The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือวิทยากรยุวกาชาด สำหรับการอมรมอาสายุวกาชาดหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tawatchai.noom.6837, 2022-03-19 13:31:31

คู่มือวิทยากรยุวกาชาด สำหรับการอมรมอาสายุวกาชาดหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด

คู่มือวิทยากรยุวกาชาด สำหรับการอมรมอาสายุวกาชาดหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด

Keywords: วิทยากร,อาสายุวกาชาด,พื้นฐานยุวกาชาด

ภาวะฉุกเฉิน เมื่อเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่จะกลายเป็น Operation room มีการตั้ง
ศนู ย์บญั ชาการขึ้น โดยมผี บู้ รหิ ารและหวั หนา้ ฝา่ ย ทง้ั ในส�ำ นกั งานบรรเทาทกุ ขแ์ ละประชานามยั
พทิ กั ษ์ และส�ำ นกั งานอน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งมานง่ั ประจ�ำ ทศ่ี นู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารภยั พบิ ตั ิ เพอ่ื ประชมุ สถานการณ์
และสั่งการ โดยศูนย์ปฏิบัติการภัยพิบัติทำ�หน้าที่อำ�นวยความสะดวกในเรื่องข้อมูลที่ต้องการ
พร้อมรวบรวมและบันทึกข้อมูลสถานการณ์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจโดยใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเขา้ มาบริหารจัดการ เพื่อสะดวกในการสืบค้นสามารถติดต่อได้ท่ี
[email protected] หรอื ทวีตพร้อมกับใส่แท็ก #thairedcross
หนว่ ยงานภาคภาคีในการจดั การภัยพบิ ตั ิ
ประเทศไทย มีพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522 กำ�หนดให้
คณะกรรมการปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรอื นแหง่ ชาติ เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบนโยบาย ผอู้ �ำ นวยการปอ้ งกนั ภยั
ฝา่ ยพลเรอื นระดบั ตา่ ง ๆ เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบน�ำ นโยบายไปปฏบิ ตั ิ โดยมสี �ำ นกั เลขาธกิ ารปอ้ งกนั ภยั
ฝา่ ยพลเรอื นหรอื กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั กระทรวงมหาดไทยรบั ผดิ ชอบงานธรุ การ
และเปน็ กองอ�ำ นวยการของรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผอู้ �ำ นวยการปอ้ งกนั ภยั
ฝา่ ยพลเรอื นแหง่ ราชอาณาจกั ร มีภารกิจกำ�หนดนโยบาย ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการปฏบิ ัติ
ตามนโยบาย ประสานแผนของส่วนราชการ และองคก์ รตา่ ง ๆ เพือ่ แปลงนโยบายส่กู าร
ปฏบิ ตั ิ
อย่างเป็นรูปธรรม และรับผิดชอบการปฏิบัติในภาพรวมของประเทศ จึงเป็นองค์กรปฏิบัติ
ระดับชาติ ประกอบด้วย 4 ระดับ คือ ระดับชาติ ระดับภาค ระดับจังหวัดและระดับพื้นที่
ไดแ้ ก่ อ�ำ เภอ กง่ิ อ�ำ เภอ เทศบาล และเมอื งพทั ยา (ตามผงั การจดั องคก์ รปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรอื น)
ขณะนี้ แผนปอ้ งกันภยั ฝา่ ยพลเรือนแหง่ ชาติ พ.ศ. 2558 เปน็ แผนล่าสุด ประกอบ
ด้วย
ภาคการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั และภาคการปอ้ งกนั ภัยฝา่ ยพลเรอื นดา้ นความม่นั คง
ภาคการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ซึ่งเป็นการทบทวนและปรับปรุงแผนฉบับก่อนให้สอดคล้องกับ
สถานการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ อย่างเป็นระบบตามลักษณะความเสี่ยงภัย
ทง้ั ชว่ งกอ่ น ขณะ และหลงั เกดิ ภยั โดยทห่ี นว่ ยงานภาครฐั ภาคเอกชน องคก์ าร มลู นธิ กิ าร
กศุ ล
และประชาชน ได้ทราบและเข้าใจ ตลอดจนมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการ
พัฒนา
ประเทศอย่างยั่งยืน การสูญเสียทรัพยากรของประเทศ เป็นสาเหตุสำ�คัญของความล่าช้า
ใน
การพฒั นาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาวะที่ทรัพยากรด้านการพัฒนามีขีดจำ�กัด
การบริหารจัดการภัยพิบัติจึงเน้นการป้องกัน การมีส่วนร่วมแบบบูรณาการของ

194

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

ความเสี่ยง (Risk) หมายถึง โอกาสหรือความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
จะเกิดขึ้นในอนาคตและนำ�มาซึ่งผลกระทบทางลบต่าง ๆ ต่อวิถีชีวิตของชุมชนและหรือ
ทรพั ยส์ ิน เชน่ การตาย การบาดเจบ็ ความสญู เสยี และภยั อันตราย ฯลฯ
การปอ้ งกนั ภัย (Prevention) เป็นการจัดระบบการปฏิบตั ิการ เพ่อื ชะลอเหตุภัยพิบตั ิ
ทจี่ ะเกิดขึ้นและป้องกันไมใ่ ห้เหตุภยั พบิ ัติ ทำ�ความเสยี หายใหแ้ กช่ ุมชน เชน่ กำ�หนดมาตรฐาน
ความปลอดภัยต่าง ๆ ก�ำ หนดมาตรการควบคุมต่าง ๆ ก�ำ หนดมาตรฐานการใช้ทีด่ นิ และจัด
แผนการกระจายทรพั ยากร จดั เตรยี มสง่ิ ทเ่ี ปน็ ปจั จยั พน้ื ฐาน เชน่ เวชศาสตรป์ อ้ งกนั ใหค้ วามรู้
เก่ยี วกับการป้องกนั ภัยต่าง ๆ เช่อื มโยงกับกิจกรรมทางด้านการพฒั นาต่าง ๆ
การบรรเทาภัยพบิ ัติ (Mitigation) ใชป้ ฏบิ ตั เิ พอ่ื ลดความรนุ แรงและลดผลกระทบของ
ภยั พบิ ตั ทิ ส่ี รา้ งความเสยี หาย ซง่ึ มที ง้ั มาตรการทเ่ี ปน็ สง่ิ กอ่ สรา้ งและไมใ่ ชส่ ง่ิ กอ่ สรา้ ง มาตรการ
บรรเทาภัยพิบัติแบบเน้นสิ่งก่อสร้าง เช่น การสร้างเขื่อน ฝาย กำ�แพงกั้นน้ำ� การขุดลอก
การออกแบบอาคารทป่ี ลอดภยั มาตรการบรรเทาภยั พบิ ตั แิ บบไมเ่ นน้ สง่ิ กอ่ สรา้ ง เชน่ การสรา้ ง
จิตส�ำ นึกใหค้ วามรู้แกป่ ระชาชน การศกึ ษา การฝึกอบรม การถ่ายโอนเทคโนโลยใี นการ
จัดการ
ภัยพิบัติ การจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครต่าง ๆ การจัดตั้งคณะกรรมการ ปภ. ชุมชน หมู่บ้าน

การ(บMรiรtiเgทaาtภioัยnพ)ิบัติ

การบรรเทาภยั ไดบ้ า้ งดีกวา่ วางเฉย ปล่อยตาม

195

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

การเตรียมความพร้อม (Preparedness) เป็นมาตรการที่มีแผนตั้งรับภัยพิบัติเป็น
การลว่ งหนา้ เพ่ือให้มกี ารจัดการปฏิบัตงิ านที่เหมาะสม เปา้ หมายคือการควบคมุ ความรุนแรง
ของภยั พบิ ตั โิ ดยวางแผนปฏบิ ตั กิ ารทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ การประเมนิ ความเสย่ี ง การวางแผนจดั การ
ภัยพิบัติด้านต่าง ๆ เช่น แผนการอพยพคน แผนการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ แนวการฝึก
อบรม การฝกึ ซอ้ ม การเตรยี มรับมอื ใหช้ มุ ชน การฝกึ จ�ำ ลองสถานการณ์ การต้งั หนว่ ยงานขึ้น
ดูแลควบคุมในเรอ่ื งตา่ ง ๆ การจัดตั้งระบบสื่อสารฉุกเฉิน การจัดหาวัสดุอุปกรณ์บรรเทา
ทุกข์

เม่ือใด ภยั จะเปล่ียนเป็น ภัยพิบัติ
ภยั x ความล่อแหลม = ความเส่ียงตอ่ ภัยพิบตั ิ
ศกั ยภาพของชมุ ชน

วงจรของการจดั การภัยพบิ ตั เิ ชงิ รุก (Proactive Approach Circle)

วงจรของการจัดการภัยพบิ ัติเชงิ รุก
(Proactive Approach Circle)

การHลaดzภaัยrdพิบaัตnแิdลRะiกskารRลeดdคucวาtiมoเnสย่ี ง

Rehabili กTaาtรioฟnน้ื ฟanแู dละRบeรู cณoะnstruction กVาuรlnปeรrะaเมbiินltคy วaาnมdล่อHแaหzaลrมdแAละssกeาsรSเmกิดeภnยัt

การปDรaะmเมaนิ gคeวaาnมdเสNียหeeายdแs ลAะsคseวsาsมmตe้อnงtการ การPปrอ้eงvกeนัntแioลnะลaดnผdลMกรitะigทaบtขioอnงภยั

การชR่วeยscเหuลeอื aแnลdะบRรeรliเeทfาภัย DISASภTัยERพิบIMัตPิ ACT การPเตreรpยี aมrคeวdาnมeพssรอ้ ม

กิจกรรมหลงั เกดิ ภัยพบิ ตั ิ กิจกรรมกอ่ นเกดิ ภยั พบิ ัติ

196

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

ใครบา้ งที่เกี่ยวข้องกับการจดั การภยั พบิ ัติ

ใครมีหนา้ ทอี่ ะไร ทำ�ทไี่ หน ทำ�อย่างไร กบั ใคร กอ่ นหลัง
ห้วงเวลาของการจดั การภัยพบิ ตั ิของผู้เกยี่ วข้อง

หว้ งเวลาของการจดั การภยั พิบัตของผเู้ ก่ียวข้อง

จะลงมือท�ำ กนั ตอนไหน

197

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

ROAD MAP ของการจัดการภัยพิบัติ
โดยนำ�ความรู้และแนวทาง CBDM และแนวทางต่อสู้ภัยต่าง ๆ เข้าใน
หลักสูตรนกั เรยี น นักศึกษา ทุกระดับช้นั
การสรา้ งและขยายความรู้จัดการภัยสู่ชุมชน หมู่บ้านโดยทีวี วิทยุ เอกสาร
เผยแพรอ่ ยา่ งกว้างขวางตอ่ เนือ่ ง
การปฏิบตั ิแบบ Multi - Level หลากหลายระดบั ทง้ั แนวตง้ั แนวนอนพรอ้ ม ๆ
กันเชอ่ื มโยงกัน
ประชาชนทุกคนต้องถือเป็นหน้าที่พลเมืองในการเตรียมความพร้อมของ
ครอบครัวและรว่ มกบั ชมุ ชนตอ่ สู้ภัยเบอื้ งต้น โดยไม่รอความช่วยเหลอื จากภายนอก
การจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน
ชุมชนเป็นผู้เสี่ยงภัยและรับผลกระทบโดยตรงจากภัยที่เกิดขึ้น จึงต้องสู้ดิ้นรนอย่าง
สุดกำ�ลัง เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป และมีความสูญเสียน้อยที่สุด เป็นการบริหารจัดการ
ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้เพราะไม่มีใครเข้าใจเกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย ปญั หา อปุ สรรค
โอกาสและลู่ทางต่าง ๆ ของชุมชนดีเท่าคนในชุมชนเอง ดังนั้นคนในชุมชนจึงต้องมีส่วนร่วม
หรืออาจเป็นหลักในการจัดการภัยพิบัติของชุมชนในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ การจัดตั้งองค์กร
จัดการภยั พบิ ตั โิ ดยอาศยั ชมุ ชน หมบู่ า้ น เรยี กวา่ คณะกรรมการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั
หมู่บ้าน (ปภ.)
เปา้ หมายของการจัดการกับภยั พบิ ัตโิ ดยใช้ชุมชนเป็นฐาน มเี ป้าหมาย 3 ประการ คือ
1. ลดความล่อแหลมเสี่ยงภัยของชมุ ชนตอ่ ภยั พบิ ัติ
2. เพ่มิ ขีดความสามารถ ศักยภาพของชุมชน
3. ใหเ้ กิดสภาพการอยูอ่ าศยั ทป่ี ลอดภยั เกิดการพัฒนาที่ยงั่ ยนื ในชมุ ชนเสี่ยงภัย
การมสี ่วนร่วมอาสาสมคั รและประชาชน
1. ขอสมัครเข้าอบรมเป็นอาสาสมัคร หรือสมัครเข้าฝึกอบรมทบทวน หรือเข้ารับ
การอบรมเพิ่มขีดความสามารถเฉพาะด้าน เพื่อเป็นส่วนสำ�คัญในการร่วมดำ�เนินงานจัดการ
สาธารณภยั ของชุมชน
2. เข้ามสี ว่ นรว่ มเปน็ คณะกรรมการ ปภ. ชมุ ชน หรอื กรรมการฝา่ ยตา่ ง ๆ เพอ่ื มสี ว่ น
รว่ ม
ในงานจัดการสาธารณภัยโดยอาศัยชุมชนเป็นฐานเชิงเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการมี
สว่ นรว่ มของประชาชนในทุกข้นั ตอน
3. รว่ มสนบั สนนุ ทนุ ทรพั ย์ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ รงงาน ฯลฯ ใหค้ ณะกรรมการ ปภ. ของชมุ ชน
เสย่ี งภัย
4. ร่วมให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำ�เนินงานของ

198

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

5. เผยแพรแ่ นวความคดิ ความรใู้ นการจดั การสาธารณภยั และภยั พบิ ตั ิ โดยใชป้ ระชาชน
เป็นศูนย์กลาง เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในจัดการภัยให้ขยายกว้างออกไป โดยเฉพาะใน
หมเู่ ยาวชน ซง่ึ จะเตบิ โตเป็นผูใ้ หญใ่ นอนาคต
6. ร่วมรณรงค์ รวบรวมงบประมาณเครือ่ งมอื เครอ่ื งใช้ วัสดุอุปกรณต์ า่ ง ๆ ซึ่งตอ้ งใช้
ในการจดั การภัยพบิ ัติ สนบั สนุนชมุ ชนเส่ยี งภยั
อาสาสมคั รช่วยจัดการภัยพิบัตโิ ดยอาศยั ชุมชนเป็นฐานได้อยา่ งไร
ก่อนเกดิ เหตุ มีแผนชมุ ชน รว่ มเป็นคณะกรรมการ ปภ. ชมุ ชน
เตรียมความพรอ้ ม กำ�ลงั คน อุปกรณ์ สถานที่ เครอ่ื งมอื จติ ใจ
มที ีมเฝา้ ระวงั เหตตุ อ้ งเตือนภยั ได้
ประสานงาน กบั ผูร้ ว่ มงาน หน่วยงานเครือข่ายต่าง ๆ
ขณะเกดิ เหตุ ทันเวลา มที มี งาน และพร้อมใหก้ ารช่วยเหลอื
ในเหตกุ ารณ์วกิ ฤตได้ ทันทว่ งที
รักษาชีวติ ช่วยชีวติ ผปู้ ระสบภัยเปน็ อนั ดบั แรก
หลังเกดิ เหต ุ ฟ้นื ฟจู ิตใจ ใหค้ วามเหน็ ใจ ไมซ่ �ำ้ เติมผ้ปู ระสบภยั
ทุกครวั เรอื นต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉนิ
1. เราควบคุมธรรมชาติ ปอ้ งกนั การโจมตฉี บั พลนั หา้ มเหตกุ ารณฉ์ กุ เฉนิ ไมไ่ ด้ แตเ่ รา
สามารถเตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื ปกปอ้ งตวั เราและครอบครวั ไดโ้ ดย
เรียนร้โู อกาสและลักษณะภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิด แนวทางการแจ้งเตือนภัย
แนวทางการปฏบิ ัติงาน
มีแผนเผชิญภยั ฉกุ เฉินของครวั เรือน
เตรียมอุปกรณเ์ ครื่องใช้รบั สถานการณ์ภัย ยามฉุกเฉิน
เรยี นรู้ เข้าใจ สญั ญาณการแจง้ เตือนภัยทจี่ ะใช้ในยามฉุกเฉนิ
2. จดั ท�ำ แผนรับภาวะภัยพิบตั ิขณะอยู่นอกบา้ น ในบา้ น
3. จัดเตรียมชุดอปุ กรณ์เคร่อื งใชร้ บั ภาวะฉกุ เฉนิ ประจำ�บ้าน/ประจำ�รถยนต์
4. แนวทางการเตรียมรับภยั ของประชาชนกลมุ่ พิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ
5. แผนเตรยี มพรอ้ มของครวั เรอื น อปุ กรณ์เคร่ืองใชร้ บั เหตฉุ ุกเฉนิ
6. แบบฟอรม์ ระบุขอ้ มูลส�ำ คญั ๆ สำ�หรับสมาชิกครอบครัว ตดิ ประจ�ำ ไว้
7. คดิ อยูเ่ สมอวา่ หลงั เกดิ ภยั ควรท�ำ อยา่ งไร

199

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

การจดั ถงุ ด�ำ รงชพี ประจำ�บา้ น (ส่ิงของจำ�เป็น เพอ่ื เอาชวี ิตรอด)
การเตรียมพร้อมขั้นพื้นฐาน ทุกบ้านควรจัดถุงดำ�รงชีพประจำ�บ้านให้เสมือนเป็นตู้ยา
สามัญประจำ�บ้าน เพื่อใช้ดำ�รงชีวิตของทุกคนในครอบครัวได้สัก 3 - 7 วัน เพื่อรอหน่วยงาน
กภู้ ยั เขา้ มาใหค้ วามชว่ ยเหลอื และอพยพออกนอกพน้ื ทภ่ี ยั พบิ ตั ิ จะบรรจสุ ง่ิ ของอะไรลงในถงุ
ยงั ชพี
บ้างก็ขึ้นอยู่กับความจำ�เป็นของแต่ละครอบครัว แต่อย่าลืมว่าต้องคล่องตัวไม่ใช่ใส่ของมาก
สิง่ ของพ้นื ฐานคอื สิ่งจำ�เปน็ เพื่อเอาชวี ติ รอด มดี ังนี้
1. อาหารกระป๋องท่สี ามารถเปดิ ฝารับประทานไดเ้ ลยกรณที ี่ไมม่ ไี ฟและแกส๊
2. ยารักษาโรค อุปกรณท์ �ำ แผล เพ่อื ใชป้ ฐมพยาบาลเบอื้ งต้นหากบาดเจบ็
3. น�ำ้ สะอาดส�ำ หรบั ดื่มท่เี พยี งพอสำ�หรบั สมาชิกในครอบครัว
4. ไมข้ ดี หรอื ไฟแชค็ สำ�หรบั จดุ ไฟ
5. นกหวดี ใช้เปา่ ขอความช่วยเหลอื หากเราบาดเจบ็ และติดอยู่ในพ้ืนทีอ่ นั ตราย
6. เชอื กส�ำ หรบั ผกู มดั สง่ิ ตา่ ง ๆ หรอื ใชส้ ำ�หรับคล้องตวั ป้องกนั น�้ำ พัดพา
7. ไฟฉายพร้อมถา่ นไฟฉาย เพอ่ื ใหแ้ สงสวา่ งในเวลากลางคนื
8. เอกสารสำ�คญั เช่น บตั รประชาชน โฉนดท่ีดิน ทะเบยี นบา้ น

ตวั อย่าง ถงุ ดำ�รงชพี ประจ�ำ บ้าน

200

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

หัวขอ้ เร่ือง การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ
และสงิ่ แวดลอ้ ม

วตั ถุประสงค์

เพื่อใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรม
1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจและตระหนกั ถงึ ความส�ำ คญั ของการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดลอ้ ม
2. สามารถใช้ ดแู ล ปรบั เปลย่ี นทรพั ยากรธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเกดิ ประโยชน์
ตอ่ ชุมชน

ขอบขา่ ยเนือ้ หา

1. ความหมายการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม
2. ประเภทการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
3. การประหยัดพลังงาน
4. การจดั การขยะมลู ฝอย
5. การดูแลชมุ ชนใหน้ ่าอยู่ หมบู่ า้ นสะอาด

ส่ือและอุปกรณ์

1. ส่ือ PowerPoint เร่ืองการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม
2. ส่อื วดี ิทัศน์ เร่ือง 8 วิธปี ระหยัดพลงั งานในบ้านคุณ
3. ส่อื วดี ิทัศน์ เรือ่ งการแยกขยะ
4. สลากของเหลือใช้ ของทง้ิ ของเสยี ฯลฯ
5. ใบงาน
6. กระดาษฟลปิ ชาร์ท
7. ปากกาเคมี

เวลา 3 ช่วั โมง

การประเมนิ ผล

1. การตอบคำ�ถามของผเู้ ข้ารับการอบรม
2. จากการสังเกตและการเขา้ ร่วมกจิ กรรม

201

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

แนวการด�ำ เนินกิจกรรม

1. วิทยากรนำ�สู่บทเรียน โดยใช้สื่อ PowerPoint อธิบายเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากนั้นนำ�สนทนาและอภิปรายความสำ�คัญ และประโยชน์ของ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2. วทิ ยากรเชอ่ื มโยงสง่ิ ทไี่ ดเ้ รียนรไู้ ปแล้วเปน็ เร่อื งของการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม ซึ่งต่อจากนี้อยากให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เห็นถึงการประหยัดพลังงานในชีวิต
ประจำ�วันของพวกเราทุกคน วิทยากรเปิดสื่อวีดิทัศน์เรื่อง 8 วิธีประหยัดพลังงานในบ้านคุณ
และสอบถามผู้เข้ารับการอบรมได้ประโยชน์อะไรจากการชมวีดิทศั นใ์ นคร้ังนี้
3. วิทยากรอธิบายว่านอกจากการประหยัดพลังงานที่ทุกคนสามารถทำ�ได้ด้วยตัวเอง
แล้วยังมีอีก 1 เรื่องที่สามารถทำ�ได้อีกคือการคัดแยกขยะภายในครัวเรือน จากนั้นวิทยากร
เปิดวีดิทัศน์ เรื่องการแยกขยะให้ผู้เข้ารับการอบรมดู
4. วิทยากรใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมจบั กลมุ่ กลมุ่ ละ 8 - 10 คน โดยสง่ ตวั แทนออกมาจบั
สลากพรอ้ มรบั ใบงานเพอ่ื รว่ มกนั ระดมความคดิ ในกลมุ่ ของตนเอง จากนน้ั วทิ ยากรใชส้ อ่ื PowerPoint
ให้ดตู วั อยา่ งการสร้างสรรคส์ ่งิ ประดิษฐจ์ ากของเหลอื ใช้ เมื่อครบกำ�หนดเวลาการระดมความ
คดิ เห็นแต่ละกลุ่มออกมานำ�เสนอตามหัวข้อที่จับสลากได้

ใบงาน
1. ข้อความทจี่ ับสลากได้คอื
2. เป็นขยะประเภทใด
3. ทง้ิ ใสถ่ งั ขยะสอี ะไรหรอื ใสถ่ งั ทม่ี สี ญั ลกั ษณอ์ ยา่ งไร (วาดภาพประกอบ)
4. สามารถนำ�ไปทำ�ประโยชน์สรา้ งเป็นนวัตกรรมให้กับชุมชนได้อยา่ งไร
สลาก (1 ขอ้ ความ ต่อ 1 ใบ)
ตน้ กล้วย ขวดพลาสตกิ ยางรถยนต ์ กลอ่ งนม หลอดไฟ
แกลลอนนำ้� หลอดกาแฟ เปลือกไข ่ ตู้เย็น แผน่ ใส
หนังยาง แผงไข ่ กระดาษลงั แกนกระดาษช�ำ ระ
ฝากระป๋องน�ำ้ อดั ลม กระป๋องน�ำ้ อัดลม
5. วิทยากรเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมซักถามข้อสงสัย และร่วมกันสรุปสาระ
ส�ำ คัญท่ีได้เรยี นรจู้ ากการอบรม

สาระส�ำ คัญทีไ่ ดจ้ ากกจิ กรรม

ผู้เขา้ รบั การอบรมเกดิ ความตระหนกั ถงึ ความจ�ำ เปน็ ในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม สามารถนำ�ความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำ�วัน และคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม
202 จากส่ิงเหลอื ใช้ให้เกดิ คุณคา่ กับชมุ ชน

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

เน้อื หาเร่ือง การอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดลอ้ ม

การอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
การอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม หมายถึง การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งฉลาด โดยใชใ้ หน้ อ้ ย เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ โดยค�ำ นงึ ถงึ ระยะเวลาใน
การใช้ให้ยาวนานและก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยทีส่ ดุ รวมท้งั ต้องมีการกระจาย
การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งทว่ั ถงึ อยา่ งไรกต็ าม ในสภาพปจั จบุ นั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
สิ่งแวดล้อมมีความเสื่อมโทรมมากขึ้น ดังนั้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จึงมีความหมายรวมไปถึงการพฒั นาคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มด้วย
การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มสามารถกระท�ำ ไดห้ ลายวธิ ี ทง้ั ทางตรงและทาง
ออ้ ม
ดังน้ี
1. การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มโดยทางตรง ซง่ึ ปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นระดบั บคุ คล องคก์ ร
และระดับประเทศท่สี �ำ คัญ คอื
1. การใช้อย่างประหยัด คือ การใช้เท่าที่มีความจำ�เป็น เพื่อให้มีทรัพยากรไว้ใช้
ได้นานและเกดิ ประโยชน์อย่างค้มุ ค่ามากท่สี ดุ
2. การน�ำ กลบั มาใชซ้ �ำ้ อกี สง่ิ ของบางอยา่ งเมอ่ื มกี ารใชแ้ ลว้ ครง้ั หนง่ึ สามารถทจ่ี ะน�ำ มา
ใช้ซ้ำ�ได้อีก เช่น ถุงพลาสติก กระดาษ เป็นต้น หรือสามารถที่จะนำ�มาใช้ได้ใหม่โดยผ่าน
กระบวนการต่าง ๆ เช่น การนำ�กระดาษที่ใช้แล้วไปผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อทำ�เป็น
กระดาษแขง็ เป็นต้น ซงึ่ เป็นการลดปรมิ าณการใช้ทรัพยากรและการทำ�ลายสิ่งแวดล้อมได้
3. การบูรณะซ่อมแซม สิ่งของบางอย่างเมื่อใช้เป็นเวลานานอาจเกิดการชำ�รุดได้
เพราะฉะนั้นถา้ มีการบูรณะซอ่ มแซม ทำ�ใหส้ ามารถยดื อายุการใช้งานตอ่ ไปไดอ้ กี
4. การบำ�บัดและการฟื้นฟู เป็นวิธีการที่จะช่วยลดความเสื่อมโทรมของทรัพยากร
ดว้ ยการบ�ำ บดั กอ่ น เชน่ การบ�ำ บดั น�ำ้ เสยี จากบา้ นเรอื นหรอื โรงงานอตุ สาหกรรม เปน็ ตน้ กอ่ น
ท่ี
จะปลอ่ ยลงสแู่ หลง่ น�ำ้ สาธารณะ สว่ นการฟน้ื ฟเู ปน็ การรอ้ื ฟน้ื ธรรมชาตใิ หก้ ลบั สสู่ ภาพเดมิ เชน่
การปลกู ป่าชายเลน เพอ่ื ฟ้ืนฟคู วามสมดุลของป่าชายเลนให้กลบั มาอุดมสมบรู ณ์ เป็นตน้
5. การใชส้ งิ่ อืน่ ทดแทน เปน็ วธิ กี ารทจ่ี ะชว่ ยใหม้ กี ารใชท้ รพั ยากรธรรมชาตนิ อ้ ยลงและ
ไมท่ �ำ ลายสง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ การใชถ้ งุ ผา้ แทนถงุ พลาสตกิ การใชใ้ บตองแทนโฟม การใช้
พลงั งาน
แสงแดดแทนแร่เชอ้ื เพลงิ การใชป้ ยุ๋ ชวี ภาพแทนปยุ๋ เคมี เปน็ ต้น

203

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

2. การอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มโดยทางอ้อม สามารถทำ�ไดห้ ลายวธิ ี ดังน้ี
1. การพัฒนาคุณภาพประชาชน โดยสนับสนุนการศึกษาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องตามหลักวิชา ซึ่งสามารถทำ�ได้ทุกระดับอายุ ทั้งในระบบ
โรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และนอกระบบโรงเรียนผ่านสื่อสารมวลชนต่าง ๆ เพื่อ
ให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำ�คัญและความจำ�เป็นในการอนุรักษ์ เกิดความ
รัก
ความหวงแหน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง
2. การใช้มาตรการทางสังคมและกฎหมาย การจัดตั้งกลุ่ม ชุมชน ชมรม สมาคม
เพือ่ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ตลอดจนการให้ความรว่ มมอื ทั้ง
ทางด้านพลังกาย พลังใจ พลังความคิด ด้วยจิตสำ�นึกในความมีคุณค่าของสิ่งแวดล้อมและ
ทรัพยากรที่มีต่อตัวเรา เช่น กลุ่มชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ
นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ในโรงเรยี นและสถาบนั การศกึ ษาตา่ ง ๆ มลู นธิ คิ มุ้ ครองสตั วป์ า่ และพรรณพชื
แห่งประเทศไทย มลู นิธสิ บื นาคะเสถยี ร มลู นธิ ิโลกสเี ขยี ว เป็นต้น
3. สง่ เสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ช่วยกันดูแลรักษาให้
คงสภาพเดิมไม่ให้เกิดความเสื่อมโทรม เพื่อประโยชน์ในการดำ�รงชีวิตในท้องถิ่นของตน การ
ประสานงานเพอื่ สรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจ และความตระหนกั ระหวา่ งหน่วยงานของรัฐ องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นกับประชาชน ให้มีบทบาทหน้าที่ในการปกป้อง คุ้มครอง ฟื้นฟูการใช้
ทรพั ยากรอยา่ งค้มุ คา่ และเกดิ ประโยชน์สงู สดุ
4. สง่ เสรมิ การศึกษาวิจัย ค้นหาวิธีการและพัฒนาเทคโนโลยี มาใช้ในการจัดการกับ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ความรู้ทางเทคโนโลยี
สารสนเทศมาจัดการวางแผนพัฒนา การพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ให้มีการประหยัด
พลงั งานมากขน้ึ การคน้ ควา้ วจิ ยั วธิ กี ารจดั การ การปรบั ปรงุ พฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ
และยั่งยืน เป็นต้น
5. การก�ำ หนดนโยบายและวางแนวทางของรฐั บาล ในการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ ม
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นหลักการให้หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง
ยึดถือและนำ�ไปปฏิบัติ รวมทั้งการเผยแพร่ข่าวสารด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ
การดแู ลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่น
ระบบนิเวศและส่ิงแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไปจนมีผลทำ�ให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
เรียกวา่ “การเกดิ มลภาวะหรอื ภาวะมลพิษ (pollution)” ซึ่งอาจเกิดขึน้ เองตามธรรมชาตหิ รอื
เกิดจากการกระทำ�ของมนุษย์ ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันในการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม
เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

204

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มเปน็ การใชส้ ง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งคมุ้ คา่ เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ใชไ้ ดน้ าน
ที่สุด รวมทั้งการป้องกันไม่ให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เป็นการทำ�ให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นกว่าเดิม เช่น การปลูกป่าไม้เพิ่มเติม การจัดระบบการกำ�จัด
สง่ิ ปฏกิ ลู และขยะมลู ฝอยในทอ้ งถน่ิ การพฒั นาคณุ ภาพของเชอ้ื เพลงิ การพฒั นาเครอ่ื งยนตใ์ ห้
มีประสิทธิภาพในการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อลดปริมาณแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์และ
ไอเสียของรถยนต์ที่เป็นพิษ

แนวทางอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ

แนวทางอนรุ กั ษท์ รัพยากรดิน
1. ปลูกพืชคลุมดิน
2. ปลูกหญา้ แฝก
3. ปลกู พชื แบบข้นั บนั ไดและตามแนวระดับ
4. ปลูกพืชหมุนเวยี น
5. เพ่ิมสารอินทรียใ์ นดิน
6. ลดการท้งิ ขยะมลู ฝอยและสารมพี ษิ ลงดิน
7. ลดการใช้ยาฆา่ แมลงและยาปราบศัตรูพชื เพราะสารเคมีตกคา้ งในดนิ
แนวทางอนรุ กั ษท์ รพั ยากรน้ำ�
1. ชว่ ยกนั รักษาแหล่งนำ้�ให้สะอาด ไมท่ ง้ิ ขยะสง่ิ ปฏกิ ูลลงน�ำ้
2. ชว่ ยกนั จดั ระบบบ�ำ บดั น้ำ�เสยี ในชุมชนก่อนปลอ่ ยลงสู่แหล่งน้ำ�
3. ช่วยกนั รณรงค์ใชน้ ำ้�อย่างประหยดั เพอ่ื จะไดม้ นี ำ้�ใชต้ ่อไป
4. ชว่ ยกนั รกั ษาปา่ ไม้ ซง่ึ เป็นแหลง่ ตน้ น้ำ�ล�ำ ธาร
5. ช่วยกนั ลดหรือหลีกเลีย่ งการใช้สารเคมใี นการเพาะปลูกหรอื ในบ้านเรอื น
แนวทางอนรุ ักษ์ทรพั ยากรอากาศ
1. ลดปรมิ าณฝุน่ ละอองและสารพิษในอากาศ
2. ลดปรมิ าณกา๊ ซเรือนกระจกโดยไมเ่ ผาปา่ ไม่เผาขยะ
3. ลดปรมิ าณแกส๊ ทท่ี �ำ ลายชนั้ โอโซน เชน่ ผลติ ภณั ฑ์ท่ีมสี ารซีเอฟซี
4. อนรุ ักษป์ ่าเพอ่ื ช่วยลดปัญหาอากาศเสียและวาตภัย
แนวทางอนุรักษ์ทรพั ยากรปา่ ไม้
1. ช่วยกนั ดแู ลรกั ษาพื้นที่ปา่
2. ไมบ่ กุ รกุ พน้ื ทป่ี า่ เพอ่ื ท�ำ ไรเ่ ลอ่ื นลอยหรือสร้างสถานท่พี กั ผ่อน ตากอากาศ
หรอื ท�ำ สนามกอลฟ์
3. ชว่ ยกันเฝา้ ระวังไฟป่า ซง่ึ เปน็ สาเหตใุ หป้ า่ ไมถ้ กู ทำ�ลาย
4. ขยายพน้ื ทป่ี ่าอนุรักษใ์ ห้ครอบคลุมพ้ืนท่ีมากข้ึน

205

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

5. ปลกู ป่าทดแทนเพอ่ื ฟน้ื ฟพู ื้นทป่ี ่าท่ีถกู ทำ�ลาย
6. ลดการใชย้ าฆา่ แมลงและยาปราบศตั รูพืชเพราะสารเคมตี กค้างในดนิ
แนวทางอนรุ กั ษท์ รพั ยากรสัตวป์ ่า
1. ไมท่ ำ�ลายป่าซง่ึ เปน็ ท่ีอยอู่ าศยั ของสตั วป์ ่า
2. ช่วยกนั เฝา้ ระวังไฟป่า นำ้�ทว่ ม
3. ก�ำ หนดเขตรักษาพันธุ์สตั ว์ปา่ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่
4. เพาะเลี้ยงสตั วป์ ่าในพื้นท่ธี รรมชาติเพ่ือขยายพันธุ์
5. ไมล่ า่ สตั วป์ า่ เพื่อเป็นอาหารเพ่ือการค้าหรือเกมกฬี า
แนวทางอนุรักษ์ทรพั ยากรแร่
1. ใช้แรอ่ ยา่ งประหยัดและคมุ้ คา่
2. ใชแ้ ร่ชนิดอ่นื ทดแทน
3. นำ�แรท่ ี่ใชแ้ ล้วกลับมาหมนุ เวียนใชใ้ หมเ่ พอ่ื การใช้ประโยชนอ์ ยา่ งเตม็ ที่
การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งยัง่ ยนื ปฏบิ ัตติ ามแนวทาง ดงั นี้
1. สรา้ งจติ ส�ำ นกึ ของคนในชมุ ชน สงั คม ใหม้ จี ติ ใจรกั และหวงแหนทรพั ยากรธรรมชาติ
2. ทกุ คนตระหนกั ในความส�ำ คญั ของทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถน่ิ วา่ มคี วามสมั พนั ธ์
กบั สง่ิ แวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ
3. ช่วยกันเฝ้าระวังดแู ลทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถ่ินไม่ให้ใครมาท�ำ ลาย
4. ช่วยกันรักษาและไม่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ช่วยกันปลูกป่าเพื่อทำ�ให้เกิดความสมดุล
ของธรรมชาติ
5. บรู ณะฟน้ื ฟคู วามเสอ่ื มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติบางชนดิ ให้คืนสภาพเดิม
6. ควรใช้ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าและเกดิ ประโยชนส์ ูงสุด
7. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบรโิ ภคตามแนวคิด 5R เปน็ การลดปริมาณขยะมลู ฝอย
การประหยดั พลังงาน
พลงั งาน (Energy) หมายถงึ พลังตา่ ง ๆ ทน่ี �ำ มาใชใ้ หเ้ กดิ งานพลงั ตา่ ง ๆ เชน่ ไฟฟา้
น�ำ้ มัน ถ่าน ฟนื ลม แสงอาทติ ย์ เปน็ ต้น
พลังงานแบง่ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. พลงั งานใช้แลว้ หมด หรอื ท่เี รียกกันวา่ พลงั งานฟอสซิล ซ่ึงเป็นพลังงานสนิ้ เปลอื ง
พลงั งานพวกนไ้ี ดแ้ ก่ น้ำ�มัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ
2. พลงั งานใชไ้ ม่หมดหรอื พลงั งานหมุนเวียน ไดแ้ ก่ แกลบ ชานออ้ ย น�ำ้ แสงอาทิตย์
คลนื่ ชีวมวล (เชน่ มลู สตั ว์ และกา๊ ซชวี ภาพ)

206

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

การประหยดั พลงั งาน หลายคนจะนกึ ถงึ การลดการใช้พลังงานน้ำ�มัน หรือลดการใช้
พลังงานไฟฟ้า เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำ�วันของทุกคนและน่าจะเป็น
สง่ิ ทป่ี ฏบิ ตั ไิ ดง้ า่ ยทส่ี ดุ เหน็ ผลไดช้ ดั เจนทส่ี ดุ เชน่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเตมิ น�ำ้ มนั ในแตล่ ะเดอื นลดลง
ค่าไฟฟ้าแตล่ ะเดือนลดลง เม่อื เป็นเช่นนน้ั ก็สามารถสรปุ ได้วา่ เราได้ประหยัดพลงั งานแล้ว แต่
จริง ๆ แล้ว ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่เราสามารถช่วยกันประหยัดพลังงานและเป็นวิธีง่าย ๆ
ท่ีเราสามารถทำ�ได้ดว้ ยตัวเองทัง้ สิ้น
แนวทางการประหยดั ไฟฟ้าในการใช้เครอื่ งไฟฟ้าและอปุ กรณ์ต่าง ๆ ภายในบา้ น
1. ไฟฟา้
• ปดิ สวิตซ์เม่ือไม่ใชง้ าน แม้จะเป็นช่วงเวลาส้ันๆ กต็ าม
• ใชแ้ สงสวา่ งเทา่ ทจ่ี �ำ เปน็ เลอื กเปดิ ไฟเฉพาะบรเิ วณทต่ี อ้ งการใชแ้ สงเทา่ นน้ั
• เลอื กใชห้ ลอดไฟฟา้ วตั ตต์ �ำ่ ๆ ไวใ้ นสว่ นทต่ี อ้ งการเปดิ ทง้ิ ไวแ้ ตไ่ มต่ อ้ งการ
แสงสวา่ งมาก เชน่ หอ้ งน�ำ้ หอ้ งเกบ็ ของ ฯลฯ
• จัดโต๊ะทำ�งานหรือที่นั่งอ่านหนังสือไว้ใกล้ริมหน้าต่าง เพื่อจะได้รับ
แสงสว่างจากธรรมชาติ
• ทำ�ความสะอาดหลอดไฟและโคมไฟอยเู่ สมอ เพราะฝุ่นละอองที่เกาะอยู่
จะท�ำ ใหแ้ สงสว่างลดน้อยลง และอาจเปน็ เหตใุ ห้ตอ้ งเปดิ ไฟหลายดวงเพื่อใหแ้ สงสว่างเทา่ เดมิ
2. เครอื่ งปรับอากาศ
• ควรเลอื กขนาดเครื่องปรับอากาศให้มีขนาดที่เหมาะสม กับขนาดห้อง
ตามความสูงของห้อง
• เลอื กใชเ้ ครอ่ื งปรบั อากาศที่มปี ระสิทธิภาพสูง คือใชก้ ระแสไฟฟา้ น้อยท่ีสุด
แตใ่ หค้ วามเยน็ ตามทก่ี �ำ หนดไว้
• ปรบั ต้ังอณุ หภมู ใิ หเ้ หมาะสม อยทู่ อ่ี ณุ หภมู สิ บาย ๆ คอื 25 องศาเซลเซยี ส
ไมเ่ ยน็ เกนิ ความจ�ำ เปน็
• หม่ันท�ำ ความสะอาดแผ่นกรองอากาศอยา่ งนอ้ ยเดอื นละ 1 ครัง้ และควร
ใหช้ า่ งลา้ งท�ำ ความสะอาดทง้ั เครอ่ื งปลี ะ 1 ครง้ั
• ควรบฉุ นวนห้อง ช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่ภายในห้องเป็นการลดระยะ
เวลาการท�ำ งานของเครอ่ื งปรบั อากาศจะสน้ั ลง ประหยดั ไฟฟา้ ไดม้ าก ลดการสกึ หรอ ประหยดั
คา่ ซอ่ มแซม
• ปดิ เครอื่ งปรบั อากาศทุกคร้ังท่ีมิได้ใชง้ านในห้องนานเกิน 1 ชว่ั โมง
3. การใช้น้ำ�
• อย่าเปิดน้ำ�ทิ้งไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน และควรใช้น้ำ�อย่างประหยัดที่สุด เช่น
ขณะแปรงฟันหรือถูสบู่ขณะอาบน้ำ� ไม่ควรเปิดน้ำ�ทิ้งไว้ตลอดเวลา
• หมั่นตรวจดูไม่ให้มีส่วนใดรั่วไหลหรือซึม ถ้าพบก็ควรรีบซ่อมแซมทันที

207

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

4. ลดปริมาณการใชร้ ถยนต์
• ระยะทางใกล้ควรเดินหรอื ขจ่ี กั รยานแทนการใชร้ ถยนต์
• ดบั เครอื่ งทกุ ครง้ั ท่ตี อ้ งจอดรถรอ
• หมั่นบำ�รุงรักษาสภาพเครื่องยนต์และรถให้สมบูรณ์จะได้ไม่ปล่อยมลพิษ
อกี ทง้ั ช่วยประหยัดพลงั งาน
• ใช้น้ำ�มันให้ถูกและเหมาะสมกับประเภทเครื่องยนต์ เช่น เครื่องยนต์
สามารถเตมิ 91 ได้กค็ วรเติม 91 เป็นต้น
• ไม่ขบั รถเร็วเกนิ ความจำ�เปน็
เหลา่ นีเ้ ปน็ เพยี งส่วนหนง่ึ เทา่ นน้ั ทีจ่ ะสามารถชว่ ยประหยัดพลังงาน หากทุกคนหัน
มา
สนใจและรว่ มมอื กนั โดยเรม่ิ จากตวั เราและคนใกลช้ ดิ ฝกึ ใหเ้ ปน็ นสิ ยั กจ็ ะชว่ ยประหยดั พลงั งาน
การจดั การขยะมลู ฝอย
ขยะ หรือ มูลฝอย หรือ ของเสีย เป็นเหตุสำ�คัญประการหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหา
ส่ิงแวดลอ้ ม และมผี ลตอ่ สุขภาพอนามัย มูลฝอยหรือของเสียกำ�ลังมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี
เพราะสาเหตุจากการเพิ่มของประชากร การขยายตัวทางเศรษฐกิจและทางอุตสาหกรรม
นบั เปน็ ปญั หาทส่ี �ำ คญั ของชมุ ชน ซง่ึ ตอ้ งจดั การและแกไ้ ข ปรมิ าณกากของเสยี และสารอนั ตราย
ไดแ้ ก่ ขยะมลู ฝอย สง่ิ ปฏกิ ลู และสารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน�้ำ ดนิ และอากาศ ตลอดจน
บางสว่ นตกคา้ งอยใู่ นอาหาร ท�ำ ใหป้ ระชาชนทว่ั ไปเสย่ี งตอ่ อนั ตรายจากการเปน็ โรคตา่ ง ๆ เชน่
โรคมะเร็ง และโรคผิดปกติทางพันธุกรรม เปน็ ตน้ โดยทั่วไปแล้วขยะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
ไดแ้ ก่
ขยะยอ่ ยสลาย หรอื มลู ฝอยยอ่ ยสลายคอื ขยะทเ่ี นา่ เสยี และยอ่ ยสลายไดเ้ รว็ สามารถ
นำ�มาหมักทำ�ปุ๋ยได้ เช่น เศษผัก เปลือกผลไม้ เศษอาหารใบไม้ เศษเนื้อสัตว์ เป็นต้น
แต่ไม่รวมถึงซากหรือเศษของพืช ผัก ผลไม้ หรือสัตว์ที่เกิดจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ
เป็นตน้
ขยะรไี ซเคลิ หรอื มลู ฝอยทย่ี งั ใชไ้ ดค้ อื ของเสยี บรรจภุ ณั ฑห์ รอื วสั ดเุ หลอื ใชซ้ ง่ึ สามารถ
นำ�กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ เช่น แก้วกระดาษ กระป๋องเครื่องดื่ม เศษพลาสติก เศษโลหะ
อลูมิเนียม ยางรถยนต์ กล่องเครื่องดื่มแบบ UHT เป็นต้น
ขยะทั่วไป หรือ มูลฝอยทั่วไปคือ ขยะประเภทอื่นนอกเหนือจากขยะย่อยสลาย
ขยะรีไซเคลิ และขยะอันตรายมลี ักษณะทย่ี ่อยสลายยาก และไม่คุ้มค่าสำ�หรับการนำ�กลับมา
ใช้ประโยชน์ใหม่ เช่น ห่อพลาสติกใส่ขนม ถุงพลาสติกบรรจุผงซักฟอก พลาสติกห่อลูกอม
ซองบะหมี่กึ่งสาเร็จรูป ถุงพลาสติกเปื้อนเศษอาหาร โฟมเปื้อนอาหาร ฟอยล์เปื้อนอาหาร
ซองหรือถุงพลาสติกสำ�หรับบรรจุเครื่องอุปโภคด้วยวิธีรีดความร้อน เป็นต้น

208

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

ขยะอนั ตราย หรอื มลู ฝอยอนั ตรายคอื มลู ฝอยทป่ี นเปอ้ื นหรอื มอี งคป์ ระกอบของวตั ถุ
ดงั ต่อไปนี้ วัตถุระเบิดได้ วัตถุไวไฟ วัตถุออกไซด์และวัตถุเปอร์ออกไซด์ วัตถุมีพิษ วัตถุที่
ท�ำ ใหเ้ กิดโรค วัตถุกัมมนั ตรังสี วตั ถุทีก่ อ่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธกุ รรม วตั ถกุ ดั กร่อน
วตั ถทุ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การระคายเคอื ง วตั ถอุ ยา่ งอน่ื ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม
หรืออาจทำ�ให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืชหรือทรัพย์ เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์
ถ่านไฟฉายหรือแบตเตอรี่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ภาชนะที่ใช้บรรจุสารกำ�จัดแมลงหรือวัชพืช
กระป๋องสเปรย์บรรจุสีหรือสารเคมี เป็นต้น
ทงิ้ ใหถ้ ูกท่ี ใสใ่ ห้ถกู ถัง

5 R ลดปริมาณขยะ ลดโลกรอ้ น
R : Reduce คือ การลดการใช้ การบริโภคทรัพยากรที่ไม่จำ�เป็นลง ลองมาสำ�รวจ
กนั วา่ เราจะลดการบรโิ ภคทไ่ี มจ่ �ำ เปน็ ตรงไหนไดบ้ า้ ง โดยเฉพาะการลดการบรโิ ภคทรพั ยากรท่ี
ใชแ้ ลว้ หมดไป เชน่ น�ำ้ มนั กา๊ ซธรรมชาติ ถา่ นหนิ และแรธ่ าตตุ า่ ง ๆ การลดการใชน้ ท้ี �ำ ไดง้ า่ ย ๆ
โดยการเลอื กใชเ้ ทา่ ทจ่ี �ำ เปน็ เชน่ ปดิ ไฟทกุ ครง้ั ทไ่ี มใ่ ชง้ านหรอื เปดิ เฉพาะจดุ ทใ่ี ชง้ าน ปดิ คอมพวิ เตอร์
และเครอ่ื งปรบั อากาศเมอ่ื ไมใ่ ชเ้ ปน็ เวลานาน ๆ ถอดปลก๊ั ของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ เชน่ กระตกิ น�ำ้ รอ้ น
ออกเมอื่ ไมไ่ ดใ้ ช้ เม่ือต้องการเดนิ ทางใกล้ ๆ กค็ วรใชว้ ิธเี ดนิ ขี่จกั รยานหรือนงั่ รถโดยสารแทน
การขับรถไปเอง เป็นต้น เพียงเท่านี้เราก็สามารถเก็บทรัพยากรด้านพลังงานไว้ใช้ได้นานขึ้น
ประหยดั พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดลอ้ มอีกดว้ ย
R : Reuse คือ การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด โดยการนำ�สิ่งของเครื่องใช้มาใช้ซ้ำ�
ซึ่งบางอย่างอาจใช้ซ้ำ�ได้หลาย ๆ ครั้ง เช่น การนำ�ชุดทำ�งานเก่าที่ยังอยู่ในสภาพดีมาใส่เล่น
หรอื ใสน่ อนอยบู่ า้ นหรอื น�ำ ไปบรจิ าค แทนทจ่ี ะทง้ิ ไปโดยเปลา่ ประโยชน์ การน�ำ กระดาษรายงาน
ที่เขียนแล้ว 1 หน้า มาใช้ในหน้าที่เหลือหรืออาจนำ�มาทำ�เป็นกระดาษโน๊ต ช่วยลดปรมิ าณ
การตัดต้นไม้ได้เป็นจำ�นวนมาก การนำ�ขวดแก้วมาใส่น้ำ�รับประทานหรือนำ�มาประดิษฐ์เป็น
เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น แจกันดอกไม้หรือที่ใส่ดินสอ เป็นต้น นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่าย
ลดการใชพ้ ลงั งานแลว้ ยงั ชว่ ยรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มและยงั ไดข้ องนา่ รกั ๆ จากการประดษิ ฐไ์ ว้ใชง้ าน
อกี ดว้ ย 209

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

R : Recycle คอื การน�ำ หรอื เลอื กใชท้ รพั ยากรทส่ี ามารถน�ำ กลบั มารไี ซเคลิ หรอื น�ำ กลบั
มาใช้ใหม่ เป็นการลดการใช้ทรัพยากรในธรรมชาติจำ�พวกต้นไม้ แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ทราย
เหล็ก อลูมิเนียม ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้ สามารถนำ�มารีไซเคิลได้ยกตัวอย่าง เช่น เศษกระดาษ
สามารถนำ�ไปรีไซเคิลกลับมาใช้เป็นกล่องหรือถุงกระดาษ การนำ�แก้วหรือพลาสติกมาหลอม
ใช้ใหม่เป็นขวด ภาชนะใสข่ องหรอื เครือ่ งใช้อ่นื ๆ ฝากระป๋องน้ำ�อัดลมก็สามารถนำ�มาหลอม
ใชใ้ หม่
R : Repair คอื การรจู้ กั ซอ่ มแซมฟน้ื ฟสู ง่ิ ของเครอ่ื งใชท้ ส่ี กึ หรอใหส้ ามารถใชป้ ระโยชนไ์ ด้
R : Reject คือ รจู้ ักปฏิเสธหรืองดการใช้สิ่งของที่เห็นว่าเป็นการทำ�ลายทรัพยากร
และสร้างมลพิษ ให้เกิดขึ้นแก่สิ่งแวดล้อม
การดแู ลชุมชนใหน้ ่าอยู่
เราสามารถสรา้ งสขุ รอบตัวให้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกทำ�ชุมชนรอบบ้านให้
น่าอยู่ ถนนหนทางสะอาด ต้นไม้ตดั แต่งเป็นระเบยี บ มถี งั ขยะเรยี บร้อย คนในชมุ ชนรจู้ ักกันดี
เออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ มนี �ำ้ ใจ มองไปทางไหนกม็ แี ตผ่ คู้ นยม้ิ แยม้ แจม่ ใส เขา้ ใจกนั และคอยชว่ ยเหลอื กนั
ซงึ่ การ “เอือ้ เฟอื้ แบ่งปนั ” น้ันเริม่ ตน้ ได้งา่ ย ๆ ดงั นี้
1. ท�ำ ความรูจ้ กั กับเพอื่ นบ้านในละแวกใกล้เคยี ง โดยอาจออกมาเดินเล่นยามเย็นกับ
ลกู ๆ และใช้ชว่ งเวลาดงั กล่าว ทักทาย ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส พูดคุยกับเพื่อนบ้าน และถ้าต้องการ
เพ่มิ ความคุ้นเคยกันให้มากขึ้น อาจจัดงานเลย้ี งเลก็ ๆ ข้นึ ในวันหยุดสุดสปั ดาห์ ทำ�อาหารมา
ทานร่วมกนั พาครอบครัวมาทำ�ความรู้จักกัน ใหล้ กู ๆ มาเลน่ ด้วยกัน หลงั งานเลยี้ งเลิกอาจ
ขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของแต่ละครอบครัวเอาไว้ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถติดต่อกับ
เพือ่ นบ้านเหล่านนั้ ได้ทนั ท่วงที เปน็ ต้น
2. ทำ�ความสะอาดพื้นที่รอบบ้านให้โล่งเตียน มองไปทางไหนก็สบายหูสบายตา
ตน้ ไมร้ ก ๆ ก็ตดั ใหเ้ รยี บรอ้ ย เก้าอี้สนามกเ็ ชด็ ให้สะอาด ทั้งนเ้ี พือ่ ปอ้ งกันไม่ให้โจรผู้รา้ ยอาศัย
พมุ่ ไมเ้ หลา่ นน้ั เปน็ ทซ่ี อ่ นก�ำ บงั ตวั หากมพี น้ื ทส่ี ว่ นกลาง เชน่ ทางเดนิ เทา้ หรอื ถนนทม่ี เี ศษใบไม้
ใบหญ้าก็อาจชวนเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงมาทำ�ความสะอาดร่วมกันหรือจัดอาสาสมัคร
แบง่ เวรกนั ท�ำ ก็ได้
3. เปิดไฟสว่างบริเวณหนา้ บา้ นในยามค่ำ�คนื เพราะโจรหรอื นกั ย่องเบามกั จะไม่ชอบ
แสงสว่างมากนัก การเปิดไฟเอาไว้ นอกจากจะช่วยให้โจรคิดหนักไม่อยากย่างกรายเข้ามาใน
บรเิ วณบ้านแล้ว ยงั เอื้อเฟ้ือเผ่อื แผต่ อ่ เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงท่ีอาจตอ้ งเดินทางกลบั บา้ น
ดึก ๆ ด่ืน ๆ ใหป้ ลอดภัยมากขึน้ ด้วย แตก่ ่อนจะปิดบ้านนอน ต้องไมล่ มื ทจี่ ะล็อคกลอนประตู
ให้แนน่ หนาด้วยเช่นกนั

210

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

4. เออื้ เฟ้อื เพอ่ื นบ้านดว้ ยการ “กลับบ้านด้วยกนั ” หากมเี หตตุ อ้ งกลับบ้านยามคำ่�คนื
เช่น อาจจะงานเลิกดึก หรือไปทานอาหารนอกบ้านกับครอบครัวมา ไม่ผิดหากเจอเพื่อนบ้าน
ในละแวกบ้านที่สนิทคุ้นเคยกำ�ลังเดินกลับคนเดียวแล้วคุณจะชวนเขาให้นั่งรถเข้าบ้านพร้อม
กบั ครอบครวั ของคณุ
5. ทำ�ความรู้จักกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดูแลเขตพื้นที่ของคุณ การทำ�ความรจู้ ักกบั
เจ้าหน้าที่ตำ�รวจที่มาตรวจตราความเป็นไปในย่านที่คุณพักอาศัย ตลอดจนช่วยสังเกตคน
แปลกหน้าที่บังเอิญหลงหูหลงตาเข้ามาอยู่ในชุมชน เปน็ อกี หนึ่งความชว่ ยเหลือท่คี ุณสามารถ
ทำ�ได้ เพื่อให้สังคมรอบข้างที่คุณอาศัยอยู่นั้นปลอดภัยยิ่งขึ้น
6. รว่ มมอื กับเพื่อนบ้าน และทางการในการแบ่งปันความคิดเห็นต่าง ๆ ตลอดจน
ข้อเสนอแนะดี ๆ เพื่อให้สังคมโดยรอบปลอดภัยและสงบสุขมากขึ้น เช่น อาจจัดให้มีอาสา
สมัครพอ่ แม่คอยดแู ลตรวจตราความปลอดภยั ของชมุ ชน ดแู ลเด็ก ๆ ไม่ให้ไปมว่ั สุมสง่ิ เสพ
ตดิ
หรืออาจจัดสถานที่กลางเอาไว้สอนเด็ก ๆ ทำ�กิจกรรมต่าง ๆ ที่เขาสนใจ เช่น เล่นกีฬา
เล่นดนตรี วาดรูประบายสี ฯลฯ
7. รักษามารยาทในการอยู่ร่วมกันในสังคม แม้จะมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันแล้ว
แตก่ ต็ อ้ งรกั ษามารยาทในการอยรู่ ว่ มกนั เชน่ กนั ปญั หาเลก็ ๆ กอ็ าจท�ำ ใหเ้ พอ่ื นบา้ นทเ่ี คยสนทิ
ชดิ ชอบกนั ไมพ่ อใจกนั ขน้ึ มาได้ เชน่ การหยบิ ยมื ขา้ วของของเพอ่ื นบา้ นมากจนเกนิ ความจ�ำ เปน็
การเปิดเพลงเสียงดัง การแสดงกิริยาอาการกักขฬะ การพูดคุยเสียงดังหรือใช้วาจาไม่สุภาพ
ตลอดจนการไม่รักษามารยาทอื่น ๆ เชน่ การติฉินนินทาเพื่อนบ้านคนอื่นเป็นที่สนุกปาก
การหยิบยืมเงินทอง ฯลฯ

211

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

หัวขอ้ เร่อื ง ภาวะโลกรอ้ น

วัตถุประสงค์

เพอ่ื ให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรม
1. มีความรู้ ความเขา้ ใจถงึ สาเหตแุ ละผลกระทบเรอ่ื งภาวะโลกรอ้ น
2. รคู้ ุณคา่ ในการใช้พลงั งานอย่างคมุ้ คา่ เพือ่ ช่วยลดโลกรอ้ น

ขอบข่ายเน้ือหา

1. ความหมายของภาวะโลกรอ้ น
2. สาเหตุและผลกระทบของภาวะโลกรอ้ น
3. 40 วธิ ีลดภาวะโลกร้อน

สอื่ และอุปกรณ์

1. สอื่ วีดทิ ศั น์ เรอ่ื งสาระดี ๆ กบั TGO ตอนที่ 2 ภาวะโลกร้อนเกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร
2. สอ่ื โฆษณารณรงค์ลดโลกร้อน
3. ส่ือย้อนอดตี โฆษณารวมพลงั งานหาร 2
4. บัตร Red Cross Bonus
5. กระดาษฟลปิ ชารท์
6. ปากกาเคมี

เวลา 3 ชั่วโมง
การประเมินผล

1. การตอบค�ำ ถามของผเู้ ข้ารับการอบรม
2. จากการสังเกตและการเขา้ รว่ มกจิ กรรม

212

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

แนวการดำ�เนนิ กิจกรรม

1. วิทยากรทักทายผู้เข้ารับการอบรม พร้อมทั้งตั้งคำ�ถามว่า ภาวะโลกร้อนคืออะไร
จากนั้นวิทยากรเปิดสื่อวีดิทัศน์ เรื่องสาระดี ๆ กับ TGO ตอนที่ 2 ภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นได้
อยา่ งไร
2. วทิ ยากรใหแ้ ตล่ ะหนว่ ยสชี ว่ ยกนั คดิ วา่ สาเหตแุ ละผลกระทบทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ ภาวะโลกรอ้ น
มีอะไรบ้าง แล้วออกมานำ�เสนอโดยให้ทุกคนร่วมกันวิเคราะห์ว่าสิ่งที่แต่ละกลุ่มนำ�เสนอเป็น
ขอ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ งหรอื ไม่
3. วทิ ยากรเปดิ สอื่ โฆษณารณรงค์ลดโลกร้อน และสื่อย้อนอดีตโฆษณารวมพลังงาน
หาร 2 จากนน้ั ถามผเู้ ขา้ รบั การอบรมวา่ ชอบโฆษณาชน้ิ ใด เพราะอะไร โดยวทิ ยากรสอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจ
ถงึ โฆษณาท้ัง 2 เรอื่ งว่าเปน็ การแสดงถึงพฤตกิ รรมของคนท่สี ่งผลตอ่ โลกอยา่ งไร
4. วิทยากรให้ผู้แทนออกมารับกระดาษฟลิปชาร์ทหน่วยสีละ 1 แผ่น พร้อมปากกา
เคมี 1 ชุดโดยทุกหน่วยสีคิดวิธีในการลดโลกร้อนและนำ�เสนอในรูปแบบ Mind Map จากนั้น
วิทยากรใช้สอื่ PowerPoint 40 วิธีลดภาวะโลกร้อนนำ�เสนอ หน่วยสีที่มีวิธีลดโลกร้อนเหมือน
ในสื่อ PowerPoint ไดบ้ ตั ร Red Cross Bonus
5. วิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมร่วมกันสรุปสถานการณ์ภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน
และแนวทางแก้ไข พรอ้ มทั้งวธิ กี ารที่จะนำ�ไปใช้ในชีวติ ประจำ�วันได้

สาระส�ำ คญั ท่ีได้จากกจิ กรรม

ผ้เู ขา้ รับการอบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจ ถึงสาเหตุและผลกระทบเรื่องภาวะโลกร้อน
รวมถึงการนำ�ความรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่ากลับไปใช้ในชีวิตประจำ�วันได้อย่าง
เหมาะสม รวมถงึ เผยแพรค่ วามรใู้ ห้ผูอ้ นื่ ได้รว่ มมอื ร่วมใจลดภาวะโลกรอ้ น

213

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

เนื้อหาเรือ่ ง ภาวะโลกร้อน

ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change)
ภาวะโลกรอ้ น (Global Warming) หมายถงึ การท่ีอุณหภูมเิ ฉลีย่ ของอากาศบนโลก
สูงข้นึ ไม่ว่าจะเปน็ อากาศบริเวณใกลผ้ ิวโลกและน�ำ้ ใน
มหาสมทุ รในชว่ ง 100 ปี ทผ่ี า่ นมาอณุ หภมู เิ ฉล่ยี ของ
โลก
สูงขึ้นถึง 0.74 ถึง 0.18 องศาเซลเซียส และจากแบบ
จ�ำ ลองการคาดคะเนภมู อิ ากาศ พบวา่ ในปี พ.ศ. 2544 -
2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ถึง 6.4
องศาเซลเซยี ส
สาเหตุที่ทำ�ให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่า
ก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทำ�กิจกรรมต่าง ๆ
เชือ้ เพลงิ รวมไปถึงสารเคมที มี่ ีส่วนผสมของกา๊ ซเรือนกระจกท่ีมนษุ ยใ์ ช้และอน่ื ๆ อกี มากมาย
จงึ ท�ำ ใหก้ า๊ ซเรอื นกระจกเหลา่ นล้ี อยขน้ึ ไปรวมตวั กนั อยบู่ นชน้ั บรรยากาศของโลก ท�ำ ใหร้ งั สขี อง
ดวงอาทติ ยท์ ค่ี วรจะสะทอ้ นกลบั ออกไปในปรมิ าณทเ่ี หมาะสม กลบั ถูกก๊าซเรอื นกระจกเหล่าน้ี
กกั เกบ็ ไว้ ท�ำ ใหอ้ ณุ หภมู ขิ องโลกคอ่ ย ๆ สูงขนึ้ จากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกรอ้ นมใี หเ้ ราเหน็ กันอยบู่ ่อย ๆ สภาพลมฟา้ อากาศท่ผี ดิ
แปลก
ไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำ�ท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่รอ้ น
ผดิ ปกตจิ นมคี นเสยี ชวี ติ รวมไปถงึ โรคระบาดชนดิ ใหม่ ๆ หรอื โรคระบาดทีเ่ คยหายไปจากโลกน้ี
แลว้ กก็ ลบั มาใหเ้ ราไดเ้ หน็ ใหม่ และพาหะน�ำ โรคทเ่ี พม่ิ จ�ำ นวนมากขน้ึ ในอนาคตคาดวา่ ผลกระทบ
ของภาวะโลกร้อนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เราสามารถช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้หลายวิธี
หลกั ๆ กเ็ หน็ จะเปน็ การใชพ้ ลงั งานอยา่ งคมุ้ คา่ และประหยดั เพราะวา่ พลงั งานทพ่ี วกเราใชก้ นั
อยู่ทุกวันนี้กว่าจะมาถึงให้เราได้ใช้นั้น ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนในการผลิตมากมาย
และแต่ละขั้นตอนก็จะทำ�ให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา เพราะฉะนั้นการลดใช้พลังงานก็เป็น
อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ การใช้น้ำ�อย่างประหยัด
การใช้จกั รยานแทนรถยนต์ในการเดินทางใกล้ ๆ และอ่ืน ๆ อีกมากมาย
การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าใน
เวลากลางวนั ตน้ ไมน้ น้ั จะชว่ ยหายใจเอากา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ขา้ ไป และหายใจออกมาเปน็
ก๊าซออกซิเจน เปรยี บเสมือนเครือ่ งฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทวา่ ปจั จบุ ันปา่ ไม้
214 ถูกทำ�ลายและมจี �ำ นวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนัน้ ถา้ เราทุกคนชว่ ยกนั ปลกู ตน้ ไม้ ก็เหมือนกบั

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

สภาวะโลกรอ้ น
สภาวะโลกรอ้ น หมายถงึ ภาวะท่ีอณุ หภมู ิ
โดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำ�ให้
ภมู อิ ากาศเปลย่ี นแปลง ภาวะโลกรอ้ นอาจจะน�ำ ไปสู่
การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝน ระดับน้ำ�ทะเล
และมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพืช สัตว์และ
มนษุ ย์ ปรากฏการณท์ ง้ั หลายเกดิ จากภาวะโลกรอ้ นขน้ึ
ที่มีมูลเหตุมาจากการปล่อยก๊าซพิษต่าง ๆ จาก
โรงงานอุตสาหกรรม ทำ�ให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น
ซึ่งนั่นเป็นที่รู้จักกันโดยเรียกว่า สภาวะเรือนกระจก
ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ มปี รมิ าณเพม่ิ ขน้ึ เนอ่ื งจากการเผาไหมใ้ นรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่
การเผาไหมเ้ ชือ้ เพลงิ โรงงานอตุ สาหกรรม การเผาป่าเพื่อใช้พื้นที่สำ�หรับอยู่อาศัยและการทำ�
ปศสุ ตั ว์ เปน็ ต้น โดยการเผาป่าเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้
โดยเรว็ ที่สุด
กา๊ ซมีเทนเกิดขึน้ จากการยอ่ ยสลายของซากส่งิ มีชีวติ แม้ว่ามีก๊าซมีเทนอยู่ในอากาศ
เพยี ง 1.7 ppm แต่กา๊ ซมเี ทนมีคณุ สมบัตขิ องก๊าซเรือนกระจกสูงกว่ากา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์
กล่าวคือด้วยปริมาตรที่เท่ากัน ก๊าซมีเทนสามารถดูดกลืนรังสีอินฟราเรดได้ดีกว่าก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์
กา๊ ซไนตรสั ออกไซด์ ปกตกิ ๊าซชนดิ นี้ในธรรมชาติเกดิ จากการยอ่ ยสลายซากสงิ่ มีชิวติ
โดยแบคทเี รยี แตท่ ม่ี เี พม่ิ สงู ขน้ึ ในปจั จบุ นั เนอ่ื งมาจากอตุ สาหกรรมทใ่ี ชก้ รดไนตรกิ ในกระบวน
การผลติ เชน่ อตุ สาหกรรมผลติ เสน้ ใยไนลอน อตุ สาหกรรมเคมแี ละพลาสตกิ บางชนดิ เปน็ ตน้
ก๊าซไนตรัสออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเพิ่มพลังงานความร้อนสะสมบนพื้น
ผวิ โลกประมาณ 0.14 วตั ต/์ ตารางเมตร นอกจากนน้ั เมอ่ื กา๊ ซไนตรสั ออกไซดล์ อยขน้ึ สบู่ รรยากาศ
ชน้ั สตราโตสเฟยี ร์ มนั จะท�ำ ปฏกิ ริ ยิ ากบั กา๊ ซโอโซน ท�ำ ใหเ้ กราะปอ้ งกนั รงั สอี ลั ตราไวโอเลตของ
โลกลดนอ้ ยลง
กา๊ ซโอโซน เปน็ กา๊ ซทป่ี ระกอบดว้ ยธาตอุ อกซเิ จนจ�ำ นวน 3 โมเลกลุ มอี ยเู่ พยี ง 0.0008%
ในบรรยากาศ โอโซนไมใ่ ชก่ า๊ ซทม่ี เี สถยี รภาพสงู มนั มอี ายอุ ยใู่ นอากาศไดเ้ พยี ง 20 - 30 สปั ดาห์
แลว้ สลายตวั โอโซนเกดิ จากกา๊ ซออกซเิ จนดดู กลนื รงั สอี ลั ตราไวโอเลตแลว้ แตกตวั เปน็ ออกซเิ จน
อะตอมเดี่ยว จากนั้นออกซิเจนอะตอมเดี่ยวรวมตัวกับก๊าซออกซิเจนและโมเลกุลชนิดอื่น (M)
ท่ีท�ำ หนา้ ทีเ่ ป็นตวั กลาง แลว้ ให้ผลผลิตเปน็ กา๊ ซโอโซนออกมา
ผลกระทบจากสภาวะโลก การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศโลกอนั เนอ่ื งมาจากกจิ กรรม
ของมนุษย์ ก่อให้เกิดผลกระทบในระดับโลกและระดับภูมิภาคทั้งทางกายภาพและชีวภาพ

215

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

ระดับน้ำ�ทะเลขน้ึ สูง
หากอุณหภูมเิ ฉลย่ี ของโลกเพมิ่ สงู ขึน้ อกี 1.4 - 5.8 องศาเซลเซยี ส จะสง่ ผลใหน้ ้ำ�แข็ง
ที่
ขั้วโลกละลาย และระดับน�ำ้ ทะเลเฉลย่ี สูงขน้ึ อกี 14 - 90 เซนตเิ มตร ซ่ึงจะสง่ ผลกระทบ ไดแ้ ก่
การสญู เสยี ทด่ี นิ การกดั เซาะและการพงั ทลายของชายฝง่ั ในสว่ นของพน้ื ทท่ี จ่ี ะไดร้ บั ความเสยี หาย
มากที่สุด คือหมู่เกาะเล็ก ๆ เช่น หมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียและทะเลแคริบเบียน รวม
ถึง
สามเหลย่ี มปากแมน่ ้ำ�ในพน้ื ทร่ี าบลุ่ม เชน่ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ�ไนล์ในประเทศอียิปต์ หาก
ระดับน้ำ�ทะเลเพิ่มขึ้น 50 เซนติเมตร จะมีผลกระทบต่อประชากรโลกประมาณ 92 ล้านคน
ตัวอย่างเช่น ระดับน้ำ�ทะเลที่สูงขึ้น 1 เมตรจะทำ�ให้ประเทศอียิปต์เสียพื้นที่ดินเพิ่มขึ้น 1%
เนเธอร์แลนด์ 6% บังคลาเทศ 17.5% และหมู่เกาะมาฮูโรในเกาะมาร์แซลล์ 80%
สภาพอากาศรนุ แรง
เม่อื อณุ หภูมิเฉลยี่ ของโลกเพิ่มสูงข้ึน ภยั ธรรมชาตติ า่ ง ๆ มีแนวโนม้ ว่าจะเกิดบ่อย
ครงั้
และรุนแรงมากยิ่งขึ้น เช่น ภัยแล้ง ไฟป่า พายุไต้ฝุ่นโซนร้อน น้ำ�ท่วม และการพังทลายของ
ชั้นดิน เป็นต้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของปรากฎการณ์เหล่านี้ ได้แก่ พายุไซโคลนที่เข้าถล่ม
รฐั โอรสิ สา ในประเทศอนิ เดยี และครา่ ชวี ติ ผคู้ นนบั หมน่ื ในเดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2542 สภาวะ
คล่ืนความรอ้ น (Heat Wave) ในเดือนสงิ หาคม พ.ศ. 2542 ทท่ี ำ�ลายพชื ผลการเกษตรในแถบ
ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกาและทำ�ให้มีผู้เสียชีวิต 140 คน รวมทั้ง
ปรากฎการณ์น้ำ�ท่วมใหญ่ในจีน ความแห้งแล้งรุนแรงในซูดาน และเอธิโอเปีย ตลอดช่วงปี
พ.ศ. 2542 - 2543 เป็นต้น
เพยี ง 2 - 3 องศาเซลเซียส สาหร่ายนั้นจะตายไป
เมื่อปะการังไม่มีอาหาร ปะการังก็จะตายและ
กลายเป็นสีขาวปรากฎการณ์นี้เรียกว่า ปะการัง
ฟอกขาว หรอื การเปลย่ี นสขี องปะการงั การศกึ ษา
วจิ ยั
ทส่ี ถาบนั สมทุ รศาสตรแ์ หง่ ฟลอรดิ า้ (Florida Institute
of Oceanography) ระบุว่าเกิดการฟอกขาวของ

216

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

ผลกระทบตอ่ สุขภาพของมนุษย์
ภยั ธรรมชาติที่เกดิ ขึ้นอย่างรนุ แรง เช่น ภาวะน้ำ�ท่วม และคลน่ื ร้อนล้วนสง่ ผลกระทบ
ตอ่ สขุ ภาพของมนษุ ยท์ ง้ั ทางตรงและทางออ้ ม เชน่ อณุ หภมู ทิ ส่ี งู ขน้ึ จะท�ำ ใหย้ งุ ลายซง่ึ เปน็ พาหะ
นำ�ไข้มาลาเรียและไข้เลือดออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้ป่วยด้วยโรคมาลาเรียเพิ่มขึ้น
ประมาณ 50 - 80 ลา้ นคนตอ่ ปี โดยเฉพาะในเขตศูนย์สูตรและเขตรอ้ น เช่น เอเชียตะวนั ออก
เฉยี งใต้
โครงการส่ิงแวดล้อมของสหประชาชาติ ระบวุ ่าการเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศจะกระทบ
กระบวนการผลิตอาหาร สุขอนามัยและก่อให้เกิดปัญหาด้านสังคม และเศรษฐกิจตามมา
สิ่งเหล่านี้จะยิ่งก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นในประเทศเขตร้อนชื้น เช่น โรคท้อง
ร่วง
โรคขาดอาหาร โรคหอบหดื และโรคภูมิแพอ้ ื่น ๆ ยิง่ ไปกวา่ น้นั อุณหภมู ิที่สูงขึน้ จะลดปริมาณ
น�ำ้ ส�ำ รอง และเพม่ิ ปรมิ าณจลุ ชพี เลก็ ๆ ในอาหารและน�ำ้ กอ่ ใหเ้ กดิ โรค เชน่ โรคอาหารเปน็ พษิ
ผลกระทบของภาวะโลกรอ้ นดงั กลา่ ว กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายทร่ี นุ แรง โดยจะเกดิ กบั กลมุ่ ประเทศ
กำ�ลังพัฒนาที่ยากจนรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากประเทศกำ�ลังพัฒนาโดยเฉพาะเป็นประเทศ
เกษตรกรรม ผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลงจากสภาพอากาศแปรปรวน และจะส่งผลกระทบ
ที่รุนแรงต่อปริมาณอาหารสำ�รอง และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออก
สินค้าทางการเกษตรเป็นหลัก ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศกำ�ลังพัฒนาที่จะได้รับผล
ผกรละกทรบะททบร่ี ุนตแอ่ รกงาจราเกกษกาตรรเแปลละยี่ แนหแลปง่ ลนง�ำ้ สภาพภมู อิ ากาศโลกเช่นเดียวกัน
การศึกษาของสถาบนั สงิ่ แวดล้อมไทย ระบวุ ่า ผลกระทบของการเปลย่ี นแปลงสภาพ
ภมู อิ ากาศทม่ี ตี อ่ ภาคการเกษตรในประเทศไทยสมั พนั ธก์ บั ปรมิ าณน�ำ้ ในประเทศไทยมแี นวโนม้
วา่ การเปล่ยี นแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำ�ให้ปริมาณน้ำ�ลดลง (ประมาณ 5 - 10 เปอรเ์ ซน็ ต์)
ซึ่งจะมีผลต่อผลผลิตด้านการเกษตร โดยเฉพาะข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำ�คัญ และต้อง
อาศัยปริมาณน้ำ�ฝนและแสงแดดที่แน่นอน รวมถึงความชื้นของดินและอุณหภูมิเฉลี่ยที่พอ
เหมาะดว้ ย

217

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

วทิ ยาศาสตรข์ องภาวะโลกรอ้ น
ภาวะโลกรอ้ นเปน็ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ในปจั จบุ นั โลกของเรารอ้ นกวา่ ทเ่ี คยเปน็ มา ใน 2 พนั ปี
ที่ผ่านมา หากสภาพนี้ยังเกิดขึ้นต่อไป เมื่อทศวรรษนี้สิ้นสุดลงอุณหภูมิของโลกมีแนวโน้มที่จะ
พุง่ สูงกวา่ ทเี่ คยเปน็ มาใน 2 ล้านปีทผี่ ่านมา ถึงแมว้ ่าเมอื่ ศตวรรษที่ 20 สิน้ สุดลง สภาพอากาศ
อาจจะไม่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก แต่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็คือ ความร้อนนั้นเกิด
ขึ้น
ทั่วโลกและไม่สามารถอธิบายได้ด้วยกลไกทางธรรมชาติที่ใช้อธิบายความร้อนในช่วงเวลา
ที่ผ่านมา ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในวงกว้างเห็นร่วมกันว่ามนุษยชาติมีส่วนอย่างมากใน
การทำ�ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนี้และทางเลือกที่เราเลือกกระทำ�ในวันนี้จะเป็นตัวกำ�หนด
เราทำ�ให้สภาพอากาศเปลยี่ นแปลงอย่างไร
เป็นเวลามากกว่า 1 ทศวรรษแล้วที่ผู้คนพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซลิ เชน่ น�ำ้ มนั ถา่ นหนิ
และก๊าซธรรมชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงาน การเผาไหม้เชื้อเพลิงปล่อยก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนออกสู่บรรยากาศ ก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ
ที่สร้างผลกระทบมากกว่าก็เป็นสาเหตุเช่นกัน รวมถึงการทำ�ลายป่าอย่างมหาศาล “ปัจจุบัน
ความเข้าใจข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของภาวะโลกร้อนน้ันแจ่มชัดเพียงพอแล้วที่จะเป็นเหตุผล
สำ�หรับประเทศตา่ ง ๆ ให้ลงมอื ปฏบิ ตั ทิ นั ท”ี
แมว้ า่ จะยงั มคี วามไมแ่ นน่ อนตา่ ง ๆ โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างเรือ่ งเวลา ขอบเขต
และภูมิภาคของภาวะโลกร้อน แต่มีการยอมรับร่วมกันเรื่องข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่
สำ�คัญ ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
• กา๊ ซต่าง ๆ เช่น คาร์บอนไดออกไซตใ์ นบรรยากาศน้ัน ก่อใหเ้ กดิ “ปรากฏการณ์
เรือนกระจก” ซึ่งกักเก็บความร้อนเอาไว้และรักษาโลกให้อบอุ่นพอที่จะหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิต
ดังที่เราทราบกันดี
• การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำ�มัน ฯลฯ) ปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์
ออกสู่บรรยากาศเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าคาร์บอนออกไซต์จะไม่ใช่ตัวการสร้างผลกระทบมากที่สุด
แตก่ ็เปน็ ก๊าซทีม่ นุษย์เปน็ ผู้กอ่ ใหเ้ กิดมากทีส่ ุด เน่อื งจากถูกปล่อยออกมาปรมิ าณมาก
• ปัจจุบันความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซต์ในบรรยากาศอยู่ในระดับสูงที่สุดใน
150,000 ปี
• คาดว่าทศวรรษ 1990 เป็นทศวรรษที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ และ ค.ศ. 1998
(พ.ศ. 2541) เปน็ ปีทรี่ ้อนท่ีสดุ

218

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

เป็นทย่ี อมรับร่วมกนั อย่างกว้างขวางในส่งิ ตอ่ ไปน้คี อื
• ความร้อนที่เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งนั่นคือ ราว 1.3 องศาเซลเซียส (2.3 องศา
ฟาเรนไฮต์) เมือ่ เทียบกบั ระดบั กอ่ นยคุ อุตสาหกรรม อาจเปน็ สงิ่ ทห่ี ลีกเล่ียงไมไ่ ดเ้ มอ่ื พจิ ารณา
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนถึงปัจจุบัน การจำ�กัดความร้อนให้อยู่ต่ำ�กว่า 2 องศาเซลเซียส
(3.6 ฟาเรนไฮต)์ นัน้ เป็นสิง่ จำ�เป็นเพ่ือปอ้ งกนั ไม่ให้เกดิ ผลกระทบจากภาวะโลกรอ้ น
• ถา้ ไมส่ ามารถควบคมุ การปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกได้ ภาวะโลกรอ้ นใน 100 ปี ขา้ งหนา้
จะเกดิ ขน้ึ อย่างรวดเร็วกวา่ ทเี่ คยเป็นมาตั้งแตก่ ำ�เนิดอารยธรรมมนษุ ย์
• เปน็ ไปไดส้ งู มากทก่ี ลไกการตอบโต้ของสภาพภูมิอากาศจะนำ�ไปสู่การเปลี่ยนแปลง
ของสภาพอากาศแบบทนั ทแี ละไมส่ ามารถกลบั คนื เหมอื นเดมิ ไม่มีใครร้วู ่าภาวะโลกร้อนจะต้อง
รุนแรงมากขึน้ เพียงใดจงึ จะจุดชนวนใหเ้ กดิ “สถานการณว์ นั สิ้นโลก”
40 วิธลี ดภาวะโลกร้อน

1. ถอดปลั๊กไฟฟ้าทุกครั้งที่เลิกใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าในบ้าน
มสี ว่ นท�ำ ให้เกดิ กา๊ ซเรือนกระจกถงึ 16%
2. การรดี ผา้ ควรรดี ครง้ั ละมาก ๆ แทนการรดี ทลี ะตวั เพอ่ื ประหยดั การใชไ้ ฟฟา้
3. ลดการเลน่ เกมลงบ้าง เพราะนอกจากสายตาจะเสยี แล้ว ยังเปลืองไฟ
อีกดว้ ย
4. เปลย่ี นไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่าและประหยัดกว่า
หลอดปกติ 40%
5. ปิดไฟดวงทไี่ มจ่ �ำ เป็น โดยเปิดเฉพาะดวงที่เราจำ�เปน็ ต้องใช้จรงิ ๆ

6. ปดิ แอรบ์ า้ งแลว้ หนั มาใชพ้ ดั ลมหรอื วา่ เปดิ หนา้ ตา่ งใหอ้ ากาศถา่ ยเท
มากข้นึ
7. เวลาไปทห่ี า้ งสรรพสนิ คา้ อยา่ เปดิ ประตทู ง้ิ ไว้ เพราะแอรจ์ ะท�ำ งาน
หนกั มากกว่าปกติ
8. ใช้บนั ไดแทนการใชล้ ฟิ ท์ นอกจากจะเปน็ การไดอ้ อกก�ำ ลงั กายแลว้
ยังประหยัดได้เยอะขึ้น การกดลิฟต์หนึ่งครั้งจะเป็นการเสียค่าไฟถึงครั้งละ
7 บาท

219

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

9. น�ำ้ ซกั ผ้านำ�มารดนำ้�ตน้ ไมไ้ ด้ ลดปริมาณการใช้น้ำ�
10. ใช้น�ำ้ ประปาอยา่ งประหยดั เพราะระบบการผลติ น�ำ้ ประปา

ของเทศบาลต่าง ๆ ต้องใช้พลงั งานจ�ำ นวนมากในการท�ำ ใหน้ �้ำ สะอาด

11. ตเู้ ย็นท่ีมอี ายกุ ารใช้งานมายาวนานมาก ควรขายทงิ้ ไปไดแ้ ล้ว
เพราะกนิ ไฟมากกว่าตเู้ ย็นใหมถ่ งึ 2 เท่า

12. ยืดอายตุ เู้ ยน็ ดว้ ยการไมน่ �ำ อาหารรอ้ นเขา้ ตเู้ ยน็ และหลกี เลย่ี ง
การนำ�ถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทำ�ให้ตู้เย็นจ่ายความเย็นได้
ไมท่ ่ัวถึงอาหาร

13. ละลายน้ำ�แข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็นประจำ� เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้น
เมอ่ื มนี �ำ้ แขง็ เกาะ

14. มองหาผลติ ภณั ฑท์ ม่ี สี ญั ลกั ษณช์ ว่ ยรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ ปา้ ยฉลากเขยี ว
ประหยดั ไฟเบอร์ 5 มาตรฐาน

15. เส้ือผา้ ทไี่ ม่ใชแ้ ล้ว เอาไปบริจาคบ้างก็ได้ เพราะในบาง
บริษัทมีการรับบริจาคเสื้อที่ใช้แล้ว จะนำ�ไปหลอมมาทำ�เป็น
เสน้ ใยใหมอ่ กี ครง้ั ซง่ึ จะชว่ ยลดกา๊ ซเรอื นกระจกไดถ้ งึ 71%

16. หันมาใชพ้ ลังงานแสงอาทติ ยใ์ นการตากผ้าแทนการอบผา้
ในเคร่อื งซกั ผา้

17. ทาหลังคาบา้ นด้วยสอี ่อน เพ่อื ชว่ ยลดการดูดซับความรอ้ น
18. อยา่ วางของปิดบังหน้าต่าง ควรเปิดหน้าต่างให้ลมพัด
ผ่านตลอดเพื่อช่วยลดความร้อนภายในบ้าน

220

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

19. ใช้รถเมล์ รถไฟฟ้าแทนการใชร้ ถสว่ นตัว
20. ถา้ ไมไ่ ด้ไปไหนไกล ๆ ใหใ้ ช้จกั รยาน หรอื เดินไป
เพราะได้ออกกำ�ลังกายไปในตวั
21. ขบั รถความเรว็ ไม่เกิน 80 กม./ชม.
22. ร่วมกนั ประหยดั น�ำ้ มนั แบบ Car Pool (ทางเดยี วกนั ไปดว้ ยกนั )
เพ่อื ชว่ ยประหยดั น�ำ้ มนั เปน็ การลดจ�ำ นวนรถตดิ บนถนนไดอ้ กี ทาง

23. เลอื กใชผ้ ลติ ภัณฑท์ ่ีซื้อเติมใหมไ่ ด้ เพอื่ เปน็ การลดขยะ
จากหอ่ ของบรรจภุ ณั ฑ์

24. ลดใช้พลาสติก โดยใช้ของที่สามารถนำ�มารีไซเคิลได้
เช่น กระเป๋าผ้า หรือกระตกิ นำ้�

25. ไปตลาดสดแทนซูเปอรม์ ารเ์ กต็ บา้ ง ซื้อผกั ผลไม้ หมู
ไก่ ปลา เพราะสนิ คา้ ที่ห่อด้วยพลาสตกิ และโฟมนนั้ จะทำ�ให้เกิดขยะ
จ�ำ นวนมากมายมหาศาล
26. ลดปรมิ าณขยะโดยใชห้ ลกั 3R คอื Reuse Recycle Reduce
27. ลดปรมิ าณการท้งิ ขยะลงบ้าง
28. ปอ้ งกันการปลอ่ ยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศด้วยการแยก
ขยะอินทรยี ์ เช่น พวกเศษผักและเศษอาหารออกจากขยะอืน่ ๆ ท่สี ามารถนำ�ไป
รไี ซเคิลไดม้ าใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์

29. ไม่ใชป้ ยุ๋ เคมใี นสวนไม้ประดบั ท่ีบา้ น แต่ขอให้เลือกใช้
ปยุ๋ หมกั จากธรรมชาติแทน

30. ปลกู ตน้ ไมเ้ พม่ิ ขน้ึ เพ่ือเพ่มิ ออกซเิ จนใหอ้ ากาศ ปลูกไผ่
แทนรั้วต้นไผ่เติบโตเร็วเป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม และยังดูดซับ
คาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี

221

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

31. พยายามทานอาหารใหห้ มด เพราะเศษอาหารเหล่านั้นก่อให้เกิดกา๊ ซมเี ทน
ซง่ึ กอ่ ให้เกิดความรอ้ นตอ่ โลกเพ่ิมขึ้น

32. พยายามลดเนื้อสัตว์ที่เคี้ยวเออ้ื งอยา่ ง ววั เพราะมลู ของสตั วเ์ หลา่ นน้ั จะปลอ่ ย
ก๊าซมเี ทน

33. กินผักผลไมเ้ ยอะ ๆ เพราะอตุ สาหกรรมการเกษตรไม่ปล่อยก๊าซมีเทนที่เป็น
ตัวเพม่ิ ความรอ้ นใหอ้ ากาศ

34. กนิ สเต็กและแฮมเบอร์เกอร์ใหน้ อ้ ยลงบา้ ง
เพราะอตุ สาหกรรมเนอ้ื ระดบั นานาชาตผิ ลติ กา๊ ซเรอื นกระจก
ถงึ 18% สาเหตหุ ลกั กค็ อื ไนตรสั ออกไซดแ์ ละมเี ทนจากมลู ววั

35. กระดาษหนังสือพมิ พ์ไม่ใช้แลว้ อยา่ ทง้ิ สามารถ
นำ�มาเชด็ กระจกให้ใสได้
36. ใช้เศษผ้าเชด็ สง่ิ สกปรกแทนกระดาษช�ำ ระ
37. ใช้กระดาษแต่ละแผ่นอย่างประหยัด กระดาษ Reuse หนังสือพิมพ์
เพราะกระดาษเหลา่ น้ันมาจากการตัดตน้ ไม้
38. มสี ว่ นรว่ มกิจกรรมรณรงค์สง่ิ แวดล้อม
เพื่อช่วยเผยแพร่ และการลดปัญหาโลกร้อน
39. อยอู่ ย่างพอเพยี ง ไม่ฟุ้งเฟอ้ ฟุม่ เฟือย
ตามพระราชด�ำ รัสของในหลวงทฤษฏเี ศรษฐกิจพอเพยี ง
40. ประหยดั พลังงานเท่าที่จะทำ�ไดท้ งั้ น�้ำ ไฟ และ
น�้ำ มนั เพือ่ ให้ลูกหลานของเรามสี ่ิงเหล่านใ้ี ช้กันตอ่ ไป
ในอนาคต

222

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

หัวข้อเรอ่ื ง สขุ ภาพของตนเองและครอบครัว

วตั ถปุ ระสงค์

เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้พื้นฐานในการดูแลตนเองและครอบครัว ตาม
สุขบญั ญัติ 10 ประการ

ขอบข่ายเนื้อหา

1. การดูแลสขุ ภาพตนเองและครอบครัว
2. สุขบญั ญัติ 10 ประการ

สอื่ และอปุ กรณ์

1. สอ่ื PowerPoint สขุ บัญญัติ 10 ประการ
2. สอื่ วีดทิ ศั น์ เรอ่ื งการลา้ งมอื 7 ขั้นตอนอย่างถูกต้อง

https://www.youtube.com/watch?v=B2ZwWTZe1SY
3. กระดาษฟลปิ ชารท์
4. ปากกาเคมี
5. บตั ร Red Cross Bonus

เวลา 3 ชั่วโมง
การประเมินผล

1. การตอบค�ำ ถามของผู้เข้ารับการอบรม
2. จากการสงั เกตและการเข้าร่วมกจิ กรรม

แนวการดำ�เนินกจิ กรรม

1. วทิ ยากรทักทายผูเ้ ขา้ รบั การอบรม ชี้แจงขอบข่ายความรู้เนื้อหาซึ่งประกอบด้วย
เรอื่ ง การดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว สุขบัญญตั ิ 10 ประการ

223

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

2. วิทยากรน�ำ เขา้ สกู่ จิ กรรม “สขุ ภาพดดี ว้ ยการดแู ลตนเอง” โดยวทิ ยากรน�ำ กระดาษ
ฟลปิ ชารท์ ตารางเปรยี บเทยี บการดแู ลสขุ ภาพตนเองในยามปกติ และเมอ่ื ยามเจบ็ ปว่ ยซง่ึ ตดิ ไว้
ที่บอรด์ ให้ผู้เขา้ รบั การอบรมช่วยกันเสนอวิธดี ูแลสขุ ภาพตนเองในยามปกติ และยามเจ็บปว่ ย
โดยหาอาสาสมคั รช่วยเขียนคำ�ตอบลงบนกระดาษฟลิปชาร์ทตามตาราง จากนัน้ วิทยากรอา่ น
ทวนคำ�ตอบเพื่อให้เห็นถึงความชัดเจน ความเหมือนหรือความต่างระหว่างการดูแลสุขภาพ
ตนเองในยามปกตแิ ละยามเจ็บป่วย วทิ ยากรมอบบตั ร Red Cross Bonus สำ�หรับผู้ทต่ี อบถูก
3. วิทยากรใช้สื่อ PowerPoint อธบิ ายสุขบัญญัติ 10 ประการพร้อมทัง้ เปิดโอกาสให้
ผูเ้ ขา้ รับการอบรมแสดงความคดิ เห็นร่วมกนั เก่ยี วกับการดแู ลสุขภาพตนเองตามสุขบัญญัติ 10
ประการ
4. วทิ ยากรน�ำ บอรด์ ทม่ี กี ระดาษฟลปิ ชารท์ วางกระจายตามพน้ื ท่ี โดยกระดาษ 1 แผน่
มีหัวข้อ สุขบัญญัติ 1 ข้อ ต่อ 1 แผ่น จากนั้นแจกปากกาเคมี โดยคละสีเพื่อให้สามารถแยก
ได้ว่าข้อความที่ผู้เข้ารับการอบรมเขียนนน้ั เปน็ ของหนว่ ยสีใด
5. วทิ ยากรแบ่งผู้เข้ารับการอบรมเป็น 10 หน่วยสีโดยให้เข้ายืนประจำ�ที่ตามหัวข้อ
สขุ บญั ญตั ิ ทง้ั 10 ขอ้ และบอกขอ้ ตกลงของการรว่ มกจิ กรรมในครง้ั น้ี โดยเมอ่ื ไดย้ นิ สญั ญาณเรม่ิ
ให้แต่ละหน่วยสีเขียนวิธีปฎิบัติตามสุขบัญญัติ ลงในกระดาษฟลิปชาร์ทและหมุนเปลี่ยนไป
เขียนในกระดาษฟลิปชารท์ หวั ขอ้ สุขบญั ญตั อิ ืน่ ๆ เมอ่ื ไดย้ ินสญั ญาณให้หมนุ เปล่ียนได้
6. วทิ ยากรใหส้ ัญาณหยดุ กิจกรรมเม่ือทุกหนว่ ยสตี อบคำ�ถามครบทั้ง 10 ข้อ ซึ่งเมื่อ
เวียนครบหน่วยสีจะกลับมาอยู่ประจำ�ในหัวข้อจุดเริ่มต้น จากนั้นให้แต่ละหน่วยสีนำ�เสนอ
สิ่งที่เพื่อน ๆ เขียนในหัวข้อของตนเอง และหากมีผู้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจะได้รับบัตร
Red Cross Bonus
7. วิทยากรและผเู้ ขา้ รบั การอบรมร่วมกนั ทำ�กจิ กรรม การล้างมอื โดยเปดิ สอื่ วีดิทศั น์
ประกอบการท�ำ กจิ กรรม
8. วิทยากรเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมซักถามและร่วมกันสรุปสาระสำ�คัญที่ได้
รบั จากการเรียนรู้

สาระส�ำ คัญท่ไี ด้จากกิจกรรม

ผเู้ ขา้ รบั การอบรมมคี วามร้พู ืน้ ฐาน และสามารถปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพตนเอง
และครอบครวั ตามสขุ บัญญตั ิ 10 ประการ

224

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

เนือ้ หาเรื่อง สุขภาพของตนเองและครอบครัว

การดูแลสขุ ภาพตนเองและครอบครวั
โดยธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ เมอ่ื เกดิ ปญั หาตา่ ง ๆ ขน้ึ ในชวี ติ กจ็ ะพยายามหาทางแกป้ ญั หา
ด้วยตนเองเป็นอันดับแรก เมื่อรู้ว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้เองก็จะแสวงหาความช่วยเหลือ
จากผู้อื่น ในเรื่องความเจ็บป่วยหรือปัญหาสุขภาพก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต้องการที่จะดูแล
ตนเองให้มีสุขภาพดอี ยเู่ สมอ ดงั นนั้ กลา่ วได้ว่า “การดแู ลสุขภาพตนเอง เปน็ กจิ กรรมทบ่ี ุคคล
แต่ละคนปฏิบัติ และยึดเป็นแบบแผนในการปฏิบัติ เพื่อให้มีสุขภาพดี” อาจแบ่งขอบเขต
การดูแลสุขภาพตนเอง เป็น 2 ลักษณะคือ

การดูแลสุขภาพตนเองในสภาวะปกติ
• เปน็ การดูแลสุขภาพตนเองและสมาชิกครอบครัว ให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
อยู่เสมอ ไดแ้ ก่ การดแู ลสง่ เสรมิ สขุ ภาพ เพ่ือให้สุขภาพแข็งแรง สามารถดำ�เนินชีวิตได้อย่าง
ปกติสุข เช่น การออกกำ�ลังกาย การสร้างสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหร่ี
หลีกเลี่ยงจากสิ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
• การปอ้ งกนั โรค เพอ่ื ไมใ่ หเ้ จบ็ ปว่ ยเปน็ โรค เช่น การรบั ภูมคิ ุม้ กนั โรคต่าง ๆ การไป
ตรวจสุขภาพ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดโรค

การดูแลสุขภาพตนเองเมอื่ เจ็บปว่ ย
การดแู ลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วย ได้แก่ การขอคำ�แนะนำ� แสวงหาความรู้จากผู้รู้
เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขต่าง ๆ ในชมุ ชน บุคลากรสาธารณสขุ เพ่ือให้ได้แนวทางปฏบิ ตั ิ
หรอื การรกั ษากอ่ นจะเจบ็ ปว่ ยรนุ แรงและปฏบิ ตั ติ ามค�ำ แนะน�ำ ของแพทยห์ รอื บคุ ลากรสาธารณสขุ
เพ่ือบรรเทาความเจบ็ ปว่ ยและมสี ุขภาพดดี งั เดิม
การทป่ี ระชาชนท่วั ไปสามารถดแู ลสขุ ภาพตนเองไดน้ น้ั จ�ำ เปน็ ตอ้ งมคี วามรู้ ความ
เขา้ ใจ
ในเรอ่ื งการดแู ลสขุ ภาพต้ังแต่ยงั ไมเ่ จ็บปว่ ย เพื่อบำ�รุงรักษาตนเองให้สมบูรณ์แข็งแรง รจู้ กั ท่ี
จะป้องกันตัวเองมิให้เกิดโรคและเมื่อเจ็บป่วยก็รู้วิธีที่จะรักษาตนเองเบื้องต้นจนหายเป็นปกติ
หรือรู้วา่ เม่อื ไรต้องไปพบแพทยห์ รือเจา้ หน้าทส่ี าธารณสุข

225

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

การวางแผนดแู ลสุขภาพตนเองและครอบครวั
สุขภาพมีความสำ�คัญมากที่จะต้องดูแล เพื่อความสุขของชีวิตการมีอายุยืนยาวและ
เพ่อื ลดอุบัติภัย การวางแผนดแู ลสุขภาพเป็นสว่ นหน่งึ ของการวางแผนชวี ติ ที่ส�ำ คัญ เพราะการ
ทีจ่ ะทำ�อะไรในชีวติ ตอ้ งมกี ารวางแผนลว่ งหน้า เช่น วางแผนการเรยี น วางแผนออกก�ำ ลังกาย
วางแผนด้านเศรษฐกจิ ชีวิตจะดีจะมีสขุ กต็ อ้ งมกี ารวางแผนท่ีดี เพอ่ื เป็นข้อมูลและข้อก�ำ หนด
ในการปฏิบตั ิเพื่อให้ไดผ้ ลออกมาเปน็ รปู ธรรม

คุณคา่ ของการวางแผนดูแลสขุ ภาพของตนเองและครอบครัว
การมสี ขุ ภาพท่ีดีนั้น เป็นภาวะที่ร่างกายและจิตใจมีความสมบูรณ์ ซึ่งเป็นผลมาจาก
การดูแลระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และฝึกฝนจิตใจให้คิดแต่สิ่งดีดีอยู่เสมอ การวางแผน
ดูแล
สุขภาพของตนเองและครอบครัวจึงเป็นเรื่องที่มีคุณค่า เพราะนอกจากจะกระตุ้นให้ตนเอง
และบคุ คลในครอบครวั ใสใ่ จในการดแู ลสขุ ภาพแลว้ ยงั สง่ ผลดีตอ่ ตนเองและครอบครัว ดงั น้ี
• สร้างสุขภาพทง้ั กายและจิตใจของตนเองและครอบครัว
• ทำ�ให้มคี ุณภาพชวี ติ ทด่ี ีขน้ึ
• สรา้ งสมั พนั ธภาพอนั ดีภายในครอบครัว
• สามารถก�ำ หนดหรอื เลอื กรปู แบบการด�ำ เนนิ ชวี ติ ของตนเอง และครอบครวั
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
• สามารถกำ�หนดช่วงเวลาการดูแลสขุ ภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม
• เป็นการเฝ้าระวังสุขภาพของตนเองและครอบครัว ไม่ให้เจ็บป่วยช่วยใน
การวางแผนคา่ ใช้จา่ ยในการรกั ษาพยาบาลในกรณเี จบ็ ป่วย
ขั้นตอนในการดแู ลรักษาสขุ ภาพของตนเองและครอบครวั
การประเมินสภาวะสขุ ภาพของตนเองและครอบครวั ซึง่ แบ่งได้ 2 วิธี
1. การประเมนิ ด้วยตนเอง เป็นการประเมินสภาวะสุขภาพของตนเองทั้งใน
ด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและสติปัญญา สามารถสังเกตสุขภาพของตนเองและสมาชิกใน
ครอบครัวด้วยตนเองได้ว่ามีสภาพ อ้วน ผอม แข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
มีสุขภาพจิตที่ดีหรือไม่ สามารถดำ�เนินชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะ และอยู่ในสังคมอย่าง
มีความสุขมากน้อยเพียงใด
2. การประเมินโดยบคุ ลากรสาธารณสุขหรือแพทย์ การประเมินสุขภาพ
ด้วยตนเองในบางด้านอาจจะไม่ละเอยี ดและครอบคลมุ มากนกั จำ�เป็นจะตอ้ งใหม้ ผี เู้ ชย่ี วชาญ
หรือผ้ชู ำ�นาญการในวงการสาธารณสุขเข้ามามสี ่วนร่วมด้วยเพอ่ื ความถกู ตอ้ งชัดเจน

226

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

สงิ่ ทจ่ี �ำ เปน็ ทส่ี ดุ ในการดแู ลสขุ ภาพคอื ควรไปพบแพทยเ์ พอ่ื ตรวจสขุ ภาพประจ�ำ ปี ปี
ละ
1 - 2 ครง้ั โดยจะไดร้ ับการบริการทางแพทย์ ดงั น้ี
1. รายละเอียดทว่ั ๆ ไป เกย่ี วกบั ประวตั สิ ว่ นตวั ของบคุ คล ประวตั คิ รอบครวั พอสงั เขป
ประวตั กิ ารพัฒนาการ ประวัตกิ ารเจบ็ ป่วย การดูแลรกั ษาจากอดตี จนถึงปจั จบุ นั
2. ตรวจสอบสภาพร่างกาย โดยการฟงั คล�ำ เคาะ สังเกต เพอื่ คน้ หาความผดิ ปกติ
3. ตรวจในห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจปัสสาวะ
ตรวจอุจจาระ
4. การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการประเมิน เป็นขั้นตอนเพื่อสร้างความเข้าใจ และ
ตระหนกั ถงึ สภาวะและปญั หาของสขุ ภาพตนเอง โดยกระบวนการนจ้ี ะเรม่ิ ตง้ั แตก่ ารเปรยี บเทยี บ
สภาวะสุขภาพท่ีประเมนิ ได้
5. การวางแผนหรือการกำ�หนดวิธีการเพื่อแก้ไขปญั หาท่ีพบหรอื ปรากฏ เปน็ ขน้ั ตอน
ของการออกแบบกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพหรือสาเหตุของปัญหาสุขภาพที่พบ โดย
จะ
ตอ้ งมกี ารวางแผนทช่ี ดั เจนและเปน็ ระบบ เชน่ อาจสรา้ งตารางการดแู ลสขุ ภาพของตนเองหรอื
อาจเกิดจากการที่สมาชิกในครอบครัวช่วยกันวางแผนในการดูแลสุขภาพให้กับสมาชิกใน
สขุ บัญญตั ิแหง่ ชาติ 10 ประการ ประกอบด้วย
1. ดูแลรักษารา่ งกายและของใช้ให้สะอาด
2. รักษาฟนั ให้แข็งแรงและแปรงฟันทกุ วนั อยา่ งถูกต้อง
3. ล้างมอื ให้สะอาดก่อนกนิ อาหารและหลังการขับถา่ ย
4. กนิ อาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอนั ตราย และหลกี เลย่ี งอาหารรสจดั สฉี ดู ฉาด
5. งดบุหร่ี สรุ า สารเสพติด การพนันและการส�ำ ส่อนทางเพศ
6. สร้างความสมั พันธใ์ นครอบครวั ใหอ้ บอุน่
7. ป้องกนั อบุ ตั ิภยั ดว้ ยการไมป่ ระมาท
8. ออกกำ�ลังกายอยา่ งสม�ำ่ เสมอและตรวจสขุ ภาพประจ�ำ ปี
9. ท�ำ จิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยเู่ สมอ

10. มีส�ำ นกึ ตอ่ สว่ นรวม รว่ มสร้างสรรค์สังคม

227

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

แนวทางปฏิบตั ขิ ั้นพ้ืนฐานตามสขุ บญั ญตั แิ ห่งชาติ
1. ดูแลรกั ษารา่ งกายและของใช้ใหส้ ะอาด
• อาบนำ้�ใหส้ ะอาดทกุ วันอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 1 คร้ัง
• สระผมอย่างนอ้ ยสัปดาหล์ ะ 2 ครงั้
• ตัดเลบ็ มอื เลบ็ เทา้ ให้สัน้ อยู่เสมอ
• ถา่ ยอจุ จาระเปน็ เวลาทุกวนั
• จัดเกบ็ ของใชใ้ ห้เป็นระเบยี บ
2. รักษาฟันใหแ้ ขง็ แรงและแปรงฟนั ทุกวันอยา่ งถูกต้อง
• ถฟู นั หรอื บ้วนปากหลงั กินอาหาร
• หลกี เลี่ยงการกินลูกอม ลกู กวาด ทอฟฟี่ เปน็ ตน้
• ตรวจสขุ ภาพในชอ่ งปากอยา่ งนอ้ ยปีละ 2 ครง้ั
• แปรงฟนั ทกุ วนั อยา่ งถกู วธิ อี ยา่ งนอ้ ยวนั ละ 2 ครง้ั ในตอนเชา้ และกอ่ นนอน
• ห้ามใช้ฟันกัด ขบเคย้ี วของแขง็
3. ล้างมอื ให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังการขับถา่ ยทุกคร้ัง
• ลา้ งมือให้สะอาดอยา่ งถูกวิธี
• ล้างมือบอ่ ย ๆ จนเป็นนิสัย ได้แก่ ก่อนเตรียมและปรุงอาหาร ก่อนกิน
อาหาร หลังหยิบจับสิ่งสกปรก จับต้องสัตว์เลี้ยง หลังใช้ห้องน้ำ�ห้องส้วม หลังจากกลับจาก
โรงเรียนและกลบั จากนอกบา้ น
การลา้ งมือทถ่ี กู วธิ มี ี 7 ขัน้ ตอนดังต่อไปนี้

เรมิ่ ล้างด้วยน�้ำ และสบู่ 1. ฝ่ามือถฝู า่ มอื เริ่มต้นการล้างมือง่าย ๆ ด้วยการถูสบู่
ใช้ฝา่ มือถูกัน ขึ้นมาเล็กน้อยพอขึ้นฟอง ก่อนนำ�ฝ่ามือทั้งสองข้างประกบกันและ
ถใู หท้ ว่ั จนรสู้ กึ สะอาด

ใช้ฝา่ มือถหู ลังมอื 2. ฝา่ มือถูหลังมือ ปาดฟองสบมู่ าทห่ี ลงั มอื แลว้ ลา้ งมอื ตอ่
และนวิ้ ถซู อกน้วิ โดยการใช้ฝ่ามือถูหลังมือและซอกนิ้วให้สะอาด จากนั้นสลับข้าง
วิธนี ้ีจะทำ�ให้ฆ่าเชื้อโรคบริเวณหลังมือทเี่ รามักลมื กันไป

228

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

ใช้ฝ่ามือถฝู า่ มือ 3. ประกบฝ่ามือถูซอกนิ้ว พลิกมือกลับมาประกบกัน
และนิ้วถซู อกน้วิ กอ่ นจะลา้ งมอื ใหส้ ะอาดดว้ ยการถซู อกนว้ิ ดว้ ยสบใู่ หส้ ะอาดหมดจด

ใชห้ ลงั น้ิวมอื ถฝู า่ มอื 4. ฝ่ามือขัดหลังนิ้ว กำ�กำ�ปั้นข้างหนึ่งขึ้นล้างมือต่อ
โดยใชฝ้ า่ มืออีกขา้ งหน่งึ ขดั บริเวณหลงั นว้ิ สลับขา้ งท�ำ แบบเดียวกนั
จนรู้สกึ ว่ามอื สะอาด

5. ถนู ิ้วหวั แม่โป้ง กางนิ้วหัวแม่โป้งก่อนใช้ฝ่ามืออีกข้าง
ก�ำ รอบแลว้ หมนุ วนดว้ ยฟองสบเู่ ปน็ วงกลม ท�ำ ใหส้ ะอาดทง้ั สองดา้ น

ใชฝ้ ่ามอื ถนู ้ิวหัวแม่มือ
โดยรอบ

6. ขดั ฝา่ มอื ดว้ ยปลายนว้ิ แบมอื ขา้ งหนง่ึ แลว้ ใชป้ ลายนว้ิ มอื
อกี ขา้ งขดั ฟองสบ่ตู ามแนวขวางจนท่วั แล้วสลับขา้ งท�ำ วิธีเดยี วกนั

ใช้ปลายนวิ้ มอื ถขู วางฝ่ามือ

7. ถรู อบขอ้ มอื ก�ำ มอื รอบขอ้ มอื ขา้ งหนง่ึ แลว้ ถวู นไปรอบ ๆ
จากน้นั เปลยี่ นขา้ ง ทำ�เชน่ เดยี วกนั วิธีน้จี ะชว่ ยใหข้ ้อมือสะอาด

ใชฝ้ ่ามือถรู อบข้อมอื

229

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

4. กนิ อาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอนั ตรายและหลกี เลี่ยงอาหารรสจัด สีฉดู ฉาด
• เลอื กซื้ออาหารทสี่ ด สะอาด ปราศจากสารอันตราย
• กินอาหารทีม่ กี ารเตรียม การประกอบอาหารและใสใ่ นภาชนะทส่ี ะอาด
• กนิ อาหารทป่ี รุงสกุ ใหม่ ๆ
• ไมก่ ินอาหารที่ใส่สี มีสารอันตราย เช่น สีย้อมผ้า ยากันบูด ผงชูรส
บอแรกซ์ ยาฆา่ แมลง
• กินอาหารให้เปน็ เวลา
• กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณทพ่ี อเหมาะ
• ดมื่ นำ้�สะอาดอยา่ งนอ้ ยวันละ 6 - 8 แก้ว
• หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด เค็มจัด
เปร้ียวจัด เผ็ดจัด และของหมักดอง
• หลกี เลยี่ งของกินเลน่
5. งดบุหรี่ สุรา สารเสพตดิ การพนนั และการสำ�สอ่ นทางเพศ
• งดบุหร่ี สรุ า สารเสพติด การพนนั
• สร้างเสริมค่านยิ มรกั เดียวใจเดยี ว รกั นวลสงวนตัว มีคูค่ รองเมอ่ื ถึงเวลา
อันควร
6. สรา้ งความสัมพนั ธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น
• สมาชกิ ครอบครัวช่วยเหลอื กนั ทำ�งานบ้าน
• มีสว่ นรว่ มแสดงความคดิ เหน็ ในครอบครัว
• มีการปรึกษาหารอื กบั สมาชกิ ในครอบครัวเม่อื มปี ญั หา
• เผ่อื แผน่ ้�ำ ใจไมตรีใหก้ ับสมาชิกในครอบครวั
• มกี ิจกรรมรน่ื เรงิ สงั สรรค์และพักผ่อนภายในครอบครัว

230

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

7. ป้องกนั อบุ ัติภัยดว้ ยการไมป่ ระมาท
• ระมัดระวังในการป้องกันอุบัติภัยภายในบ้าน เช่น ไฟฟ้า เตาแก๊ส
ของมคี ม ธปู เทียนบชู าพระหรือไมข้ ีดไฟ เป็นตน้
• ระมัดระวงั ในการปอ้ งกนั อุบัติภัยในทสี่ าธารณะ เช่น ปฏิบัติตามกฎแห่ง
ความปลอดภยั จากการจราจรทางบก ทางน้ำ� ป้องกันอนั ตรายจากโรงฝกึ งาน หอ้ งปฏิบัติการ
เขตกอ่ สร้าง หลกี เลีย่ งการชุมนุมหอ้ มลอ้ มในขณะเกดิ อบุ ตั ิภัย
8. ออกกำ�ลังกายอย่างสมำ�่ เสมอ และตรวจสุขภาพประจำ�ปี
• ออกกำ�ลังกายอย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ 3 ครัง้
• ออกกำ�ลงั กายและเล่นกีฬาให้เหมาะสมกบั สภาพรา่ งกายและวัย
• เล่นกฬี าหรือออกกำ�ลังกายอยา่ งสนกุ สนาน
• ตรวจสขุ ภาพโดยแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
9. ทำ�จิตใจให้รา่ เริงแจ่มใสอย่เู สมอ
• พักผอ่ นให้เพียงพอ
• เมื่อมีปญั หาไมส่ บายใจ ควรหาทางผ่อนคลายโดยการปรึกษาผู้ใกล้ชิดที่
ไว้ใจไดห้ รอื เข้าหาสงิ่ บนั เทิงใจ เช่น กีฬา ฟงั เพลง ดภู าพยนตร์ เป็นตน้
• ช่วยเหลือผู้อ่ืนทมี่ ปี ญั หา

10. มีสำ�นกึ ต่อส่วนรวม ร่วมสรา้ งสรรคส์ ังคม
• ใช้ทรพั ยากรอย่างประหยดั
• อนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาส่งิ แวดล้อม เช่น ชมุ ชน ปา่ นำ้� สัตวป์ า่ เป็นต้น
• ทิ้งขยะในทีร่ องรบั
• หลกี เลี่ยงการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เช่น
สเปรย์ พลาสติก
• มีและใชส้ ้วมทีถ่ ูกสขุ ลกั ษณะ
• มกี ารกำ�จัดน�้ำ ทงิ้ ในครัวเรอื นและโรงเรยี นทถ่ี ูกต้อง

231

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

หวั ขอ้ เรอ่ื ง โภชนาการ

วตั ถุประสงค์

เพอื่ ให้ผู้เข้ารบั การอบรม
1. มคี วามรพู้ น้ื ฐานในเรอ่ื งโภชนาการ สารอาหาร และโรคทเ่ี กดิ จากการขาดสารอาหาร
2. สามารถนำ�ความร้ไู ปใช้ในชีวิตประจำ�วนั ได้

ขอบขา่ ยเนอื้ หา

1. ความรู้พน้ื ฐานเร่ืองโภชนาการ สารอาหาร และประโยชน์ของอาหาร
2. โรคทีเ่ กดิ จากการบริโภคอาหารทีไ่ ม่ถูกหลกั โภชนาการและสขุ าภบิ าล
3. การรบั ประทานอาหารให้ถกู ตอ้ ง

ส่ือและอุปกรณ์

1. สือ่ PowerPoint เรอื่ งความรูพ้ นื้ ฐานเรือ่ งโภชนาการ
2. ใบกระดาษคำ�ถาม
3. ข้อความเฉลย (รหัสคำ�ตอบ)
4. เนอ้ื สตั ว์ ผกั ผลไม้ เครอ่ื งปรงุ ฯลฯ (ตามความเหมาะสมหรอื ตามทว่ี ทิ ยากรก�ำ หนด
ใหผ้ ้เู ขา้ รับการอบรมลงมอื ปฏบิ ัติจรงิ )
5. อปุ กรณป์ ระกอบอาหาร (ตามความเหมาะสม)
6. นกหวีด
7. บตั ร Red Cross Bonus

เวลา 3 ชว่ั โมง
การประเมินผล

1. การตอบค�ำ ถามของผเู้ ข้ารับการอบรม
2. จากการสังเกตและการเข้ารว่ มกจิ กรรม

232

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

แนวการดำ�เนนิ กจิ กรรม

1. วทิ ยากรกล่าวทักทายและใช้สื่อ PowerPoint อธิบายถึงวัตถุประสงค์ ขอบข่าย
เนื้อหาเรื่องอาหารและโภชนาการเกี่ยวกับอาหารหลัก 5 หมู่ ประโยชน์ของสารอาหารที่มีต่อ
สุขภาพ และโรคทเ่ี กิดจากการรับประทานอาหาร
2. วิทยากรแบ่งผู้เขา้ รับการอบรมออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 8 - 10 คน ตอ่ จากน้ันให้แตล่ ะ
กลุ่มเลือกผู้นำ�กลุ่มของตนแล้วออกมารับกระดาษคำ�ถามซึ่งวิทยากรจะอธิบายวิธีการหา
ค�ำ ตอบเพอ่ื น�ำ มาใสใ่ นกระดาษค�ำ ถามซง่ึ สมาชกิ ในกลมุ่ ตอ้ งชว่ ยกนั ตอบค�ำ ถามใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ
โดยค�ำ ตอบจะซอ่ นกระจายอยใู่ นบริเวณท่ีทมี วทิ ยากรจัดไว้ อาจอย่ตู ามต้นไม้ ตามโต๊ะ เกา้ อ้ี
หรอื ในสนามแลว้ แตค่ วามเหมาะสม กลมุ่ ใดพบค�ำ ตอบแลว้ ใหอ้ า่ นและเขยี นค�ำ ตอบ โดยหา้ ม
เคลอ่ื นยา้ ยคำ�ตอบทว่ี ิทยากรซอ่ นไว้
3. วทิ ยากรใหส้ ัญญาณนกหวดี แตล่ ะกลมุ่ ออกไปปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยใชเ้ วลาประมาณ
20 นาที เมอ่ื หมดเวลาเรยี กรวมผเู้ ขา้ รบั การอบรม ตอ่ จากนน้ั ใชส้ อ่ื PowerPoint ทเ่ี ปน็ ค�ำ ถาม
พร้อมทั้งเฉลย กลุม่ ใดตอบถกู ต้องได้ 1 คะแนน กลุ่มใดตอบผดิ ได้ 0 คะแนน เมอื่ รวมคะแนน
กลุ่มใดไดค้ ะแนนสูงสุดไดร้ บั บัตร Red Cross Bonus
4. วิทยากรเฉลยคำ�ตอบพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ซักถามและอธิบายเพิ่มเติมในสาระ
ส�ำ คัญของแต่ละข้อ
5. วทิ ยากรน�ำ สง่ิ ของทจ่ี ดั เตรยี มไว้ เชน่ เนอ้ื สตั ว์ ผกั ผลไม้ เครอ่ื งปรงุ ฯลฯ (วทิ ยากร
อาจจัดเตรียมสิ่งของตามที่กำ�หนดไว้ได้ เช่น ให้ทำ� ส้มตำ� ยำ�หมูยอ หรือเป็นอาหารพื้นบ้าน
ตามความเหมาะสม) และอุปกรณ์ประกอบอาหารมาเตรียมวางไว้ ต่อจากนั้นให้แต่ละกลุ่ม
ออกมาเลอื กอาหาร อุปกรณ์และเครอื่ งปรุง ส�ำ หรบั น�ำ ไปประกอบอาหาร 1 รายการ และตั้ง
ชอื่
ใหม้ คี วามนา่ สนใจ และชวนใหอ้ ยากรบั ประทาน โดยสมาชกิ ทกุ คนในกลมุ่ ตอ้ งชว่ ยกนั ประกอบ
อาหารทเ่ี ลอื กมาใหส้ �ำ เรจ็ พรอ้ มเตรยี มตวั แทนกลมุ่ น�ำ เสนอวา่ อาหารเมนนู น้ั ชอ่ื อะไร ประกอบ
ดว้ ยสารอาหารอะไรบา้ ง
6. วิทยากรสรุปว่าการเลือกบริโภคอาหารที่ถูกหลักโภชนาการจะทำ�ให้มีสุขภาพที่
แข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งทุกคนสามารถนำ�ความรู้นี้ไปปรับใช้ในชีวิต
ประจำ�วันได้

233

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

กระดาษคำ�ถาม

ข้อ ค�ำ ถาม รหัส คำ�ตอบ คะแนน
1 สารอาหารมกี ชี่ นิด
2 สารอาหารชนิดใดมีอยใู่ นเนอื้ สตั วม์ ากทีส่ ุด
3 อาหารใดมคี ณุ ค่าเทียบเทา่ เนื้อสตั ว์

4 สารอาหารใดใหพ้ ลงั งานและความอบอ่นุ แกร่ ่างกาย
5 ไขมนั ไดจ้ ากอาหารประเภทใด
6 สารอาหารประเภทวิตามนิ คอื
7 อาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพดา้ นใดบา้ ง
8 อาหารขยะคอื
9 โรคทเ่ี กดิ จากการบรโิ ภคอาหารไมถ่ กู หลกั โภชนาการคอื

10 โรคท่เี กดิ จากการบรโิ ภคอาหารไม่สะอาดคอื

รวมคะแนน

เฉลย

234

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

A : จติ ใจเทา่ นน้ั ตวั อยา่ งกระดาษคำ�ตอบ
W : ไขมนั S : น�ำ้ มนั /แตงโม E : อาหารทอด/น�ำ้ อดั ลม

D : ทอ้ งรว่ ง/อาหารเปน็ พษิ R:5 F : หดื หอบ T : ขนมกรบุ กรอบ/ผลไม้

G : โปรตนี Y : ผกั /ผลไม้ H : รา่ งกายเทา่ นน้ั U : นม/ขนมเลย์

B : ภมู แิ พ้ J : อว้ น/เบาหวาน K : 3 O : วติ ามนิ

L : มนั สตั ว/์ นม/เนย P : รา่ ยกาย/จติ ใจ Z : 10 X : ถว่ั /นม

ขอ้ เสนอแนะ

วิทยากรสามารถใชแ้ บบทดสอบสุขภาพการรบั ประทานอาหารดว้ ยตนเอง มาปรบั ใช้
ในการด�ำ เนินกจิ กรรมได้

สาระสำ�คญั ท่ีได้จากกจิ กรรม

ผเู้ ขา้ รับการอบรมรู้จกั การทำ�งานเป็นทีม การชว่ ยเหลอื ซึง่ กนั ละกนั การแก้ไขปญั หา
เฉพาะหน้า มีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองโภชนาการ สารอาหารและโรคต่าง ๆ ทีเ่ กดิ จากการ
บริโภคอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ และสุขาภิบาลซึ่งสามารถนำ�ไปปรับใช้ในการดูแลและ
ปอ้ งกนั ตนเองใหพ้ น้ จากโรคภยั ทเ่ี กดิ จากการบรโิ ภค รวมถงึ น�ำ ไปเผยแพรใ่ หบ้ คุ คลในครอบครวั
และสังคมตอ่ ไป

235

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

เน้อื หาเร่อื ง โภชนาการ

1. ความรพู้ ื้นฐานเรอื่ งโภชนาการ สารอาหารและประโยชนข์ องอาหาร
ความรู้พ้ืนฐานเรอ่ื งโภชนาการ

ความส�ำ คญั ของโภชนาการ คนทม่ี สี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรงจะเปน็ พน้ื ฐานของความสขุ
ทั้งปวง แต่การที่จะมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงนั้น จำ�เป็นต้องรับประทานอาหารที่มีคุณค่า
ครบถ้วน และในปริมาณเพียงพอซงึ่ เราเรยี กวา่ “บริโภคอาหารถกู ตอ้ งตามหลกั โภชนาการ”
การที่คนเราจะบริโภคอาหารได้ถูกต้องตามหลักโภชนาการนั้น ร่างกายควรได้
รับ
สารอาหารที่จ�ำ เปน็ ต่อการเจริญเติบโต การดำ�รงชีวิต และการมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง
อาหารทค่ี นเรารบั ประทานเขา้ ไปในแตล่ ะวนั ประกอบดว้ ยสารอาหารหลายประเภท ซง่ึ สารอาหาร
แต่ละประเภท ก็จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันออกไปตามแต่หน้าที่ที่กำ�หนด ทั้งนี้
สารอาหารเหล่านจ้ี ะต้องทำ�งานควบค่กู นั ไป ไมส่ ามารถทำ�งานอยา่ งอิสระไดโ้ ดยตัวเอง อกี ทง้ั

สารอาหาร (Nutrients)
สารอาหาร คอื หนว่ ยยอ่ ยทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบของอาหาร
เมื่อคนเราบริโภคเขา้ ไปแลว้ ร่างกายสามารถนำ�เอาสารอาหาร
เหลา่ นน้ั ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการด�ำ รงชวี ติ ได้ เชน่ กลโู คส กรดอะมิ
โน
กรดไขมัน วิตามินและน้ำ� เป็นต้น รวมทั้งก๊าซที่สิ่งมีชีวิตใช้
ในการหายใจ คอื กา๊ ซออกซิเจน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สารอาหาร มีความส�ำ คญั ตอ่ ชวี ติ และความเปน็ อยู่
ของมนษุ ย์ กลา่ วคอื สารอาหาร จะให้พลังงานและเสริมสร้าง
ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เสริมสร้างเนื้อเยื่อเพื่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
ของร่างกาย ส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการของสมอง อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้าง
ภมู คิ ุ้มกันและความต้านทานท่มี ตี อ่ โรคด้วย ในทางโภชนาการเราสามารถจ�ำ แนกประเภทของ
สารอาหารออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แรแ่ ละน�้ำ

236

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

1. โปรตนี (Protein) เปน็ สารอาหารที่จำ�เปน็ ตอ่ รา่ งกาย มีโครงสร้างซับซ้อน และมี
มวลโมเลกลุ มาก มอี ยู่ในเน้ือสตั วท์ ั่วไป รวมท้งั ในไข่และผักบางชนดิ โปรตีนมหี นา้ ท่สี ำ�คัญต่อ

โครงสรา้ งและกจิ กรรมภายในเซลลข์ องสง่ิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ เราสามารถ
จำ�แนกโปรตีนออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ โปรตีนที่ได้จากสัตว์
ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง พบมากในเนื้อสัตว์ทุกชนิด เช่น หมู
วัว เป็ด ไก่ ปลา กุ้ง หอย นม ไข่ เป็นต้น และประเภทที่สองคือ
โปรตนี ทไ่ี ด้จากพืช พบมากในถัว่ เมล็ดแห้งชนิดตา่ ง ๆ เช่น ถ่วั ลิสง
ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ� ถั่วแดง เมล็ดพืชชนิดต่าง ๆ เช่น งา
เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ฯลฯ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากถั่ว เช่น เต้าหู้ เต้าเจ้ียว
เต้าฮวย ฯลฯ และสามารถพบได้บ้างในข้าวและข้าวโพด อย่างไรก็ดีโปรตีนที่ได้จากพืชจะมี
คุณภาพต่ำ�กว่าโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ ยกเว้นโปรตีนที่ได้จากถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จาก
ถั่วเหลือง ซึ่งมีคุณภาพไม่ด้อยกว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์เลยแม้แต่น้อย
ประโยชนข์ องโปรตีนที่มีต่อรา่ งกาย
1. สรา้ งความเจริญเตบิ โตและซ่อมแซมสว่ นท่สี กึ หรอให้ร่างกาย
2. ใหพ้ ลงั งานแกร่ า่ งกาย ในกรณีที่รา่ งกายขาดพลงั งานจากคาร์โบโฮเดรตและไขมนั
โดยโปรตีน 1 กรัม จะให้พลงั งานประมาณ 4 แคลอรี่
3. สรา้ งนำ้�ย่อย ฮอร์โมน น้ำ�นม และสารภมู ิค้มุ กนั โรคใหแ้ กร่ า่ งกาย
4. ช่วยรักษาความสมดุลของน้ำ�ในหลอดเลือด เนื้อเยื่อและเซลล์ ถ้าร่างกายขาด
โปรตนี นาน ๆ จะท�ำ ใหเ้ ลอื ดใสจาง น�ำ้ จากเลอื ดจะถกู ดดู ซมึ เขา้ ไปในเนอ้ื เยอ่ื ท�ำ ใหเ้ กดิ อาการบวม
คนขาดโปรตนี จงึ มอี าการบวมตามตัว
5. ช่วยรกั ษาสมดลุ กรดและด่างของรา่ งกาย
2. คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) เป็นสารอาหารที่พบได้มากในข้าว แปง้ น�้ำ ตาล
เผอื ก มนั อาหารทม่ี เี ซลลโู ลสมาก ๆ เชน่ พชื ผกั ผลไมท้ ม่ี รี สหวาน พชื ทใ่ี หน้ �ำ้ ตาล เชน่ ออ้ ย
ประโยชนข์ องคาร์โบไฮเดรตทมี่ ตี ่อรา่ งกาย
1. ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย คาร์โบไฮเดรต
1 กรมั ใหพ้ ลงั งานประมาณ 4 แคลอร่ี และเปน็ พลงั งานทจ่ี ะถกู รา่ งกาย
น�ำ มาใชก้ อ่ นสารอาหารไขมันและโปรตนี ตามลำ�ดับ
2. ช่วยให้รา่ งกายนำ�สารอาหารโปรตนี ไปใช้ประโยชน์ได้เตม็ ที่
กลา่ วคือ ถ้าร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบโฮเดรตมาใช้ไม่เพียงพอ
รา่ งกายจะนำ�เอาโปรตนี มาสลายใหเ้ กดิ พลงั งานแทนรา่ งกายก็จะผอมลงได้

237

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

3. ใชเ้ ป็นพลังงานสำ�รองของร่างกายถ้าร่างกายรับประทานพวกคาร์โบไฮเดรตมาก
เกนิ ไปสว่ นทเี่ กินจะเปลย่ี นเป็นไขมันสะสมไว้ตามเนอื้ เยอื่ ต่าง ๆ ของรา่ งกายและจะถกู นำ�มา
ใชเ้ ม่อื ร่างกายขาดแคลนพลังงาน
4. เป็นองค์ประกอบทีส่ ำ�คญั ของตบั ซึ่งเปน็ อวัยวะสว่ นสำ�คญั ของร่างกายในการขจัด
สารพิษในเลือด
3. ไขมนั (Fat) ปัจจุบนั มคี นจำ�นวนมากทเี่ ข้าใจว่า ไขมนั เป็นส่ิงท่ใี ห้โทษแก่รา่ งกาย
แตค่ วามจรงิ แลว้ ไขมนั เปน็ สง่ิ จ�ำ เปน็ ทร่ี า่ งกายจะขาดเสยี มไิ ดเ้ พราะไขมนั จดั วา่ เปน็ องคป์ ระกอบ

พื้นฐานที่สำ�คัญเช่นเดียวกับโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่
และน้ำ� ไขมันเป็นสารอาหารจำ�เปน็ ชนดิ หน่งึ ท่ีมีส่วนชว่ ยในการท�ำ งาน
ของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายเปน็ ไปอยา่ งปกติ แต่คนส่วนใหญ่มัก
จะบริโภคไขมันเกินพอดี หรือเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันให้โทษ
แก่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว อันเป็นมูลเหตุที่สำ�คัญของการเกิดโรคหัวใจ
และโรคหลอดเลือดอุดตันตามมา ไขมันมีทั้งประเภทที่ได้มาจากพืชและสัตว์ ไขมันจากพืช
เช่น น้ำ�มันถั่วเหลือง น้ำ�มันงา ฯลฯ เหมาะสำ�หรับการบริโภค เนื่องจากจะไม่ก่อให้เกิด
การ
อดุ ตันในเส้นเลือด ส่วนไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น น้ำ�มันหมู น้ำ�มันวัว น้ำ�มันปลา เนยและ
นม
หากรบั ประทานในปรมิ าณทม่ี ากจนเกนิ ไป อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ หวั ใจหรอื เกดิ อาการไขมนั
อุดตันในเลือดได้
ประโยชนข์ องไขมันทม่ี ีต่อรา่ งกาย
1. ให้พลังงานแก่ร่างกายมากกว่าสารอาหารชนิดอื่น ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน
ประมาณ 9 แคลอรี่ ซึ่งนับว่ามากที่สุดในบรรดาสารอาหารทั้งหลายไขมันจึงเป็นสารอาหารที่
ให้พลังงานแก่ร่างกายเปน็ ส่วนใหญ่
2. ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพราะไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังจะช่วยป้องกันมิให้
ความร้อนออกจากร่างกาย และช่วยบรรเทาความหนาวเย็นจากภายนอก
3. ช่วยป้องกันการกระทบกระเทือนของอวัยวะในร่างกาย และเปรียบเสมอื นนวมที่
บอุ ย่ทู ว่ั ร่างกาย
4. ละลายวิตามนิ A D E และ K เพ่อื ใหร้ า่ งกายดดู ซึมวิตามนิ เหลา่ นีเ้ ข้าสรู่ ่างกาย
5. เป็นส่วนประกอบที่สำ�คัญของอวัยวะบางอย่างของร่างกาย เช่น เนื้อสมอง
เส้นประสาท เป็นต้น

238

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

4. วิตามนิ (Vitamin) คำ�ว่า Vitamin มาจากค�ำ 2 คำ� คือ Vita หมายถึง “ชีวติ ”
ส่วน Amin หมายถึง “สารอนิ ทรยี ท์ ส่ี �ำ คญั ตอ่ ชวี ติ ” วติ ามนิ ถอื เปน็ สารอนิ ทรยี ท์ ร่ี า่ งกายตอ้ งการ
ในปริมาณน้อย แต่มีความจำ�เป็นต่อการทำ�งานของร่างกาย นับตั้งแต่การหายใจของเซลล์
การนำ�โปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรต ไปใช้ในการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ และผลิตพลังงาน
สำ�หรับการด�ำ รงชวี ิต
วติ ามนิ นอ้ี าจแบง่ ออกตามลกั ษณะของการละลายไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ คอื
• ชนิดทลี่ ะลายในไขมัน ได้แก่ วติ ามนิ A D E และ K
• ชนดิ ทล่ี ะลายน�้ำ ไดแ้ ก่ วิตามิน C และวิตามิน
B Complex (ซง่ึ มีวิตามิน B รวมอย่ถู ึง 12 ชนิด)
วิตามนิ เปรียบเสมือนเครอ่ื งจักรเล็ก ๆ ตวั หนึง่ แต่มคี วามสำ�คญั อยา่ งยง่ิ ซ่ึงรา่ งกาย
ไม่สามารถขาดได้ วิตามินเป็นสารอาหารที่ไม่ได้ให้พลังงาน หรือใช้สร้างเนื้อเยื่อของร่างกาย
โดยตรง แต่เป็นสารอาหารที่ช่วยในกระบวนการเผาผลาญ หรือช่วยให้ปฏิกิริยาต่าง ๆ
เช่น การสร้างเม็ดเลือดแดง การแข็งตัวของเลือด การสร้างกระดูก การมองเห็น รวมไปถึง
การทำ�งานของระบบประสาท คนที่จะมีสุขภาพแข็งแรง จะต้องได้รับวิตามินแต่ละชนิดใน
ปรมิ าณทเ่ี พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกาย ทง้ั นร้ี า่ งกายของคนเราไมส่ ามารถสรา้ งวติ ามนิ
ขึ้นได้เอง หรือสร้างได้ก็มีปริมาณเล็กน้อย ดังนั้นร่างกายจึงจำ�เป็นต้องได้รับวิตามินต่าง ๆ
ผ่านทางอาหารซึ่งถ้ารับประทานอาหารไม่เพียงพอจะส่งผลให้สุขภาพเสื่อมลงและถ้าขาด
วิตามินติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติได้
ประโยชน์ของวิตามิน A ทม่ี ีตอ่ รา่ งกาย
1. ช่วยบ�ำ รุงสายตา และป้องกนั โรคตาฟางกลางคืน
2. ชว่ ยบ�ำ รงุ ผวิ หนงั และเยอ่ื บอุ วยั วะตา่ ง ๆ เชน่ นยั นต์ า ปาก หลอดลม หลอดอาหาร
และทางเดนิ ปสั สาวะใหเ้ กิดความชมุ่ ชนื่ และป้องกันไม่ใหต้ ิดเชอ้ื ไดง้ ่าย
3. ชว่ ยในการเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย เนอ่ื งจากวติ ามนิ A ชว่ ยส่งเสริมการท�ำ งานของ
แคลเซยี ม
4. ชว่ ยสร้างความต้านทานโรคทั่วไปให้แก่ร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับวิตามิน A
พอเหมาะแก่ความต้องการ
ประโยชนข์ องวิตามิน D ท่มี ีต่อรา่ งกาย
1. ชว่ ยท�ำ ให้ธาตแุ คลเซียมและฟอสเฟอรสั ดูดซึมผา่ นผนังบางๆ ของเซลลไ์ ดด้ ีขึ้น
2. ช่วยทำ�ให้ธาตุแคลเซียมและฟอสเฟอรัสรวมตัวกัน เพื่อสร้างกระดูกและฟันให้
เจรญิ เติบโตแข็งแรง ป้องกนั โรคกระดกู ออ่ น หากขาดวติ ามนิ D จะทำ�ให้เปน็ โรคกระดูกออ่ น
ขาโกง่ งอ ฟันผุงา่ ยและมีภมู ติ า้ นทานตำ่�

239

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

ประโยชน์ของวติ ามนิ E ท่มี ตี อ่ รา่ งกาย
1. ช่วยปกปอ้ งเซลล์ในร่างกายให้ทำ�หนา้ ท่ีได้อยา่ งสมบูรณ์
2. ยับยั้งการทำ�ลาย หรือการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ อันเนื่องมาจากการเกิด
อนุมูลอสิ ระซึ่งเกิดจากกระบวนการเมตาบอลซิ มึ ในรา่ งกาย และจากมลพิษในส่งิ แวดล้อม
3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด โรคหัวใจ
โรคต้อกระจก โรคข้ออักเสบฯ ช่วยทำ�ให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำ�งานได้ตามปกติ และ
ชว่ ยเพิ่มความชุ่มชืน่ ให้ผิวหนัง
ประโยชนข์ องวิตามิน K ท่มี ีต่อรา่ งกาย
1. ชว่ ยให้เลือดแข็งตัว
2. ท�ำ ใหเ้ ลือดหยดุ ไหลไดเ้ ร็วเม่อื เกิดบาดแผล
5. เกลือแร่ (Minerals) เป็นแร่ธาตุที่มีความจำ�เป็น
ต่อร่างกาย มีบทบาทและหน้าที่สำ�คัญในร่างกายหลายอย่าง
โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในการท�ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ โครงสรา้ งของรา่ งกายเปน็
องคป์ ระกอบของเซลลเ์ นอ้ื เยอ่ื และเสน้ ประสาทเปน็ องคป์ ระกอบ
ของเอนไซม์ ฮอรโ์ มนและวติ ามนิ นอกจากนเ้ี กลอื แรย่ งั ท�ำ หนา้ ท่ี
ควบคุมการท�ำ งานของกลา้ มเน้อื ในทุกอวัยวะ เกลอื แรม่ ีมากในอาหารทั่วไป สามารถแบ่งออก
ไดเ้ ปน็ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกนั คอื เกลือแรห่ ลักและเกลือแร่ส่วนนอ้ ย เกลอื แร่ทสี่ �ำ คญั ได้แก่
เหล็ก ไอโอดีน แคลเซียมและฟอสเฟอรัส ฯลฯ
ประโยชนข์ องเกลือแรช่ นิดต่าง ๆ
• แคลเซยี ม
1. เป็นส่วนประกอบสำ�คัญของกระดูกและฟันหากร่างกายขาดแคลเซียมจะทำ�ให้
โครงร่างของร่างกายเจรญิ เตบิ โตไม่เตม็ ท่ี และเป็นโรคกระดูกอ่อน
2. ช่วยควบคุมการท�ำ งานของหวั ใจ กล้ามเนือ้ และระบบประสาท
3. ชว่ ยท�ำ ใหเ้ ลือดแขง็ ตัวและทำ�ให้เลือดหยุดเมอ่ื รา่ งกายเกิดบาดแผล
• ฟอสเฟอรัส
1. ทำ�งานรว่ มกบั แคลเซียมในการสรา้ งกระดูกและฟนั
2. ควบคุมการปลอ่ ยพลงั งานในการเผาไหมข้ องคารโ์ บไฮเดรต ไขมนั และโปรตนี
3. ควบคมุ สมดุลของความเปน็ กรดและดา่ งในเลอื ด
4. เป็นส่วนประกอบของสมองและไขสนั หลงั

240

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

• เหลก็
1. เปน็ สว่ นประกอบสำ�คญั ของ “ฮโี มโกลบนิ ” ในเมด็ เลอื ดแดง หากรา่ งกายขาดธาตุ
เหลก็ จะท�ำ ให้เป็นโรคโลหิตจาง ซ่งึ มอี าการซีด ออ่ นเพลีย เหน่ือยงา่ ย
2. เหล็กยังเป็นส่วนประกอบของกล้ามเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยทำ�หน้าที่ขับออกซิเจนที่
เลอื ดนำ�มาไวใ้ ช้
• ไอโอดีน
ธาตไุ อโอดนี มปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกายคอื เปน็ สว่ นประกอบทส่ี �ำ คญั ของฮอรโ์ มนทผ่ี ลติ จาก
ตอ่ มไทรอยด์ ฮอรโ์ มนนท้ี �ำ หนา้ ทค่ี วบคมุ ใหร้ า่ งกายเจรญิ เตบิ โตตามปกติ ถา้ รา่ งกายขาดไอโอดนี
จะท�ำ ใหต้ อ่ มไทรอยดโ์ ตขน้ึ เรยี กวา่ “โรคคอพอก” ดงั นน้ั ไอโอดนี จงึ มปี ระโยชนใ์ นการปอ้ งกนั
โรคคอพอกและไมท่ �ำ ให้รา่ งกายเตย้ี แคระแกรน
• โซเดียม
1. ชว่ ยท�ำ ให้น้�ำ ในเนอ้ื เยอื่ และหลอดเลอื ดมคี วามสมดลุ
2. ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำ�งานปกติ โดยเฉพาะการขบั ถา่ ยของเสยี ทาง
ไตและผวิ หนงั
น�ำ้ (Water) จัดเปน็ สารอาหารทีไ่ ม่ใหพ้ ลังงาน แตร่ า่ งกายมีความจ�ำ เปน็ ทต่ี ้องได้รบั
อย่างสม่ำ�เสมอ เพราะในขณะออกกำ�ลังกายร่างกายมีการสูญเสียน้ำ�จากการระเหยของเหงื่อ
หรอื ระดับอณุ หภมู ิของรา่ งกายท่ีเพิ่มสูงข้ึน การขาดนำ้�จะสง่ ผลให้ประสทิ ธิภาพในการทำ�งาน
ของร่างกายลดลง การขาดน้ำ�เป็นระยะเวลานานจะทำ�ให้เกิดอาการกล้ามเนื้อเป็นตะคริว
เปน็ ลมและหมดสติ

ประโยชน์ของอาหารตอ่ สุขภาพทางกาย
ท�ำ ใหร้ า่ งกายเจรญิ เตบิ โต คนเราจะมรี ปู รา่ งสงู ใหญเ่ พยี งใดขน้ึ อยกู่ บั การรบั ประทานอาหาร
และพันธุกรรมของแต่ละคน คนที่มีลักษณะรูปร่างสูงใหญ่ หากรับประทานอาหารถูกหลัก
โภชนาการ ร่างกายจะสูงใหญ่ตามลักษณะทางพันธุกรรม ตรงกันข้ามกับคนที่รับประทาน
อาหารไม่ถกู หลักโภชนาการ รูปรา่ งกจ็ ะเจรญิ เตบิ โตไม่เต็มทท่ี ำ�ใหต้ ัวเลก็ กวา่ ปกติได้ แมจ้ ะมี
ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีรูปร่างสูงใหญ่ก็ตาม
ทำ�ให้หญิงมีครรภ์และทารกในครรภ์แข็งแรง หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารถูก
หลักโภชนาการจะช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นในระหว่างมีครรภ์ได้ เช่น การแท้งบุตร
การคลอดบุตรก่อนกำ�หนด เป็นต้น นอกจากนี้หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารถูกหลัก
โภชนาการ รา่ งกายจะแขง็ แรงและทารกในครรภก์ จ็ ะเจรญิ เตบิ โตทง้ั ทางดา้ นรา่ งกายและสมอง
อย่างปกติ เมื่อคลอดทารกก็จะคลอดได้ง่าย และมีสุขภาพแข็งแรงเจริญเติบโตเป็นปกติ
ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย และผเู้ ป็นมารดาก็จะฟน้ื คืนสู่ภาวะปกติหลังคลอดบตุ รไดอ้ ย่างรวดเร็วดว้ ย

241

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ

ทำ�ให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคไม่เจ็บป่วยได้ง่าย คนที่ได้รับประทานอาหารถูกหลัก
โภชนาการร่างกายจะสามารถต้านทานโรคได้ดี เพราะมีภูมิต้านทานโรคได้ดีแม้เมื่อมีอาการ
เจบ็ ป่วยเล็กนอ้ ยหรอื ไม่รนุ แรงนกั ร่างกายจะสามารถรักษาตวั เองได้โดยไม่ต้องไปพบแพทย์

ประโยชน์ของอาหารตอ่ สุขภาพจติ และปัญญา
ทำ�ให้สมองและสติปัญญาดี สมองของคนจะเริ่มพัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
และเมื่อคลอดแล้วสมองก็จะยังคงเจริญเติบโตต่อไปอีก หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารถูก
หลักโภชนาการจะท�ำ ให้สมองของทารกในครรภ์ มกี ารพฒั นาเจริญเติบโตอย่างเตม็ ที่ และเมอ่ื
คลอดออกมาแลว้ ถา้ เดก็ ไดร้ บั ประทานอาหารถกู หลกั โภชนาการ โดยเฉพาะในชว่ งอายุ 1 - 3 ปี
เด็กจะมีพัฒนาการทางสมองและสติปัญญาอย่างสมบูรณ์ ถึงร้อยละ 80 ของสมองทั้งหมด
ทำ�ใหจ้ ติ ใจและอารมณแ์ จม่ ใส

ความสำ�คัญของอาหารกบั สขุ ภาพ
อาหารที่สะอาดและปลอดภัย ย่อมมีความสำ�คัญยิ่งต่อสุขภาพของผู้บริโภคทั้งใน
ปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากสารบางชนิดก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษหลังบริโภคไม่นาน เช่น
สารพษิ จากแบคทเี รยี แตส่ ารพษิ บางชนดิ จะสะสมและแสดงอาการในระยะยาว เช่น พิษจาก
ตะกวั่ และสารหนู เปน็ ตน้
คนยคุ เกา่ สนใจอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ รบั ประทานอาหารสดตามธรรมชาติ อาหารทบ่ี รโิ ภค
จะตอ้ งมคี วามสมดลุ มคี ณุ คา่ คนจงึ ไมค่ อ่ ยเปน็ โรค อาหารยคุ ใหมด่ สู วยงาม กลน่ิ ชวนรบั ประทาน
รสอร่อย มีให้เลือกเป็นจำ�นวนมาก มีสารเคมีใช้ผสมอาหาร ซึ่งหาประโยชน์ทางคุณค่า
ทางโภชนาการไม่ได้ คนในยุคใหม่กำ�ลังเป็นโรคขาดสารอาหาร ทั้งที่กินดีอยู่ดี โรคขาด
สาร
อาหารไม่ได้เกิดจากการกินน้อยหรือไม่มีกิน แต่เป็นเพราะการละเลยเรื่องคุณค่าอาหาร
กินแต่อาหารดัดแปลงไมม่ คี ณุ ค่า ไมม่ สี ารอาหารทีเ่ หมาะสม มโี ปรตีนวติ ามินและเกลอื แร่ไม่
เพยี งพอจงึ ท�ำ ให้ขาดสารอาหารและบั่นทอนสขุ ภาพเป็นผลใหเ้ กิดโรคตา่ ง ๆ ตามมา
ปัจจุบัน การกินอาหารเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะสังคม เรากินข้าวกันนอกบ้าน
มากขน้ึ ซอ้ื อาหารถงุ ส�ำ เรจ็ และอาหารขา้ งถนนเพม่ิ มากขน้ึ ความพถิ พี ถิ นั ในการกนิ ของคนไทย
ลดลง ด้วยอ้างว่าไม่มีเวลาไม่สะดวกจึงไม่คำ�นึงถึงคุณค่าของอาหารและสุขภาพ อาหาร
แปรสภาพจากจานในครัวเป็นอาหารในกล่อง ในกระป๋อง หีบห่อ รูปแบบทันสมัย สวยงาม
น่าดู นา่ ซื้อ เครอ่ื งปรุงเดิมเป็นเครือ่ งเทศ สมนุ ไพร เกลือ น�้ำ ปลา น�้ำ ซอส กลายเป็นสารเคมี
เปน็ หยด ๆ หรอื กอ้ นส�ำ เรจ็ รปู แทน ผลกค็ อื อาหารจากกระบวนการอตุ สาหกรรม (ใสส่ ารเคม)ี
จะท�ำ ใหเ้ กดิ การสะสมเขา้ ไปในรา่ งกายเปน็ ผลใหม้ อี าการของโรคตา่ ง ๆ หลายชนดิ เปน็ การ
ตาย
แบบผ่อนส่ง ในแต่ละคนมีหลายโรค สุขภาพของคนยุคใหม่จึงเสื่อมโทรมอย่างไม่น่าเชื่อ

242

คมู่ อื วทิ ยากรยวุ กาชาด : ส�ำ หรบั การอบรมอาสายวุ กาชาดหลกั สตู รพน้ื ฐานยวุ กาชาด

2. โรคท่ีเกิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ่ กู หลกั โภชนาการและสุขาภิบาล
การสุขาภิบาลอาหาร หมายถึง การจัดและควบคุมอาหารให้สะอาด ปลอดภัยจาก
เชื้อโรค พยาธิ และสารเคมีที่มีพิษต่าง ๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
สุขภาพอนามัย และการดำ�รงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นการสุขาภิบาลอาหารจึงเป็นวิธีการที่ทำ�
ใหอ้ าหารสะอาด ปลอดภยั

โรคท่เี กิดขน้ึ เน่อื งจากอาหารไม่สะอาด
1. โรคทางเดนิ อาหารจากเชอ้ื แบคทเี รยี อาทิ อหวิ าตกโรค บดิ ไทฟอยด์ อาหารเปน็ พษิ
อจุ จาระร่วง
2. โรคของระบบทางเดนิ อาหารจากเชื้อไวรสั เช่น ตบั อกั เสบจากเชอ้ื ไวรัส ตับอกั เสบ
ชนิดเอ
3. พิษจากเชื้อรา เชื้อราที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย คือ เชื้อราอะฟลาทอก
ซิน
ถ้ามกี ารสะสมในปริมาณมาก ๆ จะเป็นสาเหตุของมะเร็งในตบั
4. โรคพยาธติ ่าง ๆ เช่น พยาธิไสเ้ ดอื น พยาธติ ัวตดื พยาธใิ บไม้
5. พิษและสัตวท์ ี่เป็นพษิ เชน่ เห็ดเมา เห็ดพษิ พษิ จากปลาปกั เป้า แมงดา คางคก
6. พษิ จากสารโลหะหนักต่าง ๆ เช่น พิษจากสารตะกั่ว ทำ�ให้สมองบวม ชัก
เป็นอมั พาตหรือพิษจากแคดเมียมจะทำ�ลายปอด ตบั ไต กระดูกผุ
7. พษิ จากยาฆา่ แมลง และยาปราบศตั รูพืช หากรบั ปรมิ าณมาก ๆ ท�ำ ใหเ้ กดิ อาการ
คล่ืนไส้ อาเจียน มึนงง ปวดทอ้ ง หมดสติหรือเสียชวี ติ ได้

โรคท่ีเกิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ่ กู หลักโภชนาการ
โรคเกาต์ เปน็ โรคทม่ี สี าเหตมุ าจากรา่ งกายมรี ะดบั ของกรดยรู กิ ในกระแสเลอื ดสงู กวา่
ปกติ ทำ�ให้เกิดอาการอักเสบ บวมแดงร้อน มีอาการปวดข้อเรื้อรัง และถ้าหากมีอาการเรื้อรัง
เปน็ เวลานาน จะทำ�ใหข้ อ้ ผิดรูปและสูญเสยี หนา้ ทใี่ นการท�ำ งานไปไดใ้ นท่ีสุด กรดยรู ิกเป็นสาร
ชนิดหนึ่งที่ได้จากการย่อยสลายสารเพียวริน ซึ่งมีอยู่มากในเนื้อสัตว์ปีกเครื่องในสัตว์ พืชผัก
ยอดอ่อน เช่น หนอ่ ไม้ ถั่วงอก สะเดา แตงกวา ฯลฯ
โรคหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจมีหลายประการ ที่สำ�คัญที่สุดคือกรรมพันธ์ุ
การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การสูบบุหรี่ และโรคความดันโลหิตสูงฯ สาเหตุหลักของ
การ
บริโภคที่ทำ�ให้คลอเลสเตอรอลในเลือดสูงนั้นไมได้เกิดขึ้นเนื่องจากการรับประทานอาหาร
ที่มีคลอเรสเตอรอลสูง หากแต่เกิดขึ้นเนื่องจากการบริโภคไขมันอิ่มตัวมากเกินไปในปัจจุบัน
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่า การบริโภคอาหารไขมันต่ำ� การออกกำ�ลังกาย และ
การรู้จักผ่อนคลายความเครยี ด มผี ลท�ำ ใหโ้ รคหลอดเลอื ดหัวใจหายไปได้เอง

243

ตอนท่ี 2 : เนอ้ื หาและกจิ กรรม หมวดท่ี 3 : การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ


Click to View FlipBook Version