The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 3 ภาค เรียนที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 3 ภาค เรียนที่ 1

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 3 ภาค เรียนที่ 1

แบบประเมินการพูดแสดงความคดิ เหน็

คาชแ้ี จง ให้ครูผู้สอนประเมินการพูดแสดงความคิดเห็นของนักเรียนตามรายการประเมิน
(คะแนนเตม็ 12 คะแนน)

รายการประเมนิ ๕ ๔ ระดับคะแนน ๒ ๑
1. สาระสาคัญของเร่ืองทพี่ ูด พดู สาระสาคญั พูดสาระสาคญั ๓ พูดสาระสาคญั พูดสาระสาคัญ
ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์
1.๑ ลาดบั ความคิดอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ครบ ๕ ขอ้ ๔ ขอ้ พดู สาระสาคญั ๒ ข้อ ๑ ขอ้
1.๒ นาเสนอเนอ้ื หาตรงตามประเด็น ตามเกณฑ์ หรือไมไ่ ด้
1.๓ เนอ้ื หามคี วามสมั พันธ์กับประเดน็ ๓ ขอ้ ตามเกณฑ์เลย
1.๔ มีความเปน็ เหตเุ ป็นผล
1.๕ มกี ารนาเสนอแนวคิดใหม่ คะแนนเตม็ 2 คะแนน ใช้ภาษา ใชภ้ าษา
2. การใชภ้ าษา ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์
2.๑ ใชภ้ าษาได้ถูกตอ้ งกับกาลเทศะ คะแนนเตม็ 2 คะแนน ๒ ข้อ ๑ ขอ้
2.๒ ใชป้ ระโยคสื่อความหมายไดช้ ดั เจน ใชน้ ้าเสียง หรอื ไมไ่ ด้
คะแนนเตม็ 3 คะแนน ปฏบิ ัตไิ ด้ตาม ได้ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์เลย
3. การใชน้ า้ เสยี ง เกณฑ์ 3 ขอ้ ๒ ข้อ ใช้น้าเสียง
3.1 ใชน้ า้ เสยี งน่มุ นวล ปฏบิ ัตไิ ด้ตาม ได้ตามเกณฑ์
3.2 พดู เสยี งดังชดั เจน เกณฑ์ 2 ข้อ ๑ ข้อ
หรอื ไมไ่ ด้
3. มารยาทในการพดู ตามเกณฑ์เลย
3.1 ไมพ่ ดู แทรกขณะผู้อนื่ กาลงั พูด ปฏิบัติได้ตาม
3.2 เปิดโอกาสให้ผ้อู ืน่ ไดแ้ สดง เกณฑ์ 1 ขอ้
ความคดิ เหน็ หรอื ไมไ่ ด้
3.3 ใช้กิรยิ าสภุ าพ ไมล่ ้อเลยี นผูอ้ น่ื ตามเกณฑ์เลย

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทีไ่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล
ดีมาก
การแปลผลการประเมิน ดี
พอใช้
เกณฑ์ของระดับคะแนน ปรับปรงุ
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-225--225-

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 16

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒ ชื่อหน่วย กรองคานาจิต เร่ือง ชุมนุมชนวาที (1) เวลา ๑ ช่ัวโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย ๓ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๓
สาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอด
กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
การพูดในท่ปี ระชุมชน เปน็ การพดู ตอ่ หนา้ ขนั้ นา ห้องสมดุ
สาธารณะชน ทม่ี ผี ฟู้ ังจานวนมาก เป็นการพดู แสดง
-226- ความรูส้ ึกนึกคดิ รวมทงั้ ข้อเสนอแนะต่างๆต่อผ้อู น่ื 1. นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นเปน็ สอ่ื
ในทางสร้างสรรค์ รายบคุ คลว่า การพูดในที่ประชุมชน ผพู้ ดู ควรคานงึ ถึง ใบความรู้ “การพูดในทป่ี ระชมุ ชน”
สงิ่ ใดบา้ ง ครูอาสาสมัครนักเรียน จานวน ๒ – ๓ เพื่อตอบ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ คาถาม ภาระงาน/ชิ้นงาน
ดา้ นความรู้ การพูดโตว้ าที
แนวคาตอบ : ผู้พดู ควรคานึงถึงกาลเทศะ สัมพนั ธภาพ
๑. อธิบายหลกั การพดู ในทป่ี ระชมุ ชนไดอ้ ย่าง จดุ มุ่งหมายของการพูด เนอ้ื หาของการพูด โอกาสและมารยาทใน การวดั และประเมนิ ผล
ถกู ต้อง การพูด แบบประเมนิ การพดู แสดงความคิดเห็น

2.อธบิ ายหลกั การพดู โต้วาทีได้อยา่ งถูกต้อง 2. ครเู ปิดประเดน็ คาถามเกี่ยวกับการพูดโตว้ าทีวา่
ทกั ษะและกระบวนการ นกั เรยี นเคยเหน็ หรือพบเจอในชีวิตประจาวันหรือไม่

๑. เขียนแสดงความคดิ เหน็ ต่อสถานการณ์การ ขน้ั สอน
พดู ในท่ีประชมุ ชนได้อยา่ งมเี หตุผล
1. นักเรียนรว่ มกนั ศึกษาใบความรู้ “การพูดในท่ีประชมุ ชน”
2.นักเรียนสามารถพดู โตว้ าทีได้ แลว้ แลกเปลี่ยนเรยี นรเู้ กี่ยวกับหลกั การพูดโต้วาทีกบั ครู
ครมู อบหมายให้นกั เรียนแบ่งหนา้ ที่สาหรับการพูดโตว้ าที
ดงั น้ี

-226-

หนว่ ยกาเรียนรทู้ ่ี ๒ ช่ือหนว่ ย กรองคานาจิต แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 16 เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เร่ือง ชุมนุมชนวาที (1) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
ด้านคณุ ลกั ษณะ รายวิชา ภาษาไทย ๓

ใฝเ่ รยี นรู้ - ฝ่ายเสนอ 3 - 5 คน
- ฝา่ ยคา้ น 3 - 5 คน
สมรรถนะที่ต้องการให้เกดิ กับผเู้ รียน - กรรมการจบั เวลา 2 คน
๑. การคิดขนั้ สงู - กรรมการตัดสนิ การพูดโตว้ าที 3 คน
๒. การสอื่ สาร
2. นกั เรียนรว่ มกันกาหนดญัตติการพดู โต้วาทีร่วมกัน
-227- ตัวอย่างเช่น

- อยู่ชนบทดกี ว่าอยู่ในเมอื ง
- มที รัพยด์ กี ว่ามีปัญญา
- เกิดเป็นชายสบายกว่าหญงิ
ขนั้ สรปุ
นกั เรยี นสรปุ ความรู้เร่อื งการพูดโตว้ าทรี ว่ มกนั
ประกอบด้วยหน้าที่ตา่ ง ๆ ทไี่ ด้รบั ผดิ ชอบ และเตรียม
ความพร้อมบทพูดในแต่ละฝา่ ยเพื่อพูดโตว้ าทใี นคาบเรียน
ถัดไป

-227-

ใบความรู้
“การพูดในทป่ี ระชุมชน”

การโต้วาที คือ การพูดโต้กันของบุคคล 2 ฝ่ายในที่ประชุมตามหัวข้อหรือญัตติท่ี
กาหนดขึ้น ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายเสนอปัญหาหรอื หัวข้อซึ่งเรียกว่าญัตติอีกฝ่ายหนึง่ คัดค้านญตั ติ
ผพู้ ดู ใช้คาพูดเพอื่ โน้มน้าวใจผูฟ้ ังใหม้ คี วามคิดคล้อยตามและสนับสนนุ เหตุผลของตน

การพูดโต้วาทีเป็นการแข่งขันมีการตัดสินแพ้ชนะโดยผู้ตัดสินจะพิจารณาว่าเหตุผลของ
ฝ่ายใด มีน้าหนักน่าเชื่อถือ สามารถหักล้างเหตุผลของฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่า มีการใช้คาพูดท่ี
ดงึ ดูดความสนใจ และมีการใชส้ านวนภาษาได้ดีกว่า หัวขอ้ หรือญตั ติในการพูดโต้วาที ควรเป็น
เรื่องท่ีเสริมสร้างสติปัญญา เป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง มีคุณค่า ไม่เป็นภัยต่อสังคม ผู้โต้วาที
ประกอบด้วย ประธาน เป็นผู้กล่าวชี้แจงญัตติ และแนะนาผู้พูดโตวาทีท้ังสองฝ่าย หัวหน้า
ฝา่ ยเสนอ เป็นผพู้ ดู ก่อนเพ่ือสนบั สนุนญตั ติ หัวหนา้ ฝ่ายค้าน เปน็ ผู้พูดต่อจากหวั หน้าฝา่ ยเสนอ
ใช้เวลาพูดนานเท่ากับหัวหน้าฝ่ายเสนอ ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอจะมีก่ีคนก็ได้ส่วนมากมีประมาณ
3 คน ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านมีจานวนเท่ากับผู้สนับสนุนฝา่ ยเสนอ ผู้โตวาทีควรมีความรู้เร่ืองท่ีตงั้
เป็นญัตติ มีวาทศิลป์ มีเหตุผล มีมารยาทดีท้ังในการพูดและการฟัง ไม่พูดเสียดสี หรือนาเร่ือง
สว่ นตวั มาพดู ไม่มงุ่ เอาชนะอยา่ งเดียวจนไม่นกึ ถึงผลเสยี ของส่วนรวม

-228--228-

แบบประเมินการพูดแสดงความคดิ เหน็

คาชแ้ี จง ให้ครูผู้สอนประเมินการพูดแสดงความคิดเห็นของนักเรียนตามรายการประเมิน
(คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมนิ ระดับคะแนน
1. สาระสาคัญของเร่ืองทพี่ ูด ๕๔๓๒๑
พดู สาระสาคัญ พดู สาระสาคญั พูดสาระสาคัญ พดู สาระสาคญั พดู สาระสาคญั
1.๑ ลาดบั ความคิดอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์
1.๒ นาเสนอเนอ้ื หาตรงตามประเดน็ ครบ ๕ ขอ้ ๔ ขอ้ ๓ ข้อ ๒ ข้อ ๑ ข้อ
1.๓ เนอ้ื หามคี วามสมั พันธ์กับประเดน็
1.๔ มีความเปน็ เหตเุ ป็นผล หรือไมไ่ ด้
1.๕ มีการนาเสนอแนวคิดใหม่ ตามเกณฑ์เลย
2. การใชภ้ าษา
2.๑ ใช้ภาษาได้ถูกตอ้ งกับกาลเทศะ คะแนนเตม็ 2 คะแนน ใชภ้ าษา ใชภ้ าษา
2.๒ ใชป้ ระโยคสื่อความหมายไดช้ ัดเจน ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์
คะแนนเตม็ 2 คะแนน ๒ ข้อ ๑ ขอ้
3. การใชน้ า้ เสียง ใช้นา้ เสียง หรือไมไ่ ด้
3.1 ใชน้ า้ เสยี งน่มุ นวล คะแนนเตม็ 3 คะแนน ปฏิบัติได้ตาม ได้ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์เลย
3.2 พูดเสยี งดังชดั เจน เกณฑ์ 3 ข้อ ๒ ขอ้ ใช้นา้ เสียง
ปฏบิ ตั ไิ ด้ตาม ได้ตามเกณฑ์
3. มารยาทในการพดู เกณฑ์ 2 ขอ้ ๑ ขอ้
3.1 ไมพ่ ดู แทรกขณะผู้อนื่ กาลงั พูด หรือไมไ่ ด้
3.2 เปิดโอกาสให้ผ้อู ืน่ ไดแ้ สดง ตามเกณฑเ์ ลย
ความคดิ เหน็ ปฏบิ ตั ไิ ด้ตาม
3.3 ใชก้ ิรยิ าสภุ าพ ไมล่ ้อเลยี นผูอ้ ื่น เกณฑ์ 1 ข้อ
หรอื ไมไ่ ด้
ตามเกณฑ์เลย

* การคิดคะแนน ร้อยละ = (คะแนนทีไ่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล
ดีมาก
การแปลผลการประเมิน ดี
พอใช้
เกณฑ์ของระดับคะแนน ปรับปรุง
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79
ร้อยละ 50 - 69
รอ้ ยละ ๐ - 49

-229-
-229-

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑๗

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ชื่อหน่วย กรองคานาจิต เร่ือง ชุมนมุ ชนวาที (2) เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย ๓ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
การพูดโต้วาทีเป็นการพูดโต้แย้งกันด้วยเหตุผล ขัน้ นา หอ้ งสมดุ

และวาทศิลป์ขั้นสูงของคณะผู้มีความเห็นตรงข้ามกัน นกั เรยี นตอบคาถามทบทวนบทบาทหน้าท่ีของตนเอง สอ่ื
ในเร่อื งใดเรอื่ งหนงึ่ มจี ุดม่งุ หมายเพ่อื พยายามโน้มน้าว
ใจผู้ฟังให้เห็นด้วยกับทัศนะของตน จนกระท่ังนาไปสู่ ที่ได้รับมอบหมายจากคาบทแ่ี ล้ว และรว่ มกนั ทบทวนความรู้ -
ขอ้ สรปุ ของประเด็นโต้แยง้ การศึกษาการพดู โต้วาทีจะ กฎ กตกิ า การพูดโตว้ าที
ทาให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ ภาระงาน/ชิ้นงาน
-230- อย่างมีเหตุผล เป็นระบบ สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะ ขนั้ สอน การพดู โต้วาที
ห น้ า ไ ด้ ต ล อ ด จ น ใ ช้ ภ า ษ า ส่ื อ ส า ร ไ ด้ อ ย่ า ง มี 1. นกั เรยี นพูดโตว้ าทีในญัตติ ทีน่ ักเรยี นเลือกในคาบ
ประสทิ ธิภาพ การวดั และประเมินผล
เรยี นท่แี ล้ว

จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.๑ หัวหนา้ แตล่ ะฝา่ ยมีเวลาพูด รอบนาเสนอ แบบประเมนิ มารยาทในการฟงั การดู และ
ข้อมูลคนละ ๓ นาที และรอบสรุปคนละ ๑ นาที การพูด
ด้านความรู้
อธิบายหลกั การโตว้ าทีไดถ้ ูกต้อง 1.๒ ผู้สนับสนนุ แต่ละฝา่ ยมีเวลาพูดคนละ ๒ นาที
2. นกั เรยี นทีไ่ ด้รับมอบหมายใหเ้ ปน็ กรรมการ
ทักษะและกระบวนการ ตัดสินการพูดโต้วาที ให้คาแนะนา ข้อเสนอแนะการพูดของ
พูดโต้วาทีในญตั ติทก่ี าหนดให้ได้อย่างมีเหตผุ ล เพื่อน และเหตผุ ลการตัดสนิ ใจใหท้ ีมใดเป็นผ้ชู นะ

ด้านคณุ ลักษณะ
มีมารยาทในการฟงั และการพดู

-230-

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ชื่อหน่วย กรองคานาจติ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๗ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง ชุมนุมชนวาที (2) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓
สมรรถนะท่ตี ้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน รายวิชา ภาษาไทย ๓

๑. การคิดขั้นสงู ขน้ั สรปุ
๒. การสอ่ื สาร นักเรยี นแสดงความคิดเหน็ ร่วมกนั ถึงประโยชน์

-231- การพดู ในทป่ี ระชุมชน และการพูดโต้วาที และครูให้
ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติมเก่ียวกับมารยาทท่ีดีในการพูดโตว้ าที

แนวคาตอบ : การพดู โนม้ น้าวใจเชงิ สรา้ งสรรค์มปี ระโยชน์
ต่อตนเองคือ ช่วยพัฒนาทักษะการสือ่ สารใหต้ รง
จดุ มุ่งหมาย มีความนา่ สนใจ และมเี หตุผลทชี่ ดั เจน มี
ประโยชน์ต่อผู้อ่นื และสังคมในแง่การสอื่ สารอย่างมเี หตุผล
ส่งผลใหก้ ารสือ่ สารนั้นประสบผลสาเร็จท้ังผู้สง่ สารและ
ผูรบั สาร

-๒๓๑-

แบบประเมนิ มารยาทในการฟัง การดู และการพดู

คาชีแ้ จง ใหค้ รผู ู้สอนประเมินมารยาทในการฟัง การดู และการพดู ของนักเรยี นตามรายการประเมนิ

รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
๓๒๑

1. การไมพ่ ูดคยุ กนั ไม่พูดคยุ ตลอดระยะเวลาท่ี พดู คยุ 1 - 2 ครงั้ พดู คุย 3 คร้งั ขนึ้ ไป
ฟงั หรอื ดู ในขณะท่ฟี งั หรือดู ในขณะทีฟ่ งั หรอื ดู

2. ความตงั้ ใจ ต้ังใจและมสี มาธใิ นเรอื่ ง ตัง้ ใจแต่ขาดสมาธิบางครัง้ ไมต่ ้ังใจฟังหรอื ดู
ท่ฟี งั หรือดู

3. การให้เกยี รตผิ ูพ้ ดู โดยการปรบมือ ปรบมอื ทุกครัง้ ก่อนฟงั ปรบมือบางครั้งกอ่ นฟัง ไม่ปรบมือก่อนฟัง
ขณะฟัง หรือหลังจบการฟัง ขณะฟงั หรอื หลงั จบการฟัง ขณะฟัง หรอื หลังจบการฟงั

4. การแสดงกริ ิยาท่ีเหมาะสม ไม่แสดงกริ ยิ าทไี่ มเ่ หมาะสม แสดงกิรยิ าทไี่ มเ่ หมาะสม แสดงกิริยาทไี่ มเ่ หมาะสม
ขณะฟังหรือดู 1 - 2 ครง้ั 3 - 4 ครง้ั

5. การยกมือถามเมอื่ ตอ้ งการถาม ยกมอื ก่อนถามทกุ คร้ัง ยกมือกอ่ นถามบางครง้ั ซกั ถามโดยไมย่ กมอื ทุกครง้ั
เมือ่ มขี อ้ สงสยั เมือ่ มีข้อสงสยั

* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ไี ด้/คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล
ดมี าก
การแปลผลการประเมนิ ดี
พอใช้
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ปรับปรุง
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79
ร้อยละ 50 - 69
รอ้ ยละ ๐ - 49

-232-
-232-

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑8

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ ช่ือหน่วยกรองคานาจิต เรื่อง ชุมนมุ ชนวาที (3) เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย ๓ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓

สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
การพูดโต้วาทีเป็นการพูดโต้แย้งกันด้วยเหตุผล ขั้นนา หอ้ งสมุด

และวาทศิลป์ขั้นสูงของคณะผู้มีความเห็นตรงข้ามกัน
ในเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง มจี ุดมุง่ หมายเพ่ือพยายามโน้มน้าว นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดโต้วาทีว่า สอ่ื
ใจผู้ฟังให้เห็นด้วยกับทัศนะของตน จนกระท่ังนาไปสู่ มีข้อควรเพ่มิ เติม หรือข้อเสนอแนะเรอ่ื งใดบ้าง -
ขอ้ สรุปของประเด็นโต้แยง้ การศึกษาการพดู โตว้ าทีจะ
ทาให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ ขน้ั สอน ภาระงาน/ชน้ิ งาน
อย่างมีเหตุผล เป็นระบบ สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะ 1. นกั เรยี นทรี่ ับหนา้ ท่ีเปน็ กรรมการตัดสินการพดู การพูดโต้วาที
-233- ห น้ า ไ ด้ ต ล อ ด จ น ใ ช้ ภ า ษ า สื่ อ ส า ร ไ ด้ อ ย่ า ง มี โต้วาทใี นคาบท่แี ล้วใหค้ าแนะนาการพูดกบั ทั้งสองทีมว่า
ประสิทธภิ าพ มีข้อคดิ เหน็ อย่างไร มีจุดเดน่ ในการพูด และจดุ การพฒั นา การวัดและประเมินผล
เพมิ่ เติมอย่างไร แบบประเมินมารยาทในการฟัง การดู และการ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. อาสาสมคั รนักเรยี น 2 - 3 คน รว่ มกันแสดง พดู
ดา้ นความรู้ ความคดิ เหน็ ประเด็นเร่ืองมารยาทในการพูดโตว้ าทีและ
อธิบายหลกั การโตว้ าทีได้ถูกต้อง การพูดต่อหนา้ ชมุ ชนวา่ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไร
ทกั ษะและกระบวนการ
พดู โตว้ าทใี นญัตติที่กาหนดใหไ้ ด้อย่างมีเหตุผล
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ
มมี ารยาทในการฟังและการพดู

-233-

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย กรองคานาจติ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑8 เวลา ๑
ชวั่ โมง เร่ือง ชุมนุมชนวาที (3) ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
สมรรถนะทีต่ ้องการให้เกิดกับผเู้ รยี น รายวิชา ภาษาไทย ๓
ข้นั สรปุ
๑. การคิดขั้นสงู
๒. การส่อื สาร นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นถงึ ข้อดีของการพูด
ตอ่ หนา้ ชมุ ชน และข้อควรระวงั ตลอดจนการนาทักษะ
การพดู ไปปรบั ใชใ้ นชีวิตประจาวนั อย่างไร

-234-

-234-

แบบประเมินมารยาทในการฟัง การดู และการพดู

คาชีแ้ จง ใหค้ รผู ู้สอนประเมินมารยาทในการฟัง การดู และการพดู ของนักเรียนตามรายการประเมนิ

รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
๓๒๑

1. การไมพ่ ูดคยุ กัน ไม่พดู คุย ตลอดระยะเวลาท่ี พดู คยุ 1 - 2 ครั้ง พูดคุย 3 คร้งั ข้ึนไป
ฟงั หรอื ดู ในขณะทฟ่ี งั หรอื ดู ในขณะทีฟ่ ังหรอื ดู

2. ความตงั้ ใจ ตัง้ ใจและมสี มาธใิ นเร่อื ง ตง้ั ใจแตข่ าดสมาธบิ างคร้ัง ไม่ตั้งใจฟงั หรอื ดู
ทฟี่ งั หรือดู

3. การให้เกยี รตผิ ู้พดู โดยการปรบมอื ปรบมอื ทกุ ครงั้ ก่อนฟัง ปรบมือบางครั้งกอ่ นฟัง ไมป่ รบมือก่อนฟัง
ขณะฟงั หรือหลงั จบการฟงั ขณะฟงั หรอื หลังจบการฟัง ขณะฟงั หรอื หลังจบการฟงั

4. การแสดงกริ ิยาท่ีเหมาะสม ไม่แสดงกริ ยิ าทไ่ี มเ่ หมาะสม แสดงกริ ยิ าทไี่ มเ่ หมาะสม แสดงกริ ิยาทไ่ี มเ่ หมาะสม
ขณะฟังหรือดู 1 - 2 ครั้ง 3 - 4 ครัง้

5. การยกมือถามเมอื่ ตอ้ งการถาม ยกมือก่อนถามทุกครั้ง ยกมือก่อนถามบางครงั้ ซกั ถามโดยไมย่ กมอื ทุกครั้ง
เม่อื มขี อ้ สงสยั เมือ่ มีข้อสงสยั

* การคิดคะแนน ร้อยละ = (คะแนนทีไ่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล
ดมี าก
การแปลผลการประเมนิ ดี
พอใช้
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ปรับปรุง
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79
ร้อยละ 50 - 69
รอ้ ยละ ๐ - 49

-235--235-

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3

“นิรมิตผา่ นปัญญา”

-๒๓๖-

ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาหรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษา

-236-

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ : นริ มิตผา่ นปญั ญา แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรือ่ ง เรียงร้อยถ้อยคา (1) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
รายวิชา ภาษาไทย ๕ แหล่งเรียนรู้
ห้องสมดุ
สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื
ความคิดสร้างสรรค์มีความสาคัญ สาหรับ ขั้นนา 1. บัตรภาพ ๖ ใบ (จานวนชุดข้ึนอยู่กับ
การเรียนรู้ ในทุกทักษะ โดยเฉพาะการเขียนสร้างสรรค์ นกั เรยี นชว่ ยกนั แสดงความคิดเหน็ ว่า “ดนิ ” จากบท จานวนกลุ่ม)
เป็นการสื่อความคิด อารมณ์ หรือความรู้สึกต่อส่ิงใด ประพันธ์นีห้ มายถงึ อะไร เพราะเหตใุ ด 2. ใบความรู้ “งานเขยี นสร้างสรรค”์
สงิ่ หนง่ึ หรือเหตุการณ์ใดเหตกุ ารณ์หน่ึง หรือต้องการ 3. ใบงาน “งานเขียนสร้างสรรค”์
-237- แสดงความคิดของผู้เขียนท่ีมีต่อสังคม รวมถึง จากดนิ กอ้ นเดียวฉันเคี่ยวฉันป้ัน ภาระงาน/ชิน้ งาน
การโน้มน้าวใจให้เกิดการเปล่ียนแปลงในทิศทาง เพ่อื เธอสุขสนั ตพ์ บวันสดใส การทาใบงาน “งานเขยี นสรา้ งสรรค์”
ที่ผ้เู ขยี นคิดวา่ เหมาะสม ปัดเหลือบยงุ ริ้นมใิ ห้บนิ ตอมไต่ การวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ แม้ลมหายใจฉนั ยังกรองให้เธอ แบบประเมินการทางานกลมุ่
ด้านความรู้
อธิบายการเขยี นสร้างสรรค์ได้ แนวคาตอบ
- หมายถงึ บุคคลธรรมดาทไ่ี ม่มชี อ่ื เสียง นักเรียน เดก็ ๆ

ลกู เป็นต้น
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ - เหตุผล เพราะ ต้องมี “ฉัน” ซง่ึ อาจหมายถงึ คอื บคุ คลท่ีมี
เขียนเร่ืองสร้างสรรค์ได้ ความรูค้ วามสามารถ ครู พอ่ แม่ คอยดูแล ชว่ ยเหลือ
ดา้ นคณุ ลักษณะ เพ่อื ใหไ้ ดพ้ บกับความสุขสดใส

ใฝเ่ รยี นรู้ ขน้ั สอน

1. นักเรยี นแบง่ กลุ่มตามความสมัครใจ กลุ่มละ ๓ - ๔ คน

-237-

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๓ : นริ มิตผ่านปญั ญา แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
สมรรถนะท่ตี ้องการให้เกดิ กับผเู้ รียน เรอื่ ง เรยี งร้อยถ้อยคา (1)
๑. การสือ่ สาร รายวิชา ภาษาไทย ๕
๒. การคดิ ขั้นสูง แต่ละกลมุ่ ศกึ ษาใบความรู้ “งานเขียนสร้างสรรค์”
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รับภาพ กลมุ่ ละ ๑ ชุด ชดุ ละ ๖ แผน่
(ภาพเดียวกนั )

-238-

3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั วเิ คราะห์ลักษณะเด่น
ของภาพ แต่ละภาพ

4. นักเรยี นนาลกั ษณะเด่นของภาพมาวิเคราะห์เพ่อื หา
ลักษณะเดน่ ร่วมกัน ๑ ลกั ษณะเด่น

5. นกั เรยี นแตล่ ะคนในกลมุ่ เขยี นประโยค ๑ ประโยค
ทบี่ ่งบอกถึงลักษณะเดน่ ทวี่ ิเคราะหไ์ ว้ โดยไมต่ ้องปรึกษา
สมาชกิ ในกลมุ่

-238-

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ : นริ มิตผา่ นปญั ญา แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรอ่ื ง เรียงร้อยถ้อยคา (1) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓
รายวชิ า ภาษาไทย ๕
-239-
6. นักเรียนแตล่ ะคนในกลุ่มนาเสนอประโยคของตนเองให้
เพ่อื นในกลุ่มฟังจนครบ จากน้ันทาใบงาน “งานเขยี นสรา้ งสรรค์”
โดยนักเรยี นชว่ ยกันนาประโยคของแต่ละคนมาเขียนใหมใ่ ห้เป็น
เรือ่ งราวเดียวกัน พร้อมต้ังชอ่ื เรือ่ งใหส้ อดคลอ้ งกับเนื้อหา

7. นักเรียนกลมุ่ อาสาสมัคร ๒ - ๓ แต่ละกลมุ่ ออกมา
นาเสนอเรอ่ื งราว

ข้นั สรุป
นักเรยี นช่วยกนั สรปุ ประโยชนจ์ ากการเรียนรู้ในคร้ังน้ี

โดยครทู าหน้าท่ีให้คาแนะนาเพิ่มเติม

-239-

บตั รภาพ

-240-- 240-

ใบความรู้
“งานเขียนสรา้ งสรรค์”

ความหมายของความคิดสรา้ งสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์เป็นความสามารถทางปัญญาที่สามารถคิดได้กว้างไกลหลายทิศ หลายทาง
คิดดัดแปลงปรุงแต่ง ผสมผสานความคิดเดิมเกิดเป็นความคิดใหม่ อันนาไปสู่การค้นพบส่ิงแปลกใหม่ท่ีมี
ประโยชนต์ ่อสังคม ลกั ษณะความคดิ สรา้ งสรรค์ อาจอธบิ ายไดห้ ลายลักษณะ ดังนี้
๑. การประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ เช่น ผลงานการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าของโทมัส อัลวา เอดิสัน นักวิทยาศาสตร์
ผู้ยิ่งใหญ่ชาวอเมริกัน
๒. ความคิดอเนกนัย เป็นการคิดกว้าง คิดไกล หลายแง่หลายมุม ลักษณะความคิดเช่นนี้จะนาไปสู่
การคิดประดิษฐส์ ิ่งแปลกใหม่ รวมท้ังการค้นพบวิธแี ก้ปัญหาแบบใหม่ ๆ นอกจากน้ี ความคดิ อเนกนัยยังเน้นดา้ น
ปริมาณความคิด คือ ย่ิงคิดปริมาณมากก็ยิ่งดี หากคิดได้มากประเภทและมีรายละเอียดด้วย ก็ยิ่งทาให้ความคิด
อเนกนยั สมบูรณย์ ่ิงขน้ึ
๓. จนิ ตนาการ เป็นลักษณะสาคัญของความคดิ สร้างสรรค์ เป็นการคิดถึงส่งิ ท่ยี ังไมเ่ กิด หรือดูเหมือนจะ
เป็นไปไม่ได้ เช่น ในอดีตที่มนุษย์ฝันอยากจะบินเหมือนนก ซึ่งดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ก็กลายเป็นความจริงได้
ในเวลาต่อมา
๔. ความสามารถที่จะมองเห็นและมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว เช่น คนที่มองเห็นความสวยงามของทะเล
เกดิ ความชนื่ ชม มีความรู้สกึ ตอบสนองเขยี นเป็นกลอนได้
ความคิดสร้างสรรค์ มใิ ชพ่ รสวรรค์ แตเ่ ปน็ สิ่งทพี่ ฒั นาให้เกิดข้นึ ได้
ในตัวทุกคน เพยี งขอให้เรากล้าคดิ คดิ แลว้ ทดลองทา ทาแล้วนามาคดิ ใหม่
จากความคดิ หนึ่งสอู่ ีกความคิดหนึ่ง ความคดิ สรา้ งสรรค์ก็จะเกดิ ขนึ้ ในทส่ี ุด

องค์ประกอบของการเขยี นสร้างสรรค์
การเขียนสร้างสรรค์อาจมีเน้ือหาและรูปแบบต่าง ๆ ตามความคิดของผู้เขียน อาจใช้รูปแบบหรือฉันท
ลักษณ์ที่มีการกาหนดไว้เป็นที่รู้จักท่ัวไป หรือมีการดัดแปลง หรือสร่งสรรค์ใหม่ตามความประสงค์ของผู้เขียน
องคป์ ระกอบสาคญั ที่มักพบในการเขียนสร้างสรรคม์ ดี ังนี้
เนอ้ื หา
การเขียนสร้างสรรค์นั้นน่าสนใจตรงท่ีอาจเป็นเรื่องที่นามาจากชีวิตจริงหรือประสบการณ์ของผู้เขียน
เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งข้ึน หรือเป็นท้ังเรื่องจริงและเรื่องแต่งรวมอยู่ด้วยกัน เพื่อนาไปสู่จุดมุ่งหมาย
ของการนาเสนอความคิดเห็นที่ซ่อนไว้ในเร่ืองราวเหล่าน้ัน ผู้เขียนจะต้องใช้ประโยชน์จากเร่ืองที่นามาแฝงไว้
อย่างเต็มทีม่ ใิ ช่สรา้ งขึ้นเพยี งลอย ๆ

-241-
-241-

ใบความรู้
“งานเขียนสรา้ งสรรค์” (ตอ่ )

รูปแบบ
การเขียนสร้างสรรค์นั้นไม่จากัดรูปแบบ ดังท่ีได้กล่าวไว้แล้ว ผู้เขียนสามารถเลือกใช้ตามใจชอบ

ความถนัด หรือใช้สอดคล้องกับเน้ือหาและความมุ่งหมายท่ีต้องการเสนอได้ เราจึงพบการเขียนสร้างสรรค์ได้
ท้ังที่เป็นร้อยแกว้ เช่น บันทกึ สว่ นตัวประจาวันไปจนถึงบทความ ความเรียง เรอ่ื งส้ัน นวนิยาย และบทรอ้ ยกรอง
ประเภทตา่ ง ๆ
ภาษา

การเขียนสร้างสรรค์นั้น ไม่จากัดระดับของภาษาว่าต้องใช้ระดับภาษาใด ผู้เขียนอาจเลือกใช้ภาษาพูด
หรือภาษาเขียนหรือใช้ทั้งสองระดับก็ได้ แต่ต้องให้เหมาะสมกับรูปแบบและความมุ่งหมายของการเขียน
หากผู้เขียนต้องการเสนออารมณ์ความรู้สึกซาบซึ้งประทับใจเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง ก็ต้องเลือกใช้ภาษาเขียนแบบ
พรรณนาเพ่ือแสดงอารมณ์น้ัน แต่หากเป็นการเล่าเร่ืองที่นามาจากชีวิตจริงก็ต้องถ่ายทอดด้วยภาษาและถ้อยคา
ทใี่ ช้ในชีวิตจริง เช่น เร่ือง ใส่บาตร ผู้เขียนใช้คาว่า ใส่บาตร ซ่ึงคนท่ัวไปใช้เป็นปรกติ มิไดใ้ ช้ว่า ตักบาตร ซ่ึงเป็น
ภาษาทางการ
ความมุง่ หมาย

ความมุ่งหมายในการเขียนสร้างสรรค์น้ัน อาจเริ่มได้ต้ังแต่ผู้เขียนต้องการส่ือความคิด อารมณ์
หรือความรู้สึกต่อสง่ิ ใดสิ่งหนงึ่ หรอื เหตกุ ารณ์ใดเหตุการณ์หน่ึงหรอื ต้องการแสดงความคิดของผู้เขียนท่ีมีต่อสงั คม
ไปจนกระทัง่ ถงึ การโนม้ นา้ วใจใหค้ นในสังคมเปลีย่ นแปลงไปในทางทผ่ี ูเ้ ขียนคิดวา่ เหมาะสม

-2-4224- 2-

ใบงาน ให้เปน็
“งานเขียนสร้างสรรค์”

คาช้ีแจง ให้นักเรียนช่วยกันนาประโยคของสมาชิกแต่ละคนในกลมุ่ มาเขียนใหม่
ใหเ้ ป็นเรื่องราวเดียวกนั พร้อมตง้ั ช่ือเรื่องให้สอดคล้องกบั เน้ือหา

ประโยคของสมาชิกในกลมุ่
๑. ............................................................................................................................................................................
๒. ............................................................................................................................................................................
๓. ............................................................................................................................................................................
๔. ............................................................................................................................................................................
แนวคดิ ของการแต่งเร่อื ง

.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

โครงเรื่องท่ีจะแต่ง

.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

คาศัพท์สาคญั

.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ช่อื งานเขยี นสรา้ งสรรค์ของกล่มุ

.................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

-243-
-243-

แบบประเมนิ การทางานกลมุ่

คาช้ีแจง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลมุ่ ของนกั เรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ๓ ระดับคะแนน ๑

1. การกาหนดบทบาทหน้าท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไมม่ ีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชิกอย่างชดั เจน กาหนดบทบาทหน้าที่ หน้าที่
มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุ่ม มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ งานกลมุ่ น้อยมาก
รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น งานกลุม่ บา้ ง หรอื ไมม่ ีส่วนรว่ ม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ รบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อื่น
อย่างสม่าเสมอ อยา่ งมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ น้อยมากหรือไมร่ ับฟัง
รบั ผิดชอบงานทีไ่ ดร้ ับ เป็นบางครง้ั ความคดิ เหน็ ผู้อืน่
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผดิ ชอบงานที่ได้รับ ไม่รับผดิ ชอบงานท่ไี ดร้ ับ
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สร็จไม่ทนั มอบหมาย
ตามกาหนด

* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนทีไ่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมิน การแปลผล
ดีมาก
เกณฑ์ของระดบั คะแนน ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรบั ปรุง
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-244-
-244-

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๓ : นิรมิตผ่านปญั ญา แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๒ เวลา ๑ ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรอ่ื ง เรียงร้อยถ้อยคา (2) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓
รายวิชา ภาษาไทย ๕ แหล่งเรยี นรู้
ห้องสมุด
สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาเปน็ หนว่ ยพน้ื ฐานของภาษาซ่ึงใชใ้ นการสื่อสาร สอ่ื
คาในทุกภาษาประกอบด้วยองค์ประกอบ ๒ อย่าง ขั้นนา ๑. บัตรภาพ ๒ ใบ
คือ เสียงกับความหมาย ซ่ึงความหมายที่เป็น นักเรยี นดูภาพทตี่ ดิ บนกระดาน จานวน ๒ ภาพ ๒. ใบความรู้ “ความหมายโดยตรงและ
น าม ธรรม อาจ เข้าใจ ได้ ย าก แ ละ เกิ ดค วาม ความหมายโดยนยั ”
แล้วช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าสามารถส่ือถึงส่งิ ใดไดบ้ า้ ง 3. ใบงาน “ความหมายโดยตรงและ

คลาดเคล่ือนได้ง่าย ดังนั้น ผู้ใช้ภาษาจึงต้อง ภาพที่ ๑ ความหมายโดยนยั ”
เชื่ อ ม โ ย ง ค ว า ม ห ม า ย ท่ี ถู ก ต้ อ ง ข อ ง ค า ให้ เข้ า กั บ ภาระงาน/ชิน้ งาน
-245- ค ว า ม คิ ด แ ล ะเจ ต น า แ ท้ จ ริ ง ท่ี ผู้ ส่ ง ส า ร จ ะ สื่ อ ส า ร
ทั้งความหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั การทาใบงาน “ความหมายโดยตรงและ
ความหมายโดยนัย”
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ แนวคาตอบ
ด้านความรู้ - สง่ิ ท่ีมีคา่ บุคคลทีม่ ีคุณคา่ ศลิ ปนิ ดารา คนเก่ง คนมี การวัดและประเมนิ ผล
ปญั ญา ความสดใส ฯลฯ แบบประเมินการทางานกลมุ่
บอกความหมายของคาที่มีความหมายโดยตรง
และความหมายโดยนยั ภาพที่ ๒
ด้านทกั ษะและกระบวนการ

วเิ คราะห์ความหมายของคาทม่ี ีความหมายตรง
และความหมายโดยนัย

แนวคาตอบ
- ดอกไม้ชนดิ หน่งึ ความหอม ความบรสิ ทุ ธ์ิ ความสะอาด

-245-

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๓ : นิรมิตผ่านปัญญา แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง เรยี งร้อยถ้อยคา (2) ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๓
รายวิชา ภาษาไทย ๕
ด้านคุณลักษณะ
ใฝเ่ รียนรู้ ศาสนา ฯลฯ

สมรรถนะทีต่ ้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รยี น ขัน้ สอน
การสอ่ื สาร 1. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนศึกษาใบงาน “ความหมาย

-246- โดยตรงและความหมายโดยนยั ”
2. นกั เรียนแต่ละคทู่ าใบงาน “ความหมายโดยตรง

และความหมายโดยนัย” โดยให้นกั เรียนคิดคาท่เี ปน็ สิ่งท่อี ยู่
รอบ ๆ ตวั ทง้ั ทีโ่ รงเรยี นหรือทบ่ี า้ น ท้ังนีเ้ ป็นคาท่มี คี วามหมาย
ทั้งความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย คู่ละ ๓ คา
พร้อมทั้งยกตวั อย่างประโยคประกอบความหมายทั้ง ๓ คา

แนวคาตอบ กล้วย
ความหมายโดยตรง : ชอ่ื ไม้ล้มลกุ ชนดิ หน่งึ ผลสกุ เน้ือนุม่
กินได้
ความหมายโดยนัย : ง่ายมาก

3. นกั เรยี นแต่ละคู่ออกมานาเสนอคาและตวั อย่างประโยค
ท่แี ตง่ โดยเพื่อน ๆ และครูช่วยกันตรวจสอบและให้
ขอ้ เสนอแนะ
ขนั้ สรปุ

4. นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าคาใดที่นักเรียน
นามาใชใ้ นชีวติ ประจาวันบ่อย ๆ

-246-

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ : นิรมิตผา่ นปญั ญา แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒ เวลา ๑ ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓
เร่อื ง เรยี งร้อยถ้อยคา (2)
รายวิชา ภาษาไทย ๕
5. นกั เรยี นรว่ มกบั สรุปประโยชนข์ องคาท่มี ีความหมาย
โดยตรงและความหมายโดยนัย

-247-

-247-

บัตรภาพ

-2-24488--

ใบความรู้
“ความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย”

ความหมายโดยตรง
คอื ความหมายทใ่ี ชต้ ามปกตใิ นภาษา

ความหมายโดยนัย
คือ ความหมายของคาทไี่ ม่ใช่ธรรมดาแต่เปน็ ความหมายเชงิ เปรยี บเทยี บ (อปุ มา)

ตวั อยา่ ง

คา ความหมายตรง ความหมายโดยนัย
หิน ของแขง็ ท่ีประกอบด้วยแรช่ นิดเดียว เรื่องที่ยาก ไม่งา่ ย
หรอื หลายชนิดรวมกันอยู่ตามธรรมชาติ
ตวั อยา่ งเชน่ ตวั อยา่ งเช่น
เขาขว้างก้อนหิน แบบฝกึ หดั ทีโ่ รงเรียนวันนห้ี นิ จรงิ ๆ
หมู ช่อื สตั ว์เลี้ยงลกู ด้วยนม เปน็ สตั วก์ ีบคู่ เรือ่ งทีง่ า่ ย ๆ สบาย ๆ
ตวั อว้ น จมูกและปากยืน่ ยาว ปลายจมกู
บานใช้สาหรับดนุ ดินหาอาหาร
ตัวอยา่ งเชน่ ตัวอย่างเช่น
ฉนั ชอบกนิ หมูกระทะ แบบฝึกหดั ที่โรงเรียนวนั นีห้ มูมาก ๆ

-249-
-249-

ใบงาน
“ความหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั ”

คาชี้แจง ให้นักเรียนเขียนคาท่ีมีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย คู่ละ ๓ คา พร้อมท้ังยกตัวอย่าง
ประโยคประกอบความหมายท้ัง ๓ คา

คา ความหมายตรง ความหมายโดยนยั
๑. ........................ ประโยค ประโยค
๒. ........................ ............................................................... ...............................................................
๓. ........................ ประโยค ประโยค
............................................................... ...............................................................
ประโยค ประโยค
............................................................... ...............................................................

-2-25500--

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาชี้แจง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุม่ ของนักเรยี นตามรายการประเมิน (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหน้าท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ที่ กาหนดบทบาทหน้าที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นร่วม สมาชกิ อยา่ งชัดเจน สมาชิกไมค่ รบถ้วน หนา้ ท่ี
มีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ มสี ่วนร่วมในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ งานกลมุ่ บา้ ง งานกล่มุ นอ้ ยมาก
หรือไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผิดชอบ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ นื่
อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ บั ฟัง
อย่างสม่าเสมอ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เห็นผอู้ นื่
รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั รบั ผิดชอบงานทไ่ี ด้รบั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไมท่ ัน มอบหมาย
ที่กาหนด ตามกาหนด

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไ่ี ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
ดีมาก
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรบั ปรงุ
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-25-12-51-

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๓ ชอ่ื หน่วย อิศรญาณภาษิต แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๓ เวลา ๑ ชัว่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง พรา่ เรียนเพยี รสอน (1) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
รายวชิ า ภาษาไทย ๕

สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
อิศรญาณภาษิต เป็นวรรณคดีท่ีหม่อมเจ้าอิศรญาณ หอ้ งสมดุ
ทรงนิพนธ์ด้วยกลอนเพลงยาว ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ ขนั้ นา สอ่ื
ผ่านเร่ืองราวคาสอน คติเตือนเตือนใจ โดยใช้คาประพันธ์ ๑. ตวั แทนนักเรียน ๑ - ๒ คนบอกความหมายของแผน่
ประเภทฉันทลักษณ์ในการแต่งซ่ึงทาให้ผู้เรียนได้รับข้อคิด ๑. แผ่นขอ้ ความ “เพชรอยา่ งดีมีคา่ ราคาย่ิง ส่งใหล้ ิงจะรู้ค่า
คติเตอื นใจและความคดิ สร้างสรรคจ์ ากการศึกษา ขอ้ ความเพื่อทบทวนความรู้ ราคาหรอื ”
เพชรอย่างดมี ีคา่ ราคายงิ่ ส่งใหล้ ิงจะรูค้ ่าราคาหรือ
๒. บตั รความรฐู้ านกิจกรรมเบาะแสความจริง ๑
แนวคำตอบ ๓. บตั รความรฐู้ านกิจกรรมเบาะแสความจริง ๒
๔. บตั รความรู้ฐานกจิ กรรมเบาะแสความจริง ๓
-252- จุดประสงค์การเรียนรู้ ยนื่ เพชรซงึ่ เป็นของรำคำแพงให้กับลิง ลิงยอ่ มไมร่ มู้ ูลค่ำของเพชร 5. ใบงาน “ท่ีมาของอิศรญาณภาษิต”
ด้านความรู้
๒. ตวั แทนนกั เรียน ๑ - ๒ คน บอกจดุ มงุ่ หมายของข้อความ
บอกทม่ี าของเรื่องอิศรญาณภาษิตได้
แนวคำตอบ

ด้านทกั ษะและกระบวนการ กำรสอน กำรสอนใจ กำรใหแ้ นวทำงในกำรปฏิบัติ กำรให้แนวทำง

ปฏิบัติกิจกรรม “นกั สืบอศิ รญาณ” เพ่ือบอกทม่ี าของ ในกำรใชช้ ีวิต ภาระงาน/ช้ินงาน
เรอ่ื งอิศรญาณภาษิต
ขน้ั สอน การทาใบงาน “ทีม่ าของอิศรญาณภาษติ ”

ดา้ นคุณลักษณะ 3. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเปน็ กลุ่มละ ๓ คน เพื่อทากิจกรรม
ใฝ่เรียนรู้
“นักสืบอิศรญาณ” โดยให้แต่ละกลุ่มกาหนดหมายเลขให้ การวดั และประเมินผล
สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มเป็นนักสบื คนท่ี ๑ ๒ และ ๓ จากนั้นให้ แบบประเมินการทางานกลุ่ม

สมรรถนะท่ตี ้องการใหเ้ กิดกับผ้เู รียน นักเรียนท่ีรับบทบาทเป็นนักสืบแต่ละหมายเลขในกลุ่มแยกไป
การสอ่ื สาร หาความรูต้ ามฐานกิจกรรม ดงั น้ี

-252-

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ ชอ่ื หนว่ ย อศิ รญาณภาษติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓
เรอ่ื ง พร่าเรียนเพียรสอน (1)
-253- รายวิชา ภาษาไทย ๕
- นกั สืบคนที่ ๑ ไปหาความร้ฐู านกจิ กรรมท่ี ๑
จาก “บัตรความรฐู้ านกจิ กรรมเบาะแสความจรงิ ๑”
- นักสบื คนที่ ๒ ไปหาความรฐู้ านกิจกรรมท่ี ๒
จาก “บัตรความร้ฐู านกิจกรรมเบาะแสความจริง ๒”
- นักสืบคนที่ ๓ ไปหาความรู้ฐานกิจกรรมท่ี ๓
จาก “บัตรความร้ฐู านกจิ กรรมเบาะแสความจรงิ ๓”
4. นักเรียนที่รับบทนักสืบแต่ละคนกลับเข้ากลุ่มเดิม
จากนั้นแต่ละคนนาความรู้ที่ได้จากการไปหาความรู้เบาะแส
ความจรงิ แตล่ ะประการมาบอกให้เพื่อนฟงั
5. นักเรียนทาใบงาน เรื่อง “ที่มาของอิศรญาณภาษิต”
รายบุคคล
ขัน้ สรุป
ตัวแทนนักเรียน ๔ - ๕ คนตอบคาถามปากเปล่า สรุป
ทีม่ าของเร่ืองอิศรญาณภาษิต
- ผูแ้ ตง่ อิศรญาณภาษิต คือใคร เปน็ กวีในยคุ สมยั ใด

คำตอบ
หม่อมเจำ้ อิศรญำณ เป็นกวีในสมัยพระบำทสมเด็จ พระจอมเกล้ำ
เจำ้ อยูห่ วั

- เหตุใดผู้แต่งจงึ ใช้นา้ เสียงประชดประชันในการแตง่

-253-

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ช่อื หนว่ ย อศิ รญาณภาษติ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ เวลา ๑ ช่วั โมง
กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓
เรอ่ื ง พรา่ เรียนเพยี รสอน (1)
-254- รายวชิ า ภาษาไทย ๕

แนวคำตอบ
ครงั้ หนึ่งทรงทำอะไรแปลกไป จนมีผู้ตำหนใิ ห้รสู้ กึ นอ้ ยพระทยั

- จุดประสงคใ์ นการแต่งคืออะไร

แนวคำตอบ
เพือ่ สั่งสอนเตอื นใจให้ฉุกคิดกอ่ นทจี่ ะทำสิง่ ใดและสอนเก่ยี วกบั
กำรปฏบิ ัติตนตอ่ ผอู้ ่นื ในสงั คมเพ่ือให้อยูร่ ว่ มกันไดอ้ ย่ำงมีควำมสขุ

- ผ้แู ตง่ ใชค้ วามคิดสร้างสรรค์นาคาสอนมาเปน็ เร่ืองราว
ด้วยคาประพันธ์ชนิดใด

แนวคำตอบ
กลอนเพลง, กลอนเพลงยำว

-254-

แผน่ ขอ้ ความ

“เพชรอยา่ งดมี คี า่ ราคายิ่ง ส่งใหล้ งิ จะร้คู ่าราคาหรอื ”

-๒๕๕-
-255-

บัตรความรู้
“ฐานกจิ กรรมเบาะแสความจริง ๑”

ชอื่ เรอ่ื ง : อศิ รญาณภาษิต หรือ “เพลงยาวเจ้าอิศรญาณ” หรือ “ภาษติ อิศรญาณ”
ผู้ทรงนิพนธ์ : หมอ่ มเจ้าอิศรญาณ
ประวัติผู้ทรงนิพนธ์ : กวีสาคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หม่อมเจ้าอิศรญาณเป็น
พระโอรสพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ มีพระนามเดิมว่าอะไรน้ันไม่ปรากฏ
แต่มสี มณฉายาขณะผนวชอยูท่ ี่วดั บวรนเิ วศวหิ ารว่า อิสสรญาโณ

บัตรความรู้
“ฐานกิจกรรมเบาะแสความจริง ๒”

เร่อื งเล่าเกี่ยวกับที่มาของเร่ืองอศิ รญาณภาษิต
มีเร่ืองเล่ากันว่า คร้ังหน่ึงหม่อมเจ้าอิศรญาณทรงทาอะไรแปลกไป จนมีผู้ตาหนิให้รู้สึกน้อยพระทัย

วรรณคดีเรอ่ื งอิศรญาณภาษิตซ่งึ ทรงนิพนธข์ นึ้ ในเวลาต่อมา จึงแฝงด้วยนา้ เสียงบ่นแกมเสยี ดสปี ระชดประชัน

บตั รความรู้
“ฐานกจิ กรรมเบาะแสความจริง ๓”

จดุ มุ่งหมายของเรอ่ื ง “อศิ รญาณภาษติ ”
๑.เพื่อสงั่ สอนเตอื นใจใหฉ้ ุกคิดกอ่ นท่จี ะทาส่งิ ใด
๒.เพือ่ สอนเก่ียวกับการปฏบิ ัติตนต่อผู้อนื่ ในสงั คมเพอ่ื ให้อยรู่ ว่ มกนั ได้อย่างมีความสุข

-๒๕๖-
-256-

ใบงาน
“ทมี่ าของอศิ รญาณภาษิต”

คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขยี นแผนผังความคดิ จากการทากจิ กรรม “นักสบื อิศรญาณ” ตามหวั ข้อตอ่ ไปน้ี
๑. ชอ่ื เร่อื ง
๒. ชอื่ ผแู้ ตง่
๓. เร่ืองเลา่ เก่ียวกบั ท่ีมาของเรือ่ ง
๔. จดุ ม่งุ หมายของเรือ่ ง

-๒๕๗-
-257-

แบบประเมินการทางานกลุ่ม

คาช้ีแจง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลมุ่ ของนกั เรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหน้าท่ี กาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชิกอย่างชดั เจน สมาชิกไม่ครบถ้วน หน้าที่
มสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ มสี ่วนร่วมในการปฏบิ ตั ิ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุ่ม งานกลมุ่ บ้าง งานกล่มุ น้อยมาก
หรอื ไมม่ ีสว่ นรว่ ม
4. ความรบั ผิดชอบ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รับฟังความคิดเห็นของผ้อู ื่น
อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรือไม่รับฟงั
อยา่ งสม่าเสมอ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เหน็ ผู้อืน่
รับผดิ ชอบงานท่ีได้รับ รบั ผดิ ชอบงานท่ีได้รบั ไมร่ ับผิดชอบงานทีไ่ ดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สร็จไมท่ ัน มอบหมาย
ท่ีกาหนด ตามกาหนด

* การคิดคะแนน ร้อยละ = (คะแนนที่ได้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
ดีมาก
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรบั ปรุง
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-๒๕-๘2-58-

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ นิรมิตผ่านปญั ญา แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เร่ือง พรา่ เรยี นเพียรสอน (2) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓

รายวิชา ภาษาไทย ๕

สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
อิศรญาณภาษิต เป็นวรรณคดีท่ีหม่อมเจ้าอิศรญาณทรง ขนั้ นำ ห้องสมุด
นิพนธ์ด้วยกลอนเพลงยาว ถา่ ยทอดความคิดสรา้ งสรรค์ผา่ น
-259- เรื่องราวคาสอน คติเตือนเตือนใจ โดยใช้คาประพันธ์ ๑. นกั เรียน ๑ คน อาสาสมัครเล่าประสบการณ์วา่ เคยได้รับ สอ่ื
ประเภทกลอนเพลงยาวในการแต่งซึ่งทาให้ผู้เรียนได้รับ คาอบรมส่ังสอนจากผู้ใหญ่เรื่องใดบ้าง หรือหากไม่มีนักเรียน ๑. แผ่นขอ้ ความ
ขอ้ คดิ คติเตือนใจและความคดิ สรา้ งสรรคจ์ ากการศึกษา 2. ใบงาน “คาสอนในอิศรญาณภาษิต”
จุดประสงค์การเรยี นรู้ อาสาสมัครให้ครูเป็นผู้ยกตวั อย่างคาอบรมสง่ั สอนจากผู้ใหญ่ให้
นักเรียนฟงั ภาระงาน/ช้ินงาน
ดา้ นความรู้ การทาใบงาน “คาสอนในอศิ รญาณภาษติ ”
อธิบายเน้อื เรอ่ื งอศิ รญาณภาษิต แนวคำตอบ
ใหม้ ีมำรยำท ใหข้ ยนั ต้ังใจเรยี น

ด้านทักษะและกระบวนการ ๒. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นว่า ตัวอยา่ งคาตอบ การวัดและประเมนิ ผล
ถอดคาประพันธ์ได้ด้วยตนเอง
ด้านคุณลักษณะ ดงั กล่าวเกดิ จากเจตนาใดของผู้ใหญ่และมปี ระโยชนก์ ับ แบบประเมินการทางานกลุ่ม
ใฝเ่ รยี นรู้
ตวั นกั เรยี นมากน้อยเพยี งใด
สมรรถนะทีต่ ้องการใหเ้ กดิ กับผู้เรยี น ๓. ครูกลา่ วถงึ วรรณคดีเร่ือง อิศรญาณภาษติ วา่ เป็น
การสือ่ สาร
วรรณคดีทม่ี ีคาสอนท่ีมีคุณคา่ และน่าสนใจเรื่องหน่ึง

ข้ันสอน

4. นกั เรียน ๑ คนอาสาสมัครอ่านแผ่นข้อความ

-259-

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ นริ มติ ผา่ นปญั ญา แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๔ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรื่อง พร่าเรียนเพยี รสอน (2) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓

-260- รายวิชา ภาษาไทย ๕

อิศรญาณชาญกลอนอกั ษรสาร
เทศนาคาไทยใหเ้ ปน็ ทาน โดยตานานศภุ อรรถสวสั ดี
5. ตัวแทนนักเรียน ๑ - ๒ คน บอกความหมายคาศัพทย์ าก
จากแผ่นข้อความ คาว่า “ตานาน” และ คาว่า “ศุภอรรถ”
อา่ นจากชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (นักเรียน)

คำตอบ
ตำนำน หมำยถงึ คำโบรำณ
ศภุ อรรถ หมำยถงึ ถอ้ ยคำและควำมหมำยท่ดี งี ำม

6. นักเรียน ๑ - ๒ คนอาสาสมัครถอดความบทกลอนจาก
แผน่ ขอ้ ความ

แนวคำตอบ
หมอ่ มเจ้ำอศิ รญำณผู้มีควำมชำนำญในกำรแต่งกลอน
ปรำรถนำจะใช้เร่ืองรำวในคร้งั เกำ่ ก่อนทีเ่ ปน็ ภำษิตคำสอน
มำเทศนำสอนใจให้เปน็ ทำงแกท่ ุกคน

7. นักเรียนแบ่งกลุ่มให้มีจานวนสมาชิกภายในกลุ่ม
๓ - ๔ คน (หรือจานวนตามความเหมาะสมของนักเรียนใน

-260-

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๓ นริ มติ ผา่ นปัญญา แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๔ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรอื่ ง พร่าเรียนเพยี รสอน (2) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓

-261- รายวิชา ภาษาไทย ๕
แต่ละชั้น) ให้ได้จานวน ๔ กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มให้มีจานวน
นกั เรยี นในกลมุ่ ที่ใกล้เคยี งกนั

8. แต่ละกลุ่มเลือกอ่านบทประพันธ์เรื่องอิศรญาณภาษิต
ต้ังแต่บทที่ ๑ – ๑๒ โดยแต่ละกลุ่มเลือกไม่ซ้าบทกัน และ
มจี านวนเทา่ ๆ กัน เชน่

กลุ่มที่ ๑ อ่านบทที่ ๑ – ๓
กลมุ่ ที่ ๒ อ่านบทท่ี ๔ – ๖
กลุ่มท่ี ๓ อ่านบทที่ ๗ – ๙
กลมุ่ ท่ี ๔ อ่านบทที่ ๑๐ – ๑๒
9. แต่ละกลุ่มอ่านบทประพันธ์ตามที่กลุ่มของตนเลือก และ
ปรึกษากันในกลุ่มเก่ียวกับคาสอนที่ปรากฏโดยทาลงในใบงาน
“คาสอนในอิศรญาณภาษิต”
ขนั้ สรุป
10. นักเรียนแสดงความคิดเห็นในกลุ่มของตนว่าคาสอนใน
อิศรญาณภาษิต ตามที่วิเคราะห์ไปในขั้นสอนน้ันสามารถนาไป
ปรับใชใ้ นชวี ติ ประจาวันของตนได้อยา่ งไรบ้าง

-261-

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ นิรมติ ผ่านปัญญา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓
เร่ือง พรา่ เรยี นเพยี รสอน (2)
รายวิชา ภาษาไทย ๕

11. แต่ละกลุ่มประชุมคัดเลือกตัวแทนกลุ่มเพื่ออ่านคาตอบ
จากใบงาน “คาสอนในอิศรญาณภาษิต” และแนวทางการ
นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ของกล่มุ ตนเอง

-262-

-262-

ใบงาน
“คาสอนในอศิ รญาณภาษติ ”

คาชี้แจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามในบทประพันธ์ของกลุ่มตนเอง
ชอ่ื สมาชกิ ในกลุ่ม

๑. ....................................................................................
๒. ...................................................................................
๓. ...................................................................................
๔. ...................................................................................
เลอื กอศิ รญาณภาษติ บทที่ ..........................................................
บททเี่ ลือกสอนเก่ียวกบั
๑. ........................................................................................................................................
๒. ........................................................................................................................... .............
๓.................................................................................................................... ....................
การนาข้อคิดที่ได้รับไปปรับใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................. ...............
.................................................................................................................... ............................................
............................................................................................................................. ...................................

-263-
-263-

แบบประเมนิ การทางานกล่มุ

คาช้แี จง ให้ครูประเมนิ การทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไมม่ ีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นร่วม สมาชกิ อย่างชดั เจน สมาชิกไม่ครบถว้ น หนา้ ที่
มสี ่วนร่วมในการปฏิบตั ิ มีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลุ่ม งานกลมุ่ บา้ ง งานกล่มุ น้อยมาก
หรือไมม่ สี ว่ นรว่ ม
4. ความรบั ผดิ ชอบ รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น รับฟังและแสดงความคดิ เหน็ รับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น
อยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ อยา่ งมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ ับฟงั
อย่างสมา่ เสมอ เปน็ บางครัง้ ความคดิ เหน็ ผู้อ่ืน
รบั ผดิ ชอบงานท่ไี ด้รับ รบั ผิดชอบงานท่ีได้รบั ไม่รับผิดชอบงานท่ีไดร้ ับ
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ทกี่ าหนด ตามกาหนด

* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนที่ได/้ คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมิน การแปลผล
ดมี าก
เกณฑข์ องระดับคะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
รอ้ ยละ 70 - 79 ปรับปรงุ
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-2-6246-4-

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๕

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ นริ มิตผ่านปัญญา เรื่อง พร่าเรยี นเพยี รสอน (3) เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย ๕ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๓
กจิ กรรมการเรยี นรู้
-265- สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ขน้ั นา แหล่งเรยี นรู้
อศิ รญาณภาษิต เป็นวรรณคดีที่หม่อมเจ้าอิศรญาณ ห้องสมดุ
นั ก เ รี ย น แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม เต รี ย ม ค ว า ม พ ร้ อ ม ใ น ก า ร
ทรงนิพนธ์ด้วยกลอนเพลงยาว ถ่ายทอดความคิด นาเสนองานจากคาบเรยี นที่แล้ว สอ่ื
สร้างสรรค์ผ่านเรื่องราวคาสอน คติเตือนเตือนใจ ขนั้ สอน ใบงาน“คาสอนจากอิศรญาณภาษิตที่ฉันประทับใจ”
โดยใช้คาประพันธ์ประเภทกลอนเพลงยาวในการแต่ง ภาระงาน/ชิน้ งาน
ซ่ึงทาให้ผู้เรียนได้รับข้อคิดคติเตือนใจและความคิด 1. ตัวแทนกลุ่มแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอประเด็น การทาใบงาน“คาสอนจากอิศรญาณภาษิตท่ีฉัน
สร้างสรรคจ์ ากการศกึ ษา ในใบงาน “คาสอนในอิศรญาณภาษิต” และแนวทาง ประทบั ใจ”
การนาไปปรับใช้ในชวี ิตประจาวันจนครบทกุ กลุม่
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล
ดา้ นความรู้ 2. เมื่อฟังครบทุกกลุ่มแล้วนักเรียนแต่ละคนเลือก แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม
อธบิ ายเนือ้ เร่ืองอิศรญาณภาษิต คาสอนที่ตนเองประทับใจมากที่สุดที่ได้ฟังจากเพ่ือน
โดยเขียนลงใบงาน “คาสอนจากอิศรญาณภาษิตที่ฉัน
ด้านทักษะและกระบวนการ ประทบั ใจ”
ถอดคาประพันธ์ได้ด้วยตนเอง ข้นั สรปุ

ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่าคาสอนใน
ใฝเ่ รียนรู้ อิศรญาณภาษิตในตอนท่ีเรียนในคร้ังนี้ส่วนใหญ่สอน
เกี่ยวกับเร่ืองใดและมีประโยชน์กับนักเรียนด้านใด
สมรรถนะท่ตี ้องการให้เกดิ กับผู้เรียน อย่างไรบ้าง
การสื่อสาร
แนวคาตอบ
ส่วนใหญส่ อนเกี่ยวกบั แนวการดาเนนิ ชีวติ ให้อยรู่ อด
ไดใ้ นสังคม

-265-

ใบงาน
“คาสอนจากอศิ รญาณภาษิตทีฉ่ นั ประทบั ใจ”

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนบอกคาสอนจากอศิ รญาณภาษติ ท่ปี ระทับใจ

-266-
-266-

แบบประเมนิ การทางานกลมุ่

คาช้ีแจง ให้ครูประเมินการทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมิน (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหน้าท่ี ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชิกอย่างชดั เจน สมาชิกไมค่ รบถ้วน หน้าท่ี
มีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ มสี ่วนร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความ งานกลุ่ม งานกลมุ่ บา้ ง งานกลมุ่ น้อยมาก
คดิ เห็น หรอื ไมม่ ีส่วนรว่ ม
4. ความรบั ผิดชอบ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รับฟังและแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผ้อู ื่น
อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไม่รับฟงั
อยา่ งสมา่ เสมอ เป็นบางคร้งั ความคิดเหน็ ผู้อน่ื
รบั ผดิ ชอบงานทไี่ ดร้ ับ รบั ผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รบั ไม่รับผิดชอบงานที่ไดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สร็จไมท่ นั มอบหมาย
ที่กาหนด ตามกาหนด

* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนทไี่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมิน การแปลผล
ดีมาก
เกณฑ์ของระดับคะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
รอ้ ยละ 70 - 79 ปรับปรุง
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

--226677--

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๖

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๓ นริ มิตผา่ นปัญญา เรอ่ื ง พร่าเรยี นเพยี รสอน (4) เวลา ๑ ช่วั โมง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย ๕ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓

-268- สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
อิศรญาณภาษิต เป็นวรรณคดีที่หม่อมเจ้าอิศรญาณ ขนั้ นา ห้องสมดุ

ทรงนิพนธ์ด้วยกลอนเพลงยาว ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ นักเรียนดูภาพ “ลิง” กับ ภาพ “เพชร” จากนั้นให้ สอ่ื
ผ่านเรื่องราวคาสอน คติเตือนเตือนใจ โดยใช้คาประพันธ์ ตัวแทนนักเรียน ๒ - ๓ คน บอกความหมายตรงและ ๑. ภาพลิง
ประเภทฉันทลักษณ์ในการแต่งซ่ึงทาให้ผู้เรียนได้รับข้อคิด ความหมายเปรยี บเทียบเพ่อื ทบทวนความรเู้ ดมิ ๒. ภาพเพชร
คติเตือนใจและความคิดสร้างสรรค์จากการศึกษา อีกทั้ง 3. ใบงาน “คาที่มคี วามหมายตรงและ
มีการใช้คาที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะคาที่มีความหมายตรง แนวคาตอบ ความหมายเปรยี บเทียบในเร่ืองอิศรญาณ
และความหมายเปรียบเทียบซ่ึงช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจคาสอน ลงิ ความหมายตรง : สัตว์เล้ยี งลูกดว้ ยนมชนดิ หนงึ่ สัตวท์ มี่ ี ภาษติ ตอนท่ี ๒”
อยา่ งลกึ ซ้ึงมากย่ิงขึน้ แขนขายาว สตั วท์ ม่ี เี สยี งร้องเจ๊ียก ๆ
จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความหมายเปรยี บเทียบ : ซุกซน ภาระงาน/ชน้ิ งาน
ด้านความรู้ เพชร ความหมายตรง : แก้วที่มแี สงแวววาว วัตถุชนดิ หนงึ่ ที่ การทาใบงาน “คาท่ีมคี วามหมายตรงและ
แข็ง วตั ถทุ มี่ แี สงแวววาว ความหมายเปรยี บเทียบในเร่ืองอิศรญาณ
บอกคาที่มีความหมายตรงและความหมายเปรียบเทียบ ความหมายเปรียบเทียบ : สง่ิ ทม่ี ีคา่ ภาษิต ตอนท่ี ๒”
ในเร่อื งอศิ รญาณภาษิต การวดั และประเมนิ ผล
ด้านทกั ษะและกระบวนการ ข้ันสอน แบบประเมินการทางานกลุ่ม
1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มเดิมตามคาบเรียนท่ี ๔ และ ๕)
จาแนกคาท่ีมีความหมายตรงและความหมาย
เปรียบเทียบในเรื่องอิศรญาณภาษติ ช่วยกันหาคาที่มีความหมายเปรียบเทียบจากบทประพันธ์ท่ี
กล่มุ ของตนเองเลอื ก

กลุ่มท่ี ๑ อ่านบทท่ี ๑ – ๓

-268-

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ นริ มติ ผา่ นปัญญา แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๖ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรื่อง พร่าเรียนเพยี รสอน (4) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓
รายวชิ า ภาษาไทย ๕
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ กล่มุ ที่ ๒ อา่ นบทที่ ๔ – ๖
ใฝเ่ รยี นรู้ กลุม่ ที่ ๓ อา่ นบทท่ี ๗ – ๙
กลุม่ ที่ ๔ อ่านบทที่ ๑๐ – ๑๒
สมรรถนะท่ีต้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รยี น 2. นักเรียนตัวแทนกลุ่ม อ่านผลการวิเคราะห์การหา
การส่อื สาร ความหมายเปรียบเทียบที่ปรากฏในบทประพันธ์เฉพาะตอนท่ี
ก ลุ่ ม ข อ ง ต น เลื อ ก โ ด ย เพ่ื อ น ร่ ว ม ชั้ น เรี ย น แ ล ะ ค รู ร่ ว ม กั น
-269- ตรวจสอบความถกู ต้อง
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการวิเคราะห์จนครบ
ทุกกลมุ่
ข้นั สรปุ
นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นร่วมกันเก่ียวกับการใช้
ความหมายเปรยี บเทียบในบทประพนั ธ์วา่ มปี ระโยชนอ์ ย่างไร

แนวคาตอบ
การใช้คาเปรยี บเทียบชว่ ยให้ไม่กระทบกับผทู้ ก่ี ลา่ วถงึ โดยตรง
แต่ให้คิดได้จากคาท่ีนามาเปรียบเทยี บและประโยชน์สาหรับ
ผอู้ ่านคือการใช้คาเปรียบเทียบทาให้ผอู้ า่ นเข้าใจความหมาย
ชัดเจนมากขน้ึ อีกทงั้ เปน็ การฝึกการคดิ ไตร่ตรอง

-269-

ใบงาน
“คาท่มี คี วามหมายตรงและความหมายเปรียบเทียบในเรอ่ื งอิศรญาณภาษิต ตอนท่ี ๒”

คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นหาคาท่ีมคี วามหมายตรงและความหมายเปรียบเทยี บในเรื่องอิศรญาณภาษติ ตอนท่ี ๒

-270-
-270-

แบบประเมินการทางานกลุ่ม

คาชี้แจง ให้ครปู ระเมนิ การทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ที่ กาหนดบทบาทหน้าท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไมม่ ีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชกิ อย่างชัดเจน สมาชิกไมค่ รบถว้ น หน้าท่ี
มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ มีส่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ มสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลมุ่ งานกลุม่ บ้าง งานกลมุ่ น้อยมาก
หรอื ไมม่ สี ่วนรว่ ม
4. ความรบั ผดิ ชอบ รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น รับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่
อยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรือไม่รับฟัง
อยา่ งสมา่ เสมอ เป็นบางครั้ง ความคิดเหน็ ผอู้ ่นื
รบั ผิดชอบงานท่ไี ดร้ ับ รบั ผดิ ชอบงานทีไ่ ด้รับ ไมร่ บั ผดิ ชอบงานทไี่ ดร้ ับ
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สร็จไมท่ นั มอบหมาย
ท่ีกาหนด ตามกาหนด

* การคิดคะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไ่ี ด้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
ดีมาก
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
รอ้ ยละ 70 - 79 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-271-
-271-

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ นริ มิตผ่านปญั ญา แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๗ เวลา ๑ ชวั่ โมง
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เร่ือง พรา่ เรยี นเพียรสอน (5) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓

รายวชิ า ภาษาไทย ๕

สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
อิศรญาณภาษิต เป็นวรรณคดีที่หม่อมเจ้าอิศรญาณ ขัน้ นา หอ้ งสมุด
ทรงนิพนธด์ ้วยกลอนเพลงยาว ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ 1. นักเรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรู้จากคาบเรียนที่ผา่ นมา
ผ่านเรื่องราวคาสอน คติเตือนเตือนใจ โดยใช้คาประพันธ์ ขัน้ สอน สอ่ื
ประเภทฉันทลักษณ์ในการแต่งซึ่งทาให้ผู้เรียนได้รับข้อคิด ใบงาน “โวหารเปรียบเทียบในเรอ่ื งอิศร
คติเตือนใจและความคิดสร้างสรรค์จากการศึกษา อีกทั้ง 2. นักเรียนจบั กลุ่มตามกลมุ่ เดิมจากคาบเรียนที่ผา่ นมาโดย ญาณภาษติ ”
ให้แต่ละกลุ่มเลือกอ่านบทประพันธ์เร่ืองอิศรญาณภาษิตตั้งแต่
มีการใช้โวหารเปรียบเทียบในเรื่องอิศรญาณภาษิต ซึ่งช่วย บทท่ี ๑๓ – ๒๖ และแต่ละกลุ่มเลือกไม่ซ้าบทกันให้มีจานวน
-272- ให้ผู้เรียนเข้าใจคาสอนอย่างลึกซง้ึ มากยงิ่ ขึ้น เท่า ๆ กันเช่น
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ กลุ่มที่ ๑ อา่ นบทที่ ๑๓ – ๑๕ ภาระงาน/ชิน้ งาน
กลุ่มท่ี ๒ อา่ นบทท่ี ๑๖ – ๑๘ การทาใบงาน “โวหารเปรียบเทยี บในเร่อื ง
ด้านความรู้ กลมุ่ ท่ี ๓ อ่านบทท่ี ๑๙ – ๒๒ อิศรญาณภาษติ ”
อธบิ ายลกั ษณะการใช้โวหารเปรียบเทยี บ
กลมุ่ ท่ี ๔ อ่านบทท่ี ๒๓ – ๒๖
ด้านทักษะและกระบวนการ 3. แต่ละกลุ่มอ่านบทประพันธ์ตามที่กลุ่มของตนเลือก และ
แยกแยะโวหารเปรยี บเทียบจากเนอื้ เร่ือง ปรึกษากนั ในกล่มุ เกีย่ วกับคาสอนท่ีปรากฏโดยทาลงในใบงาน การวดั และประเมินผล
“โวหารเปรยี บเทียบในเร่อื งอศิ รญาณภาษติ ” แบบประเมินการทางานกล่มุ
ด้านคณุ ลกั ษณะ
ใฝ่เรยี นรู้ ขัน้ สรปุ
4. นักเรียนแสดงความคิดเห็นในกลุ่มของตนว่าคาสอนใน
อิศรญาณภาษิต ตามที่วิเคราะห์ไปในขั้นสอนน้ันสามารถนาไป

-272-

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ นิรมติ ผ่านปญั ญา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เวลา ๑ ชวั่ โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓
สมรรถนะทีต่ ้องการใหเ้ กดิ กับผ้เู รยี น เรื่อง พร่าเรียนเพยี รสอน (5)
รายวิชา ภาษาไทย ๕
การสอ่ื สาร
ปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวันของตนได้อยา่ งไรบา้ ง
5. แต่ละกลุ่มประชุมคิดเลือกตัวแทนกลุ่มเพ่ืออ่านคาตอบ

จากใบงาน “โวหารเปรียบเทียบในเรื่องอิศรญาณภาษิต” และ
แนวทางการนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ของกลมุ่ ตนเอง

-273-

-273-

ใบงาน
“โวหารเปรียบเทียบในเร่อื งอศิ รญาณภาษติ ”
คาช้ีแจง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านบทประพันธ์ตามที่กลุ่มของตนเลือก และปรึกษากันในกลุ่ม

เก่ียวกบั คาสอนทีป่ รากฏ
โวหารเปรียบเทยี บในอศิ รญาณภาษติ
การใช้คาในโวหารเปรียบเทยี บในอิศรญาณภาษติ เปน็ คาง่าย ๆ เช่นคาวา่ แรง หิว ช่งั ใจ
สู้ ชา้ ง แต่เม่อื นามาเรยี บเรียงเข้าด้วยกันแล้วทาใหเ้ ป็นโวหารเปรยี บเทยี บท่มี ีความนัยซ่อนอยู่
จงึ เปน็ คาส่ังสอนเชงิ เสียดสีท่ีคมคายทาใหเ้ ป็นทีจ่ ดจากนั ต่อๆมา โดยเฉพาะสานวนต่าง ๆ เชน่
เดินตามรอยผ้ใู หญ่หมาไมก่ ดั นา้ พึง่ เรือเสือพึง่ ป่า ฆ่าควายเสยี ดายพริก เปน็ ตน้

กลุ่มที่ ๑

กล่มุ ที่ ๒

กลุ่มท่ี ๓

กลมุ่ ที่ ๔

-274-
-274-


Click to View FlipBook Version