The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Amorn Nanthawikron, 2021-02-14 21:22:18

2313224TM-สังคมรวม-ม3

2313224TM-สังคมรวม-ม3

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาำ (5Es Instructional Model) ๓. รัฐธรรมนูญฉบบั ปัจจุบันกบั การเลือกตั้ง การมีส่วนรว่ ม

ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ ของประชาชน และการตรวจสอบอÓนาจรฐั

1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเร่ือง รฐั ธรรมนญู เป็นกฎหมายสงู สุดในการปกครองประเทศ โดยรฐั ธรรมนูญทุกฉบับไดใ้ ห้ความ
ทีจ่ ะเรียนรู จดุ ประสงคการเรยี นรู และผลการ สา� คญั ตอ่ แนวทางการปฏบิ ตั ิ การดา� เนนิ งานตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วกบั การเมอื งการปกครอง เพอ่ื ใหม้ แี บบแผน
เรยี นรู ชดั เจนและเกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ปจั จบุ นั ประเทศไทยประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย
พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ เปน็ ฉบบั ที ่ ๒๐ ได้มีบทบญั ญัตเิ กีย่ วกับการเลือกตั้ง การมีสว่ นรว่ มทางการ
2. ครูนําขาวทางการเมืองมาสนทนา เชน การ เมืองของประชาชน และการตรวจสอบการใชอ้ �านาจรฐั ดังนี้
เลือกตั้ง ประเด็นตางๆ ทางการเมืองของ
ฝายคานและฝายรัฐบาล ครูใหคําแนะนํา 3.๑ การเลอื กตัง้
นักเรียนอยางเปนกลาง และใหนักเรียนใช
วิจารณญาณอยางมีเหตุผล มีขอมูลในการ การไปเลือกต้ังเป็นหน้าท่ีของคนไทยทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง เม่ือมีอายุไม่ต่�ากว่า ๑๘ ปี
รับฟง รับชมขาวทางดา นการเมือง ในวนั เลอื กตง้ั ทง้ั เลอื กตงั้ ในระดบั ทอ้ งถน่ิ และระดบั ประเทศ โดยมคี ณะกรรมการการเลอื กตง้ั (กกต.)
เป็นผูด้ า� เนินการจัดการเลือกต้งั อยา่ งยตุ ิธรรมและโปร่งใส
3. ครูกระตุนนักเรียนดวยการถามคําถามใน
ประเดน็ เชน ๑) ลกั ษณะของการเลอื กตง้ั การเลอื กตง้ั ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหก้ ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
• ทําไมประชาชนชาวไทยจึงตองไปใชสิทธิ
เลอื กตง้ั ด�าเนินไปอยา่ งราบร่ืนและมีเสถียรภาพ จะต้องมีลกั ษณะ ดงั นี้
• การตรวจสอบการใชอํานาจรัฐท้ังในระดับ ๑. เป็นการเลอื กตง้ั ทใ่ี ห้สิทธเิ สรภี าพแก่ประชาชนอยา่ งเตม็ ท่ี และเป็นไปตามกา� หนด
ชาตแิ ละระดบั ทอ งถน่ิ สามารถทาํ ไดอ ยา งไร เวลาท่ีบัญญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู
บา ง ๒. เป็นการเลือกต้ังที่ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ คือ การท่ีประชาชน
ผมู้ ีสทิ ธเิ ลือกตงั้ ลงคะแนนเสียงด้วยตนเอง เพ่อื เลือกคนทีต่ นเองเห็นว่ามคี วามเหมาะสม โดยไม่
เปดิ เผยให้ผู้อ่ืนทราบวา่ ได้ลงคะแนนให้ใคร พรรคใด
๓. มีการโฆษณาประชาสัมพันธต์ ามสอ่ื ต่าง ๆ เชญิ ชวนใหป้ ระชาชนไปใช้สิทธิเลอื กตงั้
อยา่ งพรอ้ มเพรยี ง เปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ ในหลายประเทศรวมถงึ ประเทศไทย ไดก้ า� หนดใหก้ ารเลอื กตงั้
เป็นหน้าท่ีของประชาชน ซ่ึงถ้าหากผ้ใู ดไม่ไปเลือกตัง้ ก็จะเสยี สิทธบิ างประการ
๔. เปน็ การเลอื กตัง้ ท่ีมคี วามยุตธิ รรมตอ่ บุคคลทุกฐานะ ทุกคนตา่ งมีสทิ ธิเทา่ เทยี มกัน
ในการออกไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ การเลอื กตงั้ จะตอ้ งด�าเนนิ ไปอยา่ งบรสิ ทุ ธแิ์ ละโปรง่ ใส ดงั นน้ั ในหลาย
ประเทศรวมถึงประเทศไทยจงึ ได้ก�าหนดให้มคี ณะกรรมการการเลือกตัง้ (กกต.) เป็นผดู้ �าเนนิ การ
จดั การเลือกต้งั ควบคมุ ดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเลือกตง้ั และตรวจสอบใหก้ ารเลือกตงั้ มคี วาม
บรสิ ทุ ธิ ์ โปรง่ ใส และเท่ยี งธรรม หากกอ่ นการประกาศผลการเลือกตงั้ คณะกรรมการการเลือกต้ัง
เห็นว่าการเลือกตั้งน้ันไม่โปร่งใสหรือมีการด�าเนินการอย่างทุจริต ก็มีอ�านาจในการส่ังให้นับ
คะแนนใหมห่ รอื ทา� การเลอื กตัง้ ใหมไ่ ด้ หากมหี ลักฐานอืน่ ควรเชือ่ ไดว้ ่ามีการทจุ ริตการเลอื กต้งั

76

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูเลาสถานการณการเลือกตั้งระดับประเทศ เชน การเลือกตั้งสมาชิก หลกั การปกครองทีด่ ีทสี่ ุดในทุกระบอบคือขอ ใด
สภาผูแทนราษฎร เพ่ือใหนักเรียนรวมกันวิเคราะห จากน้ันครูตั้งคําถามวา 1. มรี ัฐบาลท่ตี งั้ ขน้ึ ตามแนวนโยบายแหง รฐั
“ทําอยางไรการซื้อเสียงจึงจะหมดไป และมีการเลือกตั้งอยางบริสุทธิ์ยุติธรรม” 2. มีกฎหมาย มศี ีลธรรม และมคี วามยุตธิ รรม
โดยใหนกั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ อยา งหลากหลาย 3. รัฐบาลแถลงนโยบายและวาระแหง ชาติชดั เจน
4. ประชาชนมคี วามรคู วามเขา ใจและเคารพในกฎหมาย
สื่อ Digital
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. กฎหมายเปนกฎเกณฑ กติกา
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั คณะกรรมการการเลอื กตงั้ (กกต.) ไดท ี่ หรือมาตรฐานที่ใชเปนแนวทางพื้นฐานในการอยูรวมกันในสังคม
https://www.ect.go.th/ect_th/ เพอื่ ใหส มาชกิ ประพฤตปิ ฏิบตั ติ าม ศีลธรรม คือ ความประพฤตดิ ี
ประพฤติชอบ และความยุติธรรม คือ ความเท่ียงธรรม ความ
ชอบธรรม ความชอบดวยเหตุผล หากยึดหลักท้ัง 3 น้ีแลว
การปกครองประเทศไมว า จะระบอบใดกเ็ ปน ไปอยางราบร่ืน)

T86

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒) การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรตามรฐั ธรรมนญู ฉบบั ปจ จบุ นั รฐั ธรรมนญู ขนั้ สอน

ก�าหนดให้มจี �านวนสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจา� นวน ๕๐๐ คน มาจากการเลือกตั้ง ๒ แบบ ไดแ้ ก่ ขัน้ ที่ 2 สำารวจคน้ หา

แบบแบง เขตเลอื กตง้ั 1 ๓๕๐ คน แบบบัญชีรายชือ่ิ 2 ๑๕๐ คน 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม ศึกษาคนควาขอมูล
จากหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจาก
• ทัว่ ประเทศแบง่ เป็น • พรรคการเมืองเสนอรายชอ่ื แหลง การเรียนรอู ื่นๆ เชน หนงั สอื ในหอ งสมดุ
๓๕๐ เขต สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร • ส่งรายช่ือให้คณะกรรมการ เวบ็ ไซตในอินเทอรเ นต็ ในประเดน็ ดงั นี้
• แตล่ ะเขตม ี สส. ๑ คน (สมสา.)จ าจกาํ กนาวรนเ ล๕อื ๐ก๐ต งั้ คน • ราสยกสชา.แร่อื บเตลบ้อือแงกบไตม่งั้ง่ซเ ขา้� กตก่อับนแเบปบิดแรบับง่สเมขัคตร • การเลอื กตัง้
• • การมสี วนรวมทางการเมอื งของประชาชน
ผู้ไดร้ บั คะแนนสูงสุดและคะแนน • การตรวจสอบการใชอาํ นาจรัฐ
สูงกวา่ คะแนนไม่เลอื กผใู้ ด • บทบญั ญัติเกี่ยวกับรฐั บาล
ได้เปน็ สส. • การลงคะแนนเลอื กตง้ั ใชบ้ ตั รใบเดยี วกบั
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเช่ือถือ
ใหกบั นกั เรยี นเพ่มิ เติม

การเลือกตงั้ แบบแบ่งเขต
• คา� นวณจ�านวน สส.ทไ่ี ด้รับจากการจัดสรร
คะแนนทีป่ ระชาชนเลอื ก สส.ทั่วประเทศ

คุณสมบตั ิ หนา้ ที่

• มีสญั ชาติไทยโดยการเกดิ • อ อกกฎหมายเพอ่ื ประโยชนข์ อง
• มอี ายไุ ม่นอ้ ยกวา่ ๒๕ ป ประเทศชาติและประชาชน
• เปน็ ผเู้ ลอื กบคุ คลทจี่ ะไปดา� รงตา� แหนง่
นบั ถึงวันเลือกตงั้ เป็นนายกรฐั มนตรี
• เป็นสมาชกิ พรรคการเมอื งเดียว
ติดต่อกัน ไมน้อยกวา ๙๐ วนั • ควบคมุ การบริหารราชการแผ่นดิน
นับถงึ วนั เลอื กตั้ง • จ ัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนา
• สส.แบบแบ่งเขตเลือกต้ัง จะต้องมี ประเทศ
ลกั ษณะอยา่ งใดอย่างหน่งึ เช่น มชี ่ือ • ดูแลความเป็นอยู่และน�าปัญหาความ
อยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดท่ีสมัคร เดอื ดรอ้ น ความตอ้ งการของประชาชน
ติดต่อกัน ไมน้อยกวา ๕ ป นับถึง เสนอตอ่ รฐั บาล
วันสมัครรับเลือกตั้ง เคยมีชื่ออยู่ใน
ทะเบียนบ้านในจังหวัดที่ลงสมัคร
ติดตอ่ กัน ไมน อ้ ยกวา ๕ ป

77

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ขอใดกลาวถกู ตองเกี่ยวกบั การเลือกตั้งของไทย 1 แบบแบง เขตเลอื กตงั้ ระบบการเลอื กตงั้ แบบแบง เขต หมายถงึ การเลอื กตง้ั
1. การเลอื กต้ังเปน หนา ทอ่ี ยา งหนง่ึ ของคนไทย ท่ีใหความสําคัญกับจํานวนผูแทนท่ีจะไดรับการเลือกต้ังกับเขตพ้ืนท่ีท่ีมีการ
2. การเลอื กตง้ั เปน สทิ ธิเฉพาะของคนกลุมหนึ่งเทานัน้ เลอื กตง้ั ซ่งึ มกี ารนาํ คะแนนทปี่ ระชาชนไดล งคะแนนในเขตนนั้ มารวมกัน เพื่อ
3. การลงคะแนนเสยี งเลือกตัง้ จะตอ งกระทําโดยเปดเผย กาํ หนดวา ใครจะเปน ผูแทนของเขตน้นั
4. การนอนหลบั ทับสิทธไิ์ มมีผลทางกฎหมายแตอ ยางใด 2 แบบบญั ชรี ายชอ่ื การเลอื กตง้ั ระบบบญั ชรี ายชอื่ เปน รปู แบบของการเลอื กตง้ั
แบบสัดสวน ที่มุงเนนความสัมพันธระหวางคะแนนเสียงหรือความนิยม
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การเลอื กตงั้ เปน หนาท่ขี องคนไทย จากประชาชนกบั ทน่ี ง่ั ทพี่ รรคการเมอื งจะไดร บั ในฐานะสมาชกิ รฐั สภา โดยทวั่ ไป
ทกุ คนในระบอบประชาธปิ ไตย ทเ่ี ราตอ งไปใชส ทิ ธลิ งคะแนนเสยี ง อยูในรูปแบบของการเลือกจากบัญชีรายชื่อผูสมัครของพรรค ซ่ึงมีรูปแบบท่ี
เลือกตั้ง เพื่อเลือกตัวแทนเขาไปทําหนาท่ีปกปองผลประโยชน แตกตางกัน
และดแู ลทุกขสุขของประชาชน)

T87

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน เม่ือมีพระราชกฤษฎีกาก�าหนดให้มีการเลือกตั้ง ภาคประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ
จะตอ้ งปฏบิ ัต ิ ดังน้ี
ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (กกต.)1
ภาครัฐ คณะกรรมการการเลอื กตงั้
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ๑ จดั ใหม กี ารเลือกตัง้ ทใ่ี หสิทธเิ สรภี าพ ๓ ใหค วามรูแกป ระชาชนเขาใจในสทิ ธเิ สรภี าพของ
ระหวางกัน แกป ระชาชนอยา งเต็มทแี่ ละเปนไป ตนเองในการเลือกผูแทน ขอ ดีของการเลอื ก
ตามกําหนดเวลาที่บญั ญัติในรัฐธรรมนญู คนดี คนทชี่ อบ และขอเสียของการไมไปใชส ิทธิ
2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล และการซื้อสทิ ธิขายเสียง
ทน่ี าํ เสนอเพ่ือใหไดข อมูลทถ่ี ูกตอ ง ๒ มกี ารโฆษณาประชาสัมพันธ เชญิ ชวน
ใหประชาชนไปใชส ิทธิเลือกต้งั ๔ จดั ใหม ีการเลอื กตัง้ ทีม่ คี วามยตุ ิธรรม
3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล โปรงใส และตรวจสอบได
หนาชั้นเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย
และตอบคาํ ถามรวมกัน ภาคประชาชน ผูม ีสทิ ธิเลือกต้ังตอ งมสี ัญชาตไิ ทย อายไุ มตํ่ากวา ๑๘ ป ในวนั เลอื กตัง้
มีช่ืออยูในทะเบียนบานในเขตเลือกต้ังไมนอยกวา ๙๐ วัน นับถึงวัน
4. ตวั แทนกลมุ : การเลอื กตงั้ ออกมาสรปุ ผลการ เลือกตั้ง
ศึกษา สมาชิกกลุมอื่นๆ รวมกันแสดงความ
คิดเห็นและเสนอแนะ ๑ ตรวจสอบรายชอื่ จากหนงั สือ
ท่ี กกต.แจงไปทีบ่ านและ
5. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว มกนั และสมุ ตวั แทน หนาหนว ยเลือกตัง้
นักเรยี นเพ่ือตอบคาํ ถาม เชน
•ï การเลอื กตง้ั มคี วามสาํ คญั ตอ คนไทยอยา งไร ตดิ ตามขาวสารการเลอื กตัง้ ๒ ยืน่ บตั รประจาํ ตัวประชาชน
(แนวตอบ เปนการเลือกตัวแทนเขาไปทํา และผลงานของผสู มัคร เพ่ือแสดงตนใชสทิ ธิ รับบัตร
หนาทบี่ รหิ ารในระดับตา งๆ) จากเจาหนาที่ และลงลายมอื ชื่อ


เดนิ เขาคหู า กา ✗ ลงในชองทํา ๔
พบั บัตรและหยอนใสหีบ
เคร่ืองหมายเบอรท ีต่ อ งการเลือก เลอื กตัง้

๖ ข่าว
ตดิ ตามผลการเลอื กตงั้ ทหี่ นา หนวย ติดตามผลงานของผูแ ทนทีไ่ ด
รับเลือกและตรวจสอบการทาํ งาน
78เลือกตั้งหรือทางสื่อตา ง ๆ

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด

1 คณะกรรมการการเลอื กตงั้ (กกต.) เหตผุ ลสาํ คญั ของการกําหนดใหมคี ณะ พฤติกรรมใดเปนการแสดงออกทางการเมืองที่ถูกตองตาม
กรรมการการเลือกต้ังขึ้น ก็เพ่ือทําหนาทดี่ ูแลการเลือกต้ังในทุกระดับใหเปนไป รัฐธรรมนูญ
อยางบรสิ ุทธิ์และยตุ ธิ รรม โดยคณะกรรมการการเลือกตงั้ มีอาํ นาจหนาที่ในการ
ควบคุมและดําเนินการจัดหรือจัดใหมีการเลือกต้ัง หรือสนับสนุนการสรรหา 1. ฉีกบตั รเลือกต้ัง
สมาชิกสภาผูแทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาทองถ่ิน และผูบริหาร 2. วจิ ารณการเมืองดว ยถอ ยคํารนุ แรง
ทองถ่ิน รวมทั้งการออกเสยี งประชามติใหเปน ไปโดยสจุ ริตและเที่ยงธรรม 3. เขา รว มชุมนมุ ทางการเมืองอยางสงบ
4. ทาํ ลายสาธารณสมบัตเิ พื่อประทวงรฐั บาล

(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การเขารวมชุมนุมทางการเมือง
อยา งสงบ เปน การแสดงออกทางการเมอื งทถี่ กู ตอ งตามรฐั ธรรมนญู
เพราะเปนการใชสทิ ธขิ องตนโดยชอบและไมสรา งความเดอื ดรอ น
ใหแ กผอู ่นื )

T88

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3.๒ การมสี วนรว มทางการเมอื ง1ของประชาชน ขนั้ สอน

การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยเปน็ การปกครองเพอ่ื ใหป้ ระชาชนอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งเสมอภาค ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้
เท่าเทียมกันอย่างมีความสุข ดังนั้น การมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองของประชาชนจึงมี
ความสา� คัญอยา่ งยง่ิ รัฐธรรมนญู ฉบบั ปัจจุบนั จงึ ไดบ้ ญั ญัตกิ ารมสี ่วนร่วมของประชาชน ดังน้ี 6. ตัวแทนกลุม : การมีสวนรวมทางการเมือง
๑. ประชาชนสามารถเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มโดยตรงในการเสนอกฎหมายและนโยบาย เชน่ ของประชาชน ออกมาสรุปผลการศึกษา
ก�าหนดให้การไปใช้สิทธิเลือกตั้ง การลงประชามติ เป็นหน้าทีข่ องคนไทยทตี่ อ้ งมีหน้าที่ไปใช้สิทธิ สมาชิกกลุมอื่นๆ รวมกันแสดงความคิดเห็น
สามารถเลือกลงมติได้อยา่ งอสิ ระ โดยค�านึงถงึ ผลประโยชน์ของประเทศเป็นส�าคัญ และเสนอแนะ จากน้ันครูสุมตัวแทนนักเรียน
๒. ประชาชนและชุมชนมีสิทธิเข้าชื่อเพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐ ให้ด�าเนิน เพื่อตอบคาํ ถาม เชน
การท่ีเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือชุมชน หรืองดเว้นไม่ด�าเนินการส่ิงท่ีจะก่อให้เกิดผลเสียต่อ ï• ถา คนไทยไมใ หค วามสาํ คญั กบั การเลอื กตงั้
ประชาชน ชุมชน และหน่วยงานรัฐต้องพิจารณาข้อเสนอแนะน้ันโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม บา นเมอื งจะเปนอยา งไร
พิจารณาด้วย (แนวตอบ ไมไดคนดีเขาไปบริหารบานเมือง
๓. สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษ ์ ฟนื ฟ ู และสง่ เสรมิ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ทําใหอํานาจตกอยูกับคนบางกลุม ซ่ึง
ศลิ ปวฒั นธรรม และจารตี ประเพณีอันดงี าม ตอ ไปอาจกลายเปน กลมุ ผกู ขาด นาํ ไปสกู าร
๔. ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการด�าเนินการ และได้รับ ปกครองระบอบเผด็จการ)
ประโยชนใ์ นการคมุ้ ครอง บา� รงุ รกั ษาฟนื ฟูทรพั ยากรธรรมชาติ ï• นกั เรยี นเคยเขา รว มกจิ กรรมทางการเมอื งใด
๕. สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรว่ มรณรงค ์ ปอ้ งกนั ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ และชเ้ี บาะแสการทจุ รติ บา ง
๖. สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาประเทศดา้ นตา่ ง ๆ การจดั ทา� บรกิ าร (แนวตอบ เชน เขา รว มกจิ กรรมของทอ งถ่นิ
สาธารณะ การตรวจสอบการใช้อา� นาจรัฐ การตอ่ ต้านการทจุ รติ รวมทง้ั การตดั สินใจทางการเมอื ง เพ่ือรณรงคการใชส ทิ ธเิ ลอื กตั้ง)
และการอื่น ๆ ทอ่ี าจมผี ลกระทบต่อประชาชน
การมีส่วนร่วมของประชาชนที่กล่าวมา แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทยให้ความส�าคัญต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนเป็นอย่างมาก
ซึ่งเปน็ การสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มทางการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอยา่ งแทจ้ ริง

3.3 การตรวจสอบการใชอาํ นาจรฐั

การตรวจสอบการใชอ้ า� นาจรฐั ตามรฐั ธรรมนญู เปน็ การใชอ้ า� นาจตลุ าการในการพพิ ากษาคด ี
และการท�าหน้าที่ขององค์กรอิสระในการตรวจสอบความถูกต้องของการท�าหน้าท่ีบริหารราชการ
แผ่นดินของรัฐและผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมือง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและคุ้มครองสิทธิ
เสรภี าพของประชาชน แบ่งออกเป็น ๔ ส่วน ไดแ้ ก่ การตรวจสอบทรพั ย์สิน การตรวจสอบการ
กระท�าที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ การถอดถอนผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมืองออกจาก
ตา� แหน่ง และการดา� เนินคดีอาญาผดู้ �ารงต�าแหนง่ ทางการเมอื ง

79

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

บทบาทการมีสวนรวมของประชาชนตามวิถีประชาธิปไตย 1 การมีสวนรวมทางการเมือง หมายถึง การที่ประชาชนไมวาจะเปนบุคคล
ขอ ใดสาํ คญั ทส่ี ดุ หรือกลุมบุคคลเขามามีสวนรวมในกิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงทางการเมือง ใน
ลักษณะของการรวมรับรู รวมคิด รวมทํา ในส่ิงท่ีมีผลกระทบตอตนเองหรือ
1. การจบั กลมุ วพิ ากษว จิ ารณร ฐั บาล ชุมชน และอยูภายใตกฎหมาย ถือเปนส่ิงที่มีความสําคัญอยางมากตอการ
2. การออกไปใชส ทิ ธทิ างการเมอื งในการเลอื กตงั้ ทกุ ครง้ั พัฒนาระบบการเมอื งการปกครอง
3. การแสดงความคดิ เหน็ ของตนผา นสอื่ สงั คมออนไลน
4. การจดั ทาํ แผน พบั รณรงคต อ ตา นการทจุ รติ คอรร ปั ชนั

(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. การใชส ิทธเิ ลอื กตง้ั เปน หนาท่ขี อง
คนไทย ผูมีสิทธิเลือกตั้งทุกคนที่จะไดใชสิทธิของตนในการเลือก
คนที่ไววางใจใหเขาไปทําหนาท่ีบริหารบานเมือง ซึ่งเปนบทบาท
ทสี่ าํ คัญในการมสี ว นรวมตามแนวทางประชาธิปไตย)

T89

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน การตรวจสอบทรพั ยสนิ
ผดู้ า� รงตา� แหนง่ ทางการเมอื ง เชน่ นายกรฐั มนตร ี รฐั มนตร ี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา ผบู้ รหิ าร
ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ ทอ้ งถ่ิน และสมาชิกสภาท้องถ่นิ เชน่ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตา� บล นายก
เทศมนตร ี ประธานสภาจงั หวัด มหี น้าท่ยี น่ื บัญชแี สดงรายการทรัพย์สนิ และหน้ีสินของตน คู่สมรส และบุตร
7. ตัวแทนกลุม : การตรวจสอบการใชอ ํานาจรัฐ ทีย่ ังไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะ ต่อคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทุกคร้งั ที่เขา้ รบั
ออกมาสรุปผลการศึกษา สมาชิกกลุมอ่ืนๆ ตา� แหนง่ หรอื พ้นต�าแหนง่
รว มกนั แสดงความคดิ เหน็ และเสนอแนะ จากนน้ั
ครสู ุมตัวแทนนกั เรียนเพือ่ ตอบคาํ ถาม เชน การตรวจสอบการกระทา� ทีเ่ ปน การขัดกันแหง ผลประโยชน
• เพราะเหตใุ ดนกั การเมอื ง ขา ราชการระดบั สงู
ตองยื่นบัญชีแสดงทรัพยสิน หน้ีสินของตน การตรวจสอบ ผดู้ า� รงตา� แหนง่ ทางการเมอื งจะตอ้ งไมก่ ระทา� การทเี่ ปน็ การขดั กนั แหง่ ผล
คสู มรส และบตุ ร ตอ สาํ นกั งานคณะกรรมการ การใช้อา� นาจรฐั ประโยชน ์ โดยไมก่ ระทา� การดงั ตอ่ ไปน ้ี เชน่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร
ปองกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ และสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือต�าแหน่งทางการเมือง
ทกุ คร้ังที่เขา รับและพนจากตาํ แหนง ตาม เข้าไปกา้ วกา่ ยหรือแทรกแซงเพอ่ื ผลประโยชนข์ องตนเอง ของ
(แนวตอบ เพ่ือปอ งกันการทจุ ริตในหนา ท่)ี รัฐธรรมนญู ไทย ผอู้ นื่ หรอื ของพรรคการเมอื ง ไมว่ า่ โดยทางตรงหรอื ทางออ้ ม
• หากรัฐบาลบริหารประเทศโดยขาดความ เช่น การปฏบิ ตั ิราชการ หรอื การดา� เนินงานในหนา้ ทีป่ ระจ�า
ชอบธรรม จะสงผลตอประเทศชาติและ ของข้าราชการ
ประชาชนในทางใด การด�าเนนิ คดีอาญาผูด้ า� รงต�าแหนง ทางการเมือง
(แนวตอบ ทาํ ใหป ระเทศพฒั นาอยา งเชือ่ งชา
สง ผลกระทบตอ คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน
เศรษฐกจิ ขาดเสถียรภาพ)

ส่อผไู้ดป�าใรนงทตา�างแทหุจนริต่งตท่อาหงกนา้ารทเ่ี ม1สือ่องวท่าี่มกีรพะฤทต�าิกครวรามมผร�่าิดรตว่อยตผ�าิดแปหกนต่งิ

หน้าท่ีราชการ ส่อว่ากระท�าความผิดต่อต�าแหน่งหน้าท่ีในการ
ยุติธรรม ส่อว่าจงใจใชอ้ า� นาจหน้าท่ีขดั ต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
หรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่าง
รา้ ยแรง โดยคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาต ิ (ป.ป.ช.)
มอี า� นาจไตส่ วนและเสนอเรอ่ื งตอ่ อยั การสงู สดุ เพอื่ ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลฎกี าแผนกคดที างอาญาของผดู้ า� รงตา� แหนง่
ทางการเมือง หรือเสนอเรอ่ื งต่อศาลฎีกาแลว้ แตก่ รณี
ทั้งน้ี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมืองมีอ�านาจพิจารณาคดีบุคคลท่ีเป็นตัวการ
ผู้ ใช้ ผู้สนับสนุน ผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมืองในการกระท�าผิดทางอาญาข้างต้น รวมท้ังผู้ ให้ ผู้ขอให้หรือ
รับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นให้กับผู้ด�ารงต�าแหน่งทางการเมืองดังกล่าว เพ่ือจูงใจให้กระท�าการ
ไม่กระทา� การ หรอื ประวงิ การกระทา� อนั มชิ อบตอ่ หนา้ ท่ี

80

นักเรียนควรรู กิจกรรม เสริมสรางคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค

1 ทจุ รติ ตอ หนา ท่ี หมายถงึ การกระทาํ อยา งใดอยา งหนง่ึ ไดแ ก 1. การปฏบิ ตั ิ นักเรียนแบงกลุมรวมกันสืบคนการตรวจสอบการใชอํานาจรัฐ
หรอื ละเวน การปฏบิ ตั อิ ยา งใดในตาํ แหนง หรอื หนา ทเ่ี พอื่ แสวงหาประโยชนท ม่ี คิ วร จากรัฐธรรมนูญฉบับปจจุบันที่ไดบัญญัติเก่ียวกับการตรวจสอบ
ไดโ ดยชอบสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู น่ื 2. การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั อิ ยา งใดใน อํานาจรัฐไวในประเด็น เชน
พฤติการณที่อาจทําใหผูอ่ืนเชื่อวามีตําแหนงหรือหนาท่ี ทั้งที่ตนมิไดมีตําแหนง
หรือหนาที่นั้น 3. การใชอํานาจในตําแหนงหรือหนาที่เพื่อแสวงหาประโยชนท่ี • การตรวจสอบทรพั ยส นิ
มิควรไดโดยชอบสําหรับตนเองหรือผูอ่ืน และ 4. การกระทําอันเปนความผิด • การตรวจสอบการกระทําที่เปนการขัดกนั แหง ผลประโยชน
ตอตําแหนงหนาที่ราชการ หรือการกระทําความผิดตอตําแหนงหนาที่ในการ • การถอดถอนจากตาํ แหนง
ยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาหรอื ตามกฎหมายอน่ื • การดาํ เนนิ คดีอาญาผูด ํารงตาํ แหนงทางการเมือง
• การดําเนินคดีอาญาตอ เจาหนาท่รี ฐั
ใหแ ตล ะกลมุ นาํ ความรทู ไ่ี ดจ ากการสบื คน มาอภปิ รายแลกเปลยี่ น
ความคดิ กันในหองเรยี น

T90

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3.4 บทบญั ญัติเก่ยี วกบั รัฐบาล ขนั้ สอน

รัฐบาลประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้น�ารัฐบาลและรัฐมนตรีอ่ืนอีกไม่เกิน ๓๕ คน ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้
ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าท่ีบริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน
รฐั บาลจงึ เป็นสว่ นสา� คัญอย่างยง่ิ ในการปกครองประเทศใหเ้ จรญิ ก้าวหน้าต่อไป 8. ตัวแทนกลุม : บทบัญญัติเกี่ยวกับรัฐบาล
ออกมาสรุปผลการศึกษา สมาชิกกลุมอื่นๆ
๑) ความจา� เปน็ ในการมรี ฐั บาลตามระบอบประชาธปิ ไตย ทกุ ประเทศในโลกอาจมกี าร รวมกันแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะ
ปกครองในระบอบทแี่ ตกต่างกนั ออกไป แต่ไม่ว่าประเทศเหลา่ น้นั จะปกครองด้วยระบอบใดกต็ าม จากนั้นครูสุมตัวแทนนักเรียนเพ่ือตอบคําถาม
ก็จ�าเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลเพื่อบริหารบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการปกครองระบอบ เชน
ประชาธิปไตย รัฐบาลมีความจ�าเป็นอย่างมากเพ่ือขับเคล่ือนในการบริหารประเทศและน�าพา ï• การเปลยี่ นแปลงรฐั บาลบอ ยครงั้ สง ผลกระทบ
เปปรน็ ะอเทยศแู่ ชลาะตคไิณุ ปภสค่าู พวาชมวี เติจ1ขรญิองกปา้ รวะหชนาา้ ชตนอ่ ทไปวั่ ไซปงึ่ รเปฐั บน็ ารลฐั ทบดี่าลนี ทนั้ ไ่ีจมะตท่ อ้จุ งรมติ นีแโลยะบมาคี ยวทาเี่มปมน็ งุ่ปมรน่ัะโใยนชกนาต์ รอ่พคฒั วานมา ตอ ประเทศอยา งไร
ประเทศอย่างแท้จรงิ (แนวตอบ สงผลกระทบตอนโยบายบริหาร
ประเทศ ทง้ั ในดา นการเมอื ง เศรษฐกจิ และ
สังคม)

๒) อา� นาจหนา้ ทแ่ี ละบทบาทของรฐั บาลในการบรหิ ารประเทศ รฐั บาลมหี นา้ ทใ่ี นการ

ยใชุท้อธา� ศนาาสจตบรร์ชิหาาตร2ิเใปน็นกเาปรบ้าหริหมาารยปกราะรเพทัฒศในหาม้ ปคี รวะาเมทสศงอบยเ่ารงยี ยบ่ังรยอ้ ืนยต าปมรหะชลาักชธนรมรมีคาวภามิบสาขุล มเพกี ่ือารใชจดั้เปท็น�า
กรอบในการจดั ท�าแผนพฒั นาตา่ ง ๆ ให้สอดคล้องและบรู ณาการกนั โดยรัฐธรรมนญู ฉบับปจั จบุ ัน
ไดบ้ ัญญตั ิหน้าที่และแนวนโยบายแหง่ รฐั ในการบริหารประเทศ สรุปได้ ดงั นี ้
๒.๑) ดา้ นความมนั่ คงและการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย รฐั ตอ้ งรกั ษาไวซ้ ง่ึ การปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ดแู ลให้การปฏบิ ัตติ ามกฎหมายและการบงั คบั
ใชก้ ฎหมายมคี วามเครง่ ครดั ไดร้ บั ความเปน็ ธรรม และใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ กระบวนการยตุ ธิ รรมได้
โดยสะดวก รวดเรว็ นอกจากน ี้ รัฐต้องสง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้ความรู้กับประชาชน ท้ังอนั ตรายทีเ่ กดิ
จากการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐและเอกชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรณรงค์

ต่อตา้ น
๒.๒) ด้านการศึกษา ด�าเนินการให้
เดก็ ทกุ คนไดร้ บั การศกึ ษาเปน็ เวลา ๑๒ ป ี ตงั้ แต่
ก่อนเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมี
คุณภาพ โดยไมเ่ กบ็ คา่ ใช้จา่ ย และส่งเสรมิ ให้มี
การเรียนรู้ตลอดชีวิต จัดให้มีและส่งเสริมการ
วิจยั และพัฒนาทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ให้
เกดิ ความร ู้ การพฒั นาและนวตั กรรม เพอ่ื ความ
เขม้ แขง็ ของสงั คมและเสรมิ สรา้ งความสามารถ
ของคนในชาติ  รัฐมีหน้าที่จัดการศึกษาให้เด็กไทยทุกคนได้รับการศึกษา
อยา่ งท่วั ถึงและเท่าเทียมกนั 8๑

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

การปฏบิ ตั ใิ นขอ ใดชว ยปลกู ฝง คา นยิ มประชาธปิ ไตยใหแ กเ ยาวชน 1 คุณภาพชีวิต องคการอนามัยโลกไดออกแบบเครื่องมือช้ีวัดคุณภาพชีวิต
1. ทงิ้ ขยะใหเ ปน ที่ ของมนุษย โดยแบงคณุ ภาพชีวิตออกเปน 4 ดาน ไดแ ก ดา นรางกาย ดานจิตใจ
2. บรจิ าคเงนิ ชว ยเหลอื นาํ้ ทว ม ดา นความสมั พันธทางสังคม และดานสิ่งแวดลอม
3. ลงคะแนนเสยี งเลอื กหวั หนา หอ ง 2 ยทุ ธศาสตรชาติ คาํ วา ยุทธศาสตรชาติ ถูกเขียนขึน้ อยางเปด เผยคร้ังแรก
4. เรยี นพเิ ศษในชว งปด ภาคเรยี นฤดรู อ น ในรัฐธรรมนญู แหงราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 6 แนวนโยบาย
แหงรัฐ มาตรา 65 ท้ังน้ีการจัดการกําหนดเปาหมาย ระยะเวลาท่ีจะบรรลุ
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การลงคะแนนเสยี งเลอื กหวั หนา หอ ง เปา หมาย และสาระทพี่ งึ มใี นยทุ ธศาสตรช าตใิ หเ ปน ไปตามหลกั เกณฑแ ละวธิ กี าร
เปนกิจกรรมที่ชวยปลูกฝงคานิยมประชาธิปไตยใหแกเยาวชน ทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ ทงั้ น้ี กฎหมายดงั กลา วตอ งมบี ทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั การมสี ว นรว ม
ใหเ ยาวชนรจู กั ใชส ทิ ธขิ องตนเองในการเลอื กผทู เ่ี หมาะสมทาํ หนา ท่ี และการรบั ฟง ความคดิ เห็นของประชาชนทุกภาคสว นอยา งท่วั ถงึ ดวย
แทนตน เปนการสง เสริมสังคมประชาธปิ ไตย)

T91

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๒.๓) ด้านการสาธารณสุข ด�าเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มี
ประสทิ ธภิ าพอยา่ งทว่ั ถงึ เสรมิ สรา้ งใหป้ ระชาชนมคี วามรเู้ กยี่ วกบั การดแู ลสขุ ภาพและการปอ้ งกนั
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ โรค เข้าถงึ การรกั ษาและพัฒนาภมู ปิ ญั ญาดา้ น
แพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด รัฐต้อง
9. นักเรียนรวมกันอภิปรายถึงหนาที่ของรัฐตอ ด�าเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพ้ืนฐานที่
ประชาชนในดา นตางๆ เชน ดานการศึกษา จา� เปน็ ตอ่ การดา� รงชวี ติ ของประชาชนอยา่ งทว่ั ถงึ
ดานสาธารณสุข ดานสาธารณูปโภค จากนนั้ ตามหลกั การพฒั นาอยา่ งยัง่ ยนื
ใหตัวแทนนักเรียนออกมานําเสนอผลการ ๒.๔) ด้านการต่างประเทศ ส่งเสริม
อภปิ รายหนาชัน้ เรยี น สมั พนั ธไมตรกี บั นานาประเทศ โดยถอื หลกั ความ
เสมอภาคในการปฏิบัติต่อกัน ไม่แทรกแซง
10. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นถึงผลดี
และประโยชนท จี่ ะเกดิ ขนึ้ กบั ประเทศจากการ
ที่รัฐบาลดําเนินการพัฒนาประเทศในดาน
ตางๆ

 รัฐมหี น้าที่ด�าเนนิ การด้านสาธารณสุขทม่ี ีมาตรฐาน กจิ การภายในของกนั และกนั ใหค้ วามรว่ มมอื กบั
เพอื่ ให้ประชาชนเข้าถึงการรกั ษาสขุ ภาพที่ดี องคก์ รระหวา่ งประเทศ และคมุ้ ครองผลประโยชน์

ของชาตแิ ละของคนในประเทศ
๒.๕) ด้านครอบครัว เสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว จัดให้มีท่ีอยู่ที่เหมาะสม
ส่งเสริมการพฒั นาสุขภาพ เพ่ือการมสี ุขภาพกายและจติ ใจท่ีเข้มแข็ง สง่ เสรมิ ดา้ นกฬี า ให้ความ
ชว่ ยเหลอื เด๒ก็ .๖ ส) ตดร้า ี นเยสาทิ วธชผิ นบู้ รผโิ ู้สภูงคอ1 าใยหุ ค้ควนาพมกิ คาุ้มรค ผรอู้ยางแกลไระ้ พใหิท้สักาษม์สาทิ รธถิขดอ�างรผงชูบ้ วีรติิโภไดค้อ ยเชา่ ่นงม ีคดณุ้านภกาาพร
รบั รู้ข้อมลู ทีเ่ ปน็ จรงิ ด้านความปลอดภัย ด้านความเป็นธรรมในการทา� สญั ญา และอ่นื ๆ ที่เป็น
ประโยชนต์ อ่ ผบู้ ริโภค
๒.๗) ดา้ นเศรษฐกจิ และการคลงั จดั ระบบเศรษฐกจิ ใหป้ ระชาชนมโี อกาสไดร้ บั ประโยชน์
จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สามารถพ่ึงพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง จัดหรือด�าเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพ้ืนฐานท่ีจ�าเป็นต่อการด�ารงชีวิต
ของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามารถ
ในการทา� งานอยา่ งเหมาะสมกบั ศกั ยภาพและวยั และการมงี านทา� คมุ้ ครองแรงงานใหไ้ ดร้ บั ความ
ดป�าลรองดชภวี ัยติ แ คลมุ้ะมคสีรขุองอกนาารมใชยั ทแ้ ร่ดี งใี งนากนา รรทักา�ษงาาวนนิ มยั ทรี าายงไกดา้ รสเงวินสั กดาิกราครล แงั 2ลอะยสา่ ทิงเธคิปรรง่ ะคโรยดัช นเพ์ทือ่ี่เหใหมฐ้าาะแนกะทก่ าารง
การเงินการคลงั ของประเทศมเี สถียรภาพและมัน่ คง
นอกจากน ้ี รฐั บาลยงั มบี ทบาทหนา้ ทเ่ี พอ่ื การรกั ษาเสถยี รภาพทางดา้ นเศรษฐกจิ ใหม้ คี วาม
เจรญิ เตบิ โตอยา่ งมน่ั คง ลดความเหลอื่ มลา�้ ของประชาชนในประเทศ วางแผนพฒั นาเศรษฐกจิ สง่ เสรมิ
กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของประชาชนในประเทศ สง่ เสรมิ การลงทนุ ทงั้ ในประเทศและระหวา่ งประเทศ
8๒จดั ใหม้ สี าธารณปู โภคและโครงสรา้ งพนื้ ฐานทจ่ี า� เปน็ เชน่ ถนน ไฟฟา้ ประปา

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 ดานสิทธิผูบริโภค ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายคุมครองผูบริโภคไดบัญญัติ ขอ ใดแสดงใหเ หน็ ถงึ การมสี ว นรว มทางการเมอื งของประชาชน
สทิ ธขิ องผบู ริโภคทจี่ ะไดร ับความคุมครองตามกฎหมาย 5 ประการ ดงั น้ี ไดถกู ตองท่สี ดุ

1. สิทธิที่จะไดรับขาวสารรวมท้ังคําพรรณาคุณภาพท่ีถูกตองและเพียงพอ 1. ประชาชนรว มกนั เสนอแนวทางพฒั นาประชาธปิ ไตย
เกี่ยวกบั สินคาหรือบรกิ าร 2. ประชาชนท่ีจบปริญญาเทาน้ันสามารถมีสวนรวมทางการ

2. สิทธิท่ีจะมีอสิ ระในการเลือกหาสนิ คาหรือบริการ เมอื งได
3. สทิ ธิที่จะไดรบั ความปลอดภัยจากการใชสนิ คา หรอื บรกิ าร 3. ประชาชนในเขตเมอื งมารวมตวั กันเพอ่ื ตอตานการใชสทิ ธิ
4. สิทธทิ จ่ี ะไดร ับความเปน ธรรมในการทําสัญญา
5. สทิ ธิทจี่ ะไดร บั การพจิ ารณาและชดเชยความเสียหาย เลอื กตง้ั
2 วินัยทางการเงินการคลัง หมายถึง การไมใชจายเกินตัวของภาครัฐ 4. ประชาชนผูม สี ทิ ธิเลือกต้ังจาํ นวน 10,000 คน มีสทิ ธิเขา
การจัดสรรและใชจายเงินงบประมาณอยางเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
การหารายไดใหเพียงพอกับรายจาย การรักษาเงินคงคลังใหอยูในระดับท่ี ชอ่ื ถอดถอนผดู ํารงตําแหนงทางการเมืองได
เหมาะสม และการบรหิ ารหนสี้ าธารณะใหอ ยใู นระดบั ทสี่ ามารถใชค นื ได และไม
เปน ภาระของงบประมาณในอนาคต (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ประชาชนมสี ทิ ธทิ จ่ี ะเสนอแนวทาง
หรือนโยบายในการพัฒนาประชาธิปไตยไปยังผูมีอํานาจหนาท่ี
T92 เพื่อแสดงถึงการมีสวนรวมทางการเมือง ทั้งนี้ตามที่รัฐธรรมนูญ
กาํ หนดไว)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒.๘) ด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและ ขน้ั สอน
ศาสนาอนื่ โดยการสนบั สนนุ การศกึ ษาและการเผยแผศ่ าสนา เพอื่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาจติ ใจและปญั ญา
และการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ตสิ ขุ ดา� เนนิ ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้
การอนุรักษ์ ฟืนฟู และส่งเสริมภูมิปัญญา
ท้องถิ่น ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม 11. นักเรียนชวยกันเสนอแนะแนวทางการ
ประเพณีอนั ดงี ามของท้องถน่ิ โดยให้ประชาชน ดําเนินการตามแนวนโยบายดานสังคมใหมี
เขา้ ไปมสี ว่ น๒ร.๙ว่ ม) ใดน้ากนิจกการรรเมขข้าอถงึงทข้อ้องมถูลน่ิ ข่าวสาร1 ประสทิ ธภิ าพ และมคี วามยง่ั ยนื ตอ สงั คมไทย

12. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ
แนวนโยบายแหง รฐั ตามทร่ี ฐั ธรรมนญู บญั ญตั ิ
ไว จากนั้นขออาสาสมัครตัวแทนนักเรียน
1 คน ออกมาสรปุ สาระสาํ คญั หนาช้ันเรยี น

รฐั ตอ้ งเปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารทไี่ มเ่ กยี่ วกบั ความ
ม่ันคง ให้ประชาชนได้เข้าถึงและรับรู้ข้อมูลได้
โดยสะดวก
 รฐั มหี นา้ ทสี่ ง่ เสรมิ และอนรุ กั ษศ์ ลิ ปวฒั นธรรมอนั ดงี ามของ
ทอ้ งถนิ่ และของชาติ เพอ่ื ด�ารงไว้ซึง่ เอกลักษณ์และความ
ภาคภมู ิใจของคนในชาติ

เรอื่ งนา รู แผนยทุ ธศาสตรช าต ิ ๒0 ป

แผนพัฒนาประเทศไทยไปสูความมั่นคง ม่ังคั่ง ยั่งยืน ประชาชนมีความสุข เปนประเทศที่พัฒนาแลว
ดว ยการพฒั นาคนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประกอบดวย ๖ ยทุ ธศาสตร ไดแ ก
๑. ดานความมนั่ คง เพื่อประเทศชาตมิ ัน่ คง ประชาชนมีความสขุ เปนการบริหารจดั การสภาวะแวดลอ ม
ของประเทศใหมีความมั่นคง ปลอดภัย เนนการพัฒนาคน เครื่องมือ เทคโนโลยี ระบบฐานขอมูลขนาดใหญ
ใหส ามารถรบั มือภัยคุกคามหรือภยั พบิ ตั ไิ ด
๒. ดานการสรางความสามารถในการแขงขัน เพ่ือการนําเทคโนโลยี นวัตกรรม มาประยุกตใชให
สอดคลอ งกบั บรบิ ทของเศรษฐกจิ และสงั คม เพม่ิ ศกั ยภาพผปู ระกอบการ ปรบั รปู แบบธรุ กจิ ใหเ หมาะกบั การแขง ขนั
3. ดานการพัฒนาและเสรมิ สรา งศักยภาพทรัพยากรมนุษย เพือ่ พัฒนาคนในทุกชวงวัยใหเปน คนดี
คนเกง มคี ณุ ภาพ มสี ขุ ภาวะอนามยั ทด่ี ี มที กั ษะทจี่ าํ เปน ในศตวรรษท่ี ๒๑ มนี สิ ยั รกั การเรยี นรู เปน นกั คดิ นวตั กร
และผปู ระกอบการทม่ี ีศักยภาพในการแขง ขนั สูง
4. ดานการสรางโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพื่อดึงภาคสวนทางสังคมทั้งเอกชน ประชา
สังคม ทองถิ่น เพื่อรวมขับเคล่ือนและเสริมสรางสังคมเขมแข็ง พึ่งตนเองได โดยรัฐจัดสวัสดิการใหอยางทั่วถึง
และเทาเทียมกัน
5. ดา นการสรา งการเจรญิ เตบิ โตบนคณุ ภาพชวี ติ ทเี่ ปน มติ รตอ สง่ิ แวดลอ ม เพอื่ การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื
ดานสังคม เศรษฐกิจ และส่ิงแวดลอม โดยการใชพื้นท่ีในการกําหนดยุทธศาสตรในการพัฒนา เนนการมี
สวนรวม และดาํ เนนิ การบนพื้นฐานการเตบิ โตรวมกัน
6. ดา นการปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การภาครฐั เพอื่ ปรบั เปลยี่ นการบรหิ ารจดั การ
ภาครฐั โดยยดึ หลักภาครัฐของประชาชน เพือ่ ประชาชนและประโยชนรว มกัน
83

การตรวจสอบการใชอํานาจรัฐตามรัฐธรรมนูญสงผลดีตอ นักเรียนควรรู
ประเทศชาตอิ ยา งไร
1 ดานการเขาถึงขอมูลขาวสาร จากกฎหมายขอมูลขาวสารของราชการ มี
1. ทาํ ใหท ราบจํานวนนกั การเมอื งที่แนนอน เจตนารมณที่ตองการใหประชาชนมีโอกาสในการรับรูขอมูลขาวสารเกี่ยวกับ
2. มุงเนนในการถอดถอนนักการเมอื งออกจากตําแหนง การดาํ เนนิ การตา งๆ ของรัฐ เพื่อทีป่ ระชาชนจะไดส ามารถแสดงความคิดเห็น
3. ปอ งกนั การทจุ รติ คอรร ปั ชนั ของผดู าํ รงตาํ แหนง ทางการเมอื ง และใชสิทธิทางการเมืองไดถูกตองตรงกับความเปนจริง มีโอกาสรูถึงสิทธิและ
4. สงเสริมใหผูดํารงตําแหนงทางการเมืองใชตําแหนงเพ่ือ หนาที่ของตนเองอยางเต็มท่ี สงเสริมใหการบริหารงานของรัฐเปนไปอยางมี
ประสทิ ธภิ าพและโปรง ใส ซงึ่ กฎหมายไดก าํ หนดวธิ ใี นการเปด เผยขอ มลู ขา วสาร
แสวงหาผลประโยชน ไว 4 วธิ ี ดังนี้
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การตรวจสอบการใชอํานาจรัฐ
ตามรัฐธรรมนูญสงผลดีตอประเทศชาติในการปองกันการทุจริต 1. เปดเผยโดยการนําขอมูลขาวสารท่ีกฎหมายกําหนดลงพิมพในราช
คอรร ปั ชนั ของผดู าํ รงตาํ แหนง ทางการเมอื ง ทาํ ใหเ กดิ ความโปรง ใส กิจจานเุ บกษา
ในการทํางานและสามารถตรวจสอบได)
2. เปด เผยโดยการตง้ั แสดงไวใ นสถานทท่ี หี่ นว ยงานจดั เตรยี มไวใ หป ระชาชน
เขา ตรวจดูไดด วย

3. เปด เผยตามที่ประชาชนมคี าํ ขอเปนการเฉพาะราย
4. เปดเผยโดยหอจดหมายเหตแุ หง ชาติ

T93

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๒.๑๐) ด้านส่ิงแวดล้อม1 อนุรักษ์ คุ้มครอง บ�ารุงรักษา ฟืนฟู บริหารจัดการในการใช้
ทรพั ยากรใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ยา่ งสมดลุ และยง่ั ยนื โดยประชาชนเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ ม เชน่ มกี ารวางแผน
ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ การใช้ท่ีดินให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นท่ีและศักยภาพของที่ดินตามหลักการพัฒนาอย่างย่ังยืน
จดั ใหม้ ีมาตรการกระจายการถอื ครองทีด่ ิน เพอื่ ใหป้ ระชาชนมีท่ีดนิ ทา� กินอยา่ งท่ัวถงึ ส่งเสรมิ การ
13. นักเรียนแบงกลุมเพื่อชวยกันจัดทําแผนผัง อนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก หากการ
ความคิดเก่ียวกับหนาท่ีของรัฐ จากน้ันให ด�าเนินการใดท่ีส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพส่ิงแวดล้อม สุขภาพของประชาชน
ตัวแทนกลุมนําแผนผังความคิดมานําเสนอ รัฐต้องให้มกี ารศกึ ษา ประเมนิ ผลกระทบ จดั ใหม้ กี ารรับฟงั ความคิดเหน็ ของประชาชน
หนา ช้ันเรยี น บทบาทของรฐั บาลในการบรหิ ารประเทศนน้ั กวา้ งขวางมาก รฐั บาลจงึ ตอ้ งมขี า้ ราชการประจา�
และเจา้ หนา้ ทีใ่ นระดับต่าง ๆ เพ่ือรับนโยบายไปปฏบิ ตั ดิ �าเนนิ การและขบั เคลอ่ื นใหเ้ ปน็ ผลส�าเรจ็
14. ครูใหนักเรียนแตละคนจัดทําผังมโนทัศน ด้วยเหตุนี้ บทบาทของรัฐบาลในการบริหารประเทศจึงมีความส�าคัญอย่างมาก เพราะ
เกี่ยวกับบทบาทของรัฐบาล โดยเขียนลง ประเทศจะพัฒนาไปในทศิ ทางใดย่อมข้นึ อยกู่ บั นโยบายและการดา� เนินงานของรฐั บาล รัฐบาลทีด่ ี
กระดาษรายงานสง ครผู สู อน จะต้องสร้างความเจรญิ ก้าวหนา้ ใหก้ ับประเทศ ทา� ใหป้ ระชาชนมีความเป็นอยูท่ ่ดี ี มคี ณุ ภาพชีวติ
ที่ดี และนา� พาประเทศใหเ้ จริญก้าวหน้าสสู่ ากล

 รัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า มีสาธารณูปโภคพื้นฐานเพียงพอ เพ่ือรองรับการขยายตัว
ทางเศรษฐกจิ ของประเทศ

84

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 ดานสิ่งแวดลอม การดําเนินการใดของรัฐ ถาอาจสงผลกระทบตอ การมีสวนรวมทางการเมืองของประชาชนชวยสรางความ
ทรพั ยากรธรรมชาติ คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ ม คณุ ภาพชวี ติ รฐั ตอ งดาํ เนนิ การใหม กี าร เขมแข็งใหแกส งั คมประชาธปิ ไตยไดอยา งไร
ศกึ ษาและประเมนิ ผลกระทบ จดั ใหมีการรบั ฟง ความคดิ เห็น และระมดั ระวังให
เกดิ ผลกระทบตอ ประชาชน ชมุ ชน สง่ิ แวดลอ ม และความหลากหลายทางชวี ภาพ (แนวตอบ การมสี ว นรว มทางการเมอื งของประชาชนไมว า บคุ คล
นอยท่ีสุด และใหมีการเยียวยาความเดือดรอนหรือเสียหายใหแกประชาชน หรอื กลมุ บคุ คล ในการเขา ไปมบี ทบาทในกจิ กรรมใดกจิ กรรมหนง่ึ
หรอื ชุมชนท่ไี ดร ับผลกระทบอยา งเปนธรรมและรวดเร็ว ทางการเมือง มีสวนทําใหเกิดการรวมคิด รวมทํา ถือเปนส่ิงท่ีมี
ความสาํ คญั มากในการสรา งความเขม แข็งใหสงั คมประชาธปิ ไตย
เน่ืองจากประชาชนเปรยี บเสมือนรากฐานของประชาธิปไตยอยาง
แทจริง เชน การไปใชส ิทธิเลือกตงั้ การมสี วนรว มในการกาํ หนด
แนวนโยบาย)

T94

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

เส้นทางแห่ง รฐั ธรรมนญู ไทย ขนั้ สรปุ
จากอดตี -ปจจบุ ัน๑
๒๗ ม.ิ ย. พ.ศ. ๒๔๗๕ ข้ันท่ี 4 ขยายความเข้าใจ
• ฉบบั ท ่ี ๑ พระราชบญั ญตั ธิ รรมนญู
การปกครองแผน่ ดนิ สยามชวั่ คราว ๑๐ ธ.ค. พ.ศ. ๒๔๗๕ 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานที่ 5.3 เรอื่ ง การเลอื กตงั้
• ฉบบั ที่ ๒ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรสยาม และการมสี ว นรว มทางการเมอื ง โดยครแู นะนาํ
• พุทธศักราช ๒๔๗๕ • พุทธศกั ราช ๒๔๗๕ ๒ เพม่ิ เติม
ประกาศใช้ในสมัยคณะราษฎร ประกาศใชใ้ นสมัยพระยามโนปกรณน์ ติ ธิ าดา
ทา� การเปลีย่ นแปลงการปกครอง 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
พลเมืองฯ ม.3 เกี่ยวกับเรื่อง การเมืองการ
๑๐ พ.ค. พ.ศ. ๒๔๘๙ ๙ พ.ย. พ.ศ. ๒๔๙๐ ปกครองในปจจุบัน เพื่อเปนการบานสงครู
• ฉบบั ที่ ๓ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ในชวั่ โมงถัดไป
๓ • พุทธศกั ราช ๒๔๘๙ • ฉบับท ี่ ๔ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๔
ประกาศใชใ้ นสมยั นายปรีด ี พนมยงค์ • (ฉบบั ชั่วคราว) พทุ ธศักราช ๒๔๙๐ ขนั้ ประเมนิ
ประกาศใชใ้ นสมยั จอมพล ป. พิบลู สงคราม
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล
๒๓ มี.ค. พ.ศ. ๒๔๙๒ ๘ ม.ี ค. พ.ศ. ๒๔๙๕
• ฉบับท ่ี ๕ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
๕ • พทุ ธศักราช ๒๔๙๒ • ฉบับท่ี ๖ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย ๖ ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
ประกาศใช้ในสมัยจอมพล ป. พิบลู สงคราม พทุ ธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพ่ิมเติม ๘ สมรรถนะฯ หนาทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3
• พทุ ธศักราช ๒๔๙๕ ๑๐
๒๘ ม.ค. พ.ศ. ๒๕๐๒ ประกาศใชใ้ นสมยั จอมพล ป. พบิ ูลสงคราม ๑๒ 2. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั
๑๔ ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชน้ั เรยี น
๗ • ฉบับท ่ี ๗ ธรรมนญู การปกครองราชอาณาจกั ร ๒๐ ม.ิ ย. พ.ศ. ๒๕๑๑ ๑๖
• พุทธศกั ราช ๒๕๐๒ ๑๘ 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานและแบบฝก
ประกาศใชใ้ นสมัยจอมพล ถนอม กติ ตขิ จร • ฉบับที่ ๘ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย ๒๐ สมรรถนะฯ หนาท่พี ลเมืองฯ ม.3
• พุทธศกั ราช ๒๕๑๑
๑๕ ธ.ค. พ.ศ. ๒๕๑๕ ประกาศใช้ในสมยั จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร 85

๙ • ฉบับท ี่ ๙ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ๗ ต.ค. พ.ศ. ๒๕๑๗
• พุทธศกั ราช ๒๕๑๕
ประกาศใชใ้ นสมยั จอมพล ถนอม กิตติขจร • ฉบบั ที ่ ๑๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย
• พุทธศักราช ๒๕๑๗
๒๒ ต.ค. พ.ศ. ๒๕๑๙ ประกาศใชใ้ นสมยั นายสญั ญา ธรรมศกั ดิ ์

๑๑ • ฉบับที่ ๑๑ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย ๙ พ.ย. พ.ศ. ๒๕๒๐
• พทุ ธศักราช ๒๕๑๙ • ฉบบั ท ่ี ๑๒ ธรรมนญู การปกครองราชอาณาจกั ร
ประกาศใชใ้ นสมัยนายธานินทร ์ กรัยวิเชยี ร • พุทธศกั ราช ๒๕๒๐
ประกาศใชใ้ นสมยั พลเอก เกรียงศกั ด์ ิ ชมะนนั ทน์
๒๒ ต.ค. พ.ศ. ๒๕๒๑
• ฉบบั ท ี่ ๑๓ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย
๑๓ • ปพรทุ ะธกศาักศรใาชชใ้ น ๒ส๕ม๒ัยพ๑ลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ๑ ม.ี ค. พ.ศ. ๒๕๓๔

• ฉบับที ่ ๑๔ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจกั ร
• พุทธศักราช ๒๕๓๔
๙ ธ.ค. พ.ศ. ๒๕๓๔ ประกาศใช้ในสมัยนายอานนั ท ์ ปันยารชุน
• ฉบบั ที่ ๑๕ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย
๑๕ • ปพรุทะธกศาักศรใาชชใ้ น ๒ส๕ม๓ัยน๔า ย อ า น นั ท ์ ปันยารชนุ ๑๑ ต.ค. พ.ศ. ๒๕๔๐

• ฉบบั ที่ ๑๖ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย
• พทุ ธศักราช ๒๕๔๐
๑ ต.ค. พ.ศ. ๒๕๔๙ ประกาศใช้ในสมยั พลเอก ชวลติ ยงใจยุทธ
• ฉบบั ท ่ี ๑๗ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย
๑๗ • (ฉบบั ช่ัวคราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๙
ประกาศใชใ้ นสมยั พลเอก สรุ ยทุ ธ ์ จลุ านนท์ ๒๔ ส.ค. พ.ศ. ๒๕๕๐
• ฉบับท่ ี ๑๘ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย
พุทธศกั ราช ๒๕๕๐
๒๒ ก.ค. พ.ศ. ๒๕๕๗ • ประกาศใชใ้ นสมัยพลเอก สุรยุทธ ์ จลุ านนท์
• ฉบบั ที่ ๑๙ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย
๑๙ • (ฉบบั ชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
ประกาศใชใ้ นสมยั พลเอก ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา ๖ เม.ย. พ.ศ. ๒๕๖๐
• ฉบบั ที ่ ๒๐ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย
• พุทธศกั ราช ๒๕๖๐
ประกาศใชใ้ นสมยั พลเอก ประยุทธ ์ จนั ทร์โอชา

กจิ กรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล

นักเรียนศึกษาและวิเคราะหเสนทางรัฐธรรมนูญไทย ตั้งแต ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอ้ื หา เรอ่ื ง รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปจ จบุ นั
อดีตจนถึงปจจุบันวามีพัฒนาการอยางไร พรอมกับแสดงความ กับการเลือกตั้ง การมีสวนรวม และการตรวจสอบอํานาจรัฐ ไดจากการตอบ
คิดเห็นถึงการพัฒนารัฐธรรมนูญไทยในอนาคตวาจะมีทิศทาง คําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษา
อยางไร จากน้ันเขียนสรุปรายละเอียดลงในกระดาษ A4 แลว เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงานทแ่ี นบทา ยแผน
นาํ สงครผู สู อน การจดั การเรียนรหู นวยที่ 5 เรอื่ ง การเมอื งการปกครองในปจ จุบัน

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน

คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่
ตรงกับระดับคะแนน

ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเนอื้ หา

2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเรื่อง

3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์

4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ

5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม

รวม

ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............/................./................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ

T95

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาำ (5Es Instructional Model) ๔. ปัญหาที่เป็นอุปสรรคตอ่ การพฒั นาประชาธปิ ไตยของไทย

ขนั้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ แมว้ ่าประเทศไทยจะมกี ารปกครองระบอบประชาธิปไตยมากวา่ ๘๐ ป ี มีรัฐธรรมนูญท่เี ป็น
กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศมาหลาย
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง ฉบับ แต่การเมืองไทยยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร
ทจ่ี ะเรยี นรู จดุ ประสงคการเรียนรู และผลการ รัฐบาลแต่ละสมัยไม่มีเสถียรภาพ อยู่ไม่ครบ
เรยี นรู วาระ ทา� ให้การบรหิ ารบา้ นเมืองไม่ตอ่ เนื่อง ใน
ขณะเดียวกันประชาชนยังขาดความรู้ความ
2. ครูนําขาวหรือเหตุการณที่เปนประเด็นปญหา เข้าใจในสิทธิและหน้าที่ของตนเองตามระบอบ
ทางการเมืองการปกครองของไทย เชน ขาว ประชาธปิ ไตย ในการเลอื กตวั แทนเขา้ ไปบรหิ าร
การทจุ รติ ของนักการเมอื ง การบรหิ ารจัดการ บ้านเมือง จนส่งผลกระทบต่อความม่ันคงด้าน
โครงการตา งๆ ของรัฐ รวมถึงนโยบายที่อาจ  การไปใช้สิทธิเลือกต้ังคนดีเป็นตัวแทนไปบริหารประเทศ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งสามารถ
สงผลกระทบตอ การพัฒนาประเทศ จะช่วยพัฒนาประชาธิปไตยของไทยใหม้ ัน่ คง จ�าแนกปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนา

3. ครูถามคําถามเพ่ือเปนการกระตุนความสนใจ ๑) การซอ้ื สทิ ธขิ ายเสยี ง1 เกดิ จากนกั การเปมรอื ะงชบาาธงปิกไลตมุ่ ยทขเ่ี อหงน็ ไแทกยป่ ไรดะ ้ โดยังชนน้ี ส์ ว่ นตน ตอ้ งการ
ของนักเรียน เชน
• นักเรียนคิดวาอะไรคืออุปสรรคท่ีสําคัญตอ
การพัฒนาการเมอื งการปกครองของไทย

เข้าสู่การเมืองโดยไม่ใช้วิธีการทางประชาธิปไตย จึงพยายามท�าทุกวิถีทางเพ่ือชนะการเลือกต้ัง
เชน่ มกี ารซอ้ื เสยี ง เสนอผลประโยชน ์ ในขณะเดยี วกนั หากประชาชนเหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นตนเพยี ง
เล็กน้อย ไม่ตระหนกั ถึงผลเสยี ท่ีจะตามมา เชน่ ได้นักการเมืองไม่มีคณุ ภาพ ทจุ รติ การเลอื กตั้ง
อาจน�า๒ไป)ส ูก่กาารรททุจุจรรติ ิตในคกอารร์รบัปรชิหันาร2 บเ้ากนิดเจมาือกงกจานรสข่งาผดลคเุณสียธหรรามยตจรอ่ ิยปธรระรเทมศขชอางตนิักการเมืองท่ีเห็นแก่
ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เช่น มีการ
แสวงหาผลประโยชนจ์ ากโครงการพฒั นาประเทศเพอื่ ความอยดู่ กี นิ ดขี องประชาชนและความมน่ั คง
ของประเทศ แตก่ ลบั ใชโ้ ครงการเหลา่ นใ้ี นการทจุ รติ ออกนโยบายตา่ ง ๆ ทเ่ี ออื้ ประโยชนเ์ ฉพาะกลมุ่
สรา้ งภาพลกั ษณ ์ สรา้ งฐานเสยี งใหก้ บั ตนเองและพวกพอ้ ง จนทา� ใหป้ ระเทศชาตเิ สยี หาย นอกจากนี้
การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ยงั เกดิ ขน้ึ ในระบบราชการไทย โดยการใชอ้ า� นาจหนา้ ทข่ี องตนในการแสวงหา
ผลประโยชน ์ อา� นวยความสะดวก การตดิ สนิ บน ท�าให้เกดิ การทุจรติ คอร์รัปชัน

๓) คา่ นิยมและระบบอุปถมั ภ์ของสังคมไทย ค่านิยมในสังคมไทยท่สี ่งผลใหเ้ กิดปัญหา
ทางการเมือง เช่น การยกย่องให้ความส�าคัญกับผู้ที่มีฐานะทางสังคม เช่น มีต�าแหน่งหน้าที่
การงานดี มีอ�านาจบารมี มีฐานะทางการเงินดี บคุ คลเหลา่ นี้สามารถใช้อ�านาจบารมี สถานภาพ
ที่มีอยใู่ นการประพฤตมิ ชิ อบ ทา� การเพอ่ื ผลประโยชนข์ องตนเองและพวกพอ้ งได้

86

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสรมิ

1 การซื้อสิทธิขายเสียง คือ พฤติกรรมการทุจริตเลือกต้ัง โดยการใชเงิน ครูใหนักเรียนจัดอภิปรายกลุมยอยในประเด็นเศรษฐกิจ
หรือเสนอส่ิงตอบแทนในรูปแบบผลประโยชนหรือทรัพยตางๆ เพ่ือแลกเปล่ียน พอเพียงสามารถชวยแกไขปญหาการทุจริตคอรรัปชันไดอยางไร
กบั การไดมาซึง่ คะแนนเสยี งเลอื กตัง้ โดยเปดโอกาสใหนักเรียนรวมคิด รวมแสดงความคิดเห็นอยาง
2 คอรรัปชัน ประเภทของคอรรปั ชัน มีอยู 3 ประเภท ไดแ ก การคอรร ปั ชนั อิสระ จากนั้นใหนักเรียนรวมกันสรุปผลการอภิปรายแลวออกมา
ขนาดเลก็ นอ ย คอื การรบั เงนิ ทไ่ี มช อบธรรม หรอื ไมถ กู ตอ งของเจา หนา ทข่ี องรฐั รายงานหนาช้นั เรยี น
เปนจํานวนเงินทไี่ มมากนัก การคอรร ัปชันขนาดใหญ มกั เปน การคอรร ปั ชนั ของ
เจา หนา ทร่ี ะดบั สงู ทรี่ บั เงนิ ในรปู แบบของสนิ บนเปน เงนิ จาํ นวนสงู และโครงการ
ใหญๆ การใหของขวญั เปนการคอรร ปั ชนั อีกประเภทหนง่ึ เปนการใหต อบแทน
ในรปู แบบสง่ิ ของ หรือการใหตอบแทนในรปู แบบอื่นๆ ซง่ึ เปน การพยายามสราง
ความสัมพันธอ ันใกลชิด

T96

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๔) การไม่ตระหนักในสิทธิ หน้าท่ี และการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาชน ขน้ั สอน

บางสว่ นขาดความสนใจทางการเมอื ง ไมม่ คี วามรเู้ กยี่ วกบั ความสา� คญั ของการเมอื งกบั การพฒั นา ขนั้ ท่ี 2 สำารวจค้นหา
ประเทศและความเปน็ อยขู่ องตนเอง ทา� ใหล้ ะเลยไมใ่ ชส้ ทิ ธขิ องความเปน็ พลเมอื งไทยในการเขา้ ไป
มีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น ไม่ไปเลือกต้ัง ขายเสียง ท�าให้ได้นักการเมืองไม่มีคุณภาพเข้าไป 1. ครูใหนักเรียนแบงกลมุ ศึกษาคน ควา เกย่ี วกบั
บรหิ ารประเทศ ปญ หาทเี่ ปน อปุ สรรคตอ การพฒั นาประชาธปิ ไตย
ของประเทศไทย จากหนังสือเรียนสังคม
๕) ความคิดต่างทางการเมืองน�าไปสู่ความขัดแย้ง ในปัจจุบันประชาชนสามารถ ศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน
หนงั สอื ในหองสมุด เวบ็ ไซตในอินเทอรเน็ต
เข้าถงึ สือ่ ต่าง ๆ ไดง้ า่ ย สะดวก และรวดเร็ว ท�าให้รบั รขู้ อ้ มลู ข่าวสารทางการเมอื งสะดวกขึ้น และ
การมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นท�าให้มีความชอบที่ต่างกัน เมื่อการเมืองมีการแบ่งฝ่าย 2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเช่ือถือ
ท�าให้ประชาชนเลือกติดตามคนหรือฝ่ายที่ตนเองช่ืนชอบ น�าไปสู่ความเห็นที่แตกต่างกัน จนใน ใหกับนักเรยี นเพ่ิมเติม

บางคร้งั๖อ)า จกเากรดิ รสฐั ถปารนะกหาารณร1ยท์ ึดนี่ อ�า�าไปนสาคู่จว กามารขปดั กแคยร้งอขงอระงบคอนบในปสรังะคชมาธปิ ไตยในระบบรฐั สภา การไดม้ า ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้

ซึ่งอ�านาจบริหารประเทศมาจากกลไกรัฐสภา มีการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน แต่ใน 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
สังคมไทยยังคงมีการท�ารฐั ประหารยึดอา� นาจเป็นวงจรทางการเมอื งไทยที่ยงั คงดา� รงอย ู่ ซึ่งขัดกบั การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู
แนวทางประชาธิปไตย มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดท�ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา ระหวางกัน
มกี ารเลอื กตง้ั ใหม ่ จดั ตง้ั รฐั บาลบรหิ ารประเทศภายใตร้ ฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม ่ ลกั ษณะดงั กลา่ วเกดิ ขนึ้
หลายครง้ั สง่ ผลใหก้ ารพฒั นาประเทศหยดุ ชะงกั สง่ ผลกระทบตอ่ การพฒั นาดา้ นเศรษฐกจิ ความเปน็ อยู่ 2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ของประชาชน ขีดความสามารถในการแข่งขันกบั ตา่ งประเทศลดลง ตา่ งชาตขิ าดความเช่ือม่นั ทน่ี าํ เสนอเพอ่ื ใหไ ดขอ มูลท่ีถูกตอ ง

๗) การขาดคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ท้งั นกั การเมืองและผูม้ ีบทบาทในการบริหารประเทศ

ผทู้ ไ่ี ดร้ บั เลอื กตง้ั จากประชาชนจะตอ้ งมคี วามตระหนกั ในหนา้ ทแ่ี ละบทบาทของตนเองในการบรหิ าร
ประเทศอย่างโปร่งใส ไม่ใช้อ�านาจในทางไม่ถูกต้อง หรือแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและ
พวกพอ้ ง การบรหิ ารประเทศในปจั จบุ นั ยงั คงมปี ญั หาการทจุ รติ ในตา� แหนง่ หนา้ ทข่ี องนกั การเมอื ง
และผมู้ อี �านาจหน้าทโ่ี ดยตรง ส่งผลตอ่ การพฒั นาประเทศ
การเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทยในปัจจุบันยังคงมีอุปสรรค การเมือง
ไมม่ นั่ คง มกี ารเปลยี่ นแปลงบอ่ ย สง่ ผลกระทบตอ่ การพฒั นาประเทศและความเปน็ อยขู่ องประชาชน
ท้ังนี้ หากพลเมืองไทยมีความรู้ความเข้าใจในการเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและเห็นแก่
ผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ตระหนักในความส�าคัญ ใช้สิทธิและหน้าที่ตามวิถีประชาธิปไตย
จะท�าให้การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของไทยมีความม่นั คงมากขึ้น

87

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ความสาํ เรจ็ ในดา นการเมอื งการปกครองของไทยจาํ เปน ตอ งมี 1 การรัฐประหาร พฒั นาการดานประชาธิปไตยของไทยเปนไปอยา งเช่อื งชา
ส่ิงใดเกือ้ หนนุ สิ่งหนง่ึ ซง่ึ เปนปจ จยั สาํ คัญ คือ ประเทศไทยยังมกี ารรัฐประหาร สาํ หรับประเทศ
ที่มีความเจริญทางการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจะไมมีเหตุการณ
1. จารตี ประเพณี รฐั ประหารเกดิ ขนึ้ การทาํ รฐั ประหารสง ผลใหม กี ารยกเลกิ รฐั ธรรมนญู ทใ่ี ชบ งั คบั
2. วฒั นธรรมประชาธปิ ไตย อยูในขณะนน้ั รวมทั้งลมสถาบันการเมอื งตา งๆ เชน รฐั สภา คณะรัฐมนตรี
3. คา นยิ มเดนิ ตามหลงั ผใู หญห มาไมก ดั
4. คา นยิ มเปน ผนู อ ยคอยกม ประนมกร

(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ประเทศไทยมีการปกครองใน
ระบอบประชาธิปไตย ดังน้นั สงิ่ ที่จะชวยเกอ้ื หนุนใหก ารเมอื งการ
ปกครองของไทยประสบความสําเร็จ คือ การปลูกฝงและปฏิบัติ
ตามวฒั นธรรมประชาธิปไตย ขอ 2. จงึ เปนคําตอบทีถ่ ูกตอ ง)

T97

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน õ. แนวทางการแกป้ ญั หาและการพฒั นาประชาธปิ ไตยของไทย

ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ การพัฒนาประชาธิปไตยให้มีความม่ันคงและย่ังยืน ประชาชนต้องมีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับการปกครองประชาธิปไตยตามหลักการอ�านาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนมี
3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล สทิ ธเิ สรภี าพและความเสมอภาค โดยยดึ หลกั กฎหมาย มกี ารปลกู ฝงั ความเปน็ ประชาธปิ ไตยตง้ั แต่
หนาช้ันเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย ระดับครอบครัว สถาบันการศึกษา ในขณะเดียวกันผู้ที่เข้ามาท�าหน้าที่เป็นนักการเมืองจะต้อง
และตอบคาํ ถามรวมกัน เหน็ แกป่ ระโยชนข์ องประเทศชาตเิ ปน็ สา� คญั โดยแนวทางการพฒั นาประชาธปิ ไตยของไทย มดี งั น้ี

4. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว มกนั เกยี่ วกบั องคก ร เยาวชน ปลูกฝงคานิยมประชาธปิ ไตย
ดานสิทธิมนุษยชน และสุมตัวแทนนักเรียน 1
เพ่ือตอบคําถาม เชน
• การทุจริตของนักการเมืองสงผลกระทบตอ สถาบนั ครอบครวั ปลกู ฝงั แนวคดิ ประชาธปิ ไตยใหส้ มาชกิ
ประเทศชาติและประชาชนอยางไร ในครอบครวั
(แนวตอบ ทําใหตองสูญเสียงบประมาณใน • มอบหมายหน้าท่ี ปลูกฝังการใช้สิทธิและหน้าที่อย่าง
การพัฒนาประเทศเปนจํานวนมาก แทนที่ ถูกตอ้ ง และมคี วามรบั ผิดชอบ
จะนําเงนิ สวนน้นั มาชว ยเหลือประชาชน) • รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แสดงความ
• ทําอยา งไรถงึ จะลดปญหาการทจุ ริตได คิดเหน็ ไดอ้ ยา่ งเสรี
(แนวตอบ เลือกคนดีเพื่อไปทําหนาท่ีในสภา • รจู้ กั ใชส้ ทิ ธขิ องตนเองอยา่ งถกู ตอ้ งและมคี วามรบั ผดิ ชอบ
สรางเครือขายเพ่ือชวยกันสอดสองดูแล ใช้เหตุผลในการแกป้ ญั หาและยตุ ิข้อขดั แยง้
และไมสนับสนุนพฤติกรรมท่ีเปนการทุจริต • ร ่วมกันก�าหนดกฎระเบียบในครอบครัวและปฏิบัติอย่าง
ตอประเทศชาต)ิ เครง่ ครดั

สถาบนั การศกึ ษา ปลกู ฝงั และถา่ ยทอดคา่ นยิ มประชาธปิ ไตย
ในสถาบนั การศกึ ษา
• ให้การศึกษาเกยี่ วกบั ประชาธิปไตย
• จ ัดกิจกรรมประชาธิปไตย เช่น เลือกประธานนักเรียน
หรอื ประธานชมรมภายในโรงเรยี นไดอ้ ยา่ งเสรี
• เ ข้าร่วมกจิ กรรมประชาธิปไตยของชมุ ชนหรอื ชมรมต่าง ๆ
ได้อยา่ งเสรี
• ป ฏิบัติตามกฎของสถานศกึ ษาอย่างเครง่ ครัด

88

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครูจัดการเสวนาโตะกลมเร่ือง “กาวตอไปของประชาธิปไตยไทย” โดยมุง การพัฒนาประชาธิปไตยสงผลดีอยา งไร
ประเด็นเกี่ยวกับบทบาทของคนในสังคมในการรวมกันพัฒนาประชาธิปไตย 1. ประเทศชาตมิ ีความม่นั คงปลอดภยั
จากน้ันใหนักเรียนท่ีเปนผูฟงซักถามขอสงสัยหรือชวยกันขยายความรู ครูสรุป 2. ประชาชนถูกบังคับใหอยภู ายใตอ าํ นาจรัฐ
ความรูท ่ไี ดจ ากการเสวนา 3. กลมุ ทนุ เออื้ ประโยชนใหแกพ วกพอ งของตน
4. การเมืองมเี สถยี รภาพและทุกคนรูหนาทีข่ องตน
นักเรียนควรรู
(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การพัฒนาประชาธิปไตยเปนสิ่ง
1 สถาบนั ครอบครวั เปน สถาบนั พน้ื ฐานของสงั คม มคี วามสาํ คญั ในฐานะเปน ที่คนไทยทุกคนตองชวยกัน โดยผลดีจะเกิดแกประชาชนทุกคน
แหลงถายทอดองคความรู ฝกฝนอบรมสมาชิกในครอบครัวใหเรียนรูระเบียบ ทําใหสังคมมีความเปนระเบียบ การเมืองมีเสถียรภาพม่ันคง
สงั คมหรอื การขดั เกลาทางสงั คม เพอื่ ใหส ามารถมคี วามสมั พนั ธก บั ผอู น่ื ไดอ ยา ง และทกุ คนรูจักหนา ที่ของตนเอง)
ราบร่ืนและปรับตัวเขากบั สงั คมไดอ ยางมคี วามสุข

T98

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

ประชาชนทัว่ ไป ปฏิบตั ติ ามหน้าทค่ี วามเปนพลเมืองไทย ขน้ั สรปุ

ปฏิบัติหน้าทพี่ ลเมอื งไทย ตามบทบญั ญัติรฐั ธรรมนูญ ขัน้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ
• พ ิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการ
1. ครูใหนักเรยี นทําใบงานท่ี 5.4 เรอื่ ง ปญ หาที่
ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น เปนอุปสรรคตอการพัฒนาประชาธิปไตยของ
ประมขุ ไทย โดยครูแนะนาํ เพ่ิมเติม
• ป อ้ งกันประเทศและพทิ ักษร์ กั ษาผลประโยชน์ของชาติ
• เ คารพและไมล่ ะเมดิ สิทธิเสรภี าพของผอู้ ืน่ 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
• ไ ปใชส้ ิทธเิ ลอื กตั้งหรือลงประชามติไดอ้ ย่างเสรี พลเมืองฯ ม.3 เกี่ยวกับเร่ือง ปญหาท่ีเปน
• ไ ม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบในทุก อุปสรรคตอการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย
รปู แบบ และปฏิบตั ติ ามกฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั เพอื่ เปน การบานสงครูในช่ัวโมงถดั ไป
• เ ข้ารบั การศกึ ษาภาคบังคบั รบั ราชการทหาร เสยี ภาษีอากร
• ไมส่ นับสนนุ การกระทา� ทีข่ ดั ตอ่ วถิ ปี ระชาธปิ ไตย ขนั้ ประเมนิ
• ไ มซ่ ื้อสทิ ธขิ ายเสียง ไมส่ นบั สนนุ สง่ เสริม หรอื เขา้ รว่ ม
การกระทา� ทสี่ อ่ ถึงความทจุ รติ ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล
• ส อดส่องและตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของผู้มีบทบาท
ทางการเมือง 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
การแก้ปัญหาและพัฒนาประชาธิปไตยของไทยจะด�าเนินไปได้อย่างราบรื่นและต่อเน่ือง สมรรถนะฯ หนา ท่พี ลเมอื งฯ ม.3
หากคนไทยมีความตระหนัก มีความเข้าใจ และปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ีและสิทธิของตนเอง
ใชส้ ิทธไิ ดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวม และผลประโยชนข์ องประเทศชาตเิ ปน็ 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน
ส�าคัญ จะช่วยให้ประเทศชาติด�าเนินไปได้อย่างยั่งยืนภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย (รวบยอด) รายงานเรอ่ื ง การเมอื งการปกครอง
อันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ ในยคุ ปจ จบุ นั

3. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3
เร่ือง การเมืองการปกครองในปจจุบัน เพื่อ
ทดสอบความรทู ไี่ ดศ ึกษามา

กลาวโดยสรุป การเมอื งการปกครองในแตละประเทศยอมมคี วามแตกตางกันไปขนึ้ อยู
กับภูมิหลังทางดานประวัติศาสตร แนวคิดหรืออุดมการณของผูนํา ลักษณะทางดานสังคม
วัฒนธรรมของแตละประเทศ ซึ่งการปกครองในระบอบตาง ๆ ยอมมีท้ังขอดีและขอเสียท่ี
แตกตา งกนั ออกไป สําหรับประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ 
ทรงเปนประมุข มีรัฐธรรมนูญเปนกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ สงเสริมการมี
สว นรวมทางการเมอื งการปกครองของประชาชน ทําใหม ีการพัฒนามาอยา งตอ เนือ่ ง

89

กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล

นักเรียนแสดงบทบาทสมมติเปนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครูสามารถวดั และประเมินความเขา ใจเนอ้ื หา เร่ือง ปญ หาท่ีเปนอุปสรรค
โดยจัดกิจกรรมใหความรูแกประชาชนเรื่องการเลือกตั้ง โดยเนน ตอการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย ไดจากการตอบคําถาม การรวมกัน
การมีสว นรวม ซ่งึ แนวทางการจัดกิจกรรมจาํ แนกได ดังน้ี ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ
ประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงานทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู
• กจิ กรรมการมสี ว นรว มกอนการเลือกต้งั หนว ยท่ี 5 เร่อื ง การเมอื งการปกครองในปจจบุ ัน
• กิจกรรมการมสี วนรวมระหวา งการเลือกต้ัง
• กจิ กรรมการมีสว นรว มหลงั การเลอื กตงั้ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ทั้งนี้เพ่ือเผยแพรความรูความเขาใจเกี่ยวกับการเมืองการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยและการเลอื กตงั้ ผา นการรณรงค คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่
กจิ กรรมในรูปแบบตา งๆ ตรงกบั ระดับคะแนน

ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา

2 การลาดบั ข้นั ตอนของเรื่อง

3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์

4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ

5 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง

T99

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เฉลย คาำ ถามประจำาหน่วยการเรียนรู้ คÓถาม ประจÓหน่วยการเรยี นรู้
๑. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยกบั การปกครองระบอบเผด็จการมีความแตกตา่ งกันอย่างไร
1. ระบอบประชาธิปไตย อํานาจสูงสุดในการ ๒. ป ระชาชนในประเทศท่ีปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยกับประเทศท่ีปกครองด้วยระบอบ
ปกครองประเทศเปนของประชาชน ใชเสียง
สวนใหญและคํานึงถึงเสียงสวนนอย ใชหลัก เผดจ็ การ มีความเหมอื นหรอื แตกต่างกนั อย่างไร
นิติธรรม คือ การนํากฎหมายมาเปนหลัก ๓. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของไทย รัฐบาล ประชาชน มบี ทบาทหน้าทอ่ี ย่างไร
ในการบริหารประเทศ สวนระบอบเผด็จการ ๔. เ พราะเหตุใดการพัฒนาการเมืองการปกครองของไทยจึงยังประสบปัญหา และมีแนวทางการ
เปนการปกครองท่ีเนนความสําคญั อยทู ผี่ ูนาํ
แก้ปญั หาอยา่ งไรบ้าง
2. แตกตา งกนั ในระบอบประชาธปิ ไตย ประชาชน ๕. จ ากสถานการณ์ทางการเมืองการปกครองของไทยในปัจจบุ นั นักเรยี นจะมีแนวทางอยา่ งไร
มีสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมาย มีความ
เสมอภาค ประชาชนทกุ คนมคี วามเทา เทยี มกนั เพ่อื การพัฒนาการเมอื งการปกครอง
ไมมีการเลือกปฏิบัติ สวนระบอบเผด็จการ
ประชาชนไมม สี ทิ ธเิ สรภี าพมากนกั และตอ งทาํ กจิ กรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้
ตามคําสั่งของรัฐโดยเครง ครัด
กิจกรรมท ่ี ๑ แ บง่ กลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู การเมอื งการปกครองของประเทศสมาชกิ อาเซยี น ๑ ประเทศ
3. รัฐมีหนาท่ีบริหารงานเพ่ือใหเกิดประโยชน
ตอประชาชน และพัฒนาประเทศใหเจริญ ในประเดน็ เชน่ รปู แบบของรฐั รปู แบบการปกครอง ประมขุ ของรฐั ประมขุ ฝา่ ย
กา วหนา สว นประชาชนมบี ทบาทหนา ทใ่ี นการ บรหิ าร รัฐสภา พรรคการเมือง วเิ คราะห์สถานการณ์ทางการเมอื งในปจั จุบนั
ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและสามารถเขา มามสี ทิ ธิ สรปุ สาระสา� คัญ นา� เสนอในช้นั เรยี น
มีสวนในการปกครองประเทศ
กิจกรรมท ี่ ๒ ก ิจกรรมเล่าข่าว ให้นักเรียนศึกษา สืบค้นข่าว สถานการณ์ทางการเมืองการ
4. เพราะมีอุปสรรคตอการพัฒนาประชาธิปไตย
อยูหลายประการ เชน การรัฐประหาร การ ปกครองของไทยในปจั จบุ นั วเิ คราะหส์ ถานการณ์ในประเดน็ เชน่ เหตกุ ารณ์ในขา่ ว
ทจุ รติ คอรร ปั ชนั การซอ้ื สทิ ธขิ ายเสยี ง สามารถ สาเหต ุ ผลกระทบ แนวทางการปอ้ งกันหรือแกไ้ ข สรปุ สาระสา� คัญ เล่าใหเ้ พ่ือน
แกไ ขได เชน ปลกู ฝง คา นยิ มประชาธปิ ไตยให ในช้นั เรยี นฟัง
แกเ ยาวชน ประชาชนตอ งปฏบิ ตั ติ นตามหนา ที่
พลเมอื งที่รฐั ธรรมนูญไดก าํ หนดไว กจิ กรรมท่ี ๓ ก จิ กรรมจา� ลองรฐั สภาไทย ครกู า� หนดสถานการณ์ใหม้ กี ารเลอื กตง้ั ระดบั ประเทศ

5. ไมส นบั สนนุ การกระทาํ ทขี่ ดั กบั วถิ ที างแหง การ โดยแบง่ นกั เรยี นกลมุ่ ท ่ี ๑ เปน็ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร กลมุ่ ท ี่ ๒
ปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ไมละเมิดสทิ ธิ เป็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และคัดเลือกตัวแทนนักเรียนท�าหน้าที่เป็นคณะ
เสรภี าพของผอู ่ืน ไมใ ชความรนุ แรง กรรมการการเลือกต้ัง จัดให้มีการเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน โดยแต่ละคน
จะต้องแสดงบทบาทสมมติตามบทบาทที่ได้รบั

90

เฉลย แนวทางประเมินกิจกรรมพฒั นาทกั ษะ

ประเมนิ ความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป
ซง่ึ เปน งาน หรอื ชนิ้ งานทีใ่ ชเ วลาไมนาน สาํ หรับประเมินรูปแบบน้ีอาจเปนคําถามปลายเปดหรือผังมโนทัศน นยิ มสาํ หรับประเมนิ ผูเรียนรายบคุ คล

ประเมนิ ความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชวี ติ ประจาํ วนั ในฐานะพลเมืองทด่ี ขี องสังคม อาจเปนการประเมินจากการสังเกต การเขยี น การตอบคําถาม การวิเคราะห การแกปญหา ตลอดจน
การทํางานรวมกัน

ประเมินทกั ษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคม ท่ีมีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางยั่งยืน เชน ทักษะในการส่ือสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏิบตั งิ านตอผเู กี่ยวของหรอื ตอสาธารณะ
สง่ิ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน

T100

Chapter Overview

แผนการจัด สอื่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 1
ตลาดในระบบ - หนังสือเรียน 1. อธบิ ายความหมายและ สืบเสาะหา - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน - ความสามารถใน 1. มวี ินัย
เศรษฐกจิ สังคมศึกษาฯ ม.3 ประเภทของตลาดใน ความร ู้ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ การคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
- แบบฝกึ สมรรถนะ ระบบเศรษฐกจิ ได้ (K) (5Es สมรรถนะและการคดิ - ความสามารถใน 3. มุ่งมั่นในการ
1 และการคิด 2. จ �ำแนกข้อดีและข้อเสีย Instructional เศรษฐศาสตร์ ม.3 การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
เศรษฐศาสตร์ ม.3 ของตลาดแตล่ ะประเภท Model) - ตรวจใบงานที่ 6.1
ชว่ั โมง - แบบทดสอบก่อนเรียน ได้ (P) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
- PowerPoint 3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - ตรวจผลงาน/ช้ินงาน
- ใบงานท่ี 6.1 ตลาดในระบบเศรษฐกจิ - สังเกตพฤติกรรม
เพ่มิ มากขึ้น (A) การท�ำงานรายบุคคล
- สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานกลุม่
- ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
อันพึงประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สอื เรียน 1. อธบิ ายความหมายและ สบื เสาะหา - ตรวจการทำ� แบบฝกึ - ความสามารถใน 1. มีวินัย
กลไกราคา สงั คมศึกษาฯ ม.3 ความส�ำคัญของกลไก ความร้ ู สมรรถนะและการคิด การคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
- แบบฝกึ สมรรถนะ ราคาได้ (K) (5Es เศรษฐศาสตร์ ม.3 - ความสามารถใน 3. มุ่งมั่นในการ
1 และการคิด 2. จ ำ� แนกกลไกราคาแตล่ ะ Instructional - ตรวจใบงานที่ 6.2 การใชท้ กั ษะชวี ติ ทำ� งาน
เศรษฐศาสตร์ ม.3 ประเภทได้ (P) Model) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ชั่วโมง - PowerPoint 3. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - ตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน
- ใบงานท่ี 6.2
ตลาดในระบบเศรษฐกจิ - สงั เกตพฤติกรรม
เพม่ิ มากขึ้น (A) การท�ำงานรายบคุ คล
- สังเกตพฤติกรรม
การท�ำงานกลุ่ม
- ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์

T101

แผนการจดั สื่อท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อนั พึงประสงค์
แผนฯ ที่ 3
การกำ�หนด - หนงั สือเรียน 1. อ ธิบายหลักการก�ำหนด การจัดการ - ตรวจการท�ำแบบฝกึ - ความสามารถใน 1. มวี ินัย
ราคาในระบบ สังคมศกึ ษาฯ ม.3 ราคา การปรบั และ เรยี นรู้แบบ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
เศรษฐกจิ - แบบฝึกสมรรถนะ เปลย่ี นแปลงราคาสนิ คา้ รว่ มมือ : เศรษฐศาสตร์ ม.3 - ความสามารถใน 3. มงุ่ มน่ั ในการ
และการคดิ และบริการได้ (K) เทคนิคคู่คิด - ตรวจการท�ำแบบวัดและ การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
1 เศรษฐศาสตร์ ม.3 2. อธบิ ายการกำ� หนดราคา ส่ีสหาย บันทึกผลการเรยี นรู้
- แบบวัดและบันทกึ ผล ในทางปฏบิ ัตไิ ด้ (K) เศรษฐศาสตร์ ม.3
ชวั่ โมง การเรียนรู้ 3. จ ำ� แนกการกำ� หนดราคา - ตรวจใบงานท่ี 6.3
เศรษฐศาสตร์ ม.3 ในระบบเศรษฐกิจได้ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลังเรยี น (P) - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน
- PowerPoint 4. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สังเกตพฤตกิ รรม
- ใบงานท่ี 6.3 การกำ� หนดราคาเพมิ่ การท�ำงานรายบคุ คล
มากขน้ึ (A) - สงั เกตพฤติกรรม
การท�ำงานกลุ่ม
- ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน

T102

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๖ กลไกราคาในระบบเศรษฐกจิหนว่ ยการเรยี นรทู ่ี ขน้ั นาำ (5Es Instructional Model)

¡Åä¡ÃÒ¤ÒÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞ ข้ันที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ
µ‹ÍÃкºàÈÃɰ¡Ô¨
Í‹ҧäà 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเรื่อง
ทีจ่ ะเรยี นรู จุดประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
? เรยี นรู

2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน
หนวยการเรียนรูท ี่ 6 เร่อื ง กลไกราคาในระบบ
เศรษฐกจิ

3. ครนู าํ แผน พบั โฆษณา ใบปลวิ ของหา งสรรพสนิ คา
ใหน กั เรยี นดู แลว สมุ ถามนกั เรยี นวา “สนใจจะ
ซอื้ สนิ คา ใด เพราะเหตใุ ด และจะไปซอ้ื ทไี่ หน”

ในระบบเศรษฐกจิ มีท้งั ผู้บริโภคกบั ผ้ผู ลิต ผบู้ รโิ ภคเปน็ ผ้ทู ีม่ ีความตอ้ งการสนิ ค้าและบรกิ าร
ไปใช้ในการอุปโภคบริโภค ความต้องการบริโภคจะมากหรือน้อยข้ึนอยู่กับราคาสินค้า รายได้
จ�านวนผู้ซื้อ การศึกษา และการโฆษณา ส่วนผู้ผลิตเป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการออกมาจ�าหน่าย
ซ่งึ ความตอ้ งการของผผู้ ลติ จะมีมากหรือน้อยข้ึนอยูก่ ับราคาสนิ คา้ ท่ขี าย จา� นวนผู้ผลิต เป้าหมาย
ของผ้ผู ลติ ราคา ปัจจัยการผลติ และเทคนิคของการผลิต การซื้อขายจึงเปน็ การตกลงกันระหว่าง
ผบู้ ริโภคกับผผู้ ลติ หรอื ผู้ขาย

ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ส ๓.๑ ม.๓/๑ อธบิ ายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ • ความหมายและประเภทของตลาด
• ความหมายและตัวอยา่ งของอุปสงคแ์ ละอุปทาน
• ความหมายและความส�าคัญของกลไกราคาและการก�าหนด

ราคาในระบบเศรษฐกจิ
• หลกั การปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสนิ ค้าและบริการ

9๑

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรโู ดยใหน กั เรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจเกยี่ วกบั กลไกราคา และเพอื่ ใหเ ขา ใจการทาํ งานของกลไกราคาในระบบเศรษฐกจิ และเลอื ก
ซ้อื สนิ คา ไดอ ยางเหมาะสม โดยการจดั กจิ กรรม เชน

• ครูใหนกั เรยี นสํารวจราคาสินคาและบรกิ ารในตลาด
• ครใู หนักเรียนวิเคราะหราคาสนิ คาและบริการในปจจุบัน
• ครูใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับการเลอื กซอื้ สนิ คาและบรกิ ารใหเ หมาะกับภาวะเศรษฐกิจและรายได

T103

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาำ ๑. ตลาดในระบบเศรษฐกจิ

ขนั้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ ตลาด (market) หมายถึง การที่ผู้ซ้ือและผู้ขายมีทางติดต่อกันได้โดยสะดวกจนสามารถ
ทา� การแลกเปลยี่ นซ้ือขายสนิ ค้ากนั ได้
4. ครูถามคาํ ถามนักเรียนเพิม่ เติม เชน จากคา� จ�ากดั ความดงั กล่าว ตลาดจงึ มคี วามหมาย ๒ นยั คอื
• โดยปกติแลวนักเรียนไปซ้ือของใช สินคา
ตางๆ ท่ีไหน และตลาดที่ไปซ้ือสินคามี นยั แรก หมายถึง สถานท่ีท่มี ีผ้ซู อื้ และผขู้ ายมาติดต่อท�าการซ้อื ขายกนั เช่น ตลาดท่าเตยี น
ลกั ษณะอยา งไร กรงุ เทพมหานคร ตลาดหวั รอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
(แนวตอบ ครใู หนักเรยี นชวยกนั บอกลักษณะ การซ้ือนขัยาทยอีส่ ออนง ไหลมนา์ ยผถ่างึ น กแาอรปตพดิ ลติเ่อครชะันหตว่า่างงผ ๆซู้ ้อื ตกลบั าผดู้ขในายค วเาชม่นห ทมาางยจนดี้จหึงมมาีขยอ บโทเขรศตพัขทอง์ โตทลราสด1าทร่ี
ของตลาด เชน ตลาดนัดขายสินคา กว้างขวางมากขนึ้
หลากหลาย ตั้งแตอาหารสด กับขาว
เสือ้ ผา ของใช) ๑.๑ ลกั ษณะโดยทวั่ ไปของตลาด

5. ครูเช่ือมโยงเขาสูบทเรียน เก่ียวกับลักษณะ ตลาดโดยท่ัวไปอาจแบ่งออกได้หลายลักษณะ ทั้งน้ี ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการแบ่ง
ของตลาดในระบบเศรษฐกิจ โดยครูซักถาม ว่าตอ้ งการพจิ ารณาอะไร และใช้เกณฑใ์ ด ดังนี้
และอธิบายขยายความจากสิ่งท่ีนักเรียนตอบ
จากนั้นอภิปรายความรูรว มกัน แบง่ ตามลักษณะการขายสินคา้ แบ่งตามลักษณะการแขง่ ขันท่มี อี ยู่ในตลาด
• ตลาดขายส่ง ท�าการซ้ือขายสินค้าจ�านวนมาก • ตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณ์ เป็นตลาดท่มี ีการแข่งขัน
ขนั้ สอน
โดยผู้ขายจะขายส่งสินค้าให้พ่อค้าขายส่งใน อย่างเต็มท่ีระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ราคาสินค้า
ข้นั ท่ี 2 สาำ รวจค้นหา ระดบั รองลงไป หรอื ขายใหพ้ อ่ คา้ ปลกี แตไ่ มข่ าย ถูกก�าหนดโดยกลไกตลาด
ใหผ้ บู้ ริโภคโดยตรง • ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ เป็นตลาดท่ีผู้ซ้ือหรือ
1. ครใู หนักเรยี นแบงกลมุ ศกึ ษาคนควา เกีย่ วกับ • ตลาดขายปลีก ท�าการซ้ือขายสินค้าให้กับ ผู้ขายมีอิทธิพลในการก�าหนดราคาหรือปริมาณ
ตลาดในระบบเศรษฐกิจ จากหนังสือเรียน ผ้บู ริโภคโดยตรง สินค้าทที่ �าการซ้ือขายในแต่ละ ซ้ือขายสินค้า มากบ้างน้อยบ้างตามความไม่
สังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการเรียนรู ครั้งมจี �านวนไม่มากนัก สมบูรณ์ของตลาด
อื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตใน
อินเทอรเ น็ต การ
แบ่งตลาด
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ แบง่ ตามชนิดสินคา้ แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินคา้
ใหกับนักเรียนเพมิ่ เตมิ • ตลาดสินค้าเกษตร ท�าการซ้ือขายสินค้าเกษตร • ตลาดสินค้าผู้บริโภค เป็นตลาดท่ีผู้บริโภค

เช่น ขา้ ว ผลไม้ เนือ้ สัตว์ ซ้อื สนิ คา้ ไปบรโิ ภคโดยตรง เช่น เสอื้ ผา้
• ตลาดสินค้าอุตสาหกรรม ท�าการซื้อขายสินค้า • ตลาดสินค้าผู้ผลิตหรือตลาดปัจจัยการผลิต
อตุ สาหกรรม เช่น เคร่ืองจักร รถยนต ์ เคร่ืองใช้ เปน็ ตลาดทผี่ ซู้ อื้ นา� ไปใชใ้ นการผลติ อกี ทอดหนงึ่
ไฟฟ้า มักอยู่ในรูปของวัตถดุ บิ เช่น นา้� มัน
• ตลาดบริการ มีการซื้อขายบริการต่าง ๆ เช่น • ตลาดเงินและตลาดทุน ตลาดเงินเป็นตลาดท่ี
การขนสง่ ประกันภยั ธนาคาร มีการระดมทุนและให้กู้ยืมระยะสั้นไม่เกิน ๑ ป ี
ส่วนตลาดทุนเป็นตลาดท่ีมีการระดมทุนและให้
กยู้ ืมระยะยาวเกนิ ๑ ปี

92

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสรมิ

1 ขอบเขตของตลาด เปนเร่ืองของการดําเนินการติดตอซ้ือขายสินคาและ ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา ตลาดตามความเขาใจ
บริการระหวา งผผู ลิตกับผบู รโิ ภค ยงิ่ ชอ งทางการตดิ ตอ มีมากขึ้น จะชว ยทําให ของนักเรียนมีลักษณะสําคัญอยางไร และโดยปกติแลวนักเรียน
ขอบเขตของตลาดขยายตัวมากยิง่ ขน้ึ เลือกซอ้ื สินคา จากตลาดประเภทใด เพราะเหตใุ ด

บูรณาการอาเซียน

ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา การรวมกลุมเปนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเปน
ตัวอยางหน่ึงที่ทําใหเกิดตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตขนาดใหญ
โดยมีจุดมุงหมายใหเกิดการเปนตลาดเดียวและฐานการผลิตเดียว นอกจากน้ี
การเปนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะชวยใหประเทศสมาชิกมีความเปน
ปกแผน และชว ยสรา งอํานาจการตอรองในเวทกี ารเมืองระหวา งประเทศมากข้ึน

T104

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑.2 ตลาดตามลกั ษณะการแข่งขัน ขนั้ สอน

พจิ ารณาจากจ�านวนของผขู้ าย ผซู้ ือ้ และลักษณะของสนิ ค้าในตลาด โดยแบ่งตามลักษณะ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้
การแขง่ ขนั ได้ ๒ ประเภท คอื ตลาดแขง่ ขันสมบูรณแ์ ละตลาดแขง่ ขันไมส่ มบรู ณ์
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
การกา� ห๑น) ดตราลคาาดจแงึ ขเกง่ ดิ ขขัน้นึ สจมากบทูรั้งณผ ์ูซ้ เื้อปแน็ ลตะลผา้ขู ดาทยม่ี โกี ดายรไแมข่มง่ ีปขจันั จกยัันออ่ืนย1ม่างาเมตีอม็ ิททธรี่ ิพะลหใวนา่ รงาผคู้ซาือ้ สกนิ บั คผา้ ูข้ าย การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู
ระหวา งกนั
๑.๑) ลักษณะสา� คญั ของตลาดแข่งขนั สมบรู ณ ์ ประกอบดว้ ย
๑. มผี ู้ซือ้ และผ้ขู ายจ�านวนมาก ผซู้ ้อื และผู้ขายแต่ละรายต่างไม่มอี ทิ ธพิ ลเหนือ 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ราคาสินค้า ที่นาํ เสนอเพื่อใหไดขอมูลท่ีถกู ตอ ง
๒. สินค้าท่ีซื้อภายในตลาดจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ คือ สามารถใช้
ทดแทนกัน ไดอ้ ย่า๓งส. มผบซู้ รูอื้ ณแล์ ะผขู้ ายตา่ งรถู้ งึ สภาพการณใ์ นตลาด2เปน็ อยา่ งด ี เชน่ รรู้ าคาซอื้ ขายสนิ คา้ 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล
ภาวะการผลติ สนิ คา้ ความตอ้ งการสินค้าในตลาด หนาช้ันเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย
๔. การติดต่อซ้ือขายจะต้องกระท�าโดยสะดวก ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถติดต่อ และตอบคําถามรว มกัน
ซื้อขายกนั ไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็ว
๕. หนว่ ยธรุ กจิ สามารถเขา้ หรอื ออกจากธรุ กจิ การคา้ ไดโ้ ดยเสร ี โดยไมม่ ขี อ้ จา� กดั 4. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว มกนั และสมุ ตวั แทน
ในการเข้ามาประกอบธุรกิจของนกั ธุรกจิ รายใหม่ นกั เรยี นเพ่ือตอบคาํ ถาม เชน
๑.๒) ขอ้ ดีและข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบรู ณ์ มีดงั นี้ • การทมี่ ผี ขู ายและผซู อ้ื เปน จาํ นวนมาก สง ผล
ใหตลาดมสี ภาพอยา งไร
ข้อดี ข้อเสยี (แนวตอบ ทําใหมีการแขงขันกันสูง ผูที่มี
• ด้านการผลิต ผู้ผลิตจะท�าการผลิตสินค้าอย่างมี • ใ นระยะยาวผูผ้ ลติ จะได้กา� ไรนอ้ ยมาก หรือไดเ้ พยี ง ศักยภาพในการแขงขันต่ําตองเสียเปรียบ
ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ เพอ่ื ใหต้ น้ ทนุ ตา�่ ทสี่ ดุ การแขง่ ขนั เท่าทุน ตลาดน้ีจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในสภาพ และราคาสินคาไมคงท่ี ผูผลิตไมสามารถ
เปน็ การกระตุ้นใหม้ ผี ู้ผลิตรายใหมเ่ ข้ามาแขง่ ขนั • ค ไมว่มามีกเาปรน็แจขร่งิงข ันเนระื่อหงจว่าางกผไมู้ผม่ลิตีก3อา� ไยร่าเงปแน็ ทแ้จรรงิงก รผะตู้ผ้นุลิต กําหนดราคาไดโดยเด็ดขาด ทําใหกําไร
• ด้านการบริโภค ผบู้ ริโภคจะได้รับความพอใจสูงสดุ ไมแนนอน หรืออาจไมมีกําไรเพราะมีการ
ในการเลอื กซอ้ื สนิ ค้าและบรกิ าร และโอกาสในการ แต่ละรายมีความสามารถไม่เท่ากัน ท�าให้ผู้ท่ีมี แขง ขันสงู )
เลอื กซอ้ื สนิ คา้ ในราคาที่ต่�าทส่ี ดุ ความสามารถในการบริหารจัดการน้อยไม่สามารถ • นักเรียนมีความคิดเห็นอยางไร หากราคา
• ระบบเศรษฐกจิ โดยรวม ท�าใหก้ ารจัดสรรทรัพยากร ลดตน้ ทนุ การผลติ ได ้ อาจประสบปญั หาการขาดทนุ ของสินคาหรือบริการถูกกําหนดโดยผูผลิต
มปี ระสทิ ธภิ าพ การกระจายรายไดค้ อ่ นขา้ งเสมอภาค ต้องเลิกกิจการไปในท่ีสุด ท�าให้ไม่มีการแข่งขัน หรือผบู รโิ ภคเพยี งฝา ยเดยี ว
ผู้ผลิตจะไม่ได้ก�าไรเกินควร และผู้บริโภคสามารถ ระหว่างผูผ้ ลิตที่แทจ้ รงิ (แนวตอบ คําตอบไมมีถูกหรือผิด แตเนนที่
เหตุและผลที่นํามาสนับสนุน ตองมีความ
สอดคลองถึงผลดี-ผลเสียท่ีมีตอผูผลิตหรือ
ผบู ริโภค)

ซื้อสินค้าได้ในราคาท่ีสมเหตุสมผล รวมท้ังมีการ • ผผู้ ลติ มกั จะไมล่ งทนุ จา� นวนมาก หรอื ไมม่ กี ารลงทนุ
ปรบั ปรงุ การผลิตของผผู้ ลิตอยู่เสมอ ขนาดใหญ่ เน่ืองจากการผลิตมีก�าไรน้อย ท�าให้
สภาพการลงทุนใหม่ ๆ มีไม่มากเม่ือเปรียบเทียบ
กับตลาดอน่ื ๆ

93

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

“ราคาสินคา ถูกกาํ หนดโดยกลไกตลาด” จัดเปน ตลาดประเภทใด 1 ปจจัยอื่น อาจหมายถึง การที่รัฐบาลเขามาแทรกแซงตลาด โดยการใช
1. ตลาดสนิ คาบรโิ ภค มาตรการตา งๆ เชน การประกันราคา การกําหนดจํานวนการซอื้ การขาย ฯลฯ
2. ตลาดแขงขันสมบรู ณ 2 สภาพการณใ นตลาด เปน เรอื่ งของภาวะของปรมิ าณการผลติ การนาํ สนิ คา
3. ตลาดเงนิ และตลาดทุน ออกจําหนาย ความตองการบริโภคสินคา ภาวะการแขงขันของท้ังตลาด
4. ตลาดแขง ขนั ไมสมบูรณ ในประเทศและตลาดตา งประเทศ
3 การแขงขันระหวางผูผลิต เปนการแขงขันในการผลิตของเอกชนอยางเสรี
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ตลาดแขง ขนั สมบรู ณ เนอ่ื งจากเปน โดยมีรปู แบบการแขงขันแบบหลากหลาย เชน การลดราคาสนิ คา การสงเสริม
ตลาดทมี่ กี ารแขง ขนั อยา งเตม็ ทร่ี ะหวา งผซู อ้ื และผขู าย ราคาสนิ คา การขาย โฆษณา ใชเทคโนโลยีสมัยใหมใ นการผลติ ฯลฯ
จึงถูกกําหนดโดยกลไกตลาด ซ่ึงเปนการแบงตลาดตามลักษณะ
การแขงขันที่มีอยูในตลาด ท่ีแบงเปนตลาดแขงขันสมบูรณและ
ตลาดแขงขันไมส มบรู ณ)

T105

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๒) ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ เป็นตลาดท่ีผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการก�าหนดราคา

ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ หรือปริมาณสินค้าในตลาด เนื่องจากสินค้าส่วนมากมีลักษณะไม่เหมือนกัน ท�าให้ผู้ซ้ือเกิด
ความพึงพอใจสินค้าของผู้ขายคนหนึ่งมากกว่าอีกคนหนึ่ง นอกจากน้ี ผู้ซื้อหรือผู้ขายในธุรกิจมี
5. ครูซักถามขอสงสัยของนักเรียนเพิ่มเติม นอ้ ยเกนิ ไป ท�าใหม้ ีอิทธพิ ลเหนอื ราคา และเปน็ ผูก้ า� หนดราคาเสยี เอง หรืออาจมีปจั จัยอนื่ เชน่
หรือต้ังประเด็นเพื่อใหนักเรียนรวมกันคนหา การเคล่ือนย้ายสินค้าไม่สะดวก การติดต่อส่ือสารกันได้ยาก ผู้บริโภคไม่ค่อยมีความรอบรู้ใน
คําตอบเพ่ิมเตมิ เชน ภาวะตลาด
• ตลาดแขงขนั ไมสมบรู ณม ลี ักษณะอยา งไร ๒.๑) ประเภทของตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ โดยพิจารณาจากที่ผู้ขายมีอิทธิพลในการ
• ตลาดแขงขันไมสมบูรณผูขายมีบทบาท ก�าหนดราคาหรือปริมาณสนิ คา้ ในตลาด ดงั น้ี
อยา งไร
• ตลาดแขงขันไมสมบูรณมีขอดี-ขอเสีย
อยางไร

• ต ลาดก่ึงแขง่ ขนั กึง่ ผูกขาด มีผูข้ ายเปน็ จา� นวนมากและมีอสิ ระในการวางนโยบายการขาย
โดยสินค้าท่ีผลิตมีลักษณะหรือมาตรฐานท่ีแตกต่างกัน คือ เป็นสินค้าอย่างเดียวกันแต่มี
หลายย่ีห้อ ท�าให้ผู้ขายสามารถก�าหนดราคาเองได้ ท้ัง ๆ ที่ต้องแข่งขันกับผู้ขายรายอื่น
ดา นผู้ขาย เชน่ สบ ู่ ยาสีฟนั

• ตลาดท่ีมผี ู้ขายน้อยราย มีผู้ขายไมก่ ร่ี ายแต่ขายสินคา้ จ�านวนมากเม่อื เทยี บกับตลาดทัง้ หมด ถา้ ผ้ขู ายมกี าร
• เตปลลาี่ยดนผแกู ปขลาดงร1 าเปคน็าจตะลสาง่ ดผทลม่ี กผี ร้ขูะทายบเตพอ่ ียผงูผ้รลายติ เรดาียยวอ ืน่ ท �าเใชหน่ ้ผ ู้ขบารยษิ มัทอี โรทิ งธกพิ ลลน่ั เนหา้�นมือนั ราคา เชน่ โรงงานยาสบู รถไฟ

 ยาสูบเปน็ สินค้าผกู ขาดชนิดหนง่ึ เพราะผู้ปลูกตอ้ งขายใบยาสดใหส้ ถานีบ่มใบยา และสถานีบ่มใบยาต้องขายใบยาแหง้ ให้

ผลโรตงองาผนซู้ยาือ้ สบู เท่านั้น

94

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครูอาจใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางตลาดแขงขันไมสมบูรณที่เกิดขึ้นจริง ทกุ ขอ เปน ลักษณะของตลาดแขง ขันไมสมบรู ณ ยกเวนขอใด
3-4 ตวั อยา งทไ่ี มซา้ํ กัน แลว ใหวิเคราะหถงึ ขอ ด-ี ขอ เสีย 1. มีผซู อื้ และผูขายจํานวนมาก
2. สนิ คา สวนมากมีลักษณะไมเ หมอื นกนั
นักเรียนควรรู 3. ผซู อ้ื และผูข ายมีอิทธพิ ลในการกําหนดราคาในตลาด
4. ผูซ อื้ และผขู ายมอี ทิ ธิพลในการกําหนดปรมิ าณสนิ คาในตลาด
1 ตลาดผูกขาด มีผูขายรายเดียวเปนผูมีอํานาจในการกําหนดราคาสินคา
และบริการของตน การแขงขนั มนี อย ทาํ ใหผบู รโิ ภคตอ งซือ้ สินคาในราคาแพง (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เน่ืองจากตลาดแขงขันไมสมบูรณ
เกนิ ควร หรอื ตองซอ้ื สินคาท่มี คี ณุ ภาพตาํ่ โดยไมมที างเลอื ก แตถ าตลาดผูกขาด เปนตลาดท่ีผูซ้ือและผูขายในธุรกิจมีนอยเกินไป ทําใหมีอิทธิพล
เปนของรัฐ การซื้อขายสินคาของรัฐอาจจะอยูในรูปของการกําหนดราคา เหนือราคา จึงมีอิทธิพลในการกําหนดราคาหรือปริมาณสินคา
พอสมควร เพ่อื ใหเปน สวสั ดิการของประชาชนในประเทศ ในตลาด)

T106

นาํ สอน สรุป ประเมิน

การผูกขาดในตลาดแขง่ ขนั ไม่สมบรู ณอ์ าจไม่ได้เกดิ จากผู้ผลิตรายเดยี ว แตอ่ าจรวมตัวกัน ขน้ั สรปุ
หลายรายเพอ่ื กา� หนดราคารว่ มกนั เชน่ นา�้ มนั ถกู กา� หนดราคาจากกลมุ่ โอเปก ทา� ใหไ้ มม่ กี ารแขง่ ขนั
ด้านราคา ถึงแม้คุณภาพสินค้าเท่ากัน ในการก�าหนดราคาไม่ได้หมายความว่าผู้ผลิตมีอ�านาจ ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ
เดด็ ขาด แตจ่ ะมมี ากหรอื นอ้ ยขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะของอตุ สาหกรรมนน้ั ซงึ่ มคี วามแตกตา่ งดา้ นจา� นวน
ขนาดของผู้ให้บริการ และอิทธิพลของผู้ให้บริการรายใหญ่ในตลาดด้วย เช่น ตลาดน�้าอัดลม 1. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.1 เร่ือง
ตลาดหนังสือพิมพ์ ซึ่งการก�าหนดราคามักจะเท่ากัน แม้ต้นทุนการผลิตต่างกัน เพื่อหลีกเลี่ยง ตลาดในระบบเศรษฐกจิ โดยครแู นะนาํ เพมิ่ เตมิ
การแข่งขันดา้ นราคา จงึ มักก�าหนดราคาตามผผู้ ลิตรายใหญห่ รือก�าหนดราคารว่ มกัน
๒.๒) ขอ้ ดีและข้อเสยี ของตลาดแขง่ ขนั ไม่สมบรู ณ ์ มีดงั นี้ 2. ครใู หน ักเรยี นทาํ แบบฝกสมรรถนะฯ
เศรษฐศาสตร ม.3 เกยี่ วกบั เรอื่ ง ตลาดในระบบ
ข้อดี เศรษฐกจิ เพอ่ื เปน การบา นสง ครใู นชวั่ โมงถดั ไป

• ส ามารถควบคมุ การบรโิ ภคและการใหส้ วสั ดกิ าร เปน็ กจิ การทรี่ ฐั เขา้ ไปผกู ขาดการผลติ เพอื่ ควบคมุ การบรโิ ภค ขนั้ ประเมนิ
เชน่ สุรา สลากกินแบ่งรัฐบาล หรอื กิจการบางประเภททีร่ ฐั เขา้ ไปดา� เนินการชว่ ยเหลือและใหส้ วสั ดิการแก่
ประชาชน เพอ่ื ให้ไดบ้ รโิ ภคสินค้าในราคาตา�่ เชน่ กิจการรถไฟ องคก์ ารขนสง่ มวลชน ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล

• ส ามารถควบคุมสภาพแวดลอ้ ม กิจการบางประเภทรฐั ต้องเข้าไปควบคุมไมใ่ ห้มีผ้ผู ลติ มากเกนิ ไป เนอื่ งจาก 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
เกรงว่าจะเกิดปัญหาสภาพแวดลอ้ ม และรัฐสามารถเข้าควบคุมได้โดยสะดวก ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.3
• ส ง่ ผลดตี อ่ การผลติ สนิ ค้าพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สว่ นใหญ่เป็นสินค้าท่ีตอ้ งใช้เงนิ ลงทนุ มากแตผ่ ลตอบแทนตา�่
เชน่ ไฟฟา้ ประปา รฐั ตอ้ งเขา้ ไปดา� เนนิ การเพอ่ื ใหป้ ระชาชนบรโิ ภคสนิ คา้ ในราคาทเ่ี ปน็ ธรรม 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
• ส รา้ งแรงจงู ใจใหภ้ าคเอกชน เนอ่ื งจากรฐั บาลมกี ารจ�ากดั จา� นวนธรุ กจิ เชน่ การสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารกอ่ ตงั้ โรงงาน หนาช้นั เรียน
เหล็กแผน่ รีดรอ้ นและรดี เย็น โดยไม่มีคู่แข่งในชว่ งระยะเวลาหน่ึง
3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.3

ข้อเสยี

• ก ารจดั สรรทรพั ยากรไมเ่ ปน็ ธรรม เมอื่ มผี ผู้ ลติ ผกู ขาดหรอื ผผู้ ลติ นอ้ ยราย ทา� ใหผ้ ผู้ ลติ เลอื กซอ้ื ปจั จยั การผลติ
ทีด่ อ้ ยคุณภาพ เอาเปรยี บแรงงาน แต่จา� หนา่ ยสินค้าในราคาสงู

• ส่งผลกระทบตอ่ การบริโภค ท�าใหผ้ ูบ้ ริโภคขาดทางเลอื กในการบริโภคสินคา้
• ม ีการแข่งขันน้อย เน่ืองจากการกีดกันจากผู้ผลิต ท�าให้ผู้ผลิตรายอื่นไม่สามารถเข้ามาท�าการแข่งขันได้

ผ้บู ริโภคจงึ ต้องบริโภคสินคา้ ราคาสูง และเม่อื มผี ูผ้ ลติ จ�านวนน้อย การจ้างงานจึงมีน้อย

โดยภาพรวมสามารถเปรยี บเทยี บลกั ษณะการแข่งขนั ในตลาดลกั ษณะตา่ ง ๆ ได ้ ดังน้ี

ตลาด จ�านวนผขู้ าย ลกั ษณะสนิ ค้า ความยากง่ายในการเข้าสตู่ ลาด

แขง่ ขนั สมบูรณ์ มาก ทดแทนกันไดอ้ ย่างสมบูรณ์ เข้ามาได้โดยงา่ ย

แข่งขนั ไมส่ มบูรณ์ น้อย ทดแทนกนั ไดไ้ ม่สมบูรณ์ เขา้ มาได้ยากมาก

95

ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล

ตลาดแขง ขนั กึง่ ผกู ขาดคอื อะไร ยกตวั อยางประกอบ ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอ้ื หา เรอื่ ง ตลาดในระบบเศรษฐกจิ
ไดจากการสืบคนและนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัด
(แนวตอบ ตลาดแขงขันกึ่งผูกขาด คือ ตลาดท่ีมีผูขายสินคา และประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบทายแผนการจัดการ
หรือบรกิ ารจาํ นวนนอย มกี ารโฆษณาสินคา หรอื บรกิ ารน้ัน ราคา เรยี นรูหนว ยท่ี 6 เรือ่ ง กลไกราคาในระบบเศรษฐกจิ
ใกลเคียงกัน แตจะแตกตางกันบางในปจจัยประกอบอื่นๆ เชน
ยห่ี อ สญั ลกั ษณข องสนิ คา รปู แบบการใหบ รกิ ารเสรมิ ตา งๆ เชน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ตลาดบะหมก่ี งึ่ สาํ เรจ็ รปู ตลาดโทรคมนาคม)
คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา
2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเร่ือง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

T107

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาำ (5Es Instructional Model) ๒. กรลาคไากสินรคา้าคแลาะบริการท่ีผลิตข้ึนในระบบเศรษฐกิจ1จะถูกก�าหนดข้ึนโดยอุปสงค์ ซ่ึงแสดง
ปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สินค้าของผ้บู รโิ ภค และอปุ ทาน แสดงปริมาณเสนอขายสนิ คา้ ของผู้ผลิต
ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ เรยี กวา่ “กลไกราคา”
กลไกราคา (price mechanism) หมายถงึ การเปลีย่ นแปลงในระดบั ราคาสนิ ค้า ซึง่ เกิดข้นึ
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเรื่อง จากแรงผลักดันของอุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาด เมื่อผู้ผลิตพยายามท�าการปรับปรุงการผลิต
ทจี่ ะเรียนรู จุดประสงคก ารเรยี นรู และผลการ ของตนใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคในตลาด เมอื่ ใดทปี่ รมิ าณสนิ คา้ และบรกิ ารทผี่ ผู้ ลติ
เรียนรู ได้ผลิตขึ้นมเี ปน็ จ�านวนมาก ขณะท่ปี ริมาณความต้องการของผ้บู ริโภคยงั คงมีเทา่ เดิม ระดบั ราคา
สนิ ค้าชนดิ นัน้ จะลดลง
2. ครสู นทนากบั นกั เรยี นวา มนี กั เรยี นคนใดเคยสงั่ กลไกราคามีความส�าคัญในระบบเศรษฐกิจ จะเป็นตัวที่ช่วยในการตัดสินใจของผู้บริโภค
ซอื้ สนิ คา ผา นทางระบบอนิ เทอรเ นต็ บา งหรอื ไม และผผู้ ลติ กลา่ วคอื ถา้ เมอื่ ใดทร่ี ะดบั ราคาสนิ คา้ สงู มาก แสดงวา่ ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคมมี าก
และมวี ธิ กี ารซอื้ สนิ คา อยา งไร มปี จ จยั ใดทท่ี าํ ให ทางผผู้ ลติ จะดา� เนนิ การผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารเพม่ิ ทา� ใหป้ รมิ าณสนิ คา้ ในตลาดเพม่ิ ขนึ้ ระดบั ราคา
นักเรียนตัดสินใจซื้อสินคา รวมถึงใหนักเรียน สนิ ค้ากจ็ ะลดลง
บอกช่ือเว็บไซตที่มีการซื้อ-ขายสินคาและ ถ้าเมื่อใดที่ระดับราคาสินค้าต�่ามาก แสดงว่าสินค้าน้ันมีปริมาณเกินความต้องการของ
บรกิ ารตาง ๆ ทนี่ กั เรยี นรูจักมาพอสังเขป ผู้บริโภค ทางผู้ผลิตก็จะด�าเนินการลดปริมาณการผลิตลง ระดับราคาสินค้าก็จะมีแนวโน้มสูงข้ึน
ดังน้ัน กลไกราคาจึงอาศัยกระบวนการท�างานของอุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาดของสินค้าและ
3. ครูยกตัวอยางสินคาท่ีมีราคาแพงข้ึน เชน บรกิ ารในระบบเศรษฐกิจเปน็ ส�าคญั
อาหาร อปุ กรณเคร่อื งเขยี น ทองคาํ และถาม
นกั เรียนวา 2.๑ อุปสงค์
• ถา ราคาปรบั เพมิ่ ขนึ้ อกี นกั เรยี นจะซอื้ หรอื ไม อปุ สงค ์ (demand) หมายถึง ปริมาณสินค้าและบรกิ ารทผ่ี ้บู ริโภคตอ้ งการและสามารถซ้ือ
เพราะเหตุใด สนิ คา้ ในระยะเวลาหนึ่ง ณ ระดบั ราคาต่าง ๆ ของสินคา้ และบริการชนดิ นน้ั
• นักเรียนคิดวา เพราะเหตุใดราคาสินคาจึง
ปรับเพม่ิ สูงข้นึ ๑) เส้นอุปสงค์และกฎของอุปสงค์

4. ครเู ชอ่ื มโยงเขา สบู ทเรยี น เกย่ี วกบั ความสาํ คญั
ของกลไกราคาในระบบเศรษฐกจิ โดยครซู กั ถาม
และอธิบายขยายความจากสิ่งที่นักเรียนตอบ
จากนน้ั อภิปรายความรูรว มกัน

การซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคข้ึนอยู่กับ
ราคาสนิ คา้ และบรกิ ารนน้ั ๆ การศกึ ษาเรอื่ งของ
อปุ สงคเ์ ปน็ การศกึ ษาเพอ่ื อธบิ ายพฤตกิ รรมของ
ผู้บริโภคเกี่ยวกับการเลือกซ้ือสินค้าและบริการ
ซ่ึงโดยปกติแล้ว เส้นอุปสงค์จะมีลักษณะท่ี
ลาดลงจากซ้ายไปขวา และมีความชันของเส้น
เป็นค่าลบ บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของความ
 การเลอื กบรโิ ภคสนิ คา้ ขนึ้ อยกู่ บั ความตอ้ งการ ความพอใจ ต้องการซ้ือสินค้ากับราคาสินค้าในทิศทางตรง
และความจา� เปน็ ของผบู้ รโิ ภค กันขา้ ม เช่น การเลอื กซ้ือดนิ สอของปยิ ะ ดังน้ี
96

นักเรียนควรรู กิจกรรม ทา ทาย

1 ระบบเศรษฐกิจ เปนกระบวนการทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความรวมมือกัน ครูยกตัวอยางสถานการณในชวงวิกฤตโควิด-19 แลวให
ของมนุษยในการสรางและใชทรัพยากร เพ่ือสนองความตองการระหวางกัน นกั เรยี นยกตัวอยา งสินคา ทีม่ ีราคาแพงขน้ึ ในชว งนี้ เชน หนา กาก
ของสมาชกิ ในสังคมท่ีมกี ารปฏิบัตคิ ลายคลึงกัน อนามัย เจลลา งมือ ไขไ ก ฯลฯ แลว ใหนกั เรยี นรวมกันวิเคราะหว า

สื่อ Digital • เพราะเหตุใดราคาถงึ แพงข้นึ
• ถาราคาเพิ่มขึ้นมากนักเรียนจะซื้อสินคาดังกลาวหรือไม
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั “กลไกราคา” ไดท ่ี https://curadio.
chula.ac.th/ เพราะเหตใุ ด
• กลไกราคาเกีย่ วขอ งกับสถานการณด ังกลาวอยางไร

T108

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ตารางอุปสงค์ในการซื้อดินสอของปยะ ณ ระดับราคาต่าง ๆ ขนั้ สอน

ราค(าบตา่อทแ)ทง่ ปร(มิ แาทณ่ง)ซอ้ื P (ราคา : บาท / แท่ง) ขน้ั ที่ 2 สาำ รวจคน้ หา
๒๐ ๑
๑๘ ๒ ๒๐ 1. ครูใหนักเรียนแบง กลมุ ศกึ ษาคน ควา เกยี่ วกบั
๑๖ ๓ ๑๘ เส้นอุปสงค์ กลไกราคา จากหนงั สอื เรยี นสงั คมศกึ ษาฯ ม.3
๑๖ หรอื จากแหลงการเรียนรูอ ื่นๆ เชน หนังสอื ใน
๑๔ หองสมุด เวบ็ ไซตใ นอินเทอรเน็ต ในประเด็น
๑๒ ดังน้ี
๑๐ • การทํางานของกลไกราคาในตลาด
๑๔ ๔ Demand • ความสัมพันธและความสําคัญของอุปสงค
อุปทาน
๑๒ ๕
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ
๑๐ ๖ ๐ ñ ò ó ô õ ö (ปรมิ าณ : แQท่ง) ใหกับนกั เรยี นเพ่มิ เตมิ
เส้นอุปสงค์ในการซ้ือดนิ สอของปยะ

จากความสัมพันธ์ในเรื่องราคากับปริมาณการซื้อสินค้าและบริการของบุคคล สรุปได้ว่า
ผบู้ รโิ ภคจะซอ้ื สนิ คา้ ในปรมิ าณทส่ี งู ขนึ้ เมอ่ื ราคาของสนิ คา้ ชนดิ นน้ั ลดลง และจะซอื้ สนิ คา้ ในปรมิ าณ
ทล่ี ดลงเมอ่ื ราคาของสนิ ค้าชนิดนน้ั สูงขน้ึ ดว้ ยเหตนุ ้ี จงึ ตั้งเป็นกฎของอปุ สงค ์ (law of demand)
ได้วา่ “ถ้าราคาสนิ ค้าและบริการใด ๆ เพมิ่ ขึ้น ความตอ้ งการซ้ือสนิ ค้าและบรกิ ารน้นั จะลดนอ้ ยลง
ตรงกันข้าม ถ้าราคาสินค้าหรอื บริการใด ๆ ลดลง ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารนัน้ จะเพม่ิ ขึน้
โดยใหป้ จ จัยอน่ื ๆ คงที่”

๒) ตัวก�าหนดอุปสงค์ คือ ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อจ�านวนหรือปริมาณที่ต้องการซ้ือและมี
อทิ ธพิ ลรตาคอ่ าปสรนิมิ คาณา้ 1ชซนือ้ ดิ มนานั้ กถนา้ อ้ รยาคไมาสเ่ นิทคา่ า้กนั ขึน้ อยู่กบั พฤตกิ รรรมายขไอดง้เผฉู้บลรี่ยโิ ภถค้าแเพติ่มล่ สะูงคขน้ึนแ ลคะวเาวมลา เช่น
สงู ขึน้ ปริมาณซ้อื จะลดลง ถา้ ราคา ตอ้ งการสินคา้ ก็จะสงู ขึ้น หากสนิ คา้
สนิ ค้าลดลง ปรมิ าณซ้อื จะสงู ขึ้น ชนิดนัน้ เปน็ สินคา้ ปกตทิ วั่ ไป

จาำ นวนประชากร ถา้ ประเทศใด ปจั จัยใน ฤดูกาล เช่น ฤดูหนาว ความ
มปี ระชากรเพมิ่ ขน้ึ ความตอ้ งการ การกาำ หนด ต้องการเส้ือกันหนาวเพิ่มข้ึน ฤดู
สนิ คา้ และบริการกเ็ พม่ิ ข้นึ ร้อน ความตอ้ งการน�้าแข็งเพิ่มข้ึน
อุปสงค์

การศึกษาและการโฆษณา เช่น ปจั จยั อน่ื ๆ เชน่ รสนยิ ม ความนยิ ม
การรับรู้ถึงประโยชน์ การโฆษณา การคาดคะเนราคาสนิ คา้
ทีด่ ีจะทา� ใหข้ ายสินคา้ ได้มากขึ้น

ราคาสินค้าชนิดอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง 97
เช่น ราคาสินค้าท่ีใช้ทดแทนกันและ
ราคาสนิ คา้ ทีใ่ ช้ประกอบกัน

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ขอ ใดไมสอดคลองกบั กฎของอปุ สงค ครูควรอธิบายการอานและวิเคราะหเสนอุปสงควา เสนอุปสงคจะทอดลง
1. ฤดฝู นทําใหค นซือ้ รมมากข้นึ จากซายไปขวา เพราะราคาและปริมาณซ้ือขายสินคาเปล่ียนแปลงในทิศทาง
2. เมื่อไขไกม ีราคาแพงขึ้นคนก็จะซอ้ื นอ ยลง ตรงกันขา ม
3. มีดาราดังเปน พรีเซ็นเตอรทําใหส นิ คาขายดีข้ึน
4. หากขา วมรี าคาแพงขนึ้ ทาํ ใหต า งประเทศงดซอ้ื ขา วจากไทย นักเรียนควรรู
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4 กฎของอุปสงค คอื ถา ราคาสนิ คา
1 ราคาสนิ คา ปรมิ าณการซอ้ื สนิ คา จะเปน เทา ไรขน้ึ อยกู บั ราคาสนิ คา แตส นิ คา
และบรกิ ารเพม่ิ ขนึ้ ความตอ งการซอื้ สนิ คา และบรกิ ารจะลดนอ ยลง บางชนดิ เชน สนิ คา เกษตรซง่ึ มคี วามยดื หยนุ ตอ ราคานอ ย การเปลย่ี นแปลงของ
ไมใ ชง ดซอ้ื สนิ คา และบรกิ ารดงั กลา ว สว นขอ อนื่ ตรงตามตวั กาํ หนด ราคาไมมีผลตอปริมาณซื้อมากนัก เนื่องจากเปนสินคาที่มีความจําเปนตอการ
อปุ สงค) ดาํ รงชพี บริโภคไดป รมิ าณจํากัด ปริมาณซอ้ื จงึ เปลี่ยนแปลงไดน อ ย ไมวาราคา
จะเพ่ิมขึน้ หรอื ลดลงก็ตาม

T109

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๓) การเปลยี่ นแปลงของอปุ สงค ์ มี ๒ ลักษณะ ดังนี้

ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ ๓.๑) การเปลี่ยนแปลงปรมิ าณอปุ สงค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาณการซือ้ ทเี่ กิดจาก
การเปลี่ยนแปลงราคาสนิ คา้ ชนดิ นัน้ โดยให้ปจั จยั อน่ื ๆ ที่ไมใ่ ช่ราคาคงที่
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ตัวอย่าง
ระหวา งกัน
เสอ้ื ราคาตัวละ ๑,๑๐๐ บาท ปรมิ าณความ P (ราคา : บาท / ตัว)
2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ต้องการซอ้ื เสอ้ื จ�านวน ๖๖๐ ตัว เม่อื เสื้อลดราคาลง ๑,๑๐๐ A
ทนี่ ําเสนอเพ่ือใหไดขอ มลู ท่ีถกู ตอง เหลอื ตวั ละ ๕๕๐ บาท ปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื เพมิ่
ขึ้นเป็น ๙๘๐ ตัว ซึ่งจะเห็นไดจ้ ากการเคลอื่ นย้าย ๕๕๐ B
3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล จากจุด A ไปจดุ B บนเส้นอุปสงคเ์ สน้ เดยี วกนั Demand
หนาชั้นเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย
และตอบคาํ ถามรว มกนั ๐ ๖๖๐ ๙๘๐ (ปรมิ าณ Q: ตัว)
แสดงการเปล่ียนแปลงปรมิ าณอุปสงค์
4. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับกลไก
ราคา ประกอบการศึกษาตารางและกราฟ ๓.๒) การเปล่ียนแปลงระดับอุปสงค์ เป็นการเปล่ียนแปลงปริมาณความต้องการซ้ือ
ตา ง ๆ และสมุ ตวั แทนนกั เรยี นเพอ่ื ตอบคาํ ถาม ในขณะท่ีราคาสินค้าและบริการยังคงเดิม แต่เป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคาสินค้าอื่นท่ี
เชน เกย่ี วขอ้ ง รายได้ จา� นวนประชากร ฤดูกาล การโฆษณา ที่ส่งผลใหป้ รมิ าณซ้อื เพ่มิ ขึ้นหรอื ลดลง
• จากตัวอยางการเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค
ปริมาณการซ้ือเส้ือกันหนาวมีปจจัยมาจาก ตวั อยา่ ง
สิ่งใดบาง
(แนวตอบ ฤดกู าล คอื สภาพอากาศทห่ี นาว เดิมเส้ือกันหนาวราคาตวั ละ ๗๕๐ บาท มี P (ราคา : บาท / ตวั )
ลงทาํ ใหต องการซอ้ื เส้อื กนั หนาว ถา อากาศ
รอนขึ้นปริมาณการซ้ือก็ลดลง ถึงแมราคา
จะถกู ลงกต็ าม)

ผตู้ อ้ งการซื้อบนเส้นอุปสงค์ D๐ (ที่จดุ A จ�านวน CA B
๓๐๐ ตัว) เมื่ออากาศเย็นลงมาก ๆ ท�าให้ความ
ตอ้ งการเสอื้ กนั หนาวเพม่ิ ขน้ึ ไปอยบู่ นเสน้ D๑ (ทจี่ ดุ ๗๕๐ ๒๐๐ ๓๐๐ D๒ D๐(ปริมาDณ๑ :Q ตวั )
B จ�านวน ๔๐๐ ตัว) ท้ัง ๆ ที่ราคาเส้ือกันหนาว ๔๐๐
ยงั คงเดมิ ที่ ๗๕๐ บาท และเม่อื อณุ หภมู ิเพ่ิมสูงข้ึน ๐
ท�าให้ความต้องการเส้ือกันหนาวลดลงไปอยู่บนเส้น แสดงการเปลยี่ นแปลงระดบั อุปสงค์
D๒ (ทีจ่ ุด C จ�านวน ๒๐๐ ตัว) โดยเสื้อกนั หนาว
ยังคงราคาเดิม แต่เกิดการเปล่ียนแปลงปริมาณ

การซ้ือเนือ่ งมาจากฤดกู าลนัน่ เองโดยที่ราคาคงเดมิ

98

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

เทคนคิ ในการสอนเรอ่ื งกฎอปุ สงคแ ละกฎอปุ ทานทใ่ี หน กั เรยี นเขา ใจไดอ ยา ง การเปลี่ยนแปลงระดบั อุปสงคเ กิดจากอะไร และปจจัยใดบา ง
รวดเร็ว คือ หากเปนกฎอุปสงคใหนักเรียนคิดวาตนเองเปนคนซื้อและหาก ทสี่ งผลตอการเปล่ยี นแปลงระดับอุปสงค ยกตัวอยางประกอบ
เปน กฎอปุ ทานใหน กั เรยี นคดิ วา ตนเองเปน คนขาย นกั เรยี นจะสามารถคดิ ไดเ อง
และเขาใจในกฎอุปสงควา ถาราคาสินคาเพ่ิมขึ้น ความตองการซื้อจะนอยลง (แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงคเปนการเปล่ียนแปลง
ถาราคาสินคาตํ่าลง ความตองการซ้ือจะเพ่ิมข้ึน สวนกฎอุปทานเม่ือนักเรียน ปรมิ าณความตอ งการซอื้ ในขณะทร่ี าคาสนิ คา และบรกิ ารยงั คงเดมิ
มองวา ตวั เองเปน คนขายจะเขา ใจในกฎอปุ ทานวา ถา ราคาเพมิ่ ขน้ึ ความตอ งการ แตเปนผลมาจากปจจัยตางๆ อาทิ ราคาสินคาอื่นท่ีเก่ียวของ
ขายกจ็ ะเพิ่มขึน้ ถา ราคาตํ่าลง ความตอ งการขายกจ็ ะนอ ยลง รายได ฤดูกาล การโฆษณา ที่สงผลใหปริมาณซื้อเพิ่มขึ้นหรือ
ลดลง เชน การโฆษณาที่นาสนใจ สงผลใหปริมาณการซื้อเพิ่ม
มากขน้ึ )

T110

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2.2 อุปทาน ขน้ั สอน

อุปทาน (supply) หมายถึง ปริมาณสินค้าและบริการท่ีผู้ผลิตหรือผู้ขายพร้อมท่ีจะผลิต ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้
ออกขาย ณ ระดับราคาต่าง ๆ ภายในระยะเวลาท่ีก�าหนด ซ่ึงนอกจากราคาสินคา้ แลว้ ปัจจัยอ่นื ๆ
อีกหลายอย่างก็ส่งผลต่ออุปทานด้วยเช่นกัน ท้ังในด้านต้นทุนการผลิต สภาพดินฟ้าอากาศ • ถา สนิ คา ทซ่ี อื้ เปน ประจาํ ขนึ้ ราคานกั เรยี นจะ
ตลอดจนเทคโนโลยีและเทคนิคท่ีใชใ้ นการผลิตสนิ ค้าและบริการ ซอื้ สนิ คานน้ั อีกหรอื ไม เพราะเหตุใด
(แนวตอบ ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น
๑) เส้นอุปทานและกฎของอุปทาน การผลิตสินค้าและบริการขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย อยางหลากหลาย)

ประการ เชน่ ราคาสนิ คา้ ชนดิ นนั้ การศึกษาเรอ่ื งอปุ ทานเปน็ การศกึ ษาเพ่ืออธิบายพฤติกรรมของ • จากตารางอุปทานการผลิตรองเทาของ
ผผู้ ลติ เกย่ี วกบั การผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร เชน่ การผลติ รองเทา้ ของนายสมงิ เมอ่ื รองเทา้ มรี าคาแพง นายสมิง แสดงใหเห็นวานายสมิงตองการ
กท็ า� การผลิตมาก แต่ถา้ รองเท้าราคาถกู ลงกล็ ดการผลิตลง ดังนี้ ผลติ รองเทาเมื่อใด
(แนวตอบ เม่ือราคาเพ่ิมสงู ขน้ึ )
ตารางอุปทานในการผลติ รองเท้าของนายสมงิ ณ ระดับราคาตา่ ง ๆ
• ปจ จยั ใดบา งทท่ี าํ ใหราคารองเทา เพ่มิ สงู ขึ้น
ราคารองเท้า ปริมาณผลิต P (ราคา : บาท / คู่) Supply (แนวตอบ เชน จํานวนผผู ลติ นอยลง จาํ นวน
(บาท) (คู่) เส้นอุปทาน ผบู ริโภคเพ่มิ ขนึ้ )
๒๐๐ ๔
๑๘๐ ๓ ๑๒๑๘๖๐๐๐๐ 5. ครูซักถามขอสงสัยของนักเรียนเพิ่มเติม โดย
๑๖๐ ๒ ๑๑๔๒๐๐ อาจใช PPT เรื่อง กลไกราคา สรุปความรู
เพ่ิมเติม

๑๔๐ ๑

๑๒๐ ๐ ๐ ๑๒๓๔ (ปรมิ าQณ : คู)่

เส้นอุปทานในการผลติ รองเทา้ ของนายสมงิ

จากความสมั พนั ธใ์ นเรอื่ งราคากบั ปรมิ าณการผลติ รองเทา้ สรปุ ไดว้ า่ ผผู้ ลติ มกั จะผลติ สนิ คา้
มากข้ึนเม่ือราคาสูงขึ้น และผลิตน้อยลงเม่ือราคาลดลง ด้วยเหตุน้ี จึงตั้งเป็นกฎของอุปทาน
(law of supply) ไดว้ า่ “ถ้าราคาสินค้าและบรกิ ารใด ๆ เพิ่มขึ้น ผ้ผู ลติ จะผลติ สินคา้ ออกมาจําหนา่ ย
เพิ่มขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าราคาสินค้าและบริการใด ๆ ลดลง ผู้ผลิตจะผลิตสินค้าออกมาจําหน่าย
ลดลง” โดยก�าหนดให้ปัจจัยอน่ื ๆ คงท่ี

๒) ตวั กา� หนดอปุ ทาน คอื ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ จา� นวนหรอื ปรมิ าณสนิ คา้ ทจี่ ะผลติ

ออกมาจา� หน่าย ดังนี้

99

กิจกรรม เสรมิ สรา งคุณลกั ษณะอันพึงประสงค เกร็ดแนะครู

นกั เรยี นแบง กลมุ 3-4 คน แลว ใหแ ตล ะกลมุ กาํ หนดสถานการณ ครูควรแนะนําการวิเคราะหเสนอุปทานวา จะทอดขึ้นจากซายไปขวา
การขายสินคาในทองตลาด โดยมีปจจัยสนับสนุนการขายหรือไม เพราะปริมาณขายกับราคาสินคาเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันเสมอ ทั้งนี้
ขายอยา งไร เพราะเหตใุ ด ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวากฎของอุปทานก็มีขอยกเวนเชนกัน
วา จะมีสนิ คา บางอยางท่ีมอี ยูอยางจาํ กัด และไมส ามารถทําการผลิตเพม่ิ ไดใ น
“ยกตัวอยางเชน ตวั อยางสถานการณท ุเรยี นราคาขน้ึ ในชว งนี้ ชวงเวลาจํากัด แมจ ะมีความตองการเพ่มิ มากข้ึน ทําใหราคาสนิ คาชนดิ น้นั ๆ มี
หลายคนชื่นชอบในทุเรียนมาก และเปนที่นิยมในตลาด (เหตุผล ราคาสงู ขน้ึ แตป รมิ าณอปุ ทานจะไมเ พม่ิ ขน้ึ ตาม เชน เพชรทผี่ ลติ ออกมาไดอ ยา ง
ประกอบ)” จาํ กดั มาก ปรมิ าณมนี อ ย แมจ ะมรี าคาสงู ขน้ึ ตามความตอ งการของผบู รโิ ภค แต
ดว ยเงอ่ื นไขทข่ี นึ้ อยกู บั ธรรมชาติ ไมอ าจเพม่ิ ปรมิ าณไดท นั ที ทาํ ใหป รมิ าณเพชร
ตอบสนองไดอ ยา งจาํ กดั

T111

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

ขนั้ สรปุ เปา้ หมายของธรุ กจิ ผผู้ ลติ จะกา� หนดเปา้ หมายการ
ผลิตเพ่ือสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละ
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ ชว่ งเวลา เชน่ ชว่ งภาวะน�้ามนั มรี าคาแพง ผู้ผลิตจะ
ทา� การผลติ รถยนตข์ นาดเลก็ ทป่ี ระหยดั นา�้ มนั มากกวา่
1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานท่ี 6.2 เรอ่ื ง กลไกราคา
โดยครูแนะนําเพิม่ เตมิ ราคาสนิ คา้ ทผี่ ลติ ถา้ ราคาสนิ คา้ สงู ขนึ้ การเปล่ียนแปลงของเทคนิคการ
ผู้ผลิตจะผลิตสินค้ามากขึ้น เพื่อให้ได้ ผลิต ให้มคี วามทันสมัยมากขนึ้ โดยใช้
2. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร กา� ไรมากขนึ้ ถา้ ราคาสนิ คา้ ลดลง ผผู้ ลติ ปัจจัยการผลิตเท่าเดิม ท�าให้สามารถ
ม.3 เกยี่ วกบั เรอ่ื ง กลไกราคา เพอื่ เปน การบา น จะลดจ�านวนการผลติ ลง ผลิตสนิ คา้ ได้เพม่ิ ขน้ึ
สง ครูในชัว่ โมงถัดไป
ราคาปัจจัยการผลิต ถ้าหากมี ปัจจยั ใน จำานวนผู้ผลิตหรือผ้ขู าย หากมี
ขน้ั ประเมนิ ราคาสงู ขน้ึ ผผู้ ลติ จะไดก้ า� ไรนอ้ ยลง การกำาหนด มากข้ึน ท�าให้อุปทานเพิ่มขึ้น ถ้า
จึงทา� ให้ลดก�าลังการผลิตลง ผผู้ ลติ หรอื ผขู้ ายลดนอ้ ยลง จะทา� ให้
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล อุปทาน อุปทานลดลงด้วย

1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ สภาพดินฟ้าอากาศ เช่น ถ้าอากาศ ปัจจัยอ่ืน ๆ เช่น การเก็บภาษีของ
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก ไม่แปรปรวน ปริมาณการผลิตสินค้า รัฐบาล อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพ่ือการ
สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.3 เกษตรก็เพิ่มขึ้น แต่ถ้าฝนแล้งหรือ ลงทุน ถ้าปัจจัยดังกล่าวสูงข้ึนจะท�าให้
น้า� ทว่ ม ท�าใหป้ รมิ าณการผลิตลดลง อปุ ทานลดลง
2. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั
ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนาชัน้ เรยี น

3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.3

๓) การเปลีย่ นแปลงของอุปทาน ม ี ๒ ลกั ษณะ ดังนี้

๓.๑) การเปล่ียนแปลงปริมาณอุปทาน เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิต
ที่เกดิ จากการเปลีย่ นแปลงของราคาสนิ ค้าชนิดน้ัน โดยใหป้ จั จัยอืน่ ๆ ท่ไี มใ่ ชร่ าคาคงที่

ตัวอย่าง

กระเปา๋ ราคาใบละ ๒๕๐ บาท ผผู้ ลติ จะ P (ราคา : บาท / ใบ) Supply
ทา� การผลติ กระเปา๋ ออกจา� หนา่ ย ๑,๕๐๐ ใบ ณ จดุ
A ตอ่ มาเมอื่ ราคากระเปา๋ เพม่ิ เปน็ ใบละ ๓๐๐ บาท ๓๐๐ B
ผผู้ ลติ จะผลิตกระเป๋าออกจา� หน่าย ๑,๖๐๐ ใบ ณ A
จดุ B ซงึ่ จะเหน็ ว่าเปน็ การเคล่อื นย้ายจากจุด A ๒๕๐
ไปจดุ B บนเส้นอุปทานเส้นเดมิ

๐ ๑,๕๐๐ ๑,๖๐๐ (ปรมิ าณ :Q ใบ)

แสดงการเปลยี่ นแปลงปริมาณอปุ ทาน

๑00

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ

ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เร่ือง กลไกราคา ไดจาก ปจ จยั ใดสงผลใหเ จาของธุรกจิ ตดั สนิ ใจเพิม่ ปริมาณการผลติ
การตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 1. อตั ราคาจา งแรงงานขนั้ ตํา่ เพ่มิ ขน้ึ
โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่ 2. ราคาของสนิ คาที่ทดแทนกันไดล ดตาํ่ ลง
แนบทา ยแผนการจัดการเรยี นรหู นว ยที่ 6 เรอ่ื ง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 3. อตั ราดอกเบี้ยเงินกเู พือ่ การลงทุนเพ่ิมขึ้น
4. ราคาของวัตถุดบิ ท่ใี ชในการผลติ ลดตํา่ ลง
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4 ถาราคาวัตถุดิบที่ใชในการผลิต
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่ ลดตํ่าลง ตนทนุ ในการผลติ ก็จะลดลง กาํ ไรกจ็ ะมากข้ึน จะเปน
ตรงกบั ระดับคะแนน แรงจูงใจใหเ จา ของธรุ กิจตัดสนิ ใจเพ่มิ ปรมิ าณการผลติ )

ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเน้อื หา
2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

T112

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๓.๒) การเปลย่ี นแปลงระดบั อปุ ทาน เปน็ การเปลยี่ นแปลงปรมิ าณการผลติ ในขณะทรี่ าคา ขน้ั นาำ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ :
และบริการยังคงเท่าเดิม ซ่ึงเป็นไปได้สองทาง คือ เพ่ิมข้ึนและลดลง สาเหตุอาจมาจากการ
เปลยี่ นแปลงของปจั จยั อน่ื ทมี่ ใิ ชร่ าคาของสนิ คา้ ชนดิ นน้ั เชน่ การเปลยี่ นแปลงของเทคนคิ การผลติ เทคนิคคูคิดสี่สหาย)
ราคาปัจจัยการผลติ จา� นวนผูผ้ ลิตหรอื ผ้ขู าย สภาพดินฟ้าอากาศ และปจั จัยอนื่ ๆ
1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ วธิ สี อน ชอ่ื เรอ่ื งทจ่ี ะ
ตัวอยา่ ง เรยี นรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการเรยี นรู

สมมตวิ ่า ลองกองราคากิโลกรมั ละ ๒๕ บาท ปรมิ าณการผลติ ออกมาจา� หน่าย ๑,๒๐๐ ตนั ท่จี ดุ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปความรูเดิมเกี่ยวกับ
ไแAดต บ้เ่ถพน้า่มิ สเสเภป้นาน็อพ ุป๑ดท,ิน๕าฟ๐น้า๐ อS ตา๐ก นั ถา ้าทศปไ่ีจมีใุดด่ด ทBี ส่ีป บภรนมิาเพาสณดน้ นินอฟา�้ปุ ม้าทอนี าาอ้นกย Sาจศ๒ะด ี ปรมิ าPณ (รนาา้� คเาห ม: บาะาสทม / ตจันะ)ผลิตลSอ๑งกองSอ๐อกมSา๒จา� หนา่ ย ตลาดในระบบเศรษฐกจิ และกลไกราคา
ผลิตลองกองออกมาจ�าหน่ายได้ลดลงเหลือ ๙๐๐ ๒๕ CAB
3. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางราคาของใช
ตัน ที่จุด C บนเส้นอปุ ทาน S๑ การเคลือ่ นยา้ ยเส้น ๐ ๙๐๐ ๑,๒๐๐ ๑,๕๐๐ (ปรมิ าณQ : ตนั ) อาหารสําเร็จรูป ท่ีวางขายในรานสะดวกซ้ือ
อปุ ทานจงึ เกดิ มาจากสาเหตขุ องสภาพดนิ ฟา้ อากาศ หา งสรรพสนิ คา แลว ชว ยกนั วเิ คราะหว า ตน ทนุ
การผลติ เทา ไร และผผู ลิตนา จะไดก ําไรเทาไร
แสดงการเปลย่ี นแปลงระดับอปุ ทาน
4. ครูนําขาวหรือเหตุการณที่สะทอนถึงราคา
๓. การกÓหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ สินคาในตลาดทเ่ี พมิ่ สงู ขน้ึ หรอื ลดตํ่าลง

การก�าหนดราคาสินค้าในตลาดเป็นไปตามอุปสงค์ตลาด อุปทานตลาด และข้ึนอยู่กับ 5. ครูต้ังประเด็นเพื่อใหนักเรียนรวมกันแสดง
วัตถุประสงค์ของผู้ผลิตหรือของธุรกิจด้วย โดยเฉพาะประเทศท่ีกลไกราคาไม่ได้ท�าหน้าท่ีอย่าง ความคิดเห็นวา นักเรียนคิดวาปจจัยสําคัญที่
สมบูรณ์ ดังนั้น ในตลาดที่ผู้ผลิตมีน้อยราย ผู้ผลิตจึงมีอ�านาจและสามารถก�าหนดราคาได้ตาม จะชวยในการกําหนดราคาสินคามอี ะไรบาง
วตั ถุประสงค์ทต่ี อ้ งการ ซึ่งการก�าหนดราคาของธุรกิจอาจข้นึ อยู่กับวตั ถปุ ระสงคอ์ ย่างใดอยา่ งหน่งึ
หรือหลายอย่าง เช่น เพือ่ สรา้ งก�าไร เพ่ือสร้างยอดขาย หรอื เพอื่ ขยายตลาด การก�าหนดราคา 6. ครูสรุปการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน
โดยทัว่ ไปเพ่ือใหเ้ ปน็ ไปตามกลไกตลาด จงึ กา� หนดตามอปุ สงคต์ ลาดและอุปทานตลาด ดังน้ี โดยเช่ือมโยงใหเขากับเนื้อหาเพ่ือนําเขาสู
บทเรียน
3.๑ หลักการก�าหนดราคา

อุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาดของสินค้าและบริการมีความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับราคาสินค้า
ดังน้ัน ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการซ้ือและผู้ขายต้องการขายจะปรับตัวตามระดับ
ของราคาสินค้าและบริการท่ีเปล่ียนแปลงไป แต่เน่ืองจากการปรับตัวของปริมาณซื้อและปริมาณ
ขายตอ่ ราคาจะมีลกั ษณะตรงกันข้าม กลา่ วคือ ในขณะท่ีราคาสนิ คา้ และบรกิ ารลดลง ผซู้ อื้ จะซื้อ
สินคา้ มากขน้ึ แตส่ า� หรับผู้ขายหรอื ผ้ผู ลิต กจ็ ะน�าสนิ ค้ามาจา� หนา่ ยน้อยลง
การปรับตัวน้ีจะเป็นเหตุให้ปริมาณซ้ือและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับราคาใดราคา
หปรนิมงึ่ าณซ่ึงสหนิ มคาา้ ยทค่ผี ว้ผู าลมิตวจ่าะ ผณล ิตรอะอดกบั มราาคขาานยในั้ น ขปณรมิะเาดณยี สวกนิ ันคพ้าทอ่ีผด้บู ี นรโิน่ั ภคคือต ้อรางคกาาดรซุลอื้ยขภณาพะ1 นเน้ัชจ่นะเท่ากับ๑0๑

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

การกาํ หนดราคาของผผู ลติ ผขู าย และผปู ระกอบการ สามารถ ครอู ธบิ ายเพิ่มเติม มปี จจยั ตางๆ ท่ีทาํ ใหร ะดบั อปุ ทานมีการเปล่ียนแปลง
ทาํ ไดอ ยา งไรบา ง ไปจากเดมิ นอกเหนือจากความตองการของผูบรโิ ภคแลว เชน

(แนวตอบ การกาํ หนดราคาของผผู ลติ ผขู าย และผปู ระกอบการ สภาพดินฟาอากาศ ซึง่ สว นใหญจะเปน สินคาทางการเกษตร เชน สภาพ
มี 4 วธิ ี ไดแก ราคาตนทุนบวกกําไร ราคากําหนดตามบริษัทผนู าํ อากาศท่แี หงแลง ขาดแคลนนํ้า พืชผลเหยี่ วเฉา ไดผลผลิตนอย อุปทานในการ
ราคาทฝ่ี า ยจดั การกาํ หนด และราคากําหนดทจี่ ดุ ตน ทนุ เพม่ิ ) ผลิตสนิ คา มีนอย ราคาผลผลิตจะสงู ขน้ึ

นโยบายของภาครัฐ เชน การเพิ่มอัตราภาษีสินคาบางชนิด ทําใหสินคา
ชนิดนั้นๆ มีราคาแพงมากขึ้น จะสงผลทําใหผูผลิตผลิตสินคาลดนอยลง
เพราะมีตนทุนสูงขนึ้

นักเรียนควรรู

1 ราคาดลุ ยภาพ ราคาทผี่ บู รโิ ภคพอใจทจ่ี ะซอ้ื หรอื ใช มคี า เทา กบั ราคาสนิ คา
ท่ีผผู ลติ ประสงคท ่จี ะผลติ ออกขายในขณะเดยี วกนั พอดี
T113

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ตารางแสดงอปุ สงคต์ ลาดและอุปทานตลาดของเน้อื ไกท่ ั้งหมดในตลาดแหง่ หนึง่

1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ราคาเนือ้ ไก่ ปริมาณซ้อื ปรมิ าณขาย ผลการด�าเนนิ การ
ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง ตอ่ กิโลกรมั (บาท) (กโิ ลกรมั ) (กโิ ลกรมั )
เกง ปานกลางคอ นขา งออ น และออน โดยให สินค้าเหลอื ขาย ๒๒๐ กโิ ลกรัม
สมาชิกแตละคนเลือกหมายเลขประจําตัว ๑๑๐ ๕๐๐ ๗๒๐ สินค้าเหลอื ขาย ๑๐๐ กิโลกรมั
ต้งั แตห มายเลข 1-4 ๑๐๕ ๕๕๐ ๖๕๐ สนิ ค้าจ�าหนา่ ยหมดพอดี
๑๐๐ ๖๐๐ ๖๐๐ สินคา้ ไม่พอขาย ๑๐๐ กิโลกรมั
2. สมาชิกแตละหมายเลขแยกยายไปรวมกลุม ๙๕ ๖๕๐ ๕๕๐ สนิ ค้าไม่พอขาย ๒๒๐ กิโลกรัม
ใหม และรวมกันศึกษาความรู เร่ือง การ ๙๐ ๗๒๐ ๕๐๐
กําหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ ประกอบการ
ใชหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจาก จากตารางจะเห็นได้ว่า ถา้ ราคาเน้ือไกก่ ิโลกรัมละ ๑๑๐ บาท ความตอ้ งการซือ้ ของผูบ้ ริโภค
แหลง การเรยี นรอู ื่นๆ เชน หนงั สือในหองสมุด เท่ากับ ๕๐๐ กิโลกรัม แตผ่ ู้ผลติ น�าเน้อื ไกม่ าขาย ๗๒๐ กิโลกรัม ท�าใหเ้ หลือขายจ�านวน ๒๒๐
เว็บไซตทางอนิ เทอรเนต็ หมายเลขละ 1 เรื่อง กิโลกรัม ในทางเศรษฐศาสตร์ เรียกว่า “อุปทานส่วนเกิน” ผู้ผลิตจึงลดราคาลงเหลือกิโลกรัมละ
ดงั น้ี ๑๐๕ บาท ความต้องการเน้ือไก่ของผู้บริโภคเพิ่มข้ึนเท่ากับ ๕๕๐ กิโลกรัม แต่ผู้ผลิตจะน�ามา
• หมายเลข 1 หลักการกําหนดราคา ขายจา� นวน ๖๕๐ กิโลกรัม ท�าใหเ้ นอ้ื ไก่เหลือขายจา� นวน ๑๐๐ กิโลกรมั ผู้ผลติ จึงลดราคาเหลือ
• หมายเลข 2 การปรบั และเปลย่ี นแปลงราคา กโิ ลกรัมละ ๑๐๐ บาท ความต้องการซ้อื ของผบู้ ริโภคจะเท่ากับ ๖๐๐ กิโลกรัม ผ้ผู ลิตก็จะนา� เน้ือ
สินคา และบริการ ไก่มาขายจา� นวน ๖๐๐ กโิ ลกรมั ท�าให้ขายหมดพอดี
• หมายเลข 3 การกาํ หนดราคาในทางปฏบิ ตั ิ ๖ ๐๐ กโิดลงั กนรนั้ ัม รจางึคเาปเน็นอ้ื “ไปกรก่ ิมโิ าลณกรดมั ลุ ลยะภ ๑า๐พ1๐” แบตาท่ถา้ จตงึ ัง้ เรปาน็ ค า“รกาโิ คลากดรลุมั ยลภะา ๙พ๐” แบลาะทป รคมิวาามณตซอ้ อ้ื งขกาายรจเนา� นือ้ วไนก ่
• หมายเลข 4 ปจจัยอื่นๆ ท่ีมีผลตอการ ๗๒๐ กโิ ลกรมั แตผ่ ผู้ ลติ จะนา� มาขายเพยี ง ๕๐๐ กโิ ลกรมั เนอื้ ไกจ่ งึ ไมพ่ อขาย ในทางเศรษฐศาสตร์
กาํ หนดราคา เรยี กวา่ “อุปสงค์สว่ นเกนิ ” ผ้ซู อ้ื แยง่ กันซ้อื ผผู้ ลติ จงึ เพิ่มราคาจนถงึ กโิ ลกรัมละ ๑๐๐ บาท ปรมิ าณ
ความตอ้ งการซ้ือและความตอ้ งการขายจึงเทา่ กันพอดี คือ ๖๐๐ กิโลกรัม ดงั รปู

ตวั อยา่ ง

จากรูป จุดที่เส้นอุปสงค์ตัดกับเส้นอุปทาน P (ราคา : บาท / กก.)
สินคา้ เหลือขาย S ตลาด
ทีจ่ ดุ E เรยี กว่า “จดุ ดลุ ยภาพ” และทีจ่ ุดดลุ ยภาพ ๑๑๐
ราคาเนื้อไก่กิโลกรัมละ ๑๐๐ บาท ถือเป็นราคา ๑๐๕
๑๐๐ E จุดดลุ ยภาพ
ดลุ ยภาพ และปรมิ าณเน้อื ไก่ทซี่ อ้ื ขายจ�านวน ๖๐๐ ๙๕

กิโลกรมั จึงถือเป็นปริมาณดุลยภาพ ๙๐ สินคา้ ไม่พอขาย D ตลาด
๐ ๕๕๐ ๖๐๐ ๖๕๐ ๗๒๐ (ปรมิ าณQ : กก.)
๕๐๐

ดลุ ยภาพของตลาด

๑02

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครูควรสงเสริมความรูเรื่องราคาดุลยภาพวา ถูกควบคุมโดยกลไกราคา กรณีท่ีสินคาขาดตลาดหรือสินคาลนตลาดเกิดจากสาเหตุใด
ซ่ึงหากของเหลือหรือของขาด หากปลอยใหกลไกราคาทํางานก็จะปรับเขา อธิบายเหตุผลประกอบ
สูดุลยภาพ (ของหมด) ยกเวนกรณีที่ประเทศน้ันๆ ใชระบบเศรษฐกิจแบบ
สังคมนิยมคอมมิวนิสต ซ่ึงกลไกราคาไมมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจ เพราะรัฐ (แนวตอบ เนือ่ งจากราคาไมอ ยใู นภาวะดุลยภาพ ซงึ่ กลไกการ
เขามาควบคมุ และเปนเจาของปจ จยั การผลิตทกุ ประเภท ทํางานของอุปสงคและอุปทานจะผลักดันใหราคาท่ีไมอยูในภาวะ
ดลุ ยภาพนกี้ ลบั เขา สดู ลุ ยภาพ โดยปรบั ปรมิ าณความตอ งการซอ้ื ให
นักเรียนควรรู เทา กบั ปรมิ าณความตอ งการขายโดยผา นกลไกราคา และทาํ ใหเ กดิ
ราคาดลุ ยภาพขน้ึ ในทสี่ ดุ )
1 ปริมาณดลุ ยภาพ มีความสําคญั ในทางเศรษฐศาสตร เพราะจาํ เปนตองใช
ทรัพยากรอยางประหยัดและมีประสิทธิภาพในการผลิต การวิเคราะหปริมาณ
ดุลยภาพในการผลิตไดใกลเ คยี งกับความเปน จรงิ จะชว ยลดทงั้ การสญู เสียจาก
สนิ คาที่ผลติ ออกมาเกนิ ลดคา ใชจา ยในการดแู ลเร่ืองสตอ กสินคา หรือไมผ ลติ

Tออกมานอย จนทาํ ใหผบู รโิ ภคตองแยงชิงกนั ซื้อจนเกิดความเดือดรอน

114

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3.2 การปรบั และเปลยี่ นแปลงราคาสินคา้ และบรกิ าร ขน้ั สอน

การเปลย่ี นแปลงของความตอ้ งการซอ้ื ของผบู้ รโิ ภคและความตอ้ งการผลติ สนิ คา้ ของผผู้ ลติ 3. ครูใหกลุมการกําหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ
ที่ท�าให้ราคาและปรมิ าณดุลยภาพเปลี่ยนแปลงเกิดขน้ึ ได้ ๓ กรณ ี ไดแ้ ก่ : หลักการกําหนดราคา มาเสนอผลการศึกษา
หนาช้นั เรยี น
๑) ความต้องการของผู้บริโภคเปล่ียนแปลงไปและความต้องการผลิตคงท่ี ท�าให้
4. นกั เรยี นกลมุ อนื่ แสดงความคดิ เหน็ หรอื ซกั ถาม
ราคาและปริมาณสินค้าท่ีซ้ือขายเปลี่ยนแปลงไปทางเดียวกับความต้องการบริโภค คือ ถ้าความ ประเด็นตางๆ เพิม่ เติม
ต้องการบรโิ ภคเพ่มิ ขน้ึ ราคาและปริมาณสนิ ค้าท่ซี อ้ื ขายกนั จะเพ่มิ ขึ้น ดงั นี้
5. ครูใหกลุมการกําหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ
ตวั อย่าง : การปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสินคาและ
บรกิ าร มาเสนอผลการศึกษาหนา ชั้นเรียน
สมมติว่า เส้นอุปทาน S ตลาด เป็นเส้น P (ราคา : บาท / กก.)
อุปทานของการผลิตผักกาดที่อยู่คงที่ เส้นอุปสงค์ 6. ครูยกตัวอยางราคาสินคาที่มักปรับเพิ่มขึ้น
D๐ เป็นเสน้ อุปสงค์เดมิ ราคาดุลยภาพ คือ ราคา S ตลาด เปนประจาํ ทกุ ป เชน นํ้ามันพืช เนือ้ หมู ไขไ ก
กิโลกรัมละ ๓๕ บาท ปริมาณการซอ้ื ขายดุลยภาพ ๔๐ E๑ จากน้ันใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหแนวโนม
และความตองการสนิ คา ของผูบ รโิ ภค
จ�านวน ๓,๐๐๐ กโิ ลกรมั ตอ่ มาในช่วงเทศกาลกนิ เจ ๓๕ E๐ D๑ตลาด
ประชาชนตอ้ งการบรโิ ภคผกั กาดมากขนึ้ เสน้ อปุ สงค ์ 7. ครอู าจต้งั ประเด็นการเรยี นรเู พ่ิมเตมิ เชน
D๐ จึงเคลือ่ นไปเพม่ิ ขึ้นเปน็ เสน้ D๑ ราคาดลุ ยภาพ • การปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสินคา
และปริมาณดุลยภาพจึงเปล่ียนไป คอื ราคาผักกาด ๐ ๓,๐๐๐ ๔,๐๐๐ (ปรDมิ ๐าตณลQา ด: กก.) และบริการมีสาเหตุมาจากอะไร และมี
หลักเกณฑอยางไร
ข้ึนเป็นกิโลกรัมละ ๔๐ บาท ปริมาณการบริโภค
เพมิ่ เป็น ๔,๐๐๐ กโิ ลกรัม กรณเี ส้นอุปทานคงท่แี ละอุปสงคเ์ พ่มิ ขึน้

ในบางกรณีอุปสงค์ในสินคา้ และบรกิ ารจะลดลง เชน่ ในชว่ งฤดูร้อน ปริมาณความตอ้ งการ
ซื้อเสอ้ื กันหนาวลดลง ทา� ให้ราคาและปริมาณเส้ือกันหนาวลดลง ดังนี้

ตวั อยา่ ง

จากรูป เส้นอุปทานของเสื้อกันหนาว คือ P (ราคา : บาท / ตัว)
เส้น S ซง่ึ คงท ่ี อุปสงค์ของเส้อื กันหนาว คอื เสน้
D๐ ราคาดลุ ยภาพของเสอื้ กนั หนาวตวั ละ ๖๐๐ บาท S ตลาด
ปรมิ าณการจา� หนา่ ย ๒,๐๐๐ ตวั ตอ่ มาเมอ่ื อณุ หภมู ิ ๖๐๐
สงู ขนึ้ เสน้ อปุ สงคข์ องเสอื้ กนั หนาวจะเคลอื่ นตวั ลดลง ๕๐๐ E๑ E๐
เปน็ เสน้ D๒ สง่ ผลใหร้ าคาดลุ ยภาพของเสอ้ื กนั หนาว ๙๐๐ ๒,๐๐๐
ลดลงเหลือตวั ละ ๕๐๐ บาท และปรมิ าณดุลยภาพ ๐ D๐ ตลาด
ลดลงเหลอื ๙๐๐ ตวั D๒ ต(ลปารดิมาณQ : ตวั )

กรณเี สน้ อุปทานคงทแ่ี ละอปุ สงค์ลดลง

๑03

กจิ กรรม สรางเสรมิ เกร็ดแนะครู

ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับการปรับและ ครูอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมวา การศกึ ษาเร่ืองการเปล่ียนแปลงของอุปทาน
เปล่ียนแปลงราคาสินคาและบริการวา เกิดขึ้นไดในกรณีใดบาง หรือความตองการขายสินคาและบริการมีประโยชน คือ หากเปนผูผลิตรูกฎ
แตละกรณีเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร มีสาเหตุและผล ของอุปทานจะสามารถปรับกลยุทธการผลิตได เชน หากรูวาชวงน้ีอุปทานใน
อยางไร โดยยกตัวอยางสินคาที่พบเห็นไดในชีวิตประจําวัน ตลาดสูง อาจจะลดกําลังการผลิตเพ่ือลดภาระคาใชจาย รอจังหวะที่อุปทาน
ประกอบการอธิบาย ในตลาดมนี อ ยจงึ เพม่ิ กาํ ลังการผลติ และนาํ ออกมาจาํ หนายจะไดก าํ ไรมากกวา

T115

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๒) ความตอ้ งการบรโิ ภคคงทแ่ี ละความตอ้ งการผลติ เปลยี่ นแปลงไป ในกรณที อ่ี ปุ สงค์

8. ครูยกตัวอยางการข้ึน-ลงของราคาน้ํามัน อยู่คงท่ีและอุปทานเปลี่ยนแปลงไป ปริมาณสินค้าท่ีซื้อขายกันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกับ
ภายในประเทศ ซงึ่ มกี ารเปลย่ี นแปลงบอ ยครงั้ อปุ ทาน แต่ราคาจะเปล่ยี นแปลงไปในทางตรงกนั ขา้ ม เช่น ในปีนีก้ ารผลติ ทเุ รียนเพิ่มขนึ้ ปริมาณ
จากนั้นตั้งคําถามเพื่อกระตุนการคิดของ การซ้อื ขายจะเพิ่มขึน้ แต่ราคาทุเรียนจะลดลง ดงั น ้ี
นักเรยี น เชน
• เพราะเหตใุ ดราคานา้ํ มนั จงึ มกี ารเปลย่ี นแปลง ตวั อย่าง
บอยคร้งั
(แนวตอบ สาเหตทุ รี่ าคานา้ํ มนั มกี ารเปลย่ี นแปลง P (ราคา : บาท / ตนั ) จากรปู เมอ่ื เสน้ D๐ คอื เสน้ อปุ สงคข์ องทเุ รยี น
บอยครั้งมีหลายปจจัย เชน สภาพอากาศ ซรา่งึ คอายดคู่ ลุ งยทภ่ ี าแพลขะเอสง้นท เุ รSยี ๐น จเปะอ็นยเสทู่ น้กี่ อโิ ลปุ กทรามั นลขะอ ๘งท๐ ุเบรียาทน
ในฤดหู นาวความตอ งการใชน า้ํ มนั ดเี ซลและ S๐ S๑ และปรมิ าณดุลยภาพทีซ่ ้อื ขายกันจะเท่ากับ ๑๕๐ ตัน
น้ํามันเตาจะเพ่ิมข้ึนเพื่อใชในการทําความ ต่อมาเมื่อผลิตทุเรียนได้เพ่ิมขึ้น เส้นอุปทานของ
อบอุน กําลังการผลิตของกลุมประเทศ ๘๐ E๐ E๑ ทเุ รยี นจะเพม่ิ จากเสน้ S๐ เปน็ เสน้ S๑ การผลติ ทเุ รยี น
OPEC หากผลิตนอยราคายอ มสงู ข้นึ ) ๗๕ เพิ่มข้ึนก่อให้เกิดอุปทานส่วนเกิน จึงจ�าเป็นต้องลด
ราคาทเุ รยี นลงเพอื่ จา� หนา่ ยไดม้ ากขนึ้ ราคาดลุ ยภาพ
D๐ ของทุเรียนใหม่จะอยู่ที่กิโลกรัมละ ๗๕ บาท และ
ปริมาณดลุ ยภาพใหมท่ ีซ่ อ้ื ขายกนั จะเท่ากับ ๒๐๐ ตนั
๐ ๑๕๐ ๒๐๐ (ปรมิ าณQ : ตนั )

อปุ สงคค์ งทแี่ ละอปุ ทานเพิม่ ขึ้น

ตัวอยา่ ง

ส�าหรับบางกรณีท่ีตรงกันข้าม ถ้าสภาพ P (ราคา : บาท / ตนั )
ดินฟ้าอากาศไม่เหมาะสม ปริมาณอุปทานของ
ทเุ รยี นจะลดลงจากเสน้ S๐ ไปเปน็ เสน้ S๒ การผลติ S๒ S๐
ทุเรียนได้น้อยลงจะท�าให้เกิดอุปสงค์ส่วนเกิน จึง
จา� เปน็ ตอ้ งเพมิ่ ราคาทเุ รยี น จะทา� ใหร้ าคาดลุ ยภาพ ๘๕ E๑ E๐
ของทุเรียนเพม่ิ ขึ้นจากกโิ ลกรมั ละ ๘๐ บาท เป็น ๘๐
กโิ ลกรมั ละ ๘๕ บาท และปรมิ าณดลุ ยภาพลดลง
จาก ๒๐๐ ตนั เหลือเพยี ง ๑๕๐ ตนั D

๐ ๑๕๐ ๒๐๐ (ปรมิ าณQ : ตัน)

อปุ สงค์คงทแี่ ละอปุ ทานลดลง

๑04

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครูอธิบายนักเรียนพิ่มเติมวา ปจจัยที่มีผลทําใหอุปทานเพ่ิมหรือลด หรือ ถา ปกตฝิ รง่ั ราคากิโลกรัมละ 35 บาท ตอ มาราคาลดลงอยา ง
ทําใหเ สนอปุ ทานเคลื่อนที่นนั้ มีดังนี้ รวดเร็วเหลือกิโลกรัมละ 15 บาท ภาวะเชนนี้บงบอกใหผูผลิต
ทราบวา เกดิ ปญ หาอะไรขึน้
• ราคาของทรพั ยากรการผลติ
• เทคโนโลยีการผลิต 1. ผบู รโิ ภคเลิกกินฝรั่ง
• จาํ นวนหนว ยผลติ 2. มีผลไมอ น่ื มาแทนฝรัง่
• นโยบายรัฐบาล 3. ปรมิ าณสินคามีมาก ลนตลาด
• สถานการณท างการเมอื งและสภาวะอากาศ 4. ปริมาณสินคามนี อ ย ขาดตลาด

T116 (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3.เนอ่ื งจากถา ปกตฝิ รงั่ ราคากโิ ลกรมั ละ
35 บาท “ราคาดลุ ยภาพ ซอ้ื = ขาย = ของหมด” ตอ มาราคาลดลง
เหลือกิโลกรัมละ 15 บาท “ราคาต่ํากวาดุลยภาพ ซ้ือ ‹ขาย =
ของเหลือ” กรณีท่ีราคาสินคาปรับตัวลดลงอยางรวดเร็ว สาเหตุ
สําคัญมาจาก อุปทาน ›อุปสงค หรือขาย ›ซื้อ ทําใหของเหลือ
ลนตลาด ราคาจึงลดลง)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๓) ความต้องการบริโภคและความต้องการผลิตเปล่ียนไปพร้อมกัน ตามสภาพ ขนั้ สอน

ความเปน็ จรงิ ทั้งอปุ สงค์และอปุ ทานมักมกี ารเปล่ียนแปลงไปพร้อม ๆ กัน เช่น ถ้าสภาพดินฟ้า 9. ครใู หก ลมุ การกาํ หนดราคาในระบบเศรษฐกจิ
อากาศเปล่ยี นแปลงไป การผลติ ขา้ วในประเทศลดลง ผูบ้ ริโภคคาดวา่ ข้าวจะขึ้นราคา จงึ พยายาม : การกําหนดราคาในทางปฏิบัติ มาเสนอ
ซ้ือข้าวเก็บกักตุนไว้ ส่วนพ่อค้าเม่ือเห็นว่าอุปทานของข้าวน้อย คนต้องการซื้อเพิ่ม ก็พยายาม ผลการศึกษาหนา ช้ันเรียน
เก็บกักตุนข้าวเพ่ือหวังผลก�าไรในอนาคต ในกรณีน้ีอุปทานของข้าวจะลดลง แต่อุปสงค์ในข้าว
เปลย่ี นแปลงไปเพม่ิ ขึ้น 10. นักเรียนกลุมอ่ืนแสดงความคิดเห็นหรือ
ซักถามประเดน็ ตางๆ เพมิ่ เตมิ เชน
ตัวอย่าง • หากนักเรียนเปนผูประกอบการจะมีวิธีการ
อยางไรในการกําหนดราคา เพื่อใหไดรับ
จากรูป สภาพดินฟ้าอากาศไม่เหมาะสม ผลตอบแทนที่คุมคาจากเงินลงทุน และ
ท�าให้เส้นอุปทานของข้าวลดลงจากเส้น S๐ เป็น สามารถแขง ขันในตลาดได
P (ราคา : บาท / ตนั ) • การกาํ หนดราคาขายใหต า งกนั มผี ลในการ
ตัดสินใจซื้อสินคาหรือบริการของผูบริโภค
เสน้ S๑ แตป่ ระชาชนตอ้ งการซอื้ ขา้ วมาเกบ็ ไวเ้ พราะ S๑ อยางไร
เกรงว่าจะขาดแคลน ท�าให้เส้นอุปสงค์ของข้าว S๐
เพมิ่ ขึน้ จากเส้น D๐ เป็นเส้น D๑ ในกรณีดังกลา่ วจะ ๒๐,๐๐๐ E๑ 11. ครใู หก ลมุ การกาํ หนดราคาในระบบเศรษฐกจิ
D๑ : ปจจัยอ่ืนๆ ที่มีผลตอการกําหนดราคา
ท�าให้ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพของข้าว ๑๗,๐๐๐ E๐ D๐ (ปรมิ าณQ : ตัน) มาเสนอผลการศึกษาหนา ชน้ั เรียน
เปล่ียนไป จากเกวียนละ ๑๗,๐๐๐ บาท เป็น
๒๐,๐๐๐ บาท และปริมาณซ้ือขายเปลี่ยนไปจาก 12. นักเรียนกลุมอื่นแสดงความคิดเห็นหรือ
๖,๐๐๐ ตัน เปน็ ๗,๐๐๐ ตนั ซกั ถามประเด็นตา งๆ เพิม่ เตมิ
๐ ๖,๐๐๐ ๗,๐๐๐

อปุ ทานลดลงแตอ่ ุปสงคเ์ พิ่มขน้ึ กวา่ อุปทาน

การเปล่ียนแปลงของอุปสงค์และอุปทานมีหลายลักษณะนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว
เชน่ ในช่วงเทศกาลตรษุ จีน ความตอ้ งการซือ้ เนอ้ื หมเู พิม่ ขน้ึ จากภาวะปกติท่ไี ม่มเี ทศกาลรวมท้ัง
ประเทศจา� นวน ๘๕,๐๐๐ กิโลกรมั แต่ปริมาณการผลติ เนอ้ื หมขู องผูป้ ระกอบการผลิตไดเ้ พ่ิมข้ึน
เพยี ง ๕๕,๐๐๐ กโิ ลกรมั ทา� ใหป้ รมิ าณเนอื้ หมไู มเ่ พยี งพอ ๓๐,๐๐๐ กโิ ลกรมั สง่ ผลใหร้ าคาเนอื้ หมู
เพม่ิ ขึ้น

3.3 การก�าหนดราคาในทางปฏิบัติ

การก�าหนดราคาในทางปฏบิ ตั ิ มีวัตถุประสงค์หลายประการ เช่น เพ่อื การสร้างกา� ไร เพือ่
การสร้างยอดขาย เพื่อการขยายตลาดให้กว้างขวาง เพ่ือรักษาระดับราคาสินค้าท่ีต้ังให้อยู่อย่าง
ยาวนาน และเพ่ือให้ราคาเป็นเครื่องช้ีคุณภาพ เช่น สินค้าท่ีคุณภาพดีจะก�าหนดราคาให้สูงกว่า
สินค้าที่มีคุณภาพต่�ากว่า การก�าหนดราคาสินค้าในทางปฏิบัติจึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจของ
ธุรกจิ อย่างมาก

๑05

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ผูบริโภคที่ฉลาดและรูเทาทัน ควรตัดสินใจเลือกซ้ือสินคาและ ครูอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมวา การศึกษาเร่ืองการเพ่ิมข้ึนและลดลงของ
บริการ โดยใชห ลกั เกณฑขอ ใด อุปสงคมีประโยชน เชน ผูประกอบการสามารถมองหาโอกาสในการทํากําไร
โดยการเพมิ่ กาํ ลงั การผลติ ใหเ พียงพอตอ ความตองการของตลาด หากทราบวา
1. เลอื กซือ้ สินคา ทีส่ ามารถตอรองราคาไดตํ่าท่ีสดุ อุปสงคข องตลาดกาํ ลงั จะเพิ่มข้ึน
2. เลอื กซอ้ื สนิ คา ที่ตอบสนองความพึงพอใจมากทสี่ ุด
3. เลือกซ้อื สนิ คา โดยพิจารณาจากกระแสนยิ มของสังคม ผปู ระกอบการสามารถลดกาํ ลงั การผลติ หากทราบวา อปุ สงคก าํ ลงั จะลดลง
4. เลอื กซอื้ สนิ คา ท่มี ีการรบั ประกันและมบี รกิ ารหลังการขาย เพ่อื ปอ งกนั การขาดทุน หรอื มสี นิ คา คา งสต็อกไวมาก

(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ผูบริโภคท่ีฉลาดและรูเทาทัน
ตอ งรจู กั เลอื กซอ้ื สนิ คา ทม่ี กี ารรบั ประกนั และมบี รกิ ารหลงั การขาย
เพราะหากสินคาหรือบริการมีปญหา ผูบริโภคจะไดรับความ
ชวยเหลือในการแกปญหาได)

T117

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑) ปจั จยั ทค่ี วรคา� นงึ ในการกา� หนดราคาในทางปฏบิ ตั ิ นอกจากจะคา� นงึ ถงึ วตั ถปุ ระสงค์

13. ครูใหนักเรียนแตละหมายเลขกลับไปท่ี ของธรุ กิจแลว้ ยงั ตอ้ งค�านึงถึงปจั จยั ต่าง ๆ ดังน้ี
กลุมเดิมและรวมกันทําใบงานท่ี 6.3 เร่ือง
การกําหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ สภาวะทางเศรษฐกจิ ชว่ งเศรษฐกจิ รุง่ เรอื ง ประชาชนมรี ายได้ด ี ปรมิ าณเงนิ ในท้องตลาดมีมาก
อาจมกี ารกา� หนดราคาสงู เพราะกา� ลงั ซอ้ื ของประชาชนมมี าก แตใ่ นชว่ งทเี่ ศรษฐกจิ ตกตา�่ อา� นาจซอื้
14. นักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความ
ถกู ตอ งของใบงาน ของประชาชนมีนอ้ ย ธรุ กจิ อาจก�าหนดราคาไม่สงู มาก หรอื ใช้กลยุทธ์ชว่ ยในการขาย

15. ครใู หอาสาสมัครนกั เรียน 2-3 กลุม นาํ เสนอ ปจั จัยท่คี วร การแขง่ ขนั ของตลาด
ผลงานในใบงานหนา ชน้ั เรยี น และใหก ลมุ อน่ื คาำ นึงในการ ถ้าในตลาดมีผู้ขายสินค้าชนิดเดียวกันและสินค้ามีลักษณะคล้ายกัน การ
ท่ีมผี ลงานที่แตกตา งกันไดน ําเสนอเพมิ่ เติม กำาหนดราคา กา� หนดราคาสนิ คา้ ก็มักจะจ�าหน่ายราคาเทา่ ๆ กนั กับผ้ผู ลติ รายอนื่ แตถ่ ้า
ในตลาดมผี ขู้ ายเพยี งรายเดยี วกอ็ าจกา� หนดราคาสนิ คา้ ใหส้ งู ขน้ึ ไดใ้ นระยะ
16. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่เก่ียวกับการ สน้ั ๆ
กําหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ ในแบบฝก ตน้ ทนุ การผลิตและการจาำ หน่าย สนิ ค้าหลายชนดิ จะกา� หนดราคาขาย
สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.3 เพอ่ื เปนการ โดยบวกเพ่ิมไปกับตน้ ทนุ เชน่ ต้นทุนสนิ ค้าหน่วยละ ๑๐ บาท หากต้องการ
บา นสง ครใู นช่วั โมงถัดไป
กา� ไรรอ้ ยละ ๓๐ ผู้ขายหรอื ธุรกจิ ก็จะตั้งราคาขายสนิ ค้า ๑๓ บาท
17. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ เศรษฐศาสตร ม.3
เร่ือง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ เพ่ือ กลมุ่ เปา้ หมาย สนิ คา้ ทีจ่ ะขายใหก้ ลมุ่ ลกู คา้ ทมี่ ีรายไดส้ ูงเปน็ สนิ ค้าทม่ี คี ณุ ภาพดี ก็จะกา� หนดราคา
ทดสอบความรูทไี่ ดศ ึกษามา สินค้าให้สงู แตถ่ า้ จะขายใหก้ บั กลมุ่ ลูกคา้ ทมี่ รี ายได้ต�่า สนิ ค้ามีคณุ ภาพปานกลาง กจ็ ะก�าหนดราคา
สินคา้ ให้ตา�่ ลง

และสภ๒าพ) แววธิ ดกี ลาอ้ รมกภา� าหยนนดอรก1า ซค่งึาวใิธนกี ทาารงกป�าหฏนบิ ดตั ร ิ าขคนึ้ าอมยหี กู่ ลบั ากยลวยธิ ทุ ี ดธ ์ังเนปี้า้ หมาย การแขง่ ขนั ของธรุ กจิ

๒.๑) การก�าหนดราคาโดยก�าหนดส่วนบวกเพ่ิมเข้าไปกับต้นทุน เป็นวิธีการท่ีธุรกิจ
คา� นวณต้นทุนต่อหน่วยทัง้ หมด ทเี่ รยี กว่า “ต้นทนุ มาตรฐาน” จากนั้นก็จะมีการก�าหนดอตั ราสว่ น
บวกเพ่ิมของก�าไรทจี่ ะบวกเพ่มิ เข้าไปกบั ต้นทุน โดยใช้สูตรง่าย ๆ ดงั น้ี

ราคาขายสินค้า ตน้ ทนุ ท้งั หมดเฉล่ียตอ่ หนว่ ย(๑ + ส่วนบวกเพม่ิ จากตน้ ทุน)

ตวั อยา่ ง

ธุรกิจผลิตรองเท้าหนังแห่งหนึ่ง มีต้นทุนทั้งหมดเฉล่ียต่อรองเท้าหน่ึงคู่เท่ากับ ๔๐๐ บาท ธุรกิจ
ต้องการส่วนบวกเพ่ิมจากต้นทุนร้อยละ ๔๐ หรือ ๐.๔๐ ธุรกิจจะต้องก�าหนดราคาสินคา้ ดงั น้ี

ราคารองเทา้ ต่อค่ ู = ๔๐๐(๑ + ๐.๔๐)

ดังน้นั จะตอ้ งกา� หนดราคารองเทา้ = ๕๖๐ บาท/คู่

๑06

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสริม

1 สภาพแวดลอมภายนอก เชน สภาพดนิ ฟา อากาศ ฤดกู าล ปรมิ าณสินคา ครใู หน กั เรียนรวมกันอภปิ รายเรอื่ ง กลไกราคาและดลุ ยภาพ
ชนิดเดียวกันจากผูผลิตรายอ่ืน ซึ่งการกําหนดราคาหรือการเปล่ียนแปลงของ โดยมปี ระเดน็ ดังนี้
ราคาตองคํานึงถึงคูแขงขันที่อยูในตลาดนั้นๆ การเขาสูตลาดของคูแขงขัน
รายใหมๆ และไมเ ฉพาะราคาเทานั้นตอ งพิจารณาถึงตนทุน คุณภาพของสินคา • เพราะเหตุใดราคาสินคาและบริการจึงมีการเปลี่ยนแปลง
หรอื บริการท่คี ูแ ขงขันเสนอใหกับลกู คาดวย อยูตลอด

ส่ือ Digital • ถาหากสินคาและบริการที่นักเรียนตองการซื้อมีการ
เปลี่ยนแปลง โดยอาจจะสงู ข้นึ หรือต่าํ ลง จะมีผลตอการตัดสินใจ
ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับ “กลยุทธการตั้งราคา” จากกรมสงเสริม ซอื้ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด ยกตัวอยางประกอบ
อุตสาหกรรม ไดท่ี https://bsc.dip.go.th/th/category/marketing2/qs-
settingprice

T118

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

๒.๒) การก�าหนดราคาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนตามเป้าหมาย เป็นวิธีการ ขนั้ สรปุ
กา� หนดราคาเพ่ือใหไ้ ดผ้ ลตอบแทนจากเงนิ ลงทนุ ตามทต่ี ้องการ คา� นวณไดจ้ ากสูตร ดงั น้ี
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ
ราคาขายต่อหนว่ ย ต้นทุนคงทีท่ ัง้ หมด + ก�าไรทีว่ างแผน ตน้ ทุนแปรผันเฉลีย่ การกําหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ หรือใช PPT
ปริมาณการผลิต สรปุ สาระสาํ คญั ของเนอ้ื หา ตลอดจนความสาํ คญั
ตอ การดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั
ตวั อย่าง
ขน้ั ประเมนิ
โรงงานตดั เยบ็ ชดุ ท�างานผลติ ชดุ ท�างานจ�านวน ๑,๒๐๐ ชดุ โดยมตี น้ ทนุ คงทท่ี งั้ หมด ๒๐๐,๐๐๐ บาท
ต้นทนุ แปรผันเฉล่ียชุดละ ๔๐๐ บาท หากโรงงานตอ้ งการก�าไรรวม ๔๐,๐๐๐ บาท โรงงานควรกา� หนดราคา 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
ขายชดุ ท�างาน ดังนี้ การเรียนรูที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบ
เศรษฐกจิ
ราคาขายชดุ ท�างาน = ๒๐๐,๐๐๐ + ๔๐,๐๐๐ + ๔๐๐
2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
๑,๒๐๐ การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
ดงั นนั้ ตอ้ งก�าหนดราคาขายชุดทา� งาน = ๖๐๐ บาท/ชุด หนา ช้นั เรยี น

3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก
สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ เศรษฐศาสตร ม.3

๒.๓) การก�าหนดราคาขายให้ต่างกัน สินค้าหลายชนิดมีการก�าหนดราคาขายให้
แตกตา่ งกนั ทัง้ น ี้ ขึน้ อย่กู ับลกั ษณะของสนิ ค้าและลักษณะของผู้ซ้อื เชน่
๑. ขายสนิ คา้ ใหก้ บั ลกู คา้ แตล่ ะรายราคาไมเ่ ทา่ กนั ในสนิ คา้ ชนดิ เดยี วกนั เชน่ ขาย
ใหแ้ ก่ลูกคา้ ประจ�าราคาตา่� กวา่ ขายใหก้ ับลูกคา้ ขาจร หรอื ขายให้แก่ลกู ค้าทเี่ ปน็ สมาชิกถูกกวา่ ขาย
ใหก้ ับผู้ท่ไี มไ่ ดเ้ ป็นสมาชกิ
๒. ขายสินค้าให้กับลูกค้าแต่ละคนจ�านวนราคาไม่เท่ากัน เช่น ขายปลีกราคา
สูงกว่าขายส่ง เชน่ ขายนมกลอ่ งละ ๑๐ บาท แต่ถ้าขายแบบแพก็ มี ๑๐ กลอ่ ง ราคา ๙๐ บาท
๓. ขายสนิ คา้ ให้ลูกค้าแต่ละรายไมเ่ ทา่ กนั เชน่ ขายตว๋ั รถไฟฟ้าใหก้ ับนกั เรยี นใน
ราคาถูกกว่าผใู้ หญ่

กลา่ วโดยสรปุ การศึกษาการก�าหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ ของตลาดเสรีทกี่ ารซ้อื ขาย
สินค้าในตลาดขึ้นอยู่กับการท�างานของกลไกราคา เพ่ือให้เข้าใจเรื่องของอุปสงค์และอุปทาน
โดยอุปสงค์เป็นการศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับการเลือกซ้ือสินค้าและบริการ
ส่วนอุปทานเป็นการศึกษาเพื่ออธิบายพฤติกรรมของผู้ผลิต ในการตัดสินใจผลิตสินค้าและ
บริการเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีการตกลงซ้ือขายสินค้าใน
ตลาด ซึง่ ราคาในการซ้อื ขายข้ึนอยกู่ บั ความพงึ พอใจของผซู้ อื้ และผูข้ าย

๑07

กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล

ครูใหนักเรียนจับคูกัน แลวชวยกันวางแผนออกแบบสินคา ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เรื่อง การกําหนดราคา
จากวัสดุทองถนิ่ 1 ชนิด ใหม คี วามนา สนใจ เพ่ือขายสนิ คาดังกลา ว ในระบบเศรษฐกจิ ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรวมกนั ทํางาน และการนําเสนอ
โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้ ผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมิน
การนําเสนอผลงานท่ีแนบทา ยแผนการจัดการเรียนรูหนว ยท่ี 6 เรือ่ ง กลไกราคา
• ชื่อผลิตภัณฑ ในระบบเศรษฐกจิ
• วัสดุและอปุ กรณ
• ขนั้ ตอนการทํางาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
• กาํ หนดตนทุนการผลิต ราคาขาย และกลยุทธก ารขาย
ครูใหนักเรียนนําผลงานท่ีไดจากการวางแผนออกแบบสินคา คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี
มานําเสนอหนา ชั้นเรยี น ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ตรงกับระดับคะแนน
และขอ เสนอแนะ เพอ่ื นําไปปฏิบตั จิ รงิ ในโอกาสตอ ไป
ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา

2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง

3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์

4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ

5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง

T119

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เฉลย คาำ ถามประจำาหนว ยการเรยี นรู้ คÓถาม ประจÓหน่วยการเรยี นรู้
๑. ตลาดมีความส�าคญั ตอ่ ระบบเศรษฐกจิ อย่างไร
1. สถานทที่ ผี่ ซู อื้ และผขู ายไดแ ลกเปลยี่ นสงิ่ ของ ๒. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์กับตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์มลี กั ษณะส�าคญั อย่างไร
สินคา หรือบรกิ ารตา งๆ ๓. กลไกราคาคอื อะไร และมีความส�าคัญต่อระบบเศรษฐกิจอยา่ งไร
๔. ปัจจัยในการกา� หนดอปุ สงค์และอุปทานมีอะไรบ้าง
2. เชน ตลาดแขง ขันสมบรู ณ สนิ คา ทซี่ ้ือขายกัน ๕. การปรบั และเปลย่ี นแปลงราคาสนิ คา้ และบรกิ ารเกดิ จากสาเหตุใดบ้าง
มีลักษณะเหมือนกันทุกประการหรือสามารถ
รถใชทดแทนกนั ได เชน ตลาดสนิ คา เกษตร กิจกรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรยี นรู้
สวนตลาดแขงขันไมสมบูรณ สินคาที่ผลิต
แมช นดิ เดยี วกนั แตม ีลกั ษณะหรอื มาตรฐาน กิจกรรมท ่ี ๑ น กั เรยี นแบง่ กลมุ่ อภปิ รายในประเดน็ รปู แบบของตลาดในปจั จบุ นั และความสา� คญั
ที่แตกตางกัน เชน ยี่หอ หรือแบรนดของ
สินคา ตลาดประเภทน้ี เชน ผูใหบริการใน ของตลาดตอ่ ระบบเศรษฐกิจ
ตลาดโทรคมนาคม ผูผ ลติ บะหม่กี ่ึงสาํ เรจ็ รปู
กิจกรรมท่ ี ๒ น ักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงหลักในการก�าหนดราคาในทางปฏิบัติ พร้อมยก
3. กลไกราคา คือ ราคาของสินคาและบริการ
ซึ่งถูกกําหนดขึ้นโดยอุปสงคและอุปทาน ตัวอย่างราคาสนิ ค้าทน่ี กั เรยี นตอ้ งบริโภคเป็นประจ�า
มีความสําคัญในระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยม
ผสมบทบาทสําคัญของกลไกราคา คือ การ กจิ กรรมที ่ ๓ น กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ “การทา� งานของกลไกราคาในระบบเศรษฐกจิ ”
กําหนดใหผูผลิตสินคาออกมาใหพอดีกับ กจิ กรรมที่ ๔ นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงของอุปสงค์ อุปทาน ราคา
ความตอ งการของผบู รโิ ภค หรอื เปน ตวั กาํ หนด
ราคาดุลยภาพของตลาด ดลุ ยภาพ และปรมิ าณดลุ ยภาพ ในกรณเี กดิ ภาวะฝนแลง้ ในประเทศไทยตดิ ตอ่ กนั
ถงึ ๒ ป ี โดยทีค่ วามตอ้ งการบริโภคขา้ วยังคงเท่าเดมิ จะส่งผลกระทบตอ่ ราคา
4. ปจ จัยในการกําหนดอุปสงค เชน ราคาสินคา และปริมาณดุลยภาพของสินคา้ ข้าวอย่างไร
จํานวนประชากร รายไดเฉล่ียของครัวเรือน
ฯลฯ ปจ จัยในการกําหนดอปุ ทาน เชน ราคา
สนิ คาท่ผี ลติ จํานวนผูซอ้ื ผขู าย สภาพดนิ ฟา
อากาศ ฯลฯ

5. เชน การเปล่ียนแปลงตนทุนการผลิต หาก
ตนทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ราคาสินคาก็ตอง
ปรับเพ่ิมขึ้น ถาตนทุนการผลิตลดลง ราคา
สินคา กล็ ดลง

๑08

เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้

ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป
ซึ่งเปนงานหรือช้นิ งานทีใ่ ชเวลาไมน าน สําหรับการประเมินรูปแบบนี้อาจเปนคําถามปลายเปด หรือผงั มโนทัศน นิยมสําหรับประเมนิ ผูเรยี นรายบคุ คล

ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมนิ ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และความ
สามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใชในชีวิต
ประจําวัน อันมีความเก่ียวของกับหลักการและความสามารถทางเศรษฐศาสตรที่มีความจําเปนตอการใชชีวิตในสังคมปจจุบัน อาจเปนการประเมิน
จากการสงั เกต การเขียน การตอบคาํ ถาม การวิเคราะห การแกป ญหา ตลอดจนการทาํ งานรวมกัน

ประเมินทกั ษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนสมาชิกของสังคมท่ีตองมีความเกี่ยวของกับหลักการทางเศรษฐศาสตรที่มีความซับซอน
และกอ เกิดเปนความชาํ นาญในการนาํ มาเปน แนวทางปฏบิ ตั ิจริงในชวี ติ ประจาํ วันอยางยง่ั ยนื เชน ทกั ษะในการสือ่ สาร ทักษะในการแกปญ หา ทกั ษะ
ชวี ิตในดา นตา งๆ โดยอาจมกี ารนาํ เสนอผลการปฏิบตั ิงานตอผูเกย่ี วของ หรอื ตอสาธารณะ
สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงาน หรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน

T120

Chapter Overview

แผนการจัด สอื่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 1 - หนงั สอื เรยี น 1. อธบิ ายปัญหาท้องถ่นิ สืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ความสามารถใน 1. มวี นิ ยั
ปัญหาทอ้ งถนิ่ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 ของไทย แนวทางการ หาความรู้ - ตรวจการท�ำแบบฝึก การคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
ของไทย แนวทาง - แบบฝกึ สมรรถนะ แก้ปัญหาและแนวคิด (5Es สมรรถนะและการคิด - ความสามารถใน 3. มงุ่ มนั่ ในการ
การแก้ปญั หา และการคดิ เศรษฐกจิ พอเพียงกบั Instructional เศรษฐศาสตร์ ม.3 การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
และแนวคิด เศรษฐศาสตร์ ม.3 การพัฒนาประเทศได้ Model) - ตรวจใบงานที่ 7.1
ของเศรษฐกจิ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน (K) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
พอเพียงกับการ - PowerPoint 2. จำ� แนกปญั หาท้องถิน่ - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน
พัฒนาประเทศ - ใบงานท่ี 7.1 ของไทย แนวทางการ - สังเกตพฤติกรรม
แก้ปญั หาและแนวคดิ การท�ำงานรายบคุ คล
เศรษฐกจิ พอเพียงกับ - สังเกตพฤตกิ รรม
2 การพฒั นาประเทศได้ การท�ำงานกลมุ่
ชั่วโมง (P) - ประเมนิ คุณลักษณะ

3. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา อันพงึ ประสงค์
ปัญหาทอ้ งถ่ินของไทย
แนวทางการแก้ปญั หา
และแนวคิดเศรษฐกิจ
พอเพียงกบั การพฒั นา
ประเทศเพิม่ มากขน้ึ
(A)

T121

แผนการจัด สอ่ื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สอื เรียน 1. อ ธิบายหลักการส�ำคัญ การจดั การ - ตรวจการท�ำแบบฝกึ - ความสามารถใน 1. มวี นิ ัย
ความสมั พนั ธ์ สงั คมศึกษาฯ ม.3 ของระบบสหกรณ์ได้ เรยี นรู้แบบ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
ของแนวคดิ - แบบฝกึ สมรรถนะ (K) รว่ มมือ : เศรษฐศาสตร์ ม.3 - ความสามารถใน 3. มงุ่ มนั่ ในการ
เศรษฐกจิ และการคดิ 2. ว ิเคราะห์ความสัมพันธ์ เทคนิคคูค่ ิด - ตรวจการท�ำแบบวัดและ การใชท้ กั ษะชวี ติ ทำ� งาน
พอเพียงกบั เศรษฐศาสตร์ ม.3 ระหวา่ งแนวคดิ เศรษฐกจิ ส่ีสหาย บันทึกผลการเรียนร ู้
ระบบสหกรณ์ - แบบวัดและบันทึกผล พอเพยี งกบั ระบบสหกรณ์ เศรษฐศาสตร์ ม.3
การเรยี นร ู้ ได้ (K) - ตรวจใบงานที่ 7.2
เศรษฐศาสตร์ ม.3 3. เ ปรียบเทยี บความ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลงั เรียน สมั พันธร์ ะหวา่ งแนวคิด - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน
2 - PowerPoint เศรษฐกิจพอเพยี งกับ - สังเกตพฤติกรรม
ชั่วโมง - ใบงานท่ี 7.2 ระบบสหกรณ์ได้ (P) การท�ำงานรายบคุ คล
4. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สงั เกตพฤตกิ รรม
ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง การท�ำงานกลุ่ม
แนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง - ประเมินคุณลกั ษณะ
กบั ระบบสหกรณเ์ พิม่ อนั พงึ ประสงค์
มากขึน้ (A) - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น

T122

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

๗ เศรษฐกิจพอเพยี งหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ขน้ั นาํ (5Es Instructional Model)
กบั การพัฒนาประเทศ
ËÒ¡·ŒÍ§¶èÔ¹ä·Â¹íÒ ขัน้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ
àÈÃɰ¡Ô¨¾Íà¾Õ§ÁÒ㪌
ᡌ»˜ÞËÒàÈÃɰ¡Ô¨ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเร่ือง
¨ÐÊ‹§¼Å´Õµ‹Í¡Òà ท่จี ะเรียนรู จุดประสงคก ารเรยี นรู และผลการ
?¾Ñ²¹Ò»ÃÐà·ÈÍ‹ҧäà เรียนรู

2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเรียนรูที่ 7 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับ
การพัฒนาประเทศ

3. ครูและนักเรียนสนทนาถึงการใชชีวิตแบบ
พอเพยี งและกระตุนดว ยคาํ ถาม เชน
• นักเรียนนําหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง
มาใชอยางไรบาง
• เศรษฐกิจพอเพียงเหมาะสมกับคนไทย
อยา งไร

การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยท่ีผ่านมาเป็นการเติบโตเชิงปริมาณท่ียังมีปัญหาในระบบ
เศรษฐกิจ เนื่องจากการผลิตยังต้องพ่ึงพาปัจจัยภายนอก น�าไปสู่ปัญหาท้องถิ่นทางด้านสังคม
เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการน�าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมุ่งพัฒนาบนหลักความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน
ในตวั ทด่ี ีของครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาต ิ โดยร่วมกนั แกป้ ัญหาเศรษฐกิจและสงั คม
ให้ประชาชนในสังคมอย่ไู ด้ด้วยตนเอง มคี วามอยดู่ กี นิ ด ี และมคี วามสุข

ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ส ๓.๑ ม.๓/๒ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา • ส �ารวจสภาพปจั จุบันปัญหาท้องถ่ินทง้ั ด้านสงั คม เศรษฐกจิ
ทอ้ งถ่นิ ตามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และสงิ่ แวดล้อม
• วิเคราะห์ปัญหาของท้องถ่ินโดยใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจ
ส ๓.๑ ม.๓/๓ วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง
พอเพยี งกบั ระบบสหกรณ์
• แนวทางการแกไ้ ขและพฒั นาท้องถน่ิ ตามปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
• แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาในระดับตา่ ง ๆ
• หลกั การสา� คัญของระบบสหกรณ์
• ค วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั หลกั การ
และระบบของสหกรณ ์ เพอ่ื ประยกุ ต์ใชใ้ นการพฒั นาเศรษฐกจิ
ชมุ ชน
๑09

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรโู ดยใหน กั เรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจเกย่ี วกบั เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การพฒั นาประเทศ และเพอ่ื ใหน กั เรยี นเขา ใจสภาพปญ หาของ
ทองถนิ่ ไทย และมสี ว นรว มในการแกป ญหาโดยใชห ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการจัดกิจกรรม เชน

• การแสดงความคิดเหน็ ในประเดน็ ทางสังคม เชน ปญหาเศรษฐกจิ ในชมุ ชน
• การสํารวจสภาพชุมชนของตนและวเิ คราะหส ภาพปญ หา พรอมหาทางปองกันแกไ ข โดยใชห ลักการปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
• การยกตวั อยา งการดําเนินงานของสหกรณตามแนวทางของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

T123

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ ñ. »Þ˜ ËÒ·ÍŒ §¶¹èÔ ¢Í§ä·Â

ขัน้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ การพัฒนาประเทศท่ีผ่านมามุ่งเน้นการขยายการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งเป็น
เพียงการเตบิ โตเชงิ ปรมิ าณ ไม่ใช่การเติบโตท่ยี ่งั ยนื เพราะตอ้ งพ่ึงพาปัจจยั จากภายนอก และมี
4. ครใู หน กั เรยี นสนทนาเกย่ี วกบั สภาพความเปน การนา� ทรพั ยากรมาใชจ้ า� นวนมาก นา� มาสปู่ ญั หาความเสอื่ มโทรมของสภาวะแวดลอ้ มและคณุ ภาพ
อยขู องคนในทองถนิ่ และตงั้ คําถาม เชน ชวี ติ ของคนในท้องถน่ิ โดยปญั หาทอ้ งถิ่นของไทยสามารถกลา่ วเปน็ ดา้ น ๆ ในภาพรวมได้ ดงั นี้
• บุคคลในทองถิ่นมีวิถีชีวิตความเปนอยู
อยา งไร ปญ หาทางดา นสังคม
• มปี ญ หาอะไรบา งทจ่ี ะตอ งชว ยกนั รบี เรง แกไ ข
• แนวทางการแกป ญ หาทยี่ ง่ั ยนื สามารถทาํ ได สภาพของปญั หา
อยางไรบา ง • ปญั หาความยากจน ภาระหนี้สนิ น�าไปส่ปู ัญหาสงั คม เชน่ การขาดการศกึ ษา การวา่ งงาน ปัญหาสิง่ เสพตดิ

5. ครูเชื่อมโยงเขาสูบทเรียน โดยอธิบายขยาย • ปปัญัญหหาาแครรงองบาคนรตวั า่ งดา้ ว1เน่อื งจากเข้ามาท�างานในไทยในหลายธรุ กิจ เชน่ ก่อสร้าง ประมง งานบา้ น มที ัง้
ความจากสิ่งที่นักเรียนตอบ จากนั้นอภิปราย
รวมกนั การเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตท�างาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยในด้านต่าง ๆ
เช่น ปญั หาอาชญากรรม ปญั หาส่งิ แวดลอ้ ม ปญั หาการลักลอบเขา้ เมือง ปญั หาผู้หญิงและเด็ก
• ปัญหาการบริหารจัดการของท้องถ่ินเพ่ือน�าไปสู่การพ่ึงตนเอง การรวมกลุ่มบุคคลหรือองค์กรต่าง ๆ ใน
ทอ้ งถ่ินยงั ทา� ไดไ้ มท่ ัว่ ถึง ทา� ให้ตอ้ งพง่ึ พาปจั จยั ภายนอก เชน่ ทนุ ความรู้ เทคโนโลยี
สาเหตุของปัญหา
• การขาดแคลนทดี่ นิ ทา� กนิ โดยสว่ นใหญไ่ มม่ กี รรมสทิ ธทิ์ ด่ี นิ ท�าใหต้ ้องเสียค่าใช้จา่ ยไปกับการเช่าท่ีท�ากิน
• สภาพภูมิอากาศ ธรรมชาตไิ ม่เออื้ อ�านวย เช่น ฝนแล้ง น�า้ ท่วม กจ็ ะไดผ้ ลผลิตน้อยลงหรือไมไ่ ด้เลย
• ภาระคา่ ใชจ้ า่ ยสงู เชน่ คา่ ปยุ สารเคม ี ทา� ใหต้ น้ ทนุ การผลติ สงู ในขณะทรี่ าคาผลผลติ ในแตล่ ะปไ มค่ งท ่ี ทา� ให้
มรี ายไดน้ ้อย ไมพ่ อใช้จ่าย และเกิดหนสี้ นิ ตามมา
• ขาดแคลนวทิ ยาการสมยั ใหม ่ เพอื่ ชว่ ยเพม่ิ ผลผลติ เนอื่ งจากมตี น้ ทนุ สงู ทา� ใหต้ อ้ งทา� การเกษตรแบบดง้ั เดมิ
ในขณะที่ตน้ ทนุ เพมิ่ สงู ข้ึน
แนวทางการปองกนั และแกไ้ ขปญั หา
• นา� หลกั การของแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการดา� เนนิ ชวี ติ เชน่ ในระดบั ครอบครวั โดยสมาชกิ ตอ้ งรจู้ กั
พึ่งตนเอง ลดรายจ่าย ไม่สรา้ งหนี้ และเก็บออมเงิน
• ภาครฐั ควรเขา้ มาใหค้ วามชว่ ยเหลอื เชน่ การจดั สรรทด่ี นิ ทา� กนิ การใหค้ วามรแู้ ละสง่ เสรมิ การประกอบอาชพี

• ลเพด่ือตใน้ หทค้ นุนกในารทผ้อลงติถ น่ิ เชมน่รี า ยปไลดกู ้ ผจักะไปดล้ไอมดเ่ ปสา็นรหพนษิ แ้ี 2 ลใชะไป้ มุย่ตจอ้ างกยธ้ารยรถมน่ิชมาตาทเิ พ�าอื่งาลนดใกนาเรมใือชงส้ ใาหรญเค ่ ๆมี

๑๑0

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสรมิ

1 แรงงานตางดาว คือ คนท่ีไมไดมีสัญชาติไทยท่ีเขามาทํางานในเมืองไทย ครูใหนักเรียนชวยกันบอกปญหาทองถ่ินของนักเรียนใน
เชน คนเมียนมา ลาว เขมร หรอื แมแตชนกลมุ นอ ยตางๆ รวมทัง้ คนอเมรกิ ัน ปจ จุบันวา มอี ะไรบาง โดยใหอ ธิบายตามประเด็น ดังน้ี
คนองั กฤษ คนเกาหลี คนญป่ี นุ หรอื คนจนี ซงึ่ บคุ คลเหลา นสี้ ามารถเขา มาทาํ งาน
ในประเทศไทยไดอยางถูกกฎหมาย ข้ึนอยูกับใบอนุญาตท่ีไดรับตามกฎหมาย • สภาพของปญ หาในปจ จบุ นั
ฉบับตา งๆ • สาเหตุของปญ หา
2 ผักปลอดสารพิษ คือ ผักที่มีระบบการผลิตที่ใชสารเคมีในการปองกัน • แนวทางการปอ งกันและแกไขปญ หา
และปราบศตั รพู ชื รวมทง้ั ปุย เคมีเพอ่ื การเจรญิ เตบิ โตของพืช แตใ หเวน ชวงการ จากน้ันใหสรุปเปนแผนผงั ความคิด แลวนาํ สง ครผู ูสอน
ใชสารเคมีกอนการเก็บเก่ียว ซึ่งผลผลิตจะมีสารเคมีตกคางไมเกินในปริมาณ
ทก่ี ําหนด เพื่อความปลอดภัยของผูบริโภค

T124

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ปญหาทางดา นเศรษฐกิจ ขนั้ สอน

• สภาพของปัญหา 1 ขนั้ ท่ี 2 สาํ รวจคน้ หา

ปญั หาความเหลอ่ื มลา้� ของการกระจายรายได ้ จากการขยายตวั และการเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งเศรษฐกจิ ทไี่ ม่ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม ศึกษาคนควาจาก
สมดลุ ระหวา่ งภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ทา� ใหเ้ กษตรกรไทยมคี วามเป็นอยแู่ ละรายได้ไมม่ น่ั คง หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษาฯ ม.3 หรือจากแหลง
เพราะข้ึนอยู่กับความไม่แน่นอนของการเกษตรตามฤดกู าล และมผี ลตอบแทนทางด้านราคาทไ่ี มเ่ ป็นธรรม การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน หนงั สอื ในหอ งสมดุ เวบ็ ไซต
ขาดแคลนทีด่ นิ ทา� กินและแหลง่ นา้� จนเกดิ ปญั หาหน้ีสินของเกษตรกรในชนบท ในอนิ เทอรเ นต็ ในประเด็น ดงั น้ี
• ปญั หาคา่ ครองชพี จากคา่ แรงขน้ั ตา่� หรอื ตน้ ทนุ การผลติ ทเ่ี พมิ่ สงู ขนึ้ ทา� ใหค้ า่ ใชจ้ า่ ยมากขน้ึ ในขณะทรี่ ายได้ • ปญ หาทอ งถิ่นของไทย
ของคนในทอ้ งถิ่นเทา่ เดิมหรือลดนอ้ ยลง • แนวทางการแกปญหาและพัฒนาทองถ่ิน
ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สาเหตขุ องปัญหา • แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การพฒั นา
• การพฒั นาเศรษฐกจิ ที่มุ่งการเติบโตทางการผลติ โดยไมไ่ ดค้ า� นึงถงึ คุณภาพและการวางรากฐานใหย้ งั่ ยนื ประเทศในระดบั ตา งๆ
• การพงึ่ พาปจั จยั ภายนอกมากเกนิ ไป เชน่ การพงึ่ พาเงินทุน เทคโนโลยี
• โครงสรา้ งดา้ นการผลติ จากภาคการเกษตร จากการขยายพน้ื ทเ่ี พาะปลกู ซงึ่ ทา� ไดใ้ นขอบเขตจา� กดั เนอ่ื งจาก 2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเช่ือถือ
ใหก บั นักเรยี นเพิม่ เตมิ
ที่ดินมจี �ากัด ประกอบกบั การผนั ผวนของอากาศและราคาผลผลติ ในแตล่ ะป
• ความผันผวนของภาวะเศรษฐกจิ โลก เนื่องจากการมุ่งการผลติ เพ่ือส่งออก โดยเมอื่ เศรษฐกจิ ประสบปญั หา

สง่ ผลใหก้ ารส่งออกและแรงงานประสบปัญหาตามดว้ ย
• การบริโภคที่ฟุมเฟอย ซ่ึงได้รับอิทธิพลจากสังคมภายนอกและค่านิยมการบริโภคท่ีไม่ถูกต้อง ท�าให้เกิด

คา่ ใชจ้ า่ ยที่เพิ่มมากขนึ้

แนวทางการปอ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
• สร้างชุมชนเข้มแข็ง เช่น การตั้งกลุ่มอาชีพ สหกรณ์ มีการผลิตเพ่ือการบริโภคในครัวเรือนและจ�าหน่าย

การสร้างความรว่ มมอื กบั องคก์ รอนื่ ๆ เพ่ือแลกเปลีย่ นความรู้และเทคโนโลยี
• สร้างศักยภาพทางการแข่งขัน เพื่อลดความเสียเปรียบจากการค้าโดยการปรับปรุงกระบวนการผลิต

เทคโนโลยี และการเพิ่มมลู คา่ สนิ คา้
• ปรับเปลย่ี นคา่ นยิ มในการบรโิ ภค โดยการบริโภคสินคา้ ที่จ�าเปน็
ตอ่ การด�ารงชวี ิต คา� นึงถึงรายได้ที่พึงมี ไมใ่ ช้จ่ายเกินตวั ไม่กอ่
หนสี้ นิ ทีไ่ ม่สามารถชา� ระคืนได ้ ซงึ่ ผู้ผลิตกจ็ ะไดล้ ดการผลิตสนิ คา้
ฟุมเฟอย และช่วยลดการใช้ทรพั ยากรอีกทางหน่งึ
• ลดการพง่ึ พาจากภายนอก ทัง้ ในด้านการบริโภคและการผลติ

๑๑๑

กิจกรรม ทาทาย นักเรียนควรรู

ครูใหนักเรียนสืบคนขาวหรือบทความเก่ียวกับปญหาดาน 1 ปญหาความเหล่ือมลํ้า ความยากจนและความเหล่ือมลํ้าของรายไดใน
เศรษฐกจิ ของประเทศไทยในปจ จบุ นั โดยใหว เิ คราะหต ามประเดน็ สังคมไทยเปนเร่ืองสําคัญท่ีอาจทําใหยุทธศาสตรการขับเคล่ือนประเทศเปนไป
ดงั น้ี ไดไ มเ ตม็ ท่ี โดยหากปญ หาดงั กลา วไมไ ดร บั การแกไ ขอยา งจรงิ จงั อาจทาํ ใหเ กดิ
อุปสรรคตอ ความยัง่ ยนื ของการพัฒนาประเทศ และยังอาจนําไปสูป ญหาสงั คม
• สภาพของปญ หาในปจจบุ ัน และคณุ ภาพชีวติ ในทส่ี ุด
• สาเหตุของปญ หา
• แนวทางการปอ งกนั และแกไขปญ หา สื่อ Digital
จากน้นั นําขอ มลู ดงั กลา วมาอภปิ รายรวมกันในช้ันเรยี น
ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั “ภาวะเศรษฐกจิ ของไทย” จากธนาคาร
แหง ประเทศไทย ไดท ี่ https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/Econom-
icConditions/Pages/default.aspx

T125

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ปญ หาทางดานสิง่ แวดลอม

ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ สภาพของปญั หา
• ความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ จากการพัฒนาประเทศท่ีมุ่งเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและ
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู การลงทนุ ดา้ นอตุ สาหกรรม ทา� ให้ต้องเพม่ิ ปรมิ าณการใช้วัตถุดบิ ในการผลติ จึงตอ้ งนา� ทรพั ยากรมาใช้มาก
ระหวางกัน เกินไป จนอาจเกดิ การขาดแคลนได้ในอนาคต รวมทั้งสง่ ผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อมในทอ้ งถิน่ จากการปล่อย
ของเสยี ออกจากโรงงานอตุ สาหกรรม เชน่ ควนั พษิ น�้าเสยี รวมท้งั มลภาวะทางเสยี ง
2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ทีน่ ําเสนอเพือ่ ใหไดขอ มลู ทถ่ี ูกตอง สาเหตุของปัญหา

3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล • กค่าานรพิยฒัมกนาารเบศรรษิโภฐคก1ขจิ อทงมี่ คุง่ นขใยนาสยังเชคงิมปทร่ีเิมพาิ่มณม าโกดขย้ึนไม ่ไทด�าค้ ให�าน้ตึง้อถงึงผสล่งิ ิตแสวินดคล้า้อตม่าง ๆ เพ่ือตอบสนองความต้องการ
หนา ชนั้ เรยี นตามประเดน็ ทศ่ี กึ ษา โดยเรม่ิ จาก •
กลมุ ปญ หาทองถิน่ ของไทย เพม่ิ มากขึ้น
• การมงุ่ ใชเ้ ครอ่ื งจกั รในการผลติ สนิ คา้ แทนการใชแ้ รงงานจากคน ทา� ใหม้ ขี องเสยี จากการใชพ้ ลงั งานนน้ั เชน่
4. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว มกนั เกยี่ วกบั ปญ หา
สังคมและแนวทางแกไข และสุมตัวแทน เกิดควนั พษิ จากโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการปลอ่ ยน้า� เสยี ขยะ และสงิ่ ปฏกิ ูล
นกั เรยี นเพื่อตอบคาํ ถาม เชน
• ปญหาสังคมใดท่ีสังคมไทยตองตระหนัก แนวทางการปองกันและแกไ้ ขปญั หา
และรวมมือปองกันแกไขอยางเรงดวน • พัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาส่ิงแวดล้อม ซึ่งต้องอาศัยระบบการศึกษาทุกระดับ ส่ือมวลชน การ
เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดห ลากหลาย ประชาสมั พนั ธ์ และความรว่ มมือจากทงั้ ภาครฐั และเอกชน
ขนึ้ อยกู บั เหตผุ ล เชน ปญ หายาเสพตดิ เพราะ • สรา้ งค่านิยมในคณุ ภาพชวี ติ ใหม้ ีนิสัยรกั ความสะอาด ความเรียบร้อย ส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีค่านยิ มในการ
มีการแพรกระจายไปทั่วประเทศ ทําให
เด็กและเยาวชนไดรับผลกระทบจากโทษ พฒั นาสขุ นสิ ยั และมีการบรโิ ภคแบบพอดี
ของยาเสพติดจํานวนมาก) • ใชเ้ ครื่องจักรและเทคโนโลยีในการผลิตอย่างเหมาะสม และค�านึงถึงสงิ่ แวดลอ้ มใหม้ ากทส่ี ุด
• หากเกิดปญหาส่ิงแวดลอมข้ึนในทองถิ่น • ฟนฟสู ง่ิ แวดลอ้ ม ทอ่ี ยู่ในทอ้ งถ่นิ และในสังคมใหด้ มี ากขึน้
นกั เรยี นจะชวยแกป ญ หาไดอยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดห ลากหลาย  การใช้เครื่องจักรในการพัฒนาและลงทุนด้านอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดมลพิษและเป็นปัญหาส่ิงแวดล้อมหลักของไทย
ขน้ึ อยกู บั เหตผุ ล เชน สรา งความตระหนกั ให ท่ีต้องเรง่ แกไ้ ขในปัจจุบัน
คนในชมุ ชนเหน็ ความสาํ คญั ของสง่ิ แวดลอ ม
และชว ยกนั อนุรกั ษ)

๑๑2

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 คานยิ มการบรโิ ภค ในยคุ โลกาภิวัตนม ีการบรโิ ภคตามกระแสคานยิ ม เพอ่ื ในปจ จบุ นั ปญ หาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มใดสาํ คญั
ตอบสนองความตอ งการทเี่ กนิ ความจาํ เปน ของตนเอง จนทาํ ใหเ กดิ มพี ฤตกิ รรม ท่ีสดุ เพราะเหตใุ ด และมแี นวทางในการแกปญหาอยางไร
การเลียนแบบดวยความหลง เพราะเช่ือวาถาไดบริโภคตามความตองการแลว
จะดูโกเกและทันสมัย บางครั้งอาจจะประสบกับปญหาทางดานการเงินจนตอง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดห ลากหลายขึน้ อยกู บั เหตุผล
ยอมกูเ งินเพอื่ พยงุ ฐานะและรกั ษาภาพลกั ษณของตนเอง โดยไมต องการใหใคร เชน ปญ หาการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ เนอ่ื งจากเปน ปญ หา
มามองวาตวั เองยากจนลําบากหรอื ตํา่ ตอ ยกวา คนอ่นื ที่ทัว่ โลกไดรบั ผลกระทบ มสี าเหตจุ ากการปลอ ยแกสเรือนกระจก
สูชนั้ บรรยากาศในปรมิ าณมาก ซึง่ แกส เรอื นกระจกทาํ ใหอณุ หภูมิ
โลกสูงข้ึน นําไปสูการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ
ตา งๆ แนวทางการแกปญ หา เชน การลดการใชเ ชือ้ เพลิงฟอสซลิ
สนบั สนนุ การใชพลังงานสะอาด สงเสริมการปลกู ปาฯลฯ)

T126

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ò. á¹Ç·Ò§¡ÒÃᡌ»˜ÞËÒáÅоѲ¹Ò·ŒÍ§¶Ôè¹µÒÁ»ÃѪÞҢͧ ขน้ั สอน

àÈÃɰ¡Ô¨¾Íà¾Õ§ ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาทช่ี ถี้ งึ แนวทางการดา� รงอยแู่ ละการปฏบิ ตั ติ นของ 5. ตัวแทนกลุมแนวทางการแกปญหาและพัฒนา
ประชาชนตง้ั แตร่ ะดบั ครอบครวั ชมุ ชน จนถงึ ระดบั ประเทศ ทงั้ ในการพฒั นาและการบรหิ ารประเทศ ทอ งถน่ิ ตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งออก
ให้ดา� เนนิ ไปในแนวทางสายกลาง โดยการพฒั นาทางดา้ นการศึกษา สังคม เศรษฐกจิ การเมือง มานาํ เสนอผลการศกึ ษาหนา ชน้ั เรียน
การปกครอง และสง่ิ แวดลอ้ มอย่างยงั่ ยืน เพ่อื ใหท้ ันตอ่ การเปลย่ี นแปลงของโลกในยคุ โลกาภิวัตน์
การพัฒนาท้องถิ่นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาซ่ึงตั้งอยู่บน 6. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันหรือซักถาม
รากฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยค�านึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล เกย่ี วกับประเดน็ ดังกลา ว เชน
การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี ตลอดจนใชค้ วามร ู้ ความรอบคอบ และคณุ ธรรมประกอบการวางแผน • ทอ งถน่ิ ควรสง เสรมิ การนาํ ภมู ปิ ญ ญามาสรา ง
ชกามุ รชตนดั เสขนิ้มใแจข ็งแ1 ลละดกกาารรลพง่งึมพือาปปฏัจบิ จตัยั ิภโาดยยนมอีเกป า้ แหลมะาปยลสูกา� ฝคงั ญั ใหเพ้คนื่อใใหน้คทน้อใงนถท่ินอ้มงคี ถณุ น่ิ ลพักึง่ ษตณนเะอตง่าไงด ๆ้ สดรังา้ นง้ี เปน รายไดเล้ยี งคนในชมุ ชนไดอ ยางไร
(แนวตอบ ควรมกี ารถา ยทอดใหค นรนุ ใหมน าํ
ทางสายกลาง วตั ถดุ บิ ในทอ งถน่ิ มาผลติ เปน สนิ คา เพอื่ ขาย
ใหกับคนในทองถ่ินและชุมชนอื่น รวมถึง
พอประมาณ ควรมีการบริหารจัดการตนทุน แรงงาน
และเพม่ิ มลู คาใหก บั สนิ คา )
มเี หตุผล มภี มู คิ ุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี • คนไทยสามารถนาํ แนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง
มาใชไดอยางไรบาง
เงอ่ื นไขความรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดห ลากหลาย
(รอบร ู้ รอบคอบ ระมดั ระวัง) (ซอ่ื สัตย์สุจรติ ขยัน อดทน สตปิ ญั ญา แบง่ ปนั ) ข้นึ อยูกับเหตผุ ล เชน ใชจ ายอยางประหยัด
ประกอบอาชีพสุจริต พ่ึงพาตนเองใหมาก
นา� สู่ ท่ีสดุ )
• คนในชมุ ชนสามารถมสี ว นรว มในการพฒั นา
ชวี ติ /เศรษฐกิจ/สังคม/สิง่ แวดล้อม ชุมชนใหเ ขมแข็งไดอยางไรบาง
(แนวตอบ เชน สรา งอาชพี ใหกบั ตนเองและ
รวมกลุมอาชีพ สรางเครอื ขา ยกับชมุ ชนอ่นื )

สมดลุ /มน่ั คง/ยั่งยืน

ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ี่ไมน่ ้อยเกินไปและไม่มากเกนิ ไป ไม่เบยี ดเบยี น
ตนเองและผู้อื่น
ความมเี หตผุ ล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ระดบั ความพอเพยี งนน้ั จะตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งมเี หตผุ ล
การมีภูมิคุมกันในตัวท่ีดี หมายถึง การเตรียมพร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลง
ด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดข้ึน ท้ังนี้ ต้องมีเงื่อนไขส�าคัญ ๒ ประการ ได้แก่ มีความรู้และมีคุณธรรม
ในการดา� เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ
๑๑๓

กจิ กรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู

ครใู หน กั เรยี นไปศกึ ษาดงู านแหลง เรยี นรแู ละพฒั นาตามหลกั 1 ชุมชนเขมแข็ง การพัฒนาคนในชุมชนใหมีความรู ความสามารถในดาน
เศรษฐกิจพอเพียงหรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริที่มี การจัดการเกี่ยวกับการผลิต การตลาด การสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
อยูในชุมชน หรือชุมชนอื่นๆ หรือศึกษาจากหนังสือในหองสมุด การไมเอารัดเอาเปรียบ และสามารถพ่ึงตนเองและครอบครัวได สังคมไม
อนิ เทอรเ นต็ ฯลฯ แลวนําขอมูลมารว มกันอภปิ รายในชน้ั เรียน เดอื ดรอ น

ส่ือ Digital

ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพิ่มเตมิ เกีย่ วกับ “ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” จาก
มลู นิธชิ ัยพฒั นา ไดที่ https://www.chaipat.or.th/site_content/item/3579-
2010-10-08-05-24-39.html

T127

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 2.๑ กำรบริหำรจัดกำรกระบวนกำรชุมชนเขม้ แขง็

ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ ชุมชนเข้มแข็ง หมายถึง ศักยภาพของชุมชนในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจและ
ความเป็นอยู่ได้ด้วยตนเอง ท�าได้ด้วยการส่งเสริมการรวมตัวในการเรียนรู้ ร่วมคิด ร่วมทดลอง
7. ครูสนทนากับนักเรียนวาชุมชนของนักเรียน ปฏิบัติจริง เน้นศักยภาพความพร้อมของชุมชน โดยเชื่อมโยงกับการประกอบอาชีพของคน
มีเอกลักษณหรือลักษณะเดนอยางไรบาง ให ในชมุ ชน คา� นึงถึงความพอประมาณ การสร้างเครอื ข่ายการเรียนร้ทู ัง้ ภายในและภายนอกชุมชน
อาสาสมคั รมาเลาหนา ชนั้ เรียน
2.2 กำรสร้ำงควำมมั่นคงของเศรษฐกิจชมุ ชน
8. ครมู อบหมายใหน ักเรยี นแบง กลมุ ศกึ ษาชมุ ชน
ท่ีสนใจ โดยตั้งประเด็นในการศึกษารวมกัน การสรา้ งความมนั่ คงของเศรษฐกจิ ชมุ ชน ดว้ ยการบรู ณาการการผลติ บนฐานศกั ยภาพและ
และลงพนื้ ทสี่ มั ภาษณห รอื สงั เกตปญ หา รวมถงึ ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนอยา่ งสมดลุ เนน้ การผลติ เพอื่ การบรโิ ภคอยา่ งพอเพยี งภายในชมุ ชน สรา้ ง
พฤติกรรมของคนในชุมชน หลังจากนักเรียน ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการลงทุนสร้างอาชีพ มีการจัดสรรผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
ลงพ้ืนที่แลว ใหนักเรียนสรุปเอกลักษณของ แก่ชุมชน โดยมีแนวปฏบิ ัติ ดังนี้
ชุมชนน้ัน แลว มานําเสนอหนา ชนั้ เรยี น
๑) สนบั สนนุ ใหช้ มุ ชนมกี ารรวมกลมุ่ แบบตา่ ง ๆ เชน่ สหกรณ ์ เพอ่ื พฒั นากจิ กรรมทาง

เศรษฐกจิ ใหห้ ลากหลาย มกี ารแปรรปู และผลติ บนฐานทรพั ยากรในชมุ ชนใหเ้ พยี งพอกบั การอปุ โภค
บรโิ ภค และนา� ไปแลกเปล่ียนระหวา่ งชุมชนหรอื ตลาดภายนอก โดยมกี ารตกลงที่เป็นธรรม

๒) รณรงคแ์ ละสง่ เสรมิ การผลติ ในทอ้ งถน่ิ มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ และจ้างงาน

ให้คนในชมุ ชน เพือ่ ลดการเคล่อื นยา้ ยแรงงานสเู่ มืองใหญ่

๓) สง่ เสรมิ การรว่ มลงทนุ ระหวา่ งเครอื ขา่ ยองคก์ รชมุ ชนกบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่

กหารรือทหอ่ นง่วเทยง่ียาวนเชทิง้ังนภิเาวคศ1รัฐและเอกชนในท้องถิ่นอย่างโปร่งใส โดยใช้ฐานทรัพยากรในพ้ืนท่ี เช่น

คุณค่าข๔อ)งสสินนคับ้าสแนลุนะบกราิกรานร�าทภี่มูมีโอิปกัญาสญทาาไงทกยารแตลละาวดัฒสูงน2 ธเรชร่นม ทอ้อาหงถาร่ินสมุขาภใาชพ ้ ในสินกาคร้าสหรัต้าถงกสรรรรมค์

ผา้ ทอมอื เคร่ืองจกั สาน

2.๓ ก ำรเสริมสร้ำงศักยภำพชุมชนในกำรอยูรวมกันกับธรรมชำติ
และสง่ิ แวดล้อมอยำ งย่ังยนื

จากการพัฒนาประเทศท่ีเน้นการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม และการเพ่ิมขึ้นของประชากร
ท�าให้ทรัพยากรธรรมชาติได้ถูกน�ามาใช้มากจนเกินไป ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและความ
เสอื่ มโทรม ดงั นน้ั จงึ เปน็ ภาระหนา้ ทขี่ องคนในทอ้ งถนิ่ ในการชว่ ยกนั บรหิ ารการใชท้ รพั ยากร และ
รว่ มกนั อนรุ กั ษแ์ บบยงั่ ยนื ดว้ ยการสง่ เสรมิ สทิ ธชิ มุ ชน ตลอดจนการมสี ว่ นรว่ มในการสงวน อนรุ กั ษ ์
ฟน ฟ ู พฒั นา และบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มในทอ้ งถนิ่ ของตนเอง เพอื่ การ
อยูร่ ว่ มกนั อย่างยัง่ ยืน

๑๑๔

นักเรียนควรรู กิจกรรม ทา ทาย

1 การทองเท่ียวเชิงนิเวศ คือ การทองเที่ยวตามแหลงอนุรักษทางธรรมชาติ ครูนักเรียนยกตัวอยางสถานการณท่ีเปนปญหาในชุมชนของ
หรอื วัฒนธรรมอยา งมีความรับผดิ ชอบ รวมไปถึงการสนับสนุนคนพน้ื เมอื งใหม ี นกั เรียนในดานตา งๆ 2-3 ปญหา เชน การวา งงาน ขยะมูลฝอย
ความเปน อยทู ด่ี ี และการศกึ ษาและแบง ปน ความรทู งั้ คนในพน้ื ทแี่ ละผเู ยย่ี มเยอื น การตัดไมท าํ ลายปา การไมใ สใ จในวัฒนธรรมที่ดงี ามของทอ งถิ่น
การทอ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศจงึ เปน การหลอมรวมกนั เปน หนง่ึ เดยี วระหวา งการอนรุ กั ษ แลวชวยกันวิเคราะหสาเหตุและแนวทางแกปญหารวมกัน โดย
ชุมชน และการทองเท่ยี วอยางยั่งยนื อาศยั พนื้ ฐานหลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชเ ปน แนวทาง
2 โอกาสทางการตลาดสูง เปนโอกาสของการนําสินคาที่ผลิตในทองถิ่นออก ในการแกปญหาและพัฒนา จากนั้นจัดทําโครงงาน แลวนําสง
จําหนายไดอยางแพรหลาย เนื่องจากสินคาที่ผลิตเปนความตองการโดยทั่วไป ครผู ูส อน
ของสงั คม

T128

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2.๔ กำรเสรมิ สรำ้ งทนุ เพือ่ กำรพฒั นำประเทศอยำงยั่งยนื ขนั้ สอน

การพฒั นาทอ้ งถน่ิ ตามแนวทางของเศรษฐกจิ พอเพยี งประการหนงึ่ คอื จะตอ้ งมกี ารบรหิ าร ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้
จดั การทุนท่มี ีอย่ใู นทอ้ งถ่นิ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ซึง่ ประกอบดว้ ยทนุ สังคม ทนุ เศรษฐกิจ และทุน
ทรัพยากรธรรมชาต ิ ดงั นี้ 9. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมรวมกันแสดงบทบาท
สมมติ เพื่อสะทอนใหเห็นถึงเอกลักษณ
๑) การเสริมสร้างทุนสังคม โดยการให้ความส�าคัญกับการพัฒนาศักยภาพของคน สภาพของชุมชน และจําลองวิถีชีวิตความ
เปนอยู สภาพปญหาตางๆ เชน ปญหาดาน
ทง้ั ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ และสตปิ ญั ญา โดยเสรมิ สรา้ งสขุ ภาวะและความรใู้ หม้ ภี มู คิ มุ้ กนั พรอ้ มเผชญิ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของคน
การเปล่ียนแปลงและก้าวสู่สังคมฐานความรู้ มีจิตส�านึกในการด�ารงชีวิตบนพื้นฐานของศีลธรรม ในชุมชน และแนวทางการพัฒนาของคนใน
อันดีงาม ครอบครัวมีความอบอุ่น ม่ันคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ชุมชนมีความเข้มแข็ง ชุมชนนั้น
มีการรวมตัวเป็นเครือข่ายเพ่ือการพัฒนา ตลอดจนมีการใช้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและ
ภูมิปัญญาท่ีมีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างสรรค์คุณค่าทางเศรษฐกิจ
รวมทง้ั ดแู ลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม

๒) การเสรมิ สรา้ งทนุ เศรษฐกจิ โดยให้ความส�าคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่น

ให้มีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ มีคุณภาพ มีโครงสร้างการผลิตที่มีการเพิ่มคุณค่าบนฐาน
พแคลวฒั าะนภมามูรพู้แคิ ลลุม้ ะงั กคงนัาวนขาทอมงาเปเงศเ็นลรไษอื ทกฐย1ก ร ิจวกฐมาาทรนบงั้ รปราิหรกบัา เปรพอรือ่งงุ กคกร์ฎคะวหจามามยารยผู้ ทลกเ่ีปการรยี่ ะเวโพยขิ่มชอ้ ปนงคร์จะวาสบกิทกคธาไู่ ปิภรพกาพบัฒั กกนาาารรอเใสยชร่า้พมิงลเสปังรง็นา้ าธงนศรแรกั มลย2ะภกาาพร

๓) การเสรมิ สรา้ งทนุ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม โดยใหค้ วามสา� คัญกบั การ

พัฒนาบนฐานความหลากหลายทางสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสิทธิชุมชนในการเข้าถึงและจัดการ
ทรพั ยากร เพอื่ สงวนรกั ษาใหท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มคงความอดุ มสมบรู ณ ์ เปน็ รากฐาน
ท่มี น่ั คงของการพัฒนาและการดา� รงชวี ิตของคนในท้องถ่ินใหม้ ีความสุขอยา่ งย่งั ยืน ขณะเดียวกัน
มีการเสริมสรา้ งคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มท่ีดี โดยปรับแผนการผลิตและพฤตกิ รรมการบรโิ ภค เพือ่ ลด
ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม

 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท่ีมีคุณภาพ ถือเป็นทุนเสริมสร้างให้เกิดการพัฒนาท้องถ่ินและประเทศที่ส�าคัญ
ตามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

๑๑5

กจิ กรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู

นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา ทําอยางไรจึงจะนํา 1 พลังงานทางเลือก (Alternative Energy) คือ พลังงานท่ีนอกเหนือจาก
ทรัพยากรที่มีอยูอยางจํากัดในชุมชนมาใชในการพัฒนาชุมชน พลังงานหลักท่ีใชอยูในปจจุบัน ท้ังน้ี ขึ้นอยูกับสถานการณของแตละประเทศ
ใหพอมี พอกิน พ่ึงพาตนเองไดอยางยั่งยืน เพื่อปลูกฝงใหคนใน เชน ถา นหิน เปนพลังงานทางเลอื กในการผลติ ไฟฟาของประเทศไทย
ชุมชนมีสวนรวมในการพัฒนาและสรางชุมชนใหเขมแข็ง แลว 2 การพัฒนาอยางเปนธรรม เปนการพัฒนาเพื่อสรางความเจริญเติบโต
จดั ทําเปน ขอสรปุ สง ตัวแทนออกมานาํ เสนอหนา ช้ันเรยี น อยางสมดุลและมีเสถียรภาพระยะยาว โดยผลประโยชนของการพัฒนาจะ
กระจายไปยงั กลุมบคุ คลตา งๆ อยา งเหมาะสมและยุตธิ รรม

T129

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๓. แในนรวะคดิดับขตอา่ งงเๆศรษฐกจิ พอเพยี งกับการพฒั นาประเทศ

ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ ระบบเศจราษกฐสกภจิ าแพบสบังทคมุน นเิยศมร1ษ ไฐดก้สิจง่ ผกลรกะรแะสทโลบกตาอ่ ภววิิถัตีกนาร ์ ดค�าวเานมนิ เจชรวี ญิ ิตขกอ้าวงหคนนใ้าน แสงัลคะกมา รทขัง้ ยสางั ยคตมวัเมขือองง
และสงั คมชนบท ทา� ใหค้ นเกดิ ความอยากมอี ยากไดผ้ ลติ ภณั ฑใ์ หม ่ ๆ ทท่ี นั สมยั มาเปน็ เครอ่ื งอา� นวย
10. ตัวแทนกลุมแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง ความสะดวก จนเกดิ หนสี้ นิ การทจุ รติ หรอื ตอ้ งทา� งานหนกั สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ หรอื แมก้ ระทงั่
กบั การพฒั นาประเทศในระดบั ตา งๆ ออกมา ภาคธรุ กจิ ทม่ี กี ารขยายธรุ กจิ เพอ่ื หวงั ผลกา� ไร อาจตอ้ งกเู้ งนิ จา� นวนมากในการลงทนุ เพม่ิ จนทา� ให้
นาํ เสนอผลการศึกษาหนาชัน้ เรยี น ธรุ กิจประสบปัญหาตามมา
การน�าปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ก็เพ่ือให้รู้จักใช้ชีวิตด้วยความ
11. นักเรียนกลุมอ่ืนรวมกันอภิปรายหรือซักถาม พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี มคี วามร ู้ มคี ณุ ธรรม พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลงทง้ั จาก
เพิ่มเติม เชน ภายในและภายนอก สร้างความมั่นคงใหก้ บั ตนเอง สรา้ งชมุ ชนเข้มแข็งเพ่อื การพัฒนาท่ียง่ั ยืน
• การปฏบิ ตั ติ นตามแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง
สง ผลดตี อ ตนเอง ชมุ ชน และสงั คมอยา งไร ๓.๑ ข้อควรคำ� นงึ ในกำรนำ� ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งมำใช้
• คนไทยสามารถนาํ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ
พอเพียงมาใชไดอ ยางไร การนา� ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช ้ ตอ้ งคา� นงึ ถงึ สง่ิ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี
๑. การพ่ึงพาตนเองเปน็ หลัก ทา� ทกุ อยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน รอบคอบ ระมดั ระวัง
๒. พจิ ารณาถึงความพอดี พอเหมาะ พอควร ตามศักยภาพของประเทศ
๓. การสร้างความสามคั คีใหเ้ กิดขน้ึ บนพืน้ ฐานของความสมดลุ ในสงั คม
๔. ครอบคลุมท้ังด้านจิตใจ สังคม เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมถึง
เศรษฐกิจ ดงั นี้

ด้านจิตใจ ด้านสังคม
• เอ้อื อาทร ประนีประนอม • ร ู้ รัก สามัคคี
• มีจติ ใจเขม้ แขง็ มจี ิตสา� นึกทดี่ ี • ช่วยเหลอื เก้ือกูลกัน
• ค�านงึ ถงึ ผลประโยชนข์ อง • ส รา้ งความเข้มแขง็ ใหค้ รอบครัว
ส่วนรวม ลักษณะ และชุมชน
ด้านเศรษฐกิจ ของความพอดี
• ไม่เสีย่ งเกนิ ไป ในปรัชญา
• ลดรายจา่ ย เพิ่มรายได้ ของเศรษฐกิจ ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตสิ งิ่ แวดล้อม
• คดิ วางแผนรอบคอบ มภี ูมคิ ุ้มกัน พอเพยี ง • พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมปิ ญั ญา
• ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติเทา่ ทจ่ี �าเปน็ อย่าง
ระมดั ระวงั
• ร จู้ กั ใชเ้ ทคโนโลยใี หส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ
และความเหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ ม

๑๑6

เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรา งเสริม

ครอู ธบิ ายเสรมิ วา หลายประเทศรวมถงึ องคก ารสหประชาชาตชิ นื่ ชมปรชั ญา นักเรียนรวมกันวิเคราะหวา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในฐานะทเี่ ปน แนวทางการพฒั นาทสี่ อดคลอ งและสามารถ พอเพียงสามารถนํามาใชพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนไดอยางไร
สนับสนุนการบรรลุเปาหมายการพัฒนาทย่ี ่ังยืน (Sustainable Development พรอมยกตัวอยางประกอบ โดยเขียนสรุปการวิเคราะหลงใน
Goals-SDGs) โดยเฉพาะในชวงปจจุบันท่ีโลกกําลังเผชิญความทาทายอยาง สมุดบันทกึ แลวนาํ สง ครูผสู อน
หลากหลาย ทงั้ การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ วกิ ฤตการณผ ลู ภ้ี ยั และผโู ยกยา ย
ถิ่นฐาน ตลอดจนความเหลื่อมลํา้ ทางเศรษฐกจิ ทท่ี วีความรุนแรงขนึ้

นักเรียนควรรู

1 ทุนนิยม เปนระบบเศรษฐกิจท่ีเอกชนมีกรรมสิทธ์ิในทรัพยสิน มีเสรีภาพ
ในการตดั สนิ ใจวาจะผลติ อะไร ผลติ อยา งไร และผลติ เพอื่ ใคร ในการเลือกใช
ทรพั ยากรกเ็ ปน หนา ทข่ี องเจา ของปจ จยั การผลติ แตล ะคนทท่ี าํ การตดั สนิ ใจผลติ

Tทเ่ี หน็ วาเหมาะสมกับเปาหมายมากทสี่ ดุ โดยรฐั บาลไมเขาไปเกีย่ วขอ ง

130

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

๓.2 กำรนำ� แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งมำใชใ้ นกำรพฒั นำประเทศ ขน้ั สรปุ
ในระดบั ตำงๆ
ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามสา� คญั ตอ่ การพฒั นาประเทศในระดบั ตา่ ง ๆ เพอื่ นา� พา
คนไทยไปส่สู ังคมเขม้ แขง็ โดยมีเปา้ หมาย ดงั นี้ 1. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 7.1 เรื่อง
เศรษฐกิจพอเพียงกบั การพฒั นาประเทศ โดย
ผคู นในชุมชนดําเนนิ ชีวติ อยางมีความสุข ครูแนะนําเพ่ิมเติม

เพราะทกุ คนพออยพู่ อกนิ ตามสมควร ไมย่ ากจน ไมม่ กี ารเบยี ดเบยี นผอู้ น่ื สามารถ 2. นักเรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร
ชว่ ยเหลือตนเองและผูอ้ น่ื ได้ ม.3 เก่ียวกับเรื่อง ปญหาทองถ่ินของไทย
แนวทางการแกป ญ หาและแนวคดิ ของเศรษฐกจิ
เปา หมาย สมาชกิ ในชุมชนเกิดความสามัคคี พอเพียงกับการพัฒนาประเทศ เพื่อเปนการ
ของปรัชญา รว่ มมอื กันแก้ไขปญั หาทีเ่ กดิ ขนึ้ ในชมุ ชน บา นสง ครูในช่วั โมงถัดไป
ของเศรษฐกิจ
พอเพียง สรา งความสมดลุ ในทุก ๆ ดา น ขน้ั ประเมนิ
ท้ังในการด�าเนินชีวิต กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ความเจริญก้าวหน้าของ
สงั คม และการจัดการทรพั ยากรท่ยี ัง่ ยืน ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล

เศรษฐกจิ ชมุ ชนเขมแขง็ 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
เพราะประชาชนมกี ารประกอบอาชพี มรี ายได ้ ลดการพง่ึ พาจากภายนอก สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.3

การนา� แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการพฒั นาระดบั ต่าง ๆ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด ้ ดังน้ี 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
๑) ระดบั บคุ คล สามารถนา� มาใชใ้ นการดา� เนนิ ชวี ติ เชน่ พออยพู่ อกนิ มเี หตผุ ล พง่ึ ตนเอง หนา ชน้ั เรยี น

หม่นั ศกึ ษาความรู้เพื่อน�ามาพฒั นาอาชพี มคี ณุ ธรรม และมภี มู คิ ้มุ กันท่ีด ี สามารถปรบั ตัวต่อการ 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานและแบบฝก
เปลย่ี นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมถึงมีจติ สา� นึกรกั ทอ้ งถ่ินและสิ่งแวดลอ้ ม สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.3

๒) ระดบั ชมุ ชน โดยการรว่ มมือจากทุกภาคสว่ น เพื่อพฒั นาเศรษฐกิจใหม้ ีความเขม้ แข็ง

พงึ่ พาตนเองได ้ เชน่ มกี ารอบรมใหค้ วามรเู้ พอื่ พฒั นากลมุ่ อาชพี ผลติ สนิ คา้ ทมี่ คี ณุ ภาพเพอ่ื บรโิ ภค
ในชุมชนและแลกเปล่ียนระหว่างชุมชน สร้างเครือข่ายขยายตลาดของสินค้าและแลกเปลี่ยน
ความรู้เพ่อื น�ามาพัฒนาผลติ ภัณฑ์ของชมุ ชน

๓) ระดบั ประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาต ิ ฉบบั ท่ี ๙-๑๒ ไดป้ รบั ทิศทาง

การพัฒนาประเทศ โดยนา� ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นฐาน ดงั นี้
๓.๑) การพัฒนาศักยภาพของคนและความเข้มแข็งของชุมชน โดยยึดปรัชญา

ของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางควบคู่กับการพัฒนาแบบบูรณาการ โดยยึดคนเป็นศูนย์กลาง
เพ่อื ให้มีความรู ้ คณุ ธรรม ครอบครัวทอี่ บอุ่น ชุมชนเขม้ แข็ง สังคมสันตสิ ุข เศรษฐกิจ สงิ่ แวดลอ้ ม
และทรพั ยากรมคี ุณภาพอย่างย่งั ยืน ภายใต้การบริหารประเทศทมี่ ธี รรมาภบิ าล

๑๑๗

ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล

เพราะเหตใุ ดแนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งจงึ เหมาะสม ครูสามารถวัดและประเมินความเขา ใจเนือ้ หา เร่อื ง ปญ หาทองถิ่นของไทย
ในการนํามาใชในการพัฒนาประเทศไทย แนวทางการแกป ญ หา และแนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การพฒั นาประเทศ
ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น
(แนวตอบ เพราะประเทศไทยเปน ประเทศกาํ ลงั พฒั นา ตอ งพงึ่ พา โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่
เครอ่ื งจกั ร เงินทนุ และเทคโนโลยจี ากตางประเทศ ประชากรสว น แนบทา ยแผนการจดั การเรียนรูหนว ยท่ี 7 เร่อื ง เศรษฐกิจพอเพียงกบั การพฒั นา
ใหญประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งยังมีปญหาความยากจน ประเทศ
และความเหลอื่ มลาํ้ ในการกระจายรายได ซงึ่ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ
พอเพียงมีหลักการสําคัญ คือ เนนความพอประมาณ มีเหตุ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
มผี ล และสรา งภมู คิ ุม กันท่ีดีใหแกตนเองและสังคม ซ่งึ สามารถนํา
มาประยกุ ตใ ชไ ดใ นการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมไดอ ยา งยงั่ ยืน) คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน

ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเน้อื หา

2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเร่ือง

3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์

4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ

5 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่

ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้ T131

ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ : ๓.๒) การสรา้ งความอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ของสงั คมไทย ดา� รงชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ ทงั้ จติ กาย
ปัญญา ทเ่ี ชอ่ื มโยงกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดลอ้ มทส่ี มั พันธก์ นั นา� ไปสกู่ ารอยู่รว่ มกนั อย่าง
เทคนิคคูคิดส่ีสหาย) สนั ติและสมดุลระหว่างคน ธรรมชาต ิ และส่งิ แวดล้อม ซ่งึ มอี งคป์ ระกอบส�าคญั เป็นปัจจยั พ้ืนฐาน
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง ในการสร้างสขุ ได้แก ่ ครอบครวั อบอุ่น การมี
สุขภาวะที่ดี ชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจม่ันคง
ทจี่ ะเรียนรู จุดประสงคก ารเรยี นรู และผลการ และมสี ภาพแวดลอ้ มท่ดี ี
เรียนรู ๓.๓) การสร้างความมีส่วนร่วมของ
2. ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปความรูเดิมเกี่ยวกับ คนในสังคมในการช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากร
ปญหาทอ งถน่ิ ของไทย แนวทางการแกป ญ หา ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม รวมทั้งสืบสานและ
และแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับการ อนุรักษ์ประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่
พัฒนาประเทศ คทู่ อ้ งถน่ิ โดยเฉพาะเยาวชนคนรนุ่ ใหมไ่ ดเ้ ขา้ มา
3. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับความสําคัญและสินคา  การทา� ความสะอาดคราบนา้� มนั บรเิ วณอา่ วพรา้ ว เกาะเสมด็ มสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน
ทข่ี ายในสหกรณในโรงเรยี น แลว ถามนกั เรียน จังหวัดระยอง จัดเป็นตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยอนุรักษ์
ในประเดน็ เชน ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม
• นกั เรียนซือ้ สนิ คา ใดจากสหกรณเปนประจํา
• สินคาจากสหกรณในโรงเรียนกับรานคา ๔. ความสมั พนั ธข์ องแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั ระบบสหกรณ์
ปัจจุบันท้องถิ่นต่าง ๆ น�าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ และจัดต้ังเป็นกลุ่มต่าง ๆ
ท่วั ไป ทใี่ ดราคาถกู กวา กัน
• การซ้ือสินคาจากสหกรณแตกตางจากการ

ซ้อื จากรา นคาทัว่ ไปอยางไร

เพอ่ื สรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชมุ ชน โดยไดน้ า� หลกั การของสหกรณม์ าจดั ตง้ั สหกรณป์ ระเภทตา่ ง ๆ
และมีการบรหิ ารจดั การในรูปแบบของสหกรณ์

๔.๑ สหกรณ์
สหกรณ์ (Cooperative) เป็นองค์กรท่ีเกิดจากกลุ่มบุคคลท่ีมารวมตัวกันโดยสมัครใจ
เพื่อด�าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์สนองความต้องการและบรรลุเป้าหมาย
ของสมาชิกท่ีเป็นเจ้าของร่วมกันภายใต้หลักประชาธิปไตย ไม่มุ่งแสวงหากา� ไร และมีการแบง่ ปนั
ผลประโยชน์อยา่ งเปน็ ธรรม

๑) ลกั ษณะสา� คญั ของสหกรณ ์ มีดงั นี้
๑.๑) เกดิ จากการรวมตวั กนั ของกลมุ่ คนดว้ ยความสมคั รใจ เพอื่ รว่ มมอื กนั ในการแกไ้ ข
ปัญหาทางเศรษฐกจิ และสงั คม
๑.๒) มวี ัตถุประสงค์ในการด�าเนินธุรกิจท่ีแน่นอน คือ ชว่ ยเหลือตนเองและช่วยเหลือ
ซ่ึงกันและกนั
๑.๓) มกี ารจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มฐี านะเป็นนติ ิบคุ คล1 มกี ฎหมายเกยี่ วกบั
สหกรณ์และข้อบงั คบั สหกรณ์เปน็ แนวทางในการด�าเนนิ ธรุ กิจ
๑๑8

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรางเสรมิ

1 นิติบคุ คล คือ กลุมบุคคล องคก ร หรอื ทรัพยสนิ ทจี่ ดั สรรไวเปน กองทุนเพือ่ ครใู หนกั เรยี นชว ยกันยกตวั อยา งสหกรณท ่ีนกั เรียนรจู กั แลว
ดําเนินกิจการอันใดอันหน่ึง ซึ่งกฎหมายบัญญัติใหเปนบุคคลอีกประเภทหนึ่ง ชว ยกันอภิปรายตามประเด็น ดังน้ี
ที่มิใชบุคคลธรรมดา มีสิทธิและหนาท่ีภายในขอบแหงอํานาจหนาท่ีหรือ
วตั ถปุ ระสงคด งั ไดบ ญั ญตั หิ รอื กาํ หนดไวใ นกฎหมาย ขอ บงั คบั หรอื ตราสารจดั ตง้ั • สหกรณดังกลาวจัดเปนสหกรณประเภทใด เชน สหกรณ
การเกษตร สหกรณรานคา สหกรณออมทรัพย สหกรณ
บูรณาการอาเซียน นคิ ม

ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ประเทศไทยมีการนําปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง • สหกรณแตกตา งจากธรุ กิจอนื่ อยา งไร
มาใชในการขับเคลื่อนเขาสูประชาคมอาเซียน โดยการเผยแพรความรูและ • สหกรณมปี ระโยชนในการพัฒนาประเทศอยา งไร
ประชาสัมพันธขอมูลขาวสารใหกับทุกภาคสวนของสังคม ท่ีช้ีนําถึงแนวทาง
การดํารงอยูและปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับอยางมีประสิทธิภาพ และ
มีประสิทธิผล รวมท้ังสนับสนุนใหมีการพิจารณาทบทวนกฎบัตรอาเซียนเปน
ระยะๆ เพอื่ ใหท นั ตอ เหตกุ ารณท เี่ ปลยี่ นแปลงไป เกดิ ประโยชนส งู สดุ ตอ ประเทศ

Tสมาชกิ อาเซียน

132

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒) ความเปน็ มาของสหกรณ ์ เกดิ ขนึ้ ครั้งแรกในทวีปยโุ รป ในครสิ ต์ศตวรรษที ่ ๑๘-๑๙ ขนั้ นาํ

โดยมีมลู เหตมุ าจากเหตกุ ารณก์ ารปฏิวัตอิ ตุ สาหกรรม ที่นักวทิ ยาศาสตร์ประดษิ ฐเ์ ครอื่ งจักรมาใช้ 4. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ ความเปน มา
แทนแรงงานคน ทา� ใหเ้ กดิ การวา่ งงาน จงึ มกี ารรว่ มมอื กนั เชน่ สหภาพแรงงาน แตก่ ย็ งั ไมส่ ามารถ ของสหกรณโลกและสหกรณในประเทศไทย
แ กป้ ัญหนาาไยดร้อเบิรต์ โอเวน1 (Robert Owen) นกั ปฏิรูปสงั คมจงึ ไดเ้ สนอแนวคิดใหม ่ โดยใชก้ ล่มุ คน และตงั้ ประเด็นคาํ ถาม เชน
ที่มีปัญหาเศรษฐกิจและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยล�าพัง ร่วมทุนและก�าลังด้วยความ • อะไรทําใหการจัดตั้งสหกรณของโอเวน
สมคั รใจจดั ตง้ั องคก์ ารประกอบกจิ การของตนเองและยดึ หลกั ประชาธปิ ไตย ทกุ คนมคี วามเสมอภาค ประสบความสาํ เรจ็ และแพรห ลายไปทวั่ โลก
เป็นเจา้ ของร่วมกนั ไม่ถอื กา� ลังทรพั ยเ์ ปน็ ใหญ่ ไม่แขง่ ขนั กัน ผลประโยชน์ท่ีได้น�ามาแบ่งปันกนั (แนวตอบ เพราะสามารถชวยเหลือกลุม
อยา่ งยุตธิ รรมในหมผู่ ้มู ีสว่ นร่วมในกจิ การ วธิ ีการน้ี คอื สหกรณ์ แรงงานใหมีความเปนอยูท่ีดี ไมถูกเอารัด
สหกรณแ์ หง่ แรกของโลก คอื สหกรณร์ อชเดลของผนู้ า� อนั เทยี่ งธรรม เกดิ จากคนงานทอผา้ เอาเปรียบ สามารถบริหารจัดการไดดวย
ที่ถูกเอาเปรียบเรื่องค่าจ้าง จัดต้ังเป็นสมาคม มีสมาชิกริเริ่ม ๒๘ คน รวมทุนจัดตั้งร้านค้า ตนเอง)
ขายส่ิงของจ�าเป็นแก่การครองชีพโดยไม่หวังก�าไรและช่วยกันดูแลกิจการ ต่อมาธุรกิจขยายตัว • เพราะเหตใุ ดระบบสหกรณจ งึ สามารถนาํ มา
เพ่มิ ขึน้ หลกั การของสหกรณร์ อชเดลกย็ ังคงยึดถือมาถึงปจั จุบัน ใชใ นประเทศไดอ ยา งเหมาะสมและยาวนาน
ในประเทศไทยสหกรณเ์ ริ่มมบี ทบาทในชว่ งตน้ สมัยรชั กาลท ่ี ๖ โดยไดม้ กี ารจัดตง้ั ธนาคาร (แนวตอบ เพราะหลักการของสหกรณเนน
เงินกู้แห่งชาติ และแนะน�าให้ชาวนาท่ีต้องการกู้เงินรวมตัวเป็นสมาคม มีการช่วยเหลือดูแล การชวยเหลือกัน ไมหวังผลกําไร มีการ
กร่วรมมกหันม ื่นโพดิทยยไดาล้มงีกการรณจัด2์ ตท้ังั้งสนมี้ าเพคม่ือแเปล็นะสสถหากบรันณป์ รซะ่ึงกเันปก็นาคร�าขทอี่บกัญู้ยืมญเัตงินิขข้ึนอโดงชยาพวรนะาร าชโดวยรสวงหศก์เรธณอ ์ บรหิ ารจดั การกนั เอง ประกอบกบั คนไทยยงั
ดงั กลา่ วจะเป็นผมู้ าติดต่อกู้ยมื เงินจากธนาคารเงนิ กู้แหง่ ชาติแทนเกษตรกร และนา� เงินก้ไู ปใหแ้ ก่ คงมีปญ หาเรือ่ งความยากจน การถูกเอารดั
เกษตรกรทต่ี อ้ งการอกี ทอดหนงึ่ และจากการทท่ี รงเปน็ ผรู้ เิ รมิ่ งานสหกรณข์ นึ้ ในประเทศไทย จงึ ได้ เอาเปรยี บจากกลมุ พอ คา นายทุน การรวม
รบั การยกยอ่ งใหพ้ ระองค์ทรงเปน็ “พระบดิ าแห่งการสหกรณ์ไทย” กลุมสหกรณจึงเปนการแกปญหาการถูก
วัดจันทสรห์ไมก่จรา�ณก์แัดหส่งนิ แใรชก3”้ ขจอดงทไทะเยบเียปน็นเสมหือ่ กวรนั ณท์ห่ ี ๒า๖ท ุนก ุมตภั้งาอพยันู่ทธ่ีจ์ ังพห.วศัด. พ๒๔ิษณ๕๙ุโล ตกอ่ มใชา้ชรัฐื่อไวด่าป้ ร“สะกหากศรใณช้์ เอาเปรยี บจากพอคาคนกลาง)
พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๔๗๑ นับเป็นกฎหมายสหกรณ์ฉบับแรกที่มีการรับจดทะเบียน
สหกรณป์ ระเภทอนื่ ๆ และมกี ารขยายเพ่มิ เติม 5. ครสู รปุ การแสดงความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น โดย
การเปลย่ี นแปลงครง้ั สา� คญั ของสหกรณไ์ ทย คอื การรวมสหกรณห์ าทนุ เขา้ ดว้ ยกนั โดยการ เช่อื มโยงใหเขา กับเนือ้ หาเพอื่ นําเขา สบู ทเรียน
ออกพระราชบัญญตั ิสหกรณ ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ ทา� ให้สหกรณ์หาทุนขนาดเล็กที่ด�าเนนิ ธุรกิจเพยี งอย่าง
เดียวรวมเป็นขนาดใหญ่ สามารถขยายธุรกิจเป็นแบบอเนกประสงค์และเป็นประโยชน์แก่สมาชิก
มากกว่า ต่อมากลายเป็นสหกรณ์การเกษตรมาจนถึงปัจจุบัน โดยสหกรณ์ถือเป็นสถาบันทาง
เศรษฐกิจและสังคมท่ีช่วยแก้ปัญหาในการประกอบอาชีพและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน
ให้ดขี น้ึ

๑๑9

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

สหกรณม คี ุณคา และมคี วามสาํ คญั อยา งไร 1 นายรอเบริ ต โอเวน เปน นกั เศรษฐศาสตรแ ละนกั ปฏริ ปู ทางสงั คมชาวองั กฤษ
2 พระราชวรวงศเธอ กรมหมน่ื พทิ ยาลงกรณ มพี ระนามเดมิ วา พระองคเ จา
(แนวตอบ คณุ คา ทีส่ าํ คญั ของสหกรณ คือ การท่ีสหกรณต ้งั อยู รัชนีแจมจรัส หรือ น.ม.ส. ทรงเปนปราชญแหงกรุงรัตนโกสินทร และเปน
บนพ้ืนฐานของการชวยเหลือตนเอง ความรับผิดชอบตอตนเอง พระบดิ าของสหกรณไ ทย เปน ตนราชสกุล “รชั นี”
ความเปน ประชาธปิ ไตย ความเสมอภาค ความเทยี่ งธรรม และมี 3 สหกรณว ดั จนั ทรไ มจ าํ กดั สนิ ใช มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอ่ื ใหบ รกิ ารเงนิ กแู กส มาชกิ
ความเปนเอกภาพ และในขณะเดยี วกัน สมาชกิ สหกรณก ็มีความ มีสมาชิกแรกตั้ง 16 คน ทุนการดําเนินงาน 3,080 บาท เปนคาธรรมเนียม
เช่ือมั่นในความสุจริต ความเปดเผย ความรับผิดชอบตอสังคม แรกเขา 80 บาท และเงนิ ทุนซึง่ กูจากแบงคสยามกมั มาจลจํานวน 3,000 บาท
และความเอื้ออาทรตอผูอื่น โดยมีการปฏิบัติสืบทอดกันมาจาก มกี ระทรวงพระคลงั มหาสมบตั เิ ปนผคู ้ําประกัน
ผรู ิเริม่ การสหกรณ)

T133

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๓) หลกั การสา� คญั ของสหกรณ์ ม ี ๖ ประการ ดงั นี้

1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ๓.๑) การเป็นสมาชิกด้วยความสมัครใจและไม่กีดกันการเข้าเป็นสมาชิก การจะเข้า
ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง หรอื ออกจากการเปน็ สมาชกิ สหกรณต์ อ้ งเปน็ ไปดว้ ยความสมคั รใจ ไมม่ กี ารบงั คบั ขเู่ ขญ็ ไมว่ า่ ดว้ ย
เกง ปานกลางคอนขางออน และออน โดย วิธีการใด ๆ และต้องมีการก�าหนดคุณสมบัติการเข้าเป็นสมาชิกให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
ใหสมาชิกแตละคนเลือกหมายเลขประจําตัว ของสหกรณ์ประเภทนั้น ๆ
ต้งั แตหมายเลข 1-4
๓.๒) การควบคุมตามหลักประชาธิปไตยและมีการด�าเนินงานโดยอิสระ ดังนั้น การ
2. สมาชิกแตละหมายเลขแยกยายไปรวมกลุม บรหิ ารจงึ ตอ้ งมาจากบคุ คลทไ่ี ด้รบั เลอื กต้งั หรือแตง่ ตงั้ ตามวธิ ีท่ีสมาชิกไดต้ กลงกนั โดยใหย้ ดึ หลกั
ใหม และรวมกันศึกษาความรู เร่ือง ความ ว่า สมาชกิ มีสทิ ธิออกเสยี งไดค้ นละหนง่ึ เสยี ง และมีความเปน็ อสิ ระในการดา� เนินงาน
สัมพันธของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับ
ระบบสหกรณ ประกอบการใชหนังสือเรียน ๓.๓) การจ�ากัดอัตราดอกเบ้ียที่จ่ายให้แก่ทุนเรือนหุ้นในการจัดสรรเงินปันผลให้แก่
สังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการเรียนรู สมาชกิ สหกรณ ์ ควรจา� กดั อัตราผลตอบแทนต่อทุนเรอื นหุ้นมใิ ห้สงู จนเกนิ ไป เพอ่ื เปน็ การปอ้ งกนั
อื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตทาง มิให้มีการแสวงหาก�าไรในสหกรณ์ของผมู้ ีทนุ มาก
อินเทอรเน็ต หมายเลขละ 1 เรื่อง ดงั น้ี
• หมายเลข 1 ลกั ษณะและหลกั การสาํ คญั ของ ๓.๔) การจัดสรรผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ น�ามาแบ่งปันให้แก่สมาชิกในลักษณะ
สหกรณ ของเงินปันผล และน�าไปใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจของสหกรณ์ หรือใช้ในการจัดบริการแก่ส่วนรวม
• หมายเลข 2 ภารกิจและวิธีการดําเนินงาน เพ่อื การพฒั นาสหกรณ์ตอ่ ไป
ของสหกรณ
• หมายเลข 3 สหกรณก บั การพฒั นาเศรษฐกจิ ๓.๕) สง่ เสริมการศึกษา การใหก้ ารศึกษาอบรมแก่สมาชิกถือเปน็ สิง่ จา� เป็นและสา� คญั
• หมายเลข 4 การนําปรัชญาของเศรษฐกิจ อย่างย่ิงต่อการพัฒนางานด้านสหกรณ์ ซ่ึงสหกรณ์จะก้าวหน้าหรือล้าหลังย่อมขึ้นอยู่กับพื้นฐาน
พอเพยี งมาใชกับสหกรณ การศกึ ษาของสมาชกิ โดยสมาชกิ ตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในหลกั และวธิ ดี า� เนนิ ธรุ กจิ แบบสหกรณ์
เปน็ สา� คญั และนา� ความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการศกึ ษาอบรมมาใชใ้ นการปรบั ปรงุ พฒั นาการบรหิ ารงานของ
สหกรณ์

๓.๖) การรว่ มมอื ทางสหกรณใ์ นทกุ
ระดับ เพ่ือให้เกิดประโยชน์แก่สมาชิกสหกรณ์
ทั้งในระดับท้องถ่ิน ระดับภูมิภาค ระดับชาต ิ
และระดับนานาชาติ เพราะสหกรณ์มีฐานะ
เป็นองค์กรท่ีจะต้องด�าเนินงานอย่างต่อเนื่อง
สหกรณท์ ง้ั หลายจงึ ตอ้ งชว่ ยเหลอื กนั แตล่ ะแหง่
จะท�างานโดยลา� พังอย่างโดดเดยี่ วไม่ได้ ต้องมี
การสรา้ งเครอื ขา่ ยแลกเปลย่ี นเรยี นรแู้ ละรว่ มมอื
 การรว่ มมอื และใหค้ วามรกู้ นั ในทกุ ระดบั เปน็ หลกั การส�าคญั เพอ่ื สรา้ งความมั่นคงให้กบั สหกรณร์ ว่ มกัน

เพือ่ นา� ไปใช้พัฒนาสมาชิกและธุรกจิ ของสหกรณ์รว่ มกนั

๑20

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครอู ธิบายเพ่มิ เติมวา นอกจากหลกั การสําคัญของสหกรณ 6 ประการแลว บคุ คลใดตอ ไปน้ีมคี วามเหมาะสมท่ีจะเขา รวมในกจิ กรรมสหกรณ
ยงั มหี ลกั การอน่ื ๆ เชน การเออื้ อาทรตอ ชมุ ชน เนอื่ งจากสหกรณเ ปน องคก ารทาง 1. นิสา สนใจลงทุนในธุรกิจรา นสะดวกซือ้
เศรษฐกิจและสังคม และเปนสวนหนึ่งของชุมชนที่สหกรณต้ังอยู เพราะฉะน้ัน 2. จิตดี นิยมซอ้ื สนิ คานําเขาจากตา งประเทศ
การดําเนินงานของสหกรณตองเปนไปเพ่ือการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนน้ันๆ 3. นิธิ มคี วามประสงคจะกูย ืมเงนิ เพือ่ นาํ ไปขยายกิจการบานเชา
ซึ่งหมายความวา เปนการพัฒนาท่ีไมทําลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอม 4. ณธกร เขารวมเปนสมาชิกนิคมเพ่ือแลกเปล่ียนความรูในการ
และระบบนิเวศ หรือเปนการพัฒนาท่ีสนองความตองการและความใฝฝนของ
คนรนุ ปจ จบุ ัน โดยไมท าํ ลายโอกาส ความสามารถ และอนาคตของคนรุนหลัง ลงทุนการเกษตร

(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4 สอดคลองกับหลักการสําคัญ
ของสหกรณมากที่สุด เนื่องจากการใหความรูแกสมาชิกและ
ไมเปนเชิงธุรกิจ สวนขออื่นเปนดําเนินการเพ่ือมุงหวังผลกําไร
ในการดําเนินธรุ กจิ เปน หลกั จงึ ไมใ ชลักษณะกิจกรรมสหกรณ)

T134

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๔) ประเภทของสหกรณ1์ในประเทศไทย มดี ังน้ ี ขน้ั สอน

สหกรณก ารเกษตร 3. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอผลการศกึ ษา
โดยเริ่มจากกลุมหมายเลข 1 ลักษณะและ
จัดต้ังข้ึนเพ่ือเกษตรกร มีหน้าท่ีในการส่งเสริมการผลิตและเพ่ิมพูนรายได้ให้แก่เกษตรกรท่ีเป็นสมาชิก เช่น หลักการสาํ คัญของสหกรณ
ใหส้ นิ เชอื่ การเกษตร รับฝากเงนิ จัดหาสินคา้ เครื่องมอื เครอ่ื งใช ้ และอุปกรณก์ ารผลิตมาจ�าหน่าย
4. นักเรียนกลุมอื่นรวมกันซักถามและอภิปราย
สหกรณประมง รวมกัน โดยครูอาจแนะนําเพิ่มเติม เชน
ใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางสหกรณใน
จัดตั้งขน้ึ ในหมชู่ าวประมงเพ่อื แก้ปญั หาและอุปสรรคในการประกอบอาชีพ มีหนา้ ที ่ เชน่ ประเทศไทยที่นักเรียนรูจักหรือเคยไดยินชื่อ
ให้ความรู้ทางวิชาการและธุรกิจการประมง จัดหาวัสดุอุปกรณ์การประมงมาจ�าหน่ายแก่ และบอกลกั ษณะสาํ คัญ หรืออาจใช PPT เรื่อง
สมาชกิ ให้ความสงเคราะห์แก่สมาชกิ และครอบครัวท่ปี ระสบภยั พิบัติ สหกรณ ชว ยในการอธิบายเพ่มิ เตมิ

สหกรณร า นคา

จัดต้ังขึ้นเพ่ือให้บริการในด้านการจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคมา
จ�าหน่ายให้แก่สมาชิกในราคายุติธรรม เป็นการป้องกันไม่ให้
สมาชิกถูกเอารัดเอาเปรียบหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการ
จา่ ยเงินเพื่อซ้อื สินคา้ จากรา้ นค้าท่ัวไป

สหกรณอ อมทรัพย

สหกรณ์ ส�าหรับผู้ท่ีมีรายได้ประจ�าท่ีต้องการออมทรัพย์เป็นประจ�า
โดยใหก้ ูย้ ืมเม่อื จ�าเป็น มักตั้งในโรงงาน บริษัทตา่ ง ๆ หรอื
สถานท่ีราชการ เพ่ือส่งเสริมให้สมาชิกร่วมกันออมทรัพย์
จากรายไดป้ ระจ�าของแต่ละคน ผลตอบแทนทส่ี มาชกิ ไดร้ ับ
คอื ดอกเบี้ย

สหกรณบรกิ าร

ด�าเนินธุรกิจสนองความต้องการของสมาชิกในด้านการบริการ
ทั่วไป เช่น สหกรณ์แท็กซ่ี สหกรณ์ไฟฟ้า สหกรณ์การขาย
ผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมในครัวเรอื นและอตุ สาหกรรมขนาดย่อม

สหกรณเ ครดิตยเู น่ยีเชน่น2 สหกรณ์มดี อรญั ญกิ

ตั้งขึ้นในกลุ่มผู้ที่มีภูมิล�าเนาหรืออาชีพที่เหมือนกัน มีความปรารถนาท่ีจะช่วยเหลือกัน
โดยน�าเงินมาสะสมเป็นกองทุนมาบริหารให้สมาชิกกู้ยืม และจัดสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับ
สมาชกิ และครอบครัว
สหกรณน ิคม

มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นเรอ่ื งการจดั สรรทด่ี นิ ใหแ้ กเ่ กษตรกรทตี่ อ้ งการมที ดี่ นิ เพอื่ การประกอบอาชพี เกษตรกรรม รวมถงึ
การจดั บรกิ ารตา่ ง ๆ ที่จ�าเปน็ ๑2๑

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

“สหกรณอเนกประสงคท่ีต้ังข้ึนโดยความสมัครใจของสมาชิก 1 ประเภทสหกรณ ประกอบดว ย 2 กลมุ คอื
ท่ีอยูในวงสัมพันธเดียวกัน มุงเนนใหสมาชิกประหยัดและออม” 1. สหกรณภ าคการเกษตร (สหกรณก ารเกษตร สหกรณป ระมง สหกรณน คิ ม)
กลา วถึงสหกรณป ระเภทใด
มี 3,298 แหง
1. สหกรณนิคม 2. สหกรณนอกภาคการเกษตร (สหกรณรานคา สหกรณบ รกิ าร สหกรณ
2. สหกรณบ รกิ าร
3. สหกรณร านคา ออมทรพั ย สหกรณเ ครดติ ยเู น่ยี น) มี 2,855 แหง
4. สหกรณเครดติ ยเู นย่ี น 2 สหกรณเครดิตยูเน่ียน ตั้งขึ้นเปนแหงแรกท่ีจังหวัดอุบลราชธานี มีชื่อวา
สหกรณเครดิตยเู น่ียนแมมลู เมอื่ วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552
(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. สหกรณเ ครดติ ยูเนยี่ นเปนสหกรณ
ท่ีมุงจะพัฒนาคนใหชวยตนเองและชวยเหลือซ่ึงกันและกันใน
ชุมชนตามหลักการและวิธีการสหกรณ โดยมุงเนนใหสมาชิก
ประหยัดและออม รวมท้ังเพอื่ พฒั นาชมุ ชนใหเกิดความเขมแขง็ )

T135


Click to View FlipBook Version