3. ความเป็นกลาง (Neutrality)
เพอ่ื ทจ่ี ะไดร้ บั ความวางใจจากทุกฝ่าย กาชาดไม่อาจเกี่ยวข้องหรือเข้ากับฝ่ายหนึ่ง
ฝา่ ยใดในการสรู้ บ ไมว่ า่ ในเวลาใดหรอื กรณขี ดั แยง้ ใด ๆ อนั เนอ่ื งมาจากทางการเมอื ง เชอ้ื ชาติ
ศาสนา หรอื ลทั ธินิยม
4. ความเปน็ อิสระ (Independence)
กาชาดเป็นอสิ ระ สภากาชาดแหง่ ชาติ แมจ้ ะมสี ว่ นชว่ ยเหลอื ในบรกิ ารดา้ นมนษุ ยธรรม
ของรัฐบาลของตนเองและอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายของประเทศตน จะต้องธำ�รงความเป็น
อิสระอยู่เสมอไป เพื่อท่ีจะสามารถปฏิบัติตามหลกั การกาชาดไดท้ กุ เวลา
5. บรกิ ารอาสาสมัคร (Voluntary Service)
กาชาดเปน็ องคก์ ารอาสาสมคั รในการบรรเทาทกุ ข์ โดยไมม่ คี วามปรารถนาผลประโยชนใ์ ด ๆ
ทง้ั สน้ิ
6. ความเป็นเอกภาพ (Unity)
ในประเทศที่พึงมีสภากาชาดได้เพียงแห่งเดียว สภากาชาดต้องเปิดให้แก่คนทั่วไป
สภากาชาดตอ้ งปฏิบัติงานดา้ นมนุษยธรรมทวั่ ทุกดนิ แดนของตน
7. ความเป็นสากล (Universality)
กาชาดเป็นสถาบันสากล ซึ่งสภากาชาดทั้งมวลมีฐานะเท่าเทียมกัน มีส่วนใน
ความรับผดิ ชอบและมบี ทบาทหนา้ ท่ีเท่าเทียมกัน ในการช่วยเหลอื ซ่งึ กนั และกัน
พีระมดิ หลักการกาชาด (The Pyramid of Principles)
มนษุ ยธรรม
Humanity
ความไม่ลำ�เอยี ง
Impartiality
เปา้ หมาย Goal
ความเปน็ กลาง ความเป็นอสิ ระ
Neutrality Independence
บรกิ ารอาสาสมคั ร เครือ่ งมือ Tools ความเป็นสากล
Voluntary Service Universality
ความเป็นเอกภาพ
Unity
โครงสรา้ งพ้ืนฐาน Organization
44
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เปา้ หมาย/พนั ธกิจ (Goal)
มนุษยธรรมและความไมล่ ำ�เอยี ง
เป็นเป้าหมายหลักของการดำ�เนินงานทั้งปวงของกาชาด
เคร่อื งมือ/วธิ กี าร (Tools)
ความเป็นกลางและความเป็นอิสระ
เป็นหลักการที่รับรองความมั่นใจที่จะปฏิบัติการในการบรกิ ารทีย่ ิง่ ใหญส่ ำ�หรบั คนท้ังปวง
โครงสร้างพื้นฐาน/รากฐาน (Organization)
บรกิ ารอาสาสมัคร ความเป็นเอกภาพ และความเปน็ สากล
เปน็ รากฐานอนั แขง็ แกร่งทจี่ ะท�ำ ให้การปฏบิ ตั ิการไปสเู่ ปา้ หมายได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
45
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
เน้อื หาเร่อื ง กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
กฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศ (International Humanitarian Law : IHL)
กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เป็นส่วนส�ำ คญั ส่วนหนึง่ ของกฎหมายระหว่าง
ประเทศ กฎหมายนี้ประกอบด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่มุ่งคุ้มครองผู้ที่ไม่สามารถทำ�การสู้รบได้
อีกต่อไป และมุ่งที่จะจำ�กัดวิธีการ และวิถีทางการสู้รบในช่วงที่มีการสู้รบเกิดขึ้น กฎหมาย
มนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ใช้ในการสู้รบตามความหมายของ ICRC คือ สนธิสัญญา
ระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์จารีตประเพณี ซึ่งมุ่งที่จะใช้ในการแก้ปัญหาด้านมนุษยธรรม
อันมีสาเหตุโดยตรงมาจากการสู้รบไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สู้รบระหว่างประเทศ หรือไม่ใช่
การสรู้ บระหวา่ งประเทศกต็ าม เชน่ กฎเกณฑเ์ กย่ี วกบั การจ�ำ กดั สทิ ธขิ องฝา่ ยตา่ ง ๆ ทท่ี �ำ การสู้
รบ
ในการเลือกใช้วิธีการหรือวิถีทางของการสู้รบ รวมถึงคุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินที่ได้รับ
ผลกระทบจากการสู้รบ
ความคิดของอังรี ดูนังต์ นอกจากริเริ่มให้มีการก่อตั้งกลุ่มองค์กรกาชาดระหว่าง
ประเทศและสภากาชาดประจำ�ชาติแล้ว ความคิดของเขาอีกประการหนึ่ง คือ การกำ�หนด
ข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศ เพื่อการปกป้องคุ้มครองชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ในยามสงครามหรือการขัดกันทางอาวุธ ที่เรียกว่า “กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ”
(International Humanitarian Law : IHL) ซึ่งมีต้นกำ�เนิดมาจาก อนุสัญญาเจนีวา 4 ฉบับ
เพื่อการคุ้มครองทหารและพลเรือนตลอดทั้ง พิธีสารเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมการช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยจากสงครามและความขดั กนั ทางอาวธุ มากย่ิงขนึ้
อนุสญั ญาเจนีวา
เป็นสาระสำ�คัญของ IHL ในการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงคราม
และการขัดกันทางอาวุธ ผลการประชุมทางการทูตระหว่างประเทศ เมื่อ พ.ศ. 2492 ได้มี
การลงนามรับรองอนุสญั ญาเจนวี า 4 ฉบบั
- อนุสญั ญาฉบบั ท่ี 1 ว่าด้วยการคุ้มครองและช่วยเหลือทหารบาดเจ็บ เจ็บป่วยใน
สนามรบ
- อนสุ ัญญาฉบบั ท่ี 2 ว่าด้วยการคุ้มครองและช่วยเหลือทหารบาดเจ็บ เจ็บป่วยใน
สงครามทางทะเล
- อนสุ ัญญาฉบบั ท่ี 3 วา่ ดว้ ยการกำ�หนดสถานภาพและการปฏบิ ตั ติ ่อเชลยศกึ
- อนสุ ัญญาฉบบั ท่ี 4 ว่าด้วยการคุ้มครองและช่วยเหลือพลเรือนในเขตพื้นที่ที่มี
การขัดแย้งกันทางอาวธุ
46
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
สาระสำ�คัญของอนสุ ญั ญาเจนีวา
ประเทศภาคีทั้งหลายจักด�ำ เนนิ การเพื่อเคารพและประกนั ใหม้ กี ารเคารพว่า
ผู้บาดเจบ็ ต้องไมถ่ ูกทอดทิ้ง
ผปู้ ่วยตอ้ งไดร้ ับการดูแล
ผู้เสยี ชวี ิตต้องถูกคน้ หา
พาหนะเคลอ่ื นย้ายผูบ้ าดเจบ็ ตอ้ งไดร้ ับการคมุ้ ครอง
เชลยศกึ ต้องไดร้ บั การปลดปลอ่ ยและสง่ กลบั โดยไมช่ ักช้า
ให้ความชว่ ยเหลอื แกเ่ รืออับปาง
โรงพยาบาลตอ้ งไมถ่ ูกคกุ คาม
หีบหอ่ ยาและเวชภัณฑม์ เี สน้ ทางลำ�เลียงทปี่ ลอดภยั
สตรตี ้องไดร้ ับความคุ้มครองเปน็ พเิ ศษใหพ้ น้ จากการถกู ข่มขืน
หา้ มการปลน้ สะดม
ห้ามแกแ้ ค้นผู้ทไี่ ดร้ บั การค้มุ กนั
เปน็ หลักของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
เปน็ ตราสารระหวา่ งประเทศทส่ี ำ�คัญทส่ี ุดในการปกปอ้ งศกั ดิศ์ รีของมนษุ ยใ์ นยามสงคราม
เปน็ อนุสญั ญาทไ่ี ดร้ ับการให้สัตยาบนั มากท่ีสุดในโลก (192 ประเทศ)
พธิ สี ารเพิ่มเตมิ
พธิ สี ารเพม่ิ เตมิ (The Additional Protocols) คือข้อกฎหมาย IHL ทข่ี ยายความเพิม่
เติม
อนุสัญญาเจนีวา เพื่อให้มีประสิทธิภาพการปกป้องชีวิตและศักดิ์ศรีของเพื่อนมนุษย์ โดย
เฉพาะกลุ่มพลเรือนให้ได้รับการคุ้มครองมากยิ่งขึ้น จึงมีการลงนามรับรอง พิธีสารเพิ่มเติม
2 ฉบับในพ.ศ. 2550
- พิธสี ารฉบบั ท่ี 1 การคมุ้ ครองพลเรือน ซึง่ ได้รับผลกระทบจากการขัดกันทางอาวุธ
ระหว่างประเทศครอบคลุมถึงทรัพย์สินของพลเรือน อุปกรณ์รักษาพยาบาล แพทย์ พยาบาล
เจา้ หนา้ ทบ่ี รรเทาทกุ ข์ และกำ�หนดวธิ กี ารใชอ้ าวธุ ในการทำ�สงคราม
- พิธีสารฉบับที่ 2 การคุ้มครองพลเรือนซึ่งได้รับผลกระทบจากการขัดแย้งที่มิใช่
ระหว่างประเทศ เช่น สงครามกลางเมอื ง การขัดแยง้ ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏ
สาระสำ�คัญของพธิ สี ารเพิ่มเตมิ
ต้องจำ�กดั วธิ ีการในการทำ�สงคราม
ต้องแยกแยะพลเรอื นออกจากผูท้ ี่ทำ�การสู้รบ (ทหาร)
ห้ามทำ�ลายสง่ิ ท่จี �ำ เป็นตอ่ ความอย่รู อดของพลเรอื น
ห้ามนำ�เดก็ ท่มี อี ายุต่ำ�กว่า 15 ปี เข้ารว่ มในการสู้รบ
47
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
การนำ�กฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศไปใช้
กฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศ จะบังคบั ใช้ใน 2 กรณีเทา่ นั้น คือ
1. การสรู้ บระหว่างประเทศ (International armed conflicts) เปน็ การสู้รบระหว่าง
รัฐ 2 ประเทศ ที่มกี ารประกาศท่ีจะทำ�สงครามกนั อนสุ ัญญาทีใ่ ช้บังคบั คอื อนุสัญญาเจนีวา
ฉบับท่ี 1 - 4 และพธิ สี ารฉบับท่ี 1
2. การสู้รบภายในประเทศ (Non-International armed conflicts) เป็นการสู้รบ
ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในประเทศของตน มีการจัดตั้งเป็นองค์กรชัดเจน
มีสายการบังคับบัญชาชัดเจน หรอื การสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธด้วยกันเอง อนุสญั ญาที่ใช้
บงั คับ คอื อนสุ ญั ญาเจนีวาฉบบั ที่ 1 - 4 และพิธสี ารฉบับท่ี 2
สำ�หรับกรณีความรุนแรงภายในประเทศ (Other situations of violence) เป็น
สถานการณ์ที่ไม่ถึงระดับการสู้รบเป็นการก่อการร้ายที่ไม่มีรูปแบบชัดเจนจะไม่บังคับใช้
กฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศ
หลักพ้ืนฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
หลกั พ้นื ฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศ มีดังนี้
การแบง่ แยก
ในการวางแผนหรือปฏิบัติการโจมตีจะต้องมีการแบ่งแยกระหว่างพลเรือนและพลรบ
รวมท้งั ระหวา่ งวัตถขุ องพลเรอื นและเปา้ หมายทางทหารด้วย
1. หา้ มมใิ หโ้ จมตีประชาชนพลเรอื น
2. หา้ มมิใหโ้ จมตวี ัตถุของพลเรือน (บ้านเรอื น โรงพยาบาล โรงเรยี น สถานที่อนั เป็น
ที่สักการบูชาอนสุ าวรียท์ างวัฒนธรรมหรอื ทางประวัตศิ าสตร์ ฯลฯ)
3. ก่อนการโจมตี จะต้องใช้ความระมัดระวังเท่าที่จะกระทำ�ได้เพื่อลดความเสียหาย
ที่จะเกิดแก่พลเรือนและวตั ถุของพลเรือน
4. หา้ มใชอ้ าวธุ ท่ีไม่สามารถแบง่ แยกระหวา่ งพลเรอื นและเปา้ หมายทางทหาร
การปฏิบตั ิ
พลเรือนหรือพลรบที่ออกจากการสู้รบไปแล้วจะต้องได้รับความคุ้มครองและปฏิบัติ
อยา่ งมีมนษุ ยธรรม
1. หา้ มฆา่ ทรมานและลงโทษหรอื ปฏบิ ตั อิ ยา่ งโหดรา้ ยหรอื ลดคณุ คา่ ความเปน็ มนษุ ย์
2. หา้ มประทุษร้ายทางเพศ
3. ห้ามบงั คบั ประชาชนพลเรอื นใหอ้ พยพโยกย้าย
4. หา้ มใชว้ ิธีการใหพ้ ลเรอื นอดอยากหิวโหยเป็นยทุ ธวิธที างการรบ
5. ห้ามมใิ หใ้ ชพ้ ลเรอื นเป็นเกราะก�ำ บงั เป้าหมายทางทหาร
48
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
6. คู่พิพาทแต่ละฝ่ายจะต้องค้นหาและดูแลทหารฝ่ายศัตรูที่บาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือ
เรืออับปาง จะไม่มีการใหอ้ ภิสิทธิใ์ ด ๆ ยกเวน้ เม่อื มีความจำ�เป็นทางการแพทย์เทา่ นัน้
7. พลเรอื นหรอื ทหารฝา่ ยศตั รทู ถ่ี กู จบั ได้ จะตอ้ งไดร้ บั อาหาร น�ำ้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ ทพ่ี กั พงิ
และการดูแลทางการแพทย์อยา่ งเพียงพอ และมีสิทธิ์สง่ ข่าวสารติดต่อกับครอบครัว
ของพวกเขา
8. ทกุ คนมสี ิทธิ์ไดร้ ับการด�ำ เนินคดอี ย่างยุตธิ รรม
อาวธุ และกลยทุ ธ์
วัตถุประสงค์ท่ีชอบด้วยกฎหมายของการทำ�สงครามคือการทำ�ให้กองทัพฝ่ายศัตรู
ออ่ นกำ�ลงั ลง
1. หา้ มใช้อาวธุ ทีท่ ำ�ให้เกิดความเจ็บปวดเกนิ กว่าจำ�เป็น
2. ห้ามจับคนไปเปน็ ตัวประกัน
3. หา้ มฆา่ หรือทำ�รา้ ยศตั รูทยี่ อมจำ�นนแลว้
4. ห้ามออกคำ�สั่งหรอื ขวู่ ่าจะไม่ไว้ชวี ติ แก่ผใู้ ด
5. หา้ มมิให้ทหารแสร้งแสดงตนเป็นพลเรือนขณะทำ�การสรู้ บ
6. ห้ามทำ�ลายสิ่งจำ�เป็นในการดำ�รงชีพของพลเรือน (อาหาร สถานที่เพาะปลูก
แหล่งน�ำ้ กินนำ้�ใช้ ฯลฯ)
7. หา้ มโจมตบี ุคลากรทางการแพทยแ์ ละทางดา้ นศาสนาและสิ่งใดที่ติดเครื่องหมาย
กาชาด เสยี้ ววงเดอื นแดงหรือคริสตัลแดงตามที่กฎหมายอนุญาต
8. หา้ มใช้เคร่อื งหมายกาชาด เส้ยี ววงเดือนแดงหรือคริสตลั แดงในทางทีผ่ ดิ
ความคมุ้ ครองเพ่ิมเติม
บุคคลและส่ิงของบางประเภทจะต้องได้รับความคุ้มครองเพ่มิ เติม
1. หา้ มเกณฑ์เดก็ หรือใชเ้ ด็กอายตุ ำ่�กว่า 15 ปี เข้ารว่ มในการรบ
2. บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสถานพยาบาล (โรงพยาบาล คลนิ กิ รถพยาบาล ฯลฯ)
รวมทง้ั บคุ ลากรทางดา้ นศาสนาจะต้องไดร้ บั ความเคารพและความคุ้มครอง
3. บุคลากร สิ่งของบรรเทาทุกข์ และการปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรมจะต้องได้รับ
ความเคารพและความคุ้มครอง
4. ทรัพย์สินทางวฒั นธรรมจะต้องไดร้ บั ความเคารพและความคุม้ ครอง
5. ผหู้ ญงิ ทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจากสงครามจะตอ้ งไดร้ บั ความคุ้มครอง การปกป้อง ดูแล
ดา้ นสขุ ภาพอนามัย และได้รับความชว่ ยเหลือเปน็ พเิ ศษ
49
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
กฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศ และกฎหมายสิทธิมนุษยชน
กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และกฎหมายสิทธิมนุษยชน แตกต่างกัน
อย่างไร กฎหมายทั้งสองมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิดเพราะมีความเกี่ยวข้องกับสิทธิของ
ปจั เจกบุคคล ท้ังทางร่างกาย จติ ใจและศกั ดศ์ิ รขี องเขาหรอื เธอเหลา่ นน้ั ไมว่ า่ ในสถานการณ์
ใด
กต็ าม ทง้ั กฎหมายสทิ ธมิ นษุ ยชน และกฎหมายมนษุ ยธรรมตา่ งกเ็ ปน็ องคป์ ระกอบซง่ึ กนั และกนั
โดยกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศประกอบขึ้นด้วยกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศที่ใช้ใน
ภาวะสงคราม โดยมีจุดมุ่งหมายในการจำ�กัดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำ�สงครามต่อทั้ง
มนุษย์และวัตถุต่าง ๆ ส่วนกฎหมายสิทธิมนุษยชนนั้นหมายถึงกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
ตามสนธสิ ัญญาหรอื จารตี ประเพณี ซง่ึ ตง้ั อยบู่ นหลกั การทว่ี า่ มนษุ ยท์ ง้ั ปจั เจกบคุ คลและหมคู่ ณะ
ศกั ดศ์ิ รคี วามเป็นมนุษย์
กาชาด ถือกำ�เนิดมาเพื่อการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เพื่อนมนุษย์ วัตถุประสงค์ คือ
การป้องกันชีวิตและสุขภาพ การเคารพในสิทธิของมนุษย์ รวมทั้งการส่งเสริมสัมพันธภาพ
ความรว่ มมือเพ่อื สันตสิ ุขทยี่ ง่ั ยนื ของมนุษยชาติ เป็นการช่วยเหลอื โดยไม่แบง่ เชื้อชาติ สญั ชาติ
ศาสนา ชนชน้ั และลทั ธกิ ารเมอื ง นค่ี อื หลกั การกาชาดทส่ี ภากาชาดและสภาเสย้ี ววงเดอื นแดง
ประเทศต่าง ๆ ยึดถือปฏิบัติในการดำ�เนินงานตลอดมาคำ�ว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
(Human Dignity) ในการดำ�เนินงานของกาชาด จึงมีความสำ�คัญมาก เพราะมนุษย์ทุกคนมี
คณุ ค่ามีศักดิ์ศรีที่ผู้อื่นมิอาจจะล่วงละเมิดได้ การปฏิบัติการของกาชาดจึงทำ�หน้าที่ปกป้อง
ศักดศ์ิ รีความเปน็ มนุษย์ ทง้ั ในยามสงครามและเมือ่ เกิดภยั พบิ ตั ติ า่ ง ๆ และศักดิ์ศรคี วามเป็น
มนุษยจ์ ะต้องได้รบั การคุ้มครองจากรัฐอกี ด้วย
สำ�หรับประเทศไทยกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ได้บัญญัติการรับรอง
ศักดิศ์ รีความเป็นมนษุ ยไ์ ว้วา่ คอื การห้ามปฏิบัติต่อมนุษย์เยี่ยงสัตว์หรือเยี่ยงทาส เช่น จะนำ�
มนุษย์มาทดลองเหมือนสัตว์ไม่ได้และจะใช้สิทธิที่ได้รับการรับรองนี้ทำ�สิ่งใดก็ได้ แต่ต้องไม่
สรา้ งความเดอื ดรอ้ นให้แก่ผอู้ ่นื ประกอบดว้ ย
มาตรา 4 ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ สทิ ธิ และเสรภี าพของบคุ คล ยอ่ มไดร้ บั ความคมุ้ ครอง
มาตรา 26 การใช้อำ�นาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กรต้องคำ�นึงถึงศักดิ์ศรีความเป็น
มนษุ ย์ สทิ ธิและเสรภี าพ ตามบทบัญญัตแิ หง่ รฐั ธรรมนูญน้ี
มาตรา 27 สิทธิและเสรภี าพท่รี ัฐธรรมนูญฉบับนร้ี บั รองไว้โดยชดั แจง้ โดยปริยายหรอื
โดยวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมได้รับความรับรอง และผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี
ศาล และองค์กรอื่นของรัฐโดยตรงในการตรากฎหมาย การใช้บังคบั กฎหมาย และการตคี วาม
กฎหมายทั้งปวง
50
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
มาตรา 28 บคุ คลย่อมอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ย์ หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของตน
ไดเ้ ท่าทไี่ มล่ ะเมิดสิทธแิ ละเสรภี าพของบุคคลอ่นื ไม่เป็นปฏปิ กั ษ์ต่อรัฐธรรมนูญ หรอื ไมข่ ดั ตอ่
ศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน
บุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ สามารถยกบัญญัติแห่ง
กฏหมายเฉพาะเพ่อื ใช้สิทธิทางศาล หรือยกข้ึนเปน็ ขอ้ ตอ่ สู้คดใี นศาลได้
มาตรา 29 การจำ�กดั สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้จะกระทำ�
มิไดเ้ วน้ แตโ่ ดยอาศยั อ�ำ นาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายเฉพาะเพอ่ื การทร่ี ฐั ธรรมนญู นก้ี �ำ หนดไว้
และเทา่ ทจ่ี �ำ เป็นเท่านั้น และจะกระทบกระเทอื นสาระสำ�คญั แห่งสิทธิเสรีภาพนนั้ มไิ ด้
กฎหมายตามวรรคหนึง่ ตอ้ งมีผลใชบ้ งั คบั เป็นการท่ัวไป และไมม่ งุ่ หมายใหใ้ ช้บงั คบั
แก่กรณหี นง่ึ หรือบคุ คลใดบุคคลหนง่ึ เป็นการเจาะจง ทั้งตอ้ งระบบุ ทบญั ญัตแิ หง่ รฐั ธรรมนูญท่ี
ใหอ้ �ำ นาจในการตรากฎหมายน้นั ดว้ ย
บทบัญญัติวรรคหนึ่งและวรรคสองให้นำ�มาใช้บังคับกับกฎหรือข้อบังคับท่ีออกโดย
อาศยั อำ�นาจตามบัญญตั ิแหง่ กฎหมายด้วยอนุโลม
อน่งึ ศักด์ศิ รขี องความเปน็ มนษุ ยต์ ามที่บัญญตั ิไวใ้ นรัฐธรรมนูญน้ัน มีผู้ให้คำ�จำ�กัด
ความไวห้ ลากหลาย แตพ่ อจะกลา่ วไดว้ า่ ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ยน์ น้ั เปน็ คณุ คา่ ทม่ี ลี กั ษณะเฉพาะ
อันสืบเนื่องมาจากความเป็นมนุษย์ และเป็นคุณค่าที่ผูกพันอยู่เฉพาะกับความเป็นมนุษย์
เทา่ นน้ั โดยไมข่ น้ึ อยกู่ บั เงอ่ื นไขอน่ื ใดทง้ั สน้ิ เชน่ เชอ้ื ชาติ ศาสนา คณุ คา่ ของมนษุ ย์ ดงั กลา่ วน้ี
มคี วามมงุ่ หมายเพอ่ื ใหม้ นษุ ยม์ คี วามอสิ ระในการทจ่ี ะพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ สว่ นตวั ของบคุ คลนน้ั ๆ
ภายใต้ความรบั ผิดชอบของตนเอง โดยถอื วา่ “ศกั ดศิ์ รีความเป็นมนษุ ย”์ เป็นคุณค่าที่มิอาจจะ
ล่วงละเมิดได้ มนุษย์มีคุณลักษณะส่วนบุคคลที่สามารถดำ�เนินชีวิตด้วยความรับผิดชอบของ
ตนเอง และมคี วามเปน็ อิสระที่จะพฒั นาบุคลกิ ภาพภายใตค้ วามรับผิดชอบ และการตดั สินใจ
ของตนเอง มนุษย์จึงมีสิทธิและเสรีภาพโดยไม่ล่วงละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นนั่นก็คอื
การเคารพในคณุ ค่าและศกั ด์ศิ รีความเป็นมนุษย์ของผู้อ่ืนน่นั เอง
ขอ้ สงั เกตบางประการทีน่ า่ พจิ ารณาเกีย่ วกับศักด์ศิ รคี วามเป็นมนุษย์
ในกรณีที่บุคคลไม่สามารถพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองได้ เช่น จิตบกพร่อง
จติ ผดิ ปกติ จะดว้ ยเหตผุ ลใดกต็ าม ใหถ้ อื วา่ ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ยย์ งั คงด�ำ รงอยกู่ บั บคุ คลนน้ั
อยา่ งสมบูรณ์
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ตนเอง เช่น ใช้สิทธิและ
เสรีภาพในทางที่ผิดเป็นอาชญากร สร้างความอับอาย สร้างความเสื่อมเสียให้กับตนเองและ
วงศ์ตระกูล การกระทำ�เช่นนั้นย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบุคคลนั้นมีศักดิ์ศรีที่จะกำ�หนดตนเอง
ได้อย่างสมบูรณ์
บทบัญญัติ ข้อกฎหมายใด ๆ ของรัฐท่ีเกิดข้นึ ถือเป็นภาระหน้าที่ของรัฐที่จะต้อง
ให้ความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และปกป้องไม่ให้มีการละเมิดต่อศักดิ์ศรีความเป็น
มนุษย์ 51
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
แม้บุคคลนั้นจะยังไม่ถือกำ�เนิด (อย่ใู นครรภ์) หรือบุคคลนั้นได้ตายไปแล้วก็ตาม
ย่อมได้รับการคุ้มครองโดยอำ�นาจรัฐ เช่น เด็กในครรภ์ การทำ�แท้งถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
เพราะเด็กมสี ทิ ธิทจ่ี ะมีชวี ิตอยแู่ ละรฐั ก็ใหค้ วามคมุ้ ครองชวี ติ ดังกล่าวดว้ ย รวมท้งั การคมุ้ ครอง
ผ้ทู เ่ี สียชีวติ ไปแลว้ การใชป้ ระโยชนจ์ ากศพเพอ่ื การใดกต็ ามกถ็ อื เปน็ การละเมิด นอกจากกรณี
ที่ผู้ตายไดอ้ ุทิศรา่ งกายของตนเองเพอ่ื ศกึ ษาวชิ าทางการแพทย์
สรุปกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law : IHL)
1. การเคารพชีวติ ทหาร พลเรอื น
2. การเคารพสัญลักษณก์ าชาด
3. หา้ มท�ำ รา้ ยคนทวี่ างอาวุธ
4. ช่วยคนบาดเจ็บ รักษาพยาบาล
5. การแบ่งเขตระหวา่ งทหารและพลเรือน
6. การจ�ำ กัดวิธใี นการทำ�สงคราม
กลา่ วโดยสรปุ การด�ำ เนนิ งานของกาชาดเพอ่ื การป้องกนั ชีวติ และศักดศิ์ รีความเป็น
มนุษย์ตามหลักการกาชาด ทั้งในกรณีเร่งด่วนเพื่อการช่วยเหลือในทันที และการช่วยเหลือ
โดยดำ�เนินการในรูปของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพื่อการปกป้องผู้ไม่มีส่วนร่วม
ในการรบ เช่น ทหารบาดเจ็บ เชลยศึก และพลเรือนทั้งหลาย เป็นการให้ความสำ�คัญกับ
เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นการเคารพในสิทธิของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมิตรหรือศัตรู
เมื่อเกิดการขัดแย้งด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม การช่วยเหลือที่เกิดขึ้นทุกขณะควรเป็นจิตสำ�นึก
ความรบั ผดิ ชอบทม่ี นษุ ยจ์ ะมตี อ่ มนษุ ยด์ ว้ ยกนั ไมว่ า่ จะเปน็ เวลาใด สถานทใ่ี ด เชอ้ื ชาติ ศาสนาใด
กต็ าม มนษุ ยท์ กุ คนตอ้ งมคี วามรับผิดชอบตอ่ ชวี ิตมนุษยด์ ว้ ยกนั ไมท่ �ำ ลายหรอื ล้างแคน้ ตอ่ กนั
น่นั คอื การให้คุณคา่ ในศักดิ์ศรคี วามเป็นมนษุ ยแ์ กเ่ พื่อนร่วมโลกของเราอันจะน�ำ มาซึง่ สันตสิ ขุ
และสันติภาพในทีส่ ดุ
เพลง ผู้ยิ่งใหญ่อองรี
(ทำ�นอง : ผู้ใหญ่ล)ี
พ.ศ. สองพนั ส่รี อ้ ยสอง อองรี ดูนองต์ ทา่ นได้เดนิ ทางไกล
ถงึ หมบู่ า้ นหน่งึ ไม่ยอมผ่านไป (ซำ้�) จ�ำ ไว้ จำ�ไว้ ซอลเฟริโน
ขณะทอ่ี ติ าลี ฝรง่ั เศส รบกบั ประเทศออสเตรียใหญ่โต
อองรี ดูนองต์ รอ้ งโอ้ (ซำ้�) พโิ ธ่ พิโถ ใยพน่ี อ้ งมารบกัน
ไม่รอราช้าพลัน ชวนชาวบา้ นช่วยกันพยาบาลทนั ใด
ใครปว่ ยทา่ นช่วยเร็วไว (ซ�ำ้ ) อองรี นี้ไซร้ น้ำ�ใจเราบูชา น�้ำ ใจ นำ้�ใจเราบูชา
52
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เพลง หล กั การกา ชาด
(ท�ำ นอง : คุณล�ำ ไย)
ยงั จ�ำ ไม่เคยลืมเลือน คอยเตือนตัวเองเอาไว้
เห็นธงกาชาดท่ใี ด โปรดจงมั่นใจได้ทุกเวลา
ทำ�ดกี ท็ ุกทไี่ ป สรา้ งความอุน่ ใจใหไ้ ทยเราหนา
บำ�เพ็ญประโยชน์เร่ือยมา
กาชาดน้นั หลักการกาชาดนัน้ ว่าอยา่ งไร
ยังจำ�กันไดไ้ หมวา่ ขอ้ สอง ความไม่ลำ�เอียง
ข้อหน่ึง มนุษยธรรม ขอ้ สี่ ความเป็นอสิ ระ
ข้อสาม ความเป็นกลาง ขอ้ หก ความเป็นเอกภาพ
ข้อห้า บริการอาสาสมัคร คิด คิดดูให้ดี คิด คดิ ดใู หด้ ี
ข้อเจ็ด ความเป็นสากล
เพลง หลักการกาชาด (ทำ�นอง : ลาวโซง่ )
โอ้เจ้าชอ่ เบญจมาศ หลกั การกาชาดมอี ยู่ 7 ข้อ (ซ�้ำ )
ทปี่ ระชุมรบั รองหลกั การ (ซำ้�) เพื่อให้ทำ�งาน ได้ผลเพยี งพอ
หนึง่ เจ้าช่อเอ้ืองคำ� มนุษยธรรม หลกั การข้อใหญ่ (ซำ้�)
ป้องกนั และบรรเทาทุกข์ (ซำ้�) เสรมิ สร้างความสขุ แกค่ นทวั่ ไป
สอง เจา้ ช่อชำ�มะเรยี ง ความไม่ลำ�เอียง น้นั น่าชน่ื ใจ (ซำ้�)
ทุกผิวและทกุ ชาติเช้อื (ซ้ำ�) กาชาดเอือ้ เฟื้อ ไมร่ งั เกยี จใคร
สาม ดอกเล็บมือนาง ถอื ความเป็นกลาง ไม่เข้าฝ่ายไหน (ซ้ำ�)
ยามศกึ หรือยามสงบ (ซ�ำ้ ) เราไม่เลอื กคบ เฉพาะชาติใด
สี่ เจา้ พวงอุบะ เรามี อิสระ ไม่ขึน้ แกใ่ คร (ซ้ำ�)
ไมก่ า้ วก่ายกฎหมายบา้ นเมอื ง (ซ�ำ้ ) ท�ำ แต่ในเรื่อง ท่ีจะทำ�ได้
หา้ เจ้าดอกพดุ ตาล ให้บริการอาสาสมัคร (ซ้�ำ )
ท�ำ โดยไมท่ วงบุญคุณ (ซ�้ำ ) เราบำ�เพญ็ บุญ ด้วยนำ้�ใจรัก
หก เจา้ ช่อกหุ ลาบ รกั ษา เอกภาพ เปน็ อันหนึ่งอนั เดยี ว (ซำ้�)
ประเทศหนึ่งก็มีเพยี งหนึง่ (ซ้ำ�) กาชาดคำ�นงึ ถงึ ความกลมเกลียว
เจด็ เจ้าช่อดอกรัก กาชาดยดึ หลัก ความเปน็ สากล (ซำ�้ )
ฐานะความรับผิดชอบ (ซำ้�) หนา้ ทใ่ี นระบอบ เหมือนกันทกุ แห่งหน
โอ้เจา้ ชอ่ อโศก กาชาดทว่ั โลกทำ�การยิง่ ใหญ่ (ซ�ำ้ )
ถ้าทา่ นช่วยกนั บำ�รงุ (ซำ�้ ) ก็เหมอื นผดงุ ให้โลกพ้นภยั
53
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
หวั ข้อเร่อื ง สภากาชาดไทยและยุวกาชาด
วัตถปุ ระสงค์
เพื่อให้ผู้เข้ารบั การอบรม
1. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติและภารกจิ หลกั ของสภากาชาดไทย
2. มีความรเู้ กีย่ วกับหน่วยงานของสภากาชาดไทยทงั้ ในสว่ นกลางและส่วนภูมิภาค
3. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั ประวัติและวัตถปุ ระสงค์ของยวุ กาชาด
4. สามารถท่องค�ำ ปฏญิ าณตนยุวกาชาดและปฏิบตั ติ ามได้
ขอบข่ายเน้อื หา
1. ประวตั ิสภากาชาดไทย
2. ภารกจิ หลกั ของสภากาชาดไทย
3. หนว่ ยงานของสภากาชาดไทยทัง้ ในส่วนกลางและส่วนภูมภิ าค
4. ยวุ กาชาด
ส่อื และอปุ กรณ์
1. สอ่ื วดี ทิ ศั น์ เรื่องประวัตสิ ภากาชาดไทย (การ์ตูน)
2. ส่อื PowerPoint เรอื่ งประวตั ิสภากาชาดไทยและยุวกาชาด
3. ส่อื CD เพลงยุวกาชาด
4. คูม่ อื อบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพนื้ ฐานยวุ กาชาด
5. กระดาษ A4 กระดาษฟลิปชารท์
6. ปากกาเคมี
7. บัตรคำ�ช่อื หน่วยงาน และภารกจิ ของหน่วยงานสภากาชาดไทย
8. บตั ร Red Cross Bonus
เวลา 1 ชัว่ โมง 30 นาที
การประเมนิ ผล
1. การสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม
2. การตอบค�ำ ถามของผู้เข้ารับการอบรม
54
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
แนวการดำ�เนนิ กจิ กรรม
1. ประวัตสิ ภากาชาดไทย (10 นาท)ี
1.1 วิทยากรเชื่อมโยงให้ผู้เข้ารับการอบรมทราบถึงความต่อเนื่องของการก่อกำ�เนิด
กาชาดสากลและสภากาชาดไทย ว่าเราได้เรียนรู้เรื่องราวของกาชาดสากลมาแล้ว ต่อไป
เราจะมาเรียนรู้เร่อื งของสภากาชาดไทยบา้ งวา่ มคี วามเปน็ มาอยา่ งไร
1.2 วิทยากรเปิดสื่อวีดิทัศน์เรื่องประวัติสภากาชาดไทย (การ์ตูน) โดยชี้แจงให้
ผู้เข้ารับการอบรมทราบว่า เนื้อหาในวีดิทัศน์เป็นเรื่องของประวัติและจุดเริ่มต้นของการเกิด
สภากาชาดไทย มบี คุ คลส�ำ คญั หลายทา่ นและมเี หตกุ ารณต์ า่ ง ๆ มากมาย ขอใหท้ กุ คนตง้ั ใจดู
และจำ�ให้ได้มากที่สุด หรือจะจดบันทึกลงในคู่มืออบรมอาสายุวกาชาดฯ ของตนเองก็ได้
ต่อจากนั้นแจกกระดาษฟลิปชาร์ทให้หน่วยสีละ 1 แผ่น ให้ทุกคนในหน่วยสีช่วยกันเรียบเรียง
เรื่องราวที่ได้จากการชมวีดิทัศน์ แล้วบันทึกลงในกระดาษฟลิปชาร์ทให้ได้มากที่สุด จะเป็น
ความเรยี งหรอื รปู ภาพเลา่ เรอ่ื งเหตกุ ารณ์ ให้เวลาในการทำ�งานกล่มุ 5 นาที
1.3 วิทยากรใหแ้ ตล่ ะหนว่ ยสีแสดงความพรอ้ ม หน่วยสีใดที่มีความพร้อมจะได้ออก
มานำ�เสนอผลงานของหน่วยสีตนเอง สำ�หรับหน่วยสีที่ไม่ได้ออกมานำ�เสนอ แต่มีการบันทึก
เนอ้ื หาท่ีแตกตา่ งและถกู ต้องเพ่มิ เติมจากหนว่ ยสอี ่ืน จะได้รบั บตั ร Red Cross Bonus
1.4 วทิ ยากรเพิ่มเติมข้อมูลความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสภากาชาดไทย โดยใช้สื่อ
PowerPoint เรื่องประวัตสิ ภากาชาดไทยและสรุปด้วยบทเพลงอุณาโลมแดง
2. ภารกิจหลกั ของสภากาชาดไทย (10 นาที)
2.1 วทิ ยากรใช้ส่อื PowerPoint อธบิ ายเรอ่ื ง ภารกิจหลักของสภากาชาดไทย เพ่อื ให้
ผเู้ ขา้ รบั การอบรมทราบวา่ สภากาชาดไทยเปน็ องคก์ รการกศุ ลเพอ่ื มนษุ ยธรรมทม่ี คี วามเปน็ กลาง
เป็นองค์กรที่เป็นที่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ และผู้ประสบภัย จึงมี
ภารกิจหลัก 4 ด้าน คือ การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์
ผู้ประสบภัย การบริการโลหติ และการส่งเสรมิ คณุ ภาพชวี ติ
2.2 ให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรมแตล่ ะหนว่ ยสจี ดบันทึกข้อมูลท่ีได้เรียนรูเ้ กีย่ วกับภารกิจหลัก
ของสภากาชาดไทยลงในคมู่ ืออบรมอาสายุวกาชาดฯ
3. หนว่ ยงานของสภากาชาดไทยท้ังในสว่ นกลางและสว่ นภมู ภิ าค (30 นาที)
3.1 วทิ ยากรให้ทุกคนศึกษาเอกสารคู่มืออบรมอาสายุวกาชาดฯ เรื่องหน่วยงานของ
สภากาชาดไทย ภายในเวลา 3 นาที
55
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
3.2 วิทยากรใช้สื่อเกม Red Cross Davinci ถอดรหัสหน่วยงานให้ความรู้เรื่อง
หน่วยงานของสภากาชาดไทย เมื่อเปิดภาพเกมขึ้นมาให้ผู้เข้ารับการอบรมแข่งขันกันตอบ
ภาพให้ถูกต้อง และเมื่อได้คำ�ตอบที่ถูกต้องแล้ว ให้แต่ละหน่วยสีหาข้อมูลภารกิจหน้าที่ของ
แต่ละหน่วยงานเพม่ิ เตมิ จากอินเตอรเ์ นต็ หน่วยสใี ดตอบได้กอ่ น ได้รับบตั ร Red Cross Bonus
3.3 วิทยากรใช้สือ่ PowerPoint ให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องหน่วยงานของกาชาดที่อยู่ใน
สว่ นภมู ภิ าค เชน่ เหลา่ กาชาดจงั หวดั กง่ิ กาชาดอ�ำ เภอ สถานกี าชาด ภาคบรกิ ารโลหติ ทต่ี ง้ั อยู่
ในจงั หวดั นัน้ ๆ ซง่ึ ท�ำ หนา้ ทต่ี ามภารกจิ ของสภากาชาดไทยในสว่ นกลางแต่มีหน่วยงานในพนื้ ท่ี
เพอ่ื อ�ำ นวยความสะดวกและเปน็ ทพ่ี ง่ึ ของประชาชนไดอ้ ยา่ งทว่ั ถงึ ในพน้ื ทจ่ี งั หวดั หรอื อ�ำ เภอนน้ั ๆ
4. ยุวกาชาด (40 นาท)ี
4.1 วทิ ยากรใหผ้ ู้เขา้ รับการอบรมศกึ ษาหาความร้เู ร่อื ง ยุวกาชาดไทย ในคู่มืออบรม
อาสายุวกาชาดฯ
4.2 วทิ ยากรให้แตล่ ะหนว่ ยสีแขง่ ขันตอบคำ�ถามดังตอ่ ไปน้ี
ผู้ริเริ่มก่อตัง้ กองอนสุ ภากาชาดสยามคอื ใคร
วนั สถาปนายวุ กาชาดไทยคอื วนั ที่เท่าไหร่
กองอนสุ ภากาชาดสยามในปจั จุบันมชี ่อื วา่ อะไร
ยุวกาชาดมกี ป่ี ระเภท อะไรบ้าง
วตั ถุประสงค์ของยวุ กาชาดมอี ะไรบ้าง
พร้อมมอบบตั ร Red Cross Bonus ใหแ้ กห่ น่วยสที ่ตี อบคำ�ถามไดถ้ กู ตอ้ ง
4.3 วิทยากรให้ทุกคนอ่านและท่องคำ�ปฏิญาณตนยุวกาชาด ในคู่มืออบรมอาสา
ยุวกาชาดฯ พร้อมทั้งสอบถามว่าสามารถนำ�คำ�ปฏิญาณตนยุวกาชาด ข้อใดไปใช้ในชีวิต
ประจำ�วนั ได้อย่างไรบ้าง
4.4 วทิ ยากรอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ถงึ หนว่ ยงานเครอื ขา่ ยยวุ กาชาดทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เชน่ กระทรวง
ศึกษาธิการ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่ง
มี
สถานศึกษาและหน่วยงานพัฒนาเยาวชนที่สามารถเผยแพร่กิจกรรมยุวกาชาดสู่เยาวชน
สในารคะวสา�ำมครญัับผทดิไ่ี ดชอ้จบากเกพิจอ่ื กรรว่ รมมสร้างคนร่นุ ใหม่หัวใจกาชาดใหม้ ีมากยงิ่ ข้นึ ในสังคม
ผ้เู ขา้ รบั การอบรมได้ทราบประวตั ิสภากาชาดไทย ภารกิจหลักของสภากาชาดไทย
หนว่ ยงานของสภากาชาดไทยทง้ั ในสว่ นกลางและสว่ นภมู ภิ าค รวมทง้ั ความเปน็ มา วตั ถปุ ระสงค์
ของยวุ กาชาด และน�ำ ค�ำ ปฏิญาณตนยุวกาชาดไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจ�ำ วนั ได้
56
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เนอ้ื หาเรอื่ ง สภากาชาดไทย และยุวกาชาด
1. ประวัติสภากาชาดไทย
สภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรม ได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อ
ปี
พ.ศ. 2436 (ร.ศ.112) เนอ่ื งจากเกดิ กรณพี พิ าทระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศฝรง่ั เศสเกย่ี วกบั
เขตแดนริมฝั่งซ้ายแม่น้ำ�โขงและมีการสู้รบเกิดขึ้น เป็นผลให้มีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ได้รับความทุกข์ทรมานจำ�นวนมาก แต่ยังไม่มีองค์การกุศลใดเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์
ให้เป็นกิจจะลักษณะ สตรีไทยกลุ่มหนึ่งโดยการนำ�ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ภริยา
เพื่อส่งไปช่วยเหลือทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และมีความเห็นว่า
ควรจะมีองค์การใดองค์การหนึ่งช่วยบรรเทาความทุกข์ยาก
ของทหารเช่นเดียวกับองค์การกาชาดของต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2436 (ร.ศ.112) จึงนำ�ความ
กราบบงั คมทลู สมเดจ็ พระนางเจา้ สวา่ งวฒั นา พระบรม
ราชเทวี
(สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ )
ขอให้ทรงเป็นชนนีบำ�รุง คือ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการ
จัดตั้งองค์การเพื่อบรรเทาทุกข์ยากของทหารขึ้น ความ
ทราบถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์
พระพบสราะภทบาพสาอรมทุณพะเสผดรามะู้พ็จโเลผดพรมพู ็จะรพแรระะาดรจรชะงุลาจทแจชลุหาอทจน่งมาอชกนเมากำ�กเตเลกาํ นิส้าเลินดเยาจดิ เาจ้ามาออยยู่หูหัวัว พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพอพระราช
ให้จดั สภตาง้ัอณุ “าโสลภมแาดองแณุ หงาชโาลตมิสยแาดม งแห่งชาติสยาม” ขนึ้ เมื่อวันที่ 26
เมษายน พ.ศ. 2436 (ร.ศ.112) จึงถือว่าวันดังกล่าวเป็น
วนั สถาปนาสภากาชาดไทย และทรงรบั ไวใ้ นพระบรมราชปู ถมั ภ์
โดยมสี มเดจ็ พระนางเจา้ สวา่ งวฒั นา พระบรมราชเทวี ทรงเปน็
“สภาชนน”ี สมเดจ็ พระนางเจ้าเสาวภาผอ่ งศรี พระบรมราชเทวี
(สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง)
ทรงเป็น “สภานายิกา” และท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์
เป็นเลขานุการิณี สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม
สมสมเดเด็จจ็สพพสภรภราะะานศศนารรีพยีพกิัชัชารารฯินฯินทพทรพราระรบาอะรงอมบคงรแรคารมช์แกรินราีนกชาิถนฯีนาถ
57
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
โดยการดำ�เนินงานของสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยามในระยะแรกมีกิจกรรมที่สำ�คัญ คือ
การจัดส่งยา เวชภัณฑ์ อาหารเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องอุปโภคต่าง ๆ ไปช่วยทหารและ
ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ
คณะกรรมการสภากาชาดสยาม
ครั้งเมื่อสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ทรงเป็นสภานายิกา
ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์
เลขานุการิณี
เมื่อกรณีพิพาทและการสู้รบยุติลงแล้ว กิจการของสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม
กร็ ะงบั ไปด้วยและซบเซาอยู่เป็นเวลานาน จึงได้กลับฟื้นคืนมาใหม่ เนื่องจากพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้า
มหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จกลับจากการศึกษาในประเทศอังกฤษผ่านมาทาง
ประเทศญป่ี นุ่ ไดเ้ สดจ็ ทอดพระเนตรโรงพยาบาลของสภากาชาดญป่ี นุ่ ท�ำ ใหท้ รงด�ำ รวิ า่ ถา้ ไดม้ ี
การจัดตั้งโรงพยาบาลของกาชาดขึ้นในประเทศไทยบ้างก็จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง
อย่างมากมาย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองคท์ า่ นจงึ
ทรงร่วมกับพระราชโอรสและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทุกพระองค์ ทรงบริจาคทรัพย์รวมกับทุนของสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยามที่มีอยู่เดิม
สร้างโรงพยาบาลขึ้นในที่ดินส่วนพระองค์ แล้วโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ขนานนามตาม
พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ว่า “โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์” และเสด็จพระราชดำ�เนินทรงเปิดโรงพยาบาลเมื่อวันที่
30 พฤษภาคม พ.ศ. 2457 เพอ่ื รกั ษาพยาบาลผู้เจบ็ ไข้ทั่วไป
พ.ศ. 2461 มกี ารตราพระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ชว่ ยรกั ษาพยาบาลผปู้ ว่ ยไขแ้ ละบาดเจบ็ ในยามสงครามและยามสงบ กบั ทง้ั ท�ำ การบรรเทาทกุ ข์
ในเหตุการณ์สาธารณภัยพินาศ โดยไม่เลือกสัญชาติ ลัทธิ ศาสนา หรือความเห็นในทาง
การเมืองใด ๆ ของผู้ประสบภัย ยึดหลักมนุษยธรรมเป็นที่ตั้ง ส่งผลให้คณะกรรมการกาชาด
ระหว่างประเทศรองรับสภากาชาดสยามเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 และสันนิบาต
สภากาชาด (สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศในปัจจุบัน)
มมี ตริ ับสภากาชาดสยามเป็นสมาชิกเมอ่ื วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2464 นับเป็นลำ�ดับท่ี 27 ของ
จำ�นวนสมาชิก ต่อมา สภากาชาดสยาม เปลี่ยนชื่อเป็น สภากาชาดไทย เมื่อ พ.ศ. 2482
ด�ำ เนินงานโดยยึดม่นั ในหลักการ ซง่ึ สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงทุกประเทศทั่วโลก
ยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิ
58
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
พัฒนาการของสภากาชาดไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาต
ใหร้ เิ รม่ิ กอ่ ตง้ั สภาอณุ าโลมแดงแหง่ ชาตสิ ยาม เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ทหารบาดเจบ็ จากภยั สงครามและ
ภัยพบิ ตั ิ ตง้ั แต่ พ.ศ. 2436 เปน็ ต้นมา
พ.ศ. 2449 พระองค์ท่านทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ส่งผู้แทนจากประเทศสยาม
ไปร่วมประชุมกาชาดระหว่างประเทศ ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการลง
นาม
ความตกลงเรื่องการใช้เครื่องหมายกาชาด เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในสนามรบ ดังนั้น คำ�ว่า
กาชาด จึงได้ริเริ่มนำ�มาใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำ�ให้ชื่อของสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม
เปลี่ยนมาเป็น สภากาชาดสยาม และดำ�เนินภารกิจการช่วยเหลือทหารบาดเจ็บ จัดส่งยา
ตอ่ มา เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงครองราชยส์ บื ตอ่ มาไดท้ รง
สรา้ ง
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สังกัดสภากาชาดสยาม ถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่พระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสืบทอดพระราชภารกิจของสภากาชาดสยามให้
เจริญก้าวหน้าเช่นนานาอารยประเทศ พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ผู้แทน
จากประเทศสยามไปร่วมประชุมกาชาดระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2454 ที่กรุงวอชิงตัน
ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อลงนามความตกลงเรื่องกฎหมายคุ้มครองเครื่องหมายกาชาด
(กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นอุปนายก
ผู้อำ�นวยการสภากาชาดสยาม เพื่อบริหารงานแทนพระองค์ให้ลุล่วงต่อไป ทรงมีพระบรม
ราชโองการให้ประกาศพระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดสยามเมื่อ พ.ศ. 2461 และผลักดัน
ให้สภากาชาดสยาม เข้าเป็นสมาชิกของกาชาดสากลใน พ.ศ. 2463 - 2464 ปีต่อมากาชาด
สากลได้ร่วมกับสภากาชาดสยาม จัดการประชุมสภากาชาดฝ่ายบูรพประเทศ ครั้งที่ 1
ที่กรุงเทพฯ และได้พิจารณาภารกิจของสภากาชาดที่ควรดำ�เนินการ คือ
1. การอนามัยศึกษา
2. การสงเคราะห์แม่และเด็กตง้ั แตก่ อ่ นเกดิ
3. การดแู ลใหเ้ ด็กมอี นามยั ดี อบรมสั่งสอนให้เป็นพลเมืองดี มีน�ำ้ ใจเมตตา
กรณุ า รูค้ ุณคน และไมน่ ยิ มการศึกสงคราม
4. ช่วยบรรเทาทุกขเ์ ม่อื เกดิ สาธารณภยั
กิจกรรมของสภากาชาดสยาม ได้เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด ในรัชสมัยของ
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวอานันทมหิดล (รชั กาลท่ี 8) ได้เปล่ียนชื่อเปน็ “สภากาชาดไทย”
59
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชริ าลงกรณมหศิ ร
ภมู พิ ลราชวรางกูร กติ ิสิริสมบูรณอดลุ ยเดช สยามนิ ทราธิเบศรราชวโรดม
บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงด�ำ รงตำ�แหน่งพระบรมราชปู ถัมภกสภากาชาดไทย
สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง
ทรงดำ�รงต�ำ แหนง่ สภานายิกาสภากาชาดไทย
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รีสริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิรกิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ทรงดำ�รงต�ำ แหน่งอุปนายกิ าผ้อู ำ�นวยการสภากาชาดไทย
2. ภารกจิ หลกั ของสภากาชาดไทย ประกอบด้วย 4 ด้าน คอื
1. การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย สภากาชาดไทยให้บริการรักษา
พยาบาล ฟืน้ ฟู สภาพ สร้างเสริมสุขภาพและปอ้ งกนั โรคใหแ้ กป่ ระชาชนและผู้ดอ้ ยโอกาส
2. การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย สภากาชาดไทยสามารถเข้าถึงผู้ประสบภัยอย่าง
รวดเร็วและให้บริการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งอุทกภัย
วาตภัย อคั คภี ยั ภยั แล้งและภัยหนาว
3. การบริการโลหิต สภากาชาดไทยได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้มีหน้าที่หลัก
ในการจัดหาโลหิตให้มีปริมาณเพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูงสุด จากผู้บริจาคโลหิต
ด้วยความสมัครใจไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อนำ�ไปใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ ทั้งในรูปโลหิต
ส่วนประกอบโลหิตและผลิตภัณฑโ์ ลหิต
4. การส่งเสริมคุณภาพชีวิต สภากาชาดไทยเป็นองค์กรผู้นำ�ด้านอาสาสมัครของ
ประเทศ ด้วยระบบบริหารจัดการอาสาสมัครแบบบูรณาการ เพื่อให้โอกาสอาสาสมัครของ
สภากาชาดไทยได้ออกปฏิบัติงานที่เป็นการพัฒนา และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
เดก็ และเยาวชนท่ีดอ้ ยโอกาส รวมถงึ พระภิกษุให้มคี ุณภาพชีวิตทด่ี ีข้นึ
60
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
3. หนว่ ยงานของสภากาชาดไทยทงั้ ในสว่ นกลางและส่วนภมู ิภาค
3.1 หน่วยงานของสภากาชาดไทย ในสว่ นกลาง
สภากาชาดไทยแบ่งโครงสร้างการบรหิ ารงาน ดงั นี้
14 สำ�นักงาน
1. ส�ำ นกั งานบรหิ าร
2. ส�ำ นกั งานกลาง
3. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ ์
4. โรงพยาบาลสมเดจ็ พระบรมราชเทวี ณ ศรรี าชา
5. สถานเสาวภา
6. ส�ำ นกั งานบรรเทาทกุ ข์และประชานามัยพทิ ักษ์
7. ส�ำ นกั งานยวุ กาชาด
8. ส�ำ นกั งานอาสากาชาด
9. ศนู ยบ์ ริการโลหติ แหง่ ชาติ
10. ส�ำ นักงานจดั หารายได้
11. ส�ำ นักงานการคลงั
12. สำ�นักงานบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล
13. ส�ำ นกั งานบริหารกิจการเหล่ากาชาด
14. ส�ำ นกั บริหารความเสี่ยงและควบคมุ ภายใน
6 ศนู ยช์ �ำ นญั พเิ ศษ
1. ศนู ยด์ วงตา
2. ศนู ย์เวชศาสตรฟ์ นื้ ฟู
3. ศนู ย์วจิ ยั โรคเอดส์
4. ศูนยร์ บั บรจิ าคอวยั วะ
5. ศูนยเ์ ทคโนโลยแี ละสารสนเทศ
6. ศูนยฝ์ ึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามยั
5 หน่วยงานพเิ ศษ
1. ส�ำ นกั งานโภชนาการ สวนจติ รลดา
2. มูลนิธิสงเคราะห์เดก็ ของสภากาชาดไทย
3. ส�ำ นกั งานจัดการทรพั ยส์ ิน
4. ส�ำ นกั งานตรวจสอบ
5. ส�ำ นกั งานบริหารระบบกายภาพ
1 สถาบนั 61
1. สถาบันการพยาบาลศรีสวรนิ ทริ า สภากาชาดไทย
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
ภารกจิ ของหนว่ ยงานสภากาชาดไทย ในส่วนกลาง
ส�ำ นักงาน 14 หนว่ ยงาน เปน็ หน่วยงานท่ีตง้ั ขน้ึ ตามภารกิจของสภากาชาดไทย ดงั นี้
1. สำ�นักงานบริหาร เป็นศูนย์กลางการบริหารงานของสภากาชาดไทย มีหน้าที่
รับผิดชอบด้านการประชุมผู้บริหารระดับสูง งานพิธีการ งานสารบรรณ การสร้างภาพลักษณ์
องค์กร การสร้างความสัมพันธ์กับขบวนการกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ
การวางแผนยทุ ธศาสตร์และการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยมีหนว่ ยงานในสงั กดั ดงั นี้
1.1 ฝา่ ยบริหารงานทว่ั ไป มหี นา้ ทจ่ี ดั การประชมุ ผบู้ รหิ ารระดบั สงู ไดแ้ ก่ คณะกรรมการ
สภากาชาดไทย และคณะกรรมการเจ้าหนา้ ท่ีสภากาชาดไทย ดแู ลงานพิธีการ งานเลขานกุ าร
กจิ การประสานงานและอ�ำ นวยการอื่น ๆ
1.2 ส�ำ นกั วิเทศสมั พนั ธ์ ดำ�เนนิ กจิ กรรมด้านความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศ ส่งเสริม
ความร่วมมือกับขบวนการกาชาดสากล รวมทั้งงานเผยแพร่กฎหมายมนุษยธรรมระหว่าง
ประเทศ และงานสบื หาตดิ ตามบคุ คล
1.3 สำ�นักสารนิเทศและสื่อสารองค์กร ดำ�เนินการเผยแพร่ข่าวสาร ภารกิจของ
สภากาชาดไทยเพื่อสร้างการรับรู้ เข้าใจ สร้างเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรทั้งภายใน
ภายนอกและสาธารณชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการดำ�เนินงานพิพิธภัณฑ์
สภากาชาดไทย และหอจดหมายเหตุมหิดลวงศานุสรณ์ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ภารกิจของ
สภากาชาดไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
1.4 ส�ำ นกั นโยบายและยทุ ธศาสตร์ รับผดิ ชอบงานดา้ นนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนการ
ติดตามและประเมินผลของสภากาชาดไทย รวมถึงพัฒนาระบบยุทธศาสตร์ และแผนตาม
แนวทางของประเทศและสากล ด�ำ เนนิ การดา้ นบรหิ ารจดั การความเสย่ี งกบั หนว่ ยงานในสงั กดั
ของสภากาชาดไทย รวบรวมจดั ท�ำ คมู่ อื แนวทางการบรหิ ารจดั การความเสย่ี งของสภากาชาดไทย
2. ส�ำ นกั งานกลาง มีหน้าที่ให้บริการและช่วยอำ�นวยความสะดวกให้แก่หน่วยงาน
ต่าง ๆ ของสภากาชาดไทย รวมท้ังงานพธิ ีการทางศลุ กากร การใหบ้ ริการยานพาหนะภายใน
สภากาชาดไทย กำ�กับ ดูแลหน่วยงานที่ให้บริการสังคมของสภากาชาดไทย ศูนย์ราชการุณย์
สภากาชาดไทย และสถานที่พักผู้สูงอายุสวางคนิเวศ มีหน่วยงานในสังกัดดำ�เนินภารกิจ
ประกอบดว้ ย
2.1 ฝ่ายบริหารงานทั่วไปสำ�นักงานกลาง ให้บริการยานพาหนะ บริการด้านพธิ กี าร
ทางศลุ กากร หนงั สือเดนิ ทางและการตรวจลงตรา
2.2 ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน จังหวัดตราด ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
เชิงนิเวศวิทยาและเชิงประวัติศาสตร์ด้านมนุษยธรรมของสภากาชาดไทย
62
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
2.3 อาคารสวางคนิเวศ เป็นอาคารต้นแบบที่พักสำ�หรับผู้สูงอายุสุขภาพดี มีความ
เป็นอยู่ที่ปลอดภัย มีคุณค่าและพึ่งพาตนเอง ตั้งอยู่ที่ ตำ�บลท้ายบ้าน อำ�เภอเมือง จังหวัด
สมุทรปราการ
3. โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของ
ประเทศไทย มหี นา้ ทใ่ี หบ้ รกิ ารทางการแพทย์ รักษาฟน้ื ฟสู มรรถภาพ ป้องกันโรคและส่งเสริม
สขุ ภาพท่ีได้มาตรฐาน ใหก้ ารฝึกอบรมและคน้ ควา้ วิจัยทางการแพทย์เพื่อสร้างความเป็นเลิศ
ทางวิชาการ โดยให้การรักษาพยาบาลผปู้ ว่ ยในทุก ๆ ระบบแบบครบวงจร ด�ำ เนนิ งานอย่าง
มีประสิทธิภาพตามหลักจรรยาบรรณและธรรมาภิบาลในการเป็น“โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์
คุณธรรม” ภายใต้กรอบแนวคิดอัตลักษณ์เชิงคุณธรรมคือ “ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ เอื้ออาทร”
เปน็ สถาบนั ตน้ แบบท่ีเปน็ ตวั อย่างอนั ดตี อ่ สงั คมและประเทศชาติ
4. โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เป็นโรงพยาบาลในสังกัดของ
สภากาชาดไทย ขนาด 500 เตียง เปิดให้บริการทางการแพทย์ครบวงจรแก่ประชาชนทั่วไป
ด้วยความเมตตาการุณย์บนมาตรฐานและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ และได้นำ�ระบบบริหารงาน
คุณภาพมาใช้พัฒนางาน เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้มารับบริการ นับเป็น
โรงพยาบาลท่ีเป็นท่พี ่งึ ดา้ นสุขภาพของประชาชนภาคตะวนั ออกอกี ด้วย
5. สถานเสาวภา มีหน้าที่ผลิตแบ่งบรรจุวัคซีน เซรุ่ม ชีววัตถุอื่น ๆ และน้ำ�ยา
ปราศจากเชื้อ วิจัยและตรวจบริการทางวิทยาศาสตร์ การบริการเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
ให้คำ�แนะนำ�ในเรื่องสัตว์มีพิษกัดและโรคเมืองร้อน รวมทั้งบริการคลินิกฉีดวัคซีนเสริมสร้าง
ภมู คิ ุ้มกันใหแ้ ก่ประชาชน และคลินิกพิษจากสัตว์ ตลอดจนการบรกิ ารให้ความรเู้ รื่องงพู ิษและ
พษิ งใู หแ้ ก่ประชาชน
6. สำ�นักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
อย่างครบวงจร ทั้งการเตรียมพร้อมก่อนเกิดภัย การจัดการขณะเกิดภัย และการฟื้นฟูบูรณะ
สู่ภาวะปกติ บรรเทาทุกข์ผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนการประชานามัยพิทักษ์เพื่อส่งเสริมคุณภาพ
ชีวติ ใหม้ นั่ คง ทัดเทียมและย่ังยนื
นอกจากนี้สำ�นักงานบรรเทาทุกข์ฯ ยังได้ปฏิบัติภารกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์
สภากาชาดไทยในด้านการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นเลิศและครบวงจร โดย
ใหบ้ รกิ ารทางการแพทยผ์ า่ นทางสถานกี าชาด 13 แหง่ ใหบ้ รกิ ารดา้ นรกั ษาพยาบาล ฟน้ื ฟสู ภาพ
ส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคแก่ประชาชน อีกทั้งการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ด้านจักษุ
ศัลยกรรมฯ ศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขปากแหว่งเพดานโหว่ และความพิการอื่น ๆ รวมถึง
หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ เป็นต้น
63
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
การชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั อยา่ งรวดเรว็ ซง่ึ เปน็ ภารกจิ หลกั ของส�ำ นกั งานบรรเทาทกุ ขฯ์
ให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยพิบัติ ทั้งระยะเตรียมพร้อมก่อนเกิดภัย
ขณะเกดิ ภยั และการฟ้ืนฟบู ูรณะหลงั เกดิ ภัย
ดา้ นการพัฒนาและส่งเสริมคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน ดำ�เนินงานพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุอย่างรอบด้านตามเกณฑ์ของสภากาชาดไทย จัดอบรมปฐมพยาบาล
การสงเคราะหผ์ ดู้ อ้ ยโอกาสภายในประเทศโดยเฉพาะในพน้ื ทท่ี รุ กันดาร
7. ส�ำ นกั งานยวุ กาชาด มีหนา้ ทีใ่ นการปลูกฝังอบรม และเผยแพร่ใหเ้ ยาวชนมีความรู้
ความเข้าใจในหลักการและอุดมการณ์ของสภากาชาดไทยในด้านมนุษยธรรม มีศรัทธาต่อ
กาชาด และเขา้ รว่ มกจิ กรรมกบั สภากาชาดไทยอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ปจั จบุ นั ส�ำ นกั งานยวุ กาชาดจะเนน้
การอบรมอาสายวุ กาชาดใหม้ คี วามรแู้ ละทกั ษะ สามารถพง่ึ พาไดเ้ รอ่ื งปฐมพยาบาลและการดแู ล
ผู้สูงอายุ นอกจากนี้อาสายุวกาชาดยังสามารถเป็นพลังสำ�คัญในการช่วยเหลือกิจการของ
สภากาชาดไทยหลากหลายดา้ น ทง้ั ในดา้ นการประชาสมั พนั ธ์ การบรจิ าคโลหติ การเชญิ ชวน
บริจาค การสง่ เสริมคณุ ภาพชีวิตในชุมชน ภายใต้แบรนดท์ ว่ี า่ “คนดี คนเกง่ รอบรู้ สุขภาพดี
พึ่งพาได้เรื่องปฐมพยาบาล การดูแลผู้สูงอายุ และบำ�เพ็ญประโยชน์เพื่อช่วยเหลือประชาชน
โดยการมีจิตอาสา”
8. ส�ำ นักงานอาสากาชาด มีหน้าที่พัฒนาฝึกอบรมอาสากาชาดให้เป็นอาสาสมัคร
ท่มี ีประสทิ ธภิ าพ เพ่อื สนับสนนุ ภารกจิ ของสภากาชาดไทย 4 ประการ ได้แก่ การสง่ เสริมและ
พัฒนาคุณภาพชีวิต การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัย การบริการทางการแพทย์และสุขภาพ
อนามยั และการบรกิ ารโลหติ ดวงตา อวยั วะ และกิจกรรมโครงการตา่ ง ๆ ของสภากาชาดไทย
สามารถระดมอาสากาชาดให้ปฏิบตั ิภารกิจไดท้ นั ท่วงที
สำ�นักงานอาสากาชาดให้ความสำ�คัญกับงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสเป็นอันดับแรก มีกิจกรรมที่ดำ�เนินการต่อเนื่อง อาทิ งานพัฒนา
คณุ ภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในโรงเรยี นที่เสย่ี งตอ่ สิ่งเสพติด โดยไดจ้ ัดทำ�มาตรฐานระบบตา้ น
สิ่งเสพติด ซึ่งเป็นการทำ�งานร่วมกันระหว่างโรงเรียน ครอบครัวและชุมชน นอกจากนี้ยังมี
โครงการอ่ืน ๆ ท่เี ป็นการพฒั นาแนวทางในการปฏิบตั งิ าน โดยมพี ลังของอาสากาชาดเปน็
9. ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้
มหี นา้ ทใ่ี นการจดั หาโลหติ ใหม้ ปี รมิ าณเพยี งพอ ปลอดภยั และมคี ณุ ภาพสงู สดุ จากผบู้ รจิ าคโลหติ
ด้วยความสมัครใจไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อนำ�ไปใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศทั้งในรูปโลหิต
ส่วนประกอบโลหิต และผลิตภัณฑ์โลหิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการดำ�เนินการ โดย
ยึดม่นั ในนโยบายคุณภาพ คอื โลหิต และผลิตภัณฑ์ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติมีคุณภาพ
ปลอดภัยทงั้ ผ้ใู ห้และผรู้ บั
64
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาขึ้น เพื่อเตรียม
ผลิตภณั ฑจ์ ากพลาสมาใช้ในการรักษาผู้ป่วย ตามมตเิ ห็นชอบจากสภากาชาดไทย ส�ำ นกั งาน
หลักประกนั สุขภาพแห่งชาติ ส�ำ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา และองคก์ ารเภสชั กรรม
ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาฯ จัดตั้งขึ้นบนที่ดินของสภากาชาดไทย ที่ตำ�บลบางพระ
อำ�เภอศรรี าชา จังหวัดชลบรุ ี ท้งั นไ้ี ดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ุณจาก สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกุมารีอุปนายิกาผู้อำ�นวยการสภากาชาดไทย พระราชทานนามอาคารว่า
“ศนู ยผ์ ลติ ผลติ ภณั ฑจ์ ากพลาสมาสภากาชาดไทย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกมุ ารี พระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558” และพระราชทานพระราชานญุ าต
ให้เชิญอกั ษรพระนามาภิไธย “ส.ธ.” ประดับทปี่ ้ายช่อื อาคารดังกลา่ วดว้ ย
10. สำ�นักงานจัดหารายได้ มีหน้าที่จัดหาเงินรายได้โดยวิธีต่าง ๆ เพื่อใช้จ่ายใน
กิจการของสภากาชาดไทยให้เพียงพอ ซึ่งรายได้หลักมาจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา
และการจัดกิจกรรมหารายได้ในรูปแบบต่าง ๆ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้ง
ภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการดูแลผู้บริจาค ผู้มีอุปการคุณและสมาชิกประเภทต่าง ๆ ของ
สภากาชาดไทย
ปัจจุบันสำ�นักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย ได้พัฒนารูปแบบ และช่องทาง
การรับบริจาคเงินผ่านแอปพลิเคชันทางโทรศัพท์มือถือที่สร้างความสะดวกรวดเร็วในการ
รับบริจาคเงินผ่านระบบออนไลน์ ด้วยความปลอดภัยสูงสุด เพื่ออำ�นวยความสะดวกให้กับ
ผู้มีจิตศรัทธามากขึ้น
11. สำ�นกั งานการคลัง มีหน้าที่ในการบริหารจัดการงานงบประมาณ งานการเงิน
งานการบญั ชี การก�ำ กบั ดแู ลมาตรฐานทางดา้ นกฎระเบยี บ ขอ้ บงั คบั และหลกั เกณฑด์ า้ นการเงนิ
การบัญชี และการพัสดุ รวมทั้งการจัดหาผลตอบแทนทางการเงิน อันเกี่ยวด้วยเงินของ
สภากาชาดไทย ตลอดจนเป็นศูนย์ข้อมูลสารสนเทศทางการเงิน และการคลังของ
สภากาชาดไทย
12. ส�ำ นกั งานบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล มหี น้าทเ่ี ป็นศูนยก์ ลางในการบรหิ ารงานบุคคล
ของสภากาชาดไทย โดยศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การพัฒนาโครงสร้าง
องค์กร การวางแผนและบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การพัฒนาระบบ การสรรหาและ
คัดเลือก การปรับปรุงกระบวนการ และวิธีการทำ�งานให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนา
ระบบ
เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล การพัฒนาระบบการประเมินผล
65
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
13. สำ�นักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสาน
งานการดำ�เนินกิจการของเหล่ากาชาดจังหวัดและกิ่งกาชาดอำ�เภอ ส่งเสริมการพัฒนา
ศักยภาพของงานเหล่ากาชาดจังหวัด กิ่งกาชาดอำ�เภอในภูมิภาคให้สามารถสนับสนุนภารกิจ
ของสภากาชาดไทย เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ และผู้ประสบภัย
โดยปฏิบตั ิงานอยา่ งมีประสิทธิภาพและเป็นท่ศี รัทธาของประชาชน
14. สำ�นักบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน มีหน้าที่วางแผนและจัดทำ�กรอบ
การดำ�เนินงาน เพื่อพัฒนาการบริหารความเสี่ยงขององค์กรในภาพรวม และสนับสนุน
การดำ�เนินงานของคณะกรรมการความเสี่ยงของสภากาชาดไทย ให้เป็นองค์กรที่สามารถ
ขับเคล่ือนระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในได้อย่างมีพลวัตและนวัตกรรม
โดยบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งปลูกฝังวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยง
ให้เป็นอัตลักษณ์ของบุคลากรทุกคน สร้างระบบการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ เพื่อ
ลดความสูญเสียที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอก เพ่อื เป็นแนวทางสู่การพฒั นาการบรหิ าร
จัดการองค์กรที่ยงั ยืนในอนาคต
หนว่ ยช�ำ นญั พเิ ศษ 6 ศนู ย์ เปน็ หนว่ ยงานทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามภารกจิ ของสภากาชาดไทย ดงั น้ี
1. ศูนย์ดวงตา มีหน้าท่จี ดั เก็บและรวบรวมดวงตาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ด้วย
เทคนิคมาตรฐานสากล เพ่อื มอบใหจ้ กั ษุแพทย์นำ�ไปใช้รกั ษาผปู้ ่วยอย่างเท่าเทียมและยตุ ิธรรม
ตลอดจนส่งเสริมการให้บริการทางการแพทย์ จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับบริจาค
ดวงตาจากผมู้ กี ุศลจิต และมอบดวงตาที่ผู้บริจาคถึงแก่กรรมแล้วให้จักษุแพทย์ เพื่อนำ�ไปใช้
รักษาผู้ป่วยกระจกตาพิการ เนื่องจากในประเทศไทยมีคนตาบอดจำ�นวนมากที่มีสาเหตุจาก
โรคของกระจกตา ซึ่งศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า Cornea อันอาจรักษาให้หายหรือทุเลาลง
ได้โดยการผ่าตัดที่เรียกว่า การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา หรือ Corneal Transplantation
(Keratoplasty) และเป็นศูนย์กลางการประสานงานช่วยเหลือให้ผู้ป่วยกระจกตาพิการได้รับ
การรกั ษาโดยจกั ษแุ พทย์
2. ศนู ย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์สวางคนิวาส จังหวัดสมุทรปราการ
มีหน้าที่ให้บริการรักษาพยาบาล ฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย จิตใจ สังคม และเศรษฐกิจ
แก่ผู้ป่วยทุพพลภาพ ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ ตลอดจนส่งเสริม
วิชาการด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ด้วยทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟูซึ่งประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
พยาบาลเวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำ�บัด นักกิจกรรมบำ�บัด นักอรรถบำ�บัด นักจิตบำ�บัด
นักนนั ทนาการ นักสังคมสงเคราะห์ และนักโภชนาการ
66
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
3. ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ตง้ั อยทู่ ส่ี ามแยกราชด�ำ ริ เขตปทมุ วนั (ใกลส้ ถานรี ถไฟฟา้ บที เี อส
ราชดำ�ริ) ได้เริ่มดำ�เนินงานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 มีหน้าที่
ในการด�ำ เนนิ งานดา้ นการปอ้ งกนั และรกั ษาโรคเอดส์ โดยอาศยั ขบวนการวจิ ยั เพอ่ื สรา้ งรปู แบบ
ที่เหมาะสมกับสังคม โดยอาศัยมิติทางด้านสังคมระบาดวิทยา การมีส่วนร่วมของชุมชน
และผู้ติดเชื้อ รวมทั้งการบริหารจัดการแบบครบวงจร มุ่งเน้นในเรื่องการให้บริการของคลินิก
นิรนาม การศึกษาวิจัยทั้งด้านการแพทย์และสังคมในทุกภาคส่วน รวมทั้งถ่ายทอด ผลักดัน
และสนบั สนนุ นโยบายทีเ่ ก่ยี วกบั เอดสข์ องประเทศและภูมิภาค
4. ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ มีหน้าที่รับบริจาคอวัยวะ และเนื้อเยื่อที่ปลอดภัยจาก
ผู้บริจาค เพื่อนำ�มารักษาผู้ป่วยทั่วประเทศอย่างเพียงพอ โดยมบี ทบาทกำ�กบั ดูแล ควบคุม
การบริจาคและการปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทำ�การศกึ ษาวิจัย
ถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ในเรื่องการบริจาค การปลูกถ่ายอวัยวะและเนื้อเยื่อแก่บุคลากร
ทางการแพทย์และสาธารณชนทั่วไป นอกจากนี้ยังส่งเสริมสนับสนุนให้มีการบริจาคอวัยวะ
ให้มากเพียงพอต่อการปลูกถ่ายอวัยวะภายในประเทศ การจัดสรรอวัยวะที่ได้รับบริจาคอย่าง
เป็นกลาง เสมอภาค โดยไมม่ กี ารซอ้ื ขายอวัยวะ และใหไ้ ด้รบั ประโยชนส์ ูงสดุ ตอ่ การน�ำ อวัยวะ
ตา่ ง ๆ ที่ไดร้ ับไปใชก้ ับผู้ปว่ ย
5. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ มีหน้าที่พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของ
สภากาชาดไทย เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงให้คำ�ปรึกษาและร่วมพัฒนาระบบเทคโนโลยี
สารสนเทศของหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งมีหน้าที่พัฒนาบุคลากร และผู้บริหารให้มีศักยภาพ
ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำ�เนินงาน
และสามารถใช้เป็นสื่อการประชาสัมพันธ์ได้ทั้งภายในและภายนอกรวมถึงต่างประเทศ
ศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้มีการพัฒนาเว็บไซต์สภากาชาดไทย และระบบ
สารสนเทศหลักในด้านงานเงิน คนและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อ
สนับสนุนงานตามภารกิจหลักของทุกหน่วยงานภายในสภากาชาดไทย ภายใต้การดูแล
ของคณะกรรมการพฒั นานโยบายเทคโนโลยสี ารสนเทศสภากาชาดไทย มาตง้ั แตป่ ี พทุ ธศกั ราช
2550 โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานต่าง ๆ มาจนถึง
ปจั จบุ ัน
6. ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัย มีหน้าที่ในการจัดการฝึกอบรม
และเผยแพรค่ วามรูด้ า้ นปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัย รวมทัง้ เปน็ แหล่งอา้ งองิ ทางวิชาการ
แก่สงั คมดา้ นการปฐมพยาบาล และดา้ นสขุ ภาพอนามัยของสภากาชาดไทย ม่งุ ในการพฒั นา
คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชนด้อยโอกาส ให้การ
อบรมปฐมพยาบาลในระดับประชาชน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
อบุ ัตภิ ัยตา่ ง ๆ ลดอตั ราการเสียชวี ิตและพิการกอ่ นนำ�สง่ ถงึ มือแพทย์หรอื รถพยาบาล
67
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
หนว่ ยงานพเิ ศษ 5 หนว่ ยงาน เปน็ หน่วยงานทต่ี ั้งข้ึนตามภารกจิ ของสภากาชาดไทย ดงั นี้
1. สำ�นักงานโภชนาการ สวนจิตรลดา โครงการในพระราชดำ�ริ จัดตั้งขึ้นตาม
พระราชดำ�ริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำ�นวยการ
สภากาชาดไทย ทที่ รงมคี วามหว่ งใยตอ่ องค์พระประมขุ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาล
ท่ี 9) และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งมีพระชนมายุสูงขึ้น ในการที่จะให้ใช้
หลกั โภชนาการและโภชนบ�ำ บดั โดยคดิ ค�ำ นวณคณุ คา่ สารอาหาร และการประกอบเครอ่ื งเสวย
เป็นไปโดยถูกต้องเหมาะสม เพื่อทะนุบำ�รุงรักษาพระพลานามัยให้แข็งแรงและสมบูรณ์อย่าง
ต่อเนื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีโครงการ
จดั ตง้ั “ส�ำ นกั งานโภชนาการ” โดยทรงเปน็ เจ้าของโครงการและเป็นองค์ประธาน “สำ�นกั งาน
โภชนาการ สวนจติ รลดา” ด้วยพระองคเ์ อง
2. มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย มีหน้าที่ให้การสงเคราะห์แก่เด็กและ
ผู้เยาว์ที่ถูกทอดทิ้งไว้กับสภากาชาดไทย รวมทั้งเด็กและผู้เยาว์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
ตา่ ง ๆ โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ ดังตอ่ ไปน้ี
1. สืบหาบิดามารดาที่แท้จริงของเด็กหรือผู้เยาว์และช่วยเหลือเด็กหรือผู้เยาว์ให้มี
ชวี ิตทีอ่ บอนุ่ ในครอบครวั ของตนเอง
2. จดั หาครอบครวั ทดแทนใหแ้ กเ่ ดก็ หรอื ผเู้ ยาวใ์ นกรณีที่ไมส่ ามารถสบื หาบิดามารดา
ไดห้ รอื ในกรณที เ่ี ดก็ หรอื ผเู้ ยาวไ์ มอ่ าจอยกู่ บั ครอบครวั ของตนเองได้ โดยจดั บรกิ ารบตุ รบญุ ธรรม
อยา่ งถูกต้องตามกฎหมาย
3. ให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กหรือผู้เยาว์ ที่อยู่หรือเคยอยู่ในสถานสงเคราะห์ของ
มูลนิธิฯ รวมทั้งให้การศึกษา การฝึกวิชาชีพ การอบรมทางศาสนาและจริยธรรม การรักษา
พยาบาล การจัดหางาน และการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ตามความสามารถ และความ
ตอ้ งการของเด็กหรือผเู้ ยาวแ์ ตล่ ะราย
4. ส่งเสรมิ การศึกษาและวิจยั เกย่ี วกบั งานสวสั ดภิ าพเด็กและครอบครัว
3. ส�ำ นกั งานจัดการทรพั ยส์ นิ มหี นา้ ทบ่ี รหิ ารจดั การอสงั หารมิ ทรพั ยข์ องสภากาชาดไทย
ทไ่ี ดร้ บั บรจิ าคมา และมไิ ดใ้ ชป้ ระโยชนใ์ นกจิ การของสภากาชาดไทย เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ
แกส่ ภากาชาดไทย การบรหิ ารจดั การอสงั หารมิ ทรพั ยจ์ ะด�ำ เนนิ การตามระเบยี บสภากาชาดไทย
วา่ ดว้ ยการจดั การทรพั ยส์ นิ ของสภากาชาดไทย พทุ ธศกั ราช 2549 ซง่ึ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำ�นวยการสภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรด
กระหม่อม แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการทรัพย์สินของสภากาชาดไทย ประกอบด้วยผู้แทน
คณะกรรมการสภากาชาดไทย ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกและกรรมการโดยตำ�แหน่ง เป็น
ผู้กำ�หนดนโยบายพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบในหลักการการจัดหาผลประโยชน์จาก
อสังหาริมทรัพย์ ทำ�ให้สภากาชาดไทยมีรายไดจ้ ากการจัดหาผลประโยชน์ และพัฒนา
68
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
อสงั หารมิ ทรพั ยด์ งั กลา่ ว ทง้ั ในรปู ของตวั เงนิ และสง่ิ ปลกู สรา้ งตา่ ง ๆ ทง้ั ในระยะสน้ั และระยะยาว
โดยคำ�นึงถึงหลักความเป็นธรรม หลักมนุษยธรรม และภาพลักษณ์ของสภากาชาดไทย
เปน็ สำ�คญั
4. สำ�นักงานตรวจสอบสภากาชาดไทย มหี น้าที่ช่วยกรรมการสภากาชาดไทยใน
การสร้างระบบกำ�กับดแู ลกจิ การท่ดี ีใหไ้ ดม้ าตรฐาน และเปน็ ไปตามแนวทางท่ถี ูกตอ้ ง อนั จะ
ชว่ ยให้สภากาชาดไทยด�ำ เนนิ การบรรลตุ ามเป้าหมายอยา่ งโปร่งใส
5. ส�ำ นกั บรหิ ารระบบกายภาพ มภี ารกจิ หลักในการควบคมุ และสนบั สนนุ การด�ำ เนนิ
งานด้านบรหิ ารจัดการอาคาร สถานที่ และระบบสาธารณปู โภคให้มีประสทิ ธิภาพ และเปน็ ไป
ตามมาตรฐานและผังแม่บทของสภากาชาดไทย อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับอาคาร
สถานท่ี และระบบสาธารณปู โภคทุกอย่างของสภากาชาดไทย
สถาบันการพยาบาล 1 สถาบนั เปน็ หนว่ ยงานทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามภารกจิ ของสภากาชาดไทย ดงั น้ี
สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย มีหน้าที่ในการจัดการศึกษา
สาขาพยาบาลศาสตร์ การวิจยั การส่งเสริมวชิ าการ และการพฒั นาบุคลากรทางการพยาบาล
ตามข้อบังคบั สภากาชาดไทย ผลิตบัณฑิตสาขาพยาบาลศาสตร์ที่มีความเป็นกาชาด และมี
คณุ ภาพในระดบั สากล พฒั นางานวจิ ยั นวตั กรรม และผลงานวชิ าการใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรบั ในระดบั
ชาติและนานาชาติ ให้บริการวิชาการที่เพิ่มความเข้มแข็งด้านสุขภาพให้แก่สังคมและธำ�รง
เอกลกั ษณ์ภมู ปิ ัญญาไทยและวัฒนธรรมกาชาด
3.2 หนว่ ยงานของสภากาชาดไทยในส่วนภูมภิ าค
หน่วยงานของกาชาดที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดหรืออำ�เภอ เช่น เหล่ากาชาดจังหวัด
กิ่งกาชาดอำ�เภอ สถานีกาชาด ภาคบริการโลหิตที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น ๆ ซึ่งทำ�หน้าที่ตาม
ภารกิจของสภากาชาดไทยในส่วนกลาง แต่มีหน่วยงานในพื้นที่เพื่ออำ�นวยความสะดวก และ
เป็นท่ีพ่ึงของประชาชนได้อย่างท่วั ถงึ ในพน้ื ท่จี ังหวดั หรอื อำ�เภอนัน้ ๆ
69
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
4. ยุวกาชาด
4.1 ความเป็นมา
กจิ การยวุ กาชาด ไดเ้ รม่ิ ไปสเู่ ดก็ และเยาวชน ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้
เจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 6) โดยสมเดจ็ เจา้ ฟา้ บริพัตรสุขุมพนั ธุ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งเป็น
อุปนายกผู้อำ�นวยการสภากาชาดสยาม ในขณะนั้น ได้ริเริ่มก่อตั้ง กองอนุสภากาชาดสยาม
เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2465 โดยดำ�เนินภารกิจของ
สภากาชาดสยามตามข้อเสนอของสันนิบาตสภากาชาด
(สหพันธ์สภากาชาดฯ ในปัจจุบัน) ในการเผยแพร่กิจการ
กาชาดสู่เยาวชนการดูแลให้เด็กมีอนามัยดี อบรมสั่งสอน
ให้เป็นพลเมืองดี มีใจเมตตากรุณารู้คุณคน และไม่นิยม
การศึกสงคราม กองอนุสภากาชาดสยาม เปลี่ยนชื่อเป็น
กองอนกุ าชาด เมอ่ื พ.ศ. 2485 และเปลย่ี นเปน็ กองยวุ
กาชาด
เมื่อ พ.ศ. 2521 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2540 สภากาชาดไทย
ไดข้ ยายโครงสรา้ งองคก์ รภายในสภากาชาดไทย จงึ เปลย่ี น
ชอ่ื
ผสู้ริเมกรรเิ่มดมก็จพ่อเรจตะ้าั้งนฟกค้าิจรบกสราวิพรรยัตรุวรคกส์วาุขรชพุมาินพดิตันไทธุ์ย หน่วยงานเป็น สำ�นักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย โดย
ประสานและด�ำ เนินงานรว่ มกบั ส�ำ นักการลูกเสือยุวกาชาด
4.2 วตั ถุประสงค์ของยวุ กาชาด
ส�ำ นักงานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย ได้ดำ�เนินการร่วมกับหน่วยงานพัฒนาเยาวชน
ต่าง ๆ ในการเผยแพร่การกาชาดสู่เยาวชน ตามวัตถปุ ระสงคย์ วุ กาชาดสากล 4 ประการ คือ
1. มอี ดุ มคตใิ นศานตสิ ขุ (Education For Peace)
2. มคี วามช�ำ นาญในการรกั ษาอนามยั ของตนเอง และของผอู้ น่ื (Good Health)
3. รู้จกั บำ�เพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ ผอู้ ่ืน (Good Service)
4. มีสมั พันธภาพอันดีกับบุคคลท่ัวไป (International Friendship)
โดยนอกจากวัตถุประสงค์ยุวกาชาดสากลแล้ว ในข้อบังคับสภากาชาดไทย แก้ไข
เพิ่มเติม (ฉบับท่ี 82) พทุ ธศกั ราช 2562 หมวดท่ี 9 ยวุ กาชาด ยงั ได้มีการก�ำ หนดวัตถปุ ระสงค์
ยวุ กาชาดไทย ซ่งึ มี 6 ประการ คอื
70
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เพ่อื ฝกึ อบรมใหเ้ ดก็ และเยาวชนชายและหญิง
1. มอี ดุ มคตใิ นศานตสิ ขุ มคี วามจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
2. มคี วามรู้ ความชำ�นาญในการรักษาอนามัยของตนเองและของผู้อื่น ตลอดจน
การพัฒนาตนเองทางร่างกาย จิตใจ คุณธรรม และธำ�รงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
ของชาติ
3. มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคุณธรรม จริยธรรม
และมจี ติ ใจเมตตากรุณาตอ่ เพอื่ นมนุษย์
4. บำ�เพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ น่ื ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ
5. มีจิตส�ำ นึกในการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม
6. มสี มั พันธภาพและมิตรภาพทดี่ กี บั บุคคลท่วั ไป
4.3 คำ�ปฏญิ าณตนยุวกาชาด
ข้อ 1 ข้าฯ จะจงรกั ภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ขอ้ 2 ข้าฯ จะเปน็ มิตรกับคนท่ัวไป และจะบำ�เพญ็ ตนให้เป็นประโยชนแ์ กส่ ่วนรวม
ข้อ 3 ขา้ ฯ จะรกั ษาอนามยั ของตนเอง และส่งเสรมิ อนามัยต่อของผ้อู ่นื
4.4 กลมุ่ เปา้ หมาย
สำ�นักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย มีภารกิจในการเผยแพร่กิจกรรมกาชาด
สู่เยาวชน ชาย - หญิง ทุกกลุ่มที่มีอายุ 7 - 30 ปี ดังนั้น ทั้งสถาบันครอบครัว สถาบัน
การศกึ ษา ตลอดทั้งหน่วยงานพัฒนาเยาวชนที่ดูแลรับผิดชอบเยาวชนช่วงวัยนี้ สามารถจัด
กิจกรรมใน 4 หัวใจหลกั ของยวุ กาชาดได้ เพราะกจิ กรรมยวุ กาชาด คอื การสรา้ งทายาทของ
กาชาดหรือการสรา้ งเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีหวั ใจกาชาด สรา้ งเยาวชนให้เป็นคนดี เกง่ รอบรู้และ
มีสขุ ภาพดี และเป็นฐานพลงั ท่ีเขม้ แข็งของกาชาดและของประเทศไทยสืบตอ่ ไป
ปัจจุบนั ยุวกาชาดแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้
1. สมาชิกยุวกาชาด ได้แก่ เด็กและเยาวชนอายุย่างเข้าปีที่ 7 ถึง 18 ปี และหรือที่
ก�ำ ลงั ศกึ ษาอยใู่ นระดบั ประถมศกึ ษาถงึ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ยวุ กาชาด ระดบั 1 - ยวุ กาชาด
ระดับ 4) และเลอื กเรียนยวุ กาชาดตามหลกั สูตรกจิ กรรมยวุ กาชาด
2. อาสายวุ กาชาด ไดแ้ ก่ เดก็ และเยาวชนอายุระหวา่ ง 15 ปี ถึง 30 ปี ทกี่ ำ�ลงั ศึกษา
ทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษา สำ�เร็จการอบรมหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาดและสังกัด
ชมรมอาสายวุ กาชาด รวมท้ังบุคคลทีม่ คี วามสนใจสมคั รเปน็ อาสายุวกาชาด
จากปี พ.ศ. 2542 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกา
ผอู้ �ำ นวยการสภากาชาดไทย ทรงพระราชทานปฏญิ ญาในนามของสภากาชาดไทย ในการประชมุ
ประเทศสมาชิกสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (General
Assembly) ครัง้ ท่ี 27 เมอื่ วนั ท่ี 31 ตลุ าคม พ.ศ. 2542 มีสาระสำ�คัญของตอนหน่งึ ท่เี ก่ยี วข้อง
กบั การดำ�เนินงานของยวุ กาชาด คอื
71
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
“จะเริ่มโครงการของเยาวชนเพื่อป้องกันภัยซึ่งคุกคามเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพ
การเจรญิ พนั ธุแ์ ละสารเสพติด” ประกอบกบั ในปี พ.ศ. 2542 นี้ มีการปฏริ ปู ระบบราชการใหม่
และกำ�หนดพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ
พฒั นาคนไทยใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณท์ ง้ั รา่ งกาย จติ ใจ สตปิ ญั ญา ความรู้ คณุ ธรรม มจี รยิ ธรรม
และวัฒนธรรมในการดำ�รงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ทำ�ให้กิจการ
ยวุ กาชาดมจี ดุ เนน้ ทช่ี ดั เจนในการพฒั นาเยาวชนใหส้ ามารถพฒั นาตน และเสรมิ สรา้ งประโยชน์
และสันติสุขแก่สังคม สำ�นักงานยุวกาชาดจึงได้น้อมนำ�ปฏิญญาที่องค์อุปนายิกาผู้อำ�นวยการ
สภากาชาดไทยทรงพระราชทานไว้ในนามสภากาชาดไทย มาเป็นแนวทางการพฒั นาเยาวชน
สง่ ผลใหเ้ กดิ พนั ธกจิ ในการทจ่ี ะระดมพลงั ความคดิ ของอาสาสมคั รของสภากาชาดไทย และได้
เปิดโอกาสให้สถานศึกษาและหน่วยงานพัฒนาเยาวชนสังกัดต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
การจัดตั้ง “ชมรมอาสายุวกาชาด” ขึ้นซึ้งปรากฏเป็นหลักฐานการขึ้นทะเบียนขอตั้งชมรม
อาสายุวกาชาดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2543 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2550 หลังการแก้ไขข้อบังคับ
สภากาชาดไทยว่าด้วยยุวกาชาด สำ�นักงานยุวกาชาดจึงเน้นเชิญชวนให้มีการจัดตั้งชมรม
อาสายุวกาชาดอย่างจริงจัง โดยในปี พ.ศ. 2563 มีชมรมอาสายุวกาชาด 1,814 ชมรม
87,098 คน ทั้งนี้ในปัจจุบัน สำ�นักงานยุวกาชาดจะเน้นการอบรมอาสายุวกาชาดให้มีความรู้
และทกั ษะสามารถพง่ึ พาไดเ้ รอ่ื งปฐมพยาบาลและการดแู ลผสู้ งู อายุ ตามบรบิ ทของโลกปจั จบุ นั
นับจากนั้นเป็นต้นมา บทบาทของอาสายุวกาชาดที่ดำ�เนินการเรี่อยมาปรากฏชัดว่า
สามารถเป็นพลังสำ�คัญในการช่วยเหลือกิจการของสภากาชาดไทยได้อย่างหลากหลาย ทั้งใน
ด้านการประชาสมั พนั ธ์ การบริจาคโลหติ การขอรบั บริจาค การส่งเสริมคณุ ภาพชีวิตในชุมชน
การป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม การปฎิบัติงานบรรเทาทุกข์เมื่อเกิดภัยพิบัติ และ
การบำ�เพ็ญประโยชนอ์ นื่ ๆ นบั ไดว้ ่า อาสายวุ กาชาดไดข้ ยายบทบาทของตนจากการเป็นส่วน
เล็กๆ ของเยาวชนที่มีจิตอาสาไปสู่บทบาทของบุคคลที่สามารถเกื้อกูลและจรรโลงสังคม
โดยความสมัครใจและไมห่ วงั ส่งิ ตอบแทน นอกเหนือจากรอยยิ้มและกำ�ลังใจทไ่ี ด้รับตอบแทน
กลบั มาจากบคุ คลทไ่ี ดร้ บั ความชว่ ยเหลอื ภายใตแ้ บรนดข์ องส�ำ นกั งานยวุ กาชาด “คนดี คนเกง่
รอบรู้ สุขภาพดี พึ่งพาได้เรื่องปฐมพยาบาล การดูแลผู้สูงอายุ และบำ�เพ็ญประโยชน์เพื่อ
ช่วยเหลือประชาชนโดยการมจี ติ อาสา”
72
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เพลง กาชาดรว่ มใจ
กาชาดเราหนาได้มาร่วมอยู่
ต่างคนตา่ งรูก้ นั ดวี า่ หน้าทท่ี กุ อย่าง
ต้องช่วยกันทำ�ท�ำ ไม่เว้นว่าง
งานทุกอยา่ ง งานทกุ อยา่ ง จะเสรจ็ โดยงา่ ยดาย
เพลง บำ�เพ็ญตน
เรามาบำ�เพญ็ ตนใหค้ นไดเ้ หน็
ว่าพวกเราเปน็ ยวุ กาชาดยุวกาชาดที่ดี
จะอยไู่ หนน�้ำ ใจมไี มตรี มเี มตตาปรานีทุกคน
สร้างศรทั ธารกั ไว้ในใจตนสรา้ งกุศลเอาบญุ เถิดหนา
เพลง มาร์ชยุวกาชาด
พวกเรายุวกาชาดพวกเราหมายมาดบ�ำ เพญ็ ตน
เปน็ ประโยชน์ทัว่ ไป ไมร่ ังเกียจเดยี ดฉนั ท์
พวกเรานั้นภูมใิ จ และเต็มใจ บำ�เพญ็ ประโยชน์ทกุ คน
73
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 1 : การกาชาดและยวุ กาชาด
เพลง อุณาโลมแดง (ทำ�นอง : สาวอีสานรอรัก)
ถึง พ.ศ. สองพันสี่รอ้ ยสามสิบหกปี ณ ทร่ี มิ ฝง่ั โขง นักรบไทยยืนเขต
ฝรง่ั เศสเหยยี บแดน มาหมน่ิ แคลนดว้ ยโกง เปน็ ชายชาวไทย ไว้ใยคนโกง
ตายเป็นตาย ไลไ่ ปคนโกง รบริมลำ�โขง ไล่พวกโกงดินแดน
นกั รบไทยใจกลา้ เขาบาดเจบ็ กลบั มา สดุ คณา นบั แสน ณ แนวหลงั แนว่ แน่
พระแมเ่ มอื งสยาม ทรงเห็นความคับแคน้ รวม รวมใจหญิงไทยทัว่ แดน
บรรเทาภยั ทหารไทยชายแดน พร้อมกนั แนบแนน่ เพราะเพือ่ แผน่ ดนิ ไทย
ดว้ ยสภาอณุ าโลมเดน่ แดงดจุ เชน่ เลอื ดเนอ้ื เราไทย องคป์ ยิ ะมหาราชเจา้
ทรงโปรดเกล้าอุปถมั ภใ์ ห้ น้ำ�พระทยั ไหลหล่งั โอ้เหมือนด่ังธาราท้นถ่งั มาสดใส
ถึงทหารแนวหน้า โอ้องค์ปน่ิ สธุ า พระเมตตาช่วยไทย จำ� จ�ำ จ�ำ พระกรุณา
องค์พนั ปศี รีพัชรนิ ทรา และพระพนั วัสสา พระสร้างกาชาดไทย
เพลง มาร์ชอาสายวุ กาชาด
พวกเราเหล่าอาสายุวกาชาด บำ�เพญ็ ประโยชนเ์ ก่งกาจ เรารักชาติยิ่งส่ิงใด
สามคั คดี จุ พแ่ี ละนอ้ ง เราปรองดองกลมเกลยี วพรอ้ มใจ มที กุ ขร์ อ้ นใด ๆ จะเขา้ ไปชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู
อาสายวุ ฯ อาสายวุ ฯ อาสายวุ กาชาด พวกเรารวมใจหมายมาด พฒั นาชาติใหเ้ จรญิ
เพลง ธงยุวกาชาด
สีแดงมาเป็นกากบาทผุดผาดเหนอื ขาวขอบน�้ำ เงิน
งามตาพาจติ ใจเพลินเสรมิ สร้างความเจริญ
คอื ยุวกาชาดไทย กาชาดไทย กาชาดไทย กาชาดไทย กาชาดไทย
ขอเราจงร่วมบำ�เพ็ญตน บ�ำ เพ็ญตนเพอื่ คนทัว่ ไป
เสริมสร้างพลานามยั สามัคคมี ีน้ำ�ใจให้มีจติ เมตตา
มีเมตตา มีเมตตา มีเมตตา มีเมตตา
74
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
หมวดท่ี 2 จติ อาสายวุ กาชาดพงึ่ พาได้
หวั ขอ้ เร่อื ง จติ อาสายุวกาชาดพ่ึงพาได้
วัตถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื สง่ เสริมให้ผูเ้ ขา้ รบั การอบรมเกดิ จติ สำ�นกึ ในการท�ำ งานจิตอาสา
2. เพือ่ ใหผ้ ู้เขา้ รับการอบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจในการทำ�งานจติ อาสาและ
อาสายุวกาชาด
ขอบขา่ ยเน้อื หา
1. ความหมายของจิตอาสา
2. คุณลักษณะของจิตอาสา
3. บทบาทหนา้ ทีข่ องจิตอาสาและอาสายุวกาชาด
ส่อื และอปุ กรณ์
1. ส่อื วีดิทัศน์
- เร่ือง หมอตามรอยในหลวง การให้ที่ยิง่ ใหญ่
https://www.youtube.com/watch?v=zCF2jqYEnKw
- เรอ่ื ง คณุ จะได้อะไร (Unsung Hero)
https://www.youtube.com/watch?v=uaWA2GbcnJU&t=74s
- เรอ่ื ง คู่มือจิตอาสา โดย ธนาคารจติ อาสา
https://www.youtube.com/watch?v=0Uji3vowha8&t=25s
2. สือ่ PowerPoint เรื่องจิตอาสา คุณสมบตั ิและคุณลกั ษณะของจิตอาสา
3. กระดาษฟลิปชาร์ท
4. กระดาษ A4
5. ปากกาเคมี
75
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
เวลา 1 ช่วั โมง
การประเมินผล
1. การสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม
2. การตอบค�ำ ถามของผเู้ ข้ารบั การอบรม
แนวการด�ำ เนนิ กจิ กรรม
1. วิทยากรกล่าวทักทายว่าทผ่ี ่านมาเรียนเรือ่ งอะไร เป็นอย่างไรบ้างจากนั้นวิทยากร
พดู วา่ “วันนี้คอแห้ง หิวน้ำ�จังเลย” ถามเพื่อเป็นการศึกษาพื้นฐานความรู้สึกของการเป็น
จิตอาสาจากนั้นวิทยากรนำ�คำ�ตอบเพื่อเชื่อมโยงนำ�เข้าสู่บทเรียน พูดคุยถึงวีดิทัศน์เรื่องที่ 1
ซึ่งเป็นเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสเดินทางไปทำ�งานในที่ที่ไม่เคยไปซึ่งลำ�บากและ
ทุรกันดาร วิทยากรเปิดวีดิทัศน์ เรื่องหมอตามรอยในหลวง การให้ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อดูจบแล้ว
วิทยากรใช้คำ�ถาม
- รู้สึกอย่างไร จากการดวู ีดิทัศน์
- ได้ข้อคิดอะไรจากเรือ่ งนี้
แล้วสรุปว่า ในหลวงรชั กาลที่ 9 คือผู้ให้ท่ยี ่งิ ใหญ่ แล้วใชค้ ำ�ถามวา่
- วนั น้คี ณุ ให้อะไรใครหรอื ยงั
- เพราะอะไรคุณจงึ ให้
2. วิทยากรเกริ่นนำ�ถึงวีดิทัศน์เรื่องที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ทำ�
สง่ิ ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั และเปน็ ผใู้ หเ้ ชน่ เดยี วกนั ตอ่ จากนน้ั เปดิ วดี ทิ ศั นเ์ รอ่ื ง คณุ จะไดอ้ ะไร
(Unsung Hero) โดยวิทยากรเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากการดูวิดีทัศน์
เร่ืองนี้ ซ่งึ จะเชอ่ื มโยงสู่เร่อื งของการมีจิตอาสา สามารถใชส้ ่ือ PowerPoint คำ�ถามต่อไปนี้
- จากวดี ิทศั น์ มีตวั ละครอะไรบ้าง
- เขาทำ�อะไรบา้ ง
- ส่ิงทเี่ ขาทำ�สง่ ผลต่อใคร อยา่ งไรบ้าง
- ถา้ เปน็ เราเราจะทำ�อะไรบา้ ง
เมอ่ื ผเู้ ขา้ รบั การอบรมตอบ ใหว้ ทิ ยากรเขยี นค�ำ ตอบนน้ั ๆ ในกระดาษฟลปิ ชารท์ ทท่ี กุ คนสามารถ
มองเห็นได้ วทิ ยากรถามผู้เข้ารับการอบรม หากเป็นตัวเราเอง ประสบการณ์ที่ผ่านมาเราเคย
ท�ำ งานหรอื เคยเหน็ การท�ำ งานจติ อาสาของผอู้ น่ื อยา่ งไรบา้ ง (ทเ่ี กย่ี วกบั ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน
สังคม) และในอนาคตสง่ิ ทเ่ี ราอยากทำ�มีอะไรบา้ ง
76
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
3. วิทยากรนำ�เสนอส่อื PowerPoint จติ อาสา เร่ิมท่ีค�ำ ถามวา่
- ถ้าไดย้ นิ คำ�ว่าจิตอาสา เรานึกถงึ ใคร
- เขามีคณุ ลกั ษณะอยา่ งไร
- เพราะอะไรเขาถึงทำ�งานจติ อาสา
วิทยากรสรปุ ความหมายของจติ อาสา
4. วิทยากรเปิดวีดิทัศน์ เรื่อง คู่มือจิตอาสา โดย ธนาคารจิตอาสา และสรุปว่า
การทำ�จิตอาสาสามารถทำ�ไดท้ ุกที่ทกุ เวลาโดยเร่ิมจากตวั เอง ครอบครวั ชุมชนและสงั คม
5. วิทยากรเปิดเพลง มาร์ชอาสายุวกาชาด และพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่
ของอาสายุวกาชาดจากบทเพลง จากนั้นให้เปิดคู่มืออบรมอาสายุวกาชาดฯ แล้วเติมคำ�ใน
ชอ่ งวา่ งเรอ่ื งอาสายวุ กาชาดพง่ึ พาไดเ้ รอ่ื งอะไรบา้ ง ตอ่ จากนน้ั วทิ ยากรสรปุ ดว้ ยสอ่ื Powerpoint
เรอ่ื งจติ อาสายวุ กาชาดพ่ึงพาได้
6. วิทยากรสรุปเนื้อหาจิตอาสา ยุวกาชาดพึ่งพาได้และสามารถทำ�งานร่วมกับ
ทุกภาคส่วนของสงั คมได้ เชน่ โครงการจติ อาสา “เราท�ำ ความดี ด้วยหวั ใจ” ในพระราชดำ�ริ
ของพระบาทสมเด็จพระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ในหลวงรชั กาลที่ 10
7. วทิ ยากรนดั หมายครงั้ ต่อไปในการฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารทำ�งานจิตอาสา
สาระส�ำ คญั ท่ีได้จากกจิ กรรม
ผเู้ ขา้ รับการอบรมมคี วามตง้ั ใจ มกี �ำ ลังใจ และพร้อมที่จะทำ�งานจิตอาสาด้วยความ
เตม็ ใจซึง่ งานจติ อาสาสามารถทำ�ไดท้ ุกทที่ ุกเวลา
77
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
เนอ้ื หาเรอ่ื ง จิตอาสายวุ กาชาดพ่งึ พาได้
ความหมายของจิตอาสา
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ฉบับ พ.ศ. 2542 ได้ให้ความหมายของ
“จติ อาสา” ดังนี้
1) “จติ ” เปน็ คำ�นาม หมายถึง ใจ สิ่งทีม่ หี นา้ ท่รี ู้ คดิ และนึก
2) “อาสา” เป็นคำ�กริยา หมายถึง เสนอตวั เขา้ รบั ทำ�
ดังนั้น “จิตอาสา” หมายถึง จิตแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์ โดย
เตม็ ใจ สมัครใจ อิม่ ใจ ซาบซึง้ ใจ ปติ สิ ุข ท่ีพรอ้ มจะเสยี สละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพอ่ื
สาธารณประโยชนใ์ นการท�ำ กจิ กรรม หรอื สง่ิ ทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ กผ่ อู้ น่ื โดยไมห่ วังผลตอบแทนและ
มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นจิตที่ไม่นิ่งดูดายเมื่อพบเห็นปัญหา หรือความทุกข์ยาก
ที่
เกดิ ข้ึนกบั ผู้คน เป็นจิตที่มีความสุขเมื่อได้ทำ�ความดีและเห็นน้ำ�ตาเปลี่ยนแปลงเป็นรอยยิ้ม
เปน็ จติ ทเ่ี ปย่ี มดว้ ย “บญุ ” คอื ความสงบเยอื กเยน็ และพลงั แหง่ ความดี อกี ทง้ั ยงั ชว่ ยลด “อตั ตา”
พระไพศาล วิสาโล (พระนักคิด นักวิชาการ นักเขียน นักกิจกรรม) ได้ให้ความ
หมายของ จิตอาสา คือจิตที่ไม่นิ่งดูดายต่อสังคม หรือความทุกข์ยากของผู้คนและปรารถนา
เขา้ ไปช่วยไมใ่ ช่ด้วยการใหท้ าน ใหเ้ งนิ แต่ดว้ ยการสละเวลาลงแรงเขา้ ไปชว่ ยด้วยจติ ทีเ่ ป็นสุข
ทไี่ ดช้ ว่ ยผอู้ ่นื จะเน้นวา่ ไมใ่ ช่แค่ทำ�ประโยชน์เพอื่ ผูอ้ ื่นอยา่ งเดยี ว แต่เปน็ การพัฒนาจติ วญิ ญาณ
ของเราด้วย
คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติให้ความหมายจิตอาสาคือ การรู้จักเอาใจใส่เป็นธุระ
และเข้าร่วมในเรื่องของส่วนรวมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ มีความสำ�นึกและยึดมั่น
ในระบบคุณธรรม และจริยธรรมที่ดีงาม ละอายต่อสิ่งผิด รับผิดชอบ เน้นความเรียบร้อย
ประหยดั
จติ อาสา เปน็ ค�ำ ใหมท่ ถ่ี กู สรา้ งขน้ึ ในชว่ งหลงั เหตกุ ารณภ์ ยั พบิ ตั สิ นึ ามทิ ภ่ี าคใตข้ องไทย
ปลายปี พ.ศ. 2547 โดยมองวา่ งานอาสาสมคั รเปน็ หนง่ึ ชอ่ งทางส�ำ คญั ทน่ี �ำ ไปสกู่ ารมจี ติ ส�ำ นกึ ใหม่
หรือจิตวิวัฒน์ จึงเลือกผสมคำ�ว่า “จิต” กับคำ�ว่า “อาสา” และเลือกใช้คำ�ภาษาอังกฤษว่า
Volunteer Spirit ปัจจุบันมีการใช้คำ�ว่า “อาสาสมัคร” และ “จิตอาสา” ในลักษณะที่
เสมือน
หนึ่งเป็นคำ�เดียวกัน ซึ่งคำ�ว่า “จิตอาสา” นี้ อาจเทียบได้กับคำ�ว่า “อุดมการณ์อาสาสมัคร”
หรอื “สำ�นกึ อาสาสมัคร” ท่เี คยใช้กนั มาแตด่ ัง้ เดิมในสงั คมไทย
78
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
จิตสาธารณะ
จิตสาธารณะ (อ่านว่า จิด - สา - ทา - ระ - นะ) ประกอบด้วยคำ�ว่า จิต กับ
สาธารณะ “จิต” หมายถึง ใจ หรือสิ่งที่ทำ�หน้าที่คิด นึก และรู้ “สาธารณะ” หมายถึง ทั่วไป
เพอื่ ประชาชนทัว่ ไป จติ สาธารณะ จึงหมายถึง ส�ำ นึกหรือความคิดที่จะทำ�สิ่งที่เป็นประโยชน์
ใหแ้ ก่สังคมหรือคนทัว่ ไป
คนที่มีจิตสาธารณะมักเอาใจใส่เป็นธุระและเข้าร่วมกิจกรรมของส่วนรวมที่เป็น
ประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ มีสำ�นึกและยึดมั่นในระบบคุณธรรม และ
จริยธรรมที่ดีงาม ไม่ทำ�อะไรที่เป็นโทษต่อคนหมู่มาก ไม่นิ่งดูดายหากเห็นว่าตนจะทำ�สิ่งใด
ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมได้แม้จะเพียงเล็กน้อยก็จะทำ� เช่น โรงเรียนต้องปลูกฝัง
ให้นักเรียนมีจิตสาธารณะโตขึ้นจะได้เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนที่มีน้ำ�ใจคอยช่วยเหลือผู้อื่น
เมือ่ มโี อกาส คนท่ีชอบทำ�ลายของสาธารณะ เช่น ตโู้ ทรศัพท์ เก้าอีใ้ นโรงภาพยนตร์ ปา้ ยตาม
ทางสาธารณะ ขโมยฝาทอ่ ระบายน�ำ้ สาธารณะ เปน็ คนไม่มจี ิตสาธารณะ
“จิตอาสา” กับ “จติ ส�ำ นึกสาธารณะ” เหมือนหรือต่างกนั อยา่ งไร
ขอ้ 1 ความแตกต่างระหวา่ งค�ำ วา่ “จติ อาสา” กบั “จิตส�ำ นึกสาธารณะ”
“จติ อาสา” เปน็ การให้ การเสยี สละ ท�ำ กจิ กรรมเพอ่ื สาธารณะประโยชนห์ รอื สง่ิ ทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ก่
ผอู้ น่ื โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ดา้ นหนง่ึ กเ็ พอ่ื เปน็ การฝกึ ฝนตนเองเพอ่ื ลดอตั ตาตนเอง ในขณะท่ี
“จิตสึกนึกสาธารณะ” นอกจากการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ยังรวมถึง การใช้และการ
รักษาสิ่งของที่เป็นของส่วนรวมอีกด้วย ดังนั้น โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่มีความเข้าใจว่า
“จิตอาสา” กับ “จติ ส�ำ นึกสาธารณะ” เปน็ คำ�เดียวกนั แตแ่ ท้จรงิ แล้วมีความแตกตา่ งกัน
ขอ้ 2 ฐานคิดของปจั เจกบุคคล
การทำ�เพ่อื ส่วนตัว เพราะใจอยากช่วย เพราะความสงสาร เพราะ
ไดบ้ ุญ เพราะถกู บังคบั เพราะช่อื เสียง สรา้ งภาพลักษณ์ เพอื่ การ
จิตอาสา ยอมรบั ในสังคม ฯลฯ เช่น มคี วามสงสารก็ทำ�บุญแลว้ อิ่มใจ หรอื
ท�ำ บุญแลว้ นำ�ไปลดภาษไี ด้ เปน็ ตน้
จิตส�ำ นึกสาธารณะ การทำ�งานเพื่อส่วนรวมด้วยความเข้าใจ ด้วยความตระหนักรู้
ว่า
ส่วนรวมมีความสำ�คัญกว่าส่วนตัว เช่น ช่วยให้เด็กมีการศึกษา
ยกระดับคุณภาพชวี ติ และลดอัตราการเกิดอาชญากรรม ซงึ่ จะส่ง
79
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
จิตอาสาพระราชทาน แบง่ เป็น 3 ประเภท
1. จิตอาสาพัฒนา ได้แก่ กิจกรรมจิตอาสาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของแต่ละชุมชน
ให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบำ�เพ็ญประโยชน์ การอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การอำ�นวยความสะดวก ความปลอดภัยในการดำ�เนิน
ชวี ิตประจำ�วัน การประกอบอาชีพ และการสาธารณสุข ฯลฯ
2. จติ อาสาภัยพบิ ัติ ได้แก่ กิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติทั้งที่เกิดจาก
ธรรมชาติและเกิดจากสาเหตุอื่น ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์
ความเดอื ดรอ้ นจากภัยพบิ ัติ เชน่ อทุ กภยั อคั คภี ยั วาตภยั ฯลฯ
3. จิตอาสาเฉพาะกจิ ได้แก่ กิจกรรมจิตอาสาในงานพระราชพิธี หรือการรับเสด็จ
ในโอกาสต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยราชการในการช่วยเหลืออำ�นวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มา
ร่วมงาน การเตรยี มสถานที่ใหเ้ ปน็ ไปด้วยความเรียบร้อย
อาสาสมคั ร
อาสาสมัคร หมายถึง ผู้ท่ีสมัครใจและอาสาเข้ามาเพื่อช่วยเหลอื และทำ�งานที่เป็น
ประโยชน์แก่ประชาชน องคก์ รและสังคมโดยสมัครใจ เพื่อการดูแล ป้องกัน แก้ปัญหาเพื่อ
พฒั นาสงั คม โดยไม่หวงั ผลตอบแทนเปน็ เงินหรือส่ิงอื่นใด ผลตอบแทนทอ่ี าสาสมัครได้รับ คือ
ความสขุ ความภาคภูมิใจทไ่ี ด้ปฏิบัตงิ านที่เป็นประโยชนแ์ กป่ ระชาชน สังคมและประเทศ
ชาติ
อาสาสมคั ร (Volunteer) ถอื เปน็ หวั ใจขององคก์ ร ไมแ่ สวงหาผลก�ำ ไร (Non Profit Organization)
และองค์กรต่าง ๆ เพราะหากไม่มีพวกเขาแล้ว องค์กรก็คงขาดพลังขับเคลื่อนที่สำ�คัญที่จะ
เปลย่ี นแปลงสงั คม โดยอาสาสมัครทกุ คนในทกุ องค์กรมเี ป้าหมายเดียวกัน คือการเสียสละทง้ั
แรงกาย แรงใจ ด้วยจิตอาสา เพื่อต้องการให้สังคมของเขาพัฒนาได้ดีขึ้น ดำ�เนินไปอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
การเป็น “อาสาสมัคร” ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็แล้วแต่ที่ทำ�ให้เกิดประโยชน์
ในทางบวก ลว้ นแตเ่ ป็นสงิ่ ท่เี ราควรทำ�ทงั้ สิน้ คนทีจ่ ะเปน็ อาสาสมคั รไดน้ นั้ ไมไ่ ด้จ�ำ กดั ท่ี วัย
การศึกษา เพศ อาชีพ ฐานะ หรือข้อจำ�กัดใด ๆ ทั้งสิ้น หากแต่ต้องมีจิตใจเป็น “จิตอาสา”
ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่นหรือสังคมเท่านั้น กิจกรรมอาสาสมคั ร เปน็ กระบวนการของการฝกึ
“การให”้ ทด่ี เี พอ่ื ขดั เกลาละวางตวั ตน และบม่ เพาะความรกั ความเมตตาผอู้ น่ื โดยไมม่ เี งอ่ื นไข
ทั้งนี้ กระบวนการของกิจกรรม ซึ่งเป็นการยอมสละความสุขส่วนตน เพื่อรับใช้และช่วยเหลือ
แก้ไขวิกฤติปัญหาของสังคม อาสาสมัครจะได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว สัมผัสความจริง
เชื่อมโยงเหตุและปัจจัยความสุขและความทุกข์ เจริญสติในการปฏิบัติงาน ที่ศาสนาพุทธ
เรียกว่า พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เพื่อให้เกิด “การให้” ที่ดี
กิจกรรมอาสาสมัคร จึงเป็นกระบวนการที่ช่วยให้บุคคลได้ขัดเกลาตนเอง เรียนรู้ภายในและ
เกดิ ปญั ญาได้ ที่ผ่านมาคนไทยอาจเคยชินกบั การท�ำ ความดีด้วยการใช้เงนิ ลงทุนในการท�ำ บุญ
80
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ไม่ค่อยอยากออกแรงช่วยเหลือ เพราะถือว่า การทำ�บุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือผู้มีบุญบารมี
จะท�ำ ใหค้ น ๆ นน้ั ไดบ้ ญุ มากขน้ึ คนไทยจงึ มกั ท�ำ บญุ กบั พระ บรจิ าคเงนิ สรา้ งโบสถ์ แตล่ ะเลย
การ “ชว่ ยเหลือเพอ่ื นมนุษย์”
อาจกล่าวได้ว่า จิตอาสา หรือ จิตสำ�นึกสาธารณะ เป็นการตระหนักรู้ หรือเป็น
จิต
สว่ นทร่ี ตู้ วั รวู้ า่ ท�ำ อะไร อยทู่ ไ่ี หน เพอ่ื อะไร เปน็ อยา่ งไรขณะทต่ี น่ื อยนู่ น่ั เอง เปน็ จติ ทไ่ี มน่ ง่ิ
ดดู าย
ต่อสังคมหรือความทุกข์ยากของผู้คน และปรารถนาเข้าไปช่วย ไม่ใช่ด้วยการให้ทาน ให้เงิน
แต่ด้วยการสละเวลา แรง และ/หรือสมอง เข้าไปช่วยด้วยจิตที่เป็นสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
ไม่ใช่แค่ท�ำ ประโยชนเ์ พื่อผ้อู ่นื อยา่ งเดยี ว แต่เป็นการพัฒนา “จิตวิญญาณ” ของเราด้วย ฉะน้ัน
อาสาสมัคร ไม่ว่าด้วยแรงจูงใจใด ๆ ในช่วงเริ่มต้น แต่หากขาดซึ่งความรักในสิ่งที่ทำ�ด้วย
“จิตอาสา” ในเวลาต่อมา ผลงานที่ออกมาก็เป็นเพียงสิ่งที่เราทำ�สนุก ๆ เพื่อฆ่าเวลาที่ไม่รู้
คุณลักษณะของจิตอาสา
1. มคี วามประพฤติที่ซื่อตรง มีความคิด เป็นอิสระในการเลือกที่จะอาสาจะทำ�หรือ
ไม่ท�ำ ตามความสามารถ ประสบการณแ์ ละความรูห้ รือมีพรสวรรค์
2. มีความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม รวมทั้งการกระทำ�ที่เป็นประโยชน์
ต่อบคุ คล กลมุ่ บุคคลและสว่ นรวม
3. ไม่หวังรางวัลหรือผลตอบแทนเป็นเงินทอง และไม่ใช่เป็นภาระหน้าที่การงานที่
ต้องปฏิบัตอิ ย่แู ลว้ ตามหนา้ ที่
4. ต้องมีความรักความปรารถนาที่จะใหแ้ ละมีจิตใจที่จะทำ�ความดี เข้าใจและ
เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมถึงการเสียสละเวลาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ
สำ�หรับสภากาชาดไทยได้มีการบริหารจัดการอาสาสมัครและจิตอาสาของ
สภากาชาดไทย โดยแบง่ ออกเปน็ 5 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 “อาสากาชาด” มีคณุ สมบตั ิ ดงั นี ้
ผา่ นการอบรมหลกั สูตรจุดประกายกาชาด
ผ่านการอบรมปฐมพยาบาลตามมาตรฐานท่ีสภากาชาดไทยยอมรบั
ผา่ นการอบรมหลกั สตู รทกั ษะในการปฏบิ ตั งิ านตามทส่ี ภากาชาดไทยมอบหมายอยา่ ง
นอ้ ย 1 หลกั สูตร
มีหนว่ ยงานตน้ สงั กดั ในสภากาชาดไทยใหก้ ารรบั รอง
81
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
ประเภทที่ 2 “อาสายุวกาชาด” มคี ณุ สมบตั ิ ดงั น้ี
อายรุ ะหวา่ ง 15 - 30 ปี
ผ่านการอบรมหลกั สตู รจุดประกายกาชาด
ผ่านการอบรมปฐมพยาบาลตามมาตรฐานท่ีสภากาชาดไทยยอมรบั
มีหน่วยงานต้นสังกดั ในสภากาชาดไทยใหก้ ารรบั รอง
ประเภทท่ี 3 “ผทู้ ช่ี ว่ ยเหลอื สภากาชาดไทย” มคี ณุ สมบตั ิ ดังนี้
บคุ คลทม่ี ที กั ษะเฉพาะ มคี วามเชย่ี วชาญหรอื มตี �ำ แหนง่ งานประจ�ำ ทส่ี ามารถชว่ ยเหลอื
ภารกจิ ของสภากาชาดไทยให้ส�ำ เร็จลุล่วงไปด้วยดี
มีหน่วยงานตน้ สงั กดั ในสภากาชาดไทยให้การรับรอง
ประเภทที่ 4 “จิตอาสาสภากาชาดไทย” มคี ณุ สมบัติ ดังน้ี
ผ่านการอบรมหลกั สูตรจดุ ประกายกาชาด
มคี วามประสงค์จะบ�ำ เพญ็ ประโยชน์แก่สว่ นรวม
ประเภทที่ 5 “จิตอาสา” ได้แก่บคุ คล ดงั น้ี
บุคคลทช่ี ว่ ยงานสภากาชาดไทยเปน็ ครั้งคราว เช่น เหตุการณ์ภัยพบิ ตั ิฯ
ไม่จ�ำ เป็นตอ้ งผ่านการอบรมหลักสูตรจดุ ประกายกาชาด
โดยให้ค�ำ จำ�กัดความของงานอาสาสมัครและอาสาสมคั รสภากาชาดไทย ไวด้ งั นี้
งานอาสาสมัคร
งานอาสาสมคั ร คอื งานทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กผ่ อู้ น่ื ดว้ ยความสมคั รใจ ดว้ ยเจตจ�ำ นง
ของผู้ทำ� โดยมิได้ถูกบังคับหรือมิได้หวังผลตอบแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้กับส่วนรวม
ทง้ั การให้ในรูปของวัตถุ เช่น เงินทอง ส่ิงของ เคร่อื งใช้ และการใหใ้ นรปู ของกำ�ลังกาย กำ�ลงั
ความคดิ เพื่อประโยชน์ของผู้อ่นื
อาสาสมัครสภากาชาดไทย
อาสาสมคั รสภากาชาดไทย หมายถงึ บคุ คลทร่ี ว่ มท�ำ งานอาสาสมคั รกบั สภากาชาดไทย
เป็นผู้มีจิตอาสา มีเมตตาและศรัทธาในงานของสภากาชาดไทย ปรารถนาจะใช้เวลา
สตปิ ญั ญา ตลอดจนความรู้ ความสามารถเพอ่ื ชว่ ยเหลอื กจิ การของสภากาชาดไทย โดยไมห่ วงั
ผลตอบแทนและการแสวงหาผลก�ำ ไร โดยไมจ่ �ำ กดั อายุ เพศ อาชพี ฐานะทางสงั คม ภมู ลิ �ำ เนา
ศาสนา ชาติพนั ธุ์ และความทุพพลภาพ
82
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ส�ำ หรบั อาสายวุ กาชาด เป็นกลุ่มเยาวชนท่เี กดิ ขึ้นด้วยความสนใจ ความสมคั รใจที่จะ
ปฏบิ ตั งิ านบรกิ ารชมุ ชน งานจติ อาสา งานอาสาสมคั ร โดยยดึ หลกั การกาชาดและวตั ถปุ ระสงค์
ของยวุ กาชาดในการดำ�เนนิ กจิ กรรมของกลมุ่ ชมุ นุม ชมรมอาสายุวกาชาดทีเ่ ยาวชนสังกดั อยู่
ในบางโอกาสอาจมีเยาวชนที่มิได้สังกัดสถานศึกษาแล้ว แต่มีความสนใจที่จะร่วมกิจกรรมนี้
กส็ ามารถรวมตวั กนั ได้ และด�ำ เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ รว่ มกบั สภากาชาดไทยและกาชาดในทอ้ งถน่ิ
ได้ สามารถเรียนรู้เรื่องราวของกาชาด ภารกิจของสภากาชาด และสามารถเป็นพลังของ
กาชาดได้ในทุก ๆ ระดับ ทุกเพศและทุกวัย เพราะกาชาดดำ�เนินภารกิจเพื่อทุกคนที่อาจเป็น
ผู้ได้รับภัยพิบัติ ตลอดทั้งเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก
ดงั คตพิ จนท์ ก่ี าชาดได้กลา่ วไว้คอื บ�ำ บัดทกุ ข์ บ�ำ รุงสขุ บำ�บดั โรค ก�ำ จัดภยั
คณุ ลกั ษณะของอาสายวุ กาชาด
มีความศรัทธา มีความสนใจ ใฝ่หาความรู้ในภารกจิ ของสภากาชาดไทย
ศกึ ษาหาความรแู้ ละท�ำ ความเขา้ ใจในหลกั การกาชาดและวตั ถปุ ระสงคข์ องยวุ กาชาด
ปฏบิ ตั ติ ามวัตถุประสงค์ของยุวกาชาดโดยเข้ารับการอบรมอาสายุวกาชาด หรือร่วม
กิจกรรมอื่น ๆ
น�ำ ความถนดั ความสนใจ ความชำ�นาญของตน มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการร่วม
กจิ กรรมอาสาสมัครบรกิ ารชมุ ชน
หมั่นฝึกฝน และพัฒนาตนเองให้มีความรู้และทักษะต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรม
ยุวกาชาดและฝึกฝนให้กับสมาชิกรุ่นน้อง อันจะเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป เช่น ความรู้ด้านการ
ปฐมพยาบาล ความรู้ด้านนันทนาการ ความรู้ด้านการจัดกิจกรรมค่ายประเภทต่าง ๆ
กิจกรรมบำ�เพ็ญประโยชน์
มีความรบั ผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายด้วยความขยนั ขันแข็งและท�ำ อย่างจริงจงั
สามารถจัดสรรเวลาที่จะท�ำ งานอาสาสมคั ร โดยไมเ่ กดิ ปญั หากบั ครอบครวั และปญั หา
การเรยี น
ยอมรับขอ้ จำ�กัดทอี่ าจไมเ่ ออื้ อำ�นวยต่อการปฏิบัติงานอาสาสมัคร และมีความอดทน
ต่อความยากล�ำ บากทอ่ี าจจะเกดิ ข้ึน
แต่งกายสุภาพเรียบร้อย กิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย ยิ้มแย้มแจ่มใสและมีน้ำ�ใจ
เอื้ออารตี ่อผู้อน่ื เสมอ
ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บของชมรมอาสายุวกาชาด
83
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
บทบาทหนา้ ท่ีของจติ อาสา
พฤติกรรมหลักของจิตอาสา/จิตสำ�นึกสาธารณะ หมายถึง การกระทำ�ใด ๆ ที่มา
จากใจบริสุทธิ์ เริ่มจากการคิดดี ทำ�ดี เพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่ จากการที่เรามีจิตอาสา งดเว้น
การกระทำ�ที่จะส่งผลทำ�ให้เกิดความชำ�รุดเสียหายของทรัพย์สินส่วนรวมมีส่วนร่วมดูแลและ
รักษาทรัพย์สินส่วนรวมการเคารพสิทธิของผู้อื่นในการใช้ทรัพย์สินส่วนรวมใช้ชีวิตแบบ
“มแี ตใ่ ห”้ มากกวา่ “เอาแตไ่ ด”้ ค�ำ นงึ ถงึ สาธารณะมากกวา่ ความเปน็ สว่ นตวั ท�ำ ความดเี พราะ
เห็นคุณค่าของความดีทุกคนควรมีส่วนร่วม เผื่อแผ่ ดูแลสังคมไทย ดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน
ตลอดจนปญั หาตา่ ง ๆ รอบ ๆ ตวั รว่ มกนั รว่ มกนั สรา้ งสรรคส์ ง่ิ ดี ๆ ท�ำ ดใี หเ้ ปน็ รปู ธรรมมาก
ขน้ึ
ไม่เพยี งแตร่ อดูว่าใครจะรบั ผิดชอบเรอ่ื งอะไร แต่ควรต้องออกมามีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วยกัน
การจะเปน็ จติ อาสา ไม่ได้จำ�กัดที่ วัย การศึกษา เพศ อาชพี ฐานะ หรือขอ้ จำ�กดั ใด ๆ ทั้งสิน้
หากแต่เราต้องมีจิตใจเปน็ “จติ อาสา” ที่อยากจะชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื หรือสังคม เพียงเราแต่ละ
คน
คิดและทำ�ความดีกันคนละนิดเพื่อสังคม แล้วสังคมไทยจะงดงามขึน้ อีกไม่นอ้ ย
พฤตกิ รรมหลกั ของอาสาสมคั ร หมายถงึ การทีบ่ ุคคลที่ท�ำ ประโยชนเ์ พ่อื สว่ นรวมโดย
สมัครใจและไม่หวังผลตอบแทนช่วยเหลือผู้อื่นโดยเข้าร่วมกิจกรรมบริการชุมชน ได้แกก่ าร
เข้าร่วมกิจกรรมบำ�เพ็ญประโยชน์และปฏิบัติงานบรรเทาทุกข์ผู้เดือดร้อน เมื่อมีโอกาสยอม
เสียสละโดยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เสียสละเงิน เวลาเพื่อผู้อื่นและสังคมมุ่งมั่น
พัฒนาใฝ่หาความรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและเผยแพร่แก่ผู้อื่น และช่วยรณรงค์
บทบาทหนา้ ทข่ี องอาสายวุ กาชาด
อาสายุวกาชาด หมายถึง เยาวชนจิตอาสา ชาย - หญิง อายุ 15 - 30 ปี ที่กำ�ลัง
ศกึ ษาหรอื อยใู่ นวยั ท�ำ งาน ที่สละเวลาแรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นหรือสังคมใหน้ า่ อยู่
และมีความสุขมากขึ้น พร้อมทั้งได้รับการสร้างเสริมความรู้ ความสามารถในด้านต่าง ๆ
โดยสำ�นักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนและประเทศชาติ
อาสายุวกาชาด มีบทบาทหน้าทีด่ ังน้ี
1. รว่ มเป็นส่วนหนึ่งของสภากาชาดไทยเพื่อทำ�กิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของ
ผู้ดอ้ ยโอกาส ในสังคมและชุมชน รวมท้งั เด็กและผสู้ ูงอายใุ นภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของประเทศ
2. เป็นผู้แทนของสภากาชาดไทย ในการเผยแพร่ภารกิจของสำ�นักงานยุวกาชาด
สภากาชาดไทย ที่ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและผู้ที่เดือดร้อนในสังคม
3. เปน็ เยาวชนจิตอาสาของสภากาชาดไทยที่มีศักยภาพด้านต่าง ๆ เช่น มีความรู้
ความสามารถดา้ นปฐมพยาบาล การดแู ลผสู้ งู อายุ ความปลอดภยั บนทอ้ งถนน (Road Safety)
รณรงค์ให้มีการบริจาคโลหิต อวัยวะ ดวงตา การร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และสง่ิ แวดลอ้ ม
84
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ส่ิงที่อาสายวุ กาชาดได้รบั คือ
ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยการชว่ ยเหลือและสง่ ตอ่ ความรักให้กับคนอื่น
มสี ุขภาพและอารมณท์ ี่แจม่ ใสท่ีไดช้ ่วยเหลอื ผู้อน่ื ใหพ้ ้นทุกข์ และจิตเมตตา
ได้พบเพอื่ นใหม่ และการท�ำ งานรว่ มกบั ผอู้ นื่
ได้เพิ่มพูนทักษะความรู้ จากการเรียนรู้และประสบการณ์ในการลงมือทำ�งาน
ในดา้ นตา่ ง ๆ
เกิดความภาคภูมิใจทีไ่ ด้ท�ำ งานจติ อาสาเพอื่ ผู้อนื่ ในองคก์ รระดบั ประเทศ
มโี ปรไฟล์ด้านการบ�ำ เพญ็ ประโยชนแ์ ละชว่ ยเหลอื ผู้อืน่
กระบวนการสร้างจิตอาสา
กระบวนการจิตอาสา ประกอบด้วยการปลูกฝังให้ตระหนักถึงความสำ�คัญของ
จติ อาสา การเตรยี มความพรอ้ มทง้ั ด้านร่างกาย จติ ใจ ความรูแ้ ละการตดิ ต่อส่อื สาร การสรา้ ง
ความเช่อื มนั่ ในตนเอง และการเข้ารว่ มกิจกรรมอย่างต่อเนอ่ื ง คุณลกั ษณะของผ้มู จี ติ อาสาคือ
มงุ่ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม การท�ำ งานทุกอย่างเป็นไปด้วยความสมัครใจ ไม่มงุ่ หวังผลตอบแทน
ในรูปของอามิสสินจ้างหรือรางวัล ตลอดจนการอุทิศกาย กำ�ลังใจ และเวลาให้แก่ส่วนรวม
สิ่งที่อาสาสมัครพึงมี และถือปฏิบัติคือมีความรักมนุษยชาติ ตามหลักพรหมวิหาร 4 และ
สงั ควัตถุ 4
หลักพรหมวหิ าร 4 ประกอบดว้ ย
เมตตา : ความรัก ความปรารถนาดีให้ผู้อ่นื มีความสขุ
กรุณา : ความสงสาร เห็นใจ ปรารถนาใหผ้ ู้อืน่ พน้ ทุกข์
มทุ ิตา : ยินดีเมอ่ื ผู้อน่ื มีสขุ
อุเบกขา : วางเฉยไม่ล�ำ เอยี ง
สังควัตถุ 4 ประกอบด้วย
ทาน : การให้ เอือ้ เฟื้อ เผอ่ื แผ่
ปยิ วาจา : กลา่ วด้วยวาจาทีซ่ าบซ้ึง สุภาพออ่ นหวาน
อัตถจรยิ า : ทำ�ดี ประพฤติดี เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผูอ้ ่ืน
สมานตั ตตา : ทำ�ตวั เสมอต้น เสมอปลาย
นอกจากน้ี อาสาสมคั ร ควรจะต้องมีการสื่อสารที่ดีมีมโนกรรมคิดดี คดิ ทางบวก : Positive
thinking มีวจีกรรม (ปิยวาจา) ฝึกขอบคุณ ฝึกแสดงความยินดี ฝึกให้กำ�ลังใจ ฝึกชื่นชม
ผู้ที่มีจิตอาสาหรือจิตสาธารณะ
85
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
เด็กจะได้ประโยชนอ์ ะไรจากกจิ กรรมจติ อาสา
การท่เี ด็ก ๆ มพี ฤติกรรมท่ีแสดงออกเปน็ จติ สาธารณะแลว้ นัน้ จะสง่ ผลที่ดตี อ่ ตนเองได้ ดงั น้ี
เปน็ เดก็ ทม่ี คี วามคดิ ในทางทด่ี ตี อ่ คนอน่ื และมโี อกาสประสบความส�ำ เรจ็ มากกวา่ คนอน่ื
เปน็ คนทีส่ ามารถอยู่รว่ มกบั ผู้อน่ื ได้ง่าย เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้างและมักจะได้รับ
ความช่วยเหลือจากบคุ คลรอบข้างเมอื่ ตนเองเดือดรอ้ น
ท�ำ ตวั เป็นประโยชน์ เปน็ ที่ต้องการของสังคม ไม่เหน็ แก่ตัว
ได้รับการเออ้ื เฟอ้ื เผอื่ แผจ่ ากคนรอบข้าง มคี วามเขา้ ใจผ้อู ่ืนไดง้ า่ ย
ไม่ทับถมผ้อู น่ื ไมซ่ �้ำ เตมิ ผูอ้ ่นื
เป็นคนทมี่ เี หตุผล ไม่เอาแตใ่ จตนเอง เหน็ ใจในความทุกขข์ องผู้อ่นื จะได้รบั ความรัก
ความเมตตากรณุ าจากผู้อ่ืน มักจะได้รับการแบง่ ปนั จากคนรอบข้าง
มมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ด่ี กี บั ผอู้ น่ื สามารถท�ำ งานกบั ผอู้ น่ื ไดท้ กุ สถานการณอ์ ยา่ งมคี วามสขุ
จติ อาสากบั การพฒั นาประเทศ
จิตอาสาเป็นสิ่งสำ�คัญมาก ๆ เพราะถ้าคนสนใจงานด้านอาสาสมัครมากขึ้น
โดยเฉพาะกลมุ่ หนมุ่ สาวซง่ึ เปน็ คนรนุ่ ใหมท่ ม่ี พี ลงั อยใู่ นตวั เองเพยี งแตย่ งั ไมป่ ลดปลอ่ ยพลงั ของ
ตัวเองออกมา ศักยภาพของทุกคนสามารถพัฒนาประเทศด้วยกันทั้งนั้น เพียงพลังนั้นถูก
เก็บซ่อนไว้ในตัวจริง ๆ แล้วชีวิตของการทำ�งานอาสาสมัครคือการได้แลกเปลี่ยนความคิด
ประสบการณ์ หรอื ท�ำ ส่ิงตา่ ง ๆ ซึง่ ในชีวิตประจำ�วันไม่อาจไดท้ ำ� เช่น ปลูกป่า ท�ำ ฝายชะลอ
น้ำ�
เก็บขยะ สิ่งเหล่านี้ในชีวิตประจำ�วันบางคนเคยทำ�หรือไม่เคยทำ� หลายคนไม่เคยทำ�เลย
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์ต่อคนจำ�นวนมากต่อสังคมเกื้อกูลสังคมให้รู้ว่าสังคมนี้ยัง
น่าอยู่ พึ่งพาอาศัยได้ ทุกวันนี้ทุกคนคิดถึงแต่เรื่องเงินกับเวลา เป็นจิตอาสาต้องเสียเงินไหม
ตอบได้เลยว่าบางทีต้องสละ เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น เพื่อประโยชน์ของสาธารณะเท่าที่กำ�ลัง
ของตัวเองจะกระทำ�ได้เป็นการกระตุ้นให้ตัวเองตระหนักในพลังแห่งจิตอาสาให้เกิดขึ้น
ในตัวของเรา จติ อาสาทำ�ไดอ้ ย่างดเี พยี งเราต้องมีพลัง ก็สามารถท�ำ ได้ทุกอยา่ ง สามารถ
สมัคร
ไปกับโครงการที่จัดกิจกรรมจิตอาสาในเวลาที่ว่างหรือติดตามข่าวสารจากช่องทางหรือ
องค์กรต่าง ๆ ที่มีในปัจจุบัน หรือหากไม่มีเวลาว่างจริง ๆ ลองจัดกิจกรรมด้วยตัวเอง เช่น
ขอใหถ้ ือประโยชนส์ ว่ นตน เป็นทส่ี อง
ประโยชนข์ องเพ่อื นมนษุ ย์ เป็นกจิ ทหี่ นงึ่
ลาภ ทรพั ย์ และเกยี รติยศ จะตกแก่ทา่ นเอง
ถ้าทา่ นทรงธรรมมะแห่งอาชีพ ไว้ใหบ้ รสิ ทุ ธ์ิ
(สมเดจ็ พระมหติ ลาธิเบศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก)
86
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ขอ้ ดีท่ชี วี ติ จะไดร้ ับเมอ่ื เกดิ คำ�ถามวา่ “ทำ�งานอาสาจะได้อะไรบ้าง” ถ้าวันหยุดของ
เราไม่ใช่วันหยุดที่เหมือนกับคนอื่น มีช่วงปิดเทอมที่ไม่รู้จะออกไปไหน หรือเบื่อที่จะต้องเอา
เวลาลาพกั รอ้ นไปกนิ ไปเทย่ี ว ลองใชโ้ อกาสนเ้ี ปลย่ี นมมุ มองชวี ติ ดว้ ยการท�ำ งานจติ อาสาดสู กั ครง้ั
ออกไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หรืออะไรก็ตามแต่ที่เป็นงาน “เสียตังค์น้อย
แตใ่ ชแ้ รงมาก” อยา่ งนอ้ ยสกั ครง้ั หนง่ึ ในชวี ติ ทล่ี องอทุ ศิ ตวั เองเพอ่ื สงั คมบา้ ง เราจะไดร้ บั สง่ิ ดี ๆ
อย่างนอ้ ยก็ 6 ขอ้ ตอ่ ไปนี้ ทีจ่ ะท�ำ ใหช้ ีวติ มคี วามหมายมากขึ้น
1. ได้สร้างเกียรติประวัติให้ตัวเอง ถ้าหากเราเป็นคนที่กำ�ลังหาตำ�แหน่งงานว่าง
ลองเสียสละเวลาสักนิดก่อนทจ่ี ะกรอกใบสมคั รงานไปเข้าโครงการจิตอาสาตา่ ง ๆ สกั พกั หน่ึง
เราจะรวู้ า่ แคก่ รอกประวตั กิ ารท�ำ งานจติ อาสาเขา้ ไป มคี วามหมายทด่ี มี ากกวา่ การถอื ทรานสครปิ ต์
คะแนนสงู ๆ ใหน้ ายจา้ งดู นน่ั กเ็ พราะนายจา้ งเขาตอ้ งการจา้ งคนทม่ี ที ศั นคตทิ ด่ี ี ไมเ่ หน็ แกต่ วั
เพ่ืองานที่ดสี ำ�หรับองค์กรของเขา
2. ไดส้ ขุ ภาพทด่ี สี ขุ ภาพทางดา้ นจติ ใจและอารมณจ์ ะเปน็ สง่ิ ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั มาก อยา่ งนอ้ ย
เราจะรู้สึกดีที่ได้ช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มีพื้นฐานจิตใจที่ดีจากการเมตตาคนอื่น มีสุขภาพกาย
ที่ดีจากการทุ่มเทพลังกาย รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองที่เป็นส่วนหนึ่งได้ขับเคลื่อนให้ภารกิจ
ประสบความสำ�เร็จ (ซึ่งการได้ให้และได้รับกำ�ลังใจนี้ มีผลโดยตรงกับการหลั่งสารที่เกี่ยวกับ
ความสุขในร่างกาย นั่นก็แปลว่าเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพด้วย) ถ้ากำ�ลังท้อแท้ สิ้นหวัง ลองใช้
โอกาสสักครั้งแบกเป้ไปลุยป่าลุยงานอาสาสมัครสักครั้ง นอกจากธรรมชาติแล้ว กำ�ลังใจ
และ
3. ได้สง่ ตอ่ ความรกั ใหก้ บั คนอ่ืน เห็นการเติบโตจากรุ่นสรู่ นุ่ ถา้ เราเป็นวัยรุ่นตอนต้น
หรือรู้สึกว่าไลฟ์สไตล์ที่เราเป็นอยู่นี้เหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต งานจิตอาสาจะช่วยให้รู้จักคำ�ว่า
“ผู้ใหญ่” มากขึ้น การเป็นผู้ใหญ่หมายความว่าอะไร ก็หมายความว่าถ้าตอนนี้เราได้เป็น
จิตอาสา และเราก็มีลูกเป็นจิตอาสา ก็เท่ากับว่าเรากำ�ลังสร้างคุณลักษณะให้ลูกมีความเห็น
แก่ตวั น้อยลงตอ่ เพ่อื นมนษุ ย์ ซ่งึ คณุ ลกั ษณะนีจ้ ะติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวติ เม่ือพวกเขามีลูก
มีหลาน เขาก็จะส่งต่อคุณลักษณะนี้ไปอีก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีมากที่โลกอยู่ได้ก็เพราะยังมีการ
ส่งต่อเร่อื งดี ๆ ต่อกัน มีน้ำ�ใจระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยา่ งไม่จบสิ้น
4. เคารพคนอื่นมากขึ้น การเป็นอาสาสมัครนอกเหนือจากการอุทิศตัวเองแล้วยัง
หมายถงึ การเคารพเพอ่ื นอาสาสมคั รคนอน่ื ๆ ทต่ี อ้ งใชช้ วี ติ รว่ มกนั ท�ำ งานรว่ มกนั ตลอดเวลาดว้ ย
ซง่ึ เปน็ พน้ื ฐานทด่ี ใี หเ้ ราไดเ้ รยี นรไู้ วก้ อ่ นทจ่ี ะไปท�ำ งานกบั องคก์ รอน่ื หรอื สมคั รงานเขา้ บรษิ ทั อน่ื
เพราะฉะน้นั จงจำ�ไวเ้ สมอว่ามติ รภาพท่ดี ีมนั หายากย่งิ กวา่ ส�ำ เนารบั สมคั รงานเสียอีก
87
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
5. ได้เจอเพอ่ื นใหม่ งานจติ อาสากค็ อื งานทจ่ี ะไดอ้ อกไปพบปะสงั คมทก่ี วา้ งขน้ึ พบปะ
ผู้คนที่มีความคิดเหมือนกัน เหมือนกับการเข้าปาร์ตี้งานหนึ่งที่เรียนรู้ตัวเองไปด้วย เรียนรู้
คนอ่ืนไปด้วย แถมยังได้คอนเนคชนั่ มากขึน้ จากคนท่ีคุยถกู คอกันเอง ถ้าเรากำ�ลงั หาเพื่อน
ใหม่
อยากได้เพื่อนดี ๆ เพิ่มขึ้น งานจิตอาสาคือโอกาสที่จะได้พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา
ในแบบเหน็ ตวั ตน เหน็ ทกุ ขส์ ขุ ดว้ ยกนั เมอ่ื ไดม้ าท�ำ งานรว่ มกนั ซง่ึ โอกาสดี ๆ แบบน้ี ถา้ เราไม่ได้
ลองเขา้ คา่ ย เขา้ โครงการจติ อาสาสกั ครง้ั เรากบั พวกเขากอ็ าจจะเดนิ สวนทางกนั ไมก่ ลา้ รจู้ กั กนั
6. ไดเ้ พมิ่ พนู ทักษะความรู้ งานอาสาสมัครเป็นงานที่มีแค่ตัวเปล่า ๆ ก็ทำ�ได้แม้จะ
ไม่มีเงินหรือความรู้ติดตัวมาเลย ดังนั้น โอกาสนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้พัฒนาตัวเองไปด้วย
จากการลงมือทำ�งานในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานธุรการ งานด้านประสานงาน
ถ้าเราไม่เคยมีพื้นฐานอะไรเลย ก็จะได้ทักษะการใช้โปรแกรม การทำ�ฟอร์มเอกสาร การใช้
เครื่องมือสื่อสารติดตัวไปด้วยหลังจากจบโครงการ ทำ�ให้มั่นใจได้เมื่อต้องกรอกใบสมัครงาน
ในชอ่ งทกั ษะความสามารถ หรอื ถา้ เราไดอ้ ยใู่ นสายงานทเ่ี กย่ี วกบั การประสานงาน การใหบ้ รกิ าร
แบบสายด่วน เมื่อเราได้ไปทำ�งานทางด้านนี้โดยเฉพาะจริง ๆ จะไม่รู้สึกประหม่าเกินไป
ส�ำ หรบั บา้ นเราแลว้ งานอาสาสมคั รมอี ยหู่ ลายโครงการ หลายแบบ ทง้ั แบบ walk - in เขา้ ไป
ท�ำ
ได้เลย อย่างเช่น โครงการจิตอาสาตามองค์กรอิสระมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลสถานีตำ�รวจ
สถานทร่ี าชการตา่ ง ๆ มูลนิธิกู้ภัย หรอื แบบให้ตดิ ตามข้อมลู ทางออนไลน์ เมื่อเรามีความ
พรอ้ ม
ก็อาสาเขา้ รว่ มกิจกรรมได้เลย
88
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
หวั ขอ้ เรอื่ ง การส�ำ รวจและวางแผน
ในการท�ำ งานจติ อาสา
วัตถุประสงค์
เพ่ือใหผ้ ู้เข้ารับการอบรม
1. สามารถส�ำ รวจพนื้ ที่ชมุ ชนรอบ ๆ ตวั ของอาสายุวกาชาดได้
2. วางแผนการท�ำ กิจกรรมจติ อาสาได้
ขอบขา่ ยเนื้อหา
1. ความหมายของการสำ�รวจชุมชน
2. การส�ำ รวจชุมชน
3. การวางแผน
สื่อและอุปกรณ์
1. ภาพชุมชนเมอื ง บ้าน วดั โรงเรียน ตลาด ฯลฯ
2. ส่ือ PowerPoint เรอ่ื งการส�ำ รวจและการวางแผน
3. กระดาษฟลปิ ชารท์
4. ปากกาเคมี
5. แบบรายงานการวางแผนในการทำ�งานจติ อาสา
เวลา 1 ช่วั โมง
การประเมนิ ผล
1. การสังเกตพฤตกิ รรมของผูเ้ ข้ารบั การอบรม
2. การสอบถามผู้เขา้ รับการอบรม
3. แบบรายงานการประชุมกลุ่ม
แนวการดำ�เนินกิจกรรม
1. วิทยากรทบทวนถึงเรื่องจิตอาสาที่เรียนมาแล้วซึ่งการทำ�งานจิตอาสามีมากมาย
หลายอยา่ ง และการท�ำ งานทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ คอื การใหค้ นในชมุ ชนไดท้ �ำ ประโยชน์
ในพื้นที่ของตนเองซึ่งจะเกิดความรักและความหวงแหนสิ่งที่ทำ�ขึ้น ดังนั้นเรามารู้จักชุมชน
ของเราเพอ่ื การส�ำ รวจและวางแผนในการท�ำ งานทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพรว่ มกนั
89
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
2. วิทยากรใช้ส่ือ PowerPoint อธิบายความหมายของชมุ ชน พรอ้ มกับใชค้ ำ�ถามเพอื่
สอบถามแนวคดิ ของผูเ้ ข้ารับการอบรมดังนี้
- ถ้าเราจะท�ำ งานจติ อาสาในบ้านจะทำ�อะไรได้บ้าง
- ถา้ เราจะทำ�งานจติ อาสาในวดั จะท�ำ อะไรไดบ้ า้ ง
- ถา้ เราจะท�ำ งานจติ อาสาในโรงเรียนจะทำ�อะไรได้บ้าง ฯลฯ
3. วทิ ยากรใชส้ อ่ื PowerPoint อธิบายการสำ�รวจชุมชนและการวางแผน เมื่ออธิบาย
ความหมายเรยี บรอ้ ยแลว้ วทิ ยากรจ�ำ ลองการส�ำ รวจชมุ ชนโดยใช้ กจิ กรรม “10 นาที ส�ำ รวจรอบตวั ”
และมอบหมายใหแ้ ตล่ ะหนว่ ยสอี อกไปส�ำ รวจพน้ื ทร่ี อบ ๆ ใกลเ้ คยี ง เชน่ สถานทอ่ี บรม หอ้ งประชมุ
โรงอาหาร วัด บ้าน ฯลฯ ตามความเหมาะสม โดยกำ�หนดว่าเราจะทำ�งานจิตอาสาอะไร
ได้บ้าง ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมสามารถถ่ายรูป วาดภาพ หรอื ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้
เพ่ือเพมิ่ ความคล่องตวั ในการเกบ็ ขอ้ มูลสำ�หรับตอบคำ�ถามเหล่านี้ คือ
- ไปทีไ่ หน
- พบใคร
- คยุ เรื่องอะไร (ประเด็นอะไรทเี่ ขาต้องการใหท้ ำ�งานจติ อาสา)
- เวลาทีเ่ ราออกไป
- ใชเ้ วลาเท่าไร
- ไปกนั ก่ีคน
ขอ้ มลู เหล่านี้จะน�ำ มาใช้ในการวางแผนการทำ�งานจิตอาสาต่อไป
4. ผเู้ ขา้ รบั การอบรมกลบั มาประชมุ กลมุ่ หลงั จากการส�ำ รวจพน้ื ทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสรจ็
เรยี บรอ้ ยแลว้ โดยเขยี นในฟลปิ ชารท์ ท�ำ อะไร กบั ใคร เมอ่ื ไหร่ อยา่ งไร โดยใหน้ �ำ ความตอ้ งการ
ของชุมชนหรือพื้นที่ที่ออกไปสำ�รวจมาวางแผนว่า จะทำ�เมื่อไหร่ (กิจกรรมจิตอาสา) สามารถ
ตงั้ ชอื่ กจิ กรรมหรือโครงการจิตอาสาทที่ ำ�ได้
5. วิทยากรใหแ้ ต่ละกลุ่มนำ�เสนอข้อมลู ท่ไี ดป้ ระชมุ ให้กล่มุ อื่น ๆ รับทราบ พร้อมทั้ง
เปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ ข้ารบั การอบรมได้นำ�เสนอความคดิ เหน็ เพิม่ เติม
6. วทิ ยากรและผเู้ ขา้ รบั การอบรมสญั ญารว่ มกนั ทจ่ี ะด�ำ เนนิ แผนไปสกู่ ารปฏบิ ตั จิ รงิ เพอ่ื
เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ร่วมกิจกรรมกับคนในครอบครัว ในโรงเรียน สถานศึกษา วัด พื้นที่
ชุมชนรอบ ๆ ตัวของเยาวชน หรือขยายผลไปยังหมู่บ้าน ตำ�บล จังหวัด หรือองค์กรที่มี
ช่องทางในการทำ�งานจิตอาสา เช่น เหล่ากาชาดจังหวัด กิ่งกาชาดอำ�เภอ สภากาชาดไทย
เป็นตน้
สาระสำ�คัญทไ่ี ด้จากกิจกรรม
เป็นการสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ส่งเสริมการทำ�งานตามแบบประชาธิปไตย
เกดิ ความส�ำ นึกในการท�ำ งานจติ อาสาท่ีรว่ มกนั บำ�เพ็ญประโยชนต์ ่อชมุ ชน
90
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เน้อื หาเร่ือง การสำ�รวจและวางแผน
ในการทำ�งานจติ อาสา
การส�ำ รวจชุมชน
ชุมชน ปกตจิ ะเรยี กกลมุ่ คนจ�ำ นวนหนง่ึ ทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั วา่ เปน็ สงั คม แตค่ วามจรงิ แลว้ มี
ค�ำ
ท่ีใชเ้ รยี กกลุ่มคนหลายแบบหลายประเภทด้วยกัน เช่น ครอบครัว หมบู่ า้ น ละแวกบา้ น ชมุ ชน
เมอื ง องค์กร พรรค สมาคม เป็นต้น ก่อนท่ีจะอธิบายความหมายของค�ำ วา่ ชุมชน เมอื ง และ
ความเป็นเมือง จะอธิบายให้เห็นความแตกต่างของกลุ่มคน สองประเภทก่อน คือ สังคมและ
ชุมชน
ราชบัณฑติ ยสถาน (2525 : 371) อธิบายว่า สังคม (Society) คอื คนจำ�นวนหนงึ่ ทีม่ ี
ความสมั พนั ธ์ต่อเนอ่ื งกันตามระเบียบ กฎเกณฑ์ โดยมวี ตั ถุประสงคส์ ำ�คัญรว่ มกัน
ส่วนค�ำ ว่า ชมุ ชน (Community) พจนานุกรมศพั ท์สงั คมวทิ ยา (ราชบณั ฑติ ยสถาน
1. กลุ่มย่อยที่มีลักษณะหลายประการเหมือนกับลักษณะสังคมแต่มีขนาดเล็กกว่า
และมีความสนใจร่วมกันท่ีประสานกันในวงแคบกว่า
2. เขตพนื้ ที่ ระดบั ของความคุ้นเคย และการตดิ ต่อระหว่างบุคคล ตลอดจนพนื้ ฐาน
ความยึดเหนย่ี ว เฉพาะบางอย่างท่ีท�ำ ให้ชุมชนต่างไปจากกลมุ่ เพื่อนบ้าน ชุมชนมีลักษณะทาง
เศรษฐกิจเป็นแบบเลี้ยงตนเองที่จำ�กัดมากกว่าสังคม แต่ภายในวงจำ�กัดเหล่านั้นย่อมมี
การสังสรรค์ใกล้ชิดกว่า และมีความเห็นอกเห็นใจลึกซึ้งกว่า อาจจะมีสิ่งเฉพาะบางประการที่
ผกู พันเอกภาพ เช่น เชอื้ ชาติ ต้นกำ�เนดิ เดิมของชาติหรือศาสนา
3. ความรู้สึกและทัศนคติทั้งมวลที่ผูกพันปัจเจกบุคคลให้รวมเข้าเป็นกลุ่มจากความ
หมายดังกลา่ วมคี วามสอดคล้องกับ เดนนส่ี ์ อี. บ็อปลิน (Dennies E. Poplin : 1979) ทก่ี ลา่ ว
วา่
ชมุ ชนเปน็ ค�ำ ทใ่ี ชเ้ กย่ี วกบั การรวมตวั ของหนว่ ยสงั คมและทอ่ี ยอู่ าศยั ทข่ี น้ึ อยกู่ บั ขนาดของกลมุ่
โดยใชค้ �ำ เรยี กทแ่ี ตกตา่ งกนั เชน่ ละแวกบา้ น หมบู่ า้ น เมอื ง นคร และมหานคร จากความ
หมาย
ดังกล่าว จะเห็นว่าสังคมและชุมชนมีความแตกต่างกัน ในด้านขนาดของกลุ่มคนมากกว่า
ด้านอื่น ๆ แต่บางครั้งมีการใช้คำ�ว่า ชุมชนนำ�หน้าชื่อของกลุ่มคนเพื่อบ่งบอกถึงคุณลักษณะ
ตา่ ง ๆ ของกลุม่ ดังนี้
บอกพื้นท่ี เชน่ ชมุ ชนหนองมน
บอกเชื้อชาติ เชน่ ชุมชนจนี
บอกศาสนา เช่น ชมุ ชนมสุ ลมิ
91
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้
สว่ นกลมุ่ คนขนาดใหญร่ ะดบั ภมู ภิ าค ระดบั ประเทศ หรอื การกลา่ วถงึ กลมุ่ คนตา่ ง ๆ โดยทว่ั ไป
เราจะใชค้ �ำ ว่าสงั คม น�ำ หน้า เช่น สงั คมไทย สงั คมชนบท สงั คมเมอื ง เป็นต้น
การส�ำ รวจชุมชน
การส�ำ รวจชมุ ชน เป็นการสำ�รวจสภาพความเป็นอยู่ของสังคมในชุมชนว่ามีลักษณะ
อย่างไร การสำ�รวจประเภทนี้มุ่งที่นำ�เอาข้อเท็จจริงมาประกอบการตัดสินใจในการปรับปรุง
หรือแก้ไขปัญหาของชมุ ชน ตวั อยา่ งการสำ�รวจชุมชน เช่น
สำ�รวจประวัติ ไดแ้ ก่ จุดก�ำ เนิด และพฒั นาการของชมุ ชน เช้ือชาติ ศาสนา ฯลฯ
ส�ำ รวจด้านการปกครอง กฎหมาย การเก็บภาษา ความสัมพันธ์ระหว่าง
หน่วยงานตา่ ง ๆ
สำ�รวจด้านประชากร ได้แก่ การแจ้งนับประชากรเกี่ยวกับอายุ เพศ เชื้อชาติ
ศาสนา การศึกษา อาชีพ ลกั ษณะทอี่ ยู่อาศัย ฯลฯ
ความม่งุ หมายในการสำ�รวจชุมชน การสำ�รวจชุมชนมีความมงุ่ หมายทีส่ �ำ คญั ดังนี้
เพ่ือศกึ ษาประวัตขิ องชมุ ชนว่ามีการพฒั นามาอย่างไร
เพอื่ ศึกษาสภาพทางภูมิศาสตร์ และเศรษฐกิจของชุมชน เช่น การคมนาคม
อาชีพ การกระจายของชุมชน ฯลฯ
เพื่อศกึ ษาวฒั นธรรมและจารตี ประเพณี เช่น การอบรมเลยี้ งดูบุตร ศาสนา ฯลฯ
เพือ่ ศกึ ษาดา้ นการปกครองของชุมชน เช่น กฎหมาย ข้อบงั คบั ฯลฯ
ประโยชน์ของการส�ำ รวจชมุ ชนมี ดังนี้
เพ่ือน�ำ มาใช้ในการจดั รปู แบบของชมุ ชนให้มีประสิทธภิ าพมากยงิ่ ขนึ้
เพอ่ื น�ำ มาใชใ้ นการพฒั นาสถาบนั ตา่ ง ๆ ของชมุ ชนใหส้ อดคลอ้ งกับความตอ้ งการ
ของชุมชนนั้น
เพื่อน�ำ มาใช้ในการสง่ เสรมิ งานอาชพี หรือพฒั นาความเป็นอยู่ใหด้ ขี ึ้น
เพื่อน�ำ มาใช้ในการปรับปรุงกฎหมาย หรือระเบียบขอ้ บงั คับของชุมชน
วธิ ีการส�ำ รวจชมุ ชน
การสำ�รวจชุมชนมีด้วยกันหลากหลายวิธี เพื่อที่จะทำ�ให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
สมบรู ณ์ ทง้ั การสบื คน้ หาข้อมูลนั้นจากสถานท่ีราชการทีเ่ กี่ยวข้องกบั ชมุ ชน การสอบถามจาก
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณลำ�น้ำ�นั้น การสืบค้นจากแหล่งความรู้อื่น ๆ เช่น อินเตอร์เน็ต
เอกสาร หนังสือ หรือผลงานวิจัยที่มีอยู่แล้ว แต่วิธีที่ง่ายที่สุดและเป็นแหล่งข้อมูลที่สำ�คัญ
เพราะเป็นแหล่งข้อมูลตรงจากชาวบา้ นบริเวณน้นั เลย เป็นข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการกลั่นกรอง
จึงเป็นวิธีการหาคำ�ตอบสำ�หรับคำ�ถามที่ตั้งไว้ได้เป็นอย่างดี คือการพูดคุยกับคนในท้องถิ่น
92
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เพราะจะท�ำ ใหเ้ ราไดร้ ับขอ้ มูลอยา่ งมากมาย และยังทราบปัญหาที่แท้จริงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา
ในชุมชนด้วย แต่ผู้สำ�รวจก็สามารถที่จะใช้วิธีการอื่นในการสืบหาข้อมูลชุมชนประกอบกันได้
เพอ่ื ข้อมูลที่ได้จะมีความถูกต้อง ครบถว้ นและสมบรู ณ์ที่สดุ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการสำ�รวจ
ชุมชนในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งผู้สำ�รวจสามารถเลือกปฏิบัติได้ตามความถนัดของแต่ละ
บุคคล ดังน้ี
พดู คยุ สนทนา
พดู คุยสนทนา คอื การพูดคยุ สอบถามชาวบ้านในชุมชนดว้ ยตนเอง เพอ่ื ทำ�ความรูจ้ กั
และแลกเปลี่ยน ความรู้ซึ่งกันและกัน ได้ทราบถึงข้อมูลของลำ�น้ำ�จากชาวบ้านโดยตรง
วิธีนี้มีข้อดีตรงที่ผู้สำ�รวจสามารถถามในสิ่งที่อยากรู้และสงสัยได้ และยังได้คำ�ตอบทันใจ
แต่ถ้าผู้สำ�รวจมุ่งแต่จะหาคำ�ตอบจากคำ�ถามที่ตั้งไว้แล้วมากเกินไป ก็อาจทำ�ให้พลาด
รายละเอียดอื่น ๆ ได้ บางครั้งผู้สำ�รวจอาจเริ่มต้น ด้วยการพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตของ
คู่สนทนา เพื่อเรียนรู้ว่าชาวบ้านผูกพันกับลำ�น้ำ�ของเขาอย่างไร เทคนิคที่ผู้สำ�รวจจะเลือกใช้
ไดแ้ ก่
1. การสอบถาม ควรจะเลือกคำ�ถามที่ให้ชาวบ้านได้พิจารณาและลงความเห็นด้วย
เพือ่ จะไดท้ ราบความคิดเหน็ ของชาวบา้ น
2. ถ้าผสู้ �ำ รวจสามารถชวนชาวบา้ นหลาย ๆ คนมารว่ มวงพดู คยุ ได้ จะท�ำ ใหก้ ารพดู คยุ
เป็นกันเอง เพราะได้อธิบายแลกเปลี่ยน ถกเถียง วิเคราะห์ความรู้ ความคิดกัน แถมยังได้
ตรวจสอบขอ้ มลู กนั ทันทดี ้วย
ลกั ษณะคำ�ถามทดี่ สี �ำ หรบั ใช้ในการสนทนา
คำ�ถามเปดิ กว้างท�ำ ให้คุยกนั ได้ยาว ๆ ถงึ งานกจิ กรรมและความคดิ ของชาวบา้ น
มากกว่าจะเปน็ คำ�ถามทตี่ อบไดเ้ พียงวา่ “ใช”่ หรอื “ไมใ่ ช”่
ค�ำ ถามที่ขึ้นต้นด้วย “ทำ�ไม อย่างไร เมื่อไร” เป็นคำ�ถามที่ดีเพราะชวนให้คิดถึง
เหตุผลและความเป็นมาของเรื่องราว แต่ควรระวังคำ�ถามที่อาจทำ�ให้คู่สนทนารู้สึกว่าถูก
คาดคั้นให้ตอบ
ค�ำ ถามทช่ี วนใหใ้ ครค่ รวญ ทบทวนถงึ ความเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ จากอดตี สปู่ จั จบุ นั
ซง่ึ จะทำ�ใหผ้ ูส้ �ำ รวจเขา้ ใจสถานการณป์ ัจจุบันไดช้ ัดเจนขึ้น
สงั เกตวัฒนธรรมรอบตวั
ความชา่ งสงั เกตเป็นลักษณะส�ำ คญั ของผู้ส�ำ รวจ เราจงึ ควรฝึกฝนการสังเกตสิ่งละอนั
พันละน้อยในหมู่บ้าน เพราะของเล็กน้อยเหล่านี้อาจมีร่องรอยให้ผู้สำ�รวจได้ค้นคว้าหาความรู้
หรือหาคำ�ตอบจากผู้รู้ต่อไปได้ ทำ�ให้เราสามารถสืบสวนถึงความเป็นมา เหตุผลที่ซุกซ่อน
อยู่
รวมทง้ั การเปลย่ี นแปลงที่เกิดขน้ึ เมื่อวฒั นธรรมเหลา่ น้ันจำ�เปน็ จะต้องเดนิ ผ่านกาลเวลา วา่ มี
93
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 2 : จติ อาสายวุ กาชาดพง่ึ พาได้