The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 3 ภาค เรียนที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 3 ภาค เรียนที่ 1

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 3 ภาค เรียนที่ 1

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู (สาํ หรบั ครูผูสอน)
กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี ๓

ภาคเรียนท่ี ๑ รายวชิ าภาษาไทย

สาํ นกั งานโครงการสวนพระองคสมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา
กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี
สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน
สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ส�ำ หรับครูผสู้ อน)

กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๓
ภาคเรยี นท่ี ๑ รายวิชาภาษาไทย

สำ�นกั งานโครงการส่วนพระองคส์ มเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี
ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คำนำ

ตามที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงมีพระราชดาริ เม่ือวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ให้จัดทาสื่อการเรียนเป็นชุดการเรียนรู้สมบูรณ์แบบ
(Comprehensive Learning Package) สาหรบั โรงเรยี นขนาดเลก็ สงั กดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
สังกัดกองบัญชาการตารวจตระเวนชายแดน โรงเรียนพระปริยัติธรรม สังกัดสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
และโรงเรียนเอกชน สังกัดสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนา
คุณภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยเน้นการใช้บริบทชีวิตจริงของผู้เรียนและชุมชนเป็นฐาน
ในการเรียน ทาการบูรณาการสาระตามหลักสูตรให้เชื่อมโยงกับการดารงชีวิตท้ังปัจจุบันและอนาคต
ตามแนวพระราชดาริ ท่ีทรงแนะนาให้ใช้โครงการศึกษาทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการพัฒนาสอื่ การเรยี น

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้จัดทาชุดการเรียนรู้ (สาหรับครูผู้สอน)
ให้สอดคล้องกับหลักสูตรท่ีอิงมาตรฐานและเชื่อมโยงไปสู่สมรรถนะ เน้นการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
ท่ีส่งเสริมความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมผู้เรียนรอบด้าน ทั้งยังส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถค้นคว้าต่อเน่ืองในลักษณะ
การเรียนรู้ตามความสนใจได้ และเพื่อให้สะดวกต่อการนาไปใช้ จึงจัดแยกเป็นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓
และแยกเปน็ ภาคเรียนท่ี ๑ และภาคเรยี นท่ี ๒ ทัง้ ๕ กลุม่ สาระการเรียนรู้ ประกอบดว้ ย

- ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาหรับครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ และภาคเรียนที่ ๒

- ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาหรบั ครูผูส้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ และภาคเรยี นที่ ๒

- ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาหรับครผู สู้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓ ภาคเรียนที่ ๑ และภาคเรียนที่ ๒

- ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาหรับครูผูส้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ภาคเรียนที่ ๑ และภาคเรียนที่ ๒

- ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาหรบั ครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ)
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ และภาคเรยี นท่ี ๒

การนาชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ไปใช้ ครูผสู้ อนตอ้ งศกึ ษาเอกสาร คู่มอื การใช้ชดุ การจดั กจิ กรรม
การเรียนรู้ และศึกษาคาช้ีแจงในเอกสารชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาหรับครูผู้สอน) เพ่ือให้ทราบถึงแนวคิด
การจัดกระบวนการเรียนรู้ การเตรียมตัวของครู สื่อการจัดการเรียนรู้ ลักษณะชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แผนการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลของแต่ละหน่วยการเรยี นรู้

หวังว่าชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาหรับครูผู้สอน) และชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
(สาหรับนกั เรียน) น้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอน อนั จะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้นต่อไป

ขอขอบคุณ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู อาจารย์ นักวิชาการ
และทุกทา่ นทีม่ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การจดั ทาเอกสารมา ณ โอกาสน้ี

สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน



สารบัญ หนา้
1
คำนำ 2
โครงสร้างของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ 7
แนวทางการจดั การเรียนรู้ 12
คำอธิบายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ 18
โครงสรา้ งรายวชิ า กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ 24
วิเคราะหห์ น่วยการเรียนรู้ที่ ๑ สร้างสรรค์สารพรอ้ ม 35
วิเคราะหห์ น่วยการเรียนรู้ที่ 2 กรองคำนำจติ 50
วิเคราะหห์ น่วยการเรียนรู้ที่ 3 นิรมติ ผา่ นปญั ญา 64
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 สร้างสรรค์สารพรอ้ ม 72
75
แผนการจัดเรยี นรู้ที่ 1 เร่ือง สร้างงานสอื่ สาร (1) 82
แผนการจดั เรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง สรา้ งงานส่ือสาร (๒) 87
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง สร้างงานสอ่ื สาร (๓) 94
แผนการจัดเรียนรทู้ ี่ 4 เรื่อง สรา้ งงานสอ่ื สาร (4)
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 5 เรื่อง ผา่ นถอ้ ยวาจา (1) 102
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 6 เรอ่ื ง ผา่ นถอ้ ยวาจา (๒) 109
แผนการจดั เรยี นรู้ท่ี 7 เรื่อง ภาษาในวรรณคดี (๑) 115
แผนการจัดเรยี นรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง ภาษาในวรรณคดี (๒) 120
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 9 เรื่อง วจภี ิรมย์ (1) 127
แผนการจดั เรยี นรู้ท่ี 10 เรอ่ื ง วจภี ริ มย์ (2) 131
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 11 เรื่อง วจีภิรมย์ (3) 135
แผนการจัดเรียนรทู้ ่ี 12 เรื่อง วจภี ิรมย์ (4) 138
แผนการจดั เรียนรู้ที่ 13 เร่อื ง วจีภิรมย์ (๕) 141
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 14 เรอ่ื ง ชนื่ ชมทศั นะ (๑)
แผนการจัดเรยี นรทู้ ่ี 15 เรอ่ื ง ช่นื ชมทศั นะ (๒)
แผนการจดั เรยี นรู้ที่ 16 เรื่อง ชน่ื ชมทัศนะ (๓)
แผนการจดั เรียนรู้ที่ 17 เร่อื ง ชน่ื ชมทัศนะ (๔)
แผนการจัดเรียนรทู้ ี่ 18 เรอ่ื ง ชื่นชมทัศนะ (๕)
แผนการจัดเรยี นร้ทู ่ี 19 เรื่อง ชน่ื ชมทศั นะ (6)
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 20 เรอื่ ง วาทะประทับใจ (1)
แผนการจดั เรยี นรู้ท่ี 21 เรอ่ื ง วาทะประทบั ใจ (2)
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 22 เร่อื ง วาทะประทบั ใจ (3)

สารบัญ (ตอ่ ) หน้า
147
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กรองคำนำจิต 148
แผนการจัดเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง คำคม คำขวัญ (1) 153
แผนการจดั เรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง คำคม คำขวญั (2) 161
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง คำคม คำขวัญ (3) 165
แผนการจดั เรยี นรู้ที่ 4 เรื่อง ประชาสัมพันธส์ อื่ สาร (1) 173
แผนการจัดเรยี นรู้ที่ 5 เรื่อง ประชาสมั พันธ์ส่อื สาร (2) 179
แผนการจดั เรยี นรู้ที่ 6 เรอ่ื ง ประชาสัมพนั ธ์ส่ือสาร (3) 182
แผนการจัดเรียนรทู้ ี่ 7 เร่ือง เรยี นรู้ผ่านการละคร (1) 189
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 8 เรือ่ ง เรยี นรู้ผ่านการละคร (2) 195
แผนการจัดเรยี นรทู้ ่ี 9 เรอ่ื ง เรียนรผู้ ่านการละคร (3) 199
แผนการจดั เรยี นร้ทู ่ี 10 เรอ่ื ง เรียนรูผ้ า่ นการละคร (4) 204
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 11 เร่อื ง เรียนรผู้ ่านการละคร (5) 209
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 12 เรอ่ื ง เรยี นรผู้ า่ นการละคร (6) 214
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 13 เรื่อง ภาษาสะท้อนตัวตน (1) 219
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 14 เรอื่ ง ภาษาสะท้อนตัวตน (2) 222
แผนการจดั เรียนรู้ที่ 15 เรอื่ ง ภาษาสะท้อนตัวตน (3) 225
แผนการจัดเรียนรู้ที่ 16 เรื่อง ชุมนุมชนวาที (1) 230
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 17 เรอ่ื ง ชุมนมุ ชนวาที (2) 233
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 18 เรื่อง ชมุ นมุ ชนวาที (3) 236
237
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 นิรมิตผ่านปัญญา 245
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 1 เร่ือง เรยี งรอ้ ยถ้อยคำ (1) 252
แผนการจัดเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง เรียงรอ้ ยถ้อยคำ (2) 259
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 3 เร่ือง พร่ำเรยี นเพียรสอน (1) 265
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง พรำ่ เรยี นเพียรสอน (2) 267
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง พร่ำเรยี นเพยี รสอน (3) 272
แผนการจดั เรยี นรทู้ ่ี 6 เรื่อง พรำ่ เรียนเพียรสอน (4) 276
แผนการจัดเรยี นรทู้ ่ี 7 เร่ือง พร่ำเรยี นเพียรสอน (5) 282
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 8 เรื่อง พรำ่ เรยี นเพยี รสอน (6) 286
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 9 เรือ่ ง พร่ำเรียนเพยี รสอน (7) 294
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 10 เรื่อง ภาษาสะท้อนความคิด (1)
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 11 เรือ่ ง ภาษาสะท้อนความคดิ (2)

สารบญั (ตอ่ ) หนา้
298
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 นิรมิตผ่านปัญญา (ต่อ) 301
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 12 เรอ่ื ง ภาษาสะทอ้ นความคิด (3) 303
แผนการจัดเรยี นรู้ท่ี 13 เรอ่ื ง ภาษาสะท้อนความคิด (4) 307
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 14 เรอื่ ง ภาษาสะท้อนความคิด (5) 313
แผนการจัดเรียนรทู้ ่ี 15 เรื่อง ปรศิ นาหฤหรรษ์ (1) 317
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 16 เรอ่ื ง ปริศนาหฤหรรษ์ (2) 321
แผนการจัดเรยี นรู้ท่ี 17 เร่ือง รงั สรรคค์ ำประพนั ธ์ (1) 324
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 18 เรือ่ ง รังสรรคค์ ำประพนั ธ์ (2) 327
แผนการจัดเรยี นรู้ท่ี 19 เร่อื ง รงั สรรคค์ ำประพันธ์ (3)
แผนการจดั เรยี นร้ทู ี่ 20 เรื่อง รงั สรรค์คำประพนั ธ์ (4)

คณะผ้จู ัดทำ

โครงสรา้ งของชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

5. 1. 2.กรองคำนำจิต
ลิขติ สาร สรา้ งสรรค์สารพรอ้ ง (18 ชว่ั โมง)
งานแบบพมิ พ์
(30 ช่วั โมง) (22 ชวั่ โมง)

หนว่ ยการเรยี นรู้
ภาษาไทย
ช้นั ม.3

(120 ชั่วโมง/ป)ี

4. 3.
วิชาล้วนชวนตรองตริ นิรมติ ผา่ นปญั ญา

(30 ชว่ั โมง) (20 ชัว่ โมง)

แนวทางการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒

ท่ี หน่วยการเรียนรู้ เวลา ที่ หน่วยการเรียนรู้ เวลา
(ชว่ั โมง) (ชว่ั โมง)
1. สร้างสรรคส์ ารพรอ้ ง
2. กรองคำนำจติ 22 4. วชิ าล้วนชวนตรองตริ 30
3. นริ มติ ผา่ นปัญญา 30
18 5. ลขิ ติ สารงานแบบพิมพ์
รวม 60
20
60 รวม

รวมตลอดปี 120 ช่ัวโมง

คำอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนท่ี ๑
___________________________________________________________________________
ศึกษาหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองประเภทต่าง ๆ การอ่านจับใจความสำคัญ
การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมไทย เร่ืองพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณี
หนีนางผีเส้ือสมุทร บทละครพูดเร่ืองเห็นแก่ลูก และอิศรญาณภาษิต การท่องจำบทอาขยานจากวรรณคดี
เร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร การอ่านบทอ่านในหนังสือเรียนกลุ่มสาระอ่ืน
และสื่อประเภทอ่ืน ๆ ในชีวิตประจำวัน การคัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัด การเขียนอัตชีวประวัติ
การเขียนอธิบาย การเขียนแสดงความรู้ความคิดเห็น การกรอกแบบสมัครงาน หลักการพูดโน้มน้าวใจ
หลักการพูดแสดงความคิดเห็น การพูดวิเคราะห์วิจารณ์ คำท่ีมาจากภาษาต่างประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เขมร
อังกฤษ คำทับศัพท์ คำศัพท์บัญญัติ คำศัพท์ทางวิชาการและวิชาชีพโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ทักษะท้ังการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนระดับต่าง ๆการฝึกปฏิบัติการใช้ภาษาอย่างมีวิจารณญาณ
เพ่ือการสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ การฝึกใช้ภาษาเพื่อการค้นคว้า วิเคราะห์ และนำเสนอผลการวิเคราะห์
ข้อมูลเพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการสื่อสารอย่างรอบด้านทุกทักษะ สร้างสรรค์ผลงานโดยใช้ภาษาไทย
อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีสุนทรียภาพ เพ่ือพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตนและสร้างประโยชน์แก่สังคม
มีมารยาทในการใช้ภาษาเพือ่ การส่ือสาร ตระหนกั ถึงประโยชน์และความสำคญั ของภาษาไทยในฐานะเคร่อื งมือ
สื่อสารท่ีมีประสิทธิภาพและเป็นภาษาประจำชาติ และตระหนักถึงประโยชน์และความสำคัญของวรรณคดี
และวรรณกรรมไทยในฐานะมรดกของชาตแิ ละแหล่งเรยี นร้เู พ่ือพัฒนาความรู้ ทกั ษะทางภาษา และทกั ษะชวี ติ

ตวั ชี้วัด
ท ๑.๑ ม.๓/๑ ท ๑.๑ ม.๓/๒ ท ๑.๑ ม.๓/๓ ท ๑.๑ ม.๓/๔ ท ๑.๑ ม.๓/๕
ท ๑.๑ ม.๓/๖ ท ๑.๑ ม.๓/๗ ท ๑.๑ ม.๓/๘ ท ๑.๑ ม.๓/๙ ท ๑.๑ ม.๓/๑๐
ท ๒.๑ ม.๓/๑ ท ๒.๑ ม.๓/๒ ท ๒.๑ ม.๓/๓ ท ๒.๑ ม.๓/๖ ท ๒.๑ ม.๓/๗
ท ๒.๑ ม.๓/๘ ท ๒.๑ ม.๓/๑๐

ท ๓.๑ ม.๓/๑ ท ๓.๑ ม.๓/๒ ท ๓.๑ ม.๓/๔ ท ๓.๑ ม.๓/๕ ท ๓.๑ ม.๓/๖

ท ๔.๑ ม.๓/๑ ท ๔.๑ ม.๓/๔ ท ๔.๑ ม.๓/๕

ท ๕.๑ ม.๓/๑ ท ๕.๑ ม.๓/๒ ท ๕.๑ ม.๓/๓ ท ๕.๑ ม.๓/๔

รวมทงั้ หมด 30 ตัวช้วี ดั

โครงสรา้ งรายวิชา
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี ๑

หน่วยท่ี ชื่อหน่วยการเรียน มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สมรรถนะ สาระการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ เวลา นำ้ หนัก
๑ สร้างสรรค์สารพร้อง ตัวชี้วัด  การจัดการตนเอง - การอ่านจับใจความประวัติ ความคิดรวบยอด (ชวั่ โมง) คะแนน
 การสือ่ สาร ผู้แต่ง การอ่านออกเสียง การอ่าน
ท ๑.๑ ม.๓/๑  การรวมพลังทำงาน - การอ่านออกเสียงกลอน จับใจความวรรณคดี ทำให้เข้าใจ 22 30
ท ๑.๑ ม.๓/๒ เปน็ ทีม นทิ าน เนื้อหาของเร่ือง ซึ่งเป็นข้อมูล
ท ๑.๑ ม.๓/๓  การคิดขั้นสงู - มารยาทในการอ่าน ส ำ คั ญ ใ น ก า ร น ำ ไป วิ เค ร า ะ ห์
ท ๑.๑ ม.๓/๔  การเป็นพลเมือง - วรรณคดีเร่ืองพระอภัยมณี คณุ ค่าของวรรณคดี
ท ๑.๑ ม.๓/๕ ทีเ่ ข้มแข็ง ต อ น พ ร ะ อ ภั ย ม ณี ห นี ก า ร ท่ อ ง จ ำ บ ท อ า ข ย า น
ท ๑.๑ ม.๓/๖ นางผเี สื้อสมทุ ร และการคัดลายมือบทอาขยาน
ท ๑.๑ ม.๓/๗ - ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ วิ ถี ไท ย ที่ ต้ อ งท่ อ งจำ ท ำให้ ท่ อ งจ ำ
ท ๑.๑ ม.๓/๘ และคุณ ค่าจากวรรณ คดี บทอาขยานไดร้ วดเร็ว และเขา้ ใจ
ท ๑.๑ ม.๓/๙ เรื่อง พระอภัยมณี ตอน เนอื้ หาของบทอาขยานมากยิ่งขึ้น
ท ๑.๑ ม.๓/๑๐ พ ระ อ ภั ย ม ณี ห นี น า งผี เสื้ อ ก า ร พู ด น ำ เ ส น อ ผ ล
ท ๒.๑ ม.๓/๑ สมุทร การวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี
ท ๒.๑ ม.๓/๑๐ - บทอาขยานจากวรรณคดี ท ำ ให้ เกิ ด ก า ร แ ล ก เป ลี่ ย น
ท ๓.๑ ม.๓/๑ เรื่อ งพ ระอภั ยม ณี ต อ น ค ว า ม คิ ด เห็ น ก่ อ ใ ห้ เกิ ด
ท ๓.๑ ม.๓/๒ พ ร ะ อ ภั ย ม ณี ห นี น า งผี เส้ื อ ความงอกงามทางปัญญา
ท ๓.๑ ม.๓/๔ สมทุ ร ก า ร แ ต่ ง ค ำ ป ร ะ พั น ธ์
ท ๓.๑ ม.๓/๕ - การคัดลายมือตัวบรรจง ป ร ะ เภ ท ก ล อ น สุ ภ า พ เป็ น
ท ๓.๑ ม.๓/๖ คร่ึงบรรทัด ก า ร สื่ อ ส า ร อ ย่ า ง มี ศิ ล ป ะ ผ่ า น
ท ๕.๑ ม.๓/๑ - การพูดแสดงความคิดเห็น ก า ร ใช้ ฉั น ท ลั ก ษ ณ์ ไท ย ซ่ึ ง เป็ น
ท ๕.๑ ม.๓/๒ และประเมินเร่ืองจากการฟัง มรดกทางวฒั นธรรม
ท ๕.๑ ม.๓/๓ และการดู
- การพูดวิเคราะห์วิจารณ์

โครงสรา้ งรายวิชา
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี ๑

หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการเรียน มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สมรรถนะ สาระการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ เวลา น้ำหนกั
2 กรองคำนำจิต ตัวชี้วดั จากเรอื่ งทฟี่ งั และดู ความคิดรวบยอด (ช่วั โมง) คะแนน
- การพูดโน้มนา้ ว
ท ๕.๑ ม.๓/๔ - มารยาทในการฟัง การดู
และการพูด
- การแต่งกลอนสภุ าพ

ท ๑.๑ ม.๓/๑ การจัดการตนเอง - การอา่ นจับใจความประวัติ การอ่านออกเสียง การอ่าน ๑8 20
ท ๑.๑ ม.๓/๒  การสื่อสาร ผแู้ ตง่ จับใจความ วรรณ คดี ทำให้
ท ๑.๑ ม.๓/๓  การรวมพลังทำงาน - ก า ร อ่ า น อ อ ก เ สี ย ง เข้าใจเนื้อหาของเรื่อง ซ่ึงเป็น
ท ๑.๑ ม.๓/๔ เป็นทีม บทละครพดู ข้ อ มู ล ส ำ คั ญ ใน ก า ร น ำ ไป
ท ๑.๑ ม.๓/๕  การคิดขัน้ สูง - มารยาทในการอา่ น วิเคราะห์คณุ ค่าของวรรณคดี
ท ๑.๑ ม.๓/๖
ท ๑.๑ ม.๓/๗  การเปน็ พลเมือง - บ ท ล ะ ค ร พู ด เ ร่ื อ ง การแสดงละครโดยใช้
ท ๑.๑ ม.๓/๘ ทเ่ี ขม้ แขง็ เหน็ แก่ลกู บทละครท่ีดัดแปลงให้เหมาะสม
ท ๑.๑ ม.๓/๙ - การวิเคราะห์วิถีไทยและ กับยุคทำให้เข้าใจเน้ือหาของ
ท ๑.๑ ม.๓/๑๐ คุณ ค่าจาก บทละครพูด วรรณคดไี ดล้ กึ ซึ้งย่ิงขึ้น
ท ๒.๑ ม.๓/๒ เร่ืองเห็นแกล่ กู
ท ๒.๑ ม.๓/๑๐ - เขียนบทละคร
ท ๓.๑ ม.๓/๖ - มารยาทในการเขยี น
- มารยาทในการฟัง การดู
และการพูด

โครงสรา้ งรายวิชา
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี ๑

หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการเรียน มาตรฐานการเรียนร/ู้ สมรรถนะ สาระการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ เวลา นำ้ หนกั
3 นิรมิตผา่ นปัญญา ตวั ช้ีวัด ความคิดรวบยอด (ช่วั โมง) คะแนน

ท ๕.๑ ม.๓/๑  การจดั การตนเอง - การอ่านจับใจความประวัติ การอ่านออกเสียง การอ่าน 20 20
ท ๕.๑ ม.๓/๒  การส่ือสาร ผู้แต่ง จับใจความวรรณคดี ทำให้เข้าใจ
ท ๕.๑ ม.๓/๓  การรวมพลังทำงาน - การอ่านออกเสียงกลอน เนื้อหาของเรื่อง ซ่ึงเป็นข้อมูล
ท ๕.๑ ม.๓/๔ เป็นทีม เพลงยาว ส ำ คั ญ ใ น ก า ร น ำ ไป วิ เค ร า ะ ห์
ท ๑.๑ ม.๓/๑  การคดิ ข้ันสงู - มารยาทในการอา่ น คณุ คา่ ของวรรณคดี
ท ๑.๑ ม.๓/๒
ท ๑.๑ ม.๓/๓  การเป็นพลเมือง - วรรณคดีเรื่องอิศรญาณ การท่องจำบทอาขยาน
ท ๑.๑ ม.๓/๔ ที่เข้มแข็ง ภาษิต และการคัดลายมือบทอาขยาน
ท ๑.๑ ม.๓/๕ - การวิเคราะห์วิถีไทยและ ที่ ต้ อ งท่ อ งจำ ท ำให้ ท่ อ งจ ำ
ท ๑.๑ ม.๓/๖ คุณค่าจากวรรณ คดีเรื่อง บทอาขยานไดร้ วดเร็ว และเขา้ ใจ
ท ๑.๑ ม.๓/๗ อศิ รญาณภาษิต เนอื้ หาของบทอาขยานมากยง่ิ ขึ้น
ท ๑.๑ ม.๓/๘ - บทอาขยานจากวรรณคดี การพูดนำเสนอผลงาน
ท ๑.๑ ม.๓/๙ เรอ่ื งอิศรญาณภาษติ จากการศึกษาวรรณคดี และ
ท ๑.๑ ม.๓/๑๐ - การคัดลายมือตัวบรรจง ผลการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี
ท ๒.๑ ม.๓/๑ ครง่ึ บรรทดั ท ำ ให้ เกิ ด ก า ร แ ล ก เป ลี่ ย น
ท ๒.๑ ม.๓/๗ - การเขียนแสดงความรู้ ค ว า ม คิ ด เห็ น ก่ อ ใ ห้ เกิ ด
ท ๒.๑ ม.๓/๑๐ ความคิดเก่ียวกับบทประพันธ์ ความงอกงามทางปญั ญา
ท ๓.๑ ม.๓/๒ ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ท ๓.๑ ม.๓/๓ - มารยาทในการเขียน
ท ๓.๑ ม.๓/๔

โครงสรา้ งรายวิชา
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ ๑

หนว่ ยท่ี ช่อื หน่วยการเรียน มาตรฐานการเรียนรู้/ สมรรถนะ สาระการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ เวลา นำ้ หนกั
ตวั ช้ีวดั - การพูดนำเสนอผลงาน ความคดิ รวบยอด (ชวั่ โมง) คะแนน
หนา้ ช้นั เรยี น
ท ๓.๑ ม.๓/๖ - มารยาทในการฟงั การดู
ท ๕.๑ ม.๓/๑ และการพูด
ท ๕.๑ ม.๓/๒
ท ๕.๑ ม.๓/๓
ท ๕.๑ ม.๓/๔

รวมตลอดภาคเรียน ๖๐ ๗๐*

*หมายเหตุ น้ำหนักคะแนน ๗๐ คะแนน คือ คะแนนเกบ็ อีก ๓๐ คะแนน คือ คะแนนสอบกลางภาค ๑๕ คะแนน และสอบปลายภาค ๑๕ คะแนน

หน่วยท่ี 1 สรา้ งสรรคส์ ารพร้อง สมรรถนะ
ประเด็นพจิ ารณาการทาหน่วย

แผนที่ ช่ือแผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life)สาระการเรยี นรู้ หมายเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

1. สรา้ งงานสอ่ื สาร (1)      ภาษาในการส่ือสาร - --
2. สร้างงานสอ่ื สาร (2)      ปจั จัยการใชภ้ าษาในการสอ่ื สาร
- --
3. สร้างงานสอื่ สาร (3)
4. สรา้ งงานสอ่ื สาร (4)      การเขยี นสารคดีเชิงประวัติ - --
5. ผา่ นถอ้ ยวาจา (1)
6. ผ่านถอ้ ยวาจา (2)      การเขยี นสารคดีประวัตบิ ุคคลสาคัญ -  -  -

     ท่มี าและความสาคัญของเร่อื ง - --

     1. คุณธรรมที่นา่ ยกยอ่ ง - --
ของตวั ละคร
2. วิเคราะหเ์ นื้อเรอ่ื ง

ประเดน็ พจิ ารณาการทาหนว่ ย สมรรถนะ

แผนที่ ช่ือแผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สาระการเรยี นรู้ หมายเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

7. ภาษาในวรรณคดี (1)      1. คาศพั ท์ยาก - --
2. ถอดคาประพันธ์
8. ภาษาในวรรณคดี (2) - --
9. วจภี ิรมย์ (1)      การเขียนแสดงความคดิ เห็น
10. วจภี ริ มย์ (2)      การพดู แสดงความคิดเหน็ - --
11. วจีภิรมย์ (3)      การสอ่ื สารด้วยการฟงั
12. วจภี ริ มย์ (4)      การสอื่ สารด้วยการเขียน - --
     การเขยี นแสดงความคิดเหน็
- --

- --

ประเดน็ พจิ ารณาการทาหนว่ ย สมรรถนะ

แผนที่ ช่ือแผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สาระการเรยี นรู้ หมายเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

13. วจีภริ มย์ (5)      การพดู แสดงความคดิ เหน็ - --
14. ช่นื ชมทัศนะ (1)      ทักษะการฟงั
15. ชื่นชมทัศนะ (2)      ทักษะการฟัง - --
16. ชน่ื ชมทศั นะ (3)      การเขียนแสดงความคดิ เหน็
17. ชน่ื ชมทัศนะ (4)      การพดู แสดงความคิดเหน็ - --

18. ชนื่ ชมทศั นะ (5)      การเขยี นโตแ้ ยง้ อย่างสรา้ งสรรค์ - --

- --

- --

ประเด็นพจิ ารณาการทาหน่วย สมรรถนะ

แผนท่ี ช่อื แผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สาระการเรยี นรู้ หมายเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

19. ชน่ื ชมทัศนะ (6)      การพูดแสดงความคิดเห็น - --
20. วาทะประทับใจ (1)      การใชภ้ าษาในการสื่อสาร
- --
21. วาทะประทบั ใจ (2)      การใช้ภาษาในการสื่อสาร
22. วาทะประทับใจ (3)      การใช้ภาษาในการสื่อสาร - --

- --

หนว่ ยที่ 2 กรองคำนำจิต

ประเดน็ พจิ ำรณำกำรทำหน่วย สมรรถนะ

แผนที่ ชือ่ แผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สำระกำรเรยี นรู้ หมำยเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

1. คาคม คาขวัญ (1)      การพดู โน้มนา้ วใจ - --
2. คาคม คาขวญั (2)
     1. คาขวญั - --
3. คาคม คาขวญั (3) 2. คติพจน์
3. คาคม - --
4. ประชาสมั พันธส์ อื่ สาร (1)
5. ประชาสมั พนั ธส์ ื่อสาร (2)      1. คาขวญั - --
2. คตพิ จน์
3. คาคม - --

     รปู แบบการนาเสนอโฆษณา - --
     ลักษณะการใชภ้ าษาโฆษณา

6. ประชาสมั พันธ์สอ่ื สาร (3)      การพูดนาเสนอโฆษณา

ประเด็นพจิ ำรณำกำรทำหนว่ ย สมรรถนะ

แผนท่ี ชอ่ื แผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สำระกำรเรยี นรู้ หมำยเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

7. เรียนรผู้ ่านการละคร (1)      บทละครพดู เรอ่ื งเห็นแกล่ กู - --
8. เรียนรผู้ ่านการละคร (2)      คาศัพท์ในบทละครพูดเรอื่ ง
- --
9. เรียนรู้ผา่ นการละคร (3) เหน็ แกล่ กู
10. เรยี นรู้ผา่ นการละคร (4)      บทละครพดู เรื่องเหน็ แกล่ กู - --
     1. คาบพุ บท
11. เรยี นรู้ผ่านการละคร (5) - --
12. เรียนรูผ้ ่านการละคร (6) 2. คาเชื่อม
     คาอทุ าน - --
     1. คาบพุ บท
- --
2. คาเช่อื ม

ประเด็นพจิ ำรณำกำรทำหนว่ ย สมรรถนะ

แผนที่ ชื่อแผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สำระกำรเรยี นรู้ หมำยเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

13. ภาษาสะทอ้ นตวั ตน (1)      ลักษณะภาษาปากและคาแสลง - --

14. ภาษาสะทอ้ นตัวตน (2)      ลักษณะภาษาปากและคาแสลง - --
15. ภาษาสะท้อนตวั ตน (3)      ลกั ษณะภาษาปากและคาแสลง
16. ภาษาสะทอ้ นตวั ตน (4)      การพูดในทชี่ มุ ชน - --
17. ชุมนุมชนวาที (1)      การโตว้ าที
- --
18. ชมุ นมุ ชนวาที (2)      การโตว้ าที
- --

- --

หน่วยที่ 3 นิรมติ ผ่านปัญญา

ประเด็นพจิ ารณาการทาหนว่ ย สมรรถนะ

แผนที่ ช่อื แผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สาระการเรยี นรู้ หมายเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

1. เรยี งร้อยถอ้ ยคา (1)      การเขยี นบรรยาย - --
2. เรียงร้อยถ้อยคา (2)      - คาท่มี คี วามหมายตรง
- --
3. พร่าเรียนเพยี รสอน (1) - คาที่ความหมายเปรยี บ
4. พร่าเรยี นเพียรสอน (2)      อศิ รญาณภาษติ - --
     อศิ รญาณภาษิต
5. พรา่ เรียนเพียรสอน (3) - --
6. พรา่ เรยี นเพียรสอน (4)      อิศรญาณภาษิต
     อิศรญาณภาษติ - --

- --

ประเด็นพิจารณาการทาหน่วย สมรรถนะ

แผนท่ี ช่ือแผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สาระการเรยี นรู้ หมายเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

7. พร่าเรยี นเพียรสอน (5)      อิศรญาณภาษิต - --
8. พรา่ เรียนเพยี รสอน (6)      อศิ รญาณภาษติ
- --
9. พร่าเรยี นเพียรสอน (7)      อศิ รญาณภาษิต
10. ภาษาสะทอ้ นความคิด (1)      อิศรญาณภาษิต - --
11. ภาษาสะท้อนความคิด (2)      อิศรญาณภาษติ
12. ภาษาสะท้อนความคิด (3)      อิศรญาณภาษิต - --
- --
- --

ประเด็นพิจารณาการทาหน่วย สมรรถนะ

แผนที่ ช่ือแผน ความเ ่ืชอมโยง (On Life) สาระการเรยี นรู้ หมายเหตุ
การบูรณาการ
ิกจกรรมปฏิรูปการเรียนรู้
การเรียนรู้ตาม ่ชวง ัวย
ความ ่ยังยืนของความรู้
การจัดการตนเอง
การสื่อสาร
การรวมพลังทางานเป็นทีม
การ ิคด ั้ขนสูง
การเป็นพลเมืองที่เ ้ขมแ ็ขง

13. ภาษาสะทอ้ นความคดิ (4)      อิศรญาณภาษติ - --
14. ภาษาสะทอ้ นความคดิ (5)      การสร้างค่านิยมใหม่
- --
15. ปรศิ นาหฤหรรษ์ (1)      ปริศนาคาทาย
16. ปรศิ นาหฤหรรษ์ (2)      ปรศิ นาคาทาย - --
17. รงั สรรคค์ าประพันธ์ (1)      โคลงสีส่ ุภาพ
18. รงั สรรคค์ าประพันธ์ (2)      โคลงสสี่ ุภาพ - --

- --

- --

19. รังสรรคค์ าประพันธ์ (3) แผนท่ี ชื่อแผน
20. รังสรรคค์ าประพันธ์ (4)

     โคลงสี่สภุ าพ ความเชือ่ มโยง (On Life) ประเด็นพจิ ารณาการทาหน่วย
     โคลงส่ีสุภาพ การบรู ณาการ
กิจกรรมปฏิรปู การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้
การเรยี นรตู้ ามชว่ งวัย
- -- ความย่ังยนื ของความรู้ สมรรถนะ

- -- การจดั การตนเอง
การสอ่ื สาร
การรวมพลงั ทางานเป็นทมี
การคดิ ขนั้ สงู
การเป็นพลเมอื งทเี่ ข้มแข็ง

หมายเหตุ



หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1

“สร้างสรรค์สารพรอ้ ม”

-๑-

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาหรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษา

-1-

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ สรา้ งสรรคส์ ารพร้อม แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรือ่ ง สร้างงานสอื่ สาร (๑) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด รายวิชาภาษาไทย ๕

ภาษาในการสอ่ื สาร เปน็ การถา่ ยทอดเรื่องราว กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
ความรสู้ ึก ความคิดผา่ นการส่ือสาร โดยลกั ษณะภาษา ขั้นนา ห้องสมุด
ในการใช้ส่อื สาร ซง่ึ ต้องมีปจั จัยในการใชภ้ าษา ๑. นักเรียนสังเกตพฤติกรรมของครู แล้วตอบคาถามว่า
โดยเฉพาะความชดั เจนของสารท่ีต้องการจะสื่อกับ พฤตกิ รรมตอ่ ไปนตี้ อ้ งการสื่อความหมายใด สอ่ื
ผู้รับสาร ซึ่งลกั ษณะของการส่ือสารมที ัง้ ทเี่ ป็น ๑. ใบความรู้ “ภาษาในการสื่อสาร”
วัจนภาษา ที่ใช้ถอ้ ยคาสอื่ ความหมายดว้ ยคาพูด พฤติกรรมที่ ๑ ครพู ยกั หน้า แลว้ พูดวา่ “ได”้ ๒. บตั รคาทีใ่ ชจ้ บั สลาก
และอวัจนภาษาทีไ่ ม่ใชถ้ ้อยคา แตแ่ สดงออกดว้ ยสหี นา้
ทา่ ทาง การแตง่ กาย เป็นตน้ แนวคาตอบ คอื ยอมรบั ตกลง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ พฤตกิ รรมท่ี ๒ ครูเกาศรี ษะ แต่สีหนา้ เรียบเฉย
-2- ด้านความรู้ ภาระ/ช้นิ งาน
๑. อธิบายลักษณะการใชภ้ าษาในการสื่อสาร แนวคาตอบ คือ ครนุ่ คิด กงั วล ไม่พอใจ สงสยั การสร้างสรรค์ท่าทางการส่ือสารที่ชดั เจน
๒. อธิบายปจั จัยการใชภ้ าษาในการสือ่ สาร
ดา้ นทักษะกระบวนการ ครูถามคาถามเพม่ิ เติม ว่า
๑. พูดส่ือสารใหม้ ีความเข้าใจ จากท้ัง ๒ พฤติกรรม พฤติกรรมใดที่ทาให้นักเรียน
๒. เขียนสอ่ื สารให้มคี วามชดั เจน เขา้ ใจในสงิ่ ท่คี รูสือ่ สารมากกวา่ กนั การวดั และประเมนิ ผล
แบบประเมินการทางานกลุ่ม
แนวคาตอบ คอื พฤติกรรมที่ ๑
๒. ครูเช่ือมโยงเข้าสู่บทเรียน เรื่อง ภาษาในการส่ือสาร
ว่า “นักเรียนจะเห็นได้ว่าการสื่อสารท่ีชัดเจนที่สุด ในบางครั้ง
ต้องควบคู่ไปกับท้ังกิริยาอาการ และคาพูด ในวันน้ีเราจะมา
เรียนรู้กันว่า ลักษณะของการสอ่ื สารทแ่ี ทจ้ รงิ เป็นอยา่ งไร”
ขนั้ สอน
3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน โดยตัวแทนนักเรียน

-2-

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ สร้างสรรค์สารพรอ้ ม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เวลา ๑ ชวั่ โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรือ่ ง สรา้ งงานสือ่ สาร (๑) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓
สมรรถนะทีต่ ้องการให้เกิดกบั ผ้เู รียน รายวิชาภาษาไทย ๕
การสอ่ื สาร
อาสาออกมาจับบัตรคา ซ่ึงในบัตรคาจะประกอบด้วยว่า
-3- เศร้าใจ, พงึ พอใจ, แปลกใจ และท้อแท้ใจ

4. ตัวแทนนักเรียนออกมาแสดงอาการประกอบคาที่ตน
ได้ โดยให้เพ่ือนทายว่าเป็นลักษณะอาการใดและแสดง
ความรสู้ กึ อย่างไร

5. นักเรยี นตอบคาถามวา่ วัจนภาษาและอวัจนภาษา
ควรใชค้ ู่กันหรือไม่ เพราะเหตุใด

แนวคาตอบ
ลั ก ษ ณ ะ ส า คั ญ ข อ ง ก า ร ส่ื อ ส า ร คื อ ค ว า ม ชั ด เจ น
ของสารท่ีจะส่ือไปยังผู้รับสาร หากผู้ส่งสารมีความชัดเจนใน
วัตถุประสงค์ที่ต้องการส่ือย่อมทาให้สารที่ส่งไปยังผู้รับสาร
ประสบผลสาเร็จ หากใช้เพยี งอวัจนภาษา ตอ้ งเป็นการสือ่ สาร
ท่ีมีความเข้าใจร่วมกันในคนหมู่มาก ท่ีเป็นสัญลักษณ์ หรือ
ทา่ ทางสากล ทุกคนยอมรบั รว่ มกัน

6. นักเรียนรว่ มกันระดมความคิดวา่ การสอ่ื สารที่
ชดั เจนมีลักษณะอย่างไร และเกดิ จากปัจจัยใดบ้างโดยศึกษา
จากใบความรู้ “ภาษาในการสอ่ื สาร”
ข้ันสรปุ

7. ถ้าการสื่อสารไมช่ ัดเจนจะมีผลกระทบอย่างไรบา้ ง

แนวคาตอบ

-3-

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ สรา้ งสรรค์สารพรอ้ ม แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง สรา้ งงานสื่อสาร (๑) ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๓
รายวิชาภาษาไทย ๕

หากการสือ่ สารมีความไมช่ ัดเจน ก็จะทาใหเ้ กดิ ความไม่เข้าใจ
ระหวา่ งผสู้ ง่ สารและผูร้ ับสาร ก่อให้เกิดความขัดแย้ง

8. การใชว้ จั นภาษาและอวจั นภาษามีความสาคัญ
และมคี วามสัมพันธก์ นั อยา่ งไร

-4-

-4-

ใบความรู้
“ภาษาในการสื่อสาร”

การสื่อสารของมนุษย์เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนเองไปสู่ผู้อ่ืน โดยผู้ส่งสารใช้
ภาษาเป็นเครื่องมือในการส่ือสาร ทาให้ผู้รับสารเข้าใจเร่ืองราว ความคิด และความรู้สึกท่ีผู้ส่งสาร
ถ่ายทอดออกมา ภาษาที่ใช้ในการสอ่ื สารแบ่งเปน็ ๒ ลักษณะ ดังน้ี

๑ วจั นภาษา ๒ อวจั นภาษา
ภาษาทใี่ ชถ้ ้อยคาเพื่อสื่อความหมายดว้ ย ภาษาท่ีไม่ใช้ถ้อยคา แต่สามารถส่ือ
เสยี งพูดและตวั อักษรให้เปน็ ไปตามระเบียบ
แบบแผนของภาษา ความหมายได้
ตัวอยา่ ง ตวั อย่าง

 การใชค้ าให้ตรงความหมาย  การแสดงออกทางสหี นา้
 การใช้สานวนใหเ้ ข้ากับบริบท  อากปั กิริยาต่าง ๆ
 การเรียงคาเข้าประโยคให้ถกู ต้อง
 การใชศ้ ัพทบ์ ัญญัติ การหลบตา
 การใชศ้ พั ทเ์ ฉพาะในแตล่ ะสาขา การจอ้ งตา
 การใช้ถ้อยคาให้เหมาะสมกับ การจบั มือ
การสั่นศีรษะ
กาลเทศะ การแสดงความเคารพ
 การแต่งกาย
 การใชว้ ัตถุส่งิ ของส่ือความหมาย
และนาเสยี ง

-5-
-5-

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาชแี้ จง ใหค้ รูประเมนิ การทางานกลุ่มของนักเรยี นตามรายการประเมิน (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)

รายการประเมนิ ๓ ระดบั คะแนน ๑

1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชิกอยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หนา้ ท่ี
มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ สมาชิกไมค่ รบถ้วน มสี ่วนร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกลุม่ มีส่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ งานกลมุ่ น้อยมาก
คดิ เหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุ่มบ้าง หรือไมม่ สี ่วนร่วม
4. ความรบั ผิดชอบ อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ื่น
อย่างสมา่ เสมอ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ ับฟัง
รบั ผิดชอบงานทีไ่ ด้รับ เป็นบางคร้งั ความคดิ เห็นผู้อ่นื
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผิดชอบงานท่ีได้รับ ไมร่ ับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
ที่กาหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด

* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ไี ด้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล

เกณฑ์ของระดับคะแนน ดีมาก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79 พอใช้
ร้อยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
ร้อยละ ๐ - 49

-6-
-6-

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ สรา้ งสรรค์สารพร้อม แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย เรือ่ ง สร้างงานสื่อสาร (๒) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
รายวชิ าภาษาไทย ๕

สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด กจิ กรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
ปัจจัยการใช้ภาษาในการส่ือสาร ควรคานึงถึง ขัน้ นา หอ้ งสมดุ
ปัจจัย คือ การต้ังประเด็นในการส่ือสาร จุดมุ่งหมาย ๑. นกั เรยี นสงั เกตคาพดู ของครบู นกระดาน
ใน การสื่อสาร สารท่ี ต้องการส่ือ ความชัดเจน “ตาฉนั เจ็บ” สอ่ื
ความเข้าใจง่าย ความถูกต้องตามหลักการใช้ภาษา “รถบรรทุกของหนกั ” 1. ใบความรู้ “ปัจจัยการใชภ้ าษา
และการใชน้ ้าเสยี ง สายตา กริ ิยา ทา่ ทาง ในการสื่อสาร”
จุดประสงค์การเรยี นรู้ จากคาพูดตอบของนักเรียนข้างต้น นักเรียนคิดว่ามี 2. ใบงาน “ภาพน้มี คี วามหมาย”
ความหมายวา่ อยา่ งไร
ดา้ นความรู้ แนวคาตอบ
-7- อธิบายปจั จยั การใช้ภาษาในการส่ือสาร ตา (ลูกตา) ของฉันเจบ็ หรอื ตา (พอ่ ของแม่) ฉนั เจ็บ ภาระ/ชิ้นงาน
รถบรรทกุ ของหนกั รถบรรทุกของ (หนกั ) และ (รถ) บรรทกุ 1. การทาใบงาน “ภาพนี้มคี วามหมาย”
ด้านทักษะกระบวนการ ของหนกั 2. การนาเสนอการพูดและการเขยี น
๑. สามารถพดู ส่ือสารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
๒. สามารถเขียนส่อื สารได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ๒. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรยี นว่า “จากคาตอบของนักเรียน การวดั และประเมนิ ผล
สมรรถนะท่ตี ้องการใหเ้ กิดกับผเู้ รียน จะสั งเก ต ได้ ว่า ทั้ งส อ งป ระโยค มี ค วาม ห ม ายม าก ก ว่า แบบประเมนิ การทางานกล่มุ
การสื่อสาร ๑ ความหมาย ดังนั้นในวันน้ีเราจะมาเรียนรู้ว่าภาษาที่ใช้ในการ
สื่อสารนอกจากวัจนภาษาและอวัจภาษาแล้ว ปัจจัยใดที่ส่ง
อิทธิพลตอ่ การส่งสารบ้าง”
ข้ันสอน
3. นกั เรียนอา่ นใบความรู้ “ปจั จัยการใชภ้ าษาในการสือ่ สาร”
4. นักเรียนทากิจกรรมในใบงาน “ภาพน้มี ีความหมาย”

-7-

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สรา้ งสรรค์สารพรอ้ ม แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เร่ือง สร้างงานสอื่ สาร (๒) ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๓
รายวชิ าภาษาไทย ๕
-8-
4.๑ นกั เรยี นแบง่ กลุม่ กลุม่ ละ ๓ - ๔ คน
4.๒ นักเรียนสังเกตภาพที่ซ้อนกันหลายภาพจาก
ใบงาน “ภาพนี้มีความหมาย”
4.๓ นักเรยี นแต่ละกลุ่มช่วยกันตั้งประเดน็ สร้างเร่ืองราว
จากภาพทน่ี กั เรียนเหน็ ภายในระยะเวลา ๑๐ นาที
4.๔ ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอภาย
ในระยะเวลา ๕ นาที
5. นักเรียนช่วยกันสรุปกิจกรรม สรุปว่า “กิจกรรมจากใบ
งานน้ี แสดงให้เห็นถึงปัจจัยในการส่ือสาร เม่ือเราเห็นภาพที่ซ้อน
กัน ได้แก่ ช้าง ม้ากระต่าย หนู จะทาอย่างไรให้ผู้รับสารเข้าใจ
ดังน้ันต้องเร่ิมจากการตั้งประเด็นและจุดมุ่งหมายท่ีต้องการสื่อ
พร้อมท้ังถ่ายทอดออกมาผ่านการเขียนและการพูดสื่อสารท่ี
นักเรยี นแต่ละกลุ่มได้นาเสนอ”

ขั้นสรปุ
นักเรียนสรปุ เป็นแผนผงั มโนทศั นใ์ นเร่อื ง ปจั จัยการใชภ้ าษาใน

การส่ือสารที่ดเี ป็นอยา่ งไร

-8-

ใบความรู้
“ปจั จัยการใชภ้ าษาในการสอ่ื สาร”

การสื่อสารของบุคคลใช้การพูดและการเขียนเพอ่ื ส่งสาร การฟงั การอา่ น และการเพ่ือรบั
สาร การส่งสารและรบั สารให้ประสบผลดี ควรคานึงถงึ ปจั จัยตอ่ ไปนี้

การตั้งประเด็นในการสือ่ สาร : การตั้งประเดน็ ตอ้ งชัดเจน หากตั้งประเดน็ ใด

๑ หวั ข้อใดตอ้ งพูดหรือเขยี นให้ตรงประเดน็ ทต่ี ้ังไว้

จุดมงุ่ หมายในการสือ่ สาร : ต้องระบุจุดมุง่ หมายในการส่อื สารใหช้ ดั เจนวา่
ต้องการส่อื สารในแนวทางใด ส่ือสารกับใคร เรอื่ งใด ต้องการใหผ้ ลลพั ธ์

๒ เป็นอยา่ งไร

สารท่ตี อ้ งการสอ่ื : สารทม่ี ปี ระสิทธิภาพตอ้ งคานงึ ถึงประเดน็ ตา่ ง ๆ ดังน้ี



 ความชัดเจน สารตอ้ งมแี นวคิดทีช่ ดั เจนและใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสม
 ความเขา้ ใจง่าย สารต้องไมใ่ ช้คาศัพท์ยากหรอื คาที่ความหมายกากวม
 ความถกู ต้องตามหลักการใช้ภาษา สารตอ้ งถูกตอ้ งตามกฎเกณฑข์ องภาษา
การใชเ้ สียง สายตา กริ ิยาทา่ ทาง : ผ้สู ่งสารตอ้ งออกเสยี งถอ้ ยคาให้
ถูกต้อง ชดั เจน ใชส้ ายตา กิรยิ าทา่ ทางเพื่อส่ือความรสู้ ึก อารมณ์
และความหมายประกอบ



-9-
-9-

ใบงาน
“ภาพนม้ี ีความหมาย”
คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเขียนอธิบายภาพต่อไปนี้ใหช้ ัดเจน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

-10-
-10-

แบบประเมินการทางานกลุ่ม

คาช้ีแจง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลุ่มของนกั เรียนตามรายการประเมิน (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)

รายการประเมนิ ๓ ระดบั คะแนน ๑

1. การกาหนดบทบาท กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
หนา้ ที่ สมาชกิ อย่างชัดเจน กาหนดบทบาทหน้าที่ หนา้ ที่
สมาชิกไม่ครบถว้ น

2. การมสี ว่ นรว่ ม มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ มสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดง งานกล่มุ งานกลุ่มบา้ ง งานกลมุ่ นอ้ ยมาก
ความคดิ เห็น รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความ หรอื ไมม่ ีส่วนรว่ ม
อยา่ งมเี หตผุ ลและสร้างสรรคอ์ ย่างสมา่ เสมอ คดิ เหน็ รบั ฟังความคดิ เหน็ ของ
อยา่ งมีเหตผุ ลและ ผอู้ น่ื นอ้ ยมากหรือไมร่ บั
4. ความรบั ผิดชอบ รับผิดชอบงานที่ไดร้ บั มอบหมายและเสรจ็ สร้างสรรคเ์ ปน็ บางครงั้ ฟัง
ตามเวลาทก่ี าหนด รับผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รับ ความคิดเหน็ ผอู้ ื่น
มอบหมาย แตเ่ สร็จไม่ ไมร่ บั ผดิ ชอบงานท่ี
ทันตามกาหนด ได้รบั มอบหมาย

* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ีได/้ คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล

การแปลผลการประเมนิ ดีมาก
ดี
เกณฑข์ องระดบั คะแนน
พอใช้
ร้อยละ 80 - ๑๐๐ ปรับปรงุ
ร้อยละ 70 - 79
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-11-
-11-

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ สร้างสรรคส์ ารพร้อม แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๓ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เร่อื ง สรา้ งงานสอื่ สาร (๓) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓
รายวชิ าภาษาไทย ๕

สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
การเขียนสารคดเี ชิงประวตั ิ คอื การเขยี นที่ต้องมี ขัน้ นา ห้องสมุด
หลกั ฐานท่ชี ดั เจน ใชข้ อ้ มลู ที่น่าเช่ือถอื ผ่านการเรยี บ ๑. นักเรียนทากิจกรรม “รู้จักเพอื่ น” วิธีการคอื
-12- เรียงที่น่าสนใจ ๑.๑ นักเรียนจับคู่ แล้วสอบถามข้อมูลของเพ่ือนเก่ียวกับ สอ่ื
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ใบความรู้ “สารคคีเชงิ
ดา้ นความรู้ ผลงานเด่น รางวัลท่ีได้รับ หรือช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดภายใน ประวัติ”
ระยะเวลา ๓๐ วินาที จากน้นั เขยี นลงในสมดุ ๒. ใบงาน “เรียนรู.้ ..ผ่านประวตั ิ”
อธิบายลักษณะประเดน็ สาคญั ของสารคดี ภาระ/ชิน้ งาน
เชงิ ประวตั ิ ๑.๒ ตัวแทนนักเรียนจานวน ๓ คนนาเสนอข้อมูลของเพ่ือน ๑. การทาใบงาน “เรยี นรู้...
ด้านทักษะกระบวนการ ที่นักเรยี นไดส้ อบถาม ผ่านประวัติ”
๒. การนาเสนอการพดู และ
เขียนสารคดีเชิงประวัติได้ถูกต้องตามหลักการ ๑.๓ นักเรียนตอบคาถาม การเขยี น
เขียน นักเรียนคิดว่าข้อมูลท่ีเพื่อนให้มามีความน่าเช่ือถือหรือไม่
สมรรถนะที่ต้องการใหเ้ กดิ กบั ผู้เรียน อย่างไร

การสอ่ื สาร แนวคาตอบ
มีความน่าเช่ือถือ เพราะ เกิดจากผเู้ ปน็ เจ้าของ
ประสบการณ์ เปน็ คนตอบ, มรี างวัลทชี่ ดั เจน มเี กียรติ
บตั รท่เี คยเห็นเพ่ือนไดร้ ับ, ไม่มคี วามนา่ เชอ่ื ถือ เพราะ การวัดและประเมนิ ผล
เพอ่ื นบางคนอาจจะพดู เกนิ จรงิ ไม่มหี ลกั ฐานท่นี ่าเชื่อถือ แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

-12-

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ สร้างสรรค์สารพรอ้ ม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง สรา้ งงานสือ่ สาร (๓) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓

-13- รายวชิ าภาษาไทย ๕
๒. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า “จากที่นักเรียนได้สอบถาม
และลองวิเคราะห์ข้อมูลจากเพื่อนนั้น เป็นพ้ืนฐานของการวิเคราะห์
ข้ อ มู ล ใ น ก า ร เขี ย น ป ร ะ เภ ท ห น่ึ ง ห า ก ข้ อ มู ล นั้ น มี ค ว า ม น่ า เชื่ อ ถื อ
มหี ลักฐานท่ีชดั เจน สามารถท่จี ะนาไปเขียนเรียบเรยี งให้มีความน่าสนใจ
และอาจเปน็ แรงบันดาลใจตอ่ ผู้อ่านได้”
ขั้นสอน
3. นกั เรียนอา่ นใบความรู้ “สารคดเี ชงิ ประวตั ิ”
4. นักเรยี นทากิจกรรมใบงาน “เรียนรู้...ผ่านประวัติ” โดย

4.๑ นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ ๓ - ๔ คน
4.๒ นักเรียนแต่ละกลุ่มจับฉลากประเภทของการเขียนสารคดี
เชิงประวัติ ตามใบงานที่มเี รอ่ื งสารคดแี ต่ละประเภทให้นักเรยี นได้อ่าน
4.๓ นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เขยี นเรียบเรียง
สารคดีเชิงประวัตลิ งในใบงาน

-13-

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑ สร้างสรรคส์ ารพรอ้ ม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง สร้างงานสอ่ื สาร (๓) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓

-14- รายวิชาภาษาไทย ๕
4.๔ ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอ
ผลงานเขยี นสารคดีเชงิ ประวัติ
5. นกั เรยี นดูตวั อย่างการเขยี นสารคดเี ชิง
ประวัติจากครูผสู้ อน
6. นักเรียนร่วมกันสรปุ ว่า จากตัวอยา่ งทเ่ี ห็น
มลี ักษณะการเขยี นอย่างไร
7. นักเรยี นเลอื กศึกษาสารคดีเชิงประวัตทิ ต่ี นสนใจ
ขัน้ สรปุ
นกั เรียนและครูร่วมกนั อภปิ ราย ในประเดน็ ทีว่ ่าสง่ิ ที่
สาคญั ที่สดุ ของการเขยี นสารคดเี ชิงประวตั ิ คืออะไร

แนวคาตอบ
สิ่งท่ีสาคัญที่สุดของการเขียนสารคดีเชิงประวัติ คือ ต้อง
มีหลักฐานที่ชัดเจน ใช้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ผ่านการเรียบ
เรียงท่ีน่าสนใจ ซ่ึงการเขียนสารคดีเชิงประวัติถือว่าเป็น
การใช้ภาษาเขียนในการส่ือสารให้ผู้อ่านได้เข้าใจ เป็น
แรงบนั ดาลใจ และเป็นประโยชนต์ อ่ ผอู้ ่าน

-14-

ใบความรู้
“สารคดเี ชงิ ประวัติ”

การเขียนประวัติของบุคคล สถานที่ วัตถุ และส่ิงท่ีมีความสาคัญ จะต้องเรียบเรียงให้ดี
มีหลักฐาน ให้ข้อมลู ท่ีนา่ เช่อื ถือ สามารถใชเ้ ปน็ แหล่งความรทู้ ี่มีประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่านได้ การเขียนสารคดี
เชงิ ประวัติสามารถแบ่งไดห้ ลายประเภท ดงั นี้
๑. การเขียนสารคดปี ระวัตสิ ถานท่ี

ควรบอกวา่ สถานทน่ี ันคืออะไร บอกท่ตี ัง ลกั ษณะทเี่ กีย่ วข้อง ประวตั ิความเป็นมา
เรื่องราวทน่ี ่าสนใจหรือความสาคญั ของสถานที่นนั
เช่น ภเู ขาบอกความสงู จากระดบั นาทะเล แม่นาบอกความยาวและทศิ ทางไหลของนา
๒. การเขียนสารคดปี ระวตั ิโบราณสถานหรอื โบราณวัตถุ

ควรบอกว่าคืออะไร บอกท่ตี ังหรอื ที่เก็บรักษา ขนาด อายุ หรือชว่ งเวลาท่สี รา้ ง
ประวตั คิ วามเป็นมา เรื่องราวทนี่ ่าสนใจ และความสาคัญ

๓. การเขยี นสารคดปี ระวตั บิ ุคคลสาคัญ
ควรบอกลักษณะเดน่ ของประวัติชีวิตบุคคลนนั ๆ ด้วยการกลา่ วถงึ เกียรตปิ ระวัติ

โดยเฉพาะตอนท่ีเป็นการเปล่ียนแปลงครังสาคญั ตอนสรุปอาจให้ข้อคิดท่ีไดจ้ ากประวัติ
๔. การเขียนสารคดีประวตั งิ านประเพณี

ควรบอกช่อื ประเพณี สาเหตุที่ทาใหเ้ กดิ กิจกรรมทีท่ าในงาน และความสาคัญ
ของงานนนั

-15-
-15-

ใบงาน
“เรียนร…ู้ ผา่ นประวตั ิ”

คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขยี นเรียบเรียงสารคดเี ชงิ ประวัติ

...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................

-16-
-16-

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาช้ีแจง ใหค้ รปู ระเมินการทางานกลุม่ ของนกั เรียนตามรายการประเมิน (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)

รายการประเมิน ๓ ระดับคะแนน ๑

1. การกาหนดบทบาท กาหนดบทบาทหน้าที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
หนา้ ที่ สมาชกิ อยา่ งชัดเจน กาหนดบทบาทหน้าท่ี หนา้ ท่ี
สมาชิกไมค่ รบถ้วน

2. การมสี ว่ นรว่ ม มสี ่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ มสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ มสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดง งานกลมุ่ งานกลมุ่ บา้ ง งานกลุ่มน้อยมาก
ความคิดเห็น รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น รับฟังและแสดงความ หรอื ไมม่ ีสว่ นรว่ ม
อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรคอ์ ยา่ งสมา่ เสมอ คดิ เห็น รบั ฟังความคดิ เหน็ ของ
อยา่ งมเี หตผุ ลและ ผอู้ น่ื นอ้ ยมากหรือไมร่ บั
4. ความรบั ผดิ ชอบ รับผดิ ชอบงานที่ได้รบั มอบหมายและเสรจ็ สรา้ งสรรคเ์ ปน็ บางคร้งั ฟงั
ตามเวลาทก่ี าหนด รับผดิ ชอบงานท่ีได้รับ ความคดิ เหน็ ผอู้ ื่น
มอบหมาย แตเ่ สร็จไม่ ไมร่ ับผดิ ชอบงานท่ี
ทนั ตามกาหนด ไดร้ ับมอบหมาย

* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนทีไ่ ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล

การแปลผลการประเมิน ดีมาก
ดี
เกณฑข์ องระดบั คะแนน
พอใช้
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ ปรับปรงุ
ร้อยละ 70 - 79
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-17-
-17-

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ สร้างสรรค์สารพรอ้ ม แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 4 เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรือ่ ง สร้างงานสื่อสาร (4) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด รายวิชาภาษาไทย ๕

สารคดเี ชงิ ประวัติ เปน็ งานเขียนสารคดที ่ีนาเรื่อง กจิ กรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
ดว้ ยการบอกลักษณะเดน่ ของประวัตชิ ีวติ ของบุคคล ขัน้ นา หอ้ งสมดุ
นนั้ ๆ และการกล่าวถึงเกียรติประวัติ ๑. นกั เรียนเล่นเกม “ใครบา้ งทฉ่ี ันร้จู กั ” วธิ ีการคือ
หรอื ประวตั ใิ นช่วงเวลาที่สาคัญในชวี ติ ของบุคคล ๑.๑ นกั เรียนไดร้ ับใบกิจกรรมเกม “ใครบ้างท่ฉี นั รจู้ ัก” สอ่ื
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑.๒ นักเรียนค้นหาชือ่ บุคคลสาคัญใหไ้ ด้มากทส่ี ุดจากตาราง ๑. ใบงาน “ใครบา้ งทีฉ่ นั รู้จัก”
ด้านความรู้ ซอ่ นช่ือ ภายในระยะเวลา ๑ นาที ๒. ใบงาน “สารคดีเชิงประวัติ
๑.๓ นกั เรียนและครเู ฉลยรว่ มกนั มรี ายชื่อดังต่อไปนี้ บุคคล”
อธิบายลกั ษณะประเดน็ สาคัญของสารคดเี ชงิ สุนทรภู่ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั หม่อมเจ้าอศิ รญาณ
-18- ประวตั ิบคุ คลสาคัญ และพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั ภาระ/ชิน้ งาน
ด้านทกั ษะกระบวนการ ๒. ครเู ชอื่ มโยงเขา้ สู่บทเรียนคือ “จากในคาบเรยี นท่แี ล้วนักเรียน ๑. การทาใบงาน “ใครบ้างที่ฉัน
เขยี นสารคดเี ชิงประวัติ ในเรื่องประวัตสิ ถานท่ี ประวตั ิโบราณสถานหรอื รูจ้ ัก”
เขยี นสารคดเี ชงิ ประวัติบคุ คลสาคญั โบราณวตั ถุ และสารคดีประวัตงิ านประเพณี ในวนั นีเ้ ราจะมาเรยี นอีก ๒. การทาใบงาน “สารคดเี ชงิ
สมรรถนะท่ีต้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน หนง่ึ ลักษณะการเขียนเชิงประวตั ิ ที่เนน้ ประวตั บิ ุคคลที่น่าสนใจในแตล่ ะ ประวตั ิบุคคล”
ชว่ งเวลาของชวี ิต ในวนั นเี้ ราจะได้มาเรียนรกู้ ารเขียนสารคดีเชิงประวัติ
การส่อื สาร

บุคคล” การวัดและประเมนิ ผล
ขั้นสอน -
3. นกั เรยี นศกึ ษาตวั อยา่ งประวตั ิบคุ คลสาคัญ
โดยกาหนดเวลาในการศึกษา ๑๐ นาที จากใบงาน “สารคดีเชิงประวัติ
บุคคล” หรือแหล่งเรยี นรูอ้ ่ืน ๆ ที่ตนสนใจ

-18-

-19- 4. นักเรียนเขยี นสารคดีเชงิ ประวัติของบคุ คลทตี่ นสนใจ
5. นักเรียนอาสาออกมานาเสนอผลงานสารคดีเชิงประวัติ
ของตนหนา้ ชน้ั เรยี น
ขั้นสรุป
นักเรียนและครูชว่ ยกนั อภิปรายในหัวข้อ
“ทาอย่างไรถึงเขียนสารคดีเชิงประวตั บิ ุคคลไดด้ ี”

แนวคาตอบ
นักเรยี นและครรู ่วมสรปุ หวั ขอ้ ท่นี กั เรียน
สามารถเขียนลงในการเขียนสารคดปี ระวตั บิ คุ คลสาคัญ
ซงึ่ สรปุ ว่า “การเขียนสารคดีเชิงประวตั ิ นักเรียนควร
เขยี นโดยกลา่ วถงึ เกยี รตปิ ระวตั ิ หรอื ประวตั ิในช่วงเวลา
ท่สี าคญั การเปล่ยี นแปลง แต่หากใครทีม่ กี ารสรปุ อาจจะ
มขี ้อคิดท่ดี ีจากประวัติบคุ คลที่เราเขียนกจ็ ะดมี ากย่งิ ข้ึน
นักเรียนจะเหน็ ไดท้ ี่นกั เรียนไดเ้ ขียนสารคดเี ชงิ ประวตั ิ
ไปท้ัง ๒ คาบเรยี น เป็นการใช้ภาษาในการส่อื สารกบั
ผู้อ่าน ในคาบเรยี นตอ่ ไปเราจะได้เรยี นวรรณคดีท่ี
น่าสนใจ)

-19-

ใบงาน
“ใครบ้างทีฉ่ นั ร้จู กั ”
คาชี้แจง : ให้นกั เรียนคน้ หาชื่อบคุ คลสาคัญให้ไดม้ ากที่สดุ

พ ร ระ พุ ท ธ เ ลิ ศ ห ล้ ลา น ภ ภา ลั ย
ร ร อ โ ย ธ ย า พ ร ระ อ ภั ย ม ณี ก
ระ ส ระ ก กา ร ระ ว วา ตี ก ล อ ง ดั ง ย่
ฉั ต ค จุ ฬ ฬา ม ณี เ จ ดี ย์ ส อ พ ล อ
น โ ร้ ล ล พ ห น ก ยู ง ก า ง ห า ง
ภั ล า ภ ใ จ ม่ า ย เ ป่ ปา ป่ี เ ล า เ
ต ห ว ภา ห ม อ ก อิ น ท ร ชิ ต ท ร ป็
ต หะ ห ค ว า ม ม เ ส โ ท ไ ห ล ริ น
ตา ศ า ส น า เ ส เ โ ล กิ ย ะ น อ ก
ห า ญ ก ล้ า จ้ า ว ก ล ก า น ท์ ก วี
หา ธ ร ร ม ด จา สุ อ น ล้ ลา พ ลั ง ก เ
ร รา ก พ ร ระ อิ น ท ร์ ป ลา ริ ช ชา ติ อ
ด ดา ษ ด ดา ร ศ ท สุ ว ร ร ณ ดะ ว อ ก
ว วา น อิ น ท ร ร เ ชี ย ร ฉั น ท์ ส ด
ง ต่ อ สุ น ท ญ ภู่ ว สุ ว ร ร ณ ม า ลี
ด อ ก ด ว ง ญา ผี เ สื้ อ ส มุ ท ร พ ร
ดา ก ร พ ร ร ณ น นา โ ว ห หา ร ส บ ม
ว ร ร ณ ค ดี ส โ ม ส ร ย ก ย่ อ ง ด

-20-

-20-

(เฉลย) ใบงาน
“ใครบ้างทฉ่ี นั รจู้ ัก”

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นคน้ หาชื่อบุคคลสาคญั ให้ได้มากท่สี ดุ

พ ร ระ พุ ท ธ เ ลิ ศ ห ล้ ลา น ภ ภา ลั ย

ร ร อ โ ย ธ ย า พ ร ระ อ ภั ย ม ณี ก

ระ ส ระ ก กา ร ระ ว วา ตี ก ล อ ง ดั ง ย่

ฉั ต ค จุ ฬ ฬา ม ณี เ จ ดี ย์ ส อ พ ล อ
น โ ร้ ล ล พ ห น ก ยู ง ก า ง ห า ง
ภั ล า ภ ใ จ ม่ า ย เ ป่ ปา ป่ี เ ล า เ

ต ห ว ภา ห ม อ ก อิ น ท ร ชิ ต ท ร ป็

ต หะ ห ค ว า ม ม เ ส โ ท ไ ห ล ริ น

ตา ศ า ส น า เ ส เ โ ล กิ ย ะ น อ ก

ห า ญ ก ล้ า จ้ า ว ก ล ก า น ท์ ก วี
หา ธ ร ร ม ด จา สุ อ น ล้ ลา พ ลั ง ก เ

ร รา ก พ ร ระ อิ น ท ร์ ป ลา ริ ช ชา ติ อ

ด ดา ษ ด ดา ร ศ ท สุ ว ร ร ณ ดะ ว อ ก

ว วา น อิ น ท ร ร เ ชี ย ร ฉั น ท์ ส ด

ง ต่ อ สุ น ท ญ ภู่ ว สุ ว ร ร ณ ม า ลี

ด อ ก ด ว ง ญา ผี เ ส้ื อ ส มุ ท ร พ ร

ดา ก ร พ ร ร ณ น นา โ ว ห หา ร ส บ ม

ว ร ร ณ ค ดี ส โ ม ส ร ย ย่ อ ง ด

-21-

-21-

ใบงาน
“สารคดีเชิงประวัตบิ ุคคล”

คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนศึกษาประวัติบุคคลสาคัญท่ีกาหนดให้ จากนั้นให้เขียนสารคดีเชงิ ประวัตขิ องบคุ คลสาคัญ
ทนี่ กั เรยี นสนใจ

ดอกไมส้ ด
“ดอกไม้สด” เป็นนามปากกาของนักเขียนสตรี ชื่อและสกุลจริง คือ หม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์
นามสกุลเดมิ คือ กุญชร
ดอกไม้สดเกิดเม่ือวันท่ี 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 24๔8 ที่วังบ้านหม้อ เป็นธิดาเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
(ม.ร.ว. หลาน กุญชร) และหม่อมมาลัย
เมื่ออายุ 4 ขวบ หม่อมเจ้าหญิงชมในกรมหลวงวงษาธิราชสนิทได้ขอไปเป็นบุตรบุญธรรม จึงได้เข้าไป
อยู่ในพระบรมมหาราชวังจนกระทัง่ อายุได้ 13 ปี จึงกลับออกมาอยบู่ า้ นเดิม
ดอกไม้สดสมรสกับนายสุกิจ นิมมานเหมินท์ เม่ือเดือนกันยายน พ.ศ. 2497 ที่นครซานฟรานซิสโก
ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2506 ณ บ้านพักสถานทูตไทย
กรุงนวิ เดลี ขณะนั้น นายสุกิจ นิมมานเหมนิ ท์ เปน็ เอกอคั รราชทูตไทยประจาอนิ เดีย
การศกึ ษา
ดอกไม้สดเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์จนกระท่ังจบชั้นมัธยมปีที่ 8 ด้านภาษา
ฝร่ังเศส ขณะศึกษาในโรงเรียนแม่ชีมาร์กาเร็ตได้ฝึกฝนกิริยามารยาทและปลูกฝังนิสัยให้รักการอ่าน ทาให้
ดอกไม้สดรักการแตง่ หนังสือในเวลาต่อมา

-๒๒-

-22-

เร่อื ง……………………………………………………………………

...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................

-23-

-23-

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ สรา้ งสรรคส์ ารพรอ้ ม แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง ผา่ นถ้อยวาจา (๑) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
รายวชิ าภาษาไทย ๕
แหล่งเรียนรู้
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กจิ กรรมการเรียนรู้ หอ้ งสมดุ
นิทานคากลอน เรื่องพระอภัยมณี ตอน ข้ันนา
พระอภยั มณหี นีนางผีเส้อื สมทุ ร แตง่ โดยพระ ๑. นกั เรยี นอา่ นข้อความที่ว่า“พระฟงั เงือกพูดไดใ้ หส้ งสาร” สอ่ื
สุนทรโวหาร หรือ สุนทรภู่ โดยเน้ือเร่ืองท่ี ๒. นกั เรยี นตอบคาถามว่าข้อความดงั กล่าวมาจากวรรณคดเี ร่อื งใด 1. ใบความรู้ “บทวเิ คราะห์
สุนทรภู่แต่งนามาจากแนวคิด จินตนาการ และให้นกั เรียนคาดเดาว่าขอ้ ความดงั กล่าว กลา่ วถงึ ตัวละครใดอย่างไร นทิ านคากลอนเร่ืองพระอภยั มณี
และประสบการณ์ท่ีได้ยินได้ฟังและได้อ่านมา บา้ ง ตอนพระอภยั มณหี นนี างผีเสื้อสมทุ ร”
ผสมผสานเข้ากับเรื่องจริงท่ีได้พบเห็นทาให้ ขน้ั สอน 2. ใบงาน “บงิ โกพระอภัยมณี”
เร่ืองพระพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนี 3. นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ “บทวเิ คราะหน์ ิทานคากลอนเร่อื งพระ ๓. บตั รคาถาม เกมบงิ โกพระอภัยมณี ๑๖ คาถาม
นางผีเส้ือสมุทรมีเนื้อหาสนุกสนานและเป็น อภยั มณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผเี ส้อื สมุทร”
-24- เรอื่ งที่แตกตา่ งจากเร่ืองท่ีเคยมมี า 4. นกั เรยี นเลน่ เกม “บงิ โกพระอภยั มณี” มีกติกา ดังน้ี ภาระ/ชน้ิ งาน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 4.๑ นกั เรยี นเลอื กคาตอบท่ีครกู าหนดให้มาใสใ่ นช่อง การทาใบงาน “บิงโกพระอภยั มณี”
ดา้ นความรู้ ตารางบงิ โกของตนเองตามอิสระ
อธิบายท่มี าและความสาคัญของเรือ่ ง 4.๒ ตวั แทนนกั เรยี นจับฉลากคาถามทลี ะ ๑ คาถาม การวัดและประเมินผล
พระอภยั มณีตอนหนีนางผเี ส้ือสมทุ ร 4.๓ นกั เรยี นฟังครูอ่านคาถามทีน่ ักเรยี นส่มุ จบั ทลี ะ -

ด้านทักษะ ๑ คาถามตอ่ กนั ไปจนครบ ๑๖ คาถาม ดงั น้ี
อ่านจบั ใจความ
สมรรถนะทตี่ ้องการใหเ้ กิดกับผเู้ รยี น คาถามเกมบงิ โกพระอภัยมณี
๑. การสอื่ สาร - ใครคือผแู้ ตง่ พระอภัยมณี ตอนหนีนางผีเสื้อ
๒. การคิดขน้ั สงู
แนวคาตอบ สุนทรภู่

-24-


Click to View FlipBook Version