The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Amorn Nanthawikron, 2021-02-14 21:22:18

2313224TM-สังคมรวม-ม3

2313224TM-สังคมรวม-ม3

แผนการจดั ส่อื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 2
วัฒนธรรม - หนงั สือเรียน 1. วิเคราะหอ์ ิทธพิ ลของ สบื เสาะ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ - ความสามารถใน 1. มีวินยั
สากล สังคมศกึ ษาฯ ม.3 วฒั นธรรมสากลท่ีมี หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ การคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
- แบบฝกึ สมรรถนะ ผลต่อการดำ� เนนิ ชวี ติ (5Es หน้าทพี่ ลเมอื งฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. มงุ่ มัน่ ในการ
2 และการคิด ในสงั คมไทยได้ (K) Instructional - ต รวจการทำ� แบบวดั และ การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
หนา้ ท่ีพลเมืองฯ ม.3 2. เสนอแนวทางการเลอื ก Model) บันทกึ ผลการเรยี นรู้
ชวั่ โมง - แบบวดั และบันทึกผล รบั วัฒนธรรมสากล หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.3
การเรยี นรู้ อยา่ งเหมาะสมได้ (P) - ตรวจใบงานท่ี 3.2
หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3 3. เหน็ ความสำ� คัญของ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลังเรียน การศึกษาและเลือกรับ - ตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน
- PowerPoint วัฒนธรรมสากลเพ่มิ - สงั เกตพฤติกรรม
- ใบงานที่ 3.2 มากขนึ้ (A) การท�ำงานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานกลมุ่
- ประเมนิ คุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน

T36

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

๓หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล ขน้ั นาํ (5Es Instructional Model)
¹¡Ñ àÃÂÕ ¹ÁáÕ ¹Ç·Ò§ã¹¡ÒÃ
Í¹ÃØ Ñ¡ÉǏ ²Ñ ¹¸ÃÃÁä·Â ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ
áÅÐàÅ×Í¡ÃºÑ Ç²Ñ ¹¸ÃÃÁ
ÊÒ¡ÅãËŒàËÁÒÐÊÁ¡Ñº 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง
?ÊÀÒ¾Êѧ¤Áä·Âä´Œ ท่จี ะเรยี นรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
Í‹ҧäà เรยี นรู

2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน
หนว ยการเรียนรูท ่ี 3 เรอื่ ง วฒั นธรรมไทยและ
วัฒนธรรมสากล

3. ครนู าํ ภาพวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยในดา น
ตา งๆ มาใหน กั เรยี นดู เชน ภาพศลิ ปวฒั นธรรม
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภาพขนบธรรมเนียม
ประเพณีตางๆ แลวใหนักเรียนรวมกันคิด
วิเคราะหวาเปนภาพอะไร มีคุณคาและความ
สาํ คญั อยา งไร รวมถึงมีแหลง ทมี่ าอยางไร

วัฒนธรรมเปน็ ส่งิ ที่มนษุ ย์สร้างขน้ึ เพ่อื ใชต้ อบสนองความตอ้ งการดา้ นต่าง ๆ ในการดา� เนนิ
ชีวติ ประจา� วัน เป็นสง่ิ ท่แี สดงถงึ ความเจริญกา้ วหน้าของมนษุ ยชาติ วัฒนธรรมไทยก็เช่นเดียวกนั
เป็นส่ิงท่ีบ่งบอกถึงวิถีชีวิตและลักษณะอันดีงามของชนชาติไทย คนไทยจึงควรอนุรักษ์ ถ่ายทอด
สืบสานวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป และขณะเดียวกันท่ามกลางโลกยุคโลกาภิวัตน์ท่ีวัฒนธรรม
สากลไดแ้ พรเ่ ขา้ มาในสงั คมตามการเปลยี่ นแปลงทางเทคโนโลยจี นกลายเปน็ สว่ นหนงึ่ ของวถิ ชี วี ติ
เราจงึ ควรเลอื กรบั และนา� มาปรบั ใชใ้ นชีวติ ควบค่ไู ปกบั วฒั นธรรมไทยอยา่ งเหมาะสม

ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ส ๒.๑ ม.๓/๓ อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยและเลอื กรบั วฒั นธรรม • ความส�าคัญของวฒั นธรรมไทย ภมู ปิ ญั ญาไทย
สากลท่ีเหมาะสม และวัฒนธรรมสากล
• การอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมไทยและภูมิปัญญาไทยท่เี หมาะสม
• การเลอื กรับวฒั นธรรมสากลท่ีเหมาะสม
3๑

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจัดการเรยี นรูโดยใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมตอไปน้ี
• สํารวจคน ควา ขอ มูลทเ่ี ก่ียวกับวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล
• รว มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั การอนุรกั ษว ฒั นธรรมและภูมิปญญาไทย
• จดั ประชุมกลมุ ยอ ยในประเด็นการเลือกรบั วัฒนธรรมสากลอยา งเหมาะสม
ทง้ั น้เี พื่อใหน ักเรยี นเหน็ ถึงความสาํ คญั คณุ คา อิทธพิ ลของวฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลทีม่ ีผลตอการดําเนินชีวติ ในสังคม

T37

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ ๑. วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย

ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ วฒั นธรรมไทยมคี วามหมายครอบคลมุ ไปถงึ สงิ่ ตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ขนบธรรมเนยี มประเพณี
ภาษา มารยาท อาหาร การประกอบอาชีพ สถาปัตยกรรม ความคดิ ความเช่ือ รวมไปถงึ วตั ถุ
4. ครูเลาถึงที่มาและความสําคัญของวัฒนธรรม สิ่งของต่าง ๆ ทค่ี นไทยได้สรา้ งสรรค์ขึ้น ผา่ นการขัดเกลาและแต่งเติมจนเป็นสงิ่ ที่ดีงาม เพื่อน�ามา
และภูมิปญ ญาไทย แลว ถามคาํ ถาม เชน ใชใ้ นการดา� รงชีวิต และมกี ารสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น อกี ท้งั ยงั แสดงถึงเอกลักษณ์ของชาติไทย
• วัฒนธรรมไทยท่ีมีความโดดเดนเปนที่ ภมู ปิ ญั ญาไทย หมายถงึ ความร ู้ ความสามารถ ทกั ษะพเิ ศษทคี่ นไทยสงั่ สมจากประสบการณ์
ยอมรับไปทว่ั โลกมีอะไรบาง และน�ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการด�าเนินชีวิตตามวิถีไทยได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงครอบคลุมใน
(แนวตอบ วฒั นธรรมดานอาหาร เชน ตม ยาํ หลาย ๆ ดา้ น เช่น ความเช่ือ อาหาร สมุนไพร การรักษาโรค อาชีพ หัตถกรรม
กุง วัฒนธรรมดานการแตงกาย เชน ชุด
ผา ไหม) ๑.๑ ความสา� คัญของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
• ภูมิปญญาไทยสามารถสะทอนใหเห็นถึง
สง่ิ ใดไดบา ง ชนชาตไิ ทยไดส้ รา้ งสรรคว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยมาตง้ั แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั แสดงให้
(แนวตอบ สะทอนใหเห็นถึงวิถีชีวิตดั้งเดิม เหน็ วา่ วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยมคี วามเกา่ แก ่ และมพี ฒั นาการไปตามยคุ สมยั อกี ทง้ั ยงั ดา� รงอยู่
ของคนไทย เชน กระเดอื่ งตาํ ขา วของชาวบา น ควบคู่กับการด�าเนินชีวิตของคนไทยซ่ึงไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ ส�าหรับความส�าคัญของ
ในชนบท กส็ ะทอ นใหเ หน็ ถงึ วถิ ชี วี ติ ทผ่ี กู พนั วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย มีดังนี้
กบั การเกษตรและการพ่งึ พาตนเอง)
๑) ประโยชน์ต่อการด�ารงชีวิต ตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัด คือ วัฒนธรรมทางวัตถุท่ีคนไทย

สเครร้าื่องงสทรรอคผข์ ้าึน้ เเคพรอื่ อื่ ตงอสบขี ส้าวน1 อซงง่ึ คสวะาทมอ้ ตน้อถงงึกกาารร ดหา� รรืองชช่วีพยขใอหง้ทคา� นสไิง่ ทตยา่ ง ๆ สะดวกสบายมากยง่ิ ขึน้ เชน่

๒) ทา� หน้าที่หล่อหลอมบุคลกิ ภาพให้กบั สมาชิกในสังคม เชน่ การมีน�้าใจ มีความ

อ่อนน้อมถอ่ มตน รกั สงบ ประกอบอาชีพสุจริต ไม่คดโกงฉ้อฉล รวมทั้งสัง่ สอนให้เป็นคนมคี วาม
ขยันหมัน่ เพียรในการท�างาน เก็บหอมรอมริบ และไม่ใชจ้ ่ายฟมุ่ เฟอื ยเกนิ ฐานะ

๓) ชว่ ยสรา้ งเสรมิ ความเปน็ ปกึ แผน่ วฒั นธรรมการเคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์

การใชภ้ าษาไทยทถี่ กู ตอ้ งในการตดิ ตอ่ สมั พนั ธก์ นั ตลอดจนการรกั ความเปน็ ไทย การยกยอ่ งเชดิ ชู
ศลิ ปวฒั นธรรมและใชเ้ ปน็ หลกั ในการดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั เหลา่ นล้ี ว้ นกอ่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ อนั หนง่ึ
อันเดยี วกันของคนในชาติ

๔) เป็นองคค์ วามรู้ท่มี คี ณุ คา่ ของสงั คม ภูมปิ ัญญาไทยเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์

ต่าง ๆ ท่ไี ด้จากการด�าเนินชวี ติ ผา่ นกระบวนการคดิ วิเคราะห์ พิจารณา เกิดเป็นองค์ความรู้ที่
สามารถนา� ไปตอ่ ยอดเพอ่ื สรา้ งสง่ิ ทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ละมคี ณุ คา่ ตอ่ สงั คมไทย เชน่ การนวดแผนไทย
ยาสมนุ ไพร เป็นสง่ิ สา� คญั ทช่ี ่วยให้สงั คมไทยพฒั นาไปไดอ้ ย่างยงั่ ยืน

32

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม

1 เครื่องสีขาว ในชนบทของไทยสมัยกอนมีการใชเครื่องสีขาวท่ีสรางข้ึน นักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับสิ่งท่ีเปนวัฒนธรรมและ
จากภูมิปญญาไทย โดยในการสีขาวนั้นจะใชแรงงานคนซ่ึงเปนกระบวนการ ภมู ิปญ ญาไทยทีน่ ักเรียนสนใจมาคนละ 1 อยา ง แลว เขียนอธิบาย
อยา งงา ย ไมซ บั ซอ น แสดงใหเ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญ ญาไทยอนั ชาญฉลาดทมี่ มี าแตโ บราณ ขอ มลู ของวัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาน้ันลง เชน
ตอ มาไดม ีการพฒั นามาเปนเครือ่ งสีขา วทใ่ี ชมอเตอรไฟฟา หรอื เคร่ืองยนต
• ชือ่ วัฒนธรรมและภมู ิปญ ญา
ส่ือ Digital • ทม่ี า ความสาํ คัญ
• สะทอนถึงวถิ ีชวี ิตคนไทยอยา งไร
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย ไดท ่ี https://www. • สถานการณปจจุบนั ของวัฒนธรรมดงั กลา ว
m-culture.go.th กระทรวงวัฒนธรรม • การอนรุ กั ษ ถา ยทอด และสบื สานวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญา
ดังกลา ว
เขยี นลงกระดาษ A4 พรอมท้งั ติดรปู ภาพตกแตง ใหสวยงาม

T38

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑.2 การจา� แนกวฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ขน้ั สอน

วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทยสามารถจา� แนกออกเป็น ๒ ระดบั ดังน้ี ข้ันที่ 2 สาํ รวจค้นหา

๑) วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาพน้ื บ้าน หมายถงึ วฒั นธรรมของประชาชนตามท้องถ่ิน 1. ครูนําสนทนาการจําแนกวัฒนธรรมและ
ภูมิปญญาไทย แลวยกตัวอยางวัฒนธรรม
และภูมิภาคต่าง ๆ ที่ชนแต่ละกลุ่มได้สร้างสรรค์ขึ้นและใช้เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติในกลุ่ม และภูมิปญญาพ้ืนบานของทองถ่ินตางๆ เชน
ของตน นอกจากน้ี ยังเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของสังคม เครอื่ งปน ดนิ เผา การทอผา บอกลกั ษณะสาํ คญั
ในรปู แบบของภมู ิปญั ญาชาวบ้าน เช่น การทอผ้าไหมลายขิด การผลิตเครื่องปน้ั ดินเผา การทา� ทเี่ ปน เอกลกั ษณข องแตล ะทอ งถน่ิ และรว มกนั
เครอ่ื งจกั สาน สว่ นใหญจ่ ะเรยี กชอ่ื วฒั นธรรมเหลา่ นนั้ ตามชอื่ สงั คมทอ้ งถน่ิ หรอื เรยี กเปน็ วฒั นธรรม ยกตัวอยางวัฒนธรรมประจําชาติ เชน การ
ย่อยตามแหล่งทีต่ งั้ เช่น วฒั นธรรมลา้ นนา วฒั นธรรมอีสาน วฒั นธรรมภาคกลาง วฒั นธรรม แตงกายดวยผาไทย อภิปรายถึงลักษณะเดน
ภาคใต้ ความเปน เอกลกั ษณ แลวใหน กั เรียนแบงกลมุ
ไ ทยมอนญอ1 กวจฒั านกธนรี ้ ใรนมแไตท่ลยะโคภรูมาิภชา ควกัฒ็จนะธมรีวรัฒมนไทธลรรื้อม วแฒัยกนยธ่อรยรมไปไตทาพมวกนล ุ่มทชม่ี าลี ตักิพษันณธะ ์ุ เเชด่นน่ เวฉฒัพนาะธกรลรมุม่ ศกึ ษาคน ควา เกย่ี วกบั วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญา
สะทอ้ นถงึ คณุ คา่ อนั ดงี าม และแสดงถงึ ความเปน็ ไทยทค่ี นไทยควรภมู ใิ จและชว่ ยกนั อนรุ กั ษส์ บื ทอด ไทย จากหนังสอื เรียนสงั คมศึกษาฯ ม.3 หรอื
ใหค้ งอยูต่ ่อไป จากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือใน
หองสมุด เว็บไซตใ นอินเทอรเน็ต
๒) วัฒนธรรมประจ�าชาติ หมายถึง วัฒนธรรมท่ีรัฐบาลก�าหนดและประกาศให้คนไทย
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ
ในชาติประพฤติและปฏิบัติร่วมกันทุกหมู่เหล่า ทั้งน้ี วัฒนธรรมไทยได้รับการสร้างสรรค์จาก ใหกับนกั เรยี นเพ่มิ เติม
บรรพบุรุษทั้งทางตรงและทางออ้ ม บางอย่างได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมภายนอก โดยผา่ นการ
เลือกสรรและประยุกต์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สังคม และค่านิยม จนตกผลึก
เป็นแก่นของสงั คมไทย

 ประเพณยี เ่ี ปง็ หรอื ประเพณเี ดอื นย ่ี จดั ขนึ้ ในวนั เพญ็ เดอื นสองของชาวลา้ นนาทางภาคเหนอื ซง่ึ ตรงกบั เดอื นสบิ สองของไทย
ในงานประเพณจี ะมกี ารประดบั ประดาตกแต่งวดั บา้ นเรอื น และชักโคมยเ่ี ป็งเพือ่ เปน็ พทุ ธบูชา

33

กิจกรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู

นักเรียนต้ังขอสังเกตและสืบคนขอมูลวาวัฒนธรรมและ 1 มอญ ชาวมอญเปนชนชาตทิ ม่ี ีอารยธรรมเกา แก เดิมอาศยั อยทู างตอนลา ง
ภูมิปญญาไทยในแตละภูมิภาคมีความเหมือนหรือแตกตางกัน ของประเทศเมยี นมา แตภ ายหลงั ชาวมอญจาํ นวนมากไดอ พยพเขา มาตง้ั ถน่ิ ฐาน
อยางไร และมีปจจัยใดบางที่สงผลตอความเหมือนและความ ในประเทศไทย เน่ืองจากปญ หาตางๆ ในปจ จบุ ันมชี มุ ชนชาวมอญกระจายอยู
แตกตางทางวัฒนธรรมนั้นๆ จากนั้นอธิบายความรูท่ีไดจากการ ทั่วไป เชน ชุมชนมอญปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ชุมชนชาวมอญตําบล
ศึกษาถึงปจจัยตางๆ ท่ีสงผลตอความแตกตาง โดยจัดทําเปน หวายเหนียว จังหวัดกาญจนบุรี ชุมชนชาวมอญพระประแดง จังหวัด
แผนผงั ความคดิ แลว ออกมานําเสนอหนาชั้นเรยี น สมุทรปราการ

T39

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน วฒั นธรรมประจ�าชาตไิ ทยทีส่ า� คัญ มีดงั น้ี
๒.๑) การมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ด�ารงอยูค่ วบคูก่ บั
ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ สงั คมไทยมาเปน็ เวลาชา้ นานนบั ตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ เปน็ ชาตไิ ทย จงึ ถอื เปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจ เปน็ ทยี่ ดึ เหนย่ี ว
ขแลอะงพปรระะรชาาชชพนธิ ทตี ั้งา่ ชงา ๆต ิ จพงึ สไดกร้ นบั ิกกราทรุกสบหื ทมอเู่ หดลม่าาตจ่านงถใงหึ ป้คจั วจาบุมนั เค เาชรน่พ เพทดิระทรนูาชอพย่าธิ งฉี สตั งู ร มพงรคะลร1 าพชรกะรรณาชยี พกิจธิ ี
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก พืชมงคลจร๒ด.พ๒ร) ะภนังาคษลั าแไรทกยน2 าคขนวญัไทยมีภาษาและตัวอักษรของตนเองส�าหรับใช้ติดต่อส่ือสาร
การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ภาษาไทยภาคกลางเปน็ ภาษาประจา� ชาตแิ ละภาษาราชการทคี่ นไทยทวั่ ประเทศสามารถพดู เขยี น
ระหวางกัน จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัด และอ่านได ้ ภาษาไทยจงึ เปน็ ตัวเชอื่ มโยงใหค้ นในชาตติ ดิ ตอ่ สอ่ื สารและสรา้ งความผูกพนั ตอ่ กัน
เลอื กขอ มลู ทน่ี าํ เสนอเพอื่ ใหไ ดข อ มลู ทถ่ี กู ตอ ง ๒.๓) วิถีการด�าเนินชีวิตและบุคลิกภาพ คนไทยมีเอกลักษณ์โดดเด่น เช่น อ่อนน้อม
ถอ่ มตน ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส เคารพผอู้ าวโุ ส เออื้ เฟอ้ื เผอื่ แผ ่ เมตตากรณุ า นอกจากน ี้ ยงั ใหค้ วามสา� คญั
2. ครใู หค วามรเู พมิ่ เตมิ วฒั นธรรมประจาํ ชาตไิ ทย ในการคบเพอ่ื น เอาใจเขามาใส่ใจเรา และมีความเกรงใจ ซึ่งลกั ษณะดังกล่าวไดร้ ับการหลอ่ หลอม
ทสี่ าํ คญั บอกลกั ษณะเดน ความเปน เอกลกั ษณ จากกระบวนการขัดเกลาทางสังคมท้งั ทางตรง เช่น ครอบครัว เพือ่ น โรงเรียน และทางออ้ ม เชน่
เชน การมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุข สุภาษติ สอนใจ คา� พงั เพย ปรศิ นาคา� ทาย การละเลน่ พนื้ บา้ น
การมีภาษาไทยเปนภาษาประจําชาติในการ ๒.๔) การมพี ระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาหลกั ของชาต ิ โดยรฐั ใหก้ ารอปุ ถมั ภแ์ ละคมุ้ ครอง
ติดตอสื่อสาร การมีความออนนอมถอมตน ในสมัยก่อนวดั เป็นศนู ยก์ ลางของชุมชน ท�าให้วิถชี ีวิตของคนไทยผูกพนั กับพระพทุ ธศาสนาอย่าง
อาหารไทยและสมนุ ไพรไทย เปน ทยี่ อมรบั ของ แนน่ แฟน้ ในขณะเดยี วกนั ศาสนาและลทั ธคิ วามเชอ่ื อน่ื ๆ เชน่ ครสิ ตศ์ าสนา ศาสนาอสิ ลาม ศาสนา
ตา งชาติ ครูตัง้ คาํ ถาม เชน พราหมณ-์ ฮนิ ด ู ก็มีบทบาทสา� คญั ตอ่ สังคมไทย และทา� ใหอ้ ยู่รว่ มกันได้อย่างมีความสขุ
• การมวี ฒั นธรรมประจาํ ชาตสิ ะทอ นในบคุ ลกิ ๒.๕) อาชพี เกษตรกรรม ประเทศไทยมที า� เลทีต่ ัง้ เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู เพราะมดี ิน
ความเปนคนไทยอยางไรบา ง อดุ มสมบรู ณ ์ มอี ากาศเหมาะสม และเกดิ ภยั ธรรมชาตนิ อ้ ย ในอดตี สงั คมไทยเปน็ สงั คมเกษตรกรรม
(แนวตอบ การท่ีคนไทยมีความออนนอม ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถ่ินมีพ้ืนฐานมาจากการเกษตร แต่ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่
เคารพผูอาวโุ ส เชือ่ ฟงคําส่งั สอนของผูใหญ
มีความเกรงใจ มคี วามเอ้ือเฟอ เผื่อแผ ให
ความสําคัญกับครอบครัว เครือญาติ ซ่ึง
เปนการหลอหลอมมาจากกระบวนการ
ขดั เกลาทางสงั คม ทสี่ บื ทอดกนั มายาวนาน)

มีอาชีพทางการค้าและบริการ และอาศัยอยู่ใน
เมืองกว่าร้อยละ ๕๐ ท�าให้สังคมเกษตรกรรม
เปลยี่ นแปลงไปเปน็ สงั คมอตุ สาหกรรมทมี่ คี วาม
เจริญก้าวหนา้ ทางเทคโนโลย ี
๒.๖) อาหารไทยและสมุนไพร
อาหารไทยเปน็ ท่รี ู้จักและนยิ มกนั ทั่วโลก เพราะ
มีลักษณะพิเศษ คือ มีรสจัด มีสมุนไพรเป็น
เครื่องปรุง แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในการปรุง
อาหารที่มีประโยชน์ ให้คุณค่าทางอาหารอย่าง
 ตม้ ยา� กงุ้ เปน็ เอกลกั ษณ์ไทยดา้ นอาหารทม่ี กี ารนา� วตั ถดุ บิ ครบถ้วน และรู้จกั ตกแต่งอาหารให้สวยงาม
ในท้องถิ่นมาใช้ประกอบอาหารและปรุงรสด้วยสมุนไพร
34 ต่าง ๆ ทมี่ ีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 พระราชพธิ ฉี ตั รมงคล เปน พระราชพธิ บี าํ เพญ็ พระราชกศุ ลสมโภชพระมหา ขอ ใดกลา วถงึ วัฒนธรรมไทยไดถกู ตอง
เศวตฉตั ร เครอ่ื งราชปู โภค ฉลองสริ ริ าชสมบตั เิ นอ่ื งในวนั คลา ยวนั บรมราชาภเิ ษก 1. วัฒนธรรมไทยเปนสงิ่ ลาสมยั
ของพระมหากษัตริยในพระบรมราชวงศจักรี เริ่มมีคร้ังแรกในสมัยรัชกาลที่ 4 2. วัฒนธรรมไทยไมม คี วามนาสนใจ
ปจ จบุ นั พระราชพธิ ฉี ัตรมงคล ตรงกบั วันที่ 4 พฤษภาคม 3. วัฒนธรรมไทยไมเหมาะกับสังคมในปจ จบุ นั
2 ภาษาไทย เปนส่ิงท่ีแสดงถึงเอกลักษณของความเปนไทย ประเทศไทย 4. วฒั นธรรมไทยเปนมรดกของชาติทต่ี องรักษาไว
มีภาษาเปนของตนเองตั้งแตสมัยสุโขทัย โดยพอขุนรามคําแหงมหาราชทรง
ประดิษฐข ้ึนตั้งแต พ.ศ. 1826 ลักษณะสาํ คัญของภาษาไทยจะประกอบไปดว ย (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. วัฒนธรรมไทยเปนส่ิงที่คนไทย
สวนสาํ คญั 3 ประการ คอื ภาษาพดู ตัวอกั ษร และตัวเลข สรา งสรรคข น้ึ มาจากประสบการณและองคความรู เพ่ือตอบสนอง
การดาํ รงชวี ติ ของคนไทย วฒั นธรรมไทยจงึ เปน เอกลกั ษณท แ่ี สดง
ถึงความเปน ชาตแิ ละมรดกท่คี นไทยตองสืบทอดตอ ไป)

T40

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒.๗) วันส�าคัญและเทศกาลสา� คัญ มีตลอดทัง้ ปี ทีส่ �าคัญ มีดงั น ้ี ขนั้ สอน
๑. วันส�าคัญท่ีเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ เช่น วันจักรี วันปิยมหาราช
วันฉตั รมงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้
๒. วนั นกั ขตั ฤกษแ์ ละประเพณี
เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันพืชมงคล 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล
วันลอยกระทง วันครู หนาช้ันเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย
๓. วันส�าคัญท่ีเกี่ยวเนื่องกับ และตอบคําถามรวมกนั
พระพทุ ธศาสนา เชน่ วนั วสิ าขบชู า วนั มาฆบชู า
วันเข้าพรรษา นอกจากนี้ ยังมีวันส�าคัญทาง 4. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเก่ียวกับ
พศารสะเนจา้าอใน่ืนค ๆร ิสเตชศ์ ่นา สวนันา ควรันิสดตปี์มาาวสล ี ววันันขนอวบราคตุณร1ี วัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาไทย และสุมตวั แทน
ในศาสนาพราหมณ-์ ฮินด ู เดอื นเราะมะฎอนใน  ประเพณีสงกรานต์ เป็นวันฉลองการข้ึนปีใหม่ของไทย นักเรยี นเพ่ือตอบคาํ ถาม เชน
ศาสนาอสิ ลาม ซึง่ มีมาแต่โบราณ และเป็นวัฒนธรรมประจา� ชาตทิ งี่ ดงาม • นักเรียนสามารถปฏิบัติตามวัฒนธรรม
ฝังลกึ อยู่ในชีวิตของคนไทย ประจําชาติไทยที่เนนเอกลักษณของความ
เปน ไทยไดทุกวนั ในเร่ืองใดบาง
๑.3 การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย (แนวตอบ เชน เคารพเทดิ ทนู พระมหากษตั รยิ 
สังคมและวัฒนธรรมนั้นไม่ได้หยุดน่ิงอยู่กับท่ี แต่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ซ่ึงเป็น ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา
ผลมาจากปจั จยั ภายในและภายนอกทเี่ ขา้ มากระทบ วฒั นธรรมอาจเหมาะกบั สภาพสงั คมในยคุ หนงึ่ ใชภ าษาไทยอยา งถกู ตอ ง รบั ประทานอาหาร
แตอ่ าจไมส่ อดคลอ้ งกบั การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คมอกี ยคุ หนงึ่ อยา่ งไรกต็ าม การเปลยี่ นแปลง ไทย ฯลฯ)
ไมไ่ ดห้ มายถงึ การละทงิ้ วฒั นธรรมของตนไปอยา่ งสนิ้ เชงิ หรอื หนั ไปรบั วฒั นธรรมของสงั คมอน่ื มา
ใชท้ งั้ หมด ท้งั น้ี เพราะรากเหงา้ ของวฒั นธรรมไทยไดส้ รา้ งและสง่ั สมใหส้ อดคลอ้ งกับสังคมไทยมา 5. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวิธีการอนุรักษ
ชา้ นาน การเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ เปน็ ผลมาจากลักษณะบางอยา่ งไม่ตอบสนองความตอ้ งการของ สบื สาน ถา ยทอด วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย
ในระดับบคุ คล ทอ งถ่ินหรอื ชุมชน และระดับ
ชาติ พรอมท้ังรวมกันแสดงความคิดเห็น
หากเยาวชนไทยไมรวมกันสืบทอดอนุรักษ
วัฒนธรรมไทยจะสง ผลอยา งไร

สมาชกิ ในยคุ ปจั จบุ นั จงึ ไดน้ า� สง่ิ ประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ใหมม่ าใชท้ ดแทน และมกี ารพฒั นาตอ่ ยอดวฒั นธรรม
ใหเ้ หมาะกบั กาลสมยั ดงั นนั้ จงึ มคี วามจา� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทย เพอ่ื ไมใ่ หว้ ฒั นธรรม
ของสงั คมอนื่ เขา้ มาครอบงา� จนสง่ ผลใหต้ กเปน็ เมอื งขน้ึ ทางวฒั นธรรมของสงั คมอนื่ ไป

เรอื่ งนา่ รู้

ประวตั วิ นั สงกรานต์
คำ� วำ่ “สงกรำนต”์ มำจำกภำษำสนั สกฤตวำ่ “สงกฺ รฺ ำนตฺ ”ิ แปลวำ่ กำ้ วขนึ้ ยำ่ งขน้ึ หรอื ยำ้ ยขน้ึ โดยมนี ยั ควำม
หมำยวำ่ กำรเขำ้ สศู่ กั รำชรำศใี หม ่ หรอื วนั ขน้ึ ปใี หมน่ นั่ เอง โดยเทศกำลสงกรำนตเ์ ปน็ ประเพณเี กำ่ แกแ่ ละคนไทยได้
สบื ทอดกนั มำแตโ่ บรำณคกู่ บั ประเพณตี รษุ จงึ ไดเ้ รยี กรวมกนั วำ่ “ประเพณตี รษุ สงกรำนต”์ ซงึ่ แปลวำ่ กำรสง่ ทำ้ ย
ปเี กำ่ ตอ้ นรบั ปใี หม ่ โดยชว่ งเทศกำลสงกรำนตจ์ ะตรงกบั วนั ท ี่ ๑๓ ๑๔ และ ๑๕ เมษำยนของทกุ ป ี สำ� หรบั กจิ กรรม
ในวนั สงกรำนต ์ เชน่ ทำ� บญุ ตกั บำตร กอ่ เจดยี ท์ รำย สรงนำ�้ พระพทุ ธรปู พระสงฆ ์ รดนำ้� ดำ� หวั ผใู้ หญ ่ เลน่ นำ�้

35

กิจกรรม เสรมิ สรา งคุณลักษณะอันพึงประสงค นักเรียนควรรู

นักเรียนแบง กลมุ กลุมละ 5 คน สบื คน ขอ มูลเกยี่ วกับภูมปิ ญญา 1 วนั นวราตรี จัด 2 ชวง ใน 1 ป คือ ชว งท่ี 1 มีในวันขน้ึ 1ค่ํา เดือน 5 ถงึ
และวัฒนธรรมไทยที่นกั เรยี นสนใจ ในประเดน็ ดงั นี้ ขนึ้ 9 คํา่ เดือน 5 ชว งที่ 2 มใี นวันขน้ึ 1 ค่ํา เดอื น 11 ถึงข้ึน 9 ค่ํา เดือน 11
ชาวพราหมณ-ฮินดูจะถือศีลกินเจและบูชาพระแมอุมา ซึ่งมี 9 ปางดวยกัน
• ชือ่ ภมู ปิ ญญา/วฒั นธรรม คือ ปางไศลบุตรี ปางพรหมจาริณี ปางจันทรฆัณฎา ปางกูษามาณฑา
• ความสาํ คัญของภมู ปิ ญญา/วัฒนธรรม ปางษกนั ทมาตา ปางกาตยายนี ปางกาลราตรี ปางมหาเคารี และปางสทิ ธทิ าตรี
• อิทธิพลของภูมิปญญา/วัฒนธรรมท่มี ตี อสงั คมไทย ชาวพราหมณ-ฮินดู เช่ือวา “นวราตรี” เปนชวงเวลาแหงการเติมพลังทั้งกาย
• วิธกี ารหรอื แนวทางอนรุ กั ษ/เผยแพรภูมิปญ ญา/วฒั นธรรม และใจ เพอ่ื ที่จะใชช วี ติ อยา งมีคณุ คาตอ ไป
นาํ ความรทู ไ่ี ดจ ัดทําเปน รายงานสงครผู ูสอน

T41

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

ขนั้ สรปุ การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทยอาจมองได ้ ๒ ระดับ ระดบั ท่ีหนึ่ง คอื การอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรม
ทด่ี งี ามของไทยใหค้ งอยตู่ ลอดไป และระดบั ทสี่ อง คอื คนไทยจะตอ้ งพฒั นาตอ่ ยอดวฒั นธรรมและ
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ ภูมิปญั ญาให้ทันสมัย สอดคลอ้ งกับสภาพสงั คมในยคุ ปจั จบุ ัน
วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาของไทย เปน็ สงิ่ ทบี่ รรพบรุ ษุ ไดส้ รา้ งสรรคแ์ ละสงั่ สมมานานจนเปน็
1. ครูใหนักเรียนสืบคนวัฒนธรรมและภูมิปญญา มรดกมาสู่อนุชนรุ่นหลัง และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการด�าเนินชีวิตในสังคมไทย คนไทยจึงต้อง
ในทองถิ่นของตนเอง บอกลักษณะสําคัญ ช่วยกันอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย เพื่อด�ารงไว้ใหเ้ ปน็ มรดกของชาติสืบไป
สถานการณใ นปจ จบุ นั และแนวทางการอนรุ กั ษ การรว่ มมอื ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทยสามารถแบง่ ออกเปน็ ระดับได ้ ดงั น้ ี
สืบสานวัฒนธรรมภูมิปญญาดังกลาว แลวให
นักเรยี นทําใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง วัฒนธรรมและ ๑) ระดับชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐมีหน้าท่ีรับผิดชอบต่องาน
ภูมปิ ญ ญาไทย โดยครูแนะนาํ เพิ่มเตมิ
เอกลักษณ์ของชาติโดยตรง ได้มีการก�าหนดนโยบายให้การสนับสนุน ส่งเสริมการอนุรักษ์และ
2. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ล สืบสานวัฒนธรรมของชาติ ส่วนสถาบันการศึกษาและสื่อมวลชนท�าหน้าที่ในการเผยแพร่
เมอื งฯม.3เกยี่ วกบั เรอ่ื งวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญา ประชาสัมพันธ์ให้คนในสงั คมเห็นคณุ คา่ และความสา� คญั ตอ่ วัฒนธรรมของชาติ
ไทยเพือ่ เปน การบา นสง ครูในช่ัวโมงถัดไป
๒) ระดับท้องถิ่น องค์กรในท้องถิ่นต้องให้การส่งเสริมประชาชนให้เห็นคุณค่าของ
ขน้ั ประเมนิ
เอกลกั ษณ์ไทย ช่วยกนั คิดคน้ เผยแพร่ และนา� ภูมิปัญญาของท้องถิน่ ออกมาใช้ให้เปน็ ประโยชน ์
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล อีกท้งั ยกย่องผ้ทู รงภูมิปัญญาหรือปราชญ์ทอ้ งถ่ิน เพ่อื เปน็ แบบอย่างทด่ี แี ก่คนทวั่ ไป

1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ๓) ระดบั บคุ คล เช่น ช่วยกนั อนุรกั ษ์ สืบสาน หรือต่อยอดวฒั นธรรมและภมู ิปัญญาทเี่ ป็น
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ทพี่ ลเมืองฯ ม.3 เอกลักษณข์ องทอ้ งถ่ิน จัดกิจกรรมทางวฒั นธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ินอย่างตอ่ เน่อื ง ปฏิบัตติ น
เป็นแบบอย่างที่ดีในการอนุรักษ์เอกลักษณ์ไทย เช่น ใช้ของไทย แต่งชุดไทย พูดและเขียน
2. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ภาษาไทยอย่างถกู ตอ้ ง และเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติไดเ้ รียนรู้วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
ทํางาน และการนาํ เสนอผลงานหนาชั้นเรยี น
๒. วัฒนธรรมสากล
3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ท่พี ลเมอื งฯ ม.3 วัฒนธรรมสากลหรือวัฒนธรรมนานาชาติ หมายถึง วัฒนธรรมท่ีเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
อย่างกว้างขวาง หรือเปน็ อารยธรรมท่ไี ด้รบั การปฏบิ ัตติ ามกนั ทัว่ โลก เชน่ การแต่งกายชดุ สากล
การใชภ้ าษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการส่อื สาร การปกครองในระบอบประชาธิปไตย การค้าเสรี
การใชเ้ ทคโนโลย ี ระบบการส่ือสารท่ที ันสมยั ความรู้ทางวิทยาศาสตร ์ มารยาทในการสมาคม
คนบางสว่ นมกั เขา้ ใจกนั วา่ วฒั นธรรมสากลก็คือวัฒนธรรมตะวันตก เน่ืองจากมีวัฒนธรรม
ตะวนั ตกหลายอยา่ งทเี่ ขา้ มามบี ทบาทจนกลายเปน็ สง่ิ ทจี่ า� เปน็ ในชวี ติ ประจา� วนั ในความเปน็ จรงิ แลว้
วฒั นธรรมตะวนั ตกไมไ่ ดม้ อี ทิ ธพิ ลเหนอื วฒั นธรรมอนื่ เสมอไป เพราะการรบั เอาวฒั นธรรมตะวนั ตก
เขา้ มาใชจ้ ะตอ้ งมกี ารผสมผสานและประยกุ ตเ์ ขา้ กบั สภาพสงั คมนน้ั ๆ วฒั นธรรมตะวนั ตกจงึ เปน็ เพยี ง
วฒั นธรรมจากภูมภิ าคหนงึ่ ซงึ่ อาจกลายเปน็ วัฒนธรรมสากลได้

36

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคิด

ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง วัฒนธรรมและ วัฒนธรรมไทยมีความสําคัญอยา งไร
ภมู ปิ ญ ญาไทย โดยครแู นะนาํ เพม่ิ เตมิ ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน 1. ชวยใหค นไทยมีฐานะดี
และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล 2. เปน สิง่ ชว ยกําหนดชนชนั้ ทางสังคม
จากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู 3. ชว ยใหส งั คมปราศจากความขัดแยง
หนวยท่ี 3 เรอื่ ง วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล 4. ชว ยเสริมสรางความเปน ปก แผนของชาติ

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. วฒั นธรรมไทยเปนสิง่ ท่ีหลอหลอม
คนไทยใหมีความคิด ความเชื่อ รวมถึงวิถีการดําเนินชีวิตไปใน
คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ ทิศทางเดียวกนั กอใหเ กดิ ความผูกพัน และมีจติ สาํ นึกวา เปน พวก
ตรงกบั ระดบั คะแนน พอ งเดียวกนั )

ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่

ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

T42 12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2.๑ ความสา� คัญของวัฒนธรรมสากล ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model)
ในยุคปัจจุบันโลกของเรามีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอย่างสูง เป็นยุคแห่ง
โลกาภิวัตน์ท่ีมีการติดต่อเชื่อมโยงถึงกันได้สะดวกและรวดเร็ว เมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันมากข้ึน ข้ันที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ
กย็ ่อมส่งผลให้วฒั นธรรมมีการผสมผสานกนั มากขนึ้
การที่หลายประเทศในโลกรวมถึงประเทศไทยมีความต้องการจะพัฒนาตนเองเพื่อก้าวสู่ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง
ความเปน็ สากล วฒั นธรรมสากลจงึ มีความส�าคัญ ซง่ึ คนในสงั คมจ�าเป็นทีจ่ ะต้องศึกษาและรบั มา ทีจ่ ะเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
เป็นแนวทางหน่ึงในการด�าเนินชีวิต เพื่อท่ีจะพัฒนาศักยภาพของตนเองและก้าวทันความ เรียนรู
เปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ข้ึนอย่างรวดเร็ว โดยยงั คงความเป็นเอกลกั ษณ์ไทยทง่ี ดงามและทรงคุณคา่ ไว้
2. ครูใหนักเรียนดูภาพเกี่ยวกับวัฒนธรรมสากล
2.2 วฒั นธรรมสากลทส่ี า� คญั ในยคุ ปจั จุบัน แลวใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหภาพวา ภาพ
ในปัจจุบันมีวัฒนธรรมสากลมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการด�าเนินชีวิตของเรา ดังน้ัน ตา งๆ มผี ลตอ การดาํ รงชวี ติ ของคนในปจ จบุ นั
จงึ จา� เปน็ จะตอ้ งพจิ ารณาถงึ ประโยชนแ์ ละความจา� เปน็ ของวฒั นธรรมสากลเหลา่ นนั้ ซง่ึ วฒั นธรรม อยางไรบาง
สากลทม่ี คี วามส�าคญั ตอ่ การด�าเนินชีวติ ในสงั คมยคุ ปจั จบุ นั มีดงั นี้
3. ครูถามคาํ ถามเพ่อื กระตนุ ความสนใจ เชน
๑) ภาษาองั กฤษ เปน็ ภาษาทมี่ ผี ใู้ ชม้ ากทสี่ ดุ ในโลก หลายประเทศทวั่ โลกทใ่ี ชภ้ าษาองั กฤษ • วัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลตอการ
เปน็ ภาษาราชการ เชน่ สหราชอาณาจกั ร สหรฐั อเมรกิ า สงิ คโปร ์ หนว่ ยงานสากลทสี่ า� คญั ของโลก ดาํ รงชีวิตของชาวไทย ไดแกอะไรบา ง
หลายแห่งก็ยังใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร เช่น ธนาคารโลก องค์การสหประชาชาติ (แนวตอบ เชน ท่ีอยูอาศัย การแตงกาย
สหภาพยุโรป นอกจากน้ี ในการติดตอ่ กับคนตา่ งชาติกต็ อ้ งใชภ้ าษาอังกฤษเปน็ ภาษากลางในการ อาหาร ภาษา เทคโนโลยี องคความร)ู
ส่ือสาร จงึ ส่งผลใหค้ นในสงั คมท่วั ทุกมมุ โลกใหค้ วามสนใจทีจ่ ะเรียนภาษาองั กฤษมากขึน้ • เพราะเหตใุ ดจงึ กลา ววา วฒั นธรรมตะวนั ตก
มคี วามสาํ คญั ตอ ชาวโลก
๒) คอมพวิ เตอร ์ สมารต์ โฟน และเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ มีบทบาทในชวี ติ ประจา� วัน (แนวตอบ วัฒนธรรมตะวันตกสงผลตอการ
ของเราอย่างมาก เน่ืองจากเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ พัฒนาความเจริญของประเทศ อันเนื่อง
ช่วยให้เราท�างานได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งข้ึน มาจากการคิดคนเทคโนโลยีประเภทตา งๆ)

4. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ ความหมาย
และความสําคญั ของวฒั นธรรมสากล

นอกจากน้ี มีระบบอินเทอร์เน็ตที่มีเครือข่าย
เชื่อมโยงไปท่ัวโลก เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล
สา� หรบั การสืบค้น และยังเป็นเคร่ืองมือในการ
ติดต่อส่ือสารทั่วโลก เช่น อีเมล การประชุม
ทางไกล การสอ่ื สารผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่
ถูกออกแบบมาและสามารถใช้กับสมาร์ตโฟน
ท�าใหก้ ารติดต่อสอื่ สาร การสืบคน้ ข้อมลู สะดวก
รวดเร็วยิ่งข้ึน และน�าไปสู่การต่อยอดสร้าง  ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ วฒั นธรรมสากลทแ่ี พรห่ ลายทว่ั โลก
นวตั กรรมตา่ ง ๆ เพือ่ ใช้ในการขบั เคลอื่ นสงั คม นา� มาใชป้ ระโยชนท์ างการสอื่ สารและการสบื ค้นข้อมูล

3๗

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

วัฒนธรรมสากลมคี วามสําคัญอยา งไร ครูใหนักเรียนแบงกลุมเพ่ือชวยกันสืบคนหาขอมูลวา ในอดีตประเทศไทย
1. ชวยพัฒนาสังคมใหเ จรญิ กา วหนา ไดมีการติดตอคาขายกับชาติตะวันตกชาติใดบาง และแตละประเทศมีการ
2. ทาํ ใหค วามยากจนในประเทศหมดไป ติดตอซื้อขายสินคาอะไร จากนั้นใหนักเรียนนําความรูที่ไดจากการคนความา
3. ชวยใหมนษุ ยมคี วามเปนอยูอ ยางหรหู รา อธิบายในประเด็นวา จากการคาขายในอดีตสงผลอยางไรตอวัฒนธรรมและ
4. สรางความเปน เอกลักษณและเปน ปก แผนของคนในชาติ การดําเนนิ ชีวติ ของคนไทย

(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. วฒั นธรรมสากลมาจากองคความรู
และแนวคิดทที่ ันสมัย ทําใหเ กดิ สิง่ ตา งๆ เชน เครื่องมือเครื่องใช
เทคโนโลยี ซึ่งชวยใหมนุษยสะดวกสบาย และมีคุณภาพชีวิต
ท่ีดี รวมถึงสามารถนํามาพัฒนาสังคมใหเจริญกาวหนาไดอ ยางมี
ประสทิ ธภิ าพ)

T43

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๓) การแต่งกาย แม้ว่าในหลายประเทศจะมีเคร่ืองแต่งกายที่เป็นชุดประจ�าชาติ ซ่ึงมี

ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ เอกลกั ษณ์ท่ีแตกตา่ งกันไป แต่ก็ยังมกี ารแตง่ กายทค่ี นในสงั คมสว่ นใหญใ่ ห้การยอมรบั วา่ เปน็ การ
แตง่ กายสากล อกี ทง้ั ยงั รบั เอาวฒั นธรรมการแตง่ กายสากลนม้ี าใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั อยา่ งแพรห่ ลาย
1. ครูใหน กั เรียนแบง กลมุ ศึกษาคนควาเก่ยี วกับ เคร่อื งแต่งกายสากล เชน่ เสื้อสูท เนกไท เสือ้ เช้ิต รองเทา้ หมุ้ สน้
วัฒนธรรมสากล จากหนังสือเรียนสังคม
ศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ ๔) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจกระแสหลักของโลกปัจจุบัน เป็น
เชน หนงั สอื ในหอ งสมดุ เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเ นต็
ในประเด็นตอไปนี้ ระบบทเี่ นน้ อสิ รภาพในการทา� ธรุ กจิ การคา้ ของบคุ คล ผปู้ ระกอบธรุ กจิ สามารถลงทนุ และใชศ้ กั ยภาพ
• วัฒนธรรมสากลท่ีสาํ คญั ในยุคปจ จบุ ัน ต่าง ๆ เพื่อการผลิตสินค้าหรือบริการได้อย่างเต็มความสามารถ รวมถึงสามารถแข่งขันในตลาด
• อิทธิพลของวัฒนธรรมสากลท่ีมีผลตอการ การคา้ ไดอ้ ยา่ งเสร ี สง่ ผลให้เกิดการสร้างอาชีพทห่ี ลากหลาย และเปน็ ระบบเศรษฐกิจทเี่ ปิดโอกาส
ดําเนนิ ชวี ติ ในสงั คมไทย ใหค้ นทว่ั ไปสรา้ งฐานะทางการเงนิ ไดต้ ามความสามารถของตนเอง หลายประเทศในโลกจงึ ยอมรบั
และน�าระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมาใช้อย่างแพร่หลาย ดังจะเห็นได้จากการรวมตัวทางด้าน
2. ครูใหความรูเกี่ยวกับลักษณะสําคัญของ เศรษฐกิจในแต่ละภมู ภิ าคของโลก เชน่ องคก์ ารการคา้ โลก (WTO) ประชาคมอาเซยี น (ASEAN
วฒั นธรรมสากล รว มกนั ยกตวั อยา งวฒั นธรรม Community) ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ในภูมภิ าคเอเชยี -แปซฟิ ิก หรอื เอเปก (APEC) สหภาพ
สากล และตวั อยา งวฒั นธรรมสากลในสงั คมไทย ยโุ รป หรอื อีย ู (EU)
เชน การแตงกายแบบสากล ระบบเศรษฐกิจ
แบบทนุ นยิ ม การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ๕) การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประเทศส่วนใหญ่ในโลกให้การยอมรับและ
แนวคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเทาเทียมกัน
สิทธิมนุษยชน แลวแนะนําแหลงขอมูล ปกครองประเทศในระบอบประชาธปิ ไตย เนอ่ื งจากเปน็ ระบอบทเี่ นน้ สทิ ธ ิ เสรภี าพของบคุ คล อกี ทงั้
สารสนเทศทนี่ า เชื่อถือใหก บั นักเรียนเพิม่ เตมิ เปดิ โอกาสใหม้ กี ารแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกนั ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา และหลกี เลยี่ งการใชค้ วาม
รนุ แรงเพ่ือการอยู่ร่วมกันอยา่ งสนั ติสุข เราจะเห็นได้วา่ ในหลายประเทศทมี่ คี วามตอ้ งการจะพฒั นา
ไปสู่ความเป็นสากลน้ัน มีความพยายามที่จะเปล่ียนแปลงหรือพัฒนาให้การเมืองการปกครอง
เป็นประชาธิปไตยมากท่สี ุด เพ่อื จะไดเ้ ปน็ ทย่ี อมรับจากทั่วโลก

 ระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนยิ ม เป็นตวั อย่างวฒั นธรรมสากลทชี่ ่วยเสรมิ สร้างให้ประเทศมคี วามเจรญิ ก้าวหนา้

3๘

บูรณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคิด

ประเทศตางๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต มีการติดตอคาขาย วัฒนธรรมสากลใดตอไปน้ีท่ีนักเรียนควรเลือกมาปรับใชใน
และดําเนินความสัมพันธระหวางกันมาชานาน ตลอดหลายศตวรรษไมมีใคร กจิ วตั รประจําวันมากท่ีสดุ
ที่เปนคนแปลกหนาระหวางกัน แตในชวงยุคอาณานิคมทําใหประเทศตางๆ
เหลานี้หางเหินกันออกไป ประชาชนติดตอคาขายกันนอยลงจนทําใหการกลับ 1. ภาษาอังกฤษ
มาสรา งความสมั พนั ธร ะหวา งกนั เปน สง่ิ จาํ เปน ดงั จะเหน็ ไดว า ในระยะ 20 ปแ รก 2. สินคา แบรนดเ นม
ของการมีอาเซียนนั้น การแลกเปลี่ยนทางศิลปวัฒนธรรมระหวางกันกลายเปน 3. แฟช่ันการแตง กาย
กิจกรรมหลักประการหนง่ึ ของประเทศสมาชิกอาเซยี น 4. เคร่อื งสําอางชอ่ื ดงั

(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ในปจ จุบันประเทศตา งๆ ท่ัวโลก
ตา งใหก ารยอมรบั นาํ ภาษาองั กฤษมาเปน ภาษาสากลในการตดิ ตอ
สื่อสารระหวางประเทศ ภาษาอังกฤษจึงมีความสําคัญที่นักเรียน
ควรฝกฝนใหมคี วามเช่ยี วชาญ)

T44

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๖) แนวคิดเรือ่ งสิทธิมนุษยชน ประเทศในหลายภมู ิภาคทัว่ โลกก�าลังให้ความสนใจเรอื่ ง ขนั้ สอน
สิทธิมนุษยชน สืบเน่ืองจากการที่ประเทศส่วนใหญ่ให้การยอมรับการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยซึ่งเน้นในเร่ืองสิทธิ เสรีภาพของประชาชน จึงท�าให้แนวคิดเร่ืองสิทธิมนุษยชนมี ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้
การแพร่หลายไปทั่วโลก มีความพยายามจากหน่วยงานหรือองค์กรทั้งของภาครัฐและเอกชนที่
ดา� เนนิ งานเกย่ี วกบั การสง่ เสรมิ สทิ ธมิ นษุ ยชน ซงึ่ เปา้ หมายสา� คญั ของหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน เชน่ ทา� ให้ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ได้รับการปฏิบัติต่อกันอย่างเหมาะสม การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู
ปราศจากการใชค้ วามรุนแรงต่อกัน และไดร้ บั สวสั ดิการตา่ ง ๆ ท่ีทา� ใหม้ ีคณุ ภาพชีวิตท่ีดี ระหวา งกนั
วฒั นธรรมสากลทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ น ี้ มคี วามสา� คญั ในการดา� เนนิ ชวี ติ ในยคุ ปจั จบุ นั เราไมอ่ าจ
ปฏเิ สธสง่ิ เหลา่ นี้ว่ามีความจา� เป็นท่ีจะตอ้ งศึกษาและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสดุ 2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ทีน่ ําเสนอเพือ่ ใหไดข อมลู ที่ถูกตอง
2.3 อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมสากลทมี่ ผี ลตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ในสงั คมไทย
ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า มีวัฒนธรรมสากลจ�านวนมากอยู่รอบตัวเรา และจ�าเป็นต้อง 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล
เรียนรู้เก่ียวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนกลายเป็นส่วนหน่ึงของชีวิต วัฒนธรรมสากลได้แทรกซึม หนาช้ันเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย
ต่อการดา� เนนิ ชีวติ ในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั นี้ และตอบคําถามรวมกัน จากนั้นรวมกัน
อภิปรายถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมสากลท่ีมี
๑) ภาษาและวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลท่ีคนไทยต้องศึกษาเรียนรู้ ผลตอการดําเนินชีวิตของคนไทย เชน การ
ให้เกดิ ความช�านาญ เพื่อใช้ในการตดิ ตอ่ สื่อสารกบั คนตา่ งชาติท่อี ยูใ่ นไทยและทัว่ โลก โดยเฉพาะ รับประทานอาหาร การใชเทคโนโลยีและ
อยา่ งยงิ่ การทป่ี ระเทศไทยกา้ วเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น (ASEAN Community) มกี ารใชภ้ าษาองั กฤษ นวตั กรรมตา งๆ ภาษา การแตง กาย ใหน กั เรยี น
เปน็ สอ่ื กลางในการตดิ ตอ่ สื่อสารระหวา่ งประเทศ นอกจากน ี้ ยังต้องศกึ ษาดา้ นวฒั นธรรมตา่ งชาติ ชวยกันบอกขอดีและขอเสียของวัฒนธรรม
ดังกลาว และแนะนําการรับวัฒนธรรมสากล
มาผสมผสานประยกุ ตใ ชร ว มกนั กบั วฒั นธรรม
ไทยอยา งเหมาะสม

เพ่อื เป็นการเสรมิ สร้างความเขา้ ใจและความสัมพนั ธ์อันดีในการตดิ ตอ่ สอื่ สารและอยรู่ ่วมกนั

๒) คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และ
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ความนิยมในการใช้
คอมพวิ เตอรแ์ ละเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ในสงั คม
ไทยเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว เราสามารถพบเห็น
เคร่ืองคอมพิวเตอร์ได้โดยท่ัวไป ไม่ว่าจะเป็น
ในบา้ นพักอาศัย สา� นักงาน โรงเรยี น เน่ืองจาก
เคร่ืองคอมพิวเตอร์ช่วยอ�านวยความสะดวก
ในการท�างาน และยังใช้สมาร์ตโฟนในชีวิต
ประจา� วนั ในการตดิ ตอ่ สอื่ สาร สบื คน้ ขอ้ มลู และ
เพอ่ื ความบนั เทงิ ทส่ี ามารถใชง้ านไดง้ า่ ย พกพา  การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นส่ิงจ�าเป็นอย่างยิ่งในโลก
ยุคปัจจุบัน ท่ีนิยมใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ
สะดวก จนเป็นทน่ี ยิ มแพรห่ ลายในสังคมไทย ในการตดิ ต่อส่อื สาร

3๙

กจิ กรรม สรางเสรมิ เกร็ดแนะครู

นักเรียนสํารวจตนเองวามีพฤติกรรมการเลือกรับวัฒนธรรม ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา แมประเทศไทยจะมีภาษาเปน
สากลอยางไร แลวใหนักเรียนเขียนบรรยายลงในกระดาษ A4 ของตนเอง แตก็ไมอาจปฏิเสธไดวาในปจจุบันที่มีลักษณะของโลกไรพรมแดน
แลวนาํ สง ครผู ูสอน การติดตอสื่อสารระหวางประเทศมีความสําคัญอยางย่ิง ดังนั้น คนไทยจําเปน
ตอ งเรียนรภู าษาสากล เชน ภาษาอังกฤษ ภาษาฝร่ังเศส
กจิ กรรม ทาทาย

นักเรียนรวมกันประชุมกลุมยอยเพ่ือแสดงความคิดเห็นเรื่อง
ความสําคัญและประโยชนของการเลือกรับวัฒนธรรมสากลเพ่ือ
ใชใ นชีวิตประจําวนั อยางเหมาะสม จากนั้นสง ตวั แทนมานําเสนอ
ผลสรปุ จากการประชุม

T45

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน นอกจากน ้ี เครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ กเ็ ปน็ อกี สง่ิ หนงึ่ ทคี่ นไทยนยิ มใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลาย เพราะ
เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้จากทั่วโลก และยังเป็นเคร่ืองมือที่ใช้ติดต่อส่ือสารกันได้
ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ อย่างไร้ขอบเขต สะดวก รวดเร็ว และประหยัด
ค่าใช้จ่าย การที่คนในสังคมไทยมีการพัฒนา
4. ครใู หน กั เรยี นดภู าพเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั วฒั นธรรม ทกั ษะทางดา้ นการใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละเครอื ขา่ ย
ของชาวตะวันตกท่ีมีการกระทําท่ีเหมาะสม อินเทอรเ์ นต็ จึงถือเปน็ สง่ิ จ�าเปน็ สา� หรับการอยู่
และไมเหมาะสมกับสงั คมไทย เชน ภาพชาว ในยุคแห่งโลกไร้พรมแดนท่ีจะต้องมีการติดต่อ
ตะวนั ตกชมการแสดงดนตรี ภาพการแตง กาย สอ่ื สารกบั นานาประเทศ แตใ่ นทางกลบั กนั กต็ อ้ ง
ของชาวตะวนั ตก จากนัน้ ใหน ักเรยี นรว มกัน รู้จกั ใช้อยา่ งเหมาะสม เพราะถา้ หากนา� ไปใชใ้ น
วเิ คราะหและแสดงเหตุผลวา ภาพใดเปนภาพ ทางที่ผิดก็อาจส่งผลเสียทั้งต่อตนเองและสังคม
ทเี่ หมาะสมทจ่ี ะนาํ มาประยกุ ตป ฏบิ ตั ใิ นสงั คม รอบขา้ ง
ไทย  การแต่งกายในแบบสากล เช่น ใสเ่ สอื้ สูท ผกู เนกไท เปน็
ลกั ษณะของวฒั นธรรมสากลรปู แบบหนง่ึ ทสี่ ามารถพบเหน็ ๓) วัฒนธรรมด้านการแต่งกาย
5. นักเรียนแตละกลุมรวมกันกําหนดแนวทาง ได้ท่ัวไป เสแื้อมส้วูท่า ใเนสป้ือัจเชจิ้ตุบ ันเสนังกคไมทไ ทกยระไโดป้รรับงอ ิทกธางิพเลกทงยาีนง1
การปฏิบัติตนเก่ียวกับการเลือกรับวัฒนธรรม เช่น
สากล เพอื่ นาํ ไปปฏิบตั ใิ นการดาํ เนินชวี ิต โดย วัฒนธรรมด้านการแต่งกายจากต่างชาติ
ครแู นะนําเพิ่มเติม รองเท้าผ้าใบ รองเทา้ ส้นสูง จนกลายเปน็ “แฟช่ัน” ท่คี นในสงั คมไทยยดึ ถือเป็นคา่ นยิ ม แต่ทัง้ นี้

6. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ
วัฒนธรรมสากล

จะต้องค�านึงถึงมารยาทการแต่งกายที่พึงประสงค์ด้วย เช่น ความสุภาพเรียบร้อย มีความเป็น
ระเบยี บ สะอาด รวมถึงเหมาะสมกบั กาลเทศะ เชน่ เม่อื เขา้ ไปในสถานทอ่ี นั ควรเคารพสกั การะ
กค็ วรแต่งกายใหเ้ รียบร้อย ถอดหมวก รองเทา้ ไม่ส่งเสียงดงั หรือพูดคา� หยาบ

๔) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนยิ ม ซง่ึ ได้มีการ
พฒั นาและขยายตวั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง สง่ ผลใหใ้ นปจั จบุ นั มผี ปู้ ระกอบการจา� นวนมากไดผ้ ลติ สนิ คา้ และ
บรกิ ารทมี่ คี วามหลากหลายออกสตู่ ลาด รวมถงึ พฒั นาคณุ ภาพของสนิ คา้ เพอ่ื ดงึ ดดู ลกู คา้ นอกจากน้ี
ยงั มสี นิ คา้ ของคนไทยหลายประเภททส่ี ง่ ออกไปขายยงั ตา่ งประเทศ ซงึ่ สรา้ งรายไดจ้ า� นวนมหาศาล
จงึ ถอื ไดว้ า่ ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ มมผี ลตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คมไทยอ ย่างมาก

๕) การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมสากลที่มีอิทธิพลต่อ
การด�าเนินชีวิตของคนไทยโดยตรง เนื่องจากประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังน้ัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจึงได้ก�าหนด
แนวทางการปฏบิ ตั ิ รวมถงึ สิทธ ิ เสรภี าพ และหน้าท่ีของประชาชนไว ้ เช่น สทิ ธิในกระบวนการ
ยตุ ธิ รรม เสรภี าพในการแสดงความคดิ เหน็ หนา้ ทใ่ี นการไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ การทคี่ นไทยปฏบิ ตั ติ น
ตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดจะช่วยพัฒนาให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า เป็นท่ียอมรับ
ของต่างประเทศ

4๐

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 กางเกงยีน กางเกงยีนที่วัยรุนไทยนิยมสวมใสกันอยางแพรหลายนั้น ขอ ใดตอไปนี้ถอื วา เปน วฒั นธรรมสากล
มีตนกําเนิดมาจากสหรัฐอเมริกา โดยในยุคแรกท่ีผลิตออกมานั้นไดรับความ 1. ระบอบเผด็จการ
นิยมจากคนงานท่ีทํางานในเหมือง รวมถึงผูใชแรงงานท่ัวไป เนื่องจากมีความ 2. ลัทธิคอมมิวนิสต
ทนทานฉกี ขาดยาก 3. ลัทธิจักรวรรดนิ ยิ ม
4. หลกั สทิ ธิมนุษยชน

(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. หลักสทิ ธมิ นษุ ยชนเปน วัฒนธรรม
สากล เพราะเปนแนวทางที่สงเสริมใหมนุษยมีสิทธิเสรีภาพ
เทาเทียมกัน)

T46

นาํ สอน สรุป ประเมิน

2.4 แนวทางการเลอื กรับวฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม ขนั้ สรปุ

ในการเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลและนา� มาปรบั ใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกับสังคมไทยมีแนวทาง ดังนี้ ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ

๑) เลือกรับวัฒนธรรมสากลท่ีจ�าเป็นต่อการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน วัฒนธรรมสากล 1. ครูใหนักเรียนบอกแนวทางการเลือกรับ
วัฒนธรรมสากลอยางเหมาะสม แลวให
เช่น ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ การใช้สมาร์ตโฟน ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลย ี นกั เรยี นทาํ ใบงานท่ี 3.2 เรอื่ ง วฒั นธรรมสากล
ตลอดจนระบบระเบียบการค้าขายระหว่างประเทศ มีความส�าคัญในการติดต่อสัมพันธ์ระหว่าง โดยครแู นะนําเพิ่มเติม
คนไทยและชาวต่างชาติอย่างมาก จึงจ�าเป็นต้องศึกษาหาความรู้ให้ถ่องแท้ เลือกรับเฉพาะ
วฒั นธรรมทีด่ แี ละเหมาะกับสังคมไทย เพอื่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การด�าเนินชวี ติ ของคนไทยในปจั จบุ ัน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาท่ี
พลเมืองฯ ม.3 เกย่ี วกับเรื่อง วฒั นธรรมสากล
๒) พิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียควบคู่กันไป เน่ืองจากสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมจาก เพ่อื เปน การบา นสง ครูในช่ัวโมงถดั ไป

วัฒนธรรมภายนอกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าหากเราศึกษาให้ดีและใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะก่อให้ ขน้ั ประเมนิ
เกิดความสะดวกสบาย ช่วยแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และตอบสนองความต้องการในด้านต่าง ๆ
ไดด้ งั่ ใจ แตผ่ ลเสยี กม็ อี ยเู่ ชน่ กนั เชน่ การใชส้ มารต์ โฟน แมว้ า่ ชว่ ยใหก้ ารตดิ ตอ่ สอ่ื สารเปน็ ไปอยา่ ง ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล
สะดวกและรวดเร็ว โดยใชส้ นทนาหรอื เล่นเกมโดยไมจ่ า� กัดเวลา ก็จะท�าใหก้ ลายเปน็ คนตดิ “โลก
โซเชียล” หรอื ติดเกม โดยไมส่ นใจคนรอบข้าง เกิดพฤตกิ รรมที่เรียกวา่ “สังคมกม้ หน้า” ท�าใหไ้ มม่ ี 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
เวลาออกก�าลังกาย หรือขาดการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอ่ืนหรือครอบครัว ดังนั้น การเลือกรับ การเรียนรูที่ 3 เร่ือง วัฒนธรรมไทยและ
นวัตกรรมจงึ ต้องมสี ต ิ แลว้ รูจ้ กั เลือกรบั และนา� มาปรบั ใช้ใหเ้ หมาะสม วัฒนธรรมสากล

๓) การร่วมมือ คน้ คว้า เผยแพร ่ รวมถงึ การประยุกต์ใชภ้ ูมปิ ญั ญาไทย คนไทยมี 2. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
ความสมั พนั ธก์ บั คนในสงั คมอน่ื ทว่ั โลก มกี ารตดิ ตอ่ รว่ มมอื และเผยแพรค่ วามรภู้ มู ปิ ญั ญาระหวา่ ง สมรรถนะฯ หนาทพ่ี ลเมืองฯ ม.3
กันตลอดมา โดยมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือและสร้างสันติภาพระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม
เราต้องเลอื กรับและรว่ มมอื ในสิง่ ทเ่ี ขา้ กนั ไดแ้ ละเหมาะสมกับสังคมและวฒั นธรรมไทย 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน
(รวบยอด) รายงานการปฏิบัติตนในการ
๔) มีการพัฒนาและผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้เหมาะสมกับสมัยปัจจุบัน เราจะ อนุรักษวัฒนธรรมไทยและเลือกรับวัฒนธรรม
สากล
เห็นได้ว่า ภูมิปัญญาไทยหลายเร่ืองได้กลายเป็นภูมิปัญญาสากล เช่น อาหารไทยได้รับความ
นิยมไปท่ัวโลก ด้านสถาปัตยกรรมท่ีมีการผสมผสานภูมิปัญญาไทยกับภูมิปัญญาตะวันตก เช่น 4. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3
โบสถ์วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง พระที่น่ัง เร่ือง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล
อนันตสมาคม สถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกิสในจังหวัดภูเก็ต การผสมผสานอย่างลงตัวของ เพือ่ ทดสอบความรทู ไี่ ดศ ึกษามา
ภมู ปิ ญั ญาไทยกบั ภูมปิ ญั ญาสากลได้กลายเปน็ มรดกส�าคัญของวัฒนธรรมร่วมสมยั ของไทย

กล่าวโดยสรุป ในยุคปัจจุบันวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลต่างก็มีความส�าคัญ
และเขา้ มามบี ทบาทตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ อยา่ งมาก แมว้ า่ ในแตล่ ะวฒั นธรรมจะมคี วามแตกตา่ งกนั
แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับวัฒนธรรมได้อย่างเหมาะสมและสามารถน�าวัฒนธรรมเหล่าน้ันมา
ผสมผสานเพ่ือประยุกต์ใช้ในทางท่ีถูกต้องก็จะส่งผลให้วัฒนธรรมมีประโยชน์ต่อการพัฒนา
สงั คมและคุณภาพชวี ิตของเรา

4๑

กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล

สืบคนวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลท่ีนักเรียนสนใจมา ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอ้ื หา เรอื่ ง วฒั นธรรมสากล ไดจ าก
อยา งละ 1 ประเภท จากน้ันใหศ กึ ษาคน ควาในประเด็น ดงั นี้ การตอบคาํ ถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนา ช้นั เรยี น โดย
ศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบ
• ทม่ี าของวัฒนธรรม ทายแผนการจัดการเรยี นรู หนว ยท่ี 3 เรอื่ ง วฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล
• คุณคา และความสาํ คัญ
• อทิ ธิพลท่มี ีตอสงั คมและการดาํ เนนิ ชวี ติ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
• แนวทางการเลือกรับวัฒนธรรมหรอื การนาํ มาประยุกตใ ช
สรปุ ความรูท่ีไดส ง ครผู สู อน คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเนือ้ หา
2 การลาดบั ขัน้ ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม

รวม

ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่

ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

T47

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เฉลย คําถามประจาํ หนว ยการเรียนรู้ คÓถาม ประจÓหน่วยการเรยี นรู้
๑. วฒั นธรรมไทยและภมู ปิ ัญญาไทยมีประโยชนต์ ่อการดา� เนินชวี ิตของนักเรียนอย่างไร
1. เปน แบบแผนรวมถงึ เปน แนวทางในการปฏบิ ตั ิ ๒. ในสังคมไทยมีอะไรบา้ งทีแ่ สดงถงึ การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมสากล
เพ่ือใหดําเนินชีวิตในสังคมไดอยางเหมาะสม ๓. การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยมคี วามจา� เปน็ อยา่ งไร และนกั เรยี นสามารถมสี ว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษ์
อีกทั้งเปนเอกลักษณที่มีคุณคาสะทอนถึงวิถี
อันดงี าม ไดด้ ว้ ยวธิ ีใดบา้ ง
๔. วฒั นธรรมสากลทม่ี ีข้อดีและมีประโยชน์ตอ่ ชวี ติ ของนักเรียนมอี ะไรบา้ ง จงยกตัวอย่าง
2. ที่อยูอาศัย สถาปตยกรรมตางๆ หรือแมแต ๕. นักเรียนมีแนวทางในการเลือกรบั วฒั นธรรมสากลอย่างไร
ภาษาไทยในบางคําก็มีการประยุกตมาจาก
ภาษาสากล กจิ กรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรยี นรู้

3. การอนรุ กั ษว ฒั นธรรมไทยเปน สง่ิ จาํ เปน เพราะ กิจกรรมท ่ี ๑ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม ไปส�ารวจและสืบค้นเก่ียวกับภูมิปัญญาชาวบ้านของไทย
จะชวยใหวัฒนธรรมยังคงอยูไมสูญหาย ซ่ึง
นักเรยี นสามารถมสี ว นรวมอนรุ ักษไ ด เชน ใช ท่ีน่าสนใจ จดั ท�าเป็นสมุดภาพประกอบค�าบรรยาย แล้วนา� เสนอหนา้ ชั้นเรียน
ภาษาไทยใหถูกตอง มีสว นรวมในการสบื สาน
วัฒนธรรมประเพณอี ันดีงาม กจิ กรรมท่ี ๒ น ักเรียนออกมาเล่าภูมิปัญญาท่ีน่าสนใจในท้องถ่ินของตนเองท่ีหน้าช้ันเรียน

4. เชน เครือขา ยอนิ เทอรเนต็ มปี ระโยชนในการ คนละ ๑ ภมู ิปญั ญา
ดาํ เนินชวี ติ ในหลายๆ ดานทม่ี ปี ระโยชน เชน
การศึกษาคน ควา ขอมูลตา งๆ กจิ กรรมท่ ี ๓ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม ศึกษาผลงานของปราชญ์ชาวบ้านหรือครูภูมิปัญญาของไทย

5. เลือกรับตามความเหมาะสม ตอบสนอง แลว้ น�าข้อมลู มาจดั ทา� ป้ายนเิ ทศ
ความตองการไดดี และไมขัดกับคานิยม
ขนบธรรมเนียมประเพณขี องไทย กจิ กรรมท ่ี ๔ น กั เรยี นยกตวั อยา่ งวฒั นธรรมสากลทม่ี อี ทิ ธพิ ลในสงั คมไทย แลว้ วเิ คราะหถ์ งึ ขอ้ ด ี

ข้อเสีย และแนวทางในการเลือกรบั วฒั นธรรมดงั กลา่ ว

42

เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพัฒนาทกั ษะ

ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป
ซงึ่ เปน งานหรอื ชิ้นงานท่ีใชเวลาไมน าน สําหรบั ประเมนิ รูปแบบน้ีอาจเปน คําถามปลายเปด หรือผังมโนทศั น นยิ มสาํ หรับประเมินผเู รียนรายบคุ คล

ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชีวิตประจําวนั ในฐานะพลเมอื งที่ดีของสงั คม อาจเปน การประเมนิ จากการสังเกต การเขียน การตอบคําถาม การวเิ คราะห การแกป ญหา ตลอดจน
การทํางานรว มกนั

ประเมินทกั ษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองที่ดีของสังคม ท่ีมีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางย่ังยืน เชน ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏิบตั งิ านตอ ผูเ กี่ยวขอ งหรอื ตอ สาธารณะ
สง่ิ ทตี่ อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผี่ เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทตี่ อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน

T48

Chapter Overview

แผนการจัด สอ่ื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 1
ลกั ษณะของ - หนังสือเรยี น 1. อ ธบิ ายบทบาทหนา้ ทข่ี อง สืบเสาะหา - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ความสามารถใน 1. มวี ินยั
สงั คมไทยและ สงั คมศึกษาฯ ม.3 สถาบันในสังคมไทยซ่ึง ความรู้ - ตรวจการทำ� แบบฝึก การคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
ปจั จัยที่กอ่ ให้ - แบบฝึกสมรรถนะ มีส่วนร่วมมือกันในการ (5Es สมรรถนะและการคดิ - ความสามารถใน 3. มุ่งม่นั ในการ
เกดิ ความ และการคิด แก้ปัญหาความขัดแย้ง Instructional หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.3 การใช้ทักษะชวี ติ ท�ำงาน
ขัดแยง้ จนเกิด หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3 ได้ (K) Model) - ตรวจใบงานท่ี 4.1
เปน็ ปัญหา - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ว ิเคราะห์สาเหตุท่ีท�ำให้ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
สังคมและ - PowerPoint เกดิ ปญั หาความขดั แยง้ - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน
แนวทางแก้ไข - ใบงานท่ี 4.1 ในประเทศ ผลกระทบ - สงั เกตพฤตกิ รรม
และแนวทางแกไ้ ขได้ (K) การท�ำงานรายบคุ คล
3 3. จ ำ� แนกบทบาทหนา้ ทขี่ อง - สังเกตพฤติกรรม
สถาบันในสังคมไทยซ่ึง การท�ำงานกลมุ่
ช่วั โมง มีส่วนร่วมมือกันในการ - ป ระเมินคุณลักษณะ
แก้ปัญหาความขัดแย้ง อันพงึ ประสงค์
ได้ (P)
4. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา
ลกั ษณะของสงั คมไทย
สาเหตทุ ที่ ำ� ใหเ้ กดิ ปญั หา
และแนวทางแกไ้ ขเพ่มิ
มากขึ้น (A)

T49

แผนการจดั ส่อื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์

แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรยี น 1. วเิ คราะหแ์ นวทางความ วธิ สี อนโดย - ต รวจการท�ำแบบฝึก - ค วามสามารถใน 1. มวี ินัย
แนวทางความ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 รว่ มมอื ในการลดความ การจัดการ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
รว่ มมือและ - แบบฝึกสมรรถนะ ขัดแย้งและการสร้าง เรียนรู้แบบ หน้าทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. ม่งุ มั่นในการ
ปจั จัยสง่ เสริม และการคิด ความสมานฉนั ทไ์ ด้ (K) ร่วมมือ : - ต รวจการท�ำแบบวัดและ การใชท้ ักษะชวี ติ ทำ� งาน
การดำ�รงชวี ิต หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3 2. ว เิ คราะหป์ จั จยั ทสี่ ง่ เสรมิ เทคนิคค่คู ิด บันทกึ ผลการเรยี นรู้
ให้มคี วามสุข - แ บบวัดและบันทึกผล การด�ำรงชวี ิตให้มี ส่สี หาย หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3
การเรยี นรู้ ความสขุ และได้ (K) - ตรวจใบงานท่ี 4.2
1 หนา้ ทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 3. เ สนอแนวทางความ
- แบบทดสอบหลังเรยี น ร่วมมือในการลดความ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
ชัว่ โมง - PowerPoint ขัดแย้งและปจั จัยที่ - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน
- สังเกตพฤติกรรม
- ใบงานที่ 4.2 สง่ เสริมการดำ� รงชีวติ การท�ำงานรายบคุ คล
ใหม้ คี วามสุขได้ (P) - สงั เกตพฤติกรรม
4. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา การท�ำงานกลมุ่
แนวทางความร่วมมือ - ป ระเมินคณุ ลกั ษณะ
และปจั จยั ทสี่ ง่ เสรมิ การ อนั พึงประสงค์
ด�ำรงชีวิตให้มีความสุข - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
เพมิ่ มากขนึ้ (A)

T50

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๔ สงั คมไทยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ¤ÇÒÁ¢Ñ´áÂŒ§·èÕà¡Ô´¢Öé¹ ขนั้ นาำ (5Es Instructional Model)
ã¹Êѧ¤Áä·Âà¡Ô´¨Ò¡
»˜¨¨ÑÂã´ºŒÒ§ áÅÐÁÕ ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ
á¹Ç·Ò§ã¹¡ÒÃÅ´¤ÇÒÁ
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง
?¢Ñ´áÂŒ§ä´ŒÍ‹ҧäà ท่จี ะเรียนรู จุดประสงคก ารเรียนรู และผลการ
เรยี นรู
ในสงั คมไทยประกอบไปดว้ ยคนจ�านวนมากท่มี ีความแตกต่างกันในด้านตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ความคิด ความเชื่อ ฐานะ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม เม่ือด�าเนินชีวิตอยู่ร่วมกัน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน
กอ็ าจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาความขัดแยง้ และปญั หาสงั คมในดา้ นต่าง ๆ ขึ้นอยา่ งหลีกเล่ยี งไมไ่ ด้ ดังน้นั หนวยการเรียนรูท ี่ 4 เร่อื ง สงั คมไทย
คนไทยจงึ ควรทา� ความเข้าใจและร่วมมือกันสรา้ งความสมานฉันทเ์ พ่อื ลดความขดั แยง้ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ
ซ่ึงจะทา� ให้ดา� รงชวี ิตอยู่ร่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คมโลกได้อย่างมีความสุข 3. ครูเกร่ินนําเกี่ยวกับลักษณะสําคัญทางสังคม
ไทย แลว ถามคําถาม เชน
ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง • เม่ือนักเรียนนึกถึงสงั คมไทย นักเรยี นนกึ ถึง
ส ๒.๑ ม.๓/๔ วเิ คราะหป์ จั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาความขดั แยง้ • ปัจจยั ที่กอ่ ใหเ้ กิดความขัดแยง้ เช่น การเมืองการปกครอง ลักษณะเดนอะไรบาง
ในประเทศ และเสนอแนวคดิ ในการลดความขัดแยง้ เศรษฐกิจ สงั คม ความเช่อื (แนวตอบ การมีพระมหากษัตริยทรงเปน
ส ๒.๑ ม.๓/๕ เสนอแนวคดิ ในการดา� รงชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ • สาเหตุปัญหาทางสังคม เช่น ปัญหาสิ�งแวดล้อม ปัญหา ประมขุ การไหว การยมิ้ การทาํ เกษตรกรรม)
ในประเทศและสงั คมโลก • เหตใุ ดประเทศไทยจงึ มคี วามโดดเดน ในดา น
ยาเสพติด ปญั หาการทจุ รติ ปญั หาอาชญากรรม การเปนประเทศเกษตรกรรม
• แนวทางความร่วมมือในการลดความขัดแย้งและการสร้าง (แนวตอบ เน่ืองจากประเทศไทยต้ังอยูใน
ความสมานฉนั ท์ บรเิ วณทมี่ ลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ
• ปัจจัยท่ีส่งเสริมการด�ารงชีวิตให้มีความสุข เช่น การอยู่ เหมาะสมกับการเพาะปลูก ทําใหผลผลิต
ทางการเกษตรทไี่ ดม ปี รมิ าณมาก มคี ณุ ภาพดี
และเปนทต่ี อ งการของทั่วโลก)
• การทค่ี นในสงั คมไทยใหค วามเคารพเทดิ ทนู
พระมหากษัตริยตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน
มาจากสาเหตใุ ด
(แนวตอบ เน่ืองจากสถาบนั พระมหากษัตริย
ไดใ หค วามชว ยเหลอื และอยเู คยี งขา งประชาชน
มาโดยตลอด ประชาชนชาวไทยจงึ ใหค วาม
เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย
ตลอดมา)

รว่ มกนั อยา่ งมขี นั ตธิ รรม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เห็นคุณค่าในตนเอง รู้จักมองโลกในแง่ดี สร้างทักษะทาง
อารมณ ์ รจู้ กั บรโิ ภคดว้ ยปญั ญา เลอื กรบั -ปฏเิ สธขา่ วและวตั ถุ
ต่าง ๆ ปรบั ปรุงตนเองและส�งิ ตา่ ง ๆ ให้ดขี ึน้ อยู่เสมอ
4๓

เกร็ดแนะครู

ครูควรจัดการเรียนรูเพ่ือใหนักเรียนสามารถวิเคราะหลักษณะของสังคมไทย ปจจัยท่ีกอใหเกิดความขัดแยง แนวทางการแกปญหา และวิธีการสงเสริม
การดาํ รงชีวติ ใหเ ปนสขุ โดยใหน ักเรยี นทํากจิ กรรมดังตอ ไปนี้

• คนควาขอมลู ท่เี ก่ียวกับลกั ษณะสําคัญและสภาพสังคมไทย
• ติดตามขา วสารทเี่ กี่ยวกบั ประเด็นตางๆ ในสงั คมไทย
• รว มกันวเิ คราะหปญ หาสังคมไทยและเสนอแนวทางแกไ ข

T51

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาำ ñ. Åกั ɳะของสังคมไทย

ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ สงั คมไทยเปน็ สงั คมทมี่ เี อกลกั ษณแ์ ละมปี จั จยั หลากหลายทปี่ ระสานใหท้ กุ กลมุ่ ชนอาศยั อยู่
ร่วมกัน มีความร่วมมือ สร้างความสมานฉันท์อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุขมาช้านาน เช่น
4. ครูเช่ือมโยงเขาสูบทเรียนเกี่ยวกับลักษณะ การให้ความเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลักและ
สําคัญของสังคมไทยและสถาบันทางสังคม อยู่ร่วมกับศาสนาอื่นได้อย่างสันติสุข มีอิสระและเสรีภาพส่วนบุคคล และยึดมั่นในวัฒนธรรม
ท่ีสําคัญของไทย โดยครูซักถามและอธิบาย ประเพณีอันดีงาม อย่างไรก็ตาม การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นสังคมย่อมมีประเด็นที่น�าไปสู่ความ
ขยายความจากสิ่งที่นักเรียนตอบ จากน้ัน ขัดแย้งได้เช่นกัน ดงั นี้
อภปิ รายความรรู วมกนั
๑) การเปลย่ี นแปลงการเมืองการปกครอง ภายหลังทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
5. ครูนาํ ขา วจากหนังสอื พิมพ อนิ เทอรเ น็ต วิทยุ ใน พ.ศ๒. )๒ ๔ก๗าร๕เ ปกลารี่ยเนมือแงปขลองงเไศทรยษตฐ้อกงเิจผ ชเญิ มกื่อับรัขฐบ้อขาลดั นแ�ยาเ้งสสนูง อแแลผะนตพ้องัฒมนีกาาเรศแรกษ้ไฐขกกิจนั แเรห่ือ่งยชมาาต1ิใน
โทรทัศน ท่ีเปนประเด็นเก่ียวกับปญหาสังคม
แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความ พ.ศ. ๒๕๐๔ เน้นให้สังคมไทยเป็นสังคมอุตสาหกรรม แบบแผนการด�าเนินชีวิตของคนก็
คิดเห็นเชื่อมโยงถึงปจจัยท่ีกอใหเกิดความ เปล่ยี นแปลงไปแตใ่ นอัตราทีไ่ ม่เทา่ กัน โดยคนในเมืองและผู้ประกอบการเนน้ การด�าเนินชีวติ แบบ
ขัดแยงในสังคมไทย ท้ังในดานการเมืองการ ทนุ นิยม ในขณะท่ีคนในชนบทยังยดึ ถอื วิถชี วี ติ ดั้งเดิม
ปกครอง เศรษฐกิจ สังคมจากขาวดังกลาว
โดยครูแนะนําเพ่มิ เติม ๓) การเปลย่ี นแปลงสงั คม คา่ นยิ ม ความคดิ ความเชอ่ื และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล

และกลุ่มบุคคลเปลี่ยนไป ความเป็นปัจเจกและความเชื่อมั่นของคนในสังคมต่างกัน อาจน�าไปสู่
ความตงึ เครยี ดและความขดั แย้งในสงั คมขึน้

๔) การไหลบ่าของวัฒนธรรมสากล ในยุคของสังคมไร้พรมแดนอันเป็นผลมาจาก

ประดษิ ฐกรรมและเทคโนโลยสี มยั ใหม ่ มสี ว่ นทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาทางสงั คมขน้ึ หากไมม่ กี ารควบคมุ ดพี อ

 ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาเปน็ ประเพณสี �าคัญทางพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ เป็นเอกลักษณส์ า� คัญอยา่ งหนง่ึ ของสงั คมไทย

44

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรางเสริม

1 แผนพัฒนาเศรษฐกิจแหงชาติ แผนพัฒนาฯ ฉบับแรก มุงเนนไปในดาน นกั เรยี นแบง กลมุ ชว ยกนั คน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั ลกั ษณะทส่ี าํ คญั
เพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณของการผลิตพืชผลเกษตรกรรม รวมท้ังการ ของสงั คมไทยที่นักเรียนสนใจ กลมุ ละ 1 ประเด็น จากนนั้ จัดทํา
สงวนปากับการปรับปรุงการขนสงและส่ือสารใหสะดวกรวดเร็วย่ิงข้ึน สวนการ เปนรปู เลม รายงาน แลว นาํ ความรทู ่ไี ดมาเสนอหนา ชัน้ เรยี น
ขยายตวั ของอตุ สาหกรรมนนั้ อาศยั การสง เสรมิ การลงทนุ เปน เครอื่ งมอื สนบั สนนุ
ใหเอกชนดําเนินการ ในดานการพาณิชยก็มีจุดหมายและนโยบายที่จะขยาย
มูลคาสินคาขาออกใหสงู ย่งิ ขน้ึ ตามการขยายตัวของการผลติ กับสงเสริมอาชพี
ของคนไทยใหเหมาะสมกับสถานการณ สําหรับปจจุบัน (พ.ศ. 2563) อยูใน
ชวงของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ซ่ึงจดั ทําข้นึ บนพนื้ ฐานของ
ยทุ ธศาสตรชาติ 20 ป (2560-2579) และเปาหมายการพฒั นาทย่ี ัง่ ยืน (SDGs)
รวมท้ังการปรับโครงสรางประเทศไทยไปสูประเทศไทย 4.0 โดยอาศัยความ
รวมมือของภาคีการพัฒนาทุกภาคสวน ในการรวมกันจัดทํารายละเอียดของ
แผนฯ เพ่ือมุงสู “ความมั่นคง มง่ั ค่ัง และยงั่ ยนื ”

T52

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เมื่อมีการเปล่ียนแปลงเกิดขึ้น สถาบันทางสังคมซึ่งเป็นโครงสร้างหลักจะผลักดันให้สังคม ขนั้ สอน
เกดิ ความสมดลุ ตามกลไกทางสงั คม เพอ่ื ใหส้ งั คมพฒั นาและอยรู่ อดทา่ มกลางปญั หาและขอ้ ขดั แยง้
สถาบนั ทางสังคมมีลกั สษถณาะบเฉันพคาระอ บดคังนร้ีัว1 ขั้นที่ 2 สำารวจค้นหา

• มีหนา้ ทอ่ี บรมสัง่ สอนสมาชกิ ในครอบครวั ให้รู้จกั แบบแผนของสงั คม 1. นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู เกยี่ วกบั สถาบนั ทางสงั คม
• แม้วา่ ในปจั จุบนั ครอบครวั ไทยมีลักษณะเป็นครอบครวั เดยี่ วมากข้ึน แต่ยงั คงมคี วาม ในประเทศไทยจากแหลงการเรียนรูตางๆ
จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาศึกษาแลกเปลี่ยนกัน
สมั พันธ์ใกลช้ ดิ ระหวา่ งสมาชกิ ในครอบครวั ในชนั้ เรียน

สถาบันการศึกษา 2. นักเรียนแบงกลุมออกเปน 7 กลุม แลวสง
ตัวแทนออกมาจับสลากเพ่ือเลือกสถาบัน
• มหี นา้ ท่ีถ่ายทอดความรแู้ ละวัฒนธรรมต่าง ๆ ใหก้ บั สมาชกิ ในสังคม ทางสังคม จากน้ันใหสมาชิกในกลุมประชุม
• ปัจจุบันมีการแยกสถาบันการศึกษาอย่างเป็นระบบ มีคณาจารย์ผู้เช่ียวชาญในสาขา อภิปรายเก่ียวกับสถาบันทางสังคมของกลุม
ตนเอง แลว สง ตวั แทนมาสรุปผลการอภปิ ราย
วชิ าต่าง ๆ เป็นผ้ถู า่ ยทอดความรแู้ ละการจัดการเรยี นการสอนที่ชดั เจน หนา ชนั้ เรยี น

สถาบนั ศาสนา

• มหี นา้ ทเ่ี สริมสร้างคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มทีด่ ีใหก้ ับคนในสังคม
• ในสังคมไทยมีการนับถือศาสนาท่ีแตกต่างกัน แต่ก็สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่าง

สนั ตเิ สมอมา

สถาบนั เศรษฐกิจ

• มหี นา้ ทตี่ อบสนองความตอ้ งการของสมาชิกในสงั คมด้านปจั จยั ๔
• สังคมไทยปัจจุบันมีรายได้หลักจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงมีการผลิต

สินค้าทางการเกษตรส�าหรับบริโภคและส่งออกในระดับสูง สินค้าทางการเกษตร
ทสี่ า� คญั เชน่ ขา้ ว ยางพารา ขา้ วโพด นอกจากน ี้ สงั คมไทยยงั ไดน้ อ้ มนา� หลกั ปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ต์ใชใ้ นการดา� รงชวี ิตประจา� วัน

สถาบนั การเมอื งการปกครอง

• มีหน้าทีร่ กั ษาความสงบเรยี บร้อยของสังคม
• ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ประชาชนได้เขา้ ไปมีสว่ นรว่ มในการปกครองท้ังในระดบั ทอ้ งถ่นิ และระดับชาติ

สถาบนั นนั ทนาการ

• มหี น้าท่ใี หค้ วามบนั เทงิ ส่งเสรมิ ใหค้ นในสังคมรูจ้ กั ใชเ้ วลาว่างให้เกดิ ประโยชน์
• กจิ กรรมนันทนาการทสี่ �าคัญ เชน่ ฟงั เพลง ดูละคร เลน่ กฬี า ดนตรี

สถาบันส่อื สารมวลชน 2
• มหี น้าท่ีถ่ายทอดข้อมูลขา่ วสารต่าง ๆ สู่คนในสงั คม
• ปจั จบุ นั สถาบนั สอ่ื สารมวลชนไดม้ กี ารพฒั นาเทคโนโลยแี ละรปู แบบการนา� เสนอ มกี าร
แข่งขันระหว่างสื่อสารมวลชนด้วยกันในระดับสูง ท�าให้คนไทยสามารถเข้าถึงแหล4่ง 5
ขอ้ มูลข่าวสารไดอ้ ย่างสะดวกและรวดเรว็

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

สถาบนั ทางสงั คมใดมบี ทบาทสาํ คญั ในการปอ งกนั ปญ หาสงิ่ เสพตดิ 1 สถาบันครอบครัว ครอบครัวไทยสมัยกอนมีลักษณะเปนครอบครัวขยาย
1. สถาบนั การเมือง ประกอบดวยสมาชิกหลายคนอาศัยอยูรวมกัน แตในปจจุบันครอบครัวไทยมี
2. สถาบันเศรษฐกจิ ลกั ษณะเปนครอบครวั เดย่ี วเปน สว นใหญ
3. สถาบนั ครอบครวั 2 ขอมูลขา วสาร สงั คมไทยในปจ จบุ นั เปน สังคมแหงขอมูลขา วสาร ส่ือตางๆ
4. สถาบนั สือ่ สารมวลชน มีการพัฒนาแขงขันกันเพ่ือที่จะนําเสนอขาวอยางทันเหตุการณ จึงถือเปนเร่ือง
ท่ีดีที่เราจะไดรับขอมูลขาวสารท่ีหลากหลาย แตส่ิงสําคัญที่สุด คือ จะตองใช
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ครอบครัวคือสถาบันแรกเร่ิมของ วิจารณญาณในการรับขอมลู ขาวสารตางๆ โดยมงุ เนนในเร่อื งของขอ เท็จจรงิ
มนุษย เปนที่ใหความรักความอบอุน และปลูกฝงการประพฤติ
ปฏิบัติที่ถูกตอง เยาวชนท่ีเติบโตมาในครอบครัวท่ีอบอุนยอมมี
สขุ ภาพกายและใจที่ดี หางไกลส่งิ เสพตดิ และเตบิ โตเปน บคุ ลากร
ทม่ี คี ุณภาพของสงั คมตอไป)

T53

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๒. ป ัจจยั ทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แย้งในสงั คมไทย

ขน้ั ที่ 2 สำารวจค้นหา สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเอ้ืออาทร เคารพผู้อาวุโส ผู้คนมีน�้าใจต่อกัน มีการปฏิบัติ
ต่อกันเหมือนญาตพิ น่ี อ้ ง เมื่อประชากรเพม่ิ มากข้นึ บริบททางสังคมมกี ารเปลี่ยนแปลง มคี วาม
3. นักเรียนศึกษาคนควาเก่ียวกับการเมือง เจรญิ ก้าวหน้าทางดา้ นการศกึ ษา เทคโนโลยี การติดตอ่ ส่ือสาร มกี ารหลัง่ ไหลของขอ้ มูลขา่ วสาร
การปกครองของไทย โดยเร่ิมต้ังแตสมัย จากภายนอก ท�าให้รูปแบบความสัมพันธ์ของคนในสังคมมีการเปลี่ยนแปลง มีความคิดต่างและ
เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึง นา� ไปสคู่ วามขดั แยง้ ซงึ่ เราสามารถจา� แนกปจั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ ในสงั คมไทยแตล่ ะดา้ นได้
ปจ จุบนั ดังน้ี

4. นักเรียนนําขอมูลท่ีไดจากการคนความา ๒.๑ ด้านการเมืองการปกครอง
วเิ คราะหเ ปรยี บเทยี บววิ ฒั นาการดา นการเมอื ง
การปกครองของไทย จากนนั้ อภปิ รายถงึ ความ สงั คมไทยมีความขดั แยง้ ทางการเมืองการปกครองภายในประเทศ ทงั้ น้ี อาจเนอื่ งมาจาก
ขัดแยงและปญหาดานการเมืองการปกครอง ความแตกต่างด้านความคิดทางการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการบริหาร
ของไทยตัง้ แตอดตี ถงึ ปจ จบุ ัน ประเทศ การจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งการกระท�าในลักษณะดังกล่าวขัดกับการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในปัจจุบนั ปัญหาความขดั แยง้ ทางการเมอื งภายในประเทศยังคง
5. นักเรียนรวมกันสรุปความขัดแยงทางดาน มีอย ู่ โดยมีสาเหตสุ �าคัญ ดงั นี้
การเมอื งการปกครองในสงั คมไทย แลว รว มกนั
วิเคราะหถ ึงแนวโนม ของความขัดแยง รวมถึง ๑) ความแตกตา่ งทางความคดิ ดา้ นการเมอื ง ในปจั จบุ นั คนไทยมเี สรภี าพทางความคดิ
พัฒนาการทางดา นการเมอื งการปกครอง
มากข้ึน สามารถแสดงออกทางการเมืองได้อย่างกว้างขวาง จึงท�าให้เกิดภาพความขัดแย้งกัน
อสว่ยน่างรวช่ มัดใเนจนกา รจปนกบคารงอคงร1แ้ังลกะ็นตา� อ้ ไงปอสยู่ครู่ วว่ ามมกรนั ุนโแดรยงใช ซเ้ ห่ึงตคผุนลในในสกงั าครมแจกะป้ ตญั อ้ หงพา ยยายดึ าหมลหกั ากแารนปวรทะานงปีเขระา้ นมอามม ี
สมาชกิ รัฐสภาซึง่ เป็นผูแ้ ทนของประชาชนตอ้ งตระหนักในหน้าท่แี ละปฏิบัตงิ านเพ่อื ประโยชนข์ อง
ประชาชน ตลอดจนการบงั คบั ใชก้ ฎหมายของเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ตอ้ งชดั เจน มปี ระสทิ ธภิ าพ และยตุ ธิ รรม
เพอ่ื ใหส้ งั คมไทยเกิดสนั ตสิ ุขและมีการพัฒนาต่อไป

๒) ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ถือเป็นปัญหาส�าคัญอย่างมาก เนื่องจากผู้ที่เข้าไปมี

บทบาทในการบริหารบ้านเมืองยังคงมีพฤติกรรมที่ทุจริต เพื่อให้ได้มาซ่ึงผลประโยชน์ส่วนตน
และหมคู่ ณะ สรา้ งความเสยี หายใหแ้ ก่ประเทศชาติและประชาชนอยา่ งมาก

๓) การด�าเนินนโยบายการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แหง่ ชาต ิ ทา� ใหก้ ารพฒั นาประเทศในดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมเปน็ ไปตามระบบ ตามหลกั ของการ

พฒั นาทา� ใหส้ ภาพความเปน็ อย ู่ การศกึ ษา การคมนาคม และอน่ื ๆ ขยายตวั ออกไป อยา่ งไรกต็ าม
นบั ตงั้ แตม่ กี ารประกาศใชแ้ ผนพฒั นาฯ รฐั บาลไดม้ งุ่ เนน้ การพฒั นาอตุ สาหกรรม เกดิ การใชป้ ระโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติเพื่อเสริมสร้างทุนทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติ
รอ่ ยหรอ และสงิ่ แวดลอ้ มเสอ่ื มโทรมลงอยา่ งรวดเรว็ ทงั้ ยงั ทา� ใหเ้ กดิ ปญั หามลภาวะตา่ ง ๆ และปญั หา
46ขยะมูลฝอยและส่งิ ปฏกิ ูลเพิ่มมากขนึ้

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด

1 มสี ว นรว มในการปกครอง ประชาชนชาวไทยควรมสี ว นรว มในการปกครอง ผใู ดมพี ฤตกิ รรมท่ีอาจนาํ ไปสูปญ หาความขดั แยง ทางสงั คม
ซง่ึ ถอื เปน สง่ิ สาํ คญั ทจ่ี ะชว ยใหก ารปกครองไทยมกี ารพฒั นา แตใ นการมสี ว นรว ม 1. นวลรณรงคต อ ตา นการทจุ รติ คอรร ปั ชัน
น้นั จะตองคาํ นึงถงึ ความถูกตอ ง ใชเ หตุผล หลกี เลี่ยงการใชค วามรุนแรง และ 2. นา้ํ มกั เขารวมในกจิ กรรมเสวนาทางการเมือง
ไมต กเปน เครือ่ งมือของผใู ดผูหน่ึงหรือกลมุ ใดกลุมหนงึ่ 3. หนอ ยพบเห็นการกระทํารนุ แรงตอ เด็กจึงแจง ตาํ รวจ
4. หนยุ เช่อื วา ศาสนาทต่ี นนับถือดีทีส่ ุดจงึ ไมย อมรับศาสนาอ่ืน
ส่ือ Digital
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การยึดม่ันในศาสนาเปนสิ่งที่ดี
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั มาตรการปอ งกนั การทจุ รติ ไดท ่ี https://www. แตถ า เครง ครดั จนเกนิ พอดแี ละเปรยี บเทยี บกบั ศาสนาอนื่ อาจทาํ ให
nacc.go.th เกดิ ความขดั แยงขึน้ ได)

T54

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒.๒ ดา้ นเศรษฐกิจ ขน้ั สอน
ปจั จยั ทางเศรษฐกจิ ทอ่ี าจกอ่ ให้เกิดความขดั แยง้ ภายในสงั คม มีสาเหตสุ า� คญั ดงั นี้
ข้ันท่ี 2 สาำ รวจค้นหา
๑) ความเหลื่อมล้�าทางรายได้ของคนในสังคมและโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร
จากการพัฒนาประเทศทผ่ี ่านมา การกระจายรายไดร้ ะหว่างกลมุ่ ประชากรไม่เท่าเทียมกนั ท�าให้ 6. นักเรียนสืบคนขาวจากหนังสือพิมพหรือ
แเกกิด้ปคัญวาหมาเผห่าลนอ่ื นมโลย�้าบทาายงตร่าายง ไๆด ้แเลชะ่นโอ กกาาสรใในหก้สาินรเเชข่ือา้ 1ถเพงึ ่ืบอกริกราะตรขุ้นอใหงร้เัฐก ิด รถาึงยแจม่า้วยา่ รแัฐบตา่สลัดไสด่วพ้ นยคานยจามน อินเทอรเน็ตท่ีแสดงถึงความขัดแยงทางดาน
และคนรวยยงั แตกตา่ งกนั ซึง่ นา� ไปสู่ความขดั แยง้ ในสังคมและเปน็ อปุ สรรคในการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจและสังคม จากนั้นเขียนสรุปขาว
พอสังเขป พรอมท้ังบอกแหลงท่ีมาหรือแหลง
๒) เกดิ การผกู ขาดทางการคา้ ในบางกรณผี ปู้ ระกอบการบางกลมุ่ ผกู ขาดการผลติ สนิ คา้ อางอิงของขาว

7. นาํ ขา วทสี่ บื คน ไดม าวเิ คราะหส าเหตขุ องปญ หา
ตามเนอ้ื ขา ว จากนน้ั อภปิ รายเสนอแนะแนวทาง
การแกไข

และบรกิ าร จนสรา้ งผลกา� ไรมหาศาลใหก้ บั ธรุ กจิ ของตนเองและพวกพอ้ ง เมอื่ ฐานะทางเศรษฐกจิ มี
ความแตกตา่ งกนั มาก โอกาสในการครอบครองปจั จยั การผลติ กย็ งิ่ แตกตา่ งกนั โดยเฉพาะทด่ี นิ ซง่ึ มกั
เปน็ ของนายทนุ แตเ่ กษตรกรบางรายกลบั ไมม่ ที ด่ี นิ เปน็ ของตนเอง จงึ เกดิ ปญั หาการแยง่ ชงิ ทรพั ยากร

๒.๓ ดา้ นสงั คม
ปัจจยั ทางสังคมและความเชอ่ื ทีอ่ าจนา� ไปสคู่ วามขดั แยง้ ในสังคมไทย มีสาเหตสุ า� คญั ดังนี้

๑) การเคลอ่ื นยา้ ยประชากรขา้ มประเทศ ในปัจจบุ ันมีประชากรจากประเทศเพ่อื นบ้าน
เข้ามาท�างานในประเทศไทยเป็นจ�านวนมาก ท�าให้กลายเป็นสังคมท่ีมีความหลากหลายทาง
วัฒนธรรมอย่างเห็นได้ชัด และน�าไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมข้ึนตามมาอีกหลายด้าน เช่น
โรคตดิ ตอ่ ปญั หาสง่ิ เสพติด ปญั หาอาชญากรรม

๒) การสูญเสียความเข้มแข็งของชุมชน โดยมีคนอพยพเข้าสู่เขตเมืองและนิคม
อตุ สาหกรรมเปน็ จา� นวนมาก อกี ทงั้ อทิ ธพิ ลทางวฒั นธรรมของตา่ งชาตแิ ละลทั ธบิ รโิ ภคนยิ มทมี่ ตี อ่
ชวี ิตความเปน็ อยูข่ องคนไทยมากขนึ้ นอกจากน ้ี คา่ นยิ มทดี่ งี ามเรม่ิ เสอื่ มถอยและประเพณดี ั้งเดิม
ถกู บิดเบือน สงั คมไทยจงึ มีความเป็นวตั ถนุ ยิ มสงู ขน้ึ ปญั หาเหล่าน้ีไดส้ ง่ ผลใหค้ วามเข้มแข็งของ
ชมุ ชนอ่อนแอลง

๓) การยดึ มนั่ ในศาสนาของตนเองสงู การยดึ มนั่ ในศาสนาของคนบางกลมุ่ อยา่ งเครง่ ครดั
จนเกนิ พอด ี หรอื มอี คตติ อ่ คนทน่ี บั ถอื ศาสนาและความเชอ่ื ทแี่ ตกตา่ งไปจากตนอยา่ งรนุ แรง อาจนา�
ไปสกู่ ารเกิดความขดั แย้งข้นึ ในสังคมไทยได้

๔) ความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ในสงั คม สงั คมไทยยงั คงมคี วามเหลอื่ มลา�้ ในดา้ นตา่ ง ๆ สง่ ผลให้
คนไทยเกิดความแตกตา่ งกนั ไม่วา่ จะเป็นฐานะทางเศรษฐกิจ การศึกษา การเข้าถงึ ทรพั ยากร จงึ
ท�าให้คณุ ภาพชีวิตแตกต่างกนั ท�าใหเ้ กิดความคดิ ความเช่อื และความตอ้ งการทแ่ี ตกต่างกันไป
ซ่ึงมีผลต่อการตัดสินใจและการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ จนบางครั้งก่อให้
เกดิ ความขัดแย้งจนนา� ไปส่คู วามแตกแยกภายในสังคม
47

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

สถานการณใดตอไปนีอ้ าจนําไปสคู วามขัดแยงดานเศรษฐกิจ ครูอาจต้ังประเด็นคําถามวา “หากคนไทยดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญา
1. การผกู ขาดการคา ของเศรษฐกิจพอเพียงแลว จะชวยลดปญหาความขัดแยงทางดานเศรษฐกิจ
2. การเพ่ิมกําลงั การผลติ และสังคมอยางไรบาง” โดยใหนักเรียนอธิบายเปนแผนผังความคิด แลวนําสง
3. การกระจายอาํ นาจสชู นบท ครูผูสอน
4. การสนับสนุนงบประมาณดานการวิจัย
นักเรียนควรรู
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การทผ่ี ปู ระกอบการบางกลมุ ผกู ขาด
สนิ คา และบรกิ าร เปน การแยง ชงิ ผลประโยชนท างการคา รวมไปถงึ 1 การใหส ินเชื่อ เปนการใหยืมเงินหรอื กูเงนิ ซง่ึ รัฐบาลไดมีการใหสนิ เช่อื แก
การเขา ครอบครองปจ จยั การผลติ ซงึ่ คนจนไมส ามารถเขา ถงึ ปจ จยั ประชาชนเพื่อกระตนุ ใหเกิดเงนิ ทุนหมนุ เวียนในระบบเศรษฐกิจ ท้งั เพ่ือสง เสรมิ
ตางๆ ได ดงั น้ัน จึงอาจเกดิ ความขัดแยง ข้ึนได) การประกอบอาชีพ คาใชจายที่จําเปนตอการดํารงชีพ หรือชําระหน้ีอ่ืนๆ เชน
การใหส นิ เช่อื เพอ่ื พัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ ม (SMEs)

T55

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ó. ปÞั หาสังคม1แÅะแนวทางแกไ้ ข

ขัน้ ที่ 2 สำารวจคน้ หา สังคมไทยในปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วตามการเปล่ียนแปลงของสังคมโลก
มีความเจริญก้าวหน้าทางนวัตกรรม เทคโนโลยี การสอ่ื สาร ท�าใหก้ ารพัฒนาประเทศในทกุ ดา้ น
8. ครูใหน กั เรยี นแบง กลุม ศกึ ษาคน ควาเก่ียวกบั เปน็ ไปอย่างตอ่ เน่อื งและรวดเร็ว มคี นจากหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา มาอยู่รวมกัน ทา� ให้การ
ปญหาสังคมและแนวทางแกไข จากหนังสือ เปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมจนก่อให้เกิดปัญหาสังคม
เรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการ ตามมา
เรียนรอู นื่ ๆ เชน หนงั สือในหองสมุด เวบ็ ไซต ปญั หาสงั คมส่งผลกระทบต่อการดา� เนนิ ชวี ิตของคนในสงั คม ส่ิงที่สา� คัญท่ีสดุ ก็คอื เมือ่ เกิด
ในอินเทอรเ นต็ โดยครอบคลุมประเด็นปญ หา ปัญหาทางสงั คม คนในสงั คมจะตอ้ งร่วมกนั แก้ไขปัญหาเหลา่ น้นั ปัญหาสังคมไทยท่สี �าคัญ มีดังน้ี
ดงั น้ี
• ปญ หาส่ิงแวดลอ ม ๓.๑ ปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม
• ปญ หาสง่ิ เสพติด
• ปญ หาอาชญากรรม แต่เดิมน้ันประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมดีและสมบูรณ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสภาพแวดล้อม
• ปญ หาทจุ ริตคอรร ัปชนั ได้เปลี่ยนไปเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ท�าให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและคน
ในสังคม เชน่ อากาศเป็นพษิ นา้� เสยี รวมท้งั ภัยพิบัตติ า่ ง ๆ
9. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเช่ือถือ
ใหก ับนักเรยี นเพิ่มเตมิ ๑) สาเหตทุ ที่ า� ใหเ้ กดิ ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม ที่ส�าคัญ มีดังน้ี

๑.๑) ประชากรเพมิ่ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ เมอ่ื จา� นวนประชากรเพม่ิ ขน้ึ การบรโิ ภคและการใช้
ทรัพยากรก็เพ่ิมขึ้นด้วยเช่นกัน จนน�าไปสู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติสิ้นเปลืองและเกิดปัญหา
ส่งิ แวดลอ้ มตามมา เช่น ปัญหาขยะมูลฝอย ปญั หามลพิษทางนา�้ และทางอากาศ

๑.๒) การพัฒนาอุตสาหกรรมและการคมนาคมขนส่ง ท�าให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตามมา เชน่ ปญั หาการปลอ่ ยนา้� เสยี และของเสยี ลงสแู่ หลง่ นา้� ปญั หามลพษิ ทางอากาศจากยานพาหนะ

๑.๓) การพัฒนาเกษตรกรรม เช่น การใช้ปุยเคมี ยาฆ่าแมลงและวัชพืช รวมทั้ง
การแผ้วถางปา่ เพ่ือขยายพืน้ ทเี่ พาะปลูก กอ่ ให้เกดิ นา�้ ปา่ ไหลหลากในชว่ งฤดฝู น

 การเผาพืน้ ที่การเกษตรเพอื่ เตรียมพื้นที่เพาะปลกู เปน็ สาเหตหุ น่งึ ที่ท�าใหเ้ กดิ ปัญหามลพษิ ทางอากาศ

48

เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรางคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค

ครนู ําขาวจากหนงั สอื พมิ พ วทิ ยุ หรอื โทรทศั นเกี่ยวกบั ปญหาสงั คม มาให นกั เรยี นแบง กลมุ ศกึ ษาคน ควา เกย่ี วกบั ปญ หาสง่ิ แวดลอ มทกี่ าํ ลงั
นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ จากนนั้ สรปุ ภาพรวมของปญ หารว มกนั เปน ประเดน็ ในประเทศไทย กลมุ ละ 1 ปญ หา จากนน้ั ใหแ ตล ะกลมุ
จัดสัมมนาเรื่อง “ประเด็นปญหาส่ิงแวดลอมในประเทศไทย” โดย
นักเรียนควรรู มงุ เนนในประเด็น ดงั น้ี

1 ปญหาสังคม ท่ีสําคัญ เชน ปญหาสิ่งเสพติด ปญหามลพิษ โดยรอบ • สภาพปญ หา
ปง บประมาณ พ.ศ. 2562 (ระหวา งวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2561-18 กันยายน 2562) มี • สาเหตขุ องปญหา
การดาํ เนินคดีผตู องหาคดียาเสพติดกวา 350,000 คดี ยาเสพตดิ ทสี่ ําคญั เชน • ผลกระทบตอสงั คมไทย
ยาบา ไอซ เฮโรอนี โคเคน กญั ชาแหง ขณะทป่ี ญ หามลพษิ ขอ มลู จากกรมควบคมุ โดยสมาชกิ ในกลมุ รว มกนั แสดงความคดิ เห็นอยางหลากหลาย
มลพษิ ใน พ.ศ. 2562 (ระหวา งวันท่ี 1 ตลุ าคม 2561-31 มีนาคม 2562) ไดรับ
รองเรียนเรอ่ื งปญ หาดานมลพษิ จํานวน 238 เรือ่ ง พน้ื ท่ที มี่ ปี ญหาไดร บั เรอ่ื งรอ ง
เรยี นสูงสุด คือ กรุงเทพฯ รองลงมาไดแ ก สมทุ รปราการ นนทบรุ ี สมุทรสาคร
นครปฐม สว นใหญเ ปน เรอ่ื งกลนิ่ เหมน็ ฝนุ ละออง/เขมา ควนั และเสยี งดงั รบกวน

T56

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒) ผลกระทบจากปญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม ทีส่ �าคัญ มดี ังน้ี ขนั้ สอน
๒.๑) ท่ีอยู่อาศัยไม่เพียงพอ ท�าให้ผู้คนอาศัยอยู่อย่างแออัด ไม่มีสุขอนามัยที่ดีพอ
เกดิ เป็นแหลง่ เสือ่ มโทรม รวมทง้ั เป็นแหลง่ แพร่เชอ้ื โรค ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้
๒.๒) ผู้คนมีสุขภาพไม่ดี เน่ืองจากได้รับผลกระทบของสารพิษจากแหล่งต่าง ๆ เช่น
ควันพษิ จากยานพาหนะ นา้� เสียจากโรงงานอุตสาหกรรม สารพษิ ปนเป้ือนในพชื ผัก ผลไม้ และ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
เน้ือสัตว์ ทา� ใหเ้ กดิ โรคภัยไข้เจบ็ ตา่ ง ๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมแิ พ ้ โรคมะเรง็ การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู
๒.๓) เกดิ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาต ิ สาเหตหุ ลกั มาจากการทา� ลายธรรมชาต ิ เชน่ การตดั ไม้ ระหวา งกัน
ท�าลายป่า แลว้ น�าพน้ื ทไี่ ปปลกู พืชเศรษฐกจิ เช่น ยางพารา สง่ ผลใหเ้ กดิ นา�้ ทว่ ม ดนิ ถล่ม ภัยแล้ง
เนอ่ื งจากฝนไมต่ กตอ้ งตามฤดกู าล สร้างความเดอื ดรอ้ นในการด�าเนนิ ชวี ิตเป็นอยา่ งมาก 2. สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ทน่ี าํ เสนอ
เพ่ือใหไดข อ มูลที่ถกู ตอ ง

3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล
หนาช้ันเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย
และตอบคําถามรวมกัน

๓) แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม ทส่ี �าคญั มดี งั น้ี
๓.๑) สรา้ งจติ สา� นกึ และสง่ เสรมิ คณุ ภาพประชากร ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ตระหนกั ถงึ
ความสา� คญั และความจา� เปน็ ของการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม รวมถงึ ผลกระทบ
ท่เี กดิ จากการดา� เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ
๓.๒) ใชม้ าตรการทางกฎหมาย การมกี ฎหมายเพอื่ รกั ษาทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มจะ
ชว่ ยใหก้ ารอนรุ กั ษเ์ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ แตต่ อ้ งบงั คบั ใชแ้ ละมบี ทลงโทษผฝู้ า่ ฝนื อยา่ งจรงิ จงั
๓.๓) ร่วมกันปลูกป่า มีการรณรงค์ไม่ให้แผ้วถางและตัดต้นไม้ ส่งเสริมกิจกรรมการ
ท�านุบ�ารุงทรัพยากรธรรมชาติตามโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการอนุรักษ์พ้ืนท่ีต้นน�้าล�าธาร
โครงการป่ารักน�้า โครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า โครงการพัฒนาและรณรงค์การปลูกหญ้าแฝก
อันเนื่องมาจากพระราชด�าริ เพ่ือป้องกันการ
พงั ทลายของหนา้ ดนิ เพอ่ื ใหพ้ น้ื ทแี่ ละทรพั ยากร
ธรรมชาติกลับคืนส่สู ภาพเดมิ
๓.๔) ใชท้ รพั ยากรอยา่ งประหยดั และ
เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดการพัฒนาท่ี
ยงั่ ยนื เชน่ ปดิ ไฟเมอ่ื เลกิ ใชง้ าน ใชก้ ระดาษให้
คมุ้ คา่ โดยใชท้ ง้ั สองหนา้ ปดิ กอ๊ กนา�้ ใหส้ นทิ หลงั
ใชง้ าน ใชเ้ ครอื่ งใชท้ ชี่ ว่ ยประหยดั พลงั งาน เชน่
ชักโครกประหยัดน�้า แอร์ประหยัดไฟ รวมถึง
พฒั นาพลงั งานสะอาด เชน่ พลงั งานแสงอาทติ ย์  การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม เป็น
นา้� ลม เพือ่ เป็นมติ รกับส่ิงแวดลอ้ ม แนวทางหนึ่งในการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและให้เกิด
ประโยชน์สงู สดุ

49

ขอ สอบเนน การคิด บูรณาการอาเซียน

การทจี่ าํ นวนประชากรของประเทศเพมิ่ ขน้ึ อยา งรวดเรว็ กอ ใหเ กดิ การเพม่ิ ข้ึนของประชากรและการพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียนทําใหแตล ะ
ปญหาใดตามมา ประเทศตอ งเผชญิ กบั ปญ หาดา นสง่ิ แวดลอ ม ในชว งทผ่ี า นมาทรพั ยากรธรรมชาติ
และระบบนิเวศในหลายพ้ืนที่ของชาติสมาชิกเสื่อมโทรมลง ปญหาดาน
1. ขยะลน เมอื ง ส่ิงแวดลอมของแตละประเทศท่ีเปนประเด็นสําคัญและไดรับความสนใจจาก
2. เศรษฐกจิ ขยายตวั รัฐบาลอาเซียนหลายประเทศในปจจุบัน คือ วิกฤตขยะพลาสติก โดยเฉพาะ
3. การทจุ รติ ฉอ ราษฎรบ งั หลวง ปญหาการลักลอบนําเขาขยะผิดกฎหมาย ซ่ึงขยะสวนใหญเปนขยะพลาสติก
4. ความสมั พนั ธร ะหวา งประเทศตกตา่ํ คุณภาพต่ําที่ยากตอการรีไซเคิล และขยะบางสวนยังเปนขยะมีพิษดวย ซ่ึง
นอกจากสรางมลพิษทางสิ่งแวดลอมขั้นรายแรงแลว ยังกอใหเกิดธุรกิจรับจาง
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เมอ่ื ประชากรเพมิ่ จาํ นวนอยา งมาก รีไซเคลิ ผดิ กฎหมาย อยา งไรกต็ าม การจดั การดา นส่ิงแวดลอ มของชาติสมาชกิ
ยอ มสง ผลใหเ กดิ การใชท รพั ยากรเพม่ิ ขน้ึ ซง่ึ กอ ใหเ กดิ ขยะจาํ นวน จะมุงเนนในประเด็นดานส่ิงแวดลอมท่ีกระทบตอระบบเศรษฐกิจและสังคม
มหาศาลทไี่ มส ามารถกาํ จดั ไดท นั ทาํ ใหเ กดิ ความสกปรกและเปน โดยรวม
แหลง เพาะพันธเุ ชื้อโรค)

T57

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๓.๒ ปัญหาสิ่งเสพตดิ 1

ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ ปัญหาสง่ิ เสพติดเปน็ ปญั หาหนง่ึ ที่ส�าคญั ของสังคมไทย และถือเปน็ ปญั หารา้ ยแรงทที่ ุกฝ่าย
ตอ้ งร่วมมือกันแกไ้ ข เพราะสง่ ผลกระทบต่อประชากรซึง่ เปน็ ก�าลังส�าคัญในการพฒั นาประเทศ
4. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว มกนั เกย่ี วกบั ปญ หา สิง่ เสพติด คือ สารซึ่งบคุ คลเสพเข้าส่รู า่ งกายโดยวธิ กี ารใดวธิ ีการหนงึ่ เชน่ กิน สูบ ดม
สังคมและแนวทางแกไข และสุมตัวแทน หรอื ฉดี ตดิ ตอ่ กนั ชวั่ ระยะเวลาหนง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลตอ่ รา่ งกายและจติ ใจของผเู้ สพ ทา� ใหเ้ กดิ สภาพเปน็
นกั เรียนเพื่อตอบคาํ ถาม เชน พิษเรือ้ รงั นบั เปน็ มหันตภัยรา้ ยแรงที่ก่อใหเ้ กิดปญั หาทง้ั ต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน สงั คม และ
• ความขดั แยง ของกลมุ คนในสงั คมไทย สง ผล ประเทศชาต ิ โดยมคี วามสมั พนั ธก์ บั การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หต ุ ซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ ตลอดจน
กระทบตอ ประเทศไทยอยางไร ความปลอดภัยของผู้เสพ อีกท้ังยงั สรา้ งปัญหาตา่ ง ๆ ใหแ้ ก่ผู้อ่นื ดังน้นั จงึ เปน็ ความจา� เป็นที่เรา
(แนวตอบ เชน ดา นเศรษฐกจิ โดยความขดั แยง จะต้องหลกี เลยี่ ง ไมย่ ่งุ เกี่ยวกบั สิ่งเสพตดิ และรว่ มมอื กนั แกป้ ญั หาเพ่ือสร้างความมั่นคงเขม้ แข็ง
ของกลุมผูใชแรงงานกับนายจางทําใหการ ใหแ้ กส่ ังคมไทย
ประกอบการตองชะงักไปจนกวาจะตกลง
กนั ได หรือเม่อื คนในชาตขิ าดความสามัคคี ๑) สาเหตทุ ท่ี า� ใหเ้ กดิ ปญั หาสงิ่ เสพตดิ ทสี่ า� คญั มดี ังน้ี
ไมใหความรวมมือกันทุกดาน ก็จะสงผล
กระทบตอ การพฒั นาประเทศโดยรวม) ๑.๑) ตัวผู้เสพ เกดิ จากความอยากรู้ อยากลอง และคึกคะนอง โดยเฉพาะวัยรุน่ ทขี่ าด
ความย้ังคิด หรือบางคนมีความเช่ือที่ผิด คิดว่าส่ิงเสพติดช่วยแก้ไขปัญหาของตนได้ จึงเสพ
เพอ่ื ให้ลมื ปัญหาต่าง ๆ แตห่ ลงั จากเสพเข้าไประยะหนงึ่ กจ็ ะติด

๑.๒) สภาพแวดลอ้ มในสงั คม สาเหตุส�าคญั คอื การถูกเพอื่ นชกั จูงหรอื ถูกหลอกลอ่
ให้ลองเสพ ครอบครัวแตกแยกหรือพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล หรือครอบครัวอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด
ท่แี วดล้อมดว้ ยสง่ิ เสพติด จงึ อาจผลักดันใหเ้ ยาวชนหนั เขา้ หาส่ิงเสพติดได้ง่าย

๑.๓) ด้านเศรษฐกิจ ในภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงและยังต้องเผชิญกับปัญหา
ตา่ ง ๆ เช่น ความยากจน การว่างงาน บางคนจึงหนั ไปค้าส่งิ เสพตดิ เพอ่ื หารายไดเ้ พิ่ม

เรอ่ื งนา่ รู้

ชอ่ งทางการแจง้ เบาะแสสงิ่ เสพตดิ
การแจง้ เบาะแสสงิ่ เสพตดิ เปน็ การดา� เนนิ การเพอ่ื ลดความเดอื ดรอ้ นของประชาชนในพนื้ ทที่ ไี่ ดร้ บั ผลกระทบ
จากปญั หาสง่ิ เสพตดิ ทา� ได ้ ๔ ชอ่ งทาง คอื
๑. สายดว่ น ๑๓๘๖ สามารถ โทร.ไดต้ ลอด ๒๔ ชวั่ โมง และ โทร. ฟรที กุ เครอื ขา่ ย
๒. หนงั สอื รอ้ งเรยี นถงึ สา� นกั งาน ป.ป.ส. สว่ นกลาง/สว่ นภมู ภิ าค
๓. แจง้ เบาะแสดว้ ยตนเองไดท้ ส่ี า� นกั งาน ป.ป.ส. สว่ นกลาง/สว่ นภมู ภิ าค : ผเู้ ดนิ ทางมารอ้ งเรยี น ณ สถานท่ี
ทา� การของแตล่ ะพนื้ ท ่ี สามารถตดิ ตอ่ ผา่ นเจา้ หนา้ ท ี่ ณ หอ้ งประชาสมั พนั ธ ์ เพอื่ รบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี นตอ่ ไป
๔. แจง้ ผา่ นเวบ็ ไซต ์ ป.ป.ส. : https://1386.oncb.go.th

50

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด

1 ส่ิงเสพติด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ ไดมีการแบงสิ่งเสพติด ผูใดมพี ฤติกรรมปลอดภัยจากสงิ่ เสพตดิ
ออกเปน 5 ประเภท ไดแก สิง่ เสพติดใหโ ทษ ประเภท 1 คือ ส่ิงเสพติดใหโ ทษ 1. ศมาชอบไปเทย่ี วสถานบันเทงิ ยามราตรี
ชนิดรา ยแรง เชน เฮโรอนี ยาบา ส่งิ เสพติดใหโ ทษ ประเภท 2 คอื สิง่ เสพตดิ ให 2. กมลคบเพ่อื นทม่ี พี ฤติกรรมชอบเทยี่ วเตร
โทษทั่วไป สามารถนําไปใชป ระโยชนทางการแพทยได เชน โคเคน ฝน มอรฟ น 3. วลัยใชเวลาวางในการเขยี นนิยายหรือเร่อื งสั้น
ส่ิงเสพตดิ ใหโ ทษ ประเภท 3 คือ ส่ิงเสพติดใหโทษทีม่ ลี ักษณะเปนตํารบั ยา เชน 4. ฤทยั มักดื่มสุราเปนประจําเมอ่ื เจอปญหาในชวี ิต
ยาแกไ อ ยาฉดี ระงับอาการปวด สง่ิ เสพตดิ ใหโทษ ประเภท 4 คอื สารเคมีท่ใี ช
ผลิตสง่ิ เสพติดประเภท 1 และ 2 เชน อาเซตลิ คลอไรด และสิ่งเสพตดิ ใหโ ทษ (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. การใชเ วลาวา งของวลยั ในการเขยี น
ประเภท 5 คอื สงิ่ เสพตดิ ใหโ ทษทไ่ี มไ ดอ ยใู นประเภท 1-4 เชน ใบกระทอ ม กญั ชา นยิ ายหรอื เรอื่ งสนั้ เปน การใชเ วลาวา งใหเ ปน ประโยชนโ ดยการทาํ
กิจกรรมท่ีสรางสรรค เปนพฤติกรรมหน่ึงที่ชวยใหปลอดภัยจาก
ส่งิ เสพติด)

T58

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒) ผลกระทบจากปญั หาสงิ่ เสพตดิ ทสี่ �าคญั มีดังน้ี ขนั้ สอน
๒.๑) ส่งผลเสียต่อตัวผู้เสพ ท�าให้สุขภาพร่างกายและจิตใจไม่ปกติ เช่น การท�างาน
ของสมองและประสาทเสื่อมลง เกิดอาการประสาทหลอน และอาจเกิดการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้
ทา� รา้ ยตนเองและผู้อน่ื ได้
๒.๒) สง่ ผลเสยี ตอ่ เศรษฐกจิ เชน่ ทา� ใหส้ ญู เสยี แรงงานหรอื บคุ ลากรโดยเปลา่ ประโยชน ์ • วธิ กี ารลดความขดั แยง ในสงั คมไทย สามารถ
ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตหรือการท�างานลดลง กระทบต่อรายได้ รวมท้ังครอบครัวและ ทาํ ไดอยา งไร
ภาครฐั ต้องเสียค่าใช้จา่ ยจา� นวนมากในการบ�าบดั รกั ษาผู้ติดสิง่ เสพติด (แนวตอบ 1. รณรงคใหประชาชนทุกคน
๒.๓) ส่งผลเสียต่อสังคม เช่น เกิดปัญหาอาชญากรรม รัฐต้องเสียงบประมาณและ ตระหนักถึงผลกระทบท่ีเกิดจากความ
เพมิ่ ภาระให้กบั เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐในการปราบปราม ขัดแยง 2. จัดโครงการในการทํากิจกรรม
รวมกันเพื่อไปสูเปาหมายสําคัญในการ
๓) แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาสงิ่ เสพตดิ ทีส่ �าคัญ มีดังนี้ พัฒนาประเทศชาติ 3. ผนู ําระดบั สูง ระดับ
๓.๑) การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในครอบครวั ครอบครวั มบี ทบาทสา� คญั อยา่ งมากตอ่ การ ประเทศ ระดบั ทอ งถน่ิ องคก รตา งๆ รว มมอื
แกไ้ ขปญั หาสงิ่ เสพตดิ ครอบครวั ทอ่ี บอนุ่ มคี วามรกั และดแู ลเอาใจใสซ่ งึ่ กนั และกนั จงึ เปรยี บเสมอื น กันชวยหาวิธีการลดปญหาความขัดแยง
เกราะปอ้ งกันไม่ให้สมาชกิ ในครอบครัวหลงผดิ หนั ไปหาส่ิงเสพตดิ ตั้งแตตน กอนท่ีปญหาจะลุกลามมากข้ึน
๓.๒) รู้เท่าทันพิษภัยของส่ิงเสพติด ทุกคนควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับส่ิงเสพติด และ 4. สถาบันทางสังคมทุกสถาบัน
รวมมือกันปลูกฝงคุณธรรมใหแกประชาชน
ทุกคน ทุกระดับ)

เคพน่ืออในื่ หห้รรู้เอืทม่าทจิ ฉันาถชึงพี ภทัยจี่อะันชตกั รจางู ยไปขใอนงทสาิ่งงเสทพผ่ี ดิต ิดแ ลไะมรจู้่คกั วใรชคเ้ วึกลคาะวนา่ องใงหทเ้ ดกลดิ อปงรใะชโย้หชรนือ1 ์ เเสชพน่ อคอวกรกรา� ู้เลทงั ่ากทาันย
อ่านหนังสือ ท�างานบ้าน นอกจากน้ี ควรรู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดีที่ชักชวนกันไปท�ากิจกรรมที่
สรา้ งสรรค ์ ไมพ่ งึ่ พาสิง่ เสพติด
๓.๓) การมสี ว่ นรว่ มของคนในสงั คม
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน
สถาบันการศึกษา สถาบนั ศาสนา เปน็ ตน้ ควร
ประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนรับรู้ถึงปัญหาสิ่งเสพติด
และภัยร้ายจากส่ิงเสพติดอย่างเป็นระบบและ
ต่อเนื่อง ขณะท่ีเจ้าหน้าที่ต�ารวจต้องบังคับใช้
กฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั นอกจากน ี้ ทอ้ งถนิ่ หรอื
ชุมชนควรจัดกิจกรรมนันทนาการให้กับเด็ก
วัยรุ่นได้แสดงความสามารถในทางท่ีถูก เช่น  ครอบครัวที่มีการให้ความรักและความเอาใจใส่ซ่ึงกัน
เล่นกีฬา รอ้ งเพลง เลน่ ดนตรี และกันอย่างใกล้ชดิ ยอ่ มห่างไกลจากส่ิงเสพตดิ

5๑

กจิ กรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู

นักเรียนจับกลุมแลวคนหาขาวจากส่ือตางๆ ท่ีเก่ียวกับ 1 ใชเวลาวางใหเกิดประโยชน มีกิจกรรมมากมายท่ีทําใหเรารูสึกสนุกสนาน
ผลกระทบจากปญหาสิ่งเสพติด แลวสรุปใจความของขาวพรอม ผอนคลาย และเกิดประโยชนตอตนเอง เชน เลนดนตรี เลนกีฬา วาดภาพ
บอกแหลง ท่มี า จากนั้นนาํ ขา วมาวเิ คราะหวา ขาวน้นั สง ผลกระทบ ซ่ึงการใชเวลาวางในการทํากิจกรรมที่สรางสรรค จะชวยใหเราหางไกลจาก
ตอสังคมในดานใดบาง พรอมทั้งรวมกันหาแนวทางแกไขปญหา สง่ิ เสพติดไดเปนอยา งดี
ดงั กลาวอยางเหมาะสม

T59

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๓.๓ ปญั หาอาชญากรรม1

ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้ อาชญากรรม หมายถึง การกระทา� ความผดิ ของบคุ คลใดบคุ คลหนงึ่ ซึง่ ขดั ตอ่ กฎหมายอนั
ได้บัญญัตเิ ป็นขอ้ ห้ามไว ้ ผู้ประกอบอาชญากรรมซงึ่ กระทา� โดยเจตนาละเมิดกฎหมายอาญา หรอื
5. ครูนําขาวอาชญากรรมจากหนังสือพิมพมาให มีเจตนาละเว้นไม่กระท�าในส่ิงท่ีกฎหมายบังคับไว้ โดยไม่มีข้อแก้ตัวท่ีสมเหตุสมผล จะต้องได้
นักเรยี นดู พรอ มทั้งอธิบายเนือ้ หาของขาวโดย รบั โทษ ปญั หาอาชญากรรมที่เกดิ ข้นึ ในสงั คมไทยทสี่ �าคญั เชน่ การท�าร้ายรา่ งกาย ปล้นทรพั ย ์
สรปุ แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ ลักทรัพย ์ การลว่ งละเมิดทางเพศ การฆาตกรรม ซึง่ การกระท�าดังกล่าวสง่ ผลกระทบต่อชีวิตความ
ตอ ขา วนน้ั เปน็ อย่ขู องคนในสังคม
ปญั หาอาชญากรรมถอื เปน็ ปญั หาสงั คมทสี่ า� คญั ซง่ึ จะตอ้ งเรง่ แกไ้ ขใหล้ ดนอ้ ยลง เพราะเปน็
6. นักเรียนแบงกลุมออกเปน 5 กลุม แลวเลือก สง่ิ ทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ ความสงบและความมนั่ คงของประเทศ หากปญั หาอาชญากรรมภายในประเทศ
ศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับคดีอาชญากรรม ลดนอ้ ยลง ย่อมสง่ ผลให้คนสามารถใช้ชีวิตประจ�าวนั ไดอ้ ย่างมีความสขุ ประเทศชาติมีความเจรญิ
กลุมละ 1 ดาน โดยหาขาวที่เกี่ยวกับคดี ก้าวหน้า ดังน้ัน การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคมท่ีจะต้องช่วยกัน
อาชญากรรมนน้ั สอดส่องดูแลและให้ความสนใจต่อปัญหาดงั กลา่ ว

7. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมารายงาน ๑) สาเหตทุ ท่ี า� ใหเ้ กดิ ปญั หาอาชญากรรม มปี จั จัยส�าคญั ดงั น ี้
ผลการศึกษา โดยใชรูปแบบการนําเสนอ
ท่นี าสนใจ ๑.๑) ดา้ นเศรษฐกจิ เชน่ ความยากจน เศรษฐกจิ ตกต�า่ ความเหล่ือมลา้� ทางฐานะและ
เศรษฐกจิ คา่ ครองชีพสงู

๑.๒) ด้านครอบครวั และสงั คม เช่น การอบรมสง่ั สอนของพอ่ แม่ในทางทีผ่ ดิ การถกู
เพ่ือนชกั จูงให้กระท�าผิด การแพร่ระบาดของสารเสพตดิ ในพื้นที่
ต่อมไรท้ อ่ ท๑ี่ม.๓ฮี อ) รด์โม้านนแชอีวนภโาดพรแเจลนะ2จมิตากวิทเกยนิ าไ ปเ ชท่นา� ใหค้มวาีพมฤบตกิกพรรรม่อกง้าขวอรงา้ สวมแลอะงอ าคกวาารมทผาิงดจปิตกติของ

๒) ผลกระทบจากปญั หาอาชญากรรม ทสี่ า� คญั มีดังน้ี

๒.๑) คนในสงั คมเกดิ ความรสู้ กึ ไมป่ ลอดภยั ปญั หาอาชญากรรมไดส้ รา้ งความหวาดหวน่ั
สะเทอื นขวญั และมแี นวโนม้ ทจี่ ะทวคี วามรนุ แรงขนึ้ เรอื่ ย ๆ โดยเฉพาะในยคุ ทสี่ งั คมเผชญิ กบั วกิ ฤต
เศรษฐกิจ ส่งผลใหป้ ระชาชนเกิดความรสู้ ึกไม่ปลอดภยั ในชวี ิตและทรัพยส์ ิน

๒.๒) ประเทศชาติไม่ม่ันคง ปัญหาอาชญากรรมมีผลกระทบต่อการด�าเนินชีวิตของ
คนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความม่ันคงของชาติ นอกจากน้ี
ยังเป็นสิ่งทขี่ ดั ขวางความเจริญของสงั คม เพราะต้องเสียงบประมาณในการปราบปราม

๒.๓) กระทบต่อกระบวนการทางกฎหมาย ซ่ึงจะต้องอาศัยงบประมาณและบุคลากร
จ�านวนมากในการแก้ไขปัญหา หากประเทศมีการก่ออาชญากรรมในระดับสูงย่อมส่งผลให้
กระบวนการทางกฎหมายตอ้ งทา� งานอย่างหนกั

5๒

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 อาชญากรรม สํานักงานตํารวจแหงชาติ ไดกําหนดใหมีการแบงคดี ปญหาอาชญากรรมสงผลตอความมั่นคงของประเทศชาติ
อาชญากรรมออกเปน 5 กลุม ไดแก 1. คดีอุกฉกรรจและสะเทือนขวัญ เชน อยา งไร
ฆา โดยเจตนา วางเพลงิ 2. คดปี ระทษุ รา ยตอ ชวี ติ เชน ฆา พยายามฆา ทําราย
รางกาย 3. คดีประทุษรายตอทรัพย เชน ปลนทรัพย ชิงทรัพย ลักทรัพย (แนวตอบ อาชญากรรมมีผลกระทบตอการดําเนินชีวิตของคน
รับของโจร 4. คดีท่ีนาสนใจ เชน ฉอโกง ยกั ยอก และ 5. คดีทรี่ ัฐเปน ผูเ สียหาย ในสังคม ไมวาจะเปนดานการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และ
เชน คา ประเวณี มแี ละเผยแพรว ตั ถลุ ามก มอี าวธุ ปน ครอบครองโดยผดิ กฎหมาย ความม่ันคงของชาติ นอกจากนี้ ยังเปนส่ิงขัดขวางความเจริญ
2 ฮอรโมนแอนโดรเจน หรือฮอรโมนเพศชาย ถูกสรางข้ึนบริเวณอัณฑะของ ของสังคมเพราะตองเสียงบประมาณในการปราบปราม เปนการ
เพศชาย ทําหนาที่ควบคุมระบบการทํางานของระบบตางๆ ในรางกายและ ทําลายความสงบสุขและความเปนระเบียบเรียบรอยของสังคม
ชว ยใหล กั ษณะภายนอกของผชู ายดสู มชายมากขน้ึ อยา งไรกต็ ามอาจพบฮอรโ มน ทาํ ใหส ังคมและประเทศชาตขิ าดความมน่ั คง)
ชนดิ นใี้ นเพศหญิงไดเชน กันแตมีปรมิ าณนอยมาก

T60

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๓) แนวทางในการแก้ไขและปอ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรม ทส่ี า� คัญ มดี ังน้ี ขนั้ สอน

๓.๑) สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมงี านทา� และจดั ระเบยี บสงั คม ผลกั ดนั ใหม้ รี ะบบการควบคมุ ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้
โดยน�ากฎระเบียบเข้ามาบังคับใช้กับพฤติกรรมของคนในสังคม เสริมสร้างการจัดกิจกรรม
สถรูก้าตง้อสงร รครู้วเ์ ๓พ่า.ือ่พ๒ใฤ)ห ต้เกกิกาิดรรรคสมวนาใบั ดมสดสนีแานุมลทะัคเาคหงี สมใหงัาคท้ะมสุก มคให นส้ผรมกั่าสนาชังกคกิ รมใะนบทสวต่ี งั นนคกเมอาเงรรอขยี านัดศรเัยกบู้ อลรยราู่ททดัางฐสานัง1คแมล2ะ ปโดฏยบิ คตั รติ อนบอคยรา่ ัวง 8. นักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเก่ียวกับสาเหตุ
โรงเรยี น สอื่ มวลชน ซงึ่ เปน็ ผมู้ บี ทบาทสา� คญั ในการสนบั สนนุ ใหก้ า� ลงั ใจ และฟน้ื ฟคู วามสมานฉนั ท์ ทีท่ ําใหเกิดปญ หาอาชญากรรม
ในสงั คม ในขณะเดยี วกนั รฐั กต็ อ้ งกา� หนดนโยบายการพฒั นาทางเศรษฐกจิ และสงั คมเพอ่ื ใหท้ กุ คน
อยูด่ กี นิ ด ี และกระจายการพัฒนาไปส่คู นทกุ กลุม่ อยา่ งเท่าเทยี มกนั 9. นักเรียนรวมกันวิเคราะหผลกระทบท่ีเกิดจาก
ปญหาอาชญากรรม พรอ มเสนอแนะแนวทาง
๓.๓) การลดชอ่ งโอกาสของการเกดิ อาชญากรรม เชน่ การเพมิ่ แสงสวา่ งและตดั ตน้ ไม้ การแกปญ หา
ที่รกบรเิ วณทางเขา้ หมูบ่ า้ นและในชมุ ชน จัดเวรยามดูแลชมุ ชน ตลอดจนการมีต�ารวจออกตรวจ
ตราบริเวณที่มักเกิดอาชญากรรม การติดต้ังสัญญาณเตือนภัยหรือกล้องวงจรปิดในที่อยู่อาศัย
และทส่ี า� คญั คอื เราจะตอ้ งรจู้ กั ปอ้ งกนั ตนเองเพอ่ื ตดั ชอ่ งโอกาสในการเกดิ อาชญากรรม เชน่ เรยี น
ศิลปะป้องกันตัว หลีกเล่ียงการเดินทางไปในที่เปล่ียวในเวลากลางคืน หรือหลีกเลี่ยงการสวมใส่
ของมีคา่ ตดิ ตัว ไม่ยุ่งเกีย่ วกับอบายมุข ไมค่ บเพื่อนท่ีไมด่ ี

๓.๔) ใหก้ ารดแู ลผปู้ ว่ ยจติ เวชไมใ่ หอ้ อกไปกอ่ อาชญากรรม โดยการสง่ เสรมิ สถานบา� บดั
รักษาท้ังของรัฐและเอกชนให้มีบทบาทดูแลรักษาผู้ป่วยทางร่างกายและจิตใจอย่างใกล้ชิด ไม่ให้
ออกไปกอ่ อาชญากรรมจนสรา้ งความเดือดรอ้ นแก่ผู้อ่ืน

เรอื่ งนา่ รู้ อาชญากรรมคอมพวิ เตอรแ์ ละแนวทางปอ้ งกนั

โลกปัจจุบันเป็นยุคไอทีที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์อย่างมาก แต่ขณะ

เดียวกันก็เป็นช่องทางหนึ่งในการแสวงหาผลประโยชน์ของเหล่ามิจฉาชีพอย่างผิดกฎหมาย จนท�าให้เกิด

อาชญากรรมรูปแบบใหม่ ทเี่ รยี กว่า “อาชญากรรมคอมพิวเตอร์” เชน่ การขโมยขอ้ มูลในอนิ เทอรเ์ นต็ การใช้

คอมพวิ เตอรเ์ ผยแพรภ่ าพนง่ิ หรอื ภาพเคลอ่ื นไหวลามกอนาจาร การฟอกเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส ์ ซงึ่ แนวทางปอ้ งกนั

อาชญากรรมคอมพิวเตอรส์ ามารถปฏิบตั ิได้ ดงั น้ี

๑. ปอ้ งกนั ข้อมูลสว่ นตวั โดยการตง้ั รหสั เข้าข้อมลู ของไฟล์ขอ้ มลู ทีต่ ้องการปอ้ งกัน

๒. ปอ้ งกันการเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอร ์ เช่น ใสช่ ่อื username และ password การใชส้ มารต์ คารด์ ในการ

ควบคมุ การใช้งาน หรอื กุญแจเพือ่ ป้องกนั การใช้คอมพวิ เตอร์โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต

๓. ส�ารองข้อมูล โดยไมเ่ ก็บขอ้ มลู ไว้ท่ีเดียว

๔. ตง้ั คา่ โปรแกรมคน้ หาและกา� จดั ไวรสั คอมพวิ เตอร์

ทม่ี า : https://tcsd.go.th กองบงั คับการปราบปรามการกระท�าความผิดเกยี่ วกบั อาชญากรรมทางเทคโนโลยี

5๓

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารในการปอ งกนั ตนเองจากปญ หาอาชญากรรม 1 บรรทดั ฐาน แบบแผนของพฤติกรรมที่สมาชกิ ของสงั คมยึดถอื เปนแนวทาง
ไดอ ยา งไร ในการปฏบิ ตั ิ เปนสิ่งกาํ หนดวา พฤติกรรมใดถูกตอ ง พฤติกรรมใดไมถ ูกตอ ง
2 การขดั เกลาทางสงั คม เปน การปลกู ฝง ระเบยี บวนิ ยั เพอื่ ใหส มาชกิ ในสงั คม
(แนวตอบ สามารถทําไดหลายวิธี เชน กอนออกจากบานหรือ ปฏิบัตติ ามบรรทัดฐานของสงั คม และสามารถอยรู ว มกบั ผูอ น่ื ไดอยา งราบร่นื
ทีพ่ ักอาศัย ควรปดประตู ใสกุญแจใหเรียบรอย ไมเก็บทรัพยส ิน
ท่ีมีคามาก หรือเงินสดจํานวนมากไวในบาน การออกนอกบาน
ไมค วรนาํ ของมคี า หรอื ทรพั ยส นิ จาํ นวนมากตดิ ตวั ไปดว ย ใชค วาม
ระมัดระวังเม่ือตองไปในสถานท่ีท่ีมีคนแออัด เพราะอาจเสี่ยงตอ
การถกู ลว งกระเปา หลีกเลยี่ งการเดนิ ทางในท่เี ปล่ียว)

T61

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

สทิ ธิขข1110ั้นน้ั ..ทสปนเแทกน่ี ร3อลาััํกรกายี วระอใเเนนรทนรหเธรทีียยุําจเบิูต นศนมกราา ิิไคตาดรยงทอวๆฉนคกธยมวอคาบิ กมเรรวชาพัาทนรายน ษู้รุขอจใอฎนภอรหมิตรมชิปนบบัน้ฉูลรังังอเาสเอรหกกยอืรยี ่ียลผถพานววลึษงิมกงสกฎพจับารราลเะอบหกักทินังแตษบเหหุสทณทลลําอ่ีสะวคงรังขงกเัญคนใอานต็มทรงCC่ี CCRRRROOCOOSSRSSSSOS•S•••SPPP•POOOOLPLLLIOIIC•CICLCสEEIEEถCLาLLEบLIIINนัNILNNนEIEEิตNE๑ิว••E•.ิท•กยD•DDาDาOOศODรOาOยNสNNNตนื่OONOรOคTT1OTTาํ TCCCขCRRCRอROROOOSOSSSSSSSS ขอรบั เงินชว ยเหลอื

เมอื่ ตกเปนเหย่ืออาชญากรรม

ผูเ้ สยี หายหรอื ตกเปน็ เหยอ่ื ปญั หาอาชญากรรม ไม่วา่ บาดเจ็บ
หรอื เสยี ชวี ติ มสี ทิ ธมิ าขอรบั เงนิ ชว่ ยเหลอื เยยี วยาได ้ โดยปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี

ไทยจะไดรบั จากการกระทําดงั กลาว • กรมคมุ ครองสิทธแิ ละเสรีภาพ
• สาํ นกั งานยตุ ธิ รรมจังหวัดท่ัวประเทศ
• สาํ นกั งานคมุ ครองสิทธิและเสรภี าพ สถานีตาํ รวจทั่วประเทศ

ภาค ๑-๔

POLICE

๒. สทิ ธิทีอ่ าจไดรบั • คาตอบแทนความตาย ๓๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ บาท
• คา จดั การศพ จาํ นวน ๒๐,๐๐๐ บาท
• คา รักษาพยาบาล ไมเ กิน ๓๐,๐๐๐ บาท • คาขาดอุปการะเลี้ยงดู ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐ บาท
• คา ฟน ฟสู มรรถภาพ ไมเ กนิ ๒๐,๐๐๐ บาท • คาตอบแทนความเสยี หายอ่นื
• คาขาดประโยชนทาํ มาหาได วันละไมเ กิน
ไมเ กิน ๓๐,๐๐๐ บาท
๒๐๐ บาท
• คา ตอบแทนความเสยี หายอนื่ ไมเ กิน

๓๐,๐๐๐ บาท

๓. ระยะเวลา

ตรวจสอบเอกสารและ จดั ทาํ สํานวนเสนอให คณะกรรมการฯ มีมติ รวมระยะเวลา
๑หลักฐานใหค รบถว น คณะกรรมการฯ จดั ทาํ คําวินจิ ฉัยตามมติ ปฏิบตั งิ าน
วนั พจิ ารณาเพ่อื มคี าํ วนิ ิจฉยั
๗๑อนมุ ัติหรอื ไมอนุมตั ิ ๗คณะกรรมการฯ ๗๙ วัน
วัน วัน

54 ท่ีมา : www.moj.go.th/view/7901 กระทรวงยตุ ธิ รรม โทร. ๑๑๑๑ กด ๗๗ สายดวนกรมคุม ครองสทิ ธิ
และเสรภี าพ

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสริม

1 นติ วิ ทิ ยาศาสตร คอื การนาํ ความรทู างวทิ ยาศาสตรท กุ สาขามาประยกุ ตใ ช นกั เรยี นสบื คน หนว ยงานของรฐั หรอื องคก รเอกชน ทมี่ บี ทบาท
เพอ่ื ประโยชนใ นดา นกฎหมาย ประโยชนข องการคลค่ี ลายปญ หา และการพสิ จู น หนา ที่ในการชว ยเหลอื เหยื่ออาชญากรรมในประเด็น ดงั นี้
ขอเท็จจริงในคดีความ เพื่อผลในการบังคับใชกฎหมายและการลงโทษ
นิติวทิ ยาศาสตรแ บงไดเ ปน 2 ประเภท คอื นิตวิ ิทยาศาสตรที่เปนวิทยาศาสตร • ชื่อหนวยงาน/องคก ร
ธรรมชาติ เชน การตรวจสถานที่เกิดเหตุ นิติวิทยาศาสตรที่เปนวิทยาศาสตร • บทบาทหนาที่
ประยุกต โดยการนําความรูทางวิทยาศาสตรในสาขาตางๆ มาประยุกตใชให • ตวั อยางผลงาน/กรณที ี่เขา ชว ยเหลือ
เปนประโยชนตอกระบวนการยุตธิ รรม แลว สรุปผลการศกึ ษาคน ควา สงครูผูส อน

T62

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๓.4 ปญั หาทจุ รติ คอร์รัปชัน ขนั้ สรปุ

การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั หรอื การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง เปน็ การเบยี ดบงั เอาผลประโยชนข์ องราษฎร ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ
หรือประชาชนไปโดยมิชอบ หรือการโกงประชาชนด้วยวิธีการที่คดโกง ไม่สุจริต ไม่ถูกต้องตาม
กฎเกณฑ ์ กฎหมาย คณุ ธรรมจรยิ ธรรม เพ่ือน�าผลประโยชนจ์ ากราชการไปใช้ส่วนตน หรอื เพ่ือให้ 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานท่ี 4.1 เรอื่ ง ความขดั แยง
ไดม้ าซ่ึงผลประโยชน์ ในสงั คมไทย โดยครูแนะนําเพม่ิ เตมิ
เ ชน่ ไปนดอภู กาจพายกนนต้ี รก ์ ไาปรซทอื้ ุจขรอิตงค อรวรม์รัปทชง้ั กันายรังเคอราอขบอคงรลาุมชไกปาถรึงไปกใาชรส้ใชว่ ้เนวตลนา รกาาชรกราบั รสไนิปบทน�า1 งกาานรสซ่วอ้ื นขตอนง
ในงานราชการสูงกว่าราคาปกติเพ่ือรับเงินส่วนต่างจากผู้ขาย การรับอามิสสินจ้าง ตลอดจน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
การเลือกที่รกั มักทีช่ ัง อันเปน็ การลิดรอนความเป็นธรรมและความถกู ตอ้ งตามกฎหมาย พลเมอื งฯ ม.3 เกยี่ วกบั เรอ่ื ง ลกั ษณะของสงั คม
ไทยและปจ จยั ทกี่ อ ใหเ กดิ ความขดั แยง จนเกดิ
๑) ส๑.า๑เ)หตคทุ า่ นที่ ยิา� มใหขอเ้ กงดิสงัปคญั มห คานทสจุ ว่ รนติ หคนองึ่ รยร์ดึ ปัถชอื เนั ง นิ ท ีส่ตา�า� คแหัญน มง่ 2 ดี วังตั นถี้ ุ และผลประโยชนส์ ว่ นตน เปนปญหาสังคมและแนวทางแกไข เพื่อเปน
การบา นสงครูในชั่วโมงถัดไป
และพวกพอ้ งว่าเปน็ ส่งิ ส�าคัญ และเหน็ ว่าเป็นสง่ิ ท่ีถกู ต้อง โดยไม่สนใจวา่ ทรพั ย์สินเงินทองนนั้ จะ
ไดม้ าดว้ ยวิธกี ารใด จงึ กลายเป็นคา่ นิยม กอ่ ให้เกดิ การทุจรติ ในหมู่ข้าราชการขึน้ ได้ ซึง่ บางกลุ่ม
บางคนใชต้ า� แหนง่ ในการทจุ ริตเพื่อสร้างฐานะและอทิ ธพิ ลของตน

๑.๒) ความบบี คนั้ ทางเศรษฐกจิ บคุ คลบางคนตอ้ งทจุ รติ ดว้ ยความจา� เปน็ เพราะถกู ภาวะ
ทางเศรษฐกิจของครอบครวั และสงั คมบีบคนั้ ใหก้ ระท�า เช่น มีรายได้ไม่พอใช้ อาจเป็นผลมาจาก
การมีบุตรมาก การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือใช้รักษาอาการเจ็บป่วย เมื่อท�าการทุจริตครั้งแรกได้
ย่อมก่อใหเ้ กิดความเคยชนิ และกระทา� ครัง้ ต่อ ๆ ไปจนกลายเป็นเรื่องปกติ

๑.๓) ระบบราชการ มีระบบการท�างานที่สลับซับซ้อนและให้อ�านาจแก่เจ้าหน้าที่ของ
รัฐมาก จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ข้าราชการบางคนท่ีขาดจิตส�านึกและคุณธรรมจริยธรรมใช้เป็น
ช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ในบางกรณีนอกจากผู้บังคับบัญชาละเว้นและ
ไมส่ นใจในการปอ้ งกนั การคอรร์ ปั ชนั ของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาแลว้ ยงั ปลอ่ ยใหผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชากระทา�
การทุจรติ โดยไม่ดา� เนินการใด ๆ ด้วย

๑.๔) ขาดการลงโทษทเี่ ดด็ ขาด แมว้ า่ ในกฎระเบยี บจะมกี ารกา� หนดบทลงโทษทรี่ นุ แรง
แตใ่ นทางปฏบิ ตั นิ นั้ กลบั ไมม่ กี ารลงโทษผกู้ ระทา� ผดิ อยา่ งจรงิ จงั ทา� ใหม้ กี ารทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ปรากฏ
อยูต่ ลอดเวลา

๑.๕) ความยนิ ยอมของประชาชนบางกลมุ่ เชน่ นกั ธรุ กจิ พอ่ คา้ ทตี่ อ้ งการความสะดวก
ในการติดตอ่ งานราชการ หรือบางคนกระท�าผดิ แตไ่ ม่ตอ้ งการรบั โทษ มักจะให้เงินและส่ิงของแก่
เจา้ หน้าทขี่ องรฐั บางคนท่สี ามารถอา� นวยผลประโยชนบ์ างอย่างให้แก่ตนตามทีต่ ้องการ ก่อให้เกิด
ปัญหาการติดสินบนตามมา

55

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

ขอ ใดเปน ปจ จยั ทสี่ ง เสรมิ ใหเ กดิ การทจุ รติ ฉอ ราษฎรบ งั หลวง 1 สนิ บน เชน การตดิ สินบนเจาพนกั งานของรฐั เพื่อใหช วยดาํ เนินการตา งๆ
1. ระบบอุปถมั ภ ใหเกิดความสะดวกรวดเร็ว หรือหลีกเลี่ยงการดําเนินการลงโทษตามกฎหมาย
2. ระบบทุนนิยม ถือเปนสิ่งบอนทําลายระเบียบของสังคม อีกทั้งยังเปนการสงเสริมคานิยมท่ีผิด
3. การพงึ่ พาตนเอง ใหกับคนในสังคม
4. ลทั ธพิ าณชิ ยนิยม 2 ตําแหนง คานิยมในสังคมไทยอยางหนง่ึ คอื ความตองการอยูในตําแหนง
หนาที่การงานท่ีสูง ซึ่งเม่ือมีตําแหนงสูงยอมมีอํานาจในการบังคับบัญชา แต
(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ระบบอุปถัมภเปนความสัมพันธ ส่ิงสําคัญคือ ตองใชอํานาจใหอยูในขอบเขต ไมใชอํานาจไปในทางทุจริตหรือ
ของกลุมคนท่ีมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชนกัน โดยผูมีอํานาจ ประพฤตมิ ิชอบ
ก็จะเอื้อประโยชนใหพวกพองของตนเอง กอใหเกิดการทุจริต
รปู แบบตางๆ)

T63

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

ขนั้ ประเมนิ ๒) ผลกระทบจากปญั หาทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ท่สี �าคัญ มดี งั น้ ี

ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล ๒.๑) ผลเสียต่อรัฐ ท�าให้เกิดระบบสมยอมและหลอกลวง ท�าให้รัฐต้องสูญเสียเงิน
ซอื้ สนิ คา้ ในราคาสงู กวา่ ความเปน็ จรงิ รฐั ไมม่ โี อกาสไดเ้ ลอื กสนิ คา้ ทม่ี คี ณุ ภาพเหมาะสมเพราะเกดิ
1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ การผกู ขาดการขายให้แก่ราชการ นับเป็นการบอ่ นทา� ลายความมั่นคงและการพฒั นาประเทศ
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ที่พลเมอื งฯ ม.3 ๒.๒) ผลเสียต่อระบบราชการ การเล่นพรรคเล่นพวกตามระบบอุปถัมภ์ การรักษา
ผลประโยชนข์ องกลมุ่ ตน ทา� ใหค้ นดมี คี วามสามารถไมม่ โี อกาสเขา้ รบั ราชการ นอกจากน ้ี ยงั สง่ ผลให้
2. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ขา้ ราชการทด่ี ี ทม่ี งุ่ มนั่ ในการทา� งานหมดกา� ลงั ใจในการทา� งาน
ทํางาน และการนาํ เสนอผลงานหนาชั้นเรยี น
๒.๓) ผลเสียต่อประชาชน เม่ืองบประมาณถูกทุจริตไปบางส่วนท�าให้การสร้าง
3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สาธารณูปโภคต่าง ๆ ไม่ได้มาตรฐาน เพราะใช้ต้นทุนในการผลิตต�่า ประชาชนได้รับผลจากการ
สมรรถนะฯ หนา ที่พลเมืองฯ ม.3 พัฒนาไมเ่ ต็มที่ เกิดความเสื่อมศรทั ธาต่อหนว่ ยงานราชการ

๓) แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ท่ีส�าคัญ มดี งั น้ี

๓.๑) สร้างค่านิยมและปลูกจิตส�านึกในการปฏิบัติตนของเยาวชน ให้อยู่บนพื้นฐาน
ของความซื่อสัตย์สุจริต มีความละอายต่อการกระท�าใด ๆ ที่น�าไปสู่การทุจริต รวมถึงไม่ยอมรับ
พฤติกรรมการทุจริตในระบบราชการ และสร้างจิตส�านึกและความตระหนักให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ
ท�างานด้วยความสจุ รติ

๓.๒) ใช้มาตรการลงโทษ โดยจะต้องมีมาตรการเพ่อื ป้องกนั การทจุ ริตอย่างรดั กมุ และ
มบี ทลงโทษตอ่ ผกู้ ระทา� ผดิ อยา่ งรนุ แรง นอกจากน ้ี มาตรการตา่ ง ๆ ทว่ี างไวจ้ ะตอ้ งมกี ารนา� ไปใชจ้ รงิ
โดยไม่เลอื กปฏบิ ัติ จงึ จะทา� ใหม้ าตรการเหลา่ นน้ั มีประสทิ ธภิ าพ

๓.๓) การนา� เสนอขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งของสอื่ มวลชน สอื่ มวลชนตอ้ งนา� เสนอขา่ วสารขอ้ มลู
เก่ียวกับการกระท�าทุจริตอย่างตรงไปตรงมา มีความเป็นกลาง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและ
ใช้วิจารณญาณตอ่ ไป
๓.๔) ปรับเปล่ียนการด�ารงต�าแหน่งข้าราชการ ควรมีการหมุนเวียนเปลี่ยนเจ้าหน้าที่
ข้าราชการในต�าแหน่งท่ีมีอ�านาจในการตัดสินใจอนุมัติการใช้จ่ายเงินงบประมาณ มีการกระจาย
อา� นาจและแสดงทรัพย์สินสว่ นตวั ท้งั กอ่ นและหลังการด�ารงต�าแหนง่

๓.๕) การปรับเงนิ เดือน ค่าตอบแทน และสวสั ดกิ ารให้เหมาะสม จากสภาพเศรษฐกจิ
ทม่ี คี ่าครองชพี สงู ขึน้ ภาครฐั ควรมีนโยบายหรือมาตรการตา่ ง ๆ ที่จะชว่ ยเพมิ่ รายไดแ้ ละสง่ เสรมิ
สวสั ดกิ ารต่าง ๆ ใหข้ า้ ราชการและประชาชนมีคุณภาพชีวติ ทีด่ ี
๓.๖) การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ประชาชนจะต้องร่วมกันสอดส่องพฤติกรรม
การกระทา� ทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ และแจ้งแก่เจา้ หนา้ ทท่ี ่ีเกีย่ วข้อง เช่น สา� นักงานคณะกรรมการ
ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาต ิ (ป.ป.ช.) เพอื่ ใหด้ า� เนนิ การตรวจสอบและลงโทษผกู้ ระทา�
ผิดต่อไป

56

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคิด

ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอ้ื หา เรอื่ ง ลกั ษณะของสงั คมไทย หากประเทศมกี ารทจุ รติ คอรรปั ชนั สงู จะสง ผลอยางไร
และปจจัยท่ีกอใหเกิดความขัดแยงจนเกิดเปนปญหาสังคมและแนวทางแกไข 1. เกดิ ความลา หลังทางวฒั นธรรม
ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น 2. ประชาชนไมส ามารถพึ่งพาตนเองได
โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน 3. คาเงินของประเทศแข็งคาขนึ้ ตอเนอื่ ง
ท่แี นบมาทายแผนการจัดการเรยี นรหู นวยที่ 4 เร่อื ง สงั คมไทย 4. ขาดความนาเช่อื ถือจากนานาประเทศ

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ประเทศท่ีมีการทุจริตคอรรัปชัน
สูงแสดงใหเห็นถึงความลาหลังทางการเมืองการปกครอง รวมถึง
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ การพัฒนาประเทศท่ีเปนไปอยางเชื่องชา จึงทําใหขาดความ
ตรงกับระดบั คะแนน นาเชื่อถือเมื่อตองติดตอกับประเทศสากล เพราะประเทศสากล
ลว นไมยอมรับการทุจรติ คอรรปั ชนั ทกุ รูปแบบ)
ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา
2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่

รวม

ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

T64 ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ô. แ นวทางความร่วมมอ× ในการÅดความขดั แยง้ แÅะสรา้ งความ ขน้ั นาำ (การจดั การเรียนรูแบบรวมมือ :

สมาน©นั ท์ เทคนคิ คูคดิ สี่สหาย)
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเรื่อง
การทค่ี นจา� นวนมากมาอยรู่ วมกนั ในสงั คม ยอ่ มสง่ ผลใหเ้ กิดปญั หาความขดั แยง้ หลากหลาย
รูปแบบ จ�าเปน็ จะตอ้ งหาวิธจี ัดการเพ่ือลดและขจดั ความขดั แยง้ ท่ีจะเรียนรู จดุ ประสงคการเรยี นรู และผลการ
เรยี นรู
4.๑ แนวทางในการลดความขดั แย้ง 2. ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปความรูเดิมเก่ียวกับ
สมาชิกในสังคมสามารถลดความขดั แยง้ ได้ โดยมีแนวทางปฏิบตั ิ ดังน้ี ปญ หาสงั คมไทยทสี่ าํ คญั สาเหตุ และแนวทาง
๑. ยอมรบั ความแตกต่างของกันและกนั เช่น ความคดิ ความเช่อื ความชอบท่ีแตกตา่ งกัน ปองกันแกไข
ของบุคคล โดยใช้ความมีเหตุผลในการอยู่ร่วมกัน 3. ครูถามคําถามเพ่ือกระตุนความสนใจของ
๒. สรา้ งความไว้วางใจซง่ึ กันและกันระหวา่ งบคุ คล กลุม่ หรือฝ่ายตา่ ง ๆ ในสงั คม นักเรียนและใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
๓. ลดเงื่อนไขท่ีจะน�าไปสู่ความรู้สึกอคติหรือความเกลียดชัง ด้วยการให้ความส�าคัญและ ขอ คําถามดงั กลา ว เชน
การยอมรับคณุ ค่าทีม่ องเห็นความหลากหลายและความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม • นกั เรยี นคดิ วา วธิ กี ารลดความขดั แยง อยา งไร
๔. ส่งเสรมิ ใหม้ ีการพัฒนาบุคลากร พรอ้ มทั้งจดั การความขดั แยง้ ด้วยสันติวิธี โดยให้มกี าร
ศึกษาและฝกึ อบรมเพื่อส่งเสรมิ ความเข้าใจดว้ ยสนั ติวธิ ี ทไี่ ดผลดที ส่ี ุด
๕. สรา้ งความรว่ มมอื กบั ทกุ ฝา่ ยทเ่ี กย่ี วขอ้ งในกรณที สี่ ถานการณค์ วามขดั แยง้ มคี วามรนุ แรง (แนวตอบ การรวมมือของบุคลากรทุกระดับ
และหาแนวทางหรือวิธีการในการขับเคลื่อนให้สมาชิกในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน ทเี่ กย่ี วขอ งกบั ความขดั แยงนน้ั )
แกไ้ ข ควบคุม ลด และเยยี วยาปัญหาความขัดแย้ง • การแกไขปญหาความขัดแยงวิธีใดที่สงผล
ใหค ูกรณมี ีความสมั พนั ธทด่ี ีตอกนั
(แนวตอบ การไกลเ กล่ีย การเจรจาตอรอง)

4.๒ แนวทางในการแก้ไขปญั หาความขดั แยง้
เม่อื คนในสงั คมเกิดความขดั แย้ง มีแนวทางในการแกไ้ ข ดงั นี้
๑. การเจรจาต่อรอง เป็นกระบวนการพูดคุย เจรจาต่อรองให้แก่บุคคลหรือกลุ่มบุคคล
ทง้ั สองฝา่ ยเพอื่ จดั การแกไ้ ขปญั หา โดยกระทา� ดว้ ยความสมคั รใจ ถอื เปน็ วธิ กี ารทสี่ ะดวกและรวดเรว็
๒. การไกล่เกล่ีย เป็นกระบวนการท่ีมี
บุคคลท่ีสามเป็นคนกลางเข้าให้ค�าแนะน�าและ
ช่วยเหล๓ือ. คอู่กนรญุ ณาใี โนตกตาลุ ราเจกราจร1า เตป่อ็นรกอรงะบวนการที่
คู่กรณีตกลงให้บุคคลที่สามเข้ามาเป็นผู้ช้ีขาด
ขอ้ พพิ าท โดยตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ กฎหมาย
และวิธกี ารทีก่ �าหนด
๔. ฟอ้ งคดตี อ่ ศาล เปน็ กระบวนการตาม
กฎหมายที่คู่กรณีน�าคดีข้ึนฟ้องร้องต่อศาลเพ่ือ  การพูดคุยหรือเจรจาต่อรองเมื่อเกิดปัญหา เป็นวิธีหนึ่ง
ระงับข้อพิพาท ทีช่ ่วยลดความขดั แยง้ และสร้างความสมานฉนั ท์ในสังคม
57

กจิ กรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู

นักเรียนแบงกลุม 3-5 กลุม สืบคนขาวที่เปนประเด็นความ ครคู วรตงั้ ประเดน็ ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ โดยใหน กั เรยี นยกตวั อยา ง
ขดั แยงในสงั คมไทย จากน้ันชว ยกนั สรุปขา วพรอ มบอกแหลง ทม่ี า ประกอบสถานการณของตนเองในการพบเจอความขัดแยง พรอมทั้งบอกถึง
วิธีการแกไ ขในแบบของนักเรียน โดยครูรว มแสดงความคดิ เหน็ และเสนอแนะ
กจิ กรรม ทา ทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนนําขาวท่ีสืบคนและสรุปไดมาทําการอภิปรายกลุม
เพ่ือวิเคราะหวิธีแกไขปญหาความขัดแยงตามเน้ือขาว จากน้ัน 1 อนญุ าโตตลุ าการ คอื การระงบั ขอ พพิ าททางเลอื กนอกศาล เปน กระบวนการ
ใหว จิ ารณถึงวิธกี ารแกปญ หานัน้ วา มคี วามเหมาะสมเพียงใด ที่คูพิพาทตกลงกันใหบุคคลที่สามท่ีมีความเปนกลาง เปนอิสระ และมีความรู
ความเชี่ยวชาญในเรื่องท่ีพิพาทนั้นเปนผูทําการวินิจฉัยชี้ขาดขอพิพาทดังกลาว
โดยคูพิพาทจะตองยอมรับคําวินิจฉัยชี้ขาดและผูกพันท่ีจะปฏิบัติตามคําชี้ขาด
นน้ั ดว ย

T65

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาำ 4.๓ การสร้างความสมานฉันทใ์ นชุมชน

4. ครูนําขาวหรือเหตุการณที่สะทอนถึงปจจัย การสรา้ งความสมานฉนั ท ์ คอื การทค่ี นในชมุ ชนมคี วามสามคั ค ี มคี า่ นยิ มรว่ มทจ่ี ะไมเ่ อารดั
ท่ีสงเสริมการดํารงชีวิตใหมีความสุข เชน เอาเปรยี บ รู้จกั ยอมรบั เหตุผล และยอมรับความแตกตา่ งดา้ นชาตพิ ันธ์ ุ ศาสนา ภาษา และความ
เกษตรกรท่ีนําแนวทางของเกษตรทฤษฎีใหม คดิ เหน็ ทางดา้ นการเมอื งการปกครอง รวมถงึ ประเดน็ อน่ื ๆ โดยไมใ่ ชค้ วามรนุ แรงในการแกป้ ญั หา
มาใช หรอื บคุ คลทดี่ าํ เนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญา นนั่ หมายถงึ ความรว่ มมือ ลดความขดั แยง้ ในความคิด ไม่ยึดติดหรอื มอี คต ิ และใช้ปญั ญาในการ
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งแลว เกดิ ความสขุ ในชวี ติ แก้ไขปญั หาเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนร์ ่วมกนั
วิธีการสร้างความสมานฉนั ทใ์ นชุมชน ได้แก่
5. ครูตั้งประเด็นเพ่ือใหนักเรียนรวมกันแสดง ๑. ต้งั องคก์ รทป่ี ระกอบดว้ ยภาครฐั และภาคประชาสงั คม เพ่ือทา� หนา้ ทีส่ ่งเสรมิ สนั ตวิ ธิ ี
ความคิดเห็นวา นักเรียนคิดวาปจจัยสําคัญท่ี ๒. ให้โรงเรยี นหรอื สถานศึกษาเป็นศนู ยก์ ลางในการสรา้ งความสามัคคีในชุมชน
จะชว ยใหก ารดาํ รงชวี ติ ของนกั เรยี นมคี วามสขุ ๓. ใหส้ มาชกิ ในชมุ ชนเขา้ รว่ มทา� กจิ กรรม เพอื่ พดู คยุ แลกเปลยี่ น รวมทงั้ รบั ฟงั ความคดิ เหน็
มอี ะไรบาง ระหวา่ งกนั อนั จะช่วยลดชอ่ งว่างความขดั แย้งใหแ้ คบลงและเกิดความสามัคคีของคนในชมุ ชน

6. ครูสรุปการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน ๕. ปัจจยั ส่งเสรมิ การดÓรงชีวิตใหม้ คี วามสุข
โดยเช่ือมโยงใหเขากับเน้ือหาเพื่อนําเขาสู
บทเรียน ในการดา� รงชวี ติ ใหม้ คี วามสขุ อยา่ งแทจ้ รงิ นน้ั จะตอ้ งเกดิ ความสขุ ทง้ั ทางกายและทางจติ ใจ
คนทุกคนย่อมปรารถนาที่จะท�าให้ชีวิตของตนมีความสุข การจะด�ารงชีวิตได้อย่างมีความสุขนั้น
มกั ประกอบดว้ ยปัจจัยตา่ ง ๆ ดงั นี้

๑) การอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งมขี นั ตธิ รรม ขันตธิ รรม คือ การมีความอดทนอดกลนั้ ต่อสิ่งที่

ตนไมช่ อบ ไมเ่ ห็นด้วย โดยการยอมรบั ความแตกตา่ ง เชน่ คา่ นยิ ม ศาสนา ลัทธ ิ ความเชอ่ื ระบบ
การเมอื งการปกครอง ทัศนคต ิ

การอยู่ร่วมกันในสังคมย่อมมีการ
กระทบกระท่ังกันบ้างตามเหตุและปัจจัยต่าง ๆ
ดังนั้น เราควรท่ีจะเรียนรู้ท�าความเข้าใจ และ
ปรับวิธีคิดให้ถูกต้องเหมาะสม เปิดใจกว้าง
ยอมรบั และเคารพในความแตกตา่ ง เพื่อให้เกิด
ความเขา้ ใจทดี่ ตี อ่ กนั นอกจากน ้ี ยงั ควรทจี่ ะรจู้ กั
การประนปี ระนอม มีมนุษยสัมพันธ์ที่ด ี มคี วาม
เมตตากรุณาต่อผู้อ่ืน รู้จักสามัคคี รู้บาปบุญ
 การให้ค�าแนะน�าหรือความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นโดยไม่เลือก คุณโทษ จะท�าให้อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมี
เพศ ชนชน้ั เชอ้ื ชาต ิ และฐานะ ยอ่ มสง่ เสรมิ การอยรู่ ว่ มกนั ความสุข

อย่างสันตสิ ขุ ในสังคม

58

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครูนําขาวหรือเหตุการณท่ีสะทอนถึงปจจัยท่ีสงเสริมการดํารงชีวิตใหมี บุคคลใดสามารถดํารงชวี ติ ของตนไดอยางมีความสุข
ความสุข เชน เกษตรกรที่นําแนวทางของเกษตรทฤษฎีใหมมาใช หรือบุคคล 1. ตก๊ิ ใชเงนิ ฟมุ เฟอยเกนิ ตวั
ท่ีดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแลวเกิดความสุขในชีวิต 2. ตอชอบแขง ขันเรื่องวตั ถกุ ับเพ่อื น
จากนน้ั ครตู งั้ ประเดน็ คาํ ถามเพอ่ื ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา นกั เรยี นคดิ วา 3. ตวิ๋ อจิ ฉาเพอ่ื นบานท่ีมีฐานะดีกวา
ปจจยั สําคญั ทจ่ี ะชวยใหก ารดาํ รงชวี ิตของนักเรยี นมคี วามสุขมีอะไรบาง 4. เตด ําเนนิ ชวี ิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การนาํ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี งมาใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั จะชว ยใหเ รารจู กั ประหยดั อดออม
ไมใชจายเกินตัว มีเหตุผล รูจักพึ่งพาตนเอง ทําใหสามารถ
ดาํ รงชีวิตของตนไดอยางมคี วามสุข)

T66

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒) การใชช้ วี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง1 หลกั การสา� คญั ของหลกั ปรชั ญา ขน้ั สอน

ของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การด�ารงชีวิตท่ีต้ังอยู่บนพ้ืนฐานทางสายกลาง มีความพอประมาณ 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั
มีเหตุผล อันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ตามความสามารถ ไดแก เกง ปานกลาง
ประกอบกับการวางแผนการตัดสินใจและการกระท�ากิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งสามารถน�ามาใช้ในการ คอนขางเกง ปานกลางคอนขางออน และ
ด�าเนนิ ชวี ติ ได ้ ดังน้ี ออน โดยใหสมาชิกแตละคนเลือกหมายเลข
ประจาํ ตัว ตง้ั แตหมายเลข 1-4
๒.๑) ความพอประมาณ คือ การกระท�าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเปน็ ในระดับครอบครวั ระดบั
สังคม โดยไม่สุดโต่ง ไม่ตงึ หรือหย่อนเกนิ ไป เช่น ถา้ มีเงนิ อย่ ู ๑๐๐ บาท กไ็ ม่ควรใช้จา่ ยเกินกวา่ 2. สมาชกิ แตล ะหมายเลขแยกยา ยไปรวมกลมุ ใหม
จา� นวนทีม่ อี ยู่ ควรใชต้ ามความจา� เป็น หากมีเงนิ เหลือกใ็ ห้เก็บออมไว้ใชจ้ า่ ยในอนาคต ซงึ่ ความ และรวมกันศึกษาความรูในใบความรู เรื่อง
พอประมาณครอบคลุมไปถึงความพอประมาณกับศักยภาพของตนเอง กับสภาพแวดล้อม และ การลดความขัดแยงและการดํารงชีวิตอยางมี
ไมโ่ ลภเกินไปจนตอ้ งเบียดเบียนผูอ้ ่นื และสง่ิ แวดลอ้ ม ความสุข ประกอบการใชหนังสือเรียนสังคม
ศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน
๒.๒) ความมเี หตุผล คือ การใด ๆ จะต้องกระทา� อย่างระมัดระวัง รอบคอบ มีเหตุผล หนังสือในหองสมุด เว็บไซตทางอินเทอรเน็ต
เช่น ในการลงทุนทา� กจิ การต่าง ๆ จะต้องตอบค�าถามใหไ้ ดว้ า่ จะทา� อะไร ท�าอยา่ งไร ทา� เมอ่ื ใด หมายเลขละ 1 เรอ่ื ง ดังน้ี
และผลตอบแทนเป็นอย่างไร และไม่เกินก�าลังของตนเองและกลุ่ม เพ่ือจะท�าให้การด�าเนินธุรกิจ • หมายเลข 1 แนวทางในการลดความขดั แยง
ไม่ผดิ พลาด ความมีเหตผุ ลครอบคลุมไปถึงการไมป่ ระมาท การรู้ถงึ สาเหต ุ การมคี วามสามารถ • หมายเลข 2 แนวทางในการแกไขปญหา
ในการพิจารณาคน้ หาปัจจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง และการคา� นงึ ถึงผลกระทบทีจ่ ะเกิดขึ้นจากการกระท�า ความขัดแยง
• หมายเลข 3 การสรางความสมานฉันทใน
๒.๓) การมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับผลกระทบและการ ชมุ ชน
เปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีคาดว่าอาจเกิดข้ึนในอนาคต เช่น การลงทุนท�ากิจการ • หมายเลข 4 ปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิต
ต่าง ๆ ตอ้ งไม่เกินก�าลัง ไม่ทา� โดยหยบิ ยมื เงินของผู้อ่นื หรือการกู้เงนิ จากสถาบันการเงินมากจน ใหม ีความสขุ
เกินไป และควรมีเงนิ ทุนส�ารองกนั ไว้สว่ นหนึง่ ซง่ึ ถา้ ธรุ กจิ ประสบปัญหาก็ยังมเี งนิ สว่ นท่สี า� รองไว ้
การมีภูมิคุ้มกันครอบคลุมถึงการพึ่งตนเองได้ทางเศรษฐกิจและสังคม การค�านึงถึงผลระยะยาว
และการร้เู ทา่ ทนั และพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงตา่ ง ๆ ทีจ่ ะเกดิ ขึน้

 การด�ารงชีวิตอย่างพอประมาณ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อ่ืนให้เดือดร้อน ย่อมท�าให้พ่ึงพาตนเองได้และใช้ชีวิตอย่างมี
ความสุข

59

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ขอสรปุ ใดถูกตอง ครูจัดใหนักเรียนไดมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักปรัชญาของ
1. หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน แนวคดิ นาํ ไปสคู วามราํ่ รวย เศรษฐกิจพอเพียง จากน้ันใหนักเรียนเสนอแนวทางการนําหลักปรัชญาของ
2. การมฐี านะดเี ทา นนั้ เปน ปจ จยั สง เสรมิ ใหช วี ติ พบความสขุ ทแ่ี ทจ รงิ เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใชใหเกิดประโยชนในชวี ติ ประจาํ วัน
3. การสรางทักษะทางอารมณดวยการฝกสมาธิชวยใหเปนคน
นักเรียนควรรู
มองโลกในแงดี
4. การรจู กั ตดั สนิ ใจอยา งมเี หตผุ ลเปน สว นหนงึ่ ของแนวคดิ บรโิ ภค 1 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เปนปรัชญาช้ีถึงแนวการดํารงอยูและ
ปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแตระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึง
นยิ มที่เกิดขึ้นในสงั คม ระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศใหดําเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพอ่ื ใหก าวทนั ตอยุคโลกาภวิ ฒั น
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การฝกสมาธิชวยใหเปนคน
มองโลกในแงด แี ละมจี ติ ทส่ี งบ นอกจากนี้ การรจู กั ใชเ วลาวา งใหเ กดิ
ประโยชนนัน้ มสี ว นชวยใหม องโลกในแงด ไี ดเชนกนั )

T67

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๒.๔) เงอ่ื นไขความรแู้ ละคณุ ธรรม หมายถงึ การตดั สนิ ใจและการดา� เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ
ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนน้ั ตอ้ งอาศยั ความรหู้ รอื วชิ าการทเ่ี กยี่ วขอ้ งอยา่ งรอบดา้ น รวมถงึ คณุ ธรรม
3. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอผลการศกึ ษา ต่าง ๆ เช่น ความซ่ือสัตย์สุจริต ขยัน อดทน
และอภิปรายความรูรวมกัน โดยครูแนะนํา สติปญั ญา ทง้ั น้ ี เพ่อื ให้การดา� รงชีวิตเกิดความ
เพิม่ เติม สมดุล มัน่ คง และยั่งยืน

4. ครใู หน กั เรยี นแตล ะหมายเลขกลบั ไปทก่ี ลมุ เดมิ ๓) การเห็นคุณค่าในตนเอง คนเรา
และรวมกันทําใบงานที่ 4.2 เรื่อง สังคมไทย ทกุ คนเกิดมายอ่ มมคี ุณคา่ ในตนเอง สง่ิ ทส่ี า� คัญ
กับการพัฒนา คอื เราสามารถที่จะปฏบิ ตั ติ นใหม้ คี ณุ ค่าทั้งต่อ
ตนเองและคนในสังคมได้อย่างไร หากคนใน
5. นักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความ สังคมรู้จักคุณค่าของตนเองและน�ามาใช้ให้เป็น
ถูกตอ งของใบงาน  การด�าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจใด ๆ ก็ตาม จะต้องมี ประโยชน์ กจ็ ะก่อให้เกิดผลดตี อ่ สังคมโดยรวม
ความรอบรู้ คณุ ธรรม และจรยิ ธรรมประกอบกนั เพอื่ การ การท่ีเราจะมองเห็นคุณค่าในตนเอง
6. ครใู หอ าสาสมัครนกั เรียน 2-3 กลุม นาํ เสนอ ดา� รงชวี ติ อยา่ งมีความสุข ไดน้ นั้ เราไมค่ วรประเมนิ คา่ ของตนเองใหต้ า�่ ตอ้ ย
ผลงานในใบงานหนาช้นั เรียน และใหก ลุมอื่น
ที่มีผลงานที่แตกตา งกันไดน ําเสนอเพม่ิ เตมิ โดยเปรยี บเทยี บกบั คนอนื่ ทดี่ กี วา่ เดน่ กวา่ แลว้ เกบ็ มาคดิ ใหต้ นเองกลดั กลมุ้ จนทา� ใหไ้ มอ่ าจแขง่ ขนั
หรอื สกู้ บั คนอน่ื ทมี่ ภี มู หิ ลงั ทด่ี กี วา่ ได ้ เราควรตระหนกั วา่ ทกุ คนมคี วามแตกตา่ งกนั แตล่ ะคนมคี ณุ คา่
7. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมท่ีเกี่ยวกับแนวทาง ในตนเอง และสามารถพัฒนาได้หากได้รบั การศึกษา ขยนั หมั่นเพียร เอาจรงิ เอาจังในการทา� งาน
ความรวมมือและปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิต รจู้ กั อดออม และมธั ยัสถ์
ใหมีความสุขในแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
พลเมอื งฯ ม.3 เพอ่ื เปน การบา นสง ครใู นชวั่ โมง ๔) มองโลกในแง่ดี สร้างทักษะทางอารมณ์ คนเราต้องมองเห็นคุณค่าของตนเอง
ถดั ไป มีความคิดในเชิงบวก พยายามดึงศักยภาพของตนเองมาใช้ในทางสร้างสรรค์ ปฏิบัติตนให้เป็น
ประโยชน์ต่อตนเองและผู้อ่ืน ขณะเดียวกันก็มองผู้อ่ืนในด้านดี รู้จักให้อภัย มีเมตตา ให้ความ
8. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน ช่วยเหลอื ผ้อู ่นื ตามก�าลังความสามารถ รูจ้ ักเสียสละเพ่ือสว่ นรวม ไมเ่ หน็ แก่ประโยชนส์ ่วนตนและ
(รวบยอด) แผน พบั เรอื่ ง สงั คมไทยยคุ ปจ จบุ นั

9. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3
เร่ือง สังคมไทย เพื่อทดสอบความรูท่ีได
ศึกษามา

พวกพอ้ ง มสี ต ิ รจู้ กั รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของคนรอบขา้ ง ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา หลกี เลย่ี งการใช้
ความรุนแรงทกุ รปู แบบ พรอ้ มยอมรบั เหตกุ ารณท์ งั้ ที่เปล่ยี นแปลงและไมส่ ามารถเปลยี่ นแปลงได ้
นอกจากนี้ ควรสร้างทักษะทางอารมณ์ด้วยการฝึกสมาธิ มีสติกับความคิด รู้ว่าก�าลังคิด
ก�าลังท�าอะไร รวมถึงรจู้ ักใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน ์ เชน่ ออกก�าลังกาย ฟงั เพลง ท�ากจิ กรรม
ด้านศิลปะ เพ่ือผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนและการท�างาน สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้คนเรา
ด�ารงชวี ติ อยู่ร่วมกับผอู้ ่ืนได้อยา่ งสงบสขุ

60

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาหาตัวอยางกรณีศึกษาเกี่ยวกับบุคคลท่ี การกระทําในขอใดสงผลใหชวี ติ มคี วามสขุ
ดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยนําขอมูลที่ไดมาจัดทํา 1. กอยชอบเปรียบเทยี บตนเองกบั ผอู ื่นอยเู สมอ
เปน รปู เลมรายงาน แลว นําสงครผู สู อน 2. ก่งิ ตงั้ ใจทํางานมากเพือ่ หวงั ไดเ ลื่อนตําแหนง
3. กุลยมื เงนิ เพ่ือนรว มงานเน่ืองจากใชจ า ยไมเพียงพอ
ส่ือ Digital 4. แกว ใชเหตผุ ลในการตัดสินใจและแกปญหาไดอ ยา งเหมาะสม

ศึกษาคน ควา ขอมูลเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไดท่ี (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การรจู ักใชเหตผุ ลในการตัดสินใจ
http://www.rdpb.go.th/th และแกไขปญหาอยา งเหมาะสม ถือเปนการกระทาํ ท่สี งผลใหชวี ติ
มีความสุข เนื่องจากคิดเปน สามารถเรียนรูและแยกแยะไดวา
ควรทาํ อยา งไรใหเหมาะสมกับสถานการณต างๆ ที่เกิดขน้ึ )

T68

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๕) รจู้ กั บรโิ ภคดว้ ยปญั ญา ในยคุ ปัจจบุ ันทม่ี คี วามเจริญทางดา้ นวตั ถมุ าก มีการประดษิ ฐ์ ขนั้ สรปุ

คิดค้นอุปกรณ์ ส่ิงของต่าง ๆ ท่ีจะสามารถอ�านวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ด้วยสภาพดังกล่าว ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ
ท�าให้มนษุ ยม์ ักยดึ ติดในความเจรญิ ทางดา้ นวตั ถุเปน็ หลัก เปน็ ลกั ษณะของบริโภคนยิ ม ซึ่งการที่ แนวทางความรวมมอื และปจ จัยสง เสรมิ การดาํ รง
เราจะด�ารงชีวิตให้มีความสุขได้อย่างแท้จริงนั้น เราควรบริโภคสิ่งต่าง ๆ อย่างพอประมาณตาม ชีวิตใหมีความสุข หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญ
ความจา� เป็นของร่างกายและความเหมาะสมกบั ฐานะของตนเอง รจู้ กั เลอื กใชข้ องทเ่ี ปน็ ประโยชน ์ ของเน้ือหา ตลอดจนความสําคัญของแนวทาง
ไมฟ่ ุ่มเฟือย ควรจดบนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ยของตนเองและครอบครวั ด้วย ความรวมมือและปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิตให
มีความสุขตอ การดาํ เนินชวี ติ ประจาํ วัน
๖) การเลือกรับ-ปฏิเสธข่าวสารและวัตถุต่าง ๆ สังคมปัจจุบันเป็นสังคมแห่งข้อมูล
ขน้ั ประเมนิ
ขา่ วสารทขี่ ้อมูลได้มีการเผยแพรต่ ามส่ือตา่ ง ๆ อยา่ งรวดเร็ว ดังนัน้ คนในสงั คมจึงควรร้จู กั เลือก
รบั ขอ้ มูลทเี่ ป็นประโยชนแ์ ละรอบดา้ น เชน่ ขา่ วสารเกี่ยวกบั บา้ นเมอื ง เศรษฐกจิ สงั คม ความรู้ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
ทางเทคโนโลยแี ละวทิ ยาการใหม ่ ๆ ขา่ วเหตกุ ารณร์ อบโลก หรอื ขา่ วบนั เทงิ ทเ่ี หมาะสมกบั วยั การเรยี นรทู ี่ 4 เรื่อง สงั คมไทย
ในการเลอื กรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารจะตอ้ งเลอื กแหลง่ ขา่ วทน่ี า่ เชอ่ื ถอื นา� เสนอดว้ ยความเปน็ กลาง
และผู้รับข้อมูลจะต้องรู้จักใช้วิจารณญาณในการเลือกรับ ไม่ควรเชื่อข้อมูลในทันที จะต้องใช้ 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
สติปัญญาในการไตร่ตรองข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ อย่างไรก็ดี ไม่ควรบริโภคข้อมูลข่าวสาร การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
มากเกินความจา� เป็น เพราะอาจจะสร้างความเครยี ดหรอื ความขดั แยง้ ข้ึนได้ หนา ชั้นเรียน
นอกจากนี้ เคร่ืองมือส่ือสารยุคใหม่ เช่น โทรศัพท์เคล่ือนท่ี คอมพิวเตอร์ ที่ท�าให้เกิด
ความสะดวกสบายในการพูดคยุ สือ่ สาร เราควรใช้ประโยชนจ์ ากเคร่อื งมอื เหล่านใี้ นด้านการศกึ ษา 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก
การประกอบอาชพี การท�าธรุ กิจการค้า เป็นต้น ควรใชเ้ มอื่ มคี วามจา� เป็น รวมถงึ ควรเลอื กใชจ้ า่ ย สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.3
ซื้อวัตถุสิ่งของที่จ�าเป็นต่อการด�ารงชีวิต ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง
และหลกี เล่ยี งอบายมุขตา่ ง ๆ ปฏบิ ัตติ นเปน็ คนดีในสังคม รจู้ ักกาลเทศะ มีความออ่ นน้อมถ่อมตน
มีความกตัญญูรู้คุณ เลือกส่ิงที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ซ่ึงจะท�าให้สังคมน่าอยู่ภายใต้
วัฒนธรรมไทยทท่ี รงคุณคา่

กลา่ วโดยสรปุ สงั คมไทยมลี กั ษณะทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ในหลาย ๆ ดา้ น ทแี่ สดงออก
ถงึ คณุ คา่ และความดงี าม แมว้ า่ ในปจั จบุ นั สงั คมไทยจะเผชญิ กบั ความขดั แยง้ และมปี ญั หาสงั คม
มากมายกต็ าม แต่ถา้ หากเราร้จู ักปรบั ตัวให้เหมาะสมกับการเปล่ียนแปลงรอบด้าน อยู่รว่ มกนั
อยา่ งสมานฉนั ท์ และด�าเนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กจ็ ะท�าใหช้ วี ติ ของเรา
มีความสขุ

6๑

กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล

การดํารงชีวิตใหมีความสุขตองเกิดจากความสุขทางกายและ ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง แนวทางความ
ความสขุ ทางใจ ซง่ึ การจะดาํ รงชวี ติ ไดอ ยา งมคี วามสขุ ประกอบดว ย รวมมือและปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิตใหมีความสุข ไดจากการตอบคําถาม
ปจ จัย ดังน้ี การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ
การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบทายแผน
• การอยรู ว มกันอยางมขี นั ตธิ รรม การจัดการเรียนรหู นวยที่ 4 เรอื่ ง สังคมไทย
• การใชชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
• การเหน็ คณุ คา ในตนเอง แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
• มองโลกในแงดี
• รูจกั บริโภคดวยปญ ญา คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่
จากปจจัยท้ัง 5 ขางตน ใหนักเรียนสํารวจตนเองวาในการ ตรงกับระดบั คะแนน
ดําเนินชวี ติ ประจาํ วันของนกั เรยี น จะนาํ ปจจัยทัง้ 5 ไปปรบั ใชได
อยางไร จากนั้นบันทกึ ลงกระดาษรายงานสงครูผสู อน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32

1 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
2 การลาดบั ข้นั ตอนของเรื่อง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์

4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ

5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม

รวม

ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่

ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรับปรุง

T69

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เฉลย คาำ ถามประจำาหนว่ ยการเรยี นรู้ คÓถาม ประจÓหน่วยการเรียนรู้
๑. ประเทศไทยมีปัญหาสังคมด้านใดบ้างที่ต้องเร่งแก้ไข และนักเรียนมีส่วนช่วยลดปัญหาสังคม
1. ปญหาสงิ่ เสพตดิ ปญหาอาชญากรรม ปญหา
ความขัดแยงของคนในสังคม ปญหาทุจริต ได้อยา่ งไรบา้ ง
คอรรัปชัน ปญหาส่ิงแวดลอม ซึ่งนักเรียน ๒. ความขัดแยง้ ในสังคมสง่ ผลกระทบตอ่ การอย่รู ว่ มกันอย่างไร
สามารถมีสวนชวยลดปญหาสังคมได เชน ๓. ในการดา� เนนิ ชวี ติ นกั เรยี นเคยเกดิ ความขดั แยง้ กบั ผอู้ น่ื อยา่ งไร และมวี ธิ แี กไ้ ขความขดั แยง้ นน้ั
ปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนา ทข่ี องตนอยา งเครง ครดั อยา่ งไร
เคารพกฎหมาย ใชชีวิตอยางพอเพยี ง ๔. ปัจจัยใดท่ีก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคมไทย และวิธีการลดความขัดแย้งที่เหมาะสมกับ
สภาพสังคมไทยในปจั จุบันท�าได้อย่างไรบา้ ง
2. กอ ใหเ กดิ ความไมเ ขา ใจซงึ่ กนั และกนั นาํ ไปสู ๕. น ักเรียนสามารถน�าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันเพื่อการ
ความแตกแยกในสังคม และอาจกอใหเกิด
ความรุนแรงจนสรางความเสียหายได ด�ารงชวี ติ อยา่ งมีความสขุ ไดอ้ ยา่ งไร

3. ความขัดแยงท่ีเกิดข้ึน เชน ความคิดเห็นไม กจิ กรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
ตรงกัน ซงึ่ สามารถแกไ ขไดโ ดยการใชเ หตุผล
พดู คุยเพอื่ ปรบั ความเขา ใจตอ กนั กจิ กรรมท ี่ ๑ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม ช่วยกันหาภาพที่แสดงถึงลักษณะของสังคมไทย ๑ ภาพ

4. ปจ จยั ทก่ี อ ใหเ กดิ ความขดั แยง เชน ปจ จยั ดา น เขียนค�าอธิบายใต้ภาพถึงความเป็นเอกลักษณ์หรือลักษณะเด่นของสังคมไทย
การเมืองการปกครอง ปจจัยดานเศรษฐกิจ แลว้ นา� สง่ ครผู ้สู อน
และสังคม ปจจัยดานความเช่ือ วิธีลดความ
ขดั แยง คือ ตองยอมรับในความแตกตา งของ กิจกรรมที่ ๒ น กั เรยี นสบื คน้ ขา่ วจากเรอ่ื งตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั ความขดั แยง้ ในสงั คมไทย วเิ คราะห์
คนท่ัวไป สรางความสมานฉันท มีสวนรวม
ในการคิด ตัดสินใจในเร่ืองของประโยชน สาเหต ุ ผลกระทบ และแนวทางปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา จากนน้ั ออกมาอภปิ ราย
สวนรวม หนา้ ชน้ั เรยี น

5. การรูจกั ประหยัด อดออม ไมอ ยากไดใ นสงิ่ ที่ กิจกรรมที ่ ๓ น กั เรยี นแบง่ กลมุ่ เลอื กประเดน็ ปญั หาทางสงั คมไทย กลมุ่ ละ ๑ ประเดน็ จากนน้ั
เกินตัว ใชชีวิตเรียบงาย และทําหนาท่ีของ
ตนเองอยางสมบรู ณ ท�าการอภปิ รายแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ กนั เพ่อื หาแนวทางในการแกไ้ ขปัญหา
เหล่านนั้

กจิ กรรมท ่ี ๔ น ักเรียนแบ่งกลุม่ ศกึ ษาหลกั การปฏิบัตติ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

เพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในครอบครัวและโรงเรียน น�ามาอภิปรายใน
ชัน้ เรียน

6๒

เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพฒั นาทกั ษะ

ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป
ซึง่ เปน งาน หรือชนิ้ งานที่ใชเ วลาไมน าน สาํ หรับประเมินรปู แบบนอี้ าจเปน คาํ ถามปลายเปดหรอื ผงั มโนทัศน นยิ มสาํ หรับประเมินผเู รยี นรายบุคคล

ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือชิ้นงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชีวิตประจําวันในฐานะพลเมืองทีด่ ีของสังคม อาจเปน การประเมินจากการสังเกต การเขยี น การตอบคาํ ถาม การวเิ คราะห การแกป ญ หา ตลอดจน
การทาํ งานรว มกนั

ประเมนิ ทักษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคม ที่มีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางย่ังยืน เชน ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏิบัติงานตอ ผูเกีย่ วขอ งหรอื ตอ สาธารณะ
สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผี่ เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน

T70

Chapter Overview

แผนการจดั สื่อท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 1 - หนังสอื เรียน 1. อ ธบิ ายความหมายและ การจดั การ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ความสามารถใน 1. มวี นิ ัย
รปู แบบการ สังคมศึกษาฯ ม.3 องคป์ ระกอบสำ� คญั เรียนรูแ้ บบ - ต รวจการทำ� แบบฝึก การคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
ปกครองใน - แบบฝกึ สมรรถนะ ของการปกครอง ร่วมมือ : - ความสามารถใน 3. มุ่งมน่ั ในการ
ปัจจบุ นั และ และการคดิ ระบอบประชาธปิ ไตย เทคนิคคคู่ ิด สมรรถนะและการคิด การใชท้ กั ษะชีวิต
การเปรยี บเทียบ หน้าท่ีพลเมอื งฯ ม.3 และการปกครอง หน้าทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 ทำ� งาน
- ตรวจใบงานท่ี 5.1
การปกครอง - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ระบอบเผด็จการได้ (K) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ของไทย - PowerPoint 2. อธบิ ายลกั ษณะ - สงั เกตพฤติกรรม
การท�ำงานรายบคุ คล
- ใบงานที่ 5.1 การปกครองระบอบ - สงั เกตพฤติกรรม
ประชาธิปไตยของไทย การท�ำงานกลมุ่
2 ได้ (K) - ป ระเมนิ คุณลกั ษณะ
ชัว่ โมง 3. เปรยี บเทยี บการ อนั พงึ ประสงค์

ปกครองของไทยกับ
ประเทศอ่นื ทีม่ ีการ
ปกครองระบอบ
ประชาธปิ ไตยได้ (P)
4. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา
รูปแบบการปกครอง
ในปัจจุบันเพ่ิมมากข้ึน
(A)

แผนฯ ที่ 2 - หนังสอื เรียน 1. วเิ คราะหร์ ัฐธรรมนญู สืบเสาะหา - ตรวจการท�ำแบบฝึก - ค วามสามารถใน 1. มีวินัย
รัฐธรรมนญู สังคมศกึ ษาฯ ม.3 เก่ียวกบั การเลอื กตัง้ ความรู้ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
ฉบบั ปจั จุบันกับ - แบบฝกึ สมรรถนะ การมสี ว่ นร่วมและการ (5Es หนา้ ท่พี ลเมืองฯ ม.3 - ค วามสามารถใน 3. มุ่งมน่ั ในการ
การเลือกตัง้ และการคิด ตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจ Instructional - ตรวจใบงานที่ 5.2 การใชท้ ักษะชวี ติ
การมสี ว่ นรว่ ม หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3 รฐั ได้ (K) Model) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน ทำ� งาน
และการตรวจ - PowerPoint
สอบอำ�นาจรฐั - ใบงานท่ี 5.2 2. จ ำ� แนกรัฐธรรมนูญ - ตรวจผลงาน/ช้ินงาน
เกยี่ วกับการเลอื กตง้ั - สังเกตพฤตกิ รรม
2 การมีส่วนรว่ มและการ การท�ำงานรายบคุ คล
ตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจ - สังเกตพฤตกิ รรม
ชว่ั โมง รัฐได้ (P) การท�ำงานกลมุ่
3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - ป ระเมินคณุ ลักษณะ
รฐั ธรรมนญู เกีย่ วกับ อันพึงประสงค์
การเลือกต้งั การมี
สว่ นรว่ มและการ
ตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจ
รัฐเพ่ิมมากขน้ึ (A)

T71

แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 3
ปัญหาท่ีเปน็ - หนังสอื เรยี น 1. วิเคราะหป์ ัญหาทเี่ ปน็ สบื เสาะหา - ต รวจการท�ำแบบฝึก - ความสามารถใน 1. มวี ินยั
อปุ สรรคต่อ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 อปุ สรรคต่อการพัฒนา ความร ู้ สมรรถนะและการคดิ การคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
การพัฒนา - แบบฝกึ สมรรถนะ ประชาธปิ ไตยของไทย (5Es หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. ม งุ่ มั่นในการ
ประชาธิปไตย และการคิด ได้ (K) Instructional - ตรวจการทำ� แบบวดั และ การใช้ทักษะชีวิต
ของไทย หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3 2. จำ� แนกปญั หาท่ีเป็น Model) บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ทำ� งาน

2 - แบบวัดและบนั ทึกผล อุปสรรคตอ่ การพฒั นา หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3
การเรยี นรู้ ประชาธิปไตยของไทย - ตรวจใบงานท่ี 5.3
ชวั่ โมง หน้าที่พลเมอื งฯ ม.3 ได้ (P) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลงั เรยี น 3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สงั เกตพฤติกรรม
- PowerPoint ปญั หาทีเ่ ปน็ อปุ สรรค การท�ำงานรายบคุ คล
- ใบงานท่ี 5.3 ตอ่ การพฒั นา - สังเกตพฤตกิ รรม
ประชาธปิ ไตยของไทย การท�ำงานกลุ่ม
เพิม่ มากขึน้ (A) - ป ระเมนิ คุณลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น

T72

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

๕หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ การเมอื งการปกครองในปจ จบุ นั ขน้ั นาำ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ

»ÃЪҪ¹ÊÒÁÒö : เทคนิคคูคิด)
ࢌÒä»ÁÕʋǹËÇÁ
·Ò§¡ÒÃàÁ×ͧ¡Òà 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง
»¡¤Ãͧ䴌Í‹ҧäúŒÒ§ ทีจ่ ะเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
เรียนรู
?
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเรยี นรทู ่ี 5 เรอ่ื ง การเมืองการปกครองใน
ปจ จุบนั

3. ครูนําขาวเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองของ
ประเทศตางๆ มาใหนกั เรยี นรว มกนั วิเคราะห
วา ประเทศดงั กลา วมีการปกครองแบบใด

4. ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นครู
ตง้ั คําถามเพ่อื กระตุนความคิด เชน
• ภาพนส้ี ะทอ นใหเ หน็ ถงึ รปู แบบการปกครอง
แบบใด เพราะเหตใุ ด

ประเทศต่าง ๆ ในโลกมีระบอบการเมืองการปกครองเป็นของตนเองตามสภาพแวดล้อม
ทางเศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม และภูมิหลงั ทางประวัตศิ าสตรข์ องประเทศน้นั เพอื่ เป็นแบบแผน
ในการปฏิบัติและเป็นขอ้ ตกลงระหว่างรัฐกบั ประชาชน ซึง่ จะส่งผลตอ่ การพัฒนาประเทศ ระบอบ
การปกครองของแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง
ในปัจจุบันระบอบการปกครองในโลกท่ีเด่นชัด ได้แก่ ระบอบประชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ
สา� หรับประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข

ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ส ๒.๒ ม.๓/๑ อธิบายระบอบการปกครองแบบต่าง ๆ ท่ีใช้ • ระบอบการปกครองแบบตา่ ง ๆ ท่ีใช้ในยุคปจั จบุ ัน เชน่ การ
ในยุคปจั จบุ นั ปกครองระบอบเผดจ็ การ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
• ค วามแตกตา่ ง ความคลา้ ยคลงึ ของการปกครองของไทยกบั
ส ๒.๒ ม.๓/๒ วิเคราะห์ เปรียบเทียบระบอบการปกครอง ประเทศอ่ืน ๆ ทมี่ ีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
ของไทยกบั ประเทศอน่ื ๆ ทมี่ กี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
ส ๒.๒ ม.๓/๓ วิเคราะห์รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในมาตรา • บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
ต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเลือกต้ัง การมีส่วนร่วม และการ การเลอื กตง้ั การมสี ว่ นรว่ ม และการตรวจสอบการใชอ้ า� นาจรฐั
ตรวจสอบการใชอ้ า� นาจรัฐ
ส ๒.๒ ม.๓/๔ วเิ คราะหป์ ระเดน็ ปญั หาทเ่ี ปน็ อปุ สรรคตอ่ การ • อ�านาจหนา้ ที่ของรฐั บาล
พฒั นาประชาธปิ ไตยของประเทศไทยและเสนอแนวทางแกไ้ ข • บทบาทสา� คญั ของรฐั บาลในการบรหิ ารราชการแผ่นดิน
• ความจา� เป็นในการมีรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย
• ป ระเดน็ ปญั หา และผลกระทบทเี่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การพฒั นา
ประชาธิปไตยของประเทศไทย
• แ นวทางก ารแก้ไขปญั หา 63

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจดั กิจกรรมการเรยี นรเู พื่อใหน กั เรียนไดค ิดวเิ คราะหเ กยี่ วกับการเมอื งการปกครองในยคุ ปจจบุ ัน โดยใหน ักเรยี นทํากิจกรรมตอ ไปนี้
• สืบคน ขอ มลู การเมอื งการปกครองของไทยและของโลก
• ติดตามสถานการณก ารเมืองในปจ จบุ นั จากสอ่ื ตางๆ เชน รายงานขาว หนังสือพมิ พ อินเทอรเนต็
• รว มกันอภิปราย วิเคราะห ประเด็นตา งๆ และสถานการณท างการเมือง

T73

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาำ ๑. รปู แบบการปกครองในยุคปจั จบุ ัน

5. ครูยกตัวอยางเหตุการณทางการเมืองของ การปกครองเป็นแบบแผนเพ่ือให้ประเทศมีกระบวนการบริหารจัดการท่ีเป็นระบบ อาจมี
ตางประเทศ เชน การสูรบในลิเบีย เพ่ือโคน ความเหมือนหรือแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศตามภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และปัจจัย
อํานาจผูนําเผด็จการ การประทวงในอียิปต สิ่งแวดล้อมทางสงั คมของประเทศนัน้ โดยประชาชนจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหน้าทขี่ องตนอย่าง
และประเทศในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต สมบูรณ ์ เพ่อื ให้การเมืองการปกครองมเี สถียรภาพ ในปัจจบุ ันรปู แบบการปกครองทีช่ ัดเจน ไดแ้ ก ่
จากนน้ั ถามคาํ ถาม เชน การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ระบอบเผดจ็ การ และการปกครองระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์
• เพราะเหตุใดจึงเกิดเหตุการณประทวงใน
หลายประเทศทอี่ ยูในบางภมู ิภาค ๑.๑ การปกครองระบอบประชาธิปไตย
(แนวตอบ เพราะกระแสโลกาภิวตั นก ระจาย
ไปทัว่ โลก มีการเขา ถงึ ขาวสารและเนน เร่ือง การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยเปน็ การปกครองโดยประชาชนและเพอ่ื ประชาชน เปน็ การ
สิทธิมนุษยชน ดังน้ัน ในประเทศที่ยัง ปกครองทม่ี งุ่ สง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน มอี า� นาจอธปิ ไตยเปน็ อา� นาจสงู สดุ ในการปกครอง
คงมีการจํากัดสิทธิ ประชาชนจึงออกมา ประเทศเปน็ ของประชาชน โดยมคี ณะบคุ คลทเ่ี ปน็ ตวั แทนของประชาชนมาจากการเลอื กตง้ั เขา้ ไป
เคลื่อนไหวใหมีการเปดกวางเร่ืองสิทธิ ท�าหนา้ ที่บริหารบา้ นเมอื ง เรียกว่า “รัฐบาล” ไดร้ ับเลอื กมาจากประชาชนตามกระบวนการเลือกตั้ง
มนุษยชน) อยา่ งโปร่งใส เป็นไปตามทก่ี ฎหมายหรอื รฐั ธรรมนญู บัญญัติไว้
• เพราะเหตใุ ดเหตกุ ารณตา งๆ จงึ ลกุ ลามไป รูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ใช้หลักการรวมอ�านาจและการกระจายอ�านาจ
หลายประเทศ แบ่งรปู แบบการปกครองได้ ดงั นี้
(แนวตอบ เพราะมีลักษณะการปกครองที่
คลายคลึงกัน และมีชองทางการติดตอ ๑. ประชาธปิ ไตยในระบบรัฐสภา
ส่อื สารทีส่ ะดวกรวดเร็ว ทาํ ใหค นกลา แสดง • ม ีพระมหากษัตริย์หรือประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ แต่ไม่มีหน้าท่ี
ความคดิ เหน็ และรวมตวั กนั ไดอ ยา งรวดเรว็ ) รบั ผิดชอบทางการเมือง
• มผี นู้ า� ฝ่ายบริหาร คอื นายกรฐั มนตรี ท�าหนา้ ทีบ่ รหิ ารราชการแผน่ ดิน

รปู แบบของการ ๒. ประชาธปิ ไตยในระบบประธานาธบิ ดี
ปกครองระบอบ • ม ีประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขของรัฐและผู้น�าฝ่ายบริหาร มีรัฐมนตรี
ประชาธิปไตย เปน็ ผชู้ ่วยในการดา� เนนิ การดา้ นตา่ ง ๆ

๓. ประชาธิปไตยในระบบกง่ึ ประธานาธิบดกี ง่ึ รฐั สภา
• ม ีประธานาธิบดีเปน็ ประมุขของรัฐ มีอา� นาจสูงสุด เปน็ ผู้แต่งต้งั นายก
รัฐมนตรแี ละทา� หน้าทบ่ี รหิ ารร่วมกนั

๑) การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา มีองคป์ ระกอบสา� คัญ ดงั นี้

๑.๑) ประมุขของรัฐ การมีประมุขของรัฐจะเป็นไปตามความเชื่อและพัฒนาการทาง
ประวัตศิ าสตรข์ องแตล่ ะประเทศ ประมขุ ของรัฐม ี ๒ ลักษณะ ได้แก่

64

บูรณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคดิ

ประเทศสมาชิกอาเซยี นมีรูปแบบการปกครองที่แตกตา งกนั ดงั นี้ การกระทําขอ ใดสอดคลอ งกับหลักการในระบอบประชาธิปไตย
1. กลุมผูชมุ นุมประทวงรฐั บาลปด ประตหู ามขา ราชการเขาออก
ประเทศ ระบอบการปกครอง 2. พรรคการเมอื งเทอดไทประกาศนโยบายตอ ตา นรฐั บาลทกุ รปู แบบ
3. หนังสอื พิมพถิ่นไทยลงขาววจิ ารณการทาํ งานของรฐั บาลอยาง
ไทย, กัมพชู า ประชาธปิ ไตย มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
ตรงไปตรงมา
บรูไน สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ 4. พรรคการเมอื งมงุ ไทประกาศไมยอมรับคาํ ตัดสนิ ของตุลาการ

มาเลเซยี ประชาธิปไตย มสี ุลต่านเปน็ ประมขุ ศาลรฐั ธรรมนูญในคดยี ุบพรรค

อินโดนีเซีย, ฟลิปปนส์, ประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เน่ืองจากหลักการในระบอบ
เมยี นมา เป็นหวั หนา้ ฝา่ ยบริหาร ประชาธิปไตยน้ันประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น หรือ
นาํ เสนอขอ เทจ็ จรงิ ทม่ี เี หตผุ ลไดอ ยา งเสรี ซงึ่ สอดคลอ งกบั คาํ ตอบ
สิงคโปร์ ประชาธปิ ไตย มีประธานาธบิ ดเี ป็นประมุข และ ขอ 3.)
นายกรัฐมนตรเี ป็นหวั หนา้ ฝ่ายบริหาร

ลาว, เวยี ดนาม สังคมนยิ ม

T74

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ของรัฐ ที่เรียกว๑่า. “แรบาบชพอราะณมาหจาักกรษ1”ตั พรยริ ะภ์ มาหยใาตกร้ ษฐั ัตธรรริยม์ทนรญูงเ ปพน็ ระกมลหางาทกาษงตั กรายิ รท์ เมรงอื มงฐี าไนมะต่ เอ้ปงน็ มปหี รนะมา้ ทขุ ี่ ขน้ั สอน
รบั ผดิ ชอบในทางการเมือง เพราะมีฝ่ายบริหารหรือฝ่ายรัฐบาลรับผิดชอบแทนอยู่แล้ว ทรงใช้
พระราชอา� นาจในฐานะประมขุ ของรฐั และในฐานะอน่ื ๆ ตามบทบญั ญัติของรัฐธรรมนญู 1. ครูนําขาวเกี่ยวกับรูปแบบการปกครองในยุค
ประเทศทใี่ ชก้ ารปกครองในรูปแบบน้ี เช่น ประเทศไทย ญ่ีปนุ่ กัมพชู า มาเลเซีย ปจ จบุ นั มาใหน กั เรยี นรว มกนั ศกึ ษา และแสดง
อังกฤษ ความคดิ เห็นจากขาวดงั กลา ว

๒. แบบประธานาธบิ ด ี เปน็ การปกครองในลกั ษณะ “สาธารณรฐั ” มปี ระธานาธบิ ดี 2. ครใู หน กั เรียนจับคู คละกนั ตามความสามารถ
เปน็ ประมขุ ของรฐั มที งั้ ทม่ี าจากการเลอื กตงั้ โดยตรงจากประชาชนและการเลอื กทางออ้ มจากรฐั สภา โดยใหสมาชิกแตละคนจับคูกันภายในกลุม
ไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ประธานาธิบดีในรูปแบบนี้มีฐานะเป็นประมุขของรัฐคล้ายกับ และกาํ หนดหมายเลขเปนคทู ี่ 1 และคูท่ี 2
พระมหากษัตริย์ คือ ไม่ต้องรับผิดชอบในทางการเมือง เพราะจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้น�า
ฝ่ายบรหิ ารท�าหน้าท่รี บั ผดิ ชอบทางการเมืองการปกครอง 3. สมาชกิ แตล ะครู ว มกนั ศกึ ษาความรเู รอื่ ง รปู แบบ
ประเทศทใ่ี ชก้ ารปกครองในรปู แบบน ้ี เชน่ ประเทศบงั กลาเทศ ฟนิ แลนด ์ โปรตเุ กส การปกครองในปจจุบันและการเปรียบเทียบ
การปกครองของไทย จากหนังสือเรียนสังคม
๑.๒) ผนู้ า� ฝา่ ยบรหิ าร คอื “นายกรฐั มนตร”ี เปน็ หวั หนา้ คณะรฐั มนตร ี ทา� หนา้ ทฝ่ี า่ ยบรหิ าร ศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน
และรับผดิ ชอบตอ่ สภาในการบริหารราชการแผน่ ดิน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตทางอินเทอรเน็ต
คูล ะ 1 เรอ่ื ง ดังน้ี
๑.๓) รัฐสภา เป็นสถาบันหลักที่มีความส�าคัญอย่างมากทางการเมือง มีท้ังอ�านาจ • คทู ี่ 1 ศกึ ษาความรเู รอ่ื ง รปู แบบการปกครอง
นิตบิ ัญญัติและอา� นาจควบคุมฝ่ายบรหิ ารเปน็ หวั ใจส�าคัญ ในยุคปจ จุบัน
• คูที่ 2 ศึกษาความรูเรื่อง การเปรียบเทียบ
๑.๔) หลักการใชอ้ �านาจ ประกอบด้วยหลกั ๒ ประการ ได้แก่ การปกครองของไทยกับประเทศที่ปกครอง
๑. หลกั การเชอื่ มโยงอา� นาจ เปน็ การเชอื่ มโยงระหวา่ งอา� นาจนติ บิ ญั ญตั แิ ละอา� นาจ แบบประชาธปิ ไตย

บริหาร หมายถึง ฝ่ายนิติบัญญัติมีอ�านาจในทางนิติบัญญัติ คือ จัดท�าและพิจารณากฎหมาย 4. ครูต้ังคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันคนหา
มอี า� นาจควบคมุ ฝา่ ยบรหิ าร เรม่ิ ตง้ั แตใ่ หค้ วามเหน็ ชอบผทู้ จ่ี ะดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตร ี ใหค้ วาม คาํ ตอบ เชน
เห็นชอบนโยบายของฝ่ายบริหารและควบคุมการท�างานของฝ่ายบริหาร ซ่ึงอาจน�าไปสู่การเปิด • การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบ
อภปิ รายไมไ่ วว้ างใจรฐั บาล รวมถงึ การตง้ั กระทถู้ ามในประเดน็ ตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั การบรหิ ารราชการ รัฐสภามีลกั ษณะสําคญั อยา งไร
แผ่นดนิ

๒. หลกั ดลุ แหง่ อา� นาจ เพอื่ ใหก้ ารบรหิ ารบา้ นเมอื งดา� เนนิ ไปไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
นายกรฐั มนตรซี ึ่งเปน็ ประมขุ ฝ่ายบริหารมอี �านาจในการยุบสภา สง่ ผลใหส้ ภาต้องสิ้นสุดลง แตต่ ัว
นายกรฐั มนตรยี งั คงดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตรรี กั ษาการ เพอ่ื ดา� เนนิ การไปสกู่ ารเลอื กตงั้ สมาชกิ
สภาผ้แู ทนราษฎรในครัง้ ต่อไป
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาจึงมลี ักษณะเฉพาะตัว คอื ฝา่ ย
บริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติอาจไม่ได้ด�ารงอยู่จนครบวาระ ๔ ปี หรือ ๕ ปี ตามท่ีก�าหนดไว้ใน
รฐั ธรรมนูญแต่ละประเทศ

65

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ขอใดสอดคลองกับแนวทางประชาธปิ ไตย 1 ราชอาณาจักร เปนคําท่ีใชในพิธีการหรือราชการ เชน รัฐธรรมนูญแหง
1. นักเรียนไปใชสิทธเิ ลอื กประธานนักเรียนอยางลน หลาม ราชอาณาจักรไทย ซึ่งสนธิสัญญาระหวางประเทศไทยกับตางชาติ ตั้งแต
2. กลุมผูชุมนุมปดถนนเรียกรองรัฐบาลใหแกไขปญหาราคาขาว พ.ศ. 2500 เปน ตนมา ใชคาํ วา The Kingdom of Thailand

ตกตา่ํ ส่ือ Digital
3. หวั หนา แผนกแตงต้งั บคุ คลท่ตี นเองไวใจใหเ ขามาทําหนา ที่
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ไดท ี่
ดูแลงานสําคัญ https://www.parliament.go.th/
4. ผปู ระสบภยั พบิ ตั ทิ างทะเลพากันมารบั สงิ่ ของบริจาคกันอยาง
T75
เนืองแนนโดยไมม ีการเขาควิ

(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเลือกตั้งเปนการกระทําท่ี
สอดคลองกับระบอบประชาธิปไตยท่ีวาอํานาจสูงสุดเปนของ
ประชาชน และเปนการสงเสริมการมีสวนรวมทางการเมืองอีก
ทางหน่งึ ดว ย)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ดงั นี้ ๒) การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบประธานาธิบด ี มีองค์ประกอบส�าคัญ

5. ครูใหนักเรียนจัดการอภิปราย เพ่ือนําเสนอ ๒.๑) ประมขุ ของรฐั คอื ผทู้ ด่ี า� รงตา� แหนง่ ประธานาธบิ ด ี เปน็ ทง้ั ประมขุ ของรฐั และผนู้ า�
ผลการศึกษา จากน้นั ครตู ้ังคาํ ถามใหนกั เรียน ฝ่ายบริหารอยู่ในบุคคลเดียวกันและมาจากการเลือกต้ังของประชาชน มีอ�านาจในการปกครอง
รว มกันตอบ เชน ประเทศอยา่ งแทจ้ รงิ และเปน็ ผสู้ รรหาและแตง่ ตงั้ คณะรฐั มนตร ี รฐั มนตรเี ปน็ ผชู้ ว่ ยในการดา� เนนิ การ
• ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกามีที่มาและ ด้านต่าง ๆ ตามสงั กดั กระทรวง โดยวฒุ ิสภามีอ�านาจในการให้ความเห็นชอบหรอื ปฏเิ สธบุคคลท่ี
อํานาจอยางไร ประธานาธบิ ดเี สนอขอแตง่ ตง้ั รวมทง้ั คณะรฐั มนตร ี ทง้ั น ้ี การเปลย่ี นแปลงรฐั มนตรเี ปน็ เรอื่ งปกต ิ แตก
(แนวตอบ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามา ตา่ งจากระบบรฐั สภาทถี่ อื หลกั การบรหิ ารในรปู แบบคณะรัฐมนตรี ดงั นน้ั รัฐมนตรีในระบบน้ีจะรับ
จากการเลอื กตัง้ แบบ 2 ข้ันตอน ขั้นแรก คอื ค�าสั่งโดยตร๒ง.จ๒า)ก รปัฐรสะภธาา1 นเปา็นธิบสดถีาบันนติ ิบญั ญตั ิ อาจมีสภาเดยี วหรือสองสภากไ็ ด้ข้นึ อยู่กับรูปแบบ
popular vote เปนการที่ประชาชนเลือก ของแตล่ ะประเทศ สมาชิกสภามีบทบาทหน้าท่ีหลักทางด้านนิตบิ ญั ญตั ิเปน็ สา� คญั
ตัวแทนเพื่อไปชิงตําแหนงประธานาธิบดี
ขั้นตอมาคือ electoral vote ซึ่งเปนการ
เลือกโดยตัวแทนของ ส.ส. ในแตละรฐั )

๒.๓) หลกั การใช้อา� นาจ ยดึ หลกั การใชอ้ า� นาจ ๒ ประการ ได้แก่
๑. หลกั การแยกอา� นาจ เปน็ การแยกอา� นาจระหวา่ งฝา่ ยบรหิ าร คอื ประธานาธบิ ด ี
กบั ฝา่ ยนติ ิบัญญัติ คอื รฐั สภา โดยท้ังสองฝา่ ยมาจากการเลอื กตง้ั จากประชาชน ประธานาธบิ ดจี งึ
มอี �านาจการบรหิ ารอยา่ งแทจ้ รงิ ส่วนฝ่ายสมาชกิ สภาก็มอี า� นาจในการออกกฎหมาย โดยท้งั สอง
ฝา่ ยตา่ งดา� เนนิ ภารกจิ ของตนไปตามกระบวนการทก่ี า� หนดไวใ้ นรฐั ธรรมนญู สมาชกิ สภาไมม่ อี า� นาจ
ในการลงมตไิ ม่ไวว้ างใจฝา่ ยบรหิ าร และประธานาธิบดกี ็ไม่มีอา� นาจในการยุบสภา
๒. หลกั การยบั ยง้ั และถว่ งดลุ อา� นาจ คอื การทปี่ ระธานาธบิ ดมี อี า� นาจในการยบั ยงั้
กฎหมายท่ีออกโดยรัฐสภาได้ ในทางกลับกัน สภาก็มีอ�านาจในการถอดถอนประธานาธิบดีได้
ในกรณีที่มคี วามผดิ รา้ ยแรง
ส�าหรับวาระในการด�ารงต�าแหน่ง
ประธานาธิบดีและสมาชิกสภาในแต่ละประเทศ
มคี วามแตกตา่ งกนั ไป เชน่ สหรฐั อเมรกิ ามวี าระ
๔ ป ี ประเทศอินโดนีเซียมวี าระ ๕ ปี ประเทศ
ฟิลิปปินส์มีวาระ ๖ ปี โดยท่ัวไปการปกครอง
ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบประธานาธบิ ดจี ะมี
เสถียรภาพและม่ันคง ดังน้ัน รัฐบาลจึงมักอยู่
ครบวาระเป็นสว่ นใหญ ่
 ท�าเนยี บขาว (White House) เป็นสถานท่พี ักและสถานที่ ประเทศทใี่ ชก้ ารปกครองในรปู แบบนี้
ทา� งานของประธานาธบิ ดสี หรฐั อเมรกิ า เปน็ สญั ลกั ษณข์ อง เชน่ สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปนิ ส์ อนิ โดนีเซยี
66
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบประธานาธิบดี

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 รัฐสภา สหรัฐอเมริกามีระบบรัฐสภา (รัฐสภาคองเกรส) ซึ่งมีลักษณะเปน หลกั การใดตอไปนส้ี อดคลอ งกับการปกครองในระบอบ
สภาคู ประกอบดวยวุฒิสภา (Senate) และสภาผูแทนราษฎร (House of ประชาธิปไตย
Representatives) โดยสมาชกิ ของทง้ั สองสภาไดร บั เลอื กจากประชาชนโดยตรง
ทั้งสองสภามีอํานาจเทาเทียมกันในกระบวนการทางนิติบัญญัติ (กฎหมายจะมี 1. ประชาชนเปนกลไกของรัฐ
ผลบงั คับใชไดก ็ตอ เมื่อผา นความเห็นชอบจากท้ังสองสภา) 2. มีพรรคการเมอื งพรรคเดยี ว
3. ตองเคารพในตวั ผนู ําเทา นัน้
4. อํานาจสงู สดุ เปน ของประชาชน

(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย
เปน การปกครองทมี่ แี นวคดิ วา อาํ นาจอธปิ ไตยซง่ึ เปน อาํ นาจสงู สดุ
ในการปกครองประเทศเปน ของประชาชน)

T76

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๓) การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระบบกง่ึ ประธานาธบิ ด1กี ง่ึ รฐั สภา มอี งคป์ ระกอบ ขนั้ สอน

สา� คญั ดังนี้ 6. นกั เรยี นศกึ ษาลกั ษณะสาํ คญั ของการปกครอง
๓.๑) ประมุขของรัฐ ประธานาธิบดีอยู่ในฐานะประมุขของรัฐมาจากการเลือกต้ังจาก ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบกงึ่ ประธานาธบิ ดี
ก่ึงรัฐสภา เพอ่ื เตรียมขอ มูลไวส ําหรบั อภปิ ราย
ประชาชน รว่ มบรหิ ารประเทศกบั คณะรฐั มนตรใี นฐานะประธานทปี่ ระชมุ คณะรฐั มนตร ี ซง่ึ เทา่ กบั วา่ รวมกันในชั้นเรยี น
ประธานาธบิ ดเี ปน็ ผนู้ า� ฝา่ ยบรหิ ารอกี ตา� แหนง่ ดว้ ย เนอื่ งจากเปน็ ผมู้ อี า� นาจกา� หนดนโยบายทางการ
เมอื งในดา้ นต่าง ๆ เช่น การปกครอง การตา่ งประเทศ การทหาร รวมถงึ นโยบายส�าคัญอืน่ ๆ 7. ครูตั้งคําถามจากการอภิปรายเพื่อใหนักเรียน
วาระการดา� รงตา� แหนง่ ของประธานาธบิ ดใี นแตล่ ะประเทศอาจแตกตา่ งกนั เชน่ ประเทศ รวมกนั แสดงความคิดเห็น เชน
ฝรั่งเศสและเกาหลใี ตม้ วี าระ ๕ ปี หรือในศรลี งั กามีวาระ ๖ ป ี • ในระบบกึ่งประธานาธิบดีกึ่งรัฐสภานั้น
ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีมีอํานาจ
๓.๒) คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ได้รับการแต่งตั้งจาก หนาท่ีแตกตา งกันอยา งไร
ประธานาธิบดี และประธานาธิบดีมีอ�านาจถอดถอนผู้ด�ารงต�าแหน่งดังกล่าวออกจากต�าแหน่งได ้ (แนวตอบ ประธานาธิบดีเปนประมุขของรัฐ
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีอ�านาจในการบริหารประเทศอย่างแท้จริง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็น มีอํานาจในการกําหนดนโยบายและบริหาร
หัวหน้ารัฐบาล และมีรฐั มนตรีทา� หนา้ ทีร่ ับผดิ ชอบตอ่ รฐั สภา ประเทศ สวนนายกรัฐมนตรี มีหนาท่ีใน
การบริหารประเทศใหเปนไปตามนโยบาย
๓.๓) รัฐสภา เป็นสภานิติบญั ญตั ทิ ี่มาจากการเลือกต้งั โดยประชาชน โดยทว่ั ไปจะเป็น ทป่ี ระธานาธิบดีกาํ หนดไว)
ระบบสองสภา ท�าหน้าที่ออกกฎหมายและควบคุมฝา่ ยบรหิ ารหรอื รัฐมนตรี

๓.๔) หลกั การใช้อ�านาจ ประกอบดว้ ยหลกั ๒ ประการ ดงั นี้
๑. หลักการแยกอ�านาจ เป็นการแยกอ�านาจระหว่างประธานาธิบดีในฐานะฝ่าย

บริหารกบั รัฐสภาในฐานะฝา่ ยนิติบญั ญตั ิ
๒. หลักการเชื่อมโยงอ�านาจ คือ การที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีซ่ึงท�าหน้าที่

ฝ่ายบริหารมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดีโดยผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา และรัฐสภา
มีอ�านาจควบคุมการบรหิ ารของคณะรฐั มนตรีควบคไู่ ปกับการท�าหน้าที่ในฝา่ ยนติ บิ ัญญตั ิ
ประเทศทใ่ี ช้การปกครองในรปู แบบน ้ี เชน่ มองโกเลยี ฝรงั่ เศส

 ฝร่ังเศสมีการปกครองแบบก่ึงประธานาธิบดี รัฐสภาแบ่งเป็นฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ โดยมีประธานาธิบดี
ใชอ้ �านาจบรหิ ารรว่ มกับนายกรฐั มนตรี

67

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ขอใดกลาวถูกตองเก่ียวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย 1 ระบบกึ่งประธานาธิบดี ประเทศฝร่งั เศสถอื เปนประเทศตนแบบทปี่ กครอง
ในระบบประธานาธิบดี ดวยระบอบประชาธิปไตยในระบบก่ึงประธานาธิบดี ซ่ึงแตเดิมนั้นประเทศ
ฝร่ังเศสก็เคยปกครองดวยระบอบประชาธิปไตยท้ังในระบบรัฐสภา และระบบ
1. ประธานาธิบดีไมม ีอาํ นาจในการยบุ สภา ประธานาธิบดี แตสุดทายก็มีการปรับเปล่ียนมาเปนระบบกึ่งประธานาธิบดี
2. มหี ลักการบริหารในรูปแบบของการใชอ าํ นาจเบด็ เสรจ็ เพื่อใหเหมาะสมกับสภาพทางสังคม
3. ประธานาธบิ ดีไมมีอํานาจในการสรรหาและแตงตัง้ คณะ
T77
รัฐมนตรี
4. ประธานาธิบดีอยูในฐานะประมุขของรัฐและมาจากการ

แตงตงั้ ของรัฐสภา

(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
ในระบบประธานาธบิ ดยี ดึ หลกั การแยกอาํ นาจ โดยอาํ นาจของฝา ย
บริหารและฝายนิติบัญญัติน้ันแยกออกจากกัน ซึ่งประธานาธิบดี
ไมมีอํานาจในการยุบสภาและสมาชิกสภาก็ไมมีอํานาจลงมติ
ไมไวว างใจฝายบรหิ ารเชน เดียวกนั )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑.๒ การปกครองระบอบเผดจ็ การ

8. ครูเลาเหตุการณความรุนแรงทางการเมืองใน การปกครองระบอบเผด็จการเป็นการปกครองภายใต้อ�านาจของผู้น�าเพียงคนเดียวหรือ
ประเทศท่ีปกครองดวยระบอบเผด็จการ เชน กลุ่มชนชั้นน�าเพียงกลุ่มเดียว ประชาชนถูกจ�ากัดสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมในการปกครอง
เยอรมนีในชวงท่ีฮิตเลอรครองอํานาจและ การแบ่งรูปแบบการปกครองแบบเผด็จการโดยพิจารณาจากขอบเขตการใช้อ�านาจ แบ่งเป็น
กระตุนการคดิ ดว ยคาํ ถาม เชน ๒ รปู แบบ ได้แก่ เผด็จการอา� นาจนิยมและเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ ดงั นี้
• ประเทศท่ีปกครองดวยระบอบเผด็จการ
ประชาชนจะมีความเปนอยูอยางไร เผด็จการอา� นาจนยิ ม
(แนวตอบ ถกู จาํ กดั สทิ ธเิ สรภี าพทางการเมอื ง
เศรษฐกจิ ตกตาํ่ ความยตุ ธิ รรมมนี อ ย อาํ นาจ เกิดจากตัวผู้น�าหรือคณะบุคคลที่อาศัยก�าลังอ�านาจหรือการสนับสนุนจากกองทัพ เข้าท�าการยึดอ�านาจจาก
และความมั่งค่ังอยูในมือของคนเพียงไม รัฐบาลเดิม การออกค�าส่ังของคณะรฐั ประหารเป็นเหมือนกฎหมายในการปกครองประเทศ
กกี่ ลมุ )
• เพราะเหตุใดฮิตเลอรสามารถครองอํานาจ การเข้าไปมอี �านาจ ลักษณะการปกครอง
ในการบริหารประเทศเยอรมนีไดอยางมี • ผู้น�า คณะบุคคลท่ีมีอ�านาจได้รับ • มุ่งควบคุมกิจกรรมทางการเมืองเป็นหลัก ไม่เปิดกว้างในด้าน
ประสิทธิภาพในชว ง ค.ศ. 1933-1945
(แนวตอบ เนอื่ งจากฮติ เลอรไ ดฟ น ฟูประเทศ การสนับสนุนจากกองทัพเข้ายึด สทิ ธมิ นษุ ยชน การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน เสรภี าพของประชาชน
เยอรมนี จากประเทศท่ีประสบปญหา อ�านาจจากรฐั บาลเดิม • ไมม่ กี ารควบคมุ สถาบนั ทางสงั คม สามารถทา� กจิ กรรมตา่ ง ๆ ไดป้ กติ
เศรษฐกิจและประเทศผูแพสงครามใหมี ผนู้ า�
ความเจริญกาวหนาจนกลายเปนประเทศ • มีอ�านาจตัดสินใจในการปกครอง แตต่ อ้ งไมส่ รา้ งความกระทบกระเทอื นตอ่ ภาพลกั ษณห์ รอื เสถยี รภาพ
มหาอาํ นาจ และมกี ารปลกู ฝง เรอ่ื งชาตนิ ยิ ม) และบริหารเพียงผเู้ ดยี ว ทางการเมอื งของรัฐบาล
• การปกครองระบอบประชาธิปไตยกับ • ใชอ้ า� นาจควบคมุ การปกครอง การ • ใชอ้ า� นาจรฐั แทรกแซงองคก์ รหรอื หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทบ่ี น่ั ทอนความ
การปกครองระบอบเผด็จการแตกตางกัน บรหิ ารประเทศ
อยา งไร • ควบคมุ กระบวนการยตุ ธิ รรม • คมวน่ั บคคงมุขอกงรระฐับบวานลการยตุ ิธรรม1 โดยสามารถดา� เนนิ การได ้ แตอ่ าจมี
(แนวตอบ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
แบง แยกการใชอ าํ นาจการปกครอง ประชาชน การประกาศกฎเพิม่ เตมิ เพอื่ ความสงบสุข
มสี ว นรว มในการปกครองประเทศและมสี ทิ ธิ
เสรีภาพตามกฎหมาย สวนการปกครอง เผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็
ระบอบเผด็จการน้ัน อํานาจปกครองอยูที่
ผนู ําประเทศ ประชาชนไมมสี วนรว มในการ เกดิ จากแนวคดิ หรอื อดุ มการณข์ องผนู้ า� ในการปกครองประเทศ เนน้ รวบอา� นาจการปกครองทง้ั หมดขนึ้ กบั ผนู้ า�
ปกครองและถูกจํากัดสิทธิเสรีภาพ) หรือชนชั้นน�าเพียงฝ่ายเดียวอย่างเด็ดขาด ได้แก่ กิจกรรมทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและ
วัฒนธรรม

การเข้าไปมีอ�านาจ ลักษณะการปกครอง
• เกดิ จากแนวคิด อุดมการณ์ของ • ยึดม่ันในอุดมการณ์ของผู้น�าและต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ผนู้ า� ในการปกครองประเทศ ประชาชนต้องให้การยกย่องผู้น�า หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่าง
รุนแรง
ผนู้ า� • มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว โดยถือว่าเป็นพรรคมวลชน
• มีอุดมการณ์แนวคิดทางการเมือง
มีกระบวนการถ่ายโอนอ�านาจภายในพรรค ประชาชนไม่สามารถ
แบบรวมอ�านาจเบ็ดเสร็จ ทั้งด้าน มสี ่วนร่วมตดั สินใจได้
การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ • มีการผูกขาดและแทรกแซงสอื่ มวลชน เพอื่ ปอ้ งกันการแพร่ข้อมูล
สงั คมและวฒั นธรรม ข่าวสารที่ขัดต่ออุดมการณ์ผู้น�า โดยรัฐบาลจะใช้ส่ือมวลชนในการ

โฆษณาชวนเชอ่ื แนวคิด นโยบายตา่ ง ๆ
• มงุ่ เนน้ หลกั กา� ลงั อา� นาจ ใหค้ วามสา� คญั กบั การเสรมิ ความแขง็ แกรง่
68 ให้กองทพั

นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย

1 ควบคุมกระบวนการยุติธรรม ในการปกครองเผด็จการอํานาจนิยม นักเรียนแบงกลุมอภิปรายลักษณะการปกครองระบอบ
กระบวนการยุติธรรมสามารถดําเนินการและคงอยูเปนหลักสําคัญ แตใน เผดจ็ การในประเดน็ ดังน้ี
ขณะเดียวกันก็อาจมีการออกประกาศหรือคําสั่งเพ่ิมเติมเพื่อใชเฉพาะกิจ เชน
กฎอัยการศึก ซึ่งอาจนําไปสูการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ รวมไปถึงการลงโทษ • บทบาทหนาท่ขี องผนู ํา
ทร่ี นุ แรงโดยชอบธรรม • ขอด/ี ขอเสยี
• เปรยี บเทยี บการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยกบั เผดจ็ การ
จากน้ันสงตัวแทนกลุมมาสรุปผลจากการอภิปรายหนา
ชั้นเรยี น

T78

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

การปกครองระบอบเผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็ จา� แนกออกเปน็ ๒ รปู แบบ ดังนี้ ขน้ั สอน

เผด็จการฟาสซสิ ต 9. นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับประเทศที่มี
การปกครองระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ
เกิดข้ึนครั้งแรกในประเทศอิตาลีโดย อดอลฟ ฮิตเลอร ได้น�าแนวคิด แลวนําขอมูลท่ีไดมาแลกเปล่ียนเพื่อศึกษา
เบนีโต มุสโสลนิ ี เป็นผูน้ �าในช่วง ของระบอบฟาสซิสต์มาใช้ปกครอง ระหวางกนั
ท่ีประเทศมีการเปลี่ยนแปลงทาง ประเทศเยอรมนี แต่จะมีลักษณะ
สังคมสู่ระบบอุตสาหกรรม มสุ โสลินี เฉพาะตัวท่ีเน้นความเป็นชาตินิยม 10. นักเรียนรวมกันอภิปรายกลุมเก่ียวกับ
น�านโยบายการโฆษณาชวนเช่ือและสร้างภาพลักษณ์ ปลกู ฝงั ใหป้ ระชาชนมคี วามศรทั ธา เคารพเชอื่ ฟงั ผนู้ า� โครงสรางของการปกครองระบอบเผด็จการ
ให้ยึดมั่นในตัวผู้น�าที่จะน�าประเทศไปรอด โดยถือว่า ปลกู จติ สา� นกึ ใหม้ คี วามภาคภมู ใิ จในชาต ิ มคี วามเชอ่ื มนั่ แบบเบ็ดเสร็จ แลววิเคราะหจุดเดนและ
“ถ้าเชื่อผู้น�าชาติไม่แตกสลาย” เน้นความรักชาติหรือ ว่าชาติของตนมีความสมบูรณ์แบบที่สุด เหมาะสม จุดดอยของการปกครองระบอบน้ี จากนั้น
ชาตนิ ยิ มทรี่ นุ แรง สง่ เสรมิ กลมุ่ นายทนุ มคี วามเชอื่ วา่ ท่จี ะเปน็ ผ้นู �าของโลกในอนาคต สง ตวั แทนมาสรปุ ผลการอภปิ รายหนา ชน้ั เรยี น
สงครามเป็นส่ิงท่ชี อบธรรม
11. นักเรียนวิเคราะหเปรียบเทียบการปกครอง
ระบอบเผดจ็ การแบบเบ็ดเสรจ็ ทัง้ 2 รูปแบบ
แลว สรุปความรลู งสมดุ สง ครผู ูส อน

ระบอบ
เผด็จการแบบ

เบ็ดเสร็จ

เผด็จการคอมมวิ นิสต1

เหมา เจอตง เป็นผู้น�าหลักการคอมมิวนิสต์มาปฏิวัติประเทศจีน โดยมีพ้ืนฐานมาจากลัทธิ

มตาลกอซด์ก-เาลลน ทินฤนษิสฎตีค์ ว(าMมaขrดัxiแsยmง้ - Lแeลnะแinนisวmทา)ง ปเนฏ้ิวนัตหิขลอักงกชานรชคนั้ อกมรมรมิวานชิสพี ต2 ์ทโด้ังยนใโหย้คบวาายมปสฏา� คิวญััติ

กับการใช้ชาวนาเป็นก�าลังหลักในการต่อสู้ทางชนชั้น รัฐบาลได้ยึดที่ดินท�ากินของเอกชน
มาเป็นของรัฐบาล และใช้ระบบการผลิตแบบนารวม หรือระบบคอมมูน (Commune)
ชาวนามฐี านะเป็นแรงงานของรัฐโดยได้รับผลตอบแทนเท่ากนั

การปกครองระบอบเผด็จการมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่มีลักษณะร่วมกันที่มี
ความคล้ายคลึงกัน เช่น มีการจ�ากัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ค�านึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน
ไมต่ อ้ งการใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปกครอง ใหค้ วามสา� คญั กบั ผนู้ า� ไมม่ กี ารตรวจสอบ
และถว่ งดลุ อา� นาจ ไมม่ กี ารกา� หนดระยะเวลาการอยใู่ นอา� นาจ มกี ารนา� เสนอขอ้ มลู ขา่ วสารเกยี่ วกบั
ผลงานของผนู้ า� ผนู้ า� สงู สดุ มาจากการสบื ทอดอา� นาจหรอื พรรคการเมอื งทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ ผกู ขาดอา� นาจ
เช่น ผู้น�าสูงสุดของจีนมาจากพรรคคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือมาจากพรรคแรงงานซ่ึงเป็นพรรค
ใหญท่ ่สี ุด เวยี ดนามมาจากพรรคคอมมิวนสิ ต์และความเห็นชอบของสภาแหง่ ชาตเิ วยี ดนาม และ
ผนู้ �าสูงสุดของลาวมาจากการเลอื กตงั้ ของสมาชกิ สภาแหง่ ชาติ
69

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

ระบอบคอมมวิ นิสตมีแนวคิดมุงเนน เร่อื งใดเปนสําคัญ 1 คอมมิวนิสต เกิดมาจากแนวคิดที่มุงเนนสรางความเทาเทียมกันของคน
1. ทนุ นยิ มและอาํ นาจนยิ มเสรี ในสังคม เปนสังคมที่ปราศจากชนช้ัน ซึ่งแนวความคิดคอมมิวนิสตนี้ สังคม
2. ขจดั ปญ หาความเหลอ่ื มลา้ํ ทางสงั คม ในระยะแรกจะเริ่มจากการทําลายระบบทุนนิยม จากน้ันจะเปนลักษณะของ
3. ผกู ขาดและแทรกแซงสอ่ื มวลชนทกุ ประเภท สังคมนิยม และพัฒนาไปสูสังคมที่สมบูรณแบบ แนวความคิดคอมมิวนิสตได
4. สง เสรมิ แนวคดิ ตอ ตา นประชาธปิ ไตยอยา งเดด็ ขาด กลายมาเปนรูปแบบการเมืองการปกครองรูปแบบหนึ่งท่ีแพรหลายไปทั่วโลก
โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ชว งหลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี 2
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ขจัดปญหาความเหล่ือมล้ําทาง 2 ชนชนั้ กรรมาชพี ใชเ รยี กชนชน้ั กรรมกรหรอื ลกู จา งผหู าเลย้ี งชพี ดว ยคา จา ง
สังคม กลาวคือ มุงเนนการสรางสังคมใหมีความชอบธรรม มุง แรงงาน ซึ่งตามแนวคิดคอมมิวนิสตถือวาชนชั้นกรรมาชีพเปนกลุมท่ีถูกเอารัด
ทําลายระบบทนุ นิยม ทงั้ นี้เพ่อื ตองการขจดั ปญหาความเหล่อื มลํา้ เอาเปรียบจากกลมุ นายทนุ
ทางสังคมใหหมดสิ้นไปในท่สี ุด)

T79

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑.3 การปกครองระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย
ท ใี่ ชร้ ะบรอะบบอสบมกบารู รณปากญคารสอทิงทธม่ีริ ากี ชษยตั ใ์ รนยิ ปเ์ จัปจน็ ุบผันปู้ กเคชร่นอ งปแรละะเทมศสี บทิ รธไูขิ์ นา ดปในกคกราอรบงดรหิว้ ยารระปบรบะเสทลุ ศต ป่านร1ะ เโทดศย
12. ครูนําขาวจากหนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน
ที่เปนประเด็นทางการเมืองที่สําคัญ หรือใช องค์สลุ ต่านมีอา� นาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียว มฐี านะเปน็ สมเดจ็ พระราชาธบิ ด ี และเปน็ ประมขุ สงู สุด
PPT เรื่อง รูปแบบการปกครองในปจจุบัน ของประเทศ ดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตร ี เปน็ หวั หนา้ รฐั บาลในการบรหิ ารประเทศ มลี กั ษณะเดน่
แลวรวมกันอภิปรายกับนักเรียน โดยครูคอย คอื ความเป็นเอกภาพและภราดรภาพของประชาชน ประชาชนจะเคารพต่อสุลตา่ น ซึง่ สอดคลอ้ ง
กระตนุ ใหน ักเรยี นแสดงความคดิ เห็น กับหลักการของศาสนาอิสลามท่ีเคารพเชื่อฟังผู้น�า ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีพระมหากษัตริย์
เป็นประมุขของรัฐ เปน็ ผู้น�าศาสนา มีมกฎุ ราชกมุ ารเป็นผู้สบื ราชบัลลังก ์ พระมหากษตั รยิ ์ทรงมี
13. ครูและนักเรียนสนทนาถึงการเลือกต้ังทั้งใน พระราชอา� นาจสูงสุดในการบริหาร การปกครองและการทหาร
ระดับชาติและระดับทองถ่ิน แลวตั้งคําถาม เอ สวาตนนิ อ2ี กกจาตาการน์ ้ี นยคังรมรัฐีปวราะตเทิกันศอ่ืนที่ปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เช่น โอมาน
เพ่อื กระตนุ การคิดของนักเรยี น เชน
• การเลอื กต้ังมคี วามสมั พนั ธก ับการปกครอง ๑.4 การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย
ในระบอบประชาธปิ ไตยอยา งไร ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มี

รฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศ พระมหากษตั รยิ ท์ รงอยเู่ หนอื การเมอื งและ
ทรงใชอ้ า� นาจอธปิ ไตยแทนประชาชน ไดแ้ ก ่ ทรงใชอ้ า� นาจนติ บิ ญั ญตั ผิ า่ นทางรฐั สภา อา� นาจบรหิ าร
ผา่ นทางคณะรัฐมนตรี และอา� นาจตลุ าการผ่านทางศาล

การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย
รฐั ธรรมนญู

พระมหากษตั ริย

อา� นาจ อ�านาจ อา� นาจ
นิตบิ ญั ญตั ิ บรหิ าร ตลุ าการ

รฐั สภา คณะรัฐมนตรี ศาลยตุ ธิ รรม ••• ศาลอนื่ ๆ
นายกรฐั มนตรี รัฐมนตรี
สมาชกิ สภา สมาชกิ ศาลปกครอง
วุฒสิ ภา ศาลทหาร
70ผแู้ ท(นสสรา.)ษฎร (สว.) ศาลรฐั ธรรมนญู

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 ระบบสุลตาน จดั เปน ระบอบการปกครองรปู แบบหนึ่ง ที่มวี วิ ฒั นาการทาง ขอ ใดเปน ลักษณะของการปกครองในประเทศไทย
ประวัติศาสตรมาอยางยาวนาน ตามคัมภีรอัลกุรอานจะใชคําวาสุลตานอางอิง 1. มสี ภาเดียว
ถึงผูมีอํานาจทางศีลธรรมและจิตวิญญาณของศาสนาอิสลาม แตนับต้ังแต 2. นายกรฐั มนตรที ่มี าจากการแตงตัง้
ครสิ ตศ ตวรรษที่ 11 เปน ตน มา ไดถ กู นาํ มาใชรวมกบั การเมอื งการปกครองดวย 3. ประธานาธิบดีเปน หวั หนา ฝา ยบรหิ าร
2 เอสวาตินี เปนชือ่ ใหมข องประเทศสวาซิแลนด โดยใน พ.ศ. 2561 กษตั รยิ  4. พระมหากษตั ริยทรงเปน ประมุขของรัฐ
แหง สวาซแิ ลนดท รงประกาศเปลย่ี นชอื่ ประเทศเปน เอสวาตนิ ี ซงึ่ มคี วามหมายวา
“ดนิ แดนแหง ชาวสวาซี” เน่อื งในโอกาสครบ 50 ป ทปี่ ระเทศไดรบั เอกราชจาก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบ
องั กฤษ ประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท รงเปนประมุข)

T80

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑) การใชอ้ า� นาจนติ บิ ญั ญตั ทิ างรฐั สภา รฐั สภาไทยประกอบดว้ ย ๒ สภา คอื สภาผแู้ ทน
ขนั้ สอน
ราษฎรและวุฒิสภา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกต้ังจากประชาชนท่ัวประเทศ
แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั และจากบญั ชรี ายชอื่ ของพรรคการเมอื ง สว่ นวฒุ สิ ภามาจากการเลอื กกนั เอง 14. ครูกําหนดขอบเขตและประเด็นคําถามให
ของผทู้ มี่ คี วามรคู้ วามเชยี่ วชาญ ประสบการณอ์ าชพี หรอื การทา� งานดา้ นตา่ ง ๆ ทหี่ ลากหลายของ นักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติม ไดแ ก
สงั คม รฐั สภ๑า.๑ม)ีอ เา� สนนาอจหชื่อนบ้าทุค่ ีคดลงั เนป ี้ ็นนายกรัฐมนตรี 1เป็นหน้าท่ีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร • การปกครองของไทยในปจจุบันมีลักษณะ
โดยบุคคลท่ีได้รับการแต่งต้ังเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน (รัฐธรรมนูญแห่ง สาํ คัญอยา งไร
ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐) จะตอ้ งเปน็ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ความเหน็ ชอบดว้ ยคะแนนเสยี งมากกวา่ • การเลือกต้ังมีความสําคัญตอการปกครอง
กึง่ หนึง่ ของจา� นวนสมาชิกทง้ั หมดเท่าท่ีมีอย่ขู องสภาผแู้ ทนราษฎร ของไทยทั้งในระดับชาติและระดับทองถิ่น
อยางไร
๑.๒) หน้าที่ในการตรากฎหมาย เป็นการท�าหน้าที่ร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและ • ผทู ี่ไดรับการเลอื กต้ังมหี นา ท่ีอยางไร
วฒุ ิสภา แต่ผ้มู อี �านาจในการรเิ รมิ่ การตรากฎหมาย คือ สภาผูแ้ ทนราษฎร เมอื่ สภาผู้แทนราษฎร
มมี ตผิ า่ นรา่ งกฎหมายนน้ั แลว้ หากวฒุ สิ ภาเหน็ วา่ รา่ งกฎหมายนนั้ ดแี ลว้ กม็ มี ตใิ หผ้ า่ นรา่ งกฎหมาย 15. นักเรียนศึกษาลักษณะการปกครองของไทย
แตห่ ากเห็นว่ากฎหมายนั้นยงั มขี ้อบกพรอ่ ง ก็จะมมี ตใิ หแ้ ก้ไข แต่หากเหน็ วา่ กฎหมายไม่สมควร ในประเด็นการใชอํานาจนิติบัญญัติ อํานาจ
ทีจ่ ะประกาศใช้ วุฒสิ ภากม็ ีอ�านาจยับยง้ั รา่ งกฎหมายนน้ั ตามช่วงเวลาท่ีรัฐธรรมนูญก�าหนดไว้ บรหิ าร และอาํ นาจตลุ าการ แลว นาํ มาอภปิ ราย
ในชัน้ เรียน
๑.๓) ถ่วงดุลอ�านาจระหว่างก2ัน โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิตั้งกระทู้ถาม
คณะรัฐมนตรีหรือขอเปิดอภิปรายท่ัวไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตร ี
สว่ นวุฒิสภามสี ทิ ธิขอเปดิ อภิปรายทวั่ ไปเพอ่ื ใหค้ ณะรฐั มนตรแี ถลงขอ้ เทจ็ จรงิ และมีสทิ ธิตั้งกระทู้
ถามการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี

๒) การใชอ้ า� นาจบรหิ ารทางคณะรฐั มนตรี พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

และรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน มีอ�านาจหน้าที่
สา� คัญในการบริหารประเทศ ดังน้ี

๒.๑) กา� หนดนโยบาย ในการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ และบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ใหเ้ ปน็
ไปตามนโยบายท่แี ถลงไว้ตอ่ รัฐสภา

๒.๒) รกั ษากฎหมายและความสงบเรยี บรอ้ ย เพอื่ ใหป้ ระชาชนไดร้ บั ความปลอดภยั และ
สามารถดา� เนินชวี ิตได้อย่างสงบสุข

๒.๓) ก�ากับดูแลการท�างานของกระทรวงต่าง ๆ เพ่ือให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล
รวมถงึ ควบคุมขา้ ราชการ เพือ่ ให้ข้าราชการประจา� น�านโยบายไปปฏิบัตใิ หเ้ กิดผลดี

๒.๔) ประสานงานกับกระทรวงต่าง ๆ ที่มีการท�างานร่วมกัน เพื่อให้ด�าเนินงานไปได้
อยา่ งสอดคล้องและมปี ระสิทธภิ าพ

๒.๕) ออกมติต่าง ๆ เพ่ือให้กระทรวงและกรมถือปฏิบัติ เพราะคณะรัฐมนตรีเป็น
ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ในแตล่ ะกระทรวง ทา� หนา้ ทอี่ อกระเบยี บขอ้ บงั คบั พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ชข้ี าด และลงมติ
เร่อื งต่าง ๆ ตามท่แี ต่ละกระทรวงเสนอมา

๒.๖) กา� กับและดแู ลการบริหารราชการส่วนภมู ิภาค เพ่อื ใหน้ �านโยบายและภารกจิ ของ
มรฐั คี บุณาภลจาพากสว่ นกลางไปปฏบิ ตั ใิ นจงั หวดั ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ประชาชนอยา่ งเทา่ เทยี ม รวดเรว็ และ7๑

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

เมอ่ื เกดิ ความขดั แยง ขนึ้ ระหวา งฝา ยนติ บิ ญั ญตั แิ ละฝา ยบรหิ าร 1 นายกรัฐมนตรี เปนตําแหนงผูนํารัฐบาลท่ีมีอํานาจสูงสุดในการบริหาร
ตามระบอบประชาธิปไตยควรปฏิบตั ิอยา งไร ประเทศ ซ่ึงประเทศไทยไดบัญญัติใหมีตําแหนงนายกรัฐมนตรีข้ึนภายหลัง
เหตกุ ารณเ ปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยในครงั้ แรกใชช อ่ื ตาํ แหนง วา
1. สง เรอ่ื งใหศ าลรัฐธรรมนูญวนิ ิจฉัย ประธานคณะกรรมการราษฎร แลว จงึ เปลย่ี นชอื่ มาเปน นายกรฐั มนตรใี นภายหลงั
2. ตลุ าการศาลปกครองทําหนาทไ่ี กลเ กลีย่ 2 เปดอภปิ รายทว่ั ไป เปนกระบวนการทางการเมืองรปู แบบหนึง่ ซึ่งเปดใหม ี
3. เสนอญัตติใหรฐั สภารว มหารอื แกไขปญหา การพิจารณาและปรึกษาเร่ืองสําคัญท่ีมีผลกระทบตอประโยชนไดเสียของชาติ
4. คนื อาํ นาจใหแ กประชาชนเพ่ือเลือกตง้ั ใหม รวมทงั้ ประเด็นปญ หาทางการเมอื งในท่ีประชมุ สภา โดยหลักทัว่ ไปการอภปิ ราย
ท่ัวไปมี 2 รปู แบบ คือ การอภปิ รายทวั่ ไปเพอื่ ลงมตไิ มไวว างใจ มี 2 ลกั ษณะ
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เมื่อเกิดความขัดแยงขึ้นระหวาง คอื ลงมตไิ มไ วว างใจนายกรฐั มนตรี กบั ลงมตไิ มไ วว างใจรฐั มนตรเี ปน รายบคุ คล
ฝา ยนติ บิ ญั ญตั แิ ละฝา ยบรหิ ารตามระบอบประชาธปิ ไตย แนวทาง หรอื ท้งั คณะกับการอภปิ รายท่วั ไปโดยไมม กี ารลงมติ
แกไข คือ การคืนอํานาจใหแกประชาชนเพื่อเลือกตั้งใหมตาม
วิถีทางประชาธปิ ไตย)

T81

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๓) การใชอ้ า� นาจตลุ าการทางศาล ศาลท�าหน้าท่ีให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนในการ

16. นักเรียนแบงกลุมศึกษาและอภิปรายกรณี พพิ ากษาคด ี ให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยความยตุ ธิ รรม ศาลไทยม ี ๔ ประเภท ดงั น้ี
ตัวอยางการทําหนาท่ีของศาลแตละประเภท
ดงั นี้ ศาลยุตธิ รรม
• ศาลยตุ ธิ รรม พิจารณาพิพากษาคดีท้งั ปวง ยกเว้นคดที ีร่ ฐั ธรรมนญู กา� หนดใหอ้ ยูใ่ นศาลอนื่
• ศาลรฐั ธรรมนูญ ศาลชั้นต้น เป็นศาลแรกในการด�าเนนิ คด ี เช่น คดแี พง่ คดีอาญา
• ศาลปกครอง ศาลอุทธรณ์ พิจารณาคดีแพ่งและคดอี าญาทม่ี ีการอทุ ธรณ์จากศาลชนั้ ต้น
• ศาลทหาร
จากนั้นออกมานําเสนอผลการศึกษาและ ศศาาลลฎฎกีีกาาแ พบิจง่ าอรอณกเาปคน็ดแขี ผ้นั นสกดุ ตทา่้างย ๆ ถ ือเชวา่่นส ้ินศสาดุลคฎดีกีาแผนกคดอี าญาของผู้ด�ารงตา� แหนง่ ทางการเมอื ง1
อภปิ รายหนา ชน้ั เรยี น ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื
รว มกนั สรปุ สาระสําคญั ของเรอื่ ง ทา� หนา้ ทพ่ี จิ ารณาพพิ ากษาคดผี ดู้ า� รงตา� แหนง่ ทางการเมอื ง เชน่ นายกรฐั มนตร ี รฐั มนตรี
สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา ขา้ ราชการทางการเมอื งทถ่ี กู กลา่ วหา
วา่ รา�่ รวยผดิ ปกต ิ กระทา� ความผดิ ตอ่ ตา� แหนง่ หนา้ ทร่ี าชการตามประมวล
กฎหมายอาญา หรอื กระทา� ความผดิ ตอ่ ตา� แหนง่ หนา้ ทห่ี รอื ทจุ รติ ตอ่
หนา้ ท่ตี ามกฎหมายอ่ืน รวมทง้ั กรณบี คุ คลอนื่ ท่เี ปน็ ตวั การ ผใู้ ช้
หรือผ้สู นบั สนุน

ศาลใน ศาลรัฐธรรมนูญ
ประเทศไทย พิจารณาวินิจฉัยข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญว่ามีข้อขัดแย้ง
กับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เช่น ร่างพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญ พิจารณาความขัดแย้งเก่ียวกับอ�านาจหน้าที่
ระหวา่ งรฐั สภา คณะรฐั มนตร ี หรอื องคก์ รตามรฐั ธรรมนญู ที่
ไมใ่ ชศ่ าล และกรณอี นื่ ตามทรี่ ฐั ธรรมนญู และพระราชบญั ญตั ิ
ประกอบรฐั ธรรมนูญบัญญตั ิไว้

ศาลปกครอง
พิจารณาพิพากษาคดปี กครอง เปน็ คดพี พิ าทระหวา่ งหน่วยงานราชการ
หน่วยงานรฐั รัฐวิสาหกิจ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ หรอื เจา้ หน้าทร่ี ัฐกบั
เอกชน หรือระหว่างหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าท่ีรัฐด้วยกัน อันเนื่องมาจากการใช้อ�านาจปกครอง หรือจากการด�าเนิน
กิจการทางปกครองของหน่วยงานดังกล่าวหรือเจา้ หนา้ ท่ีรัฐ ตามทกี่ ฎหมายบญั ญัติ

ศาลทหาร
พิจารณาพิพากษาคดีอาญาซึ่งผู้กระท�าผิดเป็นบุคคลที่อยู่ในอ�านาจศาลทหารและคดีอื่นตามท่ี
กฎหมายบัญญตั ิ

7๒

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 แผนกคดอี าญาของผดู ํารงตําแหนงทางการเมือง เปน 1 ใน 11 แผนกของ ขอใดกลา วถกู ตอง
ศาลฎีกา เรม่ิ กอ ต้งั โดยรฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มีอาํ นาจ 1. ประเทศไทยและประเทศเยอรมนมี รี ปู แบบของรัฐเปน รฐั เดย่ี ว
หนา ทใี่ นการไตส วนและพพิ ากษาบคุ คลผกู ระทาํ ผดิ ตามขอ กลา วหาตา งๆ ซงึ่ องค 2. ประเทศไทยและประเทศมาเลเซยี มรี ะบบรฐั สภาเปน แบบสภาคู
คณะผพู พิ ากษาในคดีประกอบดวยผูพ ิพากษาหรอื ผพู พิ ากษาอาวโุ สในศาลฎกี า 3. ประเทศมาเลเซยี และประเทศสิงคโปรม พี ระมหากษตั รยิ เ ปน
จํานวน 9 คน ซงึ่ ไดรบั เลอื กจากทีป่ ระชมุ ใหญศ าลฎีกา การพิจารณาพิพากษา
คดีอาศัยเสียงขางมากขององคคณะ นอกจากองคคณะจะตองทําคําพิพากษา ประมขุ
กลางแลว องคคณะแตละคนยังตองทําคําวินิจฉัยสวนตนเปดผยตอสาธารณะ 4. ประเทศไทยมีนายกรฐั มนตรีเปน ประมขุ ฝา ยบริหารเชนเดยี ว
หลังจากไดอ านคาํ พิพากษากลางแลว ดว ย
กับประเทศฟลปิ ปนส

(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย
มรี ะบบรฐั สภาท่ีเหมือนกนั คือ เปน ระบบสภาคู ประกอบดว ยสภา
ผแู ทนราษฎรและวุฒสิ ภา)

T82

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๔) ฐานะและพระราชอา� นาจของพระมหากษตั รยิ ์ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ขนั้ สอน
มีบทบัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข” และ “อ�านาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข 17. นักเรียนแสดงความคิดเห็นในประเด็น
ทรงใช้อ�านาจน้ันทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” ดังนั้น “พระราชอํานาจของพระมหากษัตริยใน
พระมหากษตั รยิ ข์ องไทยจงึ ทรงอยเู่ หนอื การเมอื ง ทรงมีฐานะและพระราชอ�านาจตามรัฐธรรมนูญ ระบอบการเมืองการปกครองของไทย” ตาม
ดงั น้ี บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั ร
ไทย จากนั้นครูต้ังคําถามใหนักเรียนรวมกัน
๔.๑) ทรงอยูใ่ นฐานะประมขุ ของประเทศ ทรงใชอ้ �านาจอธิปไตยผ่านทางรัฐสภา คณะ ตอบ เชน
รฐั มนตรี แล๔ะ.๒ศา) ลท รตงาเปมน็ทพร่ี ฐัทุ ธธรมรามมนกูญะแบลัญะญทรัตงิ เปน็ อคั รศาสนปู ถัมภก1 ในสงั คมไทยมีคนอยู่รว่ มกัน • “พระมหากษัตริยทรงเปนกลางทางการ
หลากหลายศาสนา พระมหากษัตริย์ทรงท�านุบ�ารุงอุปถัมภ์ค้�าชูทุกศาสนาที่คนไทยนับถือ ท�าให้ เมือง” หมายความวา อยางไร
อยรู่ ่วมกนั อ๔ย.า่๓ง)ส ทันรตงิสดขุ �ารงตา� แหนง่ จอมทพั ไทย2 ทรงเปน็ ขวัญและก�าลงั ใจใหเ้ หล่าทหารในการทา� (แนวตอบ ไมทรงเขากับฝายใดไมวาฝาย
หน้าทป่ี ้องกันประเทศชาติ รฐั บาล หรอื ฝา ยคา น หรอื พรรคการเมอื งใด
ทั้งสน้ิ )
๔.๔) ทรงเปน็ กลางและทรงอยเู่ หนอื การเมอื ง หมายถึง ไมท่ รงสนบั สนุนนกั การเมือง • การปกครองระบอบประชาธิปไตยของ
คนใดคนหนง่ึ หรอื พรรคการเมอื งใดพรรคการเมอื งหนง่ึ แตพ่ ระองคจ์ ะทรงใชพ้ ระราชอา� นาจในการ ประเทศไทยกับประเทศเพ่ือนบานท่ีมีการ
แนะน�า ตักเตือน รวมถึงให้ก�าลังใจนักการเมืองและประชาชนชาวไทยให้ท�าหน้าที่ของตนอย่าง ปกครองระบอบประชาธิปไตย มีความ
ซื่อสัตย์สุจริต เพ่อื ประโยชนส์ ่วนรวมของประเทศชาติ แตกตา งกันในประเด็นใด
(แนวตอบ รูปแบบของรัฐ รูปแบบการ
๔.๕) ทรงดา� รงอยใู่ นฐานะอนั เปน็ ทเ่ี คารพสกั การะ ผใู้ ดจะละเมดิ กลา่ วหา หรอื ฟอ้ งรอ้ ง ปกครอง ประมขุ ของรฐั ประมขุ ฝา ยบรหิ าร)
พระมหากษตั รยิ ใ์ นทางใด ๆ มไิ ด ้ นอกจากน ี้ ยงั ทรงไวซ้ ง่ึ พระราชอา� นาจทจ่ี ะสถาปนาพระฐานนั ดรศกั ด์ิ
และพระราชทานเครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์

๔.๖) ทรงเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ในการติดต่อกับประมุขของแต่ละประเทศ
โดยจะทรงแตง่ ตงั้ เอกอคั รราชทตู ไปประจา� ประเทศตา่ ง ๆ นอกจากน ้ี ยงั ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ
ตอ้ นรบั บรรดาประมขุ ของประเทศตา่ ง ๆ และคณะทตู เพอ่ื การเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั ประเทศตา่ ง ๆ
ทั่วโลก

๔.๗) ทรงเป็นเอกลักษณ์และศูนย์รวมแห่งความสามัคคี สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่
สงั คมไทยมายาวนาน เปน็ ศูนย์รวมจิตใจ ความรกั ความสามคั คขี องคนในชาต ิ พระราชกรณยี กจิ
ของพระมหากษัตริย์ล้วนสะท้อนถึงความเป็นชาติร่วมกันของคนไทย ท�าให้คนไทยเกิดส�านึกใน
ความเปน็ อนั หนง่ึ อันเดียวกัน

73

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยมีขอดีอยางไร 1 อคั รศาสนปู ถมั ภก พระมหากษตั รยิ ไ ทยทรงเปน พทุ ธมามกะ คอื ทรงนบั ถอื
1. ถกู ลดิ รอนสทิ ธเิ สรภี าพจากภาครฐั พระพทุ ธศาสนา อกี ทงั้ ยงั ทรงเปน อคั รศาสนปู ถมั ภก คอื ทรงใหก ารอปุ ถมั ภค าํ้ ชู
2. มอี สิ ระในการแสดงความคดิ เหน็ อยา งสรา งสรรค ศาสนาอ่ืนๆ ท่มี อี ยูในประเทศโดยไมม ีการแบง แยก
3. การพจิ ารณาใชเ วลานานเพราะคนสว นใหญต อ งเหน็ ชอบ 2 จอมทัพไทย พระมหากษัตริยไทยทรงดํารงตําแหนงจอมทัพไทยตามที่
4. มกี ารรวมตวั จดั ตงั้ พรรคการเมอื งโดยมผี ลประโยชนแ อบแฝง รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยบัญญัติไว ซ่ึงถือวาพระองคทรงเปนผูบังคับ
บญั ชาสงู สดุ ของทุกเหลาทพั ในกองทัพไทย
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ขอ ดีของประชาธิปไตย คอื ทกุ คน
มีอสิ ระในการแสดงความคิดเห็นของตนในทางสรางสรรคได)

T83

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ò. ปเ ปรระยีชาบธเทปิ ยีไตบยการปกครองของไทยกบั ประเทÈทป่ี กครองแบบ

18. ครูใหนกั เรียนทาํ ใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง รปู แบบ ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็มีความแตกต่างกัน
การปกครองในยุคปจจุบัน และใบงานท่ี ในรายละเอยี ด ในทน่ี ยี้ กตวั อยา่ งเปรยี บเทยี บการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของประเทศในทวปี
5.2 เร่ือง การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย เอเชยี ๔ ประเทศ ซ่งึ มีวฒั นธรรมและวถิ ีการด�าเนินชีวติ คล้ายคลึงกนั ไดแ้ ก่ ราชอาณาจักรไทย
จากนั้นนักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบ มาเลเซยี สาธารณรัฐฟิลิปปนิ ส ์ และสาธารณรัฐสงิ คโปร ์ โดยวเิ คราะห์โครงสรา้ งทางการปกครอง
ความถกู ตองของใบงาน ที่ส�าคญั ดงั นี้

19. ครูใหอาสาสมคั รนักเรยี น 2-3 กลุม นาํ เสนอ ราชอาณาจกั รไทย มาเลเซีย
ผลงานในใบงานหนา ชนั้ เรยี น และใหก ลมุ อนื่
ท่มี ผี ลงานทีแ่ ตกตา งกนั ไดน ําเสนอเพมิ่ เตมิ รัฐเด่ยี วหรือเอกรัฐ แบบราชอาณาจักร รูปแบบของรฐั รัฐรวมแบบสหพนั ธรัฐ

20. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่เก่ียวกับรูปแบบ ระบอบประชาธิปไตยในระบบรฐั สภา รูปแบบ ระบอบประชาธิปไตยในระบบรฐั สภา
การปกครองในปจจุบันและการเปรียบเทียบ การปกครอง • แบ่งเขตการปกครองเป็นเขตรัฐบาล
การปกครองของไทย ในแบบฝกสมรรถนะฯ • แบ่งเขตการปกครอง ๗๖ จังหวัด
หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3 เพ่ือเปนการบานสงครู แหง่ รฐั ๑๓ รัฐ
ในชวั่ โมงถัดไป และกรงุ เทพมหานครเปน็ การปกครอง
ท้องถน่ิ รูปแบบพิเศษ พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข โดยได้
ขนั้ สรปุ
พระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ครองราชย์ ประมขุ รับเลือกจากการประชุมสุลต่าน ๙ รัฐ
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ตามกฎมณเฑยี รบาลวา่ ดว้ ยการสืบ หมุนเวียนวาระละ ๕ ปี
รปู แบบการปกครองในปจ จบุ นั และการเปรยี บเทยี บ ราชสนั ตตวิ งศ์
การปกครองของไทย หรอื ใช PPT สรปุ สาระสาํ คญั นายกรัฐมนตรี
ของเน้ือหา ตลอดจนความสําคัญตอการดําเนิน นายกรฐั มนตรี ผนู้ �าฝา ยบริหาร ระบบสองสภา
ชีวิตประจาํ วนั
ระบบสองสภา • สภาผู้แทนราษฎร จ�านวน ๒๒๒
รัฐสภา
• สภาผแู้ ทนราษฎร จ�านวน ๕๐๐ คน รฐั สภา คน มาจากการเลือกต้ังโดยตรงจาก
มวี าระ ๔ ปี
ประชาชน มวี าระ ๕ ปี
- มาจากการเลอื กตัง้ แบบแบ่งเขต • วุฒิสภา จา� นวน ๗๐ คน มาจากการ

จ�านวน ๓๕๐ คน แตง่ ตัง้ มีวาระ ๖ ปี
- แบบบญั ชีรายชือ่ จ�านวน ๑๕๐ คน
• วฒุ สิ ภา จา� นวน ๒๐๐ คน มวี าระ ๕ ปี มหี ลายพรรค แต่จดั ต้ังรัฐบาล
แบบพรรคเดียว
มาจากการเลือกต้ังกันเองของบุคคล
ทม่ี คี วามร ู้ความเชยี่ วชาญ ประสบการณ์
อาชีพที่หลากหลายในสังคม (ในระยะ

แรกมีจ�านวน ๒๕๐ คน)

มหี ลายพรรค จดั ตั้งรัฐบาลผสม พรรคการเมือง
74

บูรณาการอาเซียน กจิ กรรม สรา งเสรมิ

ประเทศสมาชิกอาเซียนมีระบบการเมืองการปกครองท่ีแตกตางกันไป นักเรียนแบงกลุมศึกษาคนควาเพิ่มเติมเก่ียวกับการปกครอง
ประเทศที่มีรูปแบบการปกครองที่คลายคลึงกับประเทศไทย ไดแก ประเทศ ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย มาเลเซีย ฟลิปปนส
กมั พูชา กลา วคือ ปกครองโดยระบอบประชาธปิ ไตยโดยมพี ระมหากษตั ริยท รง และสิงคโปรเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน แลววิเคราะหถึงความ
เปนประมุขภายใตรัฐธรรมนูญ (ระบบสภาคู : สภาผูแทนราษฎรและวุฒิสภา) แตกตา งในรายละเอยี ด ทง้ั โครงสรา งทางการปกครอง ระบบในการ
และมาเลเซยี ปกครองแบบประชาธิปไตยแบบรฐั สภาอันมพี ระมหากษตั ริยทรง ดําเนนิ การตางๆ แลว ออกมาสรุปตามความเขาใจหนาชนั้ เรียน
เปน ประมขุ ภายใตร ฐั ธรรมนญู การปกครองอยใู นรปู แบบสหพนั ธรฐั ประกอบดว ย
นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีเปนผูนําสูงสุดของฝายบริหาร
ตามระบบรัฐสภา (ระบบสภาคู : สภาผูแทนราษฎรและวฒุ สิ ภา)

T84

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

สาธารณรฐั ฟล ปิ ปนส สาธารณรัฐสิงคโปร ขน้ั ประเมนิ

รฐั เดี่ยวหรอื เอกรัฐ แบบสาธารณรัฐ รปู แบบของรฐั รัฐเดี่ยวหรือเอกรฐั แบบสาธารณรัฐ 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
มรี ฐั บาลเพียงแห่งเดียว มีรฐั บาลเพียงแหง่ เดยี ว การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนาชั้นเรยี น

2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก
สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.3

ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบ รูปแบบ ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบรฐั สภา
ประธานาธบิ ดี การปกครอง • แบง่ เขตการปกครองส่วนท้องถิน่ เป็น

• แบ่งเขตการปกครอง ๑๘ เขต ๕ ภาค
๘๑ จงั หวัด

ประธานาธบิ ดีมาจากการเลอื กต้ังจาก ประมขุ ประธานาธิบดมี าจากการเลือกตง้ั

ประชาชน มีวาระ ๖ ปี โดยตรงจากประชาชน มวี าระ ๖ ปี

ประธานาธบิ ดีมีคณะรฐั มนตรี ผู้นา� ฝายบรหิ าร นายกรัฐมนตรี
รว่ มบรหิ าร

ระบบสองสภา รัฐสภา ระบบสภาเดี่ยว
• สภาผแู้ ทนราษฎร จา� นวน ๓๐๔ คน • สมาชกิ รฐั สภา จา� นวน ๑๐๑ คน
- มาจากการแบง่ เขตเลอื กตงั้ ๘๙ คน
มีวาระ ๓ ป ี มาจาก มวี าระ ๕ ปี
- การเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน - มาจากการแต่งตั้ง (ไมส่ ังกดั เขต
จา� นวน ๒๔๓ คน
- แบบบัญชีรายชื่อ จา� นวน ๖๑ คน เลือกต้งั ) เกณฑข์ น้ั ต�่า ๓ คน
• วฒุ สิ ภา จ�านวน ๒๔ คน มาจากการ (ไม่เกิน ๙ คน) มวี าระ ๕ ปี
เลือกตงั้ มีวาระ ๖ ปี - มาจากการแตง่ ตง้ั โดยประธานาธบิ ด ี
๙ คน มวี าระ ๒ ปคี รง่ึ

มหี ลายพรรคการเมอื ง พรรคการเมอื ง มหี ลายพรรคการเมอื ง

การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของประเทศไทยกบั ประเทศอน่ื ๆ ในโลก มที ง้ั ความเหมอื น
และความแตกตา่ งกนั ในรายละเอยี ดตามบรบิ ทของแตล่ ะประเทศ ทงั้ น ้ี ไดย้ ดึ หลกั การเดยี วกนั คอื
การใหค้ วามสา� คญั ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน การมสี ทิ ธเิ สรภี าพและความเสมอภาค และการมสี ว่ นรว่ ม
ของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยยังคงมีปัญหาความวุ่นวาย
ทางการเมอื ง การรฐั ประหารยดึ อ�านาจ และการทจุ รติ คอร์รปั ชัน ท�าให้การเมืองไมม่ เี สถยี รภาพ
สง่ ผลกระทบต่อการพฒั นาทางการเมอื งการปกครองและการพัฒนาประเทศ

75

ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล

ขอใดกลาวถกู ตอง ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง รูปแบบการปกครอง
1. ประเทศไทยและฟล ปิ ปน สม นี ายกรฐั มนตรเี ปน ประมขุ ฝา ยบรหิ าร ในปจจุบันและการเปรียบเทียบการปกครองของไทย ไดจากการตอบคําถาม
2. ระบบรฐั สภาของประเทศสงิ คโปรแ ละมาเลเซยี เปน ระบบสภาเดย่ี ว การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ
3. ประเทศไทยและมาเลเซยี มกี ารปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบทายแผน
การจัดการเรยี นรหู นว ยท่ี 5 เรอื่ ง การเมอื งการปกครองในปจ จุบัน
ในระบบสองสภา
4. ระบบพรรคการเมืองในประเทศฟลิปปนสและมาเลเซียเปน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

ระบบพรรคการเมอื งเดยี ว คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งที่
ตรงกับระดบั คะแนน
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ประเทศไทยและมาเลเซียมีการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาท่ีคลายคลึงกัน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
เปนระบบสองสภา คือ สภาผแู ทนราษฎรและวฒุ ิสภา) 32

1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์

4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ

5 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม

รวม

ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่

ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง

T85


Click to View FlipBook Version