แผนการจดั ส่อื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 2
วัฒนธรรม - หนงั สือเรียน 1. วิเคราะหอ์ ิทธพิ ลของ สบื เสาะ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ - ความสามารถใน 1. มีวินยั
สากล สังคมศกึ ษาฯ ม.3 วฒั นธรรมสากลท่ีมี หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ การคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
- แบบฝกึ สมรรถนะ ผลต่อการดำ� เนนิ ชวี ติ (5Es หน้าทพี่ ลเมอื งฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. มงุ่ มัน่ ในการ
2 และการคิด ในสงั คมไทยได้ (K) Instructional - ต รวจการทำ� แบบวดั และ การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
หนา้ ท่ีพลเมืองฯ ม.3 2. เสนอแนวทางการเลอื ก Model) บันทกึ ผลการเรยี นรู้
ชวั่ โมง - แบบวดั และบันทึกผล รบั วัฒนธรรมสากล หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.3
การเรยี นรู้ อยา่ งเหมาะสมได้ (P) - ตรวจใบงานท่ี 3.2
หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3 3. เหน็ ความสำ� คัญของ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลังเรียน การศึกษาและเลือกรับ - ตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน
- PowerPoint วัฒนธรรมสากลเพ่มิ - สงั เกตพฤติกรรม
- ใบงานที่ 3.2 มากขนึ้ (A) การท�ำงานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานกลมุ่
- ประเมนิ คุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
T36
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
๓หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล ขน้ั นาํ (5Es Instructional Model)
¹¡Ñ àÃÂÕ ¹ÁáÕ ¹Ç·Ò§ã¹¡ÒÃ
Í¹ÃØ Ñ¡ÉÇ ²Ñ ¹¸ÃÃÁä·Â ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ
áÅÐàÅ×Í¡ÃºÑ Ç²Ñ ¹¸ÃÃÁ
ÊÒ¡ÅãËŒàËÁÒÐÊÁ¡Ñº 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง
?ÊÀÒ¾Êѧ¤Áä·Âä´Œ ท่จี ะเรยี นรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
Í‹ҧäà เรยี นรู
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน
หนว ยการเรียนรูท ่ี 3 เรอื่ ง วฒั นธรรมไทยและ
วัฒนธรรมสากล
3. ครนู าํ ภาพวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยในดา น
ตา งๆ มาใหน กั เรยี นดู เชน ภาพศลิ ปวฒั นธรรม
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภาพขนบธรรมเนียม
ประเพณีตางๆ แลวใหนักเรียนรวมกันคิด
วิเคราะหวาเปนภาพอะไร มีคุณคาและความ
สาํ คญั อยา งไร รวมถึงมีแหลง ทมี่ าอยางไร
วัฒนธรรมเปน็ ส่งิ ที่มนษุ ย์สร้างขน้ึ เพ่อื ใชต้ อบสนองความตอ้ งการดา้ นต่าง ๆ ในการดา� เนนิ
ชีวติ ประจา� วัน เป็นสง่ิ ท่แี สดงถงึ ความเจริญกา้ วหน้าของมนษุ ยชาติ วัฒนธรรมไทยก็เช่นเดียวกนั
เป็นส่ิงท่ีบ่งบอกถึงวิถีชีวิตและลักษณะอันดีงามของชนชาติไทย คนไทยจึงควรอนุรักษ์ ถ่ายทอด
สืบสานวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป และขณะเดียวกันท่ามกลางโลกยุคโลกาภิวัตน์ท่ีวัฒนธรรม
สากลไดแ้ พรเ่ ขา้ มาในสงั คมตามการเปลยี่ นแปลงทางเทคโนโลยจี นกลายเปน็ สว่ นหนงึ่ ของวถิ ชี วี ติ
เราจงึ ควรเลอื กรบั และนา� มาปรบั ใชใ้ นชีวติ ควบค่ไู ปกบั วฒั นธรรมไทยอยา่ งเหมาะสม
ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ส ๒.๑ ม.๓/๓ อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยและเลอื กรบั วฒั นธรรม • ความส�าคัญของวฒั นธรรมไทย ภมู ปิ ญั ญาไทย
สากลท่ีเหมาะสม และวัฒนธรรมสากล
• การอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมไทยและภูมิปัญญาไทยท่เี หมาะสม
• การเลอื กรับวฒั นธรรมสากลท่ีเหมาะสม
3๑
เกร็ดแนะครู
ครคู วรจัดการเรยี นรูโดยใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมตอไปน้ี
• สํารวจคน ควา ขอ มูลทเ่ี ก่ียวกับวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล
• รว มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั การอนุรกั ษว ฒั นธรรมและภูมิปญญาไทย
• จดั ประชุมกลมุ ยอ ยในประเด็นการเลือกรบั วัฒนธรรมสากลอยา งเหมาะสม
ทง้ั น้เี พื่อใหน ักเรยี นเหน็ ถึงความสาํ คญั คณุ คา อิทธพิ ลของวฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลทีม่ ีผลตอการดําเนินชีวติ ในสังคม
T37
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ ๑. วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย
ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ วฒั นธรรมไทยมคี วามหมายครอบคลมุ ไปถงึ สงิ่ ตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ขนบธรรมเนยี มประเพณี
ภาษา มารยาท อาหาร การประกอบอาชีพ สถาปัตยกรรม ความคดิ ความเช่ือ รวมไปถงึ วตั ถุ
4. ครูเลาถึงที่มาและความสําคัญของวัฒนธรรม สิ่งของต่าง ๆ ทค่ี นไทยได้สรา้ งสรรค์ขึ้น ผา่ นการขัดเกลาและแต่งเติมจนเป็นสงิ่ ที่ดีงาม เพื่อน�ามา
และภูมิปญ ญาไทย แลว ถามคาํ ถาม เชน ใชใ้ นการดา� รงชีวิต และมกี ารสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น อกี ท้งั ยงั แสดงถึงเอกลักษณ์ของชาติไทย
• วัฒนธรรมไทยท่ีมีความโดดเดนเปนที่ ภมู ปิ ญั ญาไทย หมายถงึ ความร ู้ ความสามารถ ทกั ษะพเิ ศษทคี่ นไทยสงั่ สมจากประสบการณ์
ยอมรับไปทว่ั โลกมีอะไรบาง และน�ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการด�าเนินชีวิตตามวิถีไทยได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงครอบคลุมใน
(แนวตอบ วฒั นธรรมดานอาหาร เชน ตม ยาํ หลาย ๆ ดา้ น เช่น ความเช่ือ อาหาร สมุนไพร การรักษาโรค อาชีพ หัตถกรรม
กุง วัฒนธรรมดานการแตงกาย เชน ชุด
ผา ไหม) ๑.๑ ความสา� คัญของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
• ภูมิปญญาไทยสามารถสะทอนใหเห็นถึง
สง่ิ ใดไดบา ง ชนชาตไิ ทยไดส้ รา้ งสรรคว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยมาตง้ั แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั แสดงให้
(แนวตอบ สะทอนใหเห็นถึงวิถีชีวิตดั้งเดิม เหน็ วา่ วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยมคี วามเกา่ แก ่ และมพี ฒั นาการไปตามยคุ สมยั อกี ทง้ั ยงั ดา� รงอยู่
ของคนไทย เชน กระเดอื่ งตาํ ขา วของชาวบา น ควบคู่กับการด�าเนินชีวิตของคนไทยซ่ึงไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ ส�าหรับความส�าคัญของ
ในชนบท กส็ ะทอ นใหเ หน็ ถงึ วถิ ชี วี ติ ทผ่ี กู พนั วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย มีดังนี้
กบั การเกษตรและการพ่งึ พาตนเอง)
๑) ประโยชน์ต่อการด�ารงชีวิต ตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัด คือ วัฒนธรรมทางวัตถุท่ีคนไทย
สเครร้าื่องงสทรรอคผข์ ้าึน้ เเคพรอื่ อื่ ตงอสบขี ส้าวน1 อซงง่ึ คสวะาทมอ้ ตน้อถงงึกกาารร ดหา� รรืองชช่วีพยขใอหง้ทคา� นสไิง่ ทตยา่ ง ๆ สะดวกสบายมากยง่ิ ขึน้ เชน่
๒) ทา� หน้าที่หล่อหลอมบุคลกิ ภาพให้กบั สมาชิกในสังคม เชน่ การมีน�้าใจ มีความ
อ่อนน้อมถอ่ มตน รกั สงบ ประกอบอาชีพสุจริต ไม่คดโกงฉ้อฉล รวมทั้งสัง่ สอนให้เป็นคนมคี วาม
ขยันหมัน่ เพียรในการท�างาน เก็บหอมรอมริบ และไม่ใชจ้ ่ายฟมุ่ เฟอื ยเกนิ ฐานะ
๓) ชว่ ยสรา้ งเสรมิ ความเปน็ ปกึ แผน่ วฒั นธรรมการเคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์
การใชภ้ าษาไทยทถี่ กู ตอ้ งในการตดิ ตอ่ สมั พนั ธก์ นั ตลอดจนการรกั ความเปน็ ไทย การยกยอ่ งเชดิ ชู
ศลิ ปวฒั นธรรมและใชเ้ ปน็ หลกั ในการดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั เหลา่ นล้ี ว้ นกอ่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ อนั หนง่ึ
อันเดยี วกันของคนในชาติ
๔) เป็นองคค์ วามรู้ท่มี คี ณุ คา่ ของสงั คม ภูมปิ ัญญาไทยเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์
ต่าง ๆ ท่ไี ด้จากการด�าเนินชวี ติ ผา่ นกระบวนการคดิ วิเคราะห์ พิจารณา เกิดเป็นองค์ความรู้ที่
สามารถนา� ไปตอ่ ยอดเพอ่ื สรา้ งสง่ิ ทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ละมคี ณุ คา่ ตอ่ สงั คมไทย เชน่ การนวดแผนไทย
ยาสมนุ ไพร เป็นสง่ิ สา� คญั ทช่ี ่วยให้สงั คมไทยพฒั นาไปไดอ้ ย่างยงั่ ยืน
32
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม
1 เครื่องสีขาว ในชนบทของไทยสมัยกอนมีการใชเครื่องสีขาวท่ีสรางข้ึน นักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับสิ่งท่ีเปนวัฒนธรรมและ
จากภูมิปญญาไทย โดยในการสีขาวนั้นจะใชแรงงานคนซ่ึงเปนกระบวนการ ภมู ิปญ ญาไทยทีน่ ักเรียนสนใจมาคนละ 1 อยา ง แลว เขียนอธิบาย
อยา งงา ย ไมซ บั ซอ น แสดงใหเ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญ ญาไทยอนั ชาญฉลาดทมี่ มี าแตโ บราณ ขอ มลู ของวัฒนธรรมและภมู ิปญ ญาน้ันลง เชน
ตอ มาไดม ีการพฒั นามาเปนเครือ่ งสีขา วทใ่ี ชมอเตอรไฟฟา หรอื เคร่ืองยนต
• ชือ่ วัฒนธรรมและภมู ิปญ ญา
ส่ือ Digital • ทม่ี า ความสาํ คัญ
• สะทอนถึงวถิ ีชวี ิตคนไทยอยา งไร
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย ไดท ่ี https://www. • สถานการณปจจุบนั ของวัฒนธรรมดงั กลา ว
m-culture.go.th กระทรวงวัฒนธรรม • การอนรุ กั ษ ถา ยทอด และสบื สานวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญา
ดังกลา ว
เขยี นลงกระดาษ A4 พรอมท้งั ติดรปู ภาพตกแตง ใหสวยงาม
T38
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑.2 การจา� แนกวฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ขน้ั สอน
วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทยสามารถจา� แนกออกเป็น ๒ ระดบั ดังน้ี ข้ันที่ 2 สาํ รวจค้นหา
๑) วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาพน้ื บ้าน หมายถงึ วฒั นธรรมของประชาชนตามท้องถ่ิน 1. ครูนําสนทนาการจําแนกวัฒนธรรมและ
ภูมิปญญาไทย แลวยกตัวอยางวัฒนธรรม
และภูมิภาคต่าง ๆ ที่ชนแต่ละกลุ่มได้สร้างสรรค์ขึ้นและใช้เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติในกลุ่ม และภูมิปญญาพ้ืนบานของทองถ่ินตางๆ เชน
ของตน นอกจากน้ี ยังเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของสังคม เครอื่ งปน ดนิ เผา การทอผา บอกลกั ษณะสาํ คญั
ในรปู แบบของภมู ิปญั ญาชาวบ้าน เช่น การทอผ้าไหมลายขิด การผลิตเครื่องปน้ั ดินเผา การทา� ทเี่ ปน เอกลกั ษณข องแตล ะทอ งถน่ิ และรว มกนั
เครอ่ื งจกั สาน สว่ นใหญจ่ ะเรยี กชอ่ื วฒั นธรรมเหลา่ นนั้ ตามชอื่ สงั คมทอ้ งถน่ิ หรอื เรยี กเปน็ วฒั นธรรม ยกตัวอยางวัฒนธรรมประจําชาติ เชน การ
ย่อยตามแหล่งทีต่ งั้ เช่น วฒั นธรรมลา้ นนา วฒั นธรรมอีสาน วฒั นธรรมภาคกลาง วฒั นธรรม แตงกายดวยผาไทย อภิปรายถึงลักษณะเดน
ภาคใต้ ความเปน เอกลกั ษณ แลวใหน กั เรียนแบงกลมุ
ไ ทยมอนญอ1 กวจฒั านกธนรี ้ ใรนมแไตท่ลยะโคภรูมาิภชา ควกัฒ็จนะธมรีวรัฒมนไทธลรรื้อม วแฒัยกนยธ่อรยรมไปไตทาพมวกนล ุ่มทชม่ี าลี ตักิพษันณธะ ์ุ เเชด่นน่ เวฉฒัพนาะธกรลรมุม่ ศกึ ษาคน ควา เกย่ี วกบั วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญา
สะทอ้ นถงึ คณุ คา่ อนั ดงี าม และแสดงถงึ ความเปน็ ไทยทค่ี นไทยควรภมู ใิ จและชว่ ยกนั อนรุ กั ษส์ บื ทอด ไทย จากหนังสอื เรียนสงั คมศึกษาฯ ม.3 หรอื
ใหค้ งอยูต่ ่อไป จากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือใน
หองสมุด เว็บไซตใ นอินเทอรเน็ต
๒) วัฒนธรรมประจ�าชาติ หมายถึง วัฒนธรรมท่ีรัฐบาลก�าหนดและประกาศให้คนไทย
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ
ในชาติประพฤติและปฏิบัติร่วมกันทุกหมู่เหล่า ทั้งน้ี วัฒนธรรมไทยได้รับการสร้างสรรค์จาก ใหกับนกั เรยี นเพ่มิ เติม
บรรพบุรุษทั้งทางตรงและทางออ้ ม บางอย่างได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมภายนอก โดยผา่ นการ
เลือกสรรและประยุกต์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สังคม และค่านิยม จนตกผลึก
เป็นแก่นของสงั คมไทย
ประเพณยี เ่ี ปง็ หรอื ประเพณเี ดอื นย ่ี จดั ขนึ้ ในวนั เพญ็ เดอื นสองของชาวลา้ นนาทางภาคเหนอื ซง่ึ ตรงกบั เดอื นสบิ สองของไทย
ในงานประเพณจี ะมกี ารประดบั ประดาตกแต่งวดั บา้ นเรอื น และชักโคมยเ่ี ป็งเพือ่ เปน็ พทุ ธบูชา
33
กิจกรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู
นักเรียนต้ังขอสังเกตและสืบคนขอมูลวาวัฒนธรรมและ 1 มอญ ชาวมอญเปนชนชาตทิ ม่ี ีอารยธรรมเกา แก เดิมอาศยั อยทู างตอนลา ง
ภูมิปญญาไทยในแตละภูมิภาคมีความเหมือนหรือแตกตางกัน ของประเทศเมยี นมา แตภ ายหลงั ชาวมอญจาํ นวนมากไดอ พยพเขา มาตง้ั ถน่ิ ฐาน
อยางไร และมีปจจัยใดบางที่สงผลตอความเหมือนและความ ในประเทศไทย เน่ืองจากปญ หาตางๆ ในปจ จบุ ันมชี มุ ชนชาวมอญกระจายอยู
แตกตางทางวัฒนธรรมนั้นๆ จากนั้นอธิบายความรูท่ีไดจากการ ทั่วไป เชน ชุมชนมอญปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ชุมชนชาวมอญตําบล
ศึกษาถึงปจจัยตางๆ ท่ีสงผลตอความแตกตาง โดยจัดทําเปน หวายเหนียว จังหวัดกาญจนบุรี ชุมชนชาวมอญพระประแดง จังหวัด
แผนผงั ความคดิ แลว ออกมานําเสนอหนาชั้นเรยี น สมุทรปราการ
T39
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน วฒั นธรรมประจ�าชาตไิ ทยทีส่ า� คัญ มีดงั น้ี
๒.๑) การมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ด�ารงอยูค่ วบคูก่ บั
ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ สงั คมไทยมาเปน็ เวลาชา้ นานนบั ตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ เปน็ ชาตไิ ทย จงึ ถอื เปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจ เปน็ ทยี่ ดึ เหนย่ี ว
ขแลอะงพปรระะรชาาชชพนธิ ทตี ั้งา่ ชงา ๆต ิ จพงึ สไดกร้ นบั ิกกราทรุกสบหื ทมอเู่ หดลม่าาตจ่านงถใงหึ ป้คจั วจาบุมนั เค เาชรน่พ เพทดิระทรนูาชอพย่าธิ งฉี สตั งู ร มพงรคะลร1 าพชรกะรรณาชยี พกิจธิ ี
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก พืชมงคลจร๒ด.พ๒ร) ะภนังาคษลั าแไรทกยน2 าคขนวญัไทยมีภาษาและตัวอักษรของตนเองส�าหรับใช้ติดต่อส่ือสาร
การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ภาษาไทยภาคกลางเปน็ ภาษาประจา� ชาตแิ ละภาษาราชการทคี่ นไทยทวั่ ประเทศสามารถพดู เขยี น
ระหวางกัน จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัด และอ่านได ้ ภาษาไทยจงึ เปน็ ตัวเชอื่ มโยงใหค้ นในชาตติ ดิ ตอ่ สอ่ื สารและสรา้ งความผูกพนั ตอ่ กัน
เลอื กขอ มลู ทน่ี าํ เสนอเพอื่ ใหไ ดข อ มลู ทถ่ี กู ตอ ง ๒.๓) วิถีการด�าเนินชีวิตและบุคลิกภาพ คนไทยมีเอกลักษณ์โดดเด่น เช่น อ่อนน้อม
ถอ่ มตน ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส เคารพผอู้ าวโุ ส เออื้ เฟอ้ื เผอื่ แผ ่ เมตตากรณุ า นอกจากน ี้ ยงั ใหค้ วามสา� คญั
2. ครใู หค วามรเู พมิ่ เตมิ วฒั นธรรมประจาํ ชาตไิ ทย ในการคบเพอ่ื น เอาใจเขามาใส่ใจเรา และมีความเกรงใจ ซึ่งลกั ษณะดังกล่าวไดร้ ับการหลอ่ หลอม
ทสี่ าํ คญั บอกลกั ษณะเดน ความเปน เอกลกั ษณ จากกระบวนการขัดเกลาทางสังคมท้งั ทางตรง เช่น ครอบครัว เพือ่ น โรงเรียน และทางออ้ ม เชน่
เชน การมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุข สุภาษติ สอนใจ คา� พงั เพย ปรศิ นาคา� ทาย การละเลน่ พนื้ บา้ น
การมีภาษาไทยเปนภาษาประจําชาติในการ ๒.๔) การมพี ระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาหลกั ของชาต ิ โดยรฐั ใหก้ ารอปุ ถมั ภแ์ ละคมุ้ ครอง
ติดตอสื่อสาร การมีความออนนอมถอมตน ในสมัยก่อนวดั เป็นศนู ยก์ ลางของชุมชน ท�าให้วิถชี ีวิตของคนไทยผูกพนั กับพระพทุ ธศาสนาอย่าง
อาหารไทยและสมนุ ไพรไทย เปน ทยี่ อมรบั ของ แนน่ แฟน้ ในขณะเดยี วกนั ศาสนาและลทั ธคิ วามเชอ่ื อน่ื ๆ เชน่ ครสิ ตศ์ าสนา ศาสนาอสิ ลาม ศาสนา
ตา งชาติ ครูตัง้ คาํ ถาม เชน พราหมณ-์ ฮนิ ด ู ก็มีบทบาทสา� คญั ตอ่ สังคมไทย และทา� ใหอ้ ยู่รว่ มกันได้อย่างมีความสขุ
• การมวี ฒั นธรรมประจาํ ชาตสิ ะทอ นในบคุ ลกิ ๒.๕) อาชพี เกษตรกรรม ประเทศไทยมที า� เลทีต่ ัง้ เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู เพราะมดี ิน
ความเปนคนไทยอยางไรบา ง อดุ มสมบรู ณ ์ มอี ากาศเหมาะสม และเกดิ ภยั ธรรมชาตนิ อ้ ย ในอดตี สงั คมไทยเปน็ สงั คมเกษตรกรรม
(แนวตอบ การท่ีคนไทยมีความออนนอม ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถ่ินมีพ้ืนฐานมาจากการเกษตร แต่ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่
เคารพผูอาวโุ ส เชือ่ ฟงคําส่งั สอนของผูใหญ
มีความเกรงใจ มคี วามเอ้ือเฟอ เผื่อแผ ให
ความสําคัญกับครอบครัว เครือญาติ ซ่ึง
เปนการหลอหลอมมาจากกระบวนการ
ขดั เกลาทางสงั คม ทสี่ บื ทอดกนั มายาวนาน)
มีอาชีพทางการค้าและบริการ และอาศัยอยู่ใน
เมืองกว่าร้อยละ ๕๐ ท�าให้สังคมเกษตรกรรม
เปลยี่ นแปลงไปเปน็ สงั คมอตุ สาหกรรมทมี่ คี วาม
เจริญก้าวหนา้ ทางเทคโนโลย ี
๒.๖) อาหารไทยและสมุนไพร
อาหารไทยเปน็ ท่รี ู้จักและนยิ มกนั ทั่วโลก เพราะ
มีลักษณะพิเศษ คือ มีรสจัด มีสมุนไพรเป็น
เครื่องปรุง แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในการปรุง
อาหารที่มีประโยชน์ ให้คุณค่าทางอาหารอย่าง
ตม้ ยา� กงุ้ เปน็ เอกลกั ษณ์ไทยดา้ นอาหารทม่ี กี ารนา� วตั ถดุ บิ ครบถ้วน และรู้จกั ตกแต่งอาหารให้สวยงาม
ในท้องถิ่นมาใช้ประกอบอาหารและปรุงรสด้วยสมุนไพร
34 ต่าง ๆ ทมี่ ีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
1 พระราชพธิ ฉี ตั รมงคล เปน พระราชพธิ บี าํ เพญ็ พระราชกศุ ลสมโภชพระมหา ขอ ใดกลา วถงึ วัฒนธรรมไทยไดถกู ตอง
เศวตฉตั ร เครอ่ื งราชปู โภค ฉลองสริ ริ าชสมบตั เิ นอ่ื งในวนั คลา ยวนั บรมราชาภเิ ษก 1. วัฒนธรรมไทยเปนสงิ่ ลาสมยั
ของพระมหากษัตริยในพระบรมราชวงศจักรี เริ่มมีคร้ังแรกในสมัยรัชกาลที่ 4 2. วัฒนธรรมไทยไมม คี วามนาสนใจ
ปจ จบุ นั พระราชพธิ ฉี ัตรมงคล ตรงกบั วันที่ 4 พฤษภาคม 3. วัฒนธรรมไทยไมเหมาะกับสังคมในปจ จบุ นั
2 ภาษาไทย เปนส่ิงท่ีแสดงถึงเอกลักษณของความเปนไทย ประเทศไทย 4. วฒั นธรรมไทยเปนมรดกของชาติทต่ี องรักษาไว
มีภาษาเปนของตนเองตั้งแตสมัยสุโขทัย โดยพอขุนรามคําแหงมหาราชทรง
ประดิษฐข ้ึนตั้งแต พ.ศ. 1826 ลักษณะสาํ คัญของภาษาไทยจะประกอบไปดว ย (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. วัฒนธรรมไทยเปนส่ิงที่คนไทย
สวนสาํ คญั 3 ประการ คอื ภาษาพดู ตัวอกั ษร และตัวเลข สรา งสรรคข น้ึ มาจากประสบการณและองคความรู เพ่ือตอบสนอง
การดาํ รงชวี ติ ของคนไทย วฒั นธรรมไทยจงึ เปน เอกลกั ษณท แ่ี สดง
ถึงความเปน ชาตแิ ละมรดกท่คี นไทยตองสืบทอดตอ ไป)
T40
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒.๗) วันส�าคัญและเทศกาลสา� คัญ มีตลอดทัง้ ปี ทีส่ �าคัญ มีดงั น ้ี ขนั้ สอน
๑. วันส�าคัญท่ีเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ เช่น วันจักรี วันปิยมหาราช
วันฉตั รมงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้
๒. วนั นกั ขตั ฤกษแ์ ละประเพณี
เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันพืชมงคล 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล
วันลอยกระทง วันครู หนาช้ันเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย
๓. วันส�าคัญท่ีเกี่ยวเนื่องกับ และตอบคําถามรวมกนั
พระพทุ ธศาสนา เชน่ วนั วสิ าขบชู า วนั มาฆบชู า
วันเข้าพรรษา นอกจากนี้ ยังมีวันส�าคัญทาง 4. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเก่ียวกับ
พศารสะเนจา้าอใน่ืนค ๆร ิสเตชศ์ ่นา สวนันา ควรันิสดตปี์มาาวสล ี ววันันขนอวบราคตุณร1ี วัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาไทย และสุมตวั แทน
ในศาสนาพราหมณ-์ ฮินด ู เดอื นเราะมะฎอนใน ประเพณีสงกรานต์ เป็นวันฉลองการข้ึนปีใหม่ของไทย นักเรยี นเพ่ือตอบคาํ ถาม เชน
ศาสนาอสิ ลาม ซึง่ มีมาแต่โบราณ และเป็นวัฒนธรรมประจา� ชาตทิ งี่ ดงาม • นักเรียนสามารถปฏิบัติตามวัฒนธรรม
ฝังลกึ อยู่ในชีวิตของคนไทย ประจําชาติไทยที่เนนเอกลักษณของความ
เปน ไทยไดทุกวนั ในเร่ืองใดบาง
๑.3 การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย (แนวตอบ เชน เคารพเทดิ ทนู พระมหากษตั รยิ
สังคมและวัฒนธรรมนั้นไม่ได้หยุดน่ิงอยู่กับท่ี แต่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ซ่ึงเป็น ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา
ผลมาจากปจั จยั ภายในและภายนอกทเี่ ขา้ มากระทบ วฒั นธรรมอาจเหมาะกบั สภาพสงั คมในยคุ หนงึ่ ใชภ าษาไทยอยา งถกู ตอ ง รบั ประทานอาหาร
แตอ่ าจไมส่ อดคลอ้ งกบั การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คมอกี ยคุ หนงึ่ อยา่ งไรกต็ าม การเปลยี่ นแปลง ไทย ฯลฯ)
ไมไ่ ดห้ มายถงึ การละทงิ้ วฒั นธรรมของตนไปอยา่ งสนิ้ เชงิ หรอื หนั ไปรบั วฒั นธรรมของสงั คมอน่ื มา
ใชท้ งั้ หมด ท้งั น้ี เพราะรากเหงา้ ของวฒั นธรรมไทยไดส้ รา้ งและสง่ั สมใหส้ อดคลอ้ งกับสังคมไทยมา 5. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวิธีการอนุรักษ
ชา้ นาน การเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ เปน็ ผลมาจากลักษณะบางอยา่ งไม่ตอบสนองความตอ้ งการของ สบื สาน ถา ยทอด วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทย
ในระดับบคุ คล ทอ งถ่ินหรอื ชุมชน และระดับ
ชาติ พรอมท้ังรวมกันแสดงความคิดเห็น
หากเยาวชนไทยไมรวมกันสืบทอดอนุรักษ
วัฒนธรรมไทยจะสง ผลอยา งไร
สมาชกิ ในยคุ ปจั จบุ นั จงึ ไดน้ า� สง่ิ ประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ใหมม่ าใชท้ ดแทน และมกี ารพฒั นาตอ่ ยอดวฒั นธรรม
ใหเ้ หมาะกบั กาลสมยั ดงั นนั้ จงึ มคี วามจา� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทย เพอ่ื ไมใ่ หว้ ฒั นธรรม
ของสงั คมอนื่ เขา้ มาครอบงา� จนสง่ ผลใหต้ กเปน็ เมอื งขน้ึ ทางวฒั นธรรมของสงั คมอนื่ ไป
เรอื่ งนา่ รู้
ประวตั วิ นั สงกรานต์
คำ� วำ่ “สงกรำนต”์ มำจำกภำษำสนั สกฤตวำ่ “สงกฺ รฺ ำนตฺ ”ิ แปลวำ่ กำ้ วขนึ้ ยำ่ งขน้ึ หรอื ยำ้ ยขน้ึ โดยมนี ยั ควำม
หมำยวำ่ กำรเขำ้ สศู่ กั รำชรำศใี หม ่ หรอื วนั ขน้ึ ปใี หมน่ นั่ เอง โดยเทศกำลสงกรำนตเ์ ปน็ ประเพณเี กำ่ แกแ่ ละคนไทยได้
สบื ทอดกนั มำแตโ่ บรำณคกู่ บั ประเพณตี รษุ จงึ ไดเ้ รยี กรวมกนั วำ่ “ประเพณตี รษุ สงกรำนต”์ ซงึ่ แปลวำ่ กำรสง่ ทำ้ ย
ปเี กำ่ ตอ้ นรบั ปใี หม ่ โดยชว่ งเทศกำลสงกรำนตจ์ ะตรงกบั วนั ท ี่ ๑๓ ๑๔ และ ๑๕ เมษำยนของทกุ ป ี สำ� หรบั กจิ กรรม
ในวนั สงกรำนต ์ เชน่ ทำ� บญุ ตกั บำตร กอ่ เจดยี ท์ รำย สรงนำ�้ พระพทุ ธรปู พระสงฆ ์ รดนำ้� ดำ� หวั ผใู้ หญ ่ เลน่ นำ�้
35
กิจกรรม เสรมิ สรา งคุณลักษณะอันพึงประสงค นักเรียนควรรู
นักเรียนแบง กลมุ กลุมละ 5 คน สบื คน ขอ มูลเกยี่ วกับภูมปิ ญญา 1 วนั นวราตรี จัด 2 ชวง ใน 1 ป คือ ชว งท่ี 1 มีในวันขน้ึ 1ค่ํา เดือน 5 ถงึ
และวัฒนธรรมไทยที่นกั เรยี นสนใจ ในประเดน็ ดงั นี้ ขนึ้ 9 คํา่ เดือน 5 ชว งที่ 2 มใี นวันขน้ึ 1 ค่ํา เดอื น 11 ถึงข้ึน 9 ค่ํา เดือน 11
ชาวพราหมณ-ฮินดูจะถือศีลกินเจและบูชาพระแมอุมา ซึ่งมี 9 ปางดวยกัน
• ชือ่ ภมู ปิ ญญา/วฒั นธรรม คือ ปางไศลบุตรี ปางพรหมจาริณี ปางจันทรฆัณฎา ปางกูษามาณฑา
• ความสาํ คัญของภมู ปิ ญญา/วัฒนธรรม ปางษกนั ทมาตา ปางกาตยายนี ปางกาลราตรี ปางมหาเคารี และปางสทิ ธทิ าตรี
• อิทธิพลของภูมิปญญา/วัฒนธรรมท่มี ตี อสงั คมไทย ชาวพราหมณ-ฮินดู เช่ือวา “นวราตรี” เปนชวงเวลาแหงการเติมพลังทั้งกาย
• วิธกี ารหรอื แนวทางอนรุ กั ษ/เผยแพรภูมิปญ ญา/วฒั นธรรม และใจ เพอ่ื ที่จะใชช วี ติ อยา งมีคณุ คาตอ ไป
นาํ ความรทู ไ่ี ดจ ัดทําเปน รายงานสงครผู ูสอน
T41
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
ขนั้ สรปุ การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทยอาจมองได ้ ๒ ระดับ ระดบั ท่ีหนึ่ง คอื การอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรม
ทด่ี งี ามของไทยใหค้ งอยตู่ ลอดไป และระดบั ทสี่ อง คอื คนไทยจะตอ้ งพฒั นาตอ่ ยอดวฒั นธรรมและ
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ ภูมิปญั ญาให้ทันสมัย สอดคลอ้ งกับสภาพสงั คมในยคุ ปจั จบุ ัน
วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาของไทย เปน็ สงิ่ ทบี่ รรพบรุ ษุ ไดส้ รา้ งสรรคแ์ ละสงั่ สมมานานจนเปน็
1. ครูใหนักเรียนสืบคนวัฒนธรรมและภูมิปญญา มรดกมาสู่อนุชนรุ่นหลัง และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการด�าเนินชีวิตในสังคมไทย คนไทยจึงต้อง
ในทองถิ่นของตนเอง บอกลักษณะสําคัญ ช่วยกันอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย เพื่อด�ารงไว้ใหเ้ ปน็ มรดกของชาติสืบไป
สถานการณใ นปจ จบุ นั และแนวทางการอนรุ กั ษ การรว่ มมอื ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทยสามารถแบง่ ออกเปน็ ระดับได ้ ดงั น้ ี
สืบสานวัฒนธรรมภูมิปญญาดังกลาว แลวให
นักเรยี นทําใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง วัฒนธรรมและ ๑) ระดับชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐมีหน้าท่ีรับผิดชอบต่องาน
ภูมปิ ญ ญาไทย โดยครูแนะนาํ เพิ่มเตมิ
เอกลักษณ์ของชาติโดยตรง ได้มีการก�าหนดนโยบายให้การสนับสนุน ส่งเสริมการอนุรักษ์และ
2. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ล สืบสานวัฒนธรรมของชาติ ส่วนสถาบันการศึกษาและสื่อมวลชนท�าหน้าที่ในการเผยแพร่
เมอื งฯม.3เกยี่ วกบั เรอ่ื งวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญา ประชาสัมพันธ์ให้คนในสงั คมเห็นคณุ คา่ และความสา� คญั ตอ่ วัฒนธรรมของชาติ
ไทยเพือ่ เปน การบา นสง ครูในช่ัวโมงถัดไป
๒) ระดับท้องถิ่น องค์กรในท้องถิ่นต้องให้การส่งเสริมประชาชนให้เห็นคุณค่าของ
ขน้ั ประเมนิ
เอกลกั ษณ์ไทย ช่วยกนั คิดคน้ เผยแพร่ และนา� ภูมิปัญญาของท้องถิน่ ออกมาใช้ให้เปน็ ประโยชน ์
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล อีกท้งั ยกย่องผ้ทู รงภูมิปัญญาหรือปราชญ์ทอ้ งถ่ิน เพ่อื เปน็ แบบอย่างทด่ี แี ก่คนทวั่ ไป
1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ๓) ระดบั บคุ คล เช่น ช่วยกนั อนุรกั ษ์ สืบสาน หรือต่อยอดวฒั นธรรมและภมู ิปัญญาทเี่ ป็น
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ทพี่ ลเมืองฯ ม.3 เอกลักษณข์ องทอ้ งถ่ิน จัดกิจกรรมทางวฒั นธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ินอย่างตอ่ เน่อื ง ปฏิบัตติ น
เป็นแบบอย่างที่ดีในการอนุรักษ์เอกลักษณ์ไทย เช่น ใช้ของไทย แต่งชุดไทย พูดและเขียน
2. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ภาษาไทยอย่างถกู ตอ้ ง และเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติไดเ้ รียนรู้วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
ทํางาน และการนาํ เสนอผลงานหนาชั้นเรยี น
๒. วัฒนธรรมสากล
3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ท่พี ลเมอื งฯ ม.3 วัฒนธรรมสากลหรือวัฒนธรรมนานาชาติ หมายถึง วัฒนธรรมท่ีเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
อย่างกว้างขวาง หรือเปน็ อารยธรรมท่ไี ด้รบั การปฏบิ ัตติ ามกนั ทัว่ โลก เชน่ การแต่งกายชดุ สากล
การใชภ้ าษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการส่อื สาร การปกครองในระบอบประชาธิปไตย การค้าเสรี
การใชเ้ ทคโนโลย ี ระบบการส่ือสารท่ที ันสมยั ความรู้ทางวิทยาศาสตร ์ มารยาทในการสมาคม
คนบางสว่ นมกั เขา้ ใจกนั วา่ วฒั นธรรมสากลก็คือวัฒนธรรมตะวันตก เน่ืองจากมีวัฒนธรรม
ตะวนั ตกหลายอยา่ งทเี่ ขา้ มามบี ทบาทจนกลายเปน็ สง่ิ ทจี่ า� เปน็ ในชวี ติ ประจา� วนั ในความเปน็ จรงิ แลว้
วฒั นธรรมตะวนั ตกไมไ่ ดม้ อี ทิ ธพิ ลเหนอื วฒั นธรรมอนื่ เสมอไป เพราะการรบั เอาวฒั นธรรมตะวนั ตก
เขา้ มาใชจ้ ะตอ้ งมกี ารผสมผสานและประยกุ ตเ์ ขา้ กบั สภาพสงั คมนน้ั ๆ วฒั นธรรมตะวนั ตกจงึ เปน็ เพยี ง
วฒั นธรรมจากภูมภิ าคหนงึ่ ซงึ่ อาจกลายเปน็ วัฒนธรรมสากลได้
36
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคิด
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง วัฒนธรรมและ วัฒนธรรมไทยมีความสําคัญอยา งไร
ภมู ปิ ญ ญาไทย โดยครแู นะนาํ เพม่ิ เตมิ ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน 1. ชวยใหค นไทยมีฐานะดี
และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล 2. เปน สิง่ ชว ยกําหนดชนชนั้ ทางสังคม
จากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู 3. ชว ยใหส งั คมปราศจากความขัดแยง
หนวยท่ี 3 เรอื่ ง วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล 4. ชว ยเสริมสรางความเปน ปก แผนของชาติ
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. วฒั นธรรมไทยเปนสิง่ ท่ีหลอหลอม
คนไทยใหมีความคิด ความเชื่อ รวมถึงวิถีการดําเนินชีวิตไปใน
คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ ทิศทางเดียวกนั กอใหเ กดิ ความผูกพัน และมีจติ สาํ นึกวา เปน พวก
ตรงกบั ระดบั คะแนน พอ งเดียวกนั )
ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชิกในกลมุ่
รวม
ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
T42 12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2.๑ ความสา� คัญของวัฒนธรรมสากล ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model)
ในยุคปัจจุบันโลกของเรามีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอย่างสูง เป็นยุคแห่ง
โลกาภิวัตน์ท่ีมีการติดต่อเชื่อมโยงถึงกันได้สะดวกและรวดเร็ว เมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันมากข้ึน ข้ันที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ
กย็ ่อมส่งผลให้วฒั นธรรมมีการผสมผสานกนั มากขนึ้
การที่หลายประเทศในโลกรวมถึงประเทศไทยมีความต้องการจะพัฒนาตนเองเพื่อก้าวสู่ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง
ความเปน็ สากล วฒั นธรรมสากลจงึ มีความส�าคัญ ซง่ึ คนในสงั คมจ�าเป็นทีจ่ ะต้องศึกษาและรบั มา ทีจ่ ะเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
เป็นแนวทางหน่ึงในการด�าเนินชีวิต เพื่อท่ีจะพัฒนาศักยภาพของตนเองและก้าวทันความ เรียนรู
เปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ข้ึนอย่างรวดเร็ว โดยยงั คงความเป็นเอกลกั ษณ์ไทยทง่ี ดงามและทรงคุณคา่ ไว้
2. ครูใหนักเรียนดูภาพเกี่ยวกับวัฒนธรรมสากล
2.2 วฒั นธรรมสากลทส่ี า� คญั ในยคุ ปจั จุบัน แลวใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหภาพวา ภาพ
ในปัจจุบันมีวัฒนธรรมสากลมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการด�าเนินชีวิตของเรา ดังน้ัน ตา งๆ มผี ลตอ การดาํ รงชวี ติ ของคนในปจ จบุ นั
จงึ จา� เปน็ จะตอ้ งพจิ ารณาถงึ ประโยชนแ์ ละความจา� เปน็ ของวฒั นธรรมสากลเหลา่ นนั้ ซง่ึ วฒั นธรรม อยางไรบาง
สากลทม่ี คี วามส�าคญั ตอ่ การด�าเนินชีวติ ในสงั คมยคุ ปจั จบุ นั มีดงั นี้
3. ครูถามคาํ ถามเพ่อื กระตนุ ความสนใจ เชน
๑) ภาษาองั กฤษ เปน็ ภาษาทมี่ ผี ใู้ ชม้ ากทสี่ ดุ ในโลก หลายประเทศทวั่ โลกทใ่ี ชภ้ าษาองั กฤษ • วัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลตอการ
เปน็ ภาษาราชการ เชน่ สหราชอาณาจกั ร สหรฐั อเมรกิ า สงิ คโปร ์ หนว่ ยงานสากลทสี่ า� คญั ของโลก ดาํ รงชีวิตของชาวไทย ไดแกอะไรบา ง
หลายแห่งก็ยังใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร เช่น ธนาคารโลก องค์การสหประชาชาติ (แนวตอบ เชน ท่ีอยูอาศัย การแตงกาย
สหภาพยุโรป นอกจากน้ี ในการติดตอ่ กับคนตา่ งชาติกต็ อ้ งใชภ้ าษาอังกฤษเปน็ ภาษากลางในการ อาหาร ภาษา เทคโนโลยี องคความร)ู
ส่ือสาร จงึ ส่งผลใหค้ นในสงั คมท่วั ทุกมมุ โลกใหค้ วามสนใจทีจ่ ะเรียนภาษาองั กฤษมากขึน้ • เพราะเหตใุ ดจงึ กลา ววา วฒั นธรรมตะวนั ตก
มคี วามสาํ คญั ตอ ชาวโลก
๒) คอมพวิ เตอร ์ สมารต์ โฟน และเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ มีบทบาทในชวี ติ ประจา� วัน (แนวตอบ วัฒนธรรมตะวันตกสงผลตอการ
ของเราอย่างมาก เน่ืองจากเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ พัฒนาความเจริญของประเทศ อันเนื่อง
ช่วยให้เราท�างานได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งข้ึน มาจากการคิดคนเทคโนโลยีประเภทตา งๆ)
4. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ ความหมาย
และความสําคญั ของวฒั นธรรมสากล
นอกจากน้ี มีระบบอินเทอร์เน็ตที่มีเครือข่าย
เชื่อมโยงไปท่ัวโลก เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล
สา� หรบั การสืบค้น และยังเป็นเคร่ืองมือในการ
ติดต่อส่ือสารทั่วโลก เช่น อีเมล การประชุม
ทางไกล การสอ่ื สารผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่
ถูกออกแบบมาและสามารถใช้กับสมาร์ตโฟน
ท�าใหก้ ารติดต่อสอื่ สาร การสืบคน้ ข้อมลู สะดวก
รวดเร็วยิ่งข้ึน และน�าไปสู่การต่อยอดสร้าง ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ วฒั นธรรมสากลทแ่ี พรห่ ลายทว่ั โลก
นวตั กรรมตา่ ง ๆ เพือ่ ใช้ในการขบั เคลอื่ นสงั คม นา� มาใชป้ ระโยชนท์ างการสอื่ สารและการสบื ค้นข้อมูล
3๗
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
วัฒนธรรมสากลมคี วามสําคัญอยา งไร ครูใหนักเรียนแบงกลุมเพ่ือชวยกันสืบคนหาขอมูลวา ในอดีตประเทศไทย
1. ชวยพัฒนาสังคมใหเ จรญิ กา วหนา ไดมีการติดตอคาขายกับชาติตะวันตกชาติใดบาง และแตละประเทศมีการ
2. ทาํ ใหค วามยากจนในประเทศหมดไป ติดตอซื้อขายสินคาอะไร จากนั้นใหนักเรียนนําความรูที่ไดจากการคนความา
3. ชวยใหมนษุ ยมคี วามเปนอยูอ ยางหรหู รา อธิบายในประเด็นวา จากการคาขายในอดีตสงผลอยางไรตอวัฒนธรรมและ
4. สรางความเปน เอกลักษณและเปน ปก แผนของคนในชาติ การดําเนนิ ชีวติ ของคนไทย
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. วฒั นธรรมสากลมาจากองคความรู
และแนวคิดทที่ ันสมัย ทําใหเ กดิ สิง่ ตา งๆ เชน เครื่องมือเครื่องใช
เทคโนโลยี ซึ่งชวยใหมนุษยสะดวกสบาย และมีคุณภาพชีวิต
ท่ีดี รวมถึงสามารถนํามาพัฒนาสังคมใหเจริญกาวหนาไดอ ยางมี
ประสทิ ธภิ าพ)
T43
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๓) การแต่งกาย แม้ว่าในหลายประเทศจะมีเคร่ืองแต่งกายที่เป็นชุดประจ�าชาติ ซ่ึงมี
ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ เอกลกั ษณ์ท่ีแตกตา่ งกันไป แต่ก็ยังมกี ารแตง่ กายทค่ี นในสงั คมสว่ นใหญใ่ ห้การยอมรบั วา่ เปน็ การ
แตง่ กายสากล อกี ทง้ั ยงั รบั เอาวฒั นธรรมการแตง่ กายสากลนม้ี าใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั อยา่ งแพรห่ ลาย
1. ครูใหน กั เรียนแบง กลมุ ศึกษาคนควาเก่ยี วกับ เคร่อื งแต่งกายสากล เชน่ เสื้อสูท เนกไท เสือ้ เช้ิต รองเทา้ หมุ้ สน้
วัฒนธรรมสากล จากหนังสือเรียนสังคม
ศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ ๔) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจกระแสหลักของโลกปัจจุบัน เป็น
เชน หนงั สอื ในหอ งสมดุ เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเ นต็
ในประเด็นตอไปนี้ ระบบทเี่ นน้ อสิ รภาพในการทา� ธรุ กจิ การคา้ ของบคุ คล ผปู้ ระกอบธรุ กจิ สามารถลงทนุ และใชศ้ กั ยภาพ
• วัฒนธรรมสากลท่ีสาํ คญั ในยุคปจ จบุ ัน ต่าง ๆ เพื่อการผลิตสินค้าหรือบริการได้อย่างเต็มความสามารถ รวมถึงสามารถแข่งขันในตลาด
• อิทธิพลของวัฒนธรรมสากลท่ีมีผลตอการ การคา้ ไดอ้ ยา่ งเสร ี สง่ ผลให้เกิดการสร้างอาชีพทห่ี ลากหลาย และเปน็ ระบบเศรษฐกิจทเี่ ปิดโอกาส
ดําเนนิ ชวี ติ ในสงั คมไทย ใหค้ นทว่ั ไปสรา้ งฐานะทางการเงนิ ไดต้ ามความสามารถของตนเอง หลายประเทศในโลกจงึ ยอมรบั
และน�าระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมาใช้อย่างแพร่หลาย ดังจะเห็นได้จากการรวมตัวทางด้าน
2. ครูใหความรูเกี่ยวกับลักษณะสําคัญของ เศรษฐกิจในแต่ละภมู ภิ าคของโลก เชน่ องคก์ ารการคา้ โลก (WTO) ประชาคมอาเซยี น (ASEAN
วฒั นธรรมสากล รว มกนั ยกตวั อยา งวฒั นธรรม Community) ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ในภูมภิ าคเอเชยี -แปซฟิ ิก หรอื เอเปก (APEC) สหภาพ
สากล และตวั อยา งวฒั นธรรมสากลในสงั คมไทย ยโุ รป หรอื อีย ู (EU)
เชน การแตงกายแบบสากล ระบบเศรษฐกิจ
แบบทนุ นยิ ม การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ๕) การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประเทศส่วนใหญ่ในโลกให้การยอมรับและ
แนวคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเทาเทียมกัน
สิทธิมนุษยชน แลวแนะนําแหลงขอมูล ปกครองประเทศในระบอบประชาธปิ ไตย เนอ่ื งจากเปน็ ระบอบทเี่ นน้ สทิ ธ ิ เสรภี าพของบคุ คล อกี ทงั้
สารสนเทศทนี่ า เชื่อถือใหก บั นักเรียนเพิม่ เตมิ เปดิ โอกาสใหม้ กี ารแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกนั ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา และหลกี เลยี่ งการใชค้ วาม
รนุ แรงเพ่ือการอยู่ร่วมกันอยา่ งสนั ติสุข เราจะเห็นได้วา่ ในหลายประเทศทมี่ คี วามตอ้ งการจะพฒั นา
ไปสู่ความเป็นสากลน้ัน มีความพยายามที่จะเปล่ียนแปลงหรือพัฒนาให้การเมืองการปกครอง
เป็นประชาธิปไตยมากท่สี ุด เพ่อื จะไดเ้ ปน็ ทย่ี อมรับจากทั่วโลก
ระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนยิ ม เป็นตวั อย่างวฒั นธรรมสากลทชี่ ่วยเสรมิ สร้างให้ประเทศมคี วามเจรญิ ก้าวหนา้
3๘
บูรณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคิด
ประเทศตางๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต มีการติดตอคาขาย วัฒนธรรมสากลใดตอไปน้ีท่ีนักเรียนควรเลือกมาปรับใชใน
และดําเนินความสัมพันธระหวางกันมาชานาน ตลอดหลายศตวรรษไมมีใคร กจิ วตั รประจําวันมากท่ีสดุ
ที่เปนคนแปลกหนาระหวางกัน แตในชวงยุคอาณานิคมทําใหประเทศตางๆ
เหลานี้หางเหินกันออกไป ประชาชนติดตอคาขายกันนอยลงจนทําใหการกลับ 1. ภาษาอังกฤษ
มาสรา งความสมั พนั ธร ะหวา งกนั เปน สง่ิ จาํ เปน ดงั จะเหน็ ไดว า ในระยะ 20 ปแ รก 2. สินคา แบรนดเ นม
ของการมีอาเซียนนั้น การแลกเปลี่ยนทางศิลปวัฒนธรรมระหวางกันกลายเปน 3. แฟช่ันการแตง กาย
กิจกรรมหลักประการหนง่ึ ของประเทศสมาชิกอาเซยี น 4. เคร่อื งสําอางชอ่ื ดงั
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ในปจ จุบันประเทศตา งๆ ท่ัวโลก
ตา งใหก ารยอมรบั นาํ ภาษาองั กฤษมาเปน ภาษาสากลในการตดิ ตอ
สื่อสารระหวางประเทศ ภาษาอังกฤษจึงมีความสําคัญที่นักเรียน
ควรฝกฝนใหมคี วามเช่ยี วชาญ)
T44
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๖) แนวคิดเรือ่ งสิทธิมนุษยชน ประเทศในหลายภมู ิภาคทัว่ โลกก�าลังให้ความสนใจเรอื่ ง ขนั้ สอน
สิทธิมนุษยชน สืบเน่ืองจากการที่ประเทศส่วนใหญ่ให้การยอมรับการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยซึ่งเน้นในเร่ืองสิทธิ เสรีภาพของประชาชน จึงท�าให้แนวคิดเร่ืองสิทธิมนุษยชนมี ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้
การแพร่หลายไปทั่วโลก มีความพยายามจากหน่วยงานหรือองค์กรทั้งของภาครัฐและเอกชนที่
ดา� เนนิ งานเกย่ี วกบั การสง่ เสรมิ สทิ ธมิ นษุ ยชน ซงึ่ เปา้ หมายสา� คญั ของหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน เชน่ ทา� ให้ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ได้รับการปฏิบัติต่อกันอย่างเหมาะสม การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู
ปราศจากการใชค้ วามรุนแรงต่อกัน และไดร้ บั สวสั ดิการตา่ ง ๆ ท่ีทา� ใหม้ ีคณุ ภาพชีวิตท่ีดี ระหวา งกนั
วฒั นธรรมสากลทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ น ี้ มคี วามสา� คญั ในการดา� เนนิ ชวี ติ ในยคุ ปจั จบุ นั เราไมอ่ าจ
ปฏเิ สธสง่ิ เหลา่ นี้ว่ามีความจา� เป็นท่ีจะตอ้ งศึกษาและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสดุ 2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ทีน่ ําเสนอเพือ่ ใหไดข อมลู ที่ถูกตอง
2.3 อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมสากลทมี่ ผี ลตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ในสงั คมไทย
ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า มีวัฒนธรรมสากลจ�านวนมากอยู่รอบตัวเรา และจ�าเป็นต้อง 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล
เรียนรู้เก่ียวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนกลายเป็นส่วนหน่ึงของชีวิต วัฒนธรรมสากลได้แทรกซึม หนาช้ันเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย
ต่อการดา� เนนิ ชีวติ ในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั นี้ และตอบคําถามรวมกัน จากนั้นรวมกัน
อภิปรายถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมสากลท่ีมี
๑) ภาษาและวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลท่ีคนไทยต้องศึกษาเรียนรู้ ผลตอการดําเนินชีวิตของคนไทย เชน การ
ให้เกดิ ความช�านาญ เพื่อใช้ในการตดิ ตอ่ สื่อสารกบั คนตา่ งชาติท่อี ยูใ่ นไทยและทัว่ โลก โดยเฉพาะ รับประทานอาหาร การใชเทคโนโลยีและ
อยา่ งยงิ่ การทป่ี ระเทศไทยกา้ วเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น (ASEAN Community) มกี ารใชภ้ าษาองั กฤษ นวตั กรรมตา งๆ ภาษา การแตง กาย ใหน กั เรยี น
เปน็ สอ่ื กลางในการตดิ ตอ่ สื่อสารระหวา่ งประเทศ นอกจากน ี้ ยังต้องศกึ ษาดา้ นวฒั นธรรมตา่ งชาติ ชวยกันบอกขอดีและขอเสียของวัฒนธรรม
ดังกลาว และแนะนําการรับวัฒนธรรมสากล
มาผสมผสานประยกุ ตใ ชร ว มกนั กบั วฒั นธรรม
ไทยอยา งเหมาะสม
เพ่อื เป็นการเสรมิ สร้างความเขา้ ใจและความสัมพนั ธ์อันดีในการตดิ ตอ่ สอื่ สารและอยรู่ ่วมกนั
๒) คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และ
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ความนิยมในการใช้
คอมพวิ เตอรแ์ ละเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ในสงั คม
ไทยเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว เราสามารถพบเห็น
เคร่ืองคอมพิวเตอร์ได้โดยท่ัวไป ไม่ว่าจะเป็น
ในบา้ นพักอาศัย สา� นักงาน โรงเรยี น เน่ืองจาก
เคร่ืองคอมพิวเตอร์ช่วยอ�านวยความสะดวก
ในการท�างาน และยังใช้สมาร์ตโฟนในชีวิต
ประจา� วนั ในการตดิ ตอ่ สอื่ สาร สบื คน้ ขอ้ มลู และ
เพอ่ื ความบนั เทงิ ทส่ี ามารถใชง้ านไดง้ า่ ย พกพา การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นส่ิงจ�าเป็นอย่างยิ่งในโลก
ยุคปัจจุบัน ท่ีนิยมใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ
สะดวก จนเป็นทน่ี ยิ มแพรห่ ลายในสังคมไทย ในการตดิ ต่อส่อื สาร
3๙
กจิ กรรม สรางเสรมิ เกร็ดแนะครู
นักเรียนสํารวจตนเองวามีพฤติกรรมการเลือกรับวัฒนธรรม ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา แมประเทศไทยจะมีภาษาเปน
สากลอยางไร แลวใหนักเรียนเขียนบรรยายลงในกระดาษ A4 ของตนเอง แตก็ไมอาจปฏิเสธไดวาในปจจุบันที่มีลักษณะของโลกไรพรมแดน
แลวนาํ สง ครผู ูสอน การติดตอสื่อสารระหวางประเทศมีความสําคัญอยางย่ิง ดังนั้น คนไทยจําเปน
ตอ งเรียนรภู าษาสากล เชน ภาษาอังกฤษ ภาษาฝร่ังเศส
กจิ กรรม ทาทาย
นักเรียนรวมกันประชุมกลุมยอยเพ่ือแสดงความคิดเห็นเรื่อง
ความสําคัญและประโยชนของการเลือกรับวัฒนธรรมสากลเพ่ือ
ใชใ นชีวิตประจําวนั อยางเหมาะสม จากนั้นสง ตวั แทนมานําเสนอ
ผลสรปุ จากการประชุม
T45
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน นอกจากน ้ี เครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ กเ็ ปน็ อกี สง่ิ หนงึ่ ทคี่ นไทยนยิ มใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลาย เพราะ
เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้จากทั่วโลก และยังเป็นเคร่ืองมือที่ใช้ติดต่อส่ือสารกันได้
ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ อย่างไร้ขอบเขต สะดวก รวดเร็ว และประหยัด
ค่าใช้จ่าย การที่คนในสังคมไทยมีการพัฒนา
4. ครใู หน กั เรยี นดภู าพเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั วฒั นธรรม ทกั ษะทางดา้ นการใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละเครอื ขา่ ย
ของชาวตะวันตกท่ีมีการกระทําท่ีเหมาะสม อินเทอรเ์ นต็ จึงถือเปน็ สง่ิ จ�าเปน็ สา� หรับการอยู่
และไมเหมาะสมกับสงั คมไทย เชน ภาพชาว ในยุคแห่งโลกไร้พรมแดนท่ีจะต้องมีการติดต่อ
ตะวนั ตกชมการแสดงดนตรี ภาพการแตง กาย สอ่ื สารกบั นานาประเทศ แตใ่ นทางกลบั กนั กต็ อ้ ง
ของชาวตะวนั ตก จากนัน้ ใหน ักเรยี นรว มกัน รู้จกั ใช้อยา่ งเหมาะสม เพราะถา้ หากนา� ไปใชใ้ น
วเิ คราะหและแสดงเหตุผลวา ภาพใดเปนภาพ ทางที่ผิดก็อาจส่งผลเสียทั้งต่อตนเองและสังคม
ทเี่ หมาะสมทจ่ี ะนาํ มาประยกุ ตป ฏบิ ตั ใิ นสงั คม รอบขา้ ง
ไทย การแต่งกายในแบบสากล เช่น ใสเ่ สอื้ สูท ผกู เนกไท เปน็
ลกั ษณะของวฒั นธรรมสากลรปู แบบหนง่ึ ทสี่ ามารถพบเหน็ ๓) วัฒนธรรมด้านการแต่งกาย
5. นักเรียนแตละกลุมรวมกันกําหนดแนวทาง ได้ท่ัวไป เสแื้อมส้วูท่า ใเนสป้ือัจเชจิ้ตุบ ันเสนังกคไมทไ ทกยระไโดป้รรับงอ ิทกธางิพเลกทงยาีนง1
การปฏิบัติตนเก่ียวกับการเลือกรับวัฒนธรรม เช่น
สากล เพอื่ นาํ ไปปฏิบตั ใิ นการดาํ เนินชวี ิต โดย วัฒนธรรมด้านการแต่งกายจากต่างชาติ
ครแู นะนําเพิ่มเติม รองเท้าผ้าใบ รองเทา้ ส้นสูง จนกลายเปน็ “แฟช่ัน” ท่คี นในสงั คมไทยยดึ ถือเป็นคา่ นยิ ม แต่ทัง้ นี้
6. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ
วัฒนธรรมสากล
จะต้องค�านึงถึงมารยาทการแต่งกายที่พึงประสงค์ด้วย เช่น ความสุภาพเรียบร้อย มีความเป็น
ระเบยี บ สะอาด รวมถึงเหมาะสมกบั กาลเทศะ เชน่ เม่อื เขา้ ไปในสถานทอ่ี นั ควรเคารพสกั การะ
กค็ วรแต่งกายใหเ้ รียบร้อย ถอดหมวก รองเทา้ ไม่ส่งเสียงดงั หรือพูดคา� หยาบ
๔) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนยิ ม ซง่ึ ได้มีการ
พฒั นาและขยายตวั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง สง่ ผลใหใ้ นปจั จบุ นั มผี ปู้ ระกอบการจา� นวนมากไดผ้ ลติ สนิ คา้ และ
บรกิ ารทมี่ คี วามหลากหลายออกสตู่ ลาด รวมถงึ พฒั นาคณุ ภาพของสนิ คา้ เพอ่ื ดงึ ดดู ลกู คา้ นอกจากน้ี
ยงั มสี นิ คา้ ของคนไทยหลายประเภททส่ี ง่ ออกไปขายยงั ตา่ งประเทศ ซงึ่ สรา้ งรายไดจ้ า� นวนมหาศาล
จงึ ถอื ไดว้ า่ ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ มมผี ลตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คมไทยอ ย่างมาก
๕) การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมสากลที่มีอิทธิพลต่อ
การด�าเนินชีวิตของคนไทยโดยตรง เนื่องจากประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังน้ัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจึงได้ก�าหนด
แนวทางการปฏบิ ตั ิ รวมถงึ สิทธ ิ เสรภี าพ และหน้าท่ีของประชาชนไว ้ เช่น สทิ ธิในกระบวนการ
ยตุ ธิ รรม เสรภี าพในการแสดงความคดิ เหน็ หนา้ ทใ่ี นการไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ การทคี่ นไทยปฏบิ ตั ติ น
ตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดจะช่วยพัฒนาให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า เป็นท่ียอมรับ
ของต่างประเทศ
4๐
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
1 กางเกงยีน กางเกงยีนที่วัยรุนไทยนิยมสวมใสกันอยางแพรหลายนั้น ขอ ใดตอไปนี้ถอื วา เปน วฒั นธรรมสากล
มีตนกําเนิดมาจากสหรัฐอเมริกา โดยในยุคแรกท่ีผลิตออกมานั้นไดรับความ 1. ระบอบเผด็จการ
นิยมจากคนงานท่ีทํางานในเหมือง รวมถึงผูใชแรงงานท่ัวไป เนื่องจากมีความ 2. ลัทธิคอมมิวนิสต
ทนทานฉกี ขาดยาก 3. ลัทธิจักรวรรดนิ ยิ ม
4. หลกั สทิ ธิมนุษยชน
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. หลักสทิ ธมิ นษุ ยชนเปน วัฒนธรรม
สากล เพราะเปนแนวทางที่สงเสริมใหมนุษยมีสิทธิเสรีภาพ
เทาเทียมกัน)
T46
นาํ สอน สรุป ประเมิน
2.4 แนวทางการเลอื กรับวฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม ขนั้ สรปุ
ในการเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลและนา� มาปรบั ใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกับสังคมไทยมีแนวทาง ดังนี้ ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ
๑) เลือกรับวัฒนธรรมสากลท่ีจ�าเป็นต่อการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน วัฒนธรรมสากล 1. ครูใหนักเรียนบอกแนวทางการเลือกรับ
วัฒนธรรมสากลอยางเหมาะสม แลวให
เช่น ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ การใช้สมาร์ตโฟน ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลย ี นกั เรยี นทาํ ใบงานท่ี 3.2 เรอื่ ง วฒั นธรรมสากล
ตลอดจนระบบระเบียบการค้าขายระหว่างประเทศ มีความส�าคัญในการติดต่อสัมพันธ์ระหว่าง โดยครแู นะนําเพิ่มเติม
คนไทยและชาวต่างชาติอย่างมาก จึงจ�าเป็นต้องศึกษาหาความรู้ให้ถ่องแท้ เลือกรับเฉพาะ
วฒั นธรรมทีด่ แี ละเหมาะกับสังคมไทย เพอื่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การด�าเนินชวี ติ ของคนไทยในปจั จบุ ัน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาท่ี
พลเมืองฯ ม.3 เกย่ี วกับเรื่อง วฒั นธรรมสากล
๒) พิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียควบคู่กันไป เน่ืองจากสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมจาก เพ่อื เปน การบา นสง ครูในช่ัวโมงถดั ไป
วัฒนธรรมภายนอกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าหากเราศึกษาให้ดีและใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะก่อให้ ขน้ั ประเมนิ
เกิดความสะดวกสบาย ช่วยแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และตอบสนองความต้องการในด้านต่าง ๆ
ไดด้ งั่ ใจ แตผ่ ลเสยี กม็ อี ยเู่ ชน่ กนั เชน่ การใชส้ มารต์ โฟน แมว้ า่ ชว่ ยใหก้ ารตดิ ตอ่ สอ่ื สารเปน็ ไปอยา่ ง ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล
สะดวกและรวดเร็ว โดยใชส้ นทนาหรอื เล่นเกมโดยไมจ่ า� กัดเวลา ก็จะท�าใหก้ ลายเปน็ คนตดิ “โลก
โซเชียล” หรอื ติดเกม โดยไมส่ นใจคนรอบข้าง เกิดพฤตกิ รรมที่เรียกวา่ “สังคมกม้ หน้า” ท�าใหไ้ มม่ ี 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
เวลาออกก�าลังกาย หรือขาดการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอ่ืนหรือครอบครัว ดังนั้น การเลือกรับ การเรียนรูที่ 3 เร่ือง วัฒนธรรมไทยและ
นวัตกรรมจงึ ต้องมสี ต ิ แลว้ รูจ้ กั เลือกรบั และนา� มาปรบั ใช้ใหเ้ หมาะสม วัฒนธรรมสากล
๓) การร่วมมือ คน้ คว้า เผยแพร ่ รวมถงึ การประยุกต์ใชภ้ ูมปิ ญั ญาไทย คนไทยมี 2. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
ความสมั พนั ธก์ บั คนในสงั คมอน่ื ทว่ั โลก มกี ารตดิ ตอ่ รว่ มมอื และเผยแพรค่ วามรภู้ มู ปิ ญั ญาระหวา่ ง สมรรถนะฯ หนาทพ่ี ลเมืองฯ ม.3
กันตลอดมา โดยมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือและสร้างสันติภาพระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม
เราต้องเลอื กรับและรว่ มมอื ในสิง่ ทเ่ี ขา้ กนั ไดแ้ ละเหมาะสมกับสังคมและวฒั นธรรมไทย 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน
(รวบยอด) รายงานการปฏิบัติตนในการ
๔) มีการพัฒนาและผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้เหมาะสมกับสมัยปัจจุบัน เราจะ อนุรักษวัฒนธรรมไทยและเลือกรับวัฒนธรรม
สากล
เห็นได้ว่า ภูมิปัญญาไทยหลายเร่ืองได้กลายเป็นภูมิปัญญาสากล เช่น อาหารไทยได้รับความ
นิยมไปท่ัวโลก ด้านสถาปัตยกรรมท่ีมีการผสมผสานภูมิปัญญาไทยกับภูมิปัญญาตะวันตก เช่น 4. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3
โบสถ์วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง พระที่น่ัง เร่ือง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล
อนันตสมาคม สถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกิสในจังหวัดภูเก็ต การผสมผสานอย่างลงตัวของ เพือ่ ทดสอบความรทู ไี่ ดศ ึกษามา
ภมู ปิ ญั ญาไทยกบั ภูมปิ ญั ญาสากลได้กลายเปน็ มรดกส�าคัญของวัฒนธรรมร่วมสมยั ของไทย
กล่าวโดยสรุป ในยุคปัจจุบันวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลต่างก็มีความส�าคัญ
และเขา้ มามบี ทบาทตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ อยา่ งมาก แมว้ า่ ในแตล่ ะวฒั นธรรมจะมคี วามแตกตา่ งกนั
แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับวัฒนธรรมได้อย่างเหมาะสมและสามารถน�าวัฒนธรรมเหล่าน้ันมา
ผสมผสานเพ่ือประยุกต์ใช้ในทางท่ีถูกต้องก็จะส่งผลให้วัฒนธรรมมีประโยชน์ต่อการพัฒนา
สงั คมและคุณภาพชวี ิตของเรา
4๑
กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล
สืบคนวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลท่ีนักเรียนสนใจมา ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอ้ื หา เรอื่ ง วฒั นธรรมสากล ไดจ าก
อยา งละ 1 ประเภท จากน้ันใหศ กึ ษาคน ควาในประเด็น ดงั นี้ การตอบคาํ ถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนา ช้นั เรยี น โดย
ศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบ
• ทม่ี าของวัฒนธรรม ทายแผนการจัดการเรยี นรู หนว ยท่ี 3 เรอื่ ง วฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล
• คุณคา และความสาํ คัญ
• อทิ ธิพลท่มี ีตอสงั คมและการดาํ เนนิ ชวี ติ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
• แนวทางการเลือกรับวัฒนธรรมหรอื การนาํ มาประยุกตใ ช
สรปุ ความรูท่ีไดส ง ครผู สู อน คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถูกต้องของเนือ้ หา
2 การลาดบั ขัน้ ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
T47
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เฉลย คําถามประจาํ หนว ยการเรียนรู้ คÓถาม ประจÓหน่วยการเรยี นรู้
๑. วฒั นธรรมไทยและภมู ปิ ัญญาไทยมีประโยชนต์ ่อการดา� เนินชวี ิตของนักเรียนอย่างไร
1. เปน แบบแผนรวมถงึ เปน แนวทางในการปฏบิ ตั ิ ๒. ในสังคมไทยมีอะไรบา้ งทีแ่ สดงถงึ การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมสากล
เพ่ือใหดําเนินชีวิตในสังคมไดอยางเหมาะสม ๓. การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยมคี วามจา� เปน็ อยา่ งไร และนกั เรยี นสามารถมสี ว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษ์
อีกทั้งเปนเอกลักษณที่มีคุณคาสะทอนถึงวิถี
อันดงี าม ไดด้ ว้ ยวธิ ีใดบา้ ง
๔. วฒั นธรรมสากลทม่ี ีข้อดีและมีประโยชน์ตอ่ ชวี ติ ของนักเรียนมอี ะไรบา้ ง จงยกตัวอย่าง
2. ที่อยูอาศัย สถาปตยกรรมตางๆ หรือแมแต ๕. นักเรียนมีแนวทางในการเลือกรบั วฒั นธรรมสากลอย่างไร
ภาษาไทยในบางคําก็มีการประยุกตมาจาก
ภาษาสากล กจิ กรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรยี นรู้
3. การอนรุ กั ษว ฒั นธรรมไทยเปน สง่ิ จาํ เปน เพราะ กิจกรรมท ่ี ๑ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม ไปส�ารวจและสืบค้นเก่ียวกับภูมิปัญญาชาวบ้านของไทย
จะชวยใหวัฒนธรรมยังคงอยูไมสูญหาย ซ่ึง
นักเรยี นสามารถมสี ว นรวมอนรุ ักษไ ด เชน ใช ท่ีน่าสนใจ จดั ท�าเป็นสมุดภาพประกอบค�าบรรยาย แล้วนา� เสนอหนา้ ชั้นเรียน
ภาษาไทยใหถูกตอง มีสว นรวมในการสบื สาน
วัฒนธรรมประเพณอี ันดีงาม กจิ กรรมท่ี ๒ น ักเรียนออกมาเล่าภูมิปัญญาท่ีน่าสนใจในท้องถ่ินของตนเองท่ีหน้าช้ันเรียน
4. เชน เครือขา ยอนิ เทอรเนต็ มปี ระโยชนในการ คนละ ๑ ภมู ิปญั ญา
ดาํ เนินชวี ติ ในหลายๆ ดานทม่ี ปี ระโยชน เชน
การศึกษาคน ควา ขอมูลตา งๆ กจิ กรรมท่ ี ๓ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม ศึกษาผลงานของปราชญ์ชาวบ้านหรือครูภูมิปัญญาของไทย
5. เลือกรับตามความเหมาะสม ตอบสนอง แลว้ น�าข้อมลู มาจดั ทา� ป้ายนเิ ทศ
ความตองการไดดี และไมขัดกับคานิยม
ขนบธรรมเนียมประเพณขี องไทย กจิ กรรมท ่ี ๔ น กั เรยี นยกตวั อยา่ งวฒั นธรรมสากลทม่ี อี ทิ ธพิ ลในสงั คมไทย แลว้ วเิ คราะหถ์ งึ ขอ้ ด ี
ข้อเสีย และแนวทางในการเลือกรบั วฒั นธรรมดงั กลา่ ว
42
เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพัฒนาทกั ษะ
ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป
ซงึ่ เปน งานหรอื ชิ้นงานท่ีใชเวลาไมน าน สําหรบั ประเมนิ รูปแบบน้ีอาจเปน คําถามปลายเปด หรือผังมโนทศั น นยิ มสาํ หรับประเมินผเู รียนรายบคุ คล
ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชีวิตประจําวนั ในฐานะพลเมอื งที่ดีของสงั คม อาจเปน การประเมนิ จากการสังเกต การเขียน การตอบคําถาม การวเิ คราะห การแกป ญหา ตลอดจน
การทํางานรว มกนั
ประเมินทกั ษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองที่ดีของสังคม ท่ีมีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางย่ังยืน เชน ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏิบตั งิ านตอ ผูเ กี่ยวขอ งหรอื ตอ สาธารณะ
สง่ิ ทตี่ อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผี่ เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทตี่ อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน
T48
Chapter Overview
แผนการจัด สอ่ื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 1
ลกั ษณะของ - หนังสือเรยี น 1. อ ธบิ ายบทบาทหนา้ ทข่ี อง สืบเสาะหา - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ความสามารถใน 1. มวี ินยั
สงั คมไทยและ สงั คมศึกษาฯ ม.3 สถาบันในสังคมไทยซ่ึง ความรู้ - ตรวจการทำ� แบบฝึก การคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
ปจั จัยที่กอ่ ให้ - แบบฝึกสมรรถนะ มีส่วนร่วมมือกันในการ (5Es สมรรถนะและการคดิ - ความสามารถใน 3. มุ่งม่นั ในการ
เกดิ ความ และการคิด แก้ปัญหาความขัดแย้ง Instructional หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.3 การใช้ทักษะชวี ติ ท�ำงาน
ขัดแยง้ จนเกิด หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3 ได้ (K) Model) - ตรวจใบงานท่ี 4.1
เปน็ ปัญหา - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ว ิเคราะห์สาเหตุท่ีท�ำให้ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
สังคมและ - PowerPoint เกดิ ปญั หาความขดั แยง้ - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน
แนวทางแก้ไข - ใบงานท่ี 4.1 ในประเทศ ผลกระทบ - สงั เกตพฤตกิ รรม
และแนวทางแกไ้ ขได้ (K) การท�ำงานรายบคุ คล
3 3. จ ำ� แนกบทบาทหนา้ ทขี่ อง - สังเกตพฤติกรรม
สถาบันในสังคมไทยซ่ึง การท�ำงานกลมุ่
ช่วั โมง มีส่วนร่วมมือกันในการ - ป ระเมินคุณลักษณะ
แก้ปัญหาความขัดแย้ง อันพงึ ประสงค์
ได้ (P)
4. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา
ลกั ษณะของสงั คมไทย
สาเหตทุ ที่ ำ� ใหเ้ กดิ ปญั หา
และแนวทางแกไ้ ขเพ่มิ
มากขึ้น (A)
T49
แผนการจดั ส่อื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรยี น 1. วเิ คราะหแ์ นวทางความ วธิ สี อนโดย - ต รวจการท�ำแบบฝึก - ค วามสามารถใน 1. มวี ินัย
แนวทางความ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 รว่ มมอื ในการลดความ การจัดการ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
รว่ มมือและ - แบบฝึกสมรรถนะ ขัดแย้งและการสร้าง เรียนรู้แบบ หน้าทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. ม่งุ มั่นในการ
ปจั จัยสง่ เสริม และการคิด ความสมานฉนั ทไ์ ด้ (K) ร่วมมือ : - ต รวจการท�ำแบบวัดและ การใชท้ ักษะชวี ติ ทำ� งาน
การดำ�รงชวี ิต หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3 2. ว เิ คราะหป์ จั จยั ทสี่ ง่ เสรมิ เทคนิคค่คู ิด บันทกึ ผลการเรยี นรู้
ให้มคี วามสุข - แ บบวัดและบันทึกผล การด�ำรงชวี ิตให้มี ส่สี หาย หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3
การเรยี นรู้ ความสขุ และได้ (K) - ตรวจใบงานท่ี 4.2
1 หนา้ ทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 3. เ สนอแนวทางความ
- แบบทดสอบหลังเรยี น ร่วมมือในการลดความ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
ชัว่ โมง - PowerPoint ขัดแย้งและปจั จัยที่ - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน
- สังเกตพฤติกรรม
- ใบงานที่ 4.2 สง่ เสริมการดำ� รงชีวติ การท�ำงานรายบคุ คล
ใหม้ คี วามสุขได้ (P) - สงั เกตพฤติกรรม
4. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา การท�ำงานกลมุ่
แนวทางความร่วมมือ - ป ระเมินคณุ ลกั ษณะ
และปจั จยั ทสี่ ง่ เสรมิ การ อนั พึงประสงค์
ด�ำรงชีวิตให้มีความสุข - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
เพมิ่ มากขนึ้ (A)
T50
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๔ สงั คมไทยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ¤ÇÒÁ¢Ñ´áÂŒ§·èÕà¡Ô´¢Öé¹ ขนั้ นาำ (5Es Instructional Model)
ã¹Êѧ¤Áä·Âà¡Ô´¨Ò¡
»˜¨¨ÑÂã´ºŒÒ§ áÅÐÁÕ ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ
á¹Ç·Ò§ã¹¡ÒÃÅ´¤ÇÒÁ
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง
?¢Ñ´áÂŒ§ä´ŒÍ‹ҧäà ท่จี ะเรียนรู จุดประสงคก ารเรียนรู และผลการ
เรยี นรู
ในสงั คมไทยประกอบไปดว้ ยคนจ�านวนมากท่มี ีความแตกต่างกันในด้านตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ความคิด ความเชื่อ ฐานะ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม เม่ือด�าเนินชีวิตอยู่ร่วมกัน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน
กอ็ าจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาความขัดแยง้ และปญั หาสงั คมในดา้ นต่าง ๆ ขึ้นอยา่ งหลีกเล่ยี งไมไ่ ด้ ดังน้นั หนวยการเรียนรูท ี่ 4 เร่อื ง สงั คมไทย
คนไทยจงึ ควรทา� ความเข้าใจและร่วมมือกันสรา้ งความสมานฉันทเ์ พ่อื ลดความขดั แยง้ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ
ซ่ึงจะทา� ให้ดา� รงชวี ิตอยู่ร่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คมโลกได้อย่างมีความสุข 3. ครูเกร่ินนําเกี่ยวกับลักษณะสําคัญทางสังคม
ไทย แลว ถามคําถาม เชน
ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง • เม่ือนักเรียนนึกถึงสงั คมไทย นักเรยี นนกึ ถึง
ส ๒.๑ ม.๓/๔ วเิ คราะหป์ จั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาความขดั แยง้ • ปัจจยั ที่กอ่ ใหเ้ กิดความขัดแยง้ เช่น การเมืองการปกครอง ลักษณะเดนอะไรบาง
ในประเทศ และเสนอแนวคดิ ในการลดความขัดแยง้ เศรษฐกิจ สงั คม ความเช่อื (แนวตอบ การมีพระมหากษัตริยทรงเปน
ส ๒.๑ ม.๓/๕ เสนอแนวคดิ ในการดา� รงชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ • สาเหตุปัญหาทางสังคม เช่น ปัญหาสิ�งแวดล้อม ปัญหา ประมขุ การไหว การยมิ้ การทาํ เกษตรกรรม)
ในประเทศและสงั คมโลก • เหตใุ ดประเทศไทยจงึ มคี วามโดดเดน ในดา น
ยาเสพติด ปญั หาการทจุ รติ ปญั หาอาชญากรรม การเปนประเทศเกษตรกรรม
• แนวทางความร่วมมือในการลดความขัดแย้งและการสร้าง (แนวตอบ เน่ืองจากประเทศไทยต้ังอยูใน
ความสมานฉนั ท์ บรเิ วณทมี่ ลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ
• ปัจจัยท่ีส่งเสริมการด�ารงชีวิตให้มีความสุข เช่น การอยู่ เหมาะสมกับการเพาะปลูก ทําใหผลผลิต
ทางการเกษตรทไี่ ดม ปี รมิ าณมาก มคี ณุ ภาพดี
และเปนทต่ี อ งการของทั่วโลก)
• การทค่ี นในสงั คมไทยใหค วามเคารพเทดิ ทนู
พระมหากษัตริยตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน
มาจากสาเหตใุ ด
(แนวตอบ เน่ืองจากสถาบนั พระมหากษัตริย
ไดใ หค วามชว ยเหลอื และอยเู คยี งขา งประชาชน
มาโดยตลอด ประชาชนชาวไทยจงึ ใหค วาม
เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย
ตลอดมา)
รว่ มกนั อยา่ งมขี นั ตธิ รรม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เห็นคุณค่าในตนเอง รู้จักมองโลกในแง่ดี สร้างทักษะทาง
อารมณ ์ รจู้ กั บรโิ ภคดว้ ยปญั ญา เลอื กรบั -ปฏเิ สธขา่ วและวตั ถุ
ต่าง ๆ ปรบั ปรุงตนเองและส�งิ ตา่ ง ๆ ให้ดขี ึน้ อยู่เสมอ
4๓
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดการเรียนรูเพ่ือใหนักเรียนสามารถวิเคราะหลักษณะของสังคมไทย ปจจัยท่ีกอใหเกิดความขัดแยง แนวทางการแกปญหา และวิธีการสงเสริม
การดาํ รงชีวติ ใหเ ปนสขุ โดยใหน ักเรยี นทํากจิ กรรมดังตอ ไปนี้
• คนควาขอมลู ท่เี ก่ียวกับลกั ษณะสําคัญและสภาพสังคมไทย
• ติดตามขา วสารทเี่ กี่ยวกบั ประเด็นตางๆ ในสงั คมไทย
• รว มกันวเิ คราะหปญ หาสังคมไทยและเสนอแนวทางแกไ ข
T51
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาำ ñ. Åกั ɳะของสังคมไทย
ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ สงั คมไทยเปน็ สงั คมทมี่ เี อกลกั ษณแ์ ละมปี จั จยั หลากหลายทปี่ ระสานใหท้ กุ กลมุ่ ชนอาศยั อยู่
ร่วมกัน มีความร่วมมือ สร้างความสมานฉันท์อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุขมาช้านาน เช่น
4. ครูเช่ือมโยงเขาสูบทเรียนเกี่ยวกับลักษณะ การให้ความเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลักและ
สําคัญของสังคมไทยและสถาบันทางสังคม อยู่ร่วมกับศาสนาอื่นได้อย่างสันติสุข มีอิสระและเสรีภาพส่วนบุคคล และยึดมั่นในวัฒนธรรม
ท่ีสําคัญของไทย โดยครูซักถามและอธิบาย ประเพณีอันดีงาม อย่างไรก็ตาม การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นสังคมย่อมมีประเด็นที่น�าไปสู่ความ
ขยายความจากสิ่งที่นักเรียนตอบ จากน้ัน ขัดแย้งได้เช่นกัน ดงั นี้
อภปิ รายความรรู วมกนั
๑) การเปลย่ี นแปลงการเมืองการปกครอง ภายหลังทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
5. ครูนาํ ขา วจากหนังสอื พิมพ อนิ เทอรเ น็ต วิทยุ ใน พ.ศ๒. )๒ ๔ก๗าร๕เ ปกลารี่ยเนมือแงปขลองงเไศทรยษตฐ้อกงเิจผ ชเญิ มกื่อับรัขฐบ้อขาลดั นแ�ยาเ้งสสนูง อแแลผะนตพ้องัฒมนีกาาเรศแรกษ้ไฐขกกิจนั แเรห่ือ่งยชมาาต1ิใน
โทรทัศน ท่ีเปนประเด็นเก่ียวกับปญหาสังคม
แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความ พ.ศ. ๒๕๐๔ เน้นให้สังคมไทยเป็นสังคมอุตสาหกรรม แบบแผนการด�าเนินชีวิตของคนก็
คิดเห็นเชื่อมโยงถึงปจจัยท่ีกอใหเกิดความ เปล่ยี นแปลงไปแตใ่ นอัตราทีไ่ ม่เทา่ กัน โดยคนในเมืองและผู้ประกอบการเนน้ การด�าเนินชีวติ แบบ
ขัดแยงในสังคมไทย ท้ังในดานการเมืองการ ทนุ นิยม ในขณะท่ีคนในชนบทยังยดึ ถอื วิถชี วี ติ ดั้งเดิม
ปกครอง เศรษฐกิจ สังคมจากขาวดังกลาว
โดยครูแนะนําเพ่มิ เติม ๓) การเปลย่ี นแปลงสงั คม คา่ นยิ ม ความคดิ ความเชอ่ื และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล
และกลุ่มบุคคลเปลี่ยนไป ความเป็นปัจเจกและความเชื่อมั่นของคนในสังคมต่างกัน อาจน�าไปสู่
ความตงึ เครยี ดและความขดั แย้งในสงั คมขึน้
๔) การไหลบ่าของวัฒนธรรมสากล ในยุคของสังคมไร้พรมแดนอันเป็นผลมาจาก
ประดษิ ฐกรรมและเทคโนโลยสี มยั ใหม ่ มสี ว่ นทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาทางสงั คมขน้ึ หากไมม่ กี ารควบคมุ ดพี อ
ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาเปน็ ประเพณสี �าคัญทางพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ เป็นเอกลักษณส์ า� คัญอยา่ งหนง่ึ ของสงั คมไทย
44
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรางเสริม
1 แผนพัฒนาเศรษฐกิจแหงชาติ แผนพัฒนาฯ ฉบับแรก มุงเนนไปในดาน นกั เรยี นแบง กลมุ ชว ยกนั คน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั ลกั ษณะทส่ี าํ คญั
เพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณของการผลิตพืชผลเกษตรกรรม รวมท้ังการ ของสงั คมไทยที่นักเรียนสนใจ กลมุ ละ 1 ประเด็น จากนนั้ จัดทํา
สงวนปากับการปรับปรุงการขนสงและส่ือสารใหสะดวกรวดเร็วย่ิงข้ึน สวนการ เปนรปู เลม รายงาน แลว นาํ ความรทู ่ไี ดมาเสนอหนา ชัน้ เรยี น
ขยายตวั ของอตุ สาหกรรมนนั้ อาศยั การสง เสรมิ การลงทนุ เปน เครอื่ งมอื สนบั สนนุ
ใหเอกชนดําเนินการ ในดานการพาณิชยก็มีจุดหมายและนโยบายที่จะขยาย
มูลคาสินคาขาออกใหสงู ย่งิ ขน้ึ ตามการขยายตัวของการผลติ กับสงเสริมอาชพี
ของคนไทยใหเหมาะสมกับสถานการณ สําหรับปจจุบัน (พ.ศ. 2563) อยูใน
ชวงของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ซ่ึงจดั ทําข้นึ บนพนื้ ฐานของ
ยทุ ธศาสตรชาติ 20 ป (2560-2579) และเปาหมายการพฒั นาทย่ี ัง่ ยืน (SDGs)
รวมท้ังการปรับโครงสรางประเทศไทยไปสูประเทศไทย 4.0 โดยอาศัยความ
รวมมือของภาคีการพัฒนาทุกภาคสวน ในการรวมกันจัดทํารายละเอียดของ
แผนฯ เพ่ือมุงสู “ความมั่นคง มง่ั ค่ัง และยงั่ ยนื ”
T52
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เมื่อมีการเปล่ียนแปลงเกิดขึ้น สถาบันทางสังคมซึ่งเป็นโครงสร้างหลักจะผลักดันให้สังคม ขนั้ สอน
เกดิ ความสมดลุ ตามกลไกทางสงั คม เพอ่ื ใหส้ งั คมพฒั นาและอยรู่ อดทา่ มกลางปญั หาและขอ้ ขดั แยง้
สถาบนั ทางสังคมมีลกั สษถณาะบเฉันพคาระอ บดคังนร้ีัว1 ขั้นที่ 2 สำารวจค้นหา
• มีหนา้ ทอ่ี บรมสัง่ สอนสมาชกิ ในครอบครวั ให้รู้จกั แบบแผนของสงั คม 1. นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู เกยี่ วกบั สถาบนั ทางสงั คม
• แม้วา่ ในปจั จุบนั ครอบครวั ไทยมีลักษณะเป็นครอบครวั เดยี่ วมากข้ึน แต่ยงั คงมคี วาม ในประเทศไทยจากแหลงการเรียนรูตางๆ
จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาศึกษาแลกเปลี่ยนกัน
สมั พันธ์ใกลช้ ดิ ระหวา่ งสมาชกิ ในครอบครวั ในชนั้ เรียน
สถาบันการศึกษา 2. นักเรียนแบงกลุมออกเปน 7 กลุม แลวสง
ตัวแทนออกมาจับสลากเพ่ือเลือกสถาบัน
• มหี นา้ ท่ีถ่ายทอดความรแู้ ละวัฒนธรรมต่าง ๆ ใหก้ บั สมาชกิ ในสังคม ทางสังคม จากน้ันใหสมาชิกในกลุมประชุม
• ปัจจุบันมีการแยกสถาบันการศึกษาอย่างเป็นระบบ มีคณาจารย์ผู้เช่ียวชาญในสาขา อภิปรายเก่ียวกับสถาบันทางสังคมของกลุม
ตนเอง แลว สง ตวั แทนมาสรุปผลการอภปิ ราย
วชิ าต่าง ๆ เป็นผ้ถู า่ ยทอดความรแู้ ละการจัดการเรยี นการสอนที่ชดั เจน หนา ชนั้ เรยี น
สถาบนั ศาสนา
• มหี นา้ ทเ่ี สริมสร้างคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มทีด่ ีใหก้ ับคนในสังคม
• ในสังคมไทยมีการนับถือศาสนาท่ีแตกต่างกัน แต่ก็สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่าง
สนั ตเิ สมอมา
สถาบนั เศรษฐกิจ
• มหี นา้ ทตี่ อบสนองความตอ้ งการของสมาชิกในสงั คมด้านปจั จยั ๔
• สังคมไทยปัจจุบันมีรายได้หลักจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงมีการผลิต
สินค้าทางการเกษตรส�าหรับบริโภคและส่งออกในระดับสูง สินค้าทางการเกษตร
ทสี่ า� คญั เชน่ ขา้ ว ยางพารา ขา้ วโพด นอกจากน ี้ สงั คมไทยยงั ไดน้ อ้ มนา� หลกั ปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ต์ใชใ้ นการดา� รงชวี ิตประจา� วัน
สถาบนั การเมอื งการปกครอง
• มีหน้าทีร่ กั ษาความสงบเรยี บร้อยของสังคม
• ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประชาชนได้เขา้ ไปมีสว่ นรว่ มในการปกครองท้ังในระดบั ทอ้ งถ่นิ และระดับชาติ
สถาบนั นนั ทนาการ
• มหี น้าท่ใี หค้ วามบนั เทงิ ส่งเสรมิ ใหค้ นในสังคมรูจ้ กั ใชเ้ วลาว่างให้เกดิ ประโยชน์
• กจิ กรรมนันทนาการทสี่ �าคัญ เชน่ ฟงั เพลง ดูละคร เลน่ กฬี า ดนตรี
สถาบันส่อื สารมวลชน 2
• มหี น้าท่ีถ่ายทอดข้อมูลขา่ วสารต่าง ๆ สู่คนในสงั คม
• ปจั จบุ นั สถาบนั สอ่ื สารมวลชนไดม้ กี ารพฒั นาเทคโนโลยแี ละรปู แบบการนา� เสนอ มกี าร
แข่งขันระหว่างสื่อสารมวลชนด้วยกันในระดับสูง ท�าให้คนไทยสามารถเข้าถึงแหล4่ง 5
ขอ้ มูลข่าวสารไดอ้ ย่างสะดวกและรวดเรว็
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
สถาบนั ทางสงั คมใดมบี ทบาทสาํ คญั ในการปอ งกนั ปญ หาสงิ่ เสพตดิ 1 สถาบันครอบครัว ครอบครัวไทยสมัยกอนมีลักษณะเปนครอบครัวขยาย
1. สถาบนั การเมือง ประกอบดวยสมาชิกหลายคนอาศัยอยูรวมกัน แตในปจจุบันครอบครัวไทยมี
2. สถาบันเศรษฐกจิ ลกั ษณะเปนครอบครวั เดย่ี วเปน สว นใหญ
3. สถาบนั ครอบครวั 2 ขอมูลขา วสาร สงั คมไทยในปจ จบุ นั เปน สังคมแหงขอมูลขา วสาร ส่ือตางๆ
4. สถาบนั สือ่ สารมวลชน มีการพัฒนาแขงขันกันเพ่ือที่จะนําเสนอขาวอยางทันเหตุการณ จึงถือเปนเร่ือง
ท่ีดีที่เราจะไดรับขอมูลขาวสารท่ีหลากหลาย แตส่ิงสําคัญที่สุด คือ จะตองใช
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ครอบครัวคือสถาบันแรกเร่ิมของ วิจารณญาณในการรับขอมลู ขาวสารตางๆ โดยมงุ เนนในเร่อื งของขอ เท็จจรงิ
มนุษย เปนที่ใหความรักความอบอุน และปลูกฝงการประพฤติ
ปฏิบัติที่ถูกตอง เยาวชนท่ีเติบโตมาในครอบครัวท่ีอบอุนยอมมี
สขุ ภาพกายและใจที่ดี หางไกลส่งิ เสพตดิ และเตบิ โตเปน บคุ ลากร
ทม่ี คี ุณภาพของสงั คมตอไป)
T53
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๒. ป ัจจยั ทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แย้งในสงั คมไทย
ขน้ั ที่ 2 สำารวจค้นหา สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเอ้ืออาทร เคารพผู้อาวุโส ผู้คนมีน�้าใจต่อกัน มีการปฏิบัติ
ต่อกันเหมือนญาตพิ น่ี อ้ ง เมื่อประชากรเพม่ิ มากข้นึ บริบททางสังคมมกี ารเปลี่ยนแปลง มคี วาม
3. นักเรียนศึกษาคนควาเก่ียวกับการเมือง เจรญิ ก้าวหน้าทางดา้ นการศกึ ษา เทคโนโลยี การติดตอ่ ส่ือสาร มกี ารหลัง่ ไหลของขอ้ มูลขา่ วสาร
การปกครองของไทย โดยเร่ิมต้ังแตสมัย จากภายนอก ท�าให้รูปแบบความสัมพันธ์ของคนในสังคมมีการเปลี่ยนแปลง มีความคิดต่างและ
เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึง นา� ไปสคู่ วามขดั แยง้ ซงึ่ เราสามารถจา� แนกปจั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ ในสงั คมไทยแตล่ ะดา้ นได้
ปจ จุบนั ดังน้ี
4. นักเรียนนําขอมูลท่ีไดจากการคนความา ๒.๑ ด้านการเมืองการปกครอง
วเิ คราะหเ ปรยี บเทยี บววิ ฒั นาการดา นการเมอื ง
การปกครองของไทย จากนนั้ อภปิ รายถงึ ความ สงั คมไทยมีความขดั แยง้ ทางการเมืองการปกครองภายในประเทศ ทงั้ น้ี อาจเนอื่ งมาจาก
ขัดแยงและปญหาดานการเมืองการปกครอง ความแตกต่างด้านความคิดทางการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการบริหาร
ของไทยตัง้ แตอดตี ถงึ ปจ จบุ ัน ประเทศ การจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งการกระท�าในลักษณะดังกล่าวขัดกับการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในปัจจุบนั ปัญหาความขดั แยง้ ทางการเมอื งภายในประเทศยังคง
5. นักเรียนรวมกันสรุปความขัดแยงทางดาน มีอย ู่ โดยมีสาเหตสุ �าคัญ ดงั นี้
การเมอื งการปกครองในสงั คมไทย แลว รว มกนั
วิเคราะหถ ึงแนวโนม ของความขัดแยง รวมถึง ๑) ความแตกตา่ งทางความคดิ ดา้ นการเมอื ง ในปจั จบุ นั คนไทยมเี สรภี าพทางความคดิ
พัฒนาการทางดา นการเมอื งการปกครอง
มากข้ึน สามารถแสดงออกทางการเมืองได้อย่างกว้างขวาง จึงท�าให้เกิดภาพความขัดแย้งกัน
อสว่ยน่างรวช่ มัดใเนจนกา รจปนกบคารงอคงร1แ้ังลกะ็นตา� อ้ ไงปอสยู่ครู่ วว่ ามมกรนั ุนโแดรยงใช ซเ้ ห่ึงตคผุนลในในสกงั าครมแจกะป้ ตญั อ้ หงพา ยยายดึ าหมลหกั ากแารนปวรทะานงปีเขระา้ นมอามม ี
สมาชกิ รัฐสภาซึง่ เป็นผูแ้ ทนของประชาชนตอ้ งตระหนักในหน้าท่แี ละปฏิบัตงิ านเพ่อื ประโยชนข์ อง
ประชาชน ตลอดจนการบงั คบั ใชก้ ฎหมายของเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ตอ้ งชดั เจน มปี ระสทิ ธภิ าพ และยตุ ธิ รรม
เพอ่ื ใหส้ งั คมไทยเกิดสนั ตสิ ุขและมีการพัฒนาต่อไป
๒) ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ถือเป็นปัญหาส�าคัญอย่างมาก เนื่องจากผู้ที่เข้าไปมี
บทบาทในการบริหารบ้านเมืองยังคงมีพฤติกรรมที่ทุจริต เพื่อให้ได้มาซ่ึงผลประโยชน์ส่วนตน
และหมคู่ ณะ สรา้ งความเสยี หายใหแ้ ก่ประเทศชาติและประชาชนอยา่ งมาก
๓) การด�าเนินนโยบายการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แหง่ ชาต ิ ทา� ใหก้ ารพฒั นาประเทศในดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมเปน็ ไปตามระบบ ตามหลกั ของการ
พฒั นาทา� ใหส้ ภาพความเปน็ อย ู่ การศกึ ษา การคมนาคม และอน่ื ๆ ขยายตวั ออกไป อยา่ งไรกต็ าม
นบั ตงั้ แตม่ กี ารประกาศใชแ้ ผนพฒั นาฯ รฐั บาลไดม้ งุ่ เนน้ การพฒั นาอตุ สาหกรรม เกดิ การใชป้ ระโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติเพื่อเสริมสร้างทุนทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติ
รอ่ ยหรอ และสงิ่ แวดลอ้ มเสอ่ื มโทรมลงอยา่ งรวดเรว็ ทงั้ ยงั ทา� ใหเ้ กดิ ปญั หามลภาวะตา่ ง ๆ และปญั หา
46ขยะมูลฝอยและส่งิ ปฏกิ ูลเพิ่มมากขนึ้
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
1 มสี ว นรว มในการปกครอง ประชาชนชาวไทยควรมสี ว นรว มในการปกครอง ผใู ดมพี ฤตกิ รรมท่ีอาจนาํ ไปสูปญ หาความขดั แยง ทางสงั คม
ซง่ึ ถอื เปน สง่ิ สาํ คญั ทจ่ี ะชว ยใหก ารปกครองไทยมกี ารพฒั นา แตใ นการมสี ว นรว ม 1. นวลรณรงคต อ ตา นการทจุ รติ คอรร ปั ชัน
น้นั จะตองคาํ นึงถงึ ความถูกตอ ง ใชเ หตุผล หลกี เลี่ยงการใชค วามรุนแรง และ 2. นา้ํ มกั เขารวมในกจิ กรรมเสวนาทางการเมือง
ไมต กเปน เครือ่ งมือของผใู ดผูหน่ึงหรือกลมุ ใดกลุมหนงึ่ 3. หนอ ยพบเห็นการกระทํารนุ แรงตอ เด็กจึงแจง ตาํ รวจ
4. หนยุ เช่อื วา ศาสนาทต่ี นนับถือดีทีส่ ุดจงึ ไมย อมรับศาสนาอ่ืน
ส่ือ Digital
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การยึดม่ันในศาสนาเปนสิ่งที่ดี
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั มาตรการปอ งกนั การทจุ รติ ไดท ่ี https://www. แตถ า เครง ครดั จนเกนิ พอดแี ละเปรยี บเทยี บกบั ศาสนาอนื่ อาจทาํ ให
nacc.go.th เกดิ ความขดั แยงขึน้ ได)
T54
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒.๒ ดา้ นเศรษฐกิจ ขน้ั สอน
ปจั จยั ทางเศรษฐกจิ ทอ่ี าจกอ่ ให้เกิดความขดั แยง้ ภายในสงั คม มีสาเหตสุ า� คญั ดงั นี้
ข้ันท่ี 2 สาำ รวจค้นหา
๑) ความเหลื่อมล้�าทางรายได้ของคนในสังคมและโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร
จากการพัฒนาประเทศทผ่ี ่านมา การกระจายรายไดร้ ะหว่างกลมุ่ ประชากรไม่เท่าเทียมกนั ท�าให้ 6. นักเรียนสืบคนขาวจากหนังสือพิมพหรือ
แเกกิด้ปคัญวาหมาเผห่าลนอ่ื นมโลย�้าบทาายงตร่าายง ไๆด ้แเลชะ่นโอ กกาาสรใในหก้สาินรเเชข่ือา้ 1ถเพงึ ่ืบอกริกราะตรขุ้นอใหงร้เัฐก ิด รถาึงยแจม่า้วยา่ รแัฐบตา่สลัดไสด่วพ้ นยคานยจามน อินเทอรเน็ตท่ีแสดงถึงความขัดแยงทางดาน
และคนรวยยงั แตกตา่ งกนั ซึง่ นา� ไปสู่ความขดั แยง้ ในสังคมและเปน็ อปุ สรรคในการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจและสังคม จากนั้นเขียนสรุปขาว
พอสังเขป พรอมท้ังบอกแหลงท่ีมาหรือแหลง
๒) เกดิ การผกู ขาดทางการคา้ ในบางกรณผี ปู้ ระกอบการบางกลมุ่ ผกู ขาดการผลติ สนิ คา้ อางอิงของขาว
7. นาํ ขา วทสี่ บื คน ไดม าวเิ คราะหส าเหตขุ องปญ หา
ตามเนอ้ื ขา ว จากนน้ั อภปิ รายเสนอแนะแนวทาง
การแกไข
และบรกิ าร จนสรา้ งผลกา� ไรมหาศาลใหก้ บั ธรุ กจิ ของตนเองและพวกพอ้ ง เมอื่ ฐานะทางเศรษฐกจิ มี
ความแตกตา่ งกนั มาก โอกาสในการครอบครองปจั จยั การผลติ กย็ งิ่ แตกตา่ งกนั โดยเฉพาะทด่ี นิ ซง่ึ มกั
เปน็ ของนายทนุ แตเ่ กษตรกรบางรายกลบั ไมม่ ที ด่ี นิ เปน็ ของตนเอง จงึ เกดิ ปญั หาการแยง่ ชงิ ทรพั ยากร
๒.๓ ดา้ นสงั คม
ปัจจยั ทางสังคมและความเชอ่ื ทีอ่ าจนา� ไปสคู่ วามขดั แยง้ ในสังคมไทย มีสาเหตสุ า� คญั ดังนี้
๑) การเคลอ่ื นยา้ ยประชากรขา้ มประเทศ ในปัจจบุ ันมีประชากรจากประเทศเพ่อื นบ้าน
เข้ามาท�างานในประเทศไทยเป็นจ�านวนมาก ท�าให้กลายเป็นสังคมท่ีมีความหลากหลายทาง
วัฒนธรรมอย่างเห็นได้ชัด และน�าไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมข้ึนตามมาอีกหลายด้าน เช่น
โรคตดิ ตอ่ ปญั หาสง่ิ เสพติด ปญั หาอาชญากรรม
๒) การสูญเสียความเข้มแข็งของชุมชน โดยมีคนอพยพเข้าสู่เขตเมืองและนิคม
อตุ สาหกรรมเปน็ จา� นวนมาก อกี ทงั้ อทิ ธพิ ลทางวฒั นธรรมของตา่ งชาตแิ ละลทั ธบิ รโิ ภคนยิ มทมี่ ตี อ่
ชวี ิตความเปน็ อยูข่ องคนไทยมากขนึ้ นอกจากน ้ี คา่ นยิ มทดี่ งี ามเรม่ิ เสอื่ มถอยและประเพณดี ั้งเดิม
ถกู บิดเบือน สงั คมไทยจงึ มีความเป็นวตั ถนุ ยิ มสงู ขน้ึ ปญั หาเหล่าน้ีไดส้ ง่ ผลใหค้ วามเข้มแข็งของ
ชมุ ชนอ่อนแอลง
๓) การยดึ มนั่ ในศาสนาของตนเองสงู การยดึ มนั่ ในศาสนาของคนบางกลมุ่ อยา่ งเครง่ ครดั
จนเกนิ พอด ี หรอื มอี คตติ อ่ คนทน่ี บั ถอื ศาสนาและความเชอ่ื ทแี่ ตกตา่ งไปจากตนอยา่ งรนุ แรง อาจนา�
ไปสกู่ ารเกิดความขดั แย้งข้นึ ในสังคมไทยได้
๔) ความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ในสงั คม สงั คมไทยยงั คงมคี วามเหลอื่ มลา�้ ในดา้ นตา่ ง ๆ สง่ ผลให้
คนไทยเกิดความแตกตา่ งกนั ไม่วา่ จะเป็นฐานะทางเศรษฐกิจ การศึกษา การเข้าถงึ ทรพั ยากร จงึ
ท�าให้คณุ ภาพชีวิตแตกต่างกนั ท�าใหเ้ กิดความคดิ ความเช่อื และความตอ้ งการทแ่ี ตกต่างกันไป
ซ่ึงมีผลต่อการตัดสินใจและการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ จนบางครั้งก่อให้
เกดิ ความขัดแย้งจนนา� ไปส่คู วามแตกแยกภายในสังคม
47
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
สถานการณใดตอไปนีอ้ าจนําไปสคู วามขัดแยงดานเศรษฐกิจ ครูอาจต้ังประเด็นคําถามวา “หากคนไทยดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญา
1. การผกู ขาดการคา ของเศรษฐกิจพอเพียงแลว จะชวยลดปญหาความขัดแยงทางดานเศรษฐกิจ
2. การเพ่ิมกําลงั การผลติ และสังคมอยางไรบาง” โดยใหนักเรียนอธิบายเปนแผนผังความคิด แลวนําสง
3. การกระจายอาํ นาจสชู นบท ครูผูสอน
4. การสนับสนุนงบประมาณดานการวิจัย
นักเรียนควรรู
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การทผ่ี ปู ระกอบการบางกลมุ ผกู ขาด
สนิ คา และบรกิ าร เปน การแยง ชงิ ผลประโยชนท างการคา รวมไปถงึ 1 การใหส ินเชื่อ เปนการใหยืมเงินหรอื กูเงนิ ซง่ึ รัฐบาลไดมีการใหสนิ เช่อื แก
การเขา ครอบครองปจ จยั การผลติ ซงึ่ คนจนไมส ามารถเขา ถงึ ปจ จยั ประชาชนเพื่อกระตนุ ใหเกิดเงนิ ทุนหมนุ เวียนในระบบเศรษฐกิจ ท้งั เพ่ือสง เสรมิ
ตางๆ ได ดงั น้ัน จึงอาจเกดิ ความขัดแยง ข้ึนได) การประกอบอาชีพ คาใชจายที่จําเปนตอการดํารงชีพ หรือชําระหน้ีอ่ืนๆ เชน
การใหส นิ เช่อื เพอ่ื พัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ ม (SMEs)
T55
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ó. ปÞั หาสังคม1แÅะแนวทางแกไ้ ข
ขัน้ ที่ 2 สำารวจคน้ หา สังคมไทยในปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วตามการเปล่ียนแปลงของสังคมโลก
มีความเจริญก้าวหน้าทางนวัตกรรม เทคโนโลยี การสอ่ื สาร ท�าใหก้ ารพัฒนาประเทศในทกุ ดา้ น
8. ครูใหน กั เรยี นแบง กลุม ศกึ ษาคน ควาเก่ียวกบั เปน็ ไปอย่างตอ่ เน่อื งและรวดเร็ว มคี นจากหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา มาอยู่รวมกัน ทา� ให้การ
ปญหาสังคมและแนวทางแกไข จากหนังสือ เปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมจนก่อให้เกิดปัญหาสังคม
เรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการ ตามมา
เรียนรอู นื่ ๆ เชน หนงั สือในหองสมุด เวบ็ ไซต ปญั หาสงั คมส่งผลกระทบต่อการดา� เนนิ ชวี ิตของคนในสงั คม ส่ิงที่สา� คัญท่ีสดุ ก็คอื เมือ่ เกิด
ในอินเทอรเ นต็ โดยครอบคลุมประเด็นปญ หา ปัญหาทางสงั คม คนในสงั คมจะตอ้ งร่วมกนั แก้ไขปัญหาเหลา่ น้นั ปัญหาสังคมไทยท่สี �าคัญ มีดังน้ี
ดงั น้ี
• ปญ หาส่ิงแวดลอ ม ๓.๑ ปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม
• ปญ หาสง่ิ เสพติด
• ปญ หาอาชญากรรม แต่เดิมน้ันประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมดีและสมบูรณ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสภาพแวดล้อม
• ปญ หาทจุ ริตคอรร ัปชนั ได้เปลี่ยนไปเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ท�าให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและคน
ในสังคม เชน่ อากาศเป็นพษิ นา้� เสยี รวมท้งั ภัยพิบัตติ า่ ง ๆ
9. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเช่ือถือ
ใหก ับนักเรยี นเพิ่มเตมิ ๑) สาเหตทุ ที่ า� ใหเ้ กดิ ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม ที่ส�าคัญ มีดังน้ี
๑.๑) ประชากรเพมิ่ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ เมอ่ื จา� นวนประชากรเพม่ิ ขน้ึ การบรโิ ภคและการใช้
ทรัพยากรก็เพ่ิมขึ้นด้วยเช่นกัน จนน�าไปสู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติสิ้นเปลืองและเกิดปัญหา
ส่งิ แวดลอ้ มตามมา เช่น ปัญหาขยะมูลฝอย ปญั หามลพิษทางนา�้ และทางอากาศ
๑.๒) การพัฒนาอุตสาหกรรมและการคมนาคมขนส่ง ท�าให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตามมา เชน่ ปญั หาการปลอ่ ยนา้� เสยี และของเสยี ลงสแู่ หลง่ นา้� ปญั หามลพษิ ทางอากาศจากยานพาหนะ
๑.๓) การพัฒนาเกษตรกรรม เช่น การใช้ปุยเคมี ยาฆ่าแมลงและวัชพืช รวมทั้ง
การแผ้วถางปา่ เพ่ือขยายพืน้ ทเี่ พาะปลูก กอ่ ให้เกดิ นา�้ ปา่ ไหลหลากในชว่ งฤดฝู น
การเผาพืน้ ที่การเกษตรเพอื่ เตรียมพื้นที่เพาะปลกู เปน็ สาเหตหุ น่งึ ที่ท�าใหเ้ กดิ ปัญหามลพษิ ทางอากาศ
48
เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรางคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค
ครนู ําขาวจากหนงั สอื พมิ พ วทิ ยุ หรอื โทรทศั นเกี่ยวกบั ปญหาสงั คม มาให นกั เรยี นแบง กลมุ ศกึ ษาคน ควา เกย่ี วกบั ปญ หาสง่ิ แวดลอ มทกี่ าํ ลงั
นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ จากนนั้ สรปุ ภาพรวมของปญ หารว มกนั เปน ประเดน็ ในประเทศไทย กลมุ ละ 1 ปญ หา จากนน้ั ใหแ ตล ะกลมุ
จัดสัมมนาเรื่อง “ประเด็นปญหาส่ิงแวดลอมในประเทศไทย” โดย
นักเรียนควรรู มงุ เนนในประเด็น ดงั น้ี
1 ปญหาสังคม ท่ีสําคัญ เชน ปญหาสิ่งเสพติด ปญหามลพิษ โดยรอบ • สภาพปญ หา
ปง บประมาณ พ.ศ. 2562 (ระหวา งวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2561-18 กันยายน 2562) มี • สาเหตขุ องปญหา
การดาํ เนินคดีผตู องหาคดียาเสพติดกวา 350,000 คดี ยาเสพตดิ ทสี่ ําคญั เชน • ผลกระทบตอสงั คมไทย
ยาบา ไอซ เฮโรอนี โคเคน กญั ชาแหง ขณะทป่ี ญ หามลพษิ ขอ มลู จากกรมควบคมุ โดยสมาชกิ ในกลมุ รว มกนั แสดงความคดิ เห็นอยางหลากหลาย
มลพษิ ใน พ.ศ. 2562 (ระหวา งวันท่ี 1 ตลุ าคม 2561-31 มีนาคม 2562) ไดรับ
รองเรียนเรอ่ื งปญ หาดานมลพษิ จํานวน 238 เรือ่ ง พน้ื ท่ที มี่ ปี ญหาไดร บั เรอ่ื งรอ ง
เรยี นสูงสุด คือ กรุงเทพฯ รองลงมาไดแ ก สมทุ รปราการ นนทบรุ ี สมุทรสาคร
นครปฐม สว นใหญเ ปน เรอ่ื งกลนิ่ เหมน็ ฝนุ ละออง/เขมา ควนั และเสยี งดงั รบกวน
T56
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒) ผลกระทบจากปญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม ทีส่ �าคัญ มดี ังน้ี ขนั้ สอน
๒.๑) ท่ีอยู่อาศัยไม่เพียงพอ ท�าให้ผู้คนอาศัยอยู่อย่างแออัด ไม่มีสุขอนามัยที่ดีพอ
เกดิ เป็นแหลง่ เสือ่ มโทรม รวมทง้ั เป็นแหลง่ แพร่เชอ้ื โรค ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้
๒.๒) ผู้คนมีสุขภาพไม่ดี เน่ืองจากได้รับผลกระทบของสารพิษจากแหล่งต่าง ๆ เช่น
ควันพษิ จากยานพาหนะ นา้� เสียจากโรงงานอุตสาหกรรม สารพษิ ปนเป้ือนในพชื ผัก ผลไม้ และ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
เน้ือสัตว์ ทา� ใหเ้ กดิ โรคภัยไข้เจบ็ ตา่ ง ๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมแิ พ ้ โรคมะเรง็ การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู
๒.๓) เกดิ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาต ิ สาเหตหุ ลกั มาจากการทา� ลายธรรมชาต ิ เชน่ การตดั ไม้ ระหวา งกัน
ท�าลายป่า แลว้ น�าพน้ื ทไี่ ปปลกู พืชเศรษฐกจิ เช่น ยางพารา สง่ ผลใหเ้ กดิ นา�้ ทว่ ม ดนิ ถล่ม ภัยแล้ง
เนอ่ื งจากฝนไมต่ กตอ้ งตามฤดกู าล สร้างความเดอื ดรอ้ นในการด�าเนนิ ชวี ิตเป็นอยา่ งมาก 2. สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ทน่ี าํ เสนอ
เพ่ือใหไดข อ มูลที่ถกู ตอ ง
3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล
หนาช้ันเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย
และตอบคําถามรวมกัน
๓) แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม ทส่ี �าคญั มดี งั น้ี
๓.๑) สรา้ งจติ สา� นกึ และสง่ เสรมิ คณุ ภาพประชากร ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ตระหนกั ถงึ
ความสา� คญั และความจา� เปน็ ของการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม รวมถงึ ผลกระทบ
ท่เี กดิ จากการดา� เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ
๓.๒) ใชม้ าตรการทางกฎหมาย การมกี ฎหมายเพอื่ รกั ษาทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มจะ
ชว่ ยใหก้ ารอนรุ กั ษเ์ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ แตต่ อ้ งบงั คบั ใชแ้ ละมบี ทลงโทษผฝู้ า่ ฝนื อยา่ งจรงิ จงั
๓.๓) ร่วมกันปลูกป่า มีการรณรงค์ไม่ให้แผ้วถางและตัดต้นไม้ ส่งเสริมกิจกรรมการ
ท�านุบ�ารุงทรัพยากรธรรมชาติตามโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการอนุรักษ์พ้ืนท่ีต้นน�้าล�าธาร
โครงการป่ารักน�้า โครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า โครงการพัฒนาและรณรงค์การปลูกหญ้าแฝก
อันเนื่องมาจากพระราชด�าริ เพ่ือป้องกันการ
พงั ทลายของหนา้ ดนิ เพอ่ื ใหพ้ น้ื ทแี่ ละทรพั ยากร
ธรรมชาติกลับคืนส่สู ภาพเดมิ
๓.๔) ใชท้ รพั ยากรอยา่ งประหยดั และ
เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดการพัฒนาท่ี
ยงั่ ยนื เชน่ ปดิ ไฟเมอ่ื เลกิ ใชง้ าน ใชก้ ระดาษให้
คมุ้ คา่ โดยใชท้ ง้ั สองหนา้ ปดิ กอ๊ กนา�้ ใหส้ นทิ หลงั
ใชง้ าน ใชเ้ ครอื่ งใชท้ ชี่ ว่ ยประหยดั พลงั งาน เชน่
ชักโครกประหยัดน�้า แอร์ประหยัดไฟ รวมถึง
พฒั นาพลงั งานสะอาด เชน่ พลงั งานแสงอาทติ ย์ การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม เป็น
นา้� ลม เพือ่ เป็นมติ รกับส่ิงแวดลอ้ ม แนวทางหนึ่งในการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและให้เกิด
ประโยชน์สงู สดุ
49
ขอ สอบเนน การคิด บูรณาการอาเซียน
การทจี่ าํ นวนประชากรของประเทศเพมิ่ ขน้ึ อยา งรวดเรว็ กอ ใหเ กดิ การเพม่ิ ข้ึนของประชากรและการพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียนทําใหแตล ะ
ปญหาใดตามมา ประเทศตอ งเผชญิ กบั ปญ หาดา นสง่ิ แวดลอ ม ในชว งทผ่ี า นมาทรพั ยากรธรรมชาติ
และระบบนิเวศในหลายพ้ืนที่ของชาติสมาชิกเสื่อมโทรมลง ปญหาดาน
1. ขยะลน เมอื ง ส่ิงแวดลอมของแตละประเทศท่ีเปนประเด็นสําคัญและไดรับความสนใจจาก
2. เศรษฐกจิ ขยายตวั รัฐบาลอาเซียนหลายประเทศในปจจุบัน คือ วิกฤตขยะพลาสติก โดยเฉพาะ
3. การทจุ รติ ฉอ ราษฎรบ งั หลวง ปญหาการลักลอบนําเขาขยะผิดกฎหมาย ซ่ึงขยะสวนใหญเปนขยะพลาสติก
4. ความสมั พนั ธร ะหวา งประเทศตกตา่ํ คุณภาพต่ําที่ยากตอการรีไซเคิล และขยะบางสวนยังเปนขยะมีพิษดวย ซ่ึง
นอกจากสรางมลพิษทางสิ่งแวดลอมขั้นรายแรงแลว ยังกอใหเกิดธุรกิจรับจาง
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เมอ่ื ประชากรเพมิ่ จาํ นวนอยา งมาก รีไซเคลิ ผดิ กฎหมาย อยา งไรกต็ าม การจดั การดา นส่ิงแวดลอ มของชาติสมาชกิ
ยอ มสง ผลใหเ กดิ การใชท รพั ยากรเพม่ิ ขน้ึ ซง่ึ กอ ใหเ กดิ ขยะจาํ นวน จะมุงเนนในประเด็นดานส่ิงแวดลอมท่ีกระทบตอระบบเศรษฐกิจและสังคม
มหาศาลทไี่ มส ามารถกาํ จดั ไดท นั ทาํ ใหเ กดิ ความสกปรกและเปน โดยรวม
แหลง เพาะพันธเุ ชื้อโรค)
T57
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๓.๒ ปัญหาสิ่งเสพตดิ 1
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ ปัญหาสง่ิ เสพติดเปน็ ปญั หาหนง่ึ ที่ส�าคญั ของสังคมไทย และถือเปน็ ปญั หารา้ ยแรงทที่ ุกฝ่าย
ตอ้ งร่วมมือกันแกไ้ ข เพราะสง่ ผลกระทบต่อประชากรซึง่ เปน็ ก�าลังส�าคัญในการพฒั นาประเทศ
4. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว มกนั เกย่ี วกบั ปญ หา สิง่ เสพติด คือ สารซึ่งบคุ คลเสพเข้าส่รู า่ งกายโดยวธิ กี ารใดวธิ ีการหนงึ่ เชน่ กิน สูบ ดม
สังคมและแนวทางแกไข และสุมตัวแทน หรอื ฉดี ตดิ ตอ่ กนั ชวั่ ระยะเวลาหนง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลตอ่ รา่ งกายและจติ ใจของผเู้ สพ ทา� ใหเ้ กดิ สภาพเปน็
นกั เรียนเพื่อตอบคาํ ถาม เชน พิษเรือ้ รงั นบั เปน็ มหันตภัยรา้ ยแรงที่ก่อใหเ้ กิดปญั หาทง้ั ต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน สงั คม และ
• ความขดั แยง ของกลมุ คนในสงั คมไทย สง ผล ประเทศชาต ิ โดยมคี วามสมั พนั ธก์ บั การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หต ุ ซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ ตลอดจน
กระทบตอ ประเทศไทยอยางไร ความปลอดภัยของผู้เสพ อีกท้ังยงั สรา้ งปัญหาตา่ ง ๆ ใหแ้ ก่ผู้อ่นื ดังน้นั จงึ เปน็ ความจา� เป็นที่เรา
(แนวตอบ เชน ดา นเศรษฐกจิ โดยความขดั แยง จะต้องหลกี เลยี่ ง ไมย่ ่งุ เกี่ยวกบั สิ่งเสพตดิ และรว่ มมอื กนั แกป้ ญั หาเพ่ือสร้างความมั่นคงเขม้ แข็ง
ของกลุมผูใชแรงงานกับนายจางทําใหการ ใหแ้ กส่ ังคมไทย
ประกอบการตองชะงักไปจนกวาจะตกลง
กนั ได หรือเม่อื คนในชาตขิ าดความสามัคคี ๑) สาเหตทุ ท่ี า� ใหเ้ กดิ ปญั หาสงิ่ เสพตดิ ทสี่ า� คญั มดี ังน้ี
ไมใหความรวมมือกันทุกดาน ก็จะสงผล
กระทบตอ การพฒั นาประเทศโดยรวม) ๑.๑) ตัวผู้เสพ เกดิ จากความอยากรู้ อยากลอง และคึกคะนอง โดยเฉพาะวัยรุน่ ทขี่ าด
ความย้ังคิด หรือบางคนมีความเช่ือที่ผิด คิดว่าส่ิงเสพติดช่วยแก้ไขปัญหาของตนได้ จึงเสพ
เพอ่ื ให้ลมื ปัญหาต่าง ๆ แตห่ ลงั จากเสพเข้าไประยะหนงึ่ กจ็ ะติด
๑.๒) สภาพแวดลอ้ มในสงั คม สาเหตุส�าคญั คอื การถูกเพอื่ นชกั จูงหรอื ถูกหลอกลอ่
ให้ลองเสพ ครอบครัวแตกแยกหรือพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล หรือครอบครัวอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด
ท่แี วดล้อมดว้ ยสง่ิ เสพติด จงึ อาจผลักดันใหเ้ ยาวชนหนั เขา้ หาส่ิงเสพติดได้ง่าย
๑.๓) ด้านเศรษฐกิจ ในภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงและยังต้องเผชิญกับปัญหา
ตา่ ง ๆ เช่น ความยากจน การว่างงาน บางคนจึงหนั ไปค้าส่งิ เสพตดิ เพอ่ื หารายไดเ้ พิ่ม
เรอ่ื งนา่ รู้
ชอ่ งทางการแจง้ เบาะแสสงิ่ เสพตดิ
การแจง้ เบาะแสสงิ่ เสพตดิ เปน็ การดา� เนนิ การเพอ่ื ลดความเดอื ดรอ้ นของประชาชนในพนื้ ทที่ ไี่ ดร้ บั ผลกระทบ
จากปญั หาสง่ิ เสพตดิ ทา� ได ้ ๔ ชอ่ งทาง คอื
๑. สายดว่ น ๑๓๘๖ สามารถ โทร.ไดต้ ลอด ๒๔ ชวั่ โมง และ โทร. ฟรที กุ เครอื ขา่ ย
๒. หนงั สอื รอ้ งเรยี นถงึ สา� นกั งาน ป.ป.ส. สว่ นกลาง/สว่ นภมู ภิ าค
๓. แจง้ เบาะแสดว้ ยตนเองไดท้ ส่ี า� นกั งาน ป.ป.ส. สว่ นกลาง/สว่ นภมู ภิ าค : ผเู้ ดนิ ทางมารอ้ งเรยี น ณ สถานท่ี
ทา� การของแตล่ ะพนื้ ท ่ี สามารถตดิ ตอ่ ผา่ นเจา้ หนา้ ท ี่ ณ หอ้ งประชาสมั พนั ธ ์ เพอื่ รบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี นตอ่ ไป
๔. แจง้ ผา่ นเวบ็ ไซต ์ ป.ป.ส. : https://1386.oncb.go.th
50
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
1 ส่ิงเสพติด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ ไดมีการแบงสิ่งเสพติด ผูใดมพี ฤติกรรมปลอดภัยจากสงิ่ เสพตดิ
ออกเปน 5 ประเภท ไดแก สิง่ เสพติดใหโ ทษ ประเภท 1 คือ ส่ิงเสพติดใหโ ทษ 1. ศมาชอบไปเทย่ี วสถานบันเทงิ ยามราตรี
ชนิดรา ยแรง เชน เฮโรอนี ยาบา ส่งิ เสพติดใหโ ทษ ประเภท 2 คอื สิง่ เสพตดิ ให 2. กมลคบเพ่อื นทม่ี พี ฤติกรรมชอบเทยี่ วเตร
โทษทั่วไป สามารถนําไปใชป ระโยชนทางการแพทยได เชน โคเคน ฝน มอรฟ น 3. วลัยใชเวลาวางในการเขยี นนิยายหรือเร่อื งสั้น
ส่ิงเสพตดิ ใหโ ทษ ประเภท 3 คือ ส่ิงเสพติดใหโทษทีม่ ลี ักษณะเปนตํารบั ยา เชน 4. ฤทยั มักดื่มสุราเปนประจําเมอ่ื เจอปญหาในชวี ิต
ยาแกไ อ ยาฉดี ระงับอาการปวด สง่ิ เสพตดิ ใหโทษ ประเภท 4 คอื สารเคมีท่ใี ช
ผลิตสง่ิ เสพติดประเภท 1 และ 2 เชน อาเซตลิ คลอไรด และสิ่งเสพตดิ ใหโ ทษ (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. การใชเ วลาวา งของวลยั ในการเขยี น
ประเภท 5 คอื สงิ่ เสพตดิ ใหโ ทษทไ่ี มไ ดอ ยใู นประเภท 1-4 เชน ใบกระทอ ม กญั ชา นยิ ายหรอื เรอื่ งสนั้ เปน การใชเ วลาวา งใหเ ปน ประโยชนโ ดยการทาํ
กิจกรรมท่ีสรางสรรค เปนพฤติกรรมหน่ึงที่ชวยใหปลอดภัยจาก
ส่งิ เสพติด)
T58
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒) ผลกระทบจากปญั หาสงิ่ เสพตดิ ทสี่ �าคญั มีดังน้ี ขนั้ สอน
๒.๑) ส่งผลเสียต่อตัวผู้เสพ ท�าให้สุขภาพร่างกายและจิตใจไม่ปกติ เช่น การท�างาน
ของสมองและประสาทเสื่อมลง เกิดอาการประสาทหลอน และอาจเกิดการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้
ทา� รา้ ยตนเองและผู้อน่ื ได้
๒.๒) สง่ ผลเสยี ตอ่ เศรษฐกจิ เชน่ ทา� ใหส้ ญู เสยี แรงงานหรอื บคุ ลากรโดยเปลา่ ประโยชน ์ • วธิ กี ารลดความขดั แยง ในสงั คมไทย สามารถ
ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตหรือการท�างานลดลง กระทบต่อรายได้ รวมท้ังครอบครัวและ ทาํ ไดอยา งไร
ภาครฐั ต้องเสียค่าใช้จา่ ยจา� นวนมากในการบ�าบดั รกั ษาผู้ติดสิง่ เสพติด (แนวตอบ 1. รณรงคใหประชาชนทุกคน
๒.๓) ส่งผลเสียต่อสังคม เช่น เกิดปัญหาอาชญากรรม รัฐต้องเสียงบประมาณและ ตระหนักถึงผลกระทบท่ีเกิดจากความ
เพมิ่ ภาระให้กบั เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐในการปราบปราม ขัดแยง 2. จัดโครงการในการทํากิจกรรม
รวมกันเพื่อไปสูเปาหมายสําคัญในการ
๓) แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาสงิ่ เสพตดิ ทีส่ �าคัญ มีดังนี้ พัฒนาประเทศชาติ 3. ผนู ําระดบั สูง ระดับ
๓.๑) การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในครอบครวั ครอบครวั มบี ทบาทสา� คญั อยา่ งมากตอ่ การ ประเทศ ระดบั ทอ งถน่ิ องคก รตา งๆ รว มมอื
แกไ้ ขปญั หาสงิ่ เสพตดิ ครอบครวั ทอ่ี บอนุ่ มคี วามรกั และดแู ลเอาใจใสซ่ งึ่ กนั และกนั จงึ เปรยี บเสมอื น กันชวยหาวิธีการลดปญหาความขัดแยง
เกราะปอ้ งกันไม่ให้สมาชกิ ในครอบครัวหลงผดิ หนั ไปหาส่ิงเสพตดิ ตั้งแตตน กอนท่ีปญหาจะลุกลามมากข้ึน
๓.๒) รู้เท่าทันพิษภัยของส่ิงเสพติด ทุกคนควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับส่ิงเสพติด และ 4. สถาบันทางสังคมทุกสถาบัน
รวมมือกันปลูกฝงคุณธรรมใหแกประชาชน
ทุกคน ทุกระดับ)
เคพน่ืออในื่ หห้รรู้เอืทม่าทจิ ฉันาถชึงพี ภทัยจี่อะันชตกั รจางู ยไปขใอนงทสาิ่งงเสทพผ่ี ดิต ิดแ ลไะมรจู้่คกั วใรชคเ้ วึกลคาะวนา่ องใงหทเ้ ดกลดิ อปงรใะชโย้หชรนือ1 ์ เเสชพน่ อคอวกรกรา� ู้เลทงั ่ากทาันย
อ่านหนังสือ ท�างานบ้าน นอกจากน้ี ควรรู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดีที่ชักชวนกันไปท�ากิจกรรมที่
สรา้ งสรรค ์ ไมพ่ งึ่ พาสิง่ เสพติด
๓.๓) การมสี ว่ นรว่ มของคนในสงั คม
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน
สถาบันการศึกษา สถาบนั ศาสนา เปน็ ตน้ ควร
ประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนรับรู้ถึงปัญหาสิ่งเสพติด
และภัยร้ายจากส่ิงเสพติดอย่างเป็นระบบและ
ต่อเนื่อง ขณะท่ีเจ้าหน้าที่ต�ารวจต้องบังคับใช้
กฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั นอกจากน ี้ ทอ้ งถนิ่ หรอื
ชุมชนควรจัดกิจกรรมนันทนาการให้กับเด็ก
วัยรุ่นได้แสดงความสามารถในทางท่ีถูก เช่น ครอบครัวที่มีการให้ความรักและความเอาใจใส่ซ่ึงกัน
เล่นกีฬา รอ้ งเพลง เลน่ ดนตรี และกันอย่างใกล้ชดิ ยอ่ มห่างไกลจากส่ิงเสพตดิ
5๑
กจิ กรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู
นักเรียนจับกลุมแลวคนหาขาวจากส่ือตางๆ ท่ีเก่ียวกับ 1 ใชเวลาวางใหเกิดประโยชน มีกิจกรรมมากมายท่ีทําใหเรารูสึกสนุกสนาน
ผลกระทบจากปญหาสิ่งเสพติด แลวสรุปใจความของขาวพรอม ผอนคลาย และเกิดประโยชนตอตนเอง เชน เลนดนตรี เลนกีฬา วาดภาพ
บอกแหลง ท่มี า จากนั้นนาํ ขา วมาวเิ คราะหวา ขาวน้นั สง ผลกระทบ ซ่ึงการใชเวลาวางในการทํากิจกรรมที่สรางสรรค จะชวยใหเราหางไกลจาก
ตอสังคมในดานใดบาง พรอมทั้งรวมกันหาแนวทางแกไขปญหา สง่ิ เสพติดไดเปนอยา งดี
ดงั กลาวอยางเหมาะสม
T59
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๓.๓ ปญั หาอาชญากรรม1
ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้ อาชญากรรม หมายถึง การกระทา� ความผดิ ของบคุ คลใดบคุ คลหนงึ่ ซึง่ ขดั ตอ่ กฎหมายอนั
ได้บัญญัตเิ ป็นขอ้ ห้ามไว ้ ผู้ประกอบอาชญากรรมซงึ่ กระทา� โดยเจตนาละเมิดกฎหมายอาญา หรอื
5. ครูนําขาวอาชญากรรมจากหนังสือพิมพมาให มีเจตนาละเว้นไม่กระท�าในส่ิงท่ีกฎหมายบังคับไว้ โดยไม่มีข้อแก้ตัวท่ีสมเหตุสมผล จะต้องได้
นักเรยี นดู พรอ มทั้งอธิบายเนือ้ หาของขาวโดย รบั โทษ ปญั หาอาชญากรรมที่เกดิ ข้นึ ในสงั คมไทยทสี่ �าคญั เชน่ การท�าร้ายรา่ งกาย ปล้นทรพั ย ์
สรปุ แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ ลักทรัพย ์ การลว่ งละเมิดทางเพศ การฆาตกรรม ซึง่ การกระท�าดังกล่าวสง่ ผลกระทบต่อชีวิตความ
ตอ ขา วนน้ั เปน็ อย่ขู องคนในสังคม
ปญั หาอาชญากรรมถอื เปน็ ปญั หาสงั คมทสี่ า� คญั ซง่ึ จะตอ้ งเรง่ แกไ้ ขใหล้ ดนอ้ ยลง เพราะเปน็
6. นักเรียนแบงกลุมออกเปน 5 กลุม แลวเลือก สง่ิ ทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ ความสงบและความมนั่ คงของประเทศ หากปญั หาอาชญากรรมภายในประเทศ
ศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับคดีอาชญากรรม ลดนอ้ ยลง ย่อมสง่ ผลให้คนสามารถใช้ชีวิตประจ�าวนั ไดอ้ ย่างมีความสขุ ประเทศชาติมีความเจรญิ
กลุมละ 1 ดาน โดยหาขาวที่เกี่ยวกับคดี ก้าวหน้า ดังน้ัน การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคมท่ีจะต้องช่วยกัน
อาชญากรรมนน้ั สอดส่องดูแลและให้ความสนใจต่อปัญหาดงั กลา่ ว
7. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมารายงาน ๑) สาเหตทุ ท่ี า� ใหเ้ กดิ ปญั หาอาชญากรรม มปี จั จัยส�าคญั ดงั น ี้
ผลการศึกษา โดยใชรูปแบบการนําเสนอ
ท่นี าสนใจ ๑.๑) ดา้ นเศรษฐกจิ เชน่ ความยากจน เศรษฐกจิ ตกต�า่ ความเหล่ือมลา้� ทางฐานะและ
เศรษฐกจิ คา่ ครองชีพสงู
๑.๒) ด้านครอบครวั และสงั คม เช่น การอบรมสง่ั สอนของพอ่ แม่ในทางทีผ่ ดิ การถกู
เพ่ือนชกั จูงให้กระท�าผิด การแพร่ระบาดของสารเสพตดิ ในพื้นที่
ต่อมไรท้ อ่ ท๑ี่ม.๓ฮี อ) รด์โม้านนแชอีวนภโาดพรแเจลนะ2จมิตากวิทเกยนิ าไ ปเ ชท่นา� ใหค้มวาีพมฤบตกิกพรรรม่อกง้าขวอรงา้ สวมแลอะงอ าคกวาารมทผาิงดจปิตกติของ
๒) ผลกระทบจากปญั หาอาชญากรรม ทสี่ า� คญั มีดังน้ี
๒.๑) คนในสงั คมเกดิ ความรสู้ กึ ไมป่ ลอดภยั ปญั หาอาชญากรรมไดส้ รา้ งความหวาดหวน่ั
สะเทอื นขวญั และมแี นวโนม้ ทจี่ ะทวคี วามรนุ แรงขนึ้ เรอื่ ย ๆ โดยเฉพาะในยคุ ทสี่ งั คมเผชญิ กบั วกิ ฤต
เศรษฐกิจ ส่งผลใหป้ ระชาชนเกิดความรสู้ ึกไม่ปลอดภยั ในชวี ิตและทรัพยส์ ิน
๒.๒) ประเทศชาติไม่ม่ันคง ปัญหาอาชญากรรมมีผลกระทบต่อการด�าเนินชีวิตของ
คนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความม่ันคงของชาติ นอกจากน้ี
ยังเป็นสิ่งทขี่ ดั ขวางความเจริญของสงั คม เพราะต้องเสียงบประมาณในการปราบปราม
๒.๓) กระทบต่อกระบวนการทางกฎหมาย ซ่ึงจะต้องอาศัยงบประมาณและบุคลากร
จ�านวนมากในการแก้ไขปัญหา หากประเทศมีการก่ออาชญากรรมในระดับสูงย่อมส่งผลให้
กระบวนการทางกฎหมายตอ้ งทา� งานอย่างหนกั
5๒
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 อาชญากรรม สํานักงานตํารวจแหงชาติ ไดกําหนดใหมีการแบงคดี ปญหาอาชญากรรมสงผลตอความมั่นคงของประเทศชาติ
อาชญากรรมออกเปน 5 กลุม ไดแก 1. คดีอุกฉกรรจและสะเทือนขวัญ เชน อยา งไร
ฆา โดยเจตนา วางเพลงิ 2. คดปี ระทษุ รา ยตอ ชวี ติ เชน ฆา พยายามฆา ทําราย
รางกาย 3. คดีประทุษรายตอทรัพย เชน ปลนทรัพย ชิงทรัพย ลักทรัพย (แนวตอบ อาชญากรรมมีผลกระทบตอการดําเนินชีวิตของคน
รับของโจร 4. คดีท่ีนาสนใจ เชน ฉอโกง ยกั ยอก และ 5. คดีทรี่ ัฐเปน ผูเ สียหาย ในสังคม ไมวาจะเปนดานการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และ
เชน คา ประเวณี มแี ละเผยแพรว ตั ถลุ ามก มอี าวธุ ปน ครอบครองโดยผดิ กฎหมาย ความม่ันคงของชาติ นอกจากนี้ ยังเปนส่ิงขัดขวางความเจริญ
2 ฮอรโมนแอนโดรเจน หรือฮอรโมนเพศชาย ถูกสรางข้ึนบริเวณอัณฑะของ ของสังคมเพราะตองเสียงบประมาณในการปราบปราม เปนการ
เพศชาย ทําหนาที่ควบคุมระบบการทํางานของระบบตางๆ ในรางกายและ ทําลายความสงบสุขและความเปนระเบียบเรียบรอยของสังคม
ชว ยใหล กั ษณะภายนอกของผชู ายดสู มชายมากขน้ึ อยา งไรกต็ ามอาจพบฮอรโ มน ทาํ ใหส ังคมและประเทศชาตขิ าดความมน่ั คง)
ชนดิ นใี้ นเพศหญิงไดเชน กันแตมีปรมิ าณนอยมาก
T60
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๓) แนวทางในการแก้ไขและปอ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรม ทส่ี า� คัญ มดี ังน้ี ขนั้ สอน
๓.๑) สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมงี านทา� และจดั ระเบยี บสงั คม ผลกั ดนั ใหม้ รี ะบบการควบคมุ ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้
โดยน�ากฎระเบียบเข้ามาบังคับใช้กับพฤติกรรมของคนในสังคม เสริมสร้างการจัดกิจกรรม
สถรูก้าตง้อสงร รครู้วเ์ ๓พ่า.ือ่พ๒ใฤ)ห ต้เกกิกาิดรรรคสมวนาใบั ดมสดสนีแานุมลทะัคเาคหงี สมใหงัาคท้ะมสุก มคให นส้ผรมกั่าสนาชังกคกิ รมใะนบทสวต่ี งั นนคกเมอาเงรรอขยี านัดศรเัยกบู้ อลรยราู่ททดัางฐสานัง1คแมล2ะ ปโดฏยบิ คตั รติ อนบอคยรา่ ัวง 8. นักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเก่ียวกับสาเหตุ
โรงเรยี น สอื่ มวลชน ซงึ่ เปน็ ผมู้ บี ทบาทสา� คญั ในการสนบั สนนุ ใหก้ า� ลงั ใจ และฟน้ื ฟคู วามสมานฉนั ท์ ทีท่ ําใหเกิดปญ หาอาชญากรรม
ในสงั คม ในขณะเดยี วกนั รฐั กต็ อ้ งกา� หนดนโยบายการพฒั นาทางเศรษฐกจิ และสงั คมเพอ่ื ใหท้ กุ คน
อยูด่ กี นิ ด ี และกระจายการพัฒนาไปส่คู นทกุ กลุม่ อยา่ งเท่าเทยี มกนั 9. นักเรียนรวมกันวิเคราะหผลกระทบท่ีเกิดจาก
ปญหาอาชญากรรม พรอ มเสนอแนะแนวทาง
๓.๓) การลดชอ่ งโอกาสของการเกดิ อาชญากรรม เชน่ การเพมิ่ แสงสวา่ งและตดั ตน้ ไม้ การแกปญ หา
ที่รกบรเิ วณทางเขา้ หมูบ่ า้ นและในชมุ ชน จัดเวรยามดูแลชมุ ชน ตลอดจนการมีต�ารวจออกตรวจ
ตราบริเวณที่มักเกิดอาชญากรรม การติดต้ังสัญญาณเตือนภัยหรือกล้องวงจรปิดในที่อยู่อาศัย
และทส่ี า� คญั คอื เราจะตอ้ งรจู้ กั ปอ้ งกนั ตนเองเพอ่ื ตดั ชอ่ งโอกาสในการเกดิ อาชญากรรม เชน่ เรยี น
ศิลปะป้องกันตัว หลีกเล่ียงการเดินทางไปในที่เปล่ียวในเวลากลางคืน หรือหลีกเลี่ยงการสวมใส่
ของมีคา่ ตดิ ตัว ไม่ยุ่งเกีย่ วกับอบายมุข ไมค่ บเพื่อนท่ีไมด่ ี
๓.๔) ใหก้ ารดแู ลผปู้ ว่ ยจติ เวชไมใ่ หอ้ อกไปกอ่ อาชญากรรม โดยการสง่ เสรมิ สถานบา� บดั
รักษาท้ังของรัฐและเอกชนให้มีบทบาทดูแลรักษาผู้ป่วยทางร่างกายและจิตใจอย่างใกล้ชิด ไม่ให้
ออกไปกอ่ อาชญากรรมจนสรา้ งความเดือดรอ้ นแก่ผู้อ่ืน
เรอื่ งนา่ รู้ อาชญากรรมคอมพวิ เตอรแ์ ละแนวทางปอ้ งกนั
โลกปัจจุบันเป็นยุคไอทีที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์อย่างมาก แต่ขณะ
เดียวกันก็เป็นช่องทางหนึ่งในการแสวงหาผลประโยชน์ของเหล่ามิจฉาชีพอย่างผิดกฎหมาย จนท�าให้เกิด
อาชญากรรมรูปแบบใหม่ ทเี่ รยี กว่า “อาชญากรรมคอมพิวเตอร์” เชน่ การขโมยขอ้ มูลในอนิ เทอรเ์ นต็ การใช้
คอมพวิ เตอรเ์ ผยแพรภ่ าพนง่ิ หรอื ภาพเคลอ่ื นไหวลามกอนาจาร การฟอกเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส ์ ซงึ่ แนวทางปอ้ งกนั
อาชญากรรมคอมพิวเตอรส์ ามารถปฏิบตั ิได้ ดงั น้ี
๑. ปอ้ งกนั ข้อมูลสว่ นตวั โดยการตง้ั รหสั เข้าข้อมลู ของไฟล์ขอ้ มลู ทีต่ ้องการปอ้ งกัน
๒. ปอ้ งกันการเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอร ์ เช่น ใสช่ ่อื username และ password การใชส้ มารต์ คารด์ ในการ
ควบคมุ การใช้งาน หรอื กุญแจเพือ่ ป้องกนั การใช้คอมพวิ เตอร์โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต
๓. ส�ารองข้อมูล โดยไมเ่ ก็บขอ้ มลู ไว้ท่ีเดียว
๔. ตง้ั คา่ โปรแกรมคน้ หาและกา� จดั ไวรสั คอมพวิ เตอร์
ทม่ี า : https://tcsd.go.th กองบงั คับการปราบปรามการกระท�าความผิดเกยี่ วกบั อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
5๓
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารในการปอ งกนั ตนเองจากปญ หาอาชญากรรม 1 บรรทดั ฐาน แบบแผนของพฤติกรรมที่สมาชกิ ของสงั คมยึดถอื เปนแนวทาง
ไดอ ยา งไร ในการปฏบิ ตั ิ เปนสิ่งกาํ หนดวา พฤติกรรมใดถูกตอ ง พฤติกรรมใดไมถ ูกตอ ง
2 การขดั เกลาทางสงั คม เปน การปลกู ฝง ระเบยี บวนิ ยั เพอื่ ใหส มาชกิ ในสงั คม
(แนวตอบ สามารถทําไดหลายวิธี เชน กอนออกจากบานหรือ ปฏิบัตติ ามบรรทัดฐานของสงั คม และสามารถอยรู ว มกบั ผูอ น่ื ไดอยา งราบร่นื
ทีพ่ ักอาศัย ควรปดประตู ใสกุญแจใหเรียบรอย ไมเก็บทรัพยส ิน
ท่ีมีคามาก หรือเงินสดจํานวนมากไวในบาน การออกนอกบาน
ไมค วรนาํ ของมคี า หรอื ทรพั ยส นิ จาํ นวนมากตดิ ตวั ไปดว ย ใชค วาม
ระมัดระวังเม่ือตองไปในสถานท่ีท่ีมีคนแออัด เพราะอาจเสี่ยงตอ
การถกู ลว งกระเปา หลีกเลยี่ งการเดนิ ทางในท่เี ปล่ียว)
T61
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
สทิ ธิขข1110ั้นน้ั ..ทสปนเแทกน่ี ร3อลาััํกรกายี วระอใเเนนรทนรหเธรทีียยุําจเบิูต นศนมกราา ิิไคตาดรยงทอวๆฉนคกธยมวอคาบิ กมเรรวชาพัาทนรายน ษู้รุขอจใอฎนภอรหมิตรมชิปนบบัน้ฉูลรังังอเาสเอรหกกยอืรยี ่ียลผถพานววลึษงิมกงสกฎพจับารราลเะอบหกักทินังแตษบเหหุสทณทลลําอ่ีสะวคงรังขงกเัญคนใอานต็มทรงCC่ี CCRRRROOCOOSSRSSSSOS•S•••SPPP•POOOOLPLLLIOIIC•CICLCสEEIEEถCLาLLEบLIIINนัNILNNนEIEEิตNE๑ิว••E•.ิท•กยD•DDาDาOOศODรOาOยNสNNNตนื่OONOรOคTT1OTTาํ TCCCขCRRCRอROROOOSOSSSSSSSS ขอรบั เงินชว ยเหลอื
เมอื่ ตกเปนเหย่ืออาชญากรรม
ผูเ้ สยี หายหรอื ตกเปน็ เหยอ่ื ปญั หาอาชญากรรม ไม่วา่ บาดเจ็บ
หรอื เสยี ชวี ติ มสี ทิ ธมิ าขอรบั เงนิ ชว่ ยเหลอื เยยี วยาได ้ โดยปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
ไทยจะไดรบั จากการกระทําดงั กลาว • กรมคมุ ครองสิทธแิ ละเสรีภาพ
• สาํ นกั งานยตุ ธิ รรมจังหวัดท่ัวประเทศ
• สาํ นกั งานคมุ ครองสิทธิและเสรภี าพ สถานีตาํ รวจทั่วประเทศ
ภาค ๑-๔
POLICE
๒. สทิ ธิทีอ่ าจไดรบั • คาตอบแทนความตาย ๓๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ บาท
• คา จดั การศพ จาํ นวน ๒๐,๐๐๐ บาท
• คา รักษาพยาบาล ไมเ กิน ๓๐,๐๐๐ บาท • คาขาดอุปการะเลี้ยงดู ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐ บาท
• คา ฟน ฟสู มรรถภาพ ไมเ กนิ ๒๐,๐๐๐ บาท • คาตอบแทนความเสยี หายอ่นื
• คาขาดประโยชนทาํ มาหาได วันละไมเ กิน
ไมเ กิน ๓๐,๐๐๐ บาท
๒๐๐ บาท
• คา ตอบแทนความเสยี หายอนื่ ไมเ กิน
๓๐,๐๐๐ บาท
๓. ระยะเวลา
ตรวจสอบเอกสารและ จดั ทาํ สํานวนเสนอให คณะกรรมการฯ มีมติ รวมระยะเวลา
๑หลักฐานใหค รบถว น คณะกรรมการฯ จดั ทาํ คําวินจิ ฉัยตามมติ ปฏิบตั งิ าน
วนั พจิ ารณาเพ่อื มคี าํ วนิ ิจฉยั
๗๑อนมุ ัติหรอื ไมอนุมตั ิ ๗คณะกรรมการฯ ๗๙ วัน
วัน วัน
54 ท่ีมา : www.moj.go.th/view/7901 กระทรวงยตุ ธิ รรม โทร. ๑๑๑๑ กด ๗๗ สายดวนกรมคุม ครองสทิ ธิ
และเสรภี าพ
นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสริม
1 นติ วิ ทิ ยาศาสตร คอื การนาํ ความรทู างวทิ ยาศาสตรท กุ สาขามาประยกุ ตใ ช นกั เรยี นสบื คน หนว ยงานของรฐั หรอื องคก รเอกชน ทมี่ บี ทบาท
เพอ่ื ประโยชนใ นดา นกฎหมาย ประโยชนข องการคลค่ี ลายปญ หา และการพสิ จู น หนา ที่ในการชว ยเหลอื เหยื่ออาชญากรรมในประเด็น ดงั นี้
ขอเท็จจริงในคดีความ เพื่อผลในการบังคับใชกฎหมายและการลงโทษ
นิติวทิ ยาศาสตรแ บงไดเ ปน 2 ประเภท คอื นิตวิ ิทยาศาสตรที่เปนวิทยาศาสตร • ชื่อหนวยงาน/องคก ร
ธรรมชาติ เชน การตรวจสถานที่เกิดเหตุ นิติวิทยาศาสตรที่เปนวิทยาศาสตร • บทบาทหนาที่
ประยุกต โดยการนําความรูทางวิทยาศาสตรในสาขาตางๆ มาประยุกตใชให • ตวั อยางผลงาน/กรณที ี่เขา ชว ยเหลือ
เปนประโยชนตอกระบวนการยุตธิ รรม แลว สรุปผลการศกึ ษาคน ควา สงครูผูส อน
T62
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๓.4 ปญั หาทจุ รติ คอร์รัปชัน ขนั้ สรปุ
การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั หรอื การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง เปน็ การเบยี ดบงั เอาผลประโยชนข์ องราษฎร ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ
หรือประชาชนไปโดยมิชอบ หรือการโกงประชาชนด้วยวิธีการที่คดโกง ไม่สุจริต ไม่ถูกต้องตาม
กฎเกณฑ ์ กฎหมาย คณุ ธรรมจรยิ ธรรม เพ่ือน�าผลประโยชนจ์ ากราชการไปใช้ส่วนตน หรอื เพ่ือให้ 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานท่ี 4.1 เรอื่ ง ความขดั แยง
ไดม้ าซ่ึงผลประโยชน์ ในสงั คมไทย โดยครูแนะนําเพม่ิ เตมิ
เ ชน่ ไปนดอภู กาจพายกนนต้ี รก ์ ไาปรซทอื้ ุจขรอิตงค อรวรม์รัปทชง้ั กันายรังเคอราอขบอคงรลาุมชไกปาถรึงไปกใาชรส้ใชว่ ้เนวตลนา รกาาชรกราบั รสไนิปบทน�า1 งกาานรสซ่วอ้ื นขตอนง
ในงานราชการสูงกว่าราคาปกติเพ่ือรับเงินส่วนต่างจากผู้ขาย การรับอามิสสินจ้าง ตลอดจน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
การเลือกที่รกั มักทีช่ ัง อันเปน็ การลิดรอนความเป็นธรรมและความถกู ตอ้ งตามกฎหมาย พลเมอื งฯ ม.3 เกยี่ วกบั เรอ่ื ง ลกั ษณะของสงั คม
ไทยและปจ จยั ทกี่ อ ใหเ กดิ ความขดั แยง จนเกดิ
๑) ส๑.า๑เ)หตคทุ า่ นที่ ยิา� มใหขอเ้ กงดิสงัปคญั มห คานทสจุ ว่ รนติ หคนองึ่ รยร์ดึ ปัถชอื เนั ง นิ ท ีส่ตา�า� คแหัญน มง่ 2 ดี วังตั นถี้ ุ และผลประโยชนส์ ว่ นตน เปนปญหาสังคมและแนวทางแกไข เพื่อเปน
การบา นสงครูในชั่วโมงถัดไป
และพวกพอ้ งว่าเปน็ ส่งิ ส�าคัญ และเหน็ ว่าเป็นสง่ิ ท่ีถกู ต้อง โดยไม่สนใจวา่ ทรพั ย์สินเงินทองนนั้ จะ
ไดม้ าดว้ ยวิธกี ารใด จงึ กลายเป็นคา่ นิยม กอ่ ให้เกดิ การทุจรติ ในหมู่ข้าราชการขึน้ ได้ ซึง่ บางกลุ่ม
บางคนใชต้ า� แหนง่ ในการทจุ ริตเพื่อสร้างฐานะและอทิ ธพิ ลของตน
๑.๒) ความบบี คนั้ ทางเศรษฐกจิ บคุ คลบางคนตอ้ งทจุ รติ ดว้ ยความจา� เปน็ เพราะถกู ภาวะ
ทางเศรษฐกิจของครอบครวั และสงั คมบีบคนั้ ใหก้ ระท�า เช่น มีรายได้ไม่พอใช้ อาจเป็นผลมาจาก
การมีบุตรมาก การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือใช้รักษาอาการเจ็บป่วย เมื่อท�าการทุจริตครั้งแรกได้
ย่อมก่อใหเ้ กิดความเคยชนิ และกระทา� ครัง้ ต่อ ๆ ไปจนกลายเป็นเรื่องปกติ
๑.๓) ระบบราชการ มีระบบการท�างานที่สลับซับซ้อนและให้อ�านาจแก่เจ้าหน้าที่ของ
รัฐมาก จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ข้าราชการบางคนท่ีขาดจิตส�านึกและคุณธรรมจริยธรรมใช้เป็น
ช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ในบางกรณีนอกจากผู้บังคับบัญชาละเว้นและ
ไมส่ นใจในการปอ้ งกนั การคอรร์ ปั ชนั ของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาแลว้ ยงั ปลอ่ ยใหผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชากระทา�
การทุจรติ โดยไม่ดา� เนินการใด ๆ ด้วย
๑.๔) ขาดการลงโทษทเี่ ดด็ ขาด แมว้ า่ ในกฎระเบยี บจะมกี ารกา� หนดบทลงโทษทรี่ นุ แรง
แตใ่ นทางปฏบิ ตั นิ นั้ กลบั ไมม่ กี ารลงโทษผกู้ ระทา� ผดิ อยา่ งจรงิ จงั ทา� ใหม้ กี ารทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ปรากฏ
อยูต่ ลอดเวลา
๑.๕) ความยนิ ยอมของประชาชนบางกลมุ่ เชน่ นกั ธรุ กจิ พอ่ คา้ ทตี่ อ้ งการความสะดวก
ในการติดตอ่ งานราชการ หรือบางคนกระท�าผดิ แตไ่ ม่ตอ้ งการรบั โทษ มักจะให้เงินและส่ิงของแก่
เจา้ หน้าทขี่ องรฐั บางคนท่สี ามารถอา� นวยผลประโยชนบ์ างอย่างให้แก่ตนตามทีต่ ้องการ ก่อให้เกิด
ปัญหาการติดสินบนตามมา
55
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
ขอ ใดเปน ปจ จยั ทสี่ ง เสรมิ ใหเ กดิ การทจุ รติ ฉอ ราษฎรบ งั หลวง 1 สนิ บน เชน การตดิ สินบนเจาพนกั งานของรฐั เพื่อใหช วยดาํ เนินการตา งๆ
1. ระบบอุปถมั ภ ใหเกิดความสะดวกรวดเร็ว หรือหลีกเลี่ยงการดําเนินการลงโทษตามกฎหมาย
2. ระบบทุนนิยม ถือเปนสิ่งบอนทําลายระเบียบของสังคม อีกทั้งยังเปนการสงเสริมคานิยมท่ีผิด
3. การพงึ่ พาตนเอง ใหกับคนในสังคม
4. ลทั ธพิ าณชิ ยนิยม 2 ตําแหนง คานิยมในสังคมไทยอยางหนง่ึ คอื ความตองการอยูในตําแหนง
หนาที่การงานท่ีสูง ซึ่งเม่ือมีตําแหนงสูงยอมมีอํานาจในการบังคับบัญชา แต
(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ระบบอุปถัมภเปนความสัมพันธ ส่ิงสําคัญคือ ตองใชอํานาจใหอยูในขอบเขต ไมใชอํานาจไปในทางทุจริตหรือ
ของกลุมคนท่ีมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชนกัน โดยผูมีอํานาจ ประพฤตมิ ิชอบ
ก็จะเอื้อประโยชนใหพวกพองของตนเอง กอใหเกิดการทุจริต
รปู แบบตางๆ)
T63
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
ขนั้ ประเมนิ ๒) ผลกระทบจากปญั หาทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ท่สี �าคัญ มดี งั น้ ี
ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล ๒.๑) ผลเสียต่อรัฐ ท�าให้เกิดระบบสมยอมและหลอกลวง ท�าให้รัฐต้องสูญเสียเงิน
ซอื้ สนิ คา้ ในราคาสงู กวา่ ความเปน็ จรงิ รฐั ไมม่ โี อกาสไดเ้ ลอื กสนิ คา้ ทม่ี คี ณุ ภาพเหมาะสมเพราะเกดิ
1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ การผกู ขาดการขายให้แก่ราชการ นับเป็นการบอ่ นทา� ลายความมั่นคงและการพฒั นาประเทศ
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ที่พลเมอื งฯ ม.3 ๒.๒) ผลเสียต่อระบบราชการ การเล่นพรรคเล่นพวกตามระบบอุปถัมภ์ การรักษา
ผลประโยชนข์ องกลมุ่ ตน ทา� ใหค้ นดมี คี วามสามารถไมม่ โี อกาสเขา้ รบั ราชการ นอกจากน ้ี ยงั สง่ ผลให้
2. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ขา้ ราชการทด่ี ี ทม่ี งุ่ มนั่ ในการทา� งานหมดกา� ลงั ใจในการทา� งาน
ทํางาน และการนาํ เสนอผลงานหนาชั้นเรยี น
๒.๓) ผลเสียต่อประชาชน เม่ืองบประมาณถูกทุจริตไปบางส่วนท�าให้การสร้าง
3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สาธารณูปโภคต่าง ๆ ไม่ได้มาตรฐาน เพราะใช้ต้นทุนในการผลิตต�่า ประชาชนได้รับผลจากการ
สมรรถนะฯ หนา ที่พลเมืองฯ ม.3 พัฒนาไมเ่ ต็มที่ เกิดความเสื่อมศรทั ธาต่อหนว่ ยงานราชการ
๓) แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ท่ีส�าคัญ มดี งั น้ี
๓.๑) สร้างค่านิยมและปลูกจิตส�านึกในการปฏิบัติตนของเยาวชน ให้อยู่บนพื้นฐาน
ของความซื่อสัตย์สุจริต มีความละอายต่อการกระท�าใด ๆ ที่น�าไปสู่การทุจริต รวมถึงไม่ยอมรับ
พฤติกรรมการทุจริตในระบบราชการ และสร้างจิตส�านึกและความตระหนักให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ
ท�างานด้วยความสจุ รติ
๓.๒) ใช้มาตรการลงโทษ โดยจะต้องมีมาตรการเพ่อื ป้องกนั การทจุ ริตอย่างรดั กมุ และ
มบี ทลงโทษตอ่ ผกู้ ระทา� ผดิ อยา่ งรนุ แรง นอกจากน ้ี มาตรการตา่ ง ๆ ทว่ี างไวจ้ ะตอ้ งมกี ารนา� ไปใชจ้ รงิ
โดยไม่เลอื กปฏบิ ัติ จงึ จะทา� ใหม้ าตรการเหลา่ นน้ั มีประสทิ ธภิ าพ
๓.๓) การนา� เสนอขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งของสอื่ มวลชน สอื่ มวลชนตอ้ งนา� เสนอขา่ วสารขอ้ มลู
เก่ียวกับการกระท�าทุจริตอย่างตรงไปตรงมา มีความเป็นกลาง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและ
ใช้วิจารณญาณตอ่ ไป
๓.๔) ปรับเปล่ียนการด�ารงต�าแหน่งข้าราชการ ควรมีการหมุนเวียนเปลี่ยนเจ้าหน้าที่
ข้าราชการในต�าแหน่งท่ีมีอ�านาจในการตัดสินใจอนุมัติการใช้จ่ายเงินงบประมาณ มีการกระจาย
อา� นาจและแสดงทรัพย์สินสว่ นตวั ท้งั กอ่ นและหลังการด�ารงต�าแหนง่
๓.๕) การปรับเงนิ เดือน ค่าตอบแทน และสวสั ดกิ ารให้เหมาะสม จากสภาพเศรษฐกจิ
ทม่ี คี ่าครองชพี สงู ขึน้ ภาครฐั ควรมีนโยบายหรือมาตรการตา่ ง ๆ ที่จะชว่ ยเพมิ่ รายไดแ้ ละสง่ เสรมิ
สวสั ดกิ ารต่าง ๆ ใหข้ า้ ราชการและประชาชนมีคุณภาพชีวติ ทีด่ ี
๓.๖) การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ประชาชนจะต้องร่วมกันสอดส่องพฤติกรรม
การกระทา� ทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ และแจ้งแก่เจา้ หนา้ ทท่ี ่ีเกีย่ วข้อง เช่น สา� นักงานคณะกรรมการ
ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาต ิ (ป.ป.ช.) เพอื่ ใหด้ า� เนนิ การตรวจสอบและลงโทษผกู้ ระทา�
ผิดต่อไป
56
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคิด
ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอ้ื หา เรอื่ ง ลกั ษณะของสงั คมไทย หากประเทศมกี ารทจุ รติ คอรรปั ชนั สงู จะสง ผลอยางไร
และปจจัยท่ีกอใหเกิดความขัดแยงจนเกิดเปนปญหาสังคมและแนวทางแกไข 1. เกดิ ความลา หลังทางวฒั นธรรม
ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น 2. ประชาชนไมส ามารถพึ่งพาตนเองได
โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน 3. คาเงินของประเทศแข็งคาขนึ้ ตอเนอื่ ง
ท่แี นบมาทายแผนการจัดการเรยี นรหู นวยที่ 4 เร่อื ง สงั คมไทย 4. ขาดความนาเช่อื ถือจากนานาประเทศ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ประเทศท่ีมีการทุจริตคอรรัปชัน
สูงแสดงใหเห็นถึงความลาหลังทางการเมืองการปกครอง รวมถึง
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ การพัฒนาประเทศท่ีเปนไปอยางเชื่องชา จึงทําใหขาดความ
ตรงกับระดบั คะแนน นาเชื่อถือเมื่อตองติดตอกับประเทศสากล เพราะประเทศสากล
ลว นไมยอมรับการทุจรติ คอรรปั ชนั ทกุ รูปแบบ)
ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา
2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
รวม
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
T64 ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ô. แ นวทางความร่วมมอ× ในการÅดความขดั แยง้ แÅะสรา้ งความ ขน้ั นาำ (การจดั การเรียนรูแบบรวมมือ :
สมาน©นั ท์ เทคนคิ คูคดิ สี่สหาย)
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเรื่อง
การทค่ี นจา� นวนมากมาอยรู่ วมกนั ในสงั คม ยอ่ มสง่ ผลใหเ้ กิดปญั หาความขดั แยง้ หลากหลาย
รูปแบบ จ�าเปน็ จะตอ้ งหาวิธจี ัดการเพ่ือลดและขจดั ความขดั แยง้ ท่ีจะเรียนรู จดุ ประสงคการเรยี นรู และผลการ
เรยี นรู
4.๑ แนวทางในการลดความขดั แย้ง 2. ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปความรูเดิมเก่ียวกับ
สมาชิกในสังคมสามารถลดความขดั แยง้ ได้ โดยมีแนวทางปฏิบตั ิ ดังน้ี ปญ หาสงั คมไทยทสี่ าํ คญั สาเหตุ และแนวทาง
๑. ยอมรบั ความแตกต่างของกันและกนั เช่น ความคดิ ความเช่อื ความชอบท่ีแตกตา่ งกัน ปองกันแกไข
ของบุคคล โดยใช้ความมีเหตุผลในการอยู่ร่วมกัน 3. ครูถามคําถามเพ่ือกระตุนความสนใจของ
๒. สรา้ งความไว้วางใจซง่ึ กันและกันระหวา่ งบคุ คล กลุม่ หรือฝ่ายตา่ ง ๆ ในสงั คม นักเรียนและใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
๓. ลดเงื่อนไขท่ีจะน�าไปสู่ความรู้สึกอคติหรือความเกลียดชัง ด้วยการให้ความส�าคัญและ ขอ คําถามดงั กลา ว เชน
การยอมรับคณุ ค่าทีม่ องเห็นความหลากหลายและความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม • นกั เรยี นคดิ วา วธิ กี ารลดความขดั แยง อยา งไร
๔. ส่งเสรมิ ใหม้ ีการพัฒนาบุคลากร พรอ้ มทั้งจดั การความขดั แยง้ ด้วยสันติวิธี โดยให้มกี าร
ศึกษาและฝกึ อบรมเพื่อส่งเสรมิ ความเข้าใจดว้ ยสนั ติวธิ ี ทไี่ ดผลดที ส่ี ุด
๕. สรา้ งความรว่ มมอื กบั ทกุ ฝา่ ยทเ่ี กย่ี วขอ้ งในกรณที สี่ ถานการณค์ วามขดั แยง้ มคี วามรนุ แรง (แนวตอบ การรวมมือของบุคลากรทุกระดับ
และหาแนวทางหรือวิธีการในการขับเคลื่อนให้สมาชิกในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน ทเี่ กย่ี วขอ งกบั ความขดั แยงนน้ั )
แกไ้ ข ควบคุม ลด และเยยี วยาปัญหาความขัดแย้ง • การแกไขปญหาความขัดแยงวิธีใดที่สงผล
ใหค ูกรณมี ีความสมั พนั ธทด่ี ีตอกนั
(แนวตอบ การไกลเ กล่ีย การเจรจาตอรอง)
4.๒ แนวทางในการแก้ไขปญั หาความขดั แยง้
เม่อื คนในสงั คมเกิดความขดั แย้ง มีแนวทางในการแกไ้ ข ดงั นี้
๑. การเจรจาต่อรอง เป็นกระบวนการพูดคุย เจรจาต่อรองให้แก่บุคคลหรือกลุ่มบุคคล
ทง้ั สองฝา่ ยเพอื่ จดั การแกไ้ ขปญั หา โดยกระทา� ดว้ ยความสมคั รใจ ถอื เปน็ วธิ กี ารทสี่ ะดวกและรวดเรว็
๒. การไกล่เกล่ีย เป็นกระบวนการท่ีมี
บุคคลท่ีสามเป็นคนกลางเข้าให้ค�าแนะน�าและ
ช่วยเหล๓ือ. คอู่กนรญุ ณาใี โนตกตาลุ ราเจกราจร1า เตป่อ็นรกอรงะบวนการที่
คู่กรณีตกลงให้บุคคลที่สามเข้ามาเป็นผู้ช้ีขาด
ขอ้ พพิ าท โดยตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ กฎหมาย
และวิธกี ารทีก่ �าหนด
๔. ฟอ้ งคดตี อ่ ศาล เปน็ กระบวนการตาม
กฎหมายที่คู่กรณีน�าคดีข้ึนฟ้องร้องต่อศาลเพ่ือ การพูดคุยหรือเจรจาต่อรองเมื่อเกิดปัญหา เป็นวิธีหนึ่ง
ระงับข้อพิพาท ทีช่ ่วยลดความขดั แยง้ และสร้างความสมานฉนั ท์ในสังคม
57
กจิ กรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู
นักเรียนแบงกลุม 3-5 กลุม สืบคนขาวที่เปนประเด็นความ ครคู วรตงั้ ประเดน็ ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ โดยใหน กั เรยี นยกตวั อยา ง
ขดั แยงในสงั คมไทย จากน้ันชว ยกนั สรุปขา วพรอ มบอกแหลง ทม่ี า ประกอบสถานการณของตนเองในการพบเจอความขัดแยง พรอมทั้งบอกถึง
วิธีการแกไ ขในแบบของนักเรียน โดยครูรว มแสดงความคดิ เหน็ และเสนอแนะ
กจิ กรรม ทา ทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนนําขาวท่ีสืบคนและสรุปไดมาทําการอภิปรายกลุม
เพ่ือวิเคราะหวิธีแกไขปญหาความขัดแยงตามเน้ือขาว จากน้ัน 1 อนญุ าโตตลุ าการ คอื การระงบั ขอ พพิ าททางเลอื กนอกศาล เปน กระบวนการ
ใหว จิ ารณถึงวิธกี ารแกปญ หานัน้ วา มคี วามเหมาะสมเพียงใด ที่คูพิพาทตกลงกันใหบุคคลที่สามท่ีมีความเปนกลาง เปนอิสระ และมีความรู
ความเชี่ยวชาญในเรื่องท่ีพิพาทนั้นเปนผูทําการวินิจฉัยชี้ขาดขอพิพาทดังกลาว
โดยคูพิพาทจะตองยอมรับคําวินิจฉัยชี้ขาดและผูกพันท่ีจะปฏิบัติตามคําชี้ขาด
นน้ั ดว ย
T65
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาำ 4.๓ การสร้างความสมานฉันทใ์ นชุมชน
4. ครูนําขาวหรือเหตุการณที่สะทอนถึงปจจัย การสรา้ งความสมานฉนั ท ์ คอื การทค่ี นในชมุ ชนมคี วามสามคั ค ี มคี า่ นยิ มรว่ มทจ่ี ะไมเ่ อารดั
ท่ีสงเสริมการดํารงชีวิตใหมีความสุข เชน เอาเปรยี บ รู้จกั ยอมรบั เหตุผล และยอมรับความแตกตา่ งดา้ นชาตพิ ันธ์ ุ ศาสนา ภาษา และความ
เกษตรกรท่ีนําแนวทางของเกษตรทฤษฎีใหม คดิ เหน็ ทางดา้ นการเมอื งการปกครอง รวมถงึ ประเดน็ อน่ื ๆ โดยไมใ่ ชค้ วามรนุ แรงในการแกป้ ญั หา
มาใช หรอื บคุ คลทดี่ าํ เนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญา นนั่ หมายถงึ ความรว่ มมือ ลดความขดั แยง้ ในความคิด ไม่ยึดติดหรอื มอี คต ิ และใช้ปญั ญาในการ
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งแลว เกดิ ความสขุ ในชวี ติ แก้ไขปญั หาเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนร์ ่วมกนั
วิธีการสร้างความสมานฉนั ทใ์ นชุมชน ได้แก่
5. ครูตั้งประเด็นเพ่ือใหนักเรียนรวมกันแสดง ๑. ต้งั องคก์ รทป่ี ระกอบดว้ ยภาครฐั และภาคประชาสงั คม เพ่ือทา� หนา้ ทีส่ ่งเสรมิ สนั ตวิ ธิ ี
ความคิดเห็นวา นักเรียนคิดวาปจจัยสําคัญท่ี ๒. ให้โรงเรยี นหรอื สถานศึกษาเป็นศนู ยก์ ลางในการสรา้ งความสามัคคีในชุมชน
จะชว ยใหก ารดาํ รงชวี ติ ของนกั เรยี นมคี วามสขุ ๓. ใหส้ มาชกิ ในชมุ ชนเขา้ รว่ มทา� กจิ กรรม เพอื่ พดู คยุ แลกเปลยี่ น รวมทงั้ รบั ฟงั ความคดิ เหน็
มอี ะไรบาง ระหวา่ งกนั อนั จะช่วยลดชอ่ งว่างความขดั แย้งใหแ้ คบลงและเกิดความสามัคคีของคนในชมุ ชน
6. ครูสรุปการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน ๕. ปัจจยั ส่งเสรมิ การดÓรงชีวิตใหม้ คี วามสุข
โดยเช่ือมโยงใหเขากับเน้ือหาเพื่อนําเขาสู
บทเรียน ในการดา� รงชวี ติ ใหม้ คี วามสขุ อยา่ งแทจ้ รงิ นน้ั จะตอ้ งเกดิ ความสขุ ทง้ั ทางกายและทางจติ ใจ
คนทุกคนย่อมปรารถนาที่จะท�าให้ชีวิตของตนมีความสุข การจะด�ารงชีวิตได้อย่างมีความสุขนั้น
มกั ประกอบดว้ ยปัจจัยตา่ ง ๆ ดงั นี้
๑) การอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งมขี นั ตธิ รรม ขันตธิ รรม คือ การมีความอดทนอดกลนั้ ต่อสิ่งที่
ตนไมช่ อบ ไมเ่ ห็นด้วย โดยการยอมรบั ความแตกตา่ ง เชน่ คา่ นยิ ม ศาสนา ลัทธ ิ ความเชอ่ื ระบบ
การเมอื งการปกครอง ทัศนคต ิ
การอยู่ร่วมกันในสังคมย่อมมีการ
กระทบกระท่ังกันบ้างตามเหตุและปัจจัยต่าง ๆ
ดังนั้น เราควรท่ีจะเรียนรู้ท�าความเข้าใจ และ
ปรับวิธีคิดให้ถูกต้องเหมาะสม เปิดใจกว้าง
ยอมรบั และเคารพในความแตกตา่ ง เพื่อให้เกิด
ความเขา้ ใจทดี่ ตี อ่ กนั นอกจากน ้ี ยงั ควรทจี่ ะรจู้ กั
การประนปี ระนอม มีมนุษยสัมพันธ์ที่ด ี มคี วาม
เมตตากรุณาต่อผู้อ่ืน รู้จักสามัคคี รู้บาปบุญ
การให้ค�าแนะน�าหรือความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นโดยไม่เลือก คุณโทษ จะท�าให้อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมี
เพศ ชนชน้ั เชอ้ื ชาต ิ และฐานะ ยอ่ มสง่ เสรมิ การอยรู่ ว่ มกนั ความสุข
อย่างสันตสิ ขุ ในสังคม
58
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครูนําขาวหรือเหตุการณท่ีสะทอนถึงปจจัยท่ีสงเสริมการดํารงชีวิตใหมี บุคคลใดสามารถดํารงชวี ติ ของตนไดอยางมีความสุข
ความสุข เชน เกษตรกรที่นําแนวทางของเกษตรทฤษฎีใหมมาใช หรือบุคคล 1. ตก๊ิ ใชเงนิ ฟมุ เฟอยเกนิ ตวั
ท่ีดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแลวเกิดความสุขในชีวิต 2. ตอชอบแขง ขันเรื่องวตั ถกุ ับเพ่อื น
จากนน้ั ครตู งั้ ประเดน็ คาํ ถามเพอ่ื ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา นกั เรยี นคดิ วา 3. ตวิ๋ อจิ ฉาเพอ่ื นบานท่ีมีฐานะดีกวา
ปจจยั สําคญั ทจ่ี ะชวยใหก ารดาํ รงชวี ิตของนักเรยี นมคี วามสุขมีอะไรบาง 4. เตด ําเนนิ ชวี ิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การนาํ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี งมาใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั จะชว ยใหเ รารจู กั ประหยดั อดออม
ไมใชจายเกินตัว มีเหตุผล รูจักพึ่งพาตนเอง ทําใหสามารถ
ดาํ รงชีวิตของตนไดอยางมคี วามสุข)
T66
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒) การใชช้ วี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง1 หลกั การสา� คญั ของหลกั ปรชั ญา ขน้ั สอน
ของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การด�ารงชีวิตท่ีต้ังอยู่บนพ้ืนฐานทางสายกลาง มีความพอประมาณ 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั
มีเหตุผล อันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ตามความสามารถ ไดแก เกง ปานกลาง
ประกอบกับการวางแผนการตัดสินใจและการกระท�ากิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งสามารถน�ามาใช้ในการ คอนขางเกง ปานกลางคอนขางออน และ
ด�าเนนิ ชวี ติ ได ้ ดังน้ี ออน โดยใหสมาชิกแตละคนเลือกหมายเลข
ประจาํ ตัว ตง้ั แตหมายเลข 1-4
๒.๑) ความพอประมาณ คือ การกระท�าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเปน็ ในระดับครอบครวั ระดบั
สังคม โดยไม่สุดโต่ง ไม่ตงึ หรือหย่อนเกนิ ไป เช่น ถา้ มีเงนิ อย่ ู ๑๐๐ บาท กไ็ ม่ควรใช้จา่ ยเกินกวา่ 2. สมาชกิ แตล ะหมายเลขแยกยา ยไปรวมกลมุ ใหม
จา� นวนทีม่ อี ยู่ ควรใชต้ ามความจา� เป็น หากมีเงนิ เหลือกใ็ ห้เก็บออมไว้ใชจ้ า่ ยในอนาคต ซงึ่ ความ และรวมกันศึกษาความรูในใบความรู เรื่อง
พอประมาณครอบคลุมไปถึงความพอประมาณกับศักยภาพของตนเอง กับสภาพแวดล้อม และ การลดความขัดแยงและการดํารงชีวิตอยางมี
ไมโ่ ลภเกินไปจนตอ้ งเบียดเบียนผูอ้ ่นื และสง่ิ แวดลอ้ ม ความสุข ประกอบการใชหนังสือเรียนสังคม
ศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน
๒.๒) ความมเี หตุผล คือ การใด ๆ จะต้องกระทา� อย่างระมัดระวัง รอบคอบ มีเหตุผล หนังสือในหองสมุด เว็บไซตทางอินเทอรเน็ต
เช่น ในการลงทุนทา� กจิ การต่าง ๆ จะต้องตอบค�าถามใหไ้ ดว้ า่ จะทา� อะไร ท�าอยา่ งไร ทา� เมอ่ื ใด หมายเลขละ 1 เรอ่ื ง ดังน้ี
และผลตอบแทนเป็นอย่างไร และไม่เกินก�าลังของตนเองและกลุ่ม เพ่ือจะท�าให้การด�าเนินธุรกิจ • หมายเลข 1 แนวทางในการลดความขดั แยง
ไม่ผดิ พลาด ความมีเหตผุ ลครอบคลุมไปถึงการไมป่ ระมาท การรู้ถงึ สาเหต ุ การมคี วามสามารถ • หมายเลข 2 แนวทางในการแกไขปญหา
ในการพิจารณาคน้ หาปัจจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง และการคา� นงึ ถึงผลกระทบทีจ่ ะเกิดขึ้นจากการกระท�า ความขัดแยง
• หมายเลข 3 การสรางความสมานฉันทใน
๒.๓) การมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับผลกระทบและการ ชมุ ชน
เปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีคาดว่าอาจเกิดข้ึนในอนาคต เช่น การลงทุนท�ากิจการ • หมายเลข 4 ปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิต
ต่าง ๆ ตอ้ งไม่เกินก�าลัง ไม่ทา� โดยหยบิ ยมื เงินของผู้อ่นื หรือการกู้เงนิ จากสถาบันการเงินมากจน ใหม ีความสขุ
เกินไป และควรมีเงนิ ทุนส�ารองกนั ไว้สว่ นหนึง่ ซง่ึ ถา้ ธรุ กจิ ประสบปัญหาก็ยังมเี งนิ สว่ นท่สี า� รองไว ้
การมีภูมิคุ้มกันครอบคลุมถึงการพึ่งตนเองได้ทางเศรษฐกิจและสังคม การค�านึงถึงผลระยะยาว
และการร้เู ทา่ ทนั และพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงตา่ ง ๆ ทีจ่ ะเกดิ ขึน้
การด�ารงชีวิตอย่างพอประมาณ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อ่ืนให้เดือดร้อน ย่อมท�าให้พ่ึงพาตนเองได้และใช้ชีวิตอย่างมี
ความสุข
59
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ขอสรปุ ใดถูกตอง ครูจัดใหนักเรียนไดมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักปรัชญาของ
1. หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน แนวคดิ นาํ ไปสคู วามราํ่ รวย เศรษฐกิจพอเพียง จากน้ันใหนักเรียนเสนอแนวทางการนําหลักปรัชญาของ
2. การมฐี านะดเี ทา นนั้ เปน ปจ จยั สง เสรมิ ใหช วี ติ พบความสขุ ทแ่ี ทจ รงิ เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใชใหเกิดประโยชนในชวี ติ ประจาํ วัน
3. การสรางทักษะทางอารมณดวยการฝกสมาธิชวยใหเปนคน
นักเรียนควรรู
มองโลกในแงดี
4. การรจู กั ตดั สนิ ใจอยา งมเี หตผุ ลเปน สว นหนงึ่ ของแนวคดิ บรโิ ภค 1 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เปนปรัชญาช้ีถึงแนวการดํารงอยูและ
ปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแตระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึง
นยิ มที่เกิดขึ้นในสงั คม ระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศใหดําเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพอ่ื ใหก าวทนั ตอยุคโลกาภวิ ฒั น
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การฝกสมาธิชวยใหเปนคน
มองโลกในแงด แี ละมจี ติ ทส่ี งบ นอกจากนี้ การรจู กั ใชเ วลาวา งใหเ กดิ
ประโยชนนัน้ มสี ว นชวยใหม องโลกในแงด ไี ดเชนกนั )
T67
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๒.๔) เงอ่ื นไขความรแู้ ละคณุ ธรรม หมายถงึ การตดั สนิ ใจและการดา� เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ
ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนน้ั ตอ้ งอาศยั ความรหู้ รอื วชิ าการทเ่ี กยี่ วขอ้ งอยา่ งรอบดา้ น รวมถงึ คณุ ธรรม
3. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอผลการศกึ ษา ต่าง ๆ เช่น ความซ่ือสัตย์สุจริต ขยัน อดทน
และอภิปรายความรูรวมกัน โดยครูแนะนํา สติปญั ญา ทง้ั น้ ี เพ่อื ให้การดา� รงชีวิตเกิดความ
เพิม่ เติม สมดุล มัน่ คง และยั่งยืน
4. ครใู หน กั เรยี นแตล ะหมายเลขกลบั ไปทก่ี ลมุ เดมิ ๓) การเห็นคุณค่าในตนเอง คนเรา
และรวมกันทําใบงานที่ 4.2 เรื่อง สังคมไทย ทกุ คนเกิดมายอ่ มมคี ุณคา่ ในตนเอง สง่ิ ทส่ี า� คัญ
กับการพัฒนา คอื เราสามารถที่จะปฏบิ ตั ติ นใหม้ คี ณุ ค่าทั้งต่อ
ตนเองและคนในสังคมได้อย่างไร หากคนใน
5. นักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความ สังคมรู้จักคุณค่าของตนเองและน�ามาใช้ให้เป็น
ถูกตอ งของใบงาน การด�าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจใด ๆ ก็ตาม จะต้องมี ประโยชน์ กจ็ ะก่อให้เกิดผลดตี อ่ สังคมโดยรวม
ความรอบรู้ คณุ ธรรม และจรยิ ธรรมประกอบกนั เพอื่ การ การท่ีเราจะมองเห็นคุณค่าในตนเอง
6. ครใู หอ าสาสมัครนกั เรียน 2-3 กลุม นาํ เสนอ ดา� รงชวี ติ อยา่ งมีความสุข ไดน้ นั้ เราไมค่ วรประเมนิ คา่ ของตนเองใหต้ า�่ ตอ้ ย
ผลงานในใบงานหนาช้นั เรียน และใหก ลุมอื่น
ที่มีผลงานที่แตกตา งกันไดน ําเสนอเพม่ิ เตมิ โดยเปรยี บเทยี บกบั คนอนื่ ทดี่ กี วา่ เดน่ กวา่ แลว้ เกบ็ มาคดิ ใหต้ นเองกลดั กลมุ้ จนทา� ใหไ้ มอ่ าจแขง่ ขนั
หรอื สกู้ บั คนอน่ื ทมี่ ภี มู หิ ลงั ทด่ี กี วา่ ได ้ เราควรตระหนกั วา่ ทกุ คนมคี วามแตกตา่ งกนั แตล่ ะคนมคี ณุ คา่
7. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมท่ีเกี่ยวกับแนวทาง ในตนเอง และสามารถพัฒนาได้หากได้รบั การศึกษา ขยนั หมั่นเพียร เอาจรงิ เอาจังในการทา� งาน
ความรวมมือและปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิต รจู้ กั อดออม และมธั ยัสถ์
ใหมีความสุขในแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
พลเมอื งฯ ม.3 เพอ่ื เปน การบา นสง ครใู นชวั่ โมง ๔) มองโลกในแง่ดี สร้างทักษะทางอารมณ์ คนเราต้องมองเห็นคุณค่าของตนเอง
ถดั ไป มีความคิดในเชิงบวก พยายามดึงศักยภาพของตนเองมาใช้ในทางสร้างสรรค์ ปฏิบัติตนให้เป็น
ประโยชน์ต่อตนเองและผู้อ่ืน ขณะเดียวกันก็มองผู้อ่ืนในด้านดี รู้จักให้อภัย มีเมตตา ให้ความ
8. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน ช่วยเหลอื ผ้อู ่นื ตามก�าลังความสามารถ รูจ้ ักเสียสละเพ่ือสว่ นรวม ไมเ่ หน็ แก่ประโยชนส์ ่วนตนและ
(รวบยอด) แผน พบั เรอื่ ง สงั คมไทยยคุ ปจ จบุ นั
9. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3
เร่ือง สังคมไทย เพื่อทดสอบความรูท่ีได
ศึกษามา
พวกพอ้ ง มสี ต ิ รจู้ กั รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของคนรอบขา้ ง ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา หลกี เลย่ี งการใช้
ความรุนแรงทกุ รปู แบบ พรอ้ มยอมรบั เหตกุ ารณท์ งั้ ที่เปล่ยี นแปลงและไมส่ ามารถเปลยี่ นแปลงได ้
นอกจากนี้ ควรสร้างทักษะทางอารมณ์ด้วยการฝึกสมาธิ มีสติกับความคิด รู้ว่าก�าลังคิด
ก�าลังท�าอะไร รวมถึงรจู้ ักใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน ์ เชน่ ออกก�าลังกาย ฟงั เพลง ท�ากจิ กรรม
ด้านศิลปะ เพ่ือผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนและการท�างาน สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้คนเรา
ด�ารงชวี ติ อยู่ร่วมกับผอู้ ่ืนได้อยา่ งสงบสขุ
60
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาหาตัวอยางกรณีศึกษาเกี่ยวกับบุคคลท่ี การกระทําในขอใดสงผลใหชวี ติ มคี วามสขุ
ดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยนําขอมูลที่ไดมาจัดทํา 1. กอยชอบเปรียบเทยี บตนเองกบั ผอู ื่นอยเู สมอ
เปน รปู เลมรายงาน แลว นําสงครผู สู อน 2. ก่งิ ตงั้ ใจทํางานมากเพือ่ หวงั ไดเ ลื่อนตําแหนง
3. กุลยมื เงนิ เพ่ือนรว มงานเน่ืองจากใชจ า ยไมเพียงพอ
ส่ือ Digital 4. แกว ใชเหตผุ ลในการตัดสินใจและแกปญหาไดอ ยา งเหมาะสม
ศึกษาคน ควา ขอมูลเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไดท่ี (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การรจู ักใชเหตผุ ลในการตัดสินใจ
http://www.rdpb.go.th/th และแกไขปญหาอยา งเหมาะสม ถือเปนการกระทาํ ท่สี งผลใหชวี ติ
มีความสุข เนื่องจากคิดเปน สามารถเรียนรูและแยกแยะไดวา
ควรทาํ อยา งไรใหเหมาะสมกับสถานการณต างๆ ที่เกิดขน้ึ )
T68
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๕) รจู้ กั บรโิ ภคดว้ ยปญั ญา ในยคุ ปัจจบุ ันทม่ี คี วามเจริญทางดา้ นวตั ถมุ าก มีการประดษิ ฐ์ ขนั้ สรปุ
คิดค้นอุปกรณ์ ส่ิงของต่าง ๆ ท่ีจะสามารถอ�านวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ด้วยสภาพดังกล่าว ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ
ท�าให้มนษุ ยม์ ักยดึ ติดในความเจรญิ ทางดา้ นวตั ถุเปน็ หลัก เปน็ ลกั ษณะของบริโภคนยิ ม ซึ่งการที่ แนวทางความรวมมอื และปจ จัยสง เสรมิ การดาํ รง
เราจะด�ารงชีวิตให้มีความสุขได้อย่างแท้จริงนั้น เราควรบริโภคสิ่งต่าง ๆ อย่างพอประมาณตาม ชีวิตใหมีความสุข หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญ
ความจา� เป็นของร่างกายและความเหมาะสมกบั ฐานะของตนเอง รจู้ กั เลอื กใชข้ องทเ่ี ปน็ ประโยชน ์ ของเน้ือหา ตลอดจนความสําคัญของแนวทาง
ไมฟ่ ุ่มเฟือย ควรจดบนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ยของตนเองและครอบครวั ด้วย ความรวมมือและปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิตให
มีความสุขตอ การดาํ เนินชวี ติ ประจาํ วัน
๖) การเลือกรับ-ปฏิเสธข่าวสารและวัตถุต่าง ๆ สังคมปัจจุบันเป็นสังคมแห่งข้อมูล
ขน้ั ประเมนิ
ขา่ วสารทขี่ ้อมูลได้มีการเผยแพรต่ ามส่ือตา่ ง ๆ อยา่ งรวดเร็ว ดังนัน้ คนในสงั คมจึงควรร้จู กั เลือก
รบั ขอ้ มูลทเี่ ป็นประโยชนแ์ ละรอบดา้ น เชน่ ขา่ วสารเกี่ยวกบั บา้ นเมอื ง เศรษฐกจิ สงั คม ความรู้ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
ทางเทคโนโลยแี ละวทิ ยาการใหม ่ ๆ ขา่ วเหตกุ ารณร์ อบโลก หรอื ขา่ วบนั เทงิ ทเ่ี หมาะสมกบั วยั การเรยี นรทู ี่ 4 เรื่อง สงั คมไทย
ในการเลอื กรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารจะตอ้ งเลอื กแหลง่ ขา่ วทน่ี า่ เชอ่ื ถอื นา� เสนอดว้ ยความเปน็ กลาง
และผู้รับข้อมูลจะต้องรู้จักใช้วิจารณญาณในการเลือกรับ ไม่ควรเชื่อข้อมูลในทันที จะต้องใช้ 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
สติปัญญาในการไตร่ตรองข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ อย่างไรก็ดี ไม่ควรบริโภคข้อมูลข่าวสาร การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
มากเกินความจา� เป็น เพราะอาจจะสร้างความเครยี ดหรอื ความขดั แยง้ ข้ึนได้ หนา ชั้นเรียน
นอกจากนี้ เคร่ืองมือส่ือสารยุคใหม่ เช่น โทรศัพท์เคล่ือนท่ี คอมพิวเตอร์ ที่ท�าให้เกิด
ความสะดวกสบายในการพูดคยุ สือ่ สาร เราควรใช้ประโยชนจ์ ากเคร่อื งมอื เหล่านใี้ นด้านการศกึ ษา 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก
การประกอบอาชพี การท�าธรุ กิจการค้า เป็นต้น ควรใชเ้ มอื่ มคี วามจา� เป็น รวมถงึ ควรเลอื กใชจ้ า่ ย สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.3
ซื้อวัตถุสิ่งของที่จ�าเป็นต่อการด�ารงชีวิต ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง
และหลกี เล่ยี งอบายมุขตา่ ง ๆ ปฏบิ ัตติ นเปน็ คนดีในสังคม รจู้ ักกาลเทศะ มีความออ่ นน้อมถ่อมตน
มีความกตัญญูรู้คุณ เลือกส่ิงที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ซ่ึงจะท�าให้สังคมน่าอยู่ภายใต้
วัฒนธรรมไทยทท่ี รงคุณคา่
กลา่ วโดยสรปุ สงั คมไทยมลี กั ษณะทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ในหลาย ๆ ดา้ น ทแี่ สดงออก
ถงึ คณุ คา่ และความดงี าม แมว้ า่ ในปจั จบุ นั สงั คมไทยจะเผชญิ กบั ความขดั แยง้ และมปี ญั หาสงั คม
มากมายกต็ าม แต่ถา้ หากเราร้จู ักปรบั ตัวให้เหมาะสมกับการเปล่ียนแปลงรอบด้าน อยู่รว่ มกนั
อยา่ งสมานฉนั ท์ และด�าเนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กจ็ ะท�าใหช้ วี ติ ของเรา
มีความสขุ
6๑
กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล
การดํารงชีวิตใหมีความสุขตองเกิดจากความสุขทางกายและ ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง แนวทางความ
ความสขุ ทางใจ ซง่ึ การจะดาํ รงชวี ติ ไดอ ยา งมคี วามสขุ ประกอบดว ย รวมมือและปจจัยสงเสริมการดํารงชีวิตใหมีความสุข ไดจากการตอบคําถาม
ปจ จัย ดังน้ี การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ
การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบทายแผน
• การอยรู ว มกันอยางมขี นั ตธิ รรม การจัดการเรียนรหู นวยที่ 4 เรอื่ ง สังคมไทย
• การใชชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
• การเหน็ คณุ คา ในตนเอง แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
• มองโลกในแงดี
• รูจกั บริโภคดวยปญ ญา คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่
จากปจจัยท้ัง 5 ขางตน ใหนักเรียนสํารวจตนเองวาในการ ตรงกับระดบั คะแนน
ดําเนินชวี ติ ประจาํ วันของนกั เรยี น จะนาํ ปจจัยทัง้ 5 ไปปรบั ใชได
อยางไร จากนั้นบันทกึ ลงกระดาษรายงานสงครูผสู อน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
2 การลาดบั ข้นั ตอนของเรื่อง
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม
รวม
ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
T69
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เฉลย คาำ ถามประจำาหนว่ ยการเรยี นรู้ คÓถาม ประจÓหน่วยการเรียนรู้
๑. ประเทศไทยมีปัญหาสังคมด้านใดบ้างที่ต้องเร่งแก้ไข และนักเรียนมีส่วนช่วยลดปัญหาสังคม
1. ปญหาสงิ่ เสพตดิ ปญหาอาชญากรรม ปญหา
ความขัดแยงของคนในสังคม ปญหาทุจริต ได้อยา่ งไรบา้ ง
คอรรัปชัน ปญหาส่ิงแวดลอม ซึ่งนักเรียน ๒. ความขัดแยง้ ในสังคมสง่ ผลกระทบตอ่ การอย่รู ว่ มกันอย่างไร
สามารถมีสวนชวยลดปญหาสังคมได เชน ๓. ในการดา� เนนิ ชวี ติ นกั เรยี นเคยเกดิ ความขดั แยง้ กบั ผอู้ น่ื อยา่ งไร และมวี ธิ แี กไ้ ขความขดั แยง้ นน้ั
ปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนา ทข่ี องตนอยา งเครง ครดั อยา่ งไร
เคารพกฎหมาย ใชชีวิตอยางพอเพยี ง ๔. ปัจจัยใดท่ีก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคมไทย และวิธีการลดความขัดแย้งที่เหมาะสมกับ
สภาพสังคมไทยในปจั จุบันท�าได้อย่างไรบา้ ง
2. กอ ใหเ กดิ ความไมเ ขา ใจซงึ่ กนั และกนั นาํ ไปสู ๕. น ักเรียนสามารถน�าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันเพื่อการ
ความแตกแยกในสังคม และอาจกอใหเกิด
ความรุนแรงจนสรางความเสียหายได ด�ารงชวี ติ อยา่ งมีความสขุ ไดอ้ ยา่ งไร
3. ความขัดแยงท่ีเกิดข้ึน เชน ความคิดเห็นไม กจิ กรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
ตรงกัน ซงึ่ สามารถแกไ ขไดโ ดยการใชเ หตุผล
พดู คุยเพอื่ ปรบั ความเขา ใจตอ กนั กจิ กรรมท ี่ ๑ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม ช่วยกันหาภาพที่แสดงถึงลักษณะของสังคมไทย ๑ ภาพ
4. ปจ จยั ทก่ี อ ใหเ กดิ ความขดั แยง เชน ปจ จยั ดา น เขียนค�าอธิบายใต้ภาพถึงความเป็นเอกลักษณ์หรือลักษณะเด่นของสังคมไทย
การเมืองการปกครอง ปจจัยดานเศรษฐกิจ แลว้ นา� สง่ ครผู ้สู อน
และสังคม ปจจัยดานความเช่ือ วิธีลดความ
ขดั แยง คือ ตองยอมรับในความแตกตา งของ กิจกรรมที่ ๒ น กั เรยี นสบื คน้ ขา่ วจากเรอ่ื งตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั ความขดั แยง้ ในสงั คมไทย วเิ คราะห์
คนท่ัวไป สรางความสมานฉันท มีสวนรวม
ในการคิด ตัดสินใจในเร่ืองของประโยชน สาเหต ุ ผลกระทบ และแนวทางปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา จากนน้ั ออกมาอภปิ ราย
สวนรวม หนา้ ชน้ั เรยี น
5. การรูจกั ประหยัด อดออม ไมอ ยากไดใ นสงิ่ ที่ กิจกรรมที ่ ๓ น กั เรยี นแบง่ กลมุ่ เลอื กประเดน็ ปญั หาทางสงั คมไทย กลมุ่ ละ ๑ ประเดน็ จากนน้ั
เกินตัว ใชชีวิตเรียบงาย และทําหนาท่ีของ
ตนเองอยางสมบรู ณ ท�าการอภปิ รายแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ กนั เพ่อื หาแนวทางในการแกไ้ ขปัญหา
เหล่านนั้
กจิ กรรมท ่ี ๔ น ักเรียนแบ่งกลุม่ ศกึ ษาหลกั การปฏิบัตติ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในครอบครัวและโรงเรียน น�ามาอภิปรายใน
ชัน้ เรียน
6๒
เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพฒั นาทกั ษะ
ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป
ซึง่ เปน งาน หรือชนิ้ งานที่ใชเ วลาไมน าน สาํ หรับประเมินรปู แบบนอี้ าจเปน คาํ ถามปลายเปดหรอื ผงั มโนทัศน นยิ มสาํ หรับประเมินผเู รยี นรายบุคคล
ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือชิ้นงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชีวิตประจําวันในฐานะพลเมืองทีด่ ีของสังคม อาจเปน การประเมินจากการสังเกต การเขยี น การตอบคาํ ถาม การวเิ คราะห การแกป ญ หา ตลอดจน
การทาํ งานรว มกนั
ประเมนิ ทักษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคม ที่มีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางย่ังยืน เชน ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏิบัติงานตอ ผูเกีย่ วขอ งหรอื ตอ สาธารณะ
สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผี่ เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน
T70
Chapter Overview
แผนการจดั สื่อท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - หนังสอื เรียน 1. อ ธบิ ายความหมายและ การจดั การ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ความสามารถใน 1. มวี นิ ัย
รปู แบบการ สังคมศึกษาฯ ม.3 องคป์ ระกอบสำ� คญั เรียนรูแ้ บบ - ต รวจการทำ� แบบฝึก การคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
ปกครองใน - แบบฝกึ สมรรถนะ ของการปกครอง ร่วมมือ : - ความสามารถใน 3. มุ่งมน่ั ในการ
ปัจจบุ นั และ และการคดิ ระบอบประชาธปิ ไตย เทคนิคคคู่ ิด สมรรถนะและการคิด การใชท้ กั ษะชีวิต
การเปรยี บเทียบ หน้าท่ีพลเมอื งฯ ม.3 และการปกครอง หน้าทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 ทำ� งาน
- ตรวจใบงานท่ี 5.1
การปกครอง - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ระบอบเผด็จการได้ (K) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ของไทย - PowerPoint 2. อธบิ ายลกั ษณะ - สงั เกตพฤติกรรม
การท�ำงานรายบคุ คล
- ใบงานที่ 5.1 การปกครองระบอบ - สงั เกตพฤติกรรม
ประชาธิปไตยของไทย การท�ำงานกลมุ่
2 ได้ (K) - ป ระเมนิ คุณลกั ษณะ
ชัว่ โมง 3. เปรยี บเทยี บการ อนั พงึ ประสงค์
ปกครองของไทยกับ
ประเทศอ่นื ทีม่ ีการ
ปกครองระบอบ
ประชาธปิ ไตยได้ (P)
4. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา
รูปแบบการปกครอง
ในปัจจุบันเพ่ิมมากข้ึน
(A)
แผนฯ ที่ 2 - หนังสอื เรียน 1. วเิ คราะหร์ ัฐธรรมนญู สืบเสาะหา - ตรวจการท�ำแบบฝึก - ค วามสามารถใน 1. มีวินัย
รัฐธรรมนญู สังคมศกึ ษาฯ ม.3 เก่ียวกบั การเลอื กตัง้ ความรู้ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
ฉบบั ปจั จุบันกับ - แบบฝกึ สมรรถนะ การมสี ว่ นร่วมและการ (5Es หนา้ ท่พี ลเมืองฯ ม.3 - ค วามสามารถใน 3. มุ่งมน่ั ในการ
การเลือกตัง้ และการคิด ตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจ Instructional - ตรวจใบงานที่ 5.2 การใชท้ ักษะชวี ติ
การมสี ว่ นรว่ ม หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3 รฐั ได้ (K) Model) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน ทำ� งาน
และการตรวจ - PowerPoint
สอบอำ�นาจรฐั - ใบงานท่ี 5.2 2. จ ำ� แนกรัฐธรรมนูญ - ตรวจผลงาน/ช้ินงาน
เกยี่ วกับการเลอื กตง้ั - สังเกตพฤตกิ รรม
2 การมีส่วนรว่ มและการ การท�ำงานรายบคุ คล
ตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจ - สังเกตพฤตกิ รรม
ชว่ั โมง รัฐได้ (P) การท�ำงานกลมุ่
3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - ป ระเมินคณุ ลักษณะ
รฐั ธรรมนญู เกีย่ วกับ อันพึงประสงค์
การเลือกต้งั การมี
สว่ นรว่ มและการ
ตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจ
รัฐเพ่ิมมากขน้ึ (A)
T71
แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 3
ปัญหาท่ีเปน็ - หนังสอื เรยี น 1. วิเคราะหป์ ัญหาทเี่ ปน็ สบื เสาะหา - ต รวจการท�ำแบบฝึก - ความสามารถใน 1. มวี ินยั
อปุ สรรคต่อ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 อปุ สรรคต่อการพัฒนา ความร ู้ สมรรถนะและการคดิ การคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
การพัฒนา - แบบฝกึ สมรรถนะ ประชาธปิ ไตยของไทย (5Es หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. ม งุ่ มั่นในการ
ประชาธิปไตย และการคิด ได้ (K) Instructional - ตรวจการทำ� แบบวดั และ การใช้ทักษะชีวิต
ของไทย หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3 2. จำ� แนกปญั หาท่ีเป็น Model) บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ทำ� งาน
2 - แบบวัดและบนั ทึกผล อุปสรรคตอ่ การพฒั นา หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3
การเรยี นรู้ ประชาธิปไตยของไทย - ตรวจใบงานท่ี 5.3
ชวั่ โมง หน้าที่พลเมอื งฯ ม.3 ได้ (P) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลงั เรยี น 3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สงั เกตพฤติกรรม
- PowerPoint ปญั หาทีเ่ ปน็ อปุ สรรค การท�ำงานรายบคุ คล
- ใบงานท่ี 5.3 ตอ่ การพฒั นา - สังเกตพฤตกิ รรม
ประชาธปิ ไตยของไทย การท�ำงานกลุ่ม
เพิม่ มากขึน้ (A) - ป ระเมนิ คุณลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น
T72
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
๕หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ การเมอื งการปกครองในปจ จบุ นั ขน้ั นาำ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ
»ÃЪҪ¹ÊÒÁÒö : เทคนิคคูคิด)
ࢌÒä»ÁÕʋǹËÇÁ
·Ò§¡ÒÃàÁ×ͧ¡Òà 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง
»¡¤Ãͧ䴌Í‹ҧäúŒÒ§ ทีจ่ ะเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
เรียนรู
?
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเรยี นรทู ่ี 5 เรอ่ื ง การเมืองการปกครองใน
ปจ จุบนั
3. ครูนําขาวเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองของ
ประเทศตางๆ มาใหนกั เรยี นรว มกนั วิเคราะห
วา ประเทศดงั กลา วมีการปกครองแบบใด
4. ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นครู
ตง้ั คําถามเพ่อื กระตุนความคิด เชน
• ภาพนส้ี ะทอ นใหเ หน็ ถงึ รปู แบบการปกครอง
แบบใด เพราะเหตใุ ด
ประเทศต่าง ๆ ในโลกมีระบอบการเมืองการปกครองเป็นของตนเองตามสภาพแวดล้อม
ทางเศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม และภูมิหลงั ทางประวัตศิ าสตรข์ องประเทศน้นั เพอื่ เป็นแบบแผน
ในการปฏิบัติและเป็นขอ้ ตกลงระหว่างรัฐกบั ประชาชน ซึง่ จะส่งผลตอ่ การพัฒนาประเทศ ระบอบ
การปกครองของแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง
ในปัจจุบันระบอบการปกครองในโลกท่ีเด่นชัด ได้แก่ ระบอบประชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ
สา� หรับประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข
ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ส ๒.๒ ม.๓/๑ อธิบายระบอบการปกครองแบบต่าง ๆ ท่ีใช้ • ระบอบการปกครองแบบตา่ ง ๆ ท่ีใช้ในยุคปจั จบุ ัน เชน่ การ
ในยุคปจั จบุ นั ปกครองระบอบเผดจ็ การ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
• ค วามแตกตา่ ง ความคลา้ ยคลงึ ของการปกครองของไทยกบั
ส ๒.๒ ม.๓/๒ วิเคราะห์ เปรียบเทียบระบอบการปกครอง ประเทศอ่ืน ๆ ทมี่ ีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
ของไทยกบั ประเทศอน่ื ๆ ทมี่ กี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
ส ๒.๒ ม.๓/๓ วิเคราะห์รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในมาตรา • บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
ต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเลือกต้ัง การมีส่วนร่วม และการ การเลอื กตง้ั การมสี ว่ นรว่ ม และการตรวจสอบการใชอ้ า� นาจรฐั
ตรวจสอบการใชอ้ า� นาจรัฐ
ส ๒.๒ ม.๓/๔ วเิ คราะหป์ ระเดน็ ปญั หาทเ่ี ปน็ อปุ สรรคตอ่ การ • อ�านาจหนา้ ที่ของรฐั บาล
พฒั นาประชาธปิ ไตยของประเทศไทยและเสนอแนวทางแกไ้ ข • บทบาทสา� คญั ของรฐั บาลในการบรหิ ารราชการแผ่นดิน
• ความจา� เป็นในการมีรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย
• ป ระเดน็ ปญั หา และผลกระทบทเี่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การพฒั นา
ประชาธิปไตยของประเทศไทย
• แ นวทางก ารแก้ไขปญั หา 63
เกร็ดแนะครู
ครคู วรจดั กิจกรรมการเรยี นรเู พื่อใหน กั เรียนไดค ิดวเิ คราะหเ กยี่ วกับการเมอื งการปกครองในยคุ ปจจบุ ัน โดยใหน ักเรยี นทํากิจกรรมตอ ไปนี้
• สืบคน ขอ มลู การเมอื งการปกครองของไทยและของโลก
• ติดตามสถานการณก ารเมืองในปจ จบุ นั จากสอ่ื ตางๆ เชน รายงานขาว หนังสือพมิ พ อินเทอรเนต็
• รว มกันอภิปราย วิเคราะห ประเด็นตา งๆ และสถานการณท างการเมือง
T73
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาำ ๑. รปู แบบการปกครองในยุคปจั จบุ ัน
5. ครูยกตัวอยางเหตุการณทางการเมืองของ การปกครองเป็นแบบแผนเพ่ือให้ประเทศมีกระบวนการบริหารจัดการท่ีเป็นระบบ อาจมี
ตางประเทศ เชน การสูรบในลิเบีย เพ่ือโคน ความเหมือนหรือแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศตามภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และปัจจัย
อํานาจผูนําเผด็จการ การประทวงในอียิปต สิ่งแวดล้อมทางสงั คมของประเทศนัน้ โดยประชาชนจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหน้าทขี่ องตนอย่าง
และประเทศในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต สมบูรณ ์ เพ่อื ให้การเมืองการปกครองมเี สถียรภาพ ในปัจจบุ ันรปู แบบการปกครองทีช่ ัดเจน ไดแ้ ก ่
จากนน้ั ถามคาํ ถาม เชน การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ระบอบเผดจ็ การ และการปกครองระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์
• เพราะเหตุใดจึงเกิดเหตุการณประทวงใน
หลายประเทศทอี่ ยูในบางภมู ิภาค ๑.๑ การปกครองระบอบประชาธิปไตย
(แนวตอบ เพราะกระแสโลกาภิวตั นก ระจาย
ไปทัว่ โลก มีการเขา ถงึ ขาวสารและเนน เร่ือง การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยเปน็ การปกครองโดยประชาชนและเพอ่ื ประชาชน เปน็ การ
สิทธิมนุษยชน ดังน้ัน ในประเทศที่ยัง ปกครองทม่ี งุ่ สง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน มอี า� นาจอธปิ ไตยเปน็ อา� นาจสงู สดุ ในการปกครอง
คงมีการจํากัดสิทธิ ประชาชนจึงออกมา ประเทศเปน็ ของประชาชน โดยมคี ณะบคุ คลทเ่ี ปน็ ตวั แทนของประชาชนมาจากการเลอื กตง้ั เขา้ ไป
เคลื่อนไหวใหมีการเปดกวางเร่ืองสิทธิ ท�าหนา้ ที่บริหารบา้ นเมอื ง เรียกว่า “รัฐบาล” ไดร้ ับเลอื กมาจากประชาชนตามกระบวนการเลือกตั้ง
มนุษยชน) อยา่ งโปร่งใส เป็นไปตามทก่ี ฎหมายหรอื รฐั ธรรมนญู บัญญัติไว้
• เพราะเหตใุ ดเหตกุ ารณตา งๆ จงึ ลกุ ลามไป รูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ใช้หลักการรวมอ�านาจและการกระจายอ�านาจ
หลายประเทศ แบ่งรปู แบบการปกครองได้ ดงั นี้
(แนวตอบ เพราะมีลักษณะการปกครองที่
คลายคลึงกัน และมีชองทางการติดตอ ๑. ประชาธปิ ไตยในระบบรัฐสภา
ส่อื สารทีส่ ะดวกรวดเร็ว ทาํ ใหค นกลา แสดง • ม ีพระมหากษัตริย์หรือประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ แต่ไม่มีหน้าท่ี
ความคดิ เหน็ และรวมตวั กนั ไดอ ยา งรวดเรว็ ) รบั ผิดชอบทางการเมือง
• มผี นู้ า� ฝ่ายบริหาร คอื นายกรฐั มนตรี ท�าหนา้ ทีบ่ รหิ ารราชการแผน่ ดิน
รปู แบบของการ ๒. ประชาธปิ ไตยในระบบประธานาธบิ ดี
ปกครองระบอบ • ม ีประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขของรัฐและผู้น�าฝ่ายบริหาร มีรัฐมนตรี
ประชาธิปไตย เปน็ ผชู้ ่วยในการดา� เนนิ การดา้ นตา่ ง ๆ
๓. ประชาธิปไตยในระบบกง่ึ ประธานาธิบดกี ง่ึ รฐั สภา
• ม ีประธานาธิบดีเปน็ ประมุขของรัฐ มีอา� นาจสูงสุด เปน็ ผู้แต่งต้งั นายก
รัฐมนตรแี ละทา� หน้าทบ่ี รหิ ารร่วมกนั
๑) การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา มีองคป์ ระกอบสา� คัญ ดงั นี้
๑.๑) ประมุขของรัฐ การมีประมุขของรัฐจะเป็นไปตามความเชื่อและพัฒนาการทาง
ประวัตศิ าสตรข์ องแตล่ ะประเทศ ประมขุ ของรัฐม ี ๒ ลักษณะ ได้แก่
64
บูรณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคดิ
ประเทศสมาชิกอาเซยี นมีรูปแบบการปกครองที่แตกตา งกนั ดงั นี้ การกระทําขอ ใดสอดคลอ งกับหลักการในระบอบประชาธิปไตย
1. กลุมผูชมุ นุมประทวงรฐั บาลปด ประตหู ามขา ราชการเขาออก
ประเทศ ระบอบการปกครอง 2. พรรคการเมอื งเทอดไทประกาศนโยบายตอ ตา นรฐั บาลทกุ รปู แบบ
3. หนังสอื พิมพถิ่นไทยลงขาววจิ ารณการทาํ งานของรฐั บาลอยาง
ไทย, กัมพชู า ประชาธปิ ไตย มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
ตรงไปตรงมา
บรูไน สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ 4. พรรคการเมอื งมงุ ไทประกาศไมยอมรับคาํ ตัดสนิ ของตุลาการ
มาเลเซยี ประชาธิปไตย มสี ุลต่านเปน็ ประมขุ ศาลรฐั ธรรมนูญในคดยี ุบพรรค
อินโดนีเซีย, ฟลิปปนส์, ประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เน่ืองจากหลักการในระบอบ
เมยี นมา เป็นหวั หนา้ ฝา่ ยบริหาร ประชาธิปไตยน้ันประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น หรือ
นาํ เสนอขอ เทจ็ จรงิ ทม่ี เี หตผุ ลไดอ ยา งเสรี ซงึ่ สอดคลอ งกบั คาํ ตอบ
สิงคโปร์ ประชาธปิ ไตย มีประธานาธบิ ดเี ป็นประมุข และ ขอ 3.)
นายกรัฐมนตรเี ป็นหวั หนา้ ฝ่ายบริหาร
ลาว, เวยี ดนาม สังคมนยิ ม
T74
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ของรัฐ ที่เรียกว๑่า. “แรบาบชพอราะณมาหจาักกรษ1”ตั พรยริ ะภ์ มาหยใาตกร้ ษฐั ัตธรรริยม์ทนรญูงเ ปพน็ ระกมลหางาทกาษงตั กรายิ รท์ เมรงอื มงฐี าไนมะต่ เอ้ปงน็ มปหี รนะมา้ ทขุ ี่ ขน้ั สอน
รบั ผดิ ชอบในทางการเมือง เพราะมีฝ่ายบริหารหรือฝ่ายรัฐบาลรับผิดชอบแทนอยู่แล้ว ทรงใช้
พระราชอา� นาจในฐานะประมขุ ของรฐั และในฐานะอน่ื ๆ ตามบทบญั ญัติของรัฐธรรมนญู 1. ครูนําขาวเกี่ยวกับรูปแบบการปกครองในยุค
ประเทศทใี่ ชก้ ารปกครองในรูปแบบน้ี เช่น ประเทศไทย ญ่ีปนุ่ กัมพชู า มาเลเซีย ปจ จบุ นั มาใหน กั เรยี นรว มกนั ศกึ ษา และแสดง
อังกฤษ ความคดิ เห็นจากขาวดงั กลา ว
๒. แบบประธานาธบิ ด ี เปน็ การปกครองในลกั ษณะ “สาธารณรฐั ” มปี ระธานาธบิ ดี 2. ครใู หน กั เรียนจับคู คละกนั ตามความสามารถ
เปน็ ประมขุ ของรฐั มที งั้ ทม่ี าจากการเลอื กตงั้ โดยตรงจากประชาชนและการเลอื กทางออ้ มจากรฐั สภา โดยใหสมาชิกแตละคนจับคูกันภายในกลุม
ไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ประธานาธิบดีในรูปแบบนี้มีฐานะเป็นประมุขของรัฐคล้ายกับ และกาํ หนดหมายเลขเปนคทู ี่ 1 และคูท่ี 2
พระมหากษัตริย์ คือ ไม่ต้องรับผิดชอบในทางการเมือง เพราะจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้น�า
ฝ่ายบรหิ ารท�าหน้าท่รี บั ผดิ ชอบทางการเมืองการปกครอง 3. สมาชกิ แตล ะครู ว มกนั ศกึ ษาความรเู รอื่ ง รปู แบบ
ประเทศทใ่ี ชก้ ารปกครองในรปู แบบน ้ี เชน่ ประเทศบงั กลาเทศ ฟนิ แลนด ์ โปรตเุ กส การปกครองในปจจุบันและการเปรียบเทียบ
การปกครองของไทย จากหนังสือเรียนสังคม
๑.๒) ผนู้ า� ฝา่ ยบรหิ าร คอื “นายกรฐั มนตร”ี เปน็ หวั หนา้ คณะรฐั มนตร ี ทา� หนา้ ทฝ่ี า่ ยบรหิ าร ศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน
และรับผดิ ชอบตอ่ สภาในการบริหารราชการแผน่ ดิน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตทางอินเทอรเน็ต
คูล ะ 1 เรอ่ื ง ดังน้ี
๑.๓) รัฐสภา เป็นสถาบันหลักที่มีความส�าคัญอย่างมากทางการเมือง มีท้ังอ�านาจ • คทู ี่ 1 ศกึ ษาความรเู รอ่ื ง รปู แบบการปกครอง
นิตบิ ัญญัติและอา� นาจควบคุมฝ่ายบรหิ ารเปน็ หวั ใจส�าคัญ ในยุคปจ จุบัน
• คูที่ 2 ศึกษาความรูเรื่อง การเปรียบเทียบ
๑.๔) หลักการใชอ้ �านาจ ประกอบด้วยหลกั ๒ ประการ ได้แก่ การปกครองของไทยกับประเทศที่ปกครอง
๑. หลกั การเชอื่ มโยงอา� นาจ เปน็ การเชอื่ มโยงระหวา่ งอา� นาจนติ บิ ญั ญตั แิ ละอา� นาจ แบบประชาธปิ ไตย
บริหาร หมายถึง ฝ่ายนิติบัญญัติมีอ�านาจในทางนิติบัญญัติ คือ จัดท�าและพิจารณากฎหมาย 4. ครูต้ังคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันคนหา
มอี า� นาจควบคมุ ฝา่ ยบรหิ าร เรม่ิ ตง้ั แตใ่ หค้ วามเหน็ ชอบผทู้ จ่ี ะดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตร ี ใหค้ วาม คาํ ตอบ เชน
เห็นชอบนโยบายของฝ่ายบริหารและควบคุมการท�างานของฝ่ายบริหาร ซ่ึงอาจน�าไปสู่การเปิด • การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบ
อภปิ รายไมไ่ วว้ างใจรฐั บาล รวมถงึ การตง้ั กระทถู้ ามในประเดน็ ตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั การบรหิ ารราชการ รัฐสภามีลกั ษณะสําคญั อยา งไร
แผ่นดนิ
๒. หลกั ดลุ แหง่ อา� นาจ เพอื่ ใหก้ ารบรหิ ารบา้ นเมอื งดา� เนนิ ไปไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
นายกรฐั มนตรซี ึ่งเปน็ ประมขุ ฝ่ายบริหารมอี �านาจในการยุบสภา สง่ ผลใหส้ ภาต้องสิ้นสุดลง แตต่ ัว
นายกรฐั มนตรยี งั คงดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตรรี กั ษาการ เพอ่ื ดา� เนนิ การไปสกู่ ารเลอื กตงั้ สมาชกิ
สภาผ้แู ทนราษฎรในครัง้ ต่อไป
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาจึงมลี ักษณะเฉพาะตัว คอื ฝา่ ย
บริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติอาจไม่ได้ด�ารงอยู่จนครบวาระ ๔ ปี หรือ ๕ ปี ตามท่ีก�าหนดไว้ใน
รฐั ธรรมนูญแต่ละประเทศ
65
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ขอใดสอดคลองกับแนวทางประชาธปิ ไตย 1 ราชอาณาจักร เปนคําท่ีใชในพิธีการหรือราชการ เชน รัฐธรรมนูญแหง
1. นักเรียนไปใชสิทธเิ ลอื กประธานนักเรียนอยางลน หลาม ราชอาณาจักรไทย ซึ่งสนธิสัญญาระหวางประเทศไทยกับตางชาติ ตั้งแต
2. กลุมผูชุมนุมปดถนนเรียกรองรัฐบาลใหแกไขปญหาราคาขาว พ.ศ. 2500 เปน ตนมา ใชคาํ วา The Kingdom of Thailand
ตกตา่ํ ส่ือ Digital
3. หวั หนา แผนกแตงต้งั บคุ คลท่ตี นเองไวใจใหเ ขามาทําหนา ที่
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ไดท ี่
ดูแลงานสําคัญ https://www.parliament.go.th/
4. ผปู ระสบภยั พบิ ตั ทิ างทะเลพากันมารบั สงิ่ ของบริจาคกันอยาง
T75
เนืองแนนโดยไมม ีการเขาควิ
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเลือกตั้งเปนการกระทําท่ี
สอดคลองกับระบอบประชาธิปไตยท่ีวาอํานาจสูงสุดเปนของ
ประชาชน และเปนการสงเสริมการมีสวนรวมทางการเมืองอีก
ทางหน่งึ ดว ย)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ดงั นี้ ๒) การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบประธานาธิบด ี มีองค์ประกอบส�าคัญ
5. ครูใหนักเรียนจัดการอภิปราย เพ่ือนําเสนอ ๒.๑) ประมขุ ของรฐั คอื ผทู้ ด่ี า� รงตา� แหนง่ ประธานาธบิ ด ี เปน็ ทง้ั ประมขุ ของรฐั และผนู้ า�
ผลการศึกษา จากน้นั ครตู ้ังคาํ ถามใหนกั เรียน ฝ่ายบริหารอยู่ในบุคคลเดียวกันและมาจากการเลือกต้ังของประชาชน มีอ�านาจในการปกครอง
รว มกันตอบ เชน ประเทศอยา่ งแทจ้ รงิ และเปน็ ผสู้ รรหาและแตง่ ตงั้ คณะรฐั มนตร ี รฐั มนตรเี ปน็ ผชู้ ว่ ยในการดา� เนนิ การ
• ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกามีที่มาและ ด้านต่าง ๆ ตามสงั กดั กระทรวง โดยวฒุ ิสภามีอ�านาจในการให้ความเห็นชอบหรอื ปฏเิ สธบุคคลท่ี
อํานาจอยางไร ประธานาธบิ ดเี สนอขอแตง่ ตง้ั รวมทง้ั คณะรฐั มนตร ี ทง้ั น ้ี การเปลย่ี นแปลงรฐั มนตรเี ปน็ เรอื่ งปกต ิ แตก
(แนวตอบ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามา ตา่ งจากระบบรฐั สภาทถี่ อื หลกั การบรหิ ารในรปู แบบคณะรัฐมนตรี ดงั นน้ั รัฐมนตรีในระบบน้ีจะรับ
จากการเลอื กตัง้ แบบ 2 ข้ันตอน ขั้นแรก คอื ค�าสั่งโดยตร๒ง.จ๒า)ก รปัฐรสะภธาา1 นเปา็นธิบสดถีาบันนติ ิบญั ญตั ิ อาจมีสภาเดยี วหรือสองสภากไ็ ด้ข้นึ อยู่กับรูปแบบ
popular vote เปนการที่ประชาชนเลือก ของแตล่ ะประเทศ สมาชิกสภามีบทบาทหน้าท่ีหลักทางด้านนิตบิ ญั ญตั ิเปน็ สา� คญั
ตัวแทนเพื่อไปชิงตําแหนงประธานาธิบดี
ขั้นตอมาคือ electoral vote ซึ่งเปนการ
เลือกโดยตัวแทนของ ส.ส. ในแตละรฐั )
๒.๓) หลกั การใช้อา� นาจ ยดึ หลกั การใชอ้ า� นาจ ๒ ประการ ได้แก่
๑. หลกั การแยกอา� นาจ เปน็ การแยกอา� นาจระหวา่ งฝา่ ยบรหิ าร คอื ประธานาธบิ ด ี
กบั ฝา่ ยนติ ิบัญญัติ คอื รฐั สภา โดยท้ังสองฝา่ ยมาจากการเลอื กตง้ั จากประชาชน ประธานาธบิ ดจี งึ
มอี �านาจการบรหิ ารอยา่ งแทจ้ รงิ ส่วนฝ่ายสมาชกิ สภาก็มอี า� นาจในการออกกฎหมาย โดยท้งั สอง
ฝา่ ยตา่ งดา� เนนิ ภารกจิ ของตนไปตามกระบวนการทก่ี า� หนดไวใ้ นรฐั ธรรมนญู สมาชกิ สภาไมม่ อี า� นาจ
ในการลงมตไิ ม่ไวว้ างใจฝา่ ยบรหิ าร และประธานาธิบดกี ็ไม่มีอา� นาจในการยุบสภา
๒. หลกั การยบั ยง้ั และถว่ งดลุ อา� นาจ คอื การทปี่ ระธานาธบิ ดมี อี า� นาจในการยบั ยงั้
กฎหมายท่ีออกโดยรัฐสภาได้ ในทางกลับกัน สภาก็มีอ�านาจในการถอดถอนประธานาธิบดีได้
ในกรณีที่มคี วามผดิ รา้ ยแรง
ส�าหรับวาระในการด�ารงต�าแหน่ง
ประธานาธิบดีและสมาชิกสภาในแต่ละประเทศ
มคี วามแตกตา่ งกนั ไป เชน่ สหรฐั อเมรกิ ามวี าระ
๔ ป ี ประเทศอินโดนีเซียมวี าระ ๕ ปี ประเทศ
ฟิลิปปินส์มีวาระ ๖ ปี โดยท่ัวไปการปกครอง
ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบประธานาธบิ ดจี ะมี
เสถียรภาพและม่ันคง ดังน้ัน รัฐบาลจึงมักอยู่
ครบวาระเป็นสว่ นใหญ ่
ท�าเนยี บขาว (White House) เป็นสถานท่พี ักและสถานที่ ประเทศทใี่ ชก้ ารปกครองในรปู แบบนี้
ทา� งานของประธานาธบิ ดสี หรฐั อเมรกิ า เปน็ สญั ลกั ษณข์ อง เชน่ สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปนิ ส์ อนิ โดนีเซยี
66
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบประธานาธิบดี
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 รัฐสภา สหรัฐอเมริกามีระบบรัฐสภา (รัฐสภาคองเกรส) ซึ่งมีลักษณะเปน หลกั การใดตอไปนส้ี อดคลอ งกับการปกครองในระบอบ
สภาคู ประกอบดวยวุฒิสภา (Senate) และสภาผูแทนราษฎร (House of ประชาธิปไตย
Representatives) โดยสมาชกิ ของทง้ั สองสภาไดร บั เลอื กจากประชาชนโดยตรง
ทั้งสองสภามีอํานาจเทาเทียมกันในกระบวนการทางนิติบัญญัติ (กฎหมายจะมี 1. ประชาชนเปนกลไกของรัฐ
ผลบงั คับใชไดก ็ตอ เมื่อผา นความเห็นชอบจากท้ังสองสภา) 2. มีพรรคการเมอื งพรรคเดยี ว
3. ตองเคารพในตวั ผนู ําเทา นัน้
4. อํานาจสงู สดุ เปน ของประชาชน
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย
เปน การปกครองทมี่ แี นวคดิ วา อาํ นาจอธปิ ไตยซง่ึ เปน อาํ นาจสงู สดุ
ในการปกครองประเทศเปน ของประชาชน)
T76
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๓) การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระบบกง่ึ ประธานาธบิ ด1กี ง่ึ รฐั สภา มอี งคป์ ระกอบ ขนั้ สอน
สา� คญั ดังนี้ 6. นกั เรยี นศกึ ษาลกั ษณะสาํ คญั ของการปกครอง
๓.๑) ประมุขของรัฐ ประธานาธิบดีอยู่ในฐานะประมุขของรัฐมาจากการเลือกต้ังจาก ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบกงึ่ ประธานาธบิ ดี
ก่ึงรัฐสภา เพอ่ื เตรียมขอ มูลไวส ําหรบั อภปิ ราย
ประชาชน รว่ มบรหิ ารประเทศกบั คณะรฐั มนตรใี นฐานะประธานทปี่ ระชมุ คณะรฐั มนตร ี ซง่ึ เทา่ กบั วา่ รวมกันในชั้นเรยี น
ประธานาธบิ ดเี ปน็ ผนู้ า� ฝา่ ยบรหิ ารอกี ตา� แหนง่ ดว้ ย เนอื่ งจากเปน็ ผมู้ อี า� นาจกา� หนดนโยบายทางการ
เมอื งในดา้ นต่าง ๆ เช่น การปกครอง การตา่ งประเทศ การทหาร รวมถงึ นโยบายส�าคัญอืน่ ๆ 7. ครูตั้งคําถามจากการอภิปรายเพื่อใหนักเรียน
วาระการดา� รงตา� แหนง่ ของประธานาธบิ ดใี นแตล่ ะประเทศอาจแตกตา่ งกนั เชน่ ประเทศ รวมกนั แสดงความคิดเห็น เชน
ฝรั่งเศสและเกาหลใี ตม้ วี าระ ๕ ปี หรือในศรลี งั กามีวาระ ๖ ป ี • ในระบบกึ่งประธานาธิบดีกึ่งรัฐสภานั้น
ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีมีอํานาจ
๓.๒) คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ได้รับการแต่งตั้งจาก หนาท่ีแตกตา งกันอยา งไร
ประธานาธิบดี และประธานาธิบดีมีอ�านาจถอดถอนผู้ด�ารงต�าแหน่งดังกล่าวออกจากต�าแหน่งได ้ (แนวตอบ ประธานาธิบดีเปนประมุขของรัฐ
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีอ�านาจในการบริหารประเทศอย่างแท้จริง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็น มีอํานาจในการกําหนดนโยบายและบริหาร
หัวหน้ารัฐบาล และมีรฐั มนตรีทา� หนา้ ทีร่ ับผดิ ชอบตอ่ รฐั สภา ประเทศ สวนนายกรัฐมนตรี มีหนาท่ีใน
การบริหารประเทศใหเปนไปตามนโยบาย
๓.๓) รัฐสภา เป็นสภานิติบญั ญตั ทิ ี่มาจากการเลือกต้งั โดยประชาชน โดยทว่ั ไปจะเป็น ทป่ี ระธานาธิบดีกาํ หนดไว)
ระบบสองสภา ท�าหน้าที่ออกกฎหมายและควบคุมฝา่ ยบรหิ ารหรอื รัฐมนตรี
๓.๔) หลกั การใช้อ�านาจ ประกอบดว้ ยหลกั ๒ ประการ ดงั นี้
๑. หลักการแยกอ�านาจ เป็นการแยกอ�านาจระหว่างประธานาธิบดีในฐานะฝ่าย
บริหารกบั รัฐสภาในฐานะฝา่ ยนิติบญั ญตั ิ
๒. หลักการเชื่อมโยงอ�านาจ คือ การที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีซ่ึงท�าหน้าที่
ฝ่ายบริหารมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดีโดยผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา และรัฐสภา
มีอ�านาจควบคุมการบรหิ ารของคณะรฐั มนตรีควบคไู่ ปกับการท�าหน้าที่ในฝา่ ยนติ บิ ัญญตั ิ
ประเทศทใ่ี ช้การปกครองในรปู แบบน ้ี เชน่ มองโกเลยี ฝรงั่ เศส
ฝร่ังเศสมีการปกครองแบบก่ึงประธานาธิบดี รัฐสภาแบ่งเป็นฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ โดยมีประธานาธิบดี
ใชอ้ �านาจบรหิ ารรว่ มกับนายกรฐั มนตรี
67
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถูกตองเก่ียวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย 1 ระบบกึ่งประธานาธิบดี ประเทศฝร่งั เศสถอื เปนประเทศตนแบบทปี่ กครอง
ในระบบประธานาธิบดี ดวยระบอบประชาธิปไตยในระบบก่ึงประธานาธิบดี ซ่ึงแตเดิมนั้นประเทศ
ฝร่ังเศสก็เคยปกครองดวยระบอบประชาธิปไตยท้ังในระบบรัฐสภา และระบบ
1. ประธานาธิบดีไมม ีอาํ นาจในการยบุ สภา ประธานาธิบดี แตสุดทายก็มีการปรับเปล่ียนมาเปนระบบกึ่งประธานาธิบดี
2. มหี ลักการบริหารในรูปแบบของการใชอ าํ นาจเบด็ เสรจ็ เพื่อใหเหมาะสมกับสภาพทางสังคม
3. ประธานาธบิ ดีไมมีอํานาจในการสรรหาและแตงตัง้ คณะ
T77
รัฐมนตรี
4. ประธานาธิบดีอยูในฐานะประมุขของรัฐและมาจากการ
แตงตงั้ ของรัฐสภา
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
ในระบบประธานาธบิ ดยี ดึ หลกั การแยกอาํ นาจ โดยอาํ นาจของฝา ย
บริหารและฝายนิติบัญญัติน้ันแยกออกจากกัน ซึ่งประธานาธิบดี
ไมมีอํานาจในการยุบสภาและสมาชิกสภาก็ไมมีอํานาจลงมติ
ไมไวว างใจฝายบรหิ ารเชน เดียวกนั )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๑.๒ การปกครองระบอบเผดจ็ การ
8. ครูเลาเหตุการณความรุนแรงทางการเมืองใน การปกครองระบอบเผด็จการเป็นการปกครองภายใต้อ�านาจของผู้น�าเพียงคนเดียวหรือ
ประเทศท่ีปกครองดวยระบอบเผด็จการ เชน กลุ่มชนชั้นน�าเพียงกลุ่มเดียว ประชาชนถูกจ�ากัดสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมในการปกครอง
เยอรมนีในชวงท่ีฮิตเลอรครองอํานาจและ การแบ่งรูปแบบการปกครองแบบเผด็จการโดยพิจารณาจากขอบเขตการใช้อ�านาจ แบ่งเป็น
กระตุนการคดิ ดว ยคาํ ถาม เชน ๒ รปู แบบ ได้แก่ เผด็จการอา� นาจนิยมและเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ ดงั นี้
• ประเทศท่ีปกครองดวยระบอบเผด็จการ
ประชาชนจะมีความเปนอยูอยางไร เผด็จการอา� นาจนยิ ม
(แนวตอบ ถกู จาํ กดั สทิ ธเิ สรภี าพทางการเมอื ง
เศรษฐกจิ ตกตาํ่ ความยตุ ธิ รรมมนี อ ย อาํ นาจ เกิดจากตัวผู้น�าหรือคณะบุคคลที่อาศัยก�าลังอ�านาจหรือการสนับสนุนจากกองทัพ เข้าท�าการยึดอ�านาจจาก
และความมั่งค่ังอยูในมือของคนเพียงไม รัฐบาลเดิม การออกค�าส่ังของคณะรฐั ประหารเป็นเหมือนกฎหมายในการปกครองประเทศ
กกี่ ลมุ )
• เพราะเหตุใดฮิตเลอรสามารถครองอํานาจ การเข้าไปมอี �านาจ ลักษณะการปกครอง
ในการบริหารประเทศเยอรมนีไดอยางมี • ผู้น�า คณะบุคคลท่ีมีอ�านาจได้รับ • มุ่งควบคุมกิจกรรมทางการเมืองเป็นหลัก ไม่เปิดกว้างในด้าน
ประสิทธิภาพในชว ง ค.ศ. 1933-1945
(แนวตอบ เนอื่ งจากฮติ เลอรไ ดฟ น ฟูประเทศ การสนับสนุนจากกองทัพเข้ายึด สทิ ธมิ นษุ ยชน การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน เสรภี าพของประชาชน
เยอรมนี จากประเทศท่ีประสบปญหา อ�านาจจากรฐั บาลเดิม • ไมม่ กี ารควบคมุ สถาบนั ทางสงั คม สามารถทา� กจิ กรรมตา่ ง ๆ ไดป้ กติ
เศรษฐกิจและประเทศผูแพสงครามใหมี ผนู้ า�
ความเจริญกาวหนาจนกลายเปนประเทศ • มีอ�านาจตัดสินใจในการปกครอง แตต่ อ้ งไมส่ รา้ งความกระทบกระเทอื นตอ่ ภาพลกั ษณห์ รอื เสถยี รภาพ
มหาอาํ นาจ และมกี ารปลกู ฝง เรอ่ื งชาตนิ ยิ ม) และบริหารเพียงผเู้ ดยี ว ทางการเมอื งของรัฐบาล
• การปกครองระบอบประชาธิปไตยกับ • ใชอ้ า� นาจควบคมุ การปกครอง การ • ใชอ้ า� นาจรฐั แทรกแซงองคก์ รหรอื หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทบ่ี น่ั ทอนความ
การปกครองระบอบเผด็จการแตกตางกัน บรหิ ารประเทศ
อยา งไร • ควบคมุ กระบวนการยตุ ธิ รรม • คมวน่ั บคคงมุขอกงรระฐับบวานลการยตุ ิธรรม1 โดยสามารถดา� เนนิ การได ้ แตอ่ าจมี
(แนวตอบ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
แบง แยกการใชอ าํ นาจการปกครอง ประชาชน การประกาศกฎเพิม่ เตมิ เพอื่ ความสงบสุข
มสี ว นรว มในการปกครองประเทศและมสี ทิ ธิ
เสรีภาพตามกฎหมาย สวนการปกครอง เผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็
ระบอบเผด็จการน้ัน อํานาจปกครองอยูที่
ผนู ําประเทศ ประชาชนไมมสี วนรว มในการ เกดิ จากแนวคดิ หรอื อดุ มการณข์ องผนู้ า� ในการปกครองประเทศ เนน้ รวบอา� นาจการปกครองทง้ั หมดขนึ้ กบั ผนู้ า�
ปกครองและถูกจํากัดสิทธิเสรีภาพ) หรือชนชั้นน�าเพียงฝ่ายเดียวอย่างเด็ดขาด ได้แก่ กิจกรรมทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและ
วัฒนธรรม
การเข้าไปมีอ�านาจ ลักษณะการปกครอง
• เกดิ จากแนวคิด อุดมการณ์ของ • ยึดม่ันในอุดมการณ์ของผู้น�าและต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ผนู้ า� ในการปกครองประเทศ ประชาชนต้องให้การยกย่องผู้น�า หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่าง
รุนแรง
ผนู้ า� • มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว โดยถือว่าเป็นพรรคมวลชน
• มีอุดมการณ์แนวคิดทางการเมือง
มีกระบวนการถ่ายโอนอ�านาจภายในพรรค ประชาชนไม่สามารถ
แบบรวมอ�านาจเบ็ดเสร็จ ทั้งด้าน มสี ่วนร่วมตดั สินใจได้
การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ • มีการผูกขาดและแทรกแซงสอื่ มวลชน เพอื่ ปอ้ งกันการแพร่ข้อมูล
สงั คมและวฒั นธรรม ข่าวสารที่ขัดต่ออุดมการณ์ผู้น�า โดยรัฐบาลจะใช้ส่ือมวลชนในการ
โฆษณาชวนเชอ่ื แนวคิด นโยบายตา่ ง ๆ
• มงุ่ เนน้ หลกั กา� ลงั อา� นาจ ใหค้ วามสา� คญั กบั การเสรมิ ความแขง็ แกรง่
68 ให้กองทพั
นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย
1 ควบคุมกระบวนการยุติธรรม ในการปกครองเผด็จการอํานาจนิยม นักเรียนแบงกลุมอภิปรายลักษณะการปกครองระบอบ
กระบวนการยุติธรรมสามารถดําเนินการและคงอยูเปนหลักสําคัญ แตใน เผดจ็ การในประเดน็ ดังน้ี
ขณะเดียวกันก็อาจมีการออกประกาศหรือคําสั่งเพ่ิมเติมเพื่อใชเฉพาะกิจ เชน
กฎอัยการศึก ซึ่งอาจนําไปสูการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ รวมไปถึงการลงโทษ • บทบาทหนาท่ขี องผนู ํา
ทร่ี นุ แรงโดยชอบธรรม • ขอด/ี ขอเสยี
• เปรยี บเทยี บการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยกบั เผดจ็ การ
จากน้ันสงตัวแทนกลุมมาสรุปผลจากการอภิปรายหนา
ชั้นเรยี น
T78
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
การปกครองระบอบเผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็ จา� แนกออกเปน็ ๒ รปู แบบ ดังนี้ ขน้ั สอน
เผด็จการฟาสซสิ ต 9. นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับประเทศที่มี
การปกครองระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ
เกิดข้ึนครั้งแรกในประเทศอิตาลีโดย อดอลฟ ฮิตเลอร ได้น�าแนวคิด แลวนําขอมูลท่ีไดมาแลกเปล่ียนเพื่อศึกษา
เบนีโต มุสโสลนิ ี เป็นผูน้ �าในช่วง ของระบอบฟาสซิสต์มาใช้ปกครอง ระหวางกนั
ท่ีประเทศมีการเปลี่ยนแปลงทาง ประเทศเยอรมนี แต่จะมีลักษณะ
สังคมสู่ระบบอุตสาหกรรม มสุ โสลินี เฉพาะตัวท่ีเน้นความเป็นชาตินิยม 10. นักเรียนรวมกันอภิปรายกลุมเก่ียวกับ
น�านโยบายการโฆษณาชวนเช่ือและสร้างภาพลักษณ์ ปลกู ฝงั ใหป้ ระชาชนมคี วามศรทั ธา เคารพเชอื่ ฟงั ผนู้ า� โครงสรางของการปกครองระบอบเผด็จการ
ให้ยึดมั่นในตัวผู้น�าที่จะน�าประเทศไปรอด โดยถือว่า ปลกู จติ สา� นกึ ใหม้ คี วามภาคภมู ใิ จในชาต ิ มคี วามเชอ่ื มนั่ แบบเบ็ดเสร็จ แลววิเคราะหจุดเดนและ
“ถ้าเชื่อผู้น�าชาติไม่แตกสลาย” เน้นความรักชาติหรือ ว่าชาติของตนมีความสมบูรณ์แบบที่สุด เหมาะสม จุดดอยของการปกครองระบอบน้ี จากนั้น
ชาตนิ ยิ มทรี่ นุ แรง สง่ เสรมิ กลมุ่ นายทนุ มคี วามเชอื่ วา่ ท่จี ะเปน็ ผ้นู �าของโลกในอนาคต สง ตวั แทนมาสรปุ ผลการอภปิ รายหนา ชน้ั เรยี น
สงครามเป็นส่ิงท่ชี อบธรรม
11. นักเรียนวิเคราะหเปรียบเทียบการปกครอง
ระบอบเผดจ็ การแบบเบ็ดเสรจ็ ทัง้ 2 รูปแบบ
แลว สรุปความรลู งสมดุ สง ครผู ูส อน
ระบอบ
เผด็จการแบบ
เบ็ดเสร็จ
เผด็จการคอมมวิ นิสต1
เหมา เจอตง เป็นผู้น�าหลักการคอมมิวนิสต์มาปฏิวัติประเทศจีน โดยมีพ้ืนฐานมาจากลัทธิ
มตาลกอซด์ก-เาลลน ทินฤนษิสฎตีค์ ว(าMมaขrดัxiแsยmง้ - Lแeลnะแinนisวmทา)ง ปเนฏ้ิวนัตหิขลอักงกชานรชคนั้ อกมรมรมิวานชิสพี ต2 ์ทโด้ังยนใโหย้คบวาายมปสฏา� คิวญััติ
กับการใช้ชาวนาเป็นก�าลังหลักในการต่อสู้ทางชนชั้น รัฐบาลได้ยึดที่ดินท�ากินของเอกชน
มาเป็นของรัฐบาล และใช้ระบบการผลิตแบบนารวม หรือระบบคอมมูน (Commune)
ชาวนามฐี านะเป็นแรงงานของรัฐโดยได้รับผลตอบแทนเท่ากนั
การปกครองระบอบเผด็จการมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่มีลักษณะร่วมกันที่มี
ความคล้ายคลึงกัน เช่น มีการจ�ากัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ค�านึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน
ไมต่ อ้ งการใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปกครอง ใหค้ วามสา� คญั กบั ผนู้ า� ไมม่ กี ารตรวจสอบ
และถว่ งดลุ อา� นาจ ไมม่ กี ารกา� หนดระยะเวลาการอยใู่ นอา� นาจ มกี ารนา� เสนอขอ้ มลู ขา่ วสารเกยี่ วกบั
ผลงานของผนู้ า� ผนู้ า� สงู สดุ มาจากการสบื ทอดอา� นาจหรอื พรรคการเมอื งทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ ผกู ขาดอา� นาจ
เช่น ผู้น�าสูงสุดของจีนมาจากพรรคคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือมาจากพรรคแรงงานซ่ึงเป็นพรรค
ใหญท่ ่สี ุด เวยี ดนามมาจากพรรคคอมมิวนสิ ต์และความเห็นชอบของสภาแหง่ ชาตเิ วยี ดนาม และ
ผนู้ �าสูงสุดของลาวมาจากการเลอื กตงั้ ของสมาชกิ สภาแหง่ ชาติ
69
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
ระบอบคอมมวิ นิสตมีแนวคิดมุงเนน เร่อื งใดเปนสําคัญ 1 คอมมิวนิสต เกิดมาจากแนวคิดที่มุงเนนสรางความเทาเทียมกันของคน
1. ทนุ นยิ มและอาํ นาจนยิ มเสรี ในสังคม เปนสังคมที่ปราศจากชนช้ัน ซึ่งแนวความคิดคอมมิวนิสตนี้ สังคม
2. ขจดั ปญ หาความเหลอ่ื มลา้ํ ทางสงั คม ในระยะแรกจะเริ่มจากการทําลายระบบทุนนิยม จากน้ันจะเปนลักษณะของ
3. ผกู ขาดและแทรกแซงสอ่ื มวลชนทกุ ประเภท สังคมนิยม และพัฒนาไปสูสังคมที่สมบูรณแบบ แนวความคิดคอมมิวนิสตได
4. สง เสรมิ แนวคดิ ตอ ตา นประชาธปิ ไตยอยา งเดด็ ขาด กลายมาเปนรูปแบบการเมืองการปกครองรูปแบบหนึ่งท่ีแพรหลายไปทั่วโลก
โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ชว งหลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี 2
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ขจัดปญหาความเหล่ือมล้ําทาง 2 ชนชนั้ กรรมาชพี ใชเ รยี กชนชน้ั กรรมกรหรอื ลกู จา งผหู าเลย้ี งชพี ดว ยคา จา ง
สังคม กลาวคือ มุงเนนการสรางสังคมใหมีความชอบธรรม มุง แรงงาน ซึ่งตามแนวคิดคอมมิวนิสตถือวาชนชั้นกรรมาชีพเปนกลุมท่ีถูกเอารัด
ทําลายระบบทนุ นิยม ทงั้ นี้เพ่อื ตองการขจดั ปญหาความเหล่อื มลํา้ เอาเปรียบจากกลมุ นายทนุ
ทางสังคมใหหมดสิ้นไปในท่สี ุด)
T79
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๑.3 การปกครองระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย
ท ใี่ ชร้ ะบรอะบบอสบมกบารู รณปากญคารสอทิงทธม่ีริ ากี ชษยตั ใ์ รนยิ ปเ์ จัปจน็ ุบผันปู้ กเคชร่นอ งปแรละะเทมศสี บทิ รธไูขิ์ นา ดปในกคกราอรบงดรหิว้ ยารระปบรบะเสทลุ ศต ป่านร1ะ เโทดศย
12. ครูนําขาวจากหนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน
ที่เปนประเด็นทางการเมืองที่สําคัญ หรือใช องค์สลุ ต่านมีอา� นาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียว มฐี านะเปน็ สมเดจ็ พระราชาธบิ ด ี และเปน็ ประมขุ สงู สุด
PPT เรื่อง รูปแบบการปกครองในปจจุบัน ของประเทศ ดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตร ี เปน็ หวั หนา้ รฐั บาลในการบรหิ ารประเทศ มลี กั ษณะเดน่
แลวรวมกันอภิปรายกับนักเรียน โดยครูคอย คอื ความเป็นเอกภาพและภราดรภาพของประชาชน ประชาชนจะเคารพต่อสุลตา่ น ซึง่ สอดคลอ้ ง
กระตนุ ใหน ักเรยี นแสดงความคดิ เห็น กับหลักการของศาสนาอิสลามท่ีเคารพเชื่อฟังผู้น�า ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีพระมหากษัตริย์
เป็นประมุขของรัฐ เปน็ ผู้น�าศาสนา มีมกฎุ ราชกมุ ารเป็นผู้สบื ราชบัลลังก ์ พระมหากษตั รยิ ์ทรงมี
13. ครูและนักเรียนสนทนาถึงการเลือกต้ังทั้งใน พระราชอา� นาจสูงสุดในการบริหาร การปกครองและการทหาร
ระดับชาติและระดับทองถ่ิน แลวตั้งคําถาม เอ สวาตนนิ อ2ี กกจาตาการน์ ้ี นยคังรมรัฐีปวราะตเทิกันศอ่ืนที่ปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เช่น โอมาน
เพ่อื กระตนุ การคิดของนักเรยี น เชน
• การเลอื กต้ังมคี วามสมั พนั ธก ับการปกครอง ๑.4 การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย
ในระบอบประชาธปิ ไตยอยา งไร ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มี
รฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศ พระมหากษตั รยิ ท์ รงอยเู่ หนอื การเมอื งและ
ทรงใชอ้ า� นาจอธปิ ไตยแทนประชาชน ไดแ้ ก ่ ทรงใชอ้ า� นาจนติ บิ ญั ญตั ผิ า่ นทางรฐั สภา อา� นาจบรหิ าร
ผา่ นทางคณะรัฐมนตรี และอา� นาจตลุ าการผ่านทางศาล
การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย
รฐั ธรรมนญู
พระมหากษตั ริย
อา� นาจ อ�านาจ อา� นาจ
นิตบิ ญั ญตั ิ บรหิ าร ตลุ าการ
รฐั สภา คณะรัฐมนตรี ศาลยตุ ธิ รรม ••• ศาลอนื่ ๆ
นายกรฐั มนตรี รัฐมนตรี
สมาชกิ สภา สมาชกิ ศาลปกครอง
วุฒสิ ภา ศาลทหาร
70ผแู้ ท(นสสรา.)ษฎร (สว.) ศาลรฐั ธรรมนญู
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 ระบบสุลตาน จดั เปน ระบอบการปกครองรปู แบบหนึ่ง ที่มวี วิ ฒั นาการทาง ขอ ใดเปน ลักษณะของการปกครองในประเทศไทย
ประวัติศาสตรมาอยางยาวนาน ตามคัมภีรอัลกุรอานจะใชคําวาสุลตานอางอิง 1. มสี ภาเดียว
ถึงผูมีอํานาจทางศีลธรรมและจิตวิญญาณของศาสนาอิสลาม แตนับต้ังแต 2. นายกรฐั มนตรที ่มี าจากการแตงตัง้
ครสิ ตศ ตวรรษที่ 11 เปน ตน มา ไดถ กู นาํ มาใชรวมกบั การเมอื งการปกครองดวย 3. ประธานาธิบดีเปน หวั หนา ฝา ยบรหิ าร
2 เอสวาตินี เปนชือ่ ใหมข องประเทศสวาซิแลนด โดยใน พ.ศ. 2561 กษตั รยิ 4. พระมหากษตั ริยทรงเปน ประมุขของรัฐ
แหง สวาซแิ ลนดท รงประกาศเปลย่ี นชอื่ ประเทศเปน เอสวาตนิ ี ซงึ่ มคี วามหมายวา
“ดนิ แดนแหง ชาวสวาซี” เน่อื งในโอกาสครบ 50 ป ทปี่ ระเทศไดรบั เอกราชจาก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบ
องั กฤษ ประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท รงเปนประมุข)
T80
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑) การใชอ้ า� นาจนติ บิ ญั ญตั ทิ างรฐั สภา รฐั สภาไทยประกอบดว้ ย ๒ สภา คอื สภาผแู้ ทน
ขนั้ สอน
ราษฎรและวุฒิสภา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกต้ังจากประชาชนท่ัวประเทศ
แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั และจากบญั ชรี ายชอื่ ของพรรคการเมอื ง สว่ นวฒุ สิ ภามาจากการเลอื กกนั เอง 14. ครูกําหนดขอบเขตและประเด็นคําถามให
ของผทู้ มี่ คี วามรคู้ วามเชยี่ วชาญ ประสบการณอ์ าชพี หรอื การทา� งานดา้ นตา่ ง ๆ ทหี่ ลากหลายของ นักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติม ไดแ ก
สงั คม รฐั สภ๑า.๑ม)ีอ เา� สนนาอจหชื่อนบ้าทุค่ ีคดลงั เนป ี้ ็นนายกรัฐมนตรี 1เป็นหน้าท่ีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร • การปกครองของไทยในปจจุบันมีลักษณะ
โดยบุคคลท่ีได้รับการแต่งต้ังเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน (รัฐธรรมนูญแห่ง สาํ คัญอยา งไร
ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐) จะตอ้ งเปน็ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ความเหน็ ชอบดว้ ยคะแนนเสยี งมากกวา่ • การเลือกต้ังมีความสําคัญตอการปกครอง
กึง่ หนึง่ ของจา� นวนสมาชิกทง้ั หมดเท่าท่ีมีอย่ขู องสภาผแู้ ทนราษฎร ของไทยทั้งในระดับชาติและระดับทองถิ่น
อยางไร
๑.๒) หน้าที่ในการตรากฎหมาย เป็นการท�าหน้าที่ร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและ • ผทู ี่ไดรับการเลอื กต้ังมหี นา ท่ีอยางไร
วฒุ ิสภา แต่ผ้มู อี �านาจในการรเิ รมิ่ การตรากฎหมาย คือ สภาผูแ้ ทนราษฎร เมอื่ สภาผู้แทนราษฎร
มมี ตผิ า่ นรา่ งกฎหมายนน้ั แลว้ หากวฒุ สิ ภาเหน็ วา่ รา่ งกฎหมายนนั้ ดแี ลว้ กม็ มี ตใิ หผ้ า่ นรา่ งกฎหมาย 15. นักเรียนศึกษาลักษณะการปกครองของไทย
แตห่ ากเห็นว่ากฎหมายนั้นยงั มขี ้อบกพรอ่ ง ก็จะมมี ตใิ หแ้ ก้ไข แต่หากเหน็ วา่ กฎหมายไม่สมควร ในประเด็นการใชอํานาจนิติบัญญัติ อํานาจ
ทีจ่ ะประกาศใช้ วุฒสิ ภากม็ ีอ�านาจยับยง้ั รา่ งกฎหมายนน้ั ตามช่วงเวลาท่ีรัฐธรรมนูญก�าหนดไว้ บรหิ าร และอาํ นาจตลุ าการ แลว นาํ มาอภปิ ราย
ในชัน้ เรียน
๑.๓) ถ่วงดุลอ�านาจระหว่างก2ัน โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิตั้งกระทู้ถาม
คณะรัฐมนตรีหรือขอเปิดอภิปรายท่ัวไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตร ี
สว่ นวุฒิสภามสี ทิ ธิขอเปดิ อภิปรายทวั่ ไปเพอ่ื ใหค้ ณะรฐั มนตรแี ถลงขอ้ เทจ็ จรงิ และมีสทิ ธิตั้งกระทู้
ถามการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี
๒) การใชอ้ า� นาจบรหิ ารทางคณะรฐั มนตรี พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน มีอ�านาจหน้าที่
สา� คัญในการบริหารประเทศ ดังน้ี
๒.๑) กา� หนดนโยบาย ในการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ และบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ใหเ้ ปน็
ไปตามนโยบายท่แี ถลงไว้ตอ่ รัฐสภา
๒.๒) รกั ษากฎหมายและความสงบเรยี บรอ้ ย เพอื่ ใหป้ ระชาชนไดร้ บั ความปลอดภยั และ
สามารถดา� เนินชวี ิตได้อย่างสงบสุข
๒.๓) ก�ากับดูแลการท�างานของกระทรวงต่าง ๆ เพ่ือให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล
รวมถงึ ควบคุมขา้ ราชการ เพือ่ ให้ข้าราชการประจา� น�านโยบายไปปฏิบัตใิ หเ้ กิดผลดี
๒.๔) ประสานงานกับกระทรวงต่าง ๆ ที่มีการท�างานร่วมกัน เพื่อให้ด�าเนินงานไปได้
อยา่ งสอดคล้องและมปี ระสิทธภิ าพ
๒.๕) ออกมติต่าง ๆ เพ่ือให้กระทรวงและกรมถือปฏิบัติ เพราะคณะรัฐมนตรีเป็น
ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ในแตล่ ะกระทรวง ทา� หนา้ ทอี่ อกระเบยี บขอ้ บงั คบั พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ชข้ี าด และลงมติ
เร่อื งต่าง ๆ ตามท่แี ต่ละกระทรวงเสนอมา
๒.๖) กา� กับและดแู ลการบริหารราชการส่วนภมู ิภาค เพ่อื ใหน้ �านโยบายและภารกจิ ของ
มรฐั คี บุณาภลจาพากสว่ นกลางไปปฏบิ ตั ใิ นจงั หวดั ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ประชาชนอยา่ งเทา่ เทยี ม รวดเรว็ และ7๑
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
เมอ่ื เกดิ ความขดั แยง ขนึ้ ระหวา งฝา ยนติ บิ ญั ญตั แิ ละฝา ยบรหิ าร 1 นายกรัฐมนตรี เปนตําแหนงผูนํารัฐบาลท่ีมีอํานาจสูงสุดในการบริหาร
ตามระบอบประชาธิปไตยควรปฏิบตั ิอยา งไร ประเทศ ซ่ึงประเทศไทยไดบัญญัติใหมีตําแหนงนายกรัฐมนตรีข้ึนภายหลัง
เหตกุ ารณเ ปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยในครงั้ แรกใชช อ่ื ตาํ แหนง วา
1. สง เรอ่ื งใหศ าลรัฐธรรมนูญวนิ ิจฉัย ประธานคณะกรรมการราษฎร แลว จงึ เปลย่ี นชอื่ มาเปน นายกรฐั มนตรใี นภายหลงั
2. ตลุ าการศาลปกครองทําหนาทไ่ี กลเ กลีย่ 2 เปดอภปิ รายทว่ั ไป เปนกระบวนการทางการเมืองรปู แบบหนึง่ ซึ่งเปดใหม ี
3. เสนอญัตติใหรฐั สภารว มหารอื แกไขปญหา การพิจารณาและปรึกษาเร่ืองสําคัญท่ีมีผลกระทบตอประโยชนไดเสียของชาติ
4. คนื อาํ นาจใหแ กประชาชนเพ่ือเลือกตง้ั ใหม รวมทงั้ ประเด็นปญ หาทางการเมอื งในท่ีประชมุ สภา โดยหลักทัว่ ไปการอภปิ ราย
ท่ัวไปมี 2 รปู แบบ คือ การอภปิ รายทวั่ ไปเพอื่ ลงมตไิ มไวว างใจ มี 2 ลกั ษณะ
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เมื่อเกิดความขัดแยงขึ้นระหวาง คอื ลงมตไิ มไ วว างใจนายกรฐั มนตรี กบั ลงมตไิ มไ วว างใจรฐั มนตรเี ปน รายบคุ คล
ฝา ยนติ บิ ญั ญตั แิ ละฝา ยบรหิ ารตามระบอบประชาธปิ ไตย แนวทาง หรอื ท้งั คณะกับการอภปิ รายท่วั ไปโดยไมม กี ารลงมติ
แกไข คือ การคืนอํานาจใหแกประชาชนเพื่อเลือกตั้งใหมตาม
วิถีทางประชาธปิ ไตย)
T81
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๓) การใชอ้ า� นาจตลุ าการทางศาล ศาลท�าหน้าท่ีให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนในการ
16. นักเรียนแบงกลุมศึกษาและอภิปรายกรณี พพิ ากษาคด ี ให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยความยตุ ธิ รรม ศาลไทยม ี ๔ ประเภท ดงั น้ี
ตัวอยางการทําหนาท่ีของศาลแตละประเภท
ดงั นี้ ศาลยุตธิ รรม
• ศาลยตุ ธิ รรม พิจารณาพิพากษาคดีท้งั ปวง ยกเว้นคดที ีร่ ฐั ธรรมนญู กา� หนดใหอ้ ยูใ่ นศาลอนื่
• ศาลรฐั ธรรมนูญ ศาลชั้นต้น เป็นศาลแรกในการด�าเนนิ คด ี เช่น คดแี พง่ คดีอาญา
• ศาลปกครอง ศาลอุทธรณ์ พิจารณาคดีแพ่งและคดอี าญาทม่ี ีการอทุ ธรณ์จากศาลชนั้ ต้น
• ศาลทหาร
จากนั้นออกมานําเสนอผลการศึกษาและ ศศาาลลฎฎกีีกาาแ พบิจง่ าอรอณกเาปคน็ดแขี ผ้นั นสกดุ ตทา่้างย ๆ ถ ือเชวา่่นส ้ินศสาดุลคฎดีกีาแผนกคดอี าญาของผู้ด�ารงตา� แหนง่ ทางการเมอื ง1
อภปิ รายหนา ชน้ั เรยี น ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื
รว มกนั สรปุ สาระสําคญั ของเรอื่ ง ทา� หนา้ ทพ่ี จิ ารณาพพิ ากษาคดผี ดู้ า� รงตา� แหนง่ ทางการเมอื ง เชน่ นายกรฐั มนตร ี รฐั มนตรี
สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา ขา้ ราชการทางการเมอื งทถ่ี กู กลา่ วหา
วา่ รา�่ รวยผดิ ปกต ิ กระทา� ความผดิ ตอ่ ตา� แหนง่ หนา้ ทร่ี าชการตามประมวล
กฎหมายอาญา หรอื กระทา� ความผดิ ตอ่ ตา� แหนง่ หนา้ ทห่ี รอื ทจุ รติ ตอ่
หนา้ ท่ตี ามกฎหมายอ่ืน รวมทง้ั กรณบี คุ คลอนื่ ท่เี ปน็ ตวั การ ผใู้ ช้
หรือผ้สู นบั สนุน
ศาลใน ศาลรัฐธรรมนูญ
ประเทศไทย พิจารณาวินิจฉัยข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญว่ามีข้อขัดแย้ง
กับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เช่น ร่างพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญ พิจารณาความขัดแย้งเก่ียวกับอ�านาจหน้าที่
ระหวา่ งรฐั สภา คณะรฐั มนตร ี หรอื องคก์ รตามรฐั ธรรมนญู ที่
ไมใ่ ชศ่ าล และกรณอี นื่ ตามทรี่ ฐั ธรรมนญู และพระราชบญั ญตั ิ
ประกอบรฐั ธรรมนูญบัญญตั ิไว้
ศาลปกครอง
พิจารณาพิพากษาคดปี กครอง เปน็ คดพี พิ าทระหวา่ งหน่วยงานราชการ
หน่วยงานรฐั รัฐวิสาหกิจ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ หรอื เจา้ หน้าทร่ี ัฐกบั
เอกชน หรือระหว่างหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าท่ีรัฐด้วยกัน อันเนื่องมาจากการใช้อ�านาจปกครอง หรือจากการด�าเนิน
กิจการทางปกครองของหน่วยงานดังกล่าวหรือเจา้ หนา้ ท่ีรัฐ ตามทกี่ ฎหมายบญั ญัติ
ศาลทหาร
พิจารณาพิพากษาคดีอาญาซึ่งผู้กระท�าผิดเป็นบุคคลที่อยู่ในอ�านาจศาลทหารและคดีอื่นตามท่ี
กฎหมายบัญญตั ิ
7๒
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
1 แผนกคดอี าญาของผดู ํารงตําแหนงทางการเมือง เปน 1 ใน 11 แผนกของ ขอใดกลา วถกู ตอง
ศาลฎีกา เรม่ิ กอ ต้งั โดยรฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มีอาํ นาจ 1. ประเทศไทยและประเทศเยอรมนมี รี ปู แบบของรัฐเปน รฐั เดย่ี ว
หนา ทใี่ นการไตส วนและพพิ ากษาบคุ คลผกู ระทาํ ผดิ ตามขอ กลา วหาตา งๆ ซงึ่ องค 2. ประเทศไทยและประเทศมาเลเซยี มรี ะบบรฐั สภาเปน แบบสภาคู
คณะผพู พิ ากษาในคดีประกอบดวยผูพ ิพากษาหรอื ผพู พิ ากษาอาวโุ สในศาลฎกี า 3. ประเทศมาเลเซยี และประเทศสิงคโปรม พี ระมหากษตั รยิ เ ปน
จํานวน 9 คน ซงึ่ ไดรบั เลอื กจากทีป่ ระชมุ ใหญศ าลฎีกา การพิจารณาพิพากษา
คดีอาศัยเสียงขางมากขององคคณะ นอกจากองคคณะจะตองทําคําพิพากษา ประมขุ
กลางแลว องคคณะแตละคนยังตองทําคําวินิจฉัยสวนตนเปดผยตอสาธารณะ 4. ประเทศไทยมีนายกรฐั มนตรีเปน ประมขุ ฝา ยบริหารเชนเดยี ว
หลังจากไดอ านคาํ พิพากษากลางแลว ดว ย
กับประเทศฟลปิ ปนส
(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย
มรี ะบบรฐั สภาท่ีเหมือนกนั คือ เปน ระบบสภาคู ประกอบดว ยสภา
ผแู ทนราษฎรและวุฒสิ ภา)
T82
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๔) ฐานะและพระราชอา� นาจของพระมหากษตั รยิ ์ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ขนั้ สอน
มีบทบัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข” และ “อ�านาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข 17. นักเรียนแสดงความคิดเห็นในประเด็น
ทรงใช้อ�านาจน้ันทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” ดังนั้น “พระราชอํานาจของพระมหากษัตริยใน
พระมหากษตั รยิ ข์ องไทยจงึ ทรงอยเู่ หนอื การเมอื ง ทรงมีฐานะและพระราชอ�านาจตามรัฐธรรมนูญ ระบอบการเมืองการปกครองของไทย” ตาม
ดงั น้ี บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั ร
ไทย จากนั้นครูต้ังคําถามใหนักเรียนรวมกัน
๔.๑) ทรงอยูใ่ นฐานะประมขุ ของประเทศ ทรงใชอ้ �านาจอธิปไตยผ่านทางรัฐสภา คณะ ตอบ เชน
รฐั มนตรี แล๔ะ.๒ศา) ลท รตงาเปมน็ทพร่ี ฐัทุ ธธรมรามมนกูญะแบลัญะญทรัตงิ เปน็ อคั รศาสนปู ถัมภก1 ในสงั คมไทยมีคนอยู่รว่ มกัน • “พระมหากษัตริยทรงเปนกลางทางการ
หลากหลายศาสนา พระมหากษัตริย์ทรงท�านุบ�ารุงอุปถัมภ์ค้�าชูทุกศาสนาที่คนไทยนับถือ ท�าให้ เมือง” หมายความวา อยางไร
อยรู่ ่วมกนั อ๔ย.า่๓ง)ส ทันรตงิสดขุ �ารงตา� แหนง่ จอมทพั ไทย2 ทรงเปน็ ขวัญและก�าลงั ใจใหเ้ หล่าทหารในการทา� (แนวตอบ ไมทรงเขากับฝายใดไมวาฝาย
หน้าทป่ี ้องกันประเทศชาติ รฐั บาล หรอื ฝา ยคา น หรอื พรรคการเมอื งใด
ทั้งสน้ิ )
๔.๔) ทรงเปน็ กลางและทรงอยเู่ หนอื การเมอื ง หมายถึง ไมท่ รงสนบั สนุนนกั การเมือง • การปกครองระบอบประชาธิปไตยของ
คนใดคนหนง่ึ หรอื พรรคการเมอื งใดพรรคการเมอื งหนง่ึ แตพ่ ระองคจ์ ะทรงใชพ้ ระราชอา� นาจในการ ประเทศไทยกับประเทศเพ่ือนบานท่ีมีการ
แนะน�า ตักเตือน รวมถึงให้ก�าลังใจนักการเมืองและประชาชนชาวไทยให้ท�าหน้าที่ของตนอย่าง ปกครองระบอบประชาธิปไตย มีความ
ซื่อสัตย์สุจริต เพ่อื ประโยชนส์ ่วนรวมของประเทศชาติ แตกตา งกันในประเด็นใด
(แนวตอบ รูปแบบของรัฐ รูปแบบการ
๔.๕) ทรงดา� รงอยใู่ นฐานะอนั เปน็ ทเ่ี คารพสกั การะ ผใู้ ดจะละเมดิ กลา่ วหา หรอื ฟอ้ งรอ้ ง ปกครอง ประมขุ ของรฐั ประมขุ ฝา ยบรหิ าร)
พระมหากษตั รยิ ใ์ นทางใด ๆ มไิ ด ้ นอกจากน ี้ ยงั ทรงไวซ้ ง่ึ พระราชอา� นาจทจ่ี ะสถาปนาพระฐานนั ดรศกั ด์ิ
และพระราชทานเครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์
๔.๖) ทรงเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ในการติดต่อกับประมุขของแต่ละประเทศ
โดยจะทรงแตง่ ตงั้ เอกอคั รราชทตู ไปประจา� ประเทศตา่ ง ๆ นอกจากน ้ี ยงั ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ
ตอ้ นรบั บรรดาประมขุ ของประเทศตา่ ง ๆ และคณะทตู เพอ่ื การเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั ประเทศตา่ ง ๆ
ทั่วโลก
๔.๗) ทรงเป็นเอกลักษณ์และศูนย์รวมแห่งความสามัคคี สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่
สงั คมไทยมายาวนาน เปน็ ศูนย์รวมจิตใจ ความรกั ความสามคั คขี องคนในชาต ิ พระราชกรณยี กจิ
ของพระมหากษัตริย์ล้วนสะท้อนถึงความเป็นชาติร่วมกันของคนไทย ท�าให้คนไทยเกิดส�านึกใน
ความเปน็ อนั หนง่ึ อันเดียวกัน
73
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยมีขอดีอยางไร 1 อคั รศาสนปู ถมั ภก พระมหากษตั รยิ ไ ทยทรงเปน พทุ ธมามกะ คอื ทรงนบั ถอื
1. ถกู ลดิ รอนสทิ ธเิ สรภี าพจากภาครฐั พระพทุ ธศาสนา อกี ทงั้ ยงั ทรงเปน อคั รศาสนปู ถมั ภก คอื ทรงใหก ารอปุ ถมั ภค าํ้ ชู
2. มอี สิ ระในการแสดงความคดิ เหน็ อยา งสรา งสรรค ศาสนาอ่ืนๆ ท่มี อี ยูในประเทศโดยไมม ีการแบง แยก
3. การพจิ ารณาใชเ วลานานเพราะคนสว นใหญต อ งเหน็ ชอบ 2 จอมทัพไทย พระมหากษัตริยไทยทรงดํารงตําแหนงจอมทัพไทยตามที่
4. มกี ารรวมตวั จดั ตงั้ พรรคการเมอื งโดยมผี ลประโยชนแ อบแฝง รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยบัญญัติไว ซ่ึงถือวาพระองคทรงเปนผูบังคับ
บญั ชาสงู สดุ ของทุกเหลาทพั ในกองทัพไทย
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ขอ ดีของประชาธิปไตย คอื ทกุ คน
มีอสิ ระในการแสดงความคิดเห็นของตนในทางสรางสรรคได)
T83
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ò. ปเ ปรระยีชาบธเทปิ ยีไตบยการปกครองของไทยกบั ประเทÈทป่ี กครองแบบ
18. ครูใหนกั เรียนทาํ ใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง รปู แบบ ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็มีความแตกต่างกัน
การปกครองในยุคปจจุบัน และใบงานท่ี ในรายละเอยี ด ในทน่ี ยี้ กตวั อยา่ งเปรยี บเทยี บการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของประเทศในทวปี
5.2 เร่ือง การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย เอเชยี ๔ ประเทศ ซ่งึ มีวฒั นธรรมและวถิ ีการด�าเนินชีวติ คล้ายคลึงกนั ไดแ้ ก่ ราชอาณาจักรไทย
จากนั้นนักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบ มาเลเซยี สาธารณรัฐฟิลิปปนิ ส ์ และสาธารณรัฐสงิ คโปร ์ โดยวเิ คราะห์โครงสรา้ งทางการปกครอง
ความถกู ตองของใบงาน ที่ส�าคญั ดงั นี้
19. ครูใหอาสาสมคั รนักเรยี น 2-3 กลุม นาํ เสนอ ราชอาณาจกั รไทย มาเลเซีย
ผลงานในใบงานหนา ชนั้ เรยี น และใหก ลมุ อนื่
ท่มี ผี ลงานทีแ่ ตกตา งกนั ไดน ําเสนอเพมิ่ เตมิ รัฐเด่ยี วหรือเอกรัฐ แบบราชอาณาจักร รูปแบบของรฐั รัฐรวมแบบสหพนั ธรัฐ
20. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่เก่ียวกับรูปแบบ ระบอบประชาธิปไตยในระบบรฐั สภา รูปแบบ ระบอบประชาธิปไตยในระบบรฐั สภา
การปกครองในปจจุบันและการเปรียบเทียบ การปกครอง • แบ่งเขตการปกครองเป็นเขตรัฐบาล
การปกครองของไทย ในแบบฝกสมรรถนะฯ • แบ่งเขตการปกครอง ๗๖ จังหวัด
หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3 เพ่ือเปนการบานสงครู แหง่ รฐั ๑๓ รัฐ
ในชวั่ โมงถัดไป และกรงุ เทพมหานครเปน็ การปกครอง
ท้องถน่ิ รูปแบบพิเศษ พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข โดยได้
ขนั้ สรปุ
พระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ครองราชย์ ประมขุ รับเลือกจากการประชุมสุลต่าน ๙ รัฐ
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ตามกฎมณเฑยี รบาลวา่ ดว้ ยการสืบ หมุนเวียนวาระละ ๕ ปี
รปู แบบการปกครองในปจ จบุ นั และการเปรยี บเทยี บ ราชสนั ตตวิ งศ์
การปกครองของไทย หรอื ใช PPT สรปุ สาระสาํ คญั นายกรัฐมนตรี
ของเน้ือหา ตลอดจนความสําคัญตอการดําเนิน นายกรฐั มนตรี ผนู้ �าฝา ยบริหาร ระบบสองสภา
ชีวิตประจาํ วนั
ระบบสองสภา • สภาผู้แทนราษฎร จ�านวน ๒๒๒
รัฐสภา
• สภาผแู้ ทนราษฎร จ�านวน ๕๐๐ คน รฐั สภา คน มาจากการเลือกต้ังโดยตรงจาก
มวี าระ ๔ ปี
ประชาชน มวี าระ ๕ ปี
- มาจากการเลอื กตัง้ แบบแบ่งเขต • วุฒิสภา จา� นวน ๗๐ คน มาจากการ
จ�านวน ๓๕๐ คน แตง่ ตัง้ มีวาระ ๖ ปี
- แบบบญั ชีรายชือ่ จ�านวน ๑๕๐ คน
• วฒุ สิ ภา จา� นวน ๒๐๐ คน มวี าระ ๕ ปี มหี ลายพรรค แต่จดั ต้ังรัฐบาล
แบบพรรคเดียว
มาจากการเลือกต้ังกันเองของบุคคล
ทม่ี คี วามร ู้ความเชยี่ วชาญ ประสบการณ์
อาชีพที่หลากหลายในสังคม (ในระยะ
แรกมีจ�านวน ๒๕๐ คน)
มหี ลายพรรค จดั ตั้งรัฐบาลผสม พรรคการเมือง
74
บูรณาการอาเซียน กจิ กรรม สรา งเสรมิ
ประเทศสมาชิกอาเซียนมีระบบการเมืองการปกครองท่ีแตกตางกันไป นักเรียนแบงกลุมศึกษาคนควาเพิ่มเติมเก่ียวกับการปกครอง
ประเทศที่มีรูปแบบการปกครองที่คลายคลึงกับประเทศไทย ไดแก ประเทศ ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย มาเลเซีย ฟลิปปนส
กมั พูชา กลา วคือ ปกครองโดยระบอบประชาธปิ ไตยโดยมพี ระมหากษตั ริยท รง และสิงคโปรเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน แลววิเคราะหถึงความ
เปนประมุขภายใตรัฐธรรมนูญ (ระบบสภาคู : สภาผูแทนราษฎรและวุฒิสภา) แตกตา งในรายละเอยี ด ทง้ั โครงสรา งทางการปกครอง ระบบในการ
และมาเลเซยี ปกครองแบบประชาธิปไตยแบบรฐั สภาอันมพี ระมหากษตั ริยทรง ดําเนนิ การตางๆ แลว ออกมาสรุปตามความเขาใจหนาชนั้ เรียน
เปน ประมขุ ภายใตร ฐั ธรรมนญู การปกครองอยใู นรปู แบบสหพนั ธรฐั ประกอบดว ย
นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีเปนผูนําสูงสุดของฝายบริหาร
ตามระบบรัฐสภา (ระบบสภาคู : สภาผูแทนราษฎรและวฒุ สิ ภา)
T84
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
สาธารณรฐั ฟล ปิ ปนส สาธารณรัฐสิงคโปร ขน้ั ประเมนิ
รฐั เดี่ยวหรอื เอกรัฐ แบบสาธารณรัฐ รปู แบบของรฐั รัฐเดี่ยวหรือเอกรฐั แบบสาธารณรัฐ 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
มรี ฐั บาลเพียงแห่งเดียว มีรฐั บาลเพียงแหง่ เดยี ว การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนาชั้นเรยี น
2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก
สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.3
ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบ รูปแบบ ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบรฐั สภา
ประธานาธบิ ดี การปกครอง • แบง่ เขตการปกครองส่วนท้องถิน่ เป็น
• แบ่งเขตการปกครอง ๑๘ เขต ๕ ภาค
๘๑ จงั หวัด
ประธานาธบิ ดีมาจากการเลอื กต้ังจาก ประมขุ ประธานาธิบดมี าจากการเลือกตง้ั
ประชาชน มีวาระ ๖ ปี โดยตรงจากประชาชน มวี าระ ๖ ปี
ประธานาธบิ ดีมีคณะรฐั มนตรี ผู้นา� ฝายบรหิ าร นายกรัฐมนตรี
รว่ มบรหิ าร
ระบบสองสภา รัฐสภา ระบบสภาเดี่ยว
• สภาผแู้ ทนราษฎร จา� นวน ๓๐๔ คน • สมาชกิ รฐั สภา จา� นวน ๑๐๑ คน
- มาจากการแบง่ เขตเลอื กตงั้ ๘๙ คน
มีวาระ ๓ ป ี มาจาก มวี าระ ๕ ปี
- การเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน - มาจากการแต่งตั้ง (ไมส่ ังกดั เขต
จา� นวน ๒๔๓ คน
- แบบบัญชีรายชื่อ จา� นวน ๖๑ คน เลือกต้งั ) เกณฑข์ น้ั ต�่า ๓ คน
• วฒุ สิ ภา จ�านวน ๒๔ คน มาจากการ (ไม่เกิน ๙ คน) มวี าระ ๕ ปี
เลือกตงั้ มีวาระ ๖ ปี - มาจากการแตง่ ตง้ั โดยประธานาธบิ ด ี
๙ คน มวี าระ ๒ ปคี รง่ึ
มหี ลายพรรคการเมอื ง พรรคการเมอื ง มหี ลายพรรคการเมอื ง
การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของประเทศไทยกบั ประเทศอน่ื ๆ ในโลก มที ง้ั ความเหมอื น
และความแตกตา่ งกนั ในรายละเอยี ดตามบรบิ ทของแตล่ ะประเทศ ทงั้ น ้ี ไดย้ ดึ หลกั การเดยี วกนั คอื
การใหค้ วามสา� คญั ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน การมสี ทิ ธเิ สรภี าพและความเสมอภาค และการมสี ว่ นรว่ ม
ของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยยังคงมีปัญหาความวุ่นวาย
ทางการเมอื ง การรฐั ประหารยดึ อ�านาจ และการทจุ รติ คอร์รปั ชัน ท�าให้การเมืองไมม่ เี สถยี รภาพ
สง่ ผลกระทบต่อการพฒั นาทางการเมอื งการปกครองและการพัฒนาประเทศ
75
ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
ขอใดกลาวถกู ตอง ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง รูปแบบการปกครอง
1. ประเทศไทยและฟล ปิ ปน สม นี ายกรฐั มนตรเี ปน ประมขุ ฝา ยบรหิ าร ในปจจุบันและการเปรียบเทียบการปกครองของไทย ไดจากการตอบคําถาม
2. ระบบรฐั สภาของประเทศสงิ คโปรแ ละมาเลเซยี เปน ระบบสภาเดย่ี ว การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑ
3. ประเทศไทยและมาเลเซยี มกี ารปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบทายแผน
การจัดการเรยี นรหู นว ยท่ี 5 เรอื่ ง การเมอื งการปกครองในปจ จุบัน
ในระบบสองสภา
4. ระบบพรรคการเมืองในประเทศฟลิปปนสและมาเลเซียเปน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
ระบบพรรคการเมอื งเดยี ว คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งที่
ตรงกับระดบั คะแนน
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ประเทศไทยและมาเลเซียมีการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาท่ีคลายคลึงกัน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
เปนระบบสองสภา คือ สภาผแู ทนราษฎรและวฒุ ิสภา) 32
1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเรื่อง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม
รวม
ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง
T85