The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

14รูปเล่มวิชาการครั้งที่ 14_เชียงราย_2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

14รูปเล่มวิชาการครั้งที่ 14_เชียงราย_2565

14รูปเล่มวิชาการครั้งที่ 14_เชียงราย_2565

285 สมุดและบัตรนัดสุขภาพลูกรัก ดลนภำ จีระออน โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพต ำบลบ้ำนหัวช้ำง ต.บ้ำนดู่ อ.นำโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ หลักการและเหตุผ เด็กในช่วงวัย 0-5 ปีนี้เป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนำกำรอย่ำงรวดเร็ว รวมถึงเรื่องของกำรได้รับวัคซีนในแต่ ละช่วงอำยุ ที่เป็นกำรสร้ำงภูมิคุ้มกันโรคให้แก่เด็ก กำรดูแลกำรได้รับวัคซีนและกำรส่งเสริมพัฒนำกำรในเด็ก นั้นจึงส ำคัญ ที่ต้องท ำให้ถูกต้องและเหมำะสมในแต่ละช่วงวัยด้วย โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพต ำบลบ้ำนหัว ช้ำง มีบุคลำกรที่มำปฏิบัติงำนใหม่หลำยคนทั้งย้ำยมำใหม่และบรรจุใหม่แต่ละคนมีควำมสำมำรถในกำร ปฏิบัติงำนในคลินิก EPI ที่แตกต่ำงกันและจำกกำรใช้สมุดสีชมพูบริเวณตำรำงนัดพบปัญหำเรื่องสมุดสีชมพู หรือสมุดบันทึกแตกต่ำงกัน ท ำให้ผู้ปฏิบัติดูสับสนและลงบันทึกไม่ถูกต้อง รวมทั้งผู้ปกครองเด็กสับสันในวันนัด ท ำให้มำไม่ตรงวันนัด หรือไม่มำรับบริกำรสุขภำพเด็กดีในวันนั้นเลยส่งผลกระทบกับเด็กที่จะไม่ได้รับวัคซีนตำม เกณฑ์และอำจท ำให้เด็กมีปัญหำเรื่องสุขภำพ ทั้งนี้ผู้รับผิดชอบงำนคลินิกสุขภำพเด็กดีได้ตระหนักถึง ควำมส ำคัญของกำรดูแลกำรได้รับวัคซีน และกำรส่งเสริมพัฒนำกำรของเด็ก จึงได้จัดท ำนวัตกรรม “สมุดและ บัตรนัดสุขภำพลูกรัก” ขึ้น วัตถุประสงค์เพื่อให้เด็ก 0-5 ปี ที่มำรับบริกำรคลินิกได้รับกำรดูแลกำรได้รับวัคซีน และส่งเสริมพัฒนำกำรตำมช่วงอำยุอย่ำงถูกต้อง และเหมำะสมและเพื่อให้เจ้ำหน้ำที่ที่ดูแลคลินิกสุขภำพเด็กดี มีเครื่องมือในกำรให้บริกำรแก่เด็กสะดวกและรวดเร็วมำกขึ้น ให้บริกำรฉีดวัคซีนและกำรนัดรับวัคซีนได้ถูกต้อง แม่นย ำมำกขึ้น และสำมำรถติดตำมกลุ่มที่ไม่ได้มำตำมนัดได้สะดวกยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เด็ก 0-5 ปี ที่มำรับบริกำรคลินิกได้รับกำรดูแลกำรได้รับวัคซีน และส่งเสริมพัฒนำกำรตำมช่วง อำยุอย่ำงถูกต้องเหมำะสมร้อยละ 95.00 2. เจ้ำหน้ำที่ที่ดูแลคลินิกสุขภำพเด็กดีใช้เครื่องมือในกำรให้บริกำรวัคซีนแก่เด็กได้ถูกต้องร้อยละ100 3. อัตรำมำตำมนัดมำกกว่ำร้อยละ95.00 กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กอำยุ 0-5 ปีที่มำรับบริกำรในคลินิกสุขภำพเด็กดี จ ำนวน 79 รำย วิธีการด าเนินการ 1. จัดกิจกรรมคลินิกสุขภำพเด็กดีเพื่อหนูน้อยวัยใสสุขภำพแข็งแรง พัฒนำกำรสมวัย โดยมีกิจกรรม กำรส่งเสริมพัฒนำกำร โภชนำกำร เสริมสร้ำงวัคซีน 2. ลงบันทึกในสมุดนัดรับบริกำรสร้ำงภูมิคุ้มกันโรค 3. ลงบันทึกในบัตรนัดรับบริกำรสร้ำงภูมิคุ้มกันโรคแนบกับสมุดสีชมพูเป็นรำยอำยุ 4. ติดตำมกลุ่มที่ไม่ได้มำตำมนัดในสมุดนัดรับบริกำรสร้ำงภูมิคุ้มกันโรค


286 ระยะเวลาด าเนินการ วันที่ 1 เดือน ตุลำคม พ.ศ. 2564-วันที่ 31 เดือน มีนำคม พ.ศ.2565 ผลการด าเนินงาน เด็ก 0-5 ปี ที่มำรับบริกำรคลินิกได้รับกำรดูแลกำรได้รับวัคซีน และส่งเสริมพัฒนำกำรตำมช่วงอำยุ อย่ำงถูกต้อง และเหมำะสม ร้อยละ96.20 เจ้ำหน้ำที่ที่ดูแลคลินิกสุขภำพเด็กดีมีเครื่องมือในกำรให้บริกำร วัคซีนแก่เด็กที่สะดวกรวดเร็วมำกยิ่งขึ้นและถูกต้องตำมเกณฑ์อำยุ ร้อยละ100.00 ผู้ป่วยมำตำมนัดคลินิก สุขภำพเด็กดีร้อยละ 96.20 ปัจจัยแห่งความส าเร็จ กำรสื่อสำรในทีมที่มีประสิทธิภำพที่เอื้ออำทร ควำมสำมัคคีในทีม และกำรมี เป้ำหมำยร่วมกัน ช่วย ให้กำรท ำงำนประสบผลส ำเร็จ ปัญหาและอุปสรรค 1. ผู้ปฏิบัติงำนนัดไม่เป็นและจ ำวัคซีนตำมช่วงอำยุไม่ได้ 2. บุคลำกรมีหลำกหลำยหำกผู้รับผิดชอบไม่อยู่ไม่สำมำรถด ำเนินกำรต่อได้ 3. กำรให้บริกำรล่ำช้ำเนื่องจำกต้องใช้เวลำในกำรนัดและลงนัดในสมุดสีชมพู 4. สมุดบันทึกสีชมพูมีหลำกหลำยท ำให้ผู้ปฏิบัติสับสนในกำรดูตำรำงกำรแดวัคซีนและตำรำงนัด การน าผลงานไปใช้ประโยชน์ จำกกำรน ำนวัตกรรมสมุดและบัตรนัดสุขภำพลูกรักมำใช้ในกำรด ำเนินงำนคลินิกสุขภำพเด็กดีท ำให้ กำรบริกำรที่ถูกต้องครบถ้วนตำมอำยุเด็ก บุคลำกรลงวันนัดได้ถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้ปกครองเด็กสำมำรถ ดูวันนัดที่ชัดเจน กำรคิดนอกกรอบ ท ำให้เกิดนวัตกรรมแม้เพียงจำกจุดเล็กๆ ก็สำมำรถน ำไปสู่กำรเปลี่ยนแปลง ใหญ่ตำมมำในอนำคตได้ ถึงแม้เจ้ำหน้ำที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้ำที่หรือมีกำรสับเปลี่ยนบุคคลำกรแต่ระบบยังคงอยู่ และบุคคลำกรใหม่สำมำรถท ำตำมระบบที่วำงไว้ได้ เอกสารอ้างอิง ส ำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสำธำรณสุข ต ำรำวัคซีนและกำรสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกัน โรค ปี2562 .พิมพ์ครั้งที่1. กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรคกระทรวงสำธำรณสุข ศุภำนิช ธรรมทินโน.(2561) .กำรพัฒนำระบบติดตำมควำมครอบคลุมในกำรรับวัคซีนของเด็ก 0-5 ปี ในอ ำเภอสะเดำจังหวัดสงขลำ .โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพต ำบลโคกเนียน อ ำเภอสะเดำ จังหวัด สงขลำ


287 รูปภาพ


288 “นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์” วำตนิตำ เสมประวัติ กลุ่มงำนเวชกรรมสังคม โรงพยำบำลรำชบุรี แนวคิดการสร้างนวัตกรรม จำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) ที่มีกำรแพร่ระบำด ไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ปัจจุบันสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย อยู่ในระดับ ที่สำมำรถควบคุมไว้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงขีดควำมสำมำรถของระบบสำธำรณสุขไทย และที่ส ำคัญคือ ควำมร่วมมือจำกภำคประชำชนและหน่วยงำนทุกภำคส่วน ทั้งนี้ยังคงต้องปฏิบัติตำมมำตรกำรป้องกันโรคตำม มำตรฐำนสำกลอย่ำงเคร่งครัด โดยเฉพำะกำรสวมหน้ำกำกอนำมัยหรือหน้ำกำกผ้ำ กำรเว้นระยะห่ำงทำงสังคม นำยแพทย์โอภำส กำรย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่ำตั้งแต่วันที่ 1 เดือนเมษำยน-วันที่ 7 เดือนกรกฎำคม พ.ศ.2564 พบบุคคลำกรทำงกำรแพทย์ติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019(COVID-19) จ ำนวน 1,064 รำย เป็นผู้ที่มีอำกำรป่วย จ ำนวน 491 รำย ส่วนใหญ่เป็นพยำบำลวิชำชีพ แพทย์ และผู้ช่วยพยำบำล ทั้งนี้ สำเหตุกำรติดเชื้อของบุคลำกรทำงกำรแพทย์ ส่วนใหญ่ติดจำกกำรปฏิบัติงำนในโรงพยำบำลจำกภำระงำน จ ำนวนมำก ท ำให้เหนื่อยล้ำ รวมทั้งมำจำกกำรที่ผู้ป่วยปิดบังข้อมูลท ำให้เกิดควำมเสี่ยงติดเชื้อสูงขึ้น จำกกำร สอบสวนโรคโดยหน่วยเวชกรรมสังคมโรงพยำบำลรำชบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนเมษำยนพ.ศ. ๒๕๖๔–วันที่ ๒๙ เดือน มิถุนำยนพ.ศ. ๒๕๖๕ พบว่ำมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-๑๙ และเข้ำรับกำรรักษำทั้งสิ้นจ ำนวนสะสมถึง ๓๑,๓๗๐ รำย ในจ ำนวนนี้เป็นบุคลำกรในโรงพยำบำล จ ำนวน 557 รำย(จำกบุคลำกรทั้งหมดประมำณ ๒,๕๐๐ คน) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ปฏิบัติงำนให้บริกำรกับผู้รับบริกำรโดยตรงและกลำยเป็นผู้ที่อยู่ในภำวะเสี่ยง จำกผู้ติดเชื้อ จึงจ ำเป็นอย่ำงมำกที่บุคลำกรทำงกำรแพทย์ต้องเพิ่มมำตรกำรป้องกันกำรติดเชื้อให้มำกกว่ำเดิม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อก ำลังพลของทีมแพทย์และขีดควำมสำมำรถในกำรดูแลประชำชน ด้วยควำมจ ำเป็นที่ต้องให้บริกำรและต้องเว้นระยะห่ำงจำกกลุ่มเสี่ยงผู้ส่งผลงำนจึงปรึกษำกับ ผู้เชี่ยวชำญทั้งในด้ำนอิเล็กทรอนิกส์ผสมผสำนกับประสบกำรณ์ด้ำนสำธำรณสุขรวมทั้งศึกษำกำรออกแบบ นวัตกรรม จึงได้ร่วมกันพัฒนำนวัตกรรมที่ช่วยลดควำมเสี่ยงในกำรสัมผัสเชื้อให้กับบุคลำกรทำงกำรแพทย์ โดย เน้นที่กำรป้องกันรับละอองฝอยกำรฟุ้งกระจำยของเชื้อจำกผู้ป่วย,ผู้รับบริกำร นวัตกรรมนี้สำมำรถใช้ได้ทุกพื้นที่ ที่มีผู้มำรับบริกำรจ ำนวนมำกและเป็นกำรแจ้งข้อมูลหรือขั้นตอนกำรรับบริกำรที่เป็นรูปแบบเดียวกัน จึงเป็นที่มำ ของ “นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์”ที่นอกเหนือจำกควำมสะดวกในกำรขนส่ง ติดตั้งง่ำย น้ ำหนักเบำแล้ว ยังช่วยลดภำระ/อัตรำก ำลังเจ้ำหน้ำที่ในกำรให้ข้อมูลซ้ ำๆแบบต่อเนื่องได้ วัตถุประสงค์การศึกษา 1. เพื่อป้องกันกำรรับละอองฝอยน้ ำลำยที่ฟุ้งกระจำยประชำชนในขณะที่มีกำรแพร่ระบำดของ เชื้อโรคโควิด-19 2. เพื่อให้ผู้รับบริกำรได้รับข้อมูล,ขั้นตอนกำรรับบริกำรอย่ำงครบถ้วนและต่อเนื่อง


289 3. เพื่อลดอัตรำก ำลังเจ้ำหน้ำที่ ณ จุดบริกำรที่สำมำรถใช้ “นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้ อัตโนมัติระบบเซนเชอร์” ทดแทนได้ 4. เพื่อป้องบุคลำกรทำงกำรแพทย์ติดเชื้อจำกกำรสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด -19 5. เพื่อใช้เป็นสื่อกำรสอนหรือกำรให้ค ำแนะน ำ ณ จุดบริกำรอื่นๆที่ต้องกำรน ำนวัตกรรมไปใช้ 6. เพื่อใช้เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำงำนด้ำนกำรคัดกรองอำกำรผู้ป่วยที่ต้องเว้นระยะห่ำงหรือต้องอยู่ ในพื้นที่กักกัน โดยใช้ในพื้นที่เขตโรงพยำบำลรำชบุรีอ.เมือง จ.รำชบุรี ทบทวนวรรณกรรมและสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง จำกกำรทบทวนกำรศึกษำที่ผ่ำนมำ ยังไม่พบว่ำเคยมีกำรท ำนวัตกรรมกล่องเสียงคัดกรองอำกำรด้วย แบบระบบเซนเซอร์มำก่อน แต่พบว่ำมีกำรใช้ระบบเซนเซอร์เช่น กำรเปิด-ปิดถังขยะอัตโนมัติ,กำรฉีด Alcohol ระบบเซนเซอร์อัตโนมัติ ซึ่งกำรใช้งำนจะเป็นกำรใช้งำนแบบเครื่องมือกลแบบชั้นเดียว แต่นวัตกรรมกล่องพูด ได้อัตโนมัติระบบเซนเซอร์จะน ำระบบบันทึกเสียงมำเพิ่มเติมในวงจรอิเลคทรอนิกส์ของกำรท ำงำนด้วย หลักการวิธีการศึกษา/การด าเนินงาน ส ำรวจปัญหำทำงสุขภำพ,กำรแพร่ระบำดของเชื้อโคโรนำ 19 ,สถำนกำรณ์กำรให้บริกำรเช่น ด้ำน กำรคัดกรองอำกำรป่วย ในประชำชนที่มำรับบริกำรที่ศูนย์สุขภำพฯและโรงพยำบำลรำชบุรี ต ำบลหน้ำเมือง อ.เมือง จ.รำชบุรีพบว่ำจุดให้บริกำรที่ต้องสอบถำมอำกำรซ้ ำๆ ก่อนเข้ำรับบริกำรในสถำนพยำบำลหรือเข้ำรับ กำรรักษำ เช่น ท่ำนมีไข้ ไอ เจ็บคอ มำหรือไม่? และไม่สำมำรถเว้นระยะห่ำงได้ชัดเจนหรือตำมมำตรฐำนที่ 1-2 เมตร หรือมีปัญหำเรื่องกำรสื่อสำรเนื่องจำกกำรใส่อุปกรณ์ป้องร่ำงกำยของเจ้ำหน้ำที่เช่น หน้ำกำกอนำมัย ,face shieldเมื่อต้องสัมผัสกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งพบว่ำมีเจ้ำหน้ำที่ติดเชื้อโควิด-19 จ ำนวน 8 รำยจำกเจ้ำหน้ำที่ 23 คน(ศูนย์สุขภำพชุมชนประชำนุเครำะห์ โรงพยำบำลรำชบุรี) คิดเป็น ร้อยละ 34.70 จำกปัญหำดังกล่ำว ผู้ส่งผลงำนจึงได้จัดท ำ“นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบ เซนเชอร์”เพื่อแก้ไขปัญหำและเพื่อให้ผู้ที่มำรับบริกำรได้รับควำมสะดวก รวดเร็ว และมีควำมปลอดภัย ขั้นตอนการท านวัตกรรม • ศึกษำรูปแบบกำรคัดกรองด้วยวำจำหรือกำรให้ค ำแนะน ำ ณ จุดบริกำรที่ต้องกำรให้เกิดควำม ปลอดภัยในกำรท ำงำน จุดบริกำรที่เสี่ยงต่อกำรแพร่กระจำยเชื้อ • ประชุมเจ้ำหน้ำที่ท ำควำมเข้ำใจ “นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์” ที่จะจัดท ำขึ้นและข้อเสนอแนะต่ำงๆ • ออกแบบกล่องเสียงที่ท ำงำนแบบอัตโนมัติผ่ำนระบบเซนเซอร์ 1. กล่องเสียงจะวำงไว้ในจุดให้บริกำรที่จัดระบบป้องกันกำรแพร่กระจำยเชื้อจำกละอองฝอย น้ ำลำยจำกผู้รับ/ผู้ให้บริกำร เมื่อผู้มำรับบริกำรมำถึงจุดให้บริกำร ระบบเซนเซอร์จะตรวจจับและท ำงำน


290 2. ระบบเสียงที่ต้องกำรให้ค ำแนะน ำหรือเสียงกำรสอบถำมคัดกรองอำกำร ส่งเสียงออกมำจำก ล ำโพงที่ติดกับกล่องนวัตกรรม 3. ผู้รับบริกำรจะสำมำรถท ำตำมขั้นตอนต่ำงๆได้ หรือตอบค ำถำมตำมที่นวัตกรรมตั้งเสียงค ำถำม ไว้ เช่น ขณะนี้ท่ำนมีไข้ ไอ เจ็บคอหรือเปล่ำคะ? หรือได้เดินทำงไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือไม่คะ? ถ้ำไม่มีให้ท่ำนรับ บัตรคิวและติดต่อเจ้ำหน้ำที่ด้ำนในได้เลยค่ะ • ทดลองน ำสื่อนวัตกรรมที่ออกแบบแล้ว ใช้กับกลุ่มเป้ำหมำยจ ำนวน 100 รำย ในระยะเวลำ 3 วัน, ประเมินผลกำรทดลองใช้สื่อ และปรับปรุงนวัตกรรมตำมข้อเสนอแนะเพื่อให้ผู้รับบริกำรมีควำมเข้ำใจและ สะดวกต่อกำรใช้ • ติดตั้ง“นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์” ในพื้นที่ให้บริกำรทำงกำร แพทย์,ส ำรวจและติดตำมผลกำรใช้ “นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์”อย่ำง ต่อเนื่อง • น ำข้อมูลมำประมวลผลและในไปใช้ที่จุดคัดกรองตรวจหำเชื้อโควิด-19 ใน โรงพยำบำลรำชบุรี ผลการศึกษา 1. สำมำรถป้องกันกำรรับละอองฝอยที่ฟุ้งกระจำยจำกกำรพูดคุยหรือลมหำยใจได้ร้อยละ 100.00 โดยประกอบกับกำรจัดสถำนที่ให้บริกำรที่เหมำะสม 2. จำกกำรส ำรวจควำมพึงพอใจด้วยแบบสอบถำม ในกลุ่มเป้ำหมำยที่มำรับบริกำร โดยกำรสุ่ม จ ำนวน 100 คน พบว่ำ ผู้ใช้มีควำมพึงพอใจใน“นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซน เชอร์”อยู่ในระดับ มำกที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.00 แบ่งออกเป็น มีควำมพึงพอใจต่อค ำแนะน ำในสื่อและควำม เหมำะสมของสื่ออยู่ที่ระดับมำก ร้อยละ 98.00มีควำมพึงพอใจในประสิทธิภำพกำรสื่อสำรจำกกล่องเสียงกำร คัดกรองอำกำรซ้ ำๆหรือขั้นตอนกำรให้บริกำรและปฏิบัติตำมได้ถูกต้องอยู่ในระดับมำก ร้อยละ 97.00 3. สำมำรถใช้ นวัตกรรม กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์ท ำแทนอัตรำก ำลังของเจ้ำหน้ำที่ได้ 1 อัตรำ ต่อกำรให้บริกำร ๑ จุดบริกำร 4. จำกกำรใช้ นวัตกรรม กล่องเสียงฯ ไม่พบ Time line ของเจ้ำหน้ำที่ที่ติดเชื้อมำจำกจุดให้บริกำร คัดกรองอำกำรหรือจุดให้ค ำแนะน ำขั้นตอนกำรให้บริกำร 5. แพทย์งำนป้องกันควบคุมโรคและระบำดวิทยำโรงพยำบำลรำชบุรี ขอน ำไปใช้ที่จุดบริกำรที่ ประชำชนสับสนหรือไม่เข้ำใจขั้นตอนกำรรับบริกำรในจุด Swab ที่มีควำมเสี่ยงต่อกำรติดเชื้อสูง การน าผลงานไปใช้ประโยชน์และคุณค่าของนวัตกรรม จำกกำรใช้นวัตกรรมสื่อ“นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์”ตำม ระยะเวลำที่ก ำหนด พบว่ำประชำชนกลุ่มเป้ำหมำยมีควำมพึงพอใจและสำมำรถน ำไปใช้ได้จริงอย่ำงต่อเนื่อง สำมำรถปรับเปลี่ยนและน ำไปใช้ยังสถำณกำรณ์ต่ำงๆได้ ลดควำมเสี่ยงต่อกำรพูดคุยโดยตรงและลดอัตรำก ำลัง เจ้ำหน้ำที่ได้อย่ำงน้อย 1 อัตรำ


291 เนื่องจำกต้นทุนในกำรท ำ“นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 กล่องพูดได้อัตโนมัติระบบเซนเชอร์”มีรำคำสูง เล็กน้อย(รำคำ 800 บำท) จึงควรปรับปรุงให้มีกำรน ำไปใช้งำนได้หลำกหลำยมำกขึ้น หรือน ำไปปรับใช้ตำมจุด บริกำรต่ำงๆโดยเปลี่ยนเนื้อหำในเสียงที่บันทึกไว้ให้สอดคล้องกับสถำนที่ที่ให้บริกำรเพื่อให้เกิดควำมคุ้มค่ำ เอกสารอ้างอิง ส ำนักงำนนโยบำยและยุทธศำสตร์. 2558. สถิติสาธารณสุข 2558. นนทบุรี: ผู้แต่ง:ก.สำธำรณสุข หนังสือต ำรำกำรตรวจรักษำโรคทั่วไป “ไข้ - ไข้หวัด”. (นำยแพทย์ สุรเกียรติ อำชำนำนุภำพ). หน้ำ389-393 นำยแพทย์โอภำส กำรย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(ออนไลน์).2564.แหล่งที่มำ https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=19925&deptcode=brc&news_views=953 [ 4 สิงหำคม 2564 ]


292 การพัฒนารูปแบบการบ าบัดรักษาฟื้นฟูผู้ใช้สารเสพติดโดยชุมชนมีส่วนร่วม (CBTx) หน่วยบริการปฐมภูมิพื้นที่น าร่องเครือข่ายบริการสุขภาพ อ าเภอเมืองเพชรบูรณ์ เพ็ญศรี ข ำฤทธิ์, ธนพัฒน์ สุขเกษม กลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชน โรงพยำบำลเพชรบูรณ์ หลักการและเหตุผล ในสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของยำเสพติดในพื้นที่อ ำเภอเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ป่วยสำรเสพติด มีแนวโน้มสูงขึ้น หน่วยบริกำรปฐมภูมิเครือข่ำยบริกำรสุขภำพอ ำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ปฏิบัติหน้ำที่ด้ำนกำร ตรวจคัดกรอง บ ำบัดรักษำฟื้นฟูสภำพและติดตำมดูแลต่อเนื่อง ตำมแนวทำงและวิธีกำรที่สอดคล้องกับ นโยบำยกำรแก้ไขปัญหำยำเสพติดของกระทรวงสำธำรณสุข แต่ก็ไม่อำจที่จะลดจ ำนวนของผู้ป่วยสำรเสพติดได้ กลับยิ่งทวีควำมรุนแรงมำกขึ้น จึงท ำให้พบว่ำปัญหำกำรปฏิบัติงำนในหน่วยบริกำรปฐมภูมิเครือข่ำยบริกำร สุขภำพอ ำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำจไม่มีศักยภำพเพียงพอ ไม่ว่ำจะเป็นในด้ำนของควำมรู้ทักษะ ควำม เชี่ยวชำญเฉพำะทำงของเจ้ำหน้ำที่ผู้ปฏิบัติงำน เครื่องมือ อุปกรณ์ที่จ ำเป็น ร่วมถึงกำรท ำงำนเชิงบูรณำกำร ร่วมกับภำคเอกชนและภำคประชำชน จึงท ำให้เกิดกำรพัฒนำรูปแบบกำรบ ำบัดรักษำฟื้นฟูผู้ใช้สำรเสพติดโดย ชุมชนมีส่วนร่วม (Community Based Treatment and Rehabilitation : CBTx) หน่วยบริกำรปฐมภูมิ พื้นที่น ำร่องเครือข่ำยบริกำรสุขภำพอ ำเภอเมืองเพชรบูรณขึ้น โดยปฏิบัติงำนเชิงบูรณำกำรกับภำคประชำชน ได้แก่ กำรตรวจคัดกรอง กำรประเมินสภำพผู้ใช้สำรเสพติด กำรจัดตั้งศูนย์สุขภำพและหน่วยสวัสดิกำรทำง สังคม กำรบ ำบัดและรักษำพฤติกรรมกำรติดสำรเสพติดและควำมยุติธรรมทำงอำญำ ระบบกำรพัฒนำคุณภำพ ให้เป็นรูปแบบส ำหรับแนวทำงกำรด ำเนินงำนกำรบ ำบัดฟื้นฟูโดยกำรมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ติดสำร เสพติดเข้ำถึงระบบบริกำรในชุมชนได้ง่ำยมีควำมต่อเนื่อง ท ำให้ผู้ติดสำรเสพติด ละเลิกจำกกำรใช้สำรเสพติด กลับไปใช้ชีวิตได้อย่ำงปกติสุขเป็นกำรคืนคนดีสู่สังคม วัตถุประสงค์การศึกษา 1 เพื่อกำรพัฒนำรูปแบบกำรดูแลบ ำบัดฟื้นฟูผู้เสพยำเสพติด โดยชุมชนมีส่วนร่วม (CBTx) อ ำเภอ เมืองเพชรบูรณ์ 2 เพื่อประเมินประสิทธิผลกำรพัฒนำรูปแบบกำรดูแลบ ำบัดฟื้นฟูผู้เสพยำเสพติด โดยชุมชนมีส่วน ร่วม (CBTx) ทบทวนวรรณกรรม 1 แนวทำงกำรด ำเนินงำนกำรบ ำบัดฟื้นฟูโดยกำรมีส่วนร่วมของชุมชนและแนวปฏิบัติที่ดี กำรบ ำบัดรักษำและฟื้นฟูผู้ป่วยยำเสพติดโดยกำรมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Based Treatment and Rehabilitation : CBTx) คือ รูปแบบกำรบ ำบัดรักษำเชิงบูรณำกำร เพื่อให้เกิดกำรรักษำอย่ำงต่อเนื่อง ตั้งแต่กำรรักษำในระยะเริ่มต้นจนถึงกำรบ ำบัดรักษำฟื้นฟูด้วยระบบกำรดูแลต่อเนื่องจนถึงกำรติดตำม ผลกำรรักษำ ตำมแนวคิดกำรคืนผู้ป่วยสู่สังคม มีกำรประสำนควำมร่วมมือกับภำคีเครือข่ำยทั้งด้ำนสุขภำพ


293 สังคมและกำรบริกำร อื่นๆ บนพื้นฐำนของควำมเข้ำใจถึงควำมต้องกำรของผู้ป่วย ตลอดจนให้กำรสนับสนุน ครอบครัว และชุมชนของผู้ป่วยอย่ำงจริงจังในกำรแก้ปัญหำ องค์ประกอบที่ส ำคัญ 1.องค์กรชุมชน เพื่อค้นหำ ส่งต่อเข้ำบ ำบัดและช่วยเหลือให้ผู้ป่วยให้ใช้ชีวิตขั้นพื้นฐำนในชุมชนได้ 2.ศูนย์สุขภำพ ตรวจคัดกรองและให้ ค ำปรึกษำ โดยมีกำรให้บริกำร ตรวจสุขภำพเบื้องต้นและกำรบริกำรอื่นๆ ตำมควำมต้องกำรและควำม เหมำะสมของผู้ป่วย 3.หน่วยสวัสดิกำรทำงสังคม ฝึกอบรมอำชีพและทักษะ สร้ำงโอกำสให้แก่ผู้ป่วย 9 หลักกำรที่ส ำคัญในกำรด ำเนินงำน 1)ง่ำยต่อกำรเข้ำถึงกำรบริกำรบ ำบัดรักษำในชุมชน 2)กำรตรวจคัดกรอง กำรประเมิน กำรวินิจฉัยและกำรวำงแผนกำรเพื่อเข้ำใจควำมต้องกำรของผู้ป่วย 3)บ ำบัดรักษำผู้ติดยำเสพติด จำกฐำนข้อมูลที่ยอมรับตำมมำตรฐำน 4)กำรพิทักษ์สิทธิของผู้ป่วย 5)มีแนวปฏิบัติในกำรดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย เช่นกลุ่มที่ต้องได้รับกำรดูแลเป็นพิเศษ 6)กำรรักษำพฤติกรรมกำรติดยำเสพติดและควำมยุติธรรมทำงอำญำ 7)กำรมีส่วนร่วมของชุมชน มีระบบกำรช่วยเหลือ กำรสนับสนุนทำงสังคม 8)มีระบบกำรพัฒนำคุณภำพเพื่อ ปรับปรุงระบบกำร 9)ระบบกำรบ ำบัดรักษำ มีกำรด ำเนินงำนที่ ชัดเจน ติดตำมและประเมินผลลัพธ์กำร ด ำเนินงำน ทั้งนี้มีกำรด ำเนินงำนครอบคลุม 4 ด้ำน คือกำรส่งเสริมป้องกัน กำรคัดกรอง กำรบ ำบัดรักษำและ ฟื้นฟูสมรรถภำพและกำรติดตำมดูแลช่วยเหลือ การด าเนินการ แบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 กำรเตรียมควำมพร้อมของชุมชน 1)จัดตั้งคณะกรรมกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตระดับต ำบล (พชต.) ด้ำนกำรด ำเนินงำนยำเสพติด/ประชุมวำงแผนกำรด ำเนินงำนร่วมกัน 2)พัฒนำระบบฐำนข้อมูล 3)ก ำหนดแผน/ยุทธศำสตร์ร่วมกัน 4)ประชำคมเพื่อกำรมีส่วนร่วมของประชำชน 5)คัดกรอง ส่งต่อเข้ำรับกำร บ ำบัด ระยะที่ 2 ด ำเนินกำรบ ำบัดรักษำ 1)จัดตั้งศูนย์บ ำบัดในชุมชนโดยกำรมีส่วนร่วม 2)บ ำบัดโดยใช้ เครื่องมือ (Motivational Enchancement Therapy) 3) พัฒนำศักยภำพกำรใช้เครื่องมือแก่ทีมผู้บ ำบัด 3)ก ำหนดเวลำด ำเนินกำรบ ำบัด (2 เดือน) นัดติดตำมต่อเนื่อง 4)ส่งต่อกรณีเกินศักยภำพ 5)สร้ำงเครือข่ำยกำร ติดตำมในชุมชนและติดตำมเยี่ยมผู้ป่วยต่อเนื่อง ระยะที่ 3 ติดตำมและฟื้นฟู 1)ฝึกอำชีพ 2)ช่วยเหลือตำมสภำพปัญหำควำมต้องกำร 3)สร้ำง เครือข่ำย/แนวร่วมในชุมชน พื้นที่ในกำรด ำเนินงำน น ำร่อง 1 ต ำบล คือ ต ำบลตะเบำะ อ ำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ระยะเวลำในกำรด ำเนินงำน ตั้งแต่เดือนธันวำคม 2564 ถึงเดือนพฤษภำคม 2565 ประชำกรกลุ่มด ำเนินงำน ได้แก่ ผู้เสพยำเสพติดที่ส่งเข้ำศูนย์คัดกรองยำเสพติดโรงพยำบำล เพชรบูรณ์ และคัดกรอง V2 มีคะแนน 4-15 คะแนน จ ำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ ใช้กระบวนกำรบ ำบัดฟื้นฟูโดยกำรมีส่วนร่วมของชุมชน/ใช้เครื่องมือ MET22 ใบงำน (Motivational Enchancement Therapy)/แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล/แบบประเมิน Stage of change/ แบบเก็บข้อมูลควำมก้ำวหน้ำกำรบ ำบัด


294 ผลการด าเนินงาน 1)ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูลส่วนบุคคล ผู้เข้ำรับกำรบ ำบัด 7 รำย เพศชำย ร้อยละ 100 อำยุ 15 – 20 ปี ร้อยละ 28.57 และอำยุ21-25 ปีร้อยละ 14.28 อำยุมำกกว่ำ 25 ปี ร้อยละ 57.14 อำชีพรับจ้ำง ร้อยละ 100.00 สำรเสพติดที่พบยำบ้ำ ร้อยละ 85.7 ยำบ้ำและกัญชำ ร้อยละ 14.28 2)ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูลสำรเสพ ติดที่เสพ เปรียบเทียบก่อนและหลังเข้ำบ ำบัด (6 เดือน) ก่อนเข้ำรับกำรบ ำบัด ผลตรวจหำสำรเสพติดใน ปัสสำวะเป็นผลบวก จ ำนวน 7 คน ร้อยละ 100.00 หลังบ ำบัด พบผลกำรตรวจหำสำรเสพติดในปัสสำวะเป็น ผลลบ 5 คน ร้อยละ 71.43 ผลบวก จ ำนวน 2 คน ร้อยละ 28.57 และมีเสพซ้ ำระหว่ำงบ ำบัด 2 รำย ร้อยละ 28.57 3)ผลกำรวิเครำะห์ขั้นกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเปรียบเทียบก่อนและหลังพบภำยหลังกำรเข้ำบ ำบัด มี กำรเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดีขึ้น ก่อนเข้ำบ ำบัด ขั้นกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในขั้นที่ 1 เมินเฉย/ไม่สนใจปัญหำ จ ำนวน 1 คน ร้อยละ 14.28 ขั้นที่ 2 ลังเลใจ จ ำนวน 6 คน ร้อยละ 85.72 หลังเข้ำบ ำบัด ไม่พบผู้ที่อยู่ในขั้นที่ 1 ผู้ที่อยู่ในขั้นที่ 2 จ ำนวน 2 คน ร้อยละ 28.57 ผู้ที่อยู่ในขั้นที่ 3 จ ำนวน 4 คนร้อยละ 57.15 และผู้ที่อยู่ในขั้น ที่ 6 กลับเสพซ้ ำ จ ำนวน 1 คน ร้อยละ 14.28 สรุปผลกำรพัฒนำรูปแบบกำรบ ำบัดรักษำฟื้นฟูผู้ใช้สำรเสพติดโดยชุมชนมีส่วนร่วม (CBTx) หน่วย บริกำรปฐมภูมิพื้นที่น ำร่องเครือข่ำยบริกำรสุขภำพ อ ำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นแนวทำงในกำรปฏิบัติส่งผลให้ ผู้ป่วยสำรเสพติดเข้ำถึงระบบบริกำรบ ำบัดรักษำในชุมชนได้ง่ำย ผู้ป่วยมีกำรปรับทัศนคติและพฤติกรรมในกำร ใช้สำรเสพติดไปในทำงที่ดีขึ้น ถือเป็นแนวทำงที่ดีที่ควรน ำไปขยำยผลให้ครอบคลุมในพื้นที่อ ำเภอเมืองต่อไป กำรน ำผลงำนไปใช้ประโยชน์ มีรูปแบบกำรด ำเนินงำนกำรดูแลบ ำบัดฟื้นฟูผู้เสพยำเสพติด โดยชุมชน มีส่วนร่วม (Community based Treatment and Care : CBTx) อ ำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ที่มีประสิทธิภำพ ใช้เป็นต้นแบบที่ดีให้ครอบคลุมทุกต ำบลในอ ำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เอกสารอ้างอิง กรมกำรแพทย์.แนวทำงกำรด ำเนินงำนกำรบ ำบัดฟื้นฟูโดยกำรมีส่วนร่วมของชุมชนและแนวปฏิบัติที่ดี ปี 2561. นนทบุรี; 2562 โรงพยำบำลเพชรบูรณ์. ศูนย์เพื่อกำรคัดกรองบ ำบัดฟื้นฟูยำเสติดจังหวัดเพชรบูรณ์; 2565


295 นวัตกรรม 0 บาท เพื่อพัฒนางานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็ก 0-5 ปี ปุณณดำ ผลำทิพย์ รพ.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่ำ 100 ปี อ.เมืองยำง จ.นครรำชสีมำ ที่มาของแนวคิดการสร้างนวัตกรรม วัคซีนเป็นวิธีกำรสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันที่ได้ประสิทธิภำพสูงสุดในกำรควบคุมป้องกันโรคติดต่อร้ำยแรง ทั่วโลก กำรบริหำรจัดกำรวัคซีนต้องค ำนึงถึงประสิทธิภำพ ควำมคุ้มค่ำและคุ้มประโยชน์ของประชำชนที่ได้รับ ซึ่งอัตรำกำรสูญเสียวัคซีนเป็นปัจจัยส ำคัญในกำรคำดประมำณควำมเพียงพอของกำรใช้วัคซีน โดยองค์กำร อนำมัยโลกได้ก ำหนดให้ระบบกำรบริหำรจัดกำรวัคซีนโดยรวมมีอัตรำกำรสูญเสียวัคซีนไม่เกินร้อยละ 50.0 และส ำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคได้ก ำหนดอัตรำกำรสูญเสียของวัคซีนที่มีขนำดบรรจุ 10-20 dose ให้มีอัตรำกำรสูญเสียร้อยละ 25.0 จำกกำรทบทวนกำรด ำเนินงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรค คลินิกสุขภำพเด็กดี โรงพยำบำลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่ำ 100 ปี อ ำเภอเมืองยำง จังหวัดนครรำชสีมำ ซึ่งมีกำรให้บริกำรวัคซีน ทุกวันพุธ โดยจะเปิดให้บริกำรรวมวัคซีนทุกชนิดส ำหรับเด็กทุกช่วงวัยในวันเดียวกัน พบว่ำ วัคซีนที่เป็น high volume 3 อันดับของโรงพยำบำลคือ OPV, DTP และ DTP-HB-Hib มีอัตรำกำรสูญเสียวัคซีนเฉลี่ยใน ปีงบประมำณ 2561 ร้อยละ 86, 87.5 และ 85 ตำมล ำดับ ปี งบประมำณ2562 ร้อยละ 81.5, 80.5 และ 78.0 ตำมล ำดับ และในปี งบประมำณ2563 ร้อยละ 81.2, 82.5 และ 80 ตำมล ำดับ นอกจำกนั้นยังพบอัตรำ ควำมครอบคลุมของกำรได้รับวัคซีนในเด็ก 0-5 ปี ในปีงบประมำณ 2561-2563 เป็นร้อยละ 72.5, 75.0 และ 85.0 ตำมล ำดับ ซึ่งต่ ำกว่ำเกณฑ์ของส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดนครรำชสีมำ (> ร้อยละ 95) คลินิกสุขภำพ เด็กดี โรงพยำบำลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่ำ 100 ปี จึงได้วิเครำะห์รำกเหง้ำของปัญหำพบว่ำเด็กที่มำรับ บริกำรในแต่ละครั้งมีจ ำนวนน้อยเมื่อเทียบกับกำรเปิดใช้วัคซีน ดังนั้นเพื่อลดอัตรำกำรสูญเสียของวัคซีน และ เพิ่มควำมครอบคลุมกำรได้รับวัคซีน คลินิกสุขภำพเด็กดี โรงพยำบำลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่ำ 100 ปี จึง จัดท ำ นวัตกรรม 0 บำท เพื่อพัฒนำงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็ก 0-5 ปี ขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อลดอัตรำกำรสูญเสียวัคซีน 2. เพื่อเพิ่มควำมครอบคลุมของกำรได้รับวัคซีนในเด็ก 0-5 ปี ทบทวนวรรณกรรม กำรวิเครำะห์รำกเหง้ำของปัญหำ พบว่ำ เด็กที่มำรับบริกำรในแต่ละครั้งมีจ ำนวนน้อยเมื่อเทียบกับ กำรเปิดใช้วัคซีน ซึ่งให้บริกำรโดยเปิดใช้วัคซีนทุกชนิดในวันเดียวกันทุกช่วงวัย สอดคล้องกับกำรศึกษำของพร ศักดิ์ อยู่เจริญและคณะ (2564) พบว่ำ อัตรำสูญเสียของวัคซีนเกิดได้จำกหลำยปัจจัย เช่น จ ำนวนเด็กที่มำรับ บริกำรแต่ละครั้งมีจ ำนวนน้อยจะท ำให้อัตรำสูญเสียวัคซีนเพิ่มขึ้น ซึ่งหำกมีกำรปรับเปลี่ยนกำรให้บริกำรวัคซีน ลดอัตรำสูญเสียวัคซีนท ำให้ประหยัดงบประมำณและเกิดควำมคุ้มค่ำ จึงเกิดกำรปรับปรุงตำรำงกำรให้บริกำร วัคซีนในแต่ละสัปดำห์แตกต่ำงกัน โดยเปิดวัคซีนส ำหรับเด็กช่วงวัยเดียวกันในวันเดียวกัน สอดคล้องกับกอง


296 โรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสำธำรณสุข (2562) ว่ำด้วยกำรให้วัคซีนห่ำงเกินกว่ำก ำหนด ไม่ได้ท ำให้ภูมิคุ้มกันน้อยลง จำกกำรลดอัตรำกำรสูญเสียยังท ำให้สำมำรถเพิ่มอัตรำควำมครอบคลุมของกำร ได้รับวัคซีนในเด็กเพิ่มขึ้น เนื่องจำกมีตำรำงกำรให้บริกำรวัคซีนก ำหนดชัดเจน ท ำให้ทรำบจ ำนวนเด็กมำรับ บริกำรแน่ชัด เจ้ำหน้ำที่แนะน ำผู้ปกครองน ำเด็กเข้ำระบบนัดติดตำมได้ง่ำย พร้อมทั้งมีอสม.ช่วยในกำร ประชำสัมพันธ์และติดตำมในชุมชน สอดคล้องกับกำรศึกษำของอีระฟำน หะยีอีแต และประภำภรณ์ หลังปู เต๊ะ (2563) พบว่ำกำรพัฒนำกำรบริกำรงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยกำรสื่อสำรระหว่ำงเจ้ำหน้ำที่ สำธำรณสุขกับผู้ปกครองถือเป็นกลยุทธ์ส ำคัญในกำรน ำบุตรหลำนเข้ำรับวัคซีนตำมเกณฑ์ และพลังของแกนน ำ หรือคนในชุมชนสำมำรถเข้ำถึงปัญหำและแก้ไขปัญหำได้ หลักการวิธีการศึกษา/ การด าเนินการ เก็บข้อมูลจำกผู้มำรับบริกำรวัคซีนในคลินิกสุขภำพเด็กดีและใบเบิกวัคซีน (ว.3/1) โดยมีวิธีกำรดังนี้ 1. ทบทวนกำรด ำเนินงำนที่ผ่ำนมำ ค้นหำปัญหำ วิเครำะปัญหำร่วมกับทีมสหสำขำวิชำชีพที่ เกี่ยวข้อง 2. ทบทวนวรรณกรรม ค้นหำข้อมูลสนับสนุนทำงวิชำกำร 3. ปรับเปลี่ยนตำรำงกำรให้บริกำรวัคซีนใหม่ ก ำหนดให้ในแต่ละเดือนเปิดบริกำรทุกวันพุธเวลำ 08.00-12.00 น. โดย วันพุธ สัปดำห์ที่ 1 วัคซีน DTP-HB-Hib, OPV เด็กอำยุ 2,4,6 เดือน,วันพุธ สัปดำห์ที่ 2 วัคซีน MMR เด็กอำยุ 9 เดือน,วันพุธ สัปดำห์ที่ 3 วัคซีน JE เด็กอำยุ 1,2.6 ปี และวันพุธ สัปดำห์ที่ 4 วัคซีน DTP,OPV เด็กอำยุ 1.6,4 ปี 4. นัดเด็กให้ตรงวันและเวลำที่ให้บริกำร ท ำกำรนัดก ำหนดจ ำนวนให้ตรงกับ dose vaccine ที่เปิด ใช้ 5. ประชำสัมพันธ์ตำรำงกำรให้บริกำรวัคซีนทำงโซเชียลมีเดีย และประชำสัมพันธ์ในชุมชนด้วยเสียง ตำมสำย แจกตำรำงวัคซีนให้แก่ อสม. เพื่อสำมำรถให้ข้อมูลแก่ผู้ปกครองของเด็กได้ 6. มีระบบนัดและติดตำม ติดบัตรนัดด้ำนหน้ำสมุดสีชมพูอย่ำงชัดเจน ให้ข้อมูลผู้ปกครองเพื่อน ำเด็ก มำรับบริกำรตรงตำมนัด มีกำรแจ้งรำยชื่อผ่ำนทำง อสม. และหอกระจำยข่ำวในหมู่บ้ำนก่อนล่วงหน้ำ และมี กำรโทรติดตำม พร้อมทั้งมี อสม.ดูแลประจ ำครัวเรือนช่วยติดตำมเด็กให้มำรับวัคซีนในวันเปิดบริกำร ผลการศึกษา เริ่มด ำเนินกำรปี งบประมำณ2564 พบกำรเปลี่ยนแปลง ดังนี้ 1. อัตรำกำรสูญเสียวัคซีนเฉลี่ยลดลงจำกเดิม โดยเปรียบเทียบจำกปี งบประมำณ2563 และ งบประมำณ 2564 ดังนี้ วัคซีน OPV จำกร้อยละ 81.2 เป็น ร้อยละ 62.5 วัคซีน DTP จำกร้อยละ 82.5 เป็น ร้อยละ 30.0 วัคซีน DTP-HB-Hib จำกร้อยละ 80.0 เป็น ร้อยละ 20.0 2. อัตรำควำมครอบคลุมของกำรได้รับวัคซีนในเด็ก 0-5 ปีเพิ่มขึ้น จำกร้อยละ 85.0 ในปี 2563 งบประมำณ เป็นร้อยละ 100.0 ในปี งบประมำณ2564 และ ร้อยละ 95.0 ในปีงบประมำณ 2565 (ข้อมูลปี


297 2565 จำกเดือน ต.ค. ถึง มิ.ย.) จำกกำรด ำเนินงำน ยังท ำให้เกิดผลลัพธ์อื่นๆ คือ มีกำรลดต้นทุนมูลค่ำของ วัคซีนโดยวัคซีน OPV ลดลงร้อยละ 61.5 วัคซีน DTP ลดลงร้อยละ 90.9 และวัคซีน DTP-HB-Hib ลดลงร้อย ละ 93.7 อีกทั้งกำรให้สุขศึกษำท ำได้ง่ำยขึ้นเพรำะเป็นผู้รับบริกำรกลุ่มวัยเดียวกัน นอกจำกนั้นยังสำมำรถ ป้องกันกำรเกิดอุบัติกำรณ์กำรฉีดวัคซีนผิด ช่วยลดควำมสับสนและลดควำมผิดพลำดในกำรให้บริกำรของ เจ้ำหน้ำที่ในกำรเปิดใช้วัคซีนหลำยชนิด และผู้ปกครองของเด็กที่มำรับบริกำรมีควำมพึงพอใจร้อยละ 100.0 โดยให้เหตุผลว่ำ สะดวก รวดเร็ว ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ปกครองเด็กช่วงวัยเดียวกัน การน าผลงานไปใช้ประโยชน์และคุณค่าของนวัตกรรม จำกกำรพัฒนำระบบกำรให้บริกำรวัคซีนของงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็ก 0-5 ปี ด้วยกำรจัด ตำรำงให้บริกำรวัคซีนแบบใหม่รำยสัปดำห์ และมีระบบกำรติดตำมที่ชัดเจน ท ำ ให้อัตรำกำรสูญเสียวัคซีน ลดลง และอัตรำควำมครอบคลุมของกำรได้รับวัคซีนในเด็ก 0-5 ปีเพิ่มขึ้น ส่งผลไปยังลดต้นทุนของวัคซีน อีก ทั้งยังท ำให้ผู้รับบริกำรพึงพอใจ ซึ่งเป็นกำรพัฒนำระบบกำร ให้บริกำรวัคซีนที่มีคุณภำพและเกิดประโยชน์ต่อ ผู้รับบริกำรและผู้ให้บริกำร ถือเป็นกำรบริหำรทรัพยำกรวัคซีนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสำมำรถน ำแบบอย่ำง ไปบริหำรจัดกำรงำนอื่นให้มีประสิทธิภำพ และสำมำรถศึกษำต่อยอดเพื่อใช้ในกำรบริหำรจัดกำรวัคซีนใน หน่วยงำนหรือองค์กรขนำดใหญ่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชำติได้ ทั้งนี้ต้องมีกำรศึกษำที่ ครอบคลุมมำกขึ้น เอกสารอ้างอิง กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสำธำรณสุข.ต ำรำวัคซีนและกำรสร้ำงเสริม ภูมิคุ้มกันโรคปี 2562. พิมพ์ครั้งที่ 1. บริษัทเวิร์ค พริ้นติ้ง จ ำกัด.: 2562. พรศักดิ์ อยู่เจริญ, ปิยะนำถ เชื้อนำค, ขัตติยะ อุตม์อ่ำง, จำรวี รัตนยศ. ผลกระทบของอัตรำสูญเสีย วัคซีนต่อกำรบริหำรจัดกำรวัคซีนและตำรำงกำรให้บริกำรวัคซีนในแผนงำนสร้ำงเสริมภูมิคุ้มกันโรค: กรณีศึกษำวัคซีน DTP, DTP-HB, และ DTP-HB-Hip. วำรสำรควบคุมโรค 2564;47:230-245. อีระฟำน หะยีอีแต และประภำภรณ์ หลังปูเต๊ะ. รูปแบบกำรส่งเสริมควำมครอบคลุมของวัคซีนในเด็ก 0-5 ปี จังหวัดยะลำ. วำรสำรอัล-ฮิกมะฮ มหำวิทยำลัยฟำฏอนี2563;20:137-148.


298 การประเมินระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะไตวายระยะเริ่มต้นร่วม (ระยะ 3) จิรำพร หมื่นศรี หลักการและเหตุผล โรคเบำหวำนเป็นปัญหำสำธำรณสุขที่ส ำคัญ ถ้ำไม่ได้รับกำรดูแลที่เหมำะสมจะส่งผลให้เกิด ภำวะแทรกซ้อนตำมมำ โดยเฉพำะโรคไตวำยเรื้อรัง (Chronic kidney disease) ซึ่งปัจจุบันพบว่ำมีผู้ป่วยไต วำยเรื้อรังมำกถึงร้อยละ17.6 (สมำคมโรคไตแห่งประเทศไทย, 2563) ในระยะแรกจะไม่พบอำกำรผิดปกติ กำร ตรวจคัดกรองภำวะแทรกซ้อนทำงไตในผู้ป่วยเบำหวำน ซึ่งท ำได้โดยกำรตรวจโปรตีนในปัสสำวะ ร่วมกับกำร ตรวจเลือดวัดค่ำซีรั่มครีเอตินินและค ำนวณค่ำกำรท ำงำนของไต ถ้ำได้รับกำรคัดกรอง ค้นหำตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และได้รับกำรลงรำยงำนโรคที่ถูกต้องเพื่อให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องน ำไปติดตำมเฝ้ำระวัง ป้องกันและควบคุมโรคไต วำยเรื้อรัง จะส่งผลต่อกำรชะลอควำมเสื่อมของไต ไม่ให้ด ำเนินเข้ำสู่โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ำย ชะลอเวลำกำร รักษำด้วยกำรบ ำบัดทดแทนไต สำมำรถลดค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำ อันจะมีผลต่อคุณภำพชีวิตของผู้ป่วยและ ครอบครัว และผลกระทบทำงเศรษฐกิจของประเทศ แต่ปัญหำที่พบคือในฐำนข้อมูลโรงพยำบำลรำชบุรีมีกำร ระบุระยะโรคไตวำยเรื้อรังระยะที่ 3 ต่ ำกว่ำควำมเป็นจริงมำก ท ำให้ผู้ป่วยเบำหวำนที่มีภำวะไตวำยระยะ เริ่มต้น ไม่ได้รับกำรเฝ้ำระวังอย่ำงที่ควรจะเป็น จึงควรร่วมกันวำงแผนท ำโครงกำรน ำร่อง ท ำแผนแนวทำงกำร ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น แนวทำงกำรคัดกรองภำวะไตวำย แนวทำงกำรให้บริกำร ระบบกำรส่งต่อ ผู้ป่วย และระบบกำรจัดเก็บ กำรรำยงำนข้อมูล วัตถุประสงค์ในการศึกษา 1. เพื่อศึกษำขั้นตอนกำรรำยงำนผู้ป่วยเบำหวำนที่มีภำวะไตวำยระยะที่ 3 ร่วม 2. เพื่อศึกษำเชิงปริมำณของระบบเฝ้ำระวังผู้ป่วยเบำหวำนที่มีภำวะไตวำยระยะที่ 3 ร่วม 3. เพื่อให้เกิดกำรจัดเก็บข้อมูลและกำรรำยงำนโรคที่ถูกต้อง วิธีการศึกษา กำรศึกษำครั้งนี้เป็นกำรศึกษำ Cross-sectional study เป็นกำรศึกษำถึงขั้นตอนกำรรำยงำนผู้ป่วย เบำหวำนที่มีภำวะไตวำยร่วม รวมไปถึงกำรไหลเวียนของข้อมูล โดยครอบคลุมตั้งแต่ตรวจพบ“ภำวะไตวำย เรื้อรังในผู้ป่วยเบำหวำน” ระยะที่ 3 จนถึงกำรติดตำมดูแลต่อเนื่อง ประชากรที่ศึกษา 1. บุคลำกรที่เกี่ยวข้องกับระบบเฝ้ำระวังโรคเบำหวำน โดยปฏิบัติงำนอยู่ที่โรงพยำบำลรำชบุรี 2. เวชระเบียนผู้ป่วยที่ได้รับกำรตรวจพบภำวะไตวำยเรื้อรัง ในผู้ป่วยเบำหวำนในระยะ 3 (จำกค่ำ eFGR< 60) ที่เข้ำรับกำรรักษำที่โรงพยำบำลรำชบุรี ตำมฐำนข้อมูลประชำกรกลำงปีพ.ศ.2562 และได้รับกำร ติดตำมรักษำ จนกระทั่งสิ้นปีงบประมำณ 2564 จ ำนวน 400 คน


299 ขั้นตอนในการศึกษา 1. เตรียมกำรก่อนลงพื้นที่ 2. สัมภำษณ์ผู้รับผิดชอบและผู้เกี่ยวข้องในกำรลงข้อมูลระบบเฝ้ำระวังโรคเบำหวำนที่มีภำวะไตวำย ระยะ 3 ร่วม และแผนผังกำรไหลเวียนข้อมูล 3. วิเครำะห์ข้อมูลผู้ป่วยเบำหวำนที่มีภำวะไตวำยระยะ 3 ร่วม 4. ปรับเปลี่ยนวิธีกำรลงข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งเดิมเจ้ำหน้ำที่เวชสถิติลงรหัส ICD10 ตำมกำรวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงกำรวินิจฉัยและระยะไตวำยเรื้อรังระยะที่ 3 ใน เวชระเบียน เนื่องจำกกำรรักษำไม่ค่อยแตกต่ำงกับผู้ป่วยเบำหวำนที่ไม่มีภำวะไตวำยเรื้อรังร่วม ดังนั้นจึงได้ ปรับเปลี่ยนกำรลงข้อมูล โดยพยำบำลประจ ำคลินิกเบำหวำนเป็นคนลงรหัส ICD10 ระยะไตวำยเรื้อรังระยะ 3 ในเวชระเบียน ดังนี้ การศึกษาขั้นตอนการรายงานผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะไตวายร่วม และการไหลเวียนของข้อมูล ผลการสัมภาษณ์/ผลการศึกษา (เดิม) ผลการสัมภาษณ์/ผลการศึกษา (ใหม่) 1. ผู้ป่วยเบำหวำนที่มำคลินิกจะได้รับกำรตรวจหำค่ำ eFGR ทุกรำย 2. lab จะลงผลในโปรแกรม HOSxP 3. เจ้ำหน้ำที่เวชระเบียน ท ำกำรลงรหัสโรค (ICD10) ใน HOSxP ตำมแพทย์วินิจฉัยในเวชระเบียน หลัง แพทย์ตรวจเสร็จ 1. ผู้ป่วยเบำหวำนที่มำคลินิกจะได้รับกำรตรวจหำค่ำ eFGR ทุกรำย และลงรหัส ICD10 ผลระยะของไต วำย ในเวชระเบียนทุกรำย 2. lab จะลงผลในโปรแกรม HOSxP 3. เจ้ำหน้ำที่เวชระเบียนท ำกำรลงรหัสโรค (ICD10) ใน HOSxP หลังแพทย์ตรวจเสร็จ โดยดูรหัส ICD 10 จำกเจ้ำหน้ำที่คลินิกเบำหวำน และกำรวินิจฉัยของ แพทย์


300 แผนผังการไหลเวียนของข้อมูล (Flow of data/ Data flow diagram) ผลการศึกษา ตาราง ศึกษำเชิงปริมำณผู้ป่วยเบำหวำนที่มีภำวะไตวำยระยะ 3 ร่วมด้วย จ ำนวน 400 รำย พบว่ำ ตัวแปร จ านวน (คน) ก่อน ร้อยละ จ านวน (คน) หลัง ร้อยละ ได้รับกำรวินิจฉัยโรคไตวำยเรื้อรัง ลงในเวชระเบียน 152 38.00 396 99.00 ได้รับกำรวินิจฉัยโรคไตวำยเรื้อรังในฐำนข้อมูล HOSx 43 10.75 374 93.50 มีกำรระบุ ระยะของโรคไตวำย (stage) ในเวชระเบียน 73 18.25 396 99.00 มีกำรระบุ ระยะของโรคไตวำย (stage) ในฐำนข้อมูล HOSxP 14 3.50 374 93.50 -Register lab / การตรวจ ผู้ป่วยมำตรวจ OPD (ห้องเวชระเบียน) เจาะเลือดตรวจ Creatinin เพื่อ หาค่า eGFR ห้องให้ควำมรู้โรคเบำหวำน (พยำบำลประจ ำ) ห้องตรวจแพทย์ -ลงข้อมูลบุคคล (person) -ลงตรวจคลินิกพิเศษ -ตรวจสอบแฟ้ม Chronic -ลงผล lab ในโปรแกรม LIS ระบบ HOSxP -ลงผลกำร screening ในHOSxP (BP,BW,ส่วนสูง ) -ลงผล lab ในเวชระเบียน -สั่งตรวจ lab ครั้งหน้ำให้กับผู้ป่วย **ลงรหัสICD10 (ระบุระยะCKD) ใน เวชระเบียนตามผล eGFR ที่ ตรวจพบ (เพิ่มเติม) แพทย์ลงวินิจฉัยใน เวชระเบียน จนท.เวชระเบียนลงวินิจฉัย (รหัสโรค) ในระบบ HOSxP Link


301 จำกตำรำง พบว่ำ กลุ่มตัวอย่ำง โดยคัดเลือกจำกผล eGFR ที่มีค่ำระหว่ำง 30-59 มล./นำที/1.73 ตำรำงเมตรจ ำนวน 400 คน จำกโปรแกรม HOSxP และมำค้นประวัติในเวชระเบียน พบว่ำก่อนศึกษำได้รับ กำรลงวินิจฉัยโรคไตวำยเรื้อรัง(CKD) ลงในเวชระเบียนและในHOSxP ร้อยละ 38.00,10.75 ตำมล ำดับ และ มีกำรระบุ ระยะของโรคไตวำย (stage) ในเวชระเบียนและในฐำนข้อมูล HOSxP ร้อยละ18.25,3.50 ตำมล ำดับ หลังจำกพัฒนำโดยให้พยำบำลประจ ำคลินิกลงรหัสโรค ICD10 ในเวชระเบียน พบว่ำกำรลงรหัส โรคในเวชระเบียนและในฐำนข้อมูล HOSxP เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 99.00,93.50 ตำมล ำดับ ในด้ำนกำรดูแลป้องกันและควบคุมโรคไตวำยเรื้อรังระยะเริ่มต้น พบว่ำผู้ป่วยไตวำยเรื้อรังระยะ 3B ได้รับกำรดูแลส่งต่อไปรักษำอย่ำงเหมำะสมกับแพทย์อำยุรกรรม ร้อยละ 98.60 และได้รับกำรเข้ำคลินิกโรคไต เรื้อรังในชุมชน(รพ.สต.) ร้อยละ 100.00 การน าไปใช้ประโยชน์และข้อเสนอแนะ 1. สำมำรถน ำแนวทำงไปใช้กับเก็บข้อมูลโรคอื่นๆได้ เพื่อควำมครบถ้วนของข้อมูล 2. สำมำรถน ำไปวำงแผนงำนเพื่อพัฒนำงำนกำรดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังต่อไปได้ 3. ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น ควรได้รับกำรดูแลอย่ำงรวดเร็วเพื่อชะลอควำมเสื่อมของไต ดังนั้น ควรให้ควำมส ำคัญกับกำรคัดกรอง กำรเก็บข้อมูล กำรลงกำรวินิจฉับ และกำรรำยงำนโรค เพื่อน ำมำเฝ้ำระวัง โรคอย่ำงทันท่วงที เอกสารอ้างอิง สมำคมโรคไตแห่งประเทศไทย.แนวทำงกำรคัดกรองและดูแลรักษำภำวะแทรกซ้อนทำงไตในผู้ป่วย เบำหวำนและควำมดันโลหิตสูง. พิมพ์ครั้งที่2.กรุงเทพมหำนคร ; 2563. https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/461


302 การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยโควิด-19 โดยการแยกกักตัวที่บ้าน แบบ Home Isolation อัจฉรำภรณ์ ใจกล้ำ, ดวงดำว ปิงสุแสน, พันธนำ เฟื่องฟู, ปำลิดำ จันต๊ะคำด, วันวิสำข์ ศิริเพิ่มสิน, ปิยะวรรณ ทิพละ, อิทธิเดช อินทะรังสี กลุ่มกำรพยำบำลชุมชน โรงพยำบำลเชียงค ำ ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ ในช่วงปลำยปี พ.ศ. 2564 พบกำรระบำดของโควิด-19 สำยพันธุ์ Omicron แพร่ระบำด พบว่ำ อำกำรของผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่มีอำกำรไม่รุนแรง อำจไม่จ ำเป็นต้องได้รับกำรดูแลรักษำแบบผู้ป่วยในของ โรงพยำบำล จำกสถำนกำรณ์กำรระบำดครั้งแรกของอ ำเภอเชียงค ำเป็นนักเรียนหอพักห้องยำคริสเตียนจ ำนวน 31 คน และผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนไม่สำมำรถรองรับในโรงพยำบำลแบบผู้ป่วยในได้ กลุ่มงำนกำรพยำบำล ชุมชนได้รับมอบหมำยให้ดูแลผู้ป่วยโควิด19โดยกำรแยกกักตัวที่บ้ำน แบบ Home Isolation เพื่อดูแลผู้ป่วย นับตั้งแต่วันที่เริ่มป่วย หรือตรวจพบเชื้อ โดยให้มีกำรบันทึกข้อมูลทำงกำรพยำบำล จัดท ำทะเบียน สอบถำม อำกำร จัดจ่ำยยำและอุปกรณ์ ติดตำมกำรรักษำผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้ำน สรุปจ ำนวนผู้ป่วยรำยวัน และส่งต่อ ผู้ป่วยที่มีอำกำรผิดปกติ เป็นเวลำ 10 วัน รวมทั้งรับผู้ป่วยรำยใหม่จำก ARI Clinic รับย้ำยจำก cohort และ กำรให้ค ำปรึกษำกับเจ้ำหน้ำที่ รพสต.เครือข่ำยบริกำรสุขภำพเชียงค ำ โดยให้บริกำรผู้ป่วยรำยใหม่ เฉลี่ย 31 คน/วัน และติดตำมกำรรักษำผู้ป่วยรำยเก่ำ เฉลี่ย 300–400 คน/วัน ซึ่งทำงกลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชนต้องมี กำรบริหำรจัดกำรและแก้ไขปัญหำเป็นรำยวันเพื่อลดกำรเกิดข้อผิดพลำดในกำรบันทึกข้อมูล ซึ่งจำกเดิมมีกำร บันทึกในระบบ โปรแกรมHos XP แต่ยังไม่สำมำรถออกเอกสำรแบบบันทึกได้ส่งผลให้เจ้ำหน้ำที่ต้องท ำกำร บันทึกด้วยมือ เป็นกำรเพิ่มภำระงำน รวมทั้งกำรติดตำมอำกำรผู้ป่วยที่ขำดควำมต่อเนื่อง จึงมีกำรประสำนงำน ศูนย์คอมพิวเตอร์ของโรงพยำบำลด ำเนินกำรเชื่อมโยงระบบข้อมูลผู้ป่วยในโปรแกรม Hos XP และพัฒนำ ระบบส่งข้อมูลของผู้ป่วยผ่ำน Line Application เชื่อมต่อกับโปรแกรมHos XP เพื่อออกแบบบันทึกข้อมูล ลด ภำระงำนของเจ้ำหน้ำและสำมำรถติดตำมผู้ป่วยผ่ำนหน้ำจอคอมพิวเตอร์ได้ ส่วนกำรที่ผู้ป่วยได้รับยำล่ำช้ำ กำร ส่งยำไม่ตรงตำมที่อยู่ ได้มีกำรจัดประชุมชี้แจงร่วมหำแนวทำงในกำรบริหำรจัดกำรระบบยำร่วมกับทีมดูแล เพื่อให้ผู้ป่วยได้ยำ ตรงคนตรงที่อยู่ มีกำรตรวจสอบและยืนยันที่อยู่ในกำรรับผู้ป่วยครั้งแรกและให้อสม. ด ำเนินกำรส่งยำได้ตรงคน ตรงที่อยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้น ำมำสู่กำรพัฒนำระบบบริกำรร่วมกันระหว่ำงทีมใน โรงพยำบำลและทีมเจ้ำหน้ำที่โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพซึ่งบุคคลที่ส ำคัญคือ อำสำสมัครสำธำรณสุขประจ ำ หมู่บ้ำน:อสม. ในชุมชนที่ร่วมกันท ำงำน เกิดกำรบูรณำกำร กำรท ำงำนโดยมีกำรบันทึกข้อมูลแบบ electronic file ,กำรกระจำยผู้ป่วยลง รพสต.โดยใช้ระบบหมอครอบครัวในกำรติดตำมอำกำรผู้ป่วย ,กำรจัดส่งยำและ เวชภัณฑ์ ให้ทันเวลำโดยกำรเพิ่มจุดกระจำยยำใน รพสต.โดยให้รถโรงพยำบำลน ำส่งยำไปยังจุดกระจำยยำ วัน ละ ๒ รอบคือก่อนเที่ยงและตอนสี่โมงเย็นของทุกวันไม่เว้นวันหยุดรำชกำร,ระบบกำรติดตำมผู้ป่วยโดยใช้ Application ของโรงพยำบำล / line group เพื่อให้กำรด ำเนินงำนในกำรดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยกำรแยกกัก ตัวที่บ้ำนแบบ Home Isolationเป็นไปอย่ำงมีคุณภำพ และ มีประสิทธิภำพ ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับกำรดูแลแบบ


303 แยกกักตัวที่บ้ำน เกิดควำมพึงพอใจ ไม่มีข้อร้องเรียนตำมมำและผู้ป่วยได้รับยำรักษำอย่ำงทันที ลดโอกำสเกิด ภำวะแทรกซ้อนของโรคได้ เป้าหมาย 1. ผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับกำรดูแลตำมมำตรฐำนได้ครอบคลุมร้อยละ 85.0 2. ผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับยำทันเวลำภำยใน 24 ชั่วโมง 3. ผู้ป่วยโควิด-19ที่ได้รับกำรดูแลแบบ Home Isolationมีอัตรำตำยน้อยกว่ำ ร้อยละ 0.5 4. ผู้ป่วยโควิด-19ที่ได้รับกำรดูแลแบบ Home Isolation มีระดับควำมพึ่งพอใจมำกกว่ำ 4 ร้อยละ 85.0 กิจกรรมการพัฒนา (process): โดยระบุ โดยใช้แนวทำงกำรบริหำรที่มีประสิทธิภำพ PDCA : P (Plan) กำรวำงแผน D (Do) กำรลงมือ ปฏิบัติC (Check) กำรตรวจสอบ และ A (Action) ด ำเนินกำรปรับปรุงแก้ไขส่วนที่มีปัญหำ มำประยุกต์ใช้ใน กำรด ำเนินงำนเพื่อพัฒนำระบบบริกำร ขั้นที่1 การวางแผน (Planning) 1. ศึกษำแนวทำงเกณฑ์กำรดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยกำรแยกกักตัวที่บ้ำนแบบ Home Isolation ของกรมกำรแพทย์และนโยบำยของกระทรวงสำธำรณสุข 2. ประชุมทีมด ำเนินงำนประกอบด้วย ผู้บริหำร แพทย์ พยำบำลในโรงพยำบำลและ รพ.สต. เภสัชกร และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมวำงรูปแบบกำรด ำเนินงำนระบบบริกำรผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นที่2 การปฏิบัติตามแผน (Do) กำรด ำเนินงำนเชิงรับ : ตำมนโยบำยกระทรวงสำธำรณสุข 1. สนองนโยบำยและรับนโยบำยจำกผู้บริหำร กำรดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยกำรแยกกักตัวที่บ้ำน แบบ Home Isolation ตำมเกณฑ์กำรรับเข้ำของกรมกำรแพทย์ และตำมข้อบ่งชี้ขององค์กรแพทย์ โรงพยำบำลเชียงค ำ 2. ระบบบริกำรผู้ป่วยโควิด-19 ตำมแนวทำงกำรรักษำ โดยมีกำร 2.1. กำรรับผู้ป่วย ทำงรพ.สต.จะส่งรำยชื่อผู้ป่วยที่มี ATK Positive ให้กับกลุ่มงำนกำร พยำบำลชุมชน จะโทรศัพท์สอบถำมอำกำรเพื่อประเมินอำกำร และ ปรึกษำแพทย์เวชศำสตร์ครอบครัวเพื่อสั่ง จ่ำยยำตำมข้อบ่งชี้ รวมทั้งจัดท ำแฟ้มประวัติ ทะเบียนผู้ป่วยรำยใหม่ประจ ำวันและวันที่ครบก ำหนดกำรรักษำ กำรเตรียมอุปกรณ์ส ำหรับดูแลตัวเองที่บ้ำน กำรบันทึกข้อมูลในระบบโปรแกรม Hos- XP 2.2. จัด แจก ยำ โดยเจ้ำหน้ำที่กลุ่มกำรพยำบำลชุมชน พร้อมทั้งน ำส่งยำให้กับแต่ละ รพ.สต. เมื่อผู้ป่วยจ ำนวนมำกขึ้น ให้เจ้ำหน้ำที่ รพ.สต.มำรับยำเอง 2.3. ติดตำมอำกำรผู้ป่วยทำงไลน์ และทำงโทรศัพท์ ถ้ำมีอำกำรผิดปกติรำยงำนแพทย์ทรำบ เพื่อประสำนรถรับเข้ำมำรับกำรรักษำที่ Cohort


304 3. กำรประสำนส่งต่อ ผู้ป่วยกลับบ้ำนจำก Cohort โดยขอควำมร่วมมือจำกทำงท้องถิ่นและ ท้องที่ในกำรมำรับผู้ป่วยกลับไปกักตัวต่อที่บ้ำนและมีกำรเตรียมควำมพร้อมที่บ้ำนและให้ค ำแนะน ำในกำร ป้องกันกำรแพร่กระจำยเชื้อในชุมชน ขั้นที่ 3 การตรวจสอบ (Check) ผลจำกกำรติดตำมระบบกำรบริกำรผู้ป่วยโควิด-19 ในครั้งแรก พบว่ำ ระบบกำรบันทึกข้อมูลมีควำมผิดพลำด ใช้ระบบกำรเขียนด้วยมือ มีกำรส่งยำล่ำช้ำ ส่งยำผิด รพ.สต. ระบบกำรติดตำมล่ำช้ำ อุปกรณ์ไม่เอื้อต่อกำรติดตำม เจ้ำหน้ำที่เหนื่อยล้ำจำกกำรท ำงำน(จนท.ในกลุ่มงำนมี ทั้งหมด 7 คน รวมผู้ช่วยเหลือคนไข้) ขั้นที่4การปรับปรุงแก้ไข (Act) จำกผลกำรด ำเนินงำน วันที่ 3 เดือน กุมภำพันธ์- วันที่ 28 เดือน กุมภำพันธ์พ.ศ.2565 พบว่ำ 1. มีกำรแบ่งอัตรำก ำลังโดย แบ่งหน้ำที่ควำมรับผิดชอบให้แต่ละคน ในกำรรับใหม่ จ ำหน่ำย กำร บันทึกข้อมูลในระบบโปรแกรมHos-XP กำรจัดท ำทะเบียนและสรุปประจ ำวัน กำรจัดยำและกำรส่งยำ รวมถึง กำรติดตำมผู้ป่วยผ่ำนทำงapplication และต้องเปิด–ปิด visit ทุกวันเฉลี่ยวันละ 200-300 รำย 2. กลุ่มงำนเภสัชกรรม ได้จัดท ำไฟล์ Excel ในกำรเบิก-จ่ำยยำ ในไลน์กลุ่ม เบิกยำ HI(Home Isolation) รพ.สต. กิจกรรมการพัฒนาระยะที่2 เดือน วันที่ 3 เดือน ถึง เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2565 มีกำรปรับเปลี่ยนนโยบำยกำรดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ตำมสิทธิกำรรักษำ และกระจำยผู้ป่วยสิทธิกำร รักษำด้วยหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ(UC ) ไป รพ.สต. ขั้นที่1 การวางแผน (Planning) 1. ประชุมทีมเครือข่ำยบริกำรเชียงค ำ เพื่อรับผู้ป่วยโควิด-19 ดูแลต่อเนื่องที่ รพ.สต. 2. ประชุมทีมดูแลระบบบริกำรโรงพยำบำลเชียงค ำ ขั้นที่2 การปฏิบัติตามแผน (Do) 1. กำรพัฒนำระบบกำรบริกำร เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 เข้ำถึงบริกำรได้อย่ำงรวดเร็ว มีกำรปรับ ระบบบริกำร โดยใช้ระบบบริกำรหมอครอบครัว (3 หมอ) 2. ระบบกำรบันทึกข้อมูลในโปรแกรม Hos-Xp และกำรติดตำมจ ำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ใน http://203.157.95.202/cohort_monitor/ 3. ระบบกำรติดตำม ใช้ระบบ โอเพนแชต และ ติดตำมอำกำรผู้ป่วยรำยวันผ่ำนจอ monitor และติดตำมอำกำรในวันที่ 3 และ วันที่ 7 โดยพยำบำล 4. ระบบยำและเวชภัณฑ์ มีทีมเภสัชกรดูแล ให้ส่งข้อมูลในกำรเบิกยำ ช่วงเช้ำ ก่อนเวลำ 11.00 น. และช่วงบ่ำย ก่อนเวลำ 15.00 น. 5. ระบบกำรขนส่งยำและเวชภัณฑ์ มีกำรน ำส่งให้กับ รพ.สต. 2 รอบ ส่ง 4 จุด


305 ขั้นที่3 การตรวจสอบ (Check) 1. พยำบำลมีเวลำในกำรติดตำมอำกำรผู้ป่วยโควิด ในวันที่ 3 และวันที่ 7 ของกำรรักษำและ สำมำรถส่งต่อผู้ป่วยที่มีอำกำรเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลำ 2. ผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับยำทันเวลำ กำรจ่ำยยำผิดพลำดและไม่ถูกที่อยู่ มีแนวโน้มลดลง ขั้นที่ 4 กำรปรับปรุงแก้ไข (Act) จำกผลกำรพัฒนำระบบบริกำรพบว่ำผู้ป่วยโควิด-19 มีควำมพึงพอใจ ในกำรเข้ำรับบริกำร และได้ เพิ่มจุดกระจำยยำและเวชภัณฑ์ เป็น 6 จุด ในพื้นที่อ ำเภอเชียงค ำ การประเมินผลการเปลี่ยนแปลง (performance): โดยระบุ หลังจำกมีกำรพัฒนำระบบบริกำรผู้ป่วยโควิด-19 โดยกำรแยกกักตัวที่บ้ำน แบบ Home Isolation อยู่ในเขตอ ำเภอเชียงค ำ มีจ ำนวนทั้งหมด 14,175 รำย พบว่ำระบบกำรจัดส่งยำและเวชภัณฑ์ ไม่ครบ 2 รำย และล่ำช้ำ 3 รำย คิดเป็นร้อยละ 0.03 ปัญหำที่พบเกิดจำกที่อยู่จริงของผู้ป่วยไม่ตรงกับที่อยู่ในทะเบียนข้อมูล ของโรงพยำบำล ท ำให้กำรส่งยำล่ำช้ำ จึงมีกำรปรับระบบกำรส่งยำอีกครั้งเพื่อให้ตอบสนองควำมต้องกำรของ ผู้ป่วย โดยเชื่อมโยงระบบ 3 หมอในกำรดูแลผู้ป่วยในชุมชนมีกำรประสำนและสื่อสำรกันอย่ำงรวดเร็ว จำกกำร ปรับระบบกำรส่งยำท ำให้ควำมพึงพอใจของผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ร้อยละของควำมล่ำช้ำในกำรรับยำเป็นศูนย์ ส่วน ควำมสมบูรณ์ของระบบบันทึกข้อมูลยังต้องมีกำรพัฒนำอย่ำงต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับตรวจสอบข้อมูล บทเรียนที่ได้รับ: เขียนบทเรียนที่ได้รับในลักษณะของ bullet ในประเด็นต่อไปนี้ กำรระบำดของผู้ป่วยโควิด-19 ในเขตพื้นที่อ ำเภอเชียงค ำ เป็นกำรระบำดที่จะต้องรับมือกับสิ่งที่ไม่ คำดคิดมำก่อน ท ำให้ทีมต้องมีกำรปรับตัวอย่ำงรวดเร็ว พัฒนำ ปรับปรุง และน ำไปใช้ เกิดกำรเรียนรู้สิ่งใหม่ ทดแทน มีกำรพัฒนำระบบสำรสนเทศ น ำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มำใช้และมีกำรตอบรับพร้อมเรียนรู้ เทคโนโลยี ใหม่ ๆ เป็นอย่ำงดี สมาชิกทีม 1. นำงสำวอัจฉรำภรณ์ ใจกล้ำ พยำบำลวิชำชีพช ำนำญกำร รพ.เชียงค ำ เบอร์ติดต่อ 086-186-1893 2. นำงดวงดำว ปิงสุแสน พยำบำลวิชำช ำนำญกำรพิเศษ รพ.เชียงค ำ เบอร์ติดต่อ 091-858-7446 เมล [email protected] 3. นำงพันธนำ เฟื่องฟู พยำบำลวิชำชีพช ำนำญกำร รพ.เชียงค ำ เบอร์ติดต่อ 087-130-0952 4. นำงปำลิดำ จันต๊ะคำด พยำบำลวิชำชีพช ำนำญกำร รพ.เชียงค ำ เบอร์ติดต่อ 064-931-4579 5. นำงสำววันวิสำข์ ศิริเพิ่มสิน พยำบำลวิชำชีพช ำนำญกำร รพ.เชียงค ำ เบอร์ติดต่อ 061-423-5161 6. นำงสำวปิยะวรรณ ทิพละ พยำบำลวิชำชีพช ำนำญกำร รพ.เชียงค ำ เบอร์ติดต่อ 7. นำยอิทธิเดช อินทะรังสี พนักงำนช่วยเหลือคนไข้ รพ.เชียงค ำ เบอร์ติดต่อ 065-996-5562


306 “community Nursing Round” in Palliative care Home ward” มณีรัตน์ ปัจจะวงษ์, จันทร์สว่ำง มำเนียม, ปัณฑำรีย์ วงศ์ตั้งตน, ภัคชุดำ บ่อค ำเกิด โรงพยำบำลอุดรธำนี ความเป็นมา/หลักการและเหตุผล ด้วยควำมก้ำวหน้ำของเทคโนโลยีทำงกำรแพทย์ ส่งผลให้ผู้คนมีอำยุยืนมำกขึ้น แต่ในท้ำยที่สุดแล้วทุกคน ก็ต้องมีควำมเสื่อมของร่ำงกำยและเข้ำสู่วำระสุดท้ำยของชีวิตเช่นเดียวกัน ปัจจุบันได้มีกำรยอมรับแนวทำงกำรเตรียม ควำมพร้อมก่อนตำย หรือกำรดูแลแบบประคับประคอง/กำรดูแลผู้ป่วยในระยะท้ำยมำกขึ้น จำกกำรสอบถำมถึงควำม ต้องกำรในช่วงสุดท้ำยของชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักต้องกำรมีคุณภำพชีวิตที่ดีที่สุดจนถึงวำระสุดท้ำยของชีวิต นั่นคือ ไม่อยำกทรมำน อยำกนอนหลับแล้วเสียชีวิตไปเลย ไม่อยำกเป็นภำระให้คนรอบข้ำง1 หรือต้องกำรกลับไปอยู่บ้ำน หรือในสถำนที่ที่ตนเองคุ้นเคย อยู่กับคนที่ตนรักหรือคนในครอบครัว ไม่ต้องกำรเสียชีวิตอย่ำงโดดเดี่ยว เป็นต้น ซึ่ง นั่นก็คือควำมหมำยของ “กำรตำยดี” 2 นั่นเอง ในสถำนกำรณ์ที่มีกำรระบำดของโรค Covid–19ตั้งแต่ต้นปีพ.ศ.2563 เป็นต้นมำ สถำนบริกำรทุกแห่ง ต้องจัดบริกำรโดยยึดหลัก New Normal โรงพยำบำลอุดรธำนี จึงมีมำตรกำรจ ำกัดจ ำนวนผู้ดูแลในระบบผู้ป่วยใน ท ำให้ญำติเป็นห่วงและกังวลว่ำผู้ป่วยจะเกิดควำมรู้สึกกลัว เหงำ และมีภำวะซึมเศร้ำ รวมทั้งอำจไม่ได้รับดูแลอย่ำง เต็มที่ อีกทั้งกำรนอนอยู่โรงพยำบำลยังมีควำมเสี่ยงต่อกำรติดเชื้อ covid-19 ได้ง่ำยกว่ำอยู่บ้ำน ซึ่งในช่วงเวลำ ดังกล่ำว ผู้ป่วยหลำยรำยมักขอกลับบ้ำนแม้ว่ำอำกำรยังไม่หำยดี รวมทั้งผู้ป่วยที่อำกำรหนักควรได้รักษำตัวที่ โรงพยำบำล ผู้ป่วยระยะท้ำย ผู้ป่วยที่ต้องกำรกำรดูแลแบบประคับประคองหลำยกลุ่มโรค ส่งผลให้มีผู้ป่วยในระบบ home ward จ ำนวนมำกขึ้น จำกสถิติกำรส่งข้อมูลผู้ป่วยระยะท้ำย เข้ำระบบ โปรแกรมกำรดูแลต่อเนื่อง smart coc จ.อุดรธำนีในปี งบประมำณ 2563–2565 มีจ ำนวน 342, 491 และ 531 (9 เดือน)รำย ตำมล ำดับ จะเห็นได้ว่ำ จ ำนวนผู้ป่วยระยะท้ำยที่เข้ำสู่ระบบกำรดูแลแบบประคับประคองที่บ้ำนมีเพิ่มมำกขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยบำงรำยต้องมี อุปกรณ์ต่ำงๆติดตัวกลับบ้ำนด้วย เช่น เครื่องช่วยหำยใจที่บ้ำน(Home Ventilator),คำท่อช่วยหำยใจ, syring driver, เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องดูดเสมหะ เป็นต้น บำงรำยญำติต้องได้ท ำกิจกรรมต่ำงๆที่ไม่เคยท ำ เช่น กำรให้อำหำร ทำงสำยยำง กำรดูดเสมหะ กำรดูแลสำยสวนปัสสำวะ กำรดูแลสำย PTBD กำรดูแลกำรให้ยำมอร์ฟีนเพื่อบรรเทำ อำกำรปวดและอำกำรหอบเหนื่อย กำรท ำแผลต่ำงๆ เป็นต้น แต่พบว่ำในช่วงเวลำดังกล่ำวที่ญำติไม่สำมำรถเข้ำเยี่ยม ผู้ป่วยในได้ จึงเป็นข้อจ ำกัดในกำรวำงแผนจ ำหน่ำย ท ำให้ญำติ/ผู้ดูแลไม่พร้อมในกำรดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องที่บ้ำน เมื่อ พยำบำลชุมชนออกไปเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้ำนมักพบปัญหำว่ำญำติดูแลผู้ป่วยไม่ถูกต้อง บำงรำยเกิดภำวะแทรกซ้อน เช่น แผลติดเชื้อ ปอดบวม ผู้ป่วยและญำติมีควำมเข้ำใจเรื่องกำรใช้ยำมอร์ฟีนไม่ถูกต้อง ผู้ป่วยระยะสุดท้ำยบำงรำยต้อง เสียชีวิตโดยไม่ได้รับกำรจัดกำรอำกำรรบกวนที่เหมำะสมถึงแม้จะได้จำกไปท่ำมกลำงญำติพี่น้องหรือคนที่รักก็ตำม ซึ่ง นั่นถือว่ำยังไม่ครบองค์ประกอบของกำร “ตำยดี” ตำมที่ผู้ป่วยและญำติต้องกำร กลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชน โรงพยำบำลอุดรธำนี รับผิดชอบดูแลระบบเยี่ยมบ้ำนในเขตอ.เมืองอุดรธำนี ครอบคลุมทั้งหมด 20 ต ำบล มีผู้ป่วยระยะท้ำย (End of life) ที่ต้องกลับไปอยู่ที่บ้ำน เฉลี่ย เดือนละ 35 รำย เกือบ ทุกรำยจะเป็นเคสที่มีควำมจ ำเป็นต้องใช้ยำมอร์ฟีนทำงผิวหนังเพื่อจัดกำรอำกำรปวดและหอบเหนื่อยในวำระสุดท้ำย ของชีวิต ซึ่งจ ำเป็นต้องมีเจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุขไปติดตำมดูแลต่อเนื่อง แต่ในช่วงสถำนกำรณ์ของโรคโควิดที่มีกำรแพร่


307 ระบำดอย่ำงเป็นวงกว้ำง ท ำให้เจ้ำหน้ำที่รพ.สต. ทุกแห่งต้องมีภำระหน้ำที่ในกำรจัดระบบกำรดูแลผู้ป่วยโควิดที่ต้อง กักตัวที่บ้ำน (Home Isolation) ท ำให้กำรดูแลผู้ป่วยระยะท้ำยไม่ทั่วถึง ผู้ป่วยบำงรำยเสียชีวิตก่อนที่เจ้ำหน้ำที่รพ. สต.จะออกไปเยี่ยมบ้ำน ท ำให้เกิดภำพของกำรตำยอย่ำงไม่สมศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์เท่ำที่ควร เนื่องจำกผู้ป่วยไม่ได้ รับกำรจัดกำรอำกำรรบกวนหรือกำรไม่สุขสบำย ดังนั้นพยำบำลเยี่ยมบ้ำนโรงพยำบำลอุดรซึ่งเป็นหน่วยงำนที่ monitor ระบบ coc ทั้งอ ำเภอ จึงได้หำวิธีที่จะมีระบบกำรติดตำมอำกำรของผู้ป่วยที่มีอำกำรหนัก โดยเฉพำะผู้ป่วย ระยะท้ำยของชีวิต(end of life) จึงได้เกิดแนวคิดเรื่องกำร Round ward at home ขึ้นมำ เพรำะ ผู้ป่วยระยะสุดท้ำย ของชีวิต จะมีอำกำรเปลี่ยนแปลงตลอด และต้องคอยติดตำมอำกำรแบบวันต่อวันไปเรื่อยๆจนกว่ำจะเสียชีวิต ซึ่ง พยำบำลเยี่ยมบ้ำนได้น ำแนวคิดดังกล่ำวไปหำรือกับสหสำขำวิชำชีพ เพื่อออกเยี่ยมบ้ำนร่วมกัน แต่เนื่องจำกจ ำนวนเค สมีมำก บำงวันมีเคสสะสมที่ต้องเยี่ยมหลำยเคส ทีมสหสำขำสำมำรถเยี่ยมบ้ำนได้แค่ช่วงบ่ำย วันละ 1-2 รำย เท่ำนั้น ดังนั้นเพื่อให้เกิดควำมคล่องตัวในกำรปฏิบัติงำน และสำมำรถติดตำมดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำยของชีวิตได้อย่ำงทั่วถึง จึงได้เกิดแนวคิดกำรท ำระบบ Community Nursing round at home ward ขึ้นมำ และในเบื้องต้นได้พิจำรณำเคส End of life ที่มีคะแนน pps 10-30 และได้รับยำมอร์ฟีนทำงผิวหนัง เนื่องจำกผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะเสียชีวิตหลังออก จำกโรงพยำบำลไม่นำน วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนำรูปแบบกำรติดตำมดูแลผู้ป่วยอย่ำงต่อเนื่อง ใน ระบบ Home ward โดยใช้รูปแบบ กำรท ำ Community Nursing round at home ward (in Palliative care) 2. เพื่อ ให้ผู้ป่วย ระยะสุดท้ำย ได้รับกำรดูแลที่เหมำะสม ต่อเนื่อง ทันเวลำและครอบคลุม 3. เพื่อให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ำยและครอบครัวใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ำยอย่ำงมีคุณค่ำและมีควำมหมำย ของ กำรตำยดี ทบทวนวรรณกรรม ผู้ศึกษำได้ทบทวนวรรณกรรมในประเด็นต่ำงๆที่เกี่ยวข้องดังนี้ 1. ระบบ home ward แนวคิดเกี่ยวกับกำรเยี่ยมบ้ำน และกำรดูแลต่อเนื่องที่บ้ำน รวมทั้งกำรฝึก ทักษะกำรพยำบำลที่จ ำเป็นและพบบ่อย ให้แก่พยำบำลเยี่ยมบ้ำน 2. กำรทบทวนวรรณ ที่เกี่ยวกับแนวคิดกำรดูแลผู้ป่วย palliative care ดังนี้ 2.1 หลักกำร/แนวคิดกำรดูแลแบบประคับประคองและกำรดูแลระยะสุดท้ำยของชีวิต 2.2 ควำมหมำยของกำรตำยดีได้แก่ - ไม่ทุกข์ทรมำนทั้งทำงกำยและใจโดยไม่จ ำเป็น ซึ่งพยำบำลเยี่ยมบ้ำนควรมีทักษะกำรจัดกำ อำกำรรบกวนต่ำงๆทั้งแบบ pharmacy และ non pharmacy - กำรเตรียมตัวของผู้ป่วยและญำติให้พร้อมส ำหรับกำรตำยดี เช่น ควำมเข้ำใจเรื่องโรคและ กำรด ำเนินโรค ซึ่งพยำบำลเยี่ยมบ้ำนควรมีทักษะเรื่องกำรท ำ Advance care plan


308 - กำรตอบสนองควำมต้องกำรทำงจิตวิญญำณควำมเชื่อของผู้ป่วยและญำติจะช่วยให้ผู้ป่วย และญำติมีสิ่งยึดเหนี่ยวและก้ำวผ่ำนช่วงเวลำที่ยำกล ำบำกไปได้ ซึ่งพยำบำลเยี่ยมบ้ำนต้องมีทักษะในกำร สื่อสำร และเข้ำใจ/เปิดใจในหลักของศำสนำต่ำงๆ และเรื่องของจิตวิญญำณ 2.3 ทบทวนแนวทำงกำรดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำย ตั้งแต่ กำรวินิจฉัยเพื่อเข้ำสู่ palliative care , กำรวำงแผนกำรรักษำที่เหมำะสมให้กับผู้ป่วยเนื่องจำกเป้ำหมำยในกำรรักษำผู้ป่วยในระยะสุดท้ำยเปลี่ยนจำก กำรรักษำให้หำยขำดเป็นกำรรักษำที่มุ่งเน้นคุณภำพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้ป่วยเป็นหลัก 2.4 ทบทวนมำตรฐำนกำรดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำย พบว่ำยังไม่มีกำรก ำหนดมำตรฐำนกำรดูแล ผู้ป่วยระยะสุดท้ำยของประเทศไทย3 แต่ผู้ศึกษำได้รวบรวมประเด็นมำตรฐำนกำรดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำยจำก ต่ำงประเทศ จึงสรุปประเด็นมำตรฐำนได้ 9 ประเด็น ดังนี้ 1. กำรประเมินปัญหำและควำมต้องกำรของผู้ป่วยระยะท้ำย (Assessment of need) 2. กำรวำงแผนกำรดูแลผู้ป่วยระยะท้ำย(developing the care plan) 3. กำรประเมินควำมพร้อมของญำติ/ผู้ดูแล ในกำรดูแลผู้ป่วยระยะท้ำย (Caring for carers) 4. กำรให้กำรพยำบำล/ดูแลผู้ป่วยระยะท้ำย (providing care) 5. กำรดูแลผู้ป่วยและครอบครัวหำกมีกำรเปลี่ยนแปลงภำยในและระหว่ำงบริกำร (Transition within and between service) 6. กำรดูแลควำมเศร้ำโศกในผู้ป่วยระยะท้ำยและครอบครัว (grief support) 7. กำรให้กำรดูแลบนพื้นฐำนทำงวัฒนธรรมของผู้ป่วยระยะท้ำยและครอบครัว(service culture) 8. กำรพัฒนำคุณภำพบริกำร(quality improvement) โดยก ำหนด kpi ในกำรท ำงำน Palliative care 9. กำรก ำหนดคุณสมบัติของพยำบำลเยี่ยมบ้ำนและกำรฝึกอบรม (staff qualification and training) วิธีการศึกษา เป็นกำรศึกษำเพื่อออกแบบระบบ Home ward ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำรดูแลต่อเนื่องที่บ้ำน โดยผู้ ศึกษำได้น ำร่องกำรวำงระบบ Community Nursing round at home ward ในกลุ่มผู้ป่วยระยะสุดท้ำยที่ จ ำเป็นต้องได้รับยำมอร์ฟีนทำงผิวหนัง ตั้งแต่เดือน กุมภำพันธ์ถึง เดือนพฤษภำคม พ.ศ.2565 กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย 1. พยำบำลวิชำชีพ ที่ปฏิบัติงำนในกล่องงำนกำรพยำบำลผู้ป่วยที่บ้ำนและในชุมชน กลุ่มงำนกำร พยำบำลชุมชน โรงพยำบำลอุดรธำนี จ ำนวน 4 คน 2. ผู้ป่วยระยะสุดท้ำยที่เข้ำสู่วำระสุดท้ำยของชีวิต(end of life) ที่มีกำรประเมินค่ำPPS score อยู่ ระหว่ำง10-30 คะแนน และได้รับกำรรักษำโดยใช้มอร์ฟีนฉีดทำงใต้ผิวหนัง โดยพิจำรณำจำกข้อมูลที่ส่งเข้ำ


309 ระบบโปรแกรม smart coc และจำกกำรประสำนงำนจำกคลินิกเมตตำรักษ์ รพ.อุดรธำนี และจำกศูนย์ ประคับประคองรพ.มะเร็งอุดรธำนี จ ำนวน 50 คน 3. ญำติ/ผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำย จ ำนวน 50 ครอบครัว/คน เครื่องมือที่ใช้ 1. โปรแกรม smart coc 2. Google form /google sheet ลงทะเบียน case COC, case palliative care และทะเบียน กำรเยี่ยมบ้ำน 3. แบบฟอร์มบันทึกกำรเยี่ยมบ้ำน(ท ำในโปรแกรม op serve ของโรงพยำบำลอุดรธำนี) 4. แบบประเมินควำมพึงพอใจในกำรเยี่ยมบ้ำนผู้ป่วยระยะสุดท้ำย(scan QR code) 5. Application official line : coc รพ.อุดรธำนี โดยมีแพทย์เวชศำสตร์ครอบครัวและพยำบำล ศูนย์ coc 2 คน เป็น admin คอยตอบค ำถำมผู้ป่วย/ญำติ ตลอด 24 ชัวโมง การด าเนินการ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมควำมพร้อม 1. ประชุมทีมเยี่ยมบ้ำน เพื่อวิเครำะห์ปัญหำ และวำงระบบกำรท ำงำน 2. เตรียมควำมพร้อมของบุคลำกรด้ำนองค์ควำมรู้ในเรื่อง palliative care โดยกำรส่งบุคลำกร ซึ่งเป็นพยำบำลเยี่ยมบ้ำน 4 คน เข้ำรับกำรอบรมหลักสูตรกำรดูแลแบบประคับประคอง (palliative care) (online) จำก รพ. ศิริรำช, ศูนย์กำรุณรักษ์ รพ.ศรีนครินทร์ มหำวิทยำลัยขอนแก่น, รพ.ศูนย์มะเร็งอุดรธำนี และหลักสูตร pcwn ของรพ.อุดรธำนี เพื่อเป็นกำรสร้ำงองค์ควำมรู้แก่ผู้ปฏิบัติงำน ให้มีทักษะและควำม ช ำนำญเฉพำะในด้ำน palliative care 3. เตรียมเอกสำร กระเป๋ำเยี่ยมบ้ำน วัสดุอุปกรณ์ในกำรเยี่ยมบ้ำน โทรศัพท์ไร้สำย tablet/Ipad ที่สำมำรถเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้สร้ำง account official line และประสำนขอรถยนต์ปิคอัพ ส ำหรับออกเยี่ยม บ้ำน 1 คันพร้อมคนขับ 4. ฝึกทักษะของพยำบำลที่จ ำเป็นต้องใช้ในกำรดูแลผู้ป่วยในแต่ละกลุ่มโรค ได้แก่ - ทักษะกำรใช้ยำ opioids, กำรให้ยำทำงผิวหนัง กำรใช้เครื่อง syring driver - ทักษะกำรดูแลแผลประเภทต่ำงๆ เช่น แผลมะเร็ง แผลกดทับขนำดใหญ่ แผลติด. เชื้อต่ำงๆ แผล osteomy เป็นต้น ขั้นตอนที่ 2 กำรจัดท ำแนวทำงกำรเยี่ยมผู้ป่วยระยะสุดท้ำยที่บ้ำน (Guideline: community Nursing Round in Palliative care Home ward) ซึ่งประกอบด้วย


310 1. กำรโทรศัพท์ติดตำมเคส PC (EOL) ทุกเช้ำ หำกผู้ป่วยเสียชีวิตก็ท ำจ ำหน่ำยออกจำกระบบ Home ward หำกผู้ป่วยยังมีชีวิตอยู่ จะสอบถำมอำกำรเบื้องต้นและปัญหำของผู้ป่วยและญำติ สอบถำม เส้นทำง และนัดหมำยเวลำออกเยี่ยมบ้ำน 2. กำรลงทะเบียนรับบริกำรแบบผู้ป่วยนอก(รหัสคลินิก 200 : เยี่ยมบ้ำน) และประสำนแจ้งรถ ออกเยี่ยมบ้ำน 3. จัดเตรียมกระเป๋ำเยี่ยมบ้ำน และเพิ่มวัสดุ อุปกรณ์ที่จ ำเป็นพิเศษส ำหรับเคสที่จะไปเยี่ยมบ้ำน (มีเช็คลิสต์รำยกำรในกระเป๋ำเยี่ยมบ้ำน) 4. กำรให้กำรพยำบำลที่บ้ำน โดยใช้กระบวนกำร nursing process ในกำรประเมินอำกำร (เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบประเมินPPS, ESAS) กำรวิเครำะห์ปัญหำ กำรวำงแผนและให้กำรพยำบำล เช่น กำร ท ำแผล(bed sore, TT, แผลมะเร็ง) กำรให้ยำมอร์ฟีนใต้ผิวหนัง และผสมยำเตรียมไว้ส ำหรับให้ญำติเปลี่ยนอีก 1 syring และกำรประเมินผลหลังให้กำรพยำบำล ซึ่งในกำรเยี่ยมบ้ำนเคส pc จะต้องเพิ่มกิจกำรกำรทบทวน advance care plan (ACP)ว่ำเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนแปลง หำกมีกำรเปลี่ยนแปลงพยำบำลเยี่ยมบ้ำนจะต้อง ท ำ ACP เพิ่ม และสุดท้ำยจะให้แผ่น QR code ให้ญำติประเมินควำมพึงพอใจหลังจำกพยำบำลกลับไปแล้ว 5. กำรลงบันทึกกำรเยี่ยมบ้ำนในแบบฟอร์มกำรเยี่ยมบ้ำน และกำรคีย์ข้อมูลในโปรแกรม OP serve, HOMC และโปรแกรม smart coc รวมทั้งลงทะเบียนเยี่ยมบ้ำนในทะเบียน home ward(google sheet) โดยเคส EOL ทุกรำย จะติดตำมทุกวันจนกว่ำผู้ป่วยจะเสียชีวิต(อำจใช้กำรโทรศัพท์ติดตำมหำกญำติ สำมำรถดูแลได้แล้ว) 6. กำรจัดกำรขยะติดเชื้อที่มำจำกบ้ำนคนไข้ กำรเติมวัสดุ อุปกรณ์ที่หยิบใช้จำกกระเป๋ำเยี่ยม บ้ำน เพื่อให้พร้อมใช้งำนต่อไป ขั้นตอนที่ 3 กำรด ำเนินกำร ใช้ระบบกำรท ำ community Nursing Round in Palliative care Home ward เยี่ยมบ้ำนผู้ป่วยระยะสุดท้ำย ตั้งแต่เดือน กุมภำพันธ์ถึง พฤษภำคม 2565 โดยมีกำรจัดตำรำง มอบหมำยงำนเวรออกเยี่ยมบ้ำนปกติกับทีมสหสำขำ(ช่วงบ่ำย) และกำรจัดเวรออกเยี่ยมบ้ำน Community Nursing round (ช่วงเช้ำ)ทุกวัน , มอบหมำยหน้ำที่คนโทรศัพท์ติดตำมเคสที่ยังไม่เสียชีวิต ทุกวัน เป็นต้น และกำรบันทึกข้อมูลสื่อสำรระหว่ำงทีมสุขภำพทำง google sheet และ line group ขั้นตอนที่ 4 กำรประเมินผลกำรด ำเนินงำน ขั้นตอนที่ 5 กำรสรุปผลกำรด ำเนินงำน ผลการศึกษา - ผู้ป่วยระยะสุดท้ำยที่ได้รับกำรเยี่ยมบ้ำนแบบ community Nursing Round at Home ward จ ำนวน 50 รำย - จ ำนวนผู้ป่วยที่ได้รับกำรจัดกำรอำกำรรบกวนที่บ้ำน 50 รำย(ร้อยละ 100.00) และพบว่ำควำม ทุกข์ทรมำนจำกอำกำรรบกวนต่ำงๆลดลงทุกรำย(ร้อยละ 100.00) โดยประเมินจำกคะแนน ESAS ก่อน-หลัง จัดกำรอำกำร


311 - จ ำนวนเคสที่มีกำรปรึกษำแพทย์และมีกำรปรับกำรรักษำ 16 รำย (ร้อยละ 32.00) - ค่ำเฉลี่ยจ ำนวนวันนอน at home ward จนกระทั่งเสียชีวิต 2.5 วัน(Min=1 วัน, Max = 160 วัน) - อัตรำกำรเกิดภำวะแทรกซ้อนที่ป้องกันได้ ร้อยละ 12.00 (6 รำย) ได้แก่ แผลกดทับ(เกิดใหม่/ ใหญ่/ลึกขึ้น/ติดเชื้อ) = 3 รำย(ร้อยละ 6.00), pneumonia/UTI = 2 รำย(ร้อยละ 4.00) , ข้อติด(เกิดใหม่) 1 รำย (ร้อยละ 2.00) -อัตรำกำร readmit หรือกลับเข้ำรับกำรรักษำในโรงพยำบำลโดยไม่ได้วำงแผน 3 รำย (ร้อยละ 6.00) - ค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำลดลงเพรำะไม่ต้องเดินทำง - ควำมพึงพอใจของผู้ป่วยและญำติต่อบริกำรที่ได้รับ มีญำติตอบแบบประเมินควำมพึงพอใจทำง ออนไลน์กลับมำ 30 รำย( อัตรำกำรตอบกลับ ร้อยละ 60.00) ระดับควำมพึงพอใจเฉลี่ย ร้อยละ 94.67 โดย จ ำแนกเป็น ควำมพึงพอใจในระดับมำกที่สุด 23 รำย(ร้อยละ 76.67) ,ควำมพึงพอใจในระดับมำก 6 รำย(ร้อย ละ 20.00) ควำมพึงพอใจในระดับปำนกลำง 1 รำย(ร้อยละ3.33) - ผลงำนกำรเบิก e-claim palliative care จำก สปสช. เพิ่มขึ้น - ควำมพึงพอใจของเจ้ำหน้ำที่ ; พยำบำลเยี่ยมบ้ำน ทีมสหสำขำ palliative และเจ้ำหน้ำที่รพ.สต. อยู่ในระดับมำก-มำกที่สุด ร้อยละ 86.00 การน าผลงานไปใช้ประโยชน์และคุณค่าของนวัตกรรม 1. พัฒนำระบบHome ward โดยใช้กระบวนกำรท ำ community round ร่วมกับสหสำขำ ใน กลุ่มโรคอื่นๆ และจัดท ำเป็นมำตรฐำน Home ward ต่อไป 2. เพิ่มกิจกรรมกำรท ำ community round เช่น กำรท ำ Family meeting, กำรนัดหมำยญำติมำ ท ำกิจกรรมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับกำรดูแลผู้ป่วยระยะท้ำยที่บ้ำน เป็นต้น 3. ศึกษำต่อยอดท ำเป็นงำนวิจัย/ R2R ต่อ 4. ใช้เป็นแนวทำงในกำรจัดท ำมำตรฐำนกำรดูแลแบบประคับประคองที่บ้ำนส ำหรับประเทศไทย ข้อเสนอแนะ 1. กำรจัดท ำระบบ community round at home ward ควรพิจำรณำเรื่องทัศนคติและแนวคิด ของบุคลำกรที่จะท ำงำนนี้ด้วย เนื่องจำกเป็นงำนที่ต้องเสียสละ บุคลำกรต้องมีควำมเห็นอกเห็นใจและเข้ำใจ ในเรื่องสิทธิ และศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ด้วย จึงจะท ำให้บุคลำกรสำมำรถท ำงำนนี้ได้อย่ำงมีควำมสุขและเมื่อ เสร็จภำรกิจจะเกิดควำมสุขและควำมอิ่มใจไปด้วย 2. ควรก ำหนดสมรรถนะของพยำบำลในกำรดูแลแบบประคับประคองและกำรดูแลระยะสุดท้ำยของ ชีวิต ซึ่งประกอบไปด้วยสมรรถนะต่ำงๆ ได้แก่ สมรรถนะทำงคลินิก สมรรถนะทำงวัฒนธรรม สมรรถนะทำง จริยธรรม สมรรถนะทำงจิตวิญญำณ และสมรรถนะทำงกำรสื่อสำรประสำนงำน และกำรให้ค ำปรึกษำ


312 เอกสารอ้างอิง บทควำม หมอชวนรู้ เรื่อง กำรดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำย โดย รองศำสตรำจำรย์นำยแพทย์ ฉันชำย สิทธิ พันธ์ https://tmc.or.th/pdf/tmc_knowlege-59.pdf. แพทยสภำ. ศิริรัตน์ ปำนอุทัย และคณะ. คุณลักษณะกำรตำยดีตำมกำรรับรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้องในบริบทภำคเหนือ ตอนบน ประเทศไทย. วำรสำรสภำกำรพยำบำล 2563; 35(4) 35-53 กิตติกร นิลมำนัต. (2555). กำรดูแลระยะสุดท้ำยของชีวิต. The end of life care. สงขลำ.ชำนเมือง กำรพิมพ์. หน่วยกำรดูแลแบบประคับประคอง งำนกำรพยำบำลส่งเสริมคุณภำพชีวิต โรงพยำบำลรำชวิถี. (2564). แนวทำงกำรดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและระยะท้ำย. https://www.rajavithi.go.th/rj/wpcontent/uploads/2021/08/25847eab0d27fafe59c5178250f568fd.pdf Palliative Care Australia is funded by the Australian Government. (2018)National Palliative Care Standards. the 5th edition . .https://www.health.qld.gov.au/__data/assets/pdf_file/0032/697046/PCare-NationalStandards-2018a.pdf รูปภาพประกอบ -รูปภำพเยี่ยมบ้ำนผู้ป่วยระยะสุดท้ำย กำรสอนกำรใช้syring driver ในกำรให้ยำมอร์ฟีนใต้ผิวหนัง


313 รูป Google ฟอร์มลงทะเบียนเยี่ยมบ้ำนผู้ป่วยระยะสุดท้ำย ทะเบียน home ward


314 การพัฒนาระบบการจัดบริการสนามฉีดวัคซีน โรงพยาบาลสงขลา (สนามติณฯ) นิชรีกรณ์ เจะดุหมัน, เพ็ญศิริ อัตถำวงศ์ และคณะ กลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชน ภำรกิจบริกำรปฐมภูมิ โรงพยำบำลสงขลำ บทน า ประเทศไทยมีนโยบำยให้คนไทย เข้ำถึงวัคซีนโควิด19ที่มีคุณภำพปลอดภัยมีประสิทธิภำพในกำรป้องกัน โรค โรงพยำบำลสงขลำ ได้จัดตั้งศูนย์บริกำรฉีดวัคซีน ณ สนำมติณณสูลำนนท์ จังหวัดสงขลำ เริ่มวันแรก 7 มิถุนำยน 2564 โดยเป้ำหมำย ประชำกรในพื้นที่ 170,521 รำย และเมื่อมีกำรด ำเนินกำรไประยะหนึ่ง กลุ่มเป้ำหมำยส ำคัญ (กลุ่ม 608) ที่จ ำเป็นต้องได้รับวัคซีนก่อน ได้รับวัคซีนเพียงจ ำนวน12,061รำย ( เป้ำหมำย 24,371 รำย คิดเป็น 49.48% ) กลุ่มผู้ที่มีโรคประจ ำตัว 7 กลุ่มโรค มำรับวัคซีนจ ำนวน 7,694 ( จำกเป้ำหมำย 10,992 รำย คิดเป็น 62.95% ) (ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดสงขลำ, 2564) จำกเป้ำหมำยกลุ่มเสี่ยงส ำคัญเหล่ำนี้ ควรได้รับกำรฉีดวัคซีน ต้องมำกกว่ำ 80% ซึ่งพบ ปัญหำสำเหตุจำก กำรไม่ยินยอมมำรับบริกำร เนื่องจำกกำรขำดควำมเข้ำใจ กำรไม่มั่นใจใน ควำมปลอดภัย ผู้สูงอำยุไม่สำมำรถเข้ำถึงเทคโนโลยี ไม่สำมำรถเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำร ที่ใช้ลงทะเบียนผ่ำน Application ต่ำงๆของภำครัฐ และ บำงรำยไม่มีญำติหรือลูกหลำนจะน ำมำฉีดวัคซีนได้ หรือกรณีเป็นผู้พิกำร กำร เดินทำงล ำบำกเป็นต้น จึงท ำให้กลุ่มเป้ำหมำยเหล่ำนี้ ขำดกำรได้รับวัคซีนป้องกันโควิด19ดังนั้น ทีมงำนจึงได้จัดท ำ โครงกำร กำรพัฒนำระบบกำรจัดบริกำรฉีดวัคซีนโควิด19สนำมติณสูลำนนท์ โรงพยำบำลสงขลำขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนำระบบกำรจัดบริกำรฉีดวัคซีนโควิด19 สนำมติณสูลำนนท์ โรงพยำบำลสงขลำ 2. เพื่อให้ผู้รับบริกำรเกิดควำมพึงพอใจในกำรบริกำรของศูนย์ฉีดวัคซีนสนำมติณฯ โรงพยำบำลสงขลำ ตัวชี้วัดผลการด าเนินงาน 1. กลุ่มเป้ำหมำยส ำคัญ (กลุ่ม 608 ) ได้รับกำรฉีดวัคซีนมำกกว่ำ ร้อยละ 80 2. ผู้รับบริกำรเกิดควำมพึงพอใจในกำรบริกำรของศูนย์ฉีดวัคซีนสนำมติณฯ โรงพยำบำลสงขลำ และ ไม่มีข้อร้องเรียนในเรื่องระบบบริกำรฉีดวัคซีน วิธีการศึกษา/การด าเนินการ 1. มีกำรวิเครำะห์ปัญหำร่วมกัน 2กำรจัดตั้งทีมงำนผู้เกี่ยวข้อง 3.ประชุมวำงแผนนอกเวลำ16.00- 17.30น.ทุกวันศุกร์ 4.น ำแผนไปสู่กำรปฏิบัติ และประชุม AAR ตอนเย็นของทุกวัน 5.ปรับแผนและจัดท ำ นวัตกรรมต่ำงๆ ในกำรแก้ปัญหำและน ำสู่กำรปฏิบัติต่อยอดอย่ำงต่อเนื่องโดย ใช้วงจรเดมมิ่ง (PDCA) เกิดมี นวัตกรรม 8ชิ้นประกอบด้วย กำรบริกำร Walk in แบบนัดหมำย โดยใช้ “คูปอง” “คูปองประมง” “คูปอง วัคซีนใน7- Eleven” กิจกรรม “ส่งควำมห่วงใย น ำผู้สูงอำยุมำฉีดวัคซีน” “ช่องทำงด่วนรถรำง” “Drive through” “One stop service” “campaign 10 วัน 100%”


315 แนวคิดการพัฒนางาน ขั้นตอนการ กำรพัฒนำระบบกำรจัดบริกำรสนำมฉีดวัคซีน โรงพยำบำลสงขลำ (สนำมติณฯ) ซึ่งระบบมีกำร บริหำรจัดกำรให้บริกำรฉีดวัคซีน จ ำแนกเป็น 3 ระยะ 1. ระยะเตรียมการและทดสอบควำมพร้อมเพื่อเปิดบริกำร มีดังนี้ 1.1 ค้นหำกลุ่มเป้ำหมำยเพื่อกำรรับวัคซีน 1.2 จัดท ำแผนบริกำรและจัดตั้งทีมแบบเร่งด่วน เพื่อให้ประชำชนได้รับบริกำรอย่ำงรวดเร็ว โดยแบ่ง ทีมออกเป็น 4 จุดบริกำร (ลงทะเบียน จุดคัดกรอง จุดให้บริกำรวัคซีน และ จุดสังเกตอำกำร) วำงแผนระบบกำร ท ำงำนโดยใช้หลัก 4 Sดังนี้1. Structure 2. Staff กำรด ำเนินกำร 3. Service & System 4. Support 1.3 ประชุมทีม AAR ทุกวัน 1.4. ทดสอบควำมพร้อมในกำรบริกำร 2. ระยะด าเนินการให้บริกำรฉีดวัคซีนแบบเบ็ดเสร็จ ในระยะนี้ ใช้เทคนิคกำรบริหำรจัดกำรทำงกำร พยำบำลสู่ควำมส ำเร็จตำมเป้ำหมำย โดยพยำบำลวิชำชีพกลุ่มกำรพยำบำลชุมชนได้รับมอบหมำยเป็นผู้น ำ รับผิดชอบในกำรจัดกำรทุกอย่ำง 3.ระยะ ประเมินผล มีกำรวัดผลเชิงปริมำณ และ เชิงคุณภำพ ผลลัพธ์เชิงปริมาณ ซึ่งบรรลุตำมวัตถุประสงค์1.ผู้มำรับบริกำร กลุ่มประชำชนทั่วไป เข็ม1 จ ำนวน 153,512 คน (เป้ำหมำย 170,521 คน) คิดเป็น 90.03% ผู้สูงอำยุ เข็ม1 จ ำนวน 20,243 คน (เป้ำหมำย 24,358 คน) คิด เป็น 83.11 % กลุ่มโรคเรื้อรัง เข็ม1 จ ำนวน 9,282 คน (เป้ำหมำย 10,078 คน) คิดเป็น 92.10 % 2.ประเมิน ควำมพึงพอใจของผู้มำรับบริกำรอยู่ในระดับควำมพึงพอใจมำกที่สุด ตำรำงที่ 1 ควำมพึงพอใจของผู้มำรับบริกำรฉีดวัคซีนโควิด19 (N=150) ควำมพึงพอใจในกำรบริกำร ค่ำเฉลี่ย S.D. ร้อยละ ระดับควำมพึงพอใจ 1. ระบบกำรให้บริกำรกำรเข้ำรับวัคซีน 4.60 0.72 91.90 มำกที่สุด 2. ระบบกำรลงทะเบียน 4.57 0.39 91.40 มำกที่สุด 3. ระบบกำรให้บริกำรวัคซีน 4.56 0.72 91.17 มำกที่สุด 4. พฤติกรรมบริกำรเจ้ำหน้ำที่/บุคลำกร 4.74 0.48 94.71 มำกที่สุด 5. ควำมเหมำะสมของอำคำรสถำนที่ 4.67 0.67 93.40 มำกที่สุด plan Do Act check plan Do Act check plan Act check Do คูปอง “ส่งความห่วงใย น าผู้สูงอายุมาฉีดวัคซีน” ช่องทางด่วน


316 ผลลัพธ์เชิงคุณภาพ เกิดนวัตกรรมในกำรด ำเนินงำนที่สำมำรถแสดงข้อมูลเชิงประจักษ์ ซึ่งช่วยให้ประชำชนสำมำรถ เข้ำถึงบริกำรกำรฉีดวัคซีนได้อย่ำงเท่ำเทียม และครอบคลุม ทั้งจำกกำรสังเกตและจำกกำรสัมภำษณ์ผู้เกี่ยวข้อง ข้อมูลเชิงประจักษ์เกิดนวัตกรรมในกำรด ำเนินงำนมำกมำย Walk in แบบนัดหมำย โดยใช้ “คูปอง” “คูปอง ประมง” คูปอง “7-Eleven”กิจกรรม“ส่งควำมห่วงใย น ำผู้สูงอำยุมำฉีดวัคซีน”ช่องทำงด่วนรถรำงช่องทำง ด่วน Drive through จุดบริกำรกลุ่มเสี่ยง แบบ One stop service และ สร้ำง campaign 10 วัน 100% นวัตกรรม หลักการ การด าเนินการ ผลลัพธ์ 1.การบริการ Walk in แบบนัดหมาย โดยใช้ “คูปอง” ต้องกำรให้ผู้รับบริกำร เข้ำใจง่ำยใช้ได้สะดวก และสำมำรถน ำมำรับ บริกำรได้จริงรู้สึก เหมือนมีใบเบิกทำง มำแล้วได้ฉีดวัคซีน แน่ๆ จัดท ำคูปองทีมีกำรระบุวันที่ เวลำ และกำรนัดเหลื่อมเวลำ ระบุเป้ำหมำยจำกพื้นที่แต่ละ ต ำบล โดยให้รพสต.แต่ละ แห่งส่งต่อให้กับอสม.ประจ ำ พื้นที่เพื่อแจกจ่ำยให้ปชช -ผู้มำรับบริกำรที่ถือ คูปองมำ >90% จำก จ ำนวนที่แจกจ่ำย -ผู้สูงอำยุมำฉีด เพิ่มขึ้นเป็น17,060 รำย (72.67%) 2.คูปอง “ประมง” เป็นกำรต่อยอดเพรำะ กลุ่มลูกเรือประมงเป็น กลุ่มที่เข้ำถึงบริกำรได้ น้อย มีปัญหำในกำรรับ ข่ำวสำร และเป็นกลุ่ม ที่มีโอกำสเกิดกำรติด เชื้อแบบCluster คูปอง “ประมง”ได้แจกจ่ำย ให้กับกลุ่มแรงงำนประมง กลุ่มด้อยโอกำส แรงงำนต่ำง ด้ำวประมงได้รับวัคซีนได้ง่ำย ขึ้น และสนำมฉีดก็สำมำรถ บริหำรจัดกำรทรัพยำกร จ ำนวนวัคซีนและทีมงำน - สมำคมประมงพึง พอใจได้สนับสนุน อุปกรณ์มูลค่ำ 36,000 บำท) - แรงงำนประมง ได้รับ เข็ม1จ ำนวน 1,071 คน (93.04%) 3. คูปอง 7- Eleven) เป็นกำรเข้ำถึงคนใน ชุมชนแบบเชิงรุก โดย มีแนวคิดที่ว่ำท ำ อย่ำงไรถึงจะท ำให้กำร ประชำสัมพันธ์ให้คน มำฉีดวัคซีนเข้ำถึงกลุ่ม คนเยอะๆ และเป็นที่ รู้จักได้ง่ำย 7-Eleven เข้ำถึงง่ำย เป็นที่รู้จัก ในคนจ ำนวนมำก มีกำรประสำนงำนกับเทศบำล นครสงขลำในฐำนะเจ้ำของ พื้นที่ ประสำนงำนกับ 7- Eleven และ ขอควำมร่วมมือ ให้ช่วยแจกจ่ำยคูปองให้กับ ลูกค้ำ 7-Eleven เพื่อให้ ประชำชนสะดวกและเข้ำถึง ได้ง่ำยมำกที่สุด สำมำรถ ขอรับคูปองวัคซีนได้จำก 7- Eleven ทุกสำขำ มีกำรด ำเนินกำรและ เป็นแบบอย่ำงให้กับ อ ำเภอใกล้เคียง เช่น อ.รัตภูมิ น ำไปใช้กับ 7-Elevenในพื้นที่ -ประช ำชนในเขต เทศบำลนครสงขลำ ไ ด้ รั บ วั ค ซี น เ ข็ ม 1 จ ำนวน 85.01% (ข้อ มูลณ 23 พ.ย.64)


317 นวัตกรรม หลักการ การด าเนินการ ผลลัพธ์ 4. กิจกรรม “ส่งความ ห่วงใย น าผู้สูงอายุมา ฉีดวัคซีน” ที่ให้ผู้น ำชุมชนในแต่ละ ชุมชน หรือ อสม.ไป ค้นหำและจูงมือ ผู้สูงอำยุมำรับวัคซีน ให้อสม.หรือผู้น ำชุมชน ไป ค้นหำและน ำผู้สูงอำยุมำรับ วัคซีนได้จ ำนวนมำกที่สุดก็จะ ได้รับเงินรำงวัล พร้อมเกียรติ บัตร ผู้สูงอำยุมำรับกำรฉีด วัคซีนได้จ ำนวน 289 รำย จำกจ ำนวนที่ยัง ไม่ฉีด 542 คน คิด เป็น 53.32% 5. ช่องทางด่วนรถราง ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำร ไม่มี ญำติ อยู่พื้นที่ไม่มีรถ โดยสำรประจ ำทำง มี ปัญหำกำรเดินทำง ไม่ สะดวกมำรับบริกำร มีกำรเปิดช่องทำงด่วน โดย จัดบริกำรรถรำงรับ-ส่ง มีกำร ฉีดวัคซีนให้บนรถรำง ไม่ต้อง รอนำนเป็นคิวด่วนให้ และ เพิ่มกำรเข้ำถึงวัคซีนได้อย่ำงดี ประชำชนถึงพอใจ มำก 100% 6. Drive through กำรจัดช่องทำงด่วน ส ำหรับผู้สูงอำยุ ผู้พิกำร และผู้เสี่ยงป่วยรุนแรง พระ โดยมีจุดบริกำร 1 จุด คนมีปัญหำกำร เคลื่อนย้ำย กำรด ำเนินกำรฉีดวัคซีนได้ใน จุดเดียวโดยไม่ต้องเคลื่อนย้ำย ไปมำ ท ำให้สะดวกและ รวดเร็วในกำรเข้ำมำรับ บริกำร ประโยชน์จำกกำรมำ รับบริกำรครั้งนี้ได้มำกที่สุด ผู้มำรับบริกำรเฉลี่ย วัน ละ20-30 รำย และ ทุกคนพึงพอใจ 7. จุดบริกำรกลุ่มเสี่ยง แบบ One stop service กำรติดเชื้อโควิด19 ของคนชุมชนแออัด และพื้นที่ระบำดกำรให้ วัคซีนแก่กลุ่มเพื่อเป็น Buffer ring กำรบริหำรจัดกำรให้มีกำรฉีด วัคซีน แบบ One stop service แก่ กลุ่มที่มำจำก พื้นที่เสี่ยง พื้นที่ระบำด เพื่อ เป็นกำรป้องกันควบคุมโรค สำมำรถบริกำรแก่ กลุ่มเสี่ยงได้ทุกชุมชน ที่มีกำรระบำด และ ไม่พบควำมเสี่ยงกำร ติดเชื้อในสนำมฉีด 8. โครงการสร้าง campaign 10 วัน 100% เปิดช่องทาง ต าบล กำรกระตุ้น กลุ่มเป้ำหมำยต ำบล หมู่บ้ำน ชุมชน และ แยกรำยรพสต.ซึ่งบำง คนอำจยังลังเล ว่ำจะ ฉีดหรือไม่ฉีด พยำบำลวิชำชีพประจ ำรพสต. ด ำเนินกำรฉีดวัคซีนประชำกร ในพื้นที่และ ติดตำมเคสที่ยัง ไม่มำฉีดรวมทั้งติดตำมข้อมูล ได้อย่ำงละเอียด เป็น ระยะเวลำ 10 วัน โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อให้ประชำชน ฉีดวัคซีนครบ 100% ระยะเวลำ campaign ได้ 86.91 น. ด ำเนินกำร ต่อ จนปัจจุบันนี้ ได้ ผลลัพธ์ 90.18%


318 ผลการศึกษา เกิดระบบกำรบริกำรสนำมฉีดวัคซีน โรงพยำบำลสงขลำ (สนำมติณฯ) แบบเบ็ดเสร็จ การน าผลงานไปใช้ประโยชน์ กำรน ำไปใช้ประโยชน์ สำมำรถ น ำไปปรับใช้กับกำรให้บริกำรวัคซีนชนิดอื่นๆ ในหน่วยบริกำรปฐม ภูมิทุกแห่ง กำรเผยแพร่ผลงำนผ่ำนช่องทำง social media (Youtube) และช่องทำงทีวี NBT และ FB ของ สสจ.สงขลำ และควรมีกำรพัฒนำนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อน ำมำใช้กับกลุ่มเป้ำหมำยวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 หรือ เข็ม 4 ต่อไป เอกสารอ้างอิง กรมควบคุมโรค. (2564). แนวทำงกำรให้วัคซีนโควิด 19 ในสถำนกำรณ์กำรระบำด ปี 2564 ของ ประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2 :บริษัท ทีเอส อินเตอร์พริ้นท์ จ ำกัด 2564). ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดสงขลำ. 2564. ระบบสำรสนเทศเพื่อกำรบริหำรจัดกำรข้อมูล COVID-19 จังหวัดสงขลำ


319 การพัฒนาระบบการบริหารจัดการระบบการดูแลผู้ป่วยโควิด19 ที่ได้รับการกักตัวที่บ้าน (Home Isolation ) เครือข่ายโรงพยาบาลสงขลา นภัชลดำ สิทธิคง, เพ็ญศิริ อัตถำวงศ์ และคณะ กลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชน โรงพยำบำลสงขลำ บทน า สถำนกำรณ์กำรระบำดโรคโควิด-19 ที่ขยำยเป็นวงกว้ำง และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอำกำรเล็กน้อย หรือไม่มีอำกำรเลย ไม่จ ำเป็นต้องอยู่โรงพยำบำล สำมำรถแยกกันตัวที่บ้ำน (Home Isolation )ได้และต้อง ป้องกันไม่ให้เกิดกำรติดเชื้อสู่บุคคลในครอบครัว โรงพยำบำลสงขลำ โดยกลุ่มงำนกำรพยำบำลชุชน ได้รับ นโยบำยให้บริหำรจัดกำรระบบกำรดูแลผู้ป่วยโควิด19 ที่ได้รับกำรกักตัวที่บ้ำน เริ่มด ำเนินกำรตั้งแต่เดือน ธันวำคม พ.ศ.2564 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งระยะแรกมีผู้ป่วยติดเชื้อจ ำนวนน้อยประมำณ10-13 รำยต่อวัน แต่ต่อมำ ในระยะเวลำเพียงหนึ่งเดือนกว่ำพบว่ำยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็วเป็นวันละ 97-100 รำย ดังนั้นทีม ผู้พัฒนำ จึงมีควำมต้องกำรจะพัฒนำระบบงำนให้รองรับกับสถำนกำรณ์ในกำรดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ในเขต อ ำเภอเมืองให้มีประสิทธิภำพและเกิดประโยชน์สูงสุด วัตถุประสงค์ 1. เพื่อกำรพัฒนำระบบกำรบริหำรจัดกำรระบบกำรดูแลผู้ป่วยโควิด19 ที่ได้รับกำรกักตัวที่บ้ำนฯ 2. เพื่อให้รพ.สงขลำสำมำรถจัดกำรดูแลผู้ป่วยโควิด19 ที่ได้รับกำรกักตัวที่บ้ำน และเรียกเก็บ ค่ำชดเชยจำกกองทุนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติได้ครบถ้วน 3. เพื่อป้องกันกำรร้องเรียนจำกผู้ป่วยที่เข้ำระบบกำรดูแลกำรกักตัวที่บ้ำน ฯ 4. เพื่อกำรเข้ำถึงระบบบริกำรกักตัวที่บ้ำนของประชำชนที่มีผลกำรตรวจโควิด19 มีผลเป็นบวก ใน พื้นที่รับผิดชอบของหน่วยบริกำรปฐมภูมิฯ ตัวชี้วัดผลการด าเนินงาน 1)เกิดระบบกำรดูแลผู้ป่วยโควิด19 (กลุ่มสีเขียว) ที่ได้รับกำรกักตัวที่บ้ำน ในหน่วยบริกำรปฐมภูมิฯ ทุกแห่ง ร้อยละ 100 2)โรงพยำบำลสงขลำสำมำรถเรียกเก็บค่ำชดเชยกำรจัดบริกำร (Home Isolation) จำก กองทุนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติได้ ร้อยละ 100 3)เกิดกำรร้องเรียนจำกผู้ป่วยโควิด19 ที่ได้รับกำรกักตัวที่ บ้ำน ฯ น้อยกว่ำ ร้อยละ 5% 4)ประชำชนที่มีผลกำรตรวจโควิด19 มีผลเป็นบวก (กลุ่มสีเขียว) ในพื้นที่ รับผิดชอบของหน่วยบริกำรปฐมภูมิ เครือข่ำยโรงพยำบำลสงขลำสำมำรถเข้ำระบบบริกำรกักตัวที่บ้ำน มำกกว่ำร้อยละ90


320 วิธีการศึกษา/การด าเนินการ ด ำเนินงำน พัฒนำ 3 ระยะ เริ่มต้น Beginning ระยที่2พัฒนำ Developing และระยะคงสภำพ Sustainable ตารางแสดงการด าเนินงาน ระยะ ขบวนการ ผลลัพธ์ เริ่มต้น Beginning เริ่ม กลำงเดือน ธ.ค.64 - มีนโยบำย Home Isolationในรพ.สงขลำมอบ ภำรกิจปฐมภูมิรับผิดชอบหลัก - จัดท ำแนวทำงกำรด ำเนินงำน Home Isolation โรงพยำบำลสงขลำ - จัดตั้งศูนย์บริหำรจัดกำร HI รับผิดชอบและมีทีมแพทย์FM และ RN 1คน - มีแนวทำงปฏิบัติ Flow chart ที่ เข้ำใจง่ำยต่อกำรปฏิบัติ - มีผู้เข้ำรับบริกำรระบบHI จ ำนวน 13-20 คน/วัน พัฒนา Developing กพ.65 ผู้ป่วย HI มีจ ำนวนมำก ขึ้น จำกยอด 13-20 คน/วัน เป็น 120 - 500 คน/วัน - บุคลำกรทีม เดิมรับภำระ ไม่ได้ 1. มีกำรประชุม แพทย์ สสอ.รพ.สต.PCUและ ผู้เกี่ยวข้องหำทำงแก้ไข 2. ปรับเกณฑ์กำรคัดเลือกเข้ำHI 3. จัดระบบกำรดูแลแบบกระจำยให้พื้นที่หน่วยปฐม ภูมิรับผิดชอบ 4. จัดตั้งทีมแพทย์และพยำบำลพี่เลี้ยงโซน 5. เพิ่มระบบกำรสื่อสำรผ่ำนช่องทำงต่ำงๆเช่น โทรศัพท์, App Line, 6. กำรสนับสนุนจำกฝ่ำยบริหำรด้วยกำรจัด ยำนพำหนะจัดส่งของ วัสดุ อุปกรณ์ต่ำงๆ 7. มีกำรถอดบทเรียนเป็นระยะๆเพื่อกำรหำวิธีกำร ใหม่ในกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรด ำเนินกำรอยู่ ตลอดเวลำร่วมกับรองบริหำรฯและงำนพัสดุ - มีทีมสสอ.รับผิดชอบรพสต. และ ทีมเวชกรรมสังคมรับผิดชอบ PCU และศูนย์บริกำรเทศบำล - ทุกหน่วยดูแลผู้ป่วย HI ของตนเอง - เกิดทีมพี่เลี้ยง - มีเบอร์โทรเฉพำะ และ line ติดต่อ ระหว่ำงผู้ป่วยและจนท. - มีรถจัดส่งอุปกรณ์ยังชีพ อุปกรณ์ วัดไข้/ออกซิเจนทุกวัน เวลำ 13.00 น - เกิดระบบส่งเอกสำรเบิกอุปกรณ์ เป็นreal time ห้ำมค้ำงข้ำมวัน - มีเวรนอกเวลำรำชกำร16.00 - เริ่มต้น Beginning พัฒนำ Developing คงสภำพ Sustainable ตำรำงแสดงกำรด ำเนินงำน เริ่มตน้ Beginning พฒันำ Developing คงสภำพ Sustainable


321 ระยะ ขบวนการ ผลลัพธ์ 8. เพิ่มจัดเวรปฏิบัติงำนนอกเวลำรำชกำร 9. จัดทีมเฉพำะสนับสนุนใน PCU ที่มียอดจ ำนวน ผู้รับบริกำรจ ำนวนมำกเช่น PCU128และPCU ชลำ ทัศน์ 10. มีกำรน ำข้อมูลมำใช้ในกำรบริหำรจัดกำร อัตรำก ำลัง 12.กำรเพิ่มประสิทธิภำพเรื่องกำรจัดกำรข้อมูล ระบบกำรจัดกำรchart ของผู้ป่วย โดย จัดตั้งทีมเป็น 5 station ดังนี้ Station ที่ 1 จุดประกอบแฟ้ม กับ Summary Station ที่ 2 จุด print แบบบันทึก 12 care Station ที่ 3 จุด print ใบผลกำรตรวจทำง ห้องปฏิบัติกำรของรพ.สงขลำ Station ที่ 4 จุด print เอกสำรอื่นๆ และ ท ำหน้ำที่ โทรประสำนขอส ำเนำบัตรประชำชน Station ที่ 5 จุดบันทึกเอกสำรกำรดูแล one page 12 care 20.00 น.และวันหยุดรำชกำร 8.00- 16.00 น. - มีทีมนวก.จำกงำนสุขศึกษำช่วย และเจ้ำหน้ำที่บันทึกข้อมูลไปเพิ่ม อัตรำก ำลังใน 2 หน่วยบริกำร -ข้อมูลเวชระเบียนเพื่อส่งฝ่ำยประกัน เพื่อเรียกเก็บค่ำชดเชยจำกสปสช. เพิ่มขึ้น จำกเดิมได้จ ำนวน 15 รำย/ วัน เพิ่มเป็น 200 รำย/วัน -HI สำมำรถส่งเคลมจำกสปสชได้เป็น จ ำนวน 15,509 รำย คิดเป็นจ ำนวน เงิน 80 ล้ำนบำท คงสภาพ Sustainable ตั้งแต่ 14 มี.ค. 65 กรณีผู้ป่วย ไม่มีภำวะเสี่ยง (กลุ่มสีเขียว) เพิ่มมำตรกำร ดูแลแบบผู้ป่วย นอกและแยก กักตัวที่บ้ำน (Outpatient with Self Isolation) 1. ทุกหน่วยบริกำรมีระบบกำรดูแลผู้ป่วย โควิด19 ในพี้นที่รับผิดชอบของตนเอง 2. มีระบบกำรปรึกษำแพทย์ เพื่อกำรดูแล จ่ำยยำ และกำรรักษำ 3. มีกำรติดตำมอำกำร 48 ชั่วโมง ถ้ำอำกำรมำกขึ้น ให้ปฏิบัติตำมแนวทำงเวชปฏิบัติ (CPG) 4. ระบบติดตำม และ กำรปรึกษำระหว่ำงเจ้ำหน้ำที่ กับผู้ป่วยโควิด19 โดยใช้ Application Line 5. ระบบกำรส่งต่อผู้ป่วย เมื่อมีอำกำรรุนแรง หรือ อำกำรแย่ลง 6. กำรนัดรับใบรับรองแพทย์ พร้อมผลกำรตรวจ 7. กำรบันทึกกำรดูแลในระบบ 12 care อย่ำง ต่อเนื่องและ เป็นปัจจุบัน - จ ำนวนผู้ป่วย HI มีจ ำนวน 61 รำย/วัน และ ผู้ป่วยที่ได้รับกำรดูแล OPD SI จ ำนวน 163 รำย/วัน - OPD SI สำมำรถส่งเคลม จำกสปสช.ได้เป็นจ ำนวน 12,856 รำยคิดเป็นจ ำนวนเงิน 12.8 ล้ำน บำท - มีผู้ป่วยที่มีอำกำรรุนแรงและต้องส่ง ต่อเพื่อกำรรักษำ จ ำนวน 1 รำย - จ ำนวนกำรบันทึกใน 12 care ครบ ทุกรำยเป็นจ ำนวน 15,509รำย


322 ผลการศึกษา 1.ร้อยละ 100 ของหน่วยบริกำรปฐมภูมิเครือข่ำยฯ มีระบบกำรดูแลผู้ป่วย (กลุ่มสีเขียว) ที่ได้รับกำรกัก ตัวที่บ้ำนฯ 2.รพ.สำมำรถเรียกเก็บค่ำชดเชยกำรจัดบริกำรฯจำกกองทุนสปสช. ร้อยละ 100 จำกจ ำนวนผู้ป่วย 15,509 คน เรียกเก็บได้จ ำนวน 80 ล้ำนบำท 3.ไม่เกิดกำรร้องเรียน และ 4.ประชำชนที่มีผลกำรตรวจโควิด19 มีผล เป็นบวก สำมำรถเข้ำระบบบริกำรกักตัวที่บ้ำนได้ ทุกคน (จ ำนวน 15,509รำย) คิดเป็นร้อยละ 100 และกำรพัฒนำ ระบบกำรบริหำรจัดกำรระบบกำรดูแลผู้ป่วยโควิด19 ที่ได้รับกำรกักตัวที่บ้ำน ฯกำรท ำงำนเป็นทีมมีภำคส่วนต่ำงๆ เข้ำมำเกี่ยวข้อง กำรพัฒนำโดยใช้แนวคิด PDCA และกำรมีนวัตกรรม 5 stationเข้ามาช่วยในการจัดการกับระบบ ข้อมูลต่างๆ ท าให้เกิด ผลลัพธ์ที่ดีที่สำมำรถดูแลผู้ป่วยในระบบได้ ร้อยละ100 การน าผลงานไปใช้ประโยชน์ น ำไปเป็นต้นแบบในกำรจัดระบบกำรดูแลรักษำโรคอุบัติใหม่ในกลุ่มงำนเวชกรรมสังคม โรงพยำบำล สงขลำ และ มีกำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับโรงพยำบำลทั่วไปในเขตสุขภำพที่ 12 ต่อไป และหำกมีโรคอุบัติใหม่หรือโรค อุบัติซ้ ำและต้องเข้ำไปด ำเนินกำรดูแลรักษำผู้ป่วยเหล่ำนั้น ต้องมีกำรวำงแผนอย่ำงเป็นระบบก่อนด ำเนินกำร และมี กำรจัดตั้งคณะท ำงำนที่มีควำมหลำกหลำยของทีมสหสำขำวิชำชีพอย่ำงเร่งด่วน และควรมีหน่วยงำนสนับสนุนเข้ำ มำมีส่วนร่วมในกำรด ำเนินงำนตั้งแต่เริ่มต้นและต่อเนื่อง เอกสารอ้างอิง กรมกำรแพทย์. 2565. กำรจัดบริกำร HOME ISOLATION. สืบค้น 15 มกรำคม 2565 https://covid19.dms.go.th/backend/Content/Content_File/Covid_Health/Attach/2565010518 0407PM_80%E0%B8%9B%E0%B8%B5HomeIso.pdf 2.)กรมกำรแพทย์. (2564). คู่มือกำรแยกกัก ตัวที่บ้ำน. สืบค้น 31 กรกฎำคม 2564 https://ddc.moph.go.th/dfm/journal_detail.php?publish=11790


323 ผ้าอ้อมซักได้ของกุลนรี ใส่สบาย แห้งง่าย ไม่เกิดผื่น ประหยัดเงิน Gulnaree’s washable diapers are comfortable to wear, dry easily, do not cause rashes’ save money. กุลนรี ญำณจ ำรัสกูล โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพต ำบลบ้ำนคลอง บทน า ผ้ำอ้อมเป็นวัสดุจ ำเป็นส ำหรับผู้มีภำวะพึ่งพิงโดยเฉพำะกลุ่มติดเตียง ทุกรำยต้องใช้เพื่อสวมใส่รองรับ ปัสสำวะและอุจจำระ ผู้ประดิษฐ์นำงสำวกุลนรี ญำณจ ำรัสกูล พยำบำลวิชำชีพช ำนำญกำร ปฏิบัติงำนที่ โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพต ำบลปำกโทก เมื่อปีพ.ศ. 2558- เดือนกุมภำพันธ์ พ.ศ.2564 ผ่ำนกำรอบรมเป็น care manager ปี พ.ศ.2559 รับผิดชอบงำนดูแลระยะยำวปี พ.ศ.2559 พบว่ำครอบครัวผู้มีภำวะพึ่งพิง ส่วนมำกใช้ผ้ำอ้อมส ำเร็จรูป(ใช้แล้วทิ้ง) โดยส่วนใหญ่เดือนละ 1,200-1,600 บำท และร้อยละ 50 มีปัญหำ ภำระค่ำใช้จ่ำยด้ำนผ้ำอ้อมส ำเร็จรูป ส่งผลให้เกิดควำมเครียดต่อผู้ดูแลและผู้มีภำวะพึ่งพิง กำรแก้ปัญหำ ค่ำใช้จ่ำยจำกกำรซื้อผ้ำอ้อมส ำเร็จรูป คือใส่ผ้ำอ้อมให้นำนขึ้น เพื่อลดจ ำนวนชิ้นต่อวัน แต่ส่งผลทำงลบให้ ผิวหนังผู้มีภำวะพึ่งพิงเกิดผื่นแดงจำกกำรนอนแช่ผ้ำอ้อมที่เปียกแฉะเป็นเวลำนำน(ผื่นแพ้ผ้ำอ้อมจำกควำมเป็น ด่ำงของปัสสำวะท ำลำยผิวหนัง) พบร้อยละ 30-50 ของผู้มีภำวะพึ่งพิงที่มีผ้ำอ้อมไม่เพียงพอ ผู้ประดิษฐ์จึง สนใจประดิษฐ์นวัตกรรมผ้ำอ้อมซักได้ โดยเริ่มประดิษฐ์ปี พ.ศ.2561 โดยประดิษฐ์ด้วยตนเองเนื่องจำกเคยเรียน ตัดเย็บเสื้อผ้ำสตรีปี 2531 และมีจักรเย็บผ้ำของคุณแม่ประจ ำบ้ำนอยู่แล้ว จุดประสงค์การประดิษฐ์ 1. ลดภำระค่ำใช้จ่ำย(โดยน ำใช้ทดแทนผ้ำอ้อมส ำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้ง) 2.ป้องกันโรคแทรกซ้อนจำกกำรหมักหมมปัสสำวะ-อุจจำระ ทบทวนวรรณกรรม จำกกำรทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง พบว่ำ นำงสำวกฤติยำ หนูเกลี้ยง พยำบำลวิชำชีพช ำนำญ กำรประดิษฐ์ผ้ำอ้อมซักได้ปี พ.ศ.2552ใช้ในหอผู้ป่วยโรงพยำบำลสงขลำนครินทร์ และมหำวิทยำลัยสงขลำ นครินทร์ได้ท ำกำรวิจัยผ้ำอ้อมซักได้ของนำงสำวกฤติยำ หนูเกลี้ยง พบว่ำช่วยลดภำระค่ำใช้จ่ำยลงได้หลำยเท่ำ จำกผ้ำอ้อมส ำเร็จรูป และไม่เกิดผื่นแพ้ ได้ขอจดสิทธิบัตรในฐำนะเป็นผู้รับโอนจำกนำงสำวกฤติยำ หนูเกลี้ยง ได้รับสิทธิบัตรเลขที่ 112220 วันที่ออกสิทธิบัตร วันที่ 15 เดือน กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2555 ผลกำรวิจัยของ คุณวนิสำ หะยีเซะ, วิมลวรรณ ด ำคล้ำย, ลำตีฟำร์ มนุกูล ประดิษฐ์นวัตกรรมผ้ำเตียวสำยเดี่ยวให้ทำรกใช้ใน โรงพยำบำลนรำธิวำสรำชนครินทร์ ปี พ.ศ.2561 พบว่ำได้ผลดีในด้ำนลดภำระค่ำใช้จ่ำยและไม่ก่อให้เกิดกำรมี ผื่นแพ้ผ้ำอ้อมเช่นกัน กรอบแนวคิดในกำรประดิษฐ์นวัตกรรมผ้ำอ้อมซักได้ออกแบบตัดเย็บโดยนำงสำวกุลนรี ญำณจ ำรัส กูล ได้แก่ อัตรำกำรกรองของไต 60-80 มล.ต่อชั่วโมง น ำมำก ำหนดในกำรบรรจุวัสดุซึมซับน้ ำในผ้ำอ้อม กำร


324 ออกแบบให้ใส่สบำย แห้งง่ำย คัดสรรวัสดุที่มีประสิทธิผลสูงสุดมำประดิษฐ์ซึ่งไม่ก่อให้เกิดกำรแพ้ ต้นทุนวัสดุที่ น ำมำประดิษฐ์ไม่แพง และกระบวนกำรประดิษฐ์ใช้เพียงเครื่องจักรเล็กระดับครัวเรือน ขั้นตอนการประดิษฐ์แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่หนึ่งปี พ.ศ.2561 ประดิษฐ์นวัตกรรมผ้ำอ้อมซักได้แบบง่ำย โดยทดลองทำงคลินิคและทดลอง ใช้งำนจริงกับผู้วิจัย โดยทดลองในสถำนที่ส่วนตัวคือบ้ำนส่วนตัว ประเมินประสิทธิผลนวัตกรรม ปรับปรุง จนได้ ผลิตภัณฑ์เป็นที่พอใจระดับตนเอง โดยมีกำรทดลองประสิทธิผลทุกองค์ประกอบกำรเป็นผ้ำอ้อมซักได้ ได้แก่ ผ้ำ กันน้ ำออก ผ้ำซึมซับน้ ำ ผ้ำผิวบนที่ให้น้ ำผ่ำนลงไปในชิ้นซึมซับ ทดสอบสีตกของผ้ำที่เลือกสรรมีหรือไม่ ควำม คงทนของผ้ำทุกชนิดที่เลือกสรรมำประดิษฐ์ต่อน้ ำปัสสำวะ 6 เดือน ควำมคงทนของผ้ำต่อกำรต้มในน้ ำเดือด จำกนั้นออกแบบตัดเย็บ และทดลองสวมใส่กับตนเองโดยนอนใส่ผ้ำอ้อมนำนครั้งละ 8 ชั่วโมง ปัสสำวะเหมือนไม่ สำมำรถกลั้นปัสสำวะได้ลงบนผ้ำอ้อมในเวลำที่สวมใส่ 8 ชั่วโมง เป็นระยะเวลำ 1 เดือน โดยเก็บข้อมูลเป็นระยะ ได้แก่ 3 คืนแรก แล้วน ำปรับปรุงแล้วเก็บข้อมูล ปรับปรุงรูปแบบจนตนเองพอใจ พร้อมทดลองวิธีกำรล้ำง ซัก ตำกแห้ง เก็บข้อมูลระยะเวลำกำรแห้งในที่ร่มและกลำงแจ้งในเวลำกลำงวัน ปรับปรุงจนพึงพอใจ น ำเสนอในที่ ประชุมอสม.ต ำบลปำกโทก ปรับปรุงรูปแบบในเพศชำยเพิ่ม ต่อมำน ำเสนอที่ประชุมคณะกรรมกำรกองทุน หลักประกันสุขภำพต ำบลปำกโทก ขอรับงบประมำณประดิษฐ์ให้รำยยินดีใช้ ปี พ.ศ.2562 ระยะที่สองปีพ.ศ. 2562 น ำนวัตกรรมที่ได้รับงบประมำณกองทุนฯใช้กับรำยอำสำที่ต ำบลปำกโทก 10 รำย ประเมินผลตำมจุดประสงค์กำรประดิษฐ์ ปรับปรุง ระยะที่สำมปีพ.ศ.2563-2564 สร้ำงนวัตกรรมใหม่ ต่อยอด เพื่อใช้กับกลุ่มเป้ำหมำยที่มีปัญหำกลั้นกำรขับถ่ำยได้ทุกกลุ่มกิจวัตรประจ ำวัน และใช้ได้สะดวกกับ เครื่องซักล้ำง ติดตำมผล น ำมำปรับปรุง อุปกรณ์ที่ใช้ในกำรประดิษฐ์นวัตกรรม ได้แก่ จักรเย็บผ้ำระดับครัวเรือน อุปกรณ์กำรตัดเย็บ ผ้ำชนิด ที่สัมผัสผิวหนังมนุษย์ในชีวิตประจ ำวันแล้วไม่พบมีกำรแพ้ ตัวอย่ำงน้ ำปัสสำวะของผู้ป่วยที่มีโรคประจ ำตัวเป็น โรคเรื้อรังต่ำงๆ น้ ำยำซักฟอก น้ ำยำปรับผ้ำนุ่ม น้ ำร้อน รำวตำกผ้ำ แสงแดด เครื่องซักผ้ำชนิดแยกถังปั่นหมำด และชนิดรวมถังเดียวเสร็จ อุปกรณ์วัดประสิทธิผลด้ำนกำรซึมซับ ได้แก่ เครื่องชั่งน้ ำหนักเป็นมิลลิกรัม ถ้วยตวง ปริมำตรน้ ำเป็นมิลลิลิตร เครื่องมือที่ใช้ในกำรศึกษำเพื่อพัฒนำนวัตกรรม ใช้แบบสอบถำมปลำยปิดและปลำยเปิด ร่วมกับกำร สัมภำษณ์ มีรำยกำร ดังนี้ จ ำนวนชุดผ้ำอ้อมซักได้แบบโดยกุลนรีที่ใช้ใน1วัน จ ำนวนครั้งที่เกิดผื่นแดง ติดเชื้อ ผิวหนัง ติดเชื้อทำงเดินปัสสำวะ ประเมินควำมพึงพอใจ 5 ระดับ ได้แก่ มำกที่สุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อย ที่สุด รำยละเอียด ดังนี้ 1.สำมำรถซึมซับน้ ำปัสสำวะได้ 8 ชั่วโมง 2.ไม่มีกำรแพ้/ผื่นคัน 3.สะดวกในกำรซักล้ำง แห้งไว 4.มีควำมคงทนใน 6 เดือน 5. มีควำมสะดวกในกำรใช้งำน 6. มีควำมสวยงำม วิเครำะห์ข้อมูลใช้สถิติ ร้อยละ กลุ่มเป้ำหมำยที่ศึกษำระยะที่สอง จ ำนวน 20 รำย ที่ประสงค์ใช้ผ้ำอ้อมซักได้แบบโดยกุลนรีอย่ำง ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลำ 6 เดือน โดยเปลี่ยนผ้ำอ้อมทุก 6-8 ชั่วโมง จ ำนวนใช้ต่อวัน 1-4 ชุด มีกำรพิทักษ์สิทธิ์


325 กลุ่มเป้ำหมำยด้วยกำรแจ้งว่ำสำมำรถออกจำกกำรใช้งำนนวัตกรรมได้ทุกเวลำที่ต้องกำร ข้อมูลที่ศึกษำจะไม่ น ำไปเผยแพร่ให้ทรำบชื่อ ผลกำรศึกษำระยะที่สอง ปีพ.ศ.2562 ศึกษำใน เดือนพฤศจิกำยนปีพ.ศ.2563 พื้นที่ต ำบลปำกโทก และใกล้เคียง อ ำเภอเมืองพิษณุโลก และต่ำงจังหวัด จ ำนวน 20 รำย ศึกษำย้อนหลังเวลำ 6 เดือนที่ใช้ผ้ำอ้อม ซักได้ต่อเนื่องทุกวันๆละ 1-3 ชุด พบว่ำ วัตถุประสงค์ข้อที่ 1 ลดค่ำผ้ำอ้อมส ำเร็จรูปเดือนละ 1,530-2,040 บำท เวลำ 6 เดือน เป็นเงิน 91,80-12,240 บำท (ที่มำ:รำคำผ้ำอ้อมใช้แล้วทิ้งชิ้นละ17 บำทในขนำดใหญ่ วัน ละ 3-4 ชิ้น) รำยจ่ำยที่เกิดจำกกำรใช้ผ้ำอ้อมซักได้ใน 6 เดือน มีค่ำผ้ำอ้อมซักได้ขนำดเล็กและใหญ่สุดชุดละ 270-550 บำทตำมขนำด (ขนำดที่ประดิษฐ์ก ำหนดจำกรอบสะโพก มีขนำดS-3XL แบ่งเป็นขนำดละ 5 นิ้วฟุต เริ่ม 27 นิ้วฟุต สิ้นสุด56 นิ้วฟุต) ให้ใช้จ ำนวน 4 ชุด เป็นเงิน 1,080 และ 2,200 บำท (ใช้ไป 2 ชุดซักทุกวันจะ มีหมุนเวียนพอ) ค่ำใช้จ่ำยที่เกิดขึ้นขณะใช้ผ้ำอ้อมซักได้ 6 เดือน มีค่ำไฟฟ้ำ 50 บำท น้ ำประปำ 100 บำท ผงซักฟอก 100 บำท (ที่มำ : รำคำไฟฟ้ำและประปำต่อหน่วยในระยะที่ศึกษำ ค่ำแรงงำนในกำรซักทุกวันๆละ 2 ชุดๆละ 10 บำท) เป็นเงิน 5,400 บำท รวมค่ำใช้จ่ำย 6 เดือน เป็นเงิน 6,480-7,600 บำท ซึ่งน้อยกว่ำ ค่ำใช้จ่ำยของผ้ำอ้อมส ำเร็จรูป 2,700-4,640 บำท และพบว่ำวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 ไม่พบผื่นแดง และติดเชื้อ ทำงเดินปัสสำวะในทุกรำยที่มีกำรเปลี่ยนผ้ำอ้อมซักได้ในเวลำไม่เกิน 8 ชั่วโมง ศึกษำเพิ่มเพื่อพัฒนำผลิตภัณฑ์ พบ พึงพอใจรำยข้อ สำมำรถซึมซับน้ ำปัสสำวะได้ในเวลำ 8 ชั่วโมงไม่ล้น ระดับมำกถึงมำกที่สุดร้อยละ 70 ปำนกลำงร้อยละ 30 รำยข้อ ไม่มีกำรแพ้/ผื่นคัน พึงพอใจระดับมำกถึงมำกที่สุดร้อยละ 100 รำยข้อสะดวกใน กำรซักล้ำง แห้งไว พึงพอใจระดับมำกถึงมำกที่สุดร้อยละ 100 รำยข้อ มีควำมคงทนใน 6 เดือน พึงพอใจระดับ มำกร้อยละ 100 รำยข้อ มีควำมสะดวกในกำรใช้งำน ขนำดเหมำะสม พึงพอใจระดับมำกถึงมำกที่สุดร้อยละ 80 ระดับปำนกลำงร้อยละ 20 รำยข้อ สวยงำม พึงพอใจระดับปำนกลำงร้อยละ 100 อำยุกำรใช้งำน 6 -12 เดือน ขึ้นกับกำรใช้งำน ผลผลิตนวัตกรรมระยะที่สำม ต่อยอดคือ ผ้ำอ้อมเปิดสะโพกรุ่นมี 1 ชิ้นใน 1 ชุด ควรใช้เครื่องซัก ต้นทุนรำคำถูกลงชุดละ 40–60 บำทต่อชุด มีทั้งแบบเทปและกระดุม ออกแบบให้สวยงำม แห้งง่ำย และต่อ ยอดผลิตผ้ำอ้อมแบบนุ่งสวม 2 แบบ คือ มี 2 ชิ้นใน 1 ชุด กับ 1 ชิ้นใน 1 ชุด ใช้เครื่องซักผ้ำปั่นหมำด เหมำะ ส ำหรับใช้ในผู้ที่สำมำรถพยุงเดินไปถ่ำยอุจจำระห้องน้ ำได้ ผลกำรศึกษำระยะที่สำม ปี พ.ศ.2563-2564 ศึกษำในธันวำคมปี 2564 ศึกษำย้อนหลังเป็น ระยะเวลำ 6-18 เดือน ในพื้นที่ต ำบลบ้ำนคลอง ต ำบลปำกโทก ต ำบลอื่นในอ ำเภอเมืองพิษณุโลก และ ต่ำงจังหวัด จ ำนวน 40 รำย ในวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 พบผลเช่นเดิมกับกำรศึกษำระยะที่สอง และวัตถุประสงค์ ข้อ 2 พบว่ำไม่มีใครเป็นผื่นแดง ไม่ติดเชื้อผิวหนังและทำงเดินปัสสำวะ ศึกษำเพิ่มเพื่อพัฒนำผลิตภัณฑ์ พบพึง พอใจรำยข้อในทุกข้อในระดับมำกถึงมำกที่สุดโดยมีเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นกว่ำระยะที่สอง กำรน ำนวัตกรรมไปใช้ เกิดกำรจัดตั้งกลุ่มวิสำหกิจชุมชนผลิตผ้ำอ้อมซักได้ขำย เดือนพฤษภำคม ปี พ.ศ.2564 ชื่อกลุ่ม“พิษณุโลกรักษ์โลกก้ำวหน้ำ”และขอจดอนุสิทธิบัตรผ้ำอ้อมซักได้แบบเปิดสะโพกด้วยเทป เวลโก้ รุ่นซักมือ เลขค ำขอ 2103000470 เมื่อวันที่ 17 เดือน กุมภำพันธ์พ.ศ.2564 ถูกเชิญไปสอนกำรผลิต ต่ำงอ ำเภอและต่ำงจังหวัด ได้รับควำมสนใจจำกทีมงำนส ำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ ลงพื้นที่ส ำรวจ


326 ผู้ใช้นวัตกรรมผ้ำอ้อมซักได้แบบโดยกุลนรี ญำณจ ำรัสกูล เมื่อ วันที่ 22 เดือน พฤษภำคม พ.ศ.2565 เปรียบเทียบควำมคุ้มค่ำกับผู้ผลิตแห่งอื่น ข้อมูลต้นทุนกำรประดิษฐ์ของกุลนรีถูกน ำไปวิเครำะห์เป็นทำงเลือก ให้แก่กองทุน LTC.และกองทุน สปสช.ท้องถิ่น ในกำรจัดสรรผ้ำอ้อมให้ผู้มีภำวะพึ่งพิง นวัตกรรมระยะที่สอง นวัตกรรมระยะที่สำม ใส่สบำย แห้งง่ำย ไม่เกิดผื่น ประหยัดเงิน


327 พัฒนาระบบการวางแผนจ าหน่ายผู้ป่วยระยะท้ายแบบประคับประคองวิถีใหม่โดยใช้หลัก D-METHOD ปรำณี เสี้ยจันทร์บริบูรณ์ ศูนย์ดูแลต่อเนื่อง กลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชน รพ.รำชบุรี ที่มาของแนวคิดการสร้างนวัตกรรม ปัจจุบันมีกำรพัฒนำเทคโนโลยีกำรรักษำผู้ป่วยให้รอดชีวิตได้มำกขึ้นมีกำรรักษำเพื่อยืดชีวิตผู้ป่วย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในกลุ่มผู้ที่กำรรักษำไม่ได้ผลมีกำรรักษำจนวำระสุดท้ำยของชีวิต พ.ศ.2564 รพ.รำชบุรีมี ผู้ป่วยระยะท้ำยเข้ำระบบกำรวำงแผนจ ำหน่ำยจ ำนวน 112 รำย ได้รับกำรดูแลแบบประคับประคองตำมเกณฑ์ จ ำนวน 100 รำย ผู้ป่วยกลับมำนอนโรงพยำบำลซ้ ำ จ ำนวน 15 รำย ซึ่งผู้ป่วยจ ำนวนมำกต้องกำรที่จะกลับไป ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ำยที่บ้ำน แต่ญำติไม่มั่นใจเรื่องกำรดูแลกลัวท ำได้ไม่ดีเท่ำที่อยู่โรงพยำบำล อีกทั้งกังวลใจเมื่อ เกิดสถำนกำรณ์ฉุกเฉินจะไม่สำมำรถควบคุมได้ทันเพรำะห่ำงไกลโรงพยำบำล ดังนั้นศูนย์ดูแลต่อเนื่องเห็น ควำมส ำคัญในกำรเตรียมควำมพร้อมผู้ป่วย และกำรวำงแผนจ ำหน่ำย รวมถึงเพิ่มโอกำสให้ผู้ป่วยวิกฤติรอเตียง สำมำรถส่งต่อเพื่อเข้ำถึงระบบกำรรักษำได้ทันเวลำ เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยหลังจ ำหน่ำย ไม่เกิดภำวะแทรกซ้อน มีควำมสุขสบำย มีบุคคลในครอบครัวล้อมรอบซึ่งเป็นบรรยำกำศที่คุ้นเคย มีกำรแสดงควำมรักควำมห่วงใยกัน อย่ำงใกล้ชิด ของสมำชิกในครอบครัว ได้ใช้เวลำที่เหลืออยู่ให้มีคุณค่ำมำกที่สุดจึงเป็นสิ่งส ำคัญ ส่งผลให้ผู้ป่วย ระยะท้ำยมีคุณภำพชีวิตที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับช่วงสถำนกำรณ์โควิดเพื่อลดโอกำสกำรติดเชื้อระบบทำงเดิน หำยใจ และลดควำมแออัดในโรงพยำบำล วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ป่วยระยะท้ำย และครอบครัวได้รับบริกำรพยำบำลตำมระบบกำรดูแลแบบประคับประคอง อย่ำงมีประสิทธิภำพ ตัวชี้วัดที่ 1 อัตรำควำมครอบคลุมกำรเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้ำนไม่น้อยกว่ำร้อยละ 80 ตัวชี้วัดที่ 2 อัตรำกำรเกิดภำวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยที่บ้ำน ไม่เกินร้อยละ 5 ตัวชี้วัดที่ 3 ควำมพึงพอใจของผู้รับบริกำร ไม่น้อยกว่ำร้อยละ 80 ตัวชี้วัดที่ 4 ควำมพึงพอใจของทีมเยี่ยมบ้ำน ไม่น้อยกว่ำร้อยละ 80 ทบทวนวรรณกรรม “กำรดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคองในปัจจุบัน มีควำมซับซ้อนมำกยิ่งขึ้นเนื่องจำกควำมก้ำวหน้ำ ด้ำนเทคโนโลยีทำงกำรแพทย์ ท ำให้ผู้ป่วยมีควำมคำดหวังว่ำจะหำยจำกโรคและมีชีวิตที่ยำวมำกขึ้นเมื่อผลลัพธ์ ทำงกำรรักษำไม่เป็นไปตำมที่คำดหวังไว้เกิดควำมทุกข์ทรมำนจำกกำรรักษำมีควำมรุนแรงของโรค ที่ลุกลำม น ำไปสู่กำรดูแลแบบประคับประคองพยำบำลจ ำเป็นต้องมีควำมรู้และทักษะกำรดูแลผู้ป่วย”(นิตยำ ทรัพย์วงศ์ เจริญ.บทบำทพยำบำลในกำรดูแลแบบประคับประคอง:วำรสำรพยำบำลทหำรบก2663;21:26-34.) “ผลกำร พัฒนำจะเห็นว่ำมีกำรวำงแผนตั้งแต่กำรประเมินควำมต้องกำรด้ำนร่ำงกำย จิตใจ จิตสังคมและจิตวิญญำณ มี ระบบกำรให้ค ำปรึกษำจำกทีมสหวิชำชีพ มีกำรวำงแผนร่วมกันกับผู้ป่วย และครอบครัวโดยกำรท ำ Family Meeting ตอบสนองควำมต้องกำรของผู้ป่วยและญำติให้กำรดูแลจนกระทั่งถึงวำระสุดท้ำยของชีวิต”


328 (นพพร จันทรเสนำ.กำรพัฒนำระบบกำรดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองโรงพยำบำลหนองหำน อ ำเภอหนองหำน จังหวัดอุดรธำนี.2561 เข้ำถึงเมื่อ 20 มิถุนำยน 2564 .เข้ำถึงได้จำก https://he02.tcithaijo.org/index.php/tnaph/article/view/982 หลักการวิธีการศึกษา/การด าเนินการ 1.ค้นหำสำเหตุปัญหำโดยกำรประชุมทีม จัดตั้งคณะท ำงำนทีมสหวิชำชีพ และก ำหนดบทบำทหน้ำที่ 2. ออกแบบแนวทำงปฏิบัติวำงแผนกำรดูแลต่อเนื่องร่วมกันพร้อมพัฒนำศักยภำพทีมสหวิชำชีพPDCA 3. เตรียมควำมพร้อมผู้ป่วย และญำติพร้อมในกำรดูแลต่อเนื่องร่วมกับกำรวำงแผนกำรจ ำหน่ำย ผู้ป่วยให้ก้ำวผ่ำนช่วงวิกฤตของชีวิตได้อย่ำงสงบ ครอบครัวมีกำรวำงแผนร่วมกันตำมแนวคิด D-METHOD โดย ให้ควำมรู้ ทักษะทีมสหวิชำชีพเพื่อให้ผู้ป่วยระยะท้ำยได้รับกำรดูแลอย่ำงมีประสิทธิภำพ D (Disease) ให้ ควำมรู้เรื่องกำรเจ็บป่วย กำรยอมรับ และกำรเข้ำใจในโรคที่เป็นอยู่ M(Medication) กำรใช้ยำรักษำโรค กำร ใช้ยำเพื่อบรรเทำควำมเจ็บปวดเพื่อให้ผู้ป่วยสุขสบำย E(Enveronment) ดูแลเรื่องกำรจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับ ผู้ป่วย มีควำมผ่อนคลำย T(Treatment) ครอบครัวมีกำรวำงแผนกำรรักษำร่วมแพทย์ มีกำรพูดคุยกันระหว่ำง ญำติเพื่อให้เข้ำใจสถำนกำรณ์และมีทิศทำงกำรดูแลไปในทำงเดียวกัน มุ่งเน้นที่ผลดีที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเป็น ส ำคัญ H (Health) ส่งเสริม ฟื้นฟูสภำพทำงด้ำนร่ำงกำย และจิตใจให้ผู้ป่วยมีควำมสบำยใจและคลำยกังวล มำกที่สุด มีกำรวำงแผนร่วมทีมสหวิชำชีพให้กำรดูแลO (Outpatient) ให้ข้อมูลครอบครัวผู้ป่วยแหล่ง สำธำรณสุขใกล้บ้ำนในพื้นที่ และมีเครือข่ำยกำรประสำนงำนเมื่อผู้ป่วย และครอบครัวต้องกำรควำมช่วยเหลือ


329 ในระหว่ำงกำรดูแล D (Diet) แนะน ำเรื่องอำหำรที่เหมำะสมในช่วงสุดท้ำยของชีวิตเพื่อให้มีคุณภำพของชีวิตที่ ดีที่สุด โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 3.1ศูนย์ดูแลต่อเนื่องรับกำรประสำนจำกตึก เพื่อวำงแผนจ ำหน่ำยร่วมกัน นัดท ำ Family meeting แบ่งบทบำทสมำชิกในครอบครัวเพื่อวำงแผนกำรดูแลโดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลำง 3.2 มีกำรประสำนข้อมูลเพื่อส่งต่อเยี่ยมบ้ำน (แบบบันทึกกำรจ ำหน่ำย และกำรส่งต่อ)หลังจ ำหน่ำย 3.3 ประเมินควำมพร้อมของบ้ำน ควำมกว้ำงของประตูปลั๊กไฟ ไฟฟ้ำ กำรเดินทำง กำรเคลื่อนย้ำย 3.4 มีแผนกำรติดตำมเยี่ยมต่อเนื่องเพื่อทบทวนปัญหำวำงแผนร่วมกันแนะน ำเรื่องช่องทำงกำร สื่อสำร 3.5 ส่งข้อมูลกำรตอบกลับเยี่ยมบ้ำนให้หอผู้ป่วยเพื่อทบทวนวำงแผนกำรดูแลในโรงพยำบำล/ชุมชน ผลการศึกษา ผู้ป่วยระยะท้ำย และครอบครัวได้รับบริกำรพยำบำลตำมระบบกำรดูแลแบบประคับประคองได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ ตำมมำตรฐำนกำรดูแล ลดกำรเกิดภำวะแทรกซ้อน สนับสนุนให้ผู้ป่วย ผู้ดูแลครอบครัวมีส่วน ร่วมในกำรดูแลตนเอง ทั้งทำงด้ำนร่ำงกำย อำรมณ์ และจิตใจ พัฒนำระบบคุณภำพด้ำนกำรพยำบำลดูแล ต่อเนื่องสู่ชุมชน ผู้ป่วยและครอบครัวมีพึงพอใจมำกขึ้น มีระบบทีมสุขภำพได้เข้ำมำดูแลเกิดควำมมั่นใจในกำร ดูแล และยังเป็นกำรเพิ่มศักยภำพเจ้ำหน้ำที่ และชุมชนให้เข้มแข็ง การน าผลงานไปใช้ประโยชน์ 1.ท ำให้เรียนรู้ว่ำนอกจำกกำรดูแลด้ำนกำรพยำบำลทำงร่ำงกำยแล้ว กำรช่วยดูแลสภำพจิต อำรมณ์ ควำมรู้สึกของกันและกันระหว่ำงผู้ป่วยและญำติเป็นสิ่งส ำคัญท ำให้สำมำรถร่วมกันผ่ำนพ้นช่วงเวลำของควำม ทุกข์ได้อย่ำงสงบ สมศักดิ์ศรีของกำรเป็นมนุษย์ 2.มีกำรวิเครำะห์จุดอ่อน จุดแข็งของผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชนเป็นเรื่องส ำคัญในกำรวำงแผนกำร ดูแล ดึงศักยภำพของบุคคลในครอบครัว จิตอำสำในชุมชนเข้ำมำมีส่วนร่วมจะท ำให้มีควำมยั่งยืน 3. น ำสิ่งที่มีกำรพัฒนำมำแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีระดับอ ำเภอ จังหวัด ระดับเขต


330 เอกสารอ้างอิง กระทรวงสำธำรณสุข กรมกำรแพทย์.คู่มือกำรดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและระยะท้ำยส ำหรับ บุคลำกรทำงกำรแพทย์).2563 เข้ำถึงเมื่อ 20 มิถุนำยน 2565 . เข้ำถึงได้จำก: https://www.dms.go.th/backend//Content/Content_File/Practice_guidelines/Attach/2 5640114130713PM.pdf นิตยำ ทรัพย์วงศ์เจริญ.บทบำทพยำบำลในกำรดูแลแบบประคับประคอง:วำรสำรพยำบำลทหำรบก 2663;21:26-34. Pokpalagon P. Palliative care model in Thailand.Nursing Journal of The Ministry of Public Health.2016; 26(3):41-51.(in Thailand)


331 Admission Covid Entry เปรมกมล ภักดีพิน กลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชน โรงพยำบำลสุรำษฎร์ธำนี ความส าคัญของปัญหา สถำนกำรณ์กำรติดเชื้อโคโรน่ำไวสรัส(Covid-19) ในเดือนมีนำคมที่ผ่ำนมำเพิ่มสูงขึ้น เป็นกำรเพิ่ม ขั้นสูงสุดในรอบปี ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดสุรำษฎร์ธำนีจึงได้ประกำศนโยบำยในกำรควบคุมป้องกันกำร แพร่กระจำยเชื้อขึ้น มีกำรคัดแยกผู้ป่วยและบีงกลุ่มเป็นกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มผู้ติดเชื้อ โดยผู้ป่วยที่ไม่มีอำกำร หรือมีอำกำรเพียงเล็กน้อย จะถูกส่งเข้ำรับกำรรักษำแบบ Home Isolation (HI) หรือศูนย์พักคอยที่เรำรู้จักกัน ในนำม “บ้ำนอบอุ่น”ของอ ำเภอเมืองสุรำษฎร์ธำนี จำกกำรปฏิบัติงำนที่ผ่ำนมำพบว่ำ จ ำนวนผู้ป่วย มีจ ำนวน เพิ่มมำกขึ้นจำกวันละ 60-100 รำย เป็น 500-1,000 รำย/วัน ซึ่งขณะนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกำยน-พฤษภำคม มี ผู้ป่วยสะสมใน HI จ ำนวน 44,916 รำย จ ำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่ำว ส่งผลกระทบต่อระบบบริกำร ทั้งเจ้ำหน้ำที่ และผู้รับบริกำร ในส่วนของเจ้ำหน้ำที่ทั้งในศสม. และรพ.สต.เกิดควำมไม่สมดุลของเจ้ำหน้ำที่ในกำรดูแลผู้ป่วย ท ำให้บำงครั้งกำรดูแลติดตำมผู้ป่วยไม่ทั่วถึง ทั้งในเรื่องของอำหำรและยำ กำรปฏิเสธผู้ป่วยนอกเวลำรำชกำร และวันหยุด ท ำให้เกิดข้อร้องเรียนตำมมำ ในส่วนของผู้ป่วย เกิดกำรรอคอยที่ยำวนำน กำรสื่อสำร ควำมไม่ เข้ำใจระบบ บำงครั้งท ำให้ผู้ป่วยเกิดพฤติกรรมก้ำวร้ำว เอะอะ โวยและมีกำรร้องเรียนผ่ำนหน่วยงำนและสื่อ ต่ำงๆมำกขึ้น กลุ่มงำนกำรพยำบำลชุมชนซึ่งรับผิดชอบในกำรคูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษำตัวแบบ Home Isolation โครงกำร “บ้ำนอบอุ่น HI) เขตอ ำเภอเมืองจังหวัดสุรำษฎร์ ตระหนักถึงปัญหำที่เกิดขึ้นทั้งในด้ำน ผู้รับบริกำรและผู้ให้บริกำร จึงคิดค้นนวัตกรรมเพื่อตอบสนองปัญหำดังกล่ำว โดยกำรจัดท ำ QR code น ำไปสู่ google form ในกำรซักประวัติเบื้องต้น เพื่อให้ผู้รับบริกำร(ผู้ป่วย)เข้ำถึงบริกำรได้รวดเร็ว ลดปัญหำกำรรอ คอย ลดกำรแพร่กระจำยเชื้อไปแพร่ชุมชนจำกกำรไม่ต้องเดินทำงไปยังสถำนรับบริกำร และเพื่อให้ผู้ให้บริกำร (บุคลำกร) ลดควำมเสี่ยงในกำรติดเชื้อขณะท ำงำน ลดภำระงำน สำมำรถบริกำรได้ตลอดเวลำ และลดกำร ร้องเรียน อีกทั้งข้อมูลกำรซักประวัติเบื้องต้นสำมำรถท ำให้เจ้ำหน้ำที่มองเห็นข้อมูลน ำไปสู่กำรคัดแยก และ จัดล ำดับคิวกำรรักษำได้อย่ำงเหมำะสม วัตถุประสงค์และเป้าหมาย 1. เพื่อเพิ่มช่องทำงกำรเข้ำถึงกำรบริกำรได้ง่ำย สะดวกและรวดเร็ว 2. เพื่อลดระยะเวลำรอคอยและควำมแออัดที่ต้องไปรอสถำนบริกำร 3. เพื่อลดกำรแพร่กระจำยเชื้อลงสู่ชุมชน 4. เพื่อลดอุบัติกำรณ์กำรติดเชื้อของเจ้ำหน้ำที่จำกกำรท ำงำน 5. เพื่อคัดแยกกลุ่มคนไข้ตำมอำกำรได้ง่ำยขึ้น 6. เพื่อลดข้อร้องเรียนจำกกำรให้บริกำร


332 กลุ่มเป้าหมาย ผู้ป่วยยืนยันเชื้อโควิดในเขตอ ำเภอเมืองทั้งหมด แบ่งตำมเขตรับผิดชอบจ ำนวน 22 สถำนบริกำร ระยะเวลาในการด าเนินงาน วันที่ 1 เดือน มีนำคม พ.ศ.2565 – วันที่ 31 เดือนพฤษภำคม พ.ศ. 2565 ขั้นตอนการด าเนินงาน 1. สร้ำง google form จ ำนวน 22 google form โดยเป็นข้อค ำถำมเกี่ยวกับกำรซักประวัติดังนี้ 1.1ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อ-สกุล เลขบัตรประชำชน เลขประจ ำตัวผู้ป่วยโรงพยำบำลสุรำษฎร์ ธำนีวัน/เดือน/ปี เกิด อำยุ สัญชำติศำสนำ น้ ำหนัก/ส่วนสูงสถำนที่ท ำงำน สถำนที่กักตัว และเบอร์โทรศัพท์ ติดต่อ 1.2 ข้อมูลสุขภำพ ได้แก่ ประวัติกำรรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ2019 วันที่ ประจ ำเดือนวันแรกครั้งสุดท้ำย และโรคประจ ำตัว 1.3 ข้อมูลกำรเจ็บป่วย ได้แก่ วันที่ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด อำกำรและอำกำรแสดง และสัญญำณ ชีพเบื้องต้น 2. สร้ำงบัญชี google ให้แต่ละสถำนบริกำร เพื่อรองรับข้อมูลที่แสกน QR code ในรูปแบบ google sheet จ ำนวน 22 บัญชี 3. สอนแต่ละหน่วยงำนในกำรใช้บัญชี google และเข้ำถึง google sheet จ ำนวน 22 สถำนบริกำร 4. สอนให้แต่ละหน่วยงำนน ำข้อมูลจำก google sheet ไปคีย์ข้อมูลลงโปรแกรม HI register เพื่อ ส่งต่อข้อมูลในกำรเปิด visit เป็นผู้ป่วยโรงพยำบำลสุรำษฎร์ธำนี 5. ให้พื้นที่ กระจำย QR code ลงพื้นที่ผ่ำนผู้น ำชุมชน /อสม. หรือโพสผ่ำนสื่อออนไลน์ เช่น face book สถำนรับบริกำรนั้นๆ 6. กลุ่มงำนพยำบำลชุมชนโรงพยำบำลสุรำษฎร์ธำนี เป็นหน่วยประสำนงำนกลำง จัดท ำเพจ face book /จัดท ำวิดีโอแนะน ำกำรแสกน QR code สื่อสำรกระจำยสู่ชุมชุนเมืองสุรำษฏร์ธำนี เพื่อให้ค ำแนะน ำ ปรึกษำ และประสำนงำนให้กับผู้ป่วยที่มีปัญหำ รวมถึงเน้นย้ ำให้ตระหนักถึงกำรน ำผู้ป่วยเข้ำสู่ระบบเพื่อได้รับ กำรดูแลรักษำที่ถูกต้องเหมำะสมตำมระดับควำมรุนแรง


333 ประเมินผลการใช้ QR code ตารางที่ 1 จ านวนสถานบริการที่เข้าร่วม สถำนบริกำรในCUPเมืองสุรำษฎร์ เข้ำร่วม ไม่เข้ำร่วม หมำยเหตุ ศูนย์เทศบำลบึงขุนทะเล √ ศูนย์เทศบำลตำปี √ ศูนย์เทศบำลฝั่งบำงใบไม้ √ ศูนย์สุขภำพชุมชน อบจ. √ ประสงค์ให้คนเข้ำเข้ำกลุ่มไลน์แบบเดิม ศูนย์เทศบำลสวนหลวง √ มีข้อจ ำกัดใช้งำนอินเตอร์เน็ต PCUโพธำวำส √ PCUศรีวิชัย √ PCUโพธิ์หวำย √ PCUตลำดดอนนก √ รพ.สต.บำงชนะ √ รพ.สต.ปำกจ่ำแก้ว √ ประสงค์ให้คนเข้ำเข้ำกลุ่มไลน์แบบเดิม รพ.สต.คลองฉนำก √ รพ.สต.บำงไทร √ รพ.สต.บำงโพธิ์ √ รพ.สต.คลองน้อย √ รพ.สต.บำงใบไม้ √ รพ.สต.บ้ำนใหม่พัฒนำ √ รพ.สต.เฉลิมพระเกียรติ(บ้ำนควน ยูง) √ รพ.สต.มะขำมเตี้ย √ รพ.สต.บำงกุ้ง √ รพ.สต.วัดประดู่ √ ประสงค์ให้คนเข้ำเข้ำกลุ่มไลน์แบบเดิม รพ.สต.นิคมขุนทะเล √ น ำนวัตกรรมไปพัฒนำต่อ สรุปผล หลังจำกกำรสอนใช้กำรรับข้อมูลแบบ QR code ผ่ำน google sheet มีจ ำนวนสถำน บริกำรในเขตอ ำเภอเมืองสุรำษฎร์ธำนี เข้ำร่วมโครงกำรจ ำนวน 17 สถำนบริกำร จำกทั้งหมด 22 สถำนบริกำร คิดเป็นร้อยละ77.27 ส่วนอีก 5 สถำนบริกำรที่ไม่เข้ำร่วม เนื่องจำก ประสงค์ใช้กำรรองรับข้อมูลผ่ำนกลุ่มไลน์ แบบเดิม ร้อยละ60.00 มีข้อจ ำกัดจำกกำรใช้งำนอินเตอร์เน็ต ร้อยละ 20.00 และน ำนวัตกรรมไปปรุงปรับต่อ ร้อยละ 20.00


334 ตารางที่ 2 จ านวนผู้ป่วยยืนยันเชื้อโควิด เข้ารับบริการผ่านการแสกน QR code และได้รับการติดต่อกลับ ภายใน 24 ชั่วโมงตั้งแต่เดือน มีนาคม-พฤษภาคม สถำนบริกำรในCUPเมือง สุรำษฎร์ จ ำนวนยอด ผู้ป่วย ทั้งหมด จ ำนวนผู้ป่วย ที่เข้ำรับ บริกำรผ่ำน QR code ร้อยละผู้ป่วย ที่เข้ำรับ บริกำรผ่ำน QR code จ ำนวนที่ ได้รับกำร ติดต่อกลับ ใน 24 ชั่วโมง ร้อยละที่ ได้รับกำร ติดต่อกลับ ใน 24 ชั่วโมง ศูนย์เทศบำลบึงขุนทะเล 3,843 2,998 78.01 2,970 99.06 ศูนย์เทศบำลตำปี 924 167 18.07 167 100. 00 ศูนย์เทศบำลฝั่งบำงใบไม้ 511 43 8.41 43 100. 00 PCUโพธำวำส 3,659 404 11.04 400 99.01 PCUศรีวิชัย 2,556 1,167 45.65 1,160 99.40 PCUโพธิ์หวำย 2,405 154 6.40 154 100.00 PCUตลำดดอนนก 2,647 293 11.06 293 100.00 รพ.สต.บำงชนะ 65 3 4.61 3 100.00 รพ.สต.คลองฉนำก 398 58 14.57 58 100.00 รพ.สต.บำงไทร 210 14 6.67 14 100.00 รพ.สต.บำงโพธิ์ 193 2 1.03 2 100.00 รพ.สต.คลองน้อย 489 8 1.63 8 100.00 รพ.สต.บำงใบไม้ 493 11 2.23 11 100.00 รพ.สต.บ้ำนใหม่พัฒนำ 1,126 628 55.77 628 100.00 รพ.สต.เฉลิมพระเกียรติ 991 12 1.21 12 100.00 รพ.สต.มะขำมเตี้ย 2,216 103 4.64 103 100.00 รพ.สต.บำงกุ้ง 2,520 2,115 83.92 2,110 99.76 รวมยอดผู้รับบริกำร 25,246 8,180 32.40 8,136 99.46 สรุปผล ยอดผู้ป่วยยืนยัดติดเชื้อโควิดที่เข้ำรับกำรรักษำกับสถำนบริกำรที่เข้ำร่วมโครงกำรจ ำนวน 17 สถำนบริกำร จ ำนวน 25,246 รำย เข้ำรับบริกำรโดยผ่ำน QR code จ ำนวน 8,180 รำย คิดเป็นร้อยละ 32.40 พบว่ำสถำนบริกำรที่รับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดผ่ำน QR code มำกสุดเมื่อเทียบกับจ ำนวนผู้ป่วย ยืนยันเชื้อโควิด ได้แก่ รพ.สต.บำงกุ้ง ร้อยละ 83.92 ศทบ.บึงขุนทะเล ร้อยละ 78.01 และ รพ.สต.บ้ำนใหม่ พัฒนำ ร้อยละ 55.77 ตำมล ำดับ ทั้งนี้ทำงสถำบนกริกำรทั้ง 3 แห่ง ให้ข้อมูลว่ำหลังจำกมีกำรส่ง QR code ให้


Click to View FlipBook Version