The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chalikae, 2023-11-02 03:14:45

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

แผนการจัดการเรียนรู้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2566

ภาคผนวก


สำรวจพันธุ์ไม้ดอกในเพลงอุทยานดอกไม้ ชื่อดอกไม้ ชื่อวิทยาศาสตร์ ลักษณะ หมายเหตุ ดอกซ่อนกลิ่น Polianthes tuberose พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก สารานุกรมไทย ฉบับเสริม ดอกสร้อยทอง Golden Rod พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก http://web.ku.ac.th/ ดอกขจร Telosma minor พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก สารานุกรมไทย เล่มที่ ๑ หน้า ๕๑ ดอกพลับพลึง Crinum asiaticun Linn. พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก ไม้พุ่ม ไม้พุ่ม หน้า ๖๐ ดอกหงอนไก่ Celosia Argentea L. พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก http://www.panmai.com/Ga rdenSong/Flower_25.shtml ดอกทานตะวัน Helianthus annuus พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก http://www.panmai.com/Ga rd ดอกบานชื่น Zinnia elegans พันธุ์ไม้ดอกพืชล้มลุก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน (ยังมีรายชื่ออีกขอยกตัวอย่างเพียงแค่นี้)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคําไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑ คํามูล เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำมูล คือ คำพื้นฐานที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง เป็นคำที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ อาจเป็นคำไทยแท้ หรือเป็นคำที่มาจากภาษาอื่นก็ได้ และจะเป็นคำพยางค์เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายและลักษณะของคํามูลพยางคเดียวและคํามูลหลายพยางคได้ ๓.๒ นักเรียนจําแนกคํามูลพยางคเดียวและคํามูลหลายพยางคออกจากกันได้ ๓.๓ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๔ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมายและลักษณะของคํามูล และการจําแนกคํามูลพยางคเดียวและคํามูลหลายพยางค์ ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูใหนักเรียนเลนปริศนาคําทาย ดังนี้ - อะไรเอย มีหูสองขางตรงกลางเปนแอง ตอบ กระทะ - อะไรเอย ปูยาตายายชอบตําแลวนําไปเคี้ยว ตอบ หมาก - อะไรเอยดุรายนักหนา กายาอยูในทะเล ตอบ ฉลาม - อะไรเอย เดินไดเดินดีถาหยุดตองตายทันที ตอบ นาฬิกา - อะไรเอยตนเทาครก ใบปรกดิน


ตอบ ตะไคร้ ๒. ครูรวบรวมคําตอบที่ไดจากปริศนาคําทายทั้งหมดไวบนกระดาน แลวใชคําถามกระตุน ความคิดของนักเรียน - คําตอบที่ไดแตละคํามีกี่พยางค (๑ พยางค ๒พยางค และ ๓ พยางค) - คําแตละคํามีความหมายหรือไม (มี) - คําตอบที่มีหลายพยางค เมื่อนํามาแยกพยางคแลวยังมีความหมายอยูหรือไม (บาง พยางคมีความหมาย บางพยางคไมมีความหมาย) ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง คํามูล ๒. ครูอธิบายความรูเรื่องคํามูลใหนักเรียนเขาใจยิ่งขึ้น ๓. ครูสุมนักเรียน ๕ คน ออกมาเขียนคํามูลบนกระดาน คนละ ๒ คํา ใหเปนคํามูลพยางคเดียว หนึ่งคํา และคํามูลหลายพยางหนึ่งคํา แลวใหนักเรียนในชั้นเรียนชวยกันพิจารณาวา คําที่เขียนบนกระดานนั้น เปนคํามูลหรือไม พรอมบอกเหตุผล ๔. ครูใหนักเรียนทําใบงานเรื่อง คํามูล ครูตรวจใบงานและอธิบายเพิ่มเติม ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมสรุปเนื้อหาเรื่อง คํามูลพรอมทั้งบอกประโยชนที่ไดรับจากการเรียนในเรื่องนี้ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ Power Point เรื่อง ปริศนาคําทาย ๖.๒ ใบความรูเรื่อง คํามูล ๖.๓ ใบงานเรื่อง คํามูล


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายความหมายและ ลักษณะของคำมูลพยางค์ เดียวและคำมูลหลาย พยางค์ได้ถูกต้อง สังเกตจากการตอบ คำถามในชั้นเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ จำแนกคำมูลพยางค์เดียว และคำมูลหลายพยางค์ ออกจากกันได้ ประเมินจาก การทำใบงาน ใบงานเรื่องคำมูล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒


ใบความรู้เรื่อง คำมูล หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง คำมูล รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การสร้างคำในภาษาไทย คำที่ใช้ในภาษาไทยดั้งเดิม ส่วนมากจะเป็นคำพยางค์เดียว เช่น ดำ แดง พ่อ แม่ พี่ น้อง กิน นอน เมื่อ มีการสื่อสารที่มากขึ้นภาษาไทยก็จะต้องพัฒนาทั้งรูปคำและการเพิ่มจำนวนคำ เพื่อให้คำเพียงพอต่อการใช้ สื่อสาร คำไทยที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีทั้งคำที่เป็นคำไทยดั้งเดิม คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ คำศัพท์เฉพาะทาง วิชาการคำที่ใช้เฉพาะในภาษาพูด คำชนิดต่าง ๆ เหล่านี้มีชื่อเรียกตามลักษณะและแบบสร้างของคำ โดย รูปแบบของการสร้างคำนั้น เช่น คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน คำพ้อง เป็นต้น คำมูล คำมูล คือ คำพื้นฐานที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง เป็นคำที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ อาจเป็นคำไทยแท้ หรือเป็นคำที่มาจากภาษาอื่นก็ได้และจะเป็นคำพยางค์เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้ ๑. ชนิดของคำมูล ๑.๑ คำมูลพยางค์เดียว คือ คำพยางค์เดียวที่มีความหมายชัดอยู่ในตัว จะเป็นคำที่มาจาก ภาษาใดก็ได้และเป็นคำชนิดใดก็ได้ ตัวอย่างคำมูลพยางค์เดียวที่มาจากภาษาต่าง ๆ ภาษาไทย พ่อ แม่ นก แดง แก้ว ภาษาอังกฤษ บาส บอล ฟรีน็อค ชัวร์ ภาษาจีน เกี๊ยว โต๊ะ เก๋ง อั๋ว ป๊า ภาษาเขมร อวย ตรวจ ผลาญ เพลิง เพ็ญ ๑.๒ คำมูลหลายพยางค์เป็นคำหลายพยางค์เมื่อแยกแต่ละพยางค์แล้ว อาจมีความหมาย หรือไม่มีความหมายก็ได้แต่ความหมายของแต่ละพยางค์ไม่เกี่ยวข้องกับความหมายของคำมูลนั้นเลย เช่น กระดาษ ศิลปะ กำมะลอ หรือกล่าวได้ว่า คำมูล คือคำที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ (๑) ประกอบด้วยพยางค์ที่ไม่มีความหมาย เช่น “ขนม” ขะ ไม่มีความหมาย หนม ไม่มีความหมาย ขนม ของกินที่ไม่ใช่กับข้าว มักปรุงด้วยแป้งหรือข้าวกับกะทิหรือนํ้าตาล ของหวาน (๒) ประกอบด้วยพยางค์ที่มีความหมายเพียงบางพยางค์เช่น “นาฬิกา” นา พื้นที่ลักษณะคล้ายนาสำหรับทำการเกษตรอื่น ๆ ฬิ ไม่มีความหมาย กา นกชนิดหนึ่ง ภาชนะสำหรับใส่น้ำหรือต้มน้ำ นาฬิกา เครื่องบอกเวลา (๓) ประกอบด้วยพยางค์ที่มีความหมาย แต่ความหมายของคำนั้นไม่มีเค้าความหมายของแต่ ละพยางค์เหลืออยู่เลย เช่น นารี นา พื้นที่ลักษณะคล้ายนาสำหรับทำการเกษตรอื่น ๆ รี ลักษณะเรียว ไม่กลม


นารี นารี ตัวอย่างคำมูลหลายพยางค์ที่มาจากภาษาต่าง ๆ ภาษาไทย กระดาษ ประตูมะละกอ กระดุม มะม่วง ภาษาอังกฤษ โปรแกรม เทคนิค คอมพิวเตอร์เอเย่น ออฟฟิศ ภาษาจีน เกาเหลา ก๋วยเตี๋ยว บะจ่าง แซยิด บะหมี่ ภาษาเขมร เจริญ กระบือ กบาล เสด็จ ถวาย หลักสังเกตคำมูลหลายพยางค์ เปล่งเสียงหลายครั้ง มีความหมาย เมื่อแยกพยางค์แล้วจะมีบางพยางค์ที่ไม่มีความหมาย หรือทุกพยางค์ไม่มีความหมาย


ใบงาน เรื่อง คำมูล หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง คำมูล รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาเลือกคำมูลใส่ในตารางให้ถูกต้อง ตราด ผอบ ปราชญ์ สารท เหงา วุฒิ ขนม สลัก อับ ตลาด พัดลม ผลไม้ จวัก ไม้เรียว ผ้าห่ม จรด แกร่ง แก้วน้ำ สละ ผู้ชาย บาส ม้านั่ง พิสดาร ลุ้น วิทยุ แก้ม ร้อนเย็น แถลง ดอกไม้ เสื้อผ้า คำมูลหลายพยางค์ คำมูลพยางค์เดียว ๑........................................................... ๑........................................................... ๒........................................................... ๒........................................................... ๓........................................................... ๓........................................................... ๔........................................................... ๔........................................................... ๕........................................................... ๕........................................................... ๖........................................................... ๖........................................................... ๗........................................................... ๗........................................................... ๘........................................................... ๘........................................................... ๙........................................................... ๙........................................................... ๑๐.................................................. ๑๐..................................................


เฉลยใบงาน เรื่อง คำมูล หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง คำมูล รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำมูลพยางค์เดียว คำมูลหลายพยางค์ ๑.........ตราด........... ๑........ผอบ.............. ๒.........ปราชญ์........ ๒........ขนม.............. ๓.........สารท........... ๓.........สลัก.............. ๔.........เหงา............ ๔.........ตลาด............ ๕.........วุฒิ.............. ๕.........จวัก.............. ๖..........อับ............. ๖.........สละ.............. ๗..........บาส........... ๗.........จรด.............. ๘..........ลุ้น............. ๘.........พิสดาร.......... ๙..........แก้ม........... ๙.........วิทยุ.............. ๑๐.......แกร่ง......... ๑๐.......แถลง............


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคําไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๒ คําประสม เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำประสม เป็นคำที่สร้างขึ้นใหม่จากการนำคำมูล ๒ คำขึ้นไปมารวมกัน เกิดเป็นคำใหม่มีความหมาย ใหม่ ทำให้มีคำใช้ในภาษาไทยมากขึ้น ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของคําประสม ๓.๒ นักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับหลักการสรางคําประสม ๓.๓ นักเรียนแยกคําประสมออกจากประโยคหรือบทความตาง ๆ ได ๓.๔ นักเรียนสรางคําประสมได้ ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมายและหลักการสรางคําประสม เพื่อใหสามารถสรางคําประสมไดอยางถูกตอง ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเลือกบัตรคําปริศนา โดยใหตัวแทนนักเรียนมาเลือกบัตรคําคนละ ๑ ใบ แลวพิจารณาวาคําที่ตนเลือกมีลักษณะอยางไร แกวน้า แมบาน ตูเย็น ผาหม รถไฟฟา ตีบทแตก หัวใจ กันชน แวนตา ยาสีฟน ๒. ครูสรุปลักษณะของคําดังกลาววาเปนคําที่มีหลายพยางค เมื่อแยกพยางคออกมาแล้วทุก พยางคมีความหมาย


ขั้นสอน ๑. ครูเชื่อมโยงเนื้อหาเขาสูเรื่องคําประสม โดยยกตัวอยางคําใหนักเรียนตาง ๆ ใหนักเรียนรวม กันวิเคราะหลักษณะของคําประสม ๒. นักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง คําประสม ๓. ครูอธิบายสรุปเนื้อหาเรื่องคําประสมเพิ่มเติม ๔. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๓-๔ คน จากนั้นนักเรียนทํากิจกรรม “เติมหนาเติมหลัง” กติกาคือ ๑) นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนมาเลือกคําตั้งตนดังนี้ แม น้ำ นัก ผูชาว ลูก ปาก ใจ หนา หัว ๒) เมื่อไดคําตั้งตนแลว ใหแตละกลุมระดมความคิด นําคําเหลานี้มาสรางคําประสมให ไดมากที่สุด และถูกตอง โดยออกมาเขียนบนกระดาน ๓) ครูและนักเรียนรวมกันนับและพิจารณาความถูกตองของคําแลวรวมคะแนน ปรบมือชื่นชมกลุมที่ชนะ ๕. ครูใหนักเรียนจัดทําสมุดภาพประกอบคําประสม เพื่อรวบรวมคําประสมจากคําตั้งตนตาง ๆ ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาเรื่องคําประสม และชวยกันพิจารณาความแตกตางของคํา ประสมกับคํามูลหลายพยางค ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ ใบความรูเรื่อง คําประสม ๖.๒ บัตรคํา คําประสม ๖.๓ สลากคําประสม ๖.๔ ใบงานเรื่อง คําประสม


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. อธิบายความหมายของ คำประสม ๒. อธิบายหลักการสร้าง คำประสม สังเกตจากการตอบ คำถามในชั้นเรียน แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. แยกคำประสมออก จากประโยคหรือบทความ ต่าง ๆ ได้ ๒. สร้างคำประสมได้ ประเมินจากการ ทำใบงาน ใบงานเรื่องคำประสม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง คำประสม หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง คำประสม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำประสม เป็นคำที่สร้างขึ้นใหม่จากการนำคำมูล ๒ คำขึ้นไปมารวมกัน เกิดเป็นคำใหม่มีความหมาย ใหม่ทำให้มีคำใช้ในภาษาไทยมากขึ้น ลักษณะของคำประสม ๑. คำประสมเกิดจากคำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปมาประสมกัน แล้วเกิดความหมายใหม่ แต่ยังมีเค้า ความหมายเดิมอยู่ เช่น พ่อ หมายถึง สามีของแม่ ตา หมายถึง พ่อของแม่ พ่อตา หมายถึง พ่อของภรรยา ๒. คำประสมสามารถแยกเป็นคำ ๆ ได้และคำที่แยกได้แต่ละคำมีความหมายต่างกัน เมื่อนำมา รวมกันความหมายต่างจากคำเดิม เช่น ปาก หมายถึง อวัยวะของคนและสัตว์สำหรับกินอาหาร และใช้ออกเสียง กา หมายถึง นกชนิดหนึ่ง หรือภาชนะสำหรับใส่น้ำหรือต้มน้ำ ปากกา หมายถึง เครื่องสำหรับขีดเขียน ๓. คำที่มาประสมกันจะเป็นคำมูลในภาษาใดก็ได้เช่น เข็มทิศ (ไทย + สันสกฤต) รถเก๋ง (บาลี+ จีน) ตู้โชว์(จีน + อังกฤษ) ๔. คำประสมที่เกิดจากคำมูล ซึ่งมีลักษณะเป็นการย่อคำหลาย ๆ คำ ส่วนมากมักจะขึ้นต้นด้วย คำว่า นัก ชาว ช่าง หมอ การ ความ ผู้ของ เครื่อง ที่ เช่น นัก นักร้อง นักเขียน นักเรียน นักสู้ ชาว ชาวบ้าน ชาวเมือง ชาวนา ชาววัง ช่าง ช่างไม้ช่างเสริมสวย ช่างไฟฟ้า หมอ หมอดูหมอความ หมอผีหมอนวด การ การบ้าน การเมือง การไฟฟ้า การคลัง ความ ความดีความชั่ว ความสุข ความทุกข์ ผู้ ผู้ใหญ่ผู้ดีผู้อำนวยการ ผู้น้อย ผู้ร้าย ของ ของใช้ของไหว้ของเล่น ของชำร่วย เครื่อง เครื่องหมาย เครื่องบิน เครื่องมือ ที่ ที่นอน ที่ดิน ที่เขี่ยบุหรี่ ที่เที่ยว ที่พัก ๕. คำประสม เป็นคำชนิดใดประสมกันก็ได้เช่น นาม + นาม เช่น แม่น้ำ พ่อบ้าน แปรงสีฟัน นาม + กริยา เช่น แบบเรียน เข็มกลัด ยาดม กริยา + นาม เช่น กินใจ เล่นตัว เข้าใจ ได้ นาม + วิเศษณ์เช่น น้ำแข็ง ถั่วเขียว หัวหอม


กริยา + กริยา เช่น ต้มยำ พิมพ์ดีด จดจำ บุพบท + นาม เช่น ข้างถนน นอกคอก ต่อหน้า วิเศษณ์+ วิเศษณ์เช่น อ่อนหวาน หวานเย็น วิเศษณ์+ คำนาม เช่น อ่อนข้อ สองหัว หลักการสังเกตคำประสม คำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปรวมกัน เกิดคำใหม่ มีความหมายใหม่ เป็นคำประสม พัดลม หมายถึง เครื่องพัดให้เย็นด้วยแรงไฟฟ้า มือแข็ง หมายถึง ไม่ค่อยไหว้คนง่าย ๆ เสื้อกล้าม หมายถึง เสื้อชั้นในชาย ลูกน้อง หมายถึง ผู้ที่คอยติดสอยห้อยตาม คำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปรวมกัน ไม่เกิดความหมายใหม่ ไม่ใช่คำประสม ลมพัด หมายถึง ลมโชยมา มือขาด หมายถึง มือถูกสิ่งใดสิ่งหนึ่งตัดขาด คอเจ็บ หมายถึง คออักเสบ เสื้อเปื้อน หมายถึง เสื้อติดสิ่งที่ทำให้เกิดความสกปรก


ใบงาน เรื่อง คำประสม หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง คำประสม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้ต่อไปนี้มาสร้างเป็นคำประสม แม่ ใจ หัว น้ำ


ใบงาน เรื่อง คำประสม หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง คำประสม รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้ต่อไปนี้มาสร้างเป็นคำประสม แม่ แม่น้ำ แม่ครัว แม่นม แม่มด ใจ ใจดี ใจดำ ใจร้าย ใจหาย หัว หัวใจ หัวโขน หัวหน้า หัวหมอ น้ำ น้ำตา น้ำตก น้ำหวาน น้ำคำ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคําไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๓ คําซ้ำ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำซ้ำ เป็นการสร้างคำขึ้นใหม่จากคำมูล โดยการนำคำมูลคำเดียวกันมากล่าวซ้ำ ความหมายของคำซ้ำ อาจเหมือนคำมูลเดิม หรืออาจมีน้ำหนักมากขึ้นหรือเบาลง หรือแสดงความเป็นพหูพจน์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายหลักการสรางคําซ้ำได้ ๓.๒ นักเรียนสรางคําซ้ำไดอยางถูกตอง ๓.๓. นักเรียนแตงประโยคที่มีคําซ้ำสื่อความหมายในลักษณะตาง ๆ ไดอยางถูกตอง ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมาย หลักการสรางคําซ้ำ เพื่อใหสามารถสรางและใชคําซ้ำไดอยางถูกตอง ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูให้นักเรียนอ่านคำประพันธ์ต่อไปนี้จากแถบประโยค เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ำ สนธยาจะใกล้ค่ำ คำนึงหน้าเจ้าตราตรู เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย ๒. ครูให้นักเรียนพิจารณาคำประพันธ์ที่อ่านว่า มีคำใดบ้างที่ต้องอ่านซ้ำกัน ๒ ครั้ง (เรื่อย เรื่อย รอนรอนเรียงเรียง)หากเราไม่เขียนซ้ำกันเช่นนี้เรามีวิธีการเขียนคำให้อ่านออกเสียง ๒ ครั้งอย่างไร (การ ใส่เครื่องหมายไม้ยมก (ๆ) หลังคำ) ๓. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาเรื่องคำซ้ำ


ขั้นสอน ๑. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ว่า การสร้างคำซ้ำสามารถ สร้างได้อย่างไรบ้าง เมื่ออยู่ในประโยคคำซ้ำสามารถสื่อความหมายได้อย่างไรบ้าง ฉันมีเพื่อน ๆ เป็นคนต่างจังหวัด คุณแม่ของฉันใจดี๊ใจดี แม่วางส้มเป็นกอง ๆ อยู่บนจาน ผ้าดีๆ แบบนี้หาซื้อไม่ได้แล้วนะ เธอมาหาฉันตอนเช้า ๆ หน่อยได้ไหม อยู่ๆ เธอก็กระโดดขึ้นมาเฉยเลย ขั้นสรุป ครูมอบหมายงานให้นักเรียนวิเคราะห์คำซ้ำที่อยู่ในประโยค แล้วนำเสนอในคาบเรียนต่อไป ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ แถบประโยคคำประพันธ์คำซ้ำ ๖.๒ แถบประโยคคําตัวอยางคําซ้ำ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายความหมายของคำ ซ้ำในประโยคได้ สังเกตจากการ ทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ จำแนกความหมายของคำ ซ้ำในลักษณะต่าง ๆ ได้ อย่างถูกต้อง สังเกตพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคําไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๔ คําซ้ำ เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำซ้ำ เป็นการสร้างคำขึ้นใหม่จากคำมูล โดยการนำคำมูลคำเดียวกันมากล่าวซ้ำ ความหมายของคำซ้ำ อาจเหมือนคำมูลเดิม หรืออาจมีน้ำหนักมากขึ้นหรือเบาลง หรือแสดงความเป็นพหูพจน์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายหลักการสรางคําซ้ำได้ ๓.๒ นักเรียนสรางคําซ้ำไดอยางถูกตอง ๓.๓. นักเรียนแตงประโยคที่มีคําซ้ำสื่อความหมายในลักษณะตาง ๆ ไดอยางถูกตอง ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมาย หลักการสรางคําซ้ำ เพื่อใหสามารถสรางและใชคําซ้ำไดอยางถูกตอง ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเพื่อนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนพิจารณาประโยคตอไปนี้ เด็ก ๆ ไปโรงเรียน เพื่อน ๆ กําลังเลนฟุตบอล ๒. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา ลักษณะของคําซ้ำเปนอยางไร (อานออกเสียง ๒ ครั้ง) คํา ซ้ำในประโยคดังกลาวใหความหมายในลักษณะใด(ใหความหมายเปนพหูพจน) เพื่อใหนักเรียนเกิดความเขาใจ เกี่ยวกับลักษณะของคําซ้ำ ขั้นสอน ๑. ครูใหแตละกลุมออกมานําเสนอผลการวิเคราะหคําซ้ําที่อยูในประโยคที่ไดรับมอบหมายใน คาบเรียนที่ผานมา


๒. ครูใหนักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง คําซ้ำพรอมอธิบายสรุปเนื้อหาเพิ่มเติมจากที่นักเรียนรวม กันวิเคราะห์ ๓. นักเรียนทําใบงานเรื่อง คําซ้ำ ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาเรื่องคําซ้ำ หลักการสรางคําซ้ำ ลักษณะความหมายของคําซ้ำ เพื่อใหสามารถนําไปใชในประโยคไดอยางถูกตอง ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ แถบประโยคคําตัวอยางคําซ้ำ ๖.๒ ใบความรูเรื่อง คําซ้ำ ๖.๓ ใบงานเรื่องเรื่อง คําซ้ำ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. อธิบายหลักการสร้าง คำซ้ำได้ ๒. อธิบายความหมายของ คำซ้ำในประโยคได้ สังเกตจากการ ทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. สร้างคำซ้ำได้อย่าง ถูกต้อง ๒. แต่งประโยคที่มีคำซ้ำ สื่อความหมายในลักษณะ ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง สังเกตจากการทำ ใบงานเรื่อง คำซ้ำ ใบงานเรื่อง คำซ้ำ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้ เรื่อง คำซ้ำ หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง คำซ้ำ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำซ้ำ เป็นการสร้างคำขึ้นใหม่จากคำมูล โดยการนำคำมูลคำเดียวกันมากล่าวซ้ำ ความหมายของคำ ซ้ำอาจเหมือนคำมูลเดิม หรืออาจมีน้ำหนักมากขึ้นหรือเบาลง หรือแสดงความเป็นพหูพจน์ ลักษณะของคำซ้ำ ๑. นำคำมากล่าวซ้ำกัน โดยใช้เครื่องหมาย ไม้ยมก (ๆ) เช่น ฉันมีเพื่อน ๆ เป็นคนต่างจังหวัด ฉันเห็นเธอพูด ๆ อยู่นั่นแหละ ๒. นำคำซ้ำกัน โดยเปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์เพื่อเน้นความหมาย เช่น ซ้วยสวย ดี๊ดีเจ็บใจ๊เจ็บใจ คุณแม่ของฉันใจดี๊ใจดี อยู่ๆ ก็โดนเทเจ็บใจ๊เจ็บใจ ชนิดของคำซ้ำ คำนาม เช่น สาว ๆ หลาน ๆ เด็ก ๆ เพื่อน ๆ คำสรรพนาม เช่น เรา ๆ ท่าน ๆ เขา ๆ เธอ ๆ คำกริยา เช่น นั่ง ๆ นอน ๆ เดิน ๆ ดูๆ คำวิเศษณ์ เช่น แดง ๆ สูง ๆ หล่อ ๆ หวาน ๆ คำบุพบท เช่น ใต้ๆ ไกล ๆ บน ๆ ข้าง ๆ คำสันธาน เช่น ทั้ง ๆ ที่ ราว ๆ กับ เหมือน ๆ อย่างไร ๆ คำอุทาน เช่น โถ่ๆ เฮ้ย ๆ โฮ ๆ โอ๊ะ ๆ ความหมายของคำซ้ำ ๑. บอกความหมายเป็นพหูพจน์แสดงถึงจำนวนมากกว่าหนึ่ง เช่น เด็ก ๆ ไปโรงเรียน หนุ่ม ๆ กำลังเล่นฟุตบอล ๒. บอกความหมายแยกจำนวน แยกเป็นส่วน เช่น ทำให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ ไป ครูตรวจการบ้านนักเรียนเป็นคน ๆ ๓. บอกความหมายเน้น เช่น ผ้าดีๆ อย่างนี้หาซื้อไม่ได้ ไข่เจียวจานนี้รสชาติเค้มเค็ม ๔. บอกความหมายเบาลง เช่น ฉันไม่ได้ตั้งใจมอง รู้แต่ว่าเขาหน้าตาคล้าย ๆ ดารา เขายังโกรธ ๆ ฉันอยู่กับเรื่องเมื่อวานนี้ ๕. บอกความหมายไม่แน่นอน เช่น เธอมาหาฉันแต่เช้า ๆ หน่อย เขาเดินอยู่แถว ๆ โรงเรียน


๖. ซ้ำคำทำให้เกิดความหมายใหม่ เช่น อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นกระโดด (ไม่มีสาเหตุ) ของพื้น ๆ อย่างนี้ใครก็ทำได้(ของธรรมดา) ข้อยกเว้น ค าที่มีเสียงซ ้ากันบางค าก็ไม่ใช่ค าซ ้า เช่น นานาจะจะเวลาเขียนจะใช้ไม้ยมกซ ้า ไม่ได้ เรื่องแบบนี้ต่างคนต่างคิดมันนานา จิตตัง ฉันเห็นจะจะว่าเธอก าลังขโมยของ


ใบงาน เรื่อง คำซ้ำ หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง คำซ้ำ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนนำคำซ้ำที่กำหนดให้มาแต่งประโยคให้ได้ใจความสมบูรณ์และถูกต้อง กล้วย ๆ ไกล ๆ แถว ๆ ลวก ๆ สวย ๆ แรง ๆ เพื่อน ๆ ห้อง ๆ ใบ ๆ เด็ก ๆ ดี๊ดี ราว ๆ กับ ๑. .......................................................................................................................................................... ๒. .......................................................................................................................................................... ๓. .......................................................................................................................................................... ๔. .......................................................................................................................................................... ๕. .......................................................................................................................................................... ๖. .......................................................................................................................................................... ๗. .......................................................................................................................................................... ๘. .......................................................................................................................................................... ๙. .......................................................................................................................................................... ๑๐. .......................................................................................................................................................... ๑๑. .......................................................................................................................................................... ๑๒. .......................................................................................................................................................... (เฉลยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคําไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๕ คำซ้อน เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำซ้อน เป็นการสร้างคำขึ้นใหม่จากคำมูล โดยการนำคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียง กัน หรือตรงข้ามกันมารวมกัน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ คำซ้อนเพื่อความหมาย และคำซ้อนเพื่อเสียง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของคําซอนได้ ๓.๒ นักเรียนอธิบายลักษณะของคําซอนได้ ๓.๓ นักเรียนอธิบายชนิดของคําซอน ๓.๔ นักเรียนสามารถวิเคราะหคําซอนในบริบทตาง ๆ ได้ ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมาย หลักการสรางคําซ้ำ เพื่อใหสามารถสรางและใชคําซ้ำไดอยางถูกตอง ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมนําเขาสูบทเรียน โดยครูเขียนคําบนกระดาน แลวใหนักเรียนชวย กันตอคําดังกลาวมีความสมบูรณยิ่งขึ้น โดยครูยกตัวอยางคําวาทรัพยสิน โชค...(ลาภ) บาน..(เรือน)... เสื้อ..(ผา)... สวย...(งาม)... คม...(คาย).... ชั่ว...(ดี).... ๒. ครูใหนักเรียนสังเกตลักษณะของคําที่ตอสมบูรณทั้งในดานความหมาย และการออกเสียง ขั้นสอน ๑. ครูเชื่อมโยงเนื้อหาเขาสูบทเรียนเรื่องคําซอน ๒. ครูใหนักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง คําซอน


๓. ครูยกตัวอยางเรื่องสั้นที่มีคําซอนในเรื่อง แลวใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหหาคําซอนในเรื่อง สั้นดังกลาวเพื่อใหนักเรียนสามารถแยกคําซอนในบริบทตาง ๆ ได้ ๔. นักเรียนทําใบงานเรื่อง คําซอน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาเรื่องคําซอน ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต/หนังสือเรื่องสั้น ๖.๒ ใบความรูเรื่อง คําซอน ๖.๓ ใบงานเรื่อง คําซอน ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. อธิบายความหมายของ คำซ้อนได้ ๒. อธิบายลักษณะของคำ ซ้อนได้ ๓. อธิบายชนิดของคำ ซ้อน สังเกตจากการ ทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ สามารถวิเคราะห์คำซ้อน ในบริบทต่าง ๆ ได้ สังเกตพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง คำซ้อน หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง คำซ้อน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำซ้อน เป็นการสร้างคำขึ้นใหม่จากคำมูล โดยการนำคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียง กันหรือตรงข้ามกันมารวมกัน แบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ คำซ้อนเพื่อความหมาย และคำซ้อนเพื่อเสียง ลักษณะของความหมายที่เกิดจากคำซ้อน ๑. ความหมายคงเดิม ความหมายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เช่น ซากศพ อ้วนพีโต้แย้ง สูญหาย ๒. ความหมายกว้างออก ความหมายจะกว้างกว่าความหมายในคำเดิม ขนมนมเนย หมายถึง ขนมหลายอย่าง หมูเห็ดเป็ดไก่ หมายถึง อาหารหลายชนิด ถ้วยโถโอชาม หมายถึง ภาชนะที่ใช้ในครัว ๓. ความหมายย้ายที่คือ ความหมายจะเป็นอย่างอื่นซึ่งไม่ตรงกับความหมายของคำเดิม เหลียวแล หมายถึง การเอาใจใส่เป็นธุระ เยือกเย็น หมายถึง หนักแน่น สุขุม เบิกบาน หมายถึง ความรู้สึกร่าเริงแจ่มใส ๔. ความหมายอยู่ที่คำหน้า โดยที่คำหลังจะซ้อนเพื่อเสริมความเท่านั้น เป็นลมเป็นแล้ง อายุอานาม ความคิดความอ่าน นิสัยใจคอ ๕. ความหมายอยู่ที่คำหลัง โดยที่คำหน้าจะซ้อนเพื่อเสริมความเท่านั้น เสียอกเสียใจ ดีอกดีใจ ว่านอนสอนง่าย เครื่องไม้เครื่องมือ ๖. ความหมายอยู่ที่คำต้นและคำท้าย โดยทำที่อยู่ตรงกลางจะซ้อนเพื่อเสริมความเท่านั้น ผลหมากรากไม้อดตาหลับขับตานอน ติดสอยห้อยตาม ชอบมาพากล ๗. ได้ความหมายทั้งสองคำ โดยคำทุกคำที่นำมาซ้อนกันจะสื่อความหมายได้ ดินฟ้าอากาศ เอวบางร่างน้อย ปู่ย่าตายาย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ๘. ความหมายของคำคู่หน้ากับคู่หลังตรงกันข้าม เช่น หน้าไหว้หลังหลอก ปากหวานก้นเปรี้ยว หน้าเนื้อใจเสือ หน้าชื่นอกตรม จำนวนคำในคำซ้อน ๑. คำซ้อน ๒ คำ คำซ้อนที่ประกอบด้วยคำ ๒ คำ ช้างม้า บ้านเมือง คุกตะราง บ้านเรือน ๒. คำซ้อน ๔ คำ คำซ้อนที่ประกอบด้วยคำ ๔ คำ เข้าอกเข้าใจ บ้านช่องห้องหอ เย็บปักถักร้อย เสือสิงห์กระทิงแรด ๓. คำซ้อน ๖ คำ คำซ้อนที่ประกอบด้วยคำ ๖ คำ คดในข้องอในกระดูก เลือกที่รักมักที่ชัง จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน กำแพงมีหูประตูมีช่อง


ชนิดของคำซ้อน ๑. คำซ้อนเพื่อความหมาย เกิดจากคำมูลที่มีความหมายอย่างเดียวกัน ต่างกันเล็กน้อยหรือไปในทำนอง เดียวกันหรือต่างกันในลักษณะตรงข้าม เมื่อประกอบเป็นคำซ้อนจะมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ๑) ความหมายเหมือนกัน คำที่นำมาซ้อนกันนั้นหมายถึงสิ่งเดียวกันหรือเป็นอย่างเดียวกัน เช่น เร็วไว ทรัพย์สิน ใหญ่โต สูญหาย ดูแล หยาบช้า นุ่มนิ่ม เลอืกสรร ๒) ความหมายคล้ายกัน คำที่นำมาซ้อนกันนั้นมีความหมายใกล้เคียงกันหรือเป็นไปในทำนองเดียวกัน พอที่จะจัดเข้ากลุ่มเดียวกันได้เช่น ยักษ์มาร ไร่นา ถ้วยโถโอชาม ๓) ความหมายตรงกันข้าม คำที่นำมาซ้อนกันนั้นมีความหมายเป็นคนละลักษณะหรือคนละฝ่ายกัน เช่น ใกล้ไกล สูงต่ำดำขาว ผิดถูก ชั่วดีทีหน้าทีหลัง ๒. คำซ้อนเพื่อเสียง เป็นการนำคำที่มีความหมายคล้ายคลึงกันมาซ้อนกัน เพื่อให้ออกเสียงง่ายขึ้น และมีเสียง คล้องจองกัน ทำให้เกิดความไพเราะขึ้น คำซ้อนเพื่อเสียงนี้บางทีเรียกว่าคำคู่ หรือคำควบคู่ ๑) นำคำที่มีพยัญชนะต้นเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่เสียงสระ นำมาซ้อนหรือควบคู่กัน เช่น เร่อร่า เซ่อ ซ่า อ้อแอ้จู้จี้เงอะงะ จอแจ ร่อแร่จริงจัง ทึกทัก ตึงตัง ๒) นำคำแรกที่มีความหมายมาซ้อนกับคำหลัง ซึ่งไม่มีความหมาย เพื่อให้คล้องจองและออกเสียงได้ สะดวก เช่น กวาดแกวด มองเมิง ดีเด่ ไปเปย เดินแดน บ้าบอ หัวเหอ ๓) นำคำที่มีเสียงสระเดียวมาซ้อนกันหรือควบคู่กัน เช่น เบ้อเร่อ อ้างว้างแร้นแค้น จิ้มลิ้ม ออมชอม เรื่อยเจื้อย ราบคาบ


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคำไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๖ คำซ้อน เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำซ้อน เป็นการสร้างคำขึ้นใหม่จากคำมูล โดยการนำคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียง กัน หรือตรงข้ามกันมารวมกัน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ คำซ้อนเพื่อความหมาย และคำซ้อนเพื่อเสียง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับการสรางคําซอน ๓.๒ นักเรียนสามารถสรางคําซอนไดอยางถูกตอง ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาหลักการสรางคําซอน เพื่อใหสามารถสรางคําซอนไดอยางถูกตอง ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมนําเขาสูบทเรียน โดยใหพิจารณาคําตอไปนี้ มีลักษณะอยางไร ออกเสีย งอยางไร เพื่อใหนักเรียนทราบถึงหลักการสรางคําซอน โวยวาย เกะกะ รุงริ่ง อ้ำอึ้ง ฟรุงฟริ้ง ขั้นสอน ๑. ครูเชื่อมโยงเขาสูเนื้อหาการสรางคําซอน โดยใหนักเรียนศึกษาคนควาจากสื่อ เชน อินเทอร เน็ตหนังสือ หรือการสังเกตคําซอนหลายคํา แลวรวมกันวิเคราะหวาการสรางคําซอนมีหลักการสรางอยางไร บ้าง ๒. นักเรียนทํากิจกรรม “หัวใจหาคู” ครูใหนักเรียนสุมเลือกบัตรคํารูปหัวใจครึ่งซีกคนละ ๑ ใบ ซึ่งในบัตรคําแตละใบจะมีคําซอนที่ยังไมสมบูรณ จากนั้นใหนักเรียนแตละคนออกตามหาคูของตนเอง เพื่อให เกิดคําซอนที่สมบูรณ์


๓. นักเรียนแตละคูบอกคําซอนที่ตอได แลวรวมกันพิจารณาวาเปนคําซอนหรือไม่ ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาเรื่องคําซอนพรอมทั้งบอกประโยชนที่ไดรับจากการเรียนเรื่อง นี้ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ อินเทอรเน็ต ๖.๒ หนังสือ ๖.๓ บัตรคําในกิจกรรมหัวใจหาคู่ ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวจำนวนคำในคำซ้อน ๒. อธิบายชนิดของคำ ซ้อนได้ สังเกตจากการ ทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. สร้างคำซ้อนได้อย่าง ถูกต้อง ๒. จำแนกประเภทของคำ ซ้อนได้อย่างถูกต้อง ทำใบงานเรื่อง คำซ้อน ใบงานเรื่อง คำซ้อน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงานเรื่อง คำซ้อน หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง คำซ้อน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนนำคำซ้อนต่อไปนี้เติมลงในประโยคให้ถูกต้อง โหวกเหวกโวยวาย ทรัพย์สิน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เบื่อหน่าย บ้านเรือน แก่เฒ่า ซีดเซียว ข้อเท็จจริง ทะเลาะเบาะแว้ง ผลไม้รากไม้ ชมเชย ติดต่อ หมูเห็ดเป็ดไก่ บาดเจ็บ ผิดชอบ ๑. ใครมาส่งเสียง.................................อยู่ที่หน้าบ้าน ๒. เรียนห้องเดียวกันต้องสามัคคีกัน อย่า.......................................กัน ๓. ลูกควรดูแลพ่อแม่เมื่อท่าน.............................. ๔. น้องชมพู่ไม่สบายหรือคะ ดูหน้าตา....................... ๕. คุณแม่เป็นคนมีน้ำใจ.......................ต่อทุก ๆ คนเสมอ ๖. ครูกล่าว...........................นักเรียนที่ได้รางวัลชนะเลิศ ๗. เขา........................กลับมาแล้วหลังจากที่หายไปหลายวัน ๘. เมื่อได้รับข่าวสารใด ๆ มา เราควรวิเคราะห์...........................ก่อนจะเช่อืข่าวนั้น ๙. วันนี้แม่ไปตลาดซื้อ................................มาเตรียมทำอาหารมื้อเย็น ๑๐. เขาถอนหายใจด้วยความ...................................


เฉลยใบงานเรื่อง คำซ้อน หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง คำซ้อน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนนำคำซ้อนต่อไปนี้เติมลงในประโยคให้ถูกต้อง โหวกเหวกโวยวาย ทรัพย์สิน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เบื่อหน่าย บ้านเรือน แก่เฒ่า ซีดเซียว ข้อเท็จจริง ทะเลาะเบาะแว้ง ผลไม้รากไม้ ชมเชย ติดต่อ หมูเห็ดเป็ดไก่ บาดเจ็บ ผิดชอบ ๑. ใครมาส่งเสียง.....โหวกเหวกโวยวาย......อยู่ที่หน้าบ้าน ๒. เรียนห้องเดียวกันต้องสามัคคีกัน อย่า...........ทะเลาะเบาะแว้ง............กัน ๓. ลูกควรดูแลพ่อแม่เมื่อท่าน.......แก่เฒ่า........ ๔. น้องชมพู่ไม่สบายหรือคะ ดูหน้าตา.....ซีดเซียว........ ๕. คุณแม่เป็นคนมีน้ำใจ.....เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่......ต่อทุก ๆ คนเสมอ ๖. ครูกล่าว........ชมเชย........นักเรียนที่ได้รางวัลชนะเลิศ ๗. เขา.......ติดต่อ........กลับมาแล้วหลังจากที่หายไปหลายวัน ๘. เมื่อได้รับข่าวสารใด ๆ มา เราควรวิเคราะห์.......ข้อเท็จจริง........ก่อนจะเชื่อข่าวนั้น ๙. วันนี้แม่ไปตลาดซื้อ.......หมูเห็ดเป็ดไก่......มาเตรียมทำอาหารมื้อเย็น ๑๐. เขาถอนหายใจด้วยความ........เบื่อหน่าย........


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคำไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๗ คำพ้อง เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำพ้อง คือคำที่มีความหมายซ้ำกันหรือเหมือนกัน คือศัพท์หนึ่งคำอาจจะมีความหมายเหมือนกันแต่ ต่างกันที่การเขียนและการออกเสียง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของคําพองได้ ๓.๒ นักเรียนอธิบายชนิดของคําพองได้ ๓.๓ นักเรียนจําแนกชนิดของคําพองไดอยางถูกตอง ๓.๔ นักเรียนสามารถใชคําพองไดอยางถูกตอง ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมาย และชนิดของคําพอง เพื่อใหสามารถใชคําพองไดอยางถูกตองตามบริบทของ ประโยค ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมนําเขาสูบทเรียน โดยอานประโยคตอไปนี้ หลังขึ้นจากสระวายน้ำตองสระผม จอกแหนไมใชสิ่งที่นาหวงแหน เราไมควรตลกขบขันในยามคับขัน ๒. ใหนักเรียนพิจารณาวาคําในประโยคคําใดบางที่ออกเสียงเหมือนกัน หรือเขียนเหมือนกัน ขั้นสอน


๑. ครูอธิบายความของคําพองโดยสรุป ๒. นักเรียนทํากิจกรรม “ฉันคือผูเชี่ยวชาญ”กติกา คือ ๑) นักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๔ คน เรียกกลุมนี้วา “บานของเรา” และเลือกหัวขอคนละหัวขอดังนี้ (๑) คําพองรูป (๒) คําพองเสียง (๓) คําพองรูปและ เสียง ๔) คําพองความหมาย ๒) ใหสมาชิกแตละกลุมที่ไดเรื่องเดียวกันแยกยายไปรวมกลุมกันตั้งตนเปน “กลุมผู เชี่ยวชาญ” และรวมกันศึกษาทําความเขาใจในหัวขอที่ตนเลือก จากใบความรูที่ ๑ ฉันคือผูเชี่ยวชาญ เรื่องคําพ องรูป ใบความรูที่ ๒ ฉันคือผูเชี่ยวชาญ เรื่องคําพองเสียง ใบความรูที่ ๓ ฉันคือผูเชี่ยวชาญ เรื่องคําพองรูปและพ องเสียง หรือ ใบความรูที่ ๔ ฉันคือผูเชี่ยวชาญ เรื่องคําพองความหมาย อยางละเอียดในเวลา ๑๕ นาท ๓. เมื่อครบกําหนดเวลาใหนักเรียนกลุมผูเชี่ยวชาญแยกยายกลับไปยัง “กลุมบานของเรา” แล้ว แลกเปลี่ยนความรูเรื่องกันจากเรื่องที่ตนไดไปศึกษาในกลุมผูเชี่ยวชาญมาลงในใบงานที่ ๑ สรุปสารความรูเรื่อง คําพองเปนรายบุคคล ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาเรื่องคําพอง ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ ใบความรูเรื่อง ฉันคือผูเชี่ยวชาญเรื่องคําพองรูป ๖.๒ ใบความรูเรื่อง ฉันคือผูเชี่ยวชาญเรื่องคําพองเสียง ๖.๓ ใบความรูเรื่อง ฉันคือผูเชี่ยวชาญเรื่องคําพองรูปและพองเสียง ๖.๔ ใบความรูเรื่อง ฉันคือผูเชี่ยวชาญเรื่องคําพองความหมาย ๖.๕ ใบงานเรื่อง สรุปสาระเรื่องคําพอง


๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. อธิบายความหมายของ คำพ้องได้ ๒. อธิบายชนิดของคำ พ้องได้ สังเกตจากการ ทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. จำแนกชนิดของคำ พ้องได้อย่างถูกต้อง ๒. สามารถใช้คำพ้องได้ อย่างถูกต้อง ประเมินจากการ ทำใบงาน ใบงานเรื่อง สรุปสาระเรื่องคำพ้อง ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบความรู้เรื่อง ฉันคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องคำพ้องรูป หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง คำพ้อง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำพ้องรูป คือ คำที่เขียนเหมือนกัน ออกเสียงต่างกันและความหมายก็ต่างกัน การอ่านคำพ้องรูปให้ถูกต้อง ควรดูข้อความอื่น ๆ ประกอบด้วยว่าคำพ้องรูปนั้นหมายถึงอะไรเเล้วจึงอ่านให้ถูก ตัวอย่าง ในเพลานี้ฉันว่าควรจะเพลา ๆ เรื่องการทะเลาะกันได้แล้ว ▪ เพลา ( เพ-ลา) คำแรกเป็นคำนาม หมายถึง กาล คราว ▪ เพลา (เพลา) คำที่สองเป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง เบาลง คำ อ่านว่า ความหมาย ครุ คฺรุ ภาชนะสานชนิดหนึ่ง คะ-รุ ครูหนึ่ง ปรามาส ปฺรา-มาด ดูถูก ปะ-รา-มาด การจับต้อง การลูบคลำ พยาธิ พะ-ยา-ธิ ความเจ็บไข้ พะ-ยาด ชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังชนิดหนึ่ง เพลา เพลา แกน ดุมล้อ เบาลง เพ-ลา เวลา สระ สะ แอ่งน้ำขนาดใหญ่ชำระล้าง สะ-หระ อักษรแทนเสียงสระ


ใบความรู้เรื่อง ฉันคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องคำพ้องเสียง หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง คำพ้อง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำพ้องเสียง คือ คำที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่รูปต่างกัน ความหมายต่างกัน ตัวอย่าง เขาเอานํ้าที่ใช้ล้างรถไปรดน้ำต้นไม้ • รถ คำแรกเป็นคำนาม หมายถึง ยานพาหนะ • รด คำที่สองเป็นคำกริยา หมายถึง เท ราด หรือสาดน้ำ คำ อ่านว่า ความหมาย กัน กัน กีดขวางไว้ไม่ให้เข้ามาหรือออกไป กัลป์ ระยะหนึ่งในช่วงเวลาอันยาวนาน กรรณ หู ครรภ์ คัน ท้อง เช่น หญิงมีครรภ์ คันธ์ กลิ่นหอม พรรณ พัน สีของผิว ชนิด พันธุ์ พวกพ้อง พี่น้อง วงศ์วาน เหล่า กอ จันทร์ จัน ดวงเดือน จันทน์ ชื่อพรรณไม้ใช้ทำยาเเละปรุงเครื่องหอม ฆ่า ค่า ทำให้สิ้นไป ค่า ราคา ข้า ฉัน


ใบความรู้ เรื่อง ฉันคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องคำพ้องทั้งรูปและเสียง หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง คำพ้อง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำพ้องทั้งรูปและเสียง คือ คำที่มีรูปเหมือนกัน อ่านออกเสียงอย่างเดียวกัน เเต่มีความหมายหลายอย่างขึ้นอยู่ กับบริบทในประโยค ตัวอย่าง ตาเตือนฉันว่าไม่ควรเอำมือขยี้ตาจะทำให้เป็นโรคตาแดง • ตา คำแรกเป็นคำนาม หมายถึง ญาติผู้ใหญ่ • ตา คำที่สองเป็นคำนาม หมายถึง อวัยวะที่ใช้ในการดู • ตา คำที่สาม หมายถึง โรคชนิดหนึ่ง คำ อ่านว่า ความหมาย ฉัน ฉัน คำที่ใช้แทนผู้พูด ฉัน กิน ใช้กับภิกษุสามเณร ฉัน เช่น อย่าง มัน มัน ชื่อเรียกไม้เถาหรือไม้ต้นที่ใช้หัวเป็นอาหารได้ มัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนึ่งในคน สัตว์มีลักษณะ นุ่ม ๆ หยุ่น ๆ มีไขมันอยู่ในตัว มัน คำที่เราใช้แทนผู้ที่เราพูดถึง กา กา ชื่อนกตัวดำ ร้องกา ๆ กา ภาชนะสำหรับใส่นํ้าหรือต้มนํ้ามีพวยและหูสำหรับ หิ้วหรือจับ กา ทำเครื่องหมายเป็นรูปกากบาท เขา เขา เนินที่นูนสูงขึ้นเป็นจอมเด่น เขา สิ่งที่งอกออกมาจากหัวสัตว์บางพวก มีลักษณะแข็ง เขา ชื่อนกชนิดหนึ่ง เขา คำที่ใช้แทนผู้ที่เราพูดถึง


ใบความรู้ เรื่อง ฉันคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องคำพ้องความหมาย หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง คำพ้อง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คำพ้องความหมาย คือ คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน แต่เขียนและออกเสียงไม่เหมือนกัน หรือเรียกว่า “คำพ้องความ” “คำไวพจน์” “การหลากคำ” มักใช้ในการแต่งคำประพันธ์ซึ่งการรู้จักคำและ ความหมายของคำจำนวนมาก นับเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกประการที่ทำคำประพันธ์ให้ความหมายลึกซึ้งและ เกิดความไพเราะงดงามทางภาษา คำ คำไวพจน์ ใจ กมล มโน ดวงหทัย ดวงแด ฤทัย ฤดีหฤทัย ทรวง ผู้หญิง นงเยาว์พนิดา นุช นารีบังอร สมร นงคราญ สตรีสุดา ดรุณี ท้องฟ้า คนานต์เวหา เวหาส อัมพร นภาลัย โพยม นภา ทิฆัมพร คัคนางค์คัคนานต์ ดอกไม้ กุสุมาลย์ผกา บุษบา บุปผา มาลย์สมุาลีบุปชาติบหุงา โกสมุ มาลี น้ำ กระแสสินธุ์คงคา ชลธีชลธาร ธารา ชลสินธุ์อุทก วาริน วารีอาโป ตาย สิ้นชีพ เสีย อาสัญ มรณะ วายปราณ ถึงแก่กรรม สิ้นชีพตักษัย สวรรคต ดับจิต


ใบงานเรื่อง สรุป สาระสำคัญเรื่องคำพ้อง หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง คำพ้อง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคำไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๘ คำพ้อง เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ คำพ้อง คือคำที่มีความหมายซ้ำกันหรือเหมือนกัน คือศัพท์หนึ่งคำอาจจะมีความหมายเหมือนกันแต่ ต่างกันที่การเขียนและการออกเสียง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของคําพองได้ ๓.๒ นักเรียนอธิบายชนิดของคําพองได้ ๓.๓ นักเรียนจําแนกชนิดของคําพองไดอยางถูกตอง ๓.๔ นักเรียนสามารถใชคําพองไดอยางถูกตอง ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ศึกษาความหมาย และชนิดของคําพอง เพื่อใหสามารถใชคําพองไดอยางถูกตองตามบริบทของ ประโยค ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูใหนักเรียน ๕ คนออกมาเขียนคําพองบนกระดาน พรอมอธิบายรายละเอียดของคําที่เขียนว าเปนคําพองลักษณะใด อานออกเสียงอยางไร มีความหมายอยางไร ขั้นสอน ๑. ครูเชื่อมโยงเนื้อหาเขาสูเรื่องคําพอง เพื่อใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจในเรื่องคําพองมาก ยิ่งขึ้น ๒. ครูใหนักเรียนมานําเสนอใบงานที่ ๕ สรุปสาระความรูเรื่องคําพอง ใหครบทั้ง ๔ หัวขอ ๓. ครูอธิบายเนื้อเรื่องคําพองเพิ่มเติมจากที่นักเรียนออกมานําเสนอ


๔. ครูมอบหมายใหนักเรียนจัดทํานิทานคําพองโดยจัดทําเปนหนังสือนิทานเลมเล็ก โดยให นิทานเรื่องนี้มีการใชคําพองในการแตงเปนนิทานดวย ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาเรื่องคําพองทั้งในดานความหมาย ชนิด และประโยชนที่ไดรับ ในคาบเรียนนี้ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ อินเทอรเน็ต ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. อธิบายความหมายของ คำพ้องได้ ๒. อธิบายชนิดของคำ พ้องได้ สังเกตจาพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ๑. จำแนกชนิดของคำ พ้องได้อย่างถูกต้อง ๒. สามารถใช้คำพ้องได้ อย่างถูกต้อง ประเมินจากการทำ ใบงานและการแต่ง นิทานคำพ้อง - ใบงานที่ ๑ นิทานคำ พ้อง - แบบประเมินการแต่ง นิทานคำพ้อง ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคำไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๙ วิเคราะหความแตกตางของภาษาพูดและภาษาเขียน เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๔ วิเคราะห์ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน ๒. สาระสำคัญ ภาษาพูด คือ ภาษาเฉพาะกลุ่ม หรือเรียกว่า ภาษาปาก เช่น พวกภาษากลุ่มวัยรุ่น บางครั้งฟังแล้วดู ไม่สุภาพ มักใช้พูดระหว่างคนที่สนิทสนมกันมาก ๆ ภาษาเขียน คือ ภาษาเขียนที่ลักษณะเคร่งครัด ในหลักทางภาษา เรียกว่า ภาษาแบบแผน ระดับไม่ เคร่งครัดมากนัก เรียกว่า ภาษากึ่งแบบแผน หรือ ภาษาไม่เป็นทางการ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจความแตกตางระหวางภาษาพูดและภาษาเขียน ๓.๒ นักเรียนใชภาษาพูดและภาษาเขียนไดอยางถูกตอง และเหมาะสมกับกาลเทศะ ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ภาษาพูดและภาษาเขียน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูติดแถบประโยคต่อไปนี้บนกระดาน พร้อมทั้งทั้งสังเกตประโยคบนกระดาน ฉันกินข้าว ฉันเจอเค้าเมื่อวานนี้ ทำยังไงถึงจะสอบผ่าน ๒. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงประโยคข้างต้น และครูอธิบายให้ทราบว่าประโยค ดังกล่าวเป็นภาษาพูด ๓. นักเรียนเปลี่ยนประโยคภาษาพูดให้เป็นภาษาเขียน (ฉันรับประทานอาหาร


ฉันพบเขาเมื่อวานนี้ ทำอย่างไรจึงจะสอบผ่าน) ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน ๒. ครูอธิบายเนื้อหาเพิ่มจากใบความรู้ ๓. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม “โต้ตอบสองภาษา” กติกาคือ ๑) แบ่งนักเรียนเป็น ๒ แถว แถวที่ ๑ ชื่อว่าภาษาพูด แถวที่ ๒ ชื่อว่าภาษาเขียน ๒) แล้วให้แถวที่ ๑ พูดภาษาพูดคนละ ๑ คำ และให้แถวที่ ๒ แก้ภาษาพูดให้เป็น ภาษาเขียนที่ถูกต้อง ๓) จากนั้นให้แถวที่ ๒ พูดภาษาเขียน และให้แถวที่ ๑ แก้ภาษาเขียนให้เป็นภาษา พูด โต้ตอบไปมาทีละคู่ โดยคำที่คิดขึ้นในแต่ละแถวนั้นห้ามซ้ำกัน ๔. ครูตรวจสอบความถูกต้องในการปรับแก้ภาษาของนักเรียน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน พร้อมทั้งประโยชน์ที่ ได้รับจากการเรียนเรื่องนี้ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ ใบความรู้ที่ ๑ ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน ๖.๒ แถบประโยค ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธิบายความหมายของ ภาษาพูดและภาษาเขียน สังเกตจาพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ใช้ภาษาพูดและภาษา เขียนได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมกับกาละเทศะ สังเกตจาพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการ เรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒


ใบความรู้ เรื่อง ความแตกต่างของภาษาพูด และภาษาเขียน หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง วิเคราะห์ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การเลือกใช้ภาษาควรคำนึงถึงกาลเทศะในการใช้คำนั้น ๆ บางคำก็ใช้เป็นภาษาเขียนอย่างเดียวบางคำ ก็ใช้พูดอย่างเดียว และบางคำอยู่ตรงกลางคืออาจเป็นทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนก็ได้ความแตกต่างระหว่าง ภาษาพูดกับภาษาเขียนพออธิบายได้ดังนี้ ๑) ภาษาเขียนไม่ใช้ถ้อยคำหลายคำที่เราใช้ในภาษาพูดเท่านั้น เช่น เยอะแยะ อือหือ ๒) ภาษาเขียนไม่มีสำนวนเปรียบเทียบหรือคำสแลงที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในภาษา เช่น ชักดาบ พลิกล็อค โดดร่ม ๓) ภาษาเขียนมีการเรียบเรียงถ้อยคำที่สละสลวยชัดเจน ไม่ซ้ำคำหรือซ้ำความโดยไม่จำเป็น ในภาษาพูดอาจจะใช้ซ้ำคำหรือซ้ำความได้เช่น การพูดกลับไปกลับมา เป็นการย้ำคำหรือเน้นข้อความนั้น ๆ ๔) ภาษาเขียน เมื่อเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนไม่มีโอกาสแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้แต่ถ้าเป็น ภาษาพูด ผู้พูดมีโอกาสชี้แจงแก้ไขในตอนท้ายได้นอกจากนี้ยังมีข้อแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน อีกหลายประการ คือ ๔.๑) ภาษาเขียนใช้คำภาษามาตรฐาน หรือภาษาแบบแผน ซึ่งนิยมใช้เฉพาะในวง ราชการหรือในข้อเขียนที่เป็นวิชาการทั้งหลายมากกว่าภาษาพูด เช่น ภาษาเขียน – ภาษาพูด สุนัข - หมา สุกร - หมู กระบือ - ควาย แพทย์ - หมอ เครื่องบิน - เรือบิน ๔.๒) ภาษาพูดมักจะออกเสียงไม่ตรงกับภาษาเขียน คือ เขียนอย่างหนึ่งเวลาออก เสียงจะเพี้ยนเสียงไปเล็กน้อย ส่วนมากจะเป็นเสียงสระ เช่น ภาษาเขียน – ภาษาพูด ฉัน - ชั้น เขา - เค้า ไหม - ไม้(มั้ย) เท่าไร - เท่าไหร่ หรือ - หรอ เร้อะ ๔.๓) ภาษาพูดสามารถแสดงอารมณ์ของผู้พูดได้ดีกว่าภาษาเขียน คือ มีการเน้น ระดับเสียงของคำให้สูง-ต่ำ-สั้น-ยาว ได้ตามต้องการ เช่น ภาษาเขียน – ภาษาพูด ตาย - ต๊าย บ้า - บ๊า ใช่ - ช่าย เปล่า - ปล่าว


๔.๔) ภาษาพูดนิยมใช้คำช่วยพูดหรือคำลงท้าย เพื่อช่วยให้การพูดนั้นฟังสุภาพและ ไพเราะยิ่งขึ้น เช่น ไปไหนคะ ไปตลาดค่ะ รีบไปเลอะ ไม่เป็นไรหรอก นั่งนิ่ง ๆ ซิจ๊ะ ๔.๕) ภาษาพูดนิยมใช้คำซ้ำ และคำซ้อนบางชนิด เพื่อเน้นความหมายของคำให้ ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ดี๊ดีเก๊าเก่า อ่านเอิ่น ผ้าห่มผ้าเหิ่ม กวาดแกวด ดงเดิน มือไม้


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคำไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๐ วิเคราะหความแตกตางของภาษาพูดและภาษาเขียน เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๔ วิเคราะห์ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน ๒. สาระสำคัญ ภาษาพูด คือ ภาษาเฉพาะกลุ่ม หรือเรียกว่า ภาษาปาก เช่น พวกภาษากลุ่มวัยรุ่น บางครั้งฟังแล้วดู ไม่สุภาพ มักใช้พูดระหว่างคนที่สนิทสนมกันมาก ๆ ภาษาเขียน คือ ภาษาเขียนที่ลักษณะเคร่งครัด ในหลักทางภาษา เรียกว่า ภาษาแบบแผน ระดับไม่ เคร่งครัดมากนัก เรียกว่า ภาษากึ่งแบบแผน หรือ ภาษาไม่เป็นทางการ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนมีความรูความเขาใจความแตกตางระหวางภาษาพูดและภาษาเขียน ๓.๒ นักเรียนใชภาษาพูดและภาษาเขียนไดอยางถูกตอง และเหมาะสมกับกาลเทศะ ๓.๔ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๕ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ภาษาพูดและภาษาเขียน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ครูใหนักเรียนรวมกันอธิบายลักษณะของภาษาพูดและภาษาเขียน ขั้นสอน ๑. นักเรียนทํากิจกรรม “อะไรอยูโหล”กติกา คือ ๑) ครูมีขวดโหลที่บรรจุสลาก “ภาษาพูด” “ภาษาเขียน” ๑๐ ชุด ๒) ครูเปดเพลงใหนักเรียนสงขวดโหลเวียนกันไปเมื่อเพลงหยุดแลวขวดโหลอยูที่ใคร ให คนนั้นจับสลากขึ้นมา ๑ ใบ แลวพูดประโยคตามลักษณะภาษาที่ตนจับสลากได เชน จับฉลากได “ภาษาพูด” ใหพูดประโยคที่เปนภาษาพูด “รูอยางงี้ไมมาดีกวา”


๒. ครูอธิบายความแตกตางของภาษาพูดและภาษาเขียนเพิ่มเติม พรอมทั้งเปดโอกาสให นักเรียนซักถาม ๓. นักเรียนทําใบงานเรื่อง ภาษาพูด-ภาษาเขียน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความแตกตางของภาษาพูดและภาษาเขียน พรอมทั้งประโยชนที่ได รับจากการเรียนเรื่องนี้ ๖. สื่อ /แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ สลากภาษาพูดภาษาเขียน ๖.๒ ใบงานเรื่อง ภาษาพูด-ภาษาเขียน ๗. วัดผลประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ด้านความรู้ มีความรู้ความเข้าใจความ แตกต่างระหว่างภาษาพูด และภาษาเขียน สังเกตจาพฤติกรรม การเรียนของ นักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตจาพฤติกรรม การเรียนของนักเรียน รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและ กระบวนการ ใช้ภาษาพูดและภาษา เขียนได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมกับกาลเทศะ ประเมินจากการทำ ใบงาน ใบงานเรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการเรียนรู้ ประเมินจาก คุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงานเรื่อง ภาษาพูด-ภาษาเขียน หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่อง วิเคราะห์ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนเปลี่ยนคำภาษาพูดที่กำหนดให้เป็นคำภาษาเขียนที่ถูกต้อง ๑. กินข้าว ๑. ..................................................... ๒. ทำยังไงมหาลัย ๒. ..................................................... ๓. อาทิตย์หน้า ๓. ..................................................... ๔. กล้วย ๆ ๔. ..................................................... ๕. งานยุ่งชะมัด ๕. ..................................................... ๖. ต้นไม้เยอะแยะ ๖. ..................................................... ๗. หมอ ๗. ..................................................... ๘. โทรฯ ๘. ..................................................... ๙. ได้มะ ๙. ..................................................... ๑๐. เจ๋ง ๑๐. ..................................................... ตอนที่ ๒ ให้นักเรียนเปลี่ยนภาษาในประโยคต่อไปนี้ให้เป็นภาษาเขียน ๑) คุณตาและคุณยายของเขาตายหมดแล้ว ------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๒) ในช่วงปิดเทอมวัดต่าง ๆ จะมีการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๓) เมื่อผู้ชายไทยอายุ๒๑ ปีเต็มจะต้องไปจับใบดำใบแดงเพื่อเข้าเป็นทหารเกณฑ์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๔) ญาติของเขามีอาการโคม่า ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๕) ขอเชิญร่วมฟังสวดศพที่วัดบางไกรนอก ------------------------------------------------------------------------------------------------------


เฉลยใบงานเรื่อง ภาษาพูด-ภาษาเขียน หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ เรื่อง วิเคราะห์ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนเปลี่ยนคำภาษาพูดที่กำหนดให้เป็นคำภาษาเขียนที่ถูกต้อง ๑. กินข้าว ๑. ...........รับประทานอาหาร............ ๒. ทำยังไงมหาลัย ๒. ...............ทำอย่างไร..................... ๓. อาทิตย์หน้า ๓. ...............สัปดาห์หน้า.................. ๔. กล้วย ๆ ๔. ................ง่าย ๆ ......................... ๕. งานยุ่งชะมัด ๕. ...............งานยุ่งมาก..................... ๖. ต้นไม้เยอะแยะ ๖. ..............ต้นไม้มากมาย................. ๗. หมอ ๗. .................แพทย์........................... ๘. โทรฯ ๘. ..................โทรศัพท์...................... ๙. ได้มะ ๙. ..................ได้ไหม.......................... ๑๐. เจ๋ง ๑๐. ..............ยอดเยี่ยม......................... ตอนที่ ๒ ให้นักเรียนเปลี่ยนภาษาในประโยคต่อไปนี้ให้เป็นภาษาเขียน ๑) คุณตาและคุณยายของเขาตายหมดแล้ว คุณตาและคุณยายของเขาถึงแก่กรรมหมดแล้ว ๒) ในช่วงปิดเทอมวัดต่าง ๆ จะมีการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ในช่วงปิดภาคการศึกษาวัดต่าง ๆ จะมีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ๓) เมื่อผู้ชายไทยอายุ๒๑ ปีเต็มจะต้องไปจับใบดำใบแดงเพื่อเข้าเป็นทหารเกณฑ์ เมื่อผู้ชายไทยอายุ๒๑ ปีบริบูรณ์จะต้องไปรับการคัดเลือกทหารเพื่อเข้าเป็นทหาร กองประจำการ ๔) ญาติของเขามีอาการโคม่า ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ญาติของเขามีอาการหนักมาก ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน ๕) ขอเชิญร่วมฟังสวดศพที่วัดบางไกรนอก ขอเชิญร่วมฟังสวดพระอภิธรรม ณ วัดบางไกรนอก


แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สืบสานเสนหคำไทย เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๑๑ คำที่มีความหมายหลายนัย เวลา ๑ ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ........... ครูผู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ ตำแหน่ง ครู ๑. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. สาระสำคัญ ภาษาไทยนั้น คำหนึ่งคำอาจมีความหมายได้หลายความหมายเปลี่ยนแปลงไปตามข้อความแวดล้อม หรือบริบทของคำนั้น อีกทั้งยังใช้ได้หลายหน้าที่ เช่น ใช้เป็นคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา เป็นต้น โดยไม่ต้อง เปลี่ยนแปลงรูปคำ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของคําที่มีความหมายหลายนัย ๓.๒ นักเรียนอธิบายลักษณะของคําที่มีความหมายหลายนัย ๓.๓ นักเรียนจําแนกความหมายของคําที่มีความหมายหลายนัยได้ ๓.๔ นักเรียนสามารถใชคําที่มีความหมายหลายนัยไดอยางถูกตอง ๓.๕ นักเรียนมีวินัยในตนเอง ๓.๖ นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สาระการเรียนรู้ ระบุและอธิบายคําเปรียบเทียบและคําที่มีหลายความหมายในบริบทตาง ๆ จากการอาน ๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูยกตัวอยางคําที่มีหลายความหมายที่นักเรียนคุนเคย เชน กลวย หิน เปนตน หรือคําที่ เกิดขึ้นในสมัยใหม เชน ลําไย นก (แลวแตสังคมที่นักเรียนอยู) ๒. ใหนักเรียนยกตัวอยางคําที่มีความหมายมากกวาหนึ่งความหมาย ขั้นสอน ๑. ครูเชื่อมโยงเนื้อหาเขาสูคําที่มีความหมายหลายนัย จากนั้นใหนักเรียนศึกษาใบความรูเรื่อง คําที่มีความหมายหลายนัย


Click to View FlipBook Version