The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chalikae, 2023-11-02 03:14:45

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

๒. ครูนําบัตรคําที่คละกันระหวางคําที่มีความหมายเดียว และคําที่มีหลายความหมายวางไว หน้าหอง ใหนักเรียนชวยกันแยกคําที่สองประเภทออกจากกัน แลวนําไปติดไวบนกระดาน ๓. ครูนํานักเรียนวิเคราะหวานักเรียนมีวิธีการแยกอยางไรระหวางคําที่มีความหมายเดียวและคํา หลายความหมาย ๔. ครูแจกใบงานที่ ๑ เรื่องความหมายโดยตรงโดยนัยใหนักเรียนทํา ๔. ครูเฉลยใบงานทีละขอโดยใหนักเรียนตอบ ๑ ขอตอ ๑ คนหากนักเรียนตอบไมไดใหเพื่อน ช่วยตอบได้ ขั้นสรุป ๑. ครูยกคํามาใหนักเรียนบอกความหมาย เพื่อเปนการตรวจสอบการเรียนรูของนักเรียน ๒. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําสมุดรวบรวมคําที่มีความหมายหลายนัย พรอมวาดภาพประกอบ ใหสวยงาม ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ ใบความรูที่ ๑ เรื่องคําที่มีความหมายหลายนัย ๖.๓ ใบงานที่ ๑ เรื่องคําที่มีความหมายหลายนัย ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. อธิบายความหมายของ คำที่มีความหมายหลาย นัย ๒. อธิบายลักษณะของคำ ที่มีความหมายหลายนัย สังเกตจาพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตจาพฤติกรรม การเรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. จำแนกความหมาย ของคำที่มีความหมาย หลายนัยได้ ๒. สามารถใช้คำที่มี ความหมายหลายนัยได้ อย่างถูกต้อง ประเมินจากการทำ ใบงาน ใบงานเรื่อง คำที่มี ความหมายหลายนัย ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒


ใบความรู้เรื่อง ความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง คำที่มีความหมายหลายนัย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย ความหมายแบ่งเป็น ๒ อย่างคือ ความหมายนัยตรง-ความหมายนัยประหวัด ความหมายนัยตรง-ความหมายนัยประหวัด ความหมาย ของคำในภาษาไทยมี๒ ลักษณะ คือ ๑. ความหมายโดยตรง คำที่มีความหมายตรงตัว เช่น ดาว หมายถึง สิ่งที่เห็นเป็นดวงบนท้องฟ้าเวลามืด เก้าอี้หมายถึง ที่สำหรับนั่ง มีขา เพชร หมายถึง ชื่อแก้วที่แข็งที่สุดและมีน้ำแวววาวกว่าพลอยอื่น ๆ นกขมิ้น หมายถึง ชื่อนกชนิดหนึ่ง ตัวเท่านกเอี้ยง มีหลายสี กา หมายถึง ชื่อนกชนิดหนึ่ง ตัวสีดำ ร้อง กา ๆ ตัวอย่างประโยคความหมายโดยตรง - คืนนี้มีดาวเต็มฟ้าเลย - คุณแม่ชอบเพชรเม็ดนี้มาก - เขาไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดมา ความหมายโดยนัย (อุปมา) คือ ความหมายเปรียบเทียบของคำนั้น – เธอเป็นดาวตั้งแต่ยังเด็ก - เธอเป็นเพชรน้ำเอกของวงการเพลง - ขอมอบดอกไม้ในสวนนี้เพื่อมวลประชา ๒. ความหมายโดยนัย คือ ความหมายที่แฝงอยู่ในคำหรือข้อความนั้น ๆ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ กันไปอาจเป็นทางดีหรือไม่ดีก็ได้ ดาว หมายถึง บุคคลที่เด่นในทางใดทางหนึ่ง เก้าอี้หมายถึง ตำแหน่ง เพชร หมายถึง บุคคลที่มีคุณค่า นกขมิ้น หมายถึง คนเร่ร่อน ไม่มีที่พำนักเป็นหลักแหล่ง กา หมายถึง ความต่ำต้อย ตัวอย่างประโยคความหมายนัยประหวัด – เสื้อของเธอนี่เป็น เสื้อโหลรึเปล่า - เธอนี่เป็นคนซื่อจริง ๆ - เขารัดรวบเก่งมากเลย - คนคนนี้เป็นคนทำอะไร ต้องวางแผนก่อน ตัวอย่างการใช้คำที่มีความหมายโดยตรง-ความหมายโดยนัย ความหมายโดยตรง - นักเรียนช่วยกันจัดเก้าอี้ในห้องเรียน ความหมายโดยนัย - ส.ส.กำลังแย่งเก้าอี้กัน


ใบงานเรื่อง ความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง คำที่มีความหมายหลายนัย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้ความหมายทั้งความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยของคำต่อไปนี้ดังตัวอย่าง สมอง ความหมายโดยตรง ส่วนที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ มีลักษณะนุ่ม ๆ หยุ่น ๆเป็นลูกคลื่น เป็นที่ รวมประสาทให้เกิดความรู้สึก ความหมายโดยนัย ฉลาดเฉลียวมีปัญญา ๑. เก้าอี้ ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๒. นกพิราบ ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๓. หมู ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๔. กล้วย ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๕. เส้น ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๖. เฆี่ยน ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๗. ลิง ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๘. นุ่น ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๙. เค็ม ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ................................................................................... ๑๐. เปรี้ยว ความหมายโดยตรง .................................................................................. ความหมายโดยนัย ..................................................................................


เฉลยใบงานเรื่อง ความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง คำที่มีความหมายหลายนัย รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้ความหมายทั้งความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยของคำต่อไปนี้ดังตัวอย่าง สมอง ความหมายโดยตรง ส่วนที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ มีลักษณะนุ่ม ๆ หยุ่น ๆเป็นลูกคลื่น เป็นที่ รวมประสาทให้เกิดความรู้สึก ความหมายโดยนัย ฉลาดเฉลียวมีปัญญา ๑. เก้าอี้ ความหมายโดยตรง ที่สำหรับนั่ง มีขา ความหมายโดยนัย ตำแหน่ง ๒. นกพิราบ ความหมายโดยตรง ชื่อนก ความหมายโดยนัย สันติภาพ ๓. หมู ความหมายโดยตรง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ความหมายโดยนัย ง่าย ๔. กล้วย ความหมายโดยตรง พืชรับประทานผล ความหมายโดยนัย ง่าย ๕. เส้น ความหมายโดยตรง วัสดุมีความยาว ความหมายโดยนัย พรรคพวก ๖. เฆี่ยน ความหมายโดยตรง ตี ความหมายโดยนัย เร่ง รวดเร็ว ๗. ลิง ความหมายโดยตรง สัตว์ ความหมายโดยนัย ซุกซน ๘. นุ่น ความหมายโดยตรง พืชชนิดหนึ่ง ความหมายโดยนัย เบา ๙. เค็ม ความหมายโดยตรง รสชาติ ความหมายโดยนัย ตระหนี่ถี่เหนียว ๑๐. เปรี้ยว ความหมายโดยตรง รสชาติ ความหมายโดยนัย นำสมัย ไม่เรียบร้อย


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคำไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๒ คําที่มีความหมายเปรียบเทียบ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนําไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการ ดําเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.๑/๔ ระบุและอธิบายคำเปรียบเทียบ และคำที่มีหลายความหมายในบริบทต่าง ๆ จากการอ่าน ๒. สาระสำคัญ คำเปรียบเทียบ คือ คำประสมที่มีความหมายเปรียบเทียบ มักจะใช้พูดและเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของคําที่มีความหมายเปรียบเทียบได ๓.๒ นักเรียนอธิบายลักษณะของคําที่มีความหมายเปรียบเทียบได้ ๓.๓ นักเรียนสามารถใชคําที่มีความหมายเปรียบเทียบไดอยางถูกตอง ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ระบุและอธิบายคําเปรียบเทียบและคําที่มีหลายความหมายในบริบทตาง ๆ จากการอาน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูสนทนากับนักเรียนวาหากนักเรียนจะเปรียบเทียบตัวเองเปนดอกไมจะเปรียบเปนอะไร ทําไมจึงเปรียบเชนนั้น ๒. ครูยกตัวอยางการใชคําเปรียบเทียบในลักษณะตาง ๆ ขั้นสอน ๑. ครูเชื่อมโยงความรูเรื่องคําที่มีความหมายเปรียบเทียบ และใหนักเรียนศึกษาคนควาจากใบ ความรูเรื่อง คําที่มีความหมายเปรียบเทียบ ๒. นักเรียนแบงออกเปนกลุมละ ๕ คนจากนั้นใหแตละคนหาคําที่มีความหมายเปรียบเทียบที่ พบในเพลงหรือจากเรื่องสั้นจากอินเทอรเน็ตแลวจดบันทึกความรู้ ๓. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอผลการศึกษาคนควาความรู ๔. นักเรียนทําใบงานเรื่อง คําความหมายเปรียบเทียบ


ขั้นสรุป ครูยกคํามาใหนักเรียนบอกความหมาย เพื่อเปนการตรวจสอบการเรียนรูของนักเรียน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ หนังสือเรื่องสั้น/อินเทอรเน็ต ๖.๒ ใบความรูเรื่องที่ ๑ คําที่มีความหมายเปรียบเทียบ ๖.๓ ใบงานที่ ๑ คําที่มีความหมายเปรียบเทียบ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. ความหมายของคำที่มี ความหมายเปรียบเทียบ ๒. ลักษณะของคำที่มี ความหมายเปรียบเทียบ ๑. สังเกตจาก พฤติกรรมการเรียน ของนักเรียน รายบุคคล ๒. การนำเสนองาน ๑. แบบสังเกต พฤติกรรมการเรียน ของนักเรียนรายบุคคล ๒. แบบประเมินการ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ใช้คำที่มีความหมาย เปรียบเทียบได้อย่าง ถูกต้อง การทำใบงานเรื่อง คำที่มีความหมาย เปรียบเทียบ ใบงานเรื่อง คำที่มี ความหมายเปรียบเทียบ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง คำเปรียบเทียบคำหลายความหมาย หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ เรื่อง คำที่มีความหมายเปรียบเทียบ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำเปรียบเทียบคำหลายความหมาย คำเปรียบเทียบ คือ คำประสมที่มีความหมายเปรียบเทียบ มักจะใช้พูดและเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป เช่น ตาขาว หมายถึง แสดงอาการขลาดกลัว ตัวอย่างประโยค ผีไม่มีจริงหรอก อย่าตาขาวไปเลย ปากตลาด หมายถึง ปากจัด ตัวอย่างประโยค อย่าไปมีเรื่องกับแม่ค้านะ ปากตลาดกันทั้งนั้น คำที่มีหลายความหมาย คือ คำที่ต้องใช้บริบท (ข้อความแวดล้อม) เข้าไปประกอบจึงจะมีความหมายตรงตาม จุดประสงค์หากกล่าวขึ้นมาโดด ๆ จะมีความหมายหลายอย่าง ไม่สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจน คนกลาง หมายถึง ก. คนที่นั่งระหว่างกลางโดยคนอื่น ๆ นั่งขนาบข้าง ข. ลูกคนที่อยู่ในลำดับกลางระหว่างพี่กับน้อง ค. ผู้ถือความเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเมื่อมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น ง. ผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย จ. ผู้ทำการค้าระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค ตัวอย่าง การใช้บริบท ๑. คุณสมชัยเหรอคนกลางนั่นไง นั่งอยู่ระหว่างคุณสมคิดกับคุณสุดา (ความหมายเป็นไปตาม ข้อ ก) ๒. โอ๊ย ชาวบ้านแบ่งเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งไม่ยอมให้มีการตัดถนนเข้าหมู่บ้าน อีกฝ่ายสนับสนุน คงต้องหาคนกลางมาแก้ปัญหาแล้ว (ความหมายเป็นไปตามข้อ ง) ๓. คนกรุงเทพฯ ซื้อข้าวสารราคาแพงขึ้น ๆ แต่ชาวนาก็ยังยากจนเหมือนเดิม รวยแต่คนกลาง นั่นหละ (ความหมายเป็นไปตามข้อ จ) ทางผ่าน หมายถึง ก. ที่สำหรับไปมาให้ลุล่วงสู่จุดใดจุดหนึ่ง ข. บุคคลหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ใช้เป็นเครื่องมือดุจสะพานเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ตัวอย่าง การใช้บริบท ๑. จะไปเล่นน้ำที่พัทยา เธอจะใช้ตัวจังหวัดชลบุรีเป็นทางผ่านหรือเปล่า (ความหมายเป็นไปตาม ข้อ ก) ๒. บริษัทเล็ก ๆ อย่างเรา ไม่มีพนักงานคนไหนทำงานอยู่นาน ๆ หรอก เขาก็ใช้เป็นทางผ่าน เพื่อไปทำงานในบริษัทใหญ่ๆ กันทั้งนั้น (ความหมายเป็นไปตามข้อ ข) การอ่านตีความคำเปรียบเทียบและคำที่มีหลายความหมาย การอ่านเป็นทักษะสำคัญทักษะหนึ่งเพราะจะช่วยเปิดโลกให้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านสารคดี หรือบันเทิงคดีก็ตาม ผู้อ่านควรจะอ่านข้อความหรือเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยความเข้าใจก็จะได้รับประโยชน์อย่าง


มากที่สุด ในข้อความหรือเรื่องราวต่าง ๆ บางครั้งเราจะพบคำเปรียบเทียบและคำที่มีหลายความหมาย ดังนั้น จึงควรศึกษาค้นคว้า หรือไต่ถามผู้ที่มีความรู้ถึงความหมายของคำเหล่านั้น ยิ่งอ่านมากขึ้นเท่าใดความรู้ก็ยิ่ง เพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้นและจะช่วยให้ทักษะการเขียนของเราดีขึ้นด้วย เพราะสามารถนำคำดังกล่าวมาใช้ ประกอบการเขียนให้น่าอ่านและมีคุณค่ามากขึ้น ตัวอย่าง ผู้ใหญ่บ้านมองหน้าซีดเซียวของลูกบ้านก่อนถามว่า “แกแน่ใจนะว่า ตีนแมวขึ้นบ้านแก ไม่ใช่ขโมย ของไปขายเอง แล้วบอกเมียว่าถูกขโมย” “โธ่! ผู้ใหญ่ฉันจะไปโกหกทำไม ฉันมันโชคร้ายจริง ๆ วันก่อนเข้าไปในตลาดดันโดนมือกาว ล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบตังค์ค่ากับข้าวไปอีก” “เออ ๆ แกไปรดน้ำมนต์บ้างก็ดีนะ” ผู้ใหญ่บ้านสรุปอย่างอ่อนใจ ตีนแมว เป็นคำเปรียบเทียบ หมายถึง ผู้ร้ายที่ย่องเบายิ่งกว่าแมว มือกาว เป็นคำเปรียบเทียบ หมายถึง ผู้ร้ายที่หยิบหรือล้วงของของผู้อื่นได้แนบเนียนราวกับมือทา ด้วยกาว


ใบงานเรื่อง คำเปรียบเทียบ หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ เรื่อง คำที่มีความหมายเปรียบเทียบ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนหาคำที่มีความหมายเปรียบเทียบจากเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา พร้อม อธิบายความหมาย ๑ ...................................... ความหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒ ...................................... ความหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓ ...................................... ความหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔ ...................................... ความหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕ ...................................... ความหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ วินิจฉัยวรรณกรรม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑ วรรณคดีประวัติศาสตร์ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ วรรณคดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ผู้แต่งมีต่อสภาพและเหตุการณ์แวดล้อมในยุคสมัยของผู้ แต่ง เช่น มีความชื่นชมในวีรกรรม ความสามารถหรือบุญบารมีของบุคคลสำคัญก็แต่งเรื่องประเภทสดุดี ถ้ามี ความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาก็แต่งเรื่องธรรมะและชาดก ถึงแม้วรรณคดีที่เกิดจากความสะเทือนใจส่วนตัว ของผู้แต่งเอง ผู้แต่งก็มักสร้างเนื้อหาและฉากของเรื่องขึ้นจากสิ่งที่ผู้แต่งประสบพบเห็นเป็นส่วนมาก นอกจาก รูปแบบ คำประพันธ์ ประเภท และสาระสำคัญของเรื่องมักเป็นไปตามคตินิยมของสังคมในสมัยที่แต่ง ฉะนั้น การอ่านวรรณคดีให้ได้คุณค่าที่แท้จริง จำเป็นต้องเรียนวรรณคดีในเชิงประวัติหรือประวัติวรรณคดี ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกความหมายและระบุวรรณคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ได้ ๓.๒ นักเรียนสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่อยู่ในท้องถิ่นของนักเรียน นักเรียน ยกตัวอย่างชื่อวรรณคดีหรือตัวละครที่รู้จัก ขั้นสอน ๑. ครูนำภาพหนังสือวรรณคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ให้นักเรียนดูและถามนักเรียน ว่ารู้จักเรื่องใดบ้าง


๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่องวรรณคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ๓. ครูให้นักเรียนแบ่งเป็น ๔ กลุ่มให้แต่ละกลุ่มจับฉลากหัวข้อในการศึกษา ดังนี้ ๑) ลักษณะวรรณคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ๒) วรรณคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์แต่ละชาติ ๓) วรรณคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของไทยแต่ละสมัย ๔) ความสำคัญของวรรณคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และให้แต่ละกลุ่ม นำเสนอผลการศึกษา ขั้นสรุป นักเรียนและครูสรุปความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีประวัติศาสตร์ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอร์เน็ต ๖.๒ ห้องสมุด ๖.๓ บัตรข้อความ ๖.๔ ใบความรู้ เรื่อง ความหมายวรรณคดี ๖.๕ ใบความรู้ เรื่อง เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ๖.๖ ภาพหนังสือ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ บอกความหมายและระบุ ลักษณะของวรรณคดีที่ เกี่ยวกับเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ ประเมินพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม แบบประเมินพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและ วรรณกรรมที่อ่านได้ นำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง ความหมายของวรรณคดี หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง วรรณคดีปีระวัติศาสตร์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ วรรณคดี เป็นคำที่บัญญัติขึ้นเพื่อใช้แทนคำ Literature ในภาษาอังกฤษ ปรากฏครั้งแรกในพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเป็นวรรณคดีสโมสร เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว คำ วรรณคดีประกอบขึ้นจากคำ วรรณ ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า หนังสือ ส่วนคำ คดีเป็นคำเดียวกับ คติซึ่งเป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า เรื่อง ตามรูปศัพท์วรรณคดีแปลว่า เรื่องที่ แต่งเป็นหนังสือ แต่หมายเฉพาะหนังสือที่แต่งดีพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้คำ จำกัดความของวรรณคดีว่า หนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี หนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดีหรือที่เป็น วรรณคดีมีผู้ให้คำจำกัดความไว้ต่าง ๆ กัน เช่น พระราชกฤษฎีการจัดตั้งวรรณคดีสโมสร กล่าวว่า ๑) เป็นหนังสือดีกล่าวคือ เป็นเรื่องที่สมควรซึ่งสาธารณชนจะอ่านได้โดยไม่เสียประโยชน์คือ ไม่เป็นเรื่องทุภาษิต หรือเป็นเรื่องที่ชักจูงความคิดผู้อ่านไปในทางอันไม่เป็นแก่นสาร ซึ่งจะชวนให้คิด วุ่นวาย ทางการเมือง อันเกิดเป็นเรื่องรำคาญแก่รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (เพราะคนรู้น้อยอาจจะ ไขว้เขวได้) ๒) เป็นหนังสือแต่งดีใช้วิธีเรียบเรียงอย่างใด ๆ ก็ตามแต่ต้องให้เป็นภาษาไทยอันดีถูกต้อง ตามเยี่ยงที่ใช้ในโบราณกาลหรือปัจจุบันก็ได้ไม่ใช้ภาษาซึ่งเลียนภาษาต่างประเทศหรือใช้วิธีผูกประโยค ประธานตามภาษาต่างประเทศ (เช่น ใช้ว่า ไปจับรถไฟ แทน ขึ้นรถไฟ และ มาสาย แทน มาช้า หรือ มาล่า ดังนี้เป็นตัวอย่าง) พระยาอนุมานราชธน (เสถียรโกเศศ) ให้ความหมายว่า วรรณคดีคือ ความรู้สึกนึกคิดของกวีซึ่ง ถอดออกมาจากจิตใจให้ปรากฏเป็นรูปหนังสือและมีถ้อยคำเหมาะเจาะ เพราะพริ้งเร้าใจให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเกิด ความรู้สึก พระวรเวทย์พิสิฐ มีความเห็นว่า วรรณคดีคือ หนังสือที่มีลักษณะเรียบเรียงถ้อยคำเกลี้ยงเกลา เพราะ พริ้งมีรสปลุกมโนคติ(imagination) ให้เพลิดเพลิน เกิดกระทบกระเทือนอารมณ์ต่าง ๆ เป็นไปตาม อารมณ์ของผู้ประพันธ์ วิทย์ศิวะศริยานนท์กล่าวว่า บทประพันธ์ที่เป็นวรรณคดีคือ บทประพันธ์ที่มุ่งให้ความเพลิดเพลิน ให้เกิดความรู้สึกนึกคิด (imagination) และอารมณ์ต่าง ๆ ตามผู้เขียน นอกจากนี้บทประพันธ์ที่เป็นวรรณคดี จะต้องมีรูปศิลปะ (form) สรุปได้ว่า วรรณคดีคือ เรื่องที่มีลักษณะดังนี้ ๑) ใช้ถ้อยคำสำนวนโวหารไพเราะสละสลวย ๒) ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ ๓) ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ๔) ใช้เป็นแบบแผนในการแต่งได้


วรรณกรรม คำว่า วรรณกรรม ปรากฏครั้งแรกในพระราชบัญญัติคุ้มครองศิลปะและวรรณกรรม พ.ศ. ๒๔๗๕ บัญญัติขึ้นจากคำว่า Literature เช่นเดียวกับคำว่า วรรณคดีแต่วรรณกรรมมีความหมายกว้างกว่าคำ วรรณคดีวรรณกรรม หมายถึง เรื่องที่เขียนขึ้นทั้งหมด ไม่จำกัดรูปแบบ ความมุ่งหมายและคุณค่า วรรณกรรมที่แต่งดีประกอบด้วยศิลปะของการเรียบเรียงหรือที่เรียกว่า วรรณศิลป์วรรณกรรมนั้นก็จัดเป็น วรรณคดี วิวัฒนาการของวรรณคดีไทย วิวัฒนาการของวรรณคดีไทย คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของวรรณคดีไทยจากสภาพแรกเริ่มไปสู่ สภาวะที่เจริญงอกงามขึ้น ในด้านรูปลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ด้านผู้แต่ง ด้านคำประพันธ์ด้านวัตถุประสงค์และด้าน ที่มาของเนื้อเรื่อง วิธีที่จะเห็นวิวัฒนาการของวรรณคดีไทยนั้นจะต้องศึกษาประวัติความเป็นมาของวรรณคดี เป็นสมัย ๆโดยเริ่มตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์เรียงตามลำดับกันไป นับ แต่สมัยสุโขทัยมาจนถึงรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์วรรณคดีไทย มีลักษณะเป็นแบบฉบับที่ ยึดถือสืบต่อ กันมาในรัชกาลที่ ๔ คนไทยเริ่มมีความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก คตินิยมอันเป็นวิถีชีวิต รวมถึงลักษณะของ วรรณคดีของคนไทยเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงและทวีมากขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ จนถึงปัจจุบัน ลักษณะความแตกต่างระหว่างวรรณคดีไทยดั้งเดิมและวรรณคดีไทยปัจจุบันที่สำคัญ มีดังนี้ ๑. อิทธิพล เดิมวรรณคดีไทยได้รับอิทธิพลจากอินเดีย และประเทศแถบตะวันออกบางประเทศ เช่น จีน ลังกา ชวา (อินโดนีเซีย) เปอร์เซีย (อิหร่าน) มอญ ปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลจากประเทศยุโรป ๒. ลักษณะคำประพันธ์เดิมนิยมร้อยกรองขนาดยาวมากกว่าร้อยแก้ว ใช้ร้อยกรองทุกชนิด และ เคร่งครัดในฉันทลักษณ์ปัจจุบันนิยมร้อยแก้วมากกว่าร้อยกรอง เลือกใช้ร้อยกรองเฉพาะ กลอน กาพย์และ โคลง มีการดัดแปลงร้อยกรองให้มีรูปลักษณะผิดแผกไปจากเดิมและไม่เคร่งครัดในฉันทลักษณ์ ๓. รูปแบบ เดิมนิยมแต่งเป็นนิทาน นิยาย พงศาวดาร ตำนาน ตำรา คำสอน กฎหมาย นิราศ จดหมายเหตุละครรำ บทพากย์โขน บทสดุดีปัจจุบัน นิยมแต่งเป็นนวนิยาย เรื่องสั้น สารคดีบทความ ปาฐกถา บันทึก อนุทิน บทละครพูด บทละครวิทยุ บทละครโทรทัศน์บทภาพยนตร์ ๔. แนวคิด เดิมแทรกคตินิยมแบบอุดมคติโดยมีแบบโรแมนติก และสัญลักษณ์ปนอยู่ด้วย ปัจจุบัน เน้นสัจนิยม สังคมนิยม โดยมีสัญลักษณ์นิยมปนอยู่ด้วย ๕. เนื้อเรื่อง เดิม มักเป็นเรื่องไกลตัว จำกัดวงและมีลักษณะเชิงจินตนาการ เช่น เรื่องศาสนา จักร ๆ วงศ์ๆ เทพเจ้า กษัตริย์ยักษ์อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ปัจจุบัน เปลี่ยนเป็นเรื่องใกล้ตัว อยู่ในวงกว้าง และมี ลักษณะเชิงวิเคราะห์วิจารณ์เช่น เรื่องชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ตามที่ เป็นจริง ๖. ธรรมเนียมนิยม เดิม มีโครงสร้างที่เป็นแบบแผน นิยมเลียนแบบครูเช่น ขึ้นต้นบทประณาม ชม บ้านชมเมือง ชมการแต่งกาย ชมไม้ชมนก ชมเนื้อ ชมกระบวนทัพ ปัจจุบัน ไม่มีโครงสร้างที่เป็นแบบแผน ตายตัว ผู้แต่งมีอิสระที่จะคิดแบบอย่างของตนเอง ๗. ความมุ่งหมาย เดิม มุ่งให้คุณค่าทางอารมณ์และสร้างศรัทธามากกว่าปัญญา ปัจจุบัน เน้นคุณค่า ทางความคิดและปัญญาในการวิเคราะห์วิจารณ์เป็นสำคัญ ๘. การดำเนินเรื่อง เดิม เน้นศิลปะการใช้ภาษาและรสวรรณคดีมากกว่าองค์ประกอบของเรื่อง เช่น โครงเรื่อง แนวคิด ความสมจริง ปัจจุบัน ให้ความสำคัญขององค์ประกอบของเรื่อง เช่น โครงเรื่อง แนวคิด ความสมจริงมากกว่าศิลปะการใช้ภาษาและรสวรรณคดี ๙. ผู้แต่ง เดิม ผู้แต่งจำกัดเฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน เจ้านาย ขุนนาง นักปราชญ์ราชกวีปัจจุบัน ผู้แต่ง


ส่วนมากเป็นประชาชนทั่วไป ๑๐. ผู้อุปถัมภ์เดิม พระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายเป็นผู้ชุบเลี้ยงกวีที่สร้างสรรค์วรรณคดีปัจจุบัน ผู้เขียนมีรายได้จากการขายงานประพันธ์ของตน ลีลาในกวีนิพนธ์ ลีลาในกวีนิพนธ์ที่นิยมกันมาแต่โบราณ มี๔ ลีลา คือ ๑. เสาวรจนีเป็นกระบวนชมความงามหรือพรรณนาเกียรติคุณ ๒. นารีปราโมทย เป็นการเกี้ยวพาราสี ๓. พิโรธวาทัง เป็นการแสดงความไม่พอใจ เช่น ประชดประชัน ตัดพ้อต่อว่า ข่มขู่และดุด่า โกรธ ๔. สัลลาปังคพิสัย เป็นการแสดงความโศกเศร้า คร่ำครวญ และความอาลัย ความสำคัญของการเรียนวรรณคดีไทย กำเนิดวรรณคดี วิทย์ศิวศริยานนท์กล่าวว่า วรรณคดีเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสันดานของมนุษย์ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ ศิลปะอื่น ๆ มนุษย์มีศิลปะทุกยุคทุกสมัย และศิลปะไม่ใช่การเล่นฆ่าเวลา วรรณคดีเกิดขึ้นได้เสมอใน สภาวการณ์ต่าง ๆและอาจจะมีมูลเหตุมาจากอารมณ์เพศ ศาสนา การเล่น หรืองานก็ได้ขึ้นอยู่กับทัศนะของ แต่ละบุคคล หรือแต่ละความเชื่อ พิชิต อัคนิจ กล่าวว่า ตำนานกำเนิดวรรณคดีของชาติต่าง ๆ อาทิตำนานกรีก ตำนานสันสกฤต ตำนานจีน เป็นต้นเค้าของทฤษฎีการกำเนิดวรรณคดีในสมัยปัจจุบัน เพราะมูลเหตุที่ทำให้เกิดวรรณคดีตาม หลักวิชาการสมัยใหม่ที่นำมากล่าวไว้ต่อไปนี้ก็ล้วนมีสาระอิงตำนานที่กล่าวไว้แล้วแทบทั้งสิ้น คือ ๑. เกิดจากการนับถือวีรชน เช่น เรื่องรามายณะ มหาภารตะ ลิลิตยวนพ่าย ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นต้น ๒. เกิดจากความเชื่อทางศาสนา ศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ ศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเป็นสิ่ง บันดาลใจให้เกิดวรรณคดีได้เช่น เรื่องมหาชาติคำหลวง ไตรภูมิพระร่วง ปฐมสมโพธิกถา และอื่น ๆ ๓. เกิดจากอารมณ์อารมณ์ที่เกิดเอง ไม่คล้อยตามผู้อื่น เช่น อารมณ์รัก โกรธ โศก เป็นมูลเหตุให้เกิด วรรณคดีไทย เช่น เรื่องมัทนะพาธา กามนิต อติรูป และอื่น ๆ ๔. เกิดจากความกลัวภัย โดยเฉพาะภัยธรรมชาติ ๕. เกิดจากการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การไปมาหาสู่ระหว่างสังคมต่าง ๆ ก็มีส่วนทำให้เกิดวรรณคดี ด้วย เช่น นิราศลอนดอน นิราศกวางตุ้ง และอื่น ๆ ความสำคัญของการเรียนประวัติวรรณคดี เนื่องจากวรรณคดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ผู้แต่งมีต่อสภาพและเหตุการณ์แวดล้อมในยุค สมัยของผู้แต่ง เช่น มีความชื่นชมในวีรกรรม ความสามารถหรือบุญบารมีของบุคคลสำคัญก็แต่งเรื่องประเภท สดุดีถ้ามีความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาก็แต่งเรื่องธรรมะและชาดก ถึงแม้วรรณคดีที่เกิดจากความสะเทือนใจ ส่วนตัวของผู้แต่งเอง ผู้แต่งก็มักสร้างเนื้อหาและฉากของเรื่องขึ้นจากสิ่งที่ผู้แต่งประสบพบเห็นเป็นส่วนมาก นอกจากรูปแบบคำประพันธ์ประเภท และสาระสำคัญของเรื่องมักเป็นไปตามคตินิยมของสังคมในสมัยที่แต่ง เพราะฉะนั้นการอ่านวรรณคดีให้ได้คุณค่าที่แท้จริง จำเป็นต้องเรียน วรรณคดีในเชิงประวัติหรือประวัติ วรรณคดีประกอบด้วย การเรียนประวัติวรรณคดีพิจารณาถึงประเด็นสำคัญของวรรณคดีในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑. ผู้แต่ง รวมถึงชีวประวัติและผลงาน ๒. ที่มาของเรื่อง ได้แก่ เรื่องที่เป็นต้นเค้า อาจเป็นเรื่องหรือเหตุการณ์ภายในประเทศ หรือที่ได้รับ อิทธิพลจากต่างประเทศ


๓. ความมุ่งหมายในการแต่ง ได้แก่แรงบันดาลใจหรือความมุ่งหมายของผู้แต่งในการแต่งวรรณคดี นั้น ๆ ๔. วิวัฒนาการและความสัมพันธ์ต่อเนื่องระหว่างวรรณคดีแต่ละสมัย ๕. สภาพสังคมในสมัยที่แต่ง ซึ่งได้แก่วัฒนธรรม สภาพสังคม และเหตุการณ์ของบ้านเมืองใน ระยะเวลาที่แต่ง ๖. อิทธิพลที่วรรณคดีมีต่อสังคมทั้งในสมัยที่แต่งและในสมัยต่อมา ดังนั้น การศึกษาประวัติวรรณคดีทำให้ทราบที่มาของวรรณคดีแต่ละเรื่องว่าเกิดขึ้นอย่างไร มีแรง บันดาลใจอะไร แต่งในสมัยใด ใครเป็นผู้แต่ง อิทธิพลของเหตุการณ์บ้านเมืองที่มีต่อวรรณคดีและอิทธิพลของ วรรณคดีที่มีต่อสังคมไทยในแต่ละยุคสมัย ประโยชน์ของการเรียนประวัติวรรณคดี เนื่องจากการเรียนประวัติวรรณคดีมีลักษณะเป็นการเรียนรู้ที่มา และสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปของ วรรณคดีการเรียนประวัติวรรณคดีจึงให้ประโยชน์หลายประการ ดังนี้ ๑. ช่วยเพิ่มความเข้าใจและความซาบซึ้งในคุณค่าของวรรณคดี ๒. ได้ความรู้เกี่ยวกับภาษาและลักษณะอักขรวิธีสมัยต่าง ๆ ๓. ได้ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับต่างประเทศสมัยต่าง ๆ ๔. ได้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม สภาพสังคม และเหตุการณ์บ้านเมือง ควบคู่กันไปกับวิวัฒนาการของ วรรณคดีในสมัยต่าง ๆ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ วินิจฉัยวรรณกรรม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๒ สรุปเนื้อหาวรรณกรรม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ วรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เป็นการทำสงครามระหว่างพม่ากับมอญ เดิม ต้นฉบับเป็นภาษามอญ แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องมีความสนุกน่าสนใจ ให้ข้อคิดมากมายจึงได้มีนักปราชญ์ชาวไทย แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทย ตั้งแต่ก่อนเสียกรุงเสียอยุธยาครั้งสุดท้าย ภายหลังสมเด็จเจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึกขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 1 ทรงมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แปลและเรียบเรียงให้เรียบร้อย เสร็จสมบูรณ์อีกครั้ง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ ๓.๒ นักเรียนสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูยกตัวอย่างวรรณคดีที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เช่น ลิลิตยวนพ่าย ลิลิตตะเลงพ่าย หรือสามก๊ก ซักถามผู้เรียนว่า มีใครทราบบ้างว่าวรรณคดีดังกล่าว เป็นวรรณคดีเกี่ยวกับชนชาติใด และแจ้งนักเรียนให้ทราบ ว่าในคาบจะศึกษาวรรณคดีประวัติศาสตร์ เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ขั้นสอน ๑. นักเรียนแบ่งกลุ่มทั้งหมด ๗ กลุ่มศึกษาเนื้อหาเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ที่ครู กำหนดให้๗ ตอน (ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม) พร้อมสรุปเนื้อหาในตอนนั้น


๒. นักเรียนทั้ง ๗ กลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอเนื้อหาที่สรุป ๓. ครูแจกบัตรข้อความให้แต่ละกลุ่ม กลุ่มละ ๒ บัตร จากนั้นให้แต่ละกลุ่มนำบัตรข้อความที่ ได้รับ ไปให้กลุ่มที่มีเนื้อเรื่องตามบัตรที่ได้ให้ถูกต้อง ๔. ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มอ่านเนื้อเรื่องจากบัตรข้อความให้เพื่อนในห้องฟังจนครบ ๕. นักเรียนทุกคนสรุปเนื้อเรื่องลงในใบงานเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ที่ครูแจกให้ ขั้นสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อเรื่องและบันทึกลงในใบงาน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอร์เน็ต ๖.๒ ห้องสมุด ๖.๓ บัตรข้อความ ๖.๔ ใบงานเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายเนื้อหาวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่านได้ ประเมินพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม แบบประเมินพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและ วรรณกรรมที่อ่านได้ นำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


บัตรข้อความ ฝ่ายพระเจ้ากรุงต้าฉิง ซึ่งเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงจีนนั้นมี ทหารเอกคนหนึ่งชื่อกามะนีมีฝีมือขี่ม้าแทงทวนสันทัดดีหาผู้เสมอ มิได้จีนทั้งปวงก็สรรเสริญว่า กามะนีนี้มิใช่มนุษย์ดุจเทพยดาก็ว่าได เสนาบดีทั้งปวงจึงกราบทูลว่ากษัตริย์ที่จะมีทแกล้วทหารขี่ม้า สันทัดนั้น มีอยู่แต่กรุงรัตนบุระอังวะกับกรุงหงสาวดีกษัตริย์ทั้งสอง พระองค์นี้ย่อมทำสงครามแก่กันอยู่มิได้ขาด ฝ่ายผู้คุมซึ่งสมิงพระรามนั้น จึงเจรจากับเพื่อนกันตาม เรื่องราว แล้วว่าครั้งนี้พระเจ้าอยู่หัวจะแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง ก็ยังไม่มี ผู้ใดรับอาสา เห็นเมืองจะตกต่ำเสียละกระมัง สมิงพระรามตอบว่าซึ่งเรารับอาสานี้จะหวังยศถา บรรดาศักดิ์หามิได้ประสงค์จะกู้พระนครให้เป็นเกียรติยศไว้และจะ ให้ราษฎรสมณชีพราหมณ์อยู่เย็นเป็นสุขเท่านั้น พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องจึงตรัสว่า เราจะให้หามาเลือกอีกให้ชอบ ใจท่านจงได้จึงตรัสสั่งเสนาบดีให้หาม้าเชลยศักดิ์ในพระนครนอก พระนครมาให้สิ้นเชิง พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็น ก็ดีพระทัยนักจึงตรัส สรรเสริญว่า สมิงพระรามนี้นับว่าเป็นผู้ชายผู้หนึ่ง มีความสัตย์ซื่อยิ่ง นัก และกล้าหาญเข้มแข็งรู้ศิลปะศาสตร์สันทัดหาตัวเปรียบเสมอ มิได้


ครั้นถึงวันกำหนดนัดแล้ว กษัตริย์ทั้งสองก็พรั่งพร้อมไปด้วย พยุหเสนาแห่แหนหน้าหลังเป็นอันมาก ตามขบวนพิชัยสงคราม ขึ้น ยังที่พลับพลาประทับพร้อมกัน พระเจ้ากรุงจีนและนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงเห็น ดังนั้นก็อัศจรรย์ยิ่งนัก จึงให้ทหารไปเอาศพกามะนีมาทำศีรษะต่อเข้า ใส่หีบฝังเสียในที่สมควร พระเจ้ากรุงจีนก็เสด็จกลับค่าย ขณะเมื่อสมิงพระรามรำตามกันนั้น พระเจ้ากรุงต้าฉิงและ พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นทหารเอกทั้งสอง รำเยื้องกราย ตามขบวนเพลงทวน ดูท่วงทีรับรองว่องไวนัก งามเป็นอัศจรรย์ ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เปรยีบประดุจได้เห็นเทพยดาและพิทยาธรอันรำ ณรงค์ประลองกันในกลางสนาม แล้วตรัสว่าพระเจ้ากรุงจีนยกพลทแกล้วทหารมาเหยียบเมือง เราครั้งนี้ประดุจดังแผ่นดินจะถล่มหามีผู้ใดที่จะรบสู้ต้านทานไม่ ครั้ง นี้สมิงพระรามอาสากู้เมืองเราไว้ได้ชัยชนะแล้ว บัดนี้ควรเราจะให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช และราชธิดา เราจะประทานให้เป็นบาทบริจาริกาด้วยตามสัญญาจึงจะชอบ ท่าน ทั้งปวงเห็นเป็นประการใด เสนาพฤฒามาตย์ราชกระวีมนตรีมุขทั้ง ปวงยังมิทันจะกราบทูล พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ทรงพระดำริว่าสมิงพระราม คนนี้มิเสียทีที่เกิดมาเป็นชาติเชื้อทหารนับว่าชายชาตรีแท้มิได้เกรง แก่ความตาย ทั้งราชสมบัติทั้งปวงก็มิได้รักใคร่แล้วองอาจแกล้วกล้า หาผู้ใดเปรียบเสมอมิได้


ครั้นพระราชกุมารมีชันษาได้ขวบเศษ พอย่างพระบาทดำเนิน ได้พระเจ้ามณเฑียรทองออกว่าราชการครั้งใด ก็ทรงอุ้มพระราช นัดดาขึ้นนั่งเหนือพระเพลาทุกครั้ง อยู่มาวันหนึ่งทรงอุ้มพระราช นัดดาเสด็จออก ณ พระที่นั่งพร้อมด้วยเสนาบดีทั้งปวง สมิงพระราม มหาอุปราชก็เฝ้าอยู่ที่นั้นด้วย ฝ่ายพม่าชาวเมืองเห็นก็ร้องอื้ออึงขึ้นว่า มหาอุปราชผดุงพระ นครหนีไปแล้วความทราบถึงเสนาบดีเสนาบดีก็รีบเข้าไปกราบทูล พระเจ้ามณเฑียรทอง พระเจ้ามณเฑียรทองได้แจ้งแล้วก็สะดุ้งตก พระทัยจึงสั่งให้จัดทัพม้าพันหนึ่ง ไปตามเจ้าสมิงพระราม


ใบงานเรื่อง ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ สรุปเนื้อหาวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. ใคร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. ทำอะไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. ที่ไหน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔. ผลเป็นอย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ วินิจฉัยวรรณกรรม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๓ สรุปเนื้อหาวรรณกรรม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ วรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เป็นการทำสงครามระหว่างพม่ากับมอญ เดิม ต้นฉบับเป็นภาษามอญ แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องมีความสนุกน่าสนใจ ให้ข้อคิดมากมายจึงได้มีนักปราชญ์ชาวไทย แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทย ตั้งแต่ก่อนเสียกรุงเสียอยุธยาครั้งสุดท้าย ภายหลังสมเด็จเจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึกขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 1 ทรงมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แปลและเรียบเรียงให้เรียบร้อย เสร็จสมบูรณ์อีกครั้ง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายวรรณคดีที่เป็นประวัติศาสตร์ได้ ๓.๒ นักเรียนสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นักเรียนร่วมกันลำดับเหตุการณ์ของเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา ครูช่วยนักเรียน ทบทวนความรู้ ๒. ครูชี้แจงการทำกิจกรรมในคาบ คือการแสดงละครโดยให้นักเรียนจับกลุ่มจำนวน ๗ กลุ่ม ครู แบ่งเนื้อหาเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสาออกเป็น ๗ ตอนแล้วแบ่งให้แต่ละกลุ่มแสดง ขั้นสอน


๑. ครูแบ่งเนื้อหาเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสาออกเป็น ๗ ตอน แล้วแบ่งให้แต่ละ กลุ่มแสดง โดยที่ครูแจกป้ายชื่อให้กับให้กับตัวแทนกลุ่มทั้ง ๗ กลุ่ม และตัวแทนกลุ่มแจกป้ายชื่อ ๒. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันปรึกษาแบ่งตัวละครให้แต่ละคนรับบทการแสดง เขียนชื่อตัวละคร ที่ตนเองได้รับมอบหมายลงในป้ายชื่อ แล้วติดที่เสื้อหรือห้อยคอนักเรียนที่ได้รับบทบาทนั้น ๓. เมื่อแต่ละคนได้รับตัวละครที่รับผิดชอบแล้ว ให้อ่านเนื้อเรื่องของกลุ่มตัวเอง เพื่อวิเคราะห์ บุคลิก การแสดงออกของตัวละคร เริ่มซ้อมการแสดงในเวลาที่กำหนดให้เนื่องจากเนื้อเรื่องในแต่ละตอนที่แต่ ละกลุ่มได้รับมีความยาวของเรื่องไม่มาก ในขั้นตอนนี้ไม่ควรใช้เวลามากเกินไป ๔. เริ่มทำการแสดงหน้าชั้นเรียน เรียงไปตามลำดับเนื้อหาจนจบเรื่อง ๕. ครูแจกใบงานการเขียนสะท้อนการเรียนรู้ให้นักเรียนทุกคนเมื่อนักเรียนเขียนเสร็จ ครูให้ ตัวแทนนักเรียนสมาชิกของแต่ละกลุ่มอ่านสิ่งที่ได้จากการทำกิจกรรม ขั้นสรุป ๑. ร่วมกันอภิปรายในชั้นว่า เรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสานั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในประวัติศาสตร์นักเรียนชื่นชอบตัวละครใดเป็นพิเศษ เพราะเหตุใดจึงชอบ ๒. นักเรียนสรุปเรื่องอีกครั้งหนึ่ง ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอร์เน็ต ๖.๒ หนังสือเรียนวรรณคดี ๖.๓ ป้ายชื่อสำหรับติดเสื้อหรือห้อยคอ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ วรรณคดีประวัติศาสตร์ เรื่องราชาธิราชตอนสมิง พระรามอาสา แสดงละคร แบบประเมินการแสดง ละคร ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ สรุปเนื้อหาวรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิง พระรามอาสา การเขียนสะท้อน การเรียนรู้ แบบประเมิน การสะท้อนการเรียนรู้ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒


กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


สะท้อนการเรียนรู้ ๑. สิ่งที่ได้รับจากกิจกรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. การนำไปปรับใช้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. (อยู่ในดุลยพินิจของครู)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ วินิจฉัยวรรณกรรม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๔ วิเคราะห์วรรณกรรม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ “ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน” เป็นผู้ริเริ่มแนวความคิด การคิดนอกกรอบ เทคนิคการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และพัฒนาเป็นแนวคิดที่เรียกว่า “Six Thinking Hats” ซึ่งเป็นวิธีคิดที่มีมุมมองแบบ “รอบด้าน” ประกอบหมวก 6 สี ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีน้ำเงิน สีเขียว สีดำ และสีแดง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายหลักการวิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๓.๒ นักเรียนวิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ วิเคราะห์วรรณคดีวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูตั้งคำถามเชิงวิพากษ์ปลายเปิด เกี่ยวกับเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา เช่น - นักเรียนคิดว่าพระเจ้ากรุงจีนเป็นคนอย่างไร - หากกามะนีไม่เผลอ นักเรียนคิดว่าสมิงพระรามจะชนะกามะนีอยู่หรือไม่ - พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเป็นคนอย่างไร - นักเรียนคิดอย่างไรกับการที่สมิงพระรามหนีไป โดยทิ้งลูกและพระธิดาพระเจ้า ฝรั่งมังฆ้องไว้ ๒. ครูแนะนำนักเรียนว่ามีวิธีการที่สามารถทำให้เข้าใจ ปัญหาเหตุการณ์หรือตัวละครได้คือ ทฤษฎีหมวก ๖ ใบ ที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ถึง ๖ มิติ


ขั้นสอน ๑. นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ ๖ คน โดยให้สมาชิกจับสลากเลือกสีหมวกทั้ง ๖ ใบ ๒. ครูชี้แจงขั้นตอน หน้าที่ของการคิดแบบหมวก ๖ ใบให้นักเรียน ๓. นักเรียนร่วมศึกษาความรู้เรื่อง วิธีคิดแบบหมวก ๖ ใบในใบความรู้ที่แจกให้สรุปความรู้ที่ได้ ร่วมกันเป็นแผนที่ความคิด ๔. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการสรุปความรู้เรื่องวิธีการคิดแบบหมวก ๖ ใบ ๕. สุ่มถามนักเรียนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของหมวกแต่ละสี ๖. ครูแจกหมวกทั้ง ๖ สีให้แต่ละกลุ่ม นักเรียนแต่ละคนทำความเข้าใจในบทบาทแล้วสวมหมวก ๗. ครูเลือกมอบหมายให้แต่ละกลุ่มนำตัวละคร ในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระราม อาสาให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์ตามจำนวนกลุ่ม เช่น พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง พระเจ้ากรุงจีน สมิงพระราม กามะนี พระธิดาพระเจ้ากรุงอังวะ เป็นต้น ๘. นักเรียนในกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ตามหน้าที่ของหมวกแต่ละสี - หมวกสีขาว เสนอข้อเท็จจริง - หมวกสีแดง เสนอข้อคิดเห็นและความรู้สึก - หมวกสีดำ เสนอข้อบกพร่อง - หมวกสีเหลือง เสนอประโยชน์หรือจุดเด่น - หมวกสีเขียว เสนอแนวทางการพัฒนา - หมวกสีฟ้า เสนอข้อสรุปภาพรวม ๙. ให้นักเรียนแต่ละคนนำเสนอสิ่งที่ตนเองวิเคราะห์ให้สมาชิกในกลุ่มฟัง ๑๐. ครูนำวิเคราะห์ตัวละครแต่ละตัว ในแต่ละมิติโดยให้สุ่มนักเรียนหมวกสีต่าง ๆ เป็นคนตอบ เช่น วิเคราะห์กามะนีให้ตัวแทนนักเรียนที่รับผิดชอบหมวกแต่ละสีจากแต่ละกลุ่มตอบ ให้ครบทั้ง ๖ มิติแล้ว ครูอธิบายเพิ่มเติม ๑๑. นักเรียนทำใบงานวิเคราะห์ตัวละครในวรรณคดีราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา ขั้นสรุป ครูและนักเรียนทบทวนวิธีการคิดแบบหมวก ๖ ใบและร่วมกันอภิปรายถึงลักษณะตัวละคร ว่า ในปัจจุบันหากเป็นนักเรียนจะทำอย่างไรถ้านักเรียนเป็น สมิงพระราม หรือตัวละครอื่น ๆ สรุปองค์ความรู้ ร่วมกัน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอร์เน็ต ๖.๒ หนังสือเรียนวรรณคดี ๖.๓ หมวกกระดาษ ๖ สีสำหรับแจกแต่ละกลุ่ม ๖.๔ ใบความรู้เรื่องวิธีการคิดแบบหมวก ๖ ใบ ๖.๕ ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์ตัวละครวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายหลักการวิเคราะห์ และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม สังเกตพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบประเมินการแสดง ละคร ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ วิเคราะห์และวิจารณ์ วรรณคดีวรรณกรรมที่ อ่านพร้อมยกเหตุผล ประกอบได้ ๑.ประเมิน พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่มของ นักเรียน ๒. ทำใบงาน วิเคราะห์ตัวละคร ๑. แบบประเมิน พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ของนักเรียน ๒. ใบงานวิเคราะห์ ตัวละคร ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง ทฤษฎีหมวก ๖ ใบ หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง วิเคราะห์วรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ทฤษฎีหมวก ๖ ใบ "ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน" เป็นผู้ริเริ่มแนวความคิดเรื่อง Lateral Thinking (การคิดนอกกรอบ) และ เป็นคนพัฒนาเทคนิคการคิดริเริ่มสร้างสรรค์และได้พัฒนาเป็นแนวคิดที่เรียกว่า "Six Thinking Hats" ซึ่งเป็น วิธีคิดที่มีมุมมองแบบ "รอบด้าน" ความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นสำหรับผู้บริหาร เพราะ นอกจากจะช่วยสร้างสิ่งใหม่ๆ แล้ว ยังช่วยในการคิดค้นกลยุทธ์แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่ง ที่ทุกคนมีอยู่หรือสร้างขึ้นมาได้แต่จะต้องมาฝึกกระบวนการสร้างความคิดดังกล่าว ในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นนอน ทุกคนย่อมต้องมีการคิดในเรื่องต่าง ๆ ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน จึงได้ให้เทคนิคนี้เพื่อช่วยจัดระเบียบการคิด ทำ ให้การคิดมีประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีการดังกล่าวได้มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวาง หมวกแต่ละใบเป็นการนำเสนอทางเลือกที่เป็นไปได้ตามมุมมองต่าง ๆ ของปัญหา โดยวิธีการสวม หมวกทีละใบในแต่ละครั้ง เพื่อพลังของการคิดจะได้มุ่งเน้นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นการเฉพาะ ซึ่งจะทำ ให้ความเห็นและความคิดสามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ จะประกอบด้วยหมวก ๖ ใบ ๖ สีคือ ๑. หมวกสีขาว หมายถึง ข้อมูลเบื้องต้นของสิ่งนั้น เป็นความคิดแบบไม่ใช้อารมณ์และมีเป้าประสงค์ที่ ชัดเจนแน่นอน ตรงไปตรงมา ไม่ต้องการความคิดเห็น สีขาวเป็นสีที่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นกลาง จึงเกี่ยวข้องกับ ข้อเท็จจริง จำนวนตัวเลข เมื่อสวมหมวกสีนี้จะหมายความว่า ที่ประชุมต้องการข้อเท็จจริงเท่านั้น โดยปกติเรา มักจะใช้หมวกขาวตอนเริ่มต้นของกระบวนการคิด เพื่อเป็นพื้นฐานของความคิดที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เราก็ใช้ หมวกขาวในตอนท้าย ของกระบวนการได้เหมือนกัน เพื่อทำการประเมิน เป็นตัวแทนของข้อเท็จจริง ๒. หมวกสีแดง หมายถึง ความรู้สึกสัญชาตญาณและลางสังหรณ์เมื่อสวมหมวกสีนี้เราสามารถบอก ความรู้สึกของตนเองว่าชอบ ไม่ชอบ ดีไม่ดีมีการใช้อารมณ์ความคิดเชิงอารมณ์ซึ่งส่วนใหญ่การแสดงอารมณ์ จะไม่มีเหตุผลประกอบ หรือการตระหนักรู้โดยฉับพลัน นั่นก็คือ เรื่องบางเรื่องที่เคยเข้าใจ ในแบบหนึ่ง อยู่ๆ ก็เกิดเข้าใจในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งการตระหนักรู้แบบนี้จะทำให้เกิดงานสร้างสรรค์การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ หรือวิธีคิดทางคณิตศาสตร์แบบ ก้าวกระโดด ความคิดความเข้าใจในสถานการณ์โดยทันทีเป็นผลจากการ ใคร่ครวญอันซับซ้อนที่มีพื้นฐานจากประสบการณ์เป็นการตัดสินใจที่ไม่อาจให้รายละเอียด หรืออธิบายได้ด้วย คำพูด เช่นเวลาที่คุณจำเพื่อนคนหนึ่งได้คุณก็จำได้ในทันทีเป็นตัวแทนของอารมณ์และความรู้สึกที่มีต่อ เรื่องราวนั้น ๆ ๓. หมวกสีดำ หมายถึง ข้อควรคำนึงถึงสิ่งที่ทำให้เราเห็นว่า เราไม่ควรทำ เป็นการคิดในเชิง ระมัดระวัง หมวกสีดำ เป็นหมวกคิดที่เป็นธรรมชาติและสอดคล้องกับวิธีการคิดของตะวันตกมาก หมวกสีดำ ช่วยชี้ให้เราเห็นว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดไม่สอดคล้องและสิ่งใดใช้ไม่ได้มันช่วยปกป้องเราจากการเสียเงิน และพลังงาน ช่วยป้องกันไม่ให้เราทำอะไรอย่างโง่เขลาเบาปัญญาและผิดกฎหมาย หมวกสีดำ เป็นหมวกคิดที่มีเหตุมีผลเสมอ เพราะในการวิพากษ์วิจารณ์หรือวิเคราะห์สิ่งใดจะต้องมีการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลรองรับ ไม่มีอารมณ์มา เกี่ยวข้อง ในการประเมินสถานการณ์ในอนาคตของเรานั้น ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเราเองและของผู้อื่น ด้วย เป็นตัวแทนของความระมัดระวัง


๔. หมวกสีเหลือง หมายถึง การคาดการณ์ในทางบวก ความคิดเชิงบวก เป็นการมองโลกในแง่ดีการ มองที่เป็นประโยชน์เป็นการคิดที่ก่อให้เกิดผล หรือทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้การคิดเชิงบวกเป็นการเปิด โอกาสให้พัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ความคิดเชิงลบอาจป้องกันเราจาก ความผิดพลาด ความเสี่ยงและ อันตรายที่อาจเกิดขึ้นดังนั้น การคิดเชิงบวกต้องผสมผสานความสงสัยใคร่รู้ความสุข ความต้องการและความ กระหายที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นหรือไม่ เป็นตัวแทนของการแสงหาทางเลือกอย่างมีความหวัง ๕. หมวกสีเขียว หมายถึง ความคิดนอกกรอบที่มีความสัมพันธ์กับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และ เกี่ยวข้องโดยตรงกับ การเปลี่ยนแปลงแนวคิด และมุมมอง ซึ่งปกติมักถูกกำหนดจากระบบความคิดของ ประสบการณ์ดั้งเดิมและความคิดนอกกรอบนั้น จะอาศัยข้อมูลจาก ระบบของตัวเราเอง โดยเมื่อสวมหมวกสีนี้ จะแสดงความคิดใหม่ๆเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น การคิดอย่างสร้างสรรค์เป็นตัวแทนของความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ๖. หมวกสีน้ำเงิน หมายถึง การควบคุมและการบริหารกระบวนการ การคิดเพื่อให้เกิดความชัดเจน ในเรื่องของความคิดรวบยอด ข้อสรุป การยุติข้อขัดแย้ง การมองเห็นภาพและการดำเนินการที่มีขั้นตอนเป็น ระบบเมื่อมีการใช้หมวกน้ำเงิน หมายถึง ต้องการให้มีการควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ในระบบระเบียบที่ดีและ ถูกต้องหมวกสีน้ำเงินมักเป็นบทบาทของหัวหน้า ทำหน้าที่ควบคุมบทบาทของสมาชิก ควบคุมการดำเนินการ ประชุม การอภิปราย การทำงาน ควบคุมการใช้กระบวนการคิด การสรุปผล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ อย่างไรก็ตามสมาชิก ก็สามารถสวมหมวกสีน้ำเงิน ควบคุมบทบาทของหัวหน้าได้เช่นกัน เป็นตัวแทนของการ ควบคุมความคิดทั้งหมด


ใบงานเรื่อง วิเคราะห์ตัวละคร หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง วิเคราะห์วรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ วิเคราะห์ตัวละคร ชื่อตัวละคร............................................................... ๑. หมวกสีขาว .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. หมวกสีแดง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. หมวกสีดำ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔. หมวกสีเหลือง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. หมวกสีเขียว .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๖. หมวกสีน้ำเงิน .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


ตัวอย่างเฉลยใบงานเรื่อง วิเคราะห์ตัวละคร หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง วิเคราะห์วรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หมวกสีขาว : ข้อเท็จจริง กามะนี: เป็นทหารเอกของพระเจ้ากรุงต้าฉิง มีฝีมือเก่งกาจ จนมีคำสรรเสริญว่า “มิใช่มนุษย์ดุจเทพย ดา” พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องหรือพระเจ้ามณเฑียรทอง : เป็นกษัตริย์แห่งกรุงรัตนบุระอังวะ มักทำสงครามกับ มอญแห่งเมืองหงสาวดี มังรายกะยอฉะวา : เป็นโอรสพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ในอดีตชาติเป็นโอรสของพระเจ้าราชาธิราชมีนิสัยขี้ น้อยใจและมีทิฐิสูง สมิงพระราม : เป็นทหารเอกของพระเจ้าราชาธิราช แห่งกรุงหงสาวดี(มอญ) ภายหลังเป็นเชลยศึก ของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง (พม่า) และได้รับแต่งตั้งให้เป็น “พระมหาอุปราชาผดุงพระนคร” พระเจ้ากรุงจีนหรือพระเจ้าต้าฉิง : เสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงจีน มีความซื่อสัตย์โดยรักษาคำพูดของ ตนเองเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ พระธิดา : เป็นคนรักเดียวใจเดียว รักชาติบ้านเมือง


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ วินิจฉัยวรรณกรรม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๕ วิจารณ์วรรณคดี เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ “ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน” เป็นผู้ริเริ่มแนวความคิด การคิดนอกกรอบ เทคนิคการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และพัฒนาเป็นแนวคิดที่เรียกว่า “Six Thinking Hats” ซึ่งเป็นวิธีคิดที่มีมุมมองแบบ “รอบด้าน” ประกอบหมวก 6 สี ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีน้ำเงิน สีเขียว สีดำ และสีแดง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายหลักการวิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๓.๒ นักเรียนวิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ วิเคราะห์วรรณคดีวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูพูดคุยกับนักเรียนถึงหลักการวิเคราะห์โดยใช้วิธีคิดแบบหมวก ๖ ใบว่าสามารถเรียนรู้และ เข้าใจตัวละครได้ในหลากมุมมอง ซึ่งในวรรณคดีและวรรณกรรมนั้น นอกจากจะวิเคราะห์ตัวละครแล้ว ยังมี การวิเคราะห์โครงเรื่อง ตลอดจนถึงฉาก ซึ่งนักเรียนควรฝึกการวิเคราะห์ด้วย โดยใช้วิธีการคิดแบบหมวก ๖ ใบ เช่นเดิม ๒. ครูทบทวนความหมายของหมวกแต่ละสีโดยใช้วิธีถาม แล้วสุ่มให้นักเรียนตอบ หากนักเรียน อธิบายยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน ครูอาจจะใช้วิธีให้เพื่อนช่วยเพื่อน ให้เพื่อนได้อธิบาย(เพิ่มเติม จากนั้นครูจึง สรุปด้วยภาษาที่กระชับ) ขั้นสอน


๑. นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ ๖ คน โดยให้สมาชิกจับสลากเลือกสีหมวกทั้ง ๖ ใบ ๒. ครูแจกหมวกทั้ง ๖ สีให้แต่ละกลุ่ม นักเรียนแต่ละคนทำความเข้าใจในบทบาทแล้วสวมหมวก ๓. ครูแจกหมวกทั้ง ๖ สีให้แต่ละกลุ่ม นักเรียนแต่ละคนทำความเข้าใจในบทบาท นักเรียนจะ ไม่ได้หมวกใบเดิมกับคาบที่แล้ว เพื่อฝึกการคิดอีกมิติหากมีความไม่เข้าใจ หรือยังไม่ชัดเจนให้เพื่อนที่เคยรับ หน้าที่การวิเคราะห์แล้วสวมหมวก ๔. แบ่งเนื้อหาในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา เป็น๗ ตอน แล้วเขียนชื่อแต่ ละตอนบนกระดานให้แต่ละกลุ่มจับสลากเลือกโครงเรื่อง ด้วยวิธีคิดแบบหมวก ๖ ใบ - หมวกสีขาว เสนอข้อเท็จจริง - หมวกสีแดง เสนอข้อคิดเห็นและความรู้สึก - หมวกสีดำ เสนอข้อบกพร่อง - หมวกสีเหลือง เสนอประโยชน์หรือจุดเด่น - หมวกสีเขียว เสนอแนวทางการพัฒนา - หมวกสีฟ้า เสนอข้อสรุปภาพรวม ๕. ให้นักเรียนแต่ละคนวิเคราะห์แล้วแบ่งปันให้สมาชิกในกลุ่มทราบแบบสุนทรียสนทนา ใน ขั้นตอนนี้ครูควรไปนั่งฟังในแต่ละกลุ่มบ้าง เพื่อสังเกตการเรียนรู้ร่วมกันของนักเรียน ๖. ครูนำวิเคราะห์โครงเรื่องในแต่ละตอน ในแต่ละมิติ โดยให้สุ่มนักเรียนหมวกสีต่าง ๆ เป็นคน ตอบ สุ่มนักเรียนที่รับผิดชอบหมวกแต่ละสีจากแต่ละกลุ่มตอบ ให้ครบทั้ง ๖ มิติ แล้วครูอธิบายเพิ่มเติม ๗. นักเรียนทำใบงานวิเคราะห์โครงเรื่อง ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา ขั้นสรุป ๑. ครูและนักเรียนทบทวนวิธีการคิดแบบหมวก ๖ ใบและร่วมกันอภิปรายถึงโครงเรื่อง ว่าหาก นักเรียนตกอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ตามเรื่องนักเรียนจะทำอย่างไร มีวิธีแก้ไขปัญหาแบบใด ๒. ครูสรุปและอธิบายเพิ่มเติม ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอร์เน็ต ๖.๒ หนังสือเรียนวรรณคดี ๖.๓ หมวกกระดาษ ๖ สีสำหรับแจกแต่ละกลุ่ม ๖.๔ ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์โครงเรื่อง ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายหลักการวิเคราะห์ และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม สังเกตพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ วิเคราะห์และวิจารณ์ วรรณคดีวรรณกรรมที่ อ่านพร้อมยกเหตุผล ประกอบได้ ๑.ประเมิน พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่มของ นักเรียน ๒. ทำใบงานเรื่อง การวิเคราะห์โครง เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ๑. แบบประเมิน พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ของนักเรียน ๒. ใบงานเรื่องการ วิเคราะห์โครงเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์โครงเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง วิจารณ์วรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ วิเคราะห์เหตุการณ์ ชื่อตัวละคร............................................................... ๑. หมวกสีขาว .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. หมวกสีแดง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. หมวกสีดำ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔. หมวกสีเหลือง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. หมวกสีเขียว .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๖. หมวกสีน้ำเงิน .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


ตัวอย่างเฉลยใบงานเรื่อง การวิเคราะห์โครงเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง วิจารณ์วรรณคดี รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. หมวกสีขาว : ข้อเท็จจริง ๑. พระเจ้ากรุงจีนต้องการเห็นทหารขี่ม้าสู้กันกับกามะนีตัวต่อตัวเพื่อดูเล่น จึงยกทัพล้อมกรุงอังวะ แล้วนำราชสาส์นกับเครื่องบรรณาการถึงพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ๒. ในราชสาส์นให้พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องหาทหารมาประลองฝีมือกับกามะนีถ้าแพ้ให้อยู่ในอำนาจของ พระเจ้ากรุงจีน ถ้าชนะก็จะยกทัพกลับไป พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องตอบตกลงที่จะหาทหารมาประลองฝีมือกันใน เวลา ๗ วัน ๓. พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ประกาศหาทหารที่มีฝีมือ แต่ไม่มีใครอาสา จนสมิงพระรามซึ่งเป็นเชลยศึก จากหงสาวดีอาสาออกรบกับกามะนี ๔. สมิงพระรามได้ม้าดีของหญิงม่าย ออกสู้รบกับกามะนีจนในที่สุดสามารถตัดหัวกามะนีได้สำเร็จ พระเจ้ากรุงจีนจึงยกทัพกลับไป ๕. พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง แต่งตั้งให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราชและยกพระราชธิดาให้เป็นรางวัล สมิงพระรามขอสัญญาว่าจะไม่ให้พูดว่าตนเป็นเชลยมิเช่นนั้นจะกลับหงสาวดี ๖. ต่อมาพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องมีพระราชนัดดา พระองค์ตรัสว่าพระราชนัดดาเป็นลูกเชลย ซึ่งหมายถึง สมิงพระราม เมื่อสมิงพระรามได้ยินก็เสียใจมากจึงกลับไปหงสาวดี


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ วินิจฉัยวรรณกรรม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๖ เรียนรู้คุณค่า เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ รสวรรณคดี (กวีโวหารที่เน้นเนื้อความเป็นหลัก) คือ คุณลักษณะของวรรณกรรมที่สามารถทำให้ผู้อ่าน มีอารมณ์ ความคิดตอบสนองได้ เปรียบเหมือนกับอาหารที่มีรสชาติต่าง ๆ เช่น เปรี้ยว หวาน เป็นต้น รส วรรณคดีไทย แบ่งออกเป็น 4 รส ได้แก่ เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พิโรธวาทัง และสัลลาปังคพิไสย์/สัลลาปังค พิสัย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนระบุหลักการวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๓.๒ นักเรียนอธิบายคุณค่าของวรรณคดีวรรณกรรมที่อ่านได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีวรรณกรรมที่อ่าน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูพูดคุยกับนักเรียน เกี่ยวกับสื่อที่นักเรียนได้รับ เช่น ละคร ภาพยนตร์เพลงหรือโฆษณาที่ นักเรียนประทับใจ เชื่อมโยงว่างานที่มีลักษณะเป็นเรื่องราวมักมีคุณค่าทำให้เราจดจำและประทับใจ ในทาง วรรณคดีวรรณกรรม เรียกว่า คุณค่าของวรรณคดี ๒. ครูถามย้อนกลับนักเรียนว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้นักเรียนชื่นชอบหรือจดจำสื่อต่าง ๆ เหล่านั้น เพราะเนื้อหา ความไพเราะ มีความรู้สึกร่วมกันกับเนื้อหาของสื่อนั้น หรือเพราะความนิยมของสังคม อาจจะมี หลายสาเหตุมากกว่านี้ที่นักเรียนจะตอบ ครูกระตุ้นนักเรียนให้แสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นมิตร


๓. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าเหตุผลที่นักเรียนตอบคือคุณค่าของสื่อนั้น ๆวรรณคดีก็เช่นกันมีคุณค่า ในด้านต่าง ๆ ให้เรียนรู้กัน ขั้นสอน ๑. ครูแจกใบความรู้เรื่องคุณค่าของวรรณคดีให้นักเรียนทุกคนศึกษาในขั้นตอนนี้ครูควร กำหนดเวลาในการศึกษา ๒. นักเรียนจับกลุ่มกันกลุ่มละ ๓ คน โดยแต่ละคนมีหน้าที่ในการศึกษาคุณค่าด้านใดด้านหนึ่ง คือ ด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์และด้านสังคมแต่ละคนถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในคุณค่าด้านนั้น ๓. นักเรียนช่วยกันหาคุณค่าทั้ง ๓ ด้านที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระราม อาสา แล้วเขียนสิ่งที่ได้ลงในใบงานที่แจกให้กลุ่มละ ๑ ชุด ๔. ครูแบ่งกระดานเป็น ๓ ส่วนสำหรับให้นักเรียนเขียนตอบ จากนั้นครูชี้แจงขั้นตอนคือให้ นักเรียนที่ได้รับผิดชอบในคุณค่าแต่ละด้าน ออกไปเขียนสิ่งที่ตนได้วิเคราะห์มาบนกระดาน อาจจะมีประเด็นซ้ำ กันในแต่ละกลุ่ม ให้ครูตัดประเด็นที่ซ้ำกันออก ๕. เมื่อได้ประเด็นที่นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ออกมาในเรื่องคุณค่าของวรรณคดีบนกระดาน แล้ว ครูแจกใบงานการวิเคราะห์คุณค่าชุดที่ ๒ ให้นักเรียนจดหัวข้อที่เพื่อนในห้องช่วยกันระดมความคิดบน กระดาน จากนั้นให้ช่วยกันในกลุ่มหาข้อความจากตัวบทเนื้อเรื่อง เป็นการตรวจสอบความรู้ที่นักเรียนร่วมกัน วิเคราะห์ว่ามีหลักฐานรับรองสิ่งที่วิเคราะห์ออกมาหรือไม่ ๖. ครูสรุปคุณค่าของวรรณคดีที่ปรากฏในเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสาโดยวิธีการ ถามแต่ละกลุ่ม โดยยึดเอาสิ่งที่นักเรียนช่วยกันระดมความคิดบนกระดานเป็นหัวข้อในการถาม นักเรียนที่ได้รับ การสุ่มให้ยกตัวอย่างตัวบทที่แสดงถึงคุณค่าของวรรณคดีในประเด็นที่ครูถาม ขั้นสรุป นักเรียนสร้างแผนภาพความคิดสรุปคุณค่าของวรรณคดีที่ปรากฏในเรื่องราชาธิราช ตอนสมิง พระรามอาสา ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอร์เน็ต ๖.๒ หนังสือเรียนวรรณคดี ๖.๓ ใบความรู้เรื่องคุณค่าของวรรณคดี ๖.๔ ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์คุณค่าของวรรณคดี


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ระบุหลักการวิเคราะห์ คุณค่าวรรณคดีและ วรรณกรรมได้ สังเกตพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ อธิบายคุณค่าของ วรรณคดีวรรณกรรมที่ อ่านได้ ๑. ประเมิน พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่มของ นักเรียน ๒. ทำแผนภาพ ความคิด ๑. แบบประเมิน พฤติกรรมการทำงาน กลุ่มของนักเรียน ๒. ทำแผนภาพความคิด ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง เรียนรู้คุณค่า รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ความหมายของการวิเคราะห์วรรณคดี การวิเคราะห์หมายถึง การพิจารณาตรวจตรา แยกแยะและประเมินค่า ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ วิเคราะห์ในการนำไปแสดงความคิดเห็น อภิปรายข้อเท็จจริงให้ผู้อื่นทราบ ด้วยว่าใครเป็นผู้แต่ง เป็นเรื่อง เกี่ยวกับอะไรมีประโยชน์อย่างไร ต่อใครบ้าง ผู้วิเคราะห์มีความเห็นอย่างไร เรื่องที่อ่านมีคุณค่าด้านใดบ้างและ แต่ละด้านสามารถนำไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง การวิเคราะห์วรรณกรรมมีหลักเกณฑ์การปฏิบัติอย่างกว้าง ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมงานเขียนทุก ประเภทแต่ละประเภท ผู้วิเคราะห์ต้องนำแนวการวิเคราะห์ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับงานเขียนแต่ละชิ้นงานซึ่ง มีลักษณะแตกต่างกันไป ซึ่งประพนธ์เรืองณรงค์และคณะ (๒๕๔๕ : ๑๒๘) ได้ให้หลักเกณฑ์กว้าง ๆ ในการ วิเคราะห์วรรณกรรม ดังนี้ ๑) ความเป็นมาหรือประวัติของหนังสือและผู้แต่ง เพื่อช่วยให้วิเคราะห์ในส่วนอื่น ๆ ๒) ลักษณะคำประพันธ์ ๓) เรื่องย่อ ๔) ส่งเสริม เนื้อเรื่อง ให้วิเคราะห์เรื่องในหัวข้อต่อไปนี้ตามลำดับ โดยบางหัวข้ออาจจะมีหรือไม่มีก็ ได้ตามความจำเป็น เช่น โครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก วิธีการแต่ง ลักษณะการเดินเรื่อง การใช้ถ้อยคำ สำนวนใน เรื่องท่วงทำนองการแต่ง วิธีคิดสร้างสรรค์ทัศนะหรือมุมมองของผู้เขียน เป็นต้น ๕) แนวคิด จุดมุ่งหมาย เจตนาของผู้เขียนที่ฝากไว้ในเรื่อง ซึ่งต้องวิเคราะห์ออกมาก ๖) คุณค่าของวรรณกรรม โดยปกติจะวิเคราะห์ตามหัวข้อต่อไปนี้ คุณค่าด้านวรรณศิลป์คือ ความไพเราะของบทประพันธ์ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึก และจินตนาการตามรสของวรรณคดีความหมายของถ้อยคำและภาษาที่ผู้แต่งเลือกใช้เพื่อให้มีความหมาย กระทบใจผู้อ่าน คุณค่าด้านเนื้อหา แนวความคิดและกลวิธีนำเสนอ คุณค่าด้านสังคม วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะท้อนให้เห็นสภาพของสังคมและวรรณคดีที่ดีสามารถ จรรโลงสังคมได้อีกด้วย การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ วรรณศิลป์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญซึ่งช่วยให้วรรณกรรมมีคุณค่าน่าสนใจ คำว่า “วรรณศิลป์” หมายถึงลักษณะดีเด่นทางด้านวิธีแต่ง การเลือกใช้ถ้อยคำ สำนวน ลีลาประโยค และความเรียงต่าง ๆ ที่ ประณีต งดงามหรือมีรสชาติเหมาะสมกับเนื้อเรื่องเป็นอย่างดีวรรณกรรมที่ใช้วรรณศิลป์ชั้นสูงนั้นจะทำให้คน อ่านได้รับผลในทางอารมณ์ความรู้สึก เช่น เกิดความสดชื่น เบิกบาน ขบขัน เพลิดเพลิน ขบคิด เศร้าโศก ปลุก ใจ หรืออารมณ์อะไรก็ตามที่ผู้เขียนต้องการสร้างให้เกิดขึ้นในตัวผู้อ่าน นั่นคือ วรรณศิลป์ในงานเขียน ทำให้ ผู้อ่าน เกิดความรู้สึกในจิตใจและเกิดจินตนาการสร้างภาพคิดในสมองได้ดีการวิเคราะห์งานประพันธ์จึงควร พิจารณาวรรณศิลป์เป็นอันดับแรก แล้วจึงวิจารณ์ว่ามีคุณค่าหรือน่าสนใจเพียงใดหากงานประพันธ์นั้นเป็น ประเภทบทร้อยกรอง ผู้อ่านที่จะวิเคราะห์วิจารณ์ควรมีความรู้บางอย่าง เช่น รู้บังคับการแต่งบทร้อยกรองรู้


วิธีใช้ภาษาของกวีรู้วิธีสร้างภาพฝันหรือความคิดของกวีเป็นต้น ความรู้ดังกล่าวนี้จะช่วยให้เข้าใจบทร้อยกรอง ได้มากขึ้น คุณค่าด้านเนื้อหา สาระของวรรณกรรม คือ ประโยชน์อันเป็นผลพลอยได้ที่ได้รับจากวรรณกรรม นอกเหนือจากความ บันเทิงใจ แนวคิดที่ปรากฏในวรรณกรรม หมายถึง ความคิดสำคัญของเรื่องที่ให้ประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดย อ้อมแก่มนุษยชาติและสังคม เช่น แนวคิดเกี่ยวกับความเชื่อ เรื่องบุญกรรม ความรักชาติความกตัญญูกตเวที ความซื่อสัตย์ เป็นต้น ตัวอย่าง สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ บาปเกิดแต่ตนคน เป็นบาป บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง (โคลงโลกนิติ) แนวคิดโคลงบทนี้แสดงแนวคิดว่า ผลของความชั่วเป็นสิ่งร้ายกาจ ทำลายผู้ประพฤติชั่ว เหมือนสนิมที่ กัดกินเนื้อเหล็กจนกร่อนผุผู้ที่ทำบาปทำชั่วก็จะเป็นโทษภัยแก่ผู้นั้นเอง คุณค่าด้านสังคม เนื้อหาที่เป็นหลักฐาน ทำให้ผู้อ่านได้ทราบความจริงเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลง ทุก ๆ ทางของสังคม ค่านิยมและทัศนะของบุคคลในสมัยที่วรรณกรรม เรื่องนั้นเกิดขึ้น (ค่านิยม หมายถึง ความรู้สึก ความคิด หรือ ความเชื่อของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มนุษย์เชื่อว่า มีความหมายหรือมีความสำคัญต่อตนหรือกลุ่มของคน ค่านิยมจะเป็นตัวกำหนด พฤติกรรมแบบแผนการดำเนินชีวิตของบุคคล) เช่น ค่านิยมเรื่องการทำบุญทำทาน การชอบ ความสนุกสนานรื่นเริง การนิยมใช้ของต่างประเทศ ความจงรักภักดีต่อชาติฯลฯ เช่น ในเสภาขุนช้าง ขุนแผนกล่าวถึงพิธีโกนจุกว่า ตัวอย่าง “ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยาม ได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำ แกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลู บ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้ง มีทั้งสังข์ใส่น้ำมนต์ไว้จนเปี่ยม อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียม ตามธรรมเนียมฆ้องกลองฉลองทาน”


ใบงานเรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง เรียนรู้คุณค่า รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนระบุคุณค่าด้านต่าง ๆ ที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา พร้อม ยกตัวอย่างประกอบ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. คุณค่าด้านเนื้อหา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. คุณค่าด้านสังคม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. (คำตอบอยู่ในดุลยพินิจของครู)


แนวคำตอบใบงานเรื่อง วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง เรียนรู้คุณค่า รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนระบุคุณค่าด้านต่าง ๆ ที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา พร้อม ยกตัวอย่างประกอบ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ มีการใช้สำนวนโวหารสูง แม้จะใช้ประโยคยาวแต่ใช้ถ้อยคำภาษาและการเข้าประโยคที่สละสลวย ๑. การใช้สำนวนเปรียบเทียบที่คมคาย เช่น “พระเจ้ากรุงจีนยกมาครั้งนี้อุปมาดังฝนตกห่าใหญ่ตก ลงน้ำนองท่วมป่าไหลเชี่ยวมาเมื่อวสันตฤดูนั้นหาสิ่งใดจะต้านทานมิได้” หมายถึง กองทัพของพระเจ้ากรุงจีน เป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ ๒. ใช้คำคมให้คติเตือนใจ เช่น “เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะ เอาทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทร์มายกให้เรา เราก็มิได้ปรารถนา” หมายถึง คนที่รักษาคำพูดถึงแม้จะนำ ทรัพย์อันมีค่ามาให้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำพูดที่เคยให้ไว้ได้ คุณค่าด้านเนื้อหา เนื้อหา ตอนสมิงพระรามอาสา เป็นตอนที่สมิงพระรามทหารเอกของมอญถูกพม่าจับตัวไปขังที่เมือง อังวะกองทัพจีนยกมาทำให้ส่งทหารพม่ามาต่อสู้กับทหารเอกของจีนตัวต่อตัว ไม่มีทหารอาสาออกไปรบ สมิง พระรามจึงได้อาสาออกไปรบแทน เมื่อสมิงพระรามเอาชนะทหารเอกของจีนได้พระเจ้ากรุงอังวะจึงตอบแทน ด้วยการแต่งตั้งให้เป็นอุปราชและยกพระธิดาให้สมิงพระรามขอคำสัญญาจากพระเจ้ากรุงอังวะว่า จะไม่เรียก สมิงพระรามว่า เชลยต่อมาพระเจ้ากรุงอังวะเผลอเรียกหลานชายซึ่งเป็นลูกของพระธิดากับสมิงพระรามว่าลูก เชลย สมิงพระรามจึงกลับกรุงหงสาวดี คุณค่าด้านสังคม ๑. ความเชื่อในเรื่องฤกษ์ยาม เช่น ตอนพระเจ้ากรุงต้าฉิงยกทัพมายังกรุงรัตนบุระอังวะ ก็ต้องรอให้ ฤกษ์ดีก่อนจะยกทัพมาได้ ๒. ขนบธรรมเนียมในการส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อตอบแทน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งประพฤติปฏิบัติ ตามที่ฝ่ายตนร้องขอ หรือส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อขอให้อีกฝ่ายหนึ่งทำตามที่ตนเองขอ เช่น การส่งพระ ราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงต้าฉิง เพื่อให้พระเจ้าอังวะอยู่ในอำนาจออกมาถวายบังคมและต้องการจะดูทหารรำ ทวนขี่ม้าสู้กัน ๓. การรักษาสัจจะของบุคคลที่อยู่ในฐานะกษัตริย์เช่น การรักษาคำพูดของพระเจ้ากรุงต้าฉิงเมื่อกา มะนีแพ้ก็ยกทัพกลับไปโดยไม่ทำอันตรายแก่ผู้ใดเลย ตามที่ได้พูดไว้ ๔. ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เช่น สมิงพระรามแม้จะอาสารบให้พระเจ้าอังวะแต่โดยใจจริง แล้วก็ทำเพื่อบ้านเมืองของตน และยังคงจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ของตน ๕. การปูนบำเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นการสร้างกำลังใจและผูกใจคนไว้ ได้ดังตอนที่พระเจ้าอังวะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม เมื่อสมิงพระรามไม่รับบำเหน็จจากการอาสารบ “อนึ่งเรา เกรงคนทั้งประเทศจะครหานินทาได้ท่านอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็นอันมากมิได้รับบำเหน็จรางวัลสิ่งใด


นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจล หรือข้าศึกมาย่ำยีเหลือกำลังก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว” ด้วย เหตุผลของพระเจ้าอังวะข้างต้น สมิงพระรามจึงต้องรับรางวัลในครั้งนี้


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ วินิจฉัยวรรณกรรม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๗ สำนวนโวหาร เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. สาระสำคัญ โวหาร คือ ถ้อยคำที่พูดกันเป็นชั้นเชิง ไม่พูดตรง ๆ แต่มีความหมายแฝงอยู่ในคำพูดนั้น ๆ และผู้ฟัง ย่อมเข้าใจความหมายได้ทันที ถ้าคำพูดนั้นเป็นที่รู้จัก และใช้กันอย่างแพร่หลายจนอยู่ตัวแล้ว ได้แก่ บรรยาย โวหาร อธิบายโวหาร พรรณนาโวหาร เทศนาโวหาร สาธกโวหาร และอุปมาโวหาร ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ ๓.๒ นักเรียนวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูให้นักเรียนอ่านข้อความที่ครูเขียน/ฉายบนกระดาน ต่อไปนี้ “พลับพลาพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง” สมิงพระรามได้ทีก็สอดทวน แทงถูกซอกรักแร้กามะนีกามะนีเอนตัวลง สมิงพระราม จึงชักดาบกระทืบม้าเข้าฟันย้อนตามกลีบเกราะขึ้นไป ต้องศีรษะกามะนีขาดออกตกลงมายังมิทันถึงดิน ก็เอา ขอเหล็กสับศีรษะกามะนีได้ใส่ตะกรวยแล้วก็ชักม้าฟ้อนรำ เป็นเพลงทวนเข้ามาตรงหน้า


๒. ครูซักถามนักเรียนว่า เมื่อนักเรียนอ่านข้อความนี้แล้วเกิดภาพตามในความคิดหรือไม่ ขั้นสอน ๑. ครูแจกใบความรู้เรื่อง สำนวนโวหาร ให้นักเรียนศึกษา นักเรียนหาข้อความจากเรื่อง ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา ที่มีสำนวนโวหารลงในใบงาน ตัวอย่าง “อุปมาดังคนปลูกพฤกษชาติให้ใหญ่ สูง แล้วตัดยอดหักกิ่ง” ตรงกับสำนวนไทยว่า เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า ๒. ครูติดกระดาษชาร์ต ๕ สีบนกระดานตามประเภทของสำนวนโวหาร และแจกกระดาษสี แผ่นเล็กให้นักเรียน ๓. นักเรียนเขียนข้อความที่มีการใช้โวหารชนิดใดก็ได้ลงในกระดาษแผ่นเล็กจากนั้นเอาไปติดที่ กระดาษชาร์ตบนกระดานตามชนิดของโวหาร ๔. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันถึงสำนวนโวหารที่ปรากฏในเรื่องราชาธิราช ตอนสมิง พระรามอาสา จากนั้นนักเรียนสรุปเป็นแผนผังความคิด ขั้นสรุป ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันเกี่ยวกับความรู้เรื่องสำนวนโวหาร ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอร์เน็ต ๖.๒ หนังสือเรียนวรรณคดี ๖.๓ ใบความรู้เรื่องสำนวนโวหาร ๖.๔ ใบงานเรื่องสำนวนโวหาร ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายคุณค่าด้าน วรรณศิลป์ของวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่านได้ เขียนแผนผัง ความคิด แบบประเมินแผนผัง ความคิด ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ วิเคราะห์คุณค่าด้าน วรรณศิลป์ของวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่านได้ สังเกตพฤติกรรม การเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒


ใบความรู้ เรื่อง สำนวนโวหาร หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง สำนวนโวหาร รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โวหาร หมายถึง ถ้อยคำที่พูดกันเป็นชั้นเชิง ไม่พูดตรง ๆ แต่มีความหมายแฝงอยู่ในคำพูดนั้น ๆ และ ผู้ฟังย่อมเข้าใจความหมายได้ทันทีถ้าคำพูดนั้นเป็นที่รู้จัก และใช้กันอย่างแพร่หลายจนอยู่ตัวแล้ว ๑. สาธกโวหาร เป็นข้อความที่ใช้เขียนอธิบายแสดงความคิดเห็น และวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยยกตัวอย่างมากล่าวอ้างเพื่อให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น ตัวอย่าง สาธกโวหาร ผู้คนชอบที่จะย้อนคิดถึงอดีต ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราย้ายบ้านใหม่ ไม่ว่าบ้านใหม่ของเราจะดีอย่างไร เราก็มักจะคิดถึงที่เก่าและอยากกลับไปดู เมื่อเราซื้อสิ่งอันใหม่ เรามักยังคงจำของชิ้นเก่าที่มีคุณภาพดีได้และเมื่อเราซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่หรือ รองเท้าคู่ใหม่ เรามักจะรู้สึกว่า มันใส่ไม่สบายเทาของเก่าของเรา เรารู้สึกเช่นนี้กับสิ่งของ และยิ่งไปกว่านั้นแม้กับผู้คน เรามักจะคิดถึงเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่า ๆ กลุ่ม เพื่อนเก่าและเพื่อนสนิทคนเก่า และหวังให้ทุกคนมีโอกาสได้มารวมกันอีกครั้ง การย้อนคิดถึงอดีตเป็นสิ่งที่ดีและยังเป็นจิตสำนึกของการไม่ลืมรากฐานความเป็นมาของเราด้วย ๒. พรรณนาโวหาร เป็นข้อความที่ใช้เล่าเรื่องราวให้รายละเอียดจนผู้อื่นสามารถนึกเห็นภาพได้หรือ เกิดจินตนาการจากเรื่องที่อ่านได้ ตัวอย่าง พรรณนาโวหาร แม่นกและพ่อนกบินถลาเข้ามาด้วยความโกรธ มันบินวนเวียนเหนือยอดไม้และส่งเสียงร้องดังสะท้าน คล้ายหัวใจจะแตกสลาย ๓. บรรยายโวหาร เป็นข้อความที่เล่าหรือชี้แจงเกี่ยวกับการสังเกตการเล่าเรื่อง การรายงาน และ วิธีการทำเป็นการใช้ภาษาที่ทำให้เกิดความเข้าใจง่าย ตัวอย่าง บรรยายโวหาร โครงเรื่องของเรื่องรามเกียรติ์กล่าวถึง ท้าวทศรถกษัตริย์ผู้ครองกรุงอโยธยาได้เคยทรงสัญญาต่อนาง ไกยเกษีพระมเหสีองค์หนึ่งว่าจะทูลขออะไรก็ได้เพราะครั้งหนึ่งนางได้ช่วยพระองค์ให้รอดพ้นจากอันตรายใน สงครามเมื่อท้าวทศรถจะอภิเษกให้พระรามซึ่งเป็นโอรสที่เกิดจากพระมเหสีองค์หนึ่งขึ้นครองราชย์ต่อจาก พระองค์นางไกยเกษีจึงทูลขอให้ท้าวทศรถยกราชสมบัติให้พระพรตโอรสของนาง และขอให้พระรามออกไป บำเพ็ญพรตอยู่ในป่า ๑๔ ปี ๔. อุปมาโวหาร เป็นข้อความที่กล่าวเปรียบเทียบของสองสิ่งว่าเหมือนกัน มักใช้คำว่า เหมือน คล้าย ดุจ ดูราว กล ประหนึ่ง เพียง ดั่ง ราวกับ เฉก เช่น ตัวอย่าง อุปมาโวหาร “...เจ้าสมิงพระรามได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปลื้มปลาบจน สุดจิตไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ทั่วกาย ซึ่งข้าพเจ้าคิดทำดังนี้ เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รักแก้ว...” จาก ราชาธิราช ตอน สิงพระรามอาสา ของ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ๕. เทศนาโวหาร เป็นข้อความที่ให้ข้อคิดเตือนสติและทำให้เกิดความจรรโลงใจ ตัวอย่าง เทศนาโวหาร


งานไม่ใช่เงิน การประกอบธุรกิจต่าง ๆ เรียกว่า งาน คือหน้าที่หรือกิจการที่ต้องทำ หมายความว่า การทำงานก็คือ การทำหน้าที่ หน้าที่ของคนมีอะไรบ้างเป็นเรื่องที่ตอบยากด้วยคำจำกัด เพราะหน้าที่ของคนในครอบครัว พ่ออย่าง หนึ่งเเม่อย่างหนึ่ง ลูกอย่างหนึ่ง คนใช้ก็อีกอย่างหนึ่ง ขยายออกไปถึงคนทั้งประเทศ หน้าที่ก็ขยายออกไปอีก ซึ่งแยกประเภทของงานก็ได้๒ ประเภท คือ งานส่วนตัว กับงานส่วนรวม ส่วนตัวทำเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวและครอบครัว ส่วนรวมเป็นงานสาธารณะเพื่อหมู่คณะ เพื่อ ประเทศชาติงานบางอย่างทำเพื่อได้มา บางอยางทำเพื่อเสียสละ งานเพื่อเสียสละ เป็นงานสันติโดยส่วนเดียว งานส่วนตัวไม่ใช่สันติโดยตรง แต่ถ้าเป็นงานดีก็เป็นทั้งสันติส่วนตัว และส่วนรวมคู่กันไป ผลงานนั้นเป็นเครื่องวัดระดับของคน บอกให้รู้ว่าเป็นคนดีหรือเลวมากน้อยเพียงไร ไม่ปรากฏหลักการ ใดว่างานคือเงิน เพราะเงินเป็นเพียงผลพลอยได้จากงานเท่านั้น ทำงานทุกอย่างจงนึกถึงผลงานโดยตรง อย่าคำนึงเฉพาะแต่เงินเท่านั้น เพราะคนตื่นเงินนั้นย่อมประพฤติตนจนเป็นที่ดูหมิ่นของคนทั้งปวง


ใบงานเรื่อง สำนวนโวหารที่ปรากฏในเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามพระอาสา หน่วยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง สำนวนโวหาร รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง : ให้นักเรียนบอกโวหารที่ปรากฏในข้อความต่อไปนี้ ๑. “...ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกานั้นก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบศิลปะศาสตร์วิชาการเป็นทหารมีฝีมือหาผู้ เสมอมิได้ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาดำสมเด็จพระราชบิดาจะทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ซึ่งเปรียบเหมือน เสือนั้นถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้วก็คงจะกลับเป็นราชสีห์...” .............................................................................................................................................................................. ๒. “สมบูรณ์ด้วยลักษณะและสิริมารยาทงามยิ่งนัก ถ้าบุรุษผู้ใดได้เห็นและได้นั่งใกล้แล้วเมื่อใดก็มิอาจจะดำรง จิตอยู่ได้ดวงกมลก็จะหวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์” .............................................................................................................................................................................. ๓. ฝ่ายสมิงพระรามก็แต่งตัว ใส่เสื้อสีชมพูขลิบทองจีบเอว โพกผ้าชมพูขลิบแล้วไปด้วยทองใส่กำไลต้นแขน ปลายแขนด้วยเนาวรัตน์แต่ล้วนทองเป็นอันงาม แล้วสอดดาบสะพายแล่งขึ้นม้า ฟ้อนรำเป็นเพลงทวนออกมา ยังท้องสนาม .............................................................................................................................................................................. ๔. “พระเจ้ากรุงจีนได้ฟังก็ตรัสห้ามนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงว่า เราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ให้แก่เขาแล้ว จะกลับคำไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าทั้งปวงจะชวนกันดูหมิ่นได้ว่า จีนพูดไม่ จริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทร์มายก ให้เรา เราก็มิได้ปรารถนา ตรัสดังนั้นแล้วก็สั่งให้เลิกทัพเสด็จกลับไปยังกรุงจีน ฝ่ายสมิงพระรามเมื่อได้รับชัย ชนะแล้ว” .............................................................................................................................................................................. ๕. “สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเมื่อขี่จึงรู้ว่าดีม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดีทแกล้ว ทหารที่ดีถ้าอาสาออกสงครามทำศึกจึงจะรู้ว่าดีทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดีสตรีรูปงาม ถ้า พร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่า มีโอชาอร่อย ถ้าใจดีต้องทดลองให้สิ้นเชิงปัญญาก่อนจึงจะนับว่าดี” ..............................................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version