนด แนวทางในการอานจับใจความสําคัญของบทรอยแกวและรอยกรอง พรอมยกตัวอยางการจับใจความสําคัญ ประกอบตามที่รวมวางแผนไว้ ๕. ตัวแทนนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอความรูการอานจับใจความสําคัญ ครูอธิบาย เพิ่มเติมเพื่อสรุปความ ๖. นักเรียนทําใบงาน เรื่องพื้นฐานการอานจับใจความสําคัญ เปนรายบุคคล เมื่อนักเรียนทํา เสร็จแลวใหตรวจความเรียบรอยกอนนําสงครูตรวจ ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมประเมินใบงานและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชนที่ไดรับจากการอ่าน จับใจความสําคัญและสรุปหลักการอานจับใจความสําคัญ (การอานจับใจความสําคัญนําไปใชในการเขียน ประเภท การเขียนยอความไดดีที่สุด) ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ ใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ ๖.๔ ใบงาน เรื่องพื้นฐานการอ่านจับใจความสำคัญ
๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. ความหมายของการ อ่านจับใจความสำคัญ ๒. หลักการอ่านจับ ใจความ สังเกตจากการเรียน และการตอบคำถาม แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ จับใจความสำคัญได้ ๑. ตรวจใบงาน เรื่องพื้นฐานการอ่าน จับใจความสำคัญ ๒. สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๑. ใบงาน เรื่องพื้นฐาน การอ่านจับใจความสำคัญ ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………