2. การอยูร่ ่วมกนั และความเขา้ ใจซงึ่ กันและกัน
การเขา้ ใจความรูส้ ึกและความต้องการของผู้สงู อายุ
วัยผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้าน
รา่ งกายและจติ ใจในทางเสอ่ื มลง ซง่ึ การเปลย่ี นแปลงดงั
กลา่ ว
จะสง่ ผลต่อความสามารถในการดำ�เนนิ ชีวิตทกุ ๆ เรื่อง
เสียการทรงตัว ต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น ตาที่มัวลงทำ�ให้มอง เห็นไม่ชัด หูตึงทำ�ให้ได้ยิน
ไม่ชัดเจน และการใส่ฟันปลอมทำ�ให้พูดไม่ชัด
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายมีผลต่อจิตใจ เช่น เกิดความวิตกกังวล หงุดหงิดง่าย
อารมณเ์ ศรา้ ดงั นน้ั การเขา้ ใจถงึ การเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ ในวยั ผสู้ งู อายุ จะท�ำ ใหผ้ ดู้ แู ล ครอบครวั
มองผู้สูงอายุด้วยความเข้าใจและเห็นใจ ทำ�ให้การพูดคุยกับผู้สูงอายุดีขึ้น เพราะผู้พูดเห็นใจ
ผู้สูงอายุมากขึ้น หงุดหงิดลดลง ลดความขัดแย้งระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว ช่วยส่งเสริม
ให้บรรยากาศการพดู คุยกันในครอบครวั ดีขน้ึ
นอกจากการท�ำ ความเขา้ ใจความรสู้ กึ ของผสู้ งู อายแุ ลว้ การเขา้ ใจถงึ ความตอ้ งการ
ของ
ผู้สูงอายุยังเป็นเรื่องที่มีความสำ�คัญเช่นเดียวกัน มีการศึกษาพบว่าผู้สูงอายุต้องการใช้ชีวิต
บั้นปลายอยู่กับลูกหลานมากกว่าอยู่สถานสงเคราะห์คนชรา ต้องการได้รับการยอมรับ
ความเข้าใจ การดูแลเอาใจใส่และความห่วงใยจากครอบครัว การเข้าใจความต้องการ
ดังกล่าว ช่วยให้ครอบครัวไม่ละเลยที่จะตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุ และนำ�มา
ซ่งึ กกาารรอสยือ่ ูร่ สว่ ามรกกนับั ใผนู้สคูงรออาบยคุ รัวอย่างมีความสุขมากขึ้น
การสอ่ื สารโดยใชภ้ าษาพูด การพูดเป็นเรื่องที่ทุกคนทำ�ได้ แต่การพูดอย่างไรทำ�ให้
ผฟู้ งั รสู้ กึ สบายใจ สรา้ งความรสู้ กึ เปน็ มติ ร ตอ้ งอาศยั การฝกึ ฝนซง่ึ ท�ำ ไดไ้ มย่ าก ทกั ษะการสอ่ื สาร
ทีค่ วรฝกึ ฝนมีดังน้ี
การฟงั
เป็นการตั้งใจรับฟังเนื้อหา เรื่องราว ความคิด และอารมณ์ความรู้สึกของผู้สูงอายุที่
แสดงออกมาในขณะพดู คุย แสดงออกมาโดยการสบตาผู้พูด พยักหน้า ผงกศีรษะเป็นระยะ
การสงั เกต
สิ่งที่ควรสังเกตในขณะพูดคุยคือสีหน้า ท่าทางของผู้สูงอายุขณะที่พูดคุยกันเพื่อ
ความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้สูงอายุที่แสดงออกมา เช่น สังเกตผู้สูงอายุตาแดงน้ำ�ตา
คลอเบา้ เมือ่ พูดถึงลกู ชายทไี่ ม่มาเยยี่ ม เปน็ ตน้
144
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
การตั้งคำ�ถาม
มีความส�ำ คญั เพราะจะทำ�ให้ผู้สงู อายสุ ามารถเล่าเรือ่ งทไ่ี มส่ บายใจ ท�ำ ให้เราร้สู าเหตุ
ของปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุได้ การตั้งคำ�ถามที่ดีจะช่วยให้ผู้สูงอายุเกิดความ
เข้าใจในปัญหา และกระตุ้นให้ผู้สงู อายพุ ดู ตอ่ ไปได้ เทคนคิ การต้ังค�ำ ถาม เช่น
หลกี เลย่ี งการใชค้ �ำ ถามวา่ ท�ำ ไม เพราะจะท�ำ ใหผ้ สู้ งู อายรุ สู้ กึ อดึ อดั เชน่ ท�ำ ไม
ไมก่ นิ ยา ท�ำ ไมไมอ่ าบน�ำ้ (ท�ำ ใหอ้ ดึ อดั เหมอื นต�ำ หน)ิ เปลย่ี นเปน็ เพราะอะไร
ถงึ ไม่กนิ ยา เพราะอะไรถงึ ไม่อยากอาบนำ้� (ใหเ้ กียรติ ถามเหตุผล)
ถามในสง่ิ ทเ่ี ปน็ ประโยชนก์ บั ผสู้ งู อายุ ไมใ่ ชเ่ พราะความอยากรขู้ องผพู้ ดู เชน่
ลกู สะใภเ้ ปน็ คนจงั หวัดไหน พ่อแมเ่ ขาเป็นคนยงั ไง (ไมม่ ปี ระโยชน์) เปล่ียน
เป็นลูกสะใภ้ทำ�อะไรให้คุณยายไม่สบายใจคะ (มีประโยชน์)
ใชค้ ำ�ถามกวา้ ง ๆ เสนอตัวให้ความช่วยเหลอื เชน่
ตวั อย่างคำ�ถาม
“วันนค้ี ุณยายเป็นยงั ไงบา้ ง”
“คณุ ตามีอะไรไมส่ บายใจอยากเลา่ ใหฟ้ ังไหม”
“แมค่ ะมีอะไรอยากให้หนูช่วยไหม”
การให้คำ�แนะนำ�
เป็นการให้คำ�แนะนำ�ที่จำ�เป็นแก่ผู้สูงอายุซึ่งเป็นประโยชน์ในการเข้าใจถึงปัญหาและ
ใชป้ ระกอบการตดั สินใจ
ตัวอย่าง
คณุ ตา : หมอบอกวา่ คณุ ตาเปน็ เบาหวาน อาหารแสลงมอี ะไรบ้างละ
ผดู้ ูแล : คณุ ตาตอ้ งลดอาหารพวกแป้งและน�ำ้ ตาลนะคะ
การให้กำ�ลังใจ
เปน็ การใชค้ �ำ พดู และการกระท�ำ ทส่ี รา้ งความเชอ่ื มน่ั เพือ่ ช่วยใหผ้ สู้ งู อายไุ ด้ผ่อนคลาย
ความทุกข์ใจมีกำ�ลงั ใจในการดำ�เนินชีวติ สามารถเผชิญปญั หาได้
แสดงออกโดยการสัมผัสแตะมือหากเป็นเพศเดียวกัน หรือแตะแขนหาก
ต่างเพศ หรือแสดงอาการตั้งใจฟังแทนก็ได้ สง่ ผา้ เช็ดหนา้ ให้หากผู้สงู อายุ
รอ้ งไห้
แสดงออกโดยใช้คำ�พูด เช่น
ตวั อย่างคำ�พูด
คณุ ยาย : ยายไม่อยากอยู่เลย แก่แล้วมแี ตโ่ รคภัยไข้เจบ็
ผดู้ แู ล : คณุ ยายคะ คณุ ยายยังมีหนอู ย่เู ป็นเพ่อื นคอยดแู ล และเปน็ กำ�ลงั ใจให้
คณุ ยายนะคะ
145
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
ลักษณะของการติดตอ่ ส่ือสารที่ดี
การตดิ ตอ่ สอื่ สารท่ีทำ�ให้เกิดความพงึ พอใจ สบายใจ และมมี นษุ ยสมั พันธท์ ด่ี ตี อ่ กนั
โดยมลี ักษณะการส่อื สารดังน้ี
ตวั อย่าง
ยา่ : เบอ่ื ไมอ่ ยากกินยาเลย กนิ ทุกวนั เยอะแยะ
หลาน : คณุ ยา่ ฝนื ใจกินหน่อยนะคะ คุณย่าจะไดห้ ายไว ๆ หนชู ว่ ยนะคะ
ตวั อยา่ ง
แม่ : กินอะไรก็ไมอ่ ร่อยเลย
ลูก : แมพ่ ยายามกินขา้ วนะคะ แมจ่ ะได้แข็งแรง
ลกู : แมท่ านขา้ วนะ อาหารทใ่ี หแ้ มท่ านมปี ระโยชนท์ ง้ั นน้ั เลย ปลายา่ งนด่ี มี ากเลยนะ
ลูก : แม่มาทานข้าวแขง่ กนั ไหม จะได้แขง็ แรง มแี รงมาดหุ นไู ง
การติดตอ่ ส่อื สารทแ่ี สดงความขดั แย้ง
การติดต่อสื่อสารที่แสดงความไม่เป็นมิตร ผู้ถามต้องการทราบคำ�ตอบ แต่ผู้ตอบ
ไม่ให้คำ�ตอบหรืออาจจะพูดตอบแบบประชดประชัน หาเรื่อง ทำ�ให้เกิดความไม่พอใจ
ความขัดเคืองใจ ดังตัวอย่าง
ตัวอย่าง
ยา่ : เบ่อื ไม่อยากกินยาเลย กนิ ทกุ วนั ยาเยอะแยะ
หลาน : ไมก่ นิ กต็ ามใจ เปน็ อะไรหนไู ม่ร้ดู ้วยนะ หนกู เ็ บ่ือเหมือนกนั
ตวั อย่าง
ย่า : กินอะไรก็ไม่อร่อยเลย
หลาน : ยา่ ท�ำ ไมไม่กินข้าว เดย๋ี วเป็นลมไปกเ็ ดือดรอ้ นกนั ทง้ั บ้าน ด้อื จริง ๆ
ข้อควรคำ�นึงถงึ ในการพูดคุยกบั ผ้สู งู อายุ
ประเมินความปกติของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร เช่น ตา หู ฟัน
ของผู้สูงอายุ โดยประเมินจากการสงั เกตเวลาพูดคยุ สอบถามจากผสู้ ูงอายุ
หรือผู้ดูแล
ถ้าผู้สูงอายุ มองไมช่ ดั ต้องนั่งตรงกันเนื่องจากจอรับภาพของผู้สูงอายุจะ
รบั แสงไดน้ ้อยลง การนั่งทางด้านข้าง จะทำ�ใหผ้ สู้ งู อายุเห็นไมช่ ดั เจน
ถ้าผสู้ งู อายุ ได้ยินไม่ชดั เจน หตู ึงก็ตอ้ งอาศัยใสเ่ คร่อื งชว่ ยฟงั
ถา้ ผสู้ งู อายใุ สฟ่ นั ปลอม ควรดูแลให้ฟันปลอมนั้นสวมพอดีกับปากไม่หลวม
เกินไป เพื่อออกเสียงได้ชัดเจน
ใชภ้ าษางา่ ย ๆ เหมาะกบั ผสู้ งู อายุ หากสามารถคยุ ภาษาทอ้ งถน่ิ กบั ผสู้ งู อายุ
กจ็ ะชว่ ยพดู คยุ กนั ไดง้ ่ายขนึ้
146
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ควรค�ำ นึงถงึ ความพร้อมของสภาพอารมณห์ รอื จิตใจของผูส้ ูงอายุเสมอ เช่น
หากผสู้ งู อายมุ เี รอ่ื งทท่ี �ำ ใหไ้ มส่ บายใจ หงดุ หงดิ ใจ การรบั รหู้ รอื การฟงั กข็ าด
ประสิทธิภาพไปด้วย
ควรนง่ั ในระดับเดียวกัน เนื่องจากพื้นฐานของวัฒนธรรมไทย ไม่นั่งหรือ
ยืนค้�ำ หัวผ้ใู หญ่
หลีกเลย่ี งการตะโกน พูดให้เสียงดังพอสมควร ไม่ใช้เสียงสูง เพราะถ้าหาก
ทา่ นตะโกน สหี นา้ ของทา่ นจะแสดงความไมพ่ อใจ ดงั นน้ั จงึ ไมต่ ะโกนคยุ กนั
พดู ใหช้ า้ ชดั และออกเสยี งใหเ้ ปน็ ปกติ เนอ่ื งจากผสู้ งู อายทุ ห่ี ตู งึ จะอา่ นปาก
ของผพู้ ดู
การอธิบายหรือให้คำ�แนะนำ� พยายามให้กระชับ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
พูดเทา่ ท่จี �ำ เปน็ โดยใหค้ �ำ แนะนำ�อย่างงา่ ย ๆ คอยให้ผู้สูงอายุทำ�เสร็จแล้ว
จึงบอกใหท้ �ำ ขั้นตอ่ ไป และควรสนบั สนนุ ชมเชยใหม้ กี ำ�ลังใจดว้ ย
พยายามตัดเสียงรบกวนอื่น ๆ เช่น เสียงวิทยุ โทรทัศน์ ขณะพูดคุยกับ
ผู้สูงอายุเนอ่ื งจากผสู้ งู อายสุ ว่ นใหญม่ คี วามบกพรอ่ งในการได้ยินอยแู่ ล้ว
ให้เวลาผู้สูงอายุทำ�ความเข้าใจคำ�ถามและตอบคำ�ถาม ควรใช้ภาษากาย
แสดงทา่ ทางประกอบการสอื่ สาร เช่น จบั มือ ย้ิมเพือ่ ให้ความมน่ั ใจ
3. การส่งเสริมสุขภาพผสู้ งู อายุ โดยใชห้ ลกั 8 อ.
อ. อาหาร
อาหารเปน็ ปจั จยั ส�ำ คญั ทม่ี ผี ลโดยตรงตอ่ สขุ ภาพ วยั สงู อายเุ ปน็ วยั ทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลง
ทง้ั ทางรา่ งกายและจติ ใจ สภาพรา่ งกายเสอ่ื มลง มกี ารสลายของเซลลใ์ นรา่ งกายมากกวา่ การสรา้ ง
ทำ�ใหส้ มรรถภาพการท�ำ งานของอวยั วะต่าง ๆ ในร่างกายรวมทัง้ การเผาผลาญพลังงานลดลง
ความต้องการพลังงานจากอาหารจึงลดลงด้วย แต่ความต้องการสารอาหารอื่น ๆ ยังคง
เท่าเดิม
147
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
ผู้สูงอายุมีความต้องการอาหารเช่นเดียวกับวัยอื่น ๆ แต่แตกต่างกันในด้านปริมาณ
อาหารทล่ี ดลงและลกั ษณะของอาหาร การเลอื กบรโิ ภคอาหารใหเ้ หมาะสมกบั วยั ทง้ั ดา้ นคณุ ภาพ
และปรมิ าณรวมถงึ การพกั ผอ่ นอยา่ งเพยี งพอ การออกก�ำ ลงั กายอยา่ งสม�ำ่ เสมอ จะช่วยชะลอ
การเปลย่ี นแปลงของร่างกาย และปอ้ งกันการเกดิ โรคเรือ้ รังตา่ ง ๆ ได้
แนวทางในการบริโภคอาหารสำ�หรับผู้สูงอายุ
อาหารส�ำ หรบั ผสู้ งู อายุ ผสู้ งู อายคุ วรรบั ประทานอาหารใหห้ ลากหลายชนดิ ครบทง้ั 5 หมู่
ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ให้น้ำ�หนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ควรไดร้ ับพลงั งานจากการรับประทานอาหารวนั ละ 1,600 กโิ ลแคลอรี ดังตอ่ ไปน้ี
หมทู่ ่ี 1 เน้อื สัตว์ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง
อาหารหมู่เนื้อสัตวป์ ระกอบดว้ ยโปรตนี และไขมนั โปรตนี ชว่ ยเสรมิ สรา้ งและซอ่ มแซม
สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ไขมันจากเน้อื สตั ว์เป็นไขมนั อมิ่ ตัว ซงึ่ ถา้ ไดร้ ับในปรมิ าณมากเกนิ ไป
จะมผี ลให้ระดบั ไขมันในเลือดสงู ขึน้ ได้
หมู่ที่ 2 ข้าว แปง้ นำ้�ตาล เผอื ก
อาหารหมู่ข้าวแป้งเป็นอาหารที่ให้พลังงาน เพื่อส่งเสริมให้มีสุขภาพดี ผู้สูงอายุ
ควรรับประทานข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ สำ�หรับขนมหวานและนำ�้ ตาล ควรจำ�กัด
การรับประทานให้น้อยลง เพราะถ้าได้รับมากเกินไปจะทำ�ให้น้ำ�หนักตัวเกินและระดับไขมัน
ไตรกลเี ซอไรด์ในเลอื ดสงู ได้
หมูท่ ี่ 3 พืชผักตา่ ง ๆ
ผกั มวี ติ ามนิ และเกลอื แร่ ชว่ ยบ�ำ รงุ สขุ ภาพ มคี วามตา้ นทานโรค ผสู้ งู อายคุ วรรบั
ประทาน
ผักอย่างน้อยวันละ 4 - 6 ทัพพี โดยรับประทานผักหลายชนิดสลับกันไป ผักสีเขียว สเี หลอื ง
สีม่วง สีแดง สีขาว นอกจากนี้ยังได้รับใยอาหารซึ่งช่วยในการขับถ่ายอุจจาระ ป้องกัน
หมู่ท่ี 4 ผลไม้ตา่ ง ๆ
ผลไมม้ วี ติ ามนิ เกลอื แรแ่ ละใยอาหารเชน่ เดยี วกบั ผกั ชว่ ยบ�ำ รงุ สขุ ภาพมคี วามตา้ นทาน
โรค
เพราะผู้สูงอายุควรรบั ประทานผลไม้หลากหลายชนดิ วนั ละ 3 - 4 สว่ น ผลไม้ 1 สว่ น มี
หมู่ที่ 5 ไขมนั
ไขมันให้พลังงานแก่ร่างกายและช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่
วิตามินเอ วิตามนิ ดี วติ ามนิ อี และวิตามินเค ผ้สู งู อายุควรเลอื กใชน้ �้ำ มันพืช เช่น น�้ำ มนั ร�ำ
ขา้ ว
น้ำ�มันถั่วเหลือง น้ำ�มันข้าวโพด ฯลฯ ในการปรุงประกอบอาหาร วันละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
ควรหลกี เล่ยี งใชน้ �ำ้ มนั จากสัตว์ เช่น น�ำ้ มันหมู เนย ซ่งึ มคี วามอมิ่ ตวั สงู เนอื่ งจากท�ำ ให้ระดบั
ไขมนั ในเลอื ดสูงข้ึนได้
148
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ขอ้ แนะนำ�เพือ่ ปอ้ งกันอาการทอ้ งอืด ทอ้ งเฟอ้ จากการกินพืชผกั ผลไม้
เริ่มกินทีละน้อย แลว้ คอ่ ย ๆ กนิ เพิ่มขึ้น
กินผกั สุกเพิม่ ข้นึ กอ่ นเพมิ่ ผักสด
ด่ืมน�ำ้ บ่อยๆ และเดนิ ยอ่ ยหลังทานอาหาร
ลดการกนิ ผักที่ท�ำ ให้เกิดแกส๊ ในล�ำ ไส้ เชน่ ดอกกะหล�ำ่ ถว่ั ตา่ ง ๆ บรอ็ คโคล่ี
ขา้ วโพด ฝรง่ั มะมว่ งดบิ ฯลฯ
กนิ ผักสมุนไพร เชน่ ขิง ขา่ ตะไคร้ กระเพรา กระชาย สามารถช่วยขับลม
และบรรเทาอาการทอ้ งอดื ลงได้
อ. อนามัย
การดูแลสุขภาพตนเอง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าให้สะอาดอยู่เสมอจะช่วยขจัด
สิ่งสกปรกและเป็นการป้องกันการเกิดโรคตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อไม่ให้โรคลุกลามมากขึ้นจนทำ�ให้
ร่างกายเสื่อมโทรมลง ตัวอย่างเช่น การล้างมือก่อนการรับประทานอาหาร จะช่วยลดอัตรา
การเกิดท้องเสีย การสระผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยลดอัตราการเป็นรังแคของ
หนงั ศรี ษะ การรกั ษาอนามยั ในชอ่ งปากจะท�ำ ใหฟ้ นั เหงอื ก และสภาพชอ่ งปากแขง็ แรงสมบรู ณ์
ใชง้ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ปราศจากความเจบ็ ปวด การตดั เลบ็ ใหส้ น้ั การอาบน�ำ้ อยา่ ง
นอ้ ย
วันละ 2 ครั้ง จะช่วยลดอัตราการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราที่ผิวหนังได้ เป็นต้น ดังนั้น
การดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลจึงเป็นเครื่องมือที่สำ�คัญ ที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคภัย
ผสู้ ูงอายุควรปฏบิ ัติตัวเพ่ือให้มสี ขุ อนามยั ทดี่ ี ดงั นี้
1. การล้างมืออย่างถูกวิธีก่อนการรับประทานอาหาร
และหลังจากจับสิ่งสกปรก จะช่วยป้องกันการแพร่
กระจายเชือ้ โรค
2. รักษาความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดลอ้ มเปน็
ประจำ�สม่ำ�เสมอ เช่น การอาบน้ำ� การดูแลเล็บ ผม
ปากและฟัน เป็นต้น รวมทั้งดูแลรักษาความสะอาด
เคร่ืองใช้ เครอื่ งนุง่ ห่ม ท่ีอยอู่ าศยั เพือ่ ไม่ให้เป็นแหลง่
แพร่เช้อื โรค
3. ควรหมนั่ ตรวจสอบการเปลีย่ นแปลงต่าง ๆ ของร่างกายผู้สูงอายุทอ่ี าจเปน็ สาเหตุ
ให้เกิดโรค เชน่ ชงั่ นำ้�หนกั วดั รอบเอว หานำ้�หนกั ตัวทเี่ หมาะสม การหานำ้�หนกั ตวั ท่เี หมาะ
สม
ดชั นีมวลกาย (BMI) = น้�ำ หนักตวั (กิโลกรมั )
ส่วนสูง (เมตร)2
ค่าปกติ 8.5 - 22.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร 149
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
การอ่านค่าดัชนีมวลกาย น้ำ�หนักน้อย/ผอม
น้อยกว่า 18.5 ปกติ
18.5 - 22.9 น้ำ�หนักเกิน/เริ่มอ้วน
23.0 - 24.9 อ้วนระดับ 1
25.0 - 29.9 อ้วนระดับ 2
มากกว่า 30.0
ตัวอยา่ ง นางนวล มนี �้ำ หนัก 75 กิโลกรัม สงู 175 เซนตเิ มตร (1.75 เมตร)
ดัชนมี วลกาย (BMI) = น้ำ�หนกั ตัว (กิโลกรมั )
ส่วนสงู (เมตร)2
= 75
(1.75)2
= 24.48 กิโลกรัม/ตารางเมตร
ดงั นน้ั นางนวล มคี ่าดัชนมี วลกายอย่ใู นเกณฑ์ เริม่ อว้ น
การวดั รอบเอว
การวัดรอบเอวเป็นตัวบ่งบอกถึงภาวะสุขภาพว่ามีปริมาณไขมันสะสมบริเวณชอ่ งทอ้ ง
(พุง) มากกว่าปกติหรือไม่ ตำ�แหน่งที่ไขมันสะสมมีส่วนทำ�นายการพยากรณ์โรค กล่าวคือ
ถ้าตำ�แหน่งที่ไขมันสะสมอยู่รอบเอว จะเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ที่ตามมามากกว่าไขมันสะสม
ที่สะโพก จากการศึกษาพบว่ารอบเอวที่เกินปกติจะทำ�ให้เสี่ยงต่อภาวะสุขภาพโดยทุก
5 เซนตเิ มตรทเ่ี พม่ิ ขน้ึ โอกาสเสย่ี งทจ่ี ะเปน็ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู โรคหลอดเลอื ด
หวั ใจ
รอบเอวปกต ิ ผหู้ ญิง ไม่เกิน 80 เซนตเิ มตร (32 นว้ิ )
ผู้ชาย ไม่เกิน 90 เซนตเิ มตร (36 นิ้ว)
การวดั รอบเอวทีถ่ ูกตอ้ งควรวดั ดังน้ี
ผสู้ ูงอายุยืนตัวตรง
วัดรอบเอว โดยวดั ผ่านสะดอื
ใหส้ ายวดั อยแู่ นบล�ำ ตัว ไม่รดั แนน่ วดั ในชว่ งหายใจออก
150
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
4. ตรวจสุขภาพประจำ�ปีทุกปี เช่น การวัดความดันโลหิต การตรวจเลือดหาระดับ
นำ้�ตาลและไขมนั ในกระแสเลือด เพือ่ ตรวจหาหาความผดิ ปกติท่ีอาจเกิดข้ึนได้
ผลเลอื ดปกติ
ระดับน�ำ้ ตาล ตำ�่ กว่า 100 มิลลกิ รัม / เดซิลิตร
โคเลสเตอรอล ต�่ำ กว่า 200 มิลลิกรัม / เดซลิ ติ ร
LDL โคเลสเตอรอล ต�ำ่ กวา่ 130 มิลลกิ รัม / เดซลิ ิตร
HDL โคเลสเตอรอล มากกวา่ 50 มลิ ลิกรมั / เดซลิ ิตร
ไตรกลเี ซอไรด ์ ต่ำ�กว่า 150 มลิ ลิกรมั / เดซิลติ ร
5. งดการบรโิ ภคหรอื เสพสารพษิ ตา่ ง ๆ เขา้ สรู่ า่ งกาย เชน่ สารเสพตดิ บหุ ร่ี สรุ า หรอื
ยาตา่ ง ๆ ทไ่ี มจ่ �ำ เปน็
อ. อากาศ
อากาศเป็นปจั จยั หน่ึงทที่ ำ�ใหค้ นเรามีอายยุ นื ยาว ในอากาศมีออกซิเจนเป็นสิ่งสำ�คัญ
และจ�ำ เป็นมากสำ�หรับรา่ งกาย ถ้าร่างกายขาด
ออกซิเจน จะทำ�ให้ป่วยเป็นโรคต่างๆ และถึง
ขน้ั เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ ซึ่งมี
ภูมิต้านทานน้อยกว่าในวัยหนุ่มสาว การดูแล
ให้ผู้สูงอายุได้สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ อยู่ใน
สถานทท่ี ม่ี สี ง่ิ แวดลอ้ มทางธรรมชาตทิ เ่ี หมาะสม
บรรยากาศร่มรื่น อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการอยู่ในอากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษและ
ฝนุ่ ละออง ควันบุหร่ี ยอ่ มท�ำ ให้ผสู้ งู อายุมสี ุขภาพดที งั้ ทางรา่ งกายและจติ ใจ
การหายใจ คือ การสูดอากาศที่มีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและ
ดึงอากาศที่มีคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียออกจากร่างกาย ปกติเราหายใจเอาอากาศ
เข้าไปในปอดเพียงครึ่งลิตรเท่านั้น แต่ความจุของปอดมีประมาณ 2 ลิตรครึ่ง ถึง 4 ลิตร
การดูแลให้ผู้สูงอายุหายใจอย่างมีประสิทธิภาพจะทำ�ให้ได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงทุกส่วนของ
ร่างกายอย่างเพียงพอ ซึ่งต้องดูแลให้ผู้สูงอายุหายใจเอาอากาศเข้าไปในปอด เพื่อให้ปอด
ขยายตัวมากที่สุด โดยจะสังเกตได้จากเวลาหายใจเข้าท้องจะป่อง เนื่องจากกะบังลมเคลื่อน
ตัวลงในขณะที่ปอดจะพองเต็มที่อากาศจะเข้าไปในปอด ส่วนเวลาหายใจออกท้องจะแฟบ
กะบังลมจะยกตัวขึ้นให้ปอดยุบตัวลงเพื่อให้อากาศออกจากปอด
151
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
การดูแลให้ผู้สูงอายุสามารถฝึกหายใจได้อย่างถูกวิธี จะทำ�ให้ร่างกายได้รับอากาศ
บริสุทธิ์ อันจะส่งผลให้ปอดแข็งแรง สมองได้รับออกซิเจนเต็มที่ ซึ่งสามารถฝึกหายใจได้โดย
สูดลมหายใจเข้าทางจมูกยาว ๆ จากนั้นกล้นั หายใจไว้สักพักให้นานเท่าที่ผสู้ ูงอายุจะสามารถ
ทำ�ได้ (ท้องป่อง) ในช่วงเวลานี้ออกซิเจนจากอากาศที่เราหายใจเข้าไปจะถูกแลกเปลี่ยนที่
ถงุ ลมปอดไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ จากนั้นจึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเอาอากาศออกจากปอด
โดยหายใจออกยาว ๆ ทั้งทางปากและจมูก อย่างผ่อนคลายจนหมดอากาศ (ท้องจะแฟบ)
สำ�หรับผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสงู ไมค่ วรเบ่งหรือกล้นั หายใจนาน ๆ
นอกจากการฝึกหายใจที่ถูกต้องแล้ว ควรดูแลให้ผู้สูงอายุอยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์
เพ่ือสุขภาพกายและสขุ ภาพจิตที่ดี เปน็ ผู้สงู อายุท่ีมอี ายยุ นื ยาวและมคี ุณภาพชวี ติ ท่ีดีด้วย
อ. อจุ จาระ (การดูแลการขบั ถ่ายอุจจาระ)
เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ประสิทธิภาพของระบบ
ย่อยอาหารยอ่ มเส่ือมลงตามอายุ เรม่ิ ตั้งแตค่ วาม
อยาก
อาหารลดลงโดยธรรมชาติ สุขภาพของเหงือกและฟัน
ไม่ดี ทำ�ให้เคี้ยวอาหารที่มีกากไม่ได้ การบีบตวั ของ
กระเพาะอาหารและล�ำ ไสเ้ พอ่ื ขบั เคลอ่ื นอาหารออกจาก
กระเพาะอาหารและล�ำ ไสล้ ดลง ทำ�ให้การเดินทางของ
นานขึ้น จึงต้องใช้เวลาหลายวันที่จะสะสมให้ลำ�ไส้ใหญ่บีบรัดตัว ขับถ่ายออกทางทวารหนัก
พฤติกรรมการรับประทานอาหารและดื่มน้ำ�ในแต่ละวันน้อยลง ทำ�ให้อุจจาระหยาบแข็งข้ึน
นอกจากนั้นการขาดการออกก�ำ ลงั กายของผสู้ งู อายกุ เ็ ปน็ อกี ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหผ้ สู้ งู อายถุ า่ ยอจุ จาระ
ลำ�บาก
แนวทางการดแู ลผู้สงู อายุเพอ่ื ปอ้ งกันการเกดิ อาการทอ้ งผูก มดี งั นี้
1. ควรแนะน�ำ หรอื จดั หาใหผ้ สู้ งู อายรุ บั ประทานอาหารทม่ี กี ากใยทกุ วนั ไดแ้ ก่ ผกั ผลไม้
ข้าวไมข่ ดั สี (ขา้ วกล้อง ขา้ วซอ้ มมือ ขา้ วแดง) ข้าวโพด ลูกเดอื ย เปน็ ต้น
2. ดูแลใหผ้ ู้สูงอายุด่มื น้ำ�มากๆ วนั ละ 6 - 8 แกว้ การให้ผ้สู ูงอายดุ ืม่ น�้ำ อุ่นจะสามารถ
กระตนุ้ การขับถ่ายได้
3. สนับสนุนหรือส่งเสริมให้ออกกำ�ลังกายอย่างสม่ำ�เสมอ จะทำ�ให้การทำ�งานของ
กระเพาะอาหาร ลำ�ไส้ มีการเคลื่อนไหวมากข้นึ การขับถ่ายอจุ จาระจะงา่ ยข้นึ
4. แนะนำ�ให้ผู้สูงอายุฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลา เพ่อื เป็นการฝึกหัดการทำ�งาน
ของล�ำ ไสแ้ ละการขับถา่ ยอยา่ งต่อเนอ่ื ง
152
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
5. แนะนำ�ให้หลีกเลี่ยงการให้ยาระบายเป็นประจำ�แก่ผู้สูงอายุ เนื่องจากจะทำ�ให้
กลไกการเคลื่อนไหวของลำ�ไส้เสียไป
6. ควรงดการให้เคร่อื งดม่ื อาหาร หรือยาที่ทำ�ให้ท้องผูก ได้แก่ กาแฟ ชา ยารักษา
แผลในกระเพาะอาหารบางชนดิ ที่ทำ�ให้ทอ้ งผกู ยกเวน้ ในกรณีแพทย์สงั่ ยาเพือ่ การรักษา
อ. อารมณ์
อารมณ์เปน็ ปจั จัยท่มี ีผลต่อการเปล่ียนแปลงทางด้านจติ ใจของผู้สงู อายุ อาจมีสาเหตุ
มาจากตวั ผสู้ งู อายเุ อง บคุ คลรอบขา้ ง สภาพแวดลอ้ ม ผสู้ งู อายอุ าจมคี วามคาดหวงั ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ
เช่น คุณค่าของตัวผู้สูงอายุเอง สุขภาพของตัวเอง สมาชิกในครอบครัว บุคคลรอบข้าง
ความมั่นคงทางการเงิน รวมถึงความคาดหวังของสมาชิกในครอบครัว ความซ้ำ�ซากจำ�เจ
จากการมีเวลาว่าง รวมทั้งความเป็นอยู่แบบเดิม ๆ ซึ่งผู้ดูแลสามารถส่งเสริมหรือกระตุ้นให้
ผู้สงู อายมุ อี ารมณด์ เี พือ่ ใหม้ สี ุขภาพจติ ท่ดี ี ดังนี้
1. ดา้ นตัวผู้สงู อายุ
ควรใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์
รกั ษาสขุ ภาพใหแ้ ขง็ แรง
ตระหนักในคณุ ค่าของตนเอง
พบปะเพื่อนฝูงหรือเป็นผู้สูงอายุทต่ี ดิ สังคม
ควรมกี จิ กรรมรว่ มกบั ครอบครวั อยา่ งสม�ำ่ เสมอ การท�ำ กจิ กรรมตา่ ง ๆ จะ
ชว่ ย
อารมณ์เป็นสิ่งกระตุ้นคนเราให้เกิดการเคลื่อนไหวทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
ดังนั้นในด้านตัวผู้สูงอายุเองจึงควรดูแลตัวเองให้มีอารมณ์สดชื่นแจ่มใสร่าเริงเพลิดเพลินใจ
มีสัมพันธภาพที่ดีต่อสมาชิกในครอบครัวและคนรอบข้าง ไปพบปะเพื่อนฝูงเพื่อทำ�กิจกรรมที่
ผู้สูงอายุถนัดหรือมีความสนใจร่วมกับสมาชิกในครอบครัวด้วยใจที่เบิกบาน เป็นผู้สูงอายุที่
มี
2. ดา้ นผูด้ แู ล
เขา้ ใจสภาพการเปล่ียนแปลงของผู้สงู อายุ
ไม่ควรพดู โต้เถยี งกบั ผูส้ งู อายุ
เม่ือตอ้ งทำ�ในส่งิ ท่ีผู้สูงอายุไมช่ อบ ควรอธิบายเหตผุ ลทกุ ครง้ั
เปน็ ผ้ฟู งั ท่ดี ี พดู น้อย ฟงั มาก
ควรใช้ค�ำ พดู ทีใ่ ห้ก�ำ ลังใจผ้สู ูงอายุ เช่น การชน่ื ชม การชมเชย
สิ่งทีผ่ ดู้ ูแลควรแสดงออกต่อผู้สูงอายุ เช่น ความเต็มใจ ความใส่ใจ นุ่มนวล
ทา่ ทางที่แสดงออกวา่ มีความสุข ไมป่ ระชดประชนั กระทบกระแทก ดูถกู ดหู มน่ิ
153
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
อ. อดิเรก
งานอดเิ รก คอื สง่ิ ท่ีผสู้ งู อายทุ ำ�ในยามวา่ ง ซึ่งงานอดิเรกจะเกดิ จากความสนใจและ
ความสนุกสนานเปน็ หลัก มากกว่าท่ีจะได้ผลตอบแทนทางการเงนิ หรือสิ่งแลกเปล่ยี นอ่ืน ๆ
งานอดเิ รกมกั จะเพม่ิ พนู ทกั ษะ ความรแู้ ละประสบการณใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ แตจ่ ดุ มงุ่ หมาย
ของการทำ�คือความพึงพอใจ ตัวอย่าง ของงานอดิเรก เช่น การเขียนหนังสือ การเล่นดนตรี
การเลน่ กีฬา การวาดรูป การเพาะต้นไม้ การผลติ ของทร่ี ะลกึ เป็นตน้
ข้อควรระวังเกี่ยวกับงานอดิเรก งานอดิเรก
ท�ำ เพอ่ื ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ เพอ่ื ความภูมิใจใน
ตนเอง เพอ่ื เปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม และเพอ่ื สขุ ภาพกาย
และจิตใจที่ดี จึงไม่ควรใช้เวลานานเกนิ ไป ไม่หักโหม
เกินไป ตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ สขุ ภาพรา่ งกายของตนเองดว้ ย
อ. อุบตั ิเหตุ (การปอ้ งกนั อุบัตเิ หต)ุ
อุบัติเหตุ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมิได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าสามารถเกิดขึ้นได้
ตลอดเวลา อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ ขน้ึ ในผสู้ งู อายมุ กั จะมคี วามรนุ แรง การพกั ฟน้ื ใหค้ นื กลบั สสู่ ภาพเดมิ
จะใชเ้ วลานาน ซ่งึ อาจมคี วามพกิ ารหรอื อาจเป็นอนั ตรายถึงชวี ติ ได้
สาเหตขุ องการเกดิ อบุ ัติเหตุในผู้สงู อายุ
การเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้สูงอายุเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุร่างกายเริ่มเสื่อมโทรม
และทำ�งานได้ไม่ปกติเหมือนเดิม โดยการเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุที่ทำ�ให้ เกิดอุบัติเหตุได้
มีดังนี้ การมองเห็นที่ด้อยลง สายตาพร่ามัว ระบบการทรงตัวไม่ดี กล้ามเนื้ออ่อนแรง แขน
ขา ไมม่ แี รง สมองท�ำ งานลดลง การเคลอ่ื นไหว ไม่ดี ระบบประสาทสมั ผัสเส่อื ม
ส่งิ แวดลอ้ มเปน็ สาเหตุสำ�คัญหลักทีท่ ำ�ใหเ้ กดิ อุบตั ิเหตใุ นผ้สู ูงอายุ ซึ่งอาจส่งผลให้
ผู้สูงอายเุ กดิ ความพกิ ารหรือเสียชวี ิตได้ มีดังน้ี แสงสว่างไมเ่ พียงพอพ้นื บ้านลน่ื หรือพน้ื เปยี ก
โดยเฉพาะหอ้ งน�ำ้ บันไดบ้านลืน่ หรอื ไมม่ รี าวบนั ไดพน้ื บ้านมีสงิ่ ของวางระเกะระกะ
อุบตั ิเหตทุ พี่ บในผู้สงู อายุ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุอาจพบได้ทั้งในบ้านและภายนอกบ้าน โดยเฉพาะ
การหกล้มถือเป็นปัญหาใหญ่และสำ�คัญมากในผู้สูงอายุ ผู้ดูแลจึงควรทราบที่มาของการเกิด
อบุ ตั เิ หตเุ พื่อเปน็ แนวทางในการป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายเุ กิดอุบัตเิ หตไุ ด้
อุบัติเหตุภายในบ้าน ได้แก่ การลื่นหกล้มในห้องน้ำ� การพลัดตกบันได ตกเตียง
ตกรถเข็น การเดินสะดุดสิ่งของ พรมเช็ดเท้า ธรณีประตู สุนัขกัด ถูกไฟไหม้ น้ำ�ร้อนลวก
การส�ำ ลัก การใชย้ าผดิ ขนาดและประเภท
154
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
อบุ ัติเหตุภายนอกบ้าน ได้แก่ การเดินข้ามถนน การขึ้น - ลงรถประจำ�ทาง
การขับรถการปอ้ งกันอบุ ตั ิเหตุ
การป้องกันอุบัติเหตุของผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้สูงอายุสามารถป้องกันและควบคุมได้จาก
การดูแลทีต่ ัวผสู้ งู อายุ และการบริหารจดั การสิง่ แวดล้อมให้ปลอดภัยไดด้ ังน้ี
ด้านตวั ผู้สูงอายุ
สายตาไม่ดี หูตึง สับสนเวลาได้ยินเสียงดังหลาย ๆ เรื่อง การทรงตัวไม่ดี เดินเซ
ยืนไม่เต็มสองเท้า ยกเท้าไม่พ้นพื้น ซึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุควรระมัดระวังและป้องกันอุบัติเหตุที่
จะเกิดกับผู้สูงอายุให้มากขึ้น โดยผู้ดูแลผู้สูงอายุควรต้องจัดหาอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมกับ
ปัญหาที่เกิดกับผ้สู งู อายนุ ัน้ ๆ เช่น การสวมแว่นตา การใชไ้ มเ้ ทา้ เป็นต้น
ดา้ นสง่ิ แวดล้อม
ผดู้ แู ลผสู้ งู อายคุ วรจดั สง่ิ แวดลอ้ มทง้ั ภายในและภายนอกบา้ นใหเ้ หมาะสมกบั ผสู้ งู อายุ
เพือ่ ใหส้ ามารถปอ้ งกันอบุ ตั ิเหตทุ ่อี าจเกดิ กับผู้สงู อายไุ ด้ ดังนี้
การป้องกันอบุ ตั เิ หตภุ ายในบ้าน
บา้ นหรือทพ่ี ักอาศยั ควรเป็นชน้ั เดียว อากาศถ่ายเทสะดวก แสงสวา่ งเพียงพอ
หอ้ งรับแขก ควรมีระบบระบายอากาศที่ดี พื้นที่กลางห้องกว้าง ไม่มีสิ่งกีดขวาง
ไมค่ วรปูพรมท่ีอาจท�ำ ให้สะดดุ
หอ้ งน�ำ้ ควรมอี ปุ กรณเ์ พอ่ื ความปลอดภยั ส�ำ หรบั ผสู้ งู อายุ ผา้ เชด็ เทา้ เปน็ แบบไมล่ น่ื
แบง่ พ้ืนท่กี ารใช้งานสว่ นเปยี กและส่วนแหง้
อ่างล้างหน้า ควรเป็นอ่างแบบมีพื้นที่โล่งด้านล่างเพื่อให้ผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น
สามารถสอดขาเข้าไปได้
โถส้วม บริเวณที่นั่งชักโครกควรจะมีราวจับเพื่อช่วยพยุงตัว
บริเวณทีอ่ าบน้�ำ พน้ื หอ้ งน้ำ�ควรมคี วามลาดเอียง สามารถระบายนำ้�ไดด้ ี
หอ้ งนอน ควรตั้งเตียงไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง เหลือพื้นที่กลางห้องให้มากเพียงพอ
ส�ำ หรบั รถเขน็ หมุนตัวกลบั แบบวงกลมหรอื แบบตวั T ได้
การปอ้ งกันอบุ ตั เิ หตภุ ายนอกบ้าน
อุบัติเหตุที่เกิดภายนอกบ้าน มักขึ้นอยู่กับอิริยาบถต่าง ๆ ของผู้สูงอายุ ซึ่งผู้ดูแล
ผ้สู งู อายุสามารถป้องกนั ไม่ใหเ้ กิดขึ้นกบั ผูส้ งู อายุ ดงั น้ี
การเดิน ควรสวมรองเทา้ หุ้มส้นพอดีกบั เทา้ ไม่หลวม ไม่หลุดง่าย
การขบั รถ ควรขบั รถตอนกลางวนั และงดเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์
การเดินทางโดยรถประจำ�ทาง การขึ้นหรือลงจากรถ ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรให้
ความช่วยเหลือถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาในการทรงตัว
155
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
อ. ออกกำ�ลงั กาย
การออกกำ�ลังกายเพื่อสุขภาพสำ�หรับผู้สูงอายุจำ�เป็นต้องปรับหรือประยุกต์ให้มี
ความเหมาะสมสำ�หรับแต่ละบุคคล ผู้ดูแลและผู้สูงอายุควรคำ�นึงถึงความเหมาะสมของ
การออกก�ำ ลงั กายประเภทไหนทม่ี คี วามเหมาะสมกบั ผสู้ งู อายุ ซึ่งผู้สูงอายุจะรู้สมรรถภาพของ
ตนเองดที ส่ี ดุ การออกก�ำ ลงั กายสายกลางเพอ่ื สขุ ภาพ เปน็ อกี หนง่ึ แนวทางในการออกก�ำ ลงั กาย
สำ�หรับผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถเลือกประเภท ความหนักของการออกกำ�ลังกายโดยการเลือก
การออกกำ�ลังกายที่ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการออกกำ�ลังกาย
และความหนกั ของการออกกำ�ลงั กายใหเ้ หมาะสมกับแตล่ ะบุคคล
การออกก�ำ ลังกายสายกลางเพอื่ สขุ ภาพ
การออกกำ�ลังกายสายกลาง คือ การเลือกชนิดการออกกำ�ลังกายให้เหมาะสมของ
แตล่ ะบุคคล โดยคำ�นึงถงึ อายุ เพศ โรคประจ�ำ ตวั และข้อจำ�กดั ของแต่ละบคุ คล วัตถปุ ระสงค์
ของการออกก�ำ ลงั กายสายกลางเพือ่ ใหร้ า่ งกายสมบูรณ์แขง็ แรงไม่มีโรคและทำ�งานไดป้ กติ
หน้าทข่ี องผู้ดแู ลผ้สู งู อายุกบั การออกกำ�ลังกาย
1. กระตุ้นใหผ้ ู้สงู อายุเห็นความสำ�คัญในการออกกำ�ลงั กาย
2. ชว่ ยสอนวธิ ีการออกก�ำ ลงั กายใหแ้ กผ่ สู้ ูงอายุ
3. สังเกตอาการของผู้สูงอายุขณะที่กำ�ลังออกกำ�ลังกาย เช่น มีอาการเหนื่อยหอบ
กวา่ ภาวะปกติหรอื ไม่ ขณะออกกำ�ลังกายมีอาการหนา้ ซีดมือเยน็ หรือไม่ คอยหม่นั ตรวจอัตรา
การเตน้ ของชพี จรเพ่ือไมใ่ ห้เกนิ ค่ามาตรฐาน เป็นตน้
4. ดแู ลความปลอดภยั ปอ้ งกันอบุ ตั ิเหตุทอี่ าจจะเกดิ ขน้ึ กบั ผู้สูงอายุขณะที่กำ�ลังออก
กำ�ลังกาย
156
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
หวั ขอ้ เร่ือง ความรเู้ พ่อื ชีวติ (Fact for Life)
วตั ถปุ ระสงค์
เพ่อื ให้ผเู้ ขา้ รบั การอบรม
1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเรื่องการปอ้ งกันชีวิตและสุขภาพ และมีทกั ษะในการวางแผน
ชีวิตทดี่ ี
2. มีทักษะกระบวนการคิด การตัดสินใจอยา่ งมีเหตผุ ล สามารถปรับตัว และเรียนรู้
วิธกี ารแกป้ ญั หาในสถานการณต์ า่ ง ๆ ตามกระบวนการ “คิดเป็น ทำ�เป็น แก้ปญั หาเป็น”
ขอบขา่ ยเน้อื หา
1. ชวี ิตและความหวงั
2. ทางสคู่ วามหวัง
3. ปัญหาชวี ติ และการแกไ้ ข
4. การปรกึ ษาหารอื กบั คนใกล้ชิด
5. การวางแผนชวี ิต
ส่อื และอปุ กรณ์
1. สื่อ PowerPoint เรือ่ งความรูเ้ พ่ือชวี ติ
2. กระดาษหัวใจ 6 ดวง (ขนาดเทา่ A4)
3. สื่อวดี ิทัศน์ เร่อื งยอดมนุษย์ขยะ
4. เพลงกำ�ลังใจและเพลงนักล่าฝนั
5. กระดาษฟลปิ ชารท์
6. ปากกาเคมี
7. บตั ร Red Cross Bonus
เวลา 3 ชว่ั โมง
การประเมนิ ผล
1. การตอบค�ำ ถามของผู้เข้ารบั การอบรม
2. จากการสงั เกตและการเข้าร่วมกิจกรรม
157
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
แนวการด�ำ เนนิ กจิ กรรม
1. ชวี ติ และความหวัง
ความหวังของคนแต่ละวัย
1.1 วทิ ยากรนำ�เข้าสู่บทเรียนเรื่องความหวังของคนแต่ละวัย (วยั เด็ก วัยร่นุ
วัยทำ�งาน วัยชรา) ด้วยสื่อ PowerPoint และสุ่มถามผู้เข้ารับการอบรมถึงความหวังของ
คนแตล่ ะวยั ผ้ทู ี่ตอบค�ำ ถามไดจ้ ะไดร้ บั บตั ร Red Cross Bonus
1.2 วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมดูสื่อวีดิทัศน์เรื่องยอดมนุษย์ขยะหลังจาก
ดจู บ วทิ ยากรสมุ่ ถามผู้เข้ารบั การอบรม ดังนี้
- เหน็ อะไรในวีดิทัศน์
- ความหวังของเดก็ ผชู้ ายในวีดทิ ัศนค์ ืออะไร
- เด็กผชู้ ายท�ำ ยังไงกับความหวงั ของเขา
- ความหวงั ของเดก็ ผชู้ ายประสบความส�ำ เรจ็ ไหม มโี อกาสเปน็ จรงิ ไดไ้ หม
1.3 ผู้ที่ตอบคำ�ถามได้จะได้รับบัตร Red Cross Bonus
กจิ กรรม The Mask หนา้ กากเทวดา
1.4 วทิ ยากรแจกกระดาษฟลิปชาร์ท 1 แผ่น พร้อมปากกาเคมี ให้แต่ละ
หน่วยสี
1.5 ให้แตล่ ะหน่วยสีเลือกตัวแทน 1 คน นอนลงบนกระดาษฟลิปชาร์ทโดย
ให้ศีรษะอยู่บนกระดาษฟลิปชารท์ จากนั้นให้สมาชิกในหน่วยสีใช้ปากกาเคมี ลากเส้นเป็น
โครงร่างของคนทีน่ อนอยจู่ นเสร็จ คนทน่ี อนจงึ ลกุ ข้นึ ได้
1.6 ใหท้ ุกคนในหน่วยสีช่วยกนั เตมิ หน้า ตา จมูก ปาก และอ่นื ๆ ตามเสน้
ทร่ี า่ งไว้ พรอ้ มกบั วาดเสอ้ื ผา้ ใหก้ บั รปู วาด รวมทง้ั ก�ำ หนดชอ่ื อายุ เพศ และอาชพี ใหก้ บั รปู ท่ี
วาด
โดยรปู ทวี่ าดน้เี ราจะเรยี กวา่ The Mask
1.7 ใหส้ มาชกิ ทกุ คนในหนว่ ยสชี ว่ ยกนั คดิ วา่ The Mask คนนม้ี คี วามหวงั อะไร
โดยเน้นย้ำ�ว่าความหวังนั้นจะต้องเป็นจริงได้ภายในชีวิตนี้ จากนั้นให้แต่ละหน่วยสีส่งตัว
แทน
ออกมานำ�เสนอ The Mask และความหวงั ของ The Mask
2. ทางสคู่ วามหวงั
2.1 วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมช่วยกันคิดถึงเส้นทางสู่ความหวังของ
The Mask จะต้องทำ�อย่างไรบ้าง และในแต่ละทางนั้นมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร เขียนลงใน
กระดาษทว่ี าด The Mask ไว้ วิทยากรสุม่ ถามแต่ละกลุม่
2.2 วิทยากรถามหน่วยสีที่ออกมานำ�เสนอว่า ถ้าให้เลือก 1 ทางที่ทำ�ให้
ความหวงั ของ The Mask ประสบความสำ�เรจ็ จะเลอื กทางไหนเพราะอะไร
2.3 วิทยากรให้ขอ้ คดิ เรื่องทางสคู่ วามหวงั คือ ทางสู่ความหวังที่เราจะเลือก
158 คมู่ อืเพวทิ ื่อยใากหร้คยวุวกาามชาหดว: ังส�ำทหี่เรรบั ากาตรั้องบไรวม้ปอราสะาสยวุบกคาชวาาดมหลสกั ำ�สตูเรร็พจน้ื ฐจานะยตวุ ้กอางชเาปด็นทางที่มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
ทางสู่ความหวังที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด เพื่อทำ�ให้ความหวังที่ตั้งไว้
ประสบความสำ�เร็จและเป็นจริงขึ้นมา โดยทางที่เราเลือกนั้นจะต้อง
- ไมผ่ ิดศลี ธรรม และไมผ่ ิดกฎหมาย
- ไม่ท�ำ ร้ายตวั เอง ไมท่ ำ�รา้ ยผอู้ ่ืน
- ไม่เอาเปรยี บผูอ้ ่นื
- คิดใหด้ ีกอ่ นทำ�
- ใชเ้ หตุผลเหนอื อารมณ์
2.4 วทิ ยากรแจกกระดาษหวั ใจ 6 ดวงใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การอบรม คนละ 1 แผน่
และใหเ้ ขยี นในหวั ใจแตล่ ะดวงดงั น้ี
หวั ใจดวงท่ี 1 ฉนั เปน็ ใคร
หวั ใจดวงที่ 2 เป้าหมายในชวี ติ ของฉนั
หัวใจดวงท่ี 3 อะไรทที่ ำ�ให้เปา้ หมายในชวี ิตของฉนั สำ�เรจ็
หวั ใจดวงท่ี 4 อะไรทท่ี �ำ ใหเ้ ปา้ หมายในชวี ติ ของฉนั ไมป่ ระสบความส�ำ เรจ็
หวั ใจดวงที่ 5 เมอื่ มปี ญั หาฉันนึกถงึ ใคร
หัวใจดวงที่ 6 คนที่ฉันรกั มากที่สุดคือใคร
ให้แต่ละคนได้คิดและมีเวลาอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด ต่อจากนั้น วิทยากรสุ่มถามผู้เข้ารับ
การอบรมเป็นรายบุคคล โดยเน้นความสำ�คัญที่หัวใจดวงที่ 2 เป้าหมายในชีวิตของฉัน
หรือความหวังของฉัน โดยถามผู้เข้ารับการอบรมว่าเป้าหมาย/ความหวังที่เขียนขึ้นมานั้น
เปน็ จรงิ ไดม้ ากนอ้ ยแคไ่ หนภายในชวี ติ น้ี ท�ำ อยา่ งไรเราจะท�ำ ใหเ้ ปา้ หมายในชวี ติ หรอื ความหวงั
ที่เราเขียนไว้เป็นจริงขึ้นมาได้ ให้แต่คนเขียนวิธีหรือแนวทางที่จะทำ�ให้เป้าหมายสำ�เร็จ
พร้อมคิดข้อดีข้อเสีย ของแนวทางนั้น ๆ ด้วย และวิทยากรสุ่มถามเป็นรายบุคคล
3. ปญั หาชวี ิตและการแก้ไข
3.1 วิทยากรใหแ้ ต่ละหน่วยสยี ืนข้นึ จบั มอื ตอ่ กนั เป็นวงกลม ให้ทกุ คนยกมอื
ขวาขึ้นแล้วให้ไปจับมือกับคนที่ยืนตรงกันข้าม ต่อจากนั้น ทุกคนยกมือซ้ายขึ้นให้จับมือกับ
ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนเดิม วิทยากรบอกกติกาว่า ห้ามปล่อยมือออกจากกัน ห้ามมิให้มือหลุด
เมื่อได้ยินสัญญาณให้ทุกหน่วยสีหาวิธีอย่างไรก็ได้เพื่อคลายปมมือที่จับกันอยู่ให้ได้ หน่วยสี
ใด
ท�ำ ส�ำ เรจ็ ไดร้ ับบตั ร Red Cross Bonus
3.2 วทิ ยากรสอบถามว่าในขณะที่เราจับมือกันอยู่ เราเห็นอะไร เรารู้สึก
อย่างไร ถา้ เปรยี บปม หรือ มือที่จับกันอยู่เป็นปัญหาหรืออุปสรรค แต่ละกลุ่มแก้ปัญหาและ
อปุ สรรคโดยวิธีใด สุ่มถามเป็นรายกลุ่ม
159
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
3.3 วิทยากรให้แต่ละคน อ่านหัวใจดวงที่ 4 ของตนเอง อะไรที่ทำ�ให้
เป้าหมายในชีวิตของฉันไม่ประสบความสำ�เร็จ ซึ่งสิ่งที่ทำ�ให้เป้าหมายในชีวิตของแต่ละคน
ไม่ประสบความสำ�เร็จ ก็คือปัญหานั่นเอง ฉะนั้น วิทยากรให้แต่ละคนคิดหาแนวทางใน
การแก้ปัญหาของตนเอง พร้อมเขียนในกระดาษหัวใจ 6 ดวง เมื่อได้แนวทางแก้ปัญหาแล้ว
ใหค้ ิดข้อดขี ้อเสียของแนวทางน้นั ๆ ปญั หาแต่ละเรอื่ งอาจจะมีแนวทางการแก้ปัญหามากกวา่
1 แนวทางกเ็ ปน็ ได้ จงใชส้ ตใิ นการคดิ วเิ คราะหก์ ารเลอื กแนวทางการแกป้ ญั หาทด่ี ที ส่ี ดุ ส�ำ หรบั
ตัวเรา รู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักการควบคุมอารมณ์และการใช้เหตุผลคิดให้มากขึ้น
ไตร่ตรองใหม้ ากข้นึ รวมถึงการขอความช่วยเหลือขอคำ�ปรึกษาจากบุคคลอื่นเพื่อเป็นตัวช่วย
ในการทำ�ให้ผู้ท่ปี ระสบปัญหาสบายใจขน้ึ
4. การปรกึ ษาหารือกับคนใกล้ชิด
4.1 วทิ ยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมอ่านหัวใจดวงที่ 5 ของตนเองแล้วถามวา่
เพราะอะไร เราจงึ เลือกทจี่ ะไปปรึกษาปญั หากบั คนคนนั้น เขามีลักษณะอย่างไร
4.2 วิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมร่วมกันสรุปลักษณะของผู้ให้คำ�ปรึกษา
ทีด่ ีโดยส่งอาสาสมคั รออกมาเขยี นคำ�ตอบในกระดาษฟลปิ ชารท์ หนา้ ห้อง
4.3 วทิ ยากรใหแ้ ตล่ ะหนว่ ยสฝี กึ ปฏบิ ตั ิ โดยใชก้ รณศี กึ ษาในกิจกรรม “เพื่อน
ช่วยเพือ่ น”
5. การวางแผนชวี ติ
5.1 วทิ ยากรให้ผเู้ ข้ารับการอบรมนำ�กระดาษ หวั ใจ 6 ดวงของตวั เองข้นึ มา
อีกครั้งหนง่ึ และถามผู้เข้ารับการอบรมว่า สิง่ ที่เราเขียนและเราคิดไว้ มีโอกาสเป็นไปได้มาก
น้อยแค่ไหนให้อ่านทวนและทำ�ความเข้าใจอีกครั้ง และมีใครอยากเปลี่ยนหรือปรับในหัวใจ
ขอ้ ใดบา้ ง
5.2 วิทยากรอธิบายเพิ่มเติมดังนี้ ถ้าเป้าหมายในชีวิตของเราชัดเจนแล้ว
ขอให้ทุกคนวางแผนการดำ�เนินชีวิตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ประสบความสำ�เร็จ เลือกทางสู่
ความหวังที่จะทำ�ให้เป้าหมายในชีวิตเป็นจริง โดยทางที่เลือกน้นั จะต้องมีข้อดมี ากกว่าขอ้ เสีย
ถ้ามีปัญหาอปุ สรรคเรากจ็ ะตอ้ งหาหนทางในการแกป้ ญั หา ให้ปญั หาน้นั ๆ ผา่ นพน้ ไปได้ดว้ ย
ดี
และถ้าเรามีปัญหาที่ไม่สบายใจ อยากให้เรานึกถึงคนในหัวใจดวงที่ 5 ก่อนที่เราจะตัดสินใจ
ท�ำ อะไรลงไป
160
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
5.3 วทิ ยากรและผเู้ ขา้ รบั การอบรมร่วมกนั สรุปกิจกรรมที่ได้เรยี นรู้รว่ มกันใน
วันนี้โดยเน้นย้ำ�ว่ากิจกรรมทั้งหมดที่ทำ�ในวันนี้ ทุกคนสามารถนำ�ไปปรับใช้ในชีวิตจริงของ
ตนเองได้ ใครที่ยังไม่เคยมีความหวังหรือเป้าหมายในชีวิตของตนเอง ลองตั้งเป้าหมายและ
เดินไปใหถ้ ึงเปา้ หมายนนั้ ๆ สว่ นใครทีม่ ีปัญหา ไมร่ จู้ ะปรึกษาใคร ลองทบทวนกิจกรรมที่ท�ำ
ใน
วนั น้อี าจได้ทางออกในการแก้ปญั หาของตนเองได้
5.4 วทิ ยากรปดิ กจิ กรรมดว้ ยเพลงคนลา่ ฝนั ทกุ คนมคี วามฝนั ทกุ คนมคี วามหวงั
ท�ำ อยา่ งไรความฝนั ทห่ี วงั ไวจ้ ะเปน็ จรงิ ทง้ั นข้ี น้ึ อยทู่ ก่ี ารวางแผนการด�ำ เนนิ ชวี ติ ของคนแตล่ ะคน
จงนำ�ความฝันของตนเองมาทำ�ให้มันเป็นความหวังที่เป็นจริงได้ในชีวิตนี้ เพื่อคนที่เรารักและ
สรกัาเรระาส�ำ คญั ที่ไดจ้ ากกิจกรรม
ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ สามารถตั้งเป้าหมายในชีวิตของตนเอง
และรู้ว่าจะทำ�อย่างไรให้เป้าหมายในชีวิตที่ตั้งไว้ประสบความสำ�เร็จ จะต้องวางแผนชีวิต
อยา่ งไรเพอ่ื ให้เป้าหมายนน้ั เป็นจรงิ ขน้ึ มา และถา้ จะตอ้ งเผชญิ กบั ปญั หาและอปุ สรรค สามารถ
คิดวิเคราะห์และหาหนทางในการปัญหาได้ด้วยสติ ดังนั้นเราควรมีสติไตร่ตรองในทุกสิ่ง
ที่เกิดขึ้น ทุกปัญหาย่อมมีแนวทางหรือหนทางในการแก้ไขปัญหาเสมอ จงใช้สติในการแก้ไข
ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อการนำ�ไปสู่ความหวังที่เราตั้งไว้ ทำ�ความหวังให้เป็นจริงขึ้นมาได้ด้วย
ตัวเราเอง คิดให้ดีก่อนทำ� เพราะการกระทำ�ในวันนี้จะส่งผลถึงอนาคตเสมอ
161
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
เนอื้ หาเรื่อง ความรู้เพือ่ ชีวติ (Fact for Life)
ความรเู้ พอ่ื ชีวติ กบั ทักษะชวี ติ
ความรเู้ พอ่ื ชวี ติ เปน็ ประเดน็ เรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั ซง่ึ ประกอบดว้ ยเรอ่ื งชวี ติ
และความหวัง ทางสู่ความหวัง ปัญหาชีวิตและการแก้ไข การปรึกษาหารือกับคนใกล้ชิด
เยาวชนกับการป้องกันชีวิตและสุขภาพโดยเฉพาะเรื่องเป้าหมายหรือความคาดหวังในชีวิต
ปญั หาสขุ ภาพหรอื โรคภยั ไขเ้ จบ็ ตา่ ง ๆ จะเปน็ อปุ สรรคตอ่ การไปถงึ เปา้ หมายเมอ่ื มองทค่ี ณุ ภาพ
ชวี ติ ในสง่ิ แวดลอ้ มทม่ี อี ยจู่ รงิ ความรเู้ พอ่ื ชวี ติ นน้ั เปน็ การพยายามท�ำ ใหป้ ญั หาโรคเอดส์ กามโรค
สารเสพตดิ เปน็ เสมอื นประเดน็ เรอ่ื งทเ่ี กย่ี วกบั ชวี ติ ของเรา แทนทจ่ี ะเนน้ เฉพาะเรอ่ื งทางสรรี ะวทิ ยา
และชีววิทยาของการแพร่กระจายและการป้องกันโรคเอดส์ พร้อมนี้ยังเป็นการขยายแนวคิดที่
แสดงถึงความเกี่ยวข้องของเรื่องโรคเอดส์กับวิถีชีวิตของคนไทย เนื่องจากปัญหาบางอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเอดส์ กามโรค สารเสพติด ท้องก่อนวัยอันควรนั้น บางครั้งผู้ให้การศึกษาให้แต่
ขา่ วสาร หรือน�ำ มาพูดในบางโอกาส เพ่ือเป็นการกระตุ้นใหค้ นทั่วไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
บางอย่างที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์หรือปัญหาอื่น ๆ แต่การศึกษาดังกล่าวไม่ถึงขั้นที่จะ
ทำ�ให้เกิดความคิดที่เป็นอัตโนมัติ ซึ่งคนทั่วไปสามารถมองเห็นผลกระทบที่จะเกิดกับตัวเอง
หรือคนใกล้ชิด เพือ่ ท่จี ะท�ำ ให้เขาไดม้ แี รงจงู ใจที่จะมีพฤตกิ รรมป้องกันตนเอง ดังนั้น เร่อื งราว
ของความรูเ้ พื่อชีวติ จงึ เป็นประเด็นสำ�คัญในการนำ�สเู่ ยาวชน
ทักษะชีวิต คอื ความสามารถในการประเมนิ วเิ คราะหเ์ พอ่ื ตดั สนิ ใจเลอื กปรบั พฤตกิ รรม
และหาทางออกอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง มีพฤติกรรมทางบวก ทำ�ให้เราสามารถจัดการกับ
ความต้องการและสิ่งท้าทายในชีวิตประจำ�วันอย่างมีประสิทธิภาพ
หลกั สำ�คญั ของเรือ่ ง เนน้ ที่การฝึกทักษะชีวิตหรือความช�ำ นาญ ทจ่ี ำ�เปน็ ต้องใช้ใน
การ
ดำ�เนินชวี ิต และได้หลอมอยใู่ นเรื่องราวของ “ความรูเ้ พ่ือชีวติ ” ตั้งแต่ตน้ จนจบ โดยใช้การฝกึ
ปฏบิ ตั เิ ปน็ หวั ใจส�ำ คญั ในการฝกึ ปฏบิ ตั แิ ละการสอนนน้ั เยาวชนจะมบี ทบาทส�ำ คญั ในกระบวน
การเรียนรู้อยา่ งมสี ว่ นร่วม วธิ ดี ำ�เนินการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้น้ัน ใช้รปู แบบการสนทนากลุ่ม
โดยการระดมสมอง กิจกรรมกลุ่ม กิจกรรมที่ทำ�เป็นคู่บทบาทสมมติ การศึกษารายกรณี
สำ�หรบั ความรเู้ พ่อื ชีวิตนน้ั มกี ารฝึกทกั ษะชีวิตผา่ นกระบวนการสนทนากล่มุ ซ่งึ การท่ี
จะเกิดทักษะหรือความชำ�นาญนัน้ จะเกิดในระยะเวลาท่แี ตกต่างกนั ไป บางคนอาจเกิดทักษะ
ในขณะท่ีสนทนากลุ่ม หรือบางทกั ษะหลงั จากผ่านการสนทนากลุม่ ไปแลว้ ไดม้ ีการฝึกมากขน้ึ
จงึ เกดิ ความช�ำ นาญ
162
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ทักษะชีวิตและความชำ�นาญท่ีจำ�เปน็ ในชีวิตประจำ�วัน มดี งั นี้
1. ทกั ษะการวิเคราะห์และประเมนิ สถานการณ์
2. ทกั ษะการประเมนิ ศกั ยภาพของตนเอง
3. ทักษะการคดิ หาทางเลอื กและการวเิ คราะห์จดั ลำ�ดบั
4. ทักษะการตัดสินใจอยา่ งมเี หตผุ ลในการเลอื กทางแก้ปัญหา
5. ทักษะการสือ่ สารเพอ่ื ถ่ายทอดความคดิ
6. ทกั ษะการปฏเิ สธตอ่ รอง
7. ทกั ษะการควบคมุ อารมณ์ ความคดิ เหน็ และพฤติกรรมภายใต้แรงกดดัน
8. ทักษะการพัฒนาและปรับเปล่ียนทศั นคติของตนเองและผ้อู ่ืน
9. ทักษะการใชเ้ หตผุ ลโน้นน้าวจงู ใจผู้อื่น
จะเห็นวา่ ทักษะชีวิตน้ันไมใ่ ชเ่ ร่ืองใหม่ หากแตส่ งั คมในยคุ ปัจจุบนั มีการเปลี่ยนแปลง
รวดเรว็ มาก การเพม่ิ พนู ความช�ำ นาญแบบคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไปตามวธิ กี ารแหง่ ธรรมชาตไิ มส่ ามารถ
ช่วยให้ดำ�เนินชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมสมัยใหม่ได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป ดังนั้น จึงต้องอาศัย
การถ่ายทอดประสบการณแ์ ละการฝึกฝนอยา่ งมีระบบเข้าช่วย
ความรเู้ พอ่ื ชีวติ (Fact for Life)
1. ชีวติ และความหวัง
1.1 ความหวงั ของแต่ละคน
ความหวังของชีวิตคนเรานั้นย่อมเหมือนกันและ
แตกต่างกัน บางคนในวยั ใกลเ้ คยี งกัน อาจจะมีความหวัง
แตกตา่ งกนั บางคนอยากเปน็ ครู มคั คเุ ทศก์ อยากจะ
สอบ
เขา้ เรียนในมหาวิทยาลยั ได้ อยากมีแฟน อยากเป็นทหาร
ไมเ่ หมอื นกนั กไ็ ด้ ในวยั เดยี วกนั อาจจะมมี มุ มอง มที ศั นคติ หรอื ความหวงั ทเ่ี หมอื นกนั กเ็ ปน็ ได้
เช่น บางคนอยากร้องเพลง บางคนอยากเป็นดารานักร้อง บางคนอาจหวังว่าจะเป็นนักร้อง
อาชพี ในอนาคต หรอื อยากเรยี นตอ่ ในสถาบนั อดุ มศกึ ษาทม่ี ชี อ่ื เสยี งอยากจะสอบเขา้ ไดเ้ หมอื น
เพ่อื นคนอ่ืน ๆ สง่ิ ทส่ี �ำ คญั กค็ ือ ความหวงั จะเปน็ จรงิ ไดน้ น่ั กค็ อื ความหวงั ตอ้ งเปน็ สง่ิ ทส่ี ามารถ
เป็นไปได้ เป็นรูปธรรม และรู้ว่าทำ�อย่างไรเราจึงจะได้ดังที่หวัง ดังที่ตั้งใจเอาไว้ ทำ�ให้
ความหวงั เปน็ จรงิ ขน้ึ มา แตถ่ า้ มนั ไมเ่ ปน็ จรงิ เรากต็ อ้ งมาดวู า่ ความหวงั ทเ่ี ราตง้ั เอาไว้ มนั เปน็
แคค่ วามฝนั หรอื ไม่ เชน่ อยากรวย 100 ลา้ น แตไ่ มร่ ้จู ะทำ�อย่างไร และไม่ท�ำ อะไรให้ความ
หวัง
นั้นเป็นจริง ไม่หาหนทางเพื่อที่จะทำ�ให้ความหวังนั้นเป็นจริง เราอาจจะเรียก ความหวัง
ที่ไม่สามารถเป็นจริงว่า สิ่งนั้นเป็นความฝันก็ได้
163
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
1.2 ความหวังของคนแต่ละวยั
ชีวิตคนเราเกิดมาแล้วก็เจริญเติบโต จากเด็กทารกเป็นวัยรุ่น วัยทำ�งาน จนกระทั่ง
วยั ชรา นนั้ คอื ธรรมชาตขิ องชวี ิตคนทม่ี ีการเปลีย่ นแปลง เช่นเดยี วกนั ความหวงั ในชวี ิตของคน
แต่ละวัย ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย แตล่ ะวัยด้วย แต่ในความหวังของคนแต่ละวัยนั้น
ยอ่ มมีทง้ั เหมอื นกันและแตกตา่ งกนั เช่น ทกุ วยั ตอ้ งการความรกั ความอบอนุ่ การดแู ลเอาใจใส่
ต้องการอาหารเหมือนกัน แต่ในความต้องการของคน
แตล่ ะวยั กย็ อ่ มมคี วามหวงั หรอื ความตอ้ งการทแ่ี ตกตา่ งกนั
เชน่ วยั เดก็ อาจตอ้ งการของเลน่ หรอื ขนม แตพ่ อโตขน้ึ มา
เป็นวัยรนุ่ ความต้องการอาจแตกต่างกัน เช่น วยั รนุ่ อาจ
ตอ้ งการชวี ติ ทอ่ี สิ ระ ตอ้ งการการยอมรบั จากเพอ่ื น อยาก
มแี ฟน ในวยั ท�ำ งาน ความตอ้ งการอาจจะเป็นการสรา้ ง
ครอบครัว การมีงานที่มั่นคง และในวัยชราความต้องการอาจจะเป็นการที่เห็นลูกหลานมี
ความสุข การไม่มีโรคภัยไข้เจ็บร่างกายแข็งแรง เป็นต้น ซึ่งความต้องการของคนแต่ละวัยมี
ทงั้ เหมือนและแตกต่างกัน
2. ทางสคู่ วามหวงั
เมื่อทุกคนมองออกถึงความหวังที่เป็นไปได้ของตนเองอย่างเป็นรูปธรรมขึ้นแล้ว
จากนนั้ จะใช้กระบวนการคดิ วิเคราะห์วา่ ทำ�อย่างไรเราจึงจะเดินทางไปส่คู วามหวัง เพ่อื ท�ำ ให้
ความหวงั นน้ั เปน็ จรงิ ขน้ึ มาโดยใชส้ ตู รส�ำ เรจ็ สคู่ วามหวงั ดงั น้ี
สูตรส�ำ เร็จสคู่ วามหวัง
2.1 หวังอะไรแนถ่ ามใจตวั เองกอ่ น
บางคนมีความหวังหลายความหวังในคนคนเดียว เช่น อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์
อยากมีเงินมาก ๆ อยากทำ�งานที่ดี อยากเรียนจบปริญญาตรี เราจะเห็นได้ว่าเรา 1 คน
มคี วามหวงั มากมายหลายอยา่ ง พอถึงตอนนีค้ งต้องถามตัวเองกอ่ นว่า เรามคี วามหวังอะไรแน่
และในขณะที่เราหวัง เราจะต้องได้ตามความหวังที่เราต้องการด้วย บางคนความหวังนั้น
อาจจะตอ้ งใชร้ ะยะเวลาเปน็ ตวั ชว่ ย ความหวงั จงึ จะประสบความส�ำ เรจ็ เพราะฉะนน้ั เราจงึ ควร
ถามใจตวั เองให้แนก่ ่อนว่า เราหวังอะไรกนั แน่
164
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
2.2 หวงั นน้ั เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
บางคนอยากเปน็ ชา่ งไฟฟา้ บางคนอยากเปน็ ชา่ งรถซอ่ มมอเตอรไ์ ซด์ บางคนอยาก
เปดิ
อู่ซ่อมรถ บางคนอยากเป็นเศรษฐี บางคนอยากเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น ลองมาคิด
ดูสิว่า สิ่งที่เราตั้งเป็นความหวังนั้นกับการกระทำ�ของเราในตอนนี้ มันสอดคล้องกันไหม
กับ
การกระท�ำ ของเรามนั ท�ำ ใหค้ วามหวงั ทต่ี ง้ั ไวเ้ ปน็ จรงิ ไดห้ รอื ไม่ บางคนอาจจะเปน็ ไปได้ เพราะยอม
2.3 ทำ�อย่างไรจะได้ตามทห่ี วงั
1. ถามใจให้แนว่ า่ สิง่ ใดคอื ความหวังท่ีตั้งไว้
2. มีทางเลอื กใดบ้างที่จะน�ำ ไปสคู่ วามหวังน้นั
3. แต่ละทางเลือกมีขอ้ ดีและข้อเสยี อย่างไร
4. ลงมือปฏิบัติ
สิง่ ที่ควรปฏิบตั ิในการเดินทางส่คู วามหวัง
1. ไม่ผดิ ศลี ธรรม และไมผ่ ิดกฎหมาย
2. ไมท่ �ำ รา้ ยตัวเอง ไมท่ ำ�รา้ ยผูอ้ ่ืน
3. ไม่เอารัดเอาเปรียบผอู้ ื่น
4. คดิ ให้ดกี ่อนท�ำ
5. ใช้เหตุผลเหนืออารมณ์
เมื่อลงมือปฏิบัติตามหนทางที่จะไปสคู่ วามหวังแล้ว ถ้าสมหวัง หรือผิดหวังให้คิดว่า
เป็นเรื่องธรรมดา
ท�ำ อยา่ งไรเมื่อสมหวงั ท�ำ อยา่ งไรเมอื่ ผิดหวงั
1. สมหวังต้องภูมิใจ 1. เราฝนั เกนิ ไปหรอื เปลา่
2. รจู้ ักชมตวั เองในใจบา้ ง 2. พยายามเต็มท่แี ลว้ หรอื ยัง
3. ท�ำ ดตี ่อไปใหม้ ากขึ้น 3. มที างเลือกหรือวิธีอื่นอกี ไหม
4. ถ้าท�ำ ดีกวา่ เดมิ ไมไ่ ด้ 4. ลองหาทป่ี รึกษาหรอื
ทำ�ได้เท่าเดมิ ก็ยงั ดี ผชู้ ว่ ยไดไ้ หม
5. แนะนำ�คนอนื่ ตอ่ ไป 5. อยา่ ท้อแทโ้ ทษตวั เองหรือ
ดถู ูกตัวเอง
165
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
3. ปัญหาชวี ติ และการแกไ้ ข
เมอ่ื มองจากส่ือต่าง ๆ จะเห็นปัญหาหลากหลายมากมายในสังคม ทุกชวี ติ ทุกคนมี
ปญั หาทง้ั นน้ั ลองสอบถามวา่ ใครทไ่ี มม่ ปี ญั หาบา้ ง อาจจะเจอค�ำ ตอบวา่ ไม่ นอ้ ยมาก หรอื อาจ
จะไม่มีเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนส่วนใหญ่ในโลกนี้มีปัญหาเกือบหมดทุกคน และให้คิด
เสมอว่า ทุกปัญหามีทางแก้เสมอคนที่เผชิญกับปัญหาจะต้องใช้สติและความคิดในการแก้ไข
ปัญหาน้ัน ๆ ใหค้ ล่ีคลายไปได้ด้วยดี
3.1 ปญั หาท�ำ ใหไ้ ปไมถ่ ึงความหวงั
บางคนมีปัญหาหลายอย่างที่ทำ�ให้ไปไม่ถึงความหวังที่ตง้ั ไว้ บางปัญหาอาจจะตอ้ ง
ย้อนนึกไปว่าจรงิ หรือไม่ท่ีปัญหาเหล่านีท้ ำ�ให้ ตวั เราไปไม่ถึงความหวงั เช่น ไม่มีแฟน ผิดหวัง
จากความรัก ท้องก่อนแต่ง กินยาบ้าเพื่อจะดูหนังสือสอบ ติดยา เที่ยวโสเภณี ติดเอดส์
ประชดชีวิต คิดฆ่าตัวตาย เป็นต้น
3.2 ขบวนการแกไ้ ขปญั หา
จะเหน็ ไดว้ า่ ปญั หาของคนเรามมี ากมายหลายอยา่ ง เราจะสามารถแกไ้ ขปญั หาไดห้ รอื ไม่
ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ เราจึงจะไปถึงความหวังที่เราตั้งเอาไว้ เราต้องมาคิดและ
วเิ คราะห์ปญั หาตา่ ง ๆ ดังนี้
1. ปญั หาอยู่ตรงไหน คืออะไร ลองนึกให้ดีว่าสิ่งที่เราผิดหวังอยู่เป็นปัญหา
เรือ่ งใดกันแน่
2. แนวทางการแก้ปัญหา
3. แต่ละหนทางในการแกป้ ญั หา มขี ้อดี - ขอ้ เสียอยา่ งไร
4. ตดั สินใจเลอื กทางที่ดีทีส่ ดุ
3.3 ขอ้ คิดในการตดั สนิ ใจแก้ปญั หา
1. จะต้องร้จู กั การเอาใจเขามาใสใ่ จเรา
2. ร้จู กั การควบคุมอารมณ์ และรจู้ ักการใช้เหตผุ ล
3. ขอความชว่ ยเหลือจากบคุ คลอ่นื
166
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ตัวอย่าง ปัญหาทจี่ ะท�ำ ใหค้ วามหวงั ไม่ประสบความสำ�เรจ็ คือ...........................................
แนวทางการแก้ปญั หา ขอ้ ดี ข้อเสีย
***ตัดสินใจเลอื กทางท่ี..............................................................................................
4. การปรึกษาหารือกับคนใกลช้ ิด
เมอ่ื เรามปี ญั หาหรอื มคี วามลบั หรอื ความภาคภมู ใิ จ อยากจะบอกใครสกั คน คนคน
นน้ั
จะเป็นใคร ถ้าเราอยากจะมีใครสักคนที่มาช่วยเราแก้ปัญหา หรือมารับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น
เพ่ือสร้างความสบายใจให้กับเรา หรอื ถา้ เรามีความลับ หรอื ความภาคภมู ใิ จ คนท่ีเราอยากจะ
คยุ ด้วย คนคนน้นั จะตอ้ งเป็นคนทีส่ นทิ กับเราในล�ำ ดบั ตน้ ๆ อาจจะเปน็ เพอ่ื น เป็นพ่ี เป็น
4.1 อยากปรึกษาใคร
เมื่อมีปัญหาหรือความลับ หรือความภาคภูมิใจ ลองคิดว่าเราจะนึกถึงใคร เราอยาก
ปรกึ ษาใคร บคุ คลทจ่ี ะเปน็ ทป่ี รกึ ษาใหก้ บั เราไดน้ น้ั ตอ้ งเปน็ คนทร่ี กั และหวงั ดกี บั เรา แลว้ แตเ่ รา
จะเลือกปรึกษา เช่น เพื่อน พ่อ แม่ ญาติสนิท หมอ พยาบาล ผู้ใหญ่บ้าน ศูนย์ฮอท
ไลน์
ดีเจ พระ หมอดู เป็นตน้
167
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
4.2 ลักษณะของผู้ใหค้ ำ�ปรึกษาทด่ี ี
1. อบอนุ่ เมือ่ อย่ใู กล้ มคี วามเปน็ กนั เอง ย้มิ แย้มแจม่ ใส ทักทาย
และพร้อมท่จี ะรบั ฟังผู้อื่นเสมอ
2. เปิดใจ ผู้ให้คำ�ปรึกษาจะต้องเป็นมิตรไม่คิดอคติต่อผู้ที่มา
ขอค�ำ ปรึกษา
3. ฟงั มากกวา่ พดู พยายามทจ่ี ะเปน็ ผฟู้ งั มากกวา่ การเปน็ ผพู้ ดู เอง
ไม่ขัดคอ ไม่ตำ�หนิ ให้ผู้ที่มาขอคำ�ปรึกษาได้ระบายความในใจ
ให้มากที่สุด และผู้ให้คำ�ปรึกษาจะพูดเล็กน้อยเพื่อให้ผู้ที่มา
ขอคำ�ปรึกษารับรู้ว่าเราฟังเขาอยู่
4. เก็บความลับ ผู้ให้คำ�ปรึกษาต้องรักษาความลับของผู้มา
ขอค�ำ ปรกึ ษา ไม่นำ�เร่ืองทีเ่ ขาเลา่ ไปพดู ตอ่
5. ไม่ด่วนตัดสินใจแทนคนอื่น ผู้ให้คำ�ปรึกษาจะไม่ชี้แนะ
ให้ทำ�ตามที่บอก แต่พยายามชี้ให้เห็นทางเลือกหลาย ๆ ทาง
ในการแก้ปัญหาโดยนำ�สูตรการแก้ไขปัญหามาคิด
168
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
4.3 กจิ กรรมเพื่อนชว่ ยเพื่อน
วธิ ีการ
1. ใหส้ มาชิกแตล่ ะกลุ่มฝึก โดยใชก้ รณีศกึ ษา
2. แต่ละกลุ่มส่งตัวแทน 2 คน ให้เป็นผู้มีปัญหาและผู้ให้คำ�ปรึกษาใช้สูตร
การแก้ไขปญั หามาใช้แสดง ยกตวั อย่างเพียงบางกลุ่มเทา่ น้ัน ให้สมาชกิ คนอนื่ ดู
กรณศี กึ ษา
1. ฉนั แตง่ งานมาแล้ว 20 ปี ตอนแรกแฟนเปน็ คนดี เรียบร้อย ดแู ลเอาใจใส่ครอบครวั
แต่มาในระยะหลังกลายเป็นคนเลอะเทอะ ฉันไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ถามเขา
แต่เขาก็ไม่บอก เขาเป็นคนชอบดื่มเหล้า กลับมาบ้านแต่ก่อนก็จิบนิดหน่อยเดี๋ยวนี้ดื่มมากขึ้น
ตอนนี้ฉันไม่ร้วู ่าจะทำ�อยา่ งไรดี
2. ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มหนึ่ง ไปไหนมักจะไปด้วยกัน แต่มาวันหนึ่งเพื่อนมาชวน
ไปสูบบหุ รี่ ฉันควรท�ำ อย่างไรดี
3. ฉนั กำ�ลังเรียนและมีแฟนอยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน แฟนชวนฉันไปบ้านเพื่อนเพื่อ
ดหู นงั สอื ตวิ การบา้ น แตฉ่ นั ไมค่ อ่ ยไวใ้ จแฟนกลวั เขาจะชวนนอนดว้ ย ฉนั จะบอกแฟนอยา่ งไรดี
4. เพอ่ื นฉนั ชวนไปเทย่ี วผบั ใจหนง่ึ ฉนั อยากจะไปแตอ่ กี ใจหนง่ึ ฉนั กก็ ลวั วา่ จะเจอปญั หา
ฉันจะบอกเพื่อนฉนั อย่างไรดี
5. ฉนั อยากเลิกติดยาเสพตดิ ฉนั จะทำ�อย่างไรดี
6. เพื่อนฉันชวนกันไปค้างที่บ้าน พอดีมีคนบอกว่าพี่ชายของเพื่อนฉันติดเชื้อเอดส์
ฉันกลวั ว่าเมือ่ ไปบา้ นเขาฉนั จะติดโรคน้ี ฉนั ไม่รู้จะทำ�อยา่ งไรดี
7. เพอื่ นฉันชวนฉนั สูบบหุ ร่ี ฉันไม่รู้จะทำ�อย่างไรดี ใจหนึ่งก็อยากลองแต่อีกใจหนึ่ง
กไ็ มก่ ลา้
8. ฉันเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องแต่ต้องสอบให้ผ่าน มิฉะนั้นฉันจะไม่จบการศึกษา
ฉันควรทำ�อย่างไรดี
9. ฉนั เพิ่งโดนไลอ่ อกจากงาน ตอนนี้เงินก็เหลือน้อยฉันเบื่อชีวิตมากอยากฆ่าตัวตาย
ชว่ ยฉันด้วย
169
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
5. การวางแผนชีวิต
ฝึกการวางแผนชีวิตโดยใช้กิจกรรมหัวใจ 6 ดวง และมีการสรุปหัวใจแต่ละดวง
ในระหวา่ งการท�ำ กจิ กรรม
1. แจกหวั ใจ 6 ดวง หรือกระดาษ A4 ให้ทุกคนวาดรูปหัวใจ 6 ดวงดว้ ยตนเอง
2. ใหเ้ ขยี นค�ำ ตอบลงไปในหวั ใจแต่ละดวง ดังน้ี
หวั ใจดวงที่ 1 ฉนั เปน็ ใคร
หวั ใจดวงที่ 2 เปา้ หมายในชวี ิตของฉัน
หวั ใจดวงที่ 3 อะไรท่ีทำ�ให้เป้าหมายในชวี ิตของฉันส�ำ เรจ็
หัวใจดวงท่ี 4 อะไรทท่ี �ำ ใหเ้ ปา้ หมายในชวี ติ ของฉนั ไมป่ ระสบความส�ำ เรจ็
หัวใจดวงท่ี 5 เม่ือมีปัญหาฉันนึกถึงใคร
หวั ใจดวงที่ 6 คนทฉ่ี นั รักมากทสี่ ดุ คอื ใคร
3. สรุปกิจกรรมหัวใจ 6 ดวงโดยเชื่อมโยงกับบทเรียนที่ได้เรียนรู้ เรื่องชีวิตและ
ความหวัง ทางสู่ความหวัง ปัญหาชีวิตและการแก้ไข การปรึกษาหารือกับคนใกล้ชิด
การท่ีทุกคนรู้จักวางแผนชีวิตทำ�ให้ทุกคนมีแนวทางในการดำ�เนินชีวิต
แต่ถ้าการเดินทางนั้น ๆ ไม่มีการวางแผนมาก่อน และต้องประสบกับปัญหา
อุปสรรค ซึ่งบางครั้งอาจจะส่งผลถึงชีวิตได้ ดังนั้น ใครที่ยังไม่เคยวางแผนชีวิต
ยังไม่เคยตั้งความหวัง หรือเป้าหมายในชีวิต ถ้าจะเริ่มต้นลงมือปฏิบัติในวันนี้
ยังสามารถนำ�ไปปรบั ใช้ในชวี ิตจริงของตนเองได้
170
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
หัวข้อเร่ือง เพศศึกษา
วตั ถุประสงค์
เพือ่ ใหผ้ เู้ ข้ารบั การอบรม
1. มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำ�คัญของการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา
2. สามารถดูแลสุขภาพและการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ที่ถูกต้องและเหมาะสม
ขอบขา่ ยเน้ือหา
1. ความรเู้ กย่ี วกบั เพศศกึ ษา
2. การเลอื กวิธีคุมก�ำ เนดิ โดยวธิ ีต่าง ๆ
3. โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์
สือ่ และอุปกรณ์
1. กระดาษ 3 น้ิว × 2 นว้ิ จำ�นวนเทา่ ผู้เข้ารับการอบรม
2. กลอ่ งส�ำ หรับใสก่ ระดาษค�ำ ตอบ
3. ซองคำ�ถาม 4 ซอง
4. กระดาษฟลปิ ชาร์ท
5. ปากกาเคมี
6. สือ่ PowerPoint เร่อื งเพศศึกษา
7. แก้วนำ้� (กระดาษห่อ)
8. ถงุ ยางอนามัย
9. โมเดลสาธิตการใส่ถงุ ยางอนามัย
10. ยาคุมกำ�เนดิ ตา่ ง ๆ
11. บัตร Red Cross Bonus
เวลา 3 ชัว่ โมง
การประเมินผล
1. การตอบค�ำ ถามของผ้เู ข้ารบั การอบรม
2. จากการสังเกตและการเขา้ รว่ มกิจกรรม
171
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
แนวการด�ำ เนินกิจกรรม
1. วิทยากรกล่าวทักทาย และเกริ่นนำ�สู่การเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา โดยใช้คำ�ถามว่า
“เราจะเรียนรู้เรื่องเพศศึกษากันใครอยากรู้เรื่องอะไรมากที่สุด” ใหเ้ ขียนใส่กระดาษคนละ 1
หวั ขอ้ ไมต่ อ้ งลงชอ่ื กไ็ ด้ ตอ่ จากนน้ั แจกกระดาษ 2 × 3 นว้ิ ใหค้ นละ 1 แผน่ เมอ่ื เขยี นเรยี บรอ้ ย
แลว้ ให้ใส่กล่องที่เตรยี มไว้
2. วทิ ยากรหยบิ กระดาษค�ำ ตอบทอ่ี ยใู่ นกลอ่ งแลว้ จดั หมวดหมหู่ วั ขอ้ ทผ่ี เู้ ขา้ รบั การอบรม
ต้องการเรียนรู้ เช่น เรื่องคุมกำ�เนิด เรื่องถุงยางอนามัย เรื่องการกินยาคุม เรื่องการป้องกัน
โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ ฯลฯ
3. วทิ ยากรใหผ้ ูเ้ ข้ารบั การอบรมนับ 1 - 4 ใครนบั หมายเลขใดใหจ้ ับเปน็ กล่มุ เดยี วกนั
4. วิทยากรแจกซองคำ�ถามให้กลุ่มละ 1 ซอง ให้ช่วยกันระดมความคิด ในประเด็น
ต่อไปนี้
ซองที่ 1 การใส่ถุงยางอนามัย 2 ชั้น จะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้นใช่หรือไม่
เพราะอะไร
ซองท่ี 2 ยาคมุ ก�ำ เนดิ ฉกุ เฉนิ ใหก้ นิ ทนั ทหี ลงั มเี พศสมั พนั ธท์ กุ ครง้ั จงึ จะไดผ้ ล
ใชห่ รือไม่ เพราะอะไร
ซองท่ี 3 การสวนล้างช่องคลอดทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ สามารถป้องกัน
การตั้งครรภ์ได้ใช่หรือไม่ เพราะอะไร
ซองท่ี 4 การมเี พศสมั พนั ธก์ บั คนหนา้ ตาดี สะอาด มฐี านะดี หนา้ ทก่ี ารงานดี
ไม่เสี่ยงตอ่ การติดเช้อื HIV ใช่หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
ตอ่ จากนน้ั ใหเ้ วลาระดมสมองในหวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ บั ประมาณ 10 นาที ตอ่ จากนน้ั ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ น�ำ
เสนอ
หัวข้อที่ได้รับ โดยใช้เวลานำ�เสนอ 5 นาที ถ้ามีกลุ่มอื่นให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมได้รับบัตร
Red Cross Bonus
5. วิทยากรสรุปประเด็นสำ�คญั ของการนำ�เสนอทงั้ 4 หวั ขอ้
6. วทิ ยากรใช้กิจกรรมแลกน้ำ� โดยวิทยากรแจกแก้วน้ำ�ที่มีน้ำ�ครึ่งแก้วให้ผู้เข้ารับ
การอบรม คนละ 1 แกว้ จากนั้นวทิ ยากรก�ำ หนดกติกาวา่ ใหแ้ ตล่ ะคนน�ำ น�ำ้ ไปแลกกบั เพือ่ นให้
ได้ 5 คน เมื่อหมดเวลาให้แต่ละคนสังเกตสีน้ำ�ในแก้วของตนเองว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
แก้วของใครสีน้ำ�มีการเปลี่ยนแปลงให้ยกมือขึ้น วิทยากรสอบถามว่าไปแลกน้ำ�กับใครบ้าง
แล้วรู้หรือไม่ว่าสีน้ำ�ที่เปลี่ยนได้มาจากการแลกน้ำ�กับใคร
7. วิทยากรใช้สื่อ PowerPoint อธิบายภาพเครือข่ายการมีเพศสัมพันธ์เพิ่มเติม
โดยชี้ให้เห็นว่าการติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อกันได้ง่าย หากเราไม่รู้จักการป้องกัน
และการตดิ ต่อนั้นอาจเริม่ จากบคุ คลเพียงคนเดียว
172
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
8. วิทยากรสาธิตการใช้ถงุ ยางอนามยั และใหผ้ ู้เข้ารับการอบรมรว่ มฝกึ ปฏิบตั ิด้วย
9. วทิ ยากรและผู้เข้ารับการอบรมร่วมกันสรุปในหัวข้อที่เรียนในวันนี้ ซึ่งมีประเด็น
สำ�คัญ คือ
เราจ�ำ เป็นตอ้ งเรยี นรเู้ รอ่ื งเพศศกึ ษาเพอ่ื ลดโอกาสเสย่ี งตอ่ การเกดิ ปญั หาสขุ ภาพ
ทางเพศ
การเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาไม่ใช่เฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ครอบคลุม
เรื่องต่างๆ หลายด้านที่เกี่ยวกับตัวคน เช่น ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างเมื่อเป็น
หนุ่ม - สาว ความสัมพันธ์ระหว่างเพศ การเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อให้อยู่อย่างมีความสุข
พฤตกิ รรมรสนิยมทางเพศ การคมุ กำ�เนดิ และโรคติดต่อทางเพศ
การมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกันกับผู้มีเชื้อ ซึ่งดูไม่ออกจากภายนอก
เป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง
การใชถ้ งุ ยางอนามยั เปน็ วธิ คี มุ ก�ำ เนดิ ชนดิ เดยี วทส่ี ามารถปอ้ งกนั ไดท้ ง้ั การทอ้ ง
การติดโรคทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อ HIV
กจิ กรรมเสนอแนะ
วทิ ยากรสามารถจัดกิจกรรมโดยใชร้ ปู แบบฐานการเรียนรู้ เช่น
1. ฐานการเรียนร้เู รอ่ื งการใชถ้ ุงยางอนามัย
2. ฐานการเรียนรเู้ รื่องการคมุ กำ�เนิด
3. ฐานการเรียนรู้เรอ่ื งการคบเพือ่ น
4. ฐานการเรยี นรเู้ รอ่ื งโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์
สาระส�ำ คัญท่ไี ดจ้ ากกิจกรรม
ผู้เข้ารับการอบรมได้เห็นความสำ�คัญและตระหนักถึงประโยชน์ของการเรียนรู้
เรอ่ื งเพศศกึ ษา สามารถดแู ลสขุ ภาพทางเพศ และการปอ้ งกนั ตนเอง รวมทง้ั แนะน�ำ ผอู้ น่ื เกย่ี วกบั
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำ�คัญของ
การหลีกเล่ียงการมีเพศสมั พนั ธ์และการต้ังครรภก์ ่อนวยั อันควร
173
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
เน้ือหาเร่ือง เพศศึกษา
ความรู้เกยี่ วกับเพศศึกษา
ความหมายของเพศศึกษา (Definition of Sex Education) พจนานุกรมฉบับ
ราชบัณฑติ ยสถานได้ให้ความหมายของคำ�วา่ “เพศ” หมายถึง รูปที่แสดงใหร้ ู้วา่ หญิงหรือชาย
ซ่ึงหากจะตีความกันแต่เพียงว่า “เพศ” คือ ลักษณะบอกให้ใคร ๆ รู้ว่า บุคคลนั้น ๆ เป็น
ผู้หญิงหรือผู้ชาย ในลักษณะของรูปธรรมเท่านั้น ก็เป็นการยากที่จะเข้าใจความหมายของ
ความรู้เรื่องเพศได้อย่างสมบูรณ์ สำ�หรับความหมายของเพศในลักษณะนามธรรมนั้น “เพศ”
หมายถึง ความรู้สึกและความต้องการทางเพศหรือกามารมณ์ ในทรรศนะของคนทั่วไป
คำ�ว่า “เรอื่ งเพศ” หรอื ในภาษาองั กฤษเรียกว่า เซ็กส์ (sex) มีความหมายที่ก�ำ กวมตคี วามได้
หลายความหมาย เช่น บางครั้งคำ�ว่า เซ็กส์ (sex) หมายถึง ลักษณะทางกายภาพที่บอกว่า
เป็นเพศชายหรือหญิง บางครั้งหมายถึงแรงขับหรือสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์ที่
แสดงออกเป็นพฤตกิ รรม บางครั้งหมายถงึ พฤตกิ รรมทางเพศหรือการมเี พศสมั พนั ธ์
อยา่ งไรกต็ าม จากหลกั ฐานทางภาษาในวาทกรรมของสงั คมไทย นกั สงั คมวทิ ยา 2 ทา่ น
คือ เนริดา คุค และ ปีเตอร์ แจกสัน (Nerida M. Cook and Peter A. Jackson, 1999)
อภิปรายไว้ในหนงั สือ “Genders & Sexualities in Modern Thailand” ว่า ในวาทกรรมไทย
คำ�ว่า “เพศ (phet)” ค�ำ เดียวมีความหมายครอบคลุมวาทกรรมในสงั คมตะวนั ตกปจั จบุ ันดงั น้ี
1. ลักษณะทางชวี เพศ (biological sex) ท่ีบอกวา่ เปน็ เพศชายหรอื หญิง เช่น เพศผู้
เพศเมยี
2. ความเปน็ เพศ (gender) เชน่ เพศชาย เพศหญงิ
3. ภาวะทางเพศ (sexuality) เชน่ รกั รว่ มเพศ (รว่ มสงั วาส) รกั สองเพศ และรกั ตา่ งเพศ
4. การรว่ มเพศ (sexual intercourse) เช่น ร่วมเพศ เพศสัมพนั ธ์
ดงั นั้น ค�ำ ว่าเพศในภาษาไทย จึงมีความหมายครอบคลมุ คำ�วา่ sexgender หรอื sexuality
ด้วย ส่วนคำ�ว่า “ศึกษา (education)” หมายถึง กระบวนการเรียนรู้เพอ่ื เกดิ การเปล่ียนแปลง
ทั้งในด้านความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรม เมื่อนำ�คำ�ทั้งสองมาผสมกัน เป็นคำ�ว่า เพศ
ศึกษา
จึงมีนักวิชาการให้คำ�จำ�กัดความที่หลากหลาย แต่คำ�จำ�กัดความเหล่านั้นมีความหมายที่
คล้ายคลึงกัน
โดยสรปุ เพศศกึ ษาคอื กระบวนการทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ประสบการณ์ อันเปน็ ผลท�ำ ใหบ้ คุ คล
เข้าใจพฤติกรรมที่เกี่ยวกับชีวิตนับแต่เกิดจนตาย ทั้งในด้านความรู้ ทัศนคติและการปฏิบัติที่
เหมาะสมในเรอ่ื งเพศ เพือ่ สามารถปรบั ตัวดำ�เนนิ ชีวติ ในสังคมร่วมกบั คนเพศเดยี วกนั หรือตา่ ง
174
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
บทบาทส�ำ คญั ของเพศศกึ ษา
1. ช่วยใหแ้ ต่ละคนเขา้ ใจและยอมรบั หนา้ ที่ตามเพศของตน
2. เขา้ ใจความสมั พนั ธท์ ดี่ ีต่อกันในฐานะเพือ่ น ใหเ้ กียรติกนั
3. ตระหนกั ถงึ ความแตกตา่ งในลกั ษณะการนกึ คดิ และพฤตกิ รรมทางเพศ และยอมรบั
ความแตกตา่ ง
4. เข้าใจการเลือกคู่
5. เขา้ ใจการเตรียมตัวรับผิดชอบต่อครอบครวั
6. เข้าใจการเลี้ยงดบู ุตรธิดาใหเ้ ตบิ โตเปน็ พลเมืองดี
ความรู้เรอื่ งเพศ
ลักษณะของเนื้อหาเกย่ี วกับเรอ่ื งเพศ สามารถแบ่งเป็นลักษณะใหญ่ ๆ 4 ดา้ น ได้แก่
1. ความรู้ดา้ นชีววทิ ยา (Biological aspect) เช่น กายวิภาคและสรรี วิทยาของระบบ
สืบพันธุ์ของมนุษย์ทั้งชายและหญิง ลักษณะทางพันธุกรรมและสุพันธุกรรม (Genetic and
Eugenic)
2. ความรดู้ า้ นสขุ วทิ ยา (Hygienic aspect) เช่น เรอ่ื งเกย่ี วกบั การปอ้ งกนั การเจบ็ ปว่ ย
และส่งเสรมิ สขุ ภาพทางเพศ สุขวทิ ยาส่วนบคุ คลเกีย่ วกบั อวยั วะเพศ
3. ความรู้ด้านจิตวิทยา (Psychological aspect) เช่น เรื่องที่เกี่ยวกับสภาวะจิตใจ
และอารมณ์ในเรื่องเพศ พัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์ทางเพศในวัยต่าง ๆ การปรับตัว
เขา้ กับเพศเดียวกันและตา่ งเพศ ความรสู้ กึ ทัศนคติต่อเร่อื งเพศ และต่อเพศตรงข้าม เป็นตน้
4. ความร้ดู า้ นสงั คมวิทยาและวฒั นธรรม (Sociological and cultural aspect) เช่น
เรอ่ื งเกย่ี วกับพัฒนาการทางเพศในด้านสงั คม เช่น ความสมั พันธ์กบั เพศเดียวกนั และตา่ งเพศ
เพศสมั พันธ์ ปจั จยั ด้านสังคมและสิง่ แวดล้อม การเกย้ี วพาราสี การเลือกคู่ครอง การใช้ชวี ิตคู่
ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี และวฒั นธรรมทางเพศตา่ ง ๆ
การคุมกำ�เนดิ
การคมุ กำ�เนิด แบง่ ออกเป็น
1. การคมุ กำ�เนิดแบบถาวร คอื การทำ�หมันชายและหมันหญิง การทำ�หมันเหมาะ
สำ�หรับครอบครัวที่มีบุตรเพียงพอแล้ว การคุมกำ�เนิดวิธีนี้มีผลดี คือ เจ็บครั้งเดียว สะดวก
ปลอดภยั ไมม่ ผี ลตอ่ สขุ ภาพหรอื สมรรถภาพทางเพศตามความเชอ่ื ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง การท�ำ หมนั
หญงิ
คือการผูกและตัดท่อนำ�ไข่ทั้งสองข้างสามารถทำ�ได้ ตั้งแต่หลังคลอดใหม่ ๆ เรียกว่า
การทำ�หมันเปียก และถ้าทำ�หมันในช่วงที่พ้นระยะหลังคลอดไปแล้วเรียกว่าการทำ�หมันแห้ง
การท�ำ หมนั ชายคอื การผูกและตัดท่อนำ�เชื้อทั้งสองข้างในถุงอัณฑะ สามารถทำ�ได้ตลอด
เวลา
175
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
2. การคมุ ก�ำ เนดิ ชว่ั คราว ไดแ้ ก่ การกนิ ยาคมุ ก�ำ เนดิ ฉดี ยาคมุ ก�ำ เนดิ ใสห่ ว่ งคมุ ก�ำ เนดิ
ฝงั ยาคุมกำ�เนิด แปะแผ่นยาคมุ กำ�เนดิ ใส่ถงุ ยางอนามัย การนับวนั การหลงั่ ภายนอก เป็นต้น
ยากินคมุ ก�ำ เนดิ จะมอี ยู่ 3 แบบ คือ
1. ยากินคุมกำ�เนดิ หลังมีเพศสัมพันธ์หรอื ยากนิ คุมกำ�เนดิ แบบฉุกเฉิน
2. แบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยว
3. แบบที่มีฮอร์โมนรวม ซึ่งเป็นแบบที่ใช้กันมากที่สุด
ยากนิ คมุ ก�ำ เนดิ อาจไมเ่ หมาะสำ�หรบั ผูท้ ตี่ อ้ งการคุมก�ำ เนดิ ในระยะยาว เพราะตอ้ งกินยาทกุ วัน
จึงมีโอกาสที่จะลืมกินได้ สำ�หรับผู้ที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยาคุมกำ�เนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจ
ไมเ่ หมาะเพราะจะท�ำ ใหน้ �ำ้ นมออกนอ้ ยลง อาจจะใชเ้ ปน็ ยากนิ คมุ ก�ำ เนดิ แบบฮอรโ์ มนเดย่ี วแทน
ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่หลังคลอด แต่ผลข้างเคียงคือการลืมกินยา และอาจมีเลือดออกทาง
ช่องคลอดกระปริกระปรอยได้บ่อย ยากินคุมกำ�เนิดแบบฉุกเฉินสามารถใช้ได้ในช่วงไม่เกิน
72 ชว่ั โมงหลงั มเี พศสมั พนั ธ์ การคมุ ก�ำ เนดิ โดยวธิ นี ไ้ี มค่ วรใชเ้ ปน็ วธิ คี มุ ก�ำ เนดิ เปน็ ประจ�ำ เพราะ
มผี ลขา้ งเคยี ง เชน่ รบกวนรอบระดตู ามปกตทิ �ำ ใหม้ าไมส่ ม�ำ่ เสมอและออกกระปรกิ ระปรอยได้
ถ้าใชเ้ ปน็ ประจ�ำ มโี อกาสลืมกนิ ยาได้บ่อยคลืน่ ไส้อาเจยี น เป็นตน้
ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ยาคมุ ก�ำ เนดิ ฉกุ เฉนิ การกนิ ยาคมุ ก�ำ เนดิ ฉกุ เฉนิ หลงั มเี พศสมั พนั ธ์
ทกุ ครงั้ ไมไ่ ดเ้ ป็นผลดีกับรา่ งกายแตอ่ ย่างใด และไม่ไดช้ ่วยเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการคุมก�ำ เนิด
แต่อย่างใด เพราะยาคุมกำ�เนิดฉุกเฉินจะต้องกิน 2 เม็ด คือกินเม็ดแรกทันทีหรือไม่เกิน 72
ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (ยิ่งกินเม็ดแรกเร็วเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์
ยงิ่ ได้ผลด)ี แล้วกินเม็ดที่สองหลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง ถ้ามีเพศสัมพันธ์หลายครั้งติดกัน
หากกนิ ถูกวิธจี ะสามารถป้องกนั การต้ังครรภป์ ระมาณ 85% ไม่ควรกินยานี้เกนิ 4 เม็ดตอ่ เดือน
เพราะมีปริมาณฮอร์โมนสูงมาก อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผู้หญิงในระยะยาวได้ ยานี้ควรใช้ใน
กรณฉี กุ เฉนิ เทา่ นน้ั ไมค่ วรกนิ เพอ่ื การวางแผนคมุ ก�ำ เนดิ ทว่ั ไป ยาคมุ ก�ำ เนดิ ฉกุ เฉนิ ทม่ี จี �ำ หนา่ ย
ในประเทศไทยมี 2 ยหี่ ้อคอื โพสตินอร์ (Postinor) และมาดอนนา (Madonna)
การสวนล้างช่องคลอดทันที หลังมีเพศสัมพันธ์ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้
เพราะเมื่อผู้ชายสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปหลั่งในช่องคลอดของผู้หญิงนั้น อสุจิจะเกาะติดกับ
เยื่อบุมดลูกและผนังช่องคลอดทันที การสวนล้างช่องคลอดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่มีผล
ในการปอ้ งกนั การตง้ั ครรภห์ รอื การปอ้ งกนั การตดิ เชอ้ื HIV และโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธอ์ น่ื ๆ
นอกจากนี้ สารเคมีที่ใช้อาจทำ�ให้เกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุช่องคลอดด้วย เพราะน้ำ�ยาจะ
ทำ�ลายสารที่คอยป้องกันเชื้อโรคในช่องคลอด ซึ่งร่างกายสร้างขึ้นมาตามธรรมชาติอยู่แล้ว
การฉีดยาคมุ ก�ำ เนิด สามารถฉดี ไดต้ ง้ั แต่ระยะหลงั คลอดใหม่ ๆ ไม่มีผลต่อปริมาณ
น้ำ�นม แพทย์จะนัดฉีดทุก 3 เดือนประสิทธิภาพการคุมกำ�เนิดดีเหมาะสำ�หรับการคุมกำ�เนิด
ระยะยาว ไมต่ อ้ งกนิ ยาทกุ วนั ราคาถกู แตอ่ าจมผี ลขา้ งเคยี ง เชน่ เลอื ดประจ�ำ เดอื นกระปรกิ ระ
ปรอย
ในระยะแรกแต่หลงั จากนั้นสว่ นใหญ่จะไมม่ ปี ระจำ�เดอื น น�้ำ หนักข้นึ และเมื่อหยดุ ฉดี ยาอาจจะ
ต้องรอประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะมีประจำ�เดือนและมีภาวะตกไข่ตามปกติ จึงไม่เหมาะ
176 คมู่ อืสวำ�ทิ หยารกับรผยวุู้ทกี่ตาช้อางดก:าสร�ำ หครุมบั กกาำ�รเอนบิดรมใอนารสะายยวุ ะกเาวชลาดาหสลัน้กั สตูๆรพน้ื ฐานยวุ กาชาด
การใสห่ ่วงคุมก�ำ เนิด กลไกการคุมกำ�เนิดคือห่วงจะไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน
ในโพรงมดลูก แพทย์จะใส่ห่วงคุมกำ�เนิดเข้าไปในโพรงมดลูก แล้วเหลือสายห่วงออกมาจาก
ปากมดลูกยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ดังนั้นจะต้องตรวจสายห่วงเป็นระยะ อายุการใช้งาน
ของห่วงคุมกำ�เนิดคือ 3 - 5 ปีแล้วแต่ชนิดของห่วงคุมกำ�เนิด ข้อดีคือไม่ต้องกินยาทุกวัน
ไมต่ ้องถูกฉีดยาทกุ 3 เดอื น ไมม่ ปี ญั หาเร่ืองประจ�ำ เดอื นผิดปกติ กระปรกิ ระปรอย ไมม่ ีผลตอ่
น้ำ�หนักตัว ไม่คลื่นไส้อาเจียน ไม่ทำ�ให้เกิดสิวฝ้ามากขึ้น แต่ข้อเสียคือต้องคอยตรวจเช็ก
สายห่วงอย่างสม�่ำ เสมอ
การฝงั ยาคมุ กำ�เนิด สามารถท�ำ ไดต้ ง้ั แตร่ ะยะคลอดใหม่ ๆ ไมม่ ผี ลตอ่ ปรมิ าณน�ำ้ นม
แพทย์จะฝงั หลอดยาเลก็ ๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร แบบจำ�นวน 1 หลอด 2 หลอด หรือ
6 หลอด (แลว้ แตช่ นิดของยา) เข้าใตผ้ วิ หนงั บริเวณท้องแขนด้านใน ยาฝงั คุมก�ำ เนิดจะมีฤทธิ์
คมุ ก�ำ เนิด 3 - 5 ปี แลว้ แตช่ นิดของยา ขอ้ ดคี ือสามารถคมุ ก�ำ เนดิ ได้นาน ไม่ต้องกินยาทกุ วนั
ไม่ถูกฉดี ยาบอ่ ย ๆ และ ไม่ตอ้ งเชก็ สายห่วง ไมม่ ีโอกาสหลดุ เหมือนหว่ งคุมก�ำ เนดิ แตผ่ ลขา้ ง
เคียงทพ่ี บบ่อยคอื ประจำ�เดอื นกระปรกิ ระปรอย น้ำ�หนักข้ึน
การใชถ้ ุงยางอนามยั วธิ ใี สถ่ งุ ยางอนามยั ส�ำ หรบั ผชู้ าย ผชู้ ายท่เี ปน็ ฝ่ายป้องกันจำ�เป็น
ตอ้ งสวมใสถ่ ุงยางอนามยั ทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพนั ธ์ ไม่วา่ จะเป็นทางชอ่ งคลอด ทางทวารหนกั
หรือทางปาก โดยควรเลือกถุงยางที่มีขนาดเหมาะสมกับอวัยวะเพศของตนเองและตรวจดู
ใหแ้ นใ่ จก่อนเสมอวา่ ถงุ ยางอนามัยอยู่ในสภาพทพี่ ร้อมใช้งาน ไม่ฉีกขาด รวั่ ชำ�รุด เสอ่ื ม
สภาพ
วธิ ีใส่ถุงยางอนามยั สำ�หรบั ผ้ชู ายทถ่ี ูกต้อง ปฏิบตั ิได้ตามขนั้ ตอนดงั ต่อไปนี้
ฉีกซองบรรจุภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรใช้ปากกัดหรือใช้เล็บจิก
เพอ่ื ป้องกนั การฉกี ขาดของถงุ ยางอนามัย
สวมถุงยางอนามยั ในขณะทีอ่ วัยวะเพศชายแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น โดยใชน้ ิ้วช้ี
และนว้ิ โปง้ บบี ทป่ี ลายกะเปาะถงุ ยางเพอ่ื ไลอ่ ากาศดา้ นในออก ซึง่ จะช่วยป้องกนั ถงุ ยางอนามยั
หลุดระหว่างใช้งาน
คอ่ ย ๆ รูดม้วนถุงยางอนามัยลงมาจนถึงโคนอวัยวะเพศ หากไม่สามารถ
รูดลงมาไดแ้ สดงว่าใสก่ ลบั ดา้ น ในกรณนี ใี้ ห้เปลย่ี นถุงยางอนามัยชน้ิ ใหม่ เพราะอาจมีอสจุ ปิ น
ออกมากับนำ้�หลอ่ ล่นื และติดอยทู่ ี่ถุงยางอนามยั ชน้ิ เดมิ แมจ้ ะยังไม่มกี ารหล่งั นำ้�อสจุ กิ ต็ าม
หากเป็นถุงยางอนามัยแบบไม่มีที่สำ�หรับเก็บน้ำ�อสุจิ ควรเหลือบริเวณส่วน
ปลายกะเปาะของถงุ ยางไวป้ ระมาณ 0.5 นว้ิ เพื่อปอ้ งกนั ถงุ ยางอนามยั แตกระหวา่ งใชง้ าน
หลงั เสรจ็ สน้ิ กจิ กรรมทางเพศ ใหร้ บี ถอดถงุ ยางอนามยั ในขณะทอ่ี วยั วะเพศชาย
ยงั แขง็ ตวั อยู่ เพื่อไม่ให้ถุงยางหลุดอยู่ในช่องคลอดหรือทวารหนัก โดยจับส่วนฐานของถุงยาง
และคอ่ ย ๆ น�ำ อวยั วะเพศออกจากรา่ งกายของอกี ฝา่ ยอยา่ งระมดั ระวงั เพราะน�ำ้ อสจุ อิ าจจะ
หก
177
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
ใช้กระดาษชำ�ระหอ่ ถุงยางอนามยั แล้วนำ�ไปทงิ้ ลงถังขยะ แต่ไม่ควรทิ้งลง
ใน
ชักโครก เพราะอาจทำ�ใหท้ อ่ อุดตนั หรือเกิดผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อมตามมา
การใสถ่ ุงยางอนามยั 2 ช้นั ไมม่ สี ่วนชว่ ยให้เกิดความปลอดภยั เวลามเี พศสมั พนั ธไ์ ด้
เพราะถุงยางอนามัยสองชั้นทำ�ให้เนื้อยางเสียดสีกันมากขึ้น อาจทำ�ให้เกิดการแตกได้ ดังนั้น
การใส่ถุงยางอนามัยเพียงชัน้ เดียวก็เพียงพอตอ่ การปอ้ งกันการตง้ั ครรภ์ และปอ้ งกันโรค
ติดตอ่
ทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งโรคเอดส์ด้วย ในขณะเดียวกันการสวมถุงยางอนามัยชั้นเดียวจะทำ�ให้
ถุงยางอนามัยสำ�หรับผู้หญิงมีลักษณะคล้ายถุงที่มี
วงแหวนด้านหนง่ึ เปน็ ปลายปดิ และอกี ดา้ นหนง่ึ เปน็ ปลายเปดิ
โดยสามารถใส่ไว้ในช่องคลอดก่อนมีเพศสัมพันธ์ได้นาน
ถึง 8 ช่วั โมง
วธิ ใี สถ่ ุงยางอนามยั สำ�หรับผหู้ ญงิ ท่ถี ูกต้อง ปฏบิ ตั ไิ ด้
ตามขน้ั ตอน ดงั ต่อไปน้ี
ฉีกซองบรรจุภัณฑ์ด้วยความระมัดระวังเพอื่
ป้องกันการฉกี ขาดของถุงยางอนามยั
ใช้มือข้างที่ถนัดบีบส่วนปลายปิดของถุงยางอนามัยหรือวงแหวนด้านที่มี
ขอบยางหนาให้มีขนาดเล็กลง จากนั้นจึงสอดเข้าไปในช่องคลอดโดยใช้มืออีกข้างหนึ่งจับ
เปิดแคมอวัยวะเพศไว้
ใชน้ ว้ิ ชี้ นิ้วกลาง หรอื อาจใช้ทัง้ 2 นิว้ สอดเขา้ ไปภายในถงุ ยางอนามยั และ
ดันส่วนปลายถุงยางอนามัยให้เข้าไปถึงบริเวณปากมดลูก หลังจากนั้นถุงยางจะคลายตัวและ
ขยายออกเอง
จดั ตำ�แหนง่ ปลายเปดิ ของถงุ ยางอนามยั หรอื วงแหวนดา้ นทม่ี ขี อบยางบางให้
อยูบ่ รเิ วณปากอวัยวะเพศหญิง และไม่พลกิ กลับหรอื พับงอ
ขณะมเี พศสัมพนั ธ์ ตอ้ งสอดใสอ่ วัยวะเพศชายตรงกลางถงุ ยางอนามัย และ
หากขอบถงุ ยางอนามยั หลดุ เขา้ ไปภายในชอ่ งคลอด ควรหยดุ กจิ กรรมทางเพศกอ่ นและจดั วาง
ถงุ ยางอนามัยให้อยู่ในตำ�แหนง่ ทเ่ี หมาะสมดงั เดมิ
หลงั เสรจ็ สิ้นการมีเพศสัมพันธ์ ให้บิดวงแหวนด้านนอกของถุงยางอนามัย
เพอ่ื ป้องกันน้ำ�อสุจิไหลหรือหกออกมา แล้วดึงถุงยางออกจากอวัยวะเพศหญิง จากนั้นจึง
ห่อถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วด้วยกระดาษชำ�ระและทิ้งลงถังขยะให้เรียบร้อย
178
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์
1. HIV (Human Immunodeficiency Virus) เปน็ เชื้อไวรสั นำ�มาซึ่งสาเหตุของภาวะ
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีความเชื่อที่ว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนหน้าตาดี สะอาด มีฐานะดี
หน้าท่กี ารงานดีไมเ่ สีย่ งต่อการตดิ เช้ือ HIV น้นั ไมถ่ ูกต้อง เพราะโอกาสเสีย่ งตอ่ การตดิ เชื้อ HIV
เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ซึ่งแม้แต่ผู้ติดเชื้อบางคนไม่สามารถ
มองได้จากรูปลักษณ์ภายนอก
ความแตกต่างของ “ผูต้ ิดเชอื้ ” กับ “ผปู้ ว่ ยเอดส”์ “ผตู้ ิดเชื้อ” หมายถงึ ผูท้ ี่มเี ชือ้ HIV
อยู่ในร่างกาย แต่ไม่แสดงอาการใด ๆ และยังแข็งแรง สามารถดำ�เนินชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้
ผทู้ ่ีได้รบั เช้อื ไปแล้วก็อาจไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้ออยหู่ ากไม่ได้ไปตรวจหาเชอ้ื HIV
“ผู้ป่วยเอดส”์ หมายถึง ผู้ท่ไี ดร้ ับเชอ้ื HIV มาระยะหนงึ่ จนกระท่ังภูมคิ ุ้มกันถูก
ทำ�ลาย
มากจนท�ำ ใหม้ อี าการปว่ ยดว้ ยโรคฉวยโอกาส เชน่ วณั โรค ปอดอกั เสบ เปน็ ตน้ ซง่ึ โรคฉวยโอกาส
เหล่านี้สามารถรักษาหายได้ ซึ่งหากหายจากอาการป่วยแล้วก็จะเป็นผู้ติดเชื้อเหมือนเดิม
ขณะนี้มยี าตา้ นไวรสั HIV ซึง่ สามารถช่วยผู้ติดเช้ือใหส้ ามารถมสี ุขภาพแขง็ แรงได้นานข้นึ
2. หนองในเทยี ม (Chlamydia) เป็นการอักเสบของทอ่ ปัสสาวะที่เกิดเชื้อโรคซงึ่ ไมใ่ ช่
หนองในแท้ (Gonococcal Urethritis) สำ�หรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคหนองในเทียมที่พบ
บ่อยที่สุดคือ Chlamydia trachomatis คนไทยจะรู้จักกันในชื่อ “ฝีมะม่วง” ซึ่งหมายถึง
ต่อมน้ำ�เหลืองที่ขาหนีบอักเสบจากการติดเชื้อ เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มาด้วยก้อนที่ขาหนีบและ
มีอาการปวดบวม หรอื ท่ีชาวบ้านเรียก “ไขด่ นั บวม” ก็เกดิ จากเช้อื Chlamydia trachomatis
เชน่ กนั
3. โรคติดเชอ้ื ทรโิ คโมนาส (Trichomoniasis/Trich) โรคติดเชื้อทริโคโมนาสเป็นโรค
ตดิ เช้ือของอวยั วะสืบพันธ์ุ เกิดจากเชื้อโปรโตซัวชนิดหนึ่ง ปกติแล้วมักอาศัยอยู่ในช่องคลอด
แต่ก็พบเชื้อนี้อาศัยอยู่ในท่อปัสสาวะ (องคชาติ) ของผู้ชายเช่นกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ
จะไมม่ อี าการใด ๆ แต่บางคนอาจตกขาวสีเหลอื ง มีลกั ษณะเป็นฟอง มอี าการคันทอ่ี วัยวะ
เพศ
หรือเจ็บบริเวณแคมของช่องคลอด ส่วนผู้ชายมักจะไม่มีอาการ แต่อาจทําให้ปัสสาวะขัดได้
โรคติดเชื้อทริโคโมนาสติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดกับผู้ที่เป็นโรคโดยไม่ใช้
ถงุ ยางอนามยั
4. โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) เปน็ โรคทต่ี ิดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์จากเช้ือแบคทเี รีย
ชื่อ Neisseria gonorrhea เชื้อนี้จะทำ�ให้เกิดโรคเฉพาะเยื่อเมือก mucous membrance
เช่น เยื่อเมือกในท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูกและเยื่อบุมดลูกท่อรังไข่ ทวารหนัก
เยื่อบุตา ปากและคอ
5. โรคหงอนไก่ (Human papilloma virus/ HPV) HPV เป็นเชื้อไวรัสที่พบบ่อย
179
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
1. ความเสย่ี งต�ำ่ อาจทำ�ให้เกิดหูดบรเิ วณอวัยวะเพศ ทีเ่ รียกว่า condyolma
หดู หงอนไก่
2. ความเสย่ี งสงู อกี ประมาณ 13 ประเภทท่เี ป็นชนิดความเสี่ยงสงู สามารถ
ทำ�ให้เกดิ โรคมะเรง็ ปากมดลูกและทวารหนกั บางคนที่ติดเชือ้ HPV โดยไมม่ ีอาการแสดงออก
ของโรคและหายไปเอง แสดงว่าเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมาก โดยทั่วไป HPV จะติดต่อกัน
โดยการสัมผัสผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ บริเวณหูด หรือส่วนที่ติดเชื้อไวรัส เป็นส่วนน้อยที่
ติดต่อกันจากการร่วมเพศทางปาก ซึ่งยังไม่มีผลยืนยันว่าการสัมผัสของนิ้วมือหรือวัตถุที่ติด
เชอ้ื ไวรสั จะสามารถสง่ ตอ่ เชอ้ื ได้ สว่ นยารกั ษาในปจั จบุ นั ยงั ไมม่ ตี วั ยาทใ่ี ชฆ้ า่ เชอ้ื ไวรสั HPV ได้
แตย่ าสามารถรกั ษาอาการของหูดได้
6. เรมิ (Genital herpes) คอื โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ ทม่ี าจากเชอ้ื herpes simplex
virus type 1 (HSV-1) หรอื type 2 (HSV - 2) ทพ่ี บเหน็ สว่ นมากมกั จะเปน็ ชนดิ ท่ี 2 ซง่ึ เปน็
สาเหตุ
ทส่ี ำ�คญั ของการติดเชื้อเริมทีผ่ ิวหนงั รมิ ฝีปากและอวัยวะเพศ อาจลามตดิ เช้ือไปท่สี ว่ นอ่นื ของ
รา่ งกายและท�ำ ใหเ้ กดิ อนั ตรายถงึ แกช่ วี ติ ได้ ลกั ษณะผน่ื ของโรค herpes จะเหมอื นกนั ไมว่ า่ เกดิ
ทไ่ี หนจะเปน็ ตมุ่ น�ำ้ เลก็ ๆ บนผวิ หนงั ทอ่ี กั เสบสแี ดง เมอ่ื เชอ้ื เขา้ สรู่ า่ งกายและอยใู่ นชน้ั ของผวิ หนงั
เชื้อจะแบ่งตัวทำ�ให้ผิวหนังเกิดอาการบวมเป็นตุ่มน้ำ�และเกิดการอักเสบ หลังจากนั้นเชื้อ
จะ
เคลอ่ื นยา้ ยเขา้ สปู่ มประสาท ganglia เปน็ เวลานานโดยทไ่ี มม่ กี ารแบง่ ตวั แตห่ ากปจั จยั แวดลอ้ ม
เหมาะสมเชื้อก็อาจเกิดการแบ่งตัวได้และทำ�ให้เกิดอาการเป็นซ้ำ� ผู้ป่วยที่เป็นเริมที่ริมฝีปาก
จะมีอัตราการเกิดซ้ำ�ประมาณร้อยละ 20 - 40 สำ�หรับเริมที่อวัยวะเพศจะมีอัตราการเกิดซ้ำ�
ประมาณร้อยละ 80 ปัจจัยที่กระตุ้นยังไม่แน่ชัด เชื่อว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับแสงแดด ไข้
การมีประจำ�เดือน ความเครียด การเป็นซ้ำ�จะมีอาการน้อยกว่า และหายเร็วกว่าการเป็น
คร้งั แรก
7. ซฟิ ิลสิ (Syphilis) เป็นโรคท่เี กดิ จากเชอื้ แบคทีเรยี ท่ีเรยี กวา่ Treponema palidum
เชื้อนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือก เช่น ชอ่ งคลอด ทอ่ ปัสสาวะ ปาก เยอื่ บตุ าหรอื ทาง
ผวิ หนังทมี่ แี ผล เมอื่ เช้อื เขา้ สูร่ า่ งกายจะเข้ากระแสเลือดและไปจับตามอวัยวะต่าง ๆ ทำ�ให้
เกิด
โรคตามอวัยวะ
8. โรคไวรัสตบั อกั เสบบเี ป็นการอักเสบของตับซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดย
เชอ้ื ไวรสั จะบกุ รกุ เขา้ สเู่ ซลลต์ บั และกอ่ ใหเ้ กดิ การอกั เสบขน้ึ ในบางกรณเี ชอ้ื อาจจะอยนู่ ง่ิ เปน็ ปี ๆ
ซึ่งผู้ที่มีเชื้ออาจไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้ออยู่ในร่างกาย เชื้อนี้สามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วใน
เซลลต์ ับ ส่งผลก่อให้เกิดการอักเสบและท�ำ ลายตับ
9. โรคไวรัสตับอักเสบซีแพร่กระจายมากขึ้น เนื่องจากพบได้บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ย
ประมาณ 1 - 20% ของคนทม่ี าบรจิ าคเลอื ด หลงั เปน็ ตบั อกั เสบแลว้ กม็ แี นวโนม้ เกดิ เปน็ ตบั อกั เสบ
180 เร้ือรัง 20% ของผปู้ ่วยตบั อกั เสบเรือ้ รังชนดิ ซี จะเป็นตบั แขง็ ภายใน 10 - 20 ปี บางส่วนกลาย
คมู่ อืเปวทิ็นยมากะรเยรวุง็ กตาับชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
หัวขอ้ เร่ือง การเตรียมความพร้อมรบั ภัยพบิ ัติ
วัตถปุ ระสงค์
เพื่อให้ผเู้ ขา้ รับการอบรม
1. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั ความรู้ทวั่ ไปของภัยพบิ ตั ิ
2. มีความรู้ ความเข้าใจในการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัตขิ องบคุ คลและครอบครัว
ขอบขา่ ยเนือ้ หา
1. ความรู้ท่วั ไปเกย่ี วกบั ภัยพิบัติ
2. การเตรียมพรอ้ มรับภยั พบิ ตั ิ
3. การจัดถุงด�ำ รงชพี
สอ่ื และอปุ กรณ์
1. สือ่ PowerPoint เร่ืองความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกับภัยพิบัติ
2. วีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกบั ภยั พิบัติหรอื ภาพเก่ยี วกับภัยพบิ ัติ
3. กระดาษฟลิปชารท์
4. บอร์ด
5. กระดาษโพสทอ์ ทิ
6. อุปกรณส์ �ำ หรบั จดั ถุงด�ำ รงชีพ (ของจริง)
7. ปากกาเคมี
8. กระดาษ A4 เท่าจำ�นวนผูเ้ ข้ารบั การอบรม
เวลา 3 ชวั่ โมง
การประเมนิ ผล
1. การตอบคำ�ถามของผู้เข้ารบั การอบรม
2. การมีสว่ นร่วมในการแสดงความคิดเห็นของผู้เขา้ รบั การอบรม
181
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
แนวการด�ำ เนนิ กจิ กรรม
1. วิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับภัยและภัยพิบัติ โดยทบทวนถึงภารกิจหลักของ
สภากาชาดไทย ซึ่งเน้นในเรื่องการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติ เพื่อแสดงให้เห็นว่า
สภากาชาดไทยเป็นองค์กรทใี่ ห้ความช่วยเหลอื แกผ่ ไู้ ดร้ ับความเดือดรอ้ น โดยไม่เลือกชาติ ชน้ั
วรรณะ และให้ความสำ�คัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ท่ีนับวันจะทวีความ
รุนแรงมากย่ิงขึน้
2. วทิ ยากรนำ�เข้าสู่บทเรียนโดยการตั้งคำ�ถามว่า “เมื่อพูดถึงคำ�ว่าภัยและภัยพิบัติ
นึกถึงอะไร” โดยการสุ่มถามเป็นรายบุคคลต่อจากนั้นใช้สื่อ PowerPoint ภาพความเสียหาย
ทเ่ี กดิ จากภยั พบิ ตั ิ (หากมวี ดี ทิ ศั นก์ ส็ ามารถใชไ้ ด)้ แลว้ สอบถามวา่ เหน็ อะไรบา้ งและรสู้ กึ อยา่ งไร
3. วทิ ยากรใช้สือ่ PowerPoint อธิบายความหมายของคำ�ทเ่ี กี่ยวข้องกับภยั พบิ ัติ
4. วทิ ยากรแจกกระดาษโพสท์อิทให้ผู้เข้ารับการอบรมคนละ 1 แผ่น และให้เขียน
ชื่อภัยหรือภัยพิบัติคนละ 1 ชนิด อาจเป็นภัยพิบัติที่เกิดในพื้นที่หรือตามความรู้ความเข้าใจ
ของตนเอง
5. วทิ ยากรใหท้ กุ คนพจิ ารณาวา่ ภยั ทต่ี นเองเขยี นนน้ั เปน็ ภยั ประเภทใด แลว้ น�ำ กระดาษ
โพสทอ์ ทิ ของตนเองมาเลอื กตดิ ทบ่ี อรด์ ทม่ี ขี อ้ ความ “ภยั จากธรรมชาต”ิ และ “ภยั จากการกระท�ำ
ของมนษุ ย”์
6. วทิ ยากรอธบิ ายเพม่ิ เตมิ จากกจิ กรรม ในขอ้ 5 โดยใชส้ อ่ื PowerPoint เรอ่ื งประเภท
ของภัยพิบัติ ต่อจากนั้นวิทยากรเลือกคำ�ตอบจากกระดาษโพสท์อิทมาเพื่อให้ทุกคนช่วยกัน
คิดว่าภัยแต่ละอย่าง มีสาเหตุจากอะไรและผลกระทบที่เกิดจากภัยนั้น ๆ คืออะไร โดยส่ง
ตัวแทนออกมาเขียนในกระดาษฟลิปชาร์ทหน้าห้อง (วิทยากรควรเลือกคำ�ตอบในกระดาษ
โพสท์อิท ที่มีความหลากหลาย เลือกภัยหลาย ๆ ประเภทเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมจะได้ร่วม
กันแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างครอบคลุม)
ตัวอยา่ งกจิ กรรม
ภัย สาเหตจุ ากอะไร ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้
อุทกภยั คนตัดต้นไม้ บ้านเรอื นเสียหาย
แผ่นดินไหว การเคลื่อนตัวของแผน่ เปลอื กโลก อาคาร บ้านเรอื น เสยี หาย
7. วิทยากรใช้ส่อื PowerPoint อธบิ ายผลกระทบทเ่ี กิดจากภัยพบิ ัติเพิ่มเตมิ
8. วทิ ยากรเขา้ สูห่ ัวขอ้ การเตรยี มพรอ้ มรบั ภยั พบิ ัติ โดยให้ผูเ้ ข้ารบั การอบรมแบ่งกลมุ่
กลุ่มละ 5 - 7 คน แล้วส่งตัวแทนออกมารับกระดาษฟลิปชาร์ท กลุ่มละ 1 แผ่น พร้อมทั้ง
ปากกาเคมี และจับสลากภัยพิบัติกลุ่มละ 1 ภัย เช่น น้ำ�ป่าไหลหลาก น้ำ�ท่วม น้ำ�ท่วมขัง
แผ่นดินถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ ไฟป่า ไฟไหม้ สารเคมีปนเปื้อน สารเคมีระเบิด อุบัติภัย
ทางการคมนาคมขนส่ง โรคระบาด ฯลฯ โดยแต่ละกลุ่มช่วยกันระดมความคิดเกี่ยวกับ
182 ข้อควรปฏิบัติก่อนเกิดภัยพิบัติ ขณะเกิดภัยพิบัติและหลังเกิดภัยพิบัติ
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ตัวอยา่ งใบงาน การปฏบิ ตั ิตนเตรียมพรอ้ มรับภยั พบิ ตั ิ
ข้อ ภยั กอ่ นเกิดภยั ระหว่างเกดิ ภัย หลังเกดิ ภยั
1. อุทกภัย เตรียมถงุ ยงั ชีพ อย่ใู นทท่ี ป่ี ลอดภยั ซอ่ มแซมบา้ นเรอื น
9. ผู้เขา้ รบั การอบรมแตล่ ะกลุม่ นำ�เสนอผลงาน โดยวิทยากรและผู้เข้ารับการอบรม
ร่วมกันแลกเปล่ยี นเรียนรแู้ ละเพิ่มเติมเน้ือหา
10. วิทยากรใช้สื่อ PowerPoint อธิบายถึงหน่วยงานกาชาดและหน่วยงานภาคี
ในการจัดการภยั พบิ ตั ิ
11. วิทยากรและผูเ้ ขา้ รับการอบรมร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถึงหน่วยงานที่
ทำ�งานเรื่องภัยพิบัติในพื้นที่ของตนเอง และซักถามถึงบทบาทของผู้เข้ารับการอบรมในการ
มีส่วนร่วมเพื่อเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติในชุมชนของตนเองได้อย่างไรบ้าง โดยให้อาสา
สมัครออกมาเขียนคำ�ตอบในกระดาษฟลิปชาร์ทหน้าห้อง และให้ผู้เข้ารับการอบรมอ่านทวน
ค�ำ ตอบทงั้ หมดอีกครั้ง
12. วิทยากรแจกกระดาษ A4 ให้คนละ 1 แผ่น ให้แต่ละคนคิดว่าภายในบ้านของ
ตนเอง ส่วนใดของบ้านที่เป็นพื้นที่เสี่ยง ที่อาจทำ�ให้เกิดภัยกับคนในบ้านได้ พร้อมทั้งบอกวิธี
ลดความเสี่ยงทีจ่ ะเกิดภยั ดว้ ย สามารถวาดเป็นรูปภาพหรือเขียนเป็นข้อความก็ได้ ตอ่ จากนั้น
ให้สุ่มเลือกผู้ออกมานำ�เสนอผลงานของตนเอง ซึ่งวิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมคนอื่น ๆ
ร่วมเสนอวิธที ่จี ะลดความเสี่ยงเพม่ิ เตมิ (หากม)ี
13. วิทยากรให้แต่ละหน่วยสีได้ฝึกเตรียมความพร้อมโดยจัดเตรียมสิ่งของที่จำ�เป็น
ในการดำ�รงชีพ ซึ่งวิทยากรนำ�สิ่งของต่าง ๆ ที่เตรียมไว้วางบนโต๊ะกลางห้อง และอธิบาย
ว่าถ้าหากเกิดภัยพิบัติข้ึนแต่ละครอบครัวควรมีการเตรียมความพร้อมโดยการจัดถุงดำ�รงชีพ
ฉะนน้ั ใหแ้ ตล่ ะหนว่ ยสีปฏิบัตติ ามกติกา ดงั น้ี
ครัง้ ท่ี 1 ใหแ้ ต่ละหน่วยสีส่งตัวแทน 1 คน เพื่อหยิบของบนโต๊ะได้ 1 อย่าง
แล้วกลบั เข้าหน่วยสขี องตนเอง
คร้งั ที่ 2 ใหแ้ ต่ละหน่วยสีส่งตัวแทน 1 คน เพื่อหยิบของบนโต๊ะได้ 1 อย่าง
แลว้ กลับเขา้ หน่วยสีของตนเอง
ครง้ั ท่ี 3 ใหแ้ ต่ละหน่วยสีส่งตัวแทน 1 คน เพื่อหยิบของบนโต๊ะได้ 1 อย่าง
แลว้ กลับเขา้ หน่วยสขี องตนเอง
183
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
14. ใหแ้ ตล่ ะหนว่ ยสรี ว่ มกนั พจิ ารณาสง่ิ ของทห่ี ยบิ มาแลว้ ใหช้ ว่ ยคดิ วา่ มอี ะไรทจ่ี �ำ เปน็
สำ�หรับการดำ�รงชีวิตในยามเกิดภัยพิบัติอีก ถ้าต้องการเพิ่มเติมให้เขียนหรือวาดรูปลงในบัตร
คำ�พรอ้ มกบั จดั ใสถ่ ุงดำ�รงชพี ให้เรียบรอ้ ย
15. วทิ ยากรสอบถามเหตุผลของการเลอื กสิง่ ของนัน้ ๆ ของแต่ละหนว่ ยสี
16. วทิ ยากรใช้ส่ือ PowerPoint อธบิ ายเพ่มิ เตมิ เกยี่ วกับสิง่ ของที่จดั ลงในถงุ ด�ำ รงชพี
เช่น น้ำ�ดื่มควรสังเกตว่า เป็นน้ำ�สะอาด มีตะกอนหรือไม่ ฝาปิดมิดชิดหรือไม่ มีเครื่องหมาย
รบั รองคณุ ภาพจากองคก์ ารอาหารและยา (อย.) อาหารแหง้ ดวู นั หมดอายุ สงั เกตการเปลย่ี นแปลง
ของอาหารแห้งและสิ่งของต่าง ๆ ให้อยู่สภาพพร้อมรับประทานและพร้อมใช้งานได้อย่าง
ทนั ที ฯลฯ
17. วิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ในครั้งนี้
ซึ่งวิทยากรเน้นย้ำ�ว่า การเรียนรู้เรื่องภัยพิบัติ และการเตรียมพร้อมในการรับภัย การวางแผน
และเรียนรู้อย่างเท่าทันจะทำ�ให้พวกเรารู้แนวทางในการป้องกันและมีแนวปฏิบัติเมื่อเกิด
ภัยพิบัติเหล่านั้นขึ้นซึ่งจะช่วยลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินลงได้
สาระส�ำ คัญทไ่ี ด้จากกจิ กรรม
ผเู้ ขา้ รับการอบรมรูถ้ งึ ผลกระทบที่เกดิ ข้ึนจากสถานการณ์ภยั พิบัตติ า่ ง ๆ อกี ทงั้
เขา้ ใจ
และมสี ว่ นรว่ มในการใหก้ ารชว่ ยเหลอื เปน็ ท่พี ึ่งพาของครอบครัว ชุมชนตามภารกจิ ของกาชาด
184
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
เนอ้ื หาเร่อื ง การเตรยี มความพร้อมรับภยั พบิ ตั ิ
ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกบั ภัยพบิ ัติ
การเปลย่ี นแปลงทางสภาวะแวดลอ้ มของโลก อาจ
เกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยธรรมชาติ หรือจากการกระทำ�ของ
มนุษย์ ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาทางกายภาพหรือภัยพิบัติ
ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก
เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ อุทกภัย ตลอดจนภัยพิบัติอื่น ๆ
ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมต่อมวลมนุษย์
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงมีตั้งแต่การเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ
ไปจนถึงการเกิดอย่างฉับพลันรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิต
จงึ มคี วามจ�ำ เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งศกึ ษาหาความรเู้ กย่ี วกบั ภยั พบิ ตั ิ การเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาตติ า่ ง ๆ
เพื่อจะได้หาทางป้องกันแก้ไขปัญหา รวมทั้งปรับตัวปรับวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับสภาวะใน
ปัจจุบัน
เมอ่ื เกดิ ภยั พบิ ตั ยิ อ่ มเปน็ ความสญู เสยี ทส่ี ง่ ผลกระทบทง้ั ตอ่ ผทู้ ป่ี ระสบภยั ประชาชนใน
พื้นที่ใกล้เคียงหรือพื้นที่ที่มีผู้ประสบภัยอพยพไปอยู่ ผลกระทบต่อประเทศในการใช้ทรัพยากร
บคุ ลากรในการชว่ ยเหลอื ประชาชนทป่ี ระสบภยั ผลกระทบตอ่ ประเทศเพอ่ื นบา้ นหรอื นานาชาติ
หากเป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ และภัยพิบัติเหล่านี้นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น เช่น น้ำ�ท่วม
ในหลายประเทศของภมู ภิ าคเอเชยี ผลกระทบจากภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตยิ งั ทวคี วามรนุ แรงขน้ึ อกี
จากสมดลุ ทางธรรมชาตทิ เ่ี สยี ไปดงั เชน่ เหตกุ ารณค์ ลน่ื ยกั ษส์ นึ ามทิ เ่ี กดิ ในเอเชยี แปซฟิ คิ ซง่ึ
ท�ำ ให้
เกดิ ความเสยี หายตอ่ ประเทศตา่ ง ๆ ถงึ 12 ประเทศ สง่ ผลกระทบตอ่ ประชาชนกวา่ 1 ล้านคน
หรือคราวพายุไซโคลนนาร์กิลที่เกิดในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนม่า แผ่นดินไหวในมณฑล
เสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่สร้างความสูญเสียต่อประชาชนจำ�นวนมาก ซึ่งการฟื้นฟู
ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากมายกว่าจะเข้าสูส่ ภาวะท่ใี กล้เคียงกับสภาวะเดิมหรือบางครั้ง
ก็ไม่อาจกลับคืนสู่สภาพปกติได้อีก ภัยพิบัติทางธรรมชาติจึงเป็นปรากฏการณ์ที่สำ�คัญและ
ต้องติดตามอยู่เสมอ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิชาการในปัจจุบัน ช่วยให้รู้สาเหตุของการเกิดขึ้น
ของภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ต้องยอมรับว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถ
ควบคมุ ได้ จงึ เปน็ ชะตากรรมทม่ี นษุ ยไ์ มอ่ าจเลอื กได้ รวมทง้ั ตอ้ งมคี วามตระหนกั ถงึ ความจ�ำ เปน็
ในการลดภาวะที่จะไปซ้ำ�เติมหรือเร่งการเกิดภัยพิบัติให้เกิดเร็วหรือมากขึ้น และต้องเรียนรู้
ที่
185
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
ปจั จบุ นั คนเรม่ิ ตระหนกั ถงึ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ในหลายรปู แบบ ไมว่ า่ จะ
เปน็
น้ำ�ท่วม น้ำ�ป่าไหลหลาก ภัยแล้ง สึนามิ แผ่นดินไหว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นทุก ๆ ปี
ทุกฤดูกาล บางเหตุการณ์อาจจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ความรุนแรง
ของภัยพิบัติในแต่ละครั้ง จนเราไม่อาจรับมือได้
สำ�หรับประเทศไทยความรู้เรื่องภัยพิบัติยังไม่ได้รับการเรียนรู้อย่างจริงจัง มีเพียง
แนวทางการแก้ปัญหาภัยพิบัติหลังจากการเกิดภัย ซึ่งแก้ไขปัญหาไม่ได้มากนัก สิ่งสำ�คัญคือ
การทีจ่ ะสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจในการเตรยี มพรอ้ มรบั มอื และการปรบั ตัว ซง่ึ เป็นเรือ่ งจ�ำ เปน็
ความหมายของภัยพบิ ัติ
ภยั พบิ ตั เิ ปน็ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ อยา่ งไมค่ าดคดิ และผลกระทบจากภยั พบิ ตั นิ น้ั มกั จะครา่ ชวี ติ
และทำ�ลายทรัพย์สินของชุมชนอย่างมหาศาล การเตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงและ
รับมือกับภัยพิบัตินั้นเป็นสิ่งสำ�คัญและจำ�เป็นอย่างยิ่ง การทำ�ให้ประชาชนตระหนัก เข้าใจ
ถึงศักยภาพของตนเองและเสริมสร้างให้แข็งแกร่งขึ้นจนเกิดทักษะที่จะป้องกันตัวเองและ
ช่วยเหลือผู้อื่นจากภัยพิบัติได้นั้นย่อมจะส่งผลต่อความเข้มแข็งของครอบครัว ชุมชน รวม
ถึง
สามารถฟื้นฟูความเสียหายต่าง ๆ ให้กลับสู่สภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว
มีผใู้ ห้ความหมายเกี่ยวกบั ภัยพบิ ัติไวห้ ลายความหมาย เชน่
ภัย (Hazard) ตามความหมายในพระราชบัญญตั ิป้องกนั ภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522
แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื สาธารณภยั และภยั ดา้ นความมน่ั คง โดยสาธารณภยั ประกอบ
ดว้ ย
อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย แผ่นดินไหว อาคารถล่ม ภัยจากภัยแล้ง ภัยจากสารเคมีและ
วัตถุอันตราย ภัยจากไฟป่า ภัยจากอากาศหนาว ภัยจากการคมนาคมและขนส่ง สำ�หรับ
ภยั ดา้ นความมน่ั คงประกอบดว้ ย การกอ่ วนิ าศกรรม การประชมุ ประทว้ งและการกอ่ การจลาจล
ภยั หมายถึง เหตุการณ์ สภาวะทางกายภาพ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ การกระ
ทำ�
ของมนุษย์หรือสิ่งใด ๆ ก็ตามที่จะนำ�มาซึ่งความสูญเสีย การบาดเจ็บหรือความเสียหาย
ต่อชีวิตทรัพย์สิน สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการบริการทางสาธารณูปโภคและ
สาธารณูปการ
ภัยพบิ ัติ (Disaster) ตามค�ำ จ�ำ กดั ความของ Center for Research on the Epidemiology
of Disasters (CRED) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดทำ�ฐานข้อมูลเรื่องภัยพิบัติ ให้คำ�นิยาม Disaster
หมายถงึ สถานการณห์ รอื เหตกุ ารณท์ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายอยา่ งใหญห่ ลวง เปน็ ความสญู เสยี
และความทกุ ขย์ ากของมนษุ ย์ เกดิ โดยไมค่ าดคดิ หรอื เกดิ ขน้ึ อยา่ งกะทนั หนั เกนิ ขดี ความสามารถ
ของทอ้ งถน่ิ ทจ่ี ะแกไ้ ข ตอ้ งระดมความชว่ ยเหลอื ภายนอกในระดบั ชาตหิ รอื นานาชาติ ในขณะท่ี
186
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ภยั พิบตั ิ หมายถึง ภัยอันเกิดแก่สาธารณชน ไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือจากการ
กระทำ�ของมนุษย์ โดยก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของประชาชน เกิดความสูญเสียหรือ
ความ
เสียหายและผลกระทบในทางลบแก่ทรัพย์สิน สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม จนเกินขีด
ความสามารถของชุมชนที่จะใช้ทรัพยากรของตนในการรับมือ และจัดการภัยพิบัติและ
ผลกระทบของภัยพิบัติได้
การจัดการภัยพิบัติ (Disaster Management) หมายถึง การดำ�เนินการในการ
ชว่ ยเหลอื ประชาชนทง้ั การเตรยี มพรอ้ มกอ่ นเกดิ ภยั การบรรเทาทกุ ขใ์ นภาวะฉกุ เฉนิ ขณะเกดิ ภยั
ปแลระะเกภาทรขฟอนื้ งฟภูบัยรู ณะสู่ภาวะปกติ เพือ่ บรรเทาอนั ตรายหรือความเสียหายอนั เนื่องจากภยั พิบตั ิ
ภัยพบิ ตั ิสามารถแบง่ ตามลกั ษณะการเกดิ ภัย ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ
1. ภยั พิบตั ิจากธรรมชาติ
2. ภัยพิบัตจิ ากการกระทำ�ของมนุษย์
ความแตกตา่ งระหวา่ งภัยพิบัตจิ ากธรรมชาตแิ ละภยั พิบตั ิจากการกระทำ�ของมนษุ ย์ คือ
1. ภยั พบิ ตั จิ ากธรรมชาติ โดยทว่ั ไปไมส่ ามารถปอ้ งกนั การเกดิ ได้ แต่สามารถพยากรณ์
การเกิดได้และสามารถลดความรนุ แรงของผลกระทบจากภยั ทเี่ กิดขน้ึ ได้ โดยการหามาตรการ
ลดความรนุ แรงหรอื ผลกระทบจากภยั พบิ ตั นิ น้ั ๆ เปน็ ภยั ทเ่ี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ กอ่ ใหเ้ กดิ
ความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจและทรัพย์สิน
1.1 ภยั พบิ ตั ทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ตามฤดกู าลหรอื จากการเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศ เชน่
วาตภยั เป็นภัยที่เกิดจากความเร็วของลม เช่น พายุไต้ฝุ่น พายุ
โซนร้อน พายุฤดูร้อน พายุฟ้าคะนอง
อุทกภัย เปน็ ภยั ทีเ่ กิดจากฝนตกหนกั เช่น น�ำ้ ปา่ ไหลหลาก น�ำ้ ท่วม
ในฤดูฝน คลนื่ จากพายุซัดฝง่ั เขอื่ น/ฝายพงั
คล่ืนความร้อน เปน็ ลักษณะของอากาศท่มี ีอากาศร้อนจัดผดิ ปกติ
อากาศหนาวผิดปกติ เช่น ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จะมีอากาศหนาวในบางปตี ่ำ�กว่าศูนยอ์ งศาเซลเซียส
ฝนแล้ง เนอ่ื งจากฝนไมต่ กตอ้ งตามฤดูกาล ทำ�ให้เกิดความเสียหาย
ต่อพืชผลทางการเกษตร เกดิ ความขาดแคลนอาหารและน้ำ�
1.2 ภัยพิบตั ิทเ่ี กดิ ข้นึ ตามลกั ษณะสภาพของภมู ิประเทศ เชน่
อุทกภยั เป็นภัยที่เกิดจากน้ำ�ท่วมในบริเวณพื้นที่ที่ต่ำ�กว่าระดับน้ำ�
ทะเล พน้ื ท่ที ่มี นี �ำ้ ท่วมเป็นประจำ�และในบริเวณท่ีลมุ่
ดินถล่ม หินถล่ม เป็นการถล่มทลายของก้อนหิน ดินหรือโคลน
เมอ่ื ชุ่มนำ้�ฝนมีน�ำ้ หนกั มากอาจเล่อื นไหลลงมาทบั บา้ นเรือนและผู้คนบริเวณเชงิ เขา
187
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
1.3 ภัยพิบัติทเ่ี กิดจากการเปลย่ี นแปลงของพนื้ ผวิ โลก เช่น
แผน่ ดนิ เลอ่ื นหรอื แผน่ ดนิ ถลม่ เปน็ การเปลย่ี นแปลงของพน้ื ดนิ ท�ำ ให้
เกิดการไหวและการสั่นสะเทือนหรือเมื่อมีฝนตกหนักบริเวณเทือกเขาที่มีพื้นดินขาดต้นไม้หรือ
พืชคลุมดินที่ไม่มีการยึดเหนี่ยวของพื้นผิวดิน อาจทำ�ให้พื้นผิวดินพังทลายลงมาทับบ้านเรือน
ตามบริเวณเชิงเขาได้
แผน่ ดินไหว เป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีการสั่นสะเทือนเป็น
คลื่นติดต่อกันจากจุดศูนย์กลางออกไปทุกทิศทาง ทำ�ให้บ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างพังทลาย
ถา้ เกดิ แผ่นดินไหวรนุ แรงขา้ งใตพ้ ้ืนทอ้ งทะเลอาจทำ�ใหเ้ กดิ คลนื่ ใต้น้ำ� (Tsunami) ซดั เข้าโจมตี
ฝ่ังได้
ภเู ขาไฟระเบิด เปน็ การระเบิดของแรงดันจากความร้อนภายใตพ้ ื้น
ผิวโลกมกี ารพน่ ลาวาและเกดิ การสน่ั สะเทอื นของภเู ขาและพน่ ควนั ทเ่ี ปน็ พษิ กระจายออกไปทว่ั
1.4 ภัยพิบตั ทิ ีเ่ กิดจากเช้ือโรคและภยั พบิ ัติทเ่ี กดิ จากสัตวแ์ ละแมลง ไดแ้ ก่
การระบาดของโรค เช่น อหิวาตกโรค ไข้สมองอักเสบ โรคเอดส์
ไวรสั โควดิ - 19 เมอ่ื มแี หลง่ แพรเ่ ชอ้ื หรอื ภมู คิ มุ้ กนั ต�ำ่ การระบาดของโรคกม็ คี วามรนุ แรงมากขน้ึ
ภยั จากสตั วห์ รอื แมลง เช่น หนู หรือตั๊กแตนที่มีจำ�นวนมากทำ�ให้
เกิดความเสยี หายตอ่ พชื ไร่ อาจเกิดการขาดแคลนและอดอยากได้
2. ภยั พิบัตจิ ากการกระท�ำ ของมนุษย์ สว่ นใหญ่สามารถปอ้ งกนั การเกดิ และสามารถ
พยากรณก์ ารเกดิ ภัยได้ รวมท้งั สามารถลดความรนุ แรงจากผลกระทบท่เี กิดขนึ้ ได้ ในบางครงั้
เป็นผลมาจากสง่ิ ทีม่ นุษยป์ ระดิษฐ์ขน้ึ มาเพอื่ ความสะดวกสบายหรือเพ่อื การทำ�สงคราม ได้แก่
2.1 ภยั จากอบุ ตั ิเหตุทางคมนาคม เชน่
ทางบก เชน่ รถชนกนั รถพลิกคว�่ำ รถตกเหว รถไฟตกราง เป็นตน้
ทางน�ำ้ เชน่ เรือล่ม เรือชนกนั เป็นตน้
ทางอากาศ เชน่ เครื่องบินตก เครื่องบินระเบิด เครอื่ งบินชนกัน
เปน็ ตน้
2.2 ภยั จากการกอ่ สรา้ ง เชน่ การกอ่ สรา้ งทไ่ี มค่ �ำ นงึ ถงึ ความปลอดภยั การพงั
ทลายของอาคารที่ได้ก่อสร้างแบบผิดแบบ การต่อเติมอาคารจนฐานรากไม่สามารถทานรับ
น�ำ้ หนักได้
2.3 ภัยจากการประกอบอตุ สาหกรรม เช่น สารเคมลี กุ ไหมเ้ กดิ ควนั ทเ่ี ปน็ พษิ
การระเบิดของท่อก๊าซหรือท่อแก๊สภายในโรงงาน หม้อไอน้ำ�ระเบิด โรงงานพลุระเบิด
ปฎกิ รณ์ปรมาณู การรัว่ ไหลของสารกัมมันตรังสี ภยั จากขยะเคมี รงั สี เชน่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ที่ประเทศญี่ปุ่น
2.4 ภัยจากการขัดแย้งทางลัทธิหรือการก่ออาชญากรรมในท่สี าธารณะ เชน่
การวางระเบดิ ในสถานที่ชุมชน ในสถานท่ีราชการและภัยจากอาชญากรขา้ มชาติ
188
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
2.5 ภยั ที่เกิดจากการจลาจล เป็นภัยที่เกิดจากการที่ชุมชนมีการขัดแย้งกัน
อย่างรุนแรง ทำ�ใหเ้ กิดการยกพวกปะทะกันหรือเผาอาคาร บา้ นเรอื น สถานท่รี าชการ เช่น
การจลาจล เมือ่ วนั ท่ี 14 ตุลาคม 2516 “วนั มหาวิปโยค”
วันท่ี 17 พฤษภาคม 2535 “พฤษภาทมิฬ”
วันที่ 19 พฤษภาคม 2554 “วันทหารกระชบั พนื้ ที่ราชประสงค์”
2.6 ภัยจากการปะทะด้วยกำ�ลงั อาวธุ เชน่ การก่อการรา้ ย สงครามกองโจร
สงครามเต็มรูปแบบ เช่น สงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สงครามในตะวันออกกลาง
อาวุธชวี ภาพ อาวธุ เคมี รงั สี สารพิษและเช้ือโรค
ผลกระทบจากภยั พิบตั ิ
ภัยพิบัติสามารถส่งผลกระทบต่อความเสียหายทางกายภาพที่เห็นได้ชัดเจน เช่น
เสยี ชวี ิต บาดเจ็บ ไรท้ อ่ี ยู่ ขาดที่ทำ�กิน พิการ อุปกรณก์ ารท�ำ งานสูญหาย กระทบต่อสภาพ
สังคม
วัฒนธรรม การดำ�เนินชีวิต รวมทั้งมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ประสบภัย ทั้ง ๆ ที่ภัยพิบัติ
เกดิ ขน้ึ ไดท้ ง้ั ในประเทศร�ำ่ รวยพอ ๆ กบั ประเทศยากจน แตค่ วามหายนะทเ่ี กดิ กบั คนในประเทศ
ยากจนสงู กว่ามาก ทัง้ นีเ้ นื่องจากประเทศยากจนขาดแคลนระบบปอ้ งกนั เตือนภยั เครื่องมือ
ชว่ ยเหลอื ทร่ี วดเรว็ ทนั สมยั อปุ กรณท์ างการแพทย์ รวมทง้ั แผนการเตรยี มการฉกุ เฉนิ ทเ่ี พยี บพรอ้ ม
ร่วมกับการสื่อสารและการขนส่งที่รวดเร็ว รวมทั้งสภาพปัญหาแวดล้อมของประเทศยากจน
ไมม่ ั่นคงอยกู่ ่อน เชน่ ถนน เขอ่ื น บ้าน สุขภาพ อาหาร ส้วม ท่ไี มไ่ ด้มาตรฐาน ท�ำ ใหค้ นรู้สกึ
ไมป่ ลอดภยั และไดร้ บั ผลกระทบในเรอ่ื งโรคระบาด การขาดอาหารสงู มากและสว่ นหนง่ึ มาจาก
อุบตั ภิ ยั สึนามิที่เกิดกับ 6 จงั หวดั ภาคใต้ ในวนั ที่ 26 ธนั วาคม พ.ศ. 2547
พายุไซโคลนนารก์ สิ ถลม่ ประเทศพม่า เม่ือวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
แผ่นดนิ ไหวในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เม่ือวันท่ี 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
มหาอุทกุ ภัยในประเทศไทยเมอ่ื พ.ศ. 2554
เปน็ กรณศี กึ ษาทม่ี คี วามส�ำ คญั ยง่ิ ส�ำ หรบั ทกุ คน ซง่ึ ทกุ ฝา่ ยตอ้ งเรยี นรแู้ ละพฒั นาขดี ความสามารถ
ในการใหค้ วามช่วยเหลอื ส�ำ หรบั ปัญหาอบุ ัตภิ ัยทอี่ าจเกดิ ขนึ้ อกี ในอนาคต
เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้นแต่ละครั้ง ก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อร่างกาย
จติ ใจ สภาพแวดลอ้ ม ตลอดจนประเทศชาติ ความเสยี หายและผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ จะมากหรอื
นอ้ ยข้ึนอยูก่ บั ความรนุ แรงของภยั พิบตั ิน้นั อกี ทงั้ ยังข้นึ อยกู่ บั การเตรียมพรอ้ มรับภัยพบิ ัตดิ ว้ ย
189
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
ผลกระทบของภัยพบิ ัตติ ่อคนในชมุ ชน
ผ้ปู ระสบภัย นอกจากจะเป็นผูส้ ญู เสยี ชีวิต คนรัก ทรัพยส์ ิน ที่พกั อาศัย เครอื่ งมือทำ�
มาหากนิ และได้รับบาดเจ็บทางร่างกายแล้ว ยงั มภี าวะทางจติ ใจทเ่ี กดิ ขน้ึ ในตวั ผปู้ ระสบภยั ดว้ ย
ครอบครวั และชมุ ชน วถิ ชี วี ติ ในชมุ ชนเปน็ สง่ิ ท่ี
พัฒนามานานประกอบด้วยความรัก ความผูกพัน
ความช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นวัฒนธรรม
ประเพณใี นการใชช้ วี ติ รว่ มกนั ของคนในชมุ ชน ถา่ ยทอด
จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ถือว่าเป็นเกราะป้องกันที่
สำ�คัญแก่คนในชุมชนนั้น ๆ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น เช่น
กรณีสึนามิ ใชเ้ วลาไมน่ านแตท่ �ำ ลายวถิ ชี วี ติ ของชมุ ชน
อย่างรวดเร็ว ผู้คนกระจัดกระจาย แยกตัว สับสน และต่างคนต้องเอาตัวเองให้อยู่รอด
วัฒนธรรมประเพณีของชุมชนถูกทำ�ลายสิ้นในพริบตา การพลัดพรากจากคนและของที่รัก
ขาดที่อยู่ สูญเสียทรัพย์สิน ตกงาน ขาดรายได้ ฯลฯ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวบุคคล
ครอบครัวและสังคมอย่างรุนแรง และยาวนาน ทำ�ให้พบการหย่าร้างเพิ่มขึ้น ในบ้านมี
ความก้าวร้าว คนหงุดหงิด ซึมเศร้า เด็กถูกทำ�ร้าย เด็กขาดเรียน ขาดทรัพยากรทุกรูป
แบบ
และมักได้รับความช่วยเหลือที่ไม่ตรงตามความต้องการเฉพาะตัว
เมอ่ื หนว่ ยชว่ ยเหลอื ทห่ี ลง่ั ไหลเขา้ มาชว่ ยในรปู แบบตา่ ง ๆ กนั ซง่ึ อาจชว่ ยเหลอื ได้
จรงิ
หรอื อาจเป็นตวั สรา้ งความยงุ่ ยากใหก้ บั คนในชุมชนเพ่มิ ขึน้ เช่น มีระบบ วิธกี ารทีซ่ ับซ้อนและ
ไรส้ มรรถภาพในการแกป้ ญั หา ทมี่ ีอยู่ เช่น เร่ืองทพี่ กั เคร่ืองมอื ท�ำ กิน พน้ื ทีส่ ิทธต์ิ ามกฎหมาย
ผู้ชว่ ยเหลือในชมุ ชน ในสภาพหลังเกิดภัยพิบัติ จะมีคนตาย ผู้บาดเจ็บ ผู้หลงทาง
ถูกพลัดพรากจากกันมากมาย เป็นสภาพที่กดดันทางอารมณ์ สภาพแวดล้อมเกือบทุกแห่งใน
พน้ื ท่เี กิดเหตจุ ะย่งุ เหยงิ ผู้ช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภัยท่ที ำ�งานในชมุ ชนท�ำ งานหนักเกนิ ก�ำ ลัง โดยที่
ขาดระบบบรหิ ารงานทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ จะท�ำ ใหเ้ กดิ ความผดิ พลาด ซ�ำ้ ซอ้ นสบั สน วนุ่ วาย รวม
ทง้ั
ต้องเผชิญหน้ากบั ทมี ชว่ ยเหลือที่หลากหลายรูปแบบที่หลงั่ ไหลเข้ามาในพนื้ ที่ และหลากหลาย
ความตอ้ งการท่เี รยี กร้องเอาจากคนในพ้ืนที่
จงึ พบว่าผูช้ ่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ในพื้นท่ี เช่น เจ้าหน้าท่ี ครู ประชาชนในจังหวดั ตอ้ ง
ท�ำ งานหนกั พกั ผอ่ นไมพ่ อ จติ ใจหวน่ั ไหว ซมึ เศรา้ ทอ้ แท้ เครยี ด วติ กกงั วล พบพฤตกิ รรมแยก
ตวั
กา้ วรา้ ว รสู้ กึ ไมป่ ลอดภยั และมปี ญั หาสขุ ภาพไดง้ า่ ย สมาธแิ ละความสนใจตอ่ สง่ิ ตา่ ง ๆ ลดลง
190
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ปฏิกริ ยิ าของผปู้ ระสบภัยหลงั เกิดภยั พบิ ัติ
นอกจากจะเปน็ ผู้สญู เสียชีวติ คนรัก ทรัพยส์ ิน ท่พี กั อาศยั เครื่องมอื ทำ�มาหากนิ และ
ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายแล้ว ยังมีภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นในตัวผู้ประสบภัย ซึ่งแบ่งออก
เป็น 4 ระยะคอื
ระยะที่ 1 ตงั้ แตห่ ลังเกิดเหตกุ ารณจ์ นถึง 14 วนั แรก ระยะแรกจะเป็นช่วงที่คนทั่วไป
อยู่ในภาวะตื่นตระหนก ตกใจ เฉยเมย ไม่ยินดียินร้าย มึนชา เหมือนอยู่ในความฝัน ไม่เชื่อ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าสามารถทำ�ลายชีวิตและทรัพย์สินมากมาย จากนั้นจะเป็นช่วงที่หลายคน
ร่วมกันทำ�งานเป็นอย่างดี ให้ความใส่ใจและเต็มใจในการช่วยชีวิต ช่วยเหลือคนอื่นและดูแล
ทรัพย์สินของตนเอง เปน็ ผลใหเ้ กิดการใชพ้ ลังงานอยา่ งมากและตนื่ ตวั
ระยะที่ 2 อยใู่ นช่วง 2 - 6 สัปดาห์ ผปู้ ระสบภัยไดร้ ับการดแู ลอย่างดีจากรฐั บาลและ
องค์กรเอกชนมากมายทั้งตรงและไม่ตรงกับความต้องการ แต่ก็ทำ�ให้มองเห็นโอกาสในการ
สรา้ งชวี ติ และสรา้ งฐานะขน้ึ มาใหม่ มจี นิ ตนาการในการสรา้ งอนาคตใหมอ่ ยา่ งสวยงามถงึ แมว้ า่
จะอยูใ่ นสถานการณท์ ีส่ ญู เสยี มากมาย
ระยะท่ี 3 เป็นภาวะท่มี องเหน็ ตามความเปน็ จรงิ เกิดข้ึนในชว่ งกลางมรี ะยะเวลานาน
ตั้งแต่ 2 เดือนถึง 1 ปี หรือนานกว่า ผู้ประสบภัยจะมองเห็นว่าความช่วยเหลือและการกลับ
คืนสภาพแบบเดิมล่าช้า เกิดความล้มเหลวซ้ำ�ซากและเริ่มมองเห็นความเป็นจริงในการสร้าง
ตัวเองใหม่ในวถิ ีทางท่ีพ่ึงตนเองมากท่ีสุด ค้นพบความเขม้ แข็งในตนเอง หลุดจากภาพลวงตา
และความหวงั ทจ่ี ะพงึ่ คนอืน่
ระยะท่ี 4 เปน็ ภาวะที่กลบั มาสคู่ วามปกตสิ ุขอีกคร้ัง ทั้งในส่วนของบุคคลและชุมชน
ระยะนีใ้ ชเ้ วลาหลายปี
จากทั้ง 4 ระยะที่กล่าวมา ผู้ประสบภัยต้องทำ�งานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ จิตใจ
หวั่นไหวซึมเศร้า ท้อแท้ เครียด วิตกกังวล พบพฤติกรรมแยกตัว ก้าวร้าว รู้สึกไม่ปลอดภัย
และมีปัญหาสุขภาพได้ง่าย สมาธิและความสนใจต่อคนรอบข้างลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ
เด็กและวยั รนุ่ ท่อี ย่ใู นบา้ นเดียวกันได้ง่าย
ผลกระทบดา้ นสาธารณสุข
ผู้ประสบภัย ได้รับผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ความพิการหรือทุพพลภาพ
บาดเจ็บตั้งแต่เล็กน้อยถึงสาหัส หากภัยที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรง ก็จะทำ�ให้เกิดความพิการ ส่งผล
ต่อครอบครัวที่จะต้องดูแลผู้พิการทำ�ให้สูญเสียทางเศรษฐกิจในระยะยาวส่วนด้านจิตใจได้
รับความกระทบกระเทือน ตกใจ หวาดผวา เสียใจ วิตก กังวล จากการสูญเสียสิ่งที่ตนรัก
เกิดความเครยี ด จิตใจอ่อนลา้ ทอ้ ถอยหรือบางรายอาจใช้กลไกทางจิตในการเผชิญปัญหาที่
ไม่เหมาะสมอนื่ ๆ ขึ้นกับพื้นฐานทางจิตใจและลักษณะนิสัยของบุคคลนั้น ๆ ซงึ่ เป็นสาเหตุ
น�ำ ไปส่กู ารเป็นโรคจิตได้
191
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
ระบบบริการสุขภาพ สถานบริการสุขภาพอยู่ในพื้นที่หรืออยู่ใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ
ได้รับผลกระทบขาดประสิทธิภาพ บุคลากร และ/หรืออุปกรณ์ไม่มีความพร้อมที่จะให้บริการ
เปน็ ปจั จยั ส�ำ คญั ทเ่ี พม่ิ ความรนุ แรงของปญั หา ในทางตรงขา้ มถงึ แมร้ ะบบบรกิ ารสขุ ภาพดี แต่
หาก
สาธารณภัยมีขนาดใหญ่ มีความรุนแรงมาก บุคลากรอาจไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มกำ�ลัง
เนื่องจากความเครียด ความเหนื่อยล้า รวมไปถึงบุคลากรที่มีทักษะและประสบการณ์การรับ
สาธารณภยั หมมู่ จี �ำ กดั ท�ำ ใหก้ ารบรกิ ารตา่ ง ๆ ทจ่ี �ำ เปน็ ในชว่ งนน้ั ดอ้ ยประสทิ ธภิ าพลงไดเ้ ชน่ กนั
ดังตัวอย่าง เมื่อเกิดสึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ ทำ�ให้การบริการด้านสุขภาพไม่เพียงพอ
จะใหบ้ รกิ าร เพราะเปน็ สาธารณภยั ขนาดใหญ่ ทรพั ยากรมจี �ำ กดั ท�ำ ใหก้ ารบรกิ ารไมค่ รอบคลมุ
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
ผู้ประสบภัยสูญเสียทรัพย์สิน อาชีพ แหล่งประกอบอาชีพ เช่น พื้นที่การเกษตร
ร้านค้า โรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า สาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นต้น และ/หรือที่พักอาศัย
ถกู ทำ�ลาย ไมส่ ามารถด�ำ เนนิ กจิ การหรอื ประกอบอาชีพไดห้ รอื ทำ�ใหผ้ ลผลิตลดลงขาดรายได้
ประเทศชาติต้องจัดสรรงบประมาณเพ่ือบรรเทาสาธารณภัย กู้ภัยและควบคุมภัย
ใหเ้ ขา้ สภู่ าวะปกติ ท�ำ ให้ต้องสูญเสียงบประมาณเพม่ิ ข้นึ ในขณะที่รายไดจ้ ากผลผลิตไม่มีหรอื
ลดต่ำ�ลง ตลอดจนเพื่อการฟื้นฟูบูรณะสิ่งที่เสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม เช่น การขจัดสิ่ง
ปรักหักพัง การฟื้นฟูแหล่งทำ�มาหากิน การซ่อมแซมสาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงต้อง
เพิ่มงบประมาณเข้าไปในระบบเศรษฐกิจและการบริการ
ผลกระทบดา้ นสงั คมการเมืองและการปกครอง
สงั คมสบั สนวนุ่ วาย อาจเกดิ ความขดั แยง้ ใน
กลมุ่
ผู้ประสบภัยเนื่องจากการแก่งแย่งสิ่งของบรรเทาทุกข์
หรอื แหลง่ ประโยชน์ ความคดิ เหน็ ในการบรรเทาภยั หรอื
การกภู้ ยั ไมต่ รงกนั การเหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นตวั ในกรณี
ความขัดแย้งเรื่องขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรมต่าง ๆ ข้นึ ได้ ในกรณีท่สี ินคา้
ขาดแคลน
ผลกระทบด้านสาธารณูปโภคการคมนาคมขนส่ง
เช่น การประปา การไฟฟ้าและพลังงานอื่น ๆ รวมถึงการคมนาคมขนส่งถูกทำ�ลาย
หรือถูกตัดขาดทำ�ให้เป็นอุปสรรคต่อการบรรเทาภัยและการกู้ภัยซึ่งอาจส่งผลให้สาธารณภัย
นน้ั ๆ มขี นาดใหญแ่ ละความรนุ แรงมากขน้ึ ได้ ตลอดจนการขนสง่ สนิ คา้ ประเภทเครอ่ื งอปุ โภค
บริโภคที่จำ�เป็นไม่สามารถกระทำ�ได้ อาจก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลน ส่งผลกระทบต่อ
192 เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด
ผลกระทบด้านส่ิงแวดลอ้ ม
ระบบนิเวศน์ถูกทำ�ลายหรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมดลุ ก่อให้เกิดปัญหาลูกโซ่ตามมาอีก
มากมาย กระทบต่อการดำ�รงชีวิตอย่างปกติสุขของมนุษย์ รวมทั้งสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่
ใน
บรเิ วณนนั้ เช่น ผลจากการเกดิ สนึ ามิ การท�ำ อาชพี ประมงไดผ้ ลลดลง และบางครัง้ ส่ิงแวดล้อม
นั้น ๆ อาจกลายเปน็ แหล่งเอื้อตอ่ การแพร่ระบาดของโรคได้ เชน่ เมื่อมกี ารปนเป้อื นสิ่งสกปรก
ต่าง ๆ ลงในนำ้� จะเหน็ ไดว้ า่ ภยั พบิ ัติท้งั หลายคือกระบวนท่ที ำ�ลายทรัพยากรธรรมชาติทม่ี ีอยู่
เชน่ ไฟไหมป้ า่ นอกจากจะท�ำ ลายปา่ ไมแ้ ลว้ ยงั สง่ ผลกระทบตอ่ ระบบทางเดนิ หายใจของมนษุ ย์
การเตรยี มพรอ้ มรับภยั พบิ ัติ
ภารกิจหน่วยงานสภากาชาดและหน่วยงานภาคภาคใี นการจดั การภยั พบิ ัติ
หน่วยงานของสภากาชาดในการจดั การภยั พิบตั ิ
สภากาชาดไทย ได้ดำ�ริจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภัยพิบัติสภากาชาดไทยขึ้นเพื่อทำ�
หน้าที่เป็นศูนย์อำ�นวยการบรรเทาทุกข์ ทำ�หน้าที่ควบคุม กำ�กับดูแล สั่งการและประสานงาน
หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ตลอดจนเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารตดิ ตามสถานการณ์ ดา้ นภยั พบิ ตั ิ การเตอื น
ภยั
ทั้งก่อนและขณะเกิดภัยพิบัติรวมถึงการฟื้นฟูช่วยเหลือ โดยวางเป้าหมายเบื้องต้นให้เป็นศูนย์
ที่มีความพร้อมด้านข้อมูลข่าวสารภัยพิบัติและข้อมูลการปฏิบัติงานบรรเทาทุกข์ จึงกำ�หนด
วัตถปุ ระสงค์ไว้ ดังน้ี
เพื่อพัฒนาระบบข้อมูลสำ�หรับการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติในส่วนของ
สภากาชาดไทย กำ�หนดชนิดและวิธีการได้มาซึ่งข้อมูลจากทั้งภายในและภายนอกสำ�นักงาน
บริหารจดั การตดิ ตาม ตรวจสอบขอ้ มูล ตลอดจนกระจายข้อมลู ท้ังการเตือนภยั ขณะเกดิ ภัย
และเม่ือภัยพบิ ตั ิส้ินสดุ
เพ่ือพัฒนาระบบข้อมูลที่ใช้ในการปฏิบัติงานเม่ือเกิดภัยพิบัติขึ้นซึ่งจะทำ�ให้
การด�ำ เนินงานบรรเทาทกุ ขเ์ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและหน่วยงานท่ีออกปฏิบัติงานในพื้นท่ี
ประสบภัยสามารถตดิ ตอ่ สอบถามข้อมลู ไดใ้ นระหว่างปฏบิ ัตงิ าน
เพื่อพัฒนาวิธีการประสานงาน การบัญชาการสำ�หรับหน่วยงานที่เป็นฝ่าย
กระบวนการในการทำ�งานของศูนยป์ ฏิบัติการภัยพบิ ัติ แบง่ เป็น 2 ส่วน ดังน้ี
ภาวะปกติ แจง้ ขา่ วเตอื นภยั และเหตภุ ยั พบิ ตั ิ แบบ Real time พรอ้ มประเมนิ
สถานการณ์
ประจำ�วัน จดั ท�ำ ฐานข้อมลู ภัยพิบัติ ขอ้ มลู สถติ ิ จัดหาข้อมูลตามทร่ี ้องขอ ประสานงานขอ้ มูล
เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานบรรเทาทุกข์ เพิ่มเมนูการใช้งาน Update ข้อมูล ปรับปรุงเนื้อหา
193
ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ