๕. สาระสำคัญ การอ่านตีความ เป็นการอ่านที่จะต้องทำความเข้าใจกับความหมายแฝง ที่เป็นแก่นของเรื่องที่แท้จริง ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ เนื่องจากบางครั้งผู้เขียนไม่ได้ต้องการสื่อความหมายตรงตามถ้อยคำที่เขียน แต่ยังแฝง ความคิดที่ลึกซึ้งด้วยศิลปะการเขียนที่ใช้สัญลักษณ์หรือถ้อยคำเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่านใช้ปัญญาคิดวิเคราะห์ เนื้อความนั้น ๆ เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่าน ๖. สาระการเรียนรู้ การอ่านตีความคำยาก ๗. ชิ้นงาน หรือภาระงาน ใบงานเรื่อง การอ่านตีความคำยาก ๘. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๘.๑ นักเรียนร่วมกันอ่านคำศัพท์และหาความหมายของคำศัพท์ กบดาน หมายถึง หลบซ่อนตัวไม่ออกมา รอมร่อ หมายถึง จวนเจียน, เกือบจะ, หวุดหวิด วิตถาร หมายถึง กว้างขวาง, พิสดาร, ละเอียด เดียรดาษ หมายถึง เกลื่อนกลาด, เกลื่อน ชุกชี หมายถึง ฐานปูน หรือฐานไม้สำหรับประดิษฐานพระประธาน ๘.๒ นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างคำยากและหาความหมายของคำ ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ ๘.๓ นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายความหมายการอ่านตีความคำยาก (แนวคำตอบ การอ่านตีความ เป็นการอ่านที่จะต้องทำความเข้าใจกับความหมายแฝง ที่เป็นแก่น ของเรื่องที่แท้จริงที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ เนื่องจากบางครั้งผู้เขียนไม่ได้ต้องการสื่อความหมายตรงตามถ้อยคำ ที่เขียน) ๘.๔ นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับหลักการอ่านตีความ ได้ว่า หลักการอ่านตีความ ๑. อ่านเรื่องที่จะตีความนั้นให้ละเอียด แล้วพยายามจับประเด็นสำคัญให้ได้ ๒. ขณะที่อ่านต้องพยายามคิดหาเหตุผลและใคร่ครวญอย่างรอบคอบ แล้วนำมาประมวล เข้ากับความคิดของตนเองว่า ข้อความหรือเรื่องนั้นมีความหมายถึงสิ่งใด ๓. พยายามทำความเข้าใจถ้อยคำที่เห็นว่ามีความสำคัญ และจะต้องไม่ลืมตรวจดูบริบท (context) ด้วยว่าบริบทหรือสิ่งแวดล้อมนั้นได้กำหนดความหมายของคำนั้นอย่างไร ๔. ต้องระลึกไว้เสมอว่า การตีความไม่ใช่การถอดคำประพันธ์เพราะการตีความเป็นการ จับใจความสำคัญและคงไว้ซึ่งคำของข้อความเดิม ๕. การเขียนเรียบเรียงถ้อยคำที่ได้จากการตีความนั้น จะต้องให้มีความหมายชัดเจน ๖. การตีความเกี่ยวกับเนื้อหาหรือน้ำเสียง เป็นการตีความตามความรู้ ความคิดและ ประสบการณ์ของผู้ตีความเอง ดังนั้น ผู้อื่นจึงไม่อาจเห็นพ้องตามก็ได้
๘.๕ นักเรียนและครูร่วมกันอ่านวิเคราะห์ตีความคำยาก จากตัวอย่าง นักเรียนดูเอกสารการเรียน ประกอบ ๘.๖ นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายการอ่านตีความคำยากจากบทความตัวอย่าง ๘.๗ นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน นักเรียนรับฟังคำชี้แจงกิจกรรมและรับอุปกรณ์ กลุ่มละ ๑ ชุด ให้นักเรียนอ่านเรื่อง ช้อนปลาในบ่อเพื่อน และบอกความหมายศัพท์ต่อไปนี้โดยใช้บริบทและ พจนานุกรม โดยใช้เวลากลุ่มละ ๑๐ นาที เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน ครูให้คำแนะนำเพิ่มเติม จากนั้นออกมารับใบงาน นักเรียนรับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับใบงานเรื่อง การอ่านตีความ คำยาก เสร็จแล้วนำส่งครูผู้สอนในชั่วโมงถัดไป ขั้นสรุปบทเรียน นักเรียนและครูสรุปความหมายการอ่านตีความคำยากได้ว่า การอ่านตีความ เป็นการอ่านที่จะต้อง ทำความเข้าใจกับความหมายแฝง ที่เป็นแก่นของเรื่องที่แท้จริงที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ เนื่องจากบางครั้งผู้เขียน ไม่ได้ต้องการสื่อความหมายตรงตามถ้อยคำที่เขียน ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การยิ้มแย้ม การชมเชย การสร้างกำลังใจ เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 10.1 ใบความรู้ การอ่านตีความคำยาก 10.๒ กระดาษชาร์ตและปากกาเคมีหลากสี 10.3 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ 10.4 มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มา: https://dltv.ac.th/ teachplan/episode/10200 ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย การอ่านตีความคำยากได้(K) การตอบคำถาม ในชั้นเรียน คำถามในชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนสามารถอ่านตีความ คำยากได้ (P) ตรวจใบงานเรื่อง การ อ่านตีความคำยาก และการกิจกรรมกลุ่ม การอ่านตีความ ใบงานเรื่อง การอ่าน ตีความคำยาก และกิจกรรมกลุ่ม การอ่านตีความ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในกิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรม ใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด ไม่หยอก ล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด มีหยอก ล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มี บางครั้งที่ไม่นิ่ง หรือส่ง เสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย
การอ่านตีความค ายาก... การอ่านตีความ เป็นการอ่านที่จะต้องทำความเข้าใจกับความหมายแฝง ที่เป็นแก่นของเรื่องที่แท้จริง ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ เนื่องจากบางครั้งผู้เขียนไม่ได้ต้องการสื่อความหมายตรงตามถ้อยคำที่เขียน แต่ยังแฝง ความคิดที่ลึกซึ้งด้วยศิลปะการเขียนที่ใช้สัญลักษณ์หรือถ้อยคำเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่านใช้ปัญญาคิดวิเคราะห์ เนื้อความนั้น ๆ เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่าน หรือบางครั้งผู้เขียนอาจไม่กล่าวถึงเรื่องราวบางประการอย่าง ตรงไปตรงมา ซึ่งอาจเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือเสียมารยาททางสังคม ผู้เขียนจึงหลีกเลี่ยงวิธีการเขียนโดยไม่ กล่าวตรง ๆ แต่ไปใช้คำเปรียบเทียบหรือใช้สัญลักษณ์แทน ผู้อ่านจึงต้องใช้ประสบการณ์การอ่านและสติปัญญา ในการอ่านตีความให้เข้าใจสารอย่างแท้จริง หลักเกณฑ์ในการอ่านตีความมี ดังนี้ ๑. อ่านเรื่องที่จะตีความนั้นให้ละเอียด แล้วพยายามจับประเด็นสำคัญให้ได้ ๒. ขณะที่อ่านต้องพยายามคิดหาเหตุผลและใคร่ครวญอย่างรอบคอบ แล้วนำมาประมวลเข้ากับความคิด ของตนเองว่า ข้อความหรือเรื่องนั้นมีความหมายถึงสิ่งใด ๓. พยายามทำความเข้าใจถ้อยคำที่เห็นว่ามีความสำคัญ และจะต้องไม่ลืมตรวจดูบริบท (context) ด้วยว่าบริบทหรือสิ่งแวดล้อมนั้นได้กำหนดความหมายของคำนั้นอย่างไร ๔. ต้องระลึกไว้เสมอว่า การตีความไม่ใช่การถอดคำประพันธ์ เพราะการตีความเป็นการจับใจความ สำคัญและคงไว้ซึ่งค าของข้อความเดิม ๕. การเขียนเรียบเรียงถ้อยคำที่ได้จากการตีความนั้น จะต้องให้มีความหมายชัดเจน ๖. การตีความเกี่ยวกับเนื้อหาหรือน้ำเสียง เป็นการตีความตามความรู้ความคิดและประสบการณ์ของ ผู้ตีความเอง ดังนั้น ผู้อื่นจึงไม่อาจเห็นพ้องตามก็ได้ ที่มา: มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ https://dltv.ac.th/teachplan/episode/10200
ตัวอย่างการอ่านตีความ ๑. “โต้ตอบอย่าเสียคำ” ตีความได้ว่า ในการสนทนาหรือโต้คารมไม่ควรกล่าวคำพูดให้ผู้อื่น เสื่อมเสีย จากสุภาษิตข้างต้นถ้าอ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ความว่า “การพยายามโต้ตอบด้วยบางสิ่งบางอย่างเป็นเรื่องที่ดี” ๒. “อย่าขุดคนด้วยปาก” ตีความได้ว่า ไม่ควรพูดค่อนขอดหรือกล่าวหาว่าร้ายใคร จากสุภาษิต ข้างต้นถ้าอ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ความว่า “ห้ามไม่ให้ใช้ปากคนขุดหา ของ” ๓. “น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ” ตีความได้ว่า ในขณะที่เหตุการณ์รุนแรงยังดำเนินอยู่อย่างร้อนรน เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว จากสุภาษิตข้างต้นถ้าอ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ ความว่า “ห้ามพายเรือหรือนำเรือไปขวางตอนที่น้ำกำลังไหลเชี่ยว” ๔. “เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นยืนอยู่ที่นั่นนานนักหนาบางทีอาจจะก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้าไปซื้อ ของในร้านเสียอีก ดวงตาเป็นประกายของแม่หนูจับจ้องอยู่ที่ขวดโหลที่บรรจุทอฟฟี่ชนิดต่าง ๆ อมยิ้ม ลูกกวาด และขนมปังกรอบหลากหลายชนิด นิ้วแกใส่อยู่ในปากท่าทางเหมือนกับพิสมัยขนมในขวดโหล นั้นเป็นกำลัง จนกระทั่งตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะเลือกซื้ออะไรกันแน่” ทอฟฟี่ หมายถึง ของหวานแบบฝรั่ง ใช้อมให้ละลายทีละน้อยทำด้วยน้ำตาลกวนกับนม หรือเนย เป็นต้น ปั้นเป็นก้อนกลมหรือเหลี่ยม แล้วห่อกระดาษบิดหัวท้าย, ลูกอม ก็เรียก อมยิ้ม หมายถึง ขนมหวานประเภทลูกอมชนิดหนึ่งทำด้วยน้ำตาลเป็นรูปกลม ๆ หรือ แบน ๆ มีไม้เสียบด้านล่างสำหรับถือมีสีต่าง ๆ ลูกกวาด หมายถึง ของหวานท าด้วยน้ำตาล มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ทำเป็นหลายสี ใช้เคี้ยว หรืออมให้ละลายทีละนิด พิสมัย หมายถึง รัก , ชอบ ในที่นี้หมายถึง อยากได้ ที่มา: มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ https://dltv.ac.th/teachplan/episode/10200
กิจกรรมกลุ่ม... คำชี้แจง: ให้นักเรียนอ่านเรื่อง เรื่องช้อนปลาในบ่อเพื่อน และบอกความหมายศัพท์ต่อไปนี้โดยใช้ บริบทและพจนานุกรม โดยใช้เวลากลุ่มละ ๑๐ นาที เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน ที่มา: มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ https://dltv.ac.th/teachplan/episode/10200 ช้อนปลาในบ่อเพื่อน โดยทั่วไปก่อนเลี้ยงปลาเป็นอาชีพ เกษตรกรต้องตระเตรียมพื้นที่ที่จะลงทุนแรง ขุดบ่อสำหรับเลี้ยงปลาจากนั้นจึงซื้อลูกปลาพันธุ์ที่ต้องการมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก ต้องใช้ เวลาสมควรในการดูแลเลี้ยงดูให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ เพื่อจะได้จับขายถอนทุนหวังผล กำไร แต่วันดีคืนดีก็มีมือดีแอบมาช้อนปลาหรือมาตกปลาไป พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการเอา เปรียบด้วยวิธีมักง่ายเพียงเพื่อให้ตนได้ผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง ยิ่งถ้าเป็นการ กระทำของคนที่คุ้นเคยก็ย่อมจะสร้างความไม่พอใจและสลดหดหู่ใจแก่เจ้าของบ่อปลา ได้มีการนำ “ช้อนปลาในบ่อเพื่อน” มาใช้เป็นสำนวนทางการเมืองให้มี ความหมายเปรียบถึงการกระทำของ พรรคการเมืองบางพรรคที่ใช้วิธีเอาเปรียบพรรคอื่น เพื่อชักจูงนักการเมืองที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วในพรรคนั้น ๆ ให้ย้ายมา อยู่พรรคของตนโดย ไม่ต้องสร้างนักการเมืองใหม่ ๆ เอง เช่น ตอนนี้สุพลซึ่งเป็นคอการเมืองคุยวิพากษ์วิจารณ์ กับกลุ่ม เพื่อนอย่างออกรสว่า “ไอ้วิธีช้อนปลาในบ่อเพื่อนนี่มันเป็นวิธีการเห็นแก่ได้อย่าง น่าอดสู แพร่ระบาดรวดเร็วเหมือนโรค ร้าย แต่บางพรรคก็ยังทำกันอย่างหน้าตาเฉย” บางคนใช้เป็นสำนวน “ตกปลาในบ่อเพื่อน” ซึ่งก็มีจุดมุ่งหมายในการพูดคล้ายกัน แต่จะ เน้นที่การใช้เหยื่อเพื่อล่อให้ปลามาฮุบกินด้วยวิธีการตกเบ็ด
กิจกรรมกลุ่ม... คำชี้แจง: ให้นักเรียนอ่านเรื่อง เรื่องช้อนปลาในบ่อเพื่อน และบอกความหมายศัพท์ต่อไปนี้โดยใช้ บริบทและพจนานุกรม โดยใช้เวลากลุ่มละ ๑๐ นาที เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน ๑. ถอนทุน ความหมาย เอาทุนคืน, ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเอาทุนคืน ๒. วันดีคืนดี ความหมาย โอกาสเหมาะ, ใช้พูดแสดงเวลาที่ไม่แน่นอน หรือใช้แก่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ๓. มือดี ความหมาย ขโมย ๔. ช้อนปลา ความหมาย จับปลา ๕. คอการเมือง ความหมาย ผู้สนใจเรื่องการเมือง, เก่งเรื่องการเมือง ๖. อย่างออกรส ความหมาย คุยกันอย่างสนุกสนาน ๗. วิธีช้อนปลา ความหมาย การเอาเปรียบผู้อื่น ๘. หน้าตาเฉย ความหมาย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ๙. เหยื่อ ความหมาย ผลประโยชน์ ๑๐. ฮุบ ความหมาย กิน ที่มา: มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ https://dltv.ac.th/teachplan/episode/10200
คำชี้แจง: ให้นักเรียนบอกความหมายคำที่ขีดเส้นใต้ให้ถูกต้อง ๑. “แหม เจ้าประคุณเอ๋ย วันนั้นเรากินข้าวกลางวันกันจนท้องหลาม ข้าวสุกไม่เหลือติดก้นจานแม้เม็ด เดียวไม่มีหกตกหล่น อร่อยข้าวคลุกเห็ดโคนต้มน้ำปลา” หลงทาง : ขรรค์ชัย บุนปาน ท้องหลาม หมายถึง ............................................................................................................ ................................. ๒. “ระวางนั้น โสมทัตต์ตรงรี่เข้าไปหาคู่รักของตน ส่วนคู่รักก็ลุกขึ้นมาต้อนรับออกเสียงอุทานแต่เบา ข้าพเจ้าเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ก็เตรียมตัวสงบใจให้หายอุธัจ เพื่อเข้าไปหานางผู้หาที่เปรียบมิได้ของข้าพเจ้าบ้าง” กามนิต : เสถียรโกเศศและนาคะประทีป อุธัจ หมายถึง ............................................................................................................... ........................................ ๓. “บ้านอยู่ถัดไป ตรงลานหน้าบ้านมีหม้อและชามดินพึ่งปั้นเสร็จใหม่ ๆ วางอยู่เรียงราย อันเป็นการ งานแห่งเจ้าของบ้านที่พากเพียรลงแรงท าเป็นสัมมาอาชีพได้ในวันนั้น เครื่องปั้นหม้อยังคงวางอยู่ใต้ต้นมะขาม ใหญ่, ขณะนั้นกุมภการช่างปั้นหม้อก าลังเอาชามดินดิบออกจากเครื่องปั้น ขนเอามาวางเรียงรวมกันไว้” กามนิต : เสถียรโกเศศและนาคะประทีป กุมภการ หมายถึง ............................................................................................................. ................................... ๔. ขอเพียงเห็นดาวรุ่งที่มุ่งฝัน เป็นสำคัญว่าอุทัยใกล้แล้วหนอ อีกเมื่อไรจะสว่างเหมือนอย่างรอ : อุชเชนี อุทัย หมายถึง .............................................................................................................. ........................................ ชื่อ................................................................................................................ชั้น..... .................เลขที่..................... ใบงาน การอ่านตีความค ายาก
คำชี้แจง: ให้นักเรียนบอกความหมายคำที่ขีดเส้นใต้ให้ถูกต้อง ๑. “แหม เจ้าประคุณเอ๋ย วันนั้นเรากินข้าวกลางวันกันจนท้องหลาม ข้าวสุกไม่เหลือติดก้นจานแม้เม็ด เดียวไม่มีหกตกหล่น อร่อยข้าวคลุกเห็ดโคนต้มน้ำปลา” หลงทาง : ขรรค์ชัย บุนปาน ท้องหลาม หมายถึง ท้องใหญ่เกินพอดี ๒. “ระวางนั้น โสมทัตต์ตรงรี่เข้าไปหาคู่รักของตน ส่วนคู่รักก็ลุกขึ้นมาต้อนรับออกเสียงอุทานแต่เบา ข้าพเจ้าเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ก็เตรียมตัวสงบใจให้หายอุธัจ เพื่อเข้าไปหานางผู้หาที่เปรียบมิได้ของข้าพเจ้าบ้าง” กามนิต : เสถียรโกเศศและนาคะประทีป อุธัจ หมายถึง ความประหม่า ความขวยเขิน ๓. “บ้านอยู่ถัดไป ตรงลานหน้าบ้านมีหม้อและชามดินพึ่งปั้นเสร็จใหม่ ๆ วางอยู่เรียงราย อันเป็นการ งานแห่งเจ้าของบ้านที่พากเพียรลงแรงท าเป็นสัมมาอาชีพได้ในวันนั้น เครื่องปั้นหม้อยังคงวางอยู่ใต้ต้นมะขาม ใหญ่, ขณะนั้นกุมภการช่างปั้นหม้อก าลังเอาชามดินดิบออกจากเครื่องปั้น ขนเอามาวางเรียงรวมกันไว้” กามนิต : เสถียรโกเศศและนาคะประทีป กุมภการ หมายถึง หมายถึง ช่างปั้นหม้อ ๔. ขอเพียงเห็นดาวรุ่งที่มุ่งฝัน เป็นสำคัญว่าอุทัยใกล้แล้วหนอ อีกเมื่อไรจะสว่างเหมือนอย่างรอ : อุชเชนี อุทัย หมายถึง พระอาทิตย์แรกขึ้น ชื่อ................................................................................................................ชั้น..... .................เลขที่..................... เฉลย ใบงาน การอ่านตีความค ายาก
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง การเขียนย่อความ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๖ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๗ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ม.๑/๕ เขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายหลักการเขียนย่อความได้อย่างถูกต้อง (K) ๒.๒ นักเรียนสามารถเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่านได้ถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา
๕. สาระสำคัญ การเขียนย่อความ ย่อความ หมายถึง เนื้อความที่ตัดทอนจากข้อความเดิมให้เหลือเฉพาะสาระสำคัญ ย่อความมีความสำคัญกับการสื่อสารความเข้าใจระหว่างกัน ทั้งในการพูดและการเขียน สำหรับผู้ส่งสาร สถานการณ์ที่เวลาจำกัดหรือรีบด่วนย่อมไม่อาจใช้ข้อความยืดยาวให้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดได้ จำต้องรวบรัด หรือสรุปให้ได้ใจความสำคัญหรือสาระสำคัญ ๖. สาระการเรียนรู้ การเขียนย่อความจากเรื่อง ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงานเรื่อง การเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๘.๑ นักเรียนฟังบทความ เรื่อง ความจริงที่ต้องการ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันย่อเนื้อเรื่องที่ครูเล่า ให้ฟังให้มีขนาดสั้นที่สุด แต่ยังได้ใจความเหมือนเดิม ๘.๒ นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาถึงความสำคัญของการย่อความ ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน (ความสำคัญของการย่อความ คือ การทำเนื้อความให้สั้นลงแต่ยังได้ใจความเหมือนเดิม การย่อความ ทำให้การอ่านเข้าใจได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ใช้เวลาในการอ่านน้อยลง) ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ ๘.๓ นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายความหมายของการย่อความ (แนวการตอบ การย่อความ คือ การเก็บใจความสำคัญของเรื่องมาเรียบเรียงใหม่ ให้สั้นกว่าเดิม แต่มีใจความสำคัญครบถ้วนสมบูรณ์ว่า ใคร ทำอะไร ทีไหน เมื่อไร อย่างไร โดยใช้สำนวนภาษาของผู้ย่อเอง) ๘.๔ นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับประเภทของการย่อความ ((แนวการตอบ การเขียนย่อความจะมีอยู่ ๔ รูปแบบ ได้แก่ การย่อความจากนิทาน การย่อความ จากข่าว การย่อความจากบทความ และการย่อความจากประกาศ) ๘.๕ นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ทั่วไปของการย่อความ (แนวการตอบ หลักการเขียนย่อความ คือ ๑. อ่านเรื่องที่จะย่อความให้จบอย่างน้อย ๒ ครั้ง เพื่อให้ทราบว่าเรื่องนั้น กล่าวถึง ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร และผลเป็นอย่างไร ๒. บันทึกใจความ สำคัญของเรื่องที่อ่าน แล้วนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ด้วยสำนวนของตนเอง ๓. อ่านทบทวนใจความสำคัญ ที่เขียนเรียบเรียงแล้ว จากนั้นแก้ไขให้สมบูรณ์ โดยตัดข้อความที่ซ้ำซ้อนกันออก เพื่อให้เนื้อหากระชับ และเชื่อมข้อความให้สัมพันธ์กันตั้งแต่ต้นจนจบ ๔. เขียนย่อความให้สมบูรณ์ โดยเขียนแบบขึ้นต้นของย่อความ ตามรูปแบบของประเภทข้อความนั้น ๆ เช่น การย่อนิทาน การย่อบทความ ๕. การเขียนย่อความไม่นิยม
ใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ และสรรพนามบุรุษที่ ๒ คือ ฉัน คุณ ท่าน แต่จะใช้สรรพนามบุรุษที่ ๓ เช่น เขา และไม่เขียนโดยใช้อักษรย่อ นอกจากนี้ หากมีการใช้คำราชาศัพท์ต้องเขียนให้ถูกต้อง ไม่ควรตัดทอน จากนั้น อธิบายถึงรูปแบบของการเขียนย่อความว่ามีรูปแบบใดบ้าง) ๘.๖ นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับรูปแบบของการเขียนย่อความแบบการขึ้นคำนำย่อความ การขึ้นคำนำย่อความ จะต้องบอกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อความนั้นว่าเป็นประเภทใด เรื่อง อะไร ใครเขียน หรือเกี่ยวข้องกับผู้ใด ในโอกาสใด เมื่อไร เช่น นิทานเรื่อง...............................................ของ..........................................ความว่า...... ข่าวเรื่อง..................................................จาก..........................................ความว่า....... จดหมาย......................ของ...................ถึง.....................ลงวันที่..............ความว่า....... ประกาศของ................เรื่อง.................แก่...........ที่...................เมื่อ........ความว่า....... ปาฐกถาของ................เรื่อง.................แก่...........ที่...................เมื่อ........ความว่า....... ๘.๗ นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น ๔ กลุ่มกลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วให้ส่งตัวแทนออกมาจับสลากเพื่อเลือก หัวข้อในการย่อความ พร้อมกับรับอุปกรณ์ในการทำงาน หัวข้อที่กำหนดได้แก่ การย่อความจากนิทาน การย่อความจากข่าว การย่อความจากจดหมาย การย่อความจากประกาศ ๘.๘ นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ สามารถเลือกเรื่องได้ตามความสนใจ เมื่อเสร็จแล้ว ให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน และครูร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานนักเรียน ขั้นสรุป นักเรียนและครูสรุปความหมายของการย่อความ และการย่อความจากแหล่งต่าง ๆ ได้ว่า ย่อความ หมายถึง เนื้อความที่ตัดทอนจากข้อความเดิมให้เหลือเฉพาะสาระสำคัญ ย่อความมีความสำคัญกับการสื่อสาร ความเข้าใจระหว่างกัน ทั้งในการพูดและการเขียน สำหรับผู้ส่งสาร สถานการณ์ที่เวลาจำกัดหรือรีบด่วน ย่อมไม่อาจใช้ข้อความยืดยาวให้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดได้ จำต้องรวบรัดหรือสรุปให้ได้ใจความสำคัญหรือ สาระสำคัญ ส่วนการเขียนย่อความจากแหล่งต่าง ๆ นั้น ควรศึกษาหลักการเขียนย่อความตามแต่ละประเภทให้ ถูกต้อง และนักเรียนรับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับใบงานเรื่อง การเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน แล้วนำกลับไปทำ เป็นการบ้าน ส่งคาบเรียนหน้า ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การชมเชย การสร้างกำลังใจ เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ ใบความรู้ เรื่อง การเขียนย่อความ ๑๐.๒ บทความ เรื่อง ความจริงที่ต้องการ ๑๐.๓ กระดาษชาร์ตและปากกาหลากสี
๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย หลักการเขียนย่อความ ได้อย่างถูกต้อง (K) การตอบคำถาม ในชั้นเรียน คำถามในชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนสามารถเขียน ย่อความจากเรื่องที่อ่านได้ ถูกต้อง (P) การทำกิจกรรมการนำเสนอ ผลงานหน้าชั้นเรียน และตรวจใบงานเรื่อง การเขียนย่อความ กิจกรรมการนำเสนอ ผลงานหน้าชั้นเรียน และใบงานเรื่อง การเขียนย่อความ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียน (A) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในกิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรม ใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด ไม่หยอก ล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด มีหยอก ล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มี บางครั้งที่ไม่นิ่ง หรือส่ง เสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย
การย่อความ คือ การเก็บใจความสำคัญของเรื่องมาเรียบเรียงใหม่ ให้สั้นกว่าเดิมแต่มีใจความ สำคัญครบถ้วนสมบูรณ์ ว่า ใคร ทำอะไร ทีไหน เมื่อไร อย่างไร โดยใช้สำนวนภาษาของผู้ย่อเอง การเขียนย่อความจะมีอยู่ ๔ รูปแบบ ได้แก่ การย่อความจากนิทาน การย่อความจากข่าว การย่อความจากบทความ และการย่อความจากประกาศ หลักการเขียนย่อความ ๑. อ่านเรื่องที่จะย่อความให้จบอย่างน้อย ๒ ครั้ง เพื่อให้ทราบว่าเรื่องนั้นกล่าวถึง ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร และผลเป็นอย่างไร ๒. บันทึกใจความสำคัญของเรื่องที่อ่าน แล้วนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ด้วยสำนวนของตนเอง ๓. อ่านทบทวนใจความสำคัญที่เขียนเรียบเรียงแล้ว จากนั้นแก้ไขให้สมบูรณ์ โดยตัดข้อความที่ ซ้ำซ้อนกันออก เพื่อให้เนื้อหากระชับ และเชื่อมข้อความให้สัมพันธ์กันตั้งแต่ต้นจนจบ ๔. เขียนย่อความให้สมบูรณ์ โดยเขียนแบบขึ้นต้นของย่อความตามรูปแบบของประเภทข้อความ นั้น ๆ เช่น การย่อนิทาน การย่อบทความ ๕. การเขียนย่อความไม่นิยมใช้สรรพยามบุรุษที่ ๑ และสรรพนามบุรุษที่ ๒ คือ ฉัน คุณ ท่าน แต่จะ ใช้สรรพนามบุรุษที่ ๓ เช่น เขา และไม่เขียนโดยใช้อักษรย่อ นอกจากนี้ หากมีการใช้คำราชาศัพท์ต้อง เขียนให้ถูกต้อง ไม่ควรตัดทอน จากนั้นอธิบายถึงรูปแบบของการเขียนย่อความว่ามีรูปแบบใดบ้าง แบบการขึ้นคำนำย่อความ การขึ้นคำนำย่อความ จะต้องบอกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อความนั้นว่าเป็นประเภทใด เรื่องอะไร ใคร เขียน หรือเกี่ยวข้องกับผู้ใด ในโอกาสใด เมื่อไร เช่น นิทานเรื่อง...............................................ของ..........................................ความว่า...... ข่าวเรื่อง..................................................จาก..........................................ความว่า....... จดหมาย......................ของ...................ถึง.....................ลงวันที่..............ความว่า....... ประกาศของ................เรื่อง.................แก่...........ที่...................เมื่อ........ความว่า....... ปาฐกถาของ................เรื่อง.................แก่...........ที่...................เมื่อ........ความว่า....... ใบความรู้ “การเขียนย่อความ”
ชื่อเรื่อง ความจริงที่ต้องการ ชื่อผู้แต่ง ถวัลย์ มาศจรัส สำนักพิมพ์ธารอักษร ปีที่พิมพ์ 2551 เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งที่ขั้นบันไดของตึก โดยมีหมวกวางหงายไว้ข้างๆมีป้ายเขียนไว้ข้างตัวว่า “ผมตาบอด กรุณาช่วยด้วย” มีเหรียญเพียงสองสามอันในหมวก ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาหยิบเงินสองสาม เหรียญจากกระเป๋า แล้วหย่อนลงในหมวก เขาหยิบป้ายข้างเด็กตาบอดมาเขียนที่ข้างหลัง แล้ววางไว้ที่เดิม เพื่อให้คนเดินผ่านแล้วได้เห็นข้อความใหม่บนป้ายในไม่ช้า....หมวกก็เต็ม ผู้คนมากมายให้เงินแก่เด็กตาบอด บ่ายวันนั้นชายที่เขียนป้ายให้ใหม่กลับมาดู ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น เด็กชายจำเสียงฝีเท้าของเขาได้ก็ถาม ขึ้นว่า “คุณใช้คนที่เขียนป้ายให้ผมใหม่ เมื่อเช้าใช่ไหมครับ” คุณเขียนว่าอะไรครับ ชายคนนั้นพูดขึ้นว่า “ฉันแค่ เขียนความจริง ฉันเขียนสิ่งที่เธอพูดแต่เขียนด้วยคำพูดที่แตกต่างกัน” ฉันเขียนว่า “วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงาม แต่ผมไม่สามารถชื่นชมมันได้” ทั้งสองข้อความบอกกล่าวผู้คนว่าเด็กคนนั้นตาบอดที่ว่าข้อความแรกเพียงแค่ บอก ธรรดาว่าเด็กชายตาบอด ในขณะที่ข้อความหลังบอกผู้คนว่าพวกเขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้ตาบอด ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ๑. ควรช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าเรา ๒. เผชิญหน้ากับอดีตโดยไม่สลดใจ ที่มา: https://sites.google.com/site/chanrakkarnanmakmakm65555/phasa-thiy/reuxng-san บทความ เรื่อง ความจริงที่ต้องการ
คำชี้แจง: ให้นักเรียนอ่านนิทานที่กำหนด แล้วเขียนย่อความให้ถูกต้องตามรูปแบบ ...คนขี้เกียจ... ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในแถบอเมริกาใต้ ดินแดนแห่งนี้มีพืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์แต่ ใคร ๆ มักจะเรียกว่า “หมู่บ้านคนขี้เกียจ” เพราะชาวบ้านไม่ชอบทำงาน เขาชอบอยู่เฉยๆ กินผลไม้ เป็นอาหาร เมื่อกินเสร็จแล้วก็นอน ทุกคน ในหมู่บ้านจึงอยู่กันอย่างสงบสุข ต่อมามีแมลงจำนวนมากพากันมากินเปลือกผลไม้ที่ชาวบ้าน แกะทิ้งไว้ แมลงเหล่านี้ทำความรำคาญให้กับพวกชาวบ้านเป็นอย่างมาก ในที่สุดเขาจึงย้ายถิ่นไปอยู่ ใกล้ๆ กับทะเลสาบ ณ ที่แห่งนี้ทำให้พวกเขา มีน้ำดื่มน้ำใช้และผลไม้อุดมสมบูรณ์ วันหนึ่งมีชายชราคนหนึ่งเข้ามาใน หมู่บ้าน เขาสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ชาวบ้านไม่มีใครสนใจ เขานั่งลงที่โคนต้นไม้ พลางสานตะกร้าใบใหญ่ ด้วยหวายที่เขาเตรียมมา เมื่อสานเสร็จแล้วจึงเก็บเปลือกผลไม้ที่ชาวบ้านทิ้งไว้ใส่ตะกร้าจนเต็ม รุ่งเช้าชาวบ้านต่างแปลกใจเพราะบริเวณหมู่บ้านสะอาดมาก เทร่าซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงใช้ ให้คูโคไปตามชายชราคนนั้นมาพบ แต่คูโคกลับใช้ยาน่า ยาน่าก็ขี้เกียจใช้คนอื่นต่อไปอีก ในที่สุดจึง เป็นหน้าที่ของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งมีอายุน้อยที่สุดไปเรียกชายชราคนนั้นมา เมื่อมาถึงเทร่าจึงถามว่า “ตามาที่นี่เพื่อทำธุระอะไรหรือ” ชายชราจึงตอบว่า “ข้าเป็นคนยากจน อยากทำงานเพื่อแลกกับ อาหาร” เมื่อรู้เช่นนี้หัวหน้าหมู่บ้านจึงให้ชายชราทำงานในหมู่บ้าน ที่มา: (*Charles J.Finger. The Tale of the Lazy People : Tales from Silver Lands. New York : Doubleday Doran & Company Inc.,1937.) การเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน ย่อนิทานเรื่อง............................................................................................................................. ............ ของ............................................................................................................................. ............................ จาก................................................................................................... ...................................................... ความว่า............................................................................................................................. ..................... ใบงาน เรื่องการเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน (นิทาน)
คำชี้แจง: ให้นักเรียนอ่านนิทานที่กำหนด แล้วเขียนย่อความให้ถูกต้องตามรูปแบบ ...คนขี้เกียจ... ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในแถบอเมริกาใต้ ดินแดนแห่งนี้มีพืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์แต่ ใคร ๆ มักจะเรียกว่า “หมู่บ้านคนขี้เกียจ” เพราะชาวบ้านไม่ชอบทำงาน เขาชอบอยู่เฉยๆ กินผลไม้ เป็นอาหาร เมื่อกินเสร็จแล้วก็นอน ทุกคน ในหมู่บ้านจึงอยู่กันอย่างสงบสุข ต่อมามีแมลงจำนวนมากพากันมากินเปลือกผลไม้ที่ชาวบ้าน แกะทิ้งไว้ แมลงเหล่านี้ทำความรำคาญให้กับพวกชาวบ้านเป็นอย่างมาก ในที่สุดเขาจึงย้ายถิ่นไปอยู่ ใกล้ๆ กับทะเลสาบ ณ ที่แห่งนี้ทำให้พวกเขา มีน้ำดื่มน้ำใช้และผลไม้อุดมสมบูรณ์ วันหนึ่งมีชายชราคนหนึ่งเข้ามาใน หมู่บ้าน เขาสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ชาวบ้านไม่มีใครสนใจ เขานั่งลงที่โคนต้นไม้ พลางสานตะกร้าใบใหญ่ ด้วยหวายที่เขาเตรียมมา เมื่อสานเสร็จแล้วจึงเก็บเปลือกผลไม้ที่ชาวบ้านทิ้งไว้ใส่ตะกร้าจนเต็ม รุ่งเช้าชาวบ้านต่างแปลกใจเพราะบริเวณหมู่บ้านสะอาดมาก เทร่าซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงใช้ ให้คูโคไปตามชายชราคนนั้นมาพบ แต่คูโคกลับใช้ยาน่า ยาน่าก็ขี้เกียจใช้คนอื่นต่อไปอีก ในที่สุดจึง เป็นหน้าที่ของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งมีอายุน้อยที่สุดไปเรียกชายชราคนนั้นมา เมื่อมาถึงเทร่าจึงถามว่า “ตามาที่นี่เพื่อทำธุระอะไรหรือ” ชายชราจึงตอบว่า “ข้าเป็นคนยากจน อยากทำงานเพื่อแลกกับ อาหาร” เมื่อรู้เช่นนี้หัวหน้าหมู่บ้านจึงให้ชายชราทำงานในหมู่บ้าน ที่มา: (*Charles J.Finger. The Tale of the Lazy People : Tales from Silver Lands. New York : Doubleday Doran & Company Inc.,1937.) การเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน ย่อนิทานเรื่อง คนขี้เกียจ ของ Charles J.Fing จาก The Tale of the Lazy People : Tales from Silver Lands ความว่า หมู่บ้านคนขี้เกียจย้ายหนีแมลงมาอยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบที่มีแหล่งน้ำดื่ม น้ำใช้ และผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์คนในหมู่บ้านนี้ไม่ชอบทำงาน ชอบกินผลไม้และก็นอน วันหนึ่งมีชายชราเข้ามา อาศัยในหมู่บ้านและสานตะกร้าเก็บเปลือกผลไม้ที่ชาวบ้านทิ้งไว้ใส่จนเต็ม ทำให้ชาวบ้านแปลกใจมากที่เห็น บริเวณหมู่บ้านสะอาด เทร่าหัวหน้าหมู่บ้านจึงถามชายชราว่ามาทำธุระอะไร และได้รู้ว่า ชายชราอยากทำงาน เพื่อแลกกับอาหาร จึงอนุญาตให้ชายชราอยู่ทำงานในหมู่บ้านได้ เฉลย ใบงาน เรื่องการเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน (นิทาน)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ (เขียนเรื่องจากภาพ) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๖ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๙ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ม.๑/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคำถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม และสละสลวย ม.๑/๖ เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อที่ได้รับ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกคำศัพท์ที่มีความสัมพันธ์กับภาพที่กำหนดให้ได้(K) ๒.๒ นักเรียนสามารถเขียนสร้างสรรค์โดยเขียนเรื่องจากภาพได้ถูกต้องเหมาะสม (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนและทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
๕. สาระสำคัญ การเขียนเชิงสร้างสรรค์ หมายถึงการเขียนที่ผู้เขียนถ่ายทอดเนื้อหาสาระ ความคิด จินตนาการ อารมณ์ ตลอดจนประสบการณ์ ผ่านงานเขียนที่มีความแปลกใหม่ทั้งทางด้านรูปแบบและเนื้อหาโดยอาศัย ศิลปะทางภาษา การใช้สำนวนโวหาร ตลอดจนเทคนิควิธีการนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่ลอกเลียนแบบผู้ใด สร้างงานเขียนที่มีคุณค่า ให้ความเพลิดเพลินจรรโลงใจ ตลอดจนให้สาระประโยชน์แก่ผู้อ่าน ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ ความหมายของการเขียนสร้างสรรค์ ๖.๒ ความสำคัญของการเขียนสร้างสรรค์ ๖.๓ หลักการเขียนสร้างสรรค์จากรูปภาพที่ดี ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงานเรื่อง เขียนเรื่องจากภาพ ๘. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๘.๑ นักเรียนร่วมกันสังเกตแจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพูที่ครูนำมาวางไว้หน้าห้องเรียน จากนั้นครูถาม นักเรียนว่า เมื่อนักเรียนเห็นแจกันดอกกุหลาบ นักเรียนมีความรู้สึกหรือนึกถึงอะไร แล้วให้นักเรียนตอบ อย่างอิสระเพื่อไม่ให้เป็นการปิดกั้นความรู้สึกและจินตนาการของนักเรียน ๘.๒ นักเรียนและครูสรุปผลการตอบคำถามของนักเรียนในประเด็นที่แตกต่าง เช่น - แจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพู ให้ความรู้สึกถึงความรักของหนุ่มสาว - แจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพู ให้ความรู้สึกมีความสุข ๘.๓ นักเรียนฟังครูอธิบายว่า สิ่งที่นักเรียนตอบไปนั้นเป็นกระบวนการคิดและสามารถนำมาจัดระบบ เรียบเรียง และสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจความรู้สึกของตนเองสู่ผู้อื่นได้โดยเฉพาะกระบวนการคิดที่นำไปสู่ การเขียนสร้างสรรค์ ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ ๘.๔ นักเรียนรับใบความรู้เรื่อง การเขียนสร้างสรรค์ ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาของการเขียนสร้างสรรค์ ความหมายของการเขียนสร้างสรรค์ ความสำคัญของการเขียนสร้างสรรค์ หลักการเขียนสร้างสรรค์จากรูปภาพ ที่ดี และตัวอย่างงานเขียนสร้างสรรค์ พร้อมทั้งศึกษาความรู้และทำความเข้าใจ โดยครูเป็นผู้อธิบายเนื้อหา เพิ่มเติม ๘.๕ นักเรียนสังเกตรูปภาพที่ครูเตรียมมา แล้วช่วยกันระบุว่าเห็นอะไรในภาพนี้ โดยรูปภาพที่ครู เตรียมมามีดังต่อไปนี้ ที่มาภาพ : https://today.line.me/th/v2/article/nZlK31
๘.๖ ครูบันทึกสิ่งที่นักเรียนระบุรายละเอียดจากรูปภาพลงบนกระดาน ๘.๗ นักเรียนอ่านออกเสียงคำศัพท์ ฝึกสังเกต ฝึกการออกเสียงของคำให้ถูกต้องและนำไปใช้ในการ สะกดคำในการเขียนสร้างสรรค์ ๘.๘ นักเรียนและครูช่วยกันคิดคำศัพท์ที่สอดคล้องกับรูปภาพเพิ่มเติมจากที่นักเรียนได้ระบุคำศัพท์ จากรูปภาพไว้ โดยครูจะช่วยแนะนำการคิดคำศัพท์ในมุมมองต่าง ๆ ที่เป็นประสบการณ์ใหม่ให้กับนักเรียน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเขียนสร้างสรรค์ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ๘.๙ นักเรียนอ่านสะกดคำศัพท์ทั้งหมด เพื่อสังเกตรูปและเสียงของคำศัพท์ เมื่อสะกดคำจะได้จดจำ คำศัพท์นั้นได้ ๘.๑๐ นักเรียนช่วยกันจัดกลุ่มคำศัพท์ที่ระบุไว้จากรูปภาพ โดยครูเป็นผู้แนะนำและช่วยจัดกลุ่ม คำศัพท์ตามความเหมาะสม เช่น -จัดกลุ่มคำศัพท์ตามพยัญชนะ (ข้าว, คะน้า, คน) หรือพยัญชนะท้าย (กิ่ง, มอง, จูง) -จัดกลุ่มคำศัพท์ตามไตรยางศ์ (อักษรสูง อักษรกลาง และอักษรต่ำ) -จัดกลุ่มคำศัพท์ชนิดของคำ (นาม สรรพนาม กริยา วิเศษณ์ บุพบท สันธาน และอุทาน) การจัดกลุ่มคำศัพท์จะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกคิดเชิงอุปนัย โดยการจัดกลุ่มคำศัพท์จะช่วยให้ ผู้เรียนสามารถนำคำศัพท์มาเรียบเรียงได้ครบถ้วนและจัดลำดับเนื้อเรื่องได้ง่ายมากขึ้น ๘.๑๑ นักเรียนอ่านออกเสียงและอ่านสะกดคำศัพท์ เพื่อทบทวนอีกครั้ง จากนั้นนักเรียนดูตัวอย่าง การเขียนสร้างสรรค์จากรูปภาพทีละขั้นตอนจากครูโดยครูจะใช้คำศัพท์ที่นักเรียนช่วยกันคิดจากรูปภาพที่ครู นำมาข้างต้นมาเขียนสร้างสรรค์ ๘.๑๒ นักเรียนช่วยกันตั้งชื่อรูปภาพ โดยพิจารณาจากรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏในรูปภาพและ บรรยายเกี่ยวกับสิ่งที่ปรากฏในรูปภาพ โดยครูจะบันทึกการตั้งชื่อลงบนกระดาน นักเรียนนำคำศัพท์ที่ระบุไว้ มาสร้างเป็นประโยค โดยครูจะยกตัวอย่างการนำคำศัพท์มาสร้างประโยค และให้คำแนะนำในการสร้าง ประโยคเพื่อนำไปสู่การเขียนข้อความ หรือย่อหน้า ๘.๑๓ นักเรียนและครูช่วยกันนำคำศัพท์มาเขียนสร้างสรรค์เป็นเรื่องราวที่มีความสัมพันธ์กับภาพ ข้างต้น เมื่อเรียบร้อยแล้วช่วยกันดูการเขียนสร้างสรรค์จากภาพข้างต้นที่ได้ช่วยกันเขียน โดยให้นักเรียนอ่าน ข้อความที่ใช้ในการเขียนเรื่องจากภาพพร้อมกันเพื่อวิเคราะห์ว่าข้อความที่เขียนตรงตามลักษณะของการเขียน สร้างสรรค์ที่ดีหรือไม่ เพราะเหตุใด และครูอธิบายเพิ่มเติม จากนั้นนักเรียนรับใบงาน การเขียนเรื่องจากภาพ จากนั้นเริ่มเขียนสร้างสรรค์จากรูปภาพที่ได้รับมอบหมายส่งภายในชั่วโมง ขั้นสรุปบทเรียน นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่องการเขียนสร้างสรรค์ โดยครูเป็นผู้ตั้งคำถามนำสู่การสรุป ดังนี้ 1) คำศัพท์จากรูปภาพมีอะไรบ้าง 2) ความหมายของการเขียนสร้างสรรค์และ 3) หลักการเขียนสร้างสรรค์ จากรูปภาพที่ดีเป็นอย่างไร นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม ครูนัดหมายการทำกิจกรรมในคาบเรียนหน้า ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การชมเชย การสร้างกำลังใจ เป็นต้น
10. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 10.1 ใบความรู้เรื่อง การเขียนสร้างสรรค์ 10.2 ภาพที่ใช้ในการทำกิจกรรม ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถบอกคำศัพท์ ที่มีความสัมพันธ์กับภาพที่ กำหนดให้ได้ (K) การตอบคำถาม ในชั้นเรียน คำถามในชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนสามารถเขียน สร้างสรรค์โดยเขียนเรื่องจากภาพ ได้ถูกต้องเหมาะสม (P) การทำกิจกรรม ในชั้นเรียนและ ตรวจใบงานเรื่อง เขียนเรื่องจากภาพ กิจกรรมในชั้นเรียน และใบงานเรื่องเขียน เรื่องจากภาพ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้นใน การเรียนและทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในกิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรม ใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด ไม่หยอก ล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด มีหยอก ล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มี บางครั้งที่ไม่นิ่ง หรือส่ง เสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย
การเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นการเขียนที่ประกอบไปด้วยศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ ในแง่ของการเป็น “ศาสตร์” นั้น การเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นการถ่ายทอดความรู้ ทรรศนะ อารมณ์ ตลอดจนประสบการณ์ผ่าน ภาษา ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสารของคนในสังคม ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องอาศัยทั้งความรู้ทาง ภาษา หลักการและทฤษฎี ความลุ่มลึกของสาขาวิชาแขนงต่าง ๆ ที่ต้องการถ่ายทอด ตลอดจนอาศัย ประสบการณ์ การเขียนเพื่อถ่ายทอดเนื้อหาอันมีคุณค่าสารประโยชน์ตลอดจนความแปลกใหม่ผ่านงานเขียน ของตน ส่วนในแง่ของการเป็น “ศิลป์” นั้น กล่าวคือ การที่ผู้เขียนจะเขียนได้อย่างสร้างสรรค์นั้น ผู้เขียนจะต้อง มีความรู้และความชำนาญในการใช้เทคนิคกลวิธีการเขียน การใช้ท่วงทำนองการเขียน รวมทั้งการใช้ศิลปะ ทางด้านภาษา สำนวนโวหาร เพื่อผลิตงานเขียนได้อย่างสวยงาม สร้างสรรค์และทรงคุณค่า ความหมายของการเขียนสร้างสรรค์ การเขียนเชิงสร้างสรรค์ หมายถึงการเขียนที่ผู้เขียนถ่ายทอดเนื้อหาสาระ ความคิด จินตนาการ อารมณ์ ตลอดจนประสบการณ์ ผ่านงานเขียนที่มีความแปลกใหม่ทั้งทางด้านรูปแบบ และเนื้อหาโดยอาศัยศิลปะทาง ภาษา การใช้สำนวนโวหาร ตลอดจนเทคนิควิธีการนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่ลอกเลียนแบบผู้ใด สร้างงาน เขียนที่มีคุณค่า ให้ความเพลิดเพลินจรรโลงใจ ตลอดจนให้สาระประโยชน์แก่ผู้อ่านความสำคัญของการเขียน สร้างสรรค์ ความสำคัญของการเขียนสร้างสรรค์ ถวัลย์ มาศจรัส (2546 : 5-6) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเขียน เชิงสร้างสรรค์ไว้ดังนี้ ๑. ความสำคัญต่อชีวิต ๑.๑ เกิดภูมิปัญญาด้านสำนวนภาษาใหม่ ๆ สำหรับติดต่อสื่อสารให้ทันโลกทันเหตุการณ์ ๑.๒ เกิดอาชีพใหม่ ๆ จากการใช้ภาษาเชิงสร้างสรรค์ เช่น นักโฆษณา นักเขียน นักเขียน บทวิทยุ โทรทัศน์ โฆษก พิธีกร นักโต้วาที การแสดงเดี่ยว (ทอล์กโชว์) นักแปล ๑.๓ เกิดการสืบสานรากเหง้าทางวัฒนธรรม ได้แก่ การฟัง การพูดการอ่าน การเขียน การแสดง ซึ่งเป็นทั้งสาระและความบันเทิงของชีวิต ฯลฯ ๒. ความสำคัญต่อบุคคล ๒.๑ พัฒนาสมองซีกขวาในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ๒.๒ ทำให้เกิดภูมิปัญญา (Wisdom) ด้านต่าง ๆ ด้วยตนเอง อาทิด้านภาษา ด้านเหตุผล ด้าน การศึกษา ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ใบความรู้ “การเขียนเชิงสร้างสรรค์”
๓. ความสำคัญต่อสังคม ๓.๑ เกิดรูปแบบใหม่ในการติดต่อสื่อสารของคนในสังคม และระหว่างสังคมต่อสังคม ๓.๒ เกิดวัฒนธรรมและอารยธรรมใหม่ของการติดต่อสื่อสาร ๓.๓ เป็นการจุดประกายความคิดความฝันและจินตนาการผ่านการนำเสนอในรูปแบบของการเขียน เชิงสร้างสรรค์ การเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นพลังสำคัญที่ทำให้เกิดสาระทางวิชาการซึ่งเป็นส่วนของความมีเหตุมีผล (การใช้สมองซีกซ้าย) และส่วนของความสุนทรีของชีวิตเป็นส่วนของความคิดสร้างสรรค์การใช้สมองซีกขวา) อย่างสมดุล หลักการเขียนสร้างสรรค์จากรูปภาพที่ดี ๑. สังเกตภาพที่กำหนดให้ เลือกประเด็นที่น่าสนใจ ๒. รวบรวมความคิด หรือความรู้ที่เกี่ยวข้อง ๓. วางโครงเรื่อง และลำดับความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่จะเขียน ๔. จุดประทับใจควรมีเหตุการณ์หรือจุดสำคัญที่ทำให้ผู้อ่านประทับใจ ๕. บรรยายต่อเนื่องอาจแทรก ข้อคิดเห็น ความรู้ เป็นเหตุเป็นผล เพื่อประโยชน์ของผู้อ่าน ๖. ข้อความและเนื้อหาที่เขียนสร้างสรรค์ต้องสอดคล้องต่อรูปภาพที่กำหนด ๗. เรียบเรียงให้เป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์
เรื่อง วันแสนสุข ฤดูหนาวผ่านมาอีกครั้ง นทีกับลดารู้สึกดีใจที่คุณพ่อ คุณแม่พาไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น นทีและลดารู้สึก ตื่นเต้นมาก หิมะขาวโพนที่อยู่บนพื้น ทำให้นทีกับลดาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแปลกใหม่ที่พบเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต แม่ บอกว่าบ้านเราฤดูหนาวเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ทำให้เกิดหิมะ นทีกับลดาขออนุญาตแม่ปั้นตุ๊กตาหิมะเหมือน ที่เห็นเด็ก ๆ ปั้นจากภาพทางโทรทัศน์ เขาช่วยกันปั้นเป็นตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ ช่วยกันตกแต่งด้วยผ้าพันคอและ หมวก ทำให้ตุ๊กตาหิมะคล้ายคนที่มีชีวิต ความประทับใจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้หัวใจของนทีกับลดาพองโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวอย่างการเขียนสร้างสรรค์
เรื่อง ภัยธรรมชาติ อุทกภัยเป็นภัยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากน้ำท่วมฉับพลัน อันตรายเกิดจากสภาวะน้ำไหลเอ่อล้น ฝั่งแม่น้ำลำคลอง ประเทศไทยเกิดเหตุน้ำท่วมบ่อยครั้งทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม บริเวณจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่รับน้ำเกือบทุกพื้นที่ ที่สำคัญ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์ที่เป็นโบราณสถานของจังหวัดส่วนใหญ่อยู่ติดแม่น้ำ จึงได้รับผลกระทบต่อโครงสร้าง สถาปัตยกรรม เกิดการกัดเซาะของน้ำ การทรุดตัวของฐานดิน ดังนั้น อุทกภัยจึงเป็นปัญหาที่สำคัญที่เราทุกคนควรรู้ไว้เพื่อตระหนักป้องกัน และเตรียมความพร้อม รับมือกับภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างจริงจัง ตัวอย่างการเขียนสร้างสรรค์
คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนคำศัพท์จากภาพที่กำหนดให้ แล้วนำคำศัพท์นั้นมาเขียนสร้างสรรค์ให้ได้อย่างน้อย 5-7 บรรทัด พร้อมตั้งชื่อเรื่องให้สอดคล้องกัน โดยมีเวลาในการเขียน 15 นาที ชื่อเรื่อง........................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ชื่อ.........................................................................................ชั้น..............................เลขที่................. ใบงาน เรื่องเขียนเรื่องจากภาพ คำศัพท์ที่ปรากฏในภาพ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๙ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๙ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึก ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ม.๑/๓ พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของการพูดแสดงความคิดเห็นได้(K) ๒.๒ นักเรียนพูดแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ดูได้อย่างสร้างสรรค์(P) ๒.๓ นักเรียนมีมารยาทในการพูด (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา
๕. สาระสำคัญ การพูดแสดงความคิดเห็น หมายถึง การพูดเพื่อแสดงความรู้สึกหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีเหตุผล มีความสอดคล้องกับเรื่องที่พูด ในการพูดแสดงความคิดเห็น ผู้พูดอาจพูดแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องทางวิชาการ เศรษฐกิจ หรือสังคมก็ได้ ทั้งนี้เมื่อแสดงความคิดเห็นไปแล้วควรทำให้ ผู้ฟังเห็นด้วยหรือคล้อยตาม ๖. สาระการเรียนรู้ การพูดแสดงความคิดเห็น ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน พูดแสดงความคิดเห็นจากการดู เรื่อง ขยะทองคำ: ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนรับชมวิดีโอเรื่อง “ขยะทองคำ: ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า” ที่ครูเปิดให้ดูและให้นักเรียนตอบคำถาม ดังนี้ - วิดีโอที่ครูนำมาให้ดูเป็นวิดีโอเกี่ยวกับอะไร - นักเรียนคิดว่าวิดีโอที่รับชมไปดีหรือไม่ดีอย่างไรบ้าง นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนศึกษาเรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็นจากหนังสือรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษา และการใช้ภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ แล้วร่วมกันสรุปความรู้ความเข้าใจ โดยมีครูเป็นผู้อธิบายเพิ่มเติม ในประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดข้อสงสัย จากนั้นนักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นในประเด็นคำถาม ดังนี้ การพูดแสดงความคิดเห็นหมายถึงอะไร และมีหลักการในการพูดแสดงความคิดเห็นอย่างไรบ้าง จงอธิบาย ๘.๒ นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น ๕ กลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน แต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นเรื่อง “ขยะทองคำ: ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า” ที่ครูเปิดให้ดูตอนต้นชั่วโมง จากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเขียน แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์จากเรื่องที่นักเรียนดู ลงในกระดาษชาร์ต โดยใช้เวลา ๑๕ นาทีให้นักเรียน แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานของกลุ่มตนเองหน้าชั้นเรียน เมื่อนำเสนอครบทุกกลุ่มแล้วนักเรียนร่วมกัน ตอบคำถามเกี่ยวกับการพูดแสดงความคิดเห็น เพื่อประเมินความเข้าใจของนักเรียนในเรื่องการแสดง ความคิดเห็น
ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น ว่าเป็นการใช้ความคิด พิจารณา ประเด็นต่าง ๆ โดยเป็นความคิดที่แปลกใหม่ น่าสนใจ และสร้างสรรค์สังคม ผู้พูดจึงต้องศึกษาเรื่องนั้นอย่าง ละเอียด แล้วจึงวิเคราะห์ วิจารณ์หรือประเมินค่าเรื่องนั้นอย่างมีหลักเกณฑ์ เพื่อให้ผู้ฟังได้รับประโยชน์ และ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริง ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การชมเชย การสร้างกำลังใจ เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑๐.๒ วิดีโอเรื่อง “ขยะทองคำ: ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า” ๑๐.๓ กระดาษชาร์ต ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของการพูดแสดง ความคิดเห็นได้(K) การตอบคำถาม ในชั้นเรียน คำถามในชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนพูดแสดงความคิดเห็น จากเรื่องที่ดูได้อย่างสร้างสรรค์ (P) การพูดแสดง ความคิดเห็น แบบประเมิน การพูดแสดง ความคิดเห็น ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีมารยาทในการพูด (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
แบบประเมินการพูด เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม สรุปผลการ ประเมิน สาระสำคัญ ของการ นำเสนอ การใช้ภาษา และการใช้ น้ำเสียง มารยาท ในการพูด ความ เรียบร้อย ของงาน (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๑๒ คะแนน) ผ่าน ไม่ผ่าน 1 เด็กชายกนกพงศ์ บัวคำเกิด 2 เด็กชายกิตติธร บัวสิงห์ 3 เด็กชายกิตติธร ภูมิไธสง 4 เด็กชายจักรพรรดิ พรหมบุญศรี 5 เด็กชายจักรรัฐ ตรรกวัจนวงศ์ 6 เด็กชายณัฐวัฒน์ พุทธิวงศ์ 7 เด็กชายณัฐดนัย หมุนโคกสูง 8 เด็กชายณัฐพล พาลา 9 เด็กชายธนภัทร ประการแก้ว 10 เด็กชายธนวินท์ มหาฤทธิ์ 11 เด็กชายธนากร อ่อนพรม 12 เด็กชายธนิสร สุริเพ็ญ 13 เด็กชายธีรศักดิ์ บุญกัลยา 14 เด็กชายนพกุล กองศรีมา 15 เด็กชายนิธิเดชน์ แก้วเชียงหวาง 16 เด็กชายปณวัฒน์ เต็มรัมย์ 17 เด็กชายปวรปรัชญ์ ทิพย์กรณ์ 18 เด็กชายปัญจรัตน์ นามศรีแก้ว 19 เด็กชายพงศ์ศุลี ลิอินทร์ 20 เด็กชายพัชรพล โพธิ์ศรี 21 เด็กชายภัทรพงศ์ ดอนประจง 22 เด็กชายนาวา อุดมเพ็ญ 23 เด็กชายวราวุฒิ บุตรโคตร ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ………… คำชี้แจง ให้กรอกคะแนนลงในช่องรายการประเมินของนักเรียนที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๘ คะแนน)
เกณฑ์การประเมินการพูด ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน 1. สาระสำคัญของการ นำเสนอ ๑.๑ ลำดับความคิด อย่างต่อเนื่อง ๑.๒ นำเสนอเนื้อหา ตรงตามหัวข้อ ๑.๓ มีความเป็นเหตุ เป็นผล นำเสนอได้ตามเกณฑ์ ครบ ๓ ข้อ นำเสนอได้ตามเกณฑ์ครบ ๒ ข้อ นำเสนอได้ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ หรือไม่ได้ ตามเกณฑ์เลย 2. การใช้ภาษาและ การใช้น้ำเสียง ๒.๑ ใช้ภาษาถูกต้อง ตามกาลเทศะสื่อ ความหมายได้ชัดเจน ๒.๒ พูดเสียงดังฟังชัด ๒.๓ น้ำเสียงนุ่มนวล ใช้ภาษาและใช้น้ำเสียง ได้ตามเกณฑ์ครบ ๓ ข้อ ใช้ภาษาและใช้น้ำเสียง ได้ตามเกณฑ์ครบ ๒ ข้อ ใช้ภาษาและใช้น้ำเสียง ได้ตามเกณฑ์๑ ข้อ หรือ ไม่ได้ตามเกณฑ์เลย 3. มารยาทในการพูด ๓.๑ ใช้กิริยาสุภาพ ขณะพูด ๓.๒ เปิดโอกาสให้ผู้อื่น ได้แสดงความคิดเห็น ๓.๓ ใช้สายตาให้ความ สนใจกับผู้ฟัง ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ ครบ ๓ ข้อ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ครบ ๒ ข้อ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ หรือไม่ได้ตามเกณฑ์ เลย 4. ความเรียบร้อย ของงาน ทำงานได้อย่างเรียบร้อย เป็นระเบียบดีมาก ทำงานได้อย่างเรียบร้อย ค่อนข้างเป็นระเบียบ ทำงานไม่เรียบร้อย ดูไม่เป็นระเบียบ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ 11-๑2 คะแนน ดีมาก 8-10 คะแนน ดี 5-7 คะแนน พอใช้ 0-4 คะแนน ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ได้ระดับการประเมินคุณภาพระดับ ดี ถือว่าผ่าน หรือร้อยละ ๗๐ (๘ คะแนน) ขึ้นไปถือว่าผ่านเกณฑ์
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในกิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรม ใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด ไม่หยอก ล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด มีหยอก ล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มี บางครั้งที่ไม่นิ่ง หรือส่ง เสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย