คู่มือครู
Teacher Script
สังคมศกึ ษำ ม.
3ศำสนำ และวัฒนธรรมฯ
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3
ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั สาระภมู ศิ าสตร ์ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
ผู้เรยี บเรียงหนงั สอื เรียน ผตู้ รวจหนงั สอื เรยี น บรรณาธกิ ารหนังสือเรยี น
รศ. ดร.ด�ารงค ์ ฐานดี รศ. ดร.สากล สถิตวิทยานันท ์ นายสมเกยี รติ ภรู่ ะหงษ์
ผศ.วิชัย ภูโ่ ยธนิ ผศ. ดร.สจุ ิตรา ช�านวิ กิ ย์กรณ์
นางสุคนธ ์ สนิ ธพานนท์ นายมโนธรรม ทองมหา
ศ. ดร.ตีรณ พงศม์ ฆพัฒน์
รศ.จรนิ ทร์ เทศวานิช
รศ. ดร.อภิสทิ ธิ ์ เอ่ยี มหน่อ
ผศ.วโิ รจน์ เอี่ยมเจรญิ
ผ้เู รยี บเรยี งคูม่ อื ครู
นางระวิวรรณ ตั ง้ั ตรงขันติ
นางสุคนธ ์ สินธพานนท์
ดร.วัธนีย์วรรณ อรุ าสขุ
นายวทิ ยา ัยวุ ภษู ิตานนท์
พิมพค รั้งที่ 1
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบญั ญตั ิ
รหสั สนิ คา 2343197
ค�ำแนะน�ำกำรใช้
คมู่ อื ครู รายวชิ า สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรมฯ ม.3 จดั ทา�
ขึ้นเพ่ือให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน
เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียน ตาม
นโยบายของสา� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (สพฐ.)
เพ่มิ คาํ แนะนําการใช้ ชวยสรำงควำมเขำใจ เพ่ือใชคูมือครูได นาํ นาํ สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ
อยำ งถูกตองและเกดิ ประสิทธภิ ำพสูงสดุ
ñ. ลักษณะทางกาÂÀา¾ของทวีปอเมรกิ าเหนอื
เพ่มิ คําอธิบายรายวิชา แสดงขอบขำยเนอื้ หำสำระของรำยวิชำ ขนั้ นาํ (Geographic Inquiry Process)
ซง่ึ ครอบคลมุ มำตรฐำนกำรเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั ตำมทห่ี ลกั สตู ร ทวปี อเมรกิ าเหนอื มเี นอื้ ท ี่ ๒๔,๒๔๗,๐๓๙ ตารางกโิ ลเมตร หรอื ประมาณรอ้ ยละ ๑๖.๕ ของ
4. ครูจัดกิจกรรมเกม “ท่ีน่ีที่ไหน” เพื่อกระตุน เนื้อที่แผ่นดินโลก มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ ๓ รองจากทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา มีลักษณะ
ก�ำหนด ความสนใจ/กระตุนความคิดเก่ียวกับทําเล เป็นพ้ืนที่กว้างทางตอนเหนือแล้วเรียวแคบลงทางตอนใต้ วัดระยะความกว้างของแผ่นดินจาก
ท่ีตั้ง อาณาเขต และลักษณะภูมิประเทศ ชอ่ งแคบเบรงิ ถงึ เกาะนวิ ฟนั ดแ์ ลนดไ์ ด ้ ๔,๘๒๘ กโิ ลเมตร สว่ นทแี่ คบทสี่ ดุ ของแผน่ ดนิ อยทู่ ค่ี อคอด
เพิ่ม Pedagogy ชวยสรำงควำมเขำใจในกระบวนกำรออกแบบ ของทวีปอเมริกาเหนือ เพ่ือนําเขาสูการเรียน ปานามา กว้างประมาณ ๕๐ กิโลเมตร
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบ Active Learning ไดอยำงมี โดยครูนํา PPT การใบคําจากรูปภาพปริศนา ๑.๑ ที่ตง้ั และอาณาเขต
ประสทิ ธภิ ำพ มาใหนักเรียนทายชื่อประเทศ สถานที่ หรือ ทวีปอเมรกิ าเหนอื มีท่ีต้ังตามพกิ ดั ทางภมู ศิ าสตร์ระหว่างละตจิ ูด ๗ � ๑๕’ เหนือ ถงึ ละตจิ ูด
ลักษณะภูมิประเทศที่อยูในทวีปอเมริกาเหนือ ๘๓ � ๓๘’ เหนอื และระหวา่ งลองจจิ ดู ๑๖๘ � ๐๕’ ตะวันตก ถึงลองจิจดู ๕๕ � ๔๒’ ตะวันตก
เพิ่ม Teacher Guide Overview ชว ยใหเ หน็ ภำพรวมของกำร พรอมทั้งระบุตําแหนงของสถานท่ีดังกลาว มีอาณาเขตจดน่านน�้า คือ มหาสมุทร ทะเล และอ่าวต่าง ๆ ทุกทิศโดยรอบพ้ืนที่ทวีป มีเพียง
จัดกำรเรียนกำรสอนท้ังหมดของรำยวิชำกอนท่ีจะลงมือ บนแผนท่ีท่ีอยูในหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ทางใตบ้ ริเวณทปิศระเหเทนศอื ป านามาทจดมี่ มพี หนื้ าทสีต่ มิดทุ ตรอ่ อกาับรก์ทตวกิปี อทเมะเรลิกโาบใฟตอ ้ อรา์ต1ณ อา่าเวขแตบตฟดิ ตฟอ่ ิน 2 มดี ังน้ี
สอนจริง ม.3 ใหถ กู ตอ ง (เชน ภาพสนุ ขั พนั ธแุ ลบราดอร
กาํ ลงั คาบสมดุ หมายถงึ การใบค าํ ถงึ คาบสมทุ ร อา่ วฮดั สนั และทะเลแลบราดอร์
เพิ่ม Chapter Overview ชว ยสรำ งควำมเขำ ใจและเหน็ ภำพรวม แลบราดอร) ภายในระยะเวลาภาพละไมเกิน ทศิ ตะวันออก จดมหาสมุทรแอตแลนตกิ ตอนเหนือ
ในกำรออกแบบแผนกำรจดั กำรเรียนรูแตล ะหนวย 2 นาที ใครตอบไดถูกตองและรวดเร็วที่สุด ทศิ ใต้ จดมหาสมุทรแปซิฟกิ ติดตอ่ กับทวีปอเมริกาใต้
ถอื เปนผูชนะ
จดอ่าวเมก็ ซโิ ก และทะเลแครบิ เบยี น
ขน้ั สอน ทิศตะวนั ตก จ ดมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ อ่าวอะแลสกา และมี
ชอ่ งแคบเบรงิ กน้ั ระหวา่ งทวปี อเมรกิ าเหนอื กบั ทวปี เอเชยี
ขั้นท่ี 1 การต้งั คําถามเชิงภูมศิ าสตร
1. ครูตั้งประเด็นคําถามตอยอดจากกิจกรรม
“ที่น่ีที่ไหน” ในข้ันนําท่ีผานมาเพ่ือเชื่อมโยง
คาํ ถามทางภมู ศิ าสตรเ กย่ี วกบั ทาํ เลทต่ี งั้ ขนาด
อาณาเขต และลักษณะภูมิประเทศของทวีป
อเมรกิ าเหนอื เชน
• แอปเปลวอชิงตันท่ีรูจักกันในไทยมาจาก
สหรัฐอเมรกิ า จริงหรอื ไม
• ปอู ะแลสกาเกย่ี วขอ งกบั รฐั อะแลสกาหรอื ไม
เพิ่ม Chapter Concept Overview ชวยใหเห็นภำพรวม ๑8๒ เทือกเขารอ็ กกีต้ังอยู่ทางฝงั่ ตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ มแี นวทอดตัวยาวจากแคนาดา สหรัฐอเมริกา
Concept และเนอื้ หำส�ำคัญของหนว ยกำรเรยี นรู จนถึงเมก็ ซิโก ยาวประมาณ ๔,๘๐๐ กโิ ลเมตร
เพ่มิ ข้อสอบเน้นการคิด/ข้อสอบแนว O - NET เพ่ือเตรียม นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
ควำมพรอมของผเู รยี นสกู ำรสอบในระดับตำง ๆ
1 ทะเลโบฟอรต ทะเลในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ อยทู างตะวันออกเฉยี งเหนอื ขอ ใดกลา วถกู ตอ งเกย่ี วกบั ทต่ี ง้ั และอาณาเขตของทวปี อเมรกิ าเหนอื
เพม่ิ กิจกรรม 21st Century Skills กจิ กรรมท่จี ะชว ยพฒั นำ ของรฐั อะแลสกา สหรฐั อเมรกิ า ทางตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ของประเทศแคนาดาและ 1. เสนเมรเิ ดยี นแรกลากผา นเมืองนวิ ยอรก ของสหรฐั อเมริกา
ผูเรียนใหมีทักษะท่ีจ�ำเปนส�ำหรับกำรเรียนรูและกำรด�ำรงชีวิต ทางตะวนั ตกของเกาะแบงสใ นกลุมเกาะอารกติก ลกึ ประมาณ 4,600 เมตร 2. ประเทศปานามาเปน เพยี งประเทศเดยี วทมี่ พี น้ื ทอี่ ยใู นซกี โลกใต
2 อาวแบฟฟน อาวในมหาสมุทรแอตแลนติก ต้ังอยูระหวางดานตะวันตก 3. ชายฝงดานตะวันตกของทวีปติดตอกับมหาสมุทรแอตแลนติก
ในโลกแหง ศตวรรษท่ี 21 ของเกาะกรีนแลนดกับดานตะวันออกของเกาะแบฟฟน เชื่อมตอกับมหาสมุทร
แอตแลนติกทางชอ งแคบเดวิส เหนือ
เพิ่ม STEM Project แนวทำงกำรจัดกำรศึกษำใหผูเรียนเกิด
กำรเรียนรูและสำมำรถบูรณำกำรควำมรูทำงวิทยำศำสตร์ โซน 2 โซน 34. แมนํ้ารีโอกรันเดเปนพรมแดนธรรมชาติท่ีกั้นระหวางภูมิภาค
เทคโนโลยี กระบวนกำรทำงวศิ วกรรม และคณติ ศำสตร์ไปใช อเมริกาเหนอื และอเมรกิ ากลาง
เชือ่ มโยงและแกปญหำในชวี ิตจริง
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. แมนํ้ารีโอกรันเดเปนเสนแบงเขต
ดานตะวันตกและตะวันตกเฉียงใตของรัฐเท็กซัส และระหวาง
รัฐเท็กซัสในภูมิภาคอเมริกาเหนือกับประเทศเม็กซิโกในภูมิภาค
อเมริกากลาง)
T208
โซน 1 ช่วยครจู ัด โซน 2 ชว่ ยครเู ตรียมสอน
กำรเรียนกำรสอน โดยประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ทเี่ ปน็ ประโยชนส์ า� หรบั ครู
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน เพ่ือนา� ไปประยุกต์ใชจ้ ัดกจิ กรรมการเรยี นรใู้ นชนั้ เรยี น
โดยแนะนา� ขั้นตอนการสอน และการจดั กจิ กรรมอยา่ งละเอียด
เพือ่ ให้นักเรียนบรรลุผลสัมฤทธติ์ ามตัวชวี้ ดั เกร็ดแนะครู
น�ำ สอน สรปุ ประเมิน ความรู้เสรมิ สา� หรับคร ู ขอ้ เสนอแนะ ข้อสงั เกต แนวทางการจัด
กจิ กรรมและอื่น ๆ เพ่ือประโยชน์ในการจัดการเรยี นการสอน
นกั เรียนควรรู้
ความรเู้ พ่มิ เตมิ จากเน้ือหา ส�าหรับอธิบายเสรมิ เพิม่ เตมิ ให้
กบั นกั เรยี น
โดยใชห้ นงั สอื เรยี น สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรมฯ ม.3 และแบบฝก สมรรถนะและการคดิ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3
เศรษฐศาสตร ม.3 ภมู ศิ าสตร ม.3 ของบรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น ์ อจท. จา� กดั เปน็ สอื่ หลกั (Core Material) ประกอบการสอน
และการจดั กจิ กรรมการเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั ของกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา
และวฒั นธรรม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยคมู่ อื ครมู อี งคป์ ระกอบทง่ี า่ ยตอ่ การใชง้ าน
ดงั น้ี
โซน 1 นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ช่วยครูเตรยี มนกั เรยี น
แผนทแี่ สดงเขตการปกครองของทวีปอเมรกิ าเหนอ� 20 ํW 10 Wํ 0ํ ขนั้ สอน ประกอบด้วยแนวทางการจัดกิจกรรมและเสนอแนะ
160 Eํ 170 Eํ 180 ํ 160 Wํ 140 Wํ 120 ํW100 Wํ 80 Wํ 60 Wํ 40 ํW แนวข้อสอบ เพอื่ อ�านวยความสะดวกให้แก่ครูผสู้ อน
N 500 มาต0ราสว น 1 : 50,010,00,00000 1,500 กม. ขนั้ ท่ี 1 การตัง้ คําถามเชงิ ภูมิศาสตร
80 Nํ มหาสมุทรอารกติก เ สนอา รก ิตกเซอ รเ ิคล 70 ํN 2. ใหนักเรียนรวมกันต้ังประเด็นคําถามทาง กจิ กรรม 21st Century Skills
ท7ว0 ปีNํ เอเชียทะเลชุค ท ะ เ ล โ บ ฟ อ ร ต ก รี น แ ล น ด ภูมิศาสตรเก่ียวกับลักษณะทางกายภาพของ กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างช้ินงาน
(ดินแดนปกครองตนเองของประเทศเดนมารก) ทวีปอเมริกาเหนือท่ีเกี่ยวของกับทําเลที่ตั้ง หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอดเพอื่ ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทรี่ ะบใุ นทกั ษะ
60 Nํ ชองแคบเบรงิ ชี อ า ว แ บ ฟ ฟ น ขนาด อาณาเขต และลักษณะภูมิประเทศ แหง่ ศตวรรษที่ 21
เพ่ือคนหาคําตอบ โดยครูแบงนักเรียนออก
อะแลสกา 60 ํN เปน 7 กลมุ กลุมละ 6-8 คน ตามลกั ษณะ ขอ้ สอบเน้นการคดิ
ภูมิประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ ไดแ ก
ทะเลเบรงิ ชอ งแคบเดวสิ • เขตกลมุ เทือกเขาดา นทิศตะวนั ตก ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิด มีท้ังปรนัย - อัตนัย พร้อม
• บรเิ วณคะเนเดียนชีลด เฉลยอย่างละเอียด
ยคู อน นูนาวุต นิวฟนดแ ลทนะดเแลละแแลลบบรราาดอร • เทือกเขาแอปพาเลเชียน
• ที่ราบเกรตเพลนส กิจกรรมเสรมิ สรา้ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค
50 Nํ อา วอะแลสก นอรทเวสตเทรรทิ อรีส • ที่ลมุ ตา่ํ ตอนกลาง
• ทรี่ าบชายฝง และอา วดา นมหาสมทุ รแอตแลนตกิ กจิ กรรมเสนอแนะแนวทางการเสรมิ สรา้ งคณุ ลกั ษณะ
า อา วฮัดสัน 50 Nํ • เกาะและหมูเ กาะ อนั พงึ ประสงค์
จากน้ันครูนําแผนท่ีแสดงลักษณะภูมิประเทศ
แ ค น า ด าบรติ ชิ โคลมั เบยี แอลเบอรตา ดอร ของทวีปอเมริกาเหนือ มาใหแตละกลุมนําไป กิจกรรมท้าทาย
ศกึ ษาและรว มกนั ตงั้ ประเดน็ คาํ ถามจากแผนท่ี
มหาสม ซัสแคตเชวนั แมนิโทบา ควิเบก ที่แตละกลุมไดรับ กลุมละ 1 คําถาม โดย เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอ่ื ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น
คาํ ถามจะตอ งแสดงความสมั พนั ธร ะหวา งทต่ี ง้ั ทเ่ี รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน
ทุ รแปซ40 Nํ วอชิงตัน ออนแทรีโอ นิวบรนั สวกิ พรนิ ซเ อด็ เวิรด ไอแลนด และลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของทวปี อเมรกิ าเหนอื ระดบั ทส่ี ูงขึ้น
กบั กจิ กรรมของประชากรในทวีป
โนวาส. กจิ กรรมสร้างเสรมิ
ฟิ ก ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า30 เมน 40 ํN
22นฮค00คอิกอํNำํNนาสสอร1ตดหธ4าาูร0บิกรรัสฮาัฐัวWํิกาเทเเแยอขขมวคาหาสเเาตตอืกิมงยญัลาวปรงนรจะง ฐัหลคริก้ำนาเบก1ากัะลเา้ำห6ไาเมษวว0ะทามโงกณเูอศํWบกาวาาาะฮ1ฮฮู 3าเเกฮว0าาาตมยWํะเเกซฮิ าาานะโวส1ตเ7ดาม20เวย0มาซินอWํนนิWํเี ซตกิ นคอนัติตอสรแมิกแลอเอลนะนเเนตะซวกดเเนานรซอดนอตวมารกสิลาแ1ไนิรดร1ออูเัตกีชเีนี0รด6นยีาปยโิส0าดซWํบแทูโซ กาํWฮนอาามฟิมวรนหาาอบา บกทเรนดนิวาตีกไอดแริวีนาวลทาเเโีกแบโมปูคนอลโก็ โดามะลซ1สิงริโ0ากเมเโํNนซด็กเอานซ1รทแทิโ0ดเอโมเอวเเบกววพ0ทนแดโ.ิินลราสอซรอโนวค.ก็.าดโสํWร.คาิตค.โนซ.จกสคลีติ.ซสัก.าตามาสั โาอเเเแอเโินฮวพววนมินลินออสอไมนวลรดอรรตโิาาซิแินกแีจมซอโเสมลิลวออาเิัวออวลากตโนนสิอเยนกเนวสิรวยุาตียดรซสวัาเคเาตคเวจชนมเูรซนัเเิอียอียีนายีตซซนลอลียเนอซาามลิ ซานซิน.มาลัเซิตมทอ็ลัลเวีชิ นคินกวาแิ านเดานดกทด.สนเโซอเักอบตอซเรรกลอไบิกีจีฮโอโอซู ลมโตฮริกออแเซีฮเนตวกสัลอจพาสาอซปยีตนวเน.นวมรนวาเาเาาาทซพอวิานิกนดทรยรนาแนวโจมาอิกทาคฮาอ.ูริ.ครรกโเแรชาก.สัะซรวัคิิงเาไสววตบโล.กนรเนัปนไาศจบัวลาดลนูฮเนาปนดาแ.ี ยซวิ ลาามนนาาเเส.ีนาจแมคสมปตูหแแนโคอาาซิงรอรมวอริวกามดสาอรซรมแสนคไาสตาโสียฮซเอซตนาันมาแมติตแเชปลรสทปีูเุทนเนซเิชิครดฮอตทยีรบัตโง สรรดซแตเอ มมอปซิเทนิกเาตรปอนบกิ แวอโอกิ นัฟตลีปีซรแโยานโาดคตนใตมนนฮรเงิติกซวโโิ อกกน ร เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นท่ี
ํN แคลฟิ อรเ นยี 30 Nํ ควรได้รบั การพัฒนาการเรียนรู้
20 ํN
ฟลอรดิ า 10 Nํ กจิ กรรม Geo - Literacy (ภมู ศิ าสตร)
แอละแบมา 0ํ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมเพอื่ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจลกั ษณะ
มสิ ซิสซปิ ป ทางกายภาพของโลก ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ยก์ บั สงิ่ แวดลอ้ ม
และนา� ความรู้ไปปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจ�าวนั ได้
เ ม็ ก ซิ
มหาสมทุ รแ
เซเแนหอปตมูงเอมกกราวิาโรละติตเลวนิราอโรกจิน ค
Projection: Lambert Conformal Conic 90 ํWCOPYRIGHT © Aksorn C8h0aroํWenTat ACT. Co.,Ltd
แผนที่แสดงเขตการปกครองของทวีปอเมรกิ าเหนอื ๑8๓
กจิ กรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู
ครูนําแผนท่ีโครงรางของทวีปอเมริกาเหนือมาใหนักเรียน ครูควรนําแผนที่แขวนขนาดใหญที่แสดงที่ตั้งและอาณาเขตของประเทศ
ระบายสี พรอ มเขยี นรายละเอยี ดตา งๆ ลงแผนท่ี เชน ชอ่ื ประเทศ ในทวปี อเมรกิ าเหนอื มาใชป ระกอบการเรยี นการสอน เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดเ หน็ ภาพ
เมอื งหลวง ทะเล อา ว เกาะ หมเู กาะ มหาสมทุ ร ทชี่ ดั เจนและเขาใจในรายละเอยี ดของแผนทีไ่ ดงายข้ึน
โซน 3 กจิ กรรม ทา ทาย สื่อ Digital
ใหนักเรียนฝกทักษะการใช การอานแผนท่ี โดยใหจับสลาก ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับแผนท่ีท่ีตั้งและอาณาเขตของทวีป
ชอ่ื ประเทศในทวปี อเมรกิ าเหนอื คนละ 1 ประเทศ แลว ใหอ อกมาช้ี อเมริกาเหนือ ไดท ี่ https://legacy.lib.utexas.edu/maps/americas.html
ตาํ แหนง ในแผนท่ี พรอ มบอกอาณาเขตตดิ ตอ ของประเทศดงั กลา ว
โซน 2
T209
บูรณาการอาเซียน แนวทางการวัดและประเมินผล
ความรเู้ สรมิ หรือการเชื่อมโยงในเรอื่ งทเี่ กี่ยวข้องกบั ประชาคม เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ
อาเซยี น นกั เรยี นตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ทหี่ ลกั สตู รกา� หนด
สอื่ Digital
การแนะนา� แหล่งเรียนร้แู ละแหลง่ คน้ ควา้ จากสอ่ื Digital ต่าง ๆ
ค�ำอธิบายรายวิชา
สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรมฯ กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 เวลาเรียน 80 ช่ัวโมง / ปี
ศกึ ษา วเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งของการกระทำ� ความผดิ ระหวา่ งคดอี าญาและคดแี พง่ การมสี ว่ นรว่ มในการปกปอ้ งคมุ้ ครองผอู้ น่ื ตาม
หลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยและเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลทเ่ี หมาะสม ปจั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาความขดั แยง้ ในประเทศ และ
การเสนอแนวคิดในการลดความขัดแย้ง การด�ำรงชีวิตอย่างมีความสุขในประเทศและสังคมโลก ระบอบการปกครองต่างๆ ท่ีใช้ในปัจจุบัน
เปรียบเทยี บระบอบการปกครองของไทยกบั ประเทศอืน่ ๆ ทม่ี กี ารปกครองระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนญู ฉบบั ปจั จุบันในมาตราตา่ ง ๆ ที่
เกยี่ วขอ้ งกบั การเลอื กตงั้ การมสี ว่ นรว่ มและการตรวจสอบการใชอ้ ำ� นาจรฐั ปญั หาทเี่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การพฒั นาประชาธปิ ไตยของประเทศไทย
และแนวทางแกไ้ ข โดยใชก้ ระบวนการคดิ กระบวนการสบื คน้ ขอ้ มลู กระบวนการปฏบิ ตั ิ กระบวนการทางสงั คม กระบวนการกลมุ่ กระบวนการ
เผชิญสถานการณแ์ ละแกป้ ัญหา เพ่อื ใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำ� ไปปฏบิ ตั ิในการด�ำเนินชีวติ มีคุณธรรม จริยธรรม มีคณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์ในดา้ นรกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซื่อสตั ยส์ ุจริต มวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ รักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ เปน็ สมาชกิ ท่ดี ขี องสังคม
สามารถด�ำเนินชวี ิตอย่างสันติสขุ ในสังคมไทยและสังคมโลก
ศกึ ษา วเิ คราะห์กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ บทบาทหน้าท่ีของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ นโยบายและกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของรฐั
ทม่ี ตี อ่ บคุ คล กลมุ่ คนและประเทศชาติ ความสำ� คญั ของการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ ผลกระทบทเ่ี กดิ จากภาวะเงนิ เฟอ้ เงนิ ฝดื
ผลเสียจากการว่างงานและแนวทางการแก้ปัญหา สาเหตุและวิธีการกีดกันทางการค้าในการค้าระหว่างประเทศ การมีส่วนร่วมในการ
แก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์
โดยใชก้ ระบวนการคดิ กระบวนการสืบคน้ ข้อมลู กระบวนการทางสงั คม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแกป้ ัญหา กระบวนการปฏิบตั ิ
กระบวนการกลมุ่ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ เหน็ ความสำ� คญั และสามารถนำ� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ มสี ว่ นรว่ มในการแกไ้ ขปญั หา
และพฒั นาท้องถิ่นตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านวินัย ใฝ่เรยี นรู้ ซ่ือสตั ย์
สจุ ริต มุง่ มน่ั ในการทำ� งาน มจี ิตสาธารณะ อย่อู ย่างพอเพียง
ศึกษาการใช้เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ส�ำรวจ สืบค้น แผนที่เฉพาะเรื่องและเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพ ท�ำเล
ทตี่ ง้ั ของกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ สงั คม รวมถงึ ปจั จยั ทางกายภาพ ปจั จยั ทางสงั คมทม่ี ผี ลตอ่ ทำ� เลทต่ี งั้ ของกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และสงั คมใน
ทวปี อเมริกาเหนือและทวีปอเมรกิ าใต้ สาเหตกุ ารเกิดภัยพิบัติ ประเด็นปญั หาจากปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพกับมนษุ ย ์
รวมถึงแนวทางการจดั การภยั พบิ ัติ การจัดการทางทรพั ยากรและสิง่ แวดล้อมในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้ โดยใชเ้ คร่อื งมือทาง
ภูมิศาสตร์ในการสบื ค้น วิเคราะห์ และสรุปขอ้ มูลตามกระบวนการทางภูมศิ าสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความร ู้ ใชท้ ักษะทางภูมิศาสตร์
ด้านการสังเกต การแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์ การคิดเชิงพ้ืนที่ การคิดแบบองค์รวม การใช้เทคโนโลยี การใช้เทคนิคและเคร่ืองมือ
ทางภูมศิ าสตร์ การคดิ เชงิ ภมู ิสมั พนั ธ์ การใชส้ ถิตพิ ืน้ ฐาน รวมถงึ ทกั ษะดา้ นการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อให้เกิดความรู้
ความเข้าใจ มคี วามสามารถทางภมู ศิ าสตร์ กระบวนการทางภูมิศาสตร์ ทกั ษะทางภูมิศาสตร์ และมที ักษะในศตวรรษที่ 21 ดา้ นการสื่อสาร
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ความสามารถในการคดิ และแก้ปัญหา มีคุณลักษณะด้านจติ สาธารณะ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำ� งาน
มสี ่วนร่วมในการจัดการ ภัยพิบตั แิ ละการอนรุ ักษส์ ่ิงแวดลอ้ มในทวปี อเมรกิ าเหนือและทวปี อเมรกิ าใต้
ตัวช้วี ัด
ส 2.1 ม.3/1 - 5, ส 2.2 ม.3/1 - 4
ส 3.1 ม.3/1 - 3, ส 3.2 ม.3/1 - 6
ส 5.1 ม.3/1 - 2, ส 5.2 ม.3/1 - 5
รวม 25 ตัวชวี้ ัด
Pedagogy
คมู่ ือครู
ส งั ค มศึกษำฯ ม.3 ใชป้ ระกอบกบั หนงั สอื เรยี นรายวชิ าสงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรมหนา้ ทพี่ ลเมอื งวฒั นธรรม
และการดา� เนนิ ชวี ติ ในสงั คม เศรษฐศาสตร์ และภมู ศิ าสตร์ ม.3(ฉบบั อนญุ าต) ผจู้ ดั ทา� ไดอ้ อกแบบการจดั การเรยี นร ู้ และเทคนคิ
การสอน ตามรปู แบบการจดั การเรยี นการสอนในกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม และสาระภมู ศิ าสตร์
(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกจิ กรรมการเรยี นร ู้(Instructional
Design) ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามร ู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถ และทกั ษะกระบวนการทางภมู ศิ าสตร ์ ทส่ี ะทอ้ นแนวทางการจดั การเรยี นรู้
ทีใ่ หผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ทา� รจู้ กั การโตต้ อบ ตลอดจนการวเิ คราะหป์ ญั หา อนั เปน็ การจดั การเรยี นรแู้ บบ Active Learning ตลอดจน
สะทอ้ นถงึ สมรรถนะสา� คญั และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี นทหี่ ลกั สตู รกา� หนดไว ้ โดยครสู ามารถนา� ไปใชจ้ ดั การเรยี นรู้
ในชน้ั เรยี นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ ในรายวชิ าน ้ี ไดน้ า� รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความร ู้ (5Es Instructional Model)
และรปู แบบการสอนการรเู้ รอ่ื งภมู ศิ าสตร ์ (Geo - Literacy) มาใชใ้ นการออกแบบการสอน ดงั น้ี
รปู แบบกำรสอนแบบสบื เสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนสังคมศึกษาฯ เพ่ือช่วยให้ กระeEตngุ้นaคg1วeาmมeสnนt ใจ
ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห ์ สาํ รวEexจpแloลrะaคti้นoหn า
วจิ ารณ ์ มที กั ษะสา� คญั ในการคน้ ควา้ หาความร ู้ และมคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา Eelขaยาย
อย่างเป็นระบบ ผู้จัดท�าจึงได้เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ตeEรvaวlจuaสtiอonบผล
5 าม ู้รtion2
(5Es Instructional Model) ซ่งึ เป็นข้นั ตอนการเรยี นรทู้ ี่ม่งุ ใหผ้ ้เู รียนได้มีโอกาส 5Es
สร้างองคค์ วามร้ดู ้วยตนเองผา่ นกระบวนการคดิ และการลงมือท�า เปน็ เครื่องมือ
ส�าคญั เพอื่ การพัฒนาทักษะการเรยี นรู้แห่งศตวรรษท่ี 21 ควาbมoเrข4a้าtiใoจn Eอxpธ3laิบnาaยคว
นอกจากใชร้ ปู แบบการสอนแบบ 5Es เปน็ วิธีการหลกั แล้ว ยังมีรปู แบบ
การจัดการเรียนการสอนอื่น ๆ เช่น การแก้ปัญหา การรู้เร่ืองภูมิศาสตร์ เพื่อกระตุ้น
ใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความสนใจด้วยรปู แบบท่ีหลากหลาย
วธิ กี ำรสอน (Teaching Method)
ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชว้ ธิ สี อนทห่ี ลากหลาย เชน่ การทดลอง การสาธติ การอภปิ รายกลมุ่ ยอ่ ย เปน็ ตน้ เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้
รูปแบบการสอนต่าง ๆ ที่เลือกน�ามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ และพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้จากประสบการณ์การคิด
และการลงมือท�าด้วยตนเอง อนั จะช่วยให้ผู้เรยี นมีความรูแ้ ละเกดิ ทักษะท่ีจา� เป็นต่อการนา� ไปปรบั ใช้ในชีวิตประจ�าวนั
เทคนิคกำรสอน (Teaching Technique)
ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชเ้ ทคนคิ การสอนทหี่ ลากหลายและเหมาะสมกบั เรอ่ื งทเี่ รยี น เพอื่ สง่ เสรมิ วธิ สี อนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ
เช่น การใช้คา� ถาม การเล่นเกม เพื่อนชว่ ยเพือ่ น เปน็ ตน้ ซึง่ เทคนคิ การสอนต่างๆ จะช่วยใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งมี
ความสุขในขณะท่เี รยี นและสามารถปฏบิ ตั ิกจิ กรรมได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รวมทง้ั ได้พฒั นาทกั ษะในศตวรรษที ่ 21 อกี ด้วย
• ทกั ษะกำรแกปญ หำ ทกั ษะกำรเรียนรูท้ ่ไี ด้ • ทักษะกำรคดิ สรำงสรรค์
• ทักษะกำรทำ� งำนรว มกนั • ทกั ษะทำงภูมิศำสตร์
• ทักษะกำรคดิ อยำ งมวี จิ ำรณญำณ
• ทักษะกำรส่ือสำร
เป้าหมายการจดั การการเรียนการสอนสาระภมู ิศาสตร์
• ลักษณะทางกายภาพของโลก รู้ ความสความ • ความเขา้ ใจระบบธรรมชาตแิ ละมนษุ ย์
• การใชแ้ ผนท่ีและเคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร์ ษะ • การใช้เหตุผลทางภูมิศาสตร์
• กระบวนการทางภูมิศาสตร์ สาระ ามารถ • การตัดสนิ ใจอยา่ งเป็นระบบ
• การใชภ้ ูมสิ ารสนเทศ กระบว
• ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ยก์ ับสงิ่ แวดลอ้ ม ภูมิศาสตร์ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
ทางกายภาพ นการ ทัก
• การสังเกต
สมรรถนะส�ำคัญ • การแปลความข้อมูลทางภมู ิศาสตร์
• การใชเ้ ทคนิคและเคร่อื งมือทางภูมิศาสตร์
• การต้ังค�ำถามเชิงภูมิศาสตร์ • การคดิ เชงิ ภมู ิสมั พันธ์
• การรวบรวมขอ้ มลู • การคดิ แบบองคร์ วม
• การจัดการขอ้ มูล • การใชเ้ ทคโนโลยี
• การวิเคราะหข์ ้อมูล • การใชส้ ถิติพน้ื ฐาน
• การสรปุ เพือ่ ตอบคำ�ถาม
นอกจากใชร้ ปู แบบการสอนการรเู้ รื่องภมู ิศาสตร์ (Geo - literacy) เปน็ วิธกี ารหลกั ในการจัดการเรยี นการสอนแลว้ ยงั ม ี
รปู แบบการจัดการเรยี นการสอนอ่นื ๆ ไดแ้ ก่
รปู แบบการสอนแบบ 5Es วิธกี ารสอน เทคนิคการสอน
• กระตุน้ ความสนใจ • การสาธติ • ใช้คำ�ถาม
• สำ� รวจค้นหา • การทดลอง • เลา่ เหตุการณ์ที่น่าสนใจและทนั สมยั
• อธบิ ายความรู้ • การใช้กรณตี วั อย่าง • ใช้ผังกราฟกิ
• ขยายความรู้ • การอภปิ รายกลมุ่ ย่อย • การออกนอกสถานที่
• ตรวจสอบผล • การเลน่ เกม
การจัดการเรียนการสอนตามแนวทางดังกลา่ ว จะทำ� ให้ผู้เรยี นไดพ้ ัฒนาทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 อันจะน�ำไปส่กู ารนำ� ไป
ปรบั ใชไ้ ด้จริงในการด�ำเนนิ ชวี ิต เพ่ือให้ผ้เู รยี นไดร้ เู้ ทา่ ทนั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงตา่ ง ๆ ท่อี าจเกิดขึน้ ในอนาคตได้
Teacher Guide Overview
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมฯ ม.3
หน่วย ตัวชี้วัด ทกั ษะทไ่ี ด้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน สอื่ ท่ใี ช้
การเรียนรู้
1 - อ ธบิ ายความแตกตา่ งของการกระทำ�ความ - ทกั ษะการเปรียบเทียบ - ต รวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรียน
ผิดระหว่างคดอี าญา และคดแี พง่ กอ่ นเรียน สังคมศกึ ษาฯ ม.3
กฎหมายแพง่ - ต รวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝึกสมรรถนะ
และกฎหมาย สมรรถนะและการคิด และการคิด
หน้าท่พี ลเมืองฯ ม.3 หน้าทพี่ ลเมอื งฯ ม.3
อาญา - ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน
4 ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
- ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
ชัว่ โมง - สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานกลมุ่
- ประเมินคณุ ลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น
2 - ม สี ว่ นรว่ มในการปกปอ้ งคมุ้ ครองผู้อืน่ - ทกั ษะการนำ�ความรไู้ ปใช้ - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสือเรยี น
ตามหลกั สิทธิมนุษยชน ก่อนเรยี น สงั คมศึกษาฯ ม.3
สิทธมิ นุษยชน - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
สมรรถนะและการคดิ และการคดิ
หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3
- ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
4 - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
ชว่ั โมง การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานกล่มุ
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น
3 - อนุรักษ์วฒั นธรรมไทยและเลอื กรับ - ทกั ษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรยี น
วฒั นธรรมสากลทเ่ี หมาะสม - ทกั ษะการนำ�ความรู้ไปใช้ ก่อนเรียน สงั คมศึกษาฯ ม.3
วฒั นธรรมไทย - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝึกสมรรถนะ
และวฒั นธรรม สมรรถนะและการคิด และการคิด
หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3 หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม.3
สากล - ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรยี น
3 ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรียน
- ตรวจผลงาน/ช้ินงาน - PowerPoint
ชั่วโมง - สังเกตพฤติกรรม
การทำ�งานรายบคุ คล
- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกล่มุ
- ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรียน
หน่วย ตัวช้ีวดั ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่ือทีใ่ ช้
การเรยี นรู้
1. ว เิ คราะหป์ จั จยั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาความ - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียน
4 ขัดแย้งในประเทศ และเสนอแนวคดิ - ทักษะกระบวนการคดิ กอ่ นเรยี น สงั คมศึกษาฯ ม.3
ในการลดความขดั แยง้ อยา่ งมวี ิจารณญาณ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝกึ สมรรถนะ
สงั คมไทย
2. เสนอแนวคิดในการดำ�รงชวี ิตอยา่ งมี
ความสขุ ในประเทศและสังคมโลก สมรรถนะและการคิด และการคิด
หนา้ ท่ีพลเมืองฯ ม.3 หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.3
- ป ระเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
4 - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
ชวั่ โมง การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรม
5 การทำ�งานกลมุ่
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
ชัว่ โมง อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
3 หลังเรยี น
5 1. อธบิ ายระบอบการปกครองแบบต่าง ๆ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ ชัว่ โมง - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียน
ท่ีใช้ในยุคปัจจบุ ัน - ทักษะการเปรยี บเทยี บ ก่อนเรียน สังคมศกึ ษาฯ ม.3
การเมอื ง 2. วเิ คราะห์เปรยี บเทียบระบอบการ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
การปกครอง ปกครองของไทยกับประเทศอืน่ ๆ ทม่ี ี สมรรถนะและการคิด และการคิด
การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3
ในปจั จุบัน 3. วิเคราะห์รัฐธรรมนญู ฉบับปัจจุบนั ใน - ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรยี น
มาตราตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกบั การเลอื กตัง้ ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
การมสี ว่ นร่วมและการตรวจสอบการใช้ - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน - PowerPoint
อำ�นาจรัฐ - สังเกตพฤตกิ รรม
4. วเิ คราะห์ประเด็นปญั หาที่เป็นอปุ สรรค การทำ�งานรายบคุ คล
ตอ่ การพัฒนาประชาธิปไตยของ - สังเกตพฤติกรรม
ประเทศไทยและเสนอแนวทางแกไ้ ข การทำ�งานกลุ่ม
- ประเมนิ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น
6 - อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ - ทกั ษะการสรปุ ความรู้ - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสือเรียน
- ทกั ษะการวิเคราะห์ กอ่ นเรียน สงั คมศกึ ษาฯ ม.3
กลไกราคาใน - ทักษะการเปรยี บเทยี บ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝกึ สมรรถนะ
ระบบเศรษฐกจิ สมรรถนะและการคิด และการคิด
เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
- ประเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
- ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานกลมุ่
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น
หน่วย ตัวชว้ี ัด ทักษะที่ได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมิน สื่อทีใ่ ช้
การเรยี นรู้
1. ม สี ่วนรว่ มในการแก้ไขปญั หาและพัฒนา - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสือเรยี น
7 ทอ้ งถน่ิ ตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - ทักษะการแกป้ ญั หา กอ่ นเรียน สังคมศกึ ษาฯ ม.3
- ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
เศรษฐกิจ 2. วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ระหวา่ งแนวคดิ สมรรถนะและการคดิ และการคิด
พอเพียงกับ เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั ระบบสหกรณ์ เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
การพัฒนา
- ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ประเทศ
4 ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
- ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
ช่วั โมง - สังเกตพฤติกรรม
การทำ�งานรายบุคคล
- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกลุ่ม
- ประเมินคณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น
8 1. อธบิ ายบทบาทหน้าทขี่ องรัฐบาลใน - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรยี น
ระบบเศรษฐกจิ - ทักษะการเช่อื มโยง ก่อนเรยี น สังคมศึกษาฯ ม.3
บทบาทของ - ทกั ษะการแกป้ ัญหา - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝึกสมรรถนะ
รัฐบาลในการ 2. แสดงความคิดเห็นตอ่ นโยบายและ สมรรถนะและการคิด และการคดิ
พฒั นาประเทศ กจิ กรรมทางเศรษฐกิจของรัฐทม่ี ตี ่อ เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
บคุ คล กลุ่มคน และประเทศชาติ
3. อ ภปิ รายผลกระทบทเี่ กดิ จากภาวะ - ประเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน
เงินเฟอ้ เงินฝืด ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
4. ว เิ คราะหผ์ ลเสยี จากการวา่ งงานและ 5 - ตรวจผลงาน/ช้นิ งาน - PowerPoint
แนวทางแกป้ ญั หา - สังเกตพฤติกรรม
ช่ัวโมง การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกลุม่
- ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น
9 - ว ิเคราะหส์ าเหตแุ ละวธิ ีการกดี กนั ทาง - ทกั ษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียน
การค้าในการค้าระหว่างประเทศ กอ่ นเรยี น สังคมศึกษาฯ ม.3
การค้าและ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
การลงทุน
ระหวา่ งประเทศ สมรรถนะและการคิด และการคดิ
เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
- ป ระเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน
ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
3 - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
ชั่วโมง การทำ�งานรายบุคคล
- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกลุม่
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรียน
หนว่ ย ตัวชี้วัด ทกั ษะทไี่ ด้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่อื ทีใ่ ช้
การเรียนรู้
10 - อภปิ รายบทบาท ความสำ�คญั ของการ - ทักษะการรวบรวมข้อมูล - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรยี น
รวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ - ทกั ษะการวเิ คราะห์
การรวมกลุ่ม - ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ กอ่ นเรยี น สังคมศกึ ษาฯ ม.3
ทางเศรษฐกจิ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝกึ สมรรถนะ
ระหวา่ งประเทศ สมรรถนะและการคดิ และการคิด
เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
- ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
4 ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
ช่ัวโมง - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานรายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรม
การทำ�งานกลุ่ม
- ประเมนิ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น
11 1. วิเคราะหล์ ักษณะทางกายภาพของ - ก ารสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรยี น
ทวปี ทวีปอเมรกิ าเหนือและทวปี อเมรกิ าใต้ - ก ารแปลความขอ้ มูล ก่อนเรียน สงั คมศึกษาฯ ม.3
อเมริกาเหนอื
โดยเลอื กใช้แผนทเ่ี ฉพาะเรื่องและ ทางภูมศิ าสตร์ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
เครือ่ งมือทางภมู ิศาสตรส์ ืบค้นขอ้ มูล - ก ารใชเ้ ทคนิคและ สมรรถนะและการคดิ และการคิด
2. วิเคราะห์สาเหตกุ ารเกิดภัยพิบตั ิและ เครื่องมอื ทางภมู ิศาสตร์ ภมู ศิ าสตร์ ม.3 ภมู ศิ าสตร์ ม.3
ผลกระทบในทวปี อเมรกิ าเหนือและ - การคดิ เชงิ พ้นื ท่ี - ป ระเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ทวปี อเมรกิ าใต้ - การคดิ แบบองคร์ วม ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
3. ส ำ� รวจและระบทุ ำ� เลทต่ี งั้ ของกจิ กรรมทาง - การใช้เทคโนโลยี - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
เศรษฐกจิ และสงั คมในทวีปอเมรกิ าเหนอื - การใชส้ ถิติพื้นฐาน - สังเกตพฤตกิ รรม
และทวปี อเมรกิ าใต้ 18 การทำ�งานรายบคุ คล
4. ว ิเคราะห์ปัจจยั ทางกายภาพและปัจจัย ชัว่ โมง - สงั เกตพฤตกิ รรม
ทางสังคมที่ส่งผลตอ่ ท�ำเลทต่ี ั้งของ การทำ�งานกล่มุ
กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และสงั คมใน - ประเมินคุณลกั ษณะ
ทวปี อเมรกิ าเหนือและทวีปอเมริกาใต้ อันพึงประสงค์
5. สบื คน้ อภปิ รายประเด็นปญั หาจาก - ตรวจแบบทดสอบ
ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงแวดลอ้ มทาง หลงั เรียน
กายภาพกับมนษุ ย์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในทวปี
อเมรกิ าเหนือและทวปี อเมรกิ าใต้
6. วเิ คราะหแ์ นวทางการจัดการภยั พิบัติ
และการจดั การทรัพยากรและ
สง่ิ แวดลอ้ มในทวปี อเมรกิ าเหนอื
และทวปี อเมริกาใต้ท่ียงั่ ยืน
หน่วย ตวั ชีว้ ัด ทักษะท่ีได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่อื ทใ่ี ช้
การเรยี นรู้
1. วเิ คราะห์ลกั ษณะทางกายภาพของ - การสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรียน
12
ทวปี อเมรกิ าเหนอื และทวปี อเมรกิ าใต้ - ก ารแปลความข้อมลู ทาง ก่อนเรียน สังคมศึกษาฯ ม.3
ทวีป
อเมริกาใต้ โดยเลือกใชแ้ ผนทีเ่ ฉพาะเร่อื งและ ภมู ิศาสตร์ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
เครอ่ื งมอื ทางภูมิศาสตร์สบื คน้ ข้อมูล - การใช้เทคนคิ และ สมรรถนะและการคดิ และการคดิ
2. ว ิเคราะห์สาเหตุการเกิดภยั พิบัตแิ ละ เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ภมู ศิ าสตร์ ม.3 ภูมศิ าสตร์ ม.3
ผลกระทบในทวีปอเมรกิ าเหนือและ - การคดิ เชิงพน้ื ท่ี - ป ระเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน
ทวปี อเมริกาใต้ - การคดิ แบบองค์รวม ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
3. สำ� รวจและระบทุ ำ� เลทต่ี งั้ ของกจิ กรรมทาง - การใชเ้ ทคโนโลยี - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
เศรษฐกจิ และสงั คมในทวปี อเมรกิ าเหนอื - การใชส้ ถติ พิ ้นื ฐาน - สงั เกตพฤติกรรม
และทวปี อเมรกิ าใต้ 18 การทำ�งานรายบคุ คล
4. วิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพและปจั จยั ชว่ั โมง - สงั เกตพฤติกรรม
ทางสงั คมที่ส่งผลต่อทำ� เลทต่ี ั้งของ การทำ�งานกลมุ่
กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และสงั คมใน - ประเมินคณุ ลกั ษณะ
ทวีปอเมรกิ าเหนือและทวปี อเมริกาใต้ อนั พึงประสงค์
5. สืบคน้ อภปิ รายประเด็นปัญหาจาก - ตรวจแบบทดสอบ
ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสงิ่ แวดล้อมทาง หลงั เรียน
กายภาพกบั มนุษยท์ ่เี กดิ ขึ้นในทวีป
อเมรกิ าเหนือและทวีปอเมรกิ าใต ้
6. วเิ คราะห์แนวทางการจดั การภยั พิบตั ิ
และการจดั การทรัพยากรและ
สิ่งแวดล้อมในทวปี อเมรกิ าเหนือ
และทวีปอเมริกาใต้ทย่ี ง่ั ยนื
13 - ร ะบุความรว่ มมือระหว่างประเทศท่มี ีผล - การสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรียน
ตอ่ การจัดการทรัพยากรและสงิ่ แวดล้อม - ก ารแปลความข้อมูล
การจัดการ กอ่ นเรียน สงั คมศกึ ษาฯ ม.3
ทรพั ยากร ทางภูมิศาสตร์
ธรรมชาติและ - ก ารใชเ้ ทคนคิ และ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝึกสมรรถนะ
ส่ิงแวดลอ้ ม เครอ่ื งมือทางภูมิศาสตร์
ของโลก - การคดิ เชิงพื้นที่ สมรรถนะและการคดิ และการคิด
- การคิดแบบองค์รวม
- การใชเ้ ทคโนโลยี ภูมิศาสตร์ ม.3 ภูมศิ าสตร์ ม.3
- การใช้สถติ พิ นื้ ฐาน
- ประเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
4 ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
ช่วั โมง - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน - PowerPoint
- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานรายบคุ คล
- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกล่มุ
- ประเมินคุณลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรียน
สารบัญ
Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หน่วยการเรยี นรู้ท ่ี 1 กฎหมายแพ่งและกฎหมาย
อาญา T1 - T2 T3
T21 - T22
• กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ T4 - T12
• กฎหมายอาญา T35 - T36 T13 - T19
T49 - T50
หน่วยการเรียนรู้ท ่ี 2 สิทธมิ นุษยชน T 23
T71 - T72 T24 - T26
• ความหมายและความสำ� คญั ของสิทธิมนุษยชน T27 - T30
• การมสี ว่ นรว่ มในการปกปอ้ งคุ้มครองผูอ้ ่นื ตามหลกั สิทธิ
T31 - T33
มนษุ ยชน
• องคก์ รดา้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน T 37
หนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 3 วัฒนธรรมไทย T38 - T42
และวฒั นธรรมสากล T42 - T47
T 51
• วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย T52 - T53
• วัฒนธรรมสากล T54 - T55
T56 - T64
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 สงั คมไทย T65 - T66
• ลักษณะของสงั คมไทย T66 - T69
• ปัจจยั ที่ก่อใหเ้ กิดความขดั แย้งในสังคมไทย T73
• ปัญหาสงั คมและแนวทางแก้ไข
• แนวทางความรว่ มมอื ในการลดความขัดแยง้ และสร้าง T74 - T83
T84 - T85
ความสมานฉนั ท์
• ปัจจัยส่งเสริมการด�ำรงชวี ติ ใหม้ ีความสขุ T86 - T95
หน่วยการเรียนรู้ท ่ี 5 การเมืองการปกครอง T96 - T97
ในปจั จุบัน T98 - T99
• รูปแบบการปกครองในยุคปัจจุบัน
• เปรียบเทียบการปกครองของไทยกับประเทศที่ปกครองแบบ
ประชาธปิ ไตย
• รฐั ธรรมนูญฉบับปจั จุบันกบั การเลอื กต้ัง การมสี ว่ นรว่ ม
ของประชาชน และการตรวจสอบอ�ำนาจรฐั
• ปญั หาทเ่ี ปน็ อุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย
• แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาประชาธปิ ไตยของไทย
Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรียนรู้ท ่ี 6 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ T101 - T102 T103
T121 - T122 T104 - T107
• ตลาดในระบบเศรษฐกิจ T108 - T112
• กลไกราคา T141 - T142 T113 - T119
• การกำ� หนดราคาในระบบเศรษฐกจิ T123
T165 - T166
หน่วยการเรียนรู้ท ่ี 7 เศรษฐกจิ พอเพยี งกับ T124 - T126
การพัฒนาประเทศ T183 - T184 T127 - T129
• ปัญหาท้องถนิ่ ของไทย T130 - T132
• แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาทอ้ งถิน่ ตามปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง T132 - T139
• แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการพฒั นาประเทศในระดับ T143
ต่าง ๆ T144 - T146
• ความสมั พนั ธ์ของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์ T147 - T148
T149 - T154
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 8 บทบาทของรฐั บาลในการ T155 - T163
พัฒนาประเทศ
T167
• บทบาทหน้าท่ีของรฐั บาลในการพฒั นาประเทศ
• บทบาทและกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของรัฐบาล T168 - T173
• นโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล T174 - T177
• ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย T178 - T179
T180 - T181
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 9 การคา้ และการลงทุนระหว่าง
ประเทศ T185
• การคา้ ระหวา่ งประเทศของไทย T186
• การกดี กันทางการค้าในการค้าระหวา่ งประเทศ
• การลงทนุ ระหว่างประเทศของไทย T187
• การเงนิ ระหวา่ งประเทศ T188 - T194
T195 - T199
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 10 การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
ระหวา่ งประเทศ
• วตั ถปุ ระสงค์ บทบาท และความสำ� คัญของการรวมกลมุ่
ทางเศรษฐกิจ
• ลกั ษณะของการรวมกลุม่ ทางเศรษฐกิจ
• กล่มุ ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่าง ๆ
• องค์กรระหวา่ งประเทศ
Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 11 ทวปี อเมริกำเหนอื T201 - T206 T207
• ลกั ษณะทางกายภาพของทวีปอเมริกาเหนอื T261- T266 T208 - T227
• ลักษณะประชากรของทวีปอเมริกาเหนอื T228 - T233
• ลักษณะสงั คมและวัฒนธรรมของทวปี อเมริกาเหนอื T317 - T318 T234 - T236
• ลกั ษณะเศรษฐกจิ ของทวีปอเมรกิ าเหนอื T237 - T248
• ภยั พบิ ตั ิและแนวทางการจดั การของทวปี อเมริกาเหนอื T249 - T255
• ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแนวทาง T256 - T259
การจดั การของทวีปอเมรกิ าเหนอื
T267
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 12 ทวปี อเมริกำใต้
T268 - T286
• ลกั ษณะทางกายภาพของทวปี อเมรกิ าใต้ T287 - T291
• ลักษณะประชากรของทวปี อเมรกิ าใต้ T292 - T294
• ลักษณะสังคมและวฒั นธรรมของทวปี อเมรกิ าใต้ T295 - T306
• ลกั ษณะเศรษฐกิจของทวีปอเมรกิ าใต้ T307 - T311
• ภัยพิบตั แิ ละแนวทางการจดั การของทวปี อเมริกาใต้ T312 - T315
• ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมและแนวทาง
การจัดการของทวปี อเมรกิ าใต้ T319
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 13 กำรจดั กำรทรพั ยำกร T320 - T322
ธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม T323 - T325
ของโลก T326 - T328
• เปา้ หมายการพฒั นาท่ยี ัง่ ยนื T330
• ความร่วมมือระหวา่ งประเทศในนการจัดการทรัพยากร
ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม
• แนวทางการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ของโลก
บรรณำนุกรม
Chapter Overview
แผนการจัด สื่อท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรียน 1. อธิบายลักษณะการ การจัดการ - ต รวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ความสามารถใน 1. มวี ินัย
กฎหมายแพง่ - ตรวจการท�ำแบบฝึก การคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
และพาณชิ ย์ สงั คมศึกษาฯ ม.3 กระทำ� ความผดิ ทาง เรยี นรู้แบบ - ความสามารถใน 3. มุง่ มน่ั ในการ
สมรรถนะและการคดิ การใชท้ กั ษะชีวติ ทำ� งาน
2 - แบบฝกึ สมรรถนะ แพ่งและความรบั ผิด ร่วมมือ : หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.3
- ตรวจใบงานท่ี 1.1
ชั่วโมง และการคดิ ชอบทางแพ่งได้ (K) เทคนิคคคู่ ิด - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- ตรวจผลงาน/ช้ินงาน
หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 2. อธบิ ายการทำ� สญั ญา สสี่ หาย - สังเกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานรายบคุ คล
- แบบทดสอบกอ่ นเรียน ซ้อื ขาย ก้ยู มื เงนิ - สังเกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานกลุ่ม
- PowerPoint เช่าทรพั ยส์ นิ เช่าซื้อ - ป ระเมนิ คณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
- ใบงานท่ี 1.1 ทถ่ี กู ต้องได้ (K)
3. จ ำ� แนกลกั ษณะ
การกระทำ� ความผิด
ทางแพง่ และความ
รบั ผดิ ชอบทางแพง่ ที่
พบในชวี ิตประจ�ำวนั ได้
(P)
4. เ ห็นคุณคา่ ของการ
ปฏบิ ตั ติ นตามกฎหมาย
แพ่งและพาณิชยเ์ พ่ิม
มากขึ้น (A)
T1
แผนการจัด สอ่ื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรยี น 1. อธบิ ายลกั ษณะการ วธิ ีสอนแบบ - ต รวจการทำ� แบบฝึก - ค วามสามารถใน 1. มีวินยั
กฎหมายอาญา สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
กระทำ� ความผิดทาง สืบเสาะ สมรรถนะและการคดิ - ความสามารถใน 3. ม่งุ มน่ั ในการ
การใชท้ ักษะชีวติ ทำ� งาน
2 - แบบฝึกสมรรถนะ อาญาและบทลงโทษได้ หาความรู้ หน้าท่ีพลเมอื งฯ ม.3
และการคิด (K) 5Es (5Es - ต รวจการทำ� แบบวดั และ
ชว่ั โมง หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 2. เปรยี บเทียบความ Instructional บันทกึ ผลการเรยี นรู้
- แบบวัดและบนั ทึกผล แตกตา่ งของการกระทำ� Model) หนา้ ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3
การเรยี นรู้ ความผดิ ทางอาญาและ - ตรวจใบงานที่ 1.2
หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3 ความผดิ ทางแพง่ ได้ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลงั เรยี น (P) - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน
- PowerPoint 3. เปรยี บเทยี บความ - สงั เกตพฤตกิ รรม
- ใบงานที่ 1.2 แตกต่างของ การท�ำงานรายบคุ คล
กระบวนการยุติธรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม
ทางอาญาและทางแพ่ง การท�ำงานกลุ่ม
ได้ (P) - ประเมนิ คณุ ลักษณะ
4. เ ห็นคุณค่าของการ อันพึงประสงค์
ศึกษาและปฏิบตั ิตน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
ตามกฎหมายอาญา
ในชวี ติ ประจำ� วนั เพิม่
มากขนึ้ (A)
T2
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑ กฎหมายแพง่ และกฎหมายอาญาหนว่ ยการเรยี นรทู ่ี ขน้ั นาํ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ
¡®ËÁÒÂᾋ§áÅÐ : เทคนคิ คคู ดิ สส่ี หาย)
¡®ËÁÒÂÍÒÞÒÁÕ¤ÇÒÁ
ᵡµ‹Ò§¡Ñ¹Í‹ҧäà 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง
จดุ ประสงค และผลการเรียนรู
?
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเรยี นรทู ่ี 1 เรอื่ ง กฎหมายแพง และกฎหมาย
อาญา
3. ครูถามคําถามเพื่อกระตุนความสนใจของ
นักเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
ขอคําถามดังกลาว เชน
• กฎหมายมีความสําคัญตอการดํารงชีวิต
ประจําวนั ของคนในสงั คมอยางไร
(แนวตอบ กฎหมายถือเปนบรรทัดฐานทาง
สังคมอยา งหน่ึง ท่กี ําหนดขึ้นมาเพ่อื ใชเ ปน
ระเบียบทางสังคม ทําใหคนในสังคมอยู
รว มกันอยางสงบเรียบรอ ย)
การที่มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยน้ัน ย่อมต้องมีกฎ ระเบียบ
เป็นหลักในการปฏิบัต ิ โดยเฉพาะตอ้ งมกี ฎหมายเป็นขอ้ บงั คบั ให้ทุกคนปฏบิ ัติตาม หากผใู้ ดฝา่ ฝืน
ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ ซ่ึงกฎหมายจะมีประสิทธิภาพเพียงใดน้ันขึ้นอยู่กับผู้ที่
บังคับใช้กฎหมายและผู้ที่น�ามาปฏิบัติ หากทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สังคมก็จะ
เกดิ ความสงบสขุ และปัญหาสังคมจะลดนอ้ ยลงดว้ ย
ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ส ๒.๑ ม.๓/๑ อธบิ ายความแตกตา่ งของการกระทา� ความผดิ • ล ักษณะการกระท�าความผดิ ทางอาญาและโทษ
ระหว่างคดีอาญาและคดีแพง่ • ลกั ษณะการกระทา� ความผดิ ทางแพง่ และความรบั ผดิ ทางแพง่
• ตัวอยา่ งการกระทา� ความผดิ ทางอาญา เชน่ ความผดิ
เกย่ี วกบั ทรัพย์
• ตัวอย่างการกระทา� ผดิ ทางแพง่ เช่น การทา� ผิดสัญญา
การละเมิด
๑
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกจิ กรรมการเรียนรโู ดยใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมตอ ไปน้ี เชน
• ตดิ ตามเหตุการณขาวสารปจจบุ นั ท่มี คี วามเก่ยี วของกับการบงั คบั ใชกฎหมาย
• สบื คน ขอ มูลเก่ียวกบั กฎหมายท่ีเปน ประโยชนตอ การดําเนินชีวติ ประจําวนั แลว นาํ เสนอขอมลู เพ่อื แลกเปลย่ี นความรู
• จดั เสวนากลมุ ยอยเพอ่ื ใหนกั เรียนแสดงความคิดเหน็ หรอื ขอเสนอแนะตางๆ ท่ีเก่ยี วกบั กฎหมาย
T3
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๑. กฎหมายแพง่ และพาณิชย์
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ยเ์ ปน็ กฎหมายทใี่ ชบ้ งั คบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอกชนดว้ ยกนั เปน็
1. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับความแตกตาง กฎหมายท่มี ีความเก่ียวขอ้ งกับชวี ติ ประจ�าวนั เป็นอย่างมาก ประเทศไทยไดร้ วมเอากฎหมายแพ่ง
ของคดีแพงและคดีอาญา แลวใชคําถามให และพาณิชย์เข้าไว้ด้วยกัน โดยจัดท�าในรูปแบบของประมวลกฎหมายที่มีการจัดแบ่งเนื้อหาอย่าง
นักเรียนไดว เิ คราะหรวมกัน เชน เปน็ ระบบ เรยี กวา่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
• คดแี พง และพาณชิ ย และคดอี าญา มลี กั ษณะ
ทแี่ ตกตา งกันอยางไร ๑.๑ ลกั ษณะการกระทา� ความผดิ ทางแพง่ และความรบั ผดิ ชอบทางแพง่
(แนวตอบ คดีแพง คือ คดีท่ีเก่ียวกับความ การกระทา� ความผดิ ทางแพง่ เปน็ การฝา่ ฝนื หรอื ละเมดิ ตอ่ บทบญั ญตั ขิ องกฎหมายแพง่ และ
สมั พนั ธร ะหวา งบคุ คล หรอื เอกชนกบั เอกชน พาณชิ ย ์ ซ่งึ จะเป็นลักษณะเกี่ยวกบั เร่ืองบคุ คล ทรพั ย ์ นติ ิกรรม ระยะเวลา อายุความ หนี ้ ละเมิด
สวนคดีอาญาจะเปนคดีท่ีเก่ียวกับความ เอกเทศสญั ญา ทรัพย์สิน ครอบครัว และมรดก สา� หรับกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ทน่ี ักเรยี นควรรู้
ผิดตางๆ และกําหนดโทษสําหรับผูกระทํา ไดแ้ ก ่ เรอ่ื งนิตกิ รรมหรอื สัญญา โดยเฉพาะสัญญาบางประเภท เชน่ ซอื้ ขาย ก้ยู ืม เชา่ ซอื้
ผิดนั้นไว และจะเปนคดีที่เก่ียวกับความ นติ กิ รรม คอื การทบ่ี คุ คลแสดงเจตนากระทา� ไปโดยประสงคจ์ ะใหม้ ผี ลผกู พนั ใชบ้ งั คบั ไดต้ าม
สัมพันธระหวางรัฐกับประชาชน กลาวคือ กฎหมาย
แมเจาทุกขไมเอาความ แตรัฐมีหนาที่ สญั ญา คอื นติ กิ รรมประเภทหนง่ึ ทเี่ กดิ จากการตกลงกอ่ ความผกู พนั ในทางกฎหมายระหวา่ ง
ดําเนินการใหคดถี ึงที่สดุ ) บุคคลต้งั แต่สองฝา่ ยขนึ้ ไป ตามปกตบิ ุคคลมีสทิ ธิท�านิติกรรมหรอื สัญญาใด ๆ ใหม้ ผี ลผกู พนั กนั ได้
ทั้งสิ้น โดยนิติกรรมหรือสัญญาน้ันจะต้องไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
2. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่น สัญญาจ้างให้ท�าร้ายผู้อ่ืน
ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง ซึ่งสัญญาจะมีลักษณะแตกต่างกนั ไป เชน่
เกง ปานกลางคอนขางออน และออ น โดยให
สมาชิกแตละคนเลือกหมายเลขประจําตัว
ตัง้ แตหมายเลข 1-4
๑) ซ้อื ขาย เปน็ สญั ญาประเภทหนึ่งซ่งึ บคุ คลฝ่ายหนึง่ เรียกวา่ “ผู้ขาย” โอนกรรมสทิ ธ์ิ
ทรพั ยส์ นิ ใหแ้ กบ่ คุ คลอกี ฝา่ ยหนง่ึ เรยี กวา่ “ผซู้ อ้ื ” โดยผซู้ อ้ื ไดใ้ ชร้ าคาทรพั ยส์ นิ นน้ั เปน็ เงนิ แกผ่ ขู้ าย
เพ่อื เป็นการตอบแทน
๑.๑) ทรัพย์สนิ ที่ซอ้ื ขายกนั ได ้ แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดงั น้ี
๑. อสงั หารมิ ทรพั ย์ หมายถึง
ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับท่ีดิน ท่ีมีลักษณะ
เป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกันกับ
ท่ีดินน้ัน และรวมถึงทรัพย์สินอันเกี่ยวกับท่ีดิน
หรือทรัพย์อันติดอยู่กับท่ีดินหรือประกอบเป็น
อนั เดียวกบั ทด่ี นิ น้นั เช่น บา้ นเรือน โรงงาน
๒. สังหาริมทรัพย์ หมายถึง
ทรัพย์สินอ่ืนนอกจากอสังหาริมทรัพย์ และ
บา้ นและทดี่ นิ เปน็ ทรพั ยส์ นิ ทส่ี ามารถซอื้ ขายกนั ไดถ้ กู ตอ้ ง หมายความรวมถงึ สทิ ธอิ นั เกยี่ วกบั ทรพั ยส์ นิ นน้ั
ตามกฎหมาย
2
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ครูควรเตรียมบัตรคําดังตอไปนี้ การเชาทรัพย การเชาซื้อ การลักทรัพย ขอใดตอ ไปนีเ้ กย่ี วกับกฎหมายแพง และพาณิชย
การวิ่งราวทรัพย การชิงทรัพย การกูยืม การปลน การฆาคนตาย แลวให 1. ลักทรัพย
นักเรยี นแยกแยะวา บัตรคําใดเปนคดีแพงและพาณิชย บัตรคาํ ใดเปนคดอี าญา 2. นิตกิ รรม
3. ประหารชีวิต
ส่ือ Digital 4. ไมส ามารถยอมความได
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ไดท ี่ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. นิติกรรม คือ การที่บุคคลแสดง
http://www.krisdika.go.th สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา เจตนากระทําไปเพ่ือใหมีผลผูกพันบังคับไดตามกฎหมาย ซ่ึง
จดั อยใู นเรอ่ื งทเี่ กย่ี วกบั กฎหมายแพง และพาณชิ ย สว นในขอ 1., 3.
และ 4. เกย่ี วขอ งกบั กฎหมายอาญาท้งั สิ้น)
T4
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑.๒) ทรพั ยส์ นิ ทซ่ี อื้ ขายกนั ไมไ่ ด ้ ทรพั ยส์ นิ บางประเภทไมส่ ามารถทา� การซอ้ื ขายกนั ได้ ขนั้ สอน
เน่ืองจากมีลักษณะเฉพาะบางอย่างซงึ่ กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ไดก้ �าหนดเอาไว ้ เช่น
๑. สาธารณสมบตั ิของแผ่นดนิ เชน่ ทช่ี ายตลิ่ง ทางนา้� 3. สมาชกิ แตล ะหมายเลขแยกยา ยไปรวมกลมุ ใหม
๒. สิทธิซึ่งกฎหมายห้ามโอน เชน่ สิทธิที่จะไดร้ บั มรดกของเจา้ มรดกที่ยังมชี วี ติ และรวมกันศึกษาความรูเรื่อง ลักษณะการ
สิทธิท่ีจะไดร้ ับค่าอุปการะเลยี้ งดู กระทําความผิดทางแพงและความรับผิดชอบ
๓. สทิ ธิทจ่ี ะได้บา� เหน็จ บ�านาญจากทางราชการ ทางแพง จากหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3
๕๔.. ทท่วีรัพดั แยลส์ ะินธทร่กีณฎสี หงมฆา1์ ยห้ามมีไว้ในครอบครอง เชน่ อาวธุ ปืนเถ่ือน ฝนิ หรือจากแหลง การเรยี นรูอ่ืนๆ เชน หนังสอื ใน
หองสมุด เวบ็ ไซตทางอินเทอรเน็ต หมายเลข
๖. ทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดม้ าโดยขอ้ กา� หนดหา้ มโอน เชน่ เจา้ มรดกไดโ้ อนทดี่ นิ แปลงหนงึ่ ละ 1 เรื่อง ดงั นี้
ให้แก่นายแดงในขณะท่ียังมีชีวิตอยู่ และได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าห้ามนายแดงโอน • หมายเลข 1 ศกึ ษาความรเู ร่อื ง ซอ้ื ขาย
ท่ดี ินดังกลา่ วใหแ้ กผ่ ูใ้ ดท้งั ส้นิ ดังนั้น ท่ดี นิ แปลงนก้ี ็ไมส่ ามารถซื้อขายได้ • หมายเลข 2 ศกึ ษาความรูเรื่อง กยู ืมเงนิ
• หมายเลข 3 ศกึ ษาความรเู รื่อง เชา ทรัพย
• หมายเลข 4 ศกึ ษาความรูเ รอ่ื ง เชา ซอ้ื
๑.๓) แบบของสัญญาซื้อขาย โดยปกติกฎหมายไม่ได้ก�าหนดแบบของสัญญาซื้อขาย
แต่การซ้ือขายทรัพย์ต่อไปน้ีต้องท�าตามแบบ คือ ต้องท�าเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้า
พนักงานเจา้ หน้าท่ ี ไดแ้ ก่
๑. อสงั หารมิ ทรพั ย์ เช่น ทด่ี ิน อาคาร บ้านเรอื น
๒. สงั หารมิ ทรพั ยช์ นดิ พเิ ศษ เชน่ เรอื ทมี่ รี ะวางตงั้ แตห่ า้ ตนั ขน้ึ ไป แพทอ่ี ยอู่ าศยั
สตั วพ์ าหนะการซ้ือขายทรัพยท์ ้งั ๒ ชนดิ เช่น การซอ้ื บา้ นและท่ีดินตอ้ งไปจดทะเบียน2ทสี่ �านักงาน
ทดี่ นิ การซอื้ ขายสตั วพ์ าหนะตอ้ งไปจดทะเบยี นทอี่ า� เภอ ถา้ ไมม่ กี ารทา� เปน็ หนงั สอื หรอื จดทะเบยี น
แล้วสัญญาย่อมตกเป็นโมฆะ คือ เป็นการเสียเปล่า เท่ากับว่าไม่เคยมีการท�าสัญญากันเลย
การทา� สญั ญาจะซือ้ จะขายอสงั หารมิ ทรัพย ์ เช่น การทา� สญั ญาจะซอื้ จะขายบา้ นหรอื ที่ดิน จะตอ้ ง
ท�าสญั ญาหรอื หลักฐานอย่างใดอย่างหนงึ่ เปน็ หนงั สือลงลายมอื ช่อื ผ้ทู ่อี าจต้องรับผิดไว้ หรอื มกี าร
วางมัดจา� ไว้ หรือช�าระหน้บี างส่วนไว้ มฉิ ะนั้น จะฟ้องรอ้ งบงั คบั คดีไมไ่ ด้
วัดและธรณสี งฆ์เป็นทรพั ย์สินทต่ี อ้ งหา้ มซื้อขายตามกฎหมาย
๓
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
การซื้อขายในขอใดไมสามารถกระทําไดตามกฎหมายแพง 1 ธรณีสงฆ เปนท่ีดินซึ่งพุทธศาสนิกชนผูท่ีมีความศรัทธายกใหเปนของวัด
และพาณชิ ย ถือเปนสมบัติและกรรมสิทธ์ิของวัด ซ่ึงวัดจะไดรับผลประโยชนจากท่ีดินนั้น
ผูใดจะเขายึดครองหรือจะโอนกรรมสิทธ์ิใหผูอ่ืนไมได นอกจากจะมีการออก
1. ไผซ ้อื ทีด่ ินในเขตปาสงวน พระราชบญั ญตั ิเวนคนื
2. กุง ซอื้ รถยนตย โุ รปปายแดง 2 จดทะเบียน ทรัพยสินแตละประเภทมีสถานที่ในการจดทะเบียนตางกัน
3. แซนดขายแหวนเพชรใหเพ่ือน โดยทรพั ยสินตอ ไปนีม้ สี ถานทีจ่ ดทะเบยี น ดงั นี้
4. มนี ซอื้ บา นพรอ มทดี่ ินตอจากพชี่ าย
• ทด่ี นิ : สํานกั งานทีด่ ิน
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ท่ีดินในเขตปาสงวนถือเปน • เรอื : กรมเจาทา
ทรัพยสมบัติของแผนดิน ท่ีดินท่ีรัฐหวงหาม ซ่ึงตามกฎหมาย • แพ : อาํ เภอ เขต
ถือเปน ทรัพยสินที่ซอื้ ขายกันไมได) • สตั วพ าหนะ : อาํ เภอ เขต
T5
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 1
4. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอผลการศกึ ษา ตัวอย่าง การท�าสัญญาซ้ือขายอสังหารมิ ทรัพย์
โดยเรม่ิ จากกลมุ : ซอ้ื ขาย จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถาม นายไตรขายทีด่ ินใหแ้ ก่นายวิทยเ์ ปน็ จา� นวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท นายวทิ ยไ์ ด้
ใหนกั เรยี นรวมกนั ตอบ เชน วางเงินมดั จา� ไว ้ ๑๐,๐๐๐ บาท ทงั้ สองคนนัดกันไปจดทะเบียนซือ้ ขายต่อ
• การซ้ือขายสามารถกระทําไดกับทรัพยสิน เจ้าพนักงานท่ดี นิ เม่ือถงึ วันนดั นายวิทยไ์ มไ่ ปจดทะเบยี นตอ่ เจา้ พนักงานท่ดี ิน
ทกุ ชนดิ ใชหรือไม นายวิทยผ์ ิดสัญญาซื้อขายท่ดี นิ ดงั น้นั นายไตรจงึ สามารถรบิ เงินจา� นวน
(แนวตอบ การซื้อขายไมสามารถทําไดกับ ๑๐,๐๐๐ บาทได้ และเรยี กค่าเสยี หายอยา่ งอนื่ ตามความเปน็ จรงิ ได้
ทรพั ยสินทุกชนิด มีทรพั ยสินทซี่ อื้ ขายไมได
เชน สาธารณสมบตั ิ ทรพั ยส นิ ทผี่ ดิ กฎหมาย) ส�าหรับการซ้ือขายสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาซื้อขายเป็นเงินต้ังแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทข้ึนไป
• ทาํ ไมเมอ่ื มกี ารซอ้ื ขายทรพั ยส นิ บางประเภท ต้องมีหลักฐานการซ้ือขายเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง และลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบ
ตองมีการทําสัญญาตามแบบท่ีกฎหมาย วางมัดจา� หรือได้ชา� ระหนบ้ี างส่วน ถา้ ไม่ไดก้ ระทา� อย่างใดอย่างหนึ่งในสามอยา่ งดังกล่าวมาแล้ว
กาํ หนด กฎหมายห้ามไมใ่ หฟ้ ้องรอ้ งคดตี อ่ ศาล
(แนวตอบ เพ่ือใหเกดิ ความเปนธรรมแกผูซ้ือ
และผูขาย และเพื่อใชเปนหลักฐานในการ ตัวอย่าง การทา� สัญญาซ้อื ขายสงั หารมิ ทรัพย์
ดําเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย) นายมดตกลงขายนาิกาข้อมือน�าเข้าจากตา่ งประเทศแกน่ ายไผ ่
จากนน้ั ครยู กตวั อยา งการซอ้ื ขายอสงั หารมิ ทรพั ย ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท ทงั้ สองท�าสัญญาซอ้ื ขายไว้ โดยก�าหนดวันสง่ มอบนาิกาขอ้ มือ
เชน บา น และตวั อยา งการซอ้ื ขายสงั หารมิ ทรพั ย เมือ่ ถงึ กา� หนดนดั นายมดเปล่ยี นใจไมย่ อมขายนาิกาขอ้ มือเพราะเห็นวา่ ราคาถกู เกินไป
เชน รถยนต ใหนักเรียนรวมกับบอกขั้นตอน ในกรณน� ้ถ� ือว่านายมดผิดสัญญา นายไผส่ ามารถฟอ้ งรอ้ งบังคับคด ี โดยใหน้ ายมด
การซ้อื ขาย สง่ มอบนาิกาข้อมือตามทีไ่ ด้ตกลงกนั ไวไ้ ด้
๑.๔) หน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบของผู้ขาย มดี งั น้ี
๑. การสง่ มอบทรัพย์สิน ผ้ขู ายจะต้องส่งมอบทรัพยส์ นิ ท่ีขายน้ันให้แกผ่ ซู้ ื้อตาม
ขอ้ ตกลงในสญั ญา
๒. ถา้ ทรพั ย์สินท่ีซ้ือขายช�ารุดบกพร่องอย่างหน่ึงอย่างใด มีผลท�าให้ทรัพย์สิน
เสอื่ มราคาหรอื เส่อื มประโยชน์ในการใช้สอย ผขู้ ายจะต้องรบั ผดิ
ตวั อยา่ ง หนา้ ท่ีและความรบั ผิดชอบของผขู้ าย
นางสาวแววตาซื้อโทรทศั น์จากร้านขายเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าแหง่ หนง�ึ โดยมีการทดลอง
ใช้งานก่อนซึง� ใชไ้ ดป้ กติ จึงตัดสินใจซ้อื แต่หลงั จากนางสาวแววตาเปดิ ดโู ทรทศั นท์ ีบ่ ้าน
ในเวลากลางคนื พบว่า จอภาพมเี สน้ บนจอและเกดิ ภาพซ้อนกนั ดังนัน้ เจ้าของร้าน
จึงต้องรบั ผิดชอบ โดยเปล่ยี นโทรทัศนเ์ ครอ่ื งใหมใ่ ห้แก่นางสาวแววตา
๔
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 สัญญาซื้อขาย แบงเปนรูปแบบตางๆ ดังนี้ สัญญาซ้ือขายเสร็จเด็ดขาด ปอ มตกลงขายรถยนตใ หว ใี นราคา 400,000 บาท โดยทงั้ สองให
คอื สัญญาซือ้ ขายที่คูสัญญาไดตกลงซื้อขายกันไดเรียบรอ ยแลว ไมมเี ร่ืองอะไร สัญญาปากเปลา ตอมาปอมเปลี่ยนใจไมยอมขายรถให วีสามารถ
ทค่ี ูสัญญาจะตอ งตกลงกันอกี เชน การซ้อื ขายรถยนตท่ผี ูซ ื้อจายเงนิ ครบถวนใน ฟอ งรอ งตอ ศาลไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
คราวเดียว โดยไมใชวิธกี ารผอ น การซ้อื ขายจึงเสรจ็ สิ้นสมบรู ณ สญั ญาซ้อื ขาย
มเี งื่อนไข คือ สัญญาซ้ือขายเสรจ็ เดด็ ขาดทคี่ ูสัญญาไดตกลงกันวา กรรมสิทธิ์ 1. ได เพราะปอ มผิดสัญญา
ในทรพั ยส นิ ทซ่ี อื้ ขายกนั นน้ั ยงั ไมโ อนไปยงั ผซู อื้ จนกวา การซอื้ ขายจะเปน ไปตาม 2. ได เพราะเปนความผดิ ทางแพง
เงือ่ นไข เชน การซือ้ ขายรถยนตเ งินผอ น จะมีการกาํ หนดเงอ่ื นไข คือ กรรมสิทธ์ิ 3. ไมไ ด เพราะไมไดท ําสญั ญาซือ้ ขายกันไว
จะยังไมเ ปนของผซู ้ือจนกวาจะผอ นชาํ ระเงนิ ครบถวน 4. ไมได เพราะราคาซอื้ ขายตา่ํ กวาราคาทีก่ ฎหมายกาํ หนด
T6 (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. กฎหมายกาํ หนดไวว าการซ้ือขาย
สังหาริมทรัพยร าคาตง้ั แต 20,000 บาทข้ึนไป ตอ งมีการทําสัญญา
ซอื้ ขายเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื มกี ารวางมดั จาํ หรอื ชาํ ระบางสว น
ซ่งึ หากไมมกี ารกระทําดังกลาว กฎหมายหา มไมใหมีการฟองรอง
คดีตอศาล)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ทง้ั น ี้ ผขู้ ายไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งรบั ผดิ ในทรพั ยส์ นิ ทชี่ า� รดุ บกพรอ่ ง ในกรณตี อ่ ไปน้ี ขน้ั สอน
• ผู้ซื้อรู้อยู่แล้วต้ังแต่ในเวลาซื้อขายว่าทรัพย์สินน้ันมีความช�ารุดบกพร่อง หรือ
ควรจะได้รู้แต่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอันบุคคล 5. ครูนําตัวอยางสัญญาซื้อขายมาใหนักเรียน
ท่วั ไปพงึ คาดหมายได้ รวมกันศึกษา และอภิปรายความรูเช่ือมโยง
• ความชา� รดุ บกพรอ่ งนน้ั เหน็ กับตัวอยางการทําสัญญาซ้ือขาย และหนาที่
ประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ และผู้ซ้ือรับเอา ความรับผิดชอบของผูขาย จากหนังสือเรียน
ทรพั ย์สินนั้นไว้โดยไมไ่ ดอ้ ดิ เอ้ือน สังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการเรียนรู
ก ารขายทอดตลาด• เทพรรพั ายะส์ในนิ กทาไ่ี รดขซ้ าอ้ื ยขทาอยดมตาลจาาดก1 อื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตใน
นั้น เป็นการขายท่ีเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้ซื้อ อนิ เทอรเ น็ต โดยครแู นะนาํ เพ่มิ เตมิ
นา่ จะมีโอกาสตรวจสอบก่อนแลว้
๑.๕) หน้าทข่ี องผซู้ ือ้ มดี ังนี้ 6. ครูใหนักเรียนกลุมท่ีทําการศึกษา : กูยืม
นําเสนอผลการศึกษา แลวรวมกันอภิปราย
ความรูเก่ียวกับหลักฐานในการกูยืม ตัวอยาง
หนังสอื กยู ืมมาอภปิ ราย
ผซู้ อ้ื มสี ทิ ธเิ ลอื กสนิ คา้ ทต่ี นพงึ พอใจมากทสี่ ดุ กอ่ นจะชา� ระ
เงินค่าสนิ ค้าน้นั
๑. ผซู้ อ้ื จะตอ้ งรบั มอบทรพั ยส์ นิ ท่ีตนได้ซอื้ และใชร้ าคาตามสญั ญาซ้ือขาย
๒. ถา้ ผซู้ อื้ พบเหน็ ความชา� รดุ บกพรอ่ งในทรพั ยส์ นิ ทตี่ นไดซ้ อ้ื ผซู้ อ้ื มสี ทิ ธทิ จ่ี ะยงั
ไมช่ า� ระราคา เว้นแตผ่ ู้ขายจะหาประกนั ที่สมควรมาให้
๒) กู้ยืม คือ สัญญาท่ีบุคคลหน่ึง เรียกว่า “ผู้กู้” ได้ขอยืมเงินจ�านวนหน่ึงตามท่ีได้
ก�าหนดไว้จากบคุ คลอกี คนหนง่ึ เรยี กว่า “ผ้ใู หก้ ”ู้ เพ่ือผูก้ ้จู ะนา� เงนิ ไปใช้สอยตามที่ต้องการ และ
ผู้กู้ตกลงคืนเงินจ�านวนดังกล่าวแก่ผู้ให้กู้ตามเวลาที่ก�าหนด พร้อมกับยินยอมเสียดอกเบ้ียให้แก่
ผ้ใู ห้กู้ตามอตั ราท่ีตกลงไว้เปน็ การตอบแทน
๒.๑) หลักฐานในการกยู้ มื การกูย้ ืมเงินเกินกวา่ สองพันบาทขน้ึ ไป หากไมม่ ีหลักฐาน
การกู้ยมื เงินเป็นหนงั สอื และลงลายมือช่ือผกู้ ูเ้ ป็นส�าคญั จะฟอ้ งร้องให้บงั คับคดีกันไมไ่ ด ้ กล่าวคือ
ในการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ต้องท�าหลกั ฐานแห่งการกู้ยืมเปน็ หนงั สือลงลายมือชื่อ
ผกู้ ไู้ วเ้ ป็นหลกั ฐานเพ่อื ฟ้องร้องบังคับคด ี แตท่ ้งั นี้ กฎหมายไมไ่ ด้ก�าหนดว่าตอ้ งท�าตามแบบ เพยี ง
แต่มีขอ้ ความทพ่ี อจะใหเ้ ขา้ ใจได้ว่าเป็นหลกั ฐานที่แสดงว่ามกี ารกู้ยืมเงินกนั จรงิ โดยอาจจะบนั ทกึ
เปน็ ขอ้ ความ จดหมาย หรอื เอกสารทีแ่ สดงใหเ้ หน็ วา่ มกี ารกยู้ ืมกันและมีลายมือชอ่ื ผกู้ ้กู ็ใช้ได้
ในกรณที ท่ี า� สญั ญาใหก้ ยู้ มื เงนิ กนั โดยทผ่ี กู้ ไู้ มส่ ามารถเขยี นหนงั สอื ได ้ จะตอ้ งมลี ายพมิ พ์
นวิ้ มอื ของผูก้ ้ปู ระทบั ในหนังสือดังกล่าวดว้ ย โดยมีพยานลงลายมอื ชื่อรบั รองลายพมิ พน์ ิ้วมือของ
ผกู้ ู้อย่างน้อย ๒ คน เพ่อื ใชแ้ ทนลายมอื ชือ่ ของผ้กู ู้
5
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
การกระทําในขอ ใดผดิ หลักเกณฑก ารกยู ืมเงนิ ตามกฎหมาย 1 ขายทอดตลาด คือ การขายทรัพยสินโดยเปดเผยแกบุคคลท่ัวไป ดวยวิธี
1. มดผอนชาํ ระหนเ้ี งินกูครบแลว จงึ ขอหลกั ฐานการกยู ืมเงนิ คนื เปดโอกาสใหผ ซู ือ้ สรู าคากนั ผใู ดใหราคาสูงสดุ ผูนน้ั เปน ผซู อ้ื ทรัพยส ินนน้ั ได
2. โจกยู ืมเงินฝน 1,000 บาท โดยไมไ ดทาํ หนังสือสัญญากนั ไว
3. กายชาํ ระหนเ้ี งนิ กบู างสว นจงึ ลงชอื่ ในหนงั สอื สญั ญาพรอ มบอก ส่ือ Digital
จาํ นวนเงนิ ท่ีชาํ ระ ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การซอื้ ขาย การกยู มื ไดท ี่ http://www.
4. แอรใหวจีกูยืมเงิน 50,000 บาท โดยคิดดอกเบ้ียรอยละ 20 led.go.th/dbases/pdf/e-book กรมบงั คบั คดี กระทรวงยตุ ิธรรม
ตอป และมกี ารทําหนังสือสัญญากนั
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. กฎหมายกําหนดใหผูใหกูคิด
ดอกเบ้ียสูงสุดไดไมเกินรอยละ 15 ตอป หากคิดอัตราดอกเบี้ย
เกินกวา น้นั จะมีผลทําใหด อกเบี้ยเปนโมฆะ ผูใหกขู อเรียกเงนิ ตน
คืนไดเ ทานน้ั )
T7
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๒.๒) การชา� ระหนี้กยู้ มื เงนิ คอื การใชเ้ งินที่ยมื พรอ้ มดอกเบย้ี ตามข้อตกลงในสญั ญาที่
ผกู้ จู้ ะตอ้ งชา� ระใหแ้ กผ่ ใู้ หก้ ใู้ นอตั ราทกี่ ฎหมายกา� หนด กฎหมายไดก้ า� หนดวา่ ในการพสิ จู นว์ า่ ได้มี
7. ครูแบงนักเรียนออกเปนฝายผูกูและผูใหกู การชา� ระหนี้การกู้ยมื เงินนนั้ จะตอ้ งมหี ลกั ฐานหรอื มกี ารกระทา� อย่างใดอยา่ งหน่ึง ดังต่อไปนี้
ใหฝายผูใหกูบอกเงื่อนไขในการกูยืม และให ๑. หลักฐานเป็นหนังสือที่มีข้อความแสดงว่า ผู้ให้กู้ได้รับช�าระหนี้เงินกู้จ�านวน
ฝายผูก ูบอกวธิ ีการผอนชําระ โดยครูใหขอมูล นั้นแล้ว พร้อมท้ังลงลายมือช่ือผู้ให้กู้ ดังน้ัน เม่ือผู้กู้ได้ช�าระหน้ีแล้ว จ�าเป็นจะต้องขอหลักฐาน
ในการคดิ อตั ราดอกเบย้ี จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถาม เป็นหนงั สอื ทแ่ี สดงวา่ ผใู้ ห้กรู้ ับเงนิ จากผู้กไู้ ปแลว้
ใหน ักเรียนรวมกนั ตอบ เชน ๒. มีการเวนคนื เอกสาร อันเปน็ หลกั ฐานแห่งการกู้ยืมเงิน กลา่ วคือ ผู้ใหก้ ู้เงิน
• ทําไมเมือ่ มกี ารกยู ืมเงินจึงตอ งทาํ นติ ิกรรม จะต้องสง่ มอบสญั ญากูห้ รือหลักฐานการกู้ยมื เงนิ คืนใหแ้ กผ่ ูก้ ู้
(แนวตอบ เพื่อใหเกิดความเปนธรรมทั้งฝาย ๓. มกี ารเพกิ ถอนในเอกสาร กลา่ วคอื มกี ารบนั ทกึ ขอ้ ความลงในเอกสารหนงั สอื
เจา หน้แี ละลกู หน้ี และเพื่อสามารถฟอ งรอ ง สัญญากู้ หรอื ผู้ใหก้ บู้ นั ทึกลงในหลักฐานการกยู้ ืมเงินนัน้ ว่า ไดเ้ ลิกสญั ญากู้ยมื หรอื เอกสารนัน้ แล้ว
และใหก ฎหมายคมุ ครองได) หรอื ผใู้ หก้ บู้ นั ทกึ วา่ ไดร้ บั ชา� ระหนเ้ี งนิ กยู้ มื รายนแี้ ลว้ ตามจา� นวนเงนิ ทกี่ า� หนด โดยมลี ายมอื ชอ่ื ผใู้ หก้ ู้
• ทาํ ไมกฎหมายจงึ ตอ งกาํ หนดอตั ราดอกเบยี้ ถ้าหากผกู้ ู้ช�าระเงนิ คืนแคเ่ พยี งบางสว่ น จะตอ้ งใหผ้ ู้ใหก้ ู้บนั ทกึ เปน็ หลกั ฐานในหนงั สอื
ในการกยู ืมเงินไวไมเกินรอ ยละ 15 ตอป สญั ญากยู้ ืมท่ีไดท้ �ากนั ไว้น้ันวา่ ไดม้ ีการชา� ระเงนิ คืนเป็นจา� นวนเงนิ เท่าใด โดยผใู้ ห้ก้ลู งลายมือชื่อ
(แนวตอบ เพื่อปองกันการเอารัดเอาเปรียบ กา� กบั ไว้เป็นหลักฐาน พรอ้ มท้ังลงวนั เดอื น ปี ใหค้ รบถ้วน
จากเจาหนี)้ ผู้ให้กู้คิดดอ๒ก.เ๓บ)ี้ย กสาูงรสคุดดิ ไดดอ้ไมก่เเบกยี้ินกรา้อรยใลหะก้ ยู้ ๑มื ๕เง นิ ต ่อในปกี าเรวก้นยู้ แมื ตเง่ในนิ สก่นวั นนขน้ั อ กงฎธนหามคาายรไ ดสม้ ถกี าาบรกันา� กหานรดเงวินา่ 1
กฎหมายก�าหนดให้คิดดอกเบ้ียได้มากกว่าน้ัน ถ้าในสัญญาผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่
กฎหมายกา� หนด จะมีผลให้ดอกเบ้ยี เป็นโมฆะทงั้ หมด คือ ไม่มีสิทธไิ ดด้ อกเบย้ี เลย ผู้ใหก้ ูม้ ีสทิ ธิ
เรียกใหผ้ ้กู ้ชู �าระเงนิ ต้นคนื เทา่ นั้น ในกรณที เี่ ขยี นอตั ราดอกเบย้ี ในสญั ญากยู้ มื เงนิ ไวว้ า่ ใหด้ อกเบยี้
ตามกฎหมาย ผู้ให้กมู้ ีสิทธเิ รียกดอกเบย้ี ไดใ้ นอตั รารอ้ ยละเจ็ดครง่ึ ต่อปี
ตัวอย่าง การกู้ยมื เงิน
นางสาวหวานทา� สญั ญาก้ยู ืมเงนิ นางสาวส้มเป็นจ�านวนเงนิ ๒๐,๐๐๐ บาท
โดยก�าหนดชา� ระเงนิ พร้อมดอกเบยี้ ในวันที่ ๓๐ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ดอกเบีย้ อตั รา
ร้อยละ ๑๒ ตอ่ ปี เมอ่ื ถงึ ก�าหนดวันช�าระเงินนางสาวหวานไมย่ อมช�าระ จึงถือว่า
นางสาวหวานผดิ สญั ญาจะตอ้ งรับผิด ตอ้ งคนื เงินตน้ ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบีย้
รอ้ ยละ ๑๒ ต่อปี ต้ังแต่วนั ท�าสัญญาจนกว่าจะชา� ระเสร็จ
๓) เช่าทรัพย์ คือ สัญญาซ่ึงบุคคลหนึ่ง เรียกว่า “ผู้ให้เช่า” ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่ง
เรียกว่า “ผู้เช่า” ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหน่ึงชั่วระยะเวลาอันมีจ�ากัด
และผู้เช่าตกลงจะให้คา่ เช่าแกผ่ ูใ้ หเ้ ชา่
6
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรา งเสริม
ครูอาจแนะนําใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเก่ียวกับอัตราดอกเบี้ย นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร
เงินฝาก-เงินกูในปจจุบัน ไดท่ี www.bot.or.th เว็บไซตของธนาคารแหง พาณิชยวามีอัตราการคิดดอกเบี้ยอยางไร แลวนําขอมูลที่ไดมา
ประเทศไทย รว มกันศกึ ษาในหอ งเรียน
นักเรียนควรรู กิจกรรม ทา ทาย
1 สถาบันการเงิน ในประเทศไทยมีสถาบันการเงินที่ต้ังขึ้นตามกฎหมาย ครูนํากรณีตัวอยางการทําสัญญาซ้ือขาย เชน มานีกูยืมเงิน
ทั้งสิ้น 12 สถาบัน โดยแบงออกเปนหลายประเภท เชน ธนาคารพาณิชย จากมานะเปน จํานวนเงิน 50,000 บาท โดยกําหนดดอกเบ้ยี อัตรา
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย บริษัทประกันวินาศภัย ซ่ึงสถาบันการเงินแตละแหง รอ ยละ 15 ตอ ป มีกาํ หนดระยะเวลาชาํ ระคนื ภายใน 6 เดอื น เมื่อ
ตางดาํ เนนิ บทบาทที่แตกตางกันไป ถงึ กาํ หนดมานีจะตองจา ยเงนิ พรอมทง้ั ดอกเบีย้ เปนจาํ นวนเทาไร
จากน้ัน ใหนักเรียนรวมกันศึกษา วิเคราะห แลวตอบประเด็น
T8 คําถามดงั กลา ว
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๓.๑) หลักเกณฑก์ ารเช่า มีดงั นี้ ขน้ั สอน
ส ังหาริมทร ัพย์ชน๑ิด. พกิเศารษเ ชา่เชส่นงั ห าเรรือมิ ทที่มรพัีระยวไ์ ามงจ่ ตา� ้ังเแปตน็ ่หตอ้้าตงมันหีขล้ึนกัไปฐา นแเพปหน็ รหือนสงั ัตสวอื ์พ แามหจ้ นะะเ1ปกน็็ไมก่ตาร้อเงชมา่ ี
หลักฐานการเช่าเปน็ หนงั สอื แต่อยา่ งใด 8. ครูใหน กั เรียนกลุมทท่ี าํ การศึกษา : เชาทรัพย
๒. การเชา่ อสงั หารมิ ทรพั ย ์ จะตอ้ งมหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื ผตู้ อ้ งรบั ผดิ นําเสนอผลการศกึ ษา จากน้ันครตู ้ังคาํ ถามให
มฉิ ะนน้ั จะฟอ้ งรอ้ งกนั ไมไ่ ด ้ และถา้ เปน็ การเชา่ อสงั หารมิ ทรพั ยท์ ม่ี รี ะยะเวลาเกนิ กวา่ สามปขี นึ้ ไป นักเรยี นรวมกนั ตอบ เชน
หรือตลอดอายุของผู้เช่าหรอื ผใู้ หเ้ ชา่ จะตอ้ งทา� เปน็ หนังสือและจดทะเบยี นต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ท ี่ • การเชาสังหาริมทรัพยและอสังหาริมทรัพย
มฉิ ะนนั้ จะฟอ้ งร้องกันได้เพียงสามปี มีความแตกตา งกันอยา งไร
(แนวตอบ การเชาสังหาริมทรัพย ไมจําเปน
ตัวอยา่ ง การเช่าอสงั หารมิ ทรัพย์ ตองมีหลักฐานเปนหนังสือ แมจะเปนการ
นางสาวหมวิ ตกลงเช่าห้องพักของนางสาวตาลเป็นเวลา ๓ ป ี ท�าหนงั สือ เชา สงั หารมิ ทรพั ยช นดิ พเิ ศษ เชน เรอื กาํ ปน
สญั ญาเช่ากันเอง ไม่ได้ไปจดทะเบยี นต่อพนกั งานเจ้าหน้าที่ โดยตกลงช�าระค่าเชา่ เรอื กลไฟ แตก ารเชา อสงั หารมิ ทรพั ย จะตอ งมี
เป็นรายเดือน เดอื นละ ๓,๐๐๐ บาท นางสาวหมวิ ชา� ระค่าเช่าทุกเดือนเป็นเวลา หลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอื่ ผรู บั ผดิ ชอบ
๖ เดอื น แลว้ ไม่ช�าระอีกเลย ถอื วา่ นางสาวหมวิ ผิดสญั ญา นางสาวตาลมสี ิทธบิ อก และถา เปน การเชา อสงั หารมิ ทรพั ยท ี่มีระยะ
เลกิ สัญญา นางสาวหมิวจะต้องรบั ผดิ ในคา่ เชา่ ทีค่ า้ งชา� ระตอ่ นางสาวตาล เวลาเกินกวา 3 ปข ึน้ ไป หรือตลอดอายขุ อง
ผูเชา จะตองทําเปนหนังสอื และจดทะเบียน
๓.๒) หน้าท่ีและความผิดของผู้ใหเ้ ช่า ไดแ้ ก่ ตอ พนกั งานเจา หนา ที่ มฉิ ะนนั้ จะฟอ งรอ งให
๑. ผ้ใู ห้เชา่ ต้องส่งมอบทรัพยส์ ินซงึ่ ใหเ้ ชา่ ในสภาพทซี่ ่อมแซมดแี ล้ว บังคับคดไี ดเ พยี ง 3 ป)
๒. ถา้ ผใู้ หเ้ ชา่ สง่ มอบทรพั ยส์ นิ ซง่ึ ใหเ้ ชา่ โดยสภาพไมเ่ หมาะสมแกก่ ารใชป้ ระโยชน์
ของผูเ้ ชา่ ผเู้ ชา่ จะบอกเลิกสญั ญากไ็ ด้
๓. ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบต่อความช�ารุดบกพร่องซ่ึงเกิดข้ึนในระหว่างเวลาเช่า
โดยผู้ให้เช่าต้องจัดการซ่อมแซมในสิ่งจ�าเป็น เว้นแต่ว่าการซ่อมแซมนั้นมีกฎหมายหรือจารีต
ประเพณีวา่ ผู้เช่าต้องซอ่ มแซมเอง
๓.๓) หนา้ ที่และความรับผิดของผู้เช่า ได้แก่
๑. ผเู้ ชา่ จะใชท้ รพั ยส์ นิ ทเี่ ชา่ ในกจิ การอน่ื นอกจากทใี่ ชก้ นั ตามประเพณนี ยิ มปกติ
หรือในกจิ การท่ีกา� หนดไวใ้ นสญั ญานน้ั ไม่ได้
๒. ผเู้ ชา่ จะตอ้ งสงวนทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ชา่ นน้ั เชน่ เดยี วกนั กบั ทรพั ยส์ นิ ของตนเอง และ
ต้องบ�ารุงรกั ษาท้ังท�าการซ่อมแซมเลก็ น้อยด้วย
๓. ผเู้ ชา่ จะตอ้ งใหผ้ ใู้ หเ้ ชา่ หรอื ตวั แทนของผใู้ หเ้ ชา่ สามารถตรวจดทู รพั ยส์ นิ ทเี่ ชา่
เป็นคร้ังคราว ในเวลาและระยะอนั เหมาะสม
๔. ถา้ ผเู้ ช่าไม่ช�าระค่าเชา่ ผใู้ หเ้ ชา่ จะบอกเลิกสัญญาได้
7
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
การเชาทรัพยสินในขอใดตองมีการทําหลักฐานเปนหนังสือ 1 สัตวพาหนะ ตามพระราชบัญญัติสัตวพาหนะ หมายถึง ชาง มา โค
ลงลายมือช่ือผตู องรบั ผดิ กระบอื ลอ ลา ซง่ึ ไดท าํ หรอื ตอ งทาํ ตว๋ั รปู พรรณตาม พ.ร.บ. น้ี และตาํ หนริ ปู พรรณ
หมายถงึ ลกั ษณะสณั ฐานโดยเฉพาะของสตั วพ าหนะแตล ะตวั ซงึ่ อาจแตกตา งกนั ไป
1. รถจกั รยาน ทงั้ นอ้ี าจเปนนตาํ หนิท่ีมีอยูแลว หรือทําข้นึ ใหมเพอ่ื ใชเ ปนเครอ่ื งหมาย เน่อื งจาก
2. ทน่ี าปลกู ขา ว สตั วพ าหนะตา งๆ เหลา นม้ี รี ปู พรรณเหมอื นกนั การจาํ แนกเปน การเฉพาะจงึ ตอ ง
3. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร มีการทําเครือ่ งหมายไว และสตั วพ าหนะตาม พ.ร.บ.นีไ้ มร วมถึงกรณที ่ีเปน สัตว
4. ชา งสาํ หรบั เปน พาหนะ พาหนะของทางราชการเวนแตม ีการโอนกรรมสทิ ธ์ิใหส ตั วน ้ันแกเอกชน
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. การเชาอสังหาริมทรัพยจะตอง
มีหลักฐานเปนหนังสือลงลายมือชื่อผูตองรับผิด มิฉะน้ันจะ
ฟองรองกันไมไดตามกฎหมาย สวนการเชาสังหาริมทรัพยหรือ
สงั หาริมทรพั ยชนิดพเิ ศษไมจ ําเปน ตอ งมหี ลักฐานเปน หนงั สือ)
T9
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๔) เชา่ ซอ้ื คอื สญั ญาซงึ่ เจา้ ของเอาทรพั ยส์ นิ ออกใหเ้ ชา่ และใหค้ า� มน่ั วา่ จะขายทรพั ยส์ นิ นน้ั
7. ครูใหนักเรียนกลุมที่ทําการศึกษา : เชาซ้ือ หรือใหท้ รัพย์สนิ นัน้ ตกเปน็ สทิ ธิแก่ผู้เช่า โดยเง่อื นไขทีผ่ ้เู ชา่ ไดใ้ ช้เงินเป็นจ�านวนเท่านั้นเทา่ น้คี ราว
นําเสนอผลการศึกษา จากนั้นครูตั้งคําถาม ทรัพย์สนิ ท่ีเช่าซ้ือน้นั ได้แก่ ทรัพย์สนิ ทุกประเภท สญั ญาเชา่ ซื้อจะตอ้ งทา� เปน็ หนังสือ มิฉะนนั้
ใหน ักเรยี นรว มกนั ตอบ เชน แจะลเะปจ็นดโทกมาะฆรเบเะชยี า่กนซลกอื้ ่าาอวรสคโองัอื หน 2าตครอ่สู่ มิ พญั ทนญรกัพั างจยา ะ์นกตเรอ้จรา้งมหลสงนทิ ลา้ ธาท1จิ์ย ี่ะถมโา้ออื ผนชใู้ ไ่อืหปใเ้ ยนชงัสา่ ผซญั เู้อ้ืชญผา่ าซดิ ทอสื้ ้ังญไั สดญ อ้ กงาต็ ฝไอ่ม่าเย่ยมอ อื่ มผไใู้ ปหจเ้ ชดา่ ทซะอ้ื เบไดยี ท้ นา� กหานรงโั อสนอื
• การเชา ทรพั ยแ ละการเชา ซอ้ื มคี วามแตกตา ง ต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ผู้เช่าซ้ือมีสิทธิฟ้องต่อศาลเพ่ือบังคับให้ผู้ให้เช่าซื้อไปจดทะเบียนการโอน
กันอยา งไร ตอ่ พนักงานเจา้ หน้าทีไ่ ด้
(แนวตอบ สัญญาเชาทรัพย เปนการใช
ทรัพยสินของผูอ่ืนช่ัวคราว โดยทรัพยสิน ตวั อยา่ ง การเช่าซอื้ อสงั หารมิ ทรัพย์
ไมตกเปนของผูเชา เจาของทรัพยยังมี นายอัครเดชน�าบ้านพรอ้ มทด่ี ิน ๑ แปลง ใหน้ ายศภุ ชัยเชา่ ซ้อื ในราคา
กรรมสิทธิ์ในทรัพยน้ันอยู และการเชา ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท นายศภุ ชัยไดช้ �าระเงินคา่ เช่าซอ้ื ครบ ๑๐ งวด งวดละ
อสังหาริมทรัพยตั้งแต 3 ปขึ้นไปตองทํา ๓๐๐,๐๐๐ บาท แตน่ ายอคั รเดชไม่ยอมไปท�าหนงั สอื และจดทะเบยี นการโอน
หนังสือสัญญา สวนสัญญาเชาซื้อ เปน บ้านพร้อมทด่ี นิ ต่อพนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีใหแ้ กน่ ายศภุ ชัย ถือว่านายอคั รเดชผดิ
การเชาสวนหน่ึง และทรัพยนั้นจะตกเปน สญั ญา ดงั น้นั นายศภุ ชัยมีสทิ ธฟิ ้องศาลเพอ่ื บงั คับให้นายอคั รเดชไปจดทะเบยี นการโอนได้
กรรมสทิ ธขิ์ องผเู ชา ภายหลงั โดยทก่ี รรมสทิ ธ์ิ
ยังเปนของผูใหเชาซื้ออยู หากผูเชาซ้ือ ในกรณีทีผ่ ้เู ชา่ ซือ้ ผิดนดั ไม่ใช้เงินสองคราวตดิ ต่อกนั หรือกระท�าผดิ สญั ญาในข้อทเี่ ป็นสว่ น
ยังผอนชําระเงินไมครบตามจํานวน และ ส�าคัญ เจา้ ของทรพั ยส์ ินจะบอกเลกิ สญั ญาก็ได ้ และเงินท่ีได้รบั ชา� ระมาแล้วให้รบิ เปน็ ของเจ้าของ
การเชาซ้ือตอ งทําเปน สญั ญาเสมอ) ทรพั ยส์ ิน และเจ้าของทรพั ยส์ ินสามารถท่ีจะกลับเขา้ ครอบครองทรัพยส์ นิ นน้ั ไดด้ ว้ ย
ตัวอย่าง การผดิ สญั ญาการเชา่ ซอื้ สังหาริมทรัพย์
นายเอกเช่าซ้อื รถยนต์จากบรษิ ทั ยานยนต์ จา� กดั เปน็ เงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
โดยมขี อ้ ตกลงในสญั ญาวา่ จะช�าระเงนิ จา� นวน ๒๕ งวด งวดละ ๒๐,๐๐๐ บาท
นายเอกช�าระเงินแกบ่ รษิ ทั ยานยนต ์ จ�ากัด ไปแลว้ ๒๐ งวด แต่ไม่มีเงนิ ไป
ช�าระในงวดท่ ี ๒๑ และงวดท่ ี ๒๒ บริษัทยานยนต ์ จา� กัด จงึ บอกเลิกสญั ญา
และเรยี กรถยนต์คนื พร้อมรบิ เงินท่นี ายเอกช�าระมาแลว้ จา� นวน ๒๐ งวดไว้
นายเอกซึ�งเป็นผูเ้ ช่าซื้อจะตอ้ งคืนรถยนตใ์ ห้แก่บรษิ ัทยานยนต ์ จา� กัด
ประเด็นส�าคัญของการเช่าซื้อ คือ สัญญาเชา่ ซื้อจะตอ้ งท�าเปน็ หนงั สือ ค่สู ญั ญาจะต้องลง
ลายมือชอ่ื ในสัญญาท้งั สองฝ่าย กรรมสทิ ธิใ์ นทรัพย์สนิ ยังเป็นของผ้ใู หเ้ ช่าซื้ออยู่
8
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
1 กรรมสิทธิ์ สิทธิ์ที่ไดการรับรอง โดยระบุวาผูเปนเจาของมีสิทธิจากการ ตอ งตกลงเชา หอ งแถวจากอว น โดยอว นตกลงวา จะขายตกึ แถว
เปนเจาของวามีสิทธิในการไดรับประโยชนและมีขอจํากัดในการใชทรัพยากร ใหตอ ง เม่ือตอ งจายคาเชา ครบ 24 เดือน เดือนละ 8,000 บาท
หรอื ทรัพยส นิ นนั้ อยา งไรบา ง ตามสัญญา กรณนี ีถ้ อื เปน สญั ญาประเภทใด
2 การโอน กฎหมายไดกําหนดแบบและวิธีการโอนเอาไว โดยตองทําเปน
หนังสือและจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ ไมอยางนั้นการโอนจะไมมีผล 1. สญั ญาเชา ซื้อ
ผกู พนั กับผูร บั โอน และตกเปนโมฆะ 2. สัญญาเชาทรัพย
3. สัญญาซอื้ เงนิ ผอ น
4. สัญญาจะซ้อื จะขาย
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สัญญาเชา ซ้ือเปนสัญญาซง่ึ เจา ของ
เอาทรพั ยส ินออกใหเ ชา และใหค าํ มั่นวา จะขายทรัพยสนิ นน้ั โดยมี
เงื่อนไขทผ่ี ูเชา ไดใชเ งินครบตามจาํ นวน)
T10
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
หลกั เกณฑ ขน้ั สอน
ของสัญญา
10. ครูใหนักเรียนแตละหมายเลขกลับไปท่ีกลุม
เช่าซอ้ื เดิมและจับสลากเพือ่ เลือกทําใบงาน ดังนี้
• ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง ซ้ือขาย
ผ้ใู ห้เชา่ ซือ้ ผ้เู ชา่ ซื้อ • ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง กูยืมเงนิ
• ใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง เชา ทรพั ย
• เปน็ เจ้าของกรรมสิทธใ์ิ นทรพั ย์สินทใี่ ห้เช่า • ต้องช�าระเงนิ ตอบแทนให้แก่ผใู้ ห้เชา่ จนครบถว้ น • ใบงานท่ี 1.4 เรอ่ื ง เชาซอื้
ตามจา� นวนท่ีไดต้ กลงกนั ไว้
• มอบทรพั ยส์ ินใหผ้ ้เู ชา่ น�าไปใช้ประโยชน์ • สามารถบอกเลิกสัญญาใน 11. นักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความ
• ผ ใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื ใหค้ า� มนั่ วา่ จะขายทรพั ยส์ นิ หรอื ใหท้ รพั ยส์ นิ เวลาใด เวลาหนึ่งกไ็ ด้ โดย ถูกตองของใบงาน
มอบทรัพย์สินกลับคนื ให้
นน้ั ตกเปน็ กรรมสิทธ์ขิ องผูเ้ ชา่ แกเ่ จ้าของ โดยเสยี 12. ครูใหอ าสาสมัครนกั เรยี น 2-3 กลมุ นาํ เสนอ
• ในกรณที ผี่ เู้ ชา่ ซอื้ ไมช่ า� ระเงนิ งวดสองคราวตดิ ตอ่ กนั คา่ ใชจ้ ่ายของตนเอง ผลงานในใบงานหนา ชนั้ เรยี น และใหก ลมุ อน่ื
ทม่ี ีผลงานทแ่ี ตกตางกันไดนาํ เสนอเพิม่ เติม
ผใู้ หเ้ ชา่ มสี ทิ ธทิ จ่ี ะบอกเลกิ สญั ญากไ็ ด ้ รวมถงึ มสี ทิ ธิ
ท่ีจะรบิ เงนิ ทไี่ ด้ใชม้ าแลว้ พรอ้ มกับมสี ิทธทิ ่จี ะกลับ 13. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมท่ีเกี่ยวกับกฎหมาย
เขา้ ครองทรพั ยส์ นิ ทีใ่ ห้เชา่ ซ้ือน้ันได้ แพงและพาณิชย ในแบบฝกสมรรถนะฯ
หนาที่พลเมืองฯ ม.3 เพื่อเปนการบานสงครู
สิ่งท่ีสองฝา ยต้องท�ารว่ มกนั คือ ตอ้ งท�าเปนหนงั สือและลงลายมอื ชื่อของคู่สญั ญาทง้ั สองฝา ย ในช่ัวโมงถดั ไป
สญั ญาเชา่ ซอื้ มคี วามแตกตา่ งจากสญั ญาซอ้ื ขายเงนิ ผอ่ น คอื สญั ญาซอื้ ขายเงนิ ผอ่ นเปน็ การ
ซอ้ื ขายเสร็จเด็ดขาด โดยมกี ารตกลงเรอ่ื งการชา� ระราคาวา่ ผู้ขายยนิ ยอมให้ผู้ซือ้ ผอ่ นชา� ระราคา
เป็นงวด ดังนั้น ถ้าเป็นสัญญาซ้ือขายเงินผ่อน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโอนไปยังผู้ซื้อทันทีเม่ือมี
การตกลงซอ้ื ขายกัน สว่ นสัญญาเชา่ ซ้ือนนั้ เปน็ เพยี งการที่เจ้าของเอาทรัพย์สนิ ใหผ้ ูอ้ นื่ เชา่ โดยมี
คา� มน่ั วา่ เมอ่ื ผเู้ ชา่ ชา� ระคา่ เชา่ ตามสญั ญาแลว้ ใหก้ รรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ นน้ั ตกเปน็ ของผเู้ ชา่ ดงั นนั้
สญั ญาเชา่ ซอ้ื กรรมสทิ ธยิ์ งั อยทู่ ผ่ี ใู้ หเ้ ชา่ ผเู้ ชา่ ซอื้ คงมแี ตส่ ทิ ธคิ รอบครองในระหวา่ งการเชา่ เทา่ นน้ั
กล่าวได้ว่า ถ้าผใู้ ดไม่ปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาซ้อื ขาย กู้ยืม เช่าทรัพย ์ เชา่ ซอ้ื ดงั ตวั อย่างท่ีกล่าว
ไปแล้วนั้น ถอื วา่ ผู้นนั้ ผดิ สญั ญาตอ้ งชดใชค้ า่ เสียหายทเ่ี กิดข้ึน จากกรณีที่ไดย้ กตวั อยา่ งมานั้นเป็น
ลกั ษณะการทา� ผดิ สญั ญาตา่ ง ๆ ซง่ึ ในกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยน์ น้ั ยงั มลี กั ษณะการทา� ผดิ ทน่ี า่ สนใจ
คอื การละเมิด
การละเมดิ หมายถงึ การกระทา� ทจี่ งใจหรอื ประมาทเลนิ เลอ่ กระทา� ตอ่ ผอู้ น่ื โดยผดิ กฎหมาย
ใหเ้ ขาเสียหายถงึ ชวี ติ ร่างกาย อนามยั เสรภี าพ ทรพั ยส์ ิน หรือสิทธิอยา่ งใดอย่างหนึง่ ลกั ษณะ
ของการเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการท�าละเมิดแบ่งออกได้เป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ ชดใช้
โดยให้กระท�าการ ชดใช้โดยงดเวน้ กระทา� การ และชดใช้คา่ สินไหมทดแทน
๙
กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค เกร็ดแนะครู
นักเรียนแบงกลมุ ออกเปน 5 กลุม เพ่อื แบงกันศกึ ษาตามหวั ขอ ครอู าจแนะนาํ เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั หลกั เกณฑข องสญั ญาเชา ซอ้ื วา จะมปี ระโยชน
ดังนี้ อยางย่ิงสําหรับผูประกอบการท่ีเก่ียวกับการขายสินคาทั้งท่ีเปนสังหาริมทรัพย
และอสังหาริมทรัพย เชน ผูที่ทําโครงการบานจัดสรร หรือผูท่ีขายรถยนต
• สญั ญาซ้อื ขาย เพอ่ื เปน ประโยชนห รอื แนวทางในการประกอบอาชพี ของนักเรียนไดในอนาคต
• การกูยมื เงนิ
• การเชา ทรพั ยสนิ
• การเชา ซอ้ื
• กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพง
โดยใหน กั เรยี นแตล ะคนในกลมุ ชว ยกนั ศกึ ษาหวั ขอ ดงั กลา ว และ
รวมอภิปรายตามหัวขอ ท่ีไดรบั มอบหมาย แลวสรปุ ผลการอภิปราย
เพื่อเตรยี มนําเสนอหนาช้นั เรยี น
T11
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
ขนั้ สรปุ ตัวอยา่ ง การกระทา� ละเมิด
นายด�าเอากอ้ นอิฐขวา้ งปาหลังคาบา้ นนางแดง ทา� ใหก้ ระเบื้องหลังคาบา้ นแตก
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ เสยี หาย เป็นการทา� ละเมดิ ตอ่ นางแดง นายด�าต้องรบั ผิดชดใชค้ า่ เสยี หายแกน่ างแดงเป็นค่า
กฎหมายแพงและพาณิชย หรือใช PPT สรุปสาระ กระเบ้ืองหลังคาบ้านทแ่ี ตกเสียหาย รวมทั้งค่าจ้างใหผ้ ู้อืน่ มาซอ่ มหลังคาใหเ้ หมอื นเดิม
สําคัญของเนื้อหา ตลอดจนความสําคัญของ
กฎหมายแพงและพาณิชย กระบวนการยุติธรรม ๑.2 กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง่
ตอ การดําเนนิ ชีวิตประจําวนั
กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพ่งเริ่มดว้ ยคูค่ วามฝ่ายโจทก ์ ผ้รู ้อง หรือผยู้ นื่ ฟอ้ ง เสนอค�าฟ้อง
ขนั้ ประเมนิ ต่อศาล ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายแพ่ง คู่ความในคดีแพ่งซ่ึงเป็นผู้ย่ืนฟ้อง เรียกว่า “โจทก์”
สว่ นผ้ทู ่ีถกู ฟ้อง เรยี กว่า “จ�าเลย” ในการดา� เนินคดีทางแพ่ง กฎหมายยินยอมให้โจทก์และจา� เลย
1. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั มอบหมายใหผ้ อู้ น่ื ดา� เนนิ การแทนได ้ เชน่ คคู่ วามทงั้ โจทกแ์ ละจา� เลยอาจตง้ั ทนายความเปน็ ตวั แทน
ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนา ชน้ั เรียน ในการว่าคดีหรือแก้คดีแทนตนได้ แต่ต้องท�าหนังสือลงลายมือช่ือคู่ความและทนายความเป็น
หลักฐานยื่นตอ่ ศาล
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพง่ เรมิ่ ตน้ จากโจทกเ์ สนอคา� ฟอ้ งตอ่ ศาล ศาลจะสง่ สา� เนาคา� ฟอ้ ง
สมรรถนะฯ หนา ท่ีพลเมืองฯ ม.3 ให้แก่จ�าเลยเพื่อให้การต่อสู้คดี โดยมีการสืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจ�าเลย จากนั้นศาลจะมี
คา� พพิ ากษาหรอื ตดั สนิ คด ี โจทก์หรอื จา� เลยอาจอทุ ธรณ์คา� พิพากษาของศาลชนั้ ต้นตอ่ ศาลอุทธรณ ์
ศาลฎกี า ตามล�าดับ แล้วจงึ มีการบังคบั คดีใหเ้ ปน็ ไปตามค�าพพิ ากษาของศาลนั้น ๆ เจ้าหนา้ ทก่ี รม
บังคับคดีมีหน้าที่ด�าเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามค�าส่ังหรือค�าพิพากษาของศาล ตัวอย่างเช่น
การยึดทรัพย ์ บุคคลทเี่ กยี่ วข้องในกระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง่ คือ คู่ความทเ่ี ป็นโจทกแ์ ละจ�าเลย
รวมถึงทนายความ ศาล เจา้ หนา้ ทงี่ านบังคบั คดี
การเร่ิมต้น ศาลพิจารณา ศาลนัดพจิ ารณาคดี
ของกระบวนการ รบั คา� ฟอ้ ง สืบพยานฝา่ ยโจทก์
ยุตธิ รรมทางแพง่
ในศาลช้ันตน้ โจทก์เสนอคา� ฟ้องตอ่ ศาล
ศาลพจิ ารณาคดี ศาลนดั สบื พยาน
และมคี �าพพิ ากษา พยานฝ่ายจา� เลย
โจทก์หรอื จา� เลยอาจอุทธรณ์ เจา้ พนกั งานบังคบั คดี
ค�าพพิ ากษาของศาลช้ันต้นตอ่ ท�าหนา้ ทีบ่ ังคับคดีตาม
ศาลอุทธรณ ์ ศาลฎีกา ตามล�าดับ คา� พิพากษาหรือค�าสั่งศาล
หมายเหตุ : กรณีการเสนอคดเี ป็นค�ารอ้ ง เช่น กรณีผจู้ ดั การมรดก
๑๐
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง กฎหมายแพงและ กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพง มหี นว ยงานและบคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ ง
พาณิชย ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน อยา งไร
หนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการ
นําเสนอผลงานทแี่ นบทายแผนการจัดการเรยี นรูห นว ยที่ 1 เรือ่ ง กฎหมายแพง (แนวตอบ มหี นว ยงานและบุคคลทีเ่ ก่ียวของ ดังน้ี คคู วาม คือ
และกฎหมายอาญา ผเู ปน โจทก จาํ เลย ทนายความ คอื บคุ คลซงึ่ ไดจ ดทะเบยี นอนญุ าต
ใหมีสิทธิประกอบอาชีพทนายความได เปนบุคคลที่คูความได
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน มอบหมายใหฟองหรือตอสูคดีแทนคูความ ศาล คือ ผูมีอํานาจ
หนา ท่ใี นการพิพากษาคดี เจาพนักงานบังคับคดี คือ เจาพนกั งาน
คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ ของศาล หรือเจาพนักงานอื่นท่ีเปนผูมีอํานาจตามกฎหมายที่จะ
ตรงกบั ระดับคะแนน ปฏบิ ตั หิ นาทีต่ ามคําสง่ั ศาล เพ่อื คุมครองสทิ ธขิ องคูความ)
ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนื้อหา
2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเรื่อง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่
รวม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
T12 ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ò. ¡®ËÁÒÂÍÒÞÒ ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model)
กฎหมายอาญา เป็นกฎหมายที่ต้องก�าหนดว่าการกระท�าใดเป็นความผิดโดยชัดแจ้ง และ ขัน้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ
กบา�ทหลนงโดทบษทนลั้นงจโทะอษยทใู่ านงปอราะญมาวสลา� กหฎรหบั มคาวยามอาผญดิ นา น้ั แ ซละ่ึงพบทระบรญัาชญบตั ัญวิ ญา่ ดตั ว้1อิ ยน่ื ก าๆร กทรก่ี ะา�ทหา� นผดดิ โททาษงอทาาญงอาาแญละา
ส�าหรับการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินั้น ๆ เช่น พระราชบัญญัติการพนัน พระราชบัญญัติจราจร 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่องท่ี
ทางบก พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ จะเรียนรู จุดประสงคการเรียนรู และผลการ
ลักษณะส�าคัญของกฎหมายอาญา มีดังน้ี เรียนรู
๑. เป็นกฎหมายท่ีต้องก�าหนดว่าการกระท�าใดเป็นความผิดไว้โดยชัดแจ้ง ในขณะกระท�า
ความผดิ ตอ้ งมกี ฎหมายบญั ญตั ไิ วแ้ ลว้ อยา่ งชดั แจง้ วา่ การกระทา� นน้ั เปน็ ความผดิ เจา้ หนา้ ทจ่ี ะออก 2. ครูนําภาพหรือขาวการกระทําความผิดทาง
กฎหมายใหม่ขึ้นมาใช้บังคับแก่ประชาชนคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้ เช่น กฎหมายบัญญัติว่า อาญามาใหนักเรียนดู แลวใหนักเรียนรวมกัน
“การลกั ทรพั ย์เปน็ ความผิด” ดงั นนั้ ผูใ้ ดลักทรัพย์ยอ่ มมีความผิดเชน่ เดียวกัน อภปิ รายวา การกระทาํ ผดิ ตามภาพมผี ลกระทบ
๒. เป็นกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง ถ้าหากในขณะที่มีการกระท�าส่ิงใด ๆ ก็ตามท่ียังไม่มี ตอใครบาง สรางปญหาใหสังคมและประเทศ
กฎหมายบญั ญตั วิ า่ เปน็ ความผดิ แมต้ อ่ มาภายหลงั จะมกี ฎหมายบญั ญตั วิ า่ การกระทา� อยา่ งเดยี วกนั ชาติอยา งไร
นั้นเป็นความผิด ก็จะน�ากฎหมายที่บัญญัติข้ึนมาภายหลังน้ันมาใช้กับผู้กระท�าไม่ได้ เว้นแต่เป็น
กฎหมายที่เป็นคณุ แกผ่ ู้กระทา� ความผดิ 3. ครอู าจสรปุ ใหเ หน็ วา การกระทาํ ผดิ ทางอาญา
นอกจากจะมีผลตอผูถูกกระทําแลว ยังมี
2.๑ ลกั ษณะการกระทา� ความผิดทางอาญาและโทษทางอาญา ผลกระทบท่เี สียหายตอสังคมอกี ดว ย จากนน้ั
ครูใหความรูเก่ียวกับลักษณะการทําความผิด
เมื่อบุคคลได้กระท�าความผิดทางอาญา กฎหมายอาญาได้มีการบัญญัติบทลงโทษไว้ตาม ทางอาญาและโทษพรอมยกตัวอยางประกอบ
ลกั ษณะของการกระทา� ความผิด ซึ่งการลงโทษจะหนักหรอื เบาน้นั จะตอ้ งพจิ ารณาจากการกระท�า แลว ใหน ักเรียนรวมกันอภปิ รายความผิด
ของบุคคลนั้น ๆ
๑) ความรับผิดทางอาญาและโทษทางอาญา บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาเม่ือมี
การกระทา� ดังน้ี
๑.๑) กระทา� โดยเจตนา เป็นการกระทา� โดยผู้กระท�ารู้สา� นกึ คอื ผู้กระท�ารสู้ �านกึ ในการ
เคล่ือนไหวร่างกายของตนเอง ในขณะเดียวกันผู้กระท�าประสงค์ต่อผลท่ีเกิดตามท่ีคิดไว้ หรือ
ผู้กระทา� ยอ่ มเลง็ เห็นผลในการกระทา� น้ัน
ตวั อยา่ ง การกระทา� โดยเจตนา
นายโอ้และนางปอมเกิดมปี ากเสยี งทะเลาะกนั อย่างรนุ แรง และถงึ ข้ันทา� ร้ายร่างกายกนั
นางปอมเหน็ ว่าตนเองไมส่ ามารถส้แู รงของนายโอ้ได้ จงึ ควา้ มดี ปลายแหลมท่อี ยขู่ า้ ง ๆ
แทงนายโอ้ท่ีทอ้ งจา� นวน ๕ ครั้ง นายโอถ้ งึ แกค่ วามตายทันที นางปอ มยอ่ มมีความผดิ
ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
๑๑
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
ขอใดตอ ไปนคี้ อื ลักษณะทีส่ าํ คัญของกฎหมายอาญา 1 พระราชบัญญัติ บทกฎหมายท่ีใชบังคับอยูเปนประจําตามปกติ เพื่อเปน
1. ไมมบี ทกาํ หนดโทษ ระเบียบบังคับความประพฤติของบุคคล องคกร และเจาหนาที่ของรัฐ ถือเปน
2. กําหนดความผดิ ไวโ ดยชัดแจง บทบญั ญัตแิ หง กฎหมายทมี่ ฐี านะสูงกวา บทกฎหมายอ่นื ๆ รองจากรฐั ธรรมนูญ
3. กําหนดใหความผิดมผี ลยอ นหลังได
4. คุม ครองสิทธิและหนา ท่ีของบุคคลโดยทว่ั ไป
(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. กฎหมายอาญาเปนกฎหมายท่ีมี
ขอกําหนดอยางชัดแจงวาการกระทําใดเปนความผิดทางอาญา
ซึ่งถือเปนลักษณะที่สําคัญของกฎหมายอาญา เชน กฎหมาย
บัญญัติวา “การชิงทรัพย” เปนความผิด ดังน้ัน ผูใดชิงทรัพย
ยอ มมคี วามผิดและตองรับโทษตามกฎหมายกําหนด)
T13
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๑.๒) การกระท�าโดยประมาท เป็นการกระท�าความผิดโดยไม่เจตนา แต่กระท�าโดย
ปราศจากความระมดั ระวัง ซึ่งบคุ คลในภาวะเช่นนน้ั จะต้องมีตามวสิ ัยและพฤตกิ ารณ์ และผ้กู ระทา�
ขั้นท่ี 2 สาํ รวจคน้ หา
อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่าน้ันได้ แต่ไม่ได้
1. ครูยกตัวอยางหรือกรณีศึกษาการกระทํา ระมดั ระวงั ใหเ้ พยี งพอ
โดยประมาทและการกระทําโดยไมเ จตนา ให การกระทา� โดยประมาทแมจ้ ะเกดิ ขน้ึ
นักเรียนรวมกันอภิปรายความผิดและโทษ โดยไม่เจตนา แต่หากการกระท�าน้ันส่งผล
จากน้ันใหนักเรียนแบงกลุม เพ่ือศึกษาและ กระทบต่อผู้อ่ืน ก่อให้เกิดภยันตรายต่อสังคม
อภิปรายตามหัวขอ ดงั นี้ เชน่ การทา� ใหเ้ กดิ เพลงิ ไหมโ้ ดยประมาท การทา�
• ความผดิ เกย่ี วกบั ทรพั ยส ิน ให้ผู้อ่ืนได้รับอันตรายสาหัสโดยประมาท ก็จะ
• ความผดิ เก่ยี วกบั ชวี ิตและรา งกาย ต้องได้รบั โทษตามกฎหมาย
• กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา
อบุ ัตเิ หตุทางจราจรถือเปน็ การกระท�าโดยประมาท
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ ลกั ษณะหนึ่ง
ใหกับนกั เรียนเพิ่มเติม
ตัวอยา่ ง การกระท�าโดยประมาท
นายไก่นา� คตั เตอร์ออกมาเล่น โดยแกวง่ โยนไปมาหยอกล้อกับนายเจ๊ยี บ
ซึ�งเป็นเพ่ือนรักกัน แต่นายไกไ่ มร่ ะมัดระวงั เป็นเหตใุ หค้ ัตเตอรไ์ ปถกู แขนนายเจ๊ียบ
เป็นแผลกวา้ ง นายไกม่ ีความผดิ ฐานประมาท ทา� ใหผ้ ู้อน่ื ไดร้ บั อนั ตรายแกก่ าย
๑.๓) การกระทา� โดยไมเ่ จตนา เปน็ การกระทา� โดยรสู้ า� นกึ แตผ่ กู้ ระทา� ไมป่ ระสงคต์ อ่ ผล
หรือไม่อาจเล็งเหน็ ผลของการกระทา� วา่ จะเกดิ ข้นึ
ตัวอย่าง การกระท�าโดยไม่เจตนา
นายไข่ใชก้ �าลังชกตอ่ ยนายขวดถกู บริเวณใบหน้า ทา� ให้นายขวดลม้ หงาย ประหารชวี ติ
หมดสต ิ ศรี ษะฟาดพน้ื ถนนแขง็ กะโหลกศีรษะแตก และเสียชีวิตในวนั รงุ่ ขึ้น จ�าคกุ
นายไขม่ คี วามผดิ ฐานฆา่ คนตายโดยไม่เจตนา กักขงั
ปรับ
สา� หรบั โทษทางอาญา1น้ันมรี ะดบั ของการลงโทษ
หนักเบาตา่ งกนั ไปขึ้นอยกู่ บั ลักษณะของการกระท�าความผดิ รบิ ทรพั ย์สิน
รวมถึงปจั จยั ท่นี �ามาประกอบในหลาย ๆ ดา้ น ซงึ่ จะมี
กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนทถี่ ูกต้อง
โดยโทษสูงสุดทางอาญา คอื ประหารชวี ติ
และมโี ทษในระดบั อนื่ ๆ รองลงมา ดงั นี้
๑2
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 โทษทางอาญา การกระทาํ ความผดิ ทางอาญามี 2 ลกั ษณะ คอื 1. ความผิด ขอ ใดเปนลักษณะของการกระทาํ ผิดโดยประมาท
ตอแผนดิน หมายถึง ความผิดในทางอาญาที่มีผลตอตัวผูรับผลรายและมี 1. กงุ เอาไมต หี ัวเพือ่ นเพราะโมโห
ผลกระทบตอ สงั คมดว ย ความผดิ ประเภทนย้ี อมความไมไ ด รฐั ตอ งเขา ไปดาํ เนนิ 2. กัง้ แอบขโมยรถจักรยานทจ่ี อดไวไปข่ีเลน
คดีฟอ งรองเอาตัวผกู ระทาํ ผดิ มาลงโทษใหไ ด 2. ความผิดยอมความกนั ได เปน 3. กบขับรถดวยความคกึ คะนองจงึ ชนคนกําลงั ขามถนน
ความผิดทางอาญาซ่ึงไมไดมีผลรายกระทบตอสังคมโดยตรง หากผูเสียหายไม 4. แกว ยึดอาชีพขายแผน ซีดภี าพยนตรเ ถอื่ นเพราะรายไดด ี
ตดิ ใจเอาความแลว รัฐก็ไมอ าจเขามาดําเนนิ คดกี บั ผผูก ระทาํ ความผิดได
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. กบกระทําการโดยปราศจากความ
ระมัดระวัง ขาดความรอบคอบจนเปนเหตุใหเกิดความเดือดรอน
หรอื เสยี หายตอ ผอู น่ื การกระทาํ ของกบเปน การขบั รถโดยประมาท
เปน เหตุใหผ อู ่นื ไดรบั อนั ตราย)
T14
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒) ลักษณะตา่ ง ๆ ของการกระทา� ความผดิ ทางอาญา การกระทา� ความผิดทางอาญา ขน้ั สอน
มหี ลายลักษ๒ณ.๑ะ) ซค่งึ วแาบมง่ ผอดิ อเกกไ่ยี ดวต้ กาบั มทลรักพั ษยณส์ ะนิ ก1 ากรากรรกะรทะทา� ค�าวผาดิ มเกผ่ยีิดวทกี่สบั �าทครญั ัพ ยเชส์ น่ินทคี่ วรรู ้ มีดังนี้ ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้
๑. ลักทรัพย์ คือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยท่ีเจ้าของไม่ยินยอม แม้ต่อมา
เจ้าของทรัพย์จะสงสารไม่ติดใจเอาความ ก็ยังคงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะเป็นความผิด 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
อาญาทไี่ มส่ ามารถยอมความกนั ได้ การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู
ระหวางกัน
ตวั อย่าง ความผดิ เก่ยี วกับการลกั ทรพั ย์
2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
นางแกว้ เป็นหญิงหมา้ ยต้องหารายไดม้ าเลย้ี งลกู ๖ คน วันหนง�ึ นางแก้วไปตลาด ทน่ี ําเสนอเพ่อื ใหไดขอ มลู ทถ่ี กู ตอง
เห็นกลว้ ยหอมสุกงอมวางอย่ ู จึงหยิบเอาไป ๑ หว ี โดยไมไ่ ด้รับอนุญาตจากเจ้าของ
นางแกว้ มีความผดิ ฐานลักทรัพย์ 3. ใหกลุมนักเรียนท่ีศึกษาและอภิปราย เรื่อง
ความรบั ผดิ ชอบเกยี่ วกบั ทรพั ยสนิ มานําเสนอ
ผลการศกึ ษาและผลการอภปิ รายหนา ชนั้ เรยี น
ครูและนักเรียนคนอื่นๆ รวมกันสรุปสาระ
สําคญั ของเรื่อง
๒. วิง่ ราวทรพั ย์ คอื การลักทรัพยโ์ ดยฉกฉวยเอาซ่ึงหน้า เป็นการเอาไปตอ่ หน้า
โดยไมม่ คี วามเกรงกลวั ในการวง่ิ ราวทรพั ยน์ น้ั ไมจ่ า� เปน็ วา่ เมอื่ ลกั ทรพั ยแ์ ลว้ จะตอ้ งวงิ่ หนเี สมอไป
อาจเป็นการเดินหนีข้ึนรถไปกจ็ ดั วา่ เปน็ การวิง่ ราวทรัพย์เชน่ กัน
๓. ชงิ ทรพั ย ์ คอื การลกั ทรพั ยข์ องผอู้ น่ื โดยใชก้ า� ลงั หรอื อาวธุ ทา� รา้ ยเจา้ ของทรพั ย ์
หรอื ขูว่ า่ จะใช้กา� ลงั หรอื อาวธุ ท�ารา้ ยเจา้ ของทรัพย์เพือ่ อย่างใดอยา่ งหนงึ่ ตอ่ ไปนี้
• ให้ความสะดวกแก่การลกั ทรพั ยห์ รือการพาทรัพย์นั้นไป
• ใหย้ ื่นทรัพย์น้นั • ยดึ ถือทรพั ย์นน้ั ไว้
• ปกปดิ การกระทา� ความผดิ นนั้ • ให้พน้ จากการจับกมุ
๔. ปลน้ ทรัพย ์ คอื การท่ีคนต้งั แต ่ ๓ คนข้ึนไป รว่ มมอื กนั ชงิ ทรัพยข์ องผู้อนื่
๒.๒) ความผดิ เก่ียวกบั ชีวติ และร่างกาย การกระท�าความผิดเก่ยี วกบั ชวี ิตและรา่ งกาย
ทีค่ วรรู้ มดี งั นี้
๑. ความผิดฐานท�าให้คนตาย การท�าให้คนตายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
ย่อมมีความผิดท้ังสิ้น ซึ่งโทษที่ได้รับน้ันจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า เป็นการท�าให้คนตาย
โดยเจตนา หรอื ท�ารา้ ยร่างกายผอู้ น่ื ถงึ ตายโดยไม่มเี จตนาฆา่
ตวั อย่าง ความผิดฐานท�าให้คนตาย
นายหาญยิงปืนเข้าไปในรถโดยสารประจ�าทาง กระสุนปืนไปถูกนางแววถึงแก่ความตาย นายหาญ
มีความผดิ ฐานฆา่ คนตายโดยเจตนา
๑๓
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
พงศกรโกรธสทุ ธพิ งษท ไ่ี มย อมใหย มื เงนิ จงึ เอายาพษิ ใสใ นนา้ํ ให 1 ความผิดเกี่ยวกับทรัพยสิน ประกอบไปดวย 1. บุกรุก การเขาเคหะผูอื่น
สทุ ธพิ งษด ม่ื แตส ทุ ธพิ งษไ มต ายเนอ่ื งจากหมอชว ยชวี ติ ไวท นั กรณี โดยไมไ ดร ับอนญุ าติ 2. กรรโชกทรัพย การขมขู ขม ขนื ใจผอู นื่ ใหย นิ ยอมใหตน
น้พี งศกรจะมคี วามผดิ ฐานใด หรือผูอ่ืนไดประโยชน หรืออาจใชกําลังประทุษราย หรือขูวาจะทําอันตรายตอ
ชีวติ รา งกาย เสรภี าพ ช่อื เสียง หรอื ทรพั ยส ินของผถู ูกขม ขู และ 3. รบั ของโจร
1. เจตนาฆา การรบั ซอ้ื รบั จาํ นาํ รบั ไว ชว ยซอ นเรน ปกปด ความจรงิ ของทรพั ยท ไ่ี ดม าโดยผดิ
2. พยายามฆา กฎหมาย
3. ประมาทฆา
4. ประสงคใ นการฆา
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. พงศกรมีความผดิ ฐานพยายามฆา
เนื่องจากไดกระทําการไปตลอดแลวแตการนั้นไมบรรลุผลตามที่
ตนตองการ กลา วคือ สุทธพิ งษไมตายตามท่ีเจตนาไว ผลจึงเปน
พยายามฆา )
T15
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๒. ความผดิ ฐานทา� รา้ ยรา่ งกาย1 คอื การทา� รา้ ยจนเปน็ เหตใุ หผ้ อู้ น่ื ไดร้ บั อนั ตราย
ต่อรา่ งกายหรือจติ ใจ ถือเป็นความผดิ แต่อาจไดร้ บั โทษแตกต่างกันไป ตามระดับของความหนกั
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ เบาหรืออันตรายที่ผู้อื่นได้รับ เช่น ได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่สาหัส และยังต้องดูองค์ประกอบ
ของการท�าความผิดด้วยว่าเป็นการกระท�าโดยเจตนาหรือไมเ่ จตนา
4. นักเรียนท่ีศึกษาและอภิปราย เร่ือง ความผิด ความผดิ ฐานทา� รา้ ยรา่ งกายผอู้ น่ื จนเปน็ เหตใุ หไ้ ดร้ บั อนั ตรายสาหสั เชน่ ตาบอด
เก่ียวกับชีวิตและรางกาย มานําเสนอผลการ มหือหู นเวทกา้ ลห้นิ รขอื าอดว ยั สวญู ะอเส่ืนยี ใดอ วใยั บวหะสนบืา้ เพสนัยี ธโฉหุ์ มรอือคยวา่ างตมดิสตามัว าจรถิตใพนกิ กาารรอสยืบา่ พงตนั ดิธต์ ุ สวั ญู แเสทยี้งลอกูวยั ทวะพุ พเชลน่ ภ าขพา2
ศึกษาและผลการอภิปรายหนาชั้นเรียน ครู หรือเจบ็ ป่วยเร้ือรงั ซง่ึ อาจถงึ ตลอดชวี ิต หรือเจบ็ ป่วยดว้ ยอาการทุกขเวทนาเกนิ กว่า ๒๐ วัน
และนกั เรียนคนอื่นๆ รวมกันสรปุ สาระสําคัญ
ของเร่อื ง ตวั อยา่ ง ความผดิ ฐานทา� ร้ายร่างกาย
นายสุดและนายศกั ดิ์รุมกระทืบนายแสงจนท�าให้นายแสงหนา้ บวมและซโี่ ครงหกั
5. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหกรณีตัวอยาง จนตอ้ งนอนรกั ษาตวั เป็นเวลา ๖๐ วนั นายสุดและนายศักดม์ิ คี วามผดิ ฐานท�าร้ายร่างกาย
จากหนังสือเรียน แลวตั้งคําถามใหนักเรียน จนเปน็ เหตุให้ผู้ถูกท�าร้ายไดร้ ับอันตรายสาหัส
รว มกันวเิ คราะห ดังนี้
ï• องคป ระกอบของการกระทาํ ความผดิ ฐานฆา ๓. ความผิดท่ีกระท�าโดยประมาทต่อชีวิตและร่างกาย การกระท�าความผิดโดย
คนตายโดยเจตนา ไดแ กสิ่งใด ประมาท สามารถแบง่ ออกได้เป็น ๓ ลกั ษณะ ไดแ้ ก ่ การกระท�าโดยประมาทเปน็ เหตใุ ห้ผู้อ่นื ถึงแก่
(แนวตอบ มีการกระทําคือ การฆา มีผูถูก ความตาย การกระทา� โดยประมาทเปน็ เหตใุ หผ้ อู้ น่ื ไดร้ บั อนั ตรายสาหสั และการกระทา� โดยประมาท
กระทาํ คือผูถกู ฆาเปนผูอ ่ืน และมเี จตนา) เป็นเหตใุ ห้ผอู้ น่ื ได้รบั อนั ตรายแก่รา่ งกายหรอื จติ ใจ ข้นึ อยกู่ ับผลของการกระท�าความผดิ
•ï องคประกอบของการกระทําความผิดฐาน
ฆาคนตายโดยไมเจตนา ไดแ กสงิ่ ใด ตวั อย่าง ความผดิ ท่กี ระท�าโดยประมาทต่อชวี ิตและรา่ งกาย
(แนวตอบ มกี ารทาํ รายผูอ่นื เปนเหตใุ หผูถกู นายพงศกรขบั รถมาด้วยความเรว็ สูง เมื่อถึงสแี่ ยกนายพงศกรเลย้ี วรถ
ทํารา ยถึงแกความตาย และมเี จตนาทํารา ย ทิ้งโคง้ อย่างแรงโดยทีไ่ มท่ นั เห็นรถจกั รยานยนต์ รถของนายพงศกรจึงพุ่งเข้า
แตไ มมีเจตนาฆา ) ชนรถจกั รยานยนตอ์ ย่างแรง ท�าให้ผขู้ ีร่ ถจกั รยานยนต์เสยี ชวี ิตในท่ีเกิดเหตุทนั ที
นายพงศกรมคี วามผดิ ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุใหผ้ ู้อ่นื ถงึ แก่ความตาย
2.2 กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา
กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เป็นกระบวนการส�าหรับการด�าเนินคดีอาญาเม่ือมีการ
กระทา� ผดิ ทางอาญาแลว้ และมวี ธิ กี ารนา� ตวั ผกู้ ระทา� ผดิ มาลงโทษ บคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ้ งในกระบวนการ
ยตุ ธิ รรมทางอาญา ไดแ้ ก ่ ผตู้ อ้ งสงสยั ผตู้ อ้ งหา จา� เลย ผเู้ สยี หาย พนกั งานฝา่ ยปกครองหรอื ตา� รวจ
พนักงานอยั การ ศาล พนกั งานคมุ ประพฤติ เจา้ หน้าทร่ี าชทณั ฑ ์ และทนายความ
๑๔
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
1 ความผิดฐานทํารายรางกาย แมผูเสียหายจะยอมความแตก็ไมมีผลใหคดี เหตกุ ารณใ ดตอ ไปนถี้ อื เปน เหตยุ กเวน ความผดิ ตามกฎหมายอาญา
ยุติ เพราะการทาํ รายรางกายถอื เปนความผิดอาญาแผนดิน ซงึ่ เปน การกระทํา 1. แมวขโมยกระเปา สตางคของเหมยี วไป
ความผิดซงึ่ รัฐเปน ผเู สยี หาย 2. หมูพังประตูบานของมดดว ยความจาํ เปน
2 ทุพพลภาพ การสญู เสียอวยั วะ สญู เสยี สมรรถภาพของอวัยวะ หรอื สญู เสยี 3. มายดท ํารา ยรางกายหมิวจนไดรับบาดเจ็บสาหัส
สภาวะปกตขิ องจติ ใจ จนไมส ามารถทาํ งานได 4. มิน้ ตเ อาไมฟาดแมนเพ่อื ปอ งกนั ตนเองจากการถกู ยงิ
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การกระทําท่เี ปนการปองกนั สิทธิ
ของตนเองหรือผูอื่นพอสมควรแกเหตุถือเปนเหตุยกเวนความผิด
กลา วคอื ไมม คี วามผดิ ตามกฎหมาย)
T16
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
การเร่มิ ตน้ ของกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา ขน้ั สอน
ในกรณผี ู้เสียหายแจง้ ความตอ่ ตาำ รวจ ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้
การเร่ิมต้น ตา� รวจสอบสวนคดี 6. นกั เรยี นทศี่ กึ ษาและอภปิ ราย เรอ่ื ง กระบวนการ
ของกระบวนการ เสนอเหน็ สมควรส่งั ฟ้อง ยุติธรรมทางอาญา มานําเสนอผลการศึกษา
ยุติธรรมทางอาญา สง่ สา� นวนไปยังอยั การ และผลการอภิปรายหนาช้ันเรียน ครูและ
ในศาลช้ันตน้ นกั เรยี นคนอ่ืนๆ รวมกนั สรปุ สาระสําคญั ของ
เรื่อง
7. ครูใหนักเรียนดูแผนผังกระบวนการยุติธรรม
ทางอาญา จากน้ันใหนักเรียนเขียนรายงาน
แสดงความคิดเห็นหรือขอเสนอแนะตางๆ ท่ี
เกีย่ วกับกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา
ส่งฟอ้ งศาลชั้นต้น อยั การส่ังฟอ้ งผ้ตู ้องหา อยั การกล่นั กรองคดี
ศาลรบั ฟ้องและด�าเนินการ ศาลพจิ ารณาคดี เจา้ หน้าท่รี าชทัณฑ์
พิจารณาคดีสืบพยาน และมคี �าพพิ ากษาลงโทษ ด�าเนนิ การตามคา� พิพากษา
ศาลพจิ ารณาคดี
จ�าเลยสามารถมีคา� อทุ ธรณ์ไปยัง สบื พยานโจทก์
ศาลอทุ ธรณ์และศาลฎกี า ตามล�าดับ
ในกรณผี ู้เสียหายฟ้องคดตี ่อศาล
การเรม่ิ ต้น ศาลจะสงั่ ไต่สวนมลู ฟอ้ ง
ของกระบวนการ
ยตุ ธิ รรมทางอาญา คดีไมม่ ีมลู คดมี ีมลู
ในศาลชน้ั ต้น ศาลพิพากษา ให้ศาล
ยกฟ้อง ประทับฟอ้ ง
เจา้ หน้าที่ราชทัณฑ์ ศาลพจิ ารณา ศาลพิจารณาคดี
ดา� เนนิ การตามคา� พิพากษา ลงโทษจ�าเลย สืบพยานจ�าเลย
โจทกแ์ ละจ�าเลยสามารถอทุ ธรณค์ �าพพิ ากษาไปยังศาลอทุ ธรณแ์ ละศาลฎกี า ตามล�าดับ ๑5
ขอ สอบเนน การคดิ บูรณาการอาเซียน
บุคคลในขอใดไมเ ก่ียวขอ งกบั กระบวนการยุติธรรมทางอาญา สืบเน่ืองจากการวมตัวกันเปนประชาคมอาเซียนทําใหมีการเปดเสรี
1. เจาหนาทร่ี าชทณั ฑ ในดา นตา งๆ เชน การคา การเคลอ่ื นยา ยการลงทนุ ซง่ึ นอกจากจะทาํ ใหเ กดิ ผลดี
2. พนกั งานคมุ ประพฤติ ทางดา นเศรษฐกจิ แลว ยงั ทาํ ใหเ กดิ ผลกระทบตามมา นน่ั คอื ปญ หาอาชญากรรม
3. เจา พนักงานบงั คับคดี และการกออาชญากรรมระหวางประเทศ ดวยเหตขุ องปญ หาดังกลาว อาเซยี น
4. อัยการและพนกั งานสอบสวน จึงเตรียมความพรอมในการใหความรวมมือทางอาญาเกี่ยวกับการสงผูราย
ขามแดน ซึง่ มีวตั ถปุ ระสงคในการปราบปรามอาชญากรรมในภูมภิ าค
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. เจาพนกั งานบงั คับคดี เปน บคุ คล
ทเี่ กย่ี วขอ งกบั กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง มใิ ชท างอาญา)
T17
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา เรมิ่ จากเมอื่ มผี เู้ สยี หายหรอื ผมู้ อี า� นาจจดั การแทนผเู้ สยี หาย
ไปรอ้ งทกุ ขห์ รอื แจง้ ความตอ่ ต�ารวจหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ใหด้ า� เนนิ คดกี บั ผกู้ ระท�าความผดิ ตา� รวจ
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ จะเปน็ เจา้ หนา้ ท่ชี ้นั ตน้ ทรี่ บั ผิดชอบในการดา� เนินคดีอาญา โดยจะรบั แจง้ ความ จับกุมผตู้ ้องสงสยั
คน้ ตวั บคุ คลและสถานท ี่ ควบคมุ ผตู้ อ้ งหาระหวา่ งสอบสวน สอบสวนผตู้ อ้ งหา ผเู้ สยี หายและพยาน
8. นักเรียนรวมกันศึกษาลักษณะการกระทํา เพตรร้อียมมทพั้งยสา่งนตหัวผลัูก้ตฐ้อางนหตา ่างเว ๆ้น แแตล่ผ้วู้ตท้อ�างคหวาานม้ันเหถู็กนขตังาอมยสู่แ�าลน้วว นตว่อ่าจคาวกรนสั่งั้นฟพ้อนงักหงราือนไอมัย่คกวารร1สซ่ังึ่งฟเป้อ็นง
ผิดของเด็กและเยาวชนรวมถึงการรับโทษ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพิจารณากลั่นกรองดูตามหลักฐานในส�านวนการสอบสวน และถ้าเห็นสมควร
จากนน้ั นาํ ความรูทไ่ี ดม าแลกเปลี่ยนกนั สงั่ ฟอ้ งกจ็ ะดา� เนนิ การฟอ้ งผตู้ อ้ งหาตอ่ ศาล โดยถอื วา่ พนกั งานอยั การมอี า� นาจหนา้ ทใี่ นการดา� เนนิ คดี
ในนามของรัฐ ท�าหน้าท่ีเป็นโจทก์ เปรียบเสมือนเป็นทนายของแผ่นดิน ในกรณีที่ผู้เสียหาย
9. จากการอภิปรายแลกเปล่ียนความรูระหวาง ไม่ประสงค์จะใหเ้ จ้าหนา้ ทดี่ า� เนินการให้ ผู้เสยี หายกอ็ าจด�าเนินการฟอ้ งรอ้ งคดเี องได้
กัน ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นถึงความ ในคดอี าญานนั้ เมอื่ ผตู้ อ้ งหาหรอื จ�าเลยมคี วามประสงคจ์ ะขอตอ่ สคู้ ดกี จ็ ะปรกึ ษาทนายความ
เหมาะสมในกระบวนการลงโทษเด็กและ เพ่ือให้ค�าแนะน�าปัญหาข้อกฎหมาย ข้อขัดแย้งทางกฎหมาย เป็นที่ปรึกษาในการต่อสู้คดีตาม
เยาวชน และชวยกันเสนอแนะส่ิงท่ีเปน ค�ากลา่ วหาของโจทก ์ ซงึ่ เปน็ ไปตามขน้ั ตอนของกระบวนการยตุ ธิ รรม
ประโยชน ผพู้ ิพากษาจะท�าหน้าทใ่ี นการพจิ ารณาคดี มกี ารสืบพยานทั้งฝา่ ยโจทกแ์ ละฝา่ ยจา� เลย โดย
เม่ือศาลมีคา� พพิ ากษาใหจ้ �าคุกหรือประหารชวี ิต เจ้าหน้าท่รี าชทัณฑ์ก็จะด�าเนินการใหเ้ ป็นไปตาม
คา� พพิ ากษาของศาล เจา้ หนา้ ทรี่ าชทณั ฑจ์ ะเขา้ มาเกยี่ วขอ้ งกบั กระบวนการยตุ ธิ รรมตง้ั แตก่ อ่ นศาล
พิจารณาคดี ระหว่างการพิจารณาคดี และภายหลังท่ีศาลพิพากษาคดีแล้ว กล่าวคือ เจ้าหน้าท่ี
ราชทัณฑ์จะท�าหน้าท่ีควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจ�าเลยไว้ในระหว่างการด�าเนินคดี ในกรณีท่ีศาล
ไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือจ�าเลย ในคดีอาญาน้ัน หากผู้เสียหายต้องการจะเป็นโจทก์
ร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ก็สามารถแต่งตั้งทนายความในการด�าเนินการ
ต่อสคู้ ดโี ดยเปน็ โจทก์รว่ มกบั พนักงานอัยการได้
เรอ่ื งนา่ รู้
เดก็ และเยาวชนจะถกู จบั กมุ ไดใ้ นกรณใี ดบา้ ง
เมอ่ื เดก็ หรอื เยาวชนกระทา� ความผดิ การจบั กมุ ทา� ไดเ้ มอื่ เดก็ นน้ั กระทา� ผดิ ซงึ่ หนา้ หรอื มหี มายจบั หรอื คา� สงั่
ของศาล การจบั กมุ เยาวชนกระทา� ไดเ้ ชน่ เดยี วกบั การจบั ผตู้ อ้ งหาทเ่ี ปน็ ผใู้ หญ ่ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญา หรอื ตอ้ งจบั ตามหมาย แตก่ รณตี อ่ ไปน ี้ ตา� รวจสามารถจบั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งมหี มาย ไดแ้ ก่
• กระทา� ผดิ ซง่ึ หนา้ • พบโดยมพี ฤตกิ ารณต์ อ้ งสงสยั วา่ จะกอ่ เหตรุ า้ ย
• เปน็ การจบั ผตู้ อ้ งหาหรอื จา� เลยทห่ี น ี • มเี หตอุ อกหมายจบั แตจ่ า� เปน็ เรง่ ดว่ นไมอ่ าจรอหมายได้
ทมี่ า : กรมพนิ จิ และคมุ้ ครองเดก็ และเยาวชน กระทรวงยตุ ธิ รรม
๑6
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
1 พนักงานอัยการ มอี าํ นาจหนา ที่ตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิไว ดังน้ี บุคคลในขอใดสามารถเขาเปนโจทกรวมกับผูเสียหายในคดี
• อํานวยความยตุ ิธรรม อาญาได
• รักษาผลประโยชนข องรฐั
• คุม ครองสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชน 1. พนกั งานอยั การ
• หนา ท่อี ่นื ตามท่กี ฎหมายบญั ญัติ 2. พนกั งานสืบสวน
3. พนักงานสอบสวน
4. พนักงานคุมประพฤติ
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. พนกั งานอยั การมอี าํ นาจในการเขา
เปนโจทกรวมในคดีอาญารวมกับผูเสียหายได ทั้งน้ีก็เพ่ือเปนการ
เขาไปตรวจสอบการดําเนินคดีและใชสิทธิในการอุทธรณ ฎีกา
เปน ตน )
T18
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
2.๓ ความแตกตา่ งของการกระท�าความผิดทางแพง่ และทางอาญา ขน้ั สรปุ
การกระทา� ความผดิ ทางแพง่ และทางอาญามคี วามแตกตา่ งกนั โดยสามารถแยกเปน็ ประเดน็ ข้ันที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ
ได ้ ดงั น้ี
1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานที่ 1.5 เรอ่ื ง การกระทาํ
ประเดน็ คดแี พ่ง คดีอาญา ความผิดทางอาญา
การกระท�าผิดกฎหมายเอกชนที่เป็น การกระท�าผิดกฎหมายซึ่งก�าหนด 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอกชนกบั เอกชน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอกชนกบั รฐั ที่ พลเมอื งฯ ม.3 เกย่ี วกบั เรอื่ ง กฎหมายอาญา
ในทางแพ่งและพาณิชย์ ซ่ึงจะมีการ ปกครองประชาชนภายในอาณาเขต เพื่อเปนการบานสงครใู นชัว่ โมงถัดไป
ก�าหนดหลักเกณฑ์เอาไว้ในประมวล โดยจะต้องมีตัวบทกฎหมายท่ีเป็น
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย ์ หรอื กา� หนด ลายลักษณ์อักษรก�าหนดความผิด ขน้ั ประเมนิ
การกระทา� ความผดิ ในกฎหมายอ่ืน แต่ในกรณีที่ไม่มีตัว และโทษไว้อย่างชัดเจน ซ่ึงโทษที่จะ
บทกฎหมายก�าหนดไว้เป็นลายลักษณ์ ไดร้ บั ต้องเป็นโทษทก่ี ฎหมายก�าหนด ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล
อกั ษร ศาลสามารถตดั สนิ ขอ้ พพิ าทโดย ไว้ในขณะกระท�าผิด จะอาศัยจารีต
ใช้หลักจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นที่ ประเพณี หลักกฎหมายใกล้เคียง 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
ใกล้เคยี งอยา่ งย่งิ มาใช้บงั คับ หรือหลกั กฎหมายท่ัวไปมาใช้ในการ ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
ลงโทษผูก้ ระทา� ผดิ ไมไ่ ด้ สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3
การกระท�าความผิดนั้นจะมีผลกระทบ การกระท�าน้ันก่อให้เกิดผลเสียหาย 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน
ระหว่างเอกชนกับเอกชนคู่กรณีเท่านั้น ไม่เพียงแต่เอกชนหรือแต่ละบุคคล (รวบยอด) ตารางเปรียบเทียบความแตกตาง
ผลกระทบจาก โดยถอื เปน็ ความเสยี หายตอ่ สว่ นตวั ของ เท่านั้น หากแต่เสยี หายต่อความสงบ ของการกระทําความผิดระหวางคดีแพงกับ
การกระท�าผดิ เอกชนหรือแต่ละบุคคล มิได้เป็นการ เรียบร้อย รวมถึงความม่ันคงของ คดีอาญา
3. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3
เร่ือง กฎหมายแพงและกฎหมายอาญาเพ่ือ
ทดสอบความรทู ีไ่ ดศกึ ษามา
กระทบต่อสังคมสว่ นรวม สังคมส่วนรวม
ลักษณะของโทษ ศาลจะพพิ ากษาใหผ้ แู้ พค้ ดชี า� ระหนเี้ ปน็ ศาลจะพพิ ากษาใหผ้ กู้ ระทา� ผดิ รบั โทษ
ที่จะลงแกผ่ กู้ ระทา� เงนิ สง่ มอบทรพั ยส์ นิ กระท�าการตา่ ง ๆ ตามระดับของการกระท�าผิด ภายใน
หรอื งดเวน้ การกระทา� อยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด ขอบเขตท่ีกฎหมายก�าหนดไว้ ซึ่งม ี
ความผดิ
๕ ระดบั ได้แก่ ประหารชวี ติ จา� คุก
กกั ขัง ปรับ และริบทรพั ยส์ ิน
กลา่ วโดยสรปุ การทจี่ ะอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ยา่ งเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย สมาชกิ ในสงั คม
จะตอ้ งเคารพและปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ไมฝ่ า่ ฝนื ละเมดิ ซง่ึ ทงั้ กฎหมายแพง่ และกฎหมายอาญา
ต่างก็มีลักษณะการกระท�าผิด และมีบทลงโทษส�าหรับผู้ฝ่าฝืนแตกต่างกันไป ส่ิงส�าคัญ คือ
เราตอ้ งตระหนกั ถงึ ความสา� คญั ของกฎหมายและปฏบิ ตั ติ ามอยา่ งเครง่ ครดั เพอ่ื การอยรู่ ว่ มกนั
ในสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ ๑7
กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล
นักเรียนรวมกลุมสืบคนและศึกษาคนควาเก่ียวกับประมวล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เร่ือง กฎหมายอาญาได
กฎหมายแพงและอาญาของประเทศสมาชิกอาเซียน จากนั้น จากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
วิเคราะหเปรียบเทียบบทลงโทษในความผิดทางแพงและอาญากับ โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่
ประมวลกฎหมายแพง และอาญาของประเทศไทย วา มคี วามเหมอื น แนบทา ยแผนการจดั การเรยี นรหู นว ยท่ี 1 เรอ่ื ง กฎหมายแพง และกฎหมายอาญา
หรือแตกตางกันอยางไร จากน้ันสรุปความรูท่ีไดจากการศึกษา
เพอื่ นาํ เสนอหนา ชน้ั เรียน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม
รวม
ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
T19
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เฉลย คาํ ถามประจําหน่วยการเรียนรู้ คÓถาม ประจÓหนว่ ยการเรียนรู้
๑. ในชวี ติ ประจา� วันของนกั เรยี นจะตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั กฎหมายประเภทใดบ้าง จงยกตัวอย่าง
1. ในชีวิตประจําวันเรามักมีความเก่ียวของกับ ๒. ลักษณะส�าคญั ของกฎหมายอาญาเปน็ อย่างไร
กฎหมายแพงและพาณิชย เชน การซื้อรถ ๓. การกระท�าความผดิ ทางแพ่งและทางอาญาต่างกนั อยา่ งไร
ซื้อบา น ๔. กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย ์ กฎหมายอาญา มคี วามส�าคญั ต่อการดา� เนนิ ชีวิตในสงั คมอยา่ งไร
๕. หากในสงั คมไม่มีกฎหมายบังคบั ใชจ้ ะสง่ ผลอย่างไร
2. เปน กฎหมายทมี่ กี ารกาํ หนดวา การกระทาํ ใดผดิ
และความผดิ นน้ั มบี ทลงโทษทางอาญาทชี่ ดั เจน กิจกรรม สร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้
3. การกระทําผิดทางแพงเปนลักษณะของความ กจิ กรรมที ่ ๑ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน ค้นคว้าข่าวเกี่ยวกับการกระท�าผิดทางแพ่ง
สัมพันธระหวางเอกชนกับเอกชน สวนการ
กระทําความผิดทางอาญาเปนลักษณะความ และทางอาญา และวิเคราะห์ลักษณะของการกระท�าความผิดและความรับผิด
สมั พนั ธระหวา งเอกชนกับรฐั แลว้ น�าขอ้ มลู มาอภปิ รายรว่ มกนั
4. ทั้งกฎหมายแพงและอาญาตางมีความสําคัญ กจิ กรรมท ่ี ๒ น กั เรยี นรว่ มกนั สบื คน้ ขอ้ มลู และจดั ปา้ ยนเิ ทศแสดงตวั อยา่ งทเ่ี กยี่ วกบั การกระทา�
ของการเปนระเบียบหรือขอบังคับ ซึ่งถาหาก
สมาชกิ ของสงั คมปฏบิ ตั อิ ยา งเครง ครดั จะชว ย ผดิ ทางแพ่งหรอื ทางอาญา
ใหส ามารถอยูรวมกนั ไดอยา งมีความสขุ
กจิ กรรมท ี่ ๓ น ักเรียนศึกษาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาจากบุคคลท่ีมี
5. สงั คมจะไรค วามเปน ระเบยี บ เกดิ ความวนุ วาย
ไมสงบสุข ความรู้ หรอื จากแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ จากน้นั สรปุ ความรู้เปน็ แผนผังความคดิ
น�าส่งครูผู้สอน
๑8
เฉลย แนวทางประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะ
ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเร่ืองตางๆ โดยทั่วไป
ซ่งึ เปนงาน หรอื ช้ินงานทีใ่ ชเ วลาไมน าน สําหรับประเมนิ รปู แบบนีอ้ าจเปนคําถามปลายเปดหรอื ผงั มโนทัศน นิยมสําหรับประเมินผูเรียนรายบคุ คล
ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชวี ติ ประจาํ วันในฐานะพลเมืองทดี่ ีของสงั คม อาจเปนการประเมนิ จากการสงั เกต การเขียน การตอบคาํ ถาม การวิเคราะห การแกป ญหา ตลอดจน
การทาํ งานรว มกัน
ประเมินทักษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคมท่ีมีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางยั่งยืน เชน ทักษะในการส่ือสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏบิ ตั ิงานตอผูเกยี่ วขอ ง หรือตอสาธารณะ
สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทตี่ อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน
T20
Chapter Overview
แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรยี น 1. อธิบายความหมาย การจดั การ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ความสามารถใน 1. มวี นิ ยั
ความหมายและ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 และความสำ� คญั ของ เรยี นร้แู บบ - ตรวจการท�ำแบบฝึก การคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
ความส�ำ คญั ของ - แบบฝึกสมรรถนะ สิทธมิ นษุ ยชนได้ (K) รว่ มมอื : สมรรถนะและการคิด - ความสามารถใน 3. มุง่ ม่นั ในการ
สทิ ธิมนุษยชน และการคิด เทคนิคคู่คดิ หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3 การใชท้ กั ษะชวี ติ ทำ� งาน
2. จ ำ� แนกความสำ� คญั - ตรวจใบงานท่ี 2.1
หนา้ ท่พี ลเมอื งฯ ม.3 ของสิทธมิ นษุ ยชนที่ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบก่อนเรยี น พบในชีวิตประจ�ำวันได้ - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน
1 - PowerPoint (P) - สังเกตพฤตกิ รรม
ช่ัวโมง - ใบงานท่ี 2.1 3. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา การท�ำงานรายบุคคล
ความหมายและความ - สังเกตพฤติกรรม
สำ� คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน การท�ำงานกล่มุ
เพิม่ มากข้ึน (A) - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรียน 1. วิเคราะห์แนวทางการมี กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ความสามารถใน 1. มวี ินัย
การมีสว่ นร่วม สงั คมศึกษาฯ ม.3 สว่ นรว่ มในการปกปอ้ ง เผชญิ - ตรวจการทำ� แบบฝึก การคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
ในการปกปอ้ ง - แบบฝกึ สมรรถนะ คุ้มครองผอู้ นื่ ตามหลกั สถานการณ์ สมรรถนะและการคิด - ความสามารถใน 3. มุ่งม่ันในการ
คุม้ ครองผูอ้ ื่น และการคิด สิทธมิ นษุ ยชนได้ (K) หนา้ ทพี่ ลเมืองฯ ม.3 การใชท้ กั ษะชวี ติ ทำ� งาน
ตามหลักสทิ ธิ หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 2. มสี ่วนร่วมในการ - ตรวจใบงานท่ี 2.2
มนษุ ยชน - PowerPoint ปกปอ้ งคมุ้ ครองผอู้ ่ืน - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน
- ใบงานที่ 2.2 ตามหลกั สทิ ธิมนษุ ยชน - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน
2 ท่พี บในชีวติ ประจ�ำวนั - สงั เกตพฤตกิ รรม
ได้ (P) การท�ำงานรายบุคคล
ช่วั โมง
3. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สงั เกตพฤตกิ รรม
และมีส่วนร่วมในการ การทำ� งานกล่มุ
ปกป้องคุ้มครองผู้อ่ืน - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
ตามหลักสิทธิมนุษยชน อันพึงประสงค์
เพม่ิ มากขน้ึ (A)
T21
แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 3
องค์กรด้าน - หนังสอื เรียน 1. อธบิ ายบทบาทหน้าท่ี สบื เสาะ - ตรวจการทำ� แบบฝึก - ความสามารถใน 1. มีวินัย
สิทธมิ นุษยชน สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 ขององค์กรด้านสทิ ธิ หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
- แบบฝึกสมรรถนะ มนุษยชนระดบั ชาติ (5Es หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. มุ่งม่นั ในการ
3 และการคดิ ระดบั ระหว่างประเทศ Instructional - ตรวจการท�ำแบบวัดและ การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
หน้าทีพ่ ลเมืองฯ ม.3 และระดับภาคประชา Model) บันทึกผลการเรยี นรู้
ช่วั โมง - แ บบวดั และบันทึกผล สังคมได้ (K) หน้าที่พลเมืองฯ ม.3
การเรียนรู้ 2. จำ� แนกผลการดำ� เนนิ งาน - ตรวจใบงานที่ 2.3
หนา้ ท่พี ลเมืองฯ ม.3 ขององคก์ รดา้ นสิทธิ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลงั เรียน มนษุ ยชนได้ (P) - ตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน
- PowerPoint 3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สังเกตพฤติกรรม
- ใบงานท่ี 2.3 การด�ำเนนิ งานของ การท�ำงานรายบคุ คล
องค์กรด้านสทิ ธิ - สงั เกตพฤติกรรม
มนษุ ยชนเพ่มิ มากขึ้น การท�ำงานกลมุ่
(A) - ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
T22
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒ สทิ ธมิ นษุ ยชนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ขน้ั นาำ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมอื
ÊÔ·¸ÔÁ¹ØÉª¹ÁÕ¤ÇÒÁ : เทคนคิ คูคดิ )
ÊíÒ¤ÑÞµ‹Í¡ÒÃÍÂًËÇÁ¡Ñ¹
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเรื่อง
ã¹Êѧ¤ÁÍ‹ҧäà จดุ ประสงค และผลการเรยี นรู
? 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน
หนวยการเรียนรทู ่ี 2 เร่อื ง สิทธมิ นษุ ยชน
3. ครยู กประเดน็ ทางสงั คมทเ่ี กย่ี วกบั สทิ ธมิ นษุ ยชน
มาเลา ใหน กั เรยี นฟง จากนนั้ ใหน กั เรยี นรว มกนั
ยกตัวอยางหลักสิทธิมนุษยชนท่ีนักเรียนรูจัก
และอภปิ รายความรดู งั กลา วรวมกัน
มนษุ ย์ทเี่ กิดมำในสังคมนัน้ ยอ่ มมีควำมแตกตำ่ งกนั ไป ไมว่ ำ่ จะเปน็ ฐำนะ เชอ้ื ชำติ ศำสนำ
ควำมคิด ควำมเชอื่ แต่ไมว่ ่ำจะมีควำมแตกต่ำงกันเพียงใด มนษุ ย์ทกุ คนยอ่ มมีสิทธ ิ เสรีภำพ และ
ศกั ด์ิศรคี วำมเปน็ มนุษย ์ เรียกวำ่ สิทธิมนษุ ยชน ในปัจจบุ ันเรำจะเหน็ ไดว้ ่ำมหี น่วยงำนท้งั ภำครฐั
และเอกชนท่ีก่อตั้งข้ึนเพื่อท�ำหน้ำที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกำรช่วยให้มนุษย์
มีคณุ ภำพชีวิตท่ดี ขี ้ึนและอย่รู ว่ มกนั ได้อย่ำงสันตสิ ุข
ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ส ๒.๑ ม.๓/๒ มีส่วนร่วมในกำรปกป้องคุ้มครองผู้อื่นตำม • ควำมหมำยและควำมส�ำคญั ของสิทธิมนษุ ยชน
หลกั สิทธิมนษุ ยชน • ก ำรมีส่วนร่วมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตำมรัฐธรรมนูญแห่ง
รำชอำณำจกั รไทยตำมวำระและโอกำสทเ่ี หมำะสม
๑9
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดการเรยี นรูโดยใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรม ตอ ไปนี้
• คนควา ขอมูลที่เกี่ยวกับหลกั การคุมครองสิทธมิ นษุ ยชน
• รวมกันแสดงความคิดเหน็ และขอเสนอแนะเกี่ยวกบั สิทธมิ นษุ ยชน
• มสี วนรวมทาํ กจิ กรรมทส่ี นบั สนนุ และสง เสริมหลักสทิ ธมิ นษุ ยชน
T23
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๑. ความหมายและความสÓคญั ของสทิ ธิมนษุ ยชน
สิทธิมนุษยชนถือเป็นอ�ำนำจอันชอบธรรมท่ีกฎหมำยรับรองให้มนุษย์กระท�ำกำรใด ๆ
1. ครูนําขาวเก่ยี วกับการละเมิดสิทธมิ นุษยชนใน โดยไม่กระทบสิทธิของผู้อื่นได้อย่ำงอิสระ และ
ดา นตา งๆ เชน การละเมดิ สทิ ธเิ ดก็ การละเมดิ ไม่แบง่ แยกชนชน้ั ฐำนะ หรือชำติก�ำเนดิ
สิทธิสตรี มาใหน กั เรียนรว มกนั ศกึ ษา จากน้ัน
ตง้ั คาํ ถาม เชน ๑.๑ ความหมายของ
• การละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนตามขา ว สง ผลเสยี สทิ ธิมนุษยชน
ตอ ตนเอง สงั คม และประเทศชาตอิ ยางไร นำ� มำใชแเ้ ปนน็วคกวลำไกมหคนิดง่ึเใรนื่อ ง“กสฎิทบธตัิมรนสุษหยปชรนะช ำไชดำ้ถตูก1”ิ
และเรามแี นวทางอยา งไรทจ่ี ะลดการละเมดิ (พ.ศ. ๒๔๘๘) เพ่ือปกป้องคุ้มครองมิให้เกิด
สิทธมิ นุษยชน โศกนำฏกรรม เช่น สงครำมโลกครั้งที่ ๒ ที่
อนุสรณ์สถำนฮิโระชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งใน มนษุ ยชำติต้องสังเวยชวี ิตไปจ�ำนวนมหำศำล
2. ครใู หน ักเรียนจับคู คละกันตามความสามารถ เคร่ืองเตือนใจถงึ โศกนำฏกรรมจำกสงครำมโลกครัง้ ท ี่ ๒ ค�ำว่ำ “สิทธิมนุษยชน” จึงปรำกฏอยู่ใน
โดยใหสมาชิกแตละคนจับคูกันภายในกลุม
และกาํ หนดหมายเลขเปน คทู ี่ 1 และคทู ่ี 2 คำ� ปรำรภ ควำมมงุ่ หมำย และหลกั กำรของกฎบตั รสหประชำชำตหิ ลำยมำตรำทรี่ ฐั สมำชกิ องคก์ ำร
สหประชำชำตไิ ดใ้ หก้ ำรรบั รองไว ้ เชน่ ในควำมมงุ่ หมำยประกำรหนงึ่ คอื “เพอ่ื ทำ� กำรรว่ มมอื ระหวำ่ ง
3. สมาชกิ แตล ะครู ว มกนั ศกึ ษาความรเู รอ่ื ง ความ ประเทศในอนั ทจี่ ะแกป้ ญั หำระหวำ่ งประเทศทำงเศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม และมนษุ ยธรรม และ
หมายและความสาํ คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน จาก ส่งเสรมิ สนับสนนุ กำรเคำรพสิทธิมนษุ ยชน”
หนงั สอื เรยี นสงั คมศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหลง ในเวลำต่อมำเม่ือมีค�ำประกำศ “ปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติ”
การเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด (พ.ศ. ๒๔๙๑) ซึ่งถือว่ำเป็นเอกสำรแม่บทของสิทธิมนุษยชน แต่ก็มิได้ให้ควำมหมำยของค�ำว่ำ
เวบ็ ไซตท างอินเทอรเ นต็ คลู ะ 1 เร่ือง ดงั นี้ สทิ ธมิ นษุ ยชนไว้แตป่ ระกำรใด
• คูท่ี 1 ศึกษาความรูเร่ือง ความหมายของ ปฏิญญำสำกลฯ จึงจัดได้ว่ำเป็นแนวทำงปฏิบัติของสิทธิมนุษยชน โดยมีสิทธิ เสรีภำพที่
สิทธมิ นุษยชน
• คูที่ 2 ศึกษาความรูเรื่อง ความสําคัญของ
สิทธิมนษุ ยชน
ส�ำคัญของมนุษย์ระบุไว้ เช่น สิทธิต่อชีวิต เสรีภำพและควำมปลอดภัยของบุคคล เสรีภำพทำง
ควำมคิดและกำรแสดงออก ควำมเสมอภำค กำรศกึ ษำ อำชีพ และกำรมสี ว่ นร่วม
แนวทำงปฏิบัติในปฏิญญำสำกลฯ ถือเป็นกำรให้ควำมหมำยค�ำว่ำ สิทธิมนุษยชนไว้แบบ
กวำ้ ง ๆ ส�ำหรบั ให้รัฐสมำชิกที่ให้กำรรับรองปฏญิ ญำสำกลฯ นำ� ไปเปน็ แนวทำงปฏบิ ตั ิ
ประเทศไทยถอื เป็น ๑ ใน ๔๘ ประเทศแรกของโลกทล่ี งคะแนนเสยี งรับรองและใหค้ วำม
สำ� คญั ตอ่ สทิ ธมิ นษุ ยชน ซง่ึ พระรำชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วำ่ ดว้ ยคณะกรรมกำรสทิ ธมิ นษุ ยชน
แห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ให้ควำมหมำยของสิทธิมนุษยชนว่ำหมำยถึง ศักด์ิศรีควำมเป็นมนุษย์
สทิ ธ ิ เสรภี ำพและควำมเสมอภำคของบคุ คล บรรดำท่ีไดร้ บั กำรรบั รองหรอื คมุ้ ครองตำมรฐั ธรรมนญู
ตำมกฎหมำย หรือตำมหนงั สอื สญั ญำทป่ี ระเทศไทยเปน็ ภำคีและมพี นั ธกรณีทจ่ี ะต้องปฏิบัตติ ำม
20
นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสรมิ
1 กฎบัตรสหประชาชาติ คือ ขอตกลงท่ีบรรดาประเทศที่กอตั้งและรวมเปน ครูใหนักเรียนจัดสัมมนากลุมยอยในเรื่อง “ความสําคัญของ
สมาชกิ ของสหประชาชาตไิ ดร ว มกนั ใหส ตั ยาบนั เขา ผกู พนั โดยมเี นอื้ หาเกยี่ วกบั สทิ ธมิ นษุ ยชนในสังคมไทย” เพอ่ื ใหนักเรยี นไดร วมกนั แสดงความ
วัตถุประสงค หลักการ ตลอดจนกระบวนการดําเนินงาน และการบริหารงาน คดิ เหน็ ในประเด็นดังกลาว
ตางๆ ของสหประชาชาติ ถือเปนกฎหมายระหวางประเทศและเปนตราสาร
กอต้งั สถาปนาองคการใหเ กิดขน้ึ อยางเปนทางการ กิจกรรม ทาทาย
สื่อ Digital นกั เรยี นสบื คน ประเดน็ ปญ หาทางดา นสทิ ธมิ นษุ ยชนในสงั คม
ไทยวามีปญหาดานใดบางท่ีควรเรงแกไข จากนั้น ใหนักเรียน
ศึกษาคนควาขอมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน เลือกมาคนละ 1 ปญหา เพ่ือเสนอแนวทางแกไข โดยสรุปลง
แหง สหประชาชาติไดท ี่ http://www.mfa.go.th กระดาษ A4 สง ครูผูสอน
T24
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑.2 ความส�าคญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน ขนั้ สอน
ในปัจจุบันทั่วโลกได้ให้ควำมส�ำคัญต่อสิทธิมนุษยชน และมีควำมพยำยำมที่จะก�ำหนด
มำตรฐำนท่ีเกีย่ วกบั สิทธมิ นุษยชน เพ่ือใหม้ นุษย์ไดร้ ับกำรปกป้องและคมุ้ ครองอยำ่ งเท่ำเทียมกัน 4. ครใู หน ักเรียนจัดการอภิปราย เพอ่ื นําเสนอผล
นอกจำกน ้ี ยงั มกี ำรดำ� เนนิ กำรทจ่ี ะชว่ ยใหป้ ระเทศตำ่ ง ๆ ในโลกมกี ำรพฒั นำทำงดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน การศึกษาเรื่อง ความหมายและความสําคัญ
ใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ จะเหน็ ไดว้ ำ่ เรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชนกลำยเปน็ ประเดน็ สำ� คญั ระดบั โลก ซงึ่ สำมำรถสรปุ ควำม ของสิทธิมนุษยชน จากนั้นครูตั้งคําถามให
สำ� คัญของสิทธมิ นษุ ยชนได ้ ดงั น้ี นกั เรียนรวมกนั ตอบ เชน
• สิทธิมนุษยชนมีความสําคัญตอ การดํารงอยู
๑) ส่งเสริมให้มนุษย์ทุกคนได้รับการปฏิบัติด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทั้ง ของมนุษยอยางไร
ศกั ดศ์ิ รแี ละสทิ ธ ิ ไมถ่ กู แบง่ แยกใหเ้ กดิ ควำมแตกตำ่ งกนั ในเรอ่ื งใด ๆ เชน่ เชอื้ ชำต ิ สผี วิ ชำตกิ ำ� เนดิ • สิทธิมนุษยชนมีความสัมพันธที่เช่ือมโยงกับ
เผำ่ พันธ ์ุ เพศ อำยุ ภำษำ ศำสนำ ควำมคิดเห็นทำงกำรเมือง และอ่ืน ๆ การเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อยางไร
๒) ส่งเสริมให้มนุษย์ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม โดยเฉพำะกำรได้รับ
ควำมคุ้มครองจำกกฎหมำยท่ีเท่ำเทียมกัน รวมถึงได้รับกำรพิจำรณำคดีอย่ำงเป็นธรรมจำกศำล 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมเดิมทําใบงานท่ี 2.1
ตลอดจนกำรดำ� เนนิ กำรตำมขั้นตอนของกระบวนกำรยุตธิ รรม เร่ือง ความหมายและความสําคัญของสิทธิ
มนุษยชน จากนั้นนักเรียนแตละกลุมชวยกัน
๓) สง่ เสรมิ ใหม้ นษุ ยม์ คี วามเปน็ อยแู่ ละคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี นึ้ โดยกำรทไ่ี ดร้ บั สทิ ธติ ำ่ ง ๆ ตรวจสอบความถูกตอ งของใบงาน
ที่เหมำะสม ไม่วำ่ จะเปน็ สทิ ธใิ นทรพั ย์สิน สทิ ธิในมำตรฐำนกำรครองชพี กำรประกนั กำรวำ่ งงำน
ไกดำร้รบัไดกร้ ำบั รคคำ่มุ้ จคำ้ รงอทงเ่ี ลพขิ ยี สงทิพธอแิ์ ตลอ่ ะกสำทิ รธยบิงั ชตั พีร1 รกวำมรถเขงึ ำ้สถทิ งึ ธบใิ รนกิ กำำรรสเขำธำ้ ำรรบั ณกำสรขุ พทฒั ม่ี มีนำำตในรดฐำำ้ นน ตกำ่ ำงร ๆศ กึ ทษจี่ ำำ� เกปำน็ ร 6. ครใู หอาสาสมคั รนกั เรยี น 2-3 กลมุ นาํ เสนอ
ตอ่ กำรดำ� รงชวี ิต ผลงานในใบงานหนาช้ันเรียน และใหก ลุมอื่น
ทม่ี ผี ลงานทแ่ี ตกตา งกันไดน ําเสนอเพมิ่ เติม
๔) สง่ เสรมิ โอกาสแกม่ นษุ ยท์ ุกคนใหม้ ีส่วนร่วมในกจิ กรรมต่าง ๆ ทางสังคม โดย
ได้รบั กำรสนับสนนุ ให้เขำ้ ไปมีสว่ นร่วมในกำรคิด แสดงควำมคิดเหน็ หรอื กำรตดั สินใจในกิจกรรม 7. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมทเี่ กยี่ วกบั ความหมาย
ทำงสังคม เช่น สิทธิในกำรชุมนุมทำงกำรเมือง สิทธิในกำรเสนอแนะแนวทำงกำรแก้ไขปัญหำ และความสาํ คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน ในแบบฝก
สมรรถนะฯ หนาที่พลเมืองฯ ม.3 เพ่ือเปน
การบานสง ครูในชวั่ โมงถัดไป
สังคม สิทธใิ นกำรเลอื กตัง้ ตลอดจนสทิ ธิในกำรด�ำรงต�ำแหน่งทำงกำรเมอื ง
๕) สง่ เสรมิ ใหม้ นษุ ยม์ อี สิ ระ เสรภี าพ
ในการด�าเนินชีวิต โดยทุกคนสำมำรถท�ำ
กิจกรรมต่ำง ๆ ท่ีไม่ขัดต่อกฎหมำยและไม่เกิด
ควำมเดือดร้อนต่อผู้อ่ืนได้อย่ำงเสรี ตลอดจน
ไดร้ บั ควำมคมุ้ ครองเสรีภำพทำงควำมคิด เช่น
เสรภี ำพในกำรนบั ถอื ศำสนำ กำรแสดงออก กำร
แสวงหำและกำรรับรู้ข้อมลู ข่ำวสำร กำรชมุ นมุ
อยำ่ งสงบ กำรรวมกันเปน็ สมำคม และสิทธใิ น
กำรมีส่วนร่วมในกจิ กำรสำธำรณะ สทิ ธมิ นษุ ยชนสง่ เสรมิ กำรมเี สรภี ำพทำงควำมคดิ ไดแ้ สดง
ควำมคดิ เหน็ และรว่ มกนั ตัดสนิ ใจในกิจกรรมทำงสงั คม 2๑
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ขอ ใดสอดคลอ งกับคําวา สิทธิมนษุ ยชน 1 สิทธิบัตร หนังสือสําคัญที่รัฐออกใหเพ่ือคุมครองการประดิษฐหรือการ
1. จ๋วิ บงั คับเพ่ือนใหเขา รว มกลุมกับตน ออกแบบผลิตภัณฑท่ีมีลักษณะตามท่ีกฎหมายกําหนด เปนสิทธิพิเศษที่ทําให
2. แจวไดร บั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐานที่ดแี ละมงี านทํา ผูประดิษฐคิดคนหรือผูออกแบบผลิตภัณฑมีสิทธิท่ีจะผลิตและจําหนายสินคา
3. จอ มไมไ ปใชส ทิ ธิเลอื กต้งั เน่ืองจากตดิ ธรุ ะสําคัญ แตเพียงผูเดียว ในชวงระยะเวลาหน่ึง ซ่ึงส่ิงประดิษฐท่ีสามารถจดสิทธิบัตรได
4. จอยกลา วหาเพอ่ื นรวมงานดว ยการใชถ อ ยคาํ ท่รี ุนแรง จะตองเปนส่งิ ประดษิ ฐใหม เปนส่งิ ประดิษฐทม่ี เี ทคโนโลยสี ูงขึ้น และสามรถนํา
ไปใชในการผลิตทางอตุ สาหกรรม หัตถกรรม เกษตรกรรม และพาณิชยกรรม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. สิทธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิ
เสรภี าพ และความเสมอภาคของบุคคล ซงึ่ รวมถงึ ความเสมอภาค
ทางการศึกษาท่ีรัฐมีหนาที่ดูแลใหประชาชนไดรับสิทธิการศึกษา
ข้ันพื้นฐานท่ีดีและมีงานทํา ตลอดจนการเขาถึงในการพัฒนาใน
ดา นตางๆ ที่จําเปน ตอการดาํ รงชวี ติ )
T25
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
ขนั้ สรปุ ๖) สง่ เสรมิ ใหม้ นษุ ยท์ กุ คนมเี สรภี าพในการแสดงความคดิ เหน็ ถงึ แมม้ นษุ ยส์ ำมำรถ
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ แสดงออกในด้ำนต่ำง ๆ ได้อยำ่ งเทำ่ เทียม แต่จะตอ้ งเคำรพสิทธขิ องผอู้ ่ืน
ความหมายและความสําคัญของสิทธิมนุษยชน แสดงใหเ้ หน็ ไดว้ ำ่ สทิ ธมิ นษุ ยชนมคี วำมสำ� คญั ตอ่ ประชำกรโลก โดยองคก์ ำรสหประชำชำติ
สรุปความรูสนธิสัญญานหลักดานสิทธิมนุษยชน ในฐำนะองคก์ ำรระหวำ่ งประเทศไดใ้ หค้ วำมสำ� คญั พยำยำมเรยี กรอ้ งและดำ� เนนิ กำรจดั ทำ� สนธสิ ญั ญำ
หรอื ใช PPT สรปุ สาระสาํ คญั ของเนอ้ื หา ตลอดจน หลักด้ำนสิทธิมนุษยชนมำเป็นล�ำดับ จ�ำนวน ๗ ฉบับ ซ่ึงมีผลด�ำเนินกำรส�ำหรับรัฐสมำชิก
ความสาํ คัญตอการดําเนนิ ชีวิตประจําวัน สหประชำชำตใิ นปจั จุบัน ดงั น้ี
ขน้ั ประเมนิ ฉบบั ท่ี ๓ ฉบบั ที่ ๔ ฉบับท่ี ๕
กติกำระหว่ำงประเทศวำ่ ด้วยสิทธิ กติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิ อนุสัญญำวำ่ ดว้ ยกำรขจัดกำรเลอื ก
1. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั พลเมอื งและสิทธิทำงกำรเมือง ทำงเศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม
ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน ปฏบิ ัตทิ ำงเชื้อชำติในทุกรูปแบบ
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3
ฉบับท่ี ๒ สนธิสญั ญา ฉบับที่ ๖
อนุสัญญำวำ่ ดว้ ยกำรขจดั กำร ดา้ นสทิ ธิ อนสุ ญั ญำวำ่ ดว้ ยต่อตำ้ นกำรทรมำน
เลือกปฏบิ ตั ติ อ่ สตรใี นทุกรปู แบบ มนุษยชน
ฉบบั ท่ี ๑ และกำรปฏบิ ตั ิหรอื กำรลงโทษอน่ื
อนสุ ญั ญำว่ำด้วย ทีโ่ หดร้ำย ไรม้ นษุ ยธรรม หรอื
สิทธเิ ด็ก ท่ยี ่ำ� ยศี ักด์ศิ รี
ฉบับที่ ๗
อนสุ ัญญำว่ำดว้ ยสิทธิ
ของคนพกิ ำร
ประเทศไทยเข้ำเป็นภำคีสนธิสัญญำแล้วทั้ง ๗ ฉบับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นเจตนำรมณ์อย่ำง
ชัดเจนที่ร่วมกับประชำคมระหวำ่ งประเทศระดับสำกล ในกำรส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
โดยใน พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ประเทศไทยไดร้ บั เลอื กจำกประเทศสมำชกิ ใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ประธำน
คณะมนตรสี ทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ สหประชำชำต ิ มหี นำ้ ทร่ี บั คำ� รอ้ งเรยี นจำกบคุ คลในเรอ่ื งกำรละเมดิ สทิ ธิ
มนุษยชน สอดสอ่ งดแู ลกตกิ ำสำกลเรอ่ื งสทิ ธพิ ลเมอื งและกำรเมอื ง
สิทธิมนุษยชนมีควำมสัมพันธ์ท่ีเช่ือมโยงกับกำรเมืองกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
เนอ่ื งจำกแนวคดิ และกำรปฏบิ ตั ดิ ำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนเปน็ กำรวำงรำกฐำนไปสคู่ วำมเปน็ ประชำธปิ ไตย
และถือเปน็ ตวั ชี้วัดควำมเปน็ ประชำธิปไตยในแต่ละประเทศ เพรำะเมื่อมีสิทธิมนุษยชนก็จะเกดิ ทงั้
หน้ำทข่ี องผู้ปกครองหรือรัฐบำล และหน้ำทม่ี นุษยชนทจ่ี ะต้องเอ้ือเฟ้อื เก้ือกลู กันด้วยควำมเมตตำ
กรณุ ำ กำรปลกู ฝังเรอื่ งนจี้ ึงถอื เป็นสง่ิ สำ� คญั และจำ� เปน็ ในสังคม
22
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคดิ
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง ความหมายและ ขอ ความใดกลา วถูกตอ ง
ความสําคญั ของสิทธมิ นุษยชน ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกันทาํ งาน และ 1. สทิ ธมิ นุษยชนมผี ลทําใหมนุษยข าดอิสระในการดาํ เนินชีวิต
การนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก 2. บคุ คลที่มีฐานะดเี ทา นน้ั จะไดรบั สทิ ธิในการบริการสาธารณสุข
แบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 2
เร่อื ง สิทธมิ นษุ ยชน และสวัสดกิ ารจากรัฐ
3. การมคี วามเคารพในชาติพันธขุ องบุคคลถอื เปนการมสี ว นรว ม
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ในการใหความเมตตา
คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องที่ 4. บุคคลยอ มดาํ เนนิ การอยางไรกไ็ ดเพื่อใหไ ดม าซ่ึงการปกครอง
ตรงกบั ระดับคะแนน
ในระบอบประชาธปิ ไตย
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32 (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การมคี วามเคารพในชาติพนั ธขุ อง
บคุ คลถอื เปน การแสดงออกซงึ่ การมสี ว นรว มในการใหค วามเมตตา
1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา อนั จะนํามาซง่ึ ความสุข ความสามคั คีของคนไทย)
2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีสว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม
รวม
ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมิน
............/................./................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
T26 12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ò. ก ารมสี ว่ นร่วมãนการปกป‡องคุม้ ครอง¼้อู น×è µามหลัก ขน้ั นาำ (กระบวนการเผชญิ สถานการณ)
สทิ ธิมนุษยชน 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง
ที่จะเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรียนรู และผลการ
เร่อื งสทิ ธมิ นษุ ยชนในปัจจบุ นั มคี วำมเปล่ยี นแปลงไป คือ มใิ ช่เป็นภำรกิจของรัฐบำลเพยี ง เรยี นรู
ฝำ่ ยเดยี วเทำ่ นน้ั องคก์ รพฒั นำเอกชนและภำคประชำสงั คมทำงดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนในประเทศและ
ตำ่ งประเทศกไ็ ดเ้ ขำ้ มำมสี ว่ นรว่ ม โดยมศี กั ยภำพในกำรดำ� เนนิ งำนกำรมสี ว่ นรว่ มขององคก์ รฯ และ 2. ครูนําขาวหรือกรณีศึกษาเก่ียวกับการปฏิบัติ
ภำคประชำสังคม ใกล้เคยี งกบั ประสิทธิภำพของรัฐบำล ซึง่ มอี ิทธพิ ลต่อควำมเหน็ ของสำธำรณชน หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน มารว มกนั
มำกพอสมควร อภิปรายหาแนวทางการปฏิบัติท่ีเหมาะสม
โดยหลักกำรแล้ว สิทธิมนุษยชนขึ้นอยู่กับกำรรับรองหรือกำรประกันสิทธิน้ันโดยกฎหมำย และมีสวนรวมในการปฏิบัติ แลวถามคําถาม
หำกกฎหมำยไดร้ ับกำรตรำไวอ้ ยำ่ งเป็นธรรม และไดร้ บั กำรปฏิบตั ิอย่ำงเทีย่ งธรรม ประชำชนกจ็ ะ เพ่ือกระตุนความสนใจของนักเรียน และให
ไม่ถกู ละเมดิ สิทธิไดง้ ำ่ ย แตท่ ้ังนี้ ประชำชนควรมสี ว่ นรว่ มในกำรรบั รดู้ ำ้ นสิทธิมนษุ ยชน และนำ� ไป นักเรียนรวมกันอภิปรายขอคําถามดังกลาว
ปฏิบัติเพ่ือสร้ำงสรรค์ควำมดีงำมในทุกด้ำนของชีวิตตำมหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งทำงกำยและ เชน
ทำงจติ วญิ ญำณ ซ่ึงสังคมไทยมีพระพุทธศำสนำเปน็ ทนุ ทำงสงั คมด้ำนสทิ ธมิ นษุ ยชนอยแู่ ล้ว เชน่ • การมีสวนรวมในการปกปองคุมครองผูอื่น
ศีล ๕ กำรแผเ่ มตตำ กำรไมเ่ บยี ดเบียนผู้อื่น ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน กอ ใหเ กดิ ผลดอี ยา งไร
นอกจำกน ้ี สอ่ื ทงั้ หลำยไดม้ กี ำรเฝำ้ ตดิ ตำมบทบำทของทง้ั ภำครฐั และภำคประชำสงั คมอยำ่ ง (แนวตอบ ทําใหสังคมเกิดความรัก สามัคคี
ใกลช้ ิด ซึง่ ในสว่ นของรัฐบำลมบี ทบำทหนำ้ ท่ใี นกำรสง่ เสรมิ หลกั สทิ ธมิ นุษยชน เชน่ คมุ้ ครองและ และอยรู วมกันไดอยางมคี วามสขุ )
พฒั นำเดก็ และเยำวชน สง่ เสรมิ ใหเ้ อกชนและชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในกำรพฒั นำสขุ ภำพและจดั บรกิ ำร • ในฐานะที่นักเรียนเปนเยาวชนคนหน่ึง
สำธำรณสุข รัฐต้องปฏิบัติตำมสนธิสัญญำด้ำนสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภำคี อีกทั้งยัง นักเรียนสามารถมีสวนรวมในการปกปอง
ก�ำหนดใหม้ ีองค์กรอิสระ คือ คณะกรรมกำรสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชำตมิ บี ทบำทในกำรบรหิ ำรรว่ มกบั คุมครองผูอื่นตามหลักสิทธิมนุษยชนได
องคก์ รภำคประชำชน เพอื่ เปน็ องคก์ รทม่ี อี ำ� นำจ อยา งไร
อสิ ระใน2ก.ำ๑รป กกปา้อรงมคีสมุ้ ค่วรนองรสว่ ทิ มธ1ิม “นรุษับยชรน”ู้ (แนวตอบ ชวยสอดสองดูแลพฤติกรรมที่สอ
ไปในทางละเมิดสิทธิมนุษยชน แลวแจงให
ผูท ีม่ ีหนา ทรี่ บั ผิดชอบจดั การ)
กำรมีส่วนร่วมรับรู้จะช่วยให้เรำทรำบถึง
สิทธิอันพึงมีทั้งของตนเองและผู้อ่ืน ในฐำนะ
คนไทยควรมีส่วนร่วมรับรู้สิทธิ เสรีภำพของ
ตนเองตำมทรี่ ฐั ธรรมนญู กำ� หนดไวใ้ นบทบญั ญตั ิ
ทใ่ี หค้ วำมสำ� คญั เรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชน โดยแยกออก
เป็นส่วนต่ำง ๆ ที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมในกำร 2
คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ (กสม.) จัดงำน
วนั สิทธิมนษุ ยชนสำกล ๑๐ ธันวำคม ประจำ� ป ี ๒๕๖๑
รับรู้เพื่อน�ำไปสู่กำรปฏิบัติอย่ำงถูกต้องตรงตำม (ทมี่ ำภำพ : กรมกจิ กำรผสู้ งู อำย ุ กระทรวงกำรพฒั นำสงั คม
เปำ้ หมำยของรัฐธรรมนูญ ดังน้ี
และควำมมัน่ คงของมนุษย์)
2๓
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
แนวคดิ ใดขัดแยง กบั หลกั สิทธมิ นุษยชน 1 การมีสวนรวม เปนส่ิงที่มีความสําคัญตอการสงสริมสิทธิมนุษยชน
1. ผูชายเกง กวา ผหู ญิง อยางมาก ซ่ึงคนในสังคมจะตองมีความตระหนักและเห็นความสําคัญของ
2. เด็กตองไดร บั การศึกษาท่มี ีมาตรฐาน หลกั สิทธิมนุษยชน ซึง่ จะนาํ ไปสูการปฏบิ ตั ิทีถ่ ูกตอ ง
3. คนจนมีสทิ ธิเขาถงึ บริการสาธารณสขุ 2 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ มีอํานาจหนา ท่ี เชน ตรวจสอบและ
4. ผพู กิ ารตอ งไดร ับคุณภาพชีวิตท่ีดเี ทาเทียมคนทว่ั ไป รายงานขอเท็จจริงท่ีถูกตองเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม
ลา ชา เสนอแนะมาตรการหรอื แนวทางในการสง สรมิ และคมุ ครองสทิ ธมิ นษุ ยชน
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. หลักสิทธิมนุษยชนใหค วามสําคัญ ตอ รฐั สภา รฐั มนตรี และหนวยงานท่ีเกีย่ วขอ ง สรา งเสริมทกุ ภาคสว นของสงั คม
กับความเทาเทยี มของมนุษย ผชู ายและผูห ญิงมีศักดศิ์ รคี วามเปน ใหต ระหนักถงึ ความสําคญั ของสิทธิมนุษยชน
มนษุ ยเ ทา เทยี มกัน ไมม ใี ครเกง กวา ดกี วา หรอื อยเู หนอื กวา ทง้ั น้ี
ขนึ้ อยกู บั ความสามารถของแตล ะบคุ คลวา จะมโี อกาสพฒั นาทกั ษะ
ความชาํ นาญในดานตางๆ ทแ่ี ตกตางกันไดมากนอยเพียงใด)
T27
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๑) สทิ ธเิ สรภี าพสว่ นบคุ คล เป็นกำรระบุถึงสิทธ ิ เสรีภำพทวั่ ไป ซึง่ เป็นพน้ื ฐำนสำ� คัญท่ี
ประชำชนชำวไทยพงึ ม ี เชน่ บคุ คลยอ่ มมสี ทิ ธแิ ละเสรภี ำพในชวี ติ และรำ่ งกำย เสรภี ำพในเคหสถำน
ขั้นท่ี 1 รวบรวมข่าวสาร ขอ้ มลู ขอ้ เทจ็ จริง ตลอดจนกำรลงโทษด้วยวิธีกำรโหดร้ำยหรือไร้มนุษยธรรมจะกระท�ำมิได้ ทั้งน้ี กำรลงโทษตำม
ความรู้ และหลกั การ ค�ำพิพำกษำของศำลหรือตำมท่ีกฎหมำยบัญญัติ ไม่ถือว่ำเป็นกำรลงโทษด้วยวิธีกำรโหดร้ำยหรือ
ไร้มนุษยธรรม
1. ครอู ธบิ ายเชอ่ื มโยงใหน กั เรยี นเหน็ ความสาํ คญั
และความจําเปนที่จะตองรวมมือกันในการ ๒) สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เป็นกำรระบุถึงสิทธิที่บุคคลพึงได้รับกำรคุ้มครองใน
ปกปองคุมครองผูอ่ืนตามหลักสิทธิมนุษยชน กระบวนกำรยุติธรรมหรือกระบวนกำรทำงกฎหมำย เช่น บุคคลไม่ต้องรับโทษอำญำ เว้นแต่ได้
ทไ่ี ดศ กึ ษาเมอ่ื ชวั่ โมงทีผ่ า นมา กระทำ� กำรอนั กฎหมำยทใ่ี ชอ้ ยใู่ นเวลำทก่ี ระทำ� นนั้ บญั ญตั เิ ปน็ ควำมผดิ และกำ� หนดโทษไว ้ และโทษ
ที่จะลงแก่บุคคลน้ันจะหนักกว่ำโทษท่ีก�ำหนดไว้ในกฎหมำยที่ใช้อยู่ในเวลำท่ีกระท�ำควำมผิดมิได ้
2. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 คน ตามความ โดยในคดอี ำญำตอ้ งสนั นษิ ฐำนไวก้ อ่ นวำ่ ผตู้ อ้ งหำหรอื จำ� เลยไมม่ คี วำมผดิ กอ่ นมคี ำ� พพิ ำกษำอนั ถงึ
สมคั รใจ แลว ใหแ ตล ะกลมุ ชว ยกนั คน หาขอ มลู ทสี่ ดุ ทแี่ สดงวำ่ บคุ คลไดก้ ระทำ� ควำมผดิ ซงึ่ จะปฏบิ ตั ติ อ่ บคุ คลนนั้ เสมอื นเปน็ ผกู้ ระทำ� ควำมผดิ มไิ ด้
เกี่ยวกับการมีสวนรวมในการปกปองคุมครอง
ผอู ่นื ตามหลกั สิทธมิ นุษยชน ๓) สทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ เชน่ สทิ ธขิ องบคุ คลในทรพั ยส์ นิ ยอ่ มไดร้ บั กำรคมุ้ ครองขอบเขตแหง่
สิทธิและกำรจ�ำกัดสิทธิเช่นว่ำนี้ย่อมเป็นไปตำมที่กฎหมำยบัญญัติ กำรสืบมรดกย่อมได้รับควำม
3. สมาชิกในกลุมรวมกันอภิปรายประเด็นสําคัญ คุ้มครองและเปน็ ไปตำมทกี่ ฎหมำยบญั ญัติ
ของขอ มลู ทไ่ี ดร วบรวมมา
อำชพี แ๔ล)ะ มสสี ทิ ทิ ธธแิิไดลร้ ะบั เสหรลภี กั าปพระใกนนั ก1คาวรำปมรปะลกออดบภอยั าแชลพี ะส วเชสั ด่นภิ ำบพุคใคนลกยำ่อรมทมำ� งีเสำรนีภ รำวพมใทนงั้กหำลรปกั ประรกะกอบนั
ขนั้ ท่ี 2 ประเมนิ คณุ คา่ และประโยชน์ ในกำรดำ� รงชพี ทั้งในระหว่ำงกำรทำ� งำนและเมื่อพน้ ภำวะกำรทำ� งำน ทง้ั น้ ี เป็นไปตำมท่ีกฎหมำย
บญั ญัติ
4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมเลือกขาวในใบงานท่ี
2.2 เร่ือง การรวมมอื กันปกปอ งสิทธมิ นษุ ยชน ๕) สทิ ธแิ ละเสรภี าพในการศกึ ษา เชน่ บคุ คลย่อมมสี ิทธิเสมอกันในกำรรบั กำรศกึ ษำไม่
กลุมละ 1 ขาว แลวรวมกันวิเคราะหตาม นอ้ ยกวำ่ ๑๒ ป ี ทรี่ ฐั จะตอ้ งจดั ใหอ้ ยำ่ งทว่ั ถงึ และ
ประเด็นท่ีกาํ หนด มปี ระสิทธภิ ำพ โดยไม่เกบ็ ค่ำใชจ้ ำ่ ย รวมไปถงึ
ผยู้ ำกไร ้ ผพู้ กิ ำร ทพุ พลภำพ หรอื ผอู้ ยใู่ นสภำวะ
5. นักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความ ยำกล�ำบำก ต้องได้รับสิทธิน้ีและได้รับกำร
ถกู ตอ งของใบงานและออกมานาํ เสนอใบงานท่ี
หนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ ใหส มาชกิ กลมุ อน่ื ชว ยกนั
แสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมในสวนท่ีแตกตาง
โดยครแู นะนาํ เพ่ิมเตมิ
สนับสนุนจำกรัฐเพ่ือให้ได้รับกำรศึกษำโดย
ทดั เทยี มกบั บคุ คลอน่ื ตลอดจนกำรจดั กำรศกึ ษำ
อบรมขององคก์ รวชิ ำชพี หรอื เอกชน กำรศึกษำ
ทำงเลือกของประชำชน กำรเรียนรู้ด้วยตนเอง
เยำวชนไทยทุกคนย่อมมีสิทธิเท่ำเทียมกันท่ีจะได้รับกำร และกำรเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ยอ่ มไดร้ บั กำรคมุ้ ครอง
ศึกษำข้ันพื้นฐำนเพอ่ื น�ำควำมรู้ไปใชใ้ นชวี ิตต่อไป และส่งเสริมท่เี หมำะสมจำกรัฐเชน่ เดยี วกนั
24
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางเก่ียวกับสิทธิเสรีภาพท่ีเก่ียวของกับ พฤติกรรมของบุคคลใดสอดคลอ งกบั หลักสิทธิมนุษยชน
เรื่องสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ เพ่ือเปนการตรวจสอบความรูเก่ียวกับ 1. สมใจเคารพเหตผุ ลของผูอ่นื
สทิ ธิมนุษยชนของนักเรียน 2. สมพรใชอารมณมากกวา เหตผุ ล
3. สมพลยึดมั่นในเหตุผลของตนเอง
นักเรียนควรรู 4. สมควรวิจารณผอู ่ืนอยา งไมมเี หตุผล
1 หลักประกัน คือ สิ่งท่ีประชาชนไดพ่ึงพิง ยึดถือ เพ่ือความมั่นคงในชีวิต (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการเคารพเหตผุ ลของผอู น่ื นน้ั
โดยทุกคนในประเทศมีสทิ ธิท่จี ะไดรับหลกั ประกนั จากรัฐอยางเทาเทยี มกนั เปนลักษณะของการสงเสริมสิทธิมนุษยชน ซ่ึงสามารถลดความ
ขดั แยง และทําใหเ กิดความเขาใจอันดีระหวา งกันได)
T28
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๖) สทิ ธใิ นการไดร้ บั บรกิ ารสาธารณสขุ และสวสั ดกิ ารจากรฐั เชน่ บคุ คลยอ่ มมสี ทิ ธิ ขน้ั สอน
เสมอกนั ในกำรรบั บรกิ ำรทำงสำธำรณสขุ ทเี่ หมำะสมและไดม้ ำตรฐำน และผยู้ ำกไรม้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั กำร ขัน้ ท่ี 3 เลือกและตดั สินใจ
รกั ษำพยำบำลจำกสถำนบรกิ ำรสำธำรณสขุ ของ
รฐั โดยไมเ่ สยี คำ่ ใชจ้ ำ่ ย ซงึ่ ตอ้ งเปน็ ไปอยำ่ งทว่ั ถงึ 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันเสนอแนวทาง
และมปี ระสทิ ธภิ ำพ รวมถงึ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั กำรปอ้ งกนั การมีสวนรวมในการปกปองคุมครองผูอ่ืน
และขจดั โรคตดิ ตอ่ อนั ตรำยจำกรฐั อยำ่ งเหมำะสม ตามหลกั สิทธิมนษุ ยชนในชอ งที่ 1 และ 2 ของ
โดยไมเ่ สยี คำ่ ใชจ้ ำ่ ยและทนั ตอ่ เหตกุ ำรณ์ ใบงานท่ี 2.3 เรอ่ื ง การมสี ว นรว มในการปกปอ ง
คุม ครองผูอ่นื ตามหลักสทิ ธมิ นุษยชน
๗) สิทธิในข้อมูลข่าวสารและการ
ร้องเรียน เช่น บุคคลย่อมมีสิทธิท่ีจะฟ้อง 7. สมาชกิ แตล ะคนในกลมุ ตดั สนิ ใจเลอื ก กจิ กรรม
ที่ตนสามารถนําไปปฏิบัติได แลวบันทึก
หนว่ ยงำนรำชกำร หนว่ ยงำนของรฐั รฐั วสิ ำหกจิ รายการในชองที่ 3 ของใบงานท่ี 2.3 เร่ือง
รำชกำรสว่ นทอ้ งถนิ่ หรอื องคก์ รอน่ื ของรฐั ทเี่ ปน็ กำรได้รับกำรรักษำพยำบำลที่เหมำะสมเป็นสิทธิที่รัฐ การมีสวนรวมในการปกปองคุมครองผูอื่น
นติ บิ คุ คล ใหร้ บั ผดิ เนอื่ งจำกกำรกระทำ� หรอื กำร ต้องบรกิ ำรแกป่ ระชำชนคนไทยทุกคน ตามหลักสทิ ธิมนุษยชน
ละเวน้ ก๘ำ)ร กสรทิะทธำ�ชิ ขมุ อชงขนำ้1 รเำชชน่ ก ำบร คุ พคนลกัซงงึ่ ำรนวม หกรนั อื เลปกูน็ จชำ้ มุ งชขนอทงหอ้ นงถว่ นยิ่ ง ำหนรนอื นั้ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ดง้ั เดมิ ยอ่ มมี ข้นั ที่ 4 ปฏบิ ตั ิ
สทิ ธอิ นรุ กั ษห์ รอื ฟน้ื ฟจู ำรตี ประเพณ ี ภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ ศลิ ปวฒั นธรรมอนั ดงี ำมของทอ้ งถน่ิ และ 8. สมาชิกแตละคนปฏิบัติตนตามกิจกรรมที่ตน
ขรวอมงทชำง้ั ตค ิวแำลมะหมลสี ำว่ กนหรลว่ ำมยใทนำกงำชรวจี ภดั กำพำ2รอบยำ� ำ่ รงงุสรมกั ดษลุ ำแ ตลละอยง่ัดยจนืนอนรุ กั ษท์ รพั ยำกรธรรมชำต ิ สงิ่ แวดลอ้ ม ตัดสินใจเลือกแลวบันทึกผลการปฏิบัติพรอม
หลักฐานประกอบในแบบบันทึกการมีสวน
๙) สทิ ธพิ ทิ กั ษร์ ฐั ธรรมนญู เชน่ บคุ คลยอ่ มดำ� เนนิ กำรหรอื กระทำ� กำรตำ่ ง ๆ เพอื่ ใหไ้ ดม้ ำ รวมในการปกปองคุมครองผูอื่นตามหลัก
สิทธิมนุษยชน จากน้ันผลัดกันเลาใหสมาชิก
ซ่ึงกำรปกครองในระบอบประชำธิปไตย โดยจะต้องด�ำเนินกำรภำยใต้ขอบเขตของกฎหมำยและ ในกลมุ ฟง แลว นาํ แบบบันทึกสงครู
ไมส่ ง่ ผลเสยี หำยตอ่ ชำต ิ เชน่ กำรชมุ นมุ อยำ่ งสงบ แสดงควำมคดิ เหน็ อยำ่ งมเี หตผุ ลและหลกี เลยี่ ง
กำรใชค้ วำมรนุ แรง 9. ครูต้ังคําถามใหนักเรียนรวมกันตอบเพิ่มเติม
เชน
2.2 การมีสว่ นร่วม “ปฏบิ ัติ” • นักเรยี นมีแนวทางในการปกปอ งสทิ ธิ
มนุษยชนของตนเองอยางไร
กำรมีส่วนร่วมปฏิบัติถือเป็นส่ิงส�ำคัญ เพรำะหำกคนในสังคมมีส่วนร่วมในกำรรับรู้เพียง (แนวตอบ ควรศึกษาใหมีความเขาใจและ
อย่ำงเดยี ว กำรปกปอ้ งคุ้มครองตนเองและผูอ้ ืน่ ตำมหลกั สทิ ธิมนุษยชนกไ็ มเ่ กดิ ผล กำรมสี ่วนร่วม รบั ทราบวา ตนเองมสี ทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐานอะไรบา ง
ปฏบิ ัตทิ ี่จะก่อใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่สงั คม สำมำรถทำ� ได้หลำยวิธ ี ดงั น้ี เชน สิทธิในชีวิตและรางกาย สิทธิในการ
นบั ถือศาสนา ฯลฯ)
๑) การมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ คอื กำรทคี่ นในสงั คมตำ่ งแสดงควำมคดิ เหน็
อยำ่ งมเี หตผุ ลและยอมรบั ฟงั ควำมคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ นวทำงเสรมิ สรำ้ งคณุ คำ่ ของชวี ติ และ
ชมุ ชน โดยไมก่ ระทบกระเทอื นตอ่ ควำมมนั่ คงของรฐั และปกปอ้ งรกั ษำสทิ ธ ิ เสรภี ำพ เกยี รตยิ ศ
ชอื่ เสยี ง ตลอดจนสทิ ธใิ นครอบครวั หรอื ควำมเปน็ อยสู่ ว่ นตวั ของบคุ คลอน่ื
25
กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู
ครูสุมเลือกนักเรียนออกมาหนาช้ัน จากนั้นครูเลือกประเด็น 1 ชมุ ชน คือ สว นยอ ยสว นหนงึ่ ของสังคมแมว าจะเปนสวนเลก็ ๆ แตถอื เปน
สิทธิของชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญดานใดดานหนึ่ง แลวให สว นทีส่ ําคัญ การทสี่ มาชิกในชมุ ชนมสี ว นรว มในกิจกรรมตา งๆ ของชมุ ชน เชน
นักเรยี นอธบิ ายความเขาใจ การพัฒนาชุมชน การรักษาเอกลักษณของชุมชน เปนส่ิงที่จะชวยทําใหชุมชน
เขมแขง็ สงั คมกจ็ ะอยรู ว มกันอยางมคี วามสขุ ซง่ึ ถือเปน สทิ ธิอยา งหน่งึ ของคน
กจิ กรรม ทา ทาย ในชุมชน
2 ความหลากหลายทางชวี ภาพ หมายถงึ การมสี งิ่ มชี วี ติ นานาชนดิ นานาพนั ธุ
นักเรียนทําผังความคิดโดยนําเสนอถึงการปฏิบัติตนหรือการ ในระบบนเิ วศอันเปน แหลง ทอี่ ยูอาศัย ซ่งึ มีมากมายและแตกตางกันทว่ั โลก
กระทําตางๆ ของนกั เรียน ทแี่ สดงใหเห็นถึงสิทธติ ามรฐั ธรรมนูญ
แหงราชอาณาจกั รไทย
T29
นาํ สอน สรุป ประเมิน
ขนั้ สอน ๒) การมสี ว่ นรว่ มชว่ ยเหลอื ผยู้ ากไร ้ แมว้ ำ่ บคุ คลจะมคี วำมแตกตำ่ งกนั เพยี งใด แตท่ กุ คน
ยอ่ มมศี กั ดศิ์ รคี วำมเปน็ มนษุ ยเ์ ทำ่ เทยี มกนั โดยเฉพำะผยู้ ำกไร ้ ผพู้ กิ ำร ผสู้ งู อำย ุ ผอู้ ยใู่ นสภำวะที่
ขนั้ ท่ี 4 ปฏบิ ตั ิ ยำกลำ� บำก และผดู้ อ้ ยโอกำส กจ็ ะตอ้ งไดร้ บั สทิ ธติ ำ่ ง ๆ ตำมหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน โดยเรำสำมำรถ
มีส่วนร่วมได้ เช่น ให้ควำมช่วยเหลือ อ�ำนวยควำมสะดวกตำมควำมเหมำะสม หรือมีส่วนร่วม
10. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมท่ีเกี่ยวกับการมี ในกำรเสนอหรอื ผลกั ดนั กฎหมำยทจี่ ะทำ� ใหค้ ณุ ภำพชวี ติ ของบคุ คลเหลำ่ นนั้ ดขี นึ้
สวนรวมในการปกปองคุมครองผูอ่ืนตาม
หลักสิทธิมนุษยชน ในแบบฝกสมรรถนะฯ ๓) การมสี ่วนร่วมสนับสนนุ เดก็ และเยาวชน เรม่ิ ต้งั แตก่ ำรมีส่วนร่วมสนบั สนุนใหเ้ ดก็
หนาที่พลเมืองฯ ม.3 เพ่ือเปนการบานสงครู มีสิทธิอยู่รอดและได้รับกำรพัฒนำท้ังด้ำนร่ำงกำย จิตใจ และสติปัญญำ และต้องค�ำนึงถึงกำรมี
ในชวั่ โมงถัดไป สว่ นรว่ มในกำรทำ� กจิ กรรมทส่ี รำ้ งสรรคข์ องเดก็ และเยำวชนเปน็ สำ� คญั
ขนั้ สรปุ ๔) การสรา้ งความเปน็ เอกลกั ษณข์ องชมุ ชน ชมุ ชนแตล่ ะแหง่ ตำ่ งมเี อกลกั ษณท์ ดี่ งี ำม
เปน็ ของตนเอง เชน่ มภี มู ทิ ศั นท์ สี่ วยงำม มแี นวคดิ หรอื วฒั นธรรมเฉพำะตวั สง่ิ เหลำ่ นถ้ี อื เปน็ สง่ิ ท่ี
ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กยี่ วกบั การ มีคุณค่ำของชุมชน ดังนั้น สมำชิกในชุมชนจึงควรมีส่วนร่วมในกำรสร้ำงเสริม รักษำ ถ่ำยทอด
มีสวนรวมในการปกปองคุมครองผูอ่ืนตามหลัก เอกลักษณ์ของชุมชนสู่สำธำรณชน และอนุรักษ์สืบสำนให้คงอยู่ต่อไป เพรำะเป็นสิ่งแสดงถึงกำร
สิทธิมนุษยชน หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของ เปน็ ชมุ ชนเขม้ แขง็ และมคี วำมสขุ
เนื้อหา ตลอดจนความสําคัญตอการดําเนินชีวิต
ประจําวัน ๕) การมสี ว่ นรว่ มในการใหค้ วามเมตตา คอื กำรทค่ี นในสงั คมอำศยั อยรู่ ว่ มกนั ดว้ ยกำร
เห็นอกเห็นใจซ่ึงกันและกัน ตลอดจนรู้จักกำรให้อภัย เอ้ืออำทร เอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ ไม่เบียดเบียน
ขน้ั ประเมนิ ไมเ่ อำเปรยี บผอู้ น่ื และมคี วำมเคำรพระหวำ่ งกนั ในกลมุ่ ชำตพิ นั ธข์ุ องแตล่ ะบคุ คล
1. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ๖) การมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ อำจอยู่ในรูปแบบของกำรรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นองค์กร
ทํางาน และการนาํ เสนอผลงาน หรือเครือข่ำยงำน เพื่อด�ำเนินกิจกรรมสร้ำงสรรค์ทำงด้ำนสิทธิมนุษยชนในด้ำนต่ำง ๆ เช่น
กำรจัดกำรฐำนทรัพยำกรเพ่ือควำมยัง่ ยนื กำรรวมกลุม่ และกำรมสี ่วนรว่ มในกำรปกครองท้องถ่ิน
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ท่พี ลเมืองฯ ม.3
กำรควบคุมคุณภำพส่ิงแวดล้อมตำมหลักกำร
พฒั นำทย่ี ง่ั ยนื รวมถงึ กำรกำ� จดั มลพษิ ทมี่ ผี ลตอ่
สขุ อนำมยั
๗) การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่
กำรที่คนในสังคมจะมีควำมตระหนักและเห็น
ควำมส�ำคัญต่อกำรปกป้องคุ้มครองตนเองและ
ผอู้ นื่ ตำมหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนได ้ สงิ่ หนงึ่ ทม่ี คี วำม
ส�ำคัญ คือ กำรช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลข่ำวสำร
กำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งกิจกรรมเพ่ือกำรมี ดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนทง้ั ในโรงเรยี นและชมุ ชน โดย
ส่วนร่วมสร้ำงสรรค์ตำมหลักสิทธิมนุษยชนท่ีทุกคนควร ใชส้ อ่ื รปู แบบตำ่ ง ๆ ใหเ้ กดิ ประโยชนม์ ำกทสี่ ดุ
ใหค้ วำมสนใจ
26
แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม เสริมสรางคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรอ่ื ง การมสี ว นรวมในการ นกั เรยี นแบง กลมุ เลอื กศกึ ษาคน ควา สทิ ธเิ สรภี าพของชนชาวไทย
ปกปอ งคมุ ครองผอู นื่ ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั กลมุ ละ 1 ดาน ดงั น้ี
ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ
ประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงานทแี่ นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู • สิทธิเสรีภาพสว นบคุ คล
หนวยท่ี 2 เรือ่ ง สิทธิมนษุ ยชน • สิทธิในความเทา เทยี มกนั
• สทิ ธิในกระบวนการยุติธรรม
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน • สทิ ธิเสรีภาพในการประกอบอาชพี
• สิทธใิ นขอ มูลขา วสารและการรอ งเรียน
คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องท่ี จากน้ันนําความรูท่ีไดจากการศึกษามาบอกแนวทางการ
ตรงกับระดับคะแนน ปฏบิ ตั ติ น สรปุ ลงในกระดาษ A4 แลว สง ตวั แทนกลมุ ออกมานาํ เสนอ
ผลการศึกษาหนาช้นั เรียน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถูกต้องของเนื้อหา
2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุม่
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
T30 12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
๓. องคก์ รดา้ นสิทธมิ นุษยชน ขนั้ นาำ (5Es Instructional Model)
สิทธิมนุษยชนเป็นหลักกำรสำกลที่ทั่วโลกก�ำลังให้ควำมสนใจ กำรเคำรพสิทธิมนุษยชน ข้นั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ
จึงมีควำมส�ำคัญเหนือไปกว่ำกำรปฏิบัติตำมกฎเกณฑ์ ข้อบังคับของสังคม หรือกฎหมำยกำร
ด�ำเนินกำรด้ำนสิทธิมนุษยชน ซึ่งมิได้เป็นหน้ำที่ของรัฐบำลเพียงฝ่ำยเดียวเท่ำน้ัน หำกแต่เป็น 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง
หน้ำท่ีของหนว่ ยงำน องคก์ ร หรือกลมุ่ ตำ่ ง ๆ ทำงสังคมร่วมดว้ ย ท่จี ะเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรียนรู และผลการ
ปจั จบุ นั องคก์ รดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนทง้ั ภำยในและตำ่ งประเทศมอี ยเู่ ปน็ จำ� นวนมำก ซงึ่ เขำ้ มำ เรยี นรู
มบี ทบำทและมีสว่ นรว่ มในกำรคุม้ ครองสทิ ธมิ นษุ ยชน
2. ครูนําขาวหรือขอมูลเก่ียวกับการดําเนินงาน
๓.๑ องคก์ รสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ ขององคกรตางๆ ที่เก่ียวกับสิทธิมนุษยชน
มาใหน กั เรยี นอา นแลว รว มกนั วเิ คราะหผ ลการ
ประเทศไทยถือได้ว่ำเป็นประเทศหนึ่งที่เห็นควำมส�ำคัญในเร่ืองสิทธิมนุษยชน เห็นได้จำก ดาํ เนนิ งานวา สงผลดีตอสังคมอยา งไร
องคก์ รหรอื หนว่ ยงำนภำครัฐตำ่ ง ๆ ที่รบั ผิดชอบเกยี่ วกับสทิ ธมิ นษุ ยชน ดงั น้ี
ข้นั ที่ 2 สาำ รวจคน้ หา
๑) คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาต ิ มีอ�ำนำจหน้ำท่ ี เชน่
1. ครใู หนกั เรยี นแบง กลุม ศึกษาคนกวาเก่ยี วกบั
๑. ตรวจสอบและรำยงำนกำรกระท�ำหรือกำรละเลยกำรกระท�ำอันเป็นกำรละเมิดสิทธิ องคกรดานสิทธิมนุษยชนจากหนังสือเรียน
มนุษยชน หรอื ไมเ่ ปน็ ไปตำมพนั ธกรณรี ะหว่ำงประเทศ สังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการเรียนรู
๒. เสนอเร่ืองพร้อมด้วยควำมเห็นต่อศำลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่เห็นชอบตำมที่มี อืน่ ๆ
ผูร้ อ้ งเรยี นว่ำ บทบัญญัตแิ ห่งกฎหมำยใดกระทบตอ่ สทิ ธมิ นษุ ยชน
๓. เสนอเรื่องพร้อมด้วยควำมเห็นต่อศำลปกครอง ในกรณีที่เห็นชอบตำมที่มี 2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ
ผ้รู อ้ งเรยี นวำ่ กฎ คำ� สัง่ หรือกำรกระทำ� อื่นใดในทำงปกครองกระทบตอ่ สทิ ธิมนษุ ยชน ใหกบั นักเรียนเพ่มิ เตมิ
๔. ฟ้องคดตี อ่ ศำลยุติธรรมแทนผ้เู สยี หำย เมื่อไดร้ บั กำรรอ้ งขอจำกผเู้ สียหำยและเป็น
กรณที ี่เห็นสมควรเพื่อแก้ไขปัญหำกำรละเมิดสทิ ธมิ นุษยชนเปน็ ส่วนรวม
๒) หน่วยงานบริหารราชการแผ่นดิน มีหลำยหน่วยงำนท่ีร่วมดูแล เช่น กระทรวง
กำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ ท�ำหน้ำท่ีเก่ียวกับกำรพัฒนำสังคม กำรสร้ำงควำม
เป็นธรรมและควำมเสมอภำคในสังคม กำรส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพและควำมม่ันคงในชีวิต
สถำบนั ครอบครวั และชุมชน
กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร รับผิดชอบในกำรจัดกำรดำ� เนินกำร และกำรใหบ้ รกิ ำรทำงกำรศกึ ษำ
เพ่อื ใหพ้ ลเมืองทกุ คนได้รับกำรศกึ ษำตำมสมควรแกค่ วำมสำมำรถและฐำนะของบุคคล
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภำพ รับผิดชอบเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภำพท่ีประชำชนพึงได้รับ
ตำมกฎหมำย โดยกำรจัดวำงระบบและส่งเสริมควำมรู้เก่ียวกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภำพ
ตลอดจนกำรดำ� เนนิ กำรใหพ้ ยำน ผเู้ สยี หำย และจำ� เลยในคดอี ำญำไดร้ บั กำรคมุ้ ครองและชว่ ยเหลอื
ในเบื้องตน้
27
ขอสอบเนน การคิด บูรณาการอาเซียน
ขอใดตอไปนี้ถอื เปน การมีสวนรว มอยางสรา งสรรค อาเซยี นตระหนักดวี าปญ หาของสทิ ธมิ นษุ ยชนเปน ปญ หาสาํ คญั ในภมู ิภาค
1. โปชวนเปงไปเลนเกมในเวลาเรยี นเปนประจํา ประเด็นสิทธมิ นุษยชนจงึ เปน ประเดน็ หลักท่อี าเซียนใหความสําคัญ มกี ารจดั ตัง้
2. เอกกบั เพอ่ื นมกั ใชเวลาวางหลงั เลกิ เรยี นติวหนงั สอื กลไกดา นสทิ ธมิ นษุ ยชนและพยายามหาทางแกไ ขปญ หาสทิ ธมิ นษุ ยชนในภมู ภิ าค
3. หนอ ยชวนนดิ ไปเดนิ หา งสรรพสนิ คา เพอ่ื เลอื กซอื้ สนิ คา ทต่ี นชอบ อยา งจริงจงั นอกจากน้อี งคก รดา นสิทธิมนษุ ยชนในแตล ะประเทศ และองคกร
4. แดงกับเขียวตอตานการรณรงคลดโลกรอนท่ีทางโรงเรียนได สิทธิมนุษยชนภายนอกกลุม อาเซียน รวมถงึ สหประชาชาติซงึ่ มีนโยบายสง เสรมิ
สิทธิมนุษยชน เปนอีกกลุมที่จะมีบทบาทชวยสงเสริมสิทธิมนุษยชนในอาเซียน
จดั ข้ึน ใหม กี ารพฒั นาและนาํ พาไปสูส ังคมทสี่ งบสขุ ของคนในภูมภิ าคอาเซียนทัว่ กนั
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. การติวหนังสือเปน การใชเ วลาวา ง
ใหเกิดประโยชน แสดงถึงการมีสวนรวมอยางสรางสรรคใน
ทางหนึง่ )
T31
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๓.2 องคก์ รพฒั นาเอกชนด้านสทิ ธมิ นษุ ยชน
หนว่ ยงำนเอกชนทีด่ �ำเนินกำรเกี่ยวกับสิทธมิ นุษยชนในรูปแบบต่ำง ๆ มดี ังน้ี
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้
๑) มลู นธิ เิ ดก็ เป็นหน่วยงำนทำงด้ำน
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก สิทธิมนษุ ยชนท่ีมวี ตั ถปุ ระสงคห์ ลักในกำรจัดตงั้
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ดังน้ี
ระหวางกัน ๑. ช่วยเหลือเด็กด้ำนปัจจัยพ้ืนฐำน
กำรด�ำเนินชีวิต และสวัสดิกำรต่ำง ๆ ให้เด็กมี
2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล พฒั นำกำรทเี่ หมำะสมทง้ั ทำงรำ่ งกำย สตปิ ญั ญำ
ทนี่ าํ เสนอเพ่อื ใหไดข อมลู ท่ีถกู ตอง และจิตใจ
๒. ค้นหำทำงเลือกทำงกำรศึกษำที่
3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล เด็กในสังคมจะต้องได้รับกำรดูแลท้ังทำงด้ำนร่ำงกำยและ เหมำะสม และใหเ้ ดก็ ไดใ้ ช้สทิ ธิ เสรีภำพในกำร
หนาช้ันเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย จิตใจ ตลอดจนมีเสรีภำพในกำรเลือกศึกษำและแสดง รบั ฟังควำมคิดเหน็
และตอบคําถามรวมกัน ควำมคดิ เห็นได้อย่ำงเหมำะสม
4. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว มกนั เกย่ี วกบั องคก ร ๓. ค้นหำงำนศิลปะ ดนตร ี นิทำน ทส่ี ง่ เสรมิ จนิ ตนำกำรและควำมคิดสรำ้ งสรรคใ์ หก้ ับ
ดานสิทธิมนุษยชน และสุมตัวแทนนักเรียน เดก็ ในสงั คม
เพอ่ื ตอบคําถาม เชน ๔. ชว่ ยเหลอื เดก็ ทถี่ กู ละเมดิ สทิ ธใิ หพ้ น้ จำกควำมทกุ ขท์ รมำน เชน่ ถกู ทำรณุ ถกู ทอดทง้ิ
• ทําไมองคก รตางๆ ทั้งของรัฐและเอกชนจึง ถูกใช้แรงงำนทผี่ ิดกฎหมำย หรือเป็นโสเภณีเดก็ ให้มโี อกำสทีด่ ีสำ� หรับชวี ิตในอนำคต
รว มมอื กนั ในการดาํ เนนิ งานดา นสทิ ธมิ นษุ ยชน ๕. สง่ เสรมิ บทบำทของครอบครัวใหเ้ ปน็ รำกฐำนที่ดแี กช่ วี ติ เด็ก
(แนวตอบ เพราะจะทําใหลดชองวางในการ ๖. กระตุ้นเตือนสำธำรณชนให้ตระหนักและให้ควำมส�ำคัญในเรื่องกำรพิทักษ์สิทธิของ
ชวยเหลือบุคคลที่ไดรับความเดือดรอนจาก เด็กและปัญหำเด็กไทย
การถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนลดนอยลงไป นอกจำกน้ี มูลนิธิเด็กยังได้ด�ำเนินกำรเพื่อสนับสนุนปฏิญญำว่ำด้วยสิทธิเด็กของ
และผอนคลายความเดือดรอนของผูท่ีถูก สหประชำชำต ิ เชน่ ชว่ ยเหลอื เดก็ ทกุ ขย์ ำกและถกู ทอดทง้ิ ใหม้ กี ำรพฒั นำกำรอยำ่ งสมบรู ณ ์ ทง้ั ดำ้ น
ละเมดิ สทิ ธิ รวมถงึ จะทาํ ใหเ กดิ การประสาน
สัมพันธท่ีดีตอกัน สงผลใหการดําเนินงาน
เปนไปตามเปาหมาย)
ร่ำงกำยและจติ ใจ
๒) คณะกรรมการรณรงคเ์ พอื่ สทิ ธมิ นษุ ยชน (ครส.) เปน็ องคก์ รภำคประชำสังคมด้ำน
สทิ ธิมนษุ ยชนในประเทศไทย ซึ่งทำ� งำนด้ำนนโยบำยสงั คม กฎหมำย และกำรสรำ้ งสรรค์พ้นื ฐำน
ด้ำนสทิ ๓ธ)ิมนมุษลู ยนชธิ นเิ พรว่ อื่ มนกหับญเคงิ ร1 ือเปขน็่ำอยงอคงก์ครก์ พรฒสั ิทนธำิมเอนกษุ ชยนชซนง่ึ รมะฐีหำวนำ่ ะงเปปรน็ ะนเทติ บิศคุ คลและมบี ทบำทพทิ กั ษ์
สิทธิและให้ควำมช่วยเหลือสตรีที่ตกอยู่ในสถำนกำรณ์เลวร้ำยหรือภำวะวิกฤต เช่น ภัยคุกคำม
ทำงเพศ ถกู ทำ� รำ้ ย และมีบทบำทในกำรผลกั ดนั นโยบำยในกำรคมุ้ ครองสิทธิสตรใี นด้ำนตำ่ ง ๆ
28
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
1 มลู นิธเิ พอ่ื นหญิง กอ ต้งั ข้นึ เม่ือ พ.ศ. 2523 ภายใตช ื่อ “กลมุ เพ่อื นหญิง” ได คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแหงสหประชาชาติเปนองคกรที่มี
รับการจดทะเบียนโดยกรุงเทพมหานคร มีบทบาทพทิ กั ษแ ละใหความชว ยเหลือ บทบาทหนาที่อยางไร
สตรที ่ตี กอยใู นภาวะวกิ ฤต เชน จากภยั คกุ คามทางเพศ ตั้งครรภไ มพ งึ ประสงค
สามที อดทิง้ ทํารา ยทบุ ตี ถูกลอ ลวงและบังคับใหคาประเวณี 1. ใหค วามชวยเหลอื ดา นพฒั นาการแกเ ด็กทวั่ โลก
2. ชว ยเหลอื ผใู ชแ รงงานทว่ั โลกใหไดรับความยตุ ธิ รรม
3. ดาํ เนนิ การปองกันและยตุ กิ ารละเมิดสิทธมิ นุษยชนทวั่ โลก
4. ติดตาม ตรวจสอบ ใหค ําแนะนาํ และดําเนนิ การเกย่ี วกับ
สิทธิมนษุ ยชน
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแหง
สหประชาชาติเปนองคกรที่มีบทบาทหนาที่ในการติดตาม
ตรวจสอบ ใหคําแนะนํา และดําเนินการเก่ียวกับสิทธิมนุษยชน
ท่ัวโลก)
T32
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
๓.๓ องค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธมิ นุษยชน ขนั้ สรปุ
ในหลำยประเทศไดจ้ ดั ตงั้ องคก์ รดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนขนึ้ มำกมำย หนว่ ยงำนทม่ี บี ทบำทเดน่ ชดั ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ
มดี ังนี้
1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานท่ี 2.4 เรอื่ ง องคก รดา น
๑) คณะมนตรสี ทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ สหประชาชาต ิ (United Nations Human Rights สิทธมิ นุษยชน โดยครแู นะนาํ เพมิ่ เติม
Council: UNHRC) เป็นองคก์ รหลกั ทเ่ี ปน็ ส่วนหน่ึงขององค์กำรสหประชำชำต ิ มบี ทบำทหนำ้ ที่
2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
ในกำรติดตำม ตรวจสอบ ใหค้ ำ� แนะน�ำ และด�ำเนินกิจกรรมเกย่ี วกบั สิทธมิ นุษยชน มีส�ำนักงำน พลเมืองฯ ม.3 เก่ียวกับเรอื่ ง องคก รดานสิทธิ
ใหญอ่ ยทู่ นี่ ครเจนวี ำ ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด ์ ใน พ.ศ. ๒๕๕๓ ประเทศไทยไดร้ ับเลอื กจำกประเทศ มนุษยชน เพ่ือเปนการบานสงครูในช่ัวโมง
สมำชิกให้ด�ำรงตำ� แหนง่ ประธำนคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติ ถัดไป
๒) องคก์ ารทนุ เพอื่ เดก็ แหง่ สหประชาชาต ิ หรอื ยนู เิ ซฟ (United Nations Children’s ขน้ั ประเมนิ
Fund: UNICEF) เปน็ หน่วยงำนขององคก์ ำรสหประชำชำติ ท่ใี ห้กำรดแู ลและให้ควำมชว่ ยเหลือ
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล
ดำ้ นมนษุ ยชน พฒั นำกำร สขุ ภำพ ควำมเปน็ อยขู่ องเดก็ ทวั่ โลก ตลอดจนพฒั นำกำรศกึ ษำพนื้ ฐำน
ควำมเท่ำเทียมกันระหว่ำงเพศ กำรปกป้องเด็กจำกควำมรุนแรง กำรทำรุณท�ำร้ำยเด็ก กำรใช้ 1. ครูใหนักเรียนทาํ แบบทดสอบหลังเรียน
แรงงำนเดก็ โรคติดตอ่ ถึงเด็ก และพิทกั ษส์ ิทธขิ องเดก็ หนวยการเรยี นรูท่ี 2 เรอื่ ง สทิ ธิมนุษยชน
๓) องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือไอแอลโอ (International Labour 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
Organization: ILO) กอ่ ต้งั ข้ึนก่อนทจ่ี ะมอี งค์กำรสหประชำชำติ และถือเป็นองคก์ รแรกท่ีเขำ้ มำ การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนา ชัน้ เรยี น
อยใู่ นเครอื สหประชำชำตซิ ง่ึ ประเทศไทยมสี ว่ นรว่ มในฐำนะผรู้ เิ รมิ่ กอ่ ตงั้ มภี ำรกจิ หลกั คอื ชว่ ยเหลอื
ผู้ใช้แรงงำนทั่วโลกให้ได้รับควำมยุติธรรมจำกสังคม มีคุณภำพชีวิตและสภำพกำรท�ำงำนที่ดี 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝกฯ
มรี ำกฐำนแนวคดิ คอื ควำมเคำรพในสิทธิมนษุ ยชน ถือว่ำมีส่วนช่วยเสรมิ สร้ำงควำมมัน่ คงทำง และแบบวัดฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.3
เศรษฐกิจ
๔) องคก์ ารนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International: AI) เปน็ องค์กำรเอกชน
ที่มีจุดประสงค์ในกำรค้นคว้ำ ด�ำเนินกำรป้องกัน และยุติกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อแสวงหำ
ควำมยุตธิ รรมสำ� หรบั ผูท้ ี่ถูกละเมดิ สิทธ ิ ต้งั อยู่ในกรงุ ลอนดอน ประเทศองั กฤษ
กล่าวโดยสรุป เรื่องสิทธิมนุษยชนถือเป็นประเด็นท่ีมีความส�าคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในประเทศที่มีลักษณะสังคมแบบประชาธิปไตย ที่มีการรวมกลุ่มจัดต้ังเป็นหน่วยงานหรือ
องค์กร เพ่ือด�าเนินการพัฒนาเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยได้ให้ความส�าคัญในเรื่อง
สิทธิมนุษยชนเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากบทบัญญัติหลายมาตราที่เก่ียวข้องกับสิทธิมนุษยชน
ดงั นน้ั การทเี่ ราเปน็ สมาชกิ ของสงั คมประชาธปิ ไตยคนหนง่ึ เราจงึ ควรมคี วามตระหนกั ในเรอื่ ง
สิทธิมนุษยชนและมีส่วนร่วมในการส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชน เพ่ือท่ีมนุษย์ในสังคมจะได้อยู่
ร่วมกนั อย่างมีความสขุ
29
กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล
นกั เรยี นสาํ รวจบคุ คลในชมุ ชนหรอื สบื คน บคุ คลสาํ คญั ในระดบั ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอื้ หา เรอื่ ง องคก รดา นสทิ ธมิ นษุ ยชน
ตางๆ ท่ีนักเรียนสนใจมา 1 ทาน โดยบุคคลน้ันตองมีพฤติกรรม ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น
ที่ถือไดวาเปนผูมีสวนรวมปฏิบัติในการปกปองคุมครองผูอ่ืนตาม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน
หลกั สิทธมิ นุษยชน ในประเด็น ทแี่ นบทา ยแผนการจัดการเรียนรหู นวยท่ี 2 เรอ่ื ง สทิ ธมิ นษุ ยชน
• เปนผมู ีสว นรวมในการ “รับร”ู อยา งไร แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
• เปนผมู ีสว นรวมในการ “ปฏิบัติ” อยางไร
จากนนั้ นกั เรยี นรว มกนั สรปุ วา การกระทาํ ของบคุ คลทน่ี กั เรยี น คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่
ไดศ กึ ษานนั้ สง ผลตอ สงั คมหรือประเทศชาตอิ ยา งไร ตรงกับระดบั คะแนน
ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
2 การลาดับข้ันตอนของเร่ือง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
T33
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เฉลย คาำ ถามประจำาหนว่ ยการเรียนรู้ คÓถาม ประจÓหนว่ ยการเรียนรู้
๑. กำรด�ำรงชวี ติ โดยค�ำนงึ ถึงหลกั สทิ ธิมนุษยชนกอ่ ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยำ่ งไร
1. การท่ีคนในสังคมคําถึงหลักสิทธิมนุษยชน ๒. ปัจจบุ ันประเทศไทยมีกรณีใดบ้ำงทีเ่ ปน็ กำรละเมิดสิทธมิ นษุ ยชนทพ่ี บเหน็ ได้บ่อยคร้งั
จะชวยใหสังคมไทยมีความเอื้อเฟอตอกัน ๓. หำกคนไทยทกุ คนเหน็ ควำมสำ� คญั และมสี ว่ นรว่ มในกำรปกปอ้ งคมุ้ ครองผอู้ น่ื จำกกำรถกู ละเมดิ
ลดความขัดแยง สามารถแกไขปญหาตางๆ
ภายในสังคมไดด วยการใชเหตุผล สังคมกจ็ ะ สิทธิมนุษยชนจะสง่ ผลดีอย่ำงไร
เกิดความสงบเรยี บรอ ย ๔. นกั เรยี นสำมำรถเข้ำไปมสี ว่ นรว่ มในกำรสง่ เสรมิ เร่ืองสิทธิมนุษยชนไดอ้ ย่ำงไรบำ้ ง
๕. กำรปฏบิ ตั ิตำมหลกั ศำสนำเป็นกำรส่งเสริมสทิ ธิมนุษยชนอยำ่ งไร
2. เชน การใชแรงงานเด็ก การใชความรุนแรง
กับสตรี การลวงละเมิดทางเพศ การไมไดรบั กจิ กรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้
ความปลอดภัยในการทาํ งาน
กิจกรรมท่ ี ๑ น กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ทำ� กำรศกึ ษำคน้ ควำ้ หนว่ ยงำนทมี่ บี ทบำททำงดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน
3. หากคนในสังคมมีความเขาใจในสิทธิพื้นฐาน
ของผอู น่ื เคารพในศกั ดศ์ิ รขี องความเปน มนษุ ย ทั้งภำยในประเทศและต่ำงประเทศ โดยเลอื กศึกษำ ๑ หนว่ ยงำน และน�ำเสนอ
มีการปฏิบัติตอการอยางเทาเทียม มีความ ในประเดน็ หวั ขอ้ เก่ยี วกบั ผลงำนดำ้ นสทิ ธิมนุษยชน ตลอดจนกำรวิเครำะหผ์ ลที่
ยุติธรรม มีความเปน อิสระ ไมละเมดิ สทิ ธขิ อง เปน็ ประโยชน์ต่อสงั คมและประเทศชำต ิ บันทึกกำรคน้ ควำ้ นำ� สง่ ครูผู้สอน
ผอู ่ืน จะทําใหอยูร ว มกันอยา งสันติสขุ
กจิ กรรมท ี่ ๒ น ักเรียนสืบค้นข่ำวท่ีเก่ียวกับสิทธิมนุษยชนและองค์กรเอกชนท่ีมีบทบำทด้ำน
4. ชว ยรณรงคส ง เสรมิ แนวคดิ ดา นสทิ ธมิ นษุ ยชน
ชวยกันเผยแพรความรูดานสิทธิมนุษยชนให สทิ ธมิ นษุ ยชนจำกสอื่ ตำ่ ง ๆ แลว้ ทำ� กำรเขยี นสรปุ ขำ่ วในประเดน็ ทส่ี ำ� คญั รวมถงึ
แกคนท่ัวไป และปฏิบัติตนตามแนวทางสิทธิ แสดงควำมคิดเห็นที่มีต่อข่ำวดังกล่ำว สรุปควำมรู้ลงในกระดำษรำยงำนและ
มนษุ ยชนอยา งเครง ครดั น�ำมำอภปิ รำยในชั้นเรยี น
5. ศาสนาสอนใหคนรูจักเสียสละและมีเมตตา กิจกรรมท่ ี ๓ น ักเรียนเล่ำประสบกำรณ์จริงที่เคยพบเห็นเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนคนละ
ตอผูอื่น ซ่ึงสอดคลองกับการนํามาใชในการ
สงเสรมิ เรอ่ื งสิทธิมนษุ ยชน ๑ เร่ือง หนำ้ ช้ันเรียน และอภิปรำยสรุปรว่ มกัน
๓0
เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพัฒนาทกั ษะ
ประเมนิ ความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป
ซึ่งเปนงานหรอื ชิน้ งานท่ีใชเ วลาไมนาน สาํ หรับประเมินรปู แบบนอ้ี าจเปนคาํ ถามปลายเปดหรือผงั มโนทศั น นยิ มสําหรบั ประเมินผเู รียนรายบคุ คล
ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือชิ้นงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชีวิตประจาํ วันในฐานะพลเมืองทีด่ ีของสงั คม อาจเปนการประเมนิ จากการสงั เกต การเขียน การตอบคาํ ถาม การวเิ คราะห การแกป ญ หา ตลอดจน
การทํางานรวมกัน
ประเมินทกั ษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคม ที่มีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางยั่งยืน เชน ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏบิ ตั งิ านตอผูเกี่ยวของหรอื ตอ สาธารณะ
สง่ิ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน
T34
Chapter Overview
แผนการจดั สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คณุ ลักษณะ
การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 1 - หนังสือเรียน 1. อธิบายความสำ� คัญของ สบื เสาะ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ความสามารถใน 1. มีวินัย
วัฒนธรรมและ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 วฒั นธรรมและ หาความรู้ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ การคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
ภมู ิปญั ญาไทย - แบบฝกึ สมรรถนะ ภูมปิ ัญญาไทยได้ (K) (5Es สมรรถนะและการคิด - ความสามารถใน 3. ม่งุ มั่นในการ
และการคิด 2. เสนอแนวทางการ Instructional หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.3 การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
2 หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3 อนรุ ักษแ์ ละมสี ว่ นรว่ ม Model) - ตรวจใบงานที่ 3.1
- แบบทดสอบก่อนเรียน ในการอนรุ ักษ์ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ชัว่ โมง - PowerPoint วฒั นธรรมไทยและ - ตรวจผลงาน/ช้ินงาน
- ใบงานท่ี 3.1 ภูมิปัญญาไทยในชีวิต - สงั เกตพฤติกรรม
ประจำ� วนั ได้ (P) การท�ำงานรายบคุ คล
3. เ ห็นความสำ� คญั - สงั เกตพฤตกิ รรม
ของวฒั นธรรมและ การท�ำงานกลุ่ม
ภมู ปิ ญั ญาไทยเพิ่ม - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
มากขน้ึ (A) อนั พึงประสงค์
T35