ใบความรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง พื้นฐานการอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การอ่านเพื่อจับใจความสำคัญ หมายถึง การอ่านเพื่อเก็บสาระสำคัญของเรื่องที่อ่าน เช่น เก็บจุดมุ่งหมายสำคัญของเรื่อง เก็บเนื้อเรื่องที่สำคัญ เก็บความรู้หรือข้อมูลที่น่าสนใจตลอดจนแนวความคิด หรือทัศนะของผู้เขียน ใจความสำคัญ หมายถึง ใจความสำคัญที่เด่นที่สุดในย่อหน้า เป็นแก่นของย่อหน้าที่สามารถ ครอบคลุมเนื้อความในประโยคอื่น ๆ ในย่อหน้านั้นหรือเป็นประโยคที่สามารถเป็นหัวเรื่องของย่อหน้านั้นได ้ ถ้าตัดเนื้อความของประโยคอื่นออกหมดหรือสามารถเป็นใจความหรือประโยคเดี่ยว ๆ ได้โดยไม่ต้องมีประโยค อื่นประกอบ ในแต่ละย่อหน้าจะมีประโยคใจความสำคัญเพียงประโยคเดียวหรืออย่างมากไม่เกิน ๒ ประโยค พลความ คือ ข้อความที่ทำหน้าที่ขยายใจความให้ชัดเจน เด่นชัดขึ้น ถ้าตัดพลความสารก็ยังไม่ เปลี่ยนแปลง พลความมักจะเป็นการอธิบาย การยกตัวอย่าง การเปรียบเทียบ การให้เหตุผล เป็นต้น ลักษณะของใจความสำคัญ ๑. ใจความสำคัญเป็นข้อความที่ทำหน้าที่คลุมใจความของข้อความอื่น ๆ ในตอนนั้น ๆ ได้หมด ข้อความนอกนั้นเป็นเพียงรายละเอียดหรือส่วนขยายใจความสำคัญเท่านั้น ๒. ใจความสำคัญของข้อความหนึ่ง ๆ หรือย่อหน้าหนึ่ง ๆ ส่วนมากจะมีเพียงประการเดียว ๓. ใจความสำคัญส่วนมากมีลักษณะเป็นประโยค อาจจะเป็นประโยคเดียวหรือประโยคซ้อนก็ได้ แต่ในบางกรณีใจความสำคัญไม่ปรากฏเป็นประโยค เป็นเพียงใจความที่แฝงอยู่ในข้อความตอนนั้น ๆ ๔. ใจความสำคัญที่มีลักษณะเป็นประโยคส่วนมากจะปรากฏอยู่ต้นข้อความ แนวทางการอ่านจับใจความสำคัญ การอ่านจับใจความสำคัญให้เข้าใจง่ายและรวดเร็ว ผู้อ่านควรมีแนวทางและพื้นฐานดังนี้ ๑. สำรวจส่วนประกอบของหนังสือ เช่น ชื่อเรื่อง คำนำ สารบัญ ฯลฯ เพราะส่วนประกอบของ หนังสือจะทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องหรือหนังสือที่อ่านได้กว้างขวางและรวดเร็ว ๒. ตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อเป็นแนวทางใช้กำหนดวิธีอ่านให้เหมาะสมและจับใจความ หรือหาคำตอบได้รวดเร็วขึ้น โดยจับใจความให้ได้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่อย่างไร แล้วนำมาสรุปเป็น ใจความสำคัญ ๓. มีทักษะในการใช้ภาษา สามารถเข้าใจความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ มีประสบการณ์หรือ ภูมิหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน มีความเข้าใจลักษณะของหนังสือเพราะหนังสือแต่ละประเภทมีรูปแบบการแต่งและ เป้าหมายของเรื่องที่แตกต่างกัน ๔. ใช้ความสามารถในด้านการแปลความหมายของคำ ประโยค และข้อความต่าง ๆ อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ๕. ใช้ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านมาประกอบจะช่วยให้เข้าใจและจับใจความได้ง่ายขึ้น สรุปการอ่านจับใจความสำคัญ หมายถึง การอ่านที่ต้องการแยกแยะเรื่องที่อ่านให้ได้ว่าส่วนใดเป็นใจความหรือ ข้อความที่สำคัญที่สุด และส่วนใดเป็นข้อความประกอบ การจับใจความสำคัญจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าผู้เขียน
ต้องการสื่ออะไรอย่างถูกต้อง โดยผู้อ่านต้องใช้ความสามารถทางภาษา ประสบการณ์หรือภูมิหลังในการแปล ความหมายของคำ ข้อความ เพื่อจับใจความได้รวดเร็วขึ้น หลักการอ่านจับใจความสำคัญ การอ่านข้อความที่เป็นเรื่องยาว ๆ จะต้องสรุปใจความสำคัญของเรื่อง ในลักษณะการย่อความ โดยมีขั้นตอนการอ่าน ดังนี้ ๑. ตั้งใจอ่าน มีสมาธิในการอ่าน ๒. อ่านเรื่องราวนั้น ๆ คร่าว ๆ แต่ต้นจนจบเรื่อง ๓. สรุปหรือจับใจความสำคัญว่าเป็นเรื่องอะไร มีใคร ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไร ทำอย่างไร ซึ่งการตั้งคำถามไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทั้งหมด อาจเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขของงานเขียนได้ ๔. ทบทวนความบางตอน หรือสาระบางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจไม่ชัดเจนให้เข้าใจ ๕. สังเกตดูว่าผลสุดท้ายของเรื่องนั้น ๆ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ๖. พิจารณาว่าเรื่องมีสาระหรือความสำคัญอยู่ที่ใด มีแง่คิด คติธรรมหรือคำสอนแก่ผู้อ่านอย่างไรบ้าง ๗. สรุปความคิด ทำบันทึกช่วยจำ ย่อความ ตอบคำถาม หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ ของการอ่าน ๘. ถ้าเรื่องที่อ่าน เป็นบทร้อยกรอง ต้องถอดคำประพันธ์เป็นร้อยแก้วก่อน แล้วจึงสรุปใจความสำคัญ ของเรื่อง ตัวอย่างการอ่านจับใจความสำคัญ ใบงาน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง พื้นฐานการอ่านจับใจความสำคัญ หลังฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรมักปลูกพืชอายุสั้นและทนแล้ง พืช ที่เหมาะสม ได้แก่ พืชตระกูลถั ่วแต่ถ้าปลูกโดยวิธีการหว่านจะ พบปัญหา เพราะมีวัชพืชขึ้นแข่งกับต้นถั ่ว จึงยากแก่การก าจัด วัชพืช ท าให้ได้ผลผลิตต ่า วิธีการสรุปใจความสำคัญ ใคร เกษตรกร ทำอะไร ปลูกพืชตระกูลถั่ว เมื่อไร หลังฤดูเก็บเกี่ยว อย่างไร ใช้วิธีหว่าน ผลเป็นอย่างไร วัชพืชขึ้นแข่ง ได้ผลผลิตต่ำ สรปุใจความสำคัญ เกษตรกรปลูกพืชตระกูลถั่วหลังฤดูเก็บเกี่ยว ถ้าใช้วิธีหว่านทำให้วัชพืชขึ้นแข่งได้ผลผลิตต่ำ
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ...........................................................................................ชั้น..................................เลขที่................ คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามสรุปใจความสำคัญ ๑. อ่างล้างชามเมื่อใช้นาน ๆ เศษอาหารหรือไขมันก็จะเกาะติดรอบ ๆ ท่อ ยิ่งนานยิ่งสะสม จนทำให้อ่างอุดตัน เป็นเหตุให้น้ำไหลไม่สะดวกหรือไหลไม่ได้วิธีแก้ปัญหาคือ เอาเกลือแกลงใส่ลง ไปในท่อ ๒ – ๓ ช้อน นำเบคกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มในน้ำให้เดือดแล้วเทลงไปในท่อ ไขมันในท่อ ที่อุดตันก็จะหายไป วิธีการสรุปใจความสำคัญ ใคร .................................................................................................................. ทำอะไร .................................................................................................................. เมื่อไร .................................................................................................................. อย่างไร .................................................................................................................. ผลเป็นอย่างไร .................................................................................................................. ใจความสำคัญ คือ ........................................................................................................... ............................................................................................................ ๒. กระเบื้องเคลือบในห้องน้ำมักจะเกิดคราบสกปรกได้ง่าย ถ้าหากไม่ดูแลรักษาอย่าง สม่ำเสมอ เมื่อปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ นับวันคราบไคลก็จะเต็มไปหมด จนอาจเป็นอันตรายได้มีวิธีการ ทำความสะอาดได้ง่าย ๆ คือ เพียงแค่เอาน้ำราดตรงบริเวณที่กระเบื้องเคลือบสกปรก แล้วนำเกลือ มาโรยลงบนแปรงขัดทั่วห้องน้ำและที่ผนังของห้องน้ำ จะพบว่า เกลือช่วยขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ให้หายไปอย่างง่ายดาย เมื่อขัดเสร็จแล้วล้างห้องน้ำให้คราบเกลือออกให้หมด เพียงเท่านี้ห้องน้ำก็ จะดูสะอาดปราศจากคราบไคลเป็นเงาแวววาวเหมือนของใหม่ วิธีการสรุปใจความสำคัญ ใคร .................................................................................................................. ทำอะไร .................................................................................................................. เมื่อไร .................................................................................................................. อย่างไร .................................................................................................................. ผลเป็นอย่างไร .................................................................................................................. ใจความสำคัญ คือ ..................................................................................................................
๓. เตารีดไหม้เป็นปัญหาที่พบบ่อย ๆ ซึ่งเมื่อนำมารีดผ้าจะทำให้ฝืดรีดไม่คล่อง และที่พื้น เตารีดก็จะมีรอยไหม้ดำติดอยู่ วิธีการแก้ไขก็คือ การใช้ยาสีฟันป้ายที่รอยไหม้ของเตารีด แล้วใช้เศษ ผ้าถูแรง ๆ ให้ทั่ว รอยไหม้ก็จะหายไปและนำผ้าชุบน้ำทำความสะอาดอีกครั้ง เตารีดก็จะใช้ได้ดี ตามปกติ วิธีการสรุปใจความสำคัญ ใคร .................................................................................................................. ทำอะไร .................................................................................................................. เมื่อไร .................................................................................................................. อย่างไร .................................................................................................................. ผลเป็นอย่างไร .................................................................................................................. ใจความสำคัญ คือ .................................................................................................................. ๔. นกคีรีบูนเป็นนกที่มาจากต่างประเทศ พ่อค้านกจะสั่งมาจากฮอลแลนด์เยอรมนีไต้หวัน เป็นส่วนใหญ่อย่างไรก็ตามเนื่องจากนกคีรีบูนมีต้นกำเนิดมาจากภูมิประเทศแถบร้อน ฉะนั้นสภาพ อากาศบ้านเราจึงเหมาะสมที่จะเลี้ยงนกคีรีบูนได้เป็นอย่างดีแต่ต้องระวังในเรื่องยุง เพราะนกคีรีบูน แพ้ยุง ถ้าโดนยุงกัดจะทำให้นกอ่อนแอและตายได้ในที่สุด วิธีการสรุปใจความสำคัญ ใคร .................................................................................................................. ทำอะไร .................................................................................................................. เมื่อไร .................................................................................................................. อย่างไร .................................................................................................................. ผลเป็นอย่างไร .................................................................................................................. ใจความสำคัญ คือ ..................................................................................................................
๕. การใช้สีปรุงแต่งอาหารคาวและหวานเพื่อให้สวยงามน่ารับประทาน เราควรจะใช้สีจาก ธรรมชาติส่วนใหญ่จะได้จากส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ดอก ผล ใบ แก่น เหง้า เป็นต้น ต่อมามีสี หลายชนิดได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์มีการค้นคว้าทดลองสีสังเคราะห์บางชนิดเป็น อันตรายต่อผู้บริโภค ดังนั้น เราควรเลือกบริโภคอาหารที่ไม่ใส่สีถ้าจำเป็นต้องใช้สีเพื่อให้อาหาร สวยงาม น่ารับประทานก็ควรใส่สีผสมอาหารจากสีธรรมชาติที่ได้จากพืช จะได้อาหารที่มีความปลอดภัย วิธีการสรุปใจความสำคัญ ใคร .................................................................................................................. ทำอะไร .................................................................................................................. เมื่อไร .................................................................................................................. อย่างไร .................................................................................................................. ผลเป็นอย่างไร .................................................................................................................. ใจความสำคัญ คือ .................................................................................................................. ............................................................................................................ ๖. ลมเช้าโชยโรยรสความสดหวาน กระจายผ่านผืนหล้ายามฟ้าสาง ความมืดมิดปิดฟ้าค่อยลาจาง หยาดน้ำค้างพร่างฟ้าคราอรุณ กุหลาบหลับรับรสแสนสดชื่น ค่อยกลับฟื้นตื่นใหม่ด้วยไออุ่น ผจงรินกลิ่นซานหวานละมุน หอมกลิ่นกรุ่นเกสรขจรไกล (กลิ่นกุหลาบ : มาเนาะ ยูเด็น) วิธีการสรุปใจความสำคัญ ใคร .................................................................................................................. ทำอะไร .................................................................................................................. เมื่อไร .................................................................................................................. อย่างไร .................................................................................................................. ผลเป็นอย่างไร .................................................................................................................. ใจความสำคัญ คือ ..................................................................................................................
เฉลยใบงาน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง พื้นฐานการอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. ใคร อ่างล้างชาม ทำอะไร อุดตัน เมื่อไร เมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ เศษอาหารหรือไขมัน อย่างไร เกลือแกงใส่ลงไปในท่อ เบคกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มในน้ำให้เดือด แล้วเทลงไปในท่อ ผลเป็นอย่างไร ท่อที่อุดตันก็จะหายไป ใจความสำคัญคือ อ่างล้างชาม เมื่อใช้นาน ๆ เศษอาหารหรือไขมัน จะทำให้อุดตัน แก้ไขโดยใส่เกลือ แกงลงในท่อหรือเบคกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มในน้ำเดือดแล้วเทลงไปในท่อ ท่อจะหายอุดตัน ๒. ใคร กระเบื้องเคลือบในห้องน้ำ ทำอะไร มีคราบสกปรก เมื่อไร เมื่อใช้นาน ๆ อย่างไร วิธีทำความสะอาดง่าย ๆ ใช้เกลือขัดเพื่อทำความสะอาด ผลเป็นอย่างไร ห้องน้ำดูสะอาดปราศจากคราบสกปรก ใจความสำคัญคือ กระเบื้องเคลือบในห้องน้ำเกิดคราบสกปรก เมื่อปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ วิธีการทำความ สะอาดได้ง่าย ๆ คือ นำเกลือมาโรยแล้วขัดให้ทั่วห้องน้ำจะช่วยขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ทำให้ห้องน้ำดูสะอาดปราศจากคราบไคลเป็นเงาแวววาวเหมือนของใหม่ ๓. ใคร เตารีดไหม้ ทำอะไร รีดผ้า เมื่อไร ฝืดรีดไม่คล่องและที่พื้นมีรอยไหม้ติด อย่างไร ใช้ยาสีฟันป้ายที่รอยไหม้แล้วใช้ผ้าถูแรง ๆ รอยไหม้ก็จะหายไปและนำผ้าชุบน้ำทำ ความสะอาดอีกครั้ง ผลเป็นอย่างไร เตารีดก็จะใช้ได้ดีตามปกติ ใจความสำคัญคือ เตารีดไหม้เมื่อนำมารีดผ้าจะทำให้ฝืดรีดไม่คล่องและที่พื้นจะมีรอยไหม้ดำติด แก้ไข โดยใช้ยาสีฟันป้ายที่รอยไหม้แล้วใช้ผ้าถูแรง ๆ รอยไหม้ก็จะหายไป และนำผ้าชุบนํ้า ทำความสะอาดอีกครั้ง เตารีดก็จะใช้ได้ดีตามปกติ ๔.
ใคร นกคีรีบูน ทำอะไร พ่อค้านกจะสั่งมาจาก ฮอลแลนด์เยอรมนีไต้หวัน เมื่อไร มีต้นกำเนิดจากประเทศแถบร้อน อย่างไร สภาพอากาศภายในบ้านเราเหมาะสมที่จะเลี้ยง ผลเป็นอย่างไร แต่ต้องระวังในเรื่องยุง เพราะถ้าโดนยุงกัดจะทำให้นกอ่อนแอและตายในที่สุด ใจความสำคัญคือ นกคีรีบูนเป็นนกที่พ่อค้านกจะสั่งมาจากฮอลแลนด์เยอรมนีไต้หวัน แต่มีต้นกำเนิด มาจากภูมิประเทศแถบร้อน สภาพอากาศบ้านเราเหมาะสมที่จะเลี้ยง แต่ต้องระวัง ในเรื่องยุง เพราะถ้าโดนยุงกัดจะทำให้นกอ่อนแอและตายได้ในที่สุด ๕. ใคร สี ทำอะไร ผสมอาหารคาวและหวาน เมื่อไร เพื่อให้สวยงามน่ารับประทาน อย่างไร หากมีความจำเป็นควรใช้สีจากธรรมชาติมากกว่าสีสังเคราะห์ ผลเป็นอย่างไร เพราะสีสังเคราะห์บางชนิดเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ใจความสำคัญคือ สีปรุงแต่งอาหารคาวและหวานเพื่อให้สวยงามน่ารับประทาน หากมีความจำเป็นเรา ควรจะใช้สีจากธรรมชาติมากกว่าสีที่ได้จากการสังเคราะห์บางชนิดเป็นอันตรายต่อ ผู้บริโภค ๖. ใคร ดอกกุหลาบ ทำอะไร ส่งกลิ่นหอม เมื่อไร ตอนเช้า อย่างไร ดอกกุหลาบเมื่อได้รับน้ำค้างยามกลางคืน เวลาเช้าก็สดชื่นส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปไกล ผลเป็นอย่างไร ดอกกุหลาบส่งกลิ่นหอม ใจความสำคัญคือ ยามเช้าดอกกุหลาบส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปไกล
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๐ การอานจับใจความสําคัญ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.๑/๔ ระบุและอธิบายคำเปรียบเทียบ และคำที่มีหลายความหมายในบริบทต่าง ๆ จากการอ่าน ๒. สาระสำคัญ การอ่านจับใจความสำคัญเป็นการอ่านที่มุ่งหาสาระของเรื่อง (ใจความสำคัญ+ส่วนขยายใจความ สำคัญ) เช่น เก็บจุดมุ่งหมายสำคัญของเรื่อง เก็บเนื้อเรื่องที่สำคัญ เก็บความรู้หรือข้อมูลที่น่าสนใจตลอดจน แนวความคิดหรือทัศนะของผู้เขียน วิธีการอ่านจับใจความเบื้องต้น (SQ3R) ได้แก่ ๑. S (ดู) การอ่านสำรวจ เนื้อหาอย่างคร่าว ๆ ๒. Q (ถาม) การตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ๓. R (อ่าน) การอ่านเพื่อหาคำตอบให้แก่ คำถามที่ตั้งไว้ ๔. R (ท่อง) การจำและจดบันทึกข้อความสำคัญ และ ๕. R (ทวน) การทบทวนประเด็น ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกลักษณะของใจความสําคัญของขอความหรือเรื่องที่อานได้ ๓.๒ นักเรียนระบุและอธิบายคําเปรียบเทียบ และคําที่มีหลายความหมายในบริบทตาง ๆ ๓.๓ นักเรียนจับใจความสําคัญจากบทรอยแกวและรอยกรองที่อานไดถูกตอง ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ การอานจับใจความสําคัญเปนทักษะการอานที่ควรฝกฝน ชวยใหผูอานเขาใจเรื่องไดอยางรวดเร็ว และเปนพื้นฐานที่สําคัญในการอานที่ดี ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูเลาเรื่อง ผีเสื้อกลางวัน ใหนักเรียนฟงแลวซักถามใหนักเรียนชวยกันตอบในหัวขอตอไปนี้ด วยวาจา ๑.๑ ใคร ๑.๒ ทําอะไร
๑.๓ เมื่อไร ๑.๔ อยางไร ๑.๕ ผลเปนอยางไร ๑.๖ สรุปใจความสําคัญ ๒. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปอีกครั้งวาการอานจับใจความสําคัญ ตองสามารถตอบคําถามจาก เรื่องที่อานได้ ขั้นสอน ๑. ครูแจกใบงาน เรื่องการอานจับใจความสําคัญ เปนรายบุคคล เมื่อนักเรียนทําเสร็จแลวให ตรวจความเรียบรอยกอนนําสง ครูและนักเรียนรวมกันเฉลย โดยเปลี่ยนกันตรวจ ๒. ครูชมเชยนักเรียนที่จับใจความสําคัญไดดี แลวใหเจาของใบงานออกมาอานใหเพื่อนฟง ๓. นักเรียนรวมกันบอกประโยชนของการอานจับใจความสําคัญและบอกแนวทางในการนํา ความรูเรื่องการอานจับใจความสําคัญไปปรับใชใหเกิดประโยชนกับการเรียน ๔. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงาน เรื่องสรุปใจความสําคัญ ทํานอกเวลาเรียน โดยให ครอบคลุมประเด็นตามที่กําหนดดังนี้ ๑) Survey (S) นักเรียนอานอยางคราว ๆ เพื่อหาจุดสําคัญ ๒) Question (Q) นักเรียนตั้งคําถามเกี่ยวกับที่อาน ๓) Read (R) อานเรื่องซ้ําอยางละเอียด ในขณะเดียวกันก็คนหาคําตอบสําหรับคําถาม ที่ไดตั้งไว ๔) Record (R) นักเรียนจดบันทึกขอมูลในสวนสําคัญและสิ่งที่จําเปนที่ไดจากการอาน ในขั้นตอนที่ ๓ โดยใชขอความอยางรัดกุมหรือยอตามความเขาใจของนักเรียน ๕) Recite (R) นักเรียนสรุปใจความสําคัญของเรื่องโดยพยายามใชภาษาของตนเอง หากนักเรียนยังไมแนใจใหกลับไปอานซ้ำใหม ๖) Reflect (R) นักเรียนพิจารณาคุณคา ขอคิดและประโยชนที่ไดรับจากงานเขียน แล้ว แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ผูเรียนมีความคิดเห็นสอดคลอง หรือมีความคิดเห็นไมสอดคลอง จากนั้นสรุปผล ขั้นสรุป ๑. ครูตรวจใบงานและประเมินผล เรื่องสรุปใจความสําคัญ ตามที่ครูกําหนดแลวนําผลมาพัฒนา และปรับซอมเสริมนักเรียนที่เรียนออน ๒. นักเรียนทําแบบทดสอบการอานจับใจความสําคัญ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ ขอสอบออนไลนการอานจับใจความสําคัญจากเว็บไซตตาง ๖.๒ ตัวอยางเรื่องผีเสื้อกลางวัน ๖.๓ ใบงาน เรื่องการอานจับใจความสําคัญ ๖.๔ ใบงาน เรื่อง สรุปใจความสําคัญ ๖.๕ แบบทดสอบการอานจับใจความสําคัญ
๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ลักษณะของใจความ สำคัญของข้อความหรือ เรื่องที่อ่าน ๑. สังเกตจากการ เรียนและการตอบ คำถาม ๒. ทดสอบการอ่าน จับใจความสำคัญ ๑. แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ๒. แบบทดสอบการอ่าน จับใจความสำคัญ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ จับใจความสำคัญจาก บทร้อยแก้วและร้อยกรอง ที่อ่านได้ถูกต้อง ๑. ตรวจใบงาน เรื่องการอ่านจับ ใจความสำคัญ ๒. ตรวจใบงานเรื่อง สรุปใจความสำคัญ ๑. ใบงานเรื่องการอ่าน จับใจความสำคัญ ๒. ใบงานเรื่องสรุปใจ ความสำคัญ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตัวอย่างเรื่อง ผีเสื้อกลางวัน ผีเสื้อกลางวัน หรือเรียกอีกชื่อว่า แมลงแห่งแสงแดด เป็นสัตว์เลือดเย็นชนิดหนึ่ง ในร่างกายไม่มีกลไก ที่ทำให้อุณหภูมิคงที่ได้ดังนั้นเมื่อถึงฤดูหนาวหรืออากาศเย็นผีเสื้อกลางวันจึงต้องอบอุ่นร่างกายด้วยการผึ่งแดด เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและสามารถบินได้โดยจะเกาะตามพื้นดินหรือก้อนหินที่มีแสงแดด และแผ่ปีกออกไปทั้ง ๒ ข้าง ให้ปีกสัมผัสกับแสงแดดมากที่สุด ใคร/อะไร ผีเสื้อกลางวัน ทำอะไร อบอุ่นร่างกาย ที่ไหน ตามพื้นดินหรือก้อนหินที่มีแสงแดด เมื่อไร ช่วงฤดูหนาวหรืออากาศเย็น อย่างไร ผึ่งแดด ผลเป็นอย่างไร ร่างกายอบอุ่นและสามารถบิน ได้ ใจความสำคัญ ผีเสื้อกลางวันเป็นสัตว์เลือดเย็น ในช่วงฤดูหนาวหรืออากาศเย็นต้องอบอุ่น ร่างกายด้วยการผึ่งแดดตามพื้นดินหรือก้อนหินเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและ สามารถบินได้
ใบงาน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ...........................................................................................ชั้น..................................เลขที่................ ตอนที่ ๑ จงขีดเส้นใต้ประโยคใจความสำคัญจากข้อความที่กำหนดให้ ๑. ศิลปะแห่งการฟังนั้นไม่ได้หมายถึงการนั่งปล่อยให้ผู้อื่นพูดฝ่ายเดียว การทำเช่นนั้นง่ายเกินกว่าที่จะนับว่า เป็นศิลปะ ศิลปะการฟังจึงหมายถึงความสามารถที่จะชักจูงผู้พูดให้หันเข้ามาหาเรื่องที่เขาถนัด คือแสดงให้เห็น ว่าตนกำลังฟังคำพูดของเขาด้วยความตั้งใจ ๒. ประเทศที่พัฒนาแล้วต่างตระหนักกันดีว่า การศึกษานั้นเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศที่ยอดเยี่ยมที่สุด การเร่งรัดพัฒนาทางวัตถุใด จักล้มเหลวสิ้น หากประชาชนยังด้อยการศึกษา ๓. วัดกับคนไทยมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งตลอดมา ในสมัยก่อนวัดเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวัน เป็น โรงเรียนอบรมสั่งสอนเด็ก เป็นศาลไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งของผู้ใหญ่ ๔. ความสมบูรณ์ของชีวิตมาจากความเข้าใจชีวิตเป็นพื้นฐาน คือเข้าใจธรรมชาติเข้าใจความเป็นมนุษย์และ ความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และมนุษย์กับธรรมชาติมีความรักความเมตตาต่อเพื่อน มนุษย์และธรรมชาติอย่างจริงใจ ๕. ความเครียดทำให้เพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีนในเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดบีบตัวกล้ามเนื้อเขม็งตึง ระบบย่อยอาหารผิดปกติและเกิดอาการปวดหัว ปวดท้อง ใจสั่น แข้งขาอ่อนแรง ความเครียดจึงเป็นตัวการที่ เร่งให้แก่เร็ว ๖. สารอาหารในข้าวกล้องจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยป้องกันโรคอ้วน ข้าวกล้องมีสารเส้นใยมากกว่า ข้าวขาว ๘ เท่า ข้าวกล้องจะช่วยดูดซับไขมันและน้ำตาลในอาหาร แล้วขับออกมาเป็นกากอาหาร ทำให้ไขมัน และน้ำตาลซึมเข้ากระแสเลือดน้อยลง ๗. ปลาทูจากจังหวัดสมุทรสงครามหรือแม่กลองกินอร่อยกว่าปลาทูน่านน้ำอื่น เพราะนวลดินและระบบน้ำ บริเวณก้นอ่าวไทยแถบจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงครามโดยเฉพาะบริเวณปากน้ำและก้นอ่าวแม่กลองจะ เป็นดินเลนร่วนซุยซึ่งมีนวลดินที่ทำให้ปลาทูอร่อย ๘. คนโบราณท่านแบ่งการปกครองในบ้านไว้ดังนี้สามีเป็นใหญ่นอกบ้าน ซึ่งหมายความว่า สามีเป็นผู้มี ภาระหน้าที่ทำงานภายนอกบ้านเป็นงานอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนภริยาเป็นใหญ่ในบ้าน ซึ่งหมายถึง ผู้รับผิดชอบในการปกครองดูแลกิจการในบ้านซึ่งเป็นพวกการบ้านงานครัวนั่นเองหรือ “สามีเป็นผู้หา ภริยา เป็นผู้เก็บ (เงิน) ” การแบ่งหน้าที่ของสามีและภริยากันเช่นนี้ทำให้คนแต่ก่อนอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข
๙. ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง ห่อนแก้ฤๅไหว
ตอนที่ ๒ จากข้อความต่อไปนี้ให้นักเรียนแยกประโยคที่เป็นใจความสำคัญของ ๑. ชีวิตของคนเมืองหลวงในปัจจุบัน มีแต่ความเคร่งเครียดและเร่งรีบในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ใน ชีวิตประจำวัน ทำให้บางครั้งรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาหรือไม่ได้รับประทานอาหารตรงตามมื้ออาหาร บาง คนต้องงดเว้นอาหารบางมื้อไปก็มีปัญหาเหล่านี้ทำให้ร่างกายไม่ได้รับพลังงานและสารอาหารที่ต้องการอย่าง เพียงพอในแต่ละวัน อันมีผลกระทบต่อสุขภาพทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เกิดภาวะติดเชื้อโรคได้ง่ายและ เกิดเจ็บป่วย การรับประทานอาหารไม่ครบทุกมื้อนับว่ามีโทษต่อสุขภาพอย่างยิ่ง ใจความสำคัญ คือ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................. ๒. อาหารมื้อหลักที่ไม่ควรงดก็คือ อาหารมือเช้า เนื่องจากตอนเช้าเป็นการเริ่มต้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต อาหารมื้อเช้าจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารอย่างเพียงพอ สามารถปฏิบัติงานในแต่ละ วันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ระยะเวลาระหว่างมื้อเย็นกับมื้อเช้าห่างกัน ๑๒ ชั่วโมง อาหารที่ได้รับ ประทานตั้งแต่ตอนเย็นจะถูกเผาผลาญเป็นพลังงานจนหมดสิ้น ระดับน้ำตาลในเลือดก็ลดต่ำลงจึงทำให้ร่างกาย ต้องการอาหารเพื่อสร้างพลังงานใหม่ ใจความสำคัญ คือ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................. ๓. สาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายคนไม่รับประทานอาหารเช้ามี๒ คือประการแรกไม่รับประทานอาหาร เช้าเพราะไม่มีเวลาพอ นอนตื่นสาย ต้องรีบไปโรงเรียนหรือไปทำงานจึงไม่สะดวกและไม่พร้อมในการเตรียม อาหารเช้า วิธีแก้ปัญหานี้คือ การทำอาหารที่ง่าย ๆ สะดวกรวดเร็วไม่ต้องพิถีพิถันมากนัก เช่น ข้าวไข่เจียว ไข่ ต้อ แซนวิช ฯลฯ ประการที่สอง ไม่รับประทานอาหารเช้าเพราะกลัวอ้วนหรือต้องการลดน้ำหนัก วิธีแก้ปัญหา นี้ไม่ใช่การงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง แต่ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อโดยการควบคุมอาหารและให้ได้ สารอาหารถูกต้องตามหลักโภชนาการ ใจความสำคัญ คือ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................. ๔. ผลการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเช้าทำให้การทำงานภายในร่างกายเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพเพราะร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอและมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ ใจความสำคัญ คือ ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................
๕. “ก็จริงอยู่ผู้หญิงใช่ดอกไม้ และก็ใช่ผู้ชายใช่ผาหิน ต่างก็คือสิ่งที่มีชีวิน อยู่บนธรณินแผ่นดินเดียว” ใจความสำคัญ คือ ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................
เฉลยใบงาน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรือ่ ง การอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ จงขีดเส้นใต้ประโยคใจความสำคัญจากข้อความที่กำหนดให้ ๑. ศิลปะแห่งการฟังนั้นไม่ได้หมายถึงการนั่งปล่อยให้ผู้อื่นพูดฝ่ายเดียว การทำเช่นนั้นง่ายเกินกว่าที่จะ นับว่าเป็นศิลปะ ศิลปะการฟังจึงหมายถึงความสามารถที่จะชักจูงผู้พูดให้หันเข้ามาหาเรื่องที่เขาถนัด คือแสดง ให้เห็นว่าตนกำลังฟังคำพูดของเขาด้วยความตั้งใจ ๒. ประเทศที่พัฒนาแล้วต่างตระหนักกันดีว่า การศึกษานั้นเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศที่ยอด เยี่ยมที่สุด การเร่งรัดพัฒนาทางวัตถุใด จักล้มเหลวสิ้น หากประชาชนยังด้อยการศึกษา ๓. วัดกับคนไทยมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งตลอดมา ในสมัยก่อนวัดเป็นทุกสิ่งทุกอย่างใชีวิตประจำวัน เป็นโรงเรียนอบรมสั่งสอนเด็ก เป็นศาลไล่เกลี่ยข้อขัดแย้งของผู้ใหญ่ ๔. ความสมบูรณ์ของชีวิตมาจากความเข้าใจชีวิตเป็นพื้นฐาน คือเข้าใจธรรมชาติเข้าใจความเป็มนุษย์ และความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และมนุษย์กับธรรมชาติมีความรักความเมตตาต่อเพื่อน มนุษย์และธรรมชาติอย่างจริงใจ ๕. ความเครียดทำให้เพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีนในเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดบีบตัวกล้ามเนื้อ เขม็งตึง ระบบย่อยอาหารผิดปกติและเกิดอาการปวดหัว ปวดท้อง ใจสั่น แข้งขาอ่อนแรง ความเครียดจึงเป็น ตัวการที่เร่งให้แก่เร็ว ๖. สารอาหารในข้าวกล้องจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยป้องกันโรคอ้วน ข้าวกล้องมีสารเส้นใย มากกว่าข้าวขาว ๘ เท่า ข้าวกล้องจะช่วยดูดซับไขมันและน้ำตาลในอาหาร แล้วขับออกมาเป็นกากอาหาร ทำให้ไขในและน้ำตาลซึมเข้ากระแสเลือดน้อยลง ๗. ปลาทูจากจังหวัดสมุทรสงครามหรือแม่กลองกินอร่อยกว่าปลาทูน่านน้ำอื่นเพราะนวลดินและ ระบบน้ำบริเวณก้นอ่าวไทยแถบจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงครามโดยเฉพาะบริเวณปากน้ำและก้นอ่าวแม่ กลองจะเป็นดินเลนร่วนซุยซึ่งมีนวลดินที่ทำให้ปลาทูอร่อย ๘. คนโบราณท่านแบ่งการปกครองในบ้านไว้ดังนี้สามีเป็นใหญ่นอกบ้าน ซึ่งหมายความว่า สามีเป็นผู้ มีภาระหน้าที่ทำงานภายนอกบ้านเป็นงานอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนภริยาเป็นใหญ่ในบ้าน ซึ่งหมายถึง ผู้รับผิดชอบในการปกครองดูแลกิจการในบ้านซึ่งเป็นพวกการบ้านงานครัวนั่นเองหรือ “สามีเป็นผู้หา ภริยา เป็นผู้เก็บ (เงิน)” การแบ่งหน้าที่ของสามีและภริยากันเช่นนี้ทำให้คนแต่ก่อนอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข
๙. ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง ห่อนแก้ฤๅไหว ตอนที่ ๒ จากข้อความต่อไปนี้ให้นักเรียนแยกประโยคที่เป็นใจความสำคัญของ ๑. ใจความสำคัญคือ การรับประทานอาหารไม่ครบทุกมื้อ มีโทษต่อสุขภาพ ๒. ใจความสำคัญคือ อาหารมื้อหลักที่ไม่ควรงดคืออาหารมื้อเช้า ๓. ใจความสำคัญคือ สาเหตุที่ทำให้หลายคนไม่รับประทานอาหารเช้ามี๒ ประการ ๔. ใจความสำคัญคือ ผลการวิจัยพบว่าการรับประทานอาหารเช้ามีผลดีต่อระบบการ ทำงานภายในร่างกาย ๕. ใจความสำคัญคือ ผู้หญิงและผู้ชายต่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เสมอกัน ๖. ใจความสำคัญคือ การรู้จักตัวเองเป็นสิ่งที่ยากที่สุด
ใบงาน เรื่อง สรุปใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ...........................................................................................ชั้น..................................เลขที่................ คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกจุดมุ่งหมายของผู้แต่งและสรุปใจความสำคัญ (ทำนอกเวลาเรียน) เรือนไทย เรือนไทยเดิม ตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง และในเขตนอกเมือง เป็นเรือนที่มีรูปร่างลักษณะแบบแผนของแต่ละหลังที่แน่นอน และ คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่จะแตกต่างกันบ้างในส่วนที่เป็นขนาด ของเรือน แบบแต่ละชนิด การจัดชาน การวางบันได และส่วน ปลีกย่อยอื่น ๆ เท่านั้นเรือนประเภทนี้มีวิธีการก่อสร้างที่ละเอียด ประณีตเป็นเรือนที่ถาวรและทนทาน มีอายุอยู่ได้นานตั้งแต่ ๕๐ ปี ขึ้นไป เรือนไทยเดิมที่มีแบบแผนดังกล่าวมีอยู่ในเขตภาคเหนือ และ ภาคกลาง เรือนพื้นบ้าน เป็นเรือนที่สร้างขึ้นในชนบท และใกล้ชุมชน ซึ่งผู้เป็นเจ้าของมีอาชีพเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์และประมง เช่น ชาวไร่ชาวนา ชาวสวน และชาวประมง จะใช้วัสดุท้องถิ่นที่หามาได้ง่าย ๆ ราคาถูก ฝีมือปลูกสร้างไม่ใคร่ประณีต แต่มีความงามทางด้านรูปทรง สัดส่วน ขนาดของตัวไม้ตลอดจนมีความกลมกลืน กับธรรมชาติอย่างดียิ่ง เรือนพื้นบ้านที่มีอยู่ในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ (ฤทัย ใจจงรัก : ออนไลน์) ๑. จุดมุ่งหมายของผู้แต่งใจความสำคัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. ใจความสำคัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สมุทรบันทึก “ปากบารา” ก่อนการมาถึงของท่าเรือน้ำลึก ชื่อ “ปากบารา” อาจฟังดูไม่คุ้นหูแต่เชื่อว่าหลายคน คงเคยได้ยินชื่อเกาะตะรุเตา หรือเกาะหลีเป๊ะ สถานที่ท่องเที่ยว สำคัญของจังหวัดสตูล จังหวัดเล็ก ๆ ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาอิสลาม ตั้งอยู่สุดปลายด้ามขวานฝั่งทะเลอันดามัน ที่ ยังคงสภาพ “สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์” เศรษฐกิจชุมชน ค้ำยันด้วยทรัพยากรท้องถิ่น ทั้งการประมงที่เปรียบเสมือน เส้นเลือดใหญ่อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร และการ ท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง วันนี้มรสุมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังตั้งเค้า เตรียมเข้าจู่โจมจังหวัดสตูล ด้วยความพยายามผลักดัน โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ท่าเรือขนาดใหญ่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “สะพานแผ่นดิน” เชื่อมทะเล ฝั่งอันดามันและอ่าวไทย กุญแจดอกแรกที่จะไขสู่การพัฒนาภาคใต้ให้เป็นเขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ก่อนจะเลือกเดินไปบนเส้นทางสายการพัฒนาที่กำหนดนโยบายลงมาโดยรัฐ ลองมาทำความเข้าใจ กับพื้นที่และความรู้สึกของชุมชนที่อาศัยรอบอ่าว “ปากบารา” เพราะทางแยกข้างหน้านำไปสู่ปลายทางที่ ต่างกันสุดขั้ว ระหว่างการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่กำลังจะกลายเป็น “มรดกโลก” กับการ พัฒนาท่าเรือน้ำลึกที่ยังตอบไม่ได้ว่าจะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือไม่ (สารคดีพิเศษ : ออนไลน์) ๑. จุดมุ่งหมายของผู้แต่งใจความสำคัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. ใจความสำคัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“หิ่งห้อย ลำพูคลองละงู” จากโครงการเยาวชนหมู่ ๖ บ้านหัวทางร่วมใจอนุรักษ์คลองละงู อำเภอละงูจังหวัดสตูล คุณอับดุลข่อเลด ลัดเลีย ผู้รับผิดชอบ โครงการ เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ในการอนุรักษ์ คลองละงูให้เกิดฐานข้อมูลด้านผลกระทบทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม คลองละงูบริเวณหัวทาง จะมีต้นลำพูที่เป็นรากช่วยยึดตลิ่ง และเป็น ที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยและความอุดมสมบูรณ์ในบริเวณที่มีต้นลำพูจะมีสัตว์น้ำ หลายชนิด เช่น หอยปุ้งปิ้ง กุ้ง และชาวบ้านก็ยังได้ใช้ประโยชน์จากคลองอยู่ ทางคณะทำงานต้องการที่จะสร้างให้ชาวบ้านมีจิตสำนึกรักหวงแหน ในสิ่งแวดล้อมรวมถึงกลุ่มเยาวชนด้วย มาร่วมกันทำให้คลองละงูเป็นแหล่ง อาหารของชุมชน และส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชมความสวยงามของ คลองละงูชาวบ้านจะได้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วย (สารคดีสุขซินโดรม ๑๑๖ : ออนไลน์) ๑. จุดมุ่งหมายของผู้แต่งใจความสำคัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. ใจความสำคัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลยใบงาน เรื่องสรุปใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกจุดมุ่งหมายของผู้แต่งและสรุปใจความสำคัญ ( ทำนอกเวลาเรียน) เรือนไทย ๑. จุดมุ่งหมาย เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะบ้านเรือนไทย ๒. สรุปใจความสำคัญ เรือนไทยมีความแตกต่างกันหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นและ สภาพแวดล้อมแบ่งได้๒ ประเภท คือ ๑) เรือนไทยเดิมที่มีแบบแผน วิธีการสร้างที่ละเอียดประณีต เป็นเรือน ถาวรและทนทาน ๒) เรือนพื้นบ้านในชนบททั่วไป มีการปลูกสร้างไม่ใคร่ประณีต ใช้วัสดุในท้องถิ่นที่หามา ได้ง่าย ๆ มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ สมุทรบันทึก “ปากบารา” ก่อนการมีของท่าเรือน้ำลึก ๑. จุดมุ่งหมาย ให้ตระหนักถึงผลที่ได้รับจากการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการ ต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ๒. สรุปใจความ ก่อนที่จะสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราให้รัฐพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ที่สุดว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ “หิ่งห้อย ลำพูคลองละงู” ๑. จุดมุ่งหมาย อนุรักษ์คลองละงูบริเวณบ้านหัวทางให้มีความสมบูรณ์ ๒. สรุปใจความสำคัญ คณะทำงานอนุรักษ์คลองละงูต้องการสร้างให้ชาวบ้านมีจิตสำนึกหวงแหน สิ่งแวดล้อมมาร่วมกันทำให้คลองละงูเป็นแหล่งอาหารของชุมชนและส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชมความ งามของคลองละงูชาวบ้านจะได้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น
แบบทดสอบ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกตอบคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ๑. ข้อใดเป็นความหมายของการอ่านจับใจความ ก. อ่านเพื่อความรู ข. อ่านเพื่อความบันเทิง ค. อ่านเพื่อหาสาระสำคัญของเรื่อง ง. อ่านเพื่อค้นหาแนวทางในการดำเนินชีวิต ๒. การอ่านจับใจความสำคัญ ผู้อ่านต้องปฏิบัติอย่างไร ก. แยกใจความสำคัญจากส่วนขยายใจความสำคัญ ข. แยกเรื่องออกเป็นตอน ๆ ค. แยกประเด็นของเรื่องว่าส่วนใดเป็นข้อมูลประกอบ ง. อ่านให้รวดเร็วอย่างสม่ำเสมอ ๓. ข้อใดถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการอ่านจับใจความ ก. อ่านผ่าน ๆ โดยตลอดเพื่อให้รู้เรื่อง ข. อ่านให้ละเอียดเพื่อทำความเข้าใจ ค. เรียบเรียงใจความสำคัญของเรื่อง ง. อ่านซ้ำตอนที่ไม่เข้าใจ ๔. ข้อใดถือว่าเป็นขั้นตอนแรกของการอ่านจับใจความ ก. เรียบเรียงใจความสำคัญของเรื่อง ข. อ่านให้ละเอียดเพื่อทำความเข้าใจ ค. อ่านซ้ำตอนที่ไม่เข้าใจ ง. อ่านผ่าน ๆ โดยตลอดเพื่อให้รู้เรื่อง ๕. การที่เราจะอ่านจับใจความสำคัญอย่างง่ายที่สุดคือ ก. พยายามแยกย่อหน้าแต่ละย่อหน้าออกจากกัน ข. ตั้งคำถามและคำตอบจากเรื่องที่อ่าน ค. พยายามหาว่าส่วนใดเป็นส่วนขยายใจความสำคัญ ง. พิจารณาองค์ประกอบของเรื่องในคราวเดียวกัน ในกิจกรรมที่มนุษย์ต้องกระทำ การฟังเป็นกิจกรรมที่คนทำรองลงมาจากการหายใจเท่านั้นการฟังมี ความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว อาชีพ สังคมและครอบครัว ถ้าคนทำงานได้เรียนรู้ถึงการฟังอย่างมี ประสิทธิภาพ ๖. ใจความสำคัญของข้อความนี้คืออะไร ก. คนทำงานได้เรียนรู้ถึงการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ ข. การฟังเป็นกิจกรรมที่คนทำรองลงมาจากการหายใจเท่านั้น
ค. การฟังมีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิต ง. การฟังเป็นกิจกรรมที่มนุษย์ต้องกระทำ สงครามอ่าวเปอร์เซียยุติแล้ว ซัดดัมสร้างเซอร์ไพรส์สั่งถอนทหารทั้งหมดออกจากคูเวตอย่างไม่มีเงื่อนไขแต่ ยังปากแข็งอ้างว่าประสบชัยชนะตามเป้าหมาย พันธมิตรสุดดื้อด้านได้คืบจะเอาศอก ยันจะทิ้งระเบิดต่อไปหาก ข้าศึกไม่ยอมทิ้งอาวุธทั้งหมด ๗. ใจความสำคัญของข้อความข้างบนนี้คืออะไร ก. พันธมิตรสุดดื้อด้านได้คืบจะเอาศอก ยันจะทิ้งระเบิดต่อไปหากข้าศึกไม่ยอมทิ้งอาวุธทั้งหมด ข. แต่ยังปากแข็งอ้างว่าประสบชัยชนะตามเป้าหมาย ค. ซัดดัมสร้างเซอร์ไพรส์สั่งถอนทหารทั้งหมดออกจากคูเวต ง. สงครามอ่าวเปอร์เซียยุติแล้ว น้ำดื่มเป็นน้ำใช้ดื่มเพื่อแก้กระหาย เป็นสิ่งจำเป็นแก่ร่างกาย แต่น้ำดื่มอีกชนิดหนึ่งเป็นของไม่จำเป็น ไม่ได้ มีไว้เพื่อแก้กระหาย จึงไม่จำเป็นต้องหัดดื่มน้ำชนิดนี้ได้แก่ น้ำเมา น้ำเมาที่เป็นของดองเรียกว่า หลักพระพุทธศาสนา สมเด็จพระสังฆราชพระญาณสังวร ๘. ใจความสำคัญของข้อความข้างบนนี้คืออะไร ก. น้ำชนิดนี้ได้แก่น้ำเมาที่เป็นของดอง เรียกว่า เมรัย ข. น้ำดื่มเป็นสิ่งจำเป็นแก่ร่างกายน้ำดื่มเป็นน้ำใช้ดื่มเพื่อกระหาย ค. น้ำดื่มที่ไม่จำเป็นนักไม่ได้มีไว้เพื่อแก้กระหาย ง. น้ำดื่มเป็นน้ำใช้ดื่มเพื่อแก้กระหาย “หากน้ำตาฟ้าหลั่งครั้งละเม็ด ค่าของเพชรน้อยกว่าค่าของฝน หยาดน้ำใจได้รับยามอับจน จึงค่าล้นฝนมณีทุกสีไป” ๙. ข้อใดสรุปใจความสำคัญของบทร้อยกรองข้างต้นได้ดีที่สุด ก. น้ำใจที่ได้รับยามอับจนมีค่าที่สุด ข. น้ำฝนครั้งละเม็ดมีค่ามหาศาล ค. น้ำใจมีค่ากว่าฝน ง. น้ำตามีค่ากว่าเพชร “หากใจเจ้าบริสุทธิ์งามผุดผ่อง ปากเขาที่ป่าวร้องไม่เสียหาย ดีหรือชั่วตนรู้ตนไปจนตาย ใช่จะคลายเสื่อมค่าราคาคน” ๑๐. บทร้อยกรองข้างต้นมีวัตถุประสงค์ตามข้อใด ก. สอนให้ทำใจให้บริสุทธิ์
ข. เตือนไม่ให้ตอบโต้การนินทา ค. ให้กำลังใจให้มั่นคงในการทำความดี ง. แนะนำให้อดทนต่อการทำความดี เฉลยแบบทดสอบการอ่านจับใจความสำคัญ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. ค ๒. ก ๓. ค ๔. ง ๕. ข ๖. ก ๗. ง ๘. ก ๙. ก ๑๐. ค
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๑ หลักการเขียนโครงงาน เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๘ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน ๒. สาระสำคัญ โครงงาน คือ การศึกษาสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ สงสัย ต้องการรู้ ต้องการหาคำตอบ โดยอาศัย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ใช้กิจกรรมการคิด การวางแผนช่วยกันทำงาน การศึกษาจากของจริง การลง มือปฏิบัติ หรือกระบวนการอื่นใดไปใช้ในการศึกษาหาคำตอบในเรื่องนั้น ๆ โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยแก้ปัญหาและให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนเขาใจหลักการเขียนรายงานโครงงาน ๓.๒ นักเรียนเขียนรายงานโครงงานไดถูกตองตามหลักการเขียน ๓.๓ นักเรียนมีมารยาทในการเขียน ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ การเขียนรายงานโครงงาน จะตองมีความรูเรื่องหลักการเขียนใหถูกตองครบถวนตามองคประกอบ และมีมารยาทในการเขียน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูนําตัวอยางการเขียนรายงานโครงงานตาง ๆ มาใหนักเรียนดู แลวสนทนากับนักเรียนเรื่อง การทําโครงงานมีประโยชนอยางไรสําหรับนักเรียน (การทําโครงงานทําใหรูจักการศึกษาคนควา สืบคข้อมูล จากแหลงตาง ๆ การวางแผนงานการทํางานอยางมีระบบและแกไขอยางเปนขั้นตอน) ๒. ครูแจงจุดประสงคในการเรียนเรื่องการเขียนรายงานโครงงานใหถูกตองตามหลักวิชา ขั้นสอน ๑. นักเรียนจัดกลุม ๆ ละ ๓ – ๕ คนคละกันตามความสามารถ เกง ปานกลาง ออน นักเรียนแต ละกลุมเลือกประธานและเลขากลุม
๒. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาใบความรูเรื่องการเขียนรายงานโครงงานและใหนักเรียน นําเสนอปญหาของการเขียนรายงานโครงงาน และบอกวาควรปรับปรุงอยางไร ๓. สมาชิกแตละกลุมรวมกันอภิปรายการเขียนรายงานโครงงาน ในเรื่อง ความหมายของ โครงงาน ประโยชนของการทําโครงงาน ประเภทของโครงงาน และรูปแบบของการเขียนรายงานโครงงาน ครู สรุปความรูดวยการนําเสนอ power point โครงงานภาษาไทย เพื่อใหนักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น ๔. นักเรียนทําใบงาน เรื่ององคประกอบของโครงงานรายบุคคล เมื่อทําเสร็จแลวสงครูตรวจ ขั้นสรุป ครูและนักเรียนประเมินใบงาน รวมกันสรุปประเด็นความรูเกี่ยวกับองคประกอบของโครงงาน ขั้นตอนการทําโครงงานและการเขียนรายงานโครงงาน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ หองสมุด ๖.๒ อินเทอรเนต ๖.๓ ตัวอยางการเขียนรายงานโครงงานตาง ๆ ๖.๔ power point โครงงานภาษาไทย ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ เข้าใจหลักการเขียน รายงานโครงงานได้ สังเกตจากการเรียน และการตอบคำถาม แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ เข้าใจองค์ประกอบของ โครงงาน ขั้นตอนการทำ โครงงาน และการเขียน รายงานโครงงาน ๑. ตรวจใบงาน เรื่ององค์ประกอบ ของโครงงาน ๒. สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ๑. ใบงานเรื่อง องค์ประกอบของ โครงงาน ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีมารยาทในการเขียน ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้เรื่อง การเขียนรายงานโครงงาน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง หลักการเขียนโครงงาน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ความหมายของโครงงาน โครงงาน คือ การศึกษาสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ สงสัย ต้องการรู้ต้องการหาคำตอบ โดยอาศัย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใช้กิจกรรมการคิด การวางแผนช่วยกันทำงาน การศึกษาจากของจริง การลงมือ ปฏิบัติหรือกระบวนการอื่นใดไปใช้ในการศึกษาหาคำตอบในเรื่องนั้น ๆ โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยแก้ปัญหาและให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ประโยชน์ของการทำโครงงาน ๑. คิดเป็น ปฏิบัติได้จริง และแก้ปัญหาจากเรื่องที่สนใจโดยฝึกให้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองได้ ๒. มีส่วนร่วมในการเลือกและกำหนดวิธีการเรียนรู้ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้นักเรียน ๓. เกิดการบูรณาการระหว่างความรู้ที่นักเรียนมีอยู่ในตัวกับทักษะที่ได้รับการฝึกฝนและสะสมอยู่ใน ตัวนักเรียน ๔. เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้คิดอย่างอิสระ มีการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ๕. ได้สำรวจตนเองและความเชื่อมั่นในทักษะต่าง ๆ ที่ถนัด เพื่อพัฒนาเป็นทักษะชีวิตต่อไป ประเภทของโครงงาน โครงงานสามารถแบ่งตามลักษณะของกิจกรรมได้๔ ประเภท ดังนี้ ๑. โครงงานประเภทสำรวจ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อหาสาเหตุของปัญหาหรือสำรวจความ คิดเห็นโดยใช้วิธีสำรวจและรวบรวมข้อมูลแล้วนำข้อมูลที่ได้มาแก้ไขปรับปรุงร่วมกัน เช่น โครงงานสำรวจที่มัก เขียนผิด โครงงานสำรวจคำทับศัพท์ในหนังสือพิมพ์โครงงานสำรวจคำคมท้ายรถ เป็นต้น ๒. โครงงานประเภททดลอง เป็นการศึกษาหาคำตอบของปัญหาใดปัญหาหนึ่งเพื่อศึกษาผลการ ทดลองว่าเป็นไปตามที่ตั้งสมมติฐานไว้หรือไม่การทำโครงงานประเภทนี้เริ่มจากการตั้งปัญหา การออกแบบ การทดลองและดำเนินการทดลอง เช่น โครงการทดลองธูปสมุนไพรไล่ยุง โครงงานทดลองปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน โครงงานทดลองปลูกพืชผักสวนครัวโดยไม่ใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เป็นต้น ๓. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์เป็นการพัฒนาหรือประดิษฐ์สร้างเครื่องมือ เครื่องใช้หรือสร้าง อุปกรณ์โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้โครงงานประเภทนี้อาจเป็นการประดิษฐ์สิ่งใหม่หรือ การปรับปรุงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้เช่น โครงงานการประดิษฐ์กระเช้าดอกไม้จาก หนังสือพิมพ์โครงงานประดิษฐ์กังหันวิดน้ำในแปลงเกษตร เป็นต้น ๔. โครงงานประเภททฤษฎีเป็นโครงงานเสนอทฤษฎีหรือหลักการ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เป็น แนวคิดใหม่ๆ โดยมีหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือทฤษฎีและข้อมูลต่าง ๆ สนับสนุน เช่น โครงงานการศึกษา คำซ้อนในวรรณคดีร้อยแก้ว โครงงานการศึกษาข้อคิดจากเรื่องพระมโหสถชาดก เป็นต้น ขั้นตอนการทำโครงงาน การทำโครงงานมีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้ ๒.๑) การคิดและเลือกหัวเรื่อง หัวข้อโครงงานมาจากความสนใจสิ่งที่อยากรู้หรือปัญหาที่สงสัยของ ผู้เรียนเองโดยเกิดจากการ ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูล การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การฟังการบรรยาย หรือการสนทนากับบุคคลต่าง ๆ หัวข้อเรื่องโครงงานควรชัดเจน เมื่อผู้อ่านแล้วเข้าใจและรู้เรื่องว่าทำอะไรและ
ต้องไม่เป็นหัวข้อที่มีคำตอบสำเร็จอยู่แล้วหรือสามารถค้นหาคำตอบได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้การกำหนด หัวข้อโครงงานนั้นควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ - ความเหมาะสมของระดับความรู้ความสามารถของผู้เรียน - วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ - งบประมาณ - ระยะเวลา - ความปลอดภัย - แหล่งความรู้ ๒.๒) ตั้งสมมติฐาน (ถ้ามี) การตั้งสมมติฐานเป็นการคาดคะเนคำตอบเรื่องที่เป็นปัญหาเพื่อเป็น แนวทางในการศึกษา ช่วยให้ขอบเขตของการศึกษารัดกุมขึ้น การตั้งสมมติฐานควรมีเหตุผล มีทฤษฎีหรือ หลักการมารองรับ ๒.๓) ศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้รับหัวข้อเรื่องที่จะเขียนโครงงานแล้ว ผู้เขียนควรศึกษาค้นคว้าเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นโดยศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ห้องสมุด อินเตอร์เน็ต หรือการสัมภาษณ์บุคคลที่ มีความรู้เพื่อให้มีความกระจ่างชัดในเรื่องที่จะศึกษาแล้วจะได้กำหนดเป็นวัตถุประสงค์ ๒.๔) กำหนดสิ่งที่อยากรู้หลังจากศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้องแล้วนำข้อมูลที่ได้มากำหนดจุดประสงค์ของ การศึกษา เพื่อให้รู้ว่าเราต้องการรู้อะไรบ้างจากสิ่งที่เราสงสัย เป็นการกำหนดขอบเขตของงานที่เราจะทำให้ ชัดเจนขึ้น โดยการกำหนดวัตถุประสงค์ควรมีความจำเพราะเจาะจงและสามารถได้ ๒.๕) วางแผนสืบค้นและรวบรวมข้อมูล โครงงานที่กำหนดวัตถุประสงค์แล้วต้องมีการวางแผนในการ สืบค้นข้อมูล โดยต้องวางแผนในเรื่องต่อไปนี้ ๑. วิธีการในการศึกษา เช่น การสัมภาษณ์การสำรวจ การค้นคว้าจากตำรา เป็นต้น ๒. เครื่องมือในการสืบค้นข้อมูล เช่น แบบสัมภาษณ์แบบสำรวจ หนังสือตำราต่าง ๆ เป็นต้น ๓. แหล่งข้อมูล เช่น บุคคลที่มีความรู้ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต เป็นต้น ๔. เวลาในการสืบค้น คือ การกำหนดว่าเราจะไปสืบค้นข้อมูลเมื่อใด ตัวอย่าง การวางแผนสืบค้นและรวบรวมข้อมูล วัตถุประสงค์ วิธีการสืบค้น เครื่องมือ แหล่งข้อมูล เวลา เพื่อศึกษา แหล่งที่มาของคำ คมท้ายรถ การสัมภาษณ์ แบบสัมภาษณ์ บุคคลที่มีคำคม ท้ายรถในหมู่บ้าน ร่วมใจสามัคคี ๑๐ ส.ค. ๖๑ ๒.๖) เสนอโครงร่าง เป็นการวางแผนการทำโครงงานเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่ สับสน เพื่อนำเสนอต่อครูที่ปรึกษาสามารถตรวจสอบได้ว่า การทำโครงงานตามโครงร่างที่เสนอนั้นทำได้หรือไม่ เพื่อขอความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป
องค์ประกอบของโครงร่าง ๑. ชื่อโครงงาน ๒. ชื่อผู้ทำโครงงาน ๓. ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน หลักการและเหตุผลของโครงงาน คือการอธิบายให้กระจ่างชัดเจนว่าเหตุใดจึงต้องทำ ทำแล้วได้อะไร หากไม่ทำจะเกิดผลเสียอย่างไร โดยมีหลักการเขียนดังนี้ ส่วนที่ ๑ เป็นส่วนของคำบรรยายถึงสภาพทั่ว ๆ ไป หรือปัญหาที่มีส่วนสนับสนุนให้ริเริ่มทำโครงงาน ส่วนที่ ๒ เป็นส่วนของเนื้อเรื่องอธิบายถึงรายละเอียดเชื่อมโยงเห็นประโยชน์ของการทำโครงงานโดยมี หลักการ ทฤษฎีสนับสนุนเรื่องที่ศึกษา ส่วนที่ ๓ เป็นของสรุปถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการส่วนที่ ๒ เพื่อแก้ไขปัญหา ค้นหาข้อความรู้ใหม่ ค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ให้เป็นไปตามเหตุส่วนที่ ๑ ๑. จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ ๒. สมมติฐานของศึกษา (ถ้ามี) ๓. วิธีการดำเนินงานแลขั้นตอนการดำเนิน ต้องระบุกิจกรรมที่ทำชัดเจนว่า ทำอะไรบ้างเรียงลำดับ กิจกรรมก่อนและหลัง เพื่อสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่องและถูกต้อง ๔. แผนปฏิบัติงานอธิบายเกี่ยวกับกำหนดเวลา ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นการดำเนินงานไปแต่ละ ขั้นตอน ๕. ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ การคาดหวังถึงผลการดำเนินการโดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ศึกษา ในการเขียนต้องคาดคะเนเหตุการณ์ว่าเมื่อได้ทำโครงงานสิ้นสุดลงแล้วใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างไร และ ได้รับมากน้อยเพียงใด ๖. เอกสารอ้างอิง ๖.๑) สืบค้นรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล เมื่อโครงร่างได้รับความเห็นชอบจากครูที่ ปรึกษาแล้ว ผู้เขียนลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนที่วางแผนไว้โดยสืบค้นและรวบรวมข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์แล้ว บันทึก ๖.๒) นำเสนอผลการสืบค้น การนำเสนอผลการสืบค้นเป็นขั้นตอนสุกท้ายของการทำ โครงงานซึ่งต้องคำนึงถึงความถูกต้องของเนื้อหา การดึงดูดความสนใจของผู้ชมเข้าใจง่าย โดยอาจนำเสนอได้ หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับประเภทของโครงงานและระดับชั้นของผู้เรียน การเขียนรายงานโครงงาน การเขียนรายงานโครงงาน คือ การนำเสนอผลการศึกษาซึ่งเป็นงานขั้นสุดท้ายของการทำโครงงาน การเขียนรายงานที่ดีต้องสามารถสื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายชัดเจนและรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องอาศัยความรู้ทักษะ ประสบการณ์และต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับประเภทของโครงงานและระดับชั้นของผู้เรียน องค์ประกอบของการเรียนรายงานโครงงานมีดังนี้ ๓.๑) ส่วนนำ ประกอบด้วย ๑. ปกหน้า ประกอบด้วย ชื่อเรื่อง ผู้ทำโครงงาน อาจารย์ที่ปรึกษา ๒. บทคัดย่อ มักเขียนสั้น ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้อ่านได้อ่านเนื้อเรื่องย่อๆ ก่อนการ อ่านผลการศึกษาทั้งฉบับ ๓. สารบัญ ๔. สารบัญตารางและสารบัญภาพ (ถ้ามี)
๕. กิตติกรรมประกาศ เพื่อแสดงความขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ๓.๒) ส่วนเนื้อหา โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น ๕ บท ดังนี้ บทที่ ๑ : บทนำ ประกอบด้วยความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ของ การศึกษา บทที่ ๒ : ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา เป็นเอกสารที่ช่วยให้เห็นภาพของปัญหาได้ เด่นชัดยิ่งขึ้น ในการเขียนควรเลือกเฉพาะเรื่องที่สำคัญและมีความสัมพันธ์กับปัญหา บทที่ ๓ : การดำเนินงาน อาจเขียนเป็นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อให้ดำเนินงานเป็นไปตาม หัวข้อเรื่อง ตรงตามวัตถุประสงค์ บทที่ ๔ : วิเคราะห์ข้อมูล โดยนำข้อมูลที่ได้มาจัดหมวดหมู่จำแนกแยกแยะ จัดเป็นความถี่ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ทำเป็นแผนภูมิหรือกราฟ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของข้อมูลที่ได้ บทที่ ๕ : สรุปผลและข้อเสนอแนะ เป็นการอธิบายคำตอบที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าซึ่งสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ที่ศึกษาในการนี้ผู้ทำโครงงานอาจอภิปรายผลและบอกประโยชน์หรือคุณค่าของผลงานที่ได้รวมทั้ง เสนอแนะ เพื่อทำการศึกษาโครงงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษาต่อไป ๓.๓) ส่วนอ้างอิง ประกอบด้วย ๑. บรรณานุกรม เป็นเอกสารที่ใช้ค้นคว้าเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ต้องการศึกษามีหลาย ประเภท เช่น หนังสือ ตำรา บทความ โดยเอกสารที่นำมาอ้างอิงควรบอก - ชื่อหนังสือ - ชื่อผู้แต่ง - แหล่งที่มา - ปีที่พิมพ์ ๒. ภาคผนวก เป็นส่วนที่ทำให้ข้อมูลมีรายละเอียดมากขึ้น เช่น ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บทสัมภาษณ์เป็นต้น การเขียนรายงานโครงงานต้องใช้ความรอบคอบและความละเอียด เมื่อเขียนรายงานโครงงานเสร็จ แล้วจึงมีการทบทวนสิ่งที่เขียน อาจทบทวนด้วยตนเองหรือผู้อื่นแล้วนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ ผลงานที่ออกมานั้นมีคุณค่า การทำโครงงานสามารถทำได้ทุกระดับการศึกษา ซึ่งอาจทำเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่ กับลักษณะของโครงงาน อาจเป็นโครงงานเล็ก ๆ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเป็นการเริ่มต้นเพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญใน การทำโครงงานที่ดีต่อไป *********************
ใบงาน เรื่อง องค์ประกอบของโครงงาน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง หลักการเขียนโครงงาน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ...........................................................................................ชั้น..................................เลขที่................ คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าเป็นองค์ประกอบส่วนใดของโครงงานและเขียนลงในช่องว่าง ให้ถูกต้อง ๑. .............................................. ศึกษาจากสำนวนไทยตามพยัญชนะ ก – ฮ ระยะเวลาในการศึกษา วันที่ ๔ – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๒. .............................................. นานาสัตว์กับสำนวนไทย ๓. .............................................. การศึกษาสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในสำนวนไทย ควรศึกษา เพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาและสาเหตุที่เลือกใช้สัตวดังกล่าวในสำนวนด้วย ๔. .............................................. รวบรวมสำนวนไทยที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ๕. .............................................. เด็กชายธันวา วาจนกิจ ๖. .............................................. ทราบชนิดของสัตว์ที่นำมาใช้ในสำนวนไทย ๗. .............................................. เพื่อศึกษาชนิดของสัตว์ที่ปรากฏในสำนวนไทย ๘. .............................................. ทั้งนี้สมาชิกในกลุ่มมีความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ใน สำนวนไทยเพื่อรวบรวมและจำแนกประเภท ๙. .............................................. หนังสือสำนวนไทยและสุภาษิตคำพังเพย ๑๐. ............................................. จากการศึกษาพบชนิดของสัตว์ที่ปรากฏในสำนวนไทย ดังนี้
เฉลยใบงานเรื่อง องค์ประกอบของโครงงาน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง หลักการเขียนโครงงาน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าเป็นองค์ประกอบส่วนใดของโครงงาน และเขียนลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ๑. ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า ๒. ชื่อโครงงาน ๓. ข้อเสนอแนะ ๔. วิธีการดำเนินงาน ๕. คณะผู้จัดทำโครงงาน ๖. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๗. วัตถุประสงค์ ๘. หลักการและเหตุผล ๙. เอกสารที่ใช้ในการศึกษา ๑๐. สรุปผลการดำเนินงาน
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๒ การเขียนโครงงาน เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ม.๑/๘ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน ๒. สาระสำคัญ โครงงาน หมายถึง การศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่นักเรียนเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วย ตนเอง โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ภายใต้คำแนะนำปรึกษาและดูแลของครูอาจารย์ที่ปรึกษา โดยอาจใช้ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยในการศึกษา เพื่อให้การศึกษาค้นคว้านั้นบรรลุตามวัตถุประสงค์ มีผลในการ พัฒนาทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสร้างเสริมเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนเขาใจหลักการเขียนรายงานโครงงาน ๓.๒ นักเรียนเขียนรายงานโครงงานไดถูกตองตามหลักการเขียน ๓.๓ นักเรียนมีมารยาทในการเขียน ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ การเขียนรายงานโครงงาน จะตองเขียนใหถูกตองครบถวนตามองคประกอบ ใชอางอิงผลการศึกษา คนควาไดนาเชื่อถือ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นําตัวอยางรายงานโครงงานของนักเรียนรุนพี่มาใหนักเรียนดู ๒. ครูพูดคุยกับนักเรียน ใครมีประสบการณการทํารายงานโครงงานการศึกษาคนควาวิชาใด มาบาง นักเรียนมีวิธีดําเนินงานอยางไร ๓. ครูแจงจุดประสงคในการเรียนเรื่องการเขียนรายงานโครงงานจากการศึกษาคนควาใหถูกตอง ตามหลักการ
ขั้นสอน ๑. นักเรียนรวมกลุมเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรูที่ ๑๑) เลือกประธานและเลขากลุม จากนั้น ครูแจกตัวอยางโครงงาน ๒. นักเรียนศึกษาวิธีการและรูปแบบการเขียนรายงานโครงงานจากตัวอยางที่ครูแจกให ๓. ครูอธิบายถึงประเภทของการเขียนรายงานโดยทั่วไปมี ๒ อยางคือ ๖.๑ การเขียนรายงานจากการศึกษาคนควา ๖.๒ การเขียนรายงานโครงงาน ๔. นักเรียนศึกษารูปแบบการเขียนรายงานโครงงานอยางละเอียด ๕. ครูนํานักเรียนลําดับขั้นตอนการเขียนรายงานโครงงานตั้งแตเริ่มตนจนถึงการเขียนรายงาน ดังนี้ ๕.๑ คิดหัวขอเรื่องที่สนใจ ๕.๒ เขียนเคาโครงขออนุมัติ ๕.๓ ดําเนินการ ๕.๔ สรุปรายงานโครงงาน ๖. ใหนักเรียนระดมความคิดเสนอหัวขอเรื่องที่ตนสนใจ เชน ๖.๑ สมุนไพรในโรงเรียน ๖.๒ คําลักษณนามที่ใชกับเครื่องครัว ๖.๓ รูจักอาหารคาวหวานในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ๖.๔ ตามรอยเสนทางในนิราศภูเขาทอง ๖.๕ สัตวที่นิยมใชเปรียบเทียบในสํานวน คําพังเพย และสุภาษิตไทย ๖.๖ อื่น ๆ ๗. ใหแตละกลุมระดมความคิดวาเลือกเรื่องใด เพราะอะไร มีวัตถุประสงคอยางไร มีวิธี ดําเนินงานอยางไร ศึกษาแบบเคาโครงโครงงานและวิธีเขียน ขั้นสรุป ๑. สรุปหัวขอเรื่องที่กลุมสนใจและตองการทําโครงงานภายในระยะเวลา ๑ เดือน เขียนแผนงาน ในแบบเคาโครงโครงงานรวมกัน ๒. ครูตรวจอนุมัติเคาโครงโครงงานของทุกกลุม ใหคําแนะนําเพิ่มเติม ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หนังสือที่รวบรวมโครงงานตาง ๆ ๖.๓ ตัวอยางโครงงาน
๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายหลักการทำ โครงงานแลองค์ประกอบ การเขียนรายงาน โครงงาน สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. เขียนเค้าโครงโครงงาน ๒. มีกระบวนการดำเนิน การโครงงานตามเค้าโครง ๑. ประเมินการ นำเสนอผลงาน ๒. ตรวจผลงาน การเขียนรายงาน โครงงาน ๑. แบบประเมินการ นำเสนอผลงาน ๒. แบบประเมินการเขียน รายงาน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีมารยาทในการเขียน ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้ เรื่อง การเขียนเค้าโครงโครงงาน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ เรื่อง การเขียนโครงงาน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ในการจัดทำโครงงานและเขียนรายงานโครงงานนั้น ขั้นตอนแรกคือ การเขียนเค้าโครงโครงงานเพื่อ เสนอขออนุมัติก่อน ส่วนประกอบของการเขียนเค้าโครงโครงงาน ๑. ชื่อโครงงาน ๒. แนวคิด/ที่มา/ความสำคัญ ๓. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า ๔. สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) ๕. ขั้นตอนการดำเนินงาน ๖. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๗. รายชื่อผู้รับผิดชอบโครงงาน ๘. อาจารย์ที่ปรึกษา ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้อนุมัติโครงงาน กระบวนการเขียนเค้าโครงโครงงาน การเขียนเค้าโครงโครงงาน เป็นขั้นตอนสำคัญเริ่มต้นการทำโครงงาน เขียนวางแผนความคิดให้เข้าใจ ชัดเจนว่าผู้เขียนสนใจจะค้นคว้าเรื่องใด มีประโยชน์หรือไม่และมีแนวคิดการดำเนินงานได้สำเร็จเพียงใด ดังนั้น จึงควรพิจารณาแต่ละหัวข้อ ดังนี้ ๑. การเลือกเรื่องและการตั้งชื่อเรื่อง ควรเน้นเรื่องใกล้ตัว เสริมความรู้ในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่งและ เขียนเรื่องที่ผู้เรียนสนใจ มีประโยชน์ค้นคว้าได้สะดวก เหมาะสมกับเวลา ๒. แนวคิด/ที่มา/ความสำคัญ เขียนแสดงความคิดให้เห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างไร นำไปใช้ ประโยชน์ได้อย่างไร ๓. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า กำหนดเป้าหมายหลัก ๑-๒ ข้อ ไม่ต้องมากมายและเป็นสิ่งที่ บรรลุได้ ๔. สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) เป็นการคาดคะเนคำตอบไว้ล่วงหน้า ว่าจากการศึกษา ค้นคว้า จะพบคำตอบใด ๕. ขั้นตอนการดำเนินงาน ลำดับกิจกรรมก่อน – หลัง ตามลำดับเวลาในช่วงแผนงาน กำหนด ระยะเวลาปฏิบัติกิจกรรมและประมาณค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ๖. ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการคาดคะเนล่วงหน้าว่าเมื่อดำเนินโครงงานแล้วเสร็จจะได้อะไรบ้างให้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ๗. รายชื่อผู้รับผิดชอบโครงงาน ตามสภาพจริงใส่ข้อมูลให้ละเอียด เพื่อให้ครูสะดวกในการติดตาม ประสานงาน
ใบงาน เรื่อง การวางแผนการเขียนเค้าโครงโครงงาน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ เรื่อง การเขียนโครงงาน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่........โรงเรียน................................................ ๑. ชื่อโครงงาน............................................................................................................................................. ๒. แนวคิด/ที่มา/ความสำคัญ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔. สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) .............................................................................................................................................................................. ๕. ขั้นตอนการดำเนินงาน แผนงาน ระยะเวลาปฏิบัติ งบประมาณ ๖. ผลที่คาดว่าจะได้รับ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ๗. รายชื่อผู้รับผิดชอบโครงงาน .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๘. อาจารย์ที่ปรึกษา .............................................................................................................................................................................. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้อนุมัติโครงงาน .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ...................................... (.......................................) ผู้อนุมัติโครงงาน
ตัวอย่างโครงงาน โครงงาน เรื่อง การศึกษาที่มาของภาษาในการตั้งชื่อจริง คณะผู้จัดทำโครงงาน เด็กชายณวีร์ก้องเกียรติงาม เด็กหญิงปานใจ ทวีเกียรติ เด็กชายสหภาพย์หอมสกุลวงศ์ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน อาจารย์ปุณยวีร์โรจนหิรัญพงศ์ หลักการและเหตุผล สังคมไทยเป็นสังคมที่รับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาในหลาย ๆ ด้านโดยเฉพาะวัฒนธรรมทางด้านภาษา ซึ่งจะเห็นว่าการตั้งชื่อของคนไทยมีความหลากหลายอันเนื่องมาจากอิทธิพลของภาษา สมาชิกในกลุ่มจึงมีความ สนใจที่จะศึกษาที่มาของภาษาในการตั้งชื่อจริง และได้รวบรวมรายชื่อเพื่อจำแนกประเภทตามที่มาของภาษา วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้รู้จักที่มาของภาษาที่นิยมนำมาตั้งชื่อจริง ๒. เพื่อให้มีข้อมูลและหลักการสังเกตคำที่นำมาตั้งชื่อ ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า “ภาษา” หมายถึง ภาษาเขียนที่มีที่มาจากภาษาต่าง ๆ ที่นิยมนำมาตั้งชื่อจริง โดยสมาชิกในกลุ่ม ต้องการศึกษาที่มาของภาษาในชื่อจริงว่าเป็นคำที่มาจากภาษาใดโดยศึกษาจากรายชื่อของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๓ ห้องเรียน ระยะเวลาในการศึกษา วันที่ ๑๒ – ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๑. รู้ที่มาของภาษาที่นิยมนำมาตั้งชื่อจริง ๒. มีข้อมูลและหลักการสังเกตคำที่นำมาตั้งชื่อ เอกสารและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษา ๑. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. ทะเบียนรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๓. หนังสือหลักภาษาไทย และอื่น ๆ
วิธีการศึกษา ๑. รวบรวมข้อมูลรายชื่อ แล้วสมาชิกทุกคนร่วมกันแยกประเภทของรายชื่อตามภาษา ๒. นำรายชื่อที่แยกประเภทภาษามาวิเคราะห์และตรวจสอบที่มาจากพจนานุกรม ๓. สอบถามจากเจ้าของชื่อ ผู้รู้ผู้ปกครอง หรือครูเพื่อให้ทราบที่มาของภาษา ๔. บันทึกผล นำข้อมูลมาเรียบเรียงและสรุปผลการศึกษา อภิปรายผลการศึกษา ตารางแสดงที่มาของภาษาในการนำมาใช้ตั้งชื่อจริงของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๗๒ รายชื่อ จำแนกประเภทตามที่มาของภาษา ๔ ภาษา ดังนี้ ภาษาบาลี-สันสกฤต บุปผา อัจฉราฉวีทัศนียา กฤตธีรา กมล กรรณิการ์ ณวีร์สุรเชษฐ์ กุณฑีรา ศิรา ทวีศักดิ์อนันต์กมล ชนก สัญญา ปรัชญา ปรานี บุตรีเพชร นัยนา หฤทัย สันติบุษบา กัลยากร ศรีวรรณ ชนินทร์ จุฑารัตน์กชวรรณ วิริยาพร อัชฌาพร อรอนงค์ สุรีย์พัชนิภา ราช ธนิต อมราภรณ์สุกัญญา กฤษณา อุทัยวรรณ วิจิตรา วราภรณ์ สุจิตรา ประณต ภูมิศักดิ์สมเกียรติสหภาพย์ดุลฤดี ภาษาไทย สมใจ ใบตอง ปานใจ สมปอง สุดา ดอกไม้มะลิบัว แก้ว ทอฝัน แก้วตา ภาษาอังกฤษ คริสต์แอนนา เมลซีเจนนี่ โจเซฟ ไมเคิล จอห์น อัลเบิร์ต ภาษาเขมร เพ็ญแข ผกากรอง จำเริญ จำรัส ชำนาญ เชวง เผดิม อำนวย สรุปผลการดำเนินงาน ชื่อจริงของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๗๒ รายชื่อ มีที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤตมากที่สุด ส่วนภาษาอื่น ๆ มีจำนวนใกล้เคียงกัน ข้อเสนอแนะ เมื่อรู้ที่มาของรายชื่อนักเรียนว่ามีที่มาจากภาษาใดแล้ว ควรฝึกแปลความหมายของชื่อต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งจะช่วยให้มีความรู้เรื่องคำศัพท์ในภาษาต่าง ๆ มากขึ้น
โครงงานการศึกษาค้นคว้าจากสารานุกรม เรื่อง สำรวจพรรณไม้ดอกในเพลงอุทยานดอกไม้ ผู้จัดทำ เด็กหญิงกฤติยา จวนกระโตน เด็กหญิงมนธิชา นพรัตน์ เด็กชายอรุณ สัญเพียร เด็กชายพงศธร มั่นปลูก เด็กชายบุญฤทธิ์ฉิมนาคพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ครูที่ปรึกษา นางวรันธร ดีชาติ โรงเรียนบ้านพุซาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรีเขต ๑
บทคัดย่อ การจัดกิจกรรมรักการอ่านของห้องสมุดบ้านพุซาง จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อส่งเสริม การ ค้นคว้าหาความรู้จากสารานุกรมไทย คณะผู้จัดทำมีความสนใจในการสำรวจพันธุ์ไม้จากเพลงอุทยาน เพลง ดอกไม้ระยะเวลาการสำรวจโดยศึกษาจากสารานุกรมไทย และอินเทอร์เน็ต ระหว่าง วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ผลการศึกษาพบว่าพันธุ์ไม้ดอกในเพลงอุทยานดอกไม้ทั้งหมด ๔๙ ชนิด โดยจำแนกพันธุ์ไม้ตามลักษณะ ดังนี้พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก ๑๐ ชนิด พันธุ์ไม้ดอกที่เป็นพุ่ม ๑๗ ชนิด พันธุ์ไม้ เถาและไม้เลื้อย ๑๐ ชนิด และไม้ดอกที่เป็นไม้ยืนต้น ๑๒ ชนิด
กิตติกรรมประกาศ ในการจัดทำโครงงานการศึกษาค้นคว้าจากสารานุกรม เรื่องสำรวจพรรณไม้ดอกในเพลงอุทยาน ดอกไม้นี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคณะครูนักเรียน นักการภารโรง โรงเรียนบ้านพุซาง และ ผู้ปกครองนักเรียน ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสำรวจพรรณไม้ดอกและหาความรู้เพิ่มเติมจากสารานุกรม และอินเทอร์เน็ต ขอขอบพระคุณ นางวรันธร ดีชาติครูที่ปรึกษาโครงงานนางพิณทิพย์เอี่ยมพริ้ง ผู้อำนวยการโรงเรียน บ้านพุซาง ที่ได้กรุณาให้คำแนะนำและให้งบประมาณสนับสนุน การจัดทำโครงงานนี้จนทำให้โครงงาน การศึกษาค้นคว้าจากสารานุกรม เรื่อง สำรวจพรรณไม้ดอกในเพลงอุทยานดอกไม้สำเร็จลงได้ด้วยดี คณะผู้จัดทำโครงงาน จึงขอขอบคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ คณะผู้จัดทำ
สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ สารบัญ บทที่ ๑ บทนำ ๑ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน ๑ วัตถุประสงค์ ๑ ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า ๑ ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า ๑ คำนิยามศัพท์เฉพาะ ๑ บทที่ ๒ เอกสาร ๒ บทที่ ๓ อุปกรณ์และวิธีการศึกษา ๕ อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา ๕ วิธีการศึกษา ๕ บทที่ ๔ ผลการศึกษา ๖ บทที่ ๕ สรุปผลการศึกษา ๔๑ สรุปผลการศึกษา ๔๑ ประโยชน์ที่ได้รับ ๔๑ ข้อเสนอแนะ ๔๑ บรรณานุกรม ๔๒ ภาคผนวก ๔๓
บทที่ ๑ บทนำ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน จากการบันทึกการอ่านในสมุดกิจกรรมบันทึกการอ่าน จากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และ การ เรียนภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในเรื่องการศึกษาวรรณคดีไทยหลายเรื่อง ทำให้ทราบว่ามีพันธุ์ดอกไม้ หลายชนิดที่น่าสนใจ และดอกไม้บางชนิดที่ไม่เคยพบ และไม่คุ้นกับชื่อพันธุ์ดอกไม้คณะผู้จัดทำโครงงานจึงมี ความสนใจพันธุ์ไม้ดอกซึ่งบางชนิดมีกลิ่นหอม บางชนิดมีสีสวย บางชนิดเป็นไม้เลื้อย ซึ่งนำมาปลูกที่บ้านหรือที่ โรงเรียน อาจทำให้บรรยากาศสดชื่นด้วยสีสันของไม้ดอก และกลิ่นหอมของดอกไม้บางชนิดหอมตอนค่ำ ตอนกลางวัน บางชนิดหอมตอนกลางคืน พันธุ์ไม้ดอกดังกล่าวสามารถนำมาปลูกประดับบ้านและโรงเรียนได้ เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่คนที่สนใจ ทั้งนักเรียนและบุคคลในชุมชน อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนช่วยกัน อนุรักษ์พันธุ์ไม้ดอก โดยให้ปลูกกระจายพันธุ์ไม้ดอกให้มากที่สุด วัตถุประสงค์ของการศึกษา ๑. เพื่อสำรวจพันธุ์ไม้ดอกในบทเพลงอุทยานดอกไม้ ๒. เพื่อศึกษา คุณลักษณะ พืชไม้ดอกแต่ละชนิด ๓. เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกให้ทุกคนอนุรักษ์ไม้ดอก ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า ๑. สำรวจและศึกษาค้นคว้าพันธุ์ไม้ดอกในบทเพลงอุทยานดอกไม้ ๒. ศึกษาข้อมูลจากสารานุกรมไทย และอินเทอร์เน็ต ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ คำนิยามศัพท์เฉพาะ พรรณไม้ดอก หมายถึง พันธุ์ไม้ที่ออกดอกมีสีสันสวยงาม หรือมีกลิ่นหอม หลายชนิดเพลงอุทยาน ดอกไม้หมายถึง บทเพลงที่นำพันธุ์ไม้ดอกมาเรียงร้อยกัน เป็นการจินตนาการถึงอุทยานที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ นานาชนิด ซึ่งประพันธ์โดย อาจารย์สกลธ์มิตรานนท์
บทที่ ๒ เอกสาร การศึกษาโครงงานสำรวจพันธุ์ไม้ดอกในเพลงอุทยานดอกไม้คณะผู้จัดทำได้ค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ความหมายของพันธุ์ไม้ดอก ไม้ดอกไม้ประดับ หมายถึง ไม้ดอกที่นำมาใช้ในการประดับตกแต่งสวน หรือสถานที่ต่าง ๆ โดยไม้ดอก (Flowering plant) หมายถึง พรรณไม้ที่ออกดอกมีสีสันสวยงาม หรือมีกลิ่นหอม อาจจำแนกไม้ดอกออกได้ เป็น ๒ วิธีคือ การจำแนกตามลักษณะของพรรณไม้และการจำแนกตามประโยชน์ใช้สอย ชนิดของไม้ดอกตามลักษณะของพันธุ์ไม้ ๑. การจำแนกตามลักษณะของพรรณไม้แบ่งออกเป็น ไม้ดอกที่เป็นไม้ล้มลุก ไม้ดอกที่เป็นไม้พุ่มไม้ ดอกที่เป็นไม้เถาหรือไม้เลื้อย ไม้ดอกที่เป็นไม้ต้นหรือไม้ใหญ่ยืนต้น ๑) ไม้ดอกที่เป็นไม้ล้มลุก (Flowering herb) หมายถึง ไม้ดอกประเภทที่มีวงจรชีวิตสั้น ส่วนใหญ่เมื่อเกิดมาแล้วจะเจริญเติบโตให้ดอกจนครบวงจรชีวิต แล้วตายภายในฤดูเดียวหรือปีเดียว จัดเป็น ไม้ดอกฤดูเดียว เป็นไม้ดอกที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับมากที่สุด เพราะปลูกและตกแต่งได้ง่าย มีการ เจริญเติบโตเร็ว นอกจากไม้ดอกล้มลุกที่มีอายุปีเดียวแล้ว มีไม้ดอกล้มลุกบางชนิดที่มีอายุมากกว่า ๑ ปีซึ่ง จัดเป็นไม้ดอกล้มลุกสองฤดูหรือไม้ดอกล้มลุกหลายฤดู ไม้ดอกล้มลุกที่เป็นไม้ดอกฤดูเดียวจะมีอายุสั้นมาก นับจากวันที่เริ่มเพาะเมล็ด จนถึงออก ดอกใช้เวลาเพียง ๖๐-๑๒๐ วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ดอก จากนั้นจะออกดอกสวยงามอยู่เพียงชั่ว ระยะเวลาหนึ่ง คือประมาณ ๓๐-๖๐ วัน แล้วก็เริ่มเหี่ยวร่วงโรยไป โดยมีเมล็ดเกิดขึ้นภายในดอกซึ่งเมื่อเมล็ด แก่จัดก็สามารถนำไปปลูกให้เป็นไม้ดอกรุ่นใหม่ได้ ส่วนไม้ดอกที่มีอายุอยู่ได้นานหลายปีเช่น เวอร์บีน่า แพรเซี่ยงไฮ้ผกากรอง สร้อยทอง พยับหมอก บานเช้า บานบุรีกระดุมทอง แพงพวย ไม่จำเป็นต้องปลูกต้นใหม่ทดแทน เพียงแต่ตัดแต่งกิ่งที่ แห้งเหี่ยว กิ่งแก่และกิ่งที่เป็นโรคออก พร้อมทั้งตัดแต่งต้นให้สั้นลง ตลอดจนปรับปรุงดินใส่ปุ๋ยเพิ่มเติม เพื่อให้ ต้นเก่าแตกกิ่งก้าน และออกดอกชุดใหม่ที่สวยงามต่อไป การตัดแต่งกิ่งแต่งต้นนี้จะกระทำต่อเนื่องไปจนกว่าต้น จะทรุดโทรม และแก่ตายไปในที่สุด ๒) ไม้ดอกที่เป็นไม้พุ่ม (Flowering shrub) หมายถึง ไม้ดอกที่มีเนื้อไม้แข็ง ลำต้นตั้งตรงเป็น อิสระได้โดยไม่ต้องอาศัยต้นไม้หรือวัสดุอื่นยึดเหนี่ยวพาดพิง มีอายุอยู่ได้นานหลายปีมีความสูงไม่มากนัก และ มีการแตกกิ่งก้านไม่สูงจากพื้นดิน เช่น เข็ม พุด ลำโพง คริสต์มาส ชบา ชวนชม ดอนญ่า พยับหมอก ราชาวดี และยี่เข่ง ๓) ไม้ดอกที่เป็นไม้เถา หรือไม้เลื้อย (Flowering climber) หมายถึง ไม้ดอกที่ไม่สามารถทรง ตัวอยู่ได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องอาศัยยึดเหนี่ยวพาดพิงต้นไม้หรือวัสดุอื่นในการทรงตัว หากไม่มีสิ่งใดให้พาดพิง ก็จะเลื้อยไปตามพื้นดิน เช่น เล็บมือนาง กระเทียมเถา ชำมะนาด อัญชัน กุมาริกา ถ้ามีอายุอยู่ได้หลายปีเรา เรียกไม้ดอกดังกล่าวนี้ว่า ไม้เถายืนต้น แต่ถ้าเป็นไม้เถาที่มีอายุสั้น มีลักษณะล้มลุก เช่น รกฟ้า ผักบุ้งฝรั่ง เรียกว่า ไม้เถาล้มลุก
๔) ไม้ดอกที่เป็นไม้ต้นหรือไม้ใหญ่ยืนต้น (Flowering tree) หมายถึง ไม้ดอกที่มีเนื้อไม้แข็ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นใหญ่กว่าไม่พุ่ม และมีความสูงเกิน ๖ เมตร สามารถทรงตัวอยู่ได้ด้วยตนเองมี อายุได้นานปีเช่น เสลา ตะแบก อินทนิล นนทรีพิกุล ฝ้ายคำ ทองกวาว จามจุรีประดู่ ประดู่แดง ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์แคแสด รัตมา แคฝรั่ง โสกอินเดีย ปีบ เหลืองอินเดีย และหางนกยูงฝรั่งอินเดีย ๒. การจำแนกตามประโยชน์ใช้สอย เนื่องจากไม้ดอกมีอยู่มากมายหลายพันชนิด แต่ละชนิดมี ประโยชน์ใช้สอยต่างกัน เพื่อความสะดวก และความคุ้มค่าในการนำไปตกแต่ง จึงมีการจำแนกประเภท ไม้ดอก ตามประโยชน์ใช้สอยดังนี้ ๑) ไม้ตัดดอก (Cut flower plant) หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูก ณ สถานที่ที่ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อุณหภูมิดิน น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์การคมนาคม และ ระยะทางที่เหมาะสม เพื่อตัดเฉพาะส่วนดอกหรือช่อดอกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย เช่น แกลดิโอลัส เบญจมาศ เยอร์บีรา หน้าวัว กุหลาบ ดาวเรือง คาร์เนชัน และบัวหลวง ไม้ดอกดังกล่าวนี้จะถูกตัดออกจากต้น ไปใช้ประโยชน์พร้อมทั้งก้านดอกด้วย ทั้งนี้เพราะก้านดอกเป็นแหล่งสะสมอาหาร เมื่อดอกถูกตัดจากต้นเพื่อ นำไปปักแจกัน หรือจัดกระเช้า อาหารที่เก็บสะสมไว้ที่ก้านดอกจะถูกนำมาใช้ช่วยให้ดอกไม้มีอายุการใช้งาน ยาวนานขึ้น ดังนั้นคุณลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอก นอกจากดอกจะต้องสวยสดแล้ว ก้านดอกก็ต้องใหญ่ยาว และแข็งแรง แต่ไม่เกะกะเก้งก้าง บรรจุหีบห่อได้ง่าย ขนส่งสะดวก มีน้ำหนักไม่มากนัก และเก็บรักษาได้นาน ยังมีไม้ดอกอีกหลายชนิดที่มีก้านดอกสั้น ก้านดอกกลวงและเปราะหักง่าย แต่ดอกสวย หรือมีกลิ่น หอม อายุการใช้งานทนนาน สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีในวิถีชีวิตของคนไทย โดยการนำเฉพาะส่วนดอกไป ร้อยมาลัย ทำอุบะจัดพานพุ่มหรือนำไปจัดแจกันโดยใช้ก้านเทียมแทน เช่น รัก มะลิพุด จำปีจำปา แวนดา โจคิม บานไม่รู้โรย ๒) ไม้ดอกกระถาง (Flowering pot plant) หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงในกระถางตั้งแต่ เริ่มเพาะเมล็ดหรือย้ายต้นกล้า โดยการเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับ ให้เหมาะสมกับความสูง และการเจริญเติบโตของต้น เมื่อออกดอกจะนำไปใช้ประโยชน์ในการประดับทั้งต้นทั้งดอก พร้อมทั้งกระถาง ทำให้อายุการใช้งานทนนานกว่าไม้ตัดดอก เช่น บีโกเนีย แพนซีแอฟริกันไวโอเลต กล็อกซิเนีย อิมเพเชียน พิทูเนีย ไม้ดอกที่นำมาปลูกเป็นไม้กระถางจึงต้องมีทรงพุ่มต้นกะทัดรัด ไม่เกะกะเก้งก้าง หรือมีต้นสูง ใหญ่เกินกว่าที่จะนำมาปลูกเลี้ยงได้ในกระถางขนาดเล็กพอประมาณ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการขนย้าย ที่ สำคัญคือ ควรจะออกดอกบานพร้อมเพรียงกันเกือบทั้งต้น เพื่อความสวยงามในการใช้ประดับ ปัจจุบัน วิทยาการเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มนุษย์สามารถปลูกเลี้ยงไม้ดอกหลาย ๆ ชนิดแม้จะมีขนาดต้นสูงใหญ่ใน กระถางขนาดเล็ก โดยการใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารชะลอการเจริญเติบโต ราดหรือพ่น เพื่อทำให้ไม้ดอก เหล่านั้นมีขนาดต้นเตี้ยลงตามความต้องการ ตลอดจนใช้เทคนิคบางประการในระหว่างการปลูกเลี้ยง เพื่อ บังคับให้ไม้ดอกออกดอกพร้อมเพรียงกันทั้งต้นได้โดยคงจำนวน ขนาด และสีตลอดจนความสวยงามของดอก ให้ใกล้เคียงกับของเดิมทุกประการ ๓) ไม้ดอกประดับแปลง (Bedding plant) หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกลงแปลง ณ บริเวณที่ ต้องการปลูกตกแต่ง เพื่อประดับบ้านเรือน อาคารสถานที่ ตลอดจนสวนสาธารณะ โดยไม่ตัดดอกหรือส่วนใด ส่วนหนึ่งไปใช้ประโยชน์แต่ปล่อยให้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงามติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูก เพื่อประโยชน์ ในการประดับ จนกว่าจะร่วงโรย
ประวัติเพลงอุทยานดอกไม้ เพลงอุทยานดอกไม้ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย อาจารย์สกลธ์มิตรานนท์เป็นบทเพลงที่นำชื่อ พรรณไม้ดอกมาเรียงร้อยเป็นบทเพลงได้อย่างไพเราะทั้งคำร้องและท่วงทำนอง นับได้ว่าเป็นอัจฉริยภาพทาง ดนตรีของผู้ประพันธ์เพลงนี้จินตนาการถึงอุทยานที่เต็มไปด้วยพรรณไมด้อกนานาชนิดดังที่ปรากฏ ในบท เพลงผู้ขับร้องคนแรกคือคุณรวงทอง ทองลั่นทม เพลงอุทยานดอกไม้ ชม ผกา จำปา จำปี กุหลาบ ราตรีพะยอม อังกาบ ทั้ง กรรณิการ์ ลำดวน นมแมว ซ่อนกลิ่น ยี่โถ ชงโค มณฑา สายหยุด เฟื่องฟ้า ชบา และ สร้อยทอง ... บานบุรียี่สุ่น ขจร ประดู่ พุดซ้อน พลับพลึง หงอนไก่ พิกุล ควรปอง งาม ทานตะวัน รักเร่กาหลง ประยงค์พวงทอง บานชื่น สุขสอง พุทธชาด สะอาดแซม (ซ้ำ)...พิศ พวงชมพูกระดังงา เลื้อยเคียงคู่ดูสดสวยแฉล้ม รสสุคนธ์บุญนาค นางแย้ม สารภีที่ถูกใจ ...งาม อุบล ปน จันทร์กะพ้อ ผีเสื้อ แตกกอ พร้อม เล็บมือนาง พุดตาน กล้วยไม้ ดาวเรือง อัญชัน ยี่หุบ มะลิวัลย์แลวิไล ชูช่อไสว เร้าใจในอุทยาน...(ซ้ำ)
บทที่ ๓ อุปกรณ์และวิธีการศึกษา อุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษา ๑. หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน สารานุกรมไทยเสริมการเรียนรู้ ๒. เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบ อินเทอร์เน็ต ๓. ดินสอ ปากกา ๔. กล้องดิจิทัล วิธีการศึกษาค้นคว้า ๑. สำรวจพันธุ์ไม้ดอกจากหนังสือสารานุกรม ๒. สำรวจพันธุ์ไม้ดอกจากอินเทอร์เน็ต ๓. นำข้อมูลทั้งหมดมาตรวจสอบความถูกต้องให้มากที่สุดและสมบูรณ์ที่สุด ๔. สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
บทที่ ๔ ผลการศึกษา จากการสำรวจชื่อพรรณไม้ในบทเพลงอุทยานดอกไม้ทั้งหมด ๔๖ ชนิด มีดังต่อไปนี้ ผกา ชื่อวิทยาศาสตร์ Lantana camara ชื่อวงศ์ VERBENACEAE ชื่อสามัญ Cloth of Gold ชื่ออื่นๆ Hedge flower, ผกากรอง ถิ่นกำเนิด ทวีปแอฟริกา ทวีปอเมริกา การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง ประวัติและข้อมูลทั่วไป มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาและทวีปอเมริกา ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ผกากรองเป็นไม้ดอกอายุหลายปีตามลำต้นมีขนปกคลุม แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบ ๆ ต้น ใบเป็นรูป ไข่ขอบใบจัก ปลายใบแหลม ใบออกเป็นคู่ๆ สลับกัน สีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อบริเวณส่วนยอดของกิ่งก้าน มีหลายสีทั้งสีเดียวและสีผสม ขนาดดอกเล็ก การปลูกและดูแลรักษา ผกากรองเป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแสงแดดจัด ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนซุยหรือดินปนทราย จำปา ชื่อวิทยาศาสตร์ Michelia champaca ชื่อวงศ์ MAGNOLIACEAE ชื่อสามัญ Champaca ชื่ออื่นๆ Orage Chempaka, จำปา ถิ่นกำเนิด ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า การขยายพันธุ์ ตอนกิ่ง ประวัติและข้อมูลทั่วไป จำปาเป็นไม้ที่มีประโยชน์ทางด้านสมุนไพร ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ จำปาเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ ๒๐ ฟุตมีสีน้ำตาลปนขาวเล็กน้อย กิ่งเปราะ ใบสีเขียวใหญ่เป็นมัน ปลายใบแหลม ใบกว้างประมาณ ๕ นิ้ว ยาวประมาณ ๑๐ นิ้ว ดอกเป็น ดอกเดี่ยวสีเหลืองแก่ มีอยู่ ๘-๑๐ กลีบ กลีบหนึ่งยาวประมาณ ๒ นิ้ว ซ้อนกันเป็น ๒ ชั้น ดอกเริ่มแย้มมี กลิ่นหอมในช่วงพลบค่ำ ในเช้าวันถัดมากลีบดอกจะกางออกจากกัน และร่วงหล่นในตอนเย็น ออกดอกเกือบ ตลอดปีแต่จะมีมากในช่วงฤดูฝน ปลูกนานกว่า ๓ ปีจึงจะออกดอก (ยกตัวอย่างมาเพียง ๒ ชนิด)
บทที่ ๕ สรุปผลการศึกษา จากการสำรวจพันธุ์ไม้ดอกจากเพลงอุทยานดอกไม้จากสารานุกรม และอินเทอร์เน็ตระหว่าง วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พบพันธุ์ไม้ดอก ๔๙ ชนิดโดยจำแนกพันธุ์ไม้ตามลักษณะ ได้เป็น พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก ๑๐ ชนิด พันธุ์ไม้ดอกที่เป็นพุ่ม ๑๗ ชนิด พันธุ์ไม้เถาและ ไม้เลื้อย ๑๐ ชนิด และไม้ดอกที่เป็นไม้ยืนต้น ๑๒ ชนิด ประโยชน์ที่ได้จากโครงงาน ๑. นักเรียนทราบชนิดพันธุ์ไม้เพลงอุทยานดอกไม้ ๒. นักเรียนทราบคุณลักษณะของพันธุ์ไม้ดอก ๓. นักเรียนมีเจตคติที่ดีในการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ข้อเสนอแนะ ๑. ส่งเสริมให้นักเรียนสำรวจและศึกษาพันธุ์พืชชนิดอื่นๆ ๒. ส่งเสริมให้นักเรียนปลูกพันธุ์ไม้ดอกที่บ้านและที่โรงเรียน