The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chalikae, 2023-11-02 03:14:45

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๘ การทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองตามความสนใจ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ การใส่ทำนองในการอ่านโคลงสี่สุภาพ นิยมอ่านบาทที่หนึ่ง ที่สอง และที่สี่ให้มีเสียงขึ้นลง สูงต่ำตาม เสียงวรรณยุกต์ แล้วอ่านบาทที่สามวรรคแรกให้มีเสียงสูงขึ้นกว่าทุกบาท โดยเฉพาะท้ายวรรคอ่านให้มีเสียง จัตวาปนอยู่ด้วย โดยทอดเสียงวรรณยุกต์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกกลวิธีการทองจําบทอาขยานตามความสนใจได ๓.๒ นักเรียนบอกประโยชนของการทองจําอาขยานได้ ๓.๓ นักเรียนทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองตามความสนใจได ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ความรูเกี่ยวกับทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองตามความสนใจ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับบทอาขยาน บทผูชนะ และบทเปนมนุษยหรือเปนคน วาการทองจํา บทอาขยานมีวิธีการอยางไรและมีประโยชนอะไรแกนักเรียนบาง ครูและนักเรียนอภิปรายความรูรวมกัน ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง การทองจําบทอาขยานโดยมีครูเปนผูอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติม ๒. ครูสนทนากับนักเรียนวาเนื้อหาวรรณคดีเรื่องโคลงโลกนิติไดรับคัดเลือกใชเปนบทอาขยาน สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ เนื่องจากเปนวรรณคดีที่มีคุณคา ๓. นักเรียนชวยกันแบงวรรคในการอานโคลงสี่สุภาพใหถูกตอง แลวทุกคนอานพรอมกัน


พระสมุทรสุดลึกลน คณนา สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได เขาสูงอาจวัดวา กําหนด จิตมนุษยนี้ไซร ยากแทหยั่งถึง ฯ พระสมุทร/สุดลึกลน คณนา สายดิ่ง/ทิ้งทอดมา หยั่งได เขาสูง/อาจวัดวา กําหนด จิตมนุษย/นี้ไซร ยากแท/หยั่งถึง ฯ ๔. นักเรียนแบงกลุม ๔ กลุม เพื่อฝกแบงวรรคการอานและอานบทอาขยานโคลงโลกนิติพรอม กัน โดยมีครูเปนผูแนะนําติชมเปนรายกลุม ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่องการท่องจำบทอาขยาน และมอบหมายให้นักเรียนไป ฝึกท่องบทอาขยานจากโคลงโลกนิติหรือบทอื่น ๆ เป็นการบ้านและมาสอบท่องบทอาขยานกับครูเป็น รายบุคคลนอกเวลาเรียน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ใบความรูเรื่อง การทองจําบทอาขยาน ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ กลวิธีการท่องจำ บทอาขยาน สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ท่องจำบทอาขยานได้ ประเมินจากการท่อง อาขยาน แบบประเมินจากการท่อง อาขยาน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การท่องบทอาขยาน หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘ เรื่อง การท่องจำบทอาขยานและบทร้อยกรองตามความสนใจ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การท่องบทอาขยาน การท่องบทอาขยาน คือ บทท่องจำ การเล่า การสวด เรื่อง นิทาน ซึ่งเป็นการท่องจำข้อความ หรือคำประพันธ์ที่ชอบ บทร้องกรองที่ไพเราะ โดยอาจตัดตอนมาจากหนังสือวรรณคดีเพื่อให้ผู้ท่องจำได้ และเห็นความงามของบทร้อยกรองทั้งในด้านวรรณศิลป์การใช้ภาษา เนื้อหาและวิธีการประพันธ์สามารถ นำไปใช้เป็นแบบอย่างในการแต่งบทร้อยกรองหรือนำไปใช้เป็นข้อมูล ในการอ้างอิงในการพูดและการเขียนได้ เป็นอย่างดี การท่องบทอาขยานตามหลักการทั่วไป การท่องบทอาขยานส่วนใหญ่เป็นการท่องออกเสียง คือ ผู้ท่องเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ในขณะที่ใช้ สายตากวาดไปตามตัวอักษร ยึดหลักการออกเสียงเหมือนหลักการอ่านทั่วไป เพื่อให้การออกเสียงมี ประสิทธิภาพควรฝึกฝน ดังนี้ ๑. ฝึกเปล่งเสียงให้ดังพอประมาณ ไม่ตะโกน ควรบังคับเสียง เน้นเสียง ปรับระดับเสียงสูง ต่ำ ให้สอดคล้องกับจังหวะลีลา ท่วงทำนอง และความหมายของเนื้อหาที่อ่าน ๒. ท่อง ด้วยเสียงที่ชัดเจน แจ่มใส ไพเราะ มีกระแสเสียงเดียว ไม่แตกพร่า เปล่งเสียงจากลำคอ โดยตรงด้วยความมั่นใจ ๓. ท่อง ออกเสียงให้ถูกอักขรวิธีหรือความนิยม และต้องเข้าใจเนื้อหาของบทอาขยานนี้ก่อน ๔. ออกเสียง ร ล คำควบกล้ำ ให้ถูกต้องชัดเจน ๖. ท่อง ให้ถูกจังหวะและวรรคตอน ๗. ท่องให้ได้อารมณ์และความรู้สึกตามเนื้อหา การอ่านบทอาขยานเป็นทำนองเสนาะ การท่องบทอาขยานเป็นทำนองเสนาะช่วยให้บทอาขยานนั้นมีความไพเราะ ผู้ท่อง เกิดความสนใจ จดจำบทอาขยานได้ดีและสนุกสนานยิ่งขึ้น การฝึกอ่านทำนองเสนาะมีขั้นตอน ดังนี้ ๑. ท่อง เป็นร้อยแก้วธรรมดาให้ถูกต้องชัดเจน ตามอักขรวิธีก่อน ทั้ง ร ล ตัวควบกล้ำ อ่านออกเสียง ให้ตรงตามเสียงวรรณยุกต์ ๒. ท่องให้ถูกจังหวะวรรคตอน การอ่านผิดวรรคตอนทำให้เสียความ ๓. ท่องให้สัมผัสคล้องจองกันเพื่อความไพเราะ ๔. ท่องให้ถูกทำนองและลีลาของคำประพันธ์แต่ละชนิด คำประพันธ์แต่ละชนิดจะมีบังคับจำนวน คำสัมผัส หรือคำเอก คำโท แตกต่างกัน การอ่านทำนองเสนาะจึงต้องอ่านให้ถูกท่วงทำนองและลีลาของ คำประพันธ์แต่ละชนิด ๕. ท่องโดยใช้น้ำเสียงให้เหมาะสมกับเนื้อหาและอ่านพยางค์สุดท้ายของวรรคด้วยการทอดเสียง แล้วปล่อยให้หางเสียงผวนขึ้นจมูก


ประโยชน์และคุณค่าของการท่องบทอาขยาน ๑. ฝึกความจำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะมนุษย์ต้องอาศัยความจำ เพื่อเป็นเครื่องมือในการคิด วิเคราะห์คิดสังเคราะห์ ๒. เป็นการฝึกวินัย เพราะการจะท่องให้จำได้ต้องมีวินัย หมั่นฝึก หมั่นท่องอยู่เสมอ ๓. เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ๔. อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ทางด้านภาษาให้คงอยู่ตลอดไป ๕. ได้รับคติสอนใจจาก บทคำประพันธ์ต่าง ๆ ที่ท่อง ๖. ทำให้เป็นคนอารมณ์ดีจากความงามของบทประพันธ์ที่ท่อง ๗. เพื่อตระหนักในคุณค่าของภาษาไทย และซาบซึ้งในความไพเราะของบทร้อยกรอง ๘. เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของกวีไทย ๙. เพื่อเป็นพื้นฐานในการแต่งคำประพันธ์ ๑๐. เพื่อใช้เป็นสื่อถ่ายทอดคุณธรรมจริยธรรม และนำข้อคิดที่เป็นประโยชน์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน บทอ่านโคลงสี่สุภาพ พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา สายดิ่งทิ้งทอดวา หยั่งได้ เขาสูงอาจวัดวา กำหนด จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ฯ ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มรรยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้าย แสลงดิน โคควายวายชีพได้ เขาหนัง เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้ คนเด็ดดับสูญสัง- ขารร่าง เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้าย กับดี เพื่อนกิน สินทรัพย์แล้ว แหนงหนี หาง่าย หลายหมื่น มากได้ เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี วาอาตม์ หายาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๙ วิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานเนื้อหา เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนํามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ วรรณคดี คือ ผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีศิลปะในการประพันธ์ ให้คุณค่าควรแก่ การศึกษา มีการอ่านสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน การวิเคราะห์ คือ การแยกแยะรายละเอียดองค์ประกอบต่าง ๆ ศึกษาภูมิหลังประวัติที่มาของเรื่อง ประวัติผู้แต่ง เนื้อหา เรื่องราว การดำเนินเรื่อง ตลอดจนลักษณะนิสัยของตัวละคร ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกแนวทางในการวิเคราะหคุณคาเนื้อหาจากวรรณคดีได ๓.๒ นักเรียนวิเคราะหคุณคาดานเนื้อจากวรรณคดีได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ การวิเคราะหคุณคาดานเนื้อจากวรรณคดี ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นักเรียนอานบทรอยกรองที่กําหนดให ดังนี้ อันความดีประดุจดังดอกไมหอม หมูผีเสื้อดมดอมเพราะหอมนั้น อันความชั่วไมมีใครอยากใกลกัน ตางก็หันหนาหนีกลัวมีภัย ๒. ครูซักถามนักเรียนวาบทรอยกรองขางตนสื่อถึงเรื่องใด ใหขอคิดอะไร


ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานเนื้อหา โดยมีครูเปนผูอธิบาย เพิ่มเติม ๒. นักเรียนทํากิจกรรมจับคูดูคุณคา โดยใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนจากนั้นรับแผนขอความที่มี เนื้อหาเกี่ยวกับโคลงโลกนิติคูละ ๑ ใบ จากนั้นใหชวยกันวิเคราะหวาโคลงโลกนิติที่ไดรับใหคุณคาดานเนื้อหา อยางไรบาง ๓. ครูสุมนักเรียน ๑-๓ คูออกมานําเสนอผลงานการจับคูดูคุณคา โดยเพื่อนรวมหองชวยกัน อภิปรายความรู้ ขั้นสรุป นักเรียนรวมกันสรุปแนวทางในการวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานเนื้อหาและเฉลยใบงานเรื่อง กา รวิเคราะหคุณคาดานเนื้อหา ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ หนังสือเรียนวรรณคดี ๖.๒ ใบความรูเรื่อง การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานเนื้อหา ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านเนื้อหา สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ วิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านเนื้อหา ๑. สังเกตจากการทำ กิจกรรมจับคู่ดู คุณค่า ๒. ทำใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านเนื้อหา ๑. กิจกรรมจับคู่ดูคุณค่า ๒. ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านเนื้อหา ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านเนื้อหา หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านเนื้อหา รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ วรรณคดีคือ ผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดีมีศิลปะในการประพันธ์ให้คุณค่าควรแก่ การศึกษา มีการอ่านสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน การวิเคราะห์คือ การแยกแยะรายละเอียดองค์ประกอบต่าง ๆ ศึกษาภูมิหลังประวัติที่มาของเรื่อง ประวัติผู้แต่ง เนื้อหา เรื่องราว การดำเนินเรื่อง ตลอดจนลักษณะนิสัยของตัวละคร เนื้อหาวรรณคดีไทย ๑. วรรณคดีศาสนา มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างศรัทธาและสั่งสอนให้ผู้อ่านเข้าใจสาระหลักธรรมของ ศาสนา เนื้อเรื่องมีหลักธรรมของศาสนา เนื้อเรื่องมีทั้งที่นำมาจากคัมภีร์ศาสนาโดยตรงและที่นำเค้าโครง หรือแนวคิดของศาสนามาผูกเป็นเรื่อง เช่น ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ไตรภูมิพระร่วง สามัคคีเภทคำฉันท์ ธรรมาธรรมะสงคราม ฯลฯ ๒. วรรณคดีสุภาษิตคำสอน แต่งขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางให้ผู้อ่านนำไปประพฤติปฏิบัติโดยมีเนื้อเรื่อง ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากหลักธรรมทางศาสนา เช่น สุภาษิตพระร่วง โคลงโลกนิติฯลฯ ๓. วรรณคดีขนบประเพณีและพิธีกรรม แบ่งเป็น ๒ ลักษณะ คือ เป็นบทที่นำไปใช้ในการประกอบพิธี มีเนื้อหาและการใช้ภาษาที่ไพเราะ สร้างอารมณ์ให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีเช่น กาพย์เห่เรือ ลิลิต โองการแช่งน้ำ มหาชาติคำเทศน์หรืออีกลักษณะหนึ่ง คือ เนื้อหาให้รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีกรรมและ ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีสิบสองเดือน โคลงพระราชพิธีทวาทศมาส ฯลฯ ๔. วรรณคดีประวัติศาสตร์มีเนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาสงคราม การสดุดีวีรชนที่กล้าหาญและเล่าถึง เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง เช่น ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ลิลิตยวนพ่าย ฯลฯ คุณค่าวรรณคดีด้านเนื้อหา คุณค่าวรรณคดีด้านเนื้อหา ช่วยให้เป็นความสำคัญของการศึกษาวรรณคดีโดยอาศัยการดำเนินเรื่อง หรือแนวคิดเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์วรรณคดีเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง การดำเนินเรื่องในเนื้อหา เป็นส่วนที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ทั้งสอดแทรกแนวคิดและกลวิธีในการดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านได้ใช้ มุมมองความคิดพิจารณาเรื่องนั้น ๆ โดยผู้อ่านอาจมีทัศนะต่อเรื่องแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และความสนใจของผู้อ่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เกิดการพัฒนาความคิดและเสริมสร้างจินตนาการ ช่วย ยกระดับความคิดและจิตใจของผู้อ่านให้สูงขึ้น การวิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา สามารถวิเคราะห์ในประเด็น ต่าง ๆ ได้ดังนี้ ๑. ได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น ขนบธรรมเนียม ประเพณีสภาพสังคม การเมือง การปกครอง การดำรงชีวิตของคนในสมัยนั้น ๆ และความรู้อื่น ๆ เช่น เมื่อน้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่ (กาพย์พระไชยสุริยา : พระสุนทรโวหาร) จากคำประพันธ์ข้างต้น สอนทำอะไรให้เหมาะสมกับวัย จึงจะสำเร็จประโยชน์และมีความเจริญ รุ่งเรือง


๒. ได้รับประสบการณ์กวีถ่ายทอดประสบการณ์ที่เกิดจากการมองโลกอย่างกว้างขวางและลุ่มลึก จากประสบการณ์ส่วนตัวของกวีได้กลายเป็นประสบการณ์ร่วมระหว่างผู้อ่านกับกวีผู้อ่านได้รับประสบการณ์ จากการอ่านงานของกวีดังคำประพันธ์ เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา (นิราศภูเขาทอง : พระสุนทรโวหาร) บทกลอนตอนนี้สุนทรภู่ได้ถ่ายทอดความทุกข์ว่าคนเรามีร่างกายเล็กมากหากเทียบกับพื้นแผ่นดิน ซึ่งกว้างใหญ่แต่เมื่อถึงคราวตกอับ กลับไม่มีพื้นที่จะอาศัย ๓. เกิดจินตนาภาพ ผู้อ่านเห็นคุณค่าในความงดงามของวรรณคดีทำให้เกิดความประทับใจ และรับรู้ ความคิดที่แปลกใหม่ เป็นกระบวนการที่ให้รายละเอียดโดดเด่น และให้ผู้อ่านได้สร้างความคิดตาม ซึ่งขึ้นอยู่กับ พื้นฐานของแต่ละคน ผู้อ่านเกิดความคิดจินตนาการกว้างไกลและประเทืองปัญญา ทับทิมพริ้มตาตรู ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย สุกแสงแดงจักย้อย อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) ในตัวอย่างนี้กวีทรงใช้ความเปรียบที่เรียกว่าอุปมาคือเปรียบเหมือน หมายความว่าทรงเปรียบเนื้อ ทับทิมที่แกะเป็นแต่ละเมล็ดแล้วจัดใส่จานว่าแดงงามเหมือนพลอยทับทิมที่หัวแหวนก้อยของนาง ๔. พัฒนาจิตใจผู้อ่าน วรรณคดีต่าง ๆ มีเนื้อหาสาระ เรื่องราวสนุก อ่านแล้วสบายใจ สามารถกล่อม เกลาจิตใจให้อ่อนโยน ให้ข้อคิดคติธรรม อีกทั้งสอนให้ประพฤติดีประพฤติชอบ สร้างสรรค์จรรโลงใจให้เกิด กำลังใจยามที่ท้อแท้ ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น (นิราศภูเขาทอง : พระสุนทรโวหาร) จากคำประพันธ์สุนทรภู่มักสอดแทรกข้อคิด คติการดำเนินชีวิต และช่วยยกระดับจิตใจของผู้อ่านให้ ปฏิบัติตนไปตามแนวทางที่เหมาะสม ดังปรากฏในบทกลอนตอนหนึ่งซึ่งมีเนื้อหากล่าวเกี่ยวถึงเรื่อง โลกธรรม ๘ ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา โดยกล่าวถึงเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศ เมื่อมีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมได้เป็น ธรรมดาจึงควรมองโลกอย่างเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง


ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์วรรณคดีด้านเนื้อหา หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ วิเคราะห์วรรณคดีด้านเนื้อหา รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์คำประพันธ์ต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ๑. สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ บาปเกิดแต่ตนคน เป็นบาป บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง สาระสำคัญ.......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ คำประพันธ์บทนี้สอน.......................................................................................................................................... ๒. โคควายวายชีพได้ เขาหนัง เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร ้ คนเด็ดดับสูญสัง- ขารร่าง เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ายกับดี สาระสำคัญ.......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ คำประพันธ์บทนี้สอน.......................................................................................................................................... ๓. นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้ มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด ทำแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยัน สาระสำคัญ.......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ คำประพันธ์บทนี้สอน......................................................................................................................................... ๔. ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้านแสลงดิน สาระสำคัญ.......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ คำประพันธ์บทนี้สอน..........................................................................................................................................


๕. เห็นท่านมีอย่าเคลิ้ม ใจตาม เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน อุตสาห์พยายาม การกิจ เอาเยี่ยงอย่างเพื่อนบ้าน อย่าท้อทำกิน สาระสำคัญ.......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ คำประพันธ์บทนี้สอน.......................................................................................................................................... ๖. คุณแม่หนักหนาเพี้ยง พสุธา คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร สาระสำคัญ.......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ คำประพันธ์บทนี้สอน.......................................................................................................................................... ๗. อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา สุริยาส่องดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง สาระสำคัญ.......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ คำประพันธ์บทนี้สอน..........................................................................................................................................


เฉลยใบงานเรื่อง การวิเคราะห์วรรณคดีด้านเนื้อหา หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ วิเคราะห์วรรณคดีด้านเนื้อหา รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์คำประพันธ์ต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ๑. สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ บาปเกิดแต่ตนคน เป็นบาป บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง สาระสำคัญ สนิมเหล็กเกิดจากเนื้อเหล็กที่มีมลทิน แล้วกัดกินเนื้อเหล็กจนผูกร่อนคร่ำคร่า ผลบาปหยาบช้า เกิดขึ้นกับตัวคนทำบาปคนทำชั่วก็ย่อมได้รับผลชั่วที่ได้กระทำ เหมือนสนิมเหล็กที่กัดกร่อนตัวเอง คำประพันธ์บทนี้สอน ให้ยึดมั่นในความดี ๒. โคควายวายชีพได้ เขาหนัง เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร ้ คนเด็ดดับสูญสัง- ขารร่าง เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ายกับดี สาระสำคัญ วัวควายเมื่อตายไปก็ยังเหลือเขาและหนังซึ่งยังเป็นประโยชน์แต่คนเราเมื่อตายแล้วร่างกายก็ย่อม สูญสลายทุกอย่างคงเหลือแต่ความชั่ว และความดีที่ได้กระทำไว้เมื่อยังมีชีวิต คำประพันธ์บทนี้สอน ให้ทำความดี ๓. นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้ มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด ทำแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยัน สาระสำคัญ เป็นการเอาธรรมชาติการสร้างรังของนกมาเปรียบเทียบการกระทำของคน นกจะสร้างรังตาม ขนาดตัวของมัน นกตัวเล็กจะสร้างรังขนาดเล็ก มันจะไม่สร้างรังที่ใหญ่เกินตัวมันมาก คนที่ทำการใหญ่เกินตัว คนเขาก็จะหัวเราะเยาะ หรือเย้ยหยัน ทำอะไรก็ควรทำแต่ที่พอดีพอเหมาะกับตัว อย่าทำให้ใครเขามาเย้ยหยัน หรือ สมเพชได้ในภายหลัง คำประพันธ์บทนี้สอน ให้ เป็นผู้รู้จักประมาณตน ๔. ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้านแสลงดิน สาระสำคัญ ความยาวของก้านบัวบอกความลึกตื้นของน้ำ กิริยามารยาทบอกให้ทราบถึงความเป็นไปของชาติ ตระกูลการอบรม คำพูดของคนสามารถแสดงให้รู้ว่าบุคคลนั้นโง่หรือฉลาดชั่ว เหมือนกับหญ้าเหี่ยวแห้งบอกให้ รู้ว่าดินตรงนั้นไม่ดี คำประพันธ์บทนี้สอน ให้รู้จักพิจารณาคน


๕. เห็นท่านมีอย่าเคลิ้ม ใจตาม เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน อุตสาห์พยายาม การกิจ เอาเยี่ยงอย่างเพื่อนบ้าน อย่าท้อทำกิน สาระสำคัญ เห็นคนอื่นมั่งมีทรัพย์สินก็อย่าเผลอใจตามเขา เรายากจนก็ให้สู้อย่าเกียจคร้าน ให้มีความขยัน อดทนเพียรพยายามทำการงาน ดูเพื่อนบ้านแล้วเอามาคิด อย่าท้อถอย ต้องขยันขันแข็งทำมาหากิน คำประพันธ์บทนี้สอน ให้เป็นผู้รู้จักประมาณตน ๖. คุณแม่หนักหนาเพี้ยง พสุธา คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร สาระสำคัญ พระคุณของแม่นั้นมีมากเหมือนกับผืนแผ่นดิน พระคุณของพ่อยิ่งใหญ่เทียบได้กับท้องฟ้า พระคุณของพี่เทียบได้กับภูเขาใหญ่ส่วนพระคุณของอาจารย์นั้นหากจะเปรียบก็ได้กับมหาสมุทร คำประพันธ์บทนี้สอน ให้รู้จักกตัญญู ๗. อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา สุริยาส่องดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง สาระสำคัญ คนที่พูดจาอ่อนหวานย่อมมีเพื่อนชอบคบค้าสมาคม เหมือนกับ ดวงจันทร์(ศศิ) ที่ส่องแสง นวลเย็นต่างมีดาวมารายรอบ ส่วนคนพูดจากระด้างหยาบคาย ย่อมไม่มีใครคบค้าสมาคมเหมือนความร้อนแรง ของดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงดาวลับหาย คำประพันธ์บทนี้สอน ให้พูดจาสุภาพไพเราะ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๐ การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานสังคม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนํามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ “สังคม” หมายถึง ชนชาติและชุมชนที่รวมกันอยู่ภายใต้การปกครองในกรอบวัฒนธรรมเดียวกัน สังคมเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะมนุษย์ต้องอยู่ร่วมกัน มีขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและค่านิยมร่วมกัน การ วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมในวรรณคดีวรรณกรรม สามารถวิเคราะห์ได้หลายแง่มุม ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับการวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานสังคม ๓.๒ นักเรียนวิเคราะหคุณคาดานสังคมจากวรรณคดีได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความรูเกี่ยวกับการวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานสังคมจากวรรณคดี ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูใหนักเรียนอานโคลงโลกนิติพรอมกัน ดังนี้ คุณแมหนักหนาเพี้ยง พสุธา คุณบิดรดุจอา- กาศกวาง คุณพี่พางศิขรา เมรุมาศ คุณพระอาจารยอาง อาจสูสาคร ครูซักถามนักเรียนวาจากโคลงบทขางตนผูแตงกลาวถึงใครบาง และแตละบุคคลมี ความสําคัญอยางไรตอชีวิตนักเรียนจากนั้นครูอธิบายถึงลักษณะสถาบันครอบครัวของสังคมไทยและคานิยมที่ คนไทยมีตอผูมีพระคุณ แลวเชื่อมโยงถึงเรื่องการวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานสังคม


ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง วิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานสังคม โดยมีครูเปนผูอธิบาย เนื้อหาใหเขาใจมากยิ่งขึ้น ๒. นักเรียนทําใบงานที่ ๑ วิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานสังคม จากนั้นครูและนักเรียนเฉลยและ อธิบายคําตอบพรอมกัน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับคุณคาดานสังคมในโคลงโลกนิติที่ยังปรากฏอยู่ใน ปัจจุบัน เชน คานิยมในเรื่องความกตัญ ู เพื่อใหนักเรียนเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ใบความรูเรื่อง เรื่องวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานสังคม ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านสังคม สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านสังคม ทำใบงานเรื่อง วิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านสังคม ใบงานเรื่อง วิเคราะห์ คุณค่าวรรณคดีด้านสังคม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านสังคม หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านสังคม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำว่า “สังคม” หมายถึง ชนชาติและชุมชนที่รวมกันอยู่ภายใต้การปกครองในกรอบวัฒนธรรม เดียวกันสังคมเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะมนุษย์ต้องอยู่ร่วมกัน มีขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อและค่านิยม ร่วมกัน การวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมในวรรณคดีวรรณกรรม สามารถวิเคราะห์ได้หลายแง่มุม ดังนี้ ด้านชีวิตความเป็นอยู่ หมายถึง ลักษณะความเป็นไปของการดำเนินชีวิต เช่น ที่อยู่อาศัย การ ประกอบอาชีพ เช่น ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย ทั้งของสวนล้วนเรืออยู่เรียงราย พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน แสดงให้เห็นถึงสภาพการตั้งถิ่นฐานของคนไทยในอดีตไว้ว่ามักสร้างตามริมน้ำ โดยเฉพาะในย่านชุมชน ขนาดใหญ่จะมีเรือสินค้าจอดเรียงราย ดังมีตัวอย่างปรากฏในบทกลอนตอนหนึ่งซึ่งกล่าวถึง ตลาดขวัญ โดยปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนนทบุรี ด้านการปกครอง หมายถึง ลักษณะการเมืองการปกครองและการใช้กฎหมายบ้านเมืองในช่วงสมัย นั้น ๆ เช่น การปกครองโดยระบบกษัตริย์เป็นใหญ่มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจ เช่น “ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร ฟังทูลตามคำลูกขุนว่า” “วันทองส่งคืนขุนแผนไป ตามในพระราชกฤษฎีกา” ในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีตัวบทกฎหมายที่แน่นอน เมื่อมีคดีความอะไรก็ต้องอาศัยพระราชวินิจฉัยของ พระมหากษัตริย์ ด้านวัฒนธรรม หมายถึง รูปแบบของกิจกรรมมนุษย์ที่เด่นชัดและมีความสำคัญ วิถีการดำเนินชีวิต เช่น การแต่งกาย การกิน มหรสพต่าง ๆ การละเล่น และการเล่นดนตรีเช่น ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน บ้างขึ้นล่องร้องรำเล่นสำราญ ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสามเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู การละเล่นและงานมหรสพพื้นบ้าน ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยนั้น และจัดขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญ ประจำปีอาทิงานฉลองผ้าป่าที่วัดพระเมรุ มีการประดับประดาโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วบริเวณงาน และยังมี การขับเสภาและร้องเพลงเรือเกี้ยวกันระหว่างหนุ่มสาวชาวบ้าน


ด้านขนบธรรมเนียมประเพณีขนบธรรมเนียมประเพณีไทยเป็นคำที่ใช้เรียกรวมกัน ซึ่งมีความหมาย ว่าสิ่งที่สังคมไทยประพฤติปฏิบัติต่อเนื่องสืบกันมาเป็นเวลานาน จนยึดถือกันในจิตใจว่าต้องปฏิบัติเช่นนั้น จึง จะเกิดความสุขความเจริญ เช่น สะธุสะจะขไหว้ พระศรีไตรสรณา พ่อแม่คือครูบา เทวดาในราศรี (กาพย์พระไชยสุริยา : พระสุนทรโวหาร) จากคำประพันธ์ข้างต้น แสดงความเคารพในสิ่งที่ควรเคารพ การแสดงความเคารพศรัทธาในพระ รัตนตรัย พ่อแม่ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศัย (นิราศภูเขาทอง : พระสุนทรโวหาร) จากคำประพันธ์ข้างต้น กล่าวถึงการทอดกฐินก่อนออกจากการจำพรรษา ในวันออกพรรษา ด้านค่านิยม หมายถึง แนวความคิด ความเชื่อ ที่บุคคลในสังคมยึดถือเป็นเครื่องตัดสินใจและ กำหนดการกระทำของตนเอง เช่น ขึ้นใหม่ในกน ก กา ว่าปน ระคนกันไป เอ็นดูภูธร มานอนในไพร มณฑลต้นไทร เเทนไพชยนต์สถาน ส่วนสุมาลีวันทาสามีเทวีอยู่งาน เฝ้าอยู่ดูเเล เหมือนเเต่ก่อนกาล ให้พระภูบาล สำราญวิญญา พระชวนนวลนอน เข็ญใจไม้ขอน เหมือนหมอนเเม่นา ภูธรสอนมนต์ให้บ่นภาวนา เย็นค่ำร่ำว่า กันป่าภัยพาล (กาพย์พระไชยสุริยา : พระสุนทรโวหาร) จากคำประพันธ์ข้างต้น กล่าวถึงสามีภรรยายามตกทุกข์ได้ยากต้องไม่ทอดทิ้งกัน ภรรยาต้องให้ความ เคารพและปรนนิบัติสามีทั้งยามทุกข์และยามสุข สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ บาปเกิดแต่ตนคน เป็นบาป บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง (โคลงโลกนิติ: สมเด็จพระเจา้บรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร) จากคำประพันธ์ข้างต้น กล่าวถึงการยึดมั่นในศีลธรรมหรือความดีและเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม คือ การทำดีย่อมได้รับผลเป็นความดีการทำชั่วย่อมได้รับผลเป็นความชั่ว และความชั่วนั้นย่อมกัดกร่อนจิตใจและ ให้ผลร้ายแก่คนที่กระทำความชั่วการยึดมั่นในศีลธรรมหรือความดีและเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม คือ การทำดี ย่อมได้รับผลเป็นความดีการทำชั่วย่อมได้รับผลเป็นความชั่ว และความชั่วนั้นย่อมกัดกร่อนจิตใจและให้ผลร้าย แก่คนที่กระทำความชั่ว “...เห็นศึกจีนจะกำเริบยกล่องเลยลงไปติดกรุงหงสาวดีด้วยเป็นมั่นคง ตัวเราเล่าก็ต้องจองจำตรากตรำ อยู่ถ้าเสียกรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่ จำเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได้...” (ราชาธิราช : เจ้าพระยาพระคลัง (หน)) จากข้อความข้างต้น กล่าวถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์สมิงพระรามแม้จะอาสารบ ให้กับพระเจ้าอังวะ แต่โดยใจจริงแล้วก็ทำเพื่อบ้านเมืองของตนและยังคงจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ของตน เสมอ ดังความตอนหนึ่งว่า


ด้านความเชื่อ หมายถึง ความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมที่ยึดมั่น และยอมรับในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจมี เหตุผลหรือไม่มีเหตุผลก็ได้เช่น เชื่อเรื่องผีหรือเทวดา จิตวิญญาณ การระลึกชาติเชื่อกฎแห่งกรรม ไสยศาสตร์ ลางบอกเหตุ เช่น ความเชื่อถือในเรื่องฤกษ์เช่น ตอนพระเจ้ากรุงต้าฉิงยกทัพมายังกรุงรัตนบุระอังวะต้องรอให้ได้ฤกษ์ดี ก่อนจะยกทัพมาได้ดังความว่า “...พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็พระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัดพระพยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับ ประมาณมิได้ครั้นได้ศุภฤกษ์แล้วพระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระที่นั่งยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ...” (ราชาธิราช : เจ้าพระยาพระคลัง (หน)) ความเชื่อเรื่องพุทธศาสนา เช่น การทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เชื่อเรื่องเวรกรรมว่ามีอยู่จริงๆ ความ เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง (นิราศภูเขาทอง : พระสุนทรโวหาร) จากคำประพันธ์ข้างต้น กล่าวถึงความเชื่อของคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่มักเกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องนรก-สวรรค์อาทิความเชื่อที่ว่าหากใครคบชู้คือ ประพฤติตนผิดศีลข้อ ๓ ตามหลักศีล ๕ เมื่อตายไป ผู้นั้นจะตกนรกและต้องปีนต้นงิ้วซึ่งมีหนามยาวและแหลมคม


ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์วรรณคดีด้านสังคม หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ วิเคราะห์วรรณคดีด้านสังคม รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านคำประพันธ์ที่กำหนดให้แล้วอธิบายว่าสะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเรื่องใด อย่างไร ๑. ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร ........................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. พอกราบพระปะดอกประทุมชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองช้อนเชิญองค์ลงนาวา กับหนูพัดมัสการสำเร็จแล้ว ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา ไปปะตาตันอกยิ่งตกใจ แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมาน้ำตาไหล โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล เสียน้ำใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร .......................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร ........................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


๔. ความรู้ดูยิ่งล้ำ สินทรัพย์ คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้ เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต มานา โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอา บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร ........................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. เฝ้าท้าวไทอย่าทรนง ภักดีจงอย่าเกียจ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ นอบนบใจใสสุทธิ์ บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร ........................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์วรรณคดีด้านสังคม เฉลยหน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ วิเคราะห์วรรณคดีด้านสังคม รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านคำประพันธ์ที่กำหนดให้แล้วอธิบายว่าสะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเรื่องใด อย่างไร ๑. ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร สะท้อนเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยซึ่งพระองค์ปกครองเมืองกรุงเทพฯ พระองค์ได้พระราชทานนามเมืองจากสามโคก ซึ่งเป็นหัวเมืองชั้นสามเป็นเมืองปทุมธานีเป็นเพราะมีบัวมาก ๒. พอกราบพระปะดอกประทุมชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองช้อนเชิญองค์ลงนาวา กับหนูพัดมัสการสำเร็จแล้ว ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา ไปปะตาตันอกยิ่งตกใจ แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมาน้ำตาไหล โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล เสียน้ำใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร การเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เรื่องเกี่ยวกับ พระธาตุคนที่มีบุญวาสนาเท่านั้น ที่จะได้ครอบครองพระธาตุ ๓. ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร สะท้อนให้เห็นการประกอบอาชีพทำให้เห็นว่า ญวนในสมัยนั้นเลี้ยงชีพด้วยการทำประมง ๔. ความรู้ดูยิ่งล้ำ สินทรัพย์ คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้ เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต มานา โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอา บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร สะท้อนค่านิยม เรื่องการศึกษาเล่าเรียน ให้เห็น คุณค่าของความรู้ที่สูงส่งและไม่มีใครแย่งชิงไปได้


๕. เฝ้าท้าวไทอย่าทรนง ภักดีจงอย่าเกียจ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ นอบนบใจใสสุทธิ์ บทประพันธ์นี้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมเป็นอย่างไร สะท้อนค่านิยมเทิดทูนและจงรักภักดีต่อ พระมหากษัตริย์


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๑ วิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป์ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนํามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ วรรณคดีวรรณกรรมเรื่องหนึ่ง ๆ กวีจะใช้กลวิธีต่าง ๆ เพื่อทำให้วรรณคดีหรือวรรณกรรมนั้นมีคุณค่า น่าสนใจ ซึ่งทำให้งานเขียนนั้นมีความงาม ความไพเราะ และมีความหมายเป็นที่จับใจของผู้อ่าน ดังนั้นกวี จะต้องคิดกลวิธีการประพันธ์ให้งานนั้นออกมาอย่างเหมาะสม เพื่อสื่อทั้งความหมายและความไพเราะงดงาม ด้วยกลวิธีการประพันธ์ที่สำคัญที่จะต้องนำมาใช้ คือ การเล่นเสียง การเล่นคำ การใช้ภาพพจน์ โวหารและรส วรรณคดี ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับการวิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลป์ ๓.๒ นักเรียนวิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลปจากวรรณคดีได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป์ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูใหนักเรียนทั้งหองอานโคลงตอไปนี้ รักกันอยูขอบฟา เขาเขียว เสมออยูหอแหงเดียว รวมหอง ชังกันบแลเหลียว ตาตอ กันนา เหมือนขอบฟามาปอง ปาไม มาบัง


จากนั้นซักถามนักเรียนเปนรายบุคคลวาโคลงขางตนมีกลวิธีหรือถอยอยางไรใหคําประพันธนี้มี ความหมายลึกซึ้ง จากนั้นครูอภิปรายถึงลักษณะของการใชคําเปรียบเทียบ แลวเชื่อมโยงเขาสูเรื่องการวิเคราะห คุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป โดยมีครูเปนผู อธิบายความรูเพิ่มเติม ๒. นักเรียนสรุปความรูเรื่องการวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลปในรูปแบบของแผนภาพ ความคิด ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่องการวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป์ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ ใบความรูเรื่อง การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป์ ๖.๒ ใบงานเรื่อง การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป์ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านวรรณศิลป์ สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านวรรณศิลป์ ๑. ประเมินแผนภาพ ความคิด ๒. ทำใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้าน วรรณศิลป์ ๑. แบบประเมนิ แผนภาพความคิด ๒. ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านวรรณศิลป์ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านวรรณศิลป์ หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านวรรณศิลป์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ วรรณคดีวรรณกรรมเรื่องหนึ่ง ๆ กวีจะใช้กลวิธีต่าง ๆ เพื่อทำให้วรรณคดีหรือวรรณกรรมนั้นมีคุณค่า น่าสนใจ ซึ่งทำให้งานเขียนนั้นมีความงาม ความไพเราะ และมีความหมายเป็นที่จับใจของผู้อ่าน ดังนั้นกวี จะต้องคิดกลวิธีการประพันธ์ให้งานนั้นออกมาอย่างเหมาะสม เพื่อสื่อทั้งความหมายและความไพเราะงดงาม ด้วยกลวิธีการประพันธ์ที่สำคัญที่จะต้องนำมาใช้คือ การเล่นเสียง การเล่นคำ การใช้ภาพพจน์โวหารและรส วรรณคดีซึ่งมีรายละเอียดดัง ต่อไปนี้ ๑. การเล่นเสียง การเล่นเสียง คือ การสรรคำให้มีเสียงสัมผัสเป็นพิเศษกว่าปกติเพื่อให้เกิดทานองเสียงที่ไพเราะน่าฟัง มีทั้งการเล่นเสียงพยัญชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ดังนี้ ๑.๑ การเล่นเสียงพยัญชนะ คือ การใช้คำที่มีเสียงพยัญชนะเสียงเดียวกันหลายพยางค์ติด ๆ กันไปใน คำประพันธ์เช่น “ดูน้ำวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน” เล่นเสียงพยัญชนะ ได้แก่ฉอก – ฉาด – ฉัด ฉวัด – เฉวียน ๑.๒ การเล่นเสียงสระ คือ การใช้คำคล้องจองที่มีเสียงสระเดียวกัน ถ้ามีตัวสะกดก็ต้องเป็นตัวสะกด ในมาตราเดียวกัน เช่น “อย่าตีปลาหน้าไซ” เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ ปลา-หน้า “อย่ากอปรจิตริษยา” เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ จิต-ริษ(ยา) ๑.๓ การเล่นเสียงวรรณยุกต์คือ การใช้คำที่ไล่ระดับเสียง ๒ หรือ ๓ ระดับเป็นชุด ๆ ไป เช่น บัวตูมตุมตุ่มตุ้ม กลางตม สูงส่งทงทานลม ล่มล้ม แมลงเม้าเม่าเมาฉม ซมซราบ รูรู่รู้ริมก้ม พาดไม้ไทรทอง เขาขันคูคู่คู้ เคียงสอง (โคลงอักษรสามหมู่ : พระศรีมโหสถ) เล่นเสียงวรรณยุกต์ตุม-ตุ่ม-ตุ้ม, ล่ม-ล้ม, เมา-เม่า-เม้า, รู-รู่-รู้, คู-คู่-คู้ ๒. การเล่นคำ การเล่นคำ คือ การสรรคำมาเรียงร้อยในคำประพันธ์โดยใช้คำที่มีเสียงเดียวกันในความหมายต่าง ๆ มาพรรณนา เป็นวิธีการเล่นคำทำให้ไพเราะน่าฟังยิ่งขึ้น อาจช่วยสร้างอารมณ์ขันบันเทิงใจให้ผู้อ่านและผู้ฟัง ดังตัวอย่าง ผลจากเจ้าลอยแก้ว บอกความแล้วจากจำเป็น จากช้ำน้ำตากระเด็น เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) การเล่นคำ “จาก” ผลจาก จาก จากซ้ำ


๓. การใช้ภาพพจน์ การใช้ภาพพจน์เป็นกลวิธีในการใช้ภาษาอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีการเลือกใช้ถ้อยคำเพื่อให้ผู้รับสารนึกเห็น ภาพของ สิ่งที่ผู้ส่งสารนำเสนอ กล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เป็นการใช้ถ้อยคำแทนภาพนั่นเอง ภาพพจน์ที่ปรากฏ ในวรรณคดีที่นิยมใช้กันบ่อย ๆ ได้แก่อุปมา (simile) อุปลักษณ์(metaphor) บุคลาธิษฐาน (personification)อธิพจน์(hyperbole) และสัทพจน์(onomatopoeia) ๓.๑ อุปมา หมายถึง การเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนหรือคล้ายกับอีกสิ่งหนึ่ง จะมีคำว่า เหมือน ราว ราวกับ ดุจ เฉก ปูน เพียง ประดุจ ดัง กล ประหนึ่ง เช่น อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา สุริยส่องแสงดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง (โคลงโลกนิติ: สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร) ๓.๒ อุปลักษณ์หมายถึง เป็นการเปรียบเทียบเหมือนกัน แต่เป็นการเปรียบเทียบ สิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่ง หนึ่ง อุปลักษณ์จะไม่กล่าวโดยตรงเหมือนอุปมา แต่ใช้วิธีกล่าวเป็นนัย ให้เข้าใจเอาเอง คำที่ใช้เปรียบ คำว่า คือ เป็น หรือไม่ปรากฏคำเชื่อม เช่น เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุมุรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลในอาวรณ์ มกลางทรวง (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาศัย เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ (อิศรญาณภาษิต : หม่อมเจ้าอิศรญาณ) ๓.๓ บุคคลวัตหรือบุคลาธิษฐาน หมายถึง การเปรียบเทียบที่นำเอาพฤติกรรม และอาการบางอย่าง ของมนุษย์ไปใส่ในสัตว์สิ่งของ ความคิดหรือธรรมชาติประดุจหนึ่งว่าแสดงอาการได้เหมือนคน เช่น ทะเลไม่ เคยหลับ คลื่นจูบหิน ลมถีบประตูฟ้าหัวเราะข้า หรือบทกวีที่ว่า สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย ประนอมประนมชัย (บทพากย์เอราวัณ : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) กวีเปรียบเทียบว่า ภูเขาทั้งหลายต่างค้อมศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพ เมื่อเห็นขบวนเสด็จของ องค์อมรินทร์ ๓.๔ อติพจน์หมายถึง การกล่าวเกินจริงเป็นการบรรยายที่ขยายให้เห็นเด่นชัดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มากกว่าความเป็นจริงโดยมุ่งไปที่อารมณ์ความรู้สึกที่มีมากกว่าถ้อยคำ เช่น รักคุณเท่าฟ้า คอแห้งเป็นผง ถ้าฉัน มีสิบหน้าอย่างทศกัณฐ์สิบหน้านั้นฉันจะหันมายิ้มให้เธอ คิดถึงเธอใจจะขาดแล้ว หรือบทกวีที่ว่า ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง (นิราศภูเขาทอง : พระสุนทรโวหาร) ๓.๕ สัทพจน์หมายถึง การเปรียบเทียบด้วยการเลียนเสียงหรือแสดงลักษณะอาการต่าง ๆ ทำให้รู้สึก เหมือนได้ยินเสียงของสิ่งนั้น ๆ เช่น


ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย ไม้เรียวเจียวเหวย กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว (กาพย์พระไชยสุริยา : พระสุนทรโวหาร) คำว่า “ขวาบเขวียว” เป็นคำเลียนเสียงของไม้เรียวเมื่อแหวกอากาศมากระทบผิวหนัง


ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านวรรณศิลป์ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ วิเคราะห์วรรณคดีด้านวรรณศิลป์ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนจับคู่คำประพันธ์และภาพพจน์ที่กำหนดให้ให้ถูกต้อง ก. อุปมา ข. อุปลักษณ์ค. สัทพจน์ง. อติพจน์จ. บุคคลวัต ............. ๑. เถาตำลึงริมรั้วก็ยั่วทัก กระถินฝักดอกแคก็แย้มค่อย มะรุมรอมะละกอก็รอคอย ใบหม่อนไหมน้อยก็ตื่นตัว ............. ๒. บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา ............. ๓. อันทุกข์โศกโรคภัยในมนุษย์ ไม่รู้สุดสิ้นลงที่ตรงไหน เหมือนกงเกวียนกำเกวียนเวียนระไว จงหักใจเสียเถิดเจ้าเยาวมาลย์ ............. ๔. คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก ............. ๕. ยิ้มเด็กคือยิ้มโลก บรรเทาโศกด้วยยิ้มฝัน ............. ๖. อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย ............. ๗. เรามีนาวาทิพย์ทำด้วยมุกดา มีความปรารถนาเป็นใบ มีความอำเภอใจเป็นหางเสือ ............. ๘. มะนาวน้อยอย่าพลอยไปเหลิงเล่น ตะวันเย็นลงไปจะไม่แจ้ง ผักชียี่หร่าไยตาแดง ตะกร้าเก่านอนตะแคงเฝ้าคอยดู ............. ๙. คอแห้งเป็นผง ............. ๑๐. เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋นแปร๋น กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริ่นหย้าน ฮูมฮูมอู่มอึงแสน สนั่นรอบ ขอบแฮ คึกคึกทึกสะเทือนสะท้าน ถิ่นไม้ไพรพรรณ


เฉลยใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีด้านวรรณศิลป์ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ วิเคราะห์วรรณคดีด้านวรรณศิลป์ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนจับคู่คำประพันธ์และภาพพจน์ที่กำหนดให้ให้ถูกต้อง ก. อุปมา ข. อุปลักษณ์ค. สัทพจน์ง. อติพจน์จ. บุคคลวัต จ ๑. เถาตำลึงริมรั้วก็ยั่วทัก กระถินฝักดอกแคก็แย้มค่อย มะรุมรอมะละกอก็รอคอย ใบหม่อนไหมน้อยก็ตื่นตัว ค ๒. บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา ก ๓. อันทุกข์โศกโรคภัยในมนุษย์ ไม่รู้สุดสิ้นลงที่ตรงไหน เหมือนกงเกวียนกำเกวียนเวียนระไว จงหักใจเสียเถิดเจ้าเยาวมาลย์ ง ๔. คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก ข ๕. ยิ้มเด็กคือยิ้มโลก บรรเทาโศกด้วยยิ้มฝัน ก ๖. อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย ข ๗. เรามีนาวาทิพย์ทำด้วยมุกดา มีความปรารถนาเป็นใบ มีความอำเภอใจเป็นหางเสือ จ ๘. มะนาวน้อยอย่าพลอยไปเหลิงเล่น ตะวันเย็นลงไปจะไม่แจ้ง ผักชียี่หร่าไยตาแดง ตะกร้าเก่านอนตะแคงเฝ้าคอยดู ง ๙. คอแห้งเป็นผง ค ๑๐. เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋นแปร๋น กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริ่นหย้าน ฮูมฮูมอู่มอึงแสน สนั่นรอบ ขอบแฮ คึกคึกทึกสะเทือนสะท้าน ถิ่นไม้ไพรพรรณ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ วรรณคดีสอนชีวิต เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๒ วิเคราะหคุณคาจากวรรณคดี เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนํามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ การวิเคราะห์ หมายถึง การพิจารณาตรวจตรา แยกแยะและประเมินค่า ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ วิเคราะห์ในการนำไปแสดงความคิดเห็น อภิปรายข้อเท็จจริงให้ผู้อื่นทราบ ด้วยว่าใครเป็นผู้แต่ง เป็นเรื่อง เกี่ยวกับอะไร มีประโยชน์อย่างไร ต่อใครบ้าง ผู้วิเคราะห์ มีความเห็นอย่างไร เรื่องที่อ่านมีคุณค่าด้านใดบ้าง และแต่ละด้านสามารถนำไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับการวิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลป์ ๓.๒ นักเรียนวิเคราะหคุณคาเนื้อหาจากวรรณคดีได ๓.๓. นักเรียนวิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลปจากวรรณคดีได ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๒ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๔.๑ การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป์ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูยกตัวอยางบทประพันธที่วา ไปพนวัดทัศนาริมทาน้ำ แพประจําจอดรายเขาขายของ มีแพรผาสารพัดสีมวงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสําเภา และซักถามนักเรียนวา บทประพันธบทนี้มีคุณคาดานใดบาง(คุณคาดานเนื้อหา สะทอนสภาพ บานเมืองและสังคม,คุณคาดานวรรณศิลป การเลนเสียงเสียงสระ วัด-ทัศ, นา-ทา, ราย-ขาย, เหลือง-เครื่อง เสียงพยัญชนะ จํา-จอด, เขา-ขาย-ของ, ของ-ขาว)


ขั้นสอน ๑. ครูซักถามนักเรียน หลักการพิจารณาคุณคาวรรณคดี ๒. แบงกลุมใหนักเรียนวิเคราะหคุณคาวรรณคดีในใบงานเรื่องการวิเคราะหคุณคาวรรณคดี ๓. นักเรียนนําเสนอผลงาน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น ๔. นักเรียนทําแบบทดสอบเรื่องการวิเคราะหคุณคาวรรณคดี ๕. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจแบบทดสอบ ขั้นสรุป นักเรียนแลครูรวมกันสรุปความรูเรื่องการวิเคราะหคุณคาวรรณคดี ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ ใบความรูเรื่อง การวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดานวรรณศิลป ๖.๒ ใบงานเรื่อง การวิเคราะหคุณคาวรรณศิลป์ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการวิเคราะห์ คุณค่าวรรณคดี ด้านวรรณศิลป์ สังเกตพฤติกรรม การเรียนรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรายกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ การวิเคราะห์คุณค่า วรรณคดีด้านวรรณศิลป์ ๑. นำเสนอผลงาน ใบงาน เรื่อง การ วิเคราะห์ คุณค่าวรรณคดี ๒. ทำแบบทดสอบ ๑. ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าโคลง โลกนิติด้านวรรณศิลป์ ๒. ทำแบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงาน เรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ เรื่องวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มที่ ................. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. คำชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีจากคำประพันธ์ที่กำหนด คุณแม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร คุณค่าวรรณคดีด้าน ......................................................................................................................................... ดังนี้............................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... คุณค่าวรรณคดีด้าน ......................................................................................................................................... ดังนี้............................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................


ใบงาน เรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี หน่วยที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ เรื่องวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มที่ ................. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. ชื่อ-สกุล .........................................................................................ชั้น ม. ๑/................เลขที่ ............. คำชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีจากคำประพันธ์ที่กำหนด คุณแม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร คุณค่าวรรณคดีด้านเนื้อหาและด้านสังคม โคลงโลกนิติบทนี้มีเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็น ค่านิยม จริยธรรม ในเรื่องความกตัญญู คุณค่าวรรณคดีด้านวรรณศิลป์ ดังนี้ ๑. เล่นคำ คือซ้ำคำต้นบาท คำว่า “คุณ” ๒. ภาพพจน์โวหาร คืออุปมา มีคำเปรียบเทียบ ได้แก่ เพี้ยง ดุจ พ่าง ๓. เล่นเสียง เล่นเสียงพยัญชนะ หนา-หนัก, บิดร-ดุจ, พี่-พ่าง, เมรุ-มาศ, อา-อ้าง, สู้-สา


แบบทดสอบเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียวเท่านั้น ๑. พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง ข้อใดเป็นลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้างต้น ก. การเล่นคำ ข. การใช้คำหนักเบา ค. การใช้ความเปรียบ ง. การเลียนเสียงธรรมชาติ ๒. ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ เที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพ้อง อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง โคลงโลกนิติบทนี้สอนเรื่องใด ก. ให้รู้จักอดทน ข. ให้รู้จักรักศักดิ์ศรี ค. ให้รู้จักประมาณตน ง. ให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง ๓. ประพันธ์ใดแสดงความเชื่อของสังคมไทย ก. สายติ่งแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาขาวดั่งดาวพราย ข. อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น เป็นที่เล่นนาวาคงคาไหล ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได คงคาลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน ค. งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง ง. แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง ในทุ่งกว้างเห็นแต่แขมแซมสลอน จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม ๔. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้ภาพพจน์กี่แห่ง ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน ดุจดั่งคนใจร้าย นอกนั้นดูงาม ก. ๑ แห่ง ข. ๒ แห่ง ค. ๓ แห่ง ง. ๔ แห่ง


๕. ข้อใดมีจินตภาพของความเคลื่อนไหว ก. หัวลิงหมากลางลิง ต้นลางลิงแลหูลิง ข. ไก่ฟ้าอ้าสดแสง หัวสุดแดงแทงเดือยแนม ค. ยูงทองย่องเยื้องย่าง รำรางชางช่างฟายหาง ง. เลียงผาอยู่ภูเขา หนวดพรายเพราเขาแปล้ปลาย ๖. คำประพันธ์ในข้อใดใช้โวหารอุปมา ก. พสุธาอาศัยไม่มีราชานารีอยู่ที่พระแกลแลดู ข. เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง เริงร้องซ้องเสียง สำเนียงน่าฟังวังเวง ค. ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง อีเก้งเริงร้องลองเชิง ง. กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง ๗. ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคาขาน ควรทราบ หย่อมญ่าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน บทร้อยกรองข้างต้น มุ่งสอนเรื่องใดเป็นสำคัญ ก. สอนให้รู้จักประมาณตน ข. สอนให้ยึดมั่นในความดี ค. สอนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม ง. สอนให้พิจารณาคนและรู้จักการคบเพื่อน ๘. ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้ ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา บทร้อยกรองข้างต้น มีความโดดเด่นด้านวรรณศิลป์ตรงกับข้อใด ก. การเล่นคำ ข. การเล่นเสียงสระ ค. การเล่นเสียงพยัญชนะ ง. การเล่นเสียงวรรณยุกต์ ๙. “...พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัด พยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับประมาณมิได้ ครั้งได้ศุภฤกษ์แล้ว พระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระที่นั่งยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ...” จากข้อความข้างต้น มีเนื้อหาสะท้อนความเชื่อในข้อใด ก. ความเชื่อในเรื่องการจัดทัพ ข. ความเชื่อในเรื่องฤกษ์ยาม ค. ความเชื่อในเรื่องการนาเรือมารบ ง. ความเชื่อด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ๑๐. ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ บทร้อยกรองข้างต้น ปรากฏคุณค่าด้านวรรณศิลป์สอดคล้องกับข้อใด


ก. การใช้โวหารเกินจริง ข. การเล่นเสียงพยัญชนะ ค. การเล่นเสียงวรรณยุกต์ ง. การใช้โวหารเปรียบเทียบ เฉลยแบบทดสอบเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี ๑. ง ๒. ข ๓. ค ๔. ข ๕. ค ๖. ง ๗. ง ๘. ก ๙. ข ๑๐. ก


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑ การอานออกเสียงรอยกรอง เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง เป็นการอ่านที่มุ่งให้เกิดความเพลิดเพลิน ซาบซึ้งในรสของบท ประพันธ์ ซึ่งต้องอ่านอย่างมีจังหวะ ลีลา และท่วงทำนองตามลักษณะคำประพันธ์แต่ละชนิด มีวิธีออกเสียงได้ 2 อย่าง คือ ออกเสียงอย่างการอ่านร้อยแก้ว และออกเสียงเป็นทำนองเสนาะ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกหลักการอานออกเสียงบทรอยกรอง ๓.๒ นักเรียนบอกหลักการอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ๓.๓ นักเรียนอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ไดถูกตองเหมาะสม ๓.๔ นักเรียนอานออกเสียงทํานองเสนาะบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพได้ ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ หลักการอานออกเสียงบทรอยกรอง ๔.๒ การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูนําบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพใหนักเรียนดู แกงไกมัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย หอมยี่หรารสฉุน เฉียบรอน ชายใดบริโภคภุญช พิศวาส หวังนา แรงอยากยอหัตถขอน อกใหหวนแสวง ฯ ครูซักถามนักเรียนวาบทรอยกรองที่ปรากฏเปนคําประพันธชนิดใด


๒. ครูใหนักเรียนอานบทรอยกรองขางตนพรอมกัน แลวจึงเชื่อมโยงการอานออกเสียงรอยกรอง ประเภทโคลงสี่สุภาพ ขั้นสอน ๑. ครูใหนักเรียนที่สมัครใจ ๑- ๒ คน ชวยกันแบงวรรคโคลงสี่สุภาพ แกงไก/มัสมั่นเนื้อ// นพคุณ/ พี่เอย// หอมยี่/หรารสฉุน// เฉียบรอน// ชายใด/บริโภคภุญช// พิศวาส/ หวังนา// แรงอยาก/ยอหัตถขอน// อกให/หวนแสวง ฯ// ๒. แบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ ๔ คน ศึกษาใบความรูเรื่องหลักการอานออกเสียงบทร้อย กรอง ๓. นักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปลงในใบงานการอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่ สุภาพ ๔. ครูใหตัวแทนกลุมนําเสนอผลงานการสรุปตามใบงานและอานออกเสียงรอยกรองประเภท โคลงสี่สุภาพ ตามที่กําหนด ๕. ครูและนักเรียนอานทํานองเสนาะบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพพรอมกัน และซักถาม นักเรียนเกี่ยวกับหลักการอานออกเสียงรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ขั้นสรุป ๑. ครูและนักเรียนสรุปการอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพและรวมกันสรุป ความเขาใจ พรอมทั้งเฉลยใบงาน ๒. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจเกี่ยวกับการอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่ สุภาพและแนะนําเทคนิคการออกเสียง (การเอื้อนเสียงสูงที่เปนเสียงจัตวา) ที่ถูกตองเพื่อใหนักเรียนนําไปฝึก อ่าน ๓. นักเรียนบันทึกขอเสนอแนะและคนควาบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพที่นักเรียนชอบ จํานวน ๔ บทเพื่อฝกซอมการอานโคลงสี่สุภาพเพื่อประเมินการอานเปนรายบุคคลตามแบบประเมินที่ครูแจก ให้ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ power point บทร้อยกรองโคลงสี่สุภาพ ๖.๔ ใบความรู้เรื่องหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ๖.๕ ใบงานการอ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ หลักเกณฑ์ในการอ่าน บทร้อยกรอง ประเมินการทำ กิจกรรมกลุ่ม แบบประเมินการทำ กิจกรรมกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ออกเสียงร้อยกรอง ประเภทโคลงสี่สุภาพ ประเมินการอ่าน ออกเสียงร้อยกรอง แบบประเมินการอ่าน ออกเสียงร้อยกรอง ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง หลักการอ่านออกเสียงร้อยกรอง หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง เป็นการอ่านที่มุ่งให้เกิดความเพลิดเพลิน ซาบซึ้งในรสของบท ประพันธ์ซึ่งต้องอ่านอย่างมีจังหวะ ลีลา และท่วงทำนองตามลักษณะคำประพันธ์แต่ละชนิด มีวิธีออกเสียงได้๒ อย่าง คือ ออกเสียงอย่างการอ่านร้อยแก้ว และออกเสียงเป็นทำนองเสนาะ ๑. การอ่านออกเสียงอย่างการอ่านร้อยแก้ว ต้องคำนึงถึงวรรคและจังหวะคำภายในวรรคของ คำประพันธ์แต่ละชนิด ๒. การอ่านออกเสียงร้อยกรองอย่างทำนองเสนาะ มีหลักเกณฑ์ดังนี้ ๑) ใช้ทำนองตามชนิดของคำประพันธ์ ๒) ออกเสียงตามแผนบังคับของคำประพันธ์แต่ละชนิด บางครั้งต้องรวบคำหลายพยางค์ให้ สั้นลงให้พอดีกับจำนวนคำตามแผนบังคับ ๓) คำท้ายบาทและท้ายบทที่เป็นเสียงจัตวาเอื้อนเสียงสูงเป็นพิเศษ หลักการอ่านออกเสียงร้อยกรอง ๑. ศึกษาฉันทลักษณ์ของบทประพันธ์ที่จะอ่าน เช่น จำนวนคำ เอก-โท การส่งสัมผัส การใช้เสียงหนัก เบาที่จะบรรจุลงในแต่ละวรรค รวมถึงความสามารถที่จะพินิจสารจากการอ่าน เพื่อใช้เสียงช่วยสร้างอารมณ์ ความรู้สึกจากบทประพันธ์ ๒. ฝึกอ่านออกเสียงแบบธรรมดา (ร้อยแก้ว) เพื่อจะได้รู้จังหวะ แบ่งวรรคตอน ส่งสัมผัสและใช้น้ำเสียง ได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ๓. ฝึกอ่านออกเสียงให้ถูกต้องอักขรวิธีทั้งพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์พึงระวังการออกเสียงอักษร ควบ อักษรนำ คำพ้องรูป ร และ ล ให้ชัดเจน อย่าให้สลับเสียงกัน มิฉะนั้นผู้ฟังอาจเข้าใจความหมาย คลาดเคลื่อน ๔. เสียงจัตวาต้องอ่านเปิดเสียงให้สูงและดังก้อง ๕. อ่านเสียงดังพอสมควรที่ผู้ฟังจะได้ยินทั่วถึง ไม่ดังหรือค่อยเกินไป ๖. อ่านมีจังหวะ วรรคตอน รู้จักทอดจังหวะเอื้อนเสียง หรือหลบเสียง ๗. คำที่รับสัมผัสกัน ต้องอ่านเน้นเสียงให้ชัดกว่าปกติถ้าเป็นสัมผัสนอกต้องทอดเสียงให้มีจังหวะ ยาวกว่าธรรมดา ๘. คำที่มีพยางค์เกินให้อ่านเร็วและเบา เพื่อให้เสียงไปตกที่พยางค์ที่ต้องการ ๙. มีศิลปะในการใช้เสียง รู้จักเอื้อนสียงให้เกิดความไพเราะ และใช้เสียงแสดงความรู้สึกให้เหมาะสม กับข้อความเพื่อรักษาบรรยากาศของเรื่องที่อ่าน ๑๐. เมื่ออ่านถึงตอนจะจบบทต้องเอื้อนเสียง และทอดจังหวะให้ช้าลง จนกระทั่งจบบท ๑๑. มีสมาธิมั่นคงในการอ่าน โดยเฉพาะการบังคับเสียงสูง ต่ำ ดัง ค่อย และไพเราะอ่อนหวาน ในการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองในที่นี้นักเรียนอาจใช้เครื่องหมายกำกับจังหวะ เช่น / แทนจังหวะเสริม หมายถึง การหยุดเสียงอ่านภายในวรรค // แทนจังหวะหลัก หมายถึง การหยุดเสียงอ่านเมื่อจบวรรคเป็นช่วงยาวกว่าจังหวะเสริม


ใบความรู้ เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ o o /o o o o o/ (o o) o o /o o o o o o o /o o o o o/ (o o) o o/ o o o o o/ o o จังหวะ บาทที่หนึ่ง ๒ + ๓ ๒ + (๒) บาทที่สอง ๒ + ๓ ๒ บาทที่สาม ๒ + ๓ ๒ + (๒) บาทที่สี่ ๒ + ๓ ๒ + ๒ ตัวอย่าง เสียงลือ/เสียงเล่าอ้าง อันใด/ พี่เอย เสียงย่อม/ยอยศใคร ทั่วหล้า สองเขือ/พี่หลับใหล ลืมตื่น / ฤๅพี่ สองพี่/คิดเองอ้า อย่าได้/ถามเผือฯ วิธีการอ่าน ๑. บาทที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ อ่านเสียงสูงต่ำขึ้นลงตามเสียงวรรณยุกต์แต่บาทที่ ๓ วรรคหน้า อ่านออกเสียงวรรณยุกต์จัตวาปนอยู่ด้วย และพอถึงคำที่ห้า ให้ทอดเสียงเอื้อนยาวและดังก้อง ๒. ถ้าคำที่ห้า ของบาทที่ ๒ และบาทที่ ๓ เป็นคำตาย เวลาทอดเสียงหรือเอื้อนให้ปิดปากแล้วเอื้อน ให้เสียงยาวออกทางจมูก จึงจะได้เสียงเอื้อนที่ไพเราะ มิฉะนั้นจะเอื้อนไม่ได้เพราะเป็นคำตาย เสียงจะขาด หายไปทำให้ขาดความไพเราะ ๓. คำสุดท้ายของวรรค (ยกเว้นคำสร้อยและคำสุดท้ายของบท) ต้องเอื้อนทอดเสียงให้ตรงตาม จังหวะ


ใบงาน เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มที่ .............. ชื่อสมาชิก ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนสรุปหลักเกณฑ์การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองออกเป็นข้อ ๆ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ตอนที่ ๒ ให้นักเรียนแบ่งวรรคการอ่านบทร้อยกรองประเภท โคลงสี่สุภาพ ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา ได้แต่รายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์ฯ ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา หอมระรวยรสพา เพริศด้วย คือคนเสพเสน่หา นักปราชญ์ ความสุขซาบฤๅม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม ขนุนสุกสล้างแห่ง สาขา ภายนอกเห็นหนามหนา หนั่นแท้ ภายในย่อมรสา เอมโอช สาธุชนนั่นแล้ เลิศด้วยดวงใจ ฯ (โคลงโลกนิติ: สมเด็จพระเจา้บรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร)


เฉลยใบงาน เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มที่ .............. ชื่อสมาชิก ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนสรุปหลักเกณฑ์การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองออกเป็นข้อ ๆ ๑. ศึกษาลักษณะบังคับของคำประพันธ์ที่จะอ่าน ๒. อ่านให้ถูกต้องตามลักษณะบังคับของคำประพันธ์ชนิดนั้น ๆ ๓. อ่านออกเสียงคำให้ชัดเจน ถูกต้อง โดยเฉพาะคำที่ออกเสียง ร ล และคำควบกล้ำ ๔. อ่านออกเสียงดังพอสมควรให้ผู้ฟังได้ยินทั่วถึง ๕. อ่านมีจังหวะ วรรคตอน รู้จักทอดจังหวะ เอื้อนเสียง หรือหลบเสียง ๖. คำที่รับสัมผัสกันต้องอ่านเน้นเสียง ถ้าเป็นสัมผัสนอกต้องทอดเสียงให้มีจังหวะยาว กว่าธรรมดา ๗. คำที่มีพยางค์เกินให้อ่านเร็วและเบา เพื่อให้เสียงไปตกพยางค์ที่ต้องการ ๘. เอื้อนเสียงให้เกิดความไพเราะ และใช้เสียงให้เกิดความรู้สึกที่เหมาะสมกับข้อความ ๙. เมื่ออ่านถึงตอนจะจบบทต้องเอื้อนเสียงและทอดจังหวะให้ช้าลง จนกระทั่งจบบท ตอนที่ ๒ ให้นักเรียนสรุปการอ่านบทร้อยกรองประเภท โคลงสี่สุภาพ และกาพย์ยานี๑๑ ปลาร้า/พันห่อด้วย// ใบคา// ใบก็/เหม็นคาวปลา// คละคลุ้ง// คืนคน/หมู่ไปหา// คบเพื่อน / พาลนา// ได้แต่/รายร้ายฟุ้ง// เฟื่องให้/เสียพงศ์ฯ// ใบพ้อ/พันห่อหุ้ม// กฤษณา// หอมระ/รวยรสพา// เพริศด้วย// คือคน/เสพเสน่หา// นักปราชญ์// ความสุข/ซาบฤๅม้วย// ดุจไม้/กลิ่นหอม// ขนุนสุก/สล้างแห่ง// สาขา// ภายนอก/เห็นหนามหนา// หนั่นแท้// ภายใน/ย่อมรสา// เอมโอช// สาธุ/ชนนั่นแล้// เลิศด้วย/ดวงใจ ฯ // หมายเหตุคำว่า “ระรวย” “สาธุชน” เวลาอ่าน อ่านเป็นคำไม่ควรอ่านฉีกคำ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๒ การอานออกเสียงรอยกรอง เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง เป็นการอ่านที่มุ่งให้เกิดความเพลิดเพลิน ซาบซึ้งในรสของบท ประพันธ์ ซึ่งต้องอ่านอย่างมีจังหวะ ลีลา และท่วงทำนองตามลักษณะคำประพันธ์แต่ละชนิด มีวิธีออกเสียงได้ 2 อย่าง คือ ออกเสียงอย่างการอ่านร้อยแก้ว และออกเสียงเป็นทำนองเสนาะ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจหลักการอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ๓.๒ นักเรียนบอกหลักการอานบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ๓.๓ นักเรียนอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพได้ ๓.๔ นักเรียนอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ได้ ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ๔.๒ การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูเปด You Tube/ซีดีหรือครูอานบทรอยกรองเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวานใหนัก เรียนฟง ๒. ครูใหนักเรียนที่สมัครใจ ๑-๒ คนชวยแบงวรรคการอานบทรอยกรองขางตน ขั้นสอน


๑. แบงกลุมนักเรียนกลุมละ ๕ คน ศึกษาใบความรูเรื่องการอานออกเสียงบทรอยกรองประเภท กาพยยานี ๑๑ และมารยาทในการอานและชวยกันแบงวรรคการอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทกาพย ยานี ๑๑ ลงในใบงาน ๒. ครูแจกแบบประเมินการอานออกเสียงบทรอยกรองพรอมเกณฑการประเมินใหนักเรียนทุก คนพรอมทั้งใหนักเรียนศึกษาเกณฑพรอมทั้งฝกอานออกเสียงและใหตัวแทนกลุมออกมาอานออกเสียงบทร้อย กรองกาพยยานี ๑๑ ครูและนักเรียนรวมกันประเมิน ๓. ครูซักถามนักเรียนการอานออกเสียงบทรอยกรองกาพยยานี ๑๑ แตละกลุมวามีขอดีและสิ่ง ที่ควรปรับปรุงของแตละกลุม ขั้นสรุป ๑. ครูและนักเรียนสรุปการอานออกเสียงบทรอยกรองกาพยยานี ๑๑ ๒. ครูมอบหมายใหนักเรียนคนควาบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ที่ชอบและใหนักเรียน ฝึกอ่านอกเสียงบทรอยกรองกาพยยานี ๑๑ เพื่อประเมินเปนรายบุคคล ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หองสมุด ๖.๓ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน You Tube ๖.๔ https://www.youtube.com/watch?v=z_XxYGUJ0xI. ซีดีการอ่านทำนองเสนาะกาพย์ เห่ชมเครื่องคาวหวาน ๖.๕ ใบความรู้เรื่องการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี๑๑ ๖.๖ ใบงานการอ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี๑๑ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ การอ่านบทร้อยกรอง ประเภทกาพย์ยานี๑๑ ประเมินการทำ กิจกรรมกลุ่ม แบบประเมินการทำ กิจกรรมกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ออกเสียงร้อยกรอง ประเมินการอ่าน ทำนองเสนาะ แบบประเมินการอ่าน ทำนองเสนาะ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒


กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี๑๑ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ oo/ooo ooo/ooo บทที่ ๑ oo/ooo ooo/ooo oo/ooo ooo/ooo บทที่ ๒ oo/ooo ooo/ooo จังหวะ ๒ + ๓, ๓ + ๓ เหมือนกันทุกวรรค ตัวอย่าง ผลชิด/แช่อิ่มอบ หอมตรลบ/ล้ำเหลือหวาน รสไหน/ไม่เปรียบปาน หวานเหลือแล้ว/แก้วกลอยใจ ตาลเฉาะ/เหมาะใจจริง รสเย็นยิ่ง/ยิ่งเย็นใจ คิดความ/ยามพิสมัย หมายเหมือนจริง/ยิ่งอยากเห็น (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) วิธีการอ่าน ๑. กาพย์ยานี๑๑ หนึ่งบทมี๔ วรรค เริ่มอ่านวรรคที่ ๑ ด้วยเสียงปกติวรรคที่ ๒ อ่านเสียงสูงกว่า วรรคที่ ๑ แต่ถ้าคำท้ายวรรคที่ ๒ เป็นคำพื้นเสียงจัตวาให้ปัดเสียงขึ้นสูง ๒. วรรคที่ ๓ อ่านเสียงสูงกว่าวรรคที่ ๒ (อ่านออกเสียงสูงกว่าทุกวรรค) วรรคที่ ๔ ลดเสียงลงจาก วรรคที่ ๓ ๓. เมื่ออ่านจนจะจบด้วยวรรคที่ ๔ ผู้อ่านต้องทอดเสียงยาวเพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าจบการอ่าน คำอธิบาย ข้างต้น ถ้าจะให้ไพเราะต้องหัดอ่านกับผู้รู้โดยตรงจึงจะอ่านได้ถูกต้องและไพเราะ


ใบความรู้เรื่อง มารยาทในการอ่าน หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. การถือบทอ่าน จับเอกสารบทอ่านให้มั่น ข้อศอกแนบสีข้าง บทอ่านต้องไม่บังหน้าผู้อ่าน เพราะ ผู้ฟังต้องการฟังทั้งเสียงและดูสีหน้าท่าทางของผู้อ่านกระกอบด้วย ๒. การวางท่าในการอ่านให้ถูกต้อง ๒.๑ การนั่ง ต้องนั่งอย่างเรียบร้อย หลังตรงแต่ไม่แข็งทื่อ ขาวางแนบกันพอควร ไม่ควรนั่งไขว่ ห้างหรือกระดิกขา ๒.๒ การยืน ควรยืนในตำแหน่งที่อยู่ตรงหน้าหรือตรงกลางของผู้ฟังและห่างจากผู้ฟังพอควร การยืนต้องตรง แต่ไม่เกร็งแบบทหาร เท้าทั้งสองข้างห่างกันพอควร ไม่ควรยืนอิงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะจะแสดง ถึงความอ่อนแอหรือแสดงความไม่แยแสต่อผู้ฟัง ไม่ควรยืนเอียงไหลไปข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ควรอ่านไปเขย่งไป ไม่ควรขยับตัวย้ายน้ำหนักไปยังขาแต่ละข้างตลอดเวลา ไม่ควรเคลื่อนตัวโดยไร้จุดหมายหรือยืนท่าเดียวนิ่งตรง และเมื่อเปลี่ยนเรื่องใหม่ควรขยับตัวเองเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ๓. มีสมาธิในการอ่าน พยายามทำความเข้าใจตามเรื่องไปด้วย เวลาอ่านต้องควบคุมสายตาให้ไล่ไป ตามตัวอักษรทุกตัวในแต่ละบรรทัดจากซ้ายไปขวาด้วยความรวดเร็ว ว่องไว และรอบคอบแล้วย้อนสายตา กลับลงไปยังบรรทัดถัดไปอย่างแม่นยำ


ใบงาน เรื่อง อ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี๑๑ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มที่ .............. ชื่อสมาชิก ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ชื่อ..................................................สกุล .............................................ชั้น ม. ๑/..........เลขที่............... ๏ มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย


เฉลยใบงาน เรื่อง อ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี๑๑ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๏ มัสมั่น /แกงแก้วตา// หอมยี่หร่า/รสร้อนแรง// ชายใด/ได้กลืนแกง// แรงอยากให้/ใฝ่ฝันหา// ๏ ยำใหญ่/ใส่สารพัด// วางจานจัด/หลายเหลือตรา// รสดี/ด้วยน้ำปลา// ญี่ปุ่นล้ำ/ย้ำยวนใจ// ๏ ตับเหล็ก/ลวกหล่อนต้ม// เจือน้ำส้ม/โรยพริกไทย// โอชา/จะหาไหน// ไม่มีเทียบ/เปรียบมือนาง// ๏ หมูแนม/แหลมเลิศรส// พร้อมพริกสด/ใบทองหลาง// พิศห่อ/เห็นรางชาง// ห่างห่อหวน/ป่วนใจโหย// ๏ ก้อยกุ้ง/ปรุงประทิ่น// วางถึงลิ้น/ดิ้นแดโดย// รสทิพย์/หยิบมาโปรย// ฤๅจะเปรียบ/เทียบทันขวัญ// ๏ เทโพ/พื้นเนื้อท้อง// เป็นมันย่อง/ล่องลอยมัน// น่าซด/รสครามครัน// ของสวรรค์/เสวยรมย์// ๏ ความรัก/ยักเปลี่ยนท่า// ทำน้ำยา/อย่างแกงขม// กลอ่อม/กล่อมเกลี้ยงกลม// ชมไม่วาย/คล้ายคล้ายเห็น// ๏ ข้าวหุง/ปรุงอย่างเทศ// รสพิเศษ/ใส่ลูกเอ็น// ใครหุง/ปรุงไม่เป็น// เช่นเชิงมิตร/ประดิษฐ์ทำ// ๏ เหลือรู้/หมปู่าต้ม// แกงคั่วส้ม/ใส่ระกำ// รอยแจ้ง/แห่งความขำ// ช้ำทรวงเศร้า/เจ้าตรากตรอม// กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สะทอนความคิดพินิจกาพย์ เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๓ การอานออกเสียงรอยกรอง เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง เป็นการอ่านที่มุ่งให้เกิดความเพลิดเพลิน ซาบซึ้งในรสของบท ประพันธ์ ซึ่งต้องอ่านอย่างมีจังหวะ ลีลา และท่วงทำนองตามลักษณะคำประพันธ์แต่ละชนิด มีวิธีออกเสียงได้ ๒ อย่าง คือ ออกเสียงอย่างการอ่านร้อยแก้ว และออกเสียงเป็นทำนองเสนาะ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจหลักการอานบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ๓.๒ นักเรียนีความรูความเขาใจหลักการอานบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ๓.๓ นักเรียนมีความรูความเขาใจหลักการอานบทรอยกรองกาพยเหทํานองเหเรือ ๓.๔ นักเรียนอานทํานองเสนาะบทรอยกรองประเภทกาพยเห่ ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ๔.๒ การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภทกาพยยานี ๑๑ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูใหนักเรียนฟงซีดีการอานทํานองเสนาะเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวานพระราชนิพนธใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย และใหนักเรียนอานออกเสียงตามซีดีหรืออานตามครู ขั้นสอน ๑. ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ ๔ คน และใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาเอกสาร ประกอบการอานเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวานพระราชนิพนธในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย


Click to View FlipBook Version