229
วธิ ีการคานวณอตั ราส่วนผลการประเมินราคาเบย้ี ประกนั ภัยคา้ งรับ
อัตราส่วนผลการประเมนิ ราคาเบีย้ ประกันภัย = เบย้ี ประกันภยั คา้ งรบั ทีไ่ ดร้ ับการประเมนิ
คา้ งรับ (%) ราคา/เบีย้ ประกันภยั ค้างรับ x 100
อตั ราสว่ นผลการประเมินราคาเบี้ยประกันภัยค้างรบั ของบริษัท ประกนั ภยั ARAYA
จากัด (มหาชน) สามารถคานวณไดด้ งั น้ี
ตารางท่ี 7.9 การวิเคราะห์อัตราสว่ นผลการประเมินราคาเบี้ยประกันภัยคา้ งรับ
หน่วย: ลา้ นบาท
รายการ 25x4 25x3
ราคาประเมินเบ้ียประกันภยั ค้างรับ 9,500 11,000
ราคาตามบัญชีเบี้ยประกันภยั ค้างรับ
วิธกี ารคานวณ 10,000 12,000
9,500/10,000 11,000/12,000
อัตราสว่ นผลการประเมินราคาเบี้ยประกนั ภัยค้างรับ
x 100 x 100
95.00 91.67
ทั้งน้ี อัตราส่วนมาตรฐานควรมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 80 (> =80%) อัตราส่วน
ผลการประเมินราคาเบ้ียประกันภัยค้างรับที่คานวณได้คือร้อยละ 95.00 ในปี พ.ศ. 25x4 ซึ่ง
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 91.67 ในปี พ.ศ. 25x3 แสดงว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการบริหาร
สินทรัพยป์ ระเภทเบยี้ ประกันภัยค้างรับสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
7.4 ความเสี่ยงจากการบริหารสนิ ทรพั ย์และหนสี้ นิ (Asset-Liability Management
(ALM) Risk)
ความเสี่ยงจากการบริหารสินทรัพย์และหน้ีสิน (Asset-Liability Management
หรือ ALM) หมายถึง ความเส่ียงจากการสูญเสียมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของสถาบัน (มูลค่า
สนิ ทรัพยล์ บด้วยมลู คา่ หนส้ี นิ ) อนั เป็นผลมาจากการเปล่ียนแปลงตัวแปรความเส่ียงดา้ นตลาด
สาหรับธุรกิจประเภทธนาคาร ความเส่ียงเหล่าน้ีอาจครอบคลุมถึงการมีอัตราดอกเบี้ยคู่ท่ีไม่
สอดคล้องกัน (Interest Rate Mismatch) ระหว่างสินทรัพย์และหน้ีสินทางบัญชีธนาคารท่ี
แสดงในงบแสดงฐานะการเงิน และรวมถึงความเสี่ยงด้านสกุลเงิน.ของระหว่างรายการทาง
สินทรัพย์และหน้ีสิน สาหรับบริษัทประกันภัยและกองทุนบาเหน็จบานาญ ความเสี่ยงของ
ALM น้ันรวมถึงความเส่ียงท่ีผลตอบแทนจากเบี้ยประกันที่นาไปลงทุน หรือเงินสมทบ
บทที่ 7 การวิเคราะหโ์ ครงสร้างทางการเงินและการบรหิ ารสนิ ทรัพยแ์ ละหนส้ี นิ
230
บาเหนจ็ บานาญที่ได้รบั ผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดไว้ และอาจไม่เพียงพอต่อการชาระหน้ีสิน
ประกันและเงินบานาญที่คาดหวัง (Duarte, Valladão & Veiga, 2017; Fernández,
Ferreiro-Ferreiro, García-Rodríguez & Vázquez, 2018; Ilyas & Rajasekaran, 2018;
Klaassen & Van Eeghen, 2018; Sun, Zhang & Yuen, 2020)
สาหรับในธุรกิจประกันชวี ิตท่ีมีลักษณะของสัญญาหรือกรมธรรม์ที่ค่อนข้างยาว เชน่
10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี เป็นต้น ดังนั้น หน้ีสินของธุรกิจประกันชีวิตจะเป็นลักษณะธรรมชาติ
ท่ีเป็นหน้ีสินระยะยาว (Long-term Liability) ที่บริษัทผู้รับประกันจะต้องจ่ายค่าสินไหม
ทดแทนให้กับผู้รับผลประโยชน์หรือผู้เอาประกันเมื่อครบกาหนดสัญญาตามกรมธรรม์ หรือ
เม่ือผู้เอาประกนั ชีวติ เสยี ชีวิต ดงั นั้น การบรหิ ารสนิ ทรัพยแ์ ละหนีส้ นิ ของบริษัทประกันชีวิตจะ
ยิ่งมีความสาคัญมาก ซึ่งจะต้องใช้การวางแผนทางคณิตศาสตร์ประกันภัย (Actuarial
Planning) โดยใช้ตารางอายุเฉลี่ย และปัจจัยอื่นๆ ในการกาหนดภาระผูกพันรายปี ที่บริษัท
รับประกันจะต้องเผชิญ ดังนั้นการบริหารสินทรัพย์ของบริษัทประกันชีวิตจึงต้องคานึงถึง
ระยะเวลาในการจ่ายคืน (Payout Period) อัตราดอกเบี้ยท่ีจะได้รับ อัตราเงินเฟ้อที่จะ
เกิดข้ึน ดังนั้น การท่ีบริษัทมีภาระหน้ีสินท่ีเป็นระยะยาวจากการออกกรมธรรม์ประกันชีวิต
การลงทุนในสินทรัพย์ท่ีได้รับการคุ้มครองด้านภาวะเงินเฟ้อ (Inflation-Protected Assets)
การลงทนุ ในอสงั หาริมทรัพย์ จะตอ้ งมีความสอดคลอ้ งกบั หนสี้ ิน เช่น กรมธรรมท์ ม่ี ีระยะเวลา
ยาว การออกหุ้นกู้ที่มีระยะเวลายาว เปน็ ตน้
สาหรับธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัทประกันภัยจะต้องคานึงถึงหนี้สินตามสัญญา
กรมธรรม์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นการประกันอุบัติเหตุจากรถ โดยปกติจะมีระยะเวลาในการ
ค้มุ ครองทส่ี นั้ กวา่ มาก เช่น 1 ปี หรือ อาจเป็น 3-5 ปีวงจรตอ่ เนอื่ ง (3-5 Year Underwriting
Cycle) ความเส่ียงจากอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สอดคล้อง (Interest Rate Mismatch) หรือความ
เส่ียงจากสกุลเงินที่ไม่สอดคล้องกัน (Foreign Currency Mismatch) ระหว่างรายการ
สินทรัพย์และหน้ีสินของบริษัทประกันวินาศภัยจะน้อยกว่าบริษัทประกันชีวิต โครงสร้าง
หน้ีสินของบริษัทประกันวินาศภัย จะมีรูปแบบท่ีเป็นไปตามประเภทของผลิตภัณฑ์ หรือ
กรมธรรม์ที่บริษัทเสนอต่อผู้เอาประกัน แต่ส่ิงที่ต้องพิจารณาสาหรับบริษัทประกันวินาศภัย
คือ ความต่างของระยะเวลาเมื่อเกิดการเรียกร้องค่าสินไหมกับการจ่ายชดเชยค่าสินไหม
ออกไปจริง โดยเม่ือเกิดเหตุความสูญเสียหรือความเสียหายตามกรมธรรม์ แล้วเกิดการ
เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน บริษัทประกันวินาศภัยจะต้องทาการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน
ให้กับผู้ถือกรมธรรม์ (Actual Payout to the Policyholder) ซ่ึงอาจใช้เวลามากน้อย
แตกต่างกันไปแล้วแต่เหตุการณ์ หรือแล้วแต่ความพร้อมหรือความสมบูรณ์ของเอกสาร ซึ่ง
ประเด็นนี้เป็นประเด็นท่ีได้รับความสนใจเป็นพิเศษของผู้เอาประกัน โดยเฉพาะผู้เอาประกัน
ทเ่ี ปน็ กลุม่ บรษิ ทั ซ่งึ มเี ป็นสดั สว่ นมาก ขณะทบี่ ริษัทประกันชีวติ โดยปกตแิ ล้วจะมลี ูกคา้ หรือผู้
เอาประกันเปน็ รายบุคคล
Deloitte (2020) ได้ให้ความเหน็ เก่ยี วกับการบรหิ ารจดั การสินทรัพย์และหนสี้ ินของ
บริษัทประกันภัยว่า การกาหนดโครงสร้างมาตรฐานเกี่ยวกับสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท
ประกันภัยเป็นเร่ืองยาก เน่ืองจากบริษัทประกันภัยมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ท่ีค่อนข้างซับซ้อน
บทท่ี 7 การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างทางการเงินและการบริหารสินทรพั ย์และหน้สี ิน
231
และเกี่ยวข้องกับปัจจัยอ่ืนๆ ของบริษัทประกันภัยเอง เช่น ประสิทธิภาพในการบริหารของ
บริษัท วัฒนธรรมของบริษัท คุณลักษณะส่วนบุคคลของฝ่ายบริหาร ปรัชญาในการบริหารที่
เกี่ยวกับการบริหารความเส่ียง การบริหารเงินทุน และการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น ปัจจัย
เหล่าน้ี ล้วนมีอิทธิพลในการบริหารจัดการสินทรัพย์และหน้ีสินของบริษัทประกันภัยทั้งสิ้น
นอกจากน้ี จากการสารวจของ Deloitte เก่ียวกับหน่วยงานที่ทาหน้าท่ีในการบริหาร
สินทรัพย์และหน้ีสินของบริษัทประกันภัย โดยส่วนใหญ่พบว่าความรับผิดชอบน้ีอยู่ภายใต้
แผนกลงทุน (Investment Department) มากกว่าแผนกอื่น ซ่ึงในบริษัทท่ัวๆ ไป การ
บริหารจัดการสินทรัพย์และหน้ีสินอยู่ภายใต้คณะกรรมการสินทรัพย์และหนี้สิน (Asset-
Liability Committee : ALCO)
ปัจจัยที่สาคัญที่ถูกนามาพิจารณาในการตัดสินใจ เช่น กลยุทธ์ในการลงทุนที่เน้น
ผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม (Specific Product-Based Investment Strategies) กลยุทธ์การ
รกั ษาระดบั ความเสีย่ งโลก (Global Risk Limits) กลยทุ ธ์การเลอื กสินทรพั ย์เฉพาะ (Specific
Asset Selection) ซึ่งการตดั สนิ ใจเหลา่ นีเ้ ป็นความรับผิดขอบในการตัดสินใจรว่ มกันระหว่าง
แผนกลงทุน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Management) นักคณิตศาสตร์ประกันภัย
(Actuarial) ท้ังน้ีอาจเป็นการตัดสินใจโดยผ่านคณะกรรมการท่ีจัดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ และ
บ่อยครั้งท่ีแผนกการเงินหน่วยธุรกิจ (Business Unit Finance Department) มักจะเข้ามา
เก่ียวข้องเพอ่ื การตดั สนิ ใจในการลงทุน (Deloitte, 2020)
การไม่สอดคล้อง (Mismatch) เป็นประเด็นท่ีได้รับการพิจารณาและให้ความสนใจ
มาก โดยเฉพาะในธุรกิจการเงิน ท่ีมักจะเก่ียวข้องกับการสอดคล้องสินทรัพย์และหน้ีสิน เช่น
ธุรกิจธนาคาร บริษัทประกันภัย และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ทั้งน้ีแนวคิดพ้ืนฐานเกี่ยวกับ
การสอดคล้องสินทรัพย์และหน้ีสิน เกิดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าสินทรัพย์บางรายการของกิจการ
สามารถพร้อมใช้งาน หรือมีสภาพคล่องท่ีเหมาะสม ทั้งยังสร้างความเติบโตให้กับกิจการ
สอดคล้องกับหนี้สินบางประเภทของกิจการ โดยเฉพาะบริษัทประกันภัย เป็นธุรกิจที่ต้องมี
การบริหารสินทรัพย์และหน้ีสิน ผู้บริหารกิจการต้องมีความสามารถในการหลีกเลี่ยงปัญหา
ของการไม่ตรงกันหรือความไม่พร้อมในการนาสินทรัพย์ที่มีมาจ่ายชาระหนี้สินท่ีถึงกาหนด
บริษัทประกันภัยโดยเฉพาะประกันวินาศภัย ต้องมีการบริหารสินทรัพย์และหน้ีสินอย่างมี
ประสิทธิภาพ จากการท่ีบริษัทเสนอกรมธรรม์ต่อผู้เอาประกัน เช่น ประกันอุบัติเหตุ และมี
รายได้จากค่าเบ้ียประกันภัยรับ และมีภาระผูกพันท่ีจะต้องชาระให้แก่ผู้เอาประกันหากเกิด
เหตคุ วามสูญเสยี หรือเสียหายข้ึนในอนาคต ในกรณเี ช่นนี้ บรษิ ทั ประกนั ภัยมีความจาเป็นต้อง
บริหารสนิ ทรัพย์ของตนใหม้ ีประสิทธิภาพ โดยจะตอ้ งบริหารการเงนิ ใหส้ ามารถนาเงินท่ีได้รับ
มาไปออกดอกผล (เช่น นาไปลงทุนในตราสารทุน ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เป็นต้น) และ
จะต้องสามารถบริหารการเงินใหส้ ามารถจ่ายคา่ สินไหมทดแทนให้กับผเู้ อาประกันภยั ได้ทันที
เม่อื ไดร้ ับการร้องขอ ซง่ึ เป็นเหตุการณ์ปกติทีส่ ามารถเกิดขน้ึ ไดใ้ นอนาคต
บทท่ี 7 การวเิ คราะห์โครงสร้างทางการเงนิ และการบริหารสินทรพั ยแ์ ละหนีส้ นิ
232
ความเส่ียงท่ีเก่ียวข้องกับการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน สามารถแบ่งออกเป็น 3
ประเภทความเสยี่ ง
1. ความเสี่ยงจากการไม่สอดคล้องด้านอัตราดอกเบ้ีย (Interest Rate Mismatch
Risk) หมายถึง การที่กิจการมีอัตราดอกเบี้ยท่ีเป็นค่าใช้จ่ายในรายการหนี้สิน ท่ีไม่สอดคล้อง
กับอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนท่ีเป็นรายได้ในรายการสินทรัพย์ การไม่สอดคล้อง หรือ
Mismatch น้ี ทาให้กิจการเกิดความเส่ียงจากการมีรายได้และค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระผูกพัน
ของกิจการไม่สมดุลกัน ทาให้เกิดความเส่ียง หากเกิดความผันผวนของอัตราดอกเบ้ียอาจทา
ใหก้ จิ การมภี าระค่าใช้จ่ายดอกเบ้ียทเ่ี พมิ่ สูงข้นึ ในขณะที่รายได้จากดอกเบ้ยี ลดลง (ดงู านวจิ ัย
เพ่ิมเติม เชน่ Feldman, 2018; Liu, Chang & Shiu, 2020; Okuda & Aiba, 2018)
2. ความเสี่ยงจากการไม่สอดคล้องด้านสภาพคล่อง (Liquidity Mismatch Risk)
หมายถึง ความเสี่ยงของกิจการที่เกิดจากสภาพคล่องท่ีไม่สอดคล้องกัน โดยประเด็นใหญ่ใน
เรื่องสภาพคล่อง เกี่ยวกับอายุครบกาหนด (Maturity) ของหนี้สินและสินทรัพย์ท่ีไม่
สอดคล้องกัน (Mismatch) ในด้านอายุการครบกาหนด ทาให้กิจการอาจเกิดความเส่ียงหรือ
ปัญหาด้านสภาพคลอ่ งได้ในอนาคต เช่น การมีหนี้สินท่ีมีอายุการครบกาหนดสนั้ เช่น หนี้สิน
ระยะส้ัน หรือหุ้นกู้ท่ีออกโดยกิจการท่ีมีอายุสั้นหรือปานกลาง เมื่อเวลาผ่านไป อายุของ
หน้ีสินที่จะครบกาหนดภายใน 1 ปี มีจานวนมากขึ้น และไม่สอดคล้องกับสภาพคล่องด้าน
สินทรัพย์ของกิจการ ในกรณีท่ีกิจการนาเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารต่างๆ หาก
นาไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารท่ีมีอายุยาว หรอื ลงทุนในตลาดที่ไม่ใช่ตลาดซ้ือง่ายขาย
คล่อง จะทาให้กิจการเกิดปัญหาสภาพคล่องได้ เน่ืองจากมีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอ
ตอ่ ภาระหน้ีสนิ ที่ต้องชาระ ดงั นน้ั ฝา่ ยบรหิ ารของกิจการจะต้องทาการบริหารสภาพคล่องทั้ง
ในมูลค่าการลงทุน และอายุของการลงทุน ให้สอดคล้องและสมดุลกับภาระหนี้สิน ท้ังมูลค่า
และอายุของหนีส้ ิน โดยให้ประโยชน์ตอบแทนกลับมาที่กจิ การอย่างสูงสุด (ดูงานวจิ ัยเพิ่มเติม
Bai, Krishnamurthy & Weymuller, 2018; Marozva, 2017; Olalekan, 2018)
3. ความเส่ียงจากการไม่สอดคล้องด้านสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency
Mismatch Risk) หมายถึงความเส่ียงของกิจการท่ีเกิดจากการไม่สอดคล้องกันในด้านสกุล
เงินตราต่างประเทศ โดยกิจการที่มีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ มีภาระหน้ีสินท่ีเกิดข้ึนใน
การชาระในมูลค่าท่ีอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน การ
ลงทุนหรือรายการทางสินทรัพย์ของกิจการ มีปัญหาไม่สอดคล้องในกลุลเงินตราต่างประเทศ
โดยอาจมีสัดส่วนสกุลเงินตราต่างประเทศที่ต่างประเภทสกุล ท้ังจานวนที่ต่างกัน ในกรณี
เชน่ น้ี หากอตั ราแลกเปลย่ี นสกลุ เงินตราต่างประเทศมคี วามผันผวน จะทาใหก้ จิ การเกิดความ
เส่ียงในความไม่แน่นอนน้ีได้ (ดูงานวิจัยเพิ่มเติม Avdjiev, Bruno, Koch & Shin, 2019;
Jiang, Krishnamurthy & Lustig, 2020; Maggiori, Neiman & Schreger, 2020)
บทท่ี 7 การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างทางการเงนิ และการบรหิ ารสินทรัพย์และหนส้ี ิน
233
ในการบริหารสินทรพั ยแ์ ละหนี้สนิ หัวใจสาคัญคอื การปกปอ้ ง (Safeguard) สว่ นตา่ ง
อัตราดอกเบี้ย ส่วนต่างสกุลเงินตราต่างประเทศ ส่วนต่างการครบกาหนดของตราสารหรือ
เงินลงทุน และพยายามสร้างกาไรให้กิจการทั้งในระยะส้ันและระยะยาว โดยจะต้องคานึงถึง
ผลประโยชน์สูงสุดของกิจการ ดังน้ัน นโยบายในการบริหารจัดการสินทรพั ย์และหนี้สนิ และ
คุณค่าของส่วนของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเก่ียวข้องอื่น จึงมีความเก่ียวข้องกันอย่างมาก การ
ตัดสินใจในการบริหารความเส่ียงนี้มีผลอย่างมากกบั การเตบิ โตของธรุ กจิ ต่อไปนเี้ ป็นตัวอย่าง
ของการไม่สอดคล้องทมี่ ักพบในธรุ กจิ ประกนั ภยั
จากตารางที่ 7.10 เป็นการแสดงการไม่สอดคล้องดา้ นอายคุ รบกาหนดของสินทรัพย์
และหนี้สนิ โดยแสดงการครบกาหนดเปน็ ชว่ งระยะเวลา ภายใน 30 วัน มากกว่า 30 วนั – 2
เดือน และช่วงที่ยาวสุดคือ ครบกาหนดชาระมากกว่า 10 ปี โดยในแต่ละช่วงเวลาท่ีครบ
กาหนด รายการสินทรัพย์และหน้ีสิน ได้ถูกจัดวางในตาแหน่งของการครบกาหนดของแต่ละ
รายการตามช่วงเวลาคงเหลือท่ีจะครบกาหนด ณ วันท่ีจัดทารายการ การพิจารณาการไม่
สอดคล้องสามารถพิจารณาจากคอลัมน์ในแนวต้ังของแต่ละช่วงเวลา เช่น ในช่วงเวลาครบ
กาหนดภายใน 30 วัน พบว่า กิจการมีหนี้สินที่จะครบกาหนดจานวน 26,700 ล้านบาท
ขณะที่กิจการมีสินทรัพย์ที่จะครบกาหนดที่สามารถได้รับหรือเปล่ียนเป็นเงินสดได้ภายใน 30
วัน จานวน 110,300 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาภายใน 30 วันนี้ กิจการไม่มีปัญหาในเร่ือง
สภาพคล่อง กล่าวคือ กิจการมีเงินสดสามารถจ่ายชาระหนี้สินได้ และเม่ือพิจารณาใน
ช่วงเวลาอื่นประกอบ พบว่า ช่วงเวลาที่กิจการอาจมีปัญหาสภาพคล่องได้คือช่วงเวลา 3 – 6
เดือน ข้างหน้า ช่วงเวลา 3 - 5 ปี และช่วงเวลาที่มากกว่า 7 ปี ข้ึนไป ซึ่งจะพบว่ากิจการมี
สินทรัพย์ไม่เพียงพอต่อภาระหน้ีสินท่ีต้องชาระ และนอกจากนี้ควรพิจารณาความเส่ียงจาก
สกุลเงินตราต่างประเทศ ซ่ึงกิจการมีหน้ีสินที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ ในขณะท่ีรายการ
ฝั่งสินทรัพย์ไม่มีรายการใดที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ ในสถานการณ์ปกติท่ีอัตรา
แลกเปล่ียนไม่มีความผันผวน กิจการอาจสามารถบริหารจัดการหน้ีสินสกุลเงินตรา
ต่างประเทศได้ แต่หากค่าเงินบาทอ่อนตัว กิจการต้องจ่ายชาระหน้ีสกุลเงินตราต่างประเทศ
มากขึ้น และอาจมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ จึงต้องมีการบริหารการสอดคล้องสกลุ
เงิน และไม่ให้เกิดการกระจุกตัวของสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งเป็นพิเศษ นอกจากนี้ จะพบว่า
อัตราดอกเบ้ียของรายการสินทรัพย์และหน้ีสินมีความแตกต่างกันในระดับหนึ่ง ฝ่ายบริหาร
ของกิจการจึงควรมีการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้เกิดการ สอดคล้องทั้งในด้านอัตรา
ดอกเบ้ียและระยะเวลาครบกาหนดอย่างสมดุล เพ่ือลดความเสี่ยงท่ีอาจจะเกิดขึ้นและสร้าง
รายไดใ้ ห้กบั กิจการสงู สดุ
บทท่ี 7 การวิเคราะห์โครงสร้างทางการเงินและการบรหิ ารสินทรัพย์และหน้ีสิน
234
ตารางที่ 7.10 การไมส่ อดคล้องดา้ นอายคุ รบกาหนดของสินทรัพย์และหนี้สนิ
รายการ อตั ราดอกเบ้ีย ครบกาหนดดภายใน รวม
% < 30 วนั > 1 - 2 เดอื น > 2 - 3 เดอื น > 3 - 6 เดอื น > 6 - 12 เดอื น > 1 - 3 ปี > 3 - 5 ปี > 5 - 7 ปี > 7 - 10 ปี > 10 ปี
หน้สิ ิน 31,500
คา่ สนิ ไหมทดแทนคา้ งจ่าย - 10,500 15,000 2,500 1,500 2,000 - - --- 149,000
เงินกู้ยมื จากธนาคาร 3.00 15,000 45,000 126,000
หุ้นกู้ 5.50 5,000 10,000 12,000 5,000 10,000 25,000 18,000 4,000
หน้ีสนิ อ่ืน 5.00 - - 4,500
หนี้สนิ ที่เป็นสกลุ เงินตราตา่ งประเทศ (แปลงเป็นบาท) 2.50 1,200 2,500 - 24,000 10,000 5,000 87,000 - - - 69,000
รวมหน้สี ิน 380,000
สินทรพั ย์ 0.50 - - 500 300 - - - - - -
เงินฝากประจา และบตั รเงินฝาก - 26,700 62,500 9,200
เบี้ยประกนั ภัยคา้ งรบั 2.50 - 34,000 5,000 15,000 15,000 - - - 145,000
4.50 141,000
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทหลกั ทรพั ย์รัฐบาลและรฐั วสิ าหกจิ - 8,000 69,800 29,000 25,000 112,000 25,000 18,000 4,000 26,800
2.50 35,000
เงินลงทุนในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารหน้ีภาคเอกชน 1.50 2,000 1,500 3,500 1,000 1,200 - - - - - 60,000
เงินลงทุนในหลกั ทรพั ย์ ประเภทตราสารทุน - 55,000 40,000 35,000 10,000 5,000 30,000 68,000
เงินให้กูย้ มื แกพ่ นักงานบริษทั 30,000 4,000 12,000 20,000
เงินให้กยู้ มื แกก่ รรมการบริษทั 25,000 5,000 15,000 5,000 -
สนิ ทรัพยท์ ่ีเป็นสกลุ เงินตราตา่ งประเทศ 15,000 1,300 5,500 5,000 15,000 10,000 485,000
รวมสินทรพั ย์ 35,000 4,000 20,000 - - 105,000
ส่วนต่างระหวา่ งสินทรพั ยแ์ ละหน้ีสิน (สินทรพั ยล์ บหน้สี ิน) 5,000 - 12,000 3,500 5,500
- 25,000 23,000 - 27,000 30,000
- 35,200 2,000 (82,000) -- -
- 80,500 - - 6,200 -
137,000 18,000 91,800 48,000 35,500 - (4,000)
110,300 83,800 (21,800)
10,500 (18,000)
ที่มา: จดั ทาโดยผเู้ ขยี น
บทที่ 7 การวิเคราะหโ์ ครงสร้างทางการเงินและการบรหิ ารสนิ ทรพั ยแ์ ละหน้ีสนิ
235
จากภาพท่ี 7.2 ทแ่ี สดงการสอดคลอ้ งสกุลเงินและอายุครบกาหนดของสนิ ทรัพย์และ
หนี้สิน ภาพด้านซ้ายมือแสดงถึงการไมส่ อดคล้อง โดยที่สนิ ทรัพย์ทเี่ ปน็ เงินสกุลสหรัฐอเมริกา
มีสัดส่วนที่น้อยกว่าหนี้สินท่ีเป็นเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ทาให้กิจการเกิดความเสี่ยงจากอัตรา
แลกเปล่ียนได้ ในขณะที่ภาพที่ 7.2 ด้านขวามือ แสดงถึงสัดส่วนของสินทรัพย์ที่พยายามจะ
สอดคล้องกับรายการทางด้านหน้ีสิน โดยสินทรัพย์ท่ีเป็นเงินสกุลสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนท่ี
ใกล้เคียงกับหนี้สินที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ ท้ังยังเป็นหนี้สินระยะสั้นอีกด้วย สัดส่วนที่
สอดคล้องเช่นน้ี จะทาให้กิจการไม่มีปัญหาในด้านสภาพคล่องและด้านอัตราแลกเปล่ียนมาก
นัก และนอกจากนั้น จะพบว่า สินทรัพย์ที่เป็นสินทรัพย์ระยะยาว มีสัดส่วนที่มากกว่าหน้ีสิน
ระยะยาว น่ันก็หมายความว่า กิจการมีความเป็นไปได้ท่ีจะบริหารจัดการสินทรัพย์เพื่อจ่าย
ชาระหนี้สินระยะยาวได้ เป็นการสอดคล้องท้ังสกุลเงินและระยะเวลาในการครบกาหนดท่ี
สอดคล้องกันระหว่างสนิ ทรัพยแ์ ละหนี้สิน (ดภู าพที่ 7.2)
ภาพที่ 7.2 การสอดคลอ้ งของสกุลเงนิ และอายุครบกาหนดของสนิ ทรัพย์และหน้ีสนิ ท่ีเหมาะสม
ภาพเรยี บเรียงโดยผู้เขยี น
อัตราส่วนทางการเงินที่นาเสนอเพ่ือการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท
ประกนั วินาศภยั มีจานวน 4 อตั ราสว่ น ซ่งึ สามารถสรปุ วธิ กี ารคานวณอัตราสว่ นได้ดังต่อไปนี้
บทที่ 7 การวเิ คราะห์โครงสร้างทางการเงินและการบรหิ ารสินทรพั ยแ์ ละหน้ีสิน
236
ตารางท่ี 7.11 สรปุ อัตราสว่ นทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์การบรหิ ารสนิ ทรพั ยแ์ ละหน้ีสนิ
อตั ราส่วน การคานวณ
อตั ราสว่ นหน้สี ินต่อสินทรพั ยร์ วม (%) = หนีส้ ินรวม / สนิ ทรัพย์ x 100
อตั ราสว่ นหน้สี นิ ต่อสว่ นของผู้ถอื หนุ้ (เท่า) = หนีส้ นิ รวม / สว่ นของผถู้ ือห้นุ
อัตราส่วนสนิ ทรพั ยท์ ี่ได้รบั การประเมิน = ราคาประเมนิ สินทรพั ย์ / ราคาตาม
ราคาต่อสนิ ทรัพย์ (%) บัญชสี ินทรัพย์ x 100
อัตราส่วนผลการประเมินราคาเบี้ย = เบีย้ ประกันภัยค้างรบั (ราคาประเมนิ ) /
ประกันภัยค้างรับ (%) เบย้ี ประกนั ภัยคา้ งรบั รวม x 100
7.5 ตัวอยา่ งการวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งทางการเงนิ และการบริหารสินทรัพย์
ตอ่ ไปนีเ้ ปน็ ขอ้ มูลทางการเงินของ บริษัท ประกันภยั คุม้ ครองไทย จากัด (มหาชน) ปี
พ.ศ. 25X4 และ พ.ศ. 25X3
ตารางที่ 7.12 ข้อมูลทางการเงินของ บริษทั ประกันภยั คุ้มครองไทย จากดั (มหาชน)
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x4 25x3
สินทรพั ย์ 3,000 2,000
เงนิ สดและรายการเทยี บเท่าเงนิ สด 10,000 12,000
เบี้ยประกันภัยคา้ งรับ
สนิ ทรพั ยล์ งทนุ 5,000 4,000
เงินลงทุนในหลกั ทรัพย์ ประเภทหลกั ทรัพย์ 2,000 3,500
รฐั บาลและรฐั วิสาหกจิ 2,500 3,000
เงินลงทุนในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารหนี้
ภาคเงเินอลกงชทนนุ ในหลักทรัพย์ ประเภทตราสารทนุ 500 600
เงินใหก้ ู้ยืมแก่พนกั งานบรษิ ทั 1,500 2,000
เงนิ ใหก้ ูย้ มื แก่กรรมการบริษทั 5,000 5,000
อสงั หาริมทรัพยเ์ พ่ือการลงทุน ประเภทท่ดี ิน 10,000 10,000
ทีด่ ิน อาคาร อุปกรณ์
ค่าความนยิ ม 40 570
บทที่ 7 การวิเคราะห์โครงสร้างทางการเงินและการบรหิ ารสนิ ทรัพย์และหน้ีสนิ
237
รายการ 25x4 25x3
สนิ ทรพั ยไ์ มม่ ตี ัวตน 360 80
รวมสนิ ทรพั ย์ทัง้ สิ้น 39,900 42,750
หน้สี นิ 7,500 8,000
สารองเบย้ี ประกนั ภยั ที่ยังไมถ่ ือเป็นรายได้ 2,500 2,000
สารองค่าสินไหมทดแทน 9,000 14,500
คา่ สินไหมทดแทนค้างจ่ายจากการรับประกนั ภัย 5,000 1,000
หโดนยีส้ ตินรองืน่ 24,000 25,500
รวมหนส้ี ิน
ส่วนของเจ้าของ 14,000 14,000
เงินทุนชาระแลว้ จากการออกหุน้ สามัญ 250 250
ส่วนเกนิ มูลค่าหุน้
กาไรสะสม 1,400 2,650
สารองอนื่ ในส่วนของผถู้ ือหุ้น 250 350
รวมส่วนของเจ้าของ
รวมหน้ีสินและส่วนของเจา้ ของ 15,900 17,250
39,900 42,750
ราคาประเมินของสนิ ทรัพยแ์ ละหนีส้ ินบางสว่ นของบรษิ ัท ประกันภยั คุม้ ครองไทย
จากัด (มหาชน) แสดงตามตารางต่อไปนี้
บทท่ี 7 การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างทางการเงนิ และการบริหารสินทรพั ยแ์ ละหน้ีสิน
238
ตารางท่ี 7.13 ข้อมูลราคาประเมนิ สนิ ทรัพย์และหนสี้ ินบางสว่ น
หนว่ ย: ลา้ นบาท
รายการ ราคาประเมนิ
25x4 25x3
สนิ ทรพั ย์
เบีย้ ประกันภัยค้างรบั 8,500 9,000
สนิ ทรัพยล์ งทนุ :
5,000 4,000
เงินลงทุนในหลกั ทรัพย์ ประเภทหลักทรัพย์
รฐั บาลและรฐั วิสาหกิจ 1,800 3,200
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารหนี้ 3,500 4,000
ภาคเงเินอลกงชทนนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารทนุ
เงนิ ให้กยู้ มื แก่พนกั งานบรษิ ัท 500 600
เงินให้กู้ยืมแกก่ รรมการบริษทั 1,500 2,000
อสังหารมิ ทรัพยเ์ พือ่ การลงทุน ประเภททด่ี นิ 7,000 8,000
ทดี่ ิน อาคาร อุปกรณ์ 20,000 15,000
ค่าความนยิ ม
สินทรัพย์ไม่มีตวั ตน 40 570
450 120
รวมราคาประเมนิ ของสินทรัพย์ 48,290 46,490
หนส้ี ิน 7,500 8,000
สารองเบย้ี ประกันภัยทยี่ งั ไมถ่ ือเปน็ รายได้ 2,500 2,000
สารองคา่ สินไหมทดแทน 9,000 14,500
ค่าสนิ ไหมทดแทนคา้ งจา่ ยจากการรบั ประกันภัย 19,000 24,500
โดยตรง รวมราคาประเมินของหน้สี ิน
ต่อไปนี้เป็นการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน จานวนท้ังสิ้น 4 อัตราส่วน ของ
บริษัท ประกนั ภัยคมุ้ ครองไทย จากดั (มหาชน) โดยเริม่ จากอัตราส่วนหนี้สินตอ่ สินทรพั ย์รวม
อัตราสว่ นหน้ีสินต่อส่วนของผู้ถือหุน้ อตั ราสว่ นสินทรัพย์ท่ีได้รับการประเมินต่อสินทรัพย์รวม
และอัตราส่วนการประเมินราคาเบ้ียประกันภัยค้างรับ มีรายละเอียดการคานวณและการ
แปลผล ดงั นี้
บทที่ 7 การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างทางการเงินและการบริหารสินทรัพยแ์ ละหน้ีสิน
239
ตารางที่ 7.14 ตัวอย่างการวิเคราะห์อตั ราสว่ นหนสี้ นิ ตอ่ สนิ ทรัพยร์ วม (Debt ratio)
หนว่ ย: ลา้ นบาท
รายการ 25x4 25x3
รวมหนี้สิน 24,000 25,500
รวมสนิ ทรัพย์ท้งั สิ้น 39,900 42,750
วธิ กี ารคานวณ 24,000 / 39,900 25,500 /
อตั ราส่วนหนี้สินตอ่ สนิ ทรพั ยร์ วม (%) x 100 42,750 x 100
60.15 59.65
บริษัท ประกันภัยคุ้มครองไทย จากัด (มหาชน) มีอัตราส่วนหน้ีสินต่อสินทรัพย์รวม
ในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกันในปี พ.ศ. 25x4 และ พ.ศ. 25x3 คือร้อยละ 60.15 และ 59.65
ตามลาดับ ซ่ึงอัตราส่วนน้ี ใกล้เคียงกับอัตราส่วนมาตรฐาน คือ ท่ีร้อยละ 60.00 จึงถือว่ายัง
อยู่ในระดบั ท่ียอมรบั ได้ แตบ่ ริษทั ควรให้การพิจารณาเพ่ิมขึ้น เนื่องจากอตั ราสว่ นหนส้ี นิ น้ีเร่ิม
มีอตั ราทีส่ ูงกว่าที่มาตรฐานกาหนด
ตารางที่ 7.15 ตัวอย่างการวิเคราะห์อตั ราส่วนหนี้สนิ ตอ่ สว่ นของผถู้ ือหุ้น (D/E ratio)
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x4 25x3
รวมหน้สี ิน 24,000 24,500
รวมสว่ นของเจา้ ของ
วธิ ีการคานวณ 15,800 20,750
อตั ราสว่ นหนีส้ ินตอ่ สว่ นของผู้ถอื หุ้น (เท่า)
24,000/15,800 24,500/20,750
1.52 1.18
อัตราส่วนหน้ีสินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของ บริษัท ประกันภัยคุ้มครองไทย จากัด
(มหาชน) ปี พ.ศ. 25x4 อยู่ท่ี 1.52 เท่า ในขณะที่ในปี พ.ศ. 25x3 มีอยู่ท่ี 1.18 เท่า แสดงให้
เห็นว่าบริษทั มีสัดสว่ นของหนี้สินตอ่ ส่วนของผู้ถือหนุ้ ท่ีเพิ่มข้ึน ความเสี่ยงในการชาระหนี้ของ
กิจการเพิ่มข้ึนจากปี พ.ศ. 25x3 แต่อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหน้ีสินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังต่า
กว่า 2.00 เท่า จงึ ยงั อยู่ในระดับท่ดี ีและยอมรบั ได้
บทที่ 7 การวิเคราะหโ์ ครงสร้างทางการเงินและการบรหิ ารสนิ ทรพั ยแ์ ละหน้ีสนิ
240
ตารางท่ี 7.16 ตัวอยา่ งการวเิ คราะห์อตั ราส่วนสินทรัพย์ท่ีได้รับการประเมินราคาต่อสนิ ทรัพย์
รวม
หนว่ ย: ล้านบาท
รายการ 25x4 25x3
ราคาประเมนิ สินทรพั ย์ 48,290 46,490
ราคาตามบัญชสี นิ ทรัพย์ 39,900 42,750
48,290 /
วธิ ีการคานวณ 39,900 x 100 46,490 / 42,750 x
100
อตั ราสว่ นสินทรพั ยท์ ่ีไดร้ บั การประเมนิ 121.03
ราคาตอ่ สนิ ทรัพยร์ วม (%) 108.75
ในปี 25x4 บริษัท ประกันภัยคุ้มครองไทย จากัด (มหาชน) มีสินทรัพย์ท่ีเป็นราคา
ประเมินท่ีเพิ่มสูงขึ้นจากราคาตามบัญชี โดยสินทรัพย์ราคาประเมินคิดเป็นร้อยละ 121.03
ของสินทรัพย์ราคาตามบัญชี ซ่ึงสูงขึ้นจากปี พ.ศ. 25x3 ท่ีมีสินทรัพย์ราคาประเมินเพียงร้อย
ละ 108.75 ของสินทรัพย์ราคาตามบัญชี ซ่ึงทั้งสองปีมีอัตราส่วนที่สูงกว่าอัตรามาตรฐานท่ี
แนะนาทีร่ อ้ ยละ 90.00 จึงถอื ว่าบรษิ ัทมีการบริหารสินทรพั ย์ทีส่ งู กว่ามาตรฐาน
ตารางที่ 7.17 ตวั อย่างการวเิ คราะห์อตั ราส่วนผลการประเมนิ ราคาเบยี้ ประกันภยั ค้างรบั
รายการ 25x4 25x3
(ลา้ นบาท) (ล้านบาท)
ราคาประเมนิ เบ้ียประกันภัยค้างรบั
ราคาตามบัญชเี บย้ี ประกนั ภยั ค้างรับ 8,500 9,000
10,000 12,000
วิธกี ารคานวณ 8,500 / 10,000 x 9,000 / 12,000 x
อัตราสว่ นราคาประเมนิ เบย้ี ประกนั ภัยค้าง 100 100
รับตอ่ เบ้ยี ประกันภยั ตามบัญชี (%)
85.00 75.00
ราคาประเมินเบี้ยประกันภัยค้างรับควรมีราคามากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 80.00
ของเบ้ียประกันภัยตามบัญชี ซ่ึงเป็นอัตราส่วนที่กาหนดเป็นมาตรฐาน ซ่ึงในปี พ.ศ. 25x3
บริษัท ประกันภัยคุ้มครองไทย จากัด (มหาชน) มีอัตราส่วนราคาประเมินเบยี้ ประกันภัยคา้ ง
รับอยู่ที่ร้อยละ 75.00 ของราคาเบี้ยประกันภยั ค้างรับตามบัญชี ซ่ึงต่ากว่ามาตรฐานเลก็ น้อย
และบริษัทได้พยายามบริหารสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทาให้ราคาประเมินของ
เบย้ี ประกนั ภยั คา้ งรบั เพ่มิ สงู ขน้ึ อย่ทู ่รี ้อยละ 85.00 ของราคาตามบัญชใี นปี พ.ศ. 25x4
บทท่ี 7 การวิเคราะห์โครงสร้างทางการเงนิ และการบริหารสนิ ทรัพย์และหน้ีสนิ
241
7.6 สรุป
บริษัทประกันวินาศภัยเป็นบริษัทในหมวดการเงินที่ถือว่ามีความสาคัญต่อระบบ
การเงินของประเทศ และเป็นกลไกท่ีสาคัญในการสร้างความยั่งยืนทางการเงินให้กับภาค
ธุรกิจ ภาคประชาชน ของประเทศ ประเทศที่ภาคธุรกิจและภาคประชาชนมีความม่ันคง
ยั่งยืน จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ บริษัทประกันวินาศ
ภัยและรวมถึงบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินอ่ืนๆ ต่างมีความจาเป็นต้องมีการบริหารสินทรัพย์
และหนส้ี นิ ของธรุ กิจตนอยา่ งเหมาะสม เพ่ือประโยชน์สูงสุดของธรุ กิจ การวิเคราะหโ์ ครงสร้าง
ทางการเงิน โครงสร้างเงินทุน และอัตราส่วนทางการเงินที่เก่ียวข้อง ล้วนมีผลให้บริษัท
ตระหนักถึงโครงสร้างท่ีเหมาะสมและอาจเป็นสัญญาณการเตือนภัยล่วงหน้า (Early
Warning Signs) ให้กับบริษัทได้ หากอัตราส่วนใดเกินกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น ในบทนี้ได้
อธิบายเกี่ยวกับความแตกต่างของโครงสร้างการเงิน (Financial Structure) และโครงสร้าง
เงินทุน (Capital Structure) และนาเสนออัตราส่วนที่ใช้วิเคราะห์โครงสร้างทางการเงินของ
บริษัท โดยใช้ตัวอย่างของบริษัท ประกันภัย ARAYA จากัด (มหาชน) เป็นตัวอย่างในการ
คานวณ ในบทน้ี ยังได้อธิบายถึงวิธีการประเมินราคาสินทรัพย์และหน้ีสินของบริษัท
ประกนั ภยั ซึ่งเปน็ วิธกี ารประเมนิ ตามประกาศคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบ
ธรุ กิจประกันภยั เรือ่ ง การประเมินราคาทรัพยส์ ินและหน้สี นิ ของบริษัทประกนั วินาศภัย พ.ศ.
2554 รวมท้ังท่ีมีการแก้ไขเพ่ิมเติม โดยสินทรัพย์และหนี้สินต้องได้รับการประเมินจากบรษิ ทั
ประเมินค่าทรัพย์สิน ที่อยู่ในบัญชีรายช่ือที่ได้รับความเห็นขอบจากสานักงานคณะกรรมการ
กากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซ่ึงการประเมินราคาทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัท
จะต้องเปน็ ไปตามหลักการดารงเงินกองทุนตามระดับความเสย่ี ง (Risk Based Capital) การ
บริหารสินทรัพย์และหน้ีสิน (Asset-Liability Management - ALM) ถือเป็นหัวใจสาคัญใน
การดาเนนิ ธรุ กิจ เน่อื งดว้ ยกจิ การต้องเผชิญกบั ความเส่ียงในหลายๆ ดา้ น ไม่วา่ ป็นความเสี่ยง
ในด้านสภาพคล่อง หากอายุครบกาหนดของรายการฝ่ังสินทรัพย์และหนี้สินไม่สอดคล้อง
(Mismatch) ก็จะเกิดปัญหาด้านสภาพคล่องได้ อีกท้ังยังเป็นความเสี่ยงในเรื่องของอัตรา
ดอกเบ้ีย (Interest Rate Risk) ท้ังในส่วนของดอกเบี้ยรับจากการลงทุนในหลักทรัพย์หรือ
การให้กยู้ มื และดอกเบีย้ จ่ายในสว่ นของหนี้สนิ ระยะยาว เชน่ การออกตราสารหนี้ของบริษัท
การกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนภายนอก นอกจากน้ี ในบทนี้ยังได้กล่าวถึงการไม่สอดคล้องใน
เรื่องสกุลเงินตราต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นความเส่ียงด้านสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign
Currency Risk) หรืออตั ราแลกเปลยี่ น (Exchange Rate Risk)
บทท่ี 7 การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างทางการเงนิ และการบริหารสินทรพั ยแ์ ละหน้ีสนิ
242
7.7 แบบฝึกหัดทา้ ยบท
1. อธิบายความแตกต่างระหว่างโครงสร้างทางการเงิน (Financial Structure) กับ
โครงสร้างเงินทนุ (Capital Structure)
2. คากล่าวท่ีว่า บริษัทควรกาหนดสัดส่วนหนี้สินประเภทการกู้ยืม และส่วนของผู้ถือหุ้น
เพอ่ื โครงสร้างทางการเงินทด่ี ีท่สี ุด หมายความว่าอย่างไร อธิบายพอสงั เขป
3. การเพิ่มสัดส่วนของหนี้สินที่มากข้ึน โดยเฉพาะประเภทการกู้ยืมระยะยาว มีผลอย่างไร
ตอ่ กิจการ
4. การเพ่ิมสดั สว่ นของผู้ถือหนุ้ ให้มากขึ้น โดยการออกหุ้นเพ่มิ ทุน มผี ลอย่างไรต่อกิจการ
5. อธบิ ายความเชอื่ มโยงระหว่างการกู้ยมื เงินระยะยาว กบั กาไรของกิจการ
6. อธบิ ายปัจจยั ทีม่ ีอิทธิพลตอ่ โครงสรา้ งทางการเงินของกิจการ
7. การท่ีกิจการมีหนี้สินท่ีเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลอย่างไรต่ออัตราส่วนหน้ีสินต่อสินทรัพย์รวม
(Debt Ratio) และอตั ราส่วนหนส้ี ินต่อสว่ นของผูถ้ อื หนุ้ (D/E Ratio)
8. บริษัทประกันภัย 2 แหง่ แห่งทหี่ นงึ่ มอี ัตราส่วนหนส้ี นิ ต่อสินทรัพย์รวมร้อยละ 60 แห่ง
ทส่ี องมีอัตราส่วนหน้สี ินต่อสินทรัพย์รวมร้อยละ 80 % ท่านคิดว่าบริษัทใด มีโครงสร้าง
ทางการเงนิ ท่ดี ีกวา่ กนั ใหอ้ ธิบายพอสงั เขป
9. บรษิ ทั ประกันภัยแห่งหนึง่ มอี ัตราสว่ นหน้ีสินตอ่ ผ้ถู ือหุ้น 2.00 เทา่ หมายความว่าอยา่ งไร
10. เปรียบเทยี บบริษัทประกันภยั สองแห่ง แห่งท่ี 1 มีอัตราสว่ นหนี้สินต่อผถู้ อื หุ้น 1.50 เท่า
ขณะท่ีอีกบริษัทหนึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น 3.00 เท่า ท่านคิดว่าบริษัทใด มี
ความเสีย่ งทางการเงินมากกวา่ กนั เพราะเหตุใด ให้อธบิ ายพอสงั เขป
11. เพราะเหตุใด จึงตอ้ งมกี ารประเมนิ ราคาของสินทรัพย์
12. เพราะหตุใด สินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภทจึงได้รับการประเมินราคาด้วยวิธีที่แตกต่าง
กัน ใหย้ กตัวอย่างสินทรัพย์ลงทุนและวธิ กี ารประเมินราคา
13. สลากออมทรัพย์ควรใช้วิธีการประเมินราคาด้วยวิธีใด และเพราะเหตุใดจึงไม่นาเงิน
รางวัลท่อี าจจะได้รับในอนาคตมาพิจารณา
14. ในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภยั มีสินทรัพย์ท่ีได้รับการประเมินราคาน้อยกวา่ สนิ ทรพั ย์
รวมที่ประเมินด้วยราคาตามบัญชี จะมีผลอย่างไรต่ออัตราส่วนสินทรัพย์ที่ได้รับการ
ประเมินราคาต่อสินทรพั ยร์ วม
บทท่ี 7 การวิเคราะหโ์ ครงสร้างทางการเงนิ และการบรหิ ารสินทรพั ยแ์ ละหน้ีสิน
243
15. ในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัย มีสินทรัพย์ท่ีได้รับการประเมินราคาสูงกว่าสินทรัพย์
รวมท่ีประเมนิ ด้วยราคาตามบญั ชี หมายความวา่ อย่างไร และสง่ ผลอย่างไรต่ออัตราสว่ น
สนิ ทรัพย์ทีไ่ ด้รบั การประเมินราคาต่อสนิ ทรพั ยร์ วม
16. เบ้ียประกันภัยค้างรับที่มีจานวนวันที่ค้างรับ 30 วัน กับท่ีมีจานวนวันท่ีค้างรับ 60 วัน
นับแต่วันครบกาหนดชาระตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บเบ้ียประกันภัย มีความเสี่ยง
แตกต่างกันอย่างไร ใหอ้ ธิบายพอสงั เขป
17. เพราะเหตุใด เบ้ียประกันภัยค้างรับจงึ ต้องถูกประเมินได้ไมเ่ ตม็ จานวน หากแต่พจิ ารณา
จากจานวนวันที่ค้างรบั ย่งิ คา้ งรับนานจะยง่ิ ถูกประเมนิ ใหค้ งเหลอื ต่า
18. เพราะเหตุใด เบี้ยประกันภัยค้างรับจากการประกันภัยรถยนต์ ที่มีจานวนวันในการค้าง
รับเกนิ กวา่ 90 วนั ข้ึนไป จงึ ถูกประเมนิ ดอ้ ยค่าเตม็ จานวน
19. กรณีท่ีบริษัทมีเบี้ยประกันภัยค้างรับท่ีมีจานวนวันค้างรับนานๆ เช่น เกินกว่า 90 วัน
เป็นจานวนมาก สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลอย่างไรต่ออัตราส่วนผลการประเมินราคา
เบีย้ ประกนั ภยั คา้ งรบั
20. อ ธิ บ า ย ค ว า ม ส าคั ญ ข อ ง ก า รบ ริห า รสิ นท รั พ ย์แ ล ะ หนี้ สิน (Asset-Liability
Management: ALM)
21. อธิบายความเส่ียงด้านอตั ราดอกเบย้ี (Interest Rate Risk) ในการบริหารสินทรัพย์และ
หนส้ี ิน
22. อธบิ ายความเส่ียงดา้ นสภาพคลอ่ ง (Liquidity Risk) ในการบริหารสินทรัพยแ์ ละหน้สี นิ
23. อธิบายความเสี่ยงด้านสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Risk) ในการ
บริหารสนิ ทรพั ยแ์ ละหนส้ี ิน
24. ความเสียหายใดจะเกิดขึน้ หากกิจการไม่สามารถบรหิ ารสนิ ทรพั ยแ์ ละหนส้ี นิ ไดด้ ี
25. จากข้อมูลของบรษิ ัท ประกนั ภัย ไทยทิพย์ จากัด (มหาชน) ใหท้ าการคานวณอัตราส่วน
ดังต่อไปนี้ พร้อมการอภิปรายผล โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบโครงสร้างทางการเงินและ
การบรหิ ารสนิ ทรพั ย์ ของบรษิ ทั ระหว่างปี พ.ศ. 25x4 และ พ.ศ. 25x3
- อัตราสว่ นหนสี้ นิ ตอ่ สินทรพั ย์รวม (Debt Ratio)
- อตั ราสว่ นหนส้ี ินตอ่ สว่ นของผ้ถู ือหนุ้ (D/E Ratio)
- อตั ราส่วนสนิ ทรัพย์ท่ีไดร้ ับการประเมนิ ราคาต่อสนิ ทรพั ย์รวม
- อตั ราสว่ นผลการประเมนิ ราคาเบ้ยี ประกันภยั ค้างรับ
บทท่ี 7 การวเิ คราะห์โครงสร้างทางการเงินและการบรหิ ารสนิ ทรัพย์และหนส้ี นิ
244
บริษทั ประกนั ภัย ไทยทิพย์ จากัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 25X4 และ พ.ศ. 25X3 มี
ขอ้ มูลงบการเงนิ แสดงดังต่อไปน้ี
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x4 25x3
สนิ ทรพั ย์ 1,200 1,500
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงนิ สด 5,000 6,000
เบย้ี ประกนั ภัยค้างรับ
สนิ ทรพั ย์ลงทุน 2,500 2,300
เงินลงทุนในหลกั ทรัพย์ ประเภทหลกั ทรัพย์ 1,200 2,000
รฐั บาลและรัฐวิสาหกิจ
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารหนี้ 3,000 2,500
ภาคเอกชน 1,200 800
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารทุน 2,000
เงนิ ให้กูย้ มื แก่พนักงานบริษทั 2,000 3,000
เงินให้กู้ยืมแก่กรรมการบริษัท 5,000 3,000
อสงั หารมิ ทรัพยเ์ พือ่ การลงทุน ประเภททีด่ ิน 4,000
ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ 100
ค่าความนิยม 500 120
สินทรพั ย์ไมม่ ีตัวตน 23,700 300
รวมสินทรพั ย์ท้ังสิน้ 25,520
หนี้สนิ 4,500
สารองเบ้ยี ประกันภยั ที่ยงั ไมถ่ ือเปน็ รายได้ 1,500 6,000
สารองค่าสินไหมทดแทน 2,500
ค่าสินไหมทดแทนคา้ งจา่ ยจากการรบั ประกันภัย 4,500
โดยตรง 5,220
หน้ีสนิ อ่นื 1,200
11,700 800
รวมหน้สี นิ 14,520
8,000
สว่ นของเจา้ ของ 200 8,000
เงินทุนชาระแลว้ จากการออกหุ้นสามญั 200
ส่วนเกนิ มูลคา่ หนุ้ 3,700
กาไรสะสม 100 2,600
สารองอ่นื ในสว่ นของผถู้ ือหนุ้ 200
รวมส่วนของเจา้ ของ 12,000
รวมหนส้ี ินและส่วนของเจ้าของ 23,700 11,000
25,520
บทที่ 7 การวิเคราะหโ์ ครงสร้างทางการเงนิ และการบรหิ ารสนิ ทรัพย์และหนส้ี ิน
245
ข้อมูลสินทรัพย์และหน้ีสินบางรายการ ของบริษัท ประกันภัยไทยทิพย์ จากัด
(มหาชน) แสดงในราคาท่ีไดร้ ับการประเมินจากบริษทั ประเมนิ คา่ สนิ ทรัพย์
หน่วย: ล้านบาท
รายการ ราคาประเมนิ
25x4 25x3
เบี้ยประกนั ภยั ค้างรับ
สินทรัพยล์ งทุน 4,500 5,000
เงินลงทุนในหลกั ทรัพย์ ประเภทหลักทรัพย์
รฐั บาลและรัฐวิสาหกจิ 2,500 2,300
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารหนี้
ภาคเอกชน 1,000 2,200
เงนิ ลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารทุน 3,500 3,000
เงนิ ใหก้ ยู้ ืมแก่พนกั งานบริษัท 1,200 800
เงินให้กู้ยืมแกก่ รรมการบริษทั 2,000 3,000
อสังหารมิ ทรัพย์เพ่ือการลงทุน ประเภททีด่ นิ 3,500 2,500
หน้สี นิ 4,500 6,000
1,500 2,500
สารองเบี้ยประกนั ภัยท่ียังไม่ถือเป็นรายได้
4,500 8,000
สารองค่าสนิ ไหมทดแทน 1,200 800
คา่ สนิ ไหมทดแทนคา้ งจา่ ยจากการรับประกนั ภยั
โดยตรง
หน้สี นิ อื่น
บทท่ี 7 การวเิ คราะห์โครงสร้างทางการเงินและการบริหารสินทรพั ยแ์ ละหนี้สิน
08บทที่ 8
การวเิ คราะห์ความสามารถในการทา
กาไรของบรษิ ัทประกนั วนิ าศภยั
Profitability Analysis of Non-Life
Insurance Companies
8.1 บทนา
ความสามารถของฝ่ายบริหารในการดาเนินธุรกิจ สามารถดูได้จากประสิทธิภาพใน
การบริหารจัดการสินทรัพย์และหน้ีสินของกิจการ รวมถึง การสร้างรายได้และควบคุม
ค่าใช้จ่ายในการดาเนินธุรกิจ การก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด การเปล่ียนแปลงต่อ
ความต้องการของผู้บริโภค หรือการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี ด้าน
สาธารณสุข (เช่น กรณีการเกิดโรคระบาดโคโรน่าไวรัสสายพันธใ์ หม่ 2019 เป็นต้น) การก้าว
ทัน และ/หรือ นาหน้าด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเตรียมความพร้อมต่อความเส่ียง
ด้านต่างๆ ท่ีอาจเกิดข้ึนส่งผลต่อการสร้างกาไรของกิจการในท่ีสุด กิจการท่ีฝ่ายบริหาร
สามารถบริหารกิจการได้อย่างดี มีประสิทธิภาพสามารถดูได้จากการเติบโตของกาไรของ
กิจการ ความสามารถในการทากาไรของกิจการจึงเป็นสิ่งท่ีฝ่ายบริหาร ผู้ถือหุ้น นักลงทุน
เจา้ หน้ี ลูกค้า นักวิเคราะห์ นกั วจิ ยั สถาบันการเงนิ และหน่วยงานภาครัฐ ให้ความสนใจเป็น
พิเศษ
สาหรับในธุรกิจประกันภัย ความสามารถในการทากาไร (Profitability) ก็ยิ่งมี
ความสาคญั มากต่อความย่ังยนื ของธรุ กิจ ธุรกิจประกนั ภยั ทั้งการประกนั ชีวติ และการประกัน
วินาศภยั ตา่ งเกีย่ วข้องกับผ้คู นจานวนมาก เน่ืองด้วยลกั ษณะของธรุ กิจท่ีมผี ลติ ภณั ฑ์ที่กระทา
ในลักษณะสัญญาหรือกรมธรรม์ มีผลผูกมัดผู้ทาประกันและบริษัทรับประกันตามกฎหมาย
จานวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีเป็นจานวนมาก และส่วนใหญ่เป็นบุคคลท่ีซ้ือกรมธรรม์ในลักษณะ
ส่วนตัว เช่น การทาประกันชีวิตรายบคุ คล การทาประกันภัยอุบัติเหตุรถยนต์ การทาประกัน
สุขภาพ เป็นต้น แม้ว่าจะมีผู้มีส่วนเก่ียวข้องท่ีเป็นบริษัทผู้ทาประกันภัย เช่น การทาประกัน
อัคคีภัยสาหรับบริษัทหรือกิจการห้างร้าน การทาประกันความต่อเน่ืองของธุรกิจสาหรับ
บริษัทหรือกิจการร้านค้า แต่การทาประกันในส่วนนี้ มีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการ
248
ทาประกนั ภยั ส่วนบคุ คล ความย่ังยนื ซงึ่ พจิ ารณาจากความสามารถในการทากาไรของกิจการ
จึงมผี ลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไรจึงเปน็ อีกนัยหน่ึง
ในการวิเคราะห์ความสามารถของฝา่ ยบรหิ ารของธุรกิจ
อัตราส่วนท่ีใช้ในการวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรที่จะได้อธิบายในบทน้ี
เป็นอัตราส่วนท่ีใช้วิเคราะห์สาหรบั ธุรกิจประกันวินาศภยั ซ่ึงมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตวั
เนื่องด้วยลักษณะในการดาเนินธุรกิจของธุรกิจประกันวินาศภัย มีความแตกต่างจากธุรกิจ
การค้าประเภทอื่น ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าท่ีมีเป็นลักษณะกรมธรรม์ประกันภัย ท่ีผู้เอา
ประกนั ภัยสามารถได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการทาประกันภยั ได้ เม่อื เกดิ เหตุความสูญเสีย
หรือความเสียหายตามสญั ญากรมธรรม์ประกันภัย อีกท้ังเพื่อการบริหารความเสย่ี งของธรุ กจิ
ประกันวินาศภัย บริษัทประกันภัยสามารถทาประกันภัยต่อเพ่ือบริหารความเสี่ยงท่ีอาจจะ
เกิดข้ึน ทั้งยังต้องบริหารค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นในการดาเนินงาน ความสามารถในการทากาไร
ของธุรกิจประกันวินาศภัยสามารถวิเคราะห์ผ่านอัตราส่วนทางการเงินได้ ใน 6 อัตราส่วน
โดยท่ีในบางอัตราส่วนจะมีการวิเคราะห์ท่ีเหมือนกันการวิเคราะห์ท่ีใช้ในธุรกิจอื่นๆ เช่น
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (Return on Assets: ROA) อัตราผลตอบแทนต่อส่วน
ของเจ้าของ (Return on Equity: ROE) เป็นต้น และในบางอัตราส่วน ก็เป็นอัตราส่วนท่ีมี
ความเฉพาะตัว เช่น อัตราส่วนความสูญเสีย (Loss Ratio) และ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวม
(Combined Ratio) เป็นตน้ ซงึ่ จะได้อธิบายอย่างละเอยี ดในส่วนต่างๆ ของบทต่อไป
8.2 อัตราส่วนทางการเงนิ วเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไร
อัตราส่วนทางการเงินทใี่ ชใ้ นการวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไร มดี ังนี้
1) อัตราสว่ นสนิ ไหมทดแทน (Loss Ratio)
2) อตั ราส่วนรวม (Combined Ratio)
3) อตั ราสว่ นกาไรสุทธติ อ่ เบ้ยี ประกนั ภัยทถ่ี ือเปน็ รายได้ (Profit to Earned
Premium Ratio)
4) อตั ราสว่ นกาไรต่อรายไดร้ วม (Profit to Total Revenue Ratio)
5) อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม หรอื กาไรสทุ ธิต่อสินทรพั ยร์ วมเฉลีย่
(Return on Assets: ROA)
6) อัตราผลตอบแทนต่อสว่ นของเจ้าของ (Return on Equity: ROE)
ต่อไปน้ีเป็นการแสดงการวิเคราะห์อัตราส่วนความสามารถในการทากาไร ทั้ง 6
อัตราส่วน โดยใช้ข้อมูลงบการเงินของบริษัทประกันภัย A จากัด (มหาชน) เป็นตัวอย่างใน
การวิเคราะห์
บทที่ 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภัย
249
ขอ้ มูลงบกาไรขาดทุนของบริษัท ประกันภัย A จากดั (มหาชน)
หน่วย: ลา้ นบาท
รายการ 25x3 25x2 25x1
รายได้
57,500 70,000 45,000
เบ้ียประกันภัยรบั 3,400 5,500 5,000
รายไดค้ ่าจ้างและค่าบาเหนจ็ 1,200
รายไดจ้ ากการลงทนุ สุทธิ 500 76,700 800
รวม รายได้ทั้งส้นิ 61,400 50,800
คา่ ใช้จา่ ย
คา่ สินไหมทดแทนทเี่ กิดขึน้ ระหว่างปี - 18,000 23,000 25,000
ค่าเบย้ี ประกนั ภยั ต่อ 4,000 4,500 2,000
ค่าจ้างและบาเหน็จ 3,000 4,500 2,500
ค่าใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน 5,500 6,000 4,000
ตน้ ทุนทางการเงิน 300
รวม ค่าใช้จ่ายทงั้ ส้ิน 30,800 450 500
กาไรกอ่ นภาษีเงนิ ได้ 30,600 38,450 34,000
หกั คา่ ใชจ้ ่ายภาษเี งินได้ 6,120 38,250 16,800
กาไรสุทธิ 24,480 7,650
30,600 3,360
13,440
บทท่ี 8 การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกนั วนิ าศภัย
250
ข้อมูลงบแสดงฐานะการเงนิ ของบรษิ ัท ประกนั ภยั A จากัด (มหาชน)
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x3 25x2 25x1
สนิ ทรพั ย์
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 20,000 25,000 12,000
เบย้ี ประกนั ภยั คา้ งรับ 85,000 70,000 75,000
สินทรัพยล์ งทนุ
45,000 42,000 35,000
เงินลงทุนในหลักทรัพย์ ประเภท
หลักทรัพยร์ ัฐบาลและรฐั วิสาหกิจ
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตรา 16,000 25,000 30,000
สารหน้ีภาคเอกชน
เงินลงทุนในหลักทรัพย์ ประเภทตรา 20,000 35,000 30,000
สารทุน
6000 7000 15,000
เงินให้กูย้ ืมแก่พนกั งานบรษิ ทั 12,000 18,000 8,000
เงินให้กู้ยืมแกก่ รรมการบริษทั
40,000 30,000 20,000
อสังหาริมทรัพยเ์ พือ่ การลงทุน
ประเภททีด่ นิ 50,000 60,000 50,000
2,000 1,500 1,000
ท่ดี ิน อาคาร อุปกรณ์ สุทธิ 3,000 4,000 2,000
คา่ ความนยิ ม
สินทรัพยไ์ ม่มีตัวตน 200 700 500
สนิ ทรพั ยภ์ าษเี งนิ ได้รอตัดบญั ชีสุทธิ 299,200 318,200 278,500
รวมสินทรพั ยท์ ั้งสิ้น
หนีส้ นิ 110,000 100,000 90,000
หน้ีสนิ จากสัญญาประกนั ภัย 3,000 5,000 3,000
เจ้าหน้ีบรษิ ทั ประกันภยั ตอ่ 30,000 35,000 20,000
คา่ เบ้ยี ประกนั ภัยรบั ล่วงหนา้ 2,000 25,000 15,000
หนี้สนิ ระยะยาว 128,000
รวมหนี้สิน 145,000 165,000
ส่วนของเจ้าของ 140,000 140,000 140,000
เงนิ ทุนชาระแล้วจากการออกหนุ้ สามญั 1,200 1,200 1,200
ส่วนเกนิ มลู คา่ ห้นุ 12,000 10,000 9,000
กาไรสะสม 1,000 2,000 300
สารองอ่ืนในส่วนของผถู้ ือหนุ้
บทท่ี 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
รายการ 25x3 25x2 251
รวมส่วนของเจ้าของ 154,200 153,200
รวมหน้ีสินและส่วนของเจ้าของ 299,200 318,200 25x1
150,500
278,500
8.2.1 อัตราสว่ นสินไหมทดแทน (Loss Ratio)
อัตราส่วนค่าสนิ ไหมทดแทน หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความเสียหายทเ่ี กิดขึ้นแลว้
(Incurred Losses) กับเบ้ียประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้ (Earned Premiums) โดยค่าสินไหม
ทดแทนท่ีเกิดขึ้นน้ี จะเป็นค่าใช้จ่ายหลักของบริษัทประกันวินาศภัย เมื่อคิดเป็นสัดส่วนต่อ
รายได้หลัก คือเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้แล้ว สัดส่วนที่สูงย่อมแสดงถึงการมีค่าใช้จ่าย
ประเภทสินไหมทดแทนท่ีสูง ทาให้กาไรจากการดาเนินงานของกิจการลดลงได้ อัตราส่วนน้ี
จึงเป็นอัตราส่วนท่ีบ่งบอกถึงความสามารถในการทากาไรของธุรกิจ งานวิจัยจานวนมากใช้
อัตราส่วนสินไหมทดแทนน้ีในการวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไร (ตัวอย่างเช่น
Altuntas & Rauch, 2017; Berhe & Kaur, 2017; Caporale, Cerrato & Zhang, 2017;
Guendouz & Ouassaf, 2018; Han & Mun, 2021; Morara & Sibindi, 2021; Pooser &
Browne, 2018;Too & Simiyu, 2018 เปน็ ตน้ ) โดยวิธีการคานวณสามารถทาได้ดังน้ี
อัตราส่วนสนิ ไหมทดแทน (%) = (คา่ สินไหมทดแทนทีเ่ กดิ ขึ้นระหว่างปี / เบยี้ ประกนั ภัยที่ถือ
เป็นรายได้) x 100
ตารางที่ 8.1 ตวั อยา่ งการวิเคราะหอ์ ตั ราส่วนสนิ ไหมทดแทน
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x3 25x2 25x1
ค่าสนิ ไหมทดแทนท่ีเกิดขนึ้ ระหว่างปี 18,000 23,000 25,000
เบย้ี ประกนั ภัยรบั 57,500 70,000 45,000
การคานวณอัตราสว่ นสินไหมทดแทน 18,000/ 23,000/ 25,000/
57,500 x 70,000 x 45,000 x
อตั ราสว่ นสินไหมทดแทน (%)
100 100 100
31.30 32.86 55.55
อัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนของบริษัท ประกันภัย A จากัด (มหาชน) มีอัตราท่ี
ลดลงจากปี 25x1 ที่มีอัตราอยู่ในร้อยละ 55.55 เป็นร้อยละ 32.86 ในปี 25x2 และร้อยละ
31.30 ในปี 25x3 อัตราส่วนที่ลดลงน้ี เป็นการแสดงถึงการเพ่ิมขึ้นของความสามารถในการ
ทากาไรของบริษัท ด้วยบริษัทประกันวินาศภัยโดยส่วนใหญ่ รายได้หลักของบริษัท คือ เบ้ีย
ประกันภัยรับ ซง่ึ หากนามาสทุ ธิกับคา่ สินไหมทดแทนที่เกดิ ขนึ้ ระหวา่ งปี จากคาร้องขอชดเชย
ของผู้เอาประกัน อัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนที่มาก ย่อมหมายถึงการท่ีบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่
เป็นค่าสินไหมที่มากเม่ือเทียบกับรายได้เบี้ยประกันภัยรับ และในขณะเดียวกันอัตราส่วน
บทที่ 8 การวิเคราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภยั
252
สนิ ไหมทดแทนน้ี จะมคี วามสัมพันธ์เชงิ ผกผันกับความสามารถในการทากาไรของกจิ การ โดย
อัตราส่วนสินไหมทดแทนที่สูงจะทาให้กิจการมีความสามารถในการทากาไรที่ต่า และหาก
อตั ราสว่ นสนิ ไหมทดแทนต่าจะทาให้กจิ การมคี วามสามารถในการทากาไรทสี่ งู ขึน้
8.2.2 อตั ราส่วนรวม (Combined Ratio)
อัตราส่วนรวม หมายถึง อัตราส่วนท่ีรวมเอาค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดาเนินธรุกิจ
ประกัน ได้แก่ค่าสินไหมทดแทน และค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานประกันภัย คิดเป็นสัดส่วน
กับเบ้ียประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ ถ้า Combined Ratio > 100 หมายความว่าธุรกิจประกัน
กาลงั ขาดทุน เน่อื งจาก ค่าใช้จ่ายในการดาเนนิ ธรุ กิจประกนั มีจานวนสงู กวา่ เบี้ยประกันภัยรับ
ถ้า Combined Ratio < 100 หมายความว่าธุรกิจประกันภัยนั้น สามารถดาเนินธุรกิจไปได้
ด้วยดี สามารถสร้างกาไรให้กับธุรกิจ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในธุรกิจประกันภัยน้อยกว่าเบี้ย
ประกันภัยรับ การวิเคราะห์อัตราส่วนรวมถือว่ามีความสาคัญตอ่ ธุรกิจมาก (ตัวอย่างงานวิจัย
ท่ีวิเคราะห์อัตราส่วนรวมของบริษัทประกันภัย เช่น Caporale, Cerrato & Zhang, 2017;
Chelimo & Kiprop, 2017; Eling & Jia, 2018; Kramaric, Miletic, & Pavic, 2017; Lee,
2017; Pooser & Browne, 2018; Shim, 2017) อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ดาเนินธุรกิจ
ประกันภัยอาจมีรายได้จากแหล่งอ่ืนท่ีมิได้มาจากการดาเนินธุรกิจประกันภัยด้วยก็ได้ เช่น มี
รายได้ท่ีมาจากการลงทุนในหลกั ทรัพย์ เป็นต้น โดยมวี ิธีการคานวณอัตราส่วนรวม ดังน้ี
อัตราส่วนรวม = (ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดข้ึนระหว่างปี + ค่าใช้จ่ายท้ังหมดในการ
ประกัน) / เบีย้ ประกนั ภัยท่ถี ือเปน็ รายได้ x 100
อัตราสว่ นรวมของบรษิ ทั ประกันภัย A จากัด (มหาชน) สามารถคานวณได้ดังนี้
บทท่ี 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภยั
253
ตารางที่ 8.2 ตวั อย่างการวเิ คราะห์อัตราส่วนรวม
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x3 25x2 25x1
คา่ สินไหมทดแทนท่เี กิดขนึ้ ระหว่างปี 18,000 23,000 25,000
ค่าจา้ งและบาเหน็จ
ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงาน 3,000 4,500 2,500
รวมคา่ ใชจ้ ่ายทเี่ กยี่ วกบั การประกนั ภยั 5,500 6,000 4,000
เบ้ียประกันภยั รับ 26,500 33,500 31,500
57,500 70,000
การคานวณอัตราส่วนรวม 26,500/ 33,500/ 45,000
57,500 x 70,000 x 31,500/
อัตราส่วนรวม (%) 45,000 x
100 100
46.09 47.86 100
70.00
อตั ราสว่ นรวมของบริษัท ประกันภยั A จากัด (มหาชน) มีแนวโนม้ อัตราสว่ นที่ลดลง
จากปี 25x1 ท่ีมีอัตราส่วนรวมอยู่ที่ร้อยละ 70.00 เป็นร้อยละ 47.86 ในปี พ.ศ. 25x2 และ
ร้อยละ 46.09 ในปี พ.ศ. 25x3 โดยแนวโน้มของอัตราส่วนรวมน้ี มีความโน้มเอียงที่จะมี
อตั รารอ้ ยละทส่ี งู กว่าอตั ราสว่ นสนิ ไหมทดแทน และจะมีความโน้มเอียงที่จะเพ่มิ ขน้ึ หรือลดลง
ที่สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราส่วนสินไหมทดแทน โดยอัตราส่วนรวมนี้ จะ
รวมเอาค่าใช้จ่ายที่เก่ียวกับการประกันภัยอันได้แก่ ค่าสินไหมทดแทน ค่าจ้างและบาเหน็จ
และค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน เข้าด้วยกัน ดังน้ัน ยอดค่าใช้จ่ายที่เก่ียวกับการประกันภัย
ทั้งหมด ซ่ึงเป็นผลรวมของรายการตามที่กล่าวมา ย่อมจะมียอดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งน้ีการ
แปลผลของอัตราส่วนรวมน้ี มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับอัตราสว่ นสินไหมทดแทน โดยบริษัททม่ี ี
อัตราส่วนรวมท่ีสูงจะมีความโน้มเอียงที่จะมีกาไรต่า และในทางกลับกัน อัตราส่วนรวมท่ีต่า
จะมีความสัมพนั ธ์กบั ความสามารถในการทากาไรของกจิ การท่จี ะเพิม่ ขึน้ ตามลาดบั
ซ่งึ อัตราส่วนรวมของบรษิ ทั ประกันภัย A จากดั (มหาชน) นี้ จะมอี ตั ราสว่ นทส่ี ูงกว่า
อัตราส่วนสินไหมทดแทน และการท่ีกิจการจะมีอัตราส่วนรวมท่ีสูงขึ้นก็ข้ึนอยู่กับยอด
ค่าใช้จ่ายในการประกันภัยอ่ืน ท่ีนามานับรวมเข้ากับค่าสินไหมทดแทนเพ่ือคานวณหาอัตรา
ส่วนรวม แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาอัตราส่วนรวม ควบคู่กับอัตราส่วนสินไหมทดแทน
จะพบว่าอัตราสว่ นทง้ั สองมีทิศทางในการเพิ่มขนึ้ หรือลดลง ที่สอดคล้องและเป็นไปในทิศทาง
เดยี วกัน
บทท่ี 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
254
8.2.3 อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ (Profit to Earned
Premium Ratio)
อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้ เป็นอัตราส่วนที่วัด
ความสามารถในการทากาไรท่ีเปรยี บเทียบกาไรสุทธิ (กาไรสทุ ธไิ ด้จากงบกาไรขาดทุน โดยไม่
นับรวมเอาส่วนของกาไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอ่ืน หรือ Other comprehensive income) กับ
เบ้ียประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้ (ดูงานวิจัยเพิ่มเติม Wongsuwatt, Thaothampitak,
Kongjam, Ruttanapibool, Apacuppakul & Koedkaeo, 2020; Yang, 2020) วิ ธี ก า ร
คานวณอตั ราส่วนกาไรสุทธติ ่อเบีย้ ประกนั ภยั ท่ีถอื เป็นรายได้ สามารถคานวณได้ดังน้ี
อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ = (กาไรสุทธิ / เบ้ียประกันภัยท่ีถือ
เป็นรายได้) x 100
ตารางที่ 8.3 ตวั อย่างการวเิ คราะหอ์ ัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกนั ภัยรบั
รายการ 25x3 25x2 25x1
กาไรสุทธิ 24,480 30,600 13,440
เบ้ียประกนั ภยั รับ 57,500 70,000 45,000
หกั เบย้ี ประกันภัยต่อ 4,000 4,500 2,000
เบี้ยประกนั ภยั รับสทุ ธิ 53,500 65,500 43,000
การคานวณอัตราสว่ นกาไรสุทธิตอ่ เบีย้ 24,480/ 30,600/ 13,400/
ประกันภยั ที่ถือเปน็ รายได้ 53,500 x 65,500 x 43,000 x
100 100 100
อัตราสว่ นกาไรสุทธติ อ่ เบีย้ ประกนั ภยั ท่ถี ือ 45.76 46.72 31.16
เปน็ รายได้ (%)
อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ เป็นอัตราส่วนเบ้ืองต้นท่ีจะ
พิจารณาถึงความสามารถในการทากาไรของธุรกิจ โดยจะพบว่าบริษัท ประกันภัย A จากัด
(มหาชน) มีกาไรสุทธิจากการดาเนินงานที่ค่อนข้างผันผวน โดยกาไรในปี พ.ศ. 25x2 เพิ่มขึ้น
เกือบสามเท่าจากปี พ.ศ. 25x1 และลดลงในปี พ.ศ. 25x3 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ
เบีย้ ประกนั ภยั รบั สทุ ธิ (เบย้ี ประกนั ภยั รับ หักด้วยเบยี้ ประกนั ภัยต่อ) ที่มีการเพม่ิ ข้ึนในปี พ.ศ.
25x2 และลดลงในปี พ.ศ. 25x3 โดยแนวโนม้ การเปล่ียนแปลงดังกล่าว ทาใหอ้ ัตราส่วนกาไร
สุทธิต่อเบ้ียประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้ มีการเปล่ียนแปลงจากร้อยละ 31.16 ในปี พ.ศ. 25x1
เป็นร้อยละ 46.72 ในปี พ.ศ. 25x2 ซ่ึงเพ่ิมข้ึนค่อนข้างมาก และลดลงแต่ไม่มากนักในปี
25x3 คงเหลือร้อยละ 45.76 อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มในการทากาไรของบริษัท
พบว่ามีความสามารถในการทากาไรที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังอาจต้องพิจารณาร่วมกับอัตราส่วน
อ่ืน
บทที่ 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภยั
255
8.2.4 อัตราส่วนกาไรสทุ ธิต่อรายไดร้ วม (Profit to Total Revenue Ratio)
อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อรายได้รวม เป็นอัตราส่วนที่วัดความสามารถในการทากาไร
ของกิจการ เปรียบเทียบกับรายได้รวมท้ังหมดของกิจการ โดยในท่ีน้ี จะเป็นอัตราส่วนที่
วเิ คราะหว์ า่ กาไรของกจิ การนัน้ คิดเป็นรอ้ ยละเท่าไหร่ของรายไดท้ ้ังหมดทีห่ ามาได้ ทง้ั น้ี ในงบ
กาไรขาดทุน ในส่วนของรายได้ของบริษัทประกันวินาศภัยจะมีรายได้มาจากหลายรายการ
โดยปกติรายได้ที่เป็นรายการหลักของบริษัทประกันวินาศภัย คือ เบี้ยประกันภัยที่ถือเป็น
รายได้ ในขณะท่ีรายได้รายการอ่ืนๆ อาจมีในสัดส่วนที่น้อยลดหล่ันกันลงมา โดยรายได้ของ
บรษิ ัทประกนั วินาศภยั ปกตจิ ะมีรายการดังต่อไปน้ี
1) เบี้ยประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้สุทธิ เบี้ยประกันภัยรับประกอบด้วยเบี้ย
ประกันภัยรับตรง และเบี้ยประกันภัยรับต่อ หักด้วยเบี้ยประกันภัยส่งคืน เบี้ย
ประกันภัยรับถือเป็นรายได้ตามวันท่ีที่มีผลบังคับใช้ในกรมธรรม์ประกันภัย
สาหรับกรมธรรม์ท่ีมีอายุไม่เกิน 1 ปี และในกรณีท่ีกรมธรรม์มีอายุเกิน 1 ปี จะ
รับรู้รายได้ที่เก่ียวข้องโดยแสดงเป็นเบ้ียประกันภัยรับล่วงหน้า และทยอยรับรู้
เป็นรายได้ตามอายกุ ารใหค้ วามคมุ้ ครอง
2) รายได้ค่าจ้างและค่าบาเหน็จ รายได้ค่าจ้างและค่าบาเหน็จจากการเอา
ประกันภัยต่อรบั รู้เปน็ รายไดท้ นั ทใี นรอบระยะเวลาบัญชีท่ีเกิดรายการ ในกรณีท่ี
เป็นค่าจ้างและค่านายหน้ารับสาหรับการเอาประกันภัยต่อท่ีมีอายุการคุ้มครอง
เกนิ 1 ปี จะบนั ทกึ เป็นค่านายหน้ารบั ล่วงหน้าโดยแสดงเป็นรายการสทุ ธใิ นเบ้ีย
ประกันภัยต่อจ่ายล่วงหน้าสุทธิ โดยทยอยรับรู้เป็นรายได้ตามอายุการให้ความ
คมุ้ ครองเป็นรายปี
3) ดอกเบ้ียและเงินปันผลรับ ดอกเบี้ยถือเป็นรายได้ตามเกณฑ์คงค้าง โดยคานึงถึง
อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง เงินปันผลรับถือเป็นรายได้ เมื่อมีสิทธิในการรับเงิน
ปนั ผล
4) กาไร (ขาดทุน) จากการขายเงินลงทุน โดยจะทาการรับรู้กาไร (ขาดทุน) จาก
การขายเงนิ ลงทุน เปน็ รายได้หรือคา่ ใชจ้ ่าย ณ วันทีเ่ กดิ รายการ
5) รายไดอ้ ืน่ รายได้อน่ื รบั ร้ตู ามเกณฑ์คงคา้ ง
การวเิ คราะห์อตั ราส่วนกาไรสุทธิต่อรายได้รวม สามารถคานวณได้ดังนี้
อตั ราส่วนกาไรสทุ ธติ ่อรายได้รวม (%) = (กาไรสทุ ธิ / รายไดร้ วมทง้ั สนิ้ ) x 100
บทที่ 8 การวิเคราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
256
การคานวณอัตราส่วนกาไรสุทธิต่อรายได้รวมของบริษัท ประกันภัย A จากัด
(มหาชน) สามารถคานวณไดด้ ังตอ่ ไปน้ี
ตารางที่ 8.4 ตวั อยา่ งการวิเคราะหอ์ ตั ราสว่ นกาไรสุทธิต่อรายได้รวม
หนว่ ย: ล้านบาท
รายการ 25x3 25x2 25x1
รายได้
เบยี้ ประกนั ภัยรับ 57,500 70,000 45,000
หกั เบย้ี ประกันภยั ต่อ 4,000 4,500 2,000
เบีย้ ประกนั ภยั รบั สทุ ธิ 53,500 65,500 43,000
รายไดค้ ่าจ้างและค่าบาเหน็จ 3,400 5,500 5,000
รายได้จากการลงทุนสทุ ธิ 1,200
รวม รายได้ทั้งสิ้น 500 72,200 800
กาไรสุทธิ 57,400 30,600 48,800
24,480 13,440
การคานวณอตั ราสว่ นกาไรสทุ ธติ ่อรายได้ 30,600/ 13,440/
รวม 24,480/ 72,200 48,800
57,400
อัตราส่วนกาไรสุทธติ อ่ รายได้รวม (%) x100 x100
x100 27.54
42.38
42.65
อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อรายได้รวมของบริษัท ประกันภัย A จากัด (มหาชน) มี
แนวโน้มเพ่ิมข้ึนในปี พ.ศ. 25x2 และ พ.ศ. 25x3 ทั้งนี้ เกิดจากการที่บริษัทมียอดรวมของ
รายได้รวม ซึ่งประกอบไปด้วย 1) เบ้ียประกันภัยรับสุทธิ (เบ้ียประกันภัยรับ หักด้วยเบี้ย
ประกันภัยต่อ) 2) รายได้ค่าจ้างและค่าบาเหน็จ และ 3) รายได้จากการลงทุนสุทธิ เมื่อนามา
เทียบกับกาไรสุทธิของบริษัท ซ่ึงการท่ีจะมีกาไรมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการบริหารของฝ่าย
บริหาร ในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึน โดยกาไรของบริษัท ประกันภัย A จากัด (มหาชน)
ในปี พ.ศ. 25x1 จานวน 13,440 ล้านบาท เพ่ิมสูงขึ้นเกือบสามเท่าตัว ในปี พ.ศ. 25x2 เป็น
30,600 ล้านบาท และลดลงในปี พ.ศ. 25x3 เป็น 24,480 ล้านบาท ทาให้อัตราส่วนกาไร
สุทธิต่อรายได้รวมของบริษัท เป็นร้อยละ 27.54, 42.38 และ 42.65 สาหรับปี พ.ศ. 25x1
พ.ศ. 25x2 และ พ.ศ. 25x3 ตามลาดับ
บทที่ 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
257
8.2.5 อตั ราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม หรือ กาไรสทุ ธิต่อสินทรัพย์รวมเฉลย่ี
(Return on Assets: ROA)
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม หรือบางครงั้ อาจพบอัตราส่วนนี้ในชื่อ อัตราสว่ น
กาไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมเฉล่ีย เป็นอัตราส่วนท่ีใช้วัดประสิทธิภาพของสินทรัพย์ของกิจการ
ในการสร้างผลตอบแทนกลับมา ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ว่า กิจการสร้างนาสินทรัพย์ท่ีมีน้ันมา
สร้างผลประโยชน์ตอบแทนได้มากน้อยเพียงไร อัตราท่ีสูงแสดงถึงความสามารถในการสร้าง
ผลตอบแทนของสินทรพั ยท์ ีส่ งู (Ajao & Ogieriakhi (2018); Ayuba, Bambale, Ibrahim &
Sulaiman (2019); Manokaran, Ramakrishnan, Hishan & Soehod (2018); Nwude,
Agbo & Christian Ibe-Lamberts (2018); Olalekan (2018); Pointer & Khoi (2019))
โดยปกติ สินทรัพย์ท่ีนามาใช้ในการวิเคราะห์จะเป็นสินทรัพย์เฉล่ีย คือ ยอดคงค้างของ
สินทรัพย์ในสิ้นงวดปัจจุบัน บวกยอดคงค้างของสินทรัพย์ในงวดก่อน หารด้วย 2 อัตราส่วน
กาไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ยมาตรฐาน ควรอยู่ในช่วง -5%<= R <=10% โดยอัตรา
ผลตอบแทนต่อสินทรพั ย์รวม สามารถคานวณได้ดังนี้
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ = กาไรสุทธิ / [(สินทรัพย์รวมต้น งวด +
รวม (%) สินทรพั ยร์ วมปลายงวด) / 2] x 100
บริษัท ประกันภัย A จากัด (มหาชน) มีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ย
ดังตอ่ ไปนี้
ตารางท่ี 8.5 ตัวอย่างการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลย่ี
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x3 25x2 25x1
กาไรสุทธิ
รวมสนิ ทรพั ย์ทง้ั สนิ้ 24,480 30,600 13,440
การคานวณอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ 299,200 318,200 278,500
รวม
24,480/ 30,600/ 13,440/
[299,200+3 [(318,200 278,500*
18,200)/2] x +278,500)
/2] x 100 x 100
100
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรพั ย์รวม (%) 7.93 10.26 4.83
*สินทรพั ย์รวม ณ ส้นิ ปี พ.ศ. 25x1 ไมไ่ ด้ใช้ตัวเลขสนิ ทรพั ย์รวมเฉลย่ี เหมอื นปี พ.ศ. 25x2 และ พ.ศ. 25x3
เนอื่ งจากไม่มขี ้อมูลของปี พ.ศ. 25x0 จึงใชเ้ ฉพาะสินทรพั ยร์ วม ณ วนั ส้ินปี พ.ศ. 25x1
บทท่ี 8 การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกนั วินาศภยั
258
อตั ราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม เปน็ อตั ราสว่ นที่แสดงถึงการท่ีกิจการสามารถนา
สินทรัพย์รวมเฉล่ียท่ีมี มาสร้างผลกาไรให้กับกิจการ โดยอัตราส่วนที่สูงแสดงถึงการมี
ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมที่ดี กิจการมีความสามารถในการทากาไรที่สูง และใน
ขณะเดียวกันอัตราส่วนที่ต่านี้ก็แสดงถึงการท่ีกิจการมีความสามารถในการทากาไรที่ต่า
เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยปกติอัตราส่วนมาตรฐานจะอยู่ในช่วงระหว่างไม่เกินร้อยละ
10.00 และสูงกว่าร้อยละ -5.00 ซ่ึงธุรกิจใดที่มีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมท่ีติดลบ
หมายถึงธุรกิจนั้นมีผลขาดทุน และเมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมเฉลี่ย จึงทาให้อัตราส่วนที่ติด
ลบยงิ่ มกี ารตดิ ลบมาก ยงิ่ แสดงให้เห็นถงึ การขาดทนุ ของกิจการทีม่ ากตามไปด้วย
จากตัวอย่างการวิเคราะห์ของบริษัท ประกันภัย A จากัด (มหาชน) พบว่า กิจการมี
ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมท่ีค่อนข้างผันผวน เนื่องจากในปี 25x1 กิจการมีผลกาไรสุทธิที่
ค่อนข้างต่า และเพ่ิมขึ้นอย่างมากในปี พ.ศ. 25x2 ทาให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม
ในปี 25x2 มีอตั ราร้อยละ 4.83 และเพ่มิ ขนึ้ เปน็ ร้อยละ 10.26 ในปี พ.ศ. 25x2 และเม่ือกาไร
ในปี พ.ศ. 25x3 ลดลงเล็กน้อย โดยแสดงกาไรเท่ากับ 24,480 ล้านบาท ทาให้มีผลต่ออัตรา
ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ท่ีลดลงจากร้อยละ 10.26 ในปี พ.ศ. 25x2 เป็นร้อยละ 7.93 ในปี
พ.ศ. 25x3 แต่อย่างไรก็ดี อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ถือว่า
กจิ การมีความสามารถในการทากาไรท่ดี ี
8.2.6 อตั ราผลตอบแทนต่อส่วนของเจา้ ของ (Return on Equity: ROE)
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ เปน็ อตั ราสว่ นทว่ี ิเคราะหถ์ งึ ผลตอบแทนในรูป
กาไรสุทธิท่ีผู้ถือหุ้นได้รับจากการเป็นเจ้าของหรือจากการเป็นหุ้นส่วนของธุรกิจ โดยปกติ
อัตราส่วนนี้เป็นอัตราส่วนที่วิเคราะห์ถึงความสามารถในการทากาไรของผู้บริหารธุรกิจ และ
เป็นอัตราส่วนท่ีอยู่ในความสนใจของผู้ถือหุ้น เน่ืองจากเป็นผลกาไรท่ีคิดต่อส่วนของเจ้าของ
อัตราส่วนท่ีสูงแสดงใหเ้ ห็นว่ากาไรที่ส่วนของผู้เป็นเจ้าของควรจะได้ก็จะสูงตามไปด้วย และ
จ ะ ส ร้ า ง ค ว า ม พ อ ใ จ ใ ห้ กั บ ผู้ถื อ หุ้ น (Almajali & Shamsuddin, 2019; Amahalu &
Beatrice, 2017; Ayuba, Bambale, Ibrahim & Sulaiman, 2019; Manokaran,
Ramakrishnan, Hishan & Soehod, 2018; Pointer & Khoi, 2019) ทัง้ น้ี สว่ นของเจา้ ของ
มกั ใชต้ ัวเลขเฉลยี่ ของสว่ นของเจ้าของ โดยนายอดคงค้างของส่วนของเจ้าของ ณ ส้นิ ปปี จั ุบัน
บวกกับยอดคงค้างส่วนของเจ้าของ ณ สิ้นปีก่อนหน้า หารด้วย 2 อัตราผลตอบแทนต่อส่วน
ของเจ้าของมาตรฐานควรมีอัตราส่วนที่มากกว่า หรือเท่ากับ 0 % (>= 0%) การคานวณ
อัตราผลตอบแทนต่อสว่ นของเจ้าของ สามารถคานวณได้ดังน้ี
บรษิ ัท ประกันภัย A จากัด (มหาชน) มอี ตั ราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ
ดังตอ่ ไปนี้
บทที่ 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
259
ตารางท่ี 8.6 ตวั อย่างการวเิ คราะหอ์ ัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจา้ ของเฉลยี่
หน่วย: ลา้ นบาท
รายการ 25x3 25x2 25x1
กาไรสุทธิ 30,600 13,440
รวมส่วนของเจา้ ของ 24,480 153,200 150,500
การคานวณอตั ราผลตอบแทนต่อส่วนของ 154,200 30,600/ 13,440/
เจา้ ของ [(153,200+ 150,500*
24,480/ 150,500)/
[(154,200+ x 100
153,200)/ 2] x 100
2] x 100
อตั ราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ (%) 15.93 20.15 8.93
*ส่วนของเจ้าของ ณ สิ้นปี พ.ศ. 25x1 ไม่ได้ใช้ตัวเลขสว่ นของเจ้าของรวมเฉล่ยี เหมือนปี พ.ศ. 25x2 และ
พ.ศ. 25x3 เนื่องจากไมม่ ีขอ้ มลู ของปี พ.ศ. 25x0 จึงใช้เฉพาะสว่ นของเจา้ ของรวม ณ วันสิ้นปี พ.ศ. 25x1
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ เป็นอัตราส่วนที่ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นให้
ความสนใจเป็นพเิ ศษ เนือ่ งจากเป็นอตั ราส่วนทแ่ี สดงให้เห็นถึงผลกาไรที่จะคิดตอ่ ยอดคงค้าง
ท้ังหมดของผู้ถือหุ้น เป็นผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับจากการลงทุนในธุรกิจ โดยอัตรา
ผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของท่ีสูง ย่อมสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยแสดงถึง
ความสามารถในการทากาไรของกิจการ เม่ือคิดเทียบกับส่วนของเจ้าของ โดยอัตรา
ผลตอบแทนตอ่ สว่ นของเจา้ ของทีส่ ูงเปน็ สงิ่ ทผ่ี ถู้ อื หุ้นคาดหวงั
จากตัวอย่างการวิเคราะห์ของบริษัท ประกันภัย A จากัด (มหาชน) พบว่า กิจการมี
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจา้ ของท่ีคอ่ นข้างผันผวน ตามการเพิ่มขึ้นและลดลงของกาไร
สุทธิของกิจการ โดยอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ มีอัตราร้อยละ 8.93 ในปี พ.ศ.
25x1 เพ่ิมขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 20.15 ในปี พ.ศ. 25x2 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราผลตอบแทนท่ีสูง
มาก และลดลงเหลือเพียงอตั ราร้อยละ 15.93 ในปี พ.ศ. 25x3 จากแนวโน้มการเพมิ่ ขึ้นและ
ลดลงของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับอัตราผลตอบแทน
ต่อสินทรัพย์รวม อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ ของ
แต่ละบริษัท และของแต่ละปี จะมีความแตกต่างจากอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม
ข้ึนอยู่กับสัดส่วนโครงสร้างทางการเงินของกิจการ ว่ากิจการเน้นโครงสร้างทางการเงินไปท่ี
หน้ีสินหรือไปที่ส่วนของผู้ถือหุ้น ในกรณีท่ีกิจการเน้นสัดส่วนโครงสร้างทางการเงินไปที่
หนี้สิน (มีสัดส่วนหนี้สนิ มากกวา่ ส่วนของเจ้าของ) จะทาให้กิจการมีผลตอบแทนต่อสว่ นของ
เจ้าของสงู มากกวา่ กจิ การท่ีเนน้ สัดสว่ นโครงสร้างทางการเงนิ ไปทีส่ ่วนของเจา้ ของ (มีสดั ส่วน
ของหน้ีสินน้อยกว่าส่วนของเจ้าของ) โครงสร้างทางการเงินของกิจการจึงมีผลต่ออัตรา
ผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของด้วยเช่นกัน ดังนั้น ฝ่ายบริหารของกิจการจึงต้องมีการวาง
สัดส่วนโครงสรา้ งทางการเงนิ ท่ดี แี ละเหมาะสม
อัตราส่วนท่ีใช้ในการวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไร สามารถสรุปวิธีการ
คานวณตามตารางต่อไปนี้ ในกรณที ่ีการคานวณกาหนดให้ใช้ตัวเลขเฉลีย่ หากไมส่ ามารถหา
บทที่ 8 การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
260
ขอ้ มลู ตวั เลขของปกี ่อนหนา้ ได้ สามารถใชต้ ัวเลขนน้ั โดยไมต่ ้องการเฉล่ยี ท้ังนข้ี น้ึ อยูก่ ับความ
พรอ้ มของขอ้ มูล
ตารางท่ี 8.7 ตารางสรุปอัตราสว่ นวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไร
อัตราส่วน การคานวณ
อัตราสว่ นสนิ ไหมทดแทน (%) = ค่าสินไหมทดแทนท่ีเกดิ ขึ้นระหว่างปี / เบี้ย
ประกนั ภัยทถ่ี ือเปน็ รายได้ x 100
อัตราสว่ นรวม = (ค่าสนิ ไหมทดแทนทีเ่ กิดขึน้ ระหวา่ งปี +
ค่าใชจ้ ่ายทั้งหมดในการประกัน)/เบี้ย
ประกนั ภยั ทีถ่ ือเปน็ รายได้ x 100
อัตราสว่ นกาไรสุทธติ ่อเบย้ี ประกนั ภัย = กาไรสทุ ธิ / เบยี้ ประกนั ภยั ทถี่ ือเป็นรายได้ x
ทถี่ อื เป็นรายได้ 100
อตั ราสว่ นกาไรสุทธิตอ่ รายได้รวม (%) = กาไรสุทธิ / รายไดร้ วมท้งั สิน้ x 100
อตั ราผลตอบแทนต่อสนิ ทรพั ย์รวม = กาไรสทุ ธ/ิ [(สินทรัพย์รวมตน้ งวด +
(%) สนิ ทรัพยร์ วมปลายงวด)/2] x 100
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ = กาไรสุทธิ / [(ส่วนของเจา้ ของต้นงวด +
(%) ส่วนของเจ้าของปลายงวด)/2] x 100
บทที่ 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภัย
261
8.3 ตวั อยา่ งการวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไร
ต่อไปนี้เป็นขอ้ มลู บางส่วนของบริษัท เอไอที ประกันภัย 2010 จากดั (มหาชน)
สาหรับระยะเวลา 3 ปี เร่มิ จากปี พ.ศ. 25x3 ถงึ พ.ศ. 25x5
หน่วย: ลา้ นบาท
รายการ 25x5 25x4 25x3
รายได้:
52,500 46,000 40,500
เบ้ียประกนั ภยั รบั 4,125 2,720 4,500
รายได้คา่ จา้ งและคา่ บาเหนจ็ 720
รายไดจ้ ากการลงทุนสุทธิ 900 400
รวม รายได้ทั้งสิน้ 57,525 49,120 45,720
คา่ ใช้จ่าย:
ค่าสนิ ไหมทดแทนที่เกิดข้นึ ระหว่างปี 17,250 14,400 22,500
ค่าจา้ งและบาเหนจ็ 3,375 2,400 2,250
คา่ ใช้จา่ ยในการดาเนนิ งาน 4,500 4,400 3,600
รวมคา่ ใชจ้ ่ายที่เกี่ยวกับการประกันภัย 25,125 21,200 28,350
กาไรสุทธิ 22,500 19,500 12,000
รวมสินทรพั ยท์ ้ังสิ้น 240,000 235,000 250,000
รวมส่วนของเจา้ ของ 114,500 123,000 125,000
ให้วิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน 6 อัตราส่วนต่อไปนี้ เพ่ือพิจารณาความสามารถ
ในการทากาไรของบรษิ ัท เอไอที ประกันภัย 2010 จากัด (มหาชน) ในกรณีทมี่ ีข้อมลู เฉล่ียไม่
ครบถ้วน สามารถใช้ข้อมูล ณ วันส้นิ ปี แทนได้ โดยไมต่ อ้ งคานวณหาข้อมูลเฉล่ีย
1) อตั ราส่วนสนิ ไหมทดแทน (Loss Ratio)
2) อัตราส่วนรวม (Combined Ratio)
3) อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ (Profit to Earned
Premium Ratio)
4) อตั ราสว่ นกาไรต่อรายได้รวม (Profit to Total Revenue Ratio)
5) อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม หรือ กาไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมเฉล่ีย
(Return on Assets: ROA)
6) อัตราผลตอบแทนตอ่ สว่ นของเจา้ ของ (Return on Equity: ROE)
บทที่ 8 การวิเคราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภยั
262
จากข้อมลู ทางการเงนิ ของบริษัท เอไอที ประกันภยั 2010 จากดั (มหาชน) สามารถ
คานวณอัตราสว่ นทง้ั หกอัตราส่วนได้ดังตอ่ ไปน้ี
ตารางท่ี 8.8 ตัวอยา่ งการวเิ คราะห์อัตราส่วนความสามารถในการทากาไร
อตั ราสว่ น 25x5 25x4 25x3
วิธีคานวณอัตราส่วนสินไหมทดแทน
1) อตั ราสว่ นสนิ ไหมทดแทน (%) 17,250/ 14,400/ 22,500/
52,500 46,000 40,500
x100 x100 x100
32.86 31.30 55.56
วิธีคานวณอตั ราสว่ นรวม 25,125/ 21,200/ 28,350/
2) อัตราสว่ นรวม (%) 52,500 46,000 40,500
x100 x100 x100
47.86 46.09 70.00
วิธีคานวณอตั ราส่วนกาไรสทุ ธิต่อเบยี้ 22,500/ 19,500/ 12,000/
ประกันภยั ท่ีถือเปน็ รายได้ 52,500 46,000 40,500
3) อัตราส่วนกาไรสุทธติ อ่ เบี้ยประกนั ภยั ท่ี
ถือเป็นรายได้ (%) x100 x100 x100
วิธีคานวณอตั ราส่วนกาไรสทุ ธิต่อรายไดร้ วม 42.86 42.39 29.63
12,000/
4) อตั ราสว่ นกาไรสทุ ธติ อ่ รายไดร้ วม (%) 22,500/ 19,500/ 45,720
57,525 49,120
วธิ คี านวณอัตราผลตอบแทนตอ่ สนิ ทรัพย์ x100
รวม x100 x100 26.25
5) อัตราผลตอบแทนต่อสนิ ทรัพยร์ วม (%) 39.11 39.70 12,000/
250,000
วธิ ีคานวณอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของ 22,500/ 19,500/
เจ้าของ [(240,000+ [(235,000+ x100
235,000)/2] 250,000)/2] 4.80
6) อัตราผลตอบแทนต่อสว่ นของเจ้าของ
(%) x100 x100 12,000/
125,000
9.47 8.04
x100
22,500/ 19,500/
[(114,500+ [(123,000+ 9.60
123,000)/2] 125,000)/2]
x100 x100
18.95 15.73
บทที่ 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
263
จากการวิเคราะห์อัตราส่วนท้ังหกอัตราส่วนของ บริษัท เอไอที ประกันภัย 2010
จากัด (มหาชน) พบว่าบริษัทมีแนวโน้มในการสร้างกาไรท่ีเพ่ิมมากขึ้นจากปี พ.ศ. 25x3 จาก
การท่ีบรษิ ัทมีอตั ราส่วนสินไหมทดแทน และอตั ราสว่ นรวม ในปี พ.ศ. 25x3 ท่สี ูงทสี่ ุดในรอบ
สามปี (ร้อยละ 55.56 และร้อยละ 70.00) ทาให้อัตรากาไรสุทธิต่อเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็น
รายได้ (ร้อยละ 29.63) และอัตราส่วนกาไรสุทธิต่อรายได้ของบริษัท (ร้อยละ 26.25) ในปี
พ.ศ. 25x3 เป็นปีที่ต่าสุด โดยในปี พ.ศ. 25x4 และปี พ.ศ. 25x5 มีอัตราส่วนกาไรสุทธิต่อ
เบ้ียประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้ (ร้อยละ 42.39 และร้อยละ 42.86) และอัตราส่วนกาไรสุทธิ
ต่อรายได้รวม (รอ้ ยละ 39.70 และ รอ้ ยละ 39.11) ท่ีใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณา
จากอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ พบว่า
บริษัทมีอัตราส่วนสูงสุดในปี พ.ศ. 25x5 (ร้อยละ 9.47 และร้อยละ 18.95) ท้ังนี้เน่ืองมาจาก
กิจการมีกาไรที่เพ่ิมมากข้ึนในปี พ.ศ. 25x5 ในขณะที่มูลค่าคงค้างของสินทรัพย์และส่วนของ
เจ้าของมีสัดส่วนลดลงจากปี พ.ศ. 25x3 และในส่วนของเจ้าของมียอดคงค้างลดลงอีกในปี
พ.ศ. 25x5 ในขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของกาไรสุทธิ ทาให้ในปี พ.ศ. 25x5 เป็นปีที่บริษัทมี
ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม และผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของสูงที่สุดในรอบสามปี และ
เป็นเพียงสองอัตราส่วนท่ีแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างเป็นสาระสาคัญเม่ือเทียบกับ
อัตราส่วนเดยี วกันของปี พ.ศ. 25x4 และ พ.ศ. 25x3 ดังนน้ั ในภาพรวม ปี พ.ศ. 25x5 เปน็ ปี
ท่ีบริษัทมีความสามารถในการทากาไรอย่างโดดเด่น การท่ีอัตราส่วนดังกล่าวมีร้อยละท่ีเพ่ิม
สูงข้ึน น่าจะมีอิทธิพลจากทั้งปัจจัยภายใน เช่น ความสามารถในการบริหารจัดการของฝ่าย
บริหาร และปจั จยั ภายนอก เชน่ นโยบายภาครฐั กฎหมาย และสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปล่ียนแปลง
ไป ซงึ่ เอื้อประโยชนต์ ่อการสรา้ งรายไดใ้ ห้กบั บรษิ ัท และกฎหมายบางประการทเี่ อื้อประโยชน์
ทางภาษใี ห้กบั ผถู้ ือกรรมธรรม์ ปจั จัยเหลา่ น้มี ผี ลทาให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป
และทาให้บริษทั มกี าไรที่เพมิ่ มากขนึ้
บทท่ี 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภยั
264
8.4 สรปุ
เป้าหมายหลักในการดาเนินธุรกิจโดยทั่วไปคือการแสวงหาผลกาไรและสร้างความ
มั่งคั่งให้กับกิจการ หรืออีกนัยหนึ่งคือให้กับผู้เป็นเจ้าของกิจการ แน่นอนว่าในการดาเนิน
ธรุ กจิ ยอ่ มมเี ป้าหมายในการให้บริการทส่ี ร้างความพึงพอใจให้กบั ผบู้ รโิ ภค และยังสร้างโอกาส
ในการทางานอันเป็นการสร้างรายได้ให้กับพนักงานลูกจ้าง และในขณะเดียวกันก็ให้บริการ
แก่สังคม สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ แม้ว่าเป้าหมายในการดาเนิน
ธุรกิจจะมีอยู่หลายประการ แต่ประการท่ีสาคัญท่ีสุดคือการสร้างความเจริญมั่งค่ังและความ
ยัง่ ยืนใหก้ บั กจิ การ หากกจิ การไม่สามารถดาเนินได้อย่างม่ังคั่ง หมายถงึ มผี ลขาดทนุ จากการ
ดาเนินธุรกิจ กิจการก็ย่อมไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการดาเนินธุรกิจ
ดังน้ัน อัตราส่วนท่ีใช้วิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรจึงถูกใช้เป็นส่ว นหน่ึงของ
เครื่องมือในการวัดประสิทธิภาพในการบริหารงานของฝ่ายบรหิ ารของกิจการ โดยอัตราส่วน
ทางการเงินที่นาเสนอในบทน้ี แยกออกเป็น 6 อัตราส่วนด้วยกัน คือ อัตราส่วนสินไหม
ทดแทน อัตราส่วนรวม อัตราสว่ นกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภยั ท่ีถือเป็นรายได้ อตั ราสว่ นกาไร
สุทธิต่อรายได้รวม อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม อัตราผลตอบแทนต่อสว่ นของเจ้าของ
โดยอัตราส่วนทางการเงินทั้ง 6 อัตราส่วนนี้ ควรใช้วิเคราะห์และสนับสนุนซ่ึงกันและกัน ไม่
ควรแยกพิจารณาอัตราส่วนใดอัตราส่วนหนึ่งเพื่อวิเคราะห์ถึงความสามารถในการทากาไร
ของกิจการ หากแต่ควรใช้ในการวิเคราะห์ร่วมกันและพิจารณาแปลผลร่วมกัน เพ่ือวิเคราะห์
ถึงความสามารถในการทากาไรของกิจการ นอกจากน้ี อัตราส่วนน้ีควรใช้ร่วมกับอัตราส่วน
อื่นๆ เพอ่ื วิเคราะหป์ ระสทิ ธิภาพในการดาเนนิ งาน วิเคราะหส์ ภาพคล่อง เป็นต้น ทั้งนี้ กิจการ
ท่ีมีความสามารถในการทากาไรท่ีสูง ก็ควรมีสภาพคล่องท่ียอมรับได้ มีความม่ันคงในด้าน
เงนิ กองทุน และมีความเส่ียงในระดับทีเ่ หมาะสม
บทท่ี 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกนั วนิ าศภัย
265
8.5 แบบฝึกหดั ทา้ ยบท
1. อธิบายความสาคัญของความสามารถในการทากาไรของฝ่ายบริหารของกิจการ มี
ความสาคัญต่อกจิ การ และตอ่ ผูถ้ อื หนุ้ อย่างไร
2. อธิบายความสัมพันธ์ของอัตราส่วนสินไหมทดแทน (Loss Ratio) และความย่ังยืนของ
ธุรกิจประกนั ภยั
3. อธิบายเหตุผลของการวิเคราะห์อัตราส่วนรวม (Combined Ratio) ในการวิเคราะห์
ความสามารถในการทากาไรของธุรกจิ ประกนั วินาศภยั
4. การที่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีอัตราส่วนรวม (Combined Ratio) ในระดับสูง แสดงให้
เห็นถึงความสามารถในการทากาไรของธุรกิจอย่างไร ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างตัวเลข
อัตราส่วนประกอบ
5. การที่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (Return on Assets:
ROA) ในอตั ราทีส่ ูงหมายความวา่ อยา่ งไร ใหอ้ ธบิ ายพอสงั เขป
6. ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกันวินาศภัยจะมีความพอใจหรือไม่ หากบริษัทประกันวินาศภัยท่ี
ตนเองถือหุ้นอยู่มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ (Return on Equity: ROE) สูง
อธิบายเหตผุ ลพอสงั เขป
7. ในฐานะที่ท่านเป็นนักวิเคราะห์ หากบริษัทประกันวินาศภัยท่ีท่านทาการวิเคราะห์อยู่ มี
แนวโน้มอัตราส่วนสินไหมทดแทนในช่วง 3 ปีท่ีผ่านมาสูงข้ึน ท่านคิดว่าบริษัทประกัน
วนิ าศภยั น้ี มคี วามสามารถในการทากาไรสูงขนึ้ ดว้ ยหรือไม่ เพราะเหตุใด
8. ในการวิเคราะห์อัตราส่วนรวมของบริษัทประกันวินาศภัย หากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการ
ประกันภัยสูงข้ึนกว่าปีท่ีผ่านมาเป็นจานวนมาก ในขณะที่มีค่าสินไหมทดแทนท่ีเกิดข้ึน
ระหว่างปี และมีเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ ในจานวนที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
สถานการณ์เช่นน้ี จะส่งผลอย่างไรต่อการคานวณอัตราส่วนรวมของบริษัทประกันวินาศ
ภยั ในปปี ัจจุบัน และสถานการณเ์ ช่นน้ี ฝ่ายบรหิ ารของบริษัทควรให้ความสนใจในด้านใด
เปน็ พิเศษ
9. บริษัทประกันวินาศภัยแห่งหนึ่ง มีแนวโน้มเบ้ียประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้สูงขึ้นจากปีท่ี
ผา่ นมา ในฐานะท่ที า่ นเป็นนกั วเิ คราะห์และกาลังนาเสนอข้อมูลกบั ฝ่ายบริหารของบริษัท
ท่านพบว่า อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบี้ยประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้ (Profit to Earned
Premium Ratio) มีอัตราส่วนท่ีต่ากว่าปีท่ีผ่านมา ให้ท่านอธิบายสาเหตุความเป็นไปได้
ว่ามาจากสาเหตุใดท่ีทาให้บริษัทจึงมีอัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภัยที่ถือเป็น
รายได้ต่ากว่าปีที่ผ่านมา ท้ังๆ ที่บริษัทมีเบี้ยประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้สูงข้ึนจากปีท่ีแล้ว
เปน็ จานวนมาก
บทที่ 8 การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภัย
266
10. ให้ท่านอธิบายความแตกต่างระหว่างเบ้ียประกันภัยรับท่ีถือเป็นรายได้ และเบี้ย
ประกันภยั รับสทุ ธิ
11. ในกรณีท่ีบริษัทขายกรมธรรม์ประกันภัยให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยอายุของ
กรมธรรม์อยู่ท่ี 1.5 ปี ณ วันท่ีกรมธรรม์มีผลบังคับใชค้ ือวันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 25x4 ให้
ท่านอธิบายหลักการรับรู้รายได้เบี้ยประกันภัยรับ ท่ีบริษัทรับมาเต็มจานวน สาหรับ
กรมธรรมท์ ี่มอี ายุ 1.5 ปี นี้
12. บริษัทประกันวินาศภัย กรุงเทพไทย จากัด (มหาชน) มีโครงสร้างรายได้ของบริษัท
ดังต่อไปน้ี
- เบีย้ ประกนั ภัยท่ถี อื เป็นรายได้สุทธิ 600 ลา้ นบาท
- รายไดค้ า่ จา้ งและคา่ บาเหนจ็ 150 ล้านบาท
- ดอกเบย้ี และเงนิ ปนั ผลรับ 50 ลา้ นบาท
- กาไรจากการขายเงนิ ลงทุน 200 ล้านบาท
ในปีนี้ บริษัทมีกาไรสุทธิจานวน 200 ล้านบาท ให้ท่านวิเคราะห์อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อ
เบ้ียประกันภัยรับที่ถือเป็นรายได้ และอัตราส่วนกาไรสุทธิต่อรายได้รวม ของบริษัท
ประกันวินาศภยั กรงุ เทพไทย จากดั (มหาชน)
13. บริษทั ประกันวนิ าศภยั ไทยรัฐ จากดั (มหาชน) มโี ครงสร้างรายได้ของบริษทั ดังต่อไปนี้
- เบี้ยประกนั ภยั ที่ถือเป็นรายไดส้ ุทธิ 700 ลา้ นบาท
- รายไดค้ า่ จา้ งและคา่ บาเหนจ็ 350 ล้านบาท
- ดอกเบย้ี และเงนิ ปนั ผลรับ 250 ลา้ นบาท
- กาไรจากการขายเงนิ ลงทนุ 1,200 ล้านบาท
ในปนี ี้ บรษิ ัทมกี าไรสทุ ธิจานวน 600 ล้านบาท ให้ทา่ นทาการวเิ คราะหด์ ังต่อไปน้ี
13.1 วิเคราะหอ์ ตั ราสว่ นกาไรสุทธิตอ่ เบีย้ ประกันภัยรับท่ถี ือเป็นรายได้ และอัตราสว่ น
กาไรสุทธติ อ่ รายได้รวม ของบรษิ ัทประกนั วนิ าศภยั ไทยรฐั จากดั (มหาชน)
13.2 เปรียบเทียบอัตราส่วนทั้งสองของบริษัทประกันวินาศภัย ไทยรัฐ จากัด
(มหาชน) กับของบรษิ ทั ประกันวินาศภัยกรุงเทพไทย จากดั (มหาชน)
13.3 ท่านคิดว่าบริษัทใดมีความสามารถในการทากาไรสูงกว่ากัน อธิบายพร้อมให้
เหตผุ ลประกอบ
14. ในกรณีที่บริษัทประกันภัย AA มีโครงสร้างทางการเงินที่เน้นไปท่ีหนี้สิน โดยคิดเป็นร้อย
ละ 70 ของสินทรัพย์รวม ขณะท่ีบริษัทประกันภัย BB มีโครงสร้างทางการเงินท่ีเนน้ ไปท่ี
บทท่ี 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภยั
267
ส่วนของเจ้าของ โดยคิดเป็นร้อยละ 70 ของสินทรัพย์รวม บริษัทท้ังสองมีกาไรสุทธิจาก
การดาเนินงาน ณ ส้ินปี จานวนเท่ากันคือ 2,000 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมเท่ากัน
คอื 25,000 ล้านบาท ให้คานวณดังต่อไปนี้
14.1 อัตราผลตอบแทนต่อสนิ ทรพั ย์รวม ของทงั้ สองบริษัท
14.2 อัตราผลตอบแทนตอ่ สว่ นของเจ้าของ ของทง้ั สองบรษิ ทั
14.3 วิเคราะห์ผลลัพธ์ท่ีได้จากข้อ 14.1 และ 14.2 อธิบายสาเหตุของการที่บริษัท
ประกันภยั หน่ึงมีอัตราส่วนผลตอบแทนสูงกว่า ต่ากว่า หรือเท่ากัน กบั อกี บริษัท
หน่งึ
15. จากข้อมูลข้อบริษัท ประกันภัย เอฟเอที จากัด (มหาชน) ให้ทาการวิเคราะห์อัตราส่วน
ความสามารถในการทากาไร โดยวิเคราะห์เปรยี บเทียบสาหรับปี พ.ศ. 25x4 พ.ศ. 25x3
และ พ.ศ. 25x2 และให้ความเห็นว่าความสามารถในการทากาไรของบริษัทมีแนวโน้มดี
ขน้ึ หรอื ไม่ ใหเ้ หตุผลประกอบ โดยทาการอตั ราส่วนทางการเงินใน 6 อัตราสว่ น ดงั น้ี
15.1 อตั ราส่วนสนิ ไหมทดแทน (Loss Ratio)
15.2 อัตราสว่ นรวม (Combined Ratio)
15.3 อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบ้ียประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ (Profit to Earned
Premium Ratio)
15.4 อัตราสว่ นกาไรต่อรายได้รวม (Profit to Total Revenue Ratio)
15.5 อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม หรือ กาไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมเฉล่ีย
(Return on Assets: ROA)
15.6 อัตราผลตอบแทนตอ่ สว่ นของเจา้ ของ (Return on Equity: ROE)
บทท่ี 8 การวิเคราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวนิ าศภยั
268
บรษิ ทั ประกนั ภัย เอฟเอที จากดั (มหาชน) ในปี พ.ศ. 25X2 - 25X4 มขี อ้ มลู งบแสดงฐานะ
การเงนิ ดังน้ี
หนว่ ย: ลา้ นบาท
รายการ 25x4 25x3 25x2
สนิ ทรัพย์
เงนิ สดและรายการเทยี บเท่าเงินสด 1,800 1,875 2,000
17,500 17,500 18,500
เบ้ยี ประกันภยั คา้ งรบั
สนิ ทรัพยล์ งทุน 5,750 4,875 5,000
เงนิ ลงทุนในหลกั ทรัพย์ ประเภทหลกั ทรพั ย์
รฐั บาลและรัฐวสิ าหกจิ 1,800 2,500 3,000
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ ประเภทตราสารหนี้ 4,500 3,125 4,500
ภาคเอกชน 1,800 1,000
เงินลงทนุ ในหลักทรัพย์ ประเภทตราสารทุน 3,000 3,750 500
เงินใหก้ ยู้ มื แก่พนกั งานบรษิ ทั 3,000 3,750 2,500
เงนิ ใหก้ ู้ยมื แก่กรรมการบริษัท 7,500 5,000 4,000
อสงั หารมิ ทรัพยเ์ พือ่ การลงทุน ประเภทท่ีดนิ 3,000
ทด่ี นิ อาคาร อุปกรณ์ 150 150 1,000
ค่าความนยิ ม 750 375
สนิ ทรพั ย์ไม่มตี วั ตน 47,550 43,900 500
รวมสินทรพั ย์ท้ังสิ้น 44,500
หน้ีสนิ 18,750 19,500 20,000
หนสี้ ินจากสัญญาประกนั ภยั 2,250 3,125 1,200
เจ้าหน้บี รษิ ัทประกนั ภยั ตอ่ 6,750 6,525 6,000
คา่ เบี้ยประกันภัยรับลว่ งหนา้ 1,800 1,000 4,000
หนส้ี ินระยะยาว
29,550 30,150 31,200
รวมหน้ีสนิ
ส่วนของเจ้าของ 12,000 10,000 10,000
เงนิ ทุนชาระแล้วจากการออกหนุ้ สามัญ 300 250 300
ส่วนเกินมูลค่าหุน้
กาไรสะสม 5,550 3,250 2,500
สารองอน่ื ในส่วนของผ้ถู ือห้นุ 150 250 500
รวมส่วนของเจา้ ของ
18,000 13,750 13,300
บทที่ 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภยั
รายการ 25x4 25x3 269
รวมหน้สี นิ และสว่ นของเจา้ ของ 47,550 43,900
25x2
44,500
บริษทั ประกันภยั เอฟเอที จากัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 25X2 - 25X4 มีขอ้ มลู งบกาไรขาดทุน
ดังนี้
หนว่ ย: ลา้ นบาท
รายการ 25x4 25x3 25x2
รายได้
42,000 37,000 35,000
เบีย้ ประกนั ภัยรบั
หกั ค่าสนิ ไหมทดแทนรับคืนจากการ (450) (750) (1,500)
6,000 5,600 3,000
ประกันภยั ต่อ
รายไดค้ า่ จ้างและคา่ บาเหนจ็ 200 450 500
47,750 42,300 37,000
รายไดจ้ ากการลงทุนสทุ ธิ
26,000 24,000 20,000
รวม รายไดท้ ั้งสนิ้ 2,250 2,500 3,000
คา่ ใช้จา่ ย 1,800 3,125 3,500
ค่าสนิ ไหมทดแทนทีเ่ กิดขึ้นระหว่างปี
ค่าเบี้ยประกนั ภยั ตอ่ 2,250 3,750 4,000
ค่าจา้ งและบาเหนจ็ 2,280 2,500 2,000
ค่าใช้จ่ายโดยตรงในการจดั การค่าสินไหม
ทดแทน 370 375 400
ค่าใช้จา่ ยในการดาเนินงาน 34,950 36,250 32,900
ตน้ ทนุ ทางการเงนิ 12,800 6,050 4,100
รวม ค่าใช้จา่ ยทงั้ สนิ้ 2,700
กาไรก่อนภาษเี งินได้ 10,100 900 820
หกั คา่ ใช้จา่ ยภาษีเงินได้ 5,150 3,280
กาไรสุทธิ
บทท่ี 8 การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภยั
270
16. จากงบการเงินของบรษิ ัท วันสิงหป์ ระกนั ภยั จากดั (มหาชน) ใหค้ านวณอัตราสว่ นและ
ตอบคาถามดังตอ่ ไปน้ี
16.1 อตั ราส่วนสินไหมทดแทน (Loss Ratio)
16.2 อัตราสว่ นรวม (Combined Ratio)
16.3 อัตราส่วนกาไรสุทธิต่อเบี้ยประกันภัยท่ีถือเป็นรายได้ (Profit to Earned
Premium Ratio)
16.4 อัตราสว่ นกาไรต่อรายได้รวม (Profit to Total Revenue Ratio)
16.5 อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม หรอื กาไรสทุ ธิตอ่ สนิ ทรัพยร์ วมเฉลย่ี (Return
on Assets: ROA)
16.6 อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ (Return on Equity: ROE)
16.7 อธิบายความสามารถในการทากาไรของบริษัท วันสิง์ประกันภัย จากัด (มหาชน)
ในภาพรวม โดยใช้ข้อมลู ท่วี เิ คราะห์ไดจ้ ากขอ้ 16.1 – 16.6 ในการอธิบาย
16.8 ในฐานะที่ท่านเป็นนกั วิเคราะห์ ท่านคิดว่า เพราะเหตุใด บริษัท วันสิงห์ประกันภยั
จากดั (มหาขน) จึงมีผลขาดทุน
16.9 ให้วิเคราะห์และอธิบายความแตกต่างของโครงสร้างทางการเงินของบริษัท บริษัท
วันสิงห์ประกันภัย จากัด (มหาขน) ในแต่ละปีในเชิงเปรียบเทียบ และวิเคราะห์
ร่วมกับความสามารถในการทากาไรของบริษัท
บทที่ 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภยั
271
งบแสดงฐานะการเงนิ บรษิ ัท วันสงิ ห์ประกันภยั จากัด (มหาชน) สน้ิ สุด วันท่ี 31 ธนั วาคม
พ.ศ. 25x3 – 25x5
หน่วย: ล้านบาท
รายการ 25x5 25x4 25x3
สินทรัพย์
เงนิ สดและรายการเทียบเท่าเงินสด 65 200 50
เบย้ี ประกันภยั คา้ งรบั - สุทธิ 120 315 80
สินทรพั ย์จากการประกนั ภยั ต่อ 250 200 180
ลูกหน้จี ากสัญญาประกนั ภยั ต่อ 280 120 55
เงินลงทนุ ในหลกั ทรัพย์ 550 500 400
ทดี่ นิ อาคาร และอปุ กรณ์ - สุทธิ 250 200 160
โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ - สุทธิ 150 130 145
สนิ ทรพั ย์อืน่ 260 250 150
รวมสินทรัพย์ 1,925 1,915 1,220
หน้ีสนิ 600 400 450
หนี้สินจากสญั ญาประกันภยั
เจา้ หนบ้ี ริษัทประกนั ภัยตอ่ 200 150 200
ค่าจา้ งและค่าบาเหน็จคา้ งจ่าย
ประมาณการหนี้สินผลประโยชนพ์ นกั งาน 25 40 15
หเมนือ่ ้ีสเกนิ ษระียยณะอยาายวุ
รวมหนีส้ นิ 15 10 20
350 240 35
1,190 840 720
ส่วนของผูถ้ ือหนุ้ 1,300 1,500 1,000
ทนุ จดทะเบยี น 1,300 1,500 1,000
ทุนทอ่ี อกและชาระแล้ว
กาไร (ขาดทนุ ) สะสม 25 25 25
ทนุ สารองตามกฎหมาย
ทนุ สารองทั่วไป 10 10 10
ขาดทนุ สะสม
องคป์ ระกอบอ่นื ของสว่ นของผ้ถู อื หุน้ - สทุ ธิ (700) (500) (600)
รวมส่วนของผ้ถู ือหนุ้
รวมหนี้สินและสว่ นของผู้ถือหุ้น 100 40 65
735 1,075 500
1,925 1,915 1,220
บทที่ 8 การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไรของบริษัทประกันวินาศภยั
272
งบกาไรขาดทนุ บริษัท วันสงิ หป์ ระกนั ภยั จากัด (มหาชน) สาหรบั ปี ส้นิ สดุ วันที่ 31 ธันวาคม
พ.ศ. 25x3 พ.ศ. 25x4 และ พ.ศ. 25x5
หนว่ ย: ล้านบาท
รายการ 25x5 25x4 25x3
รายได้
เบีย้ ประกนั ภัยรบั 500 600 700
เบย้ี ประกันภยั รับสุทธิ 450 500 550
สารองเบีย้ ประกนั ภัยทีย่ งั ไมถ่ ือเป็นรายได้ 130 (100) 50
เ(เบพ้ยี ม่ิ ปขรึ้นะ)กลันดภลัยงทจ่ีถากอื ปเปีกน็ ่อรนายได้สทุ ธิจากการ
ประกันภัยตอ่ 580 400 600
70 45 150
รายไดค้ า่ จ้างและคา่ บาเหนจ็ 10 5
รายได้จากการลงทุน - สุทธิ (15) 35 8
กาไร (ขาดทุน) จากเงนิ ลงทนุ 10 50 (50)
รายได้อื่น 655 535 80
รวมรายได้ 788
คา่ ใช้จา่ ย
คา่ สนิ ไหมทดแทน 400 250 250
ค่าสินไหมทดแทนรับคอื จากการประกนั ภยั
ต่อ (100) (100) (150)
ค่าจา้ งและคา่ บาเหน็จ 60 80 100
คา่ ใชจ้ ่ายในการรบั ประกันภยั อน่ื 70 120 150
ดอกเบี้ยจ่ายชาระเงินกู้ยมื 18 12 1
ค่าใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน 300 250 350
รวมค่าใชจ้ า่ ย 748 612 701
กาไร (ขาดทนุ ) ก่อนภาษีเงินได้ (93) (77) 87
รายได้ (คา่ ใชจ้ า่ ย) ภาษีเงนิ ได้ (30) 12 (2)
กาไร (ขาดทนุ ) สาหรับปี (123) (65) 85
บทท่ี 8 การวเิ คราะห์ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกนั วินาศภยั
09บทที่ 9
การวเิ คราะหป์ ระสทิ ธภิ าพทางการตลาด
ของบริษัทประกันวินาศภยั
Market Efficiency Analysis of
Non-Life Insurance Companies
9.1 บทนา
การวิเคราะห์ประสิทธิภาพทางการตลาด (Market Efficiency Analysis) เป็นการ
วิเคราะห์ประสิทธิภาพทางการตลาดของบริษัทประกันวินาศภัยผ่านสายตาของนักลงทุน ว่า
นักลงทุนมีความพอใจต่อการดาเนินงานของบริษัทประกันวินาศภัย มีความเช่ือมั่นต่อ
ประสิทธิภาพ ความมนั่ คง ความสามารถในการทากาไรของบริษัทประกนั วนิ าศภัยในระดับใด
โดยสะท้อนออกมาในรูปอัตราส่วนที่เก่ียวข้องกับราคาตลาดของบริษัท อัตราส่วนราคาตลาด
ต่อกาไร และราคาตลาดต่อหุ้น โดยเฉพาะบริษัทประกันภัยท่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ราคาตลาดตอ่ หุ้น เปน็ หนง่ึ ในดชั นชี ว้ี ดั ประสิทธิภาพทางการตลาดของบริษัท ที่วดั ความพอใจ
ของนักลงทุนต่อการบริหารงานของฝ่ายบริหารของบริษัท ความพอใจดังกล่าวส่งผลต่อมูลค่า
ตลาดของกิจการ และราคาตลาดต่อหุ้นของหุ้นของบริษัท โดยอัตราส่วนที่มักใช้ในการ
วิเคราะห์ประสิทธิภาพทางการตลาด เป็นอัตราส่วนที่เก่ียวข้องกับราคาตลาดต่อหุ้น (Price
Earnings Ratio) ทั้งนี้ อัตราส่วนน้ี จะสามารถทาการวิเคราะห์ได้เฉพาะบริษัทท่ีจดทะเบียน
กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่าน้ัน เน่ืองด้วยมีราคาตลาดท่ีสามารถดูได้ ส่วนกาไร
ตอ่ หนุ้ (Earnings Per Share) ราคาตามบัญชีต่อหุน้ (Book Value Per Share) เปน็ อตั ราส่วน
ท่ีสามารถวิเคราะห์ได้โดยใช้ข้อมูลกาไรของบริษัท สามารถคานวณได้ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่จด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือมิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย และอัตราส่วนท่ีสาคัญอีกอันหนึ่งคือ อัตราส่วนแบ่งการตลาด (Market share)
ซึ่งจะต้องใช้ข้อมูลของทุกบริษัทรวมเข้าด้วยกันเป็นข้อมูลตลาด โดยหากพิจารณาส่วนแบ่ง
การตลาดในประเทศไทย ก็เปน็ การรวมเอาขอ้ มลู ที่จะพจิ ารณาเชน่ เบี้ยประกนั ภยั รบั สทุ ธิ (ซง่ึ
เปรียบเสมือนยอดขายของธุรกิจทั่วไป) ของทุกบริษัทเข้าด้วยกัน และนามาพิจารณาหาส่วน
แบ่งทางการตลาดของบริษัทแต่ละบริษัท หรือหากการพิจารณาส่วนแบ่งการตลาดใน
ระดบั ประเทศ หรอื ระดับสากล ก็หมายถึงการนาข้อมูลนนั้ ๆ เช่น ข้อมลู เบี้ยประกันภัยรับของ
274
ทุกบริษัทของทุกประเทศมาคานวณหายอดรวมและหาส่วนแบ่งทางการตลาดของแต่ละ
บริษทั หรืออาจพจิ ารณาในระดับประเทศของแตล่ ะประเทศ เปน็ ตน้
สาหรับในบทที่ 9 นี้ จะอธิบายเฉพาะอัตราส่วนที่สามารถวิเคราะห์ได้ใน
ระดับประเทศ โดยอตั ราสว่ นท่เี ก่ยี วข้องกบั ประสทิ ธิภาพทางการตลาด ไดแ้ ก่
- อัตราสว่ นกาไรต่อหุ้น (Earnings Per Share: EPS)
- อตั ราการเติบโตของกาไรต่อหุ้น (Earnings Per Share Growth Rate)
- อตั ราสว่ นราคาต่อกาไร (Price/Earnings Ratio หรือ P/E Ratio)
- อตั ราส่วนราคาตลาดต่อราคาตามบญั ชี (Market Value to Book Value
Ratio)
- ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) จากเบีย้ ประกันภยั รบั สุทธิ
ทั้งน้ี อัตราส่วนราคาต่อกาไรและอัตราส่วนราคาตลาดต่อราคาตามบัญชี สามารถ
วิเคราะห์เฉพาะกับบริษัทประกันวินาศภัยที่เป็นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ
ไทยเท่านั้น เน่ืองจากมีข้อมูลราคาหุ้นตลาดของหุ้นสามัญท่ีพร้อมสาหรับการนามาวิเคราะห์
และเพื่อให้การวิเคราะห์มีความสมบูรณ์ โดยปกติ นักวิเคราะห์มักจะพิจารณาอัตราส่วน
ดังกล่าวข้างต้น ร่วมกับอัตราส่วนกาไรต่อหุ้น (Earnings Ratio) ในลักษะเปรียบเทียบ ดังนั้น
ในบทนี้ จะได้กล่าวถึงอัตราส่วนท่ีใช้วิเคราะห์ประสิทธิภาพด้านกาไร ร่วมกับอัตราส่วนกาไร
ต่อหุ้น เพื่อให้เห็นภาพรวมในการวิเคราะห์ และมีการนาตัวเลขอัตราส่วนท่ีเกี่ยวข้องของ
อุตสาหกรรมวินาศภัยเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย เพ่ือให้เห็นภาพรวมของตลาด และสามารถ
เปรียบเทียบได้กับอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นตัวเลขเฉล่ีย ในขณะที่ตัวเลขในระดับท่ีสูงกว่า
ระดับประเทศ เชน่ ในระดบั ภมู ิภาคในเอเชยี (รวมข้อมูลของบริษทั ประกันภัยในกลุ่มประเทศ
โซนเอเชีย) ระดับประเทศในกลุ่มกาลังพัฒนา (รวมข้อมูลของบริษัทประกันภัยเฉพาะในกลุ่ม
ประเทศกาลังพัฒนา) ระดับโลก (รวมข้อมูลของบริษัทประกันภัยทุกประเทศทั่วโลกเข้า
ดว้ ยกนั ) จะสามารถเปรียบเทยี บไดเ้ ชน่ กนั หากมีความพร้อมของข้อมูล
9.2 อัตราส่วนวิเคราะห์ประสิทธิภาพดา้ นการตลาด
อัตราสว่ นที่ใชใ้ นการวเิ คราะหป์ ระสิทธภิ าพด้านการตลาด สามารถแบง่ การวิเคราะห์
ออกเปน็ 5 อัตราส่วน ดงั นี้
บทท่ี 9 การวเิ คราะห์ประสทิ ธิภาพทางการตลาดของบรษิ ัทประกนั วินาศภัย
275
9.2.1 กาไรตอ่ หนุ้ (Earnings Per Share: EPS)
กาไรต่อหุ้น คือ อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio) ท่ีใช้วิเคราะห์กาไรของ
บริษัทท่ีแสดงในงบกาไรขาดทุนในลักษณะต่อหุ้น เป็นการบอกถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนจะ
ได้รับจากการถือหุ้น 1 หุ้นของบริษัท ท้ังน้ี กาไรต่อหุ้นท่ีนักลงทุนจะได้รับนั้นจะอยู่ในรูปสกลุ
เงินของกาไรสุทธิที่ระบุในงบกาไรขาดทุนต่อหุ้น การคานวณกาไรต่อหุ้น สามารถคานวณได้
ดงั น้ี
กาไรต่อหุ้น = กาไรสุทธิ / จานวนหนุ้ สามญั ทีบ่ ริษัทออกจาหนา่ ยและ
ชาระแล้วทั้งหมด
กาไรต่อหุ้น เป็นข้อมูลที่ท้ังผู้บริหาร นักลงทุน หรือผู้ที่สนใจจะลงทุน รวมทั้งเจ้าหน้ี
ไม่ว่าจะเป็นในฐานะลูกค้า หรือเจ้าหนี้สถาบันการเงิน ให้ความสนใจและเป็นปกติท่ีจะต้อง
มองถึงกาไรต่อหุ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งท่ีแสดงถึงความสามารถในการทากาไรของบริษัท โดยมอง
ในลักษณะต่อหุ้นที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ ในกรณีที่บริษัทต้องการเพ่ิมทุน โดยการเพิ่มจานวนหุ้น
สามัญ จะทาให้บริษัทได้รับเงินจากการจาหน่ายหุ้นสามัญเข้ามาเพ่ือใช้ในการบริหารกิจการ
และในขณะเดียวกัน ทนุ หนุ้ สามญั ของบริษัทกจ็ ะเพ่ิมขน้ึ ในกรณีน้ี จานวนห้นุ สามญั ที่เพิ่มข้ึน
จะมีผลต่อกาไรต่อหุ้นท่ีจะลดลง การออกหุ้นสามัญเพ่ือเป็นการเพ่ิมทุน อาจจะมีข้อดีตรงท่ีมี
ต้นทุนของเงินทนุ ทีต่ า่ โดยตน้ ทนุ จะเป็นเงนิ ปนั ผลที่ต้องจ่ายใหก้ บั ผถู้ ือหนุ้ แตก่ ารออกหุน้ เพิ่ม
ทุนก็จะมีผลให้ตัวเลขกาไรต่อหุ้นของกิจการลดลง ซึ่งจะมีผลต่อราคาตลาดต่อหุ้นได้ ด้วยผู้
ลงทุนอาจมองว่า กิจการมีผลกาไรท่ีลดลง ทาให้ราคาตลาดซึ่งเป็นราคาท่ีสะท้อนถึงความ
เช่ือม่ันที่มีต่อหุ้นบริษัทน้ันๆ ได้รับผลกระทบไปด้วย ดังน้ัน การออกหุ้นเพิ่มทุนอาจมีท้ังข้อดี
และข้อเสียที่ผู้บริหารของกิจการต้องพิจารณา (ดูงานวิจัยเพ่ิมเติม เช่น Al-Othman, 2019;
Bhattarai, 2018; Chelimo & Kiprop, 2017; Gautam & Bista, 2019; Manokaran,
Ramakrishnan, Hishan & Soehod, 2018; Otekunrin, Nwanji, Olowookere, Egbide,
Fakile, Lawal & Eluyela, 2018)
ในการวิเคราะหก์ าไรตอ่ ห้นุ
- EPS > 0 หมายถึง บริษัทมีกาไรสุทธิ ท่ีนักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นจะได้รับ
ผลตอบแทนจากการถือหนุ้ 1 ห้นุ
- EPS < 0 หมายถึง บริษัทมีขาดทุนสุทธิ ท่ีนักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นจะไม่ได้รับ
ผลตอบแทนจากการถือหนุ้ 1 หุ้น
บทท่ี 9 การวิเคราะหป์ ระสิทธิภาพทางการตลาดของบรษิ ัทประกันวินาศภัย
276
9.2.2 อตั ราการเติบโตของกาไรต่อหนุ้ (Earnings Per Share Growth Rate)
ในฐานะของผถู้ ือหุ้น ยิง่ กจิ การมกี าไรต่อหุ้น หรือ EPS ย่งิ สงู เทา่ ไหร่ ย่งิ เป็นการสร้าง
ความพอใจให้กับผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังสามารถพิจาณาอัตราการเติบโตของกาไรต่อ
หุ้น (Earnings Per Share Growth Rate) ได้ เพ่ือพิจารณาถึงอัตราการเปลี่ยนแปลงของ
กาไรต่อหุ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยอัตราส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงการท่ีผู้ถือหุ้น 1 หุ้น
จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มข้นึ หรือลดลงในช่วงเวลาที่ต่างกนั อันเปน็ การสะท้อนการเติบโตของ
ผลกาไรของบริษัทท่ีผู้ถือหุ้นจะได้รับ โดยอัตราการเติบโตของกาไรต่อหุ้น (EPS Growth
Rate) สามารถคานวณได้ดังนี้
อตั ราการเติบโตของกาไรต่อห้นุ = (EPSt – EPSt-1) / EPSt-1 x 100
โดยท่ี
= ชว่ งเวลาทสี่ นใจ
t = ช่วงเวลาก่อนหน้าช่วงเวลา t 1 ช่วงเวลา
t-1
การวเิ คราะห์ อัตราการเตบิ โตของกาไรต่อหุ้น (EPS Growth Rate Analysis)
EPS Growth Rate > 0 หมายถึง กจิ การมกี าไรต่อหุน้ (EPS) มากขน้ึ เม่ือเทียบกบั
ชว่ งเวลาในอดีตทผ่ี า่ นมา ทาให้นักลงทนุ หรือผถู้ ือหนุ้ ได้รับผลตอบแทนจากการถอื
ห้นุ 1 หนุ้ มากข้นึ
EPS Growth Rate < 0 หมายถึง กิจการมีกาไรต่อหนุ้ (EPS) นอ้ ยลง เมือ่ เทียบกับ
ชว่ งเวลาทผี่ า่ นมาในอดตี ทาใหน้ กั ลงทุนหรือผูถ้ ือห้นุ ไดร้ ับผลตอบแทนจากการถือ
หนุ้ 1 หุ้น นอ้ ยลง
ตัวอย่าง 9.1
จากข้อมูลต่อไปนี้ เป็นข้อมูลบางส่วนของบริษัท มิตรทาวน์ประกันภัย จากัด
(มหาชน) สาหรับปี พ.ศ.25x1- 25x5 ให้ทาการวิเคราะห์อัตรากาไรต่อหุ้น (Earnings Per
Share: EPS) และคานวณอตั ราการเติบโตของกาไรต่อหุน้ (EPS Growth Rate Analysis)
บทท่ี 9 การวิเคราะหป์ ระสทิ ธิภาพทางการตลาดของบริษัทประกันวินาศภัย
277
ตารางท่ี 9.1 ข้อมลู การเงนิ บรษิ ัท มิตรทาวน์ประกันภยั จากดั (มหาชน)
รายการสาคญั หน่วย 25x5 25x4 25x3 25x2 25x1
เบี้ยประกนั ภยั รับ ล้านบาท 500 450 550 480 350
ลา้ นบาท 50 48 35 20 60
หกั เบี้ยประกนั ภยั จ่าย
จากการเอาเงนิ ลา้ นบาท 450 402 515 460 290
ปเบร้ียะปกรันะภกยั นั ตภ่อัยรับสุทธิ
กาไร (ขาดทนุ ) สุทธิ ลา้ นบาท 60 58 70 65 40
จานวนหุ้นสามัญท่ี หุ้น 1,000,000 1,000,000 800,000 800,000 650,000
ออกจาหน่ายและชาระ
แลว้
มูลคา่ หุน้ ราคาตามบัญชี บาทตอ่ 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00
หุ้น
รวมสว่ นของผู้ถอื หนุ้ ล้านบาท 30 30 33 32 20
ราคาตลาดของหุ้น บาท 180.00 170.00 190.00 195.00 168.00
รสาคมาัญตามบัญชีของหนุ้ บาท 30.20 30.30 40.63 40.31 30.18
สามญั
การคานวณกาไรตอ่ หุ้น = กาไร (ขาดทุน) สุทธิ / จานวนห้นุ สามญั ท่ีออกจาหนา่ ยและ
(EPS) ชาระแลว้
EPS 25x5 = 60,000 / 1,000,000
EPS 25x4 = 60.00 บาทต่อหุ้น
EPS 25x3 = 58,000 / 1,000,000
EPS 25x2 = 58.00 บาทต่อหุ้น
EPS 25x1 = 70,000 /800,000
= 87.50 บาทต่อหุน้
= 65,000 / 800,000
= 81.25 บาทต่อห้นุ
= 40,000 / 650,000
= 61.54 บาทต่อหนุ้
บทท่ี 9 การวเิ คราะห์ประสทิ ธภิ าพทางการตลาดของบรษิ ัทประกนั วนิ าศภยั
278
บริษัท มิตรทาวน์ประกันภัย จากัด (มหาชน) มี กาไรต่อหุ้น หรือ EPS 25x5 เท่ากับ
60 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าปี พ.ศ. 25x4 เล็กน้อย โดยปีที่บริษัทมีกาไรต่อหุ้นสูงสุดคือปี พ.ศ.
25x3 ซ่ึงมี EPS เท่ากับ 87.50 บาทต่อหุ้น จานวนกาไรต่อหุ้นดังกล่าว หมายถึง จานวนกาไร
ที่พิจารณาต่อหุ้นท่ีผู้ถือหุ้นได้รับ อันเป็นผลมาจากการดาเนินงานของบริษัทและคานวณเป็น
ผลตอบแทนตอ่ หนุ้ 1 หนุ้
การคานวณอตั ราการเตบิ โตของกาไรต่อหุ้น (EPS Growth Rate Analysis)
การคานวณ EPS Growth Rate = (EPSt – EPSt-1) / EPSt-1 x 100
EPS Growth Rate 25x5 = (60.00 – 58.00)/58.00 x 100
= 3.33%
EPS Growth Rate 25x4 = (58.00 – 87.50)/87.50 x 100
= -50.86%
EPS Growth Rate 25x3 = (87.50 – 81.25)/81.25 x 100
= 7.14 %
EPS Growth Rate 25x2 = (81.25-61.54)/61.54 x 100
= 24.26 %
จากการคานวณข้างต้น แสดงอัตราการเติบโตของกาไรต่อหุ้น ซึ่งในปี 25x4 เป็นปีที่
มีอัตราการเติบโตติดลบ นั่นหมายถึงว่า กิจการมีกาไรต่อหุ้นลดลงในปี พ.ศ. 25x4 เมื่อ
เปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 25x3 และปีที่มีการขยายตัวของกาไรต่อหุ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี น้ีคือปี
พ.ศ. 25x2 ทีม่ อี ตั ราการเตบิ โตของกาไรตอ่ หนุ้ อยู่ทรี่ อ้ ยละ 24.26
ตารางท่ี 9.2 ต่อไปนี้ แสดงอัตรากาไรต่อหนุ้ และอัตราการเติบโตของกาไรต่อหุ้นของ
บริษัท มิตรทาวน์ประกันภัย จากัด (มหาชน) การเปรียบเทียบ 2 อัตราส่วนน้ี จะช่วยในการ
วิเคราะห์กาไรต่อหุ้นและการขยายตัวได้ดีกว่าวิเคราะห์อัตราส่วนใดอัตราส่วน หนึ่งเพียงอย่าง
เดียว
ตารางท่ี 9.2 สรุปอตั รากาไรต่อห้นุ และอัตราการเติบโตของกาไรต่อห้นุ
รายการ หนว่ ย 25x5 25x4 25x3 25x2 25x1
กาไรต่อหุ้น (EPS) บาทต่อ 60.00 58.00 87.50 81.25 61.54
%หุน้ 3.33 (50.86) 7.14 24.26 N.a.
อตั ราการเตบิ โตของกาไรต่อ
หุ้น (EPS Growth) Rate
บทที่ 9 การวิเคราะห์ประสิทธิภาพทางการตลาดของบรษิ ัทประกนั วินาศภยั