สื่อกิจกรรม จัดดอกไม้คำพ้อง (ต่อ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง คำพ้องความหมาย (คำไวพจน์) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๑๖ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๑๖ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๑๗ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๑๗ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม.๑/๒ สร้างคำในภาษาไทย ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายลักษณะของคำพ้องความหมายได้ (K) ๒.๒ นักเรียนวิเคราะห์และเขียนคำพ้องความหมายได้อย่างถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนกระตือรือร้นในการเรียนและการทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
๕. สาระสำคัญ คำพ้องความหมายหรืออาจเรียกว่า คำไวพจน์ เป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน แต่มีการเขียนและ การออกเสียงต่างกัน คำพ้องความหมายช่วยให้เราสามารถเลือกใช้คำศัพท์ในการเขียนคำที่มีความหมาย เดียวกันหรือเหมือนกันได้หลากหลายมากขึ้น ทำให้การเขียนมีความสละสลวย ๖. สาระการเรียนรู้ คำพ้องความหมาย (คำไวพจน์) ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงานเรื่อง คำพ้องความหมาย ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้(กระบวนการเรียนรู้แบบจิ๊กซอร์ (Jigsaw)) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนความรู้เรื่องของคำพ้องรูป คำพ้องเสียง คำพ้องรูปพ้องเสียง ในคาบเรียนที่แล้ว ด้วยการอธิบายลักษณะและยกตัวอย่างคำพ้องทั้ง ๓ ชนิดข้างต้น จากนั้นนักเรียนรับทราบจุดประสงค์ การเรียนรู้ในวันนี้ โดยเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาของบทเรียนเรื่อง คำพ้องความหมายหรือคำไวพจน์ ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนจัดเข้ากลุ่มคละความสามารถ (เก่ง-กลาง-อ่อน) กลุ่มละ ๕ คน จะเรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มบ้านของเรา (Home Group) นักเรียนที่เป็นสมาชิกในกลุ่มบ้านของเราจะได้รับมอบหมายให้ศึกษาเนื้อหา สาระของคำไวพจน์คนละ ๑ เรื่อง ตามที่ครูมอบหมายให้โดยสมาชิกในกลุ่มบ้านของเรา ต้องแยกย้ายจากกลุ่ม ตนเองไปรวมกับสมาชิกกลุ่มอื่นที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษาเนื้อหาคำไวพจน์เรื่องเดียวกัน ตั้งเป็นกลุ่ม ผู้เชี่ยวชาญ (expert group) ขึ้นมา และร่วมกันทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระนั้นอย่างละเอียด และร่วมกัน อภิปรายประเด็นเนื้อหาตามที่ได้รับมอบหมาย ๘.๒ นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญศึกษาเนื้อหาสาระของคำไวพจน์จากสื่อประกอบการสอน Pop up คำไวพจน์(ขอขอบคุณสื่อการสอน Pop up คำไวพจน์ จากเพจภาษาไทย ใจพองโต) ตามหัวข้อที่ได้รับ มอบหมาย เมื่อศึกษาเนื้อหาสาระเรียบร้อยแล้ว สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลับไปสู่กลุ่มบ้านของเรา แต่ละกลุ่ม ช่วยสอนเพื่อนในกลุ่ม ให้เข้าใจสาระที่ตนได้ศึกษาร่วมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นสมาชิกทุกคนก็จะได้เรียนรู้ ภาพรวมของสาระทั้งหมดในเรื่องคำพ้องความหมายหรือคำไวพจน์ ๘.๓ นักเรียนทุกคนทำแบบทดสอบเรื่องคำไวพจน์แต่ละคนจะได้คะแนนเป็นรายบุคคล และจะนำเอา คะแนนของทุกคนในกลุ่มบ้านของเรามารวมกัน (หรือหาค่าเฉลี่ย) เป็นคะแนนกลุ่ม กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุด ในการทำแบบทดสอบจะได้รับรางวัล
๘.๔ นักเรียนทุกคนสรุปการทำกิจกรรมเรียนรู้เนื้อหาคำพ้องความหรือคำไวพจน์แบบจิ๊กซอร์ (Jigsaw) จากนั้นนักเรียนทุกคนรับใบงานเรื่อง คำพ้องความหมาย รับฟังคำชี้แจงในการทำใบงานและลงมือทำใบงาน เรื่อง คำพ้องความหมาย ด้วยตนเอง ขั้นสรุป นักเรียนและครูสรุปความรู้เรื่อง คำพ้องความหมาย หรือคำไวพจน์ได้ว่า คำพ้องความหมายหรือ คำไวพจน์นั้น เป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน แต่มีการเขียนและการออกเสียงต่างกัน ยกตัวอย่าง คำพ้อง ความหมายของพระอาทิตย์ ได้แก่ ตะวัน ทินกร ทิพากร สุริยา เป็นต้น คำพ้องความช่วยให้เราสามารถเลือกใช้ คำศัพท์ในการเขียนคำที่มีความหมายเดียวกันหรือเหมือนกันได้หลากหลายมากขึ้น ทำให้การเขียนมีความ สละสลวย นักเรียนควรศึกษาเรียนรู้เรื่อง คำพ้องความหมาย เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ ในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่อประกอบการสอน Pop up คำไวพจน์ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบายลักษณะ ของคำพ้องความหมายได้ (K) ตรวจสมุดบันทึกและ หรือสังเกตพฤติกรรม การตอบคำตอบ สมุดบันทึกและหรือ แบบสังเกตพฤติกรรม การตอบคำตอบ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนวิเคราะห์และ เขียนคำพ้องความหมาย ได้อย่างถูกต้อง (P) ประเมินใบงาน เรื่อง คำพ้องความหมาย ใบงาน เรื่อง คำพ้อง ความหมาย ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนกระตือรือร้นใน การเรียนและการทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
เกณฑ์การให้คะแนนสมุดบันทึก เกณฑ์การประเมิน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ (ผ่านเกณฑ์ ๕ คะแนน ขึ้นไป) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม การมีส่วนร่วม ในการตอบคำถาม ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม รวม ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ มผ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นอย่างดี เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้อง ค่อนข้าง ครบถ้วน เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ถูกต้องบางส่วน และไม่มี ความครบถ้วน ๒. ความเรียบร้อยของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน ทำงานเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำงานเป็นระเบียบแต่ยัง มีบางส่วนไม่เรียบร้อย ๓. ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความรับผิดชอบในการ ทำงาน ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ความรับผิดชอบ บกพร่อง ส่งงานล่าช้า เกินกำหนด ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมการตอบคำถาม เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น และอธิบาย คำตอบชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น แต่อธิบาย คำตอบได้ไม่ชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ๒. การมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้ง มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ๓. ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว สามารถ ตอบคำถามได้ทันที มีการใช้เวลาไม่สามารถ ตอบคำถามได้ทันที ๔. ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม อย่างมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม แต่มีความไม่มั่นใจ
แบบประเมินใบงาน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม สรุปผลการ ประเมิน ความถูกต้อง ความครบถ้วน สมบูรณ์ของงาน ความ เรียบร้อย ของงาน (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๒ คะแนน) (๑๐คะแนน) ผ่าน ไม่ผ่าน คำชี้แจง กรอกคะแนนลงในช่องรายการประเมินของนักเรียนที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินใบงาน ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๔ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้อง เขียนและใช้คำพ้อง ได้อย่างถูกต้อง ทุกข้อ เขียนและใช้คำพ้อง ได้ถูกต้องร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป เขียนและใช้คำพ้อง ได้ถูกต้องร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป เขียนและใช้คำพ้อง ได้ถูกต้องต่ำกว่า ร้อยละ ๕๐ ๒. ความครบถ้วน สมบูรณ์ของงาน งานมีความครบถ้วน สมบูรณ์ทุกข้อเป็น อย่างดี งานมีความครบถ้วน แต่ยังไม่สมบูรณ์ ในบางส่วน งานค่อนข้างครบถ้วน แต่ไม่สมบูรณ์ ค่อนข้างมาก งานไม่มีความ ครบถ้วนและ ไม่สมบูรณ์เลย ๓. ความเรียบร้อย ของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน งานมีความเรียบร้อย เป็นระเบียบ มีร่องรอยการลบ เพียง ๒-๔ จุด งานค่อนข้างเป็น ระเบียบ มีร่องรอย การลบมากกว่า ๕ จุดขึ้นไป เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน)
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มีความรับผิดชอบ ในการทำงาน การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีความรับผิดชอบในการทำงาน ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์และส่งงาน ตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์แต่ส่งงาน ล่าช้า ทำงานไม่เรียบร้อย หรือไม่มีงานส่งเลย ๔. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย
แบบทดสอบ เรื่อง คำพ้องความ (คำไวพจน์) ๑. ข้อใดคือความหมายของ คำพ้องความ ก. คำที่อ่านออกเสียงเหมือนกัน และเขียนเหมือนกัน ข. คำที่อ่านออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน ค. คำที่เขียนเหมือนกัน แต่ออกเสียงต่างกัน และความหมายต่างกัน ง. คำที่อ่านออกเสียงต่างกัน และเขียนต่างกัน แต่ความหมาย เหมือนกัน ๒. คำพ้องความหมาย เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไร ก. คำไวพจน์ ข. คำไวกูณฑ์ ค. คำไววรรณ ง. คำไวยากรณ์ ๓. ข้อใดต่อไปนี้ มีคำพ้องความ ก. หน้าวัดมีต้นเสมามากมาย ส่วนรอบโบสถ์ก็มีเสมา ข. ในวิชาวิทยาศาสตร์ ห้ามเด็ก ๆ เล่นสาดน้ำกันเด็ดขาด ค. หัวหอมมีกลิ่นหอมมาก ง. วารีที่ไหลหลั่งคือมนต์ขลังแห่งภูผา ๔. คำในข้อใดมีความหมายต่างจากพวก ก. คงคา ข. ธารา ค. ธรณี ง. ชลธี ๕. คำในข้อใดมีความหมายว่า “ผู้หญิง” ก. อุไร ข. กนก ค. กัลยา ง. บุหรง ๖. “ตะวันพลันสว่าง แสงกระจ่างกลางเวหา ประกายในสายตา จำต้องหลบเมื่อสบมอง” (ประพันธ์โดย ยุพาพร สิงหวงศ์) จากบทกลอนข้างต้น คำใดที่มีความหมายเหมือนกับคำว่า “ท้องฟ้า” ก. เวหา ข. ตะวัน ค. ประกาย ง. ทิพากร ๗. คำในข้อใดมีความหมายต่างจากพวก ก. ทวิช ข. สกุณา ค. ปักษี ง. กุญชร ๘. คำในข้อใดมีความหมายว่า “พระอาทิตย์” ก. ดารา ข. นิศากร ค. ทินกร ง. คีรี ๙. คำในข้อใดมีความหมายต่างกับ “พนา” ก. พงพี ข. พงไพร ค. พนัส ง. พนม ๑๐. ข้อใดคือคำที่มีความหมายเหมือนกันทุกคำ ก. คงคา ชลธี ข. บุหรง บุหงา ค. ธรณี นภา ง. เพลิง พนา รวมคะแนน
เฉลยแบบทดสอบ เรื่อง คำพ้องความ (คำไวพจน์) ๑. ข้อใดคือความหมายของ คำพ้องความ ก. คำที่อ่านออกเสียงเหมือนกัน และเขียนเหมือนกัน ข. คำที่อ่านออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน ค. คำที่เขียนเหมือนกัน แต่ออกเสียงต่างกัน และความหมายต่างกัน ง. คำที่อ่านออกเสียงต่างกัน และเขียนต่างกัน แต่ความหมาย เหมือนกัน ๒. คำพ้องความหมาย เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไร ก. คำไวพจน์ ข. คำไวกูณฑ์ ค. คำไววรรณ ง. คำไวยากรณ์ ๓. ข้อใดต่อไปนี้ มีคำพ้องความ ก. หน้าวัดมีต้นเสมามากมาย ส่วนรอบโบสถ์ก็มีเสมา ข. ในวิชาวิทยาศาสตร์ ห้ามเด็ก ๆ เล่นสาดน้ำกันเด็ดขาด ค. หัวหอมมีกลิ่นหอมมาก ง. วารีที่ไหลหลั่งคือมนต์ขลังแห่งภูผา ๔. คำในข้อใดมีความหมายต่างจากพวก ก. คงคา ข. ธารา ค. ธรณี ง. ชลธี ๕. คำในข้อใดมีความหมายว่า “ผู้หญิง” ก. อุไร ข. กนก ค. กัลยา ง. บุหรง ๖. “ตะวันพลันสว่าง แสงกระจ่างกลางเวหา ประกายในสายตา จำต้องหลบเมื่อสบมอง” (ประพันธ์โดย ยุพาพร สิงหวงศ์) จากบทกลอนข้างต้น คำใดที่มีความหมายเหมือนกับคำว่า “ท้องฟ้า” ก. เวหา ข. ตะวัน ค. ประกาย ง. ทิพากร ๗. คำในข้อใดมีความหมายต่างจากพวก ก. ทวิช ข. สกุณา ค. ปักษี ง. กุญชร ๘. คำในข้อใดมีความหมายว่า “พระอาทิตย์” ก. ดารา ข. นิศากร ค. ทินกร ง. คีรี ๙. คำในข้อใดมีความหมายต่างกับ “พนา” ก. พงพี ข. พงไพร ค. พนัส ง. พนม ๑๐. ข้อใดคือคำที่มีความหมายเหมือนกันทุกคำ ก. คงคา ชลธี ข. บุหรง บุหงา ค. ธรณีนภา ง. เพลิง พนา
สื่อประกอบการสอน Pop up คำไวพจน์
สื่อประกอบการสอน Pop up คำไวพจน์(ต่อ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๐ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๐ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๑ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๒ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ม.๑/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคำถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม และสละสลวย ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายความหมายและหลักการเขียนสื่อสารได้ (K) ๒.๒ นักเรียนเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนทำงานเรียบร้อย (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด
๕. สาระสำคัญ การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (อินเทอร์เน็ต) เป็นกระบวนการหนึ่งเพื่อสื่อสารที่ถ่ายทอดสาร จากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารซึ่งมีความจำเป็นมากในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้การสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (อินเทอร์เน็ต) มีลักษณะเฉพาะ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความเข้าใจและชำนาญ เพราะการสื่อสารถือเป็นกลไก สำคัญที่ทำให้มนุษย์ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคมได้อย่างราบรื่นและสัมฤทธิ์ผล นักเรียนจะได้ฝึกการเขียน สื่อสารและแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม รวมถึงมีมารยาทในการเขียนที่ดี ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ ความหมายและหลักการเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ๖.๒ ตัวอย่างการเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงานเรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง คำพ้องความหมาย ในคาบเรียนที่ผ่านมา จากนั้นนักเรียนร่วมกัน ตอบคำถามว่า นักเรียนมีการติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตอยู่เป็นประจำในทุก ๆ วัน นักเรียนมีการ ติดต่อสื่อสารกับใครบ้าง และนักเรียนมีการใช้ภาษาในการเขียนอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ให้นักเรียนลอง ทบทวนและประเมินการใช้ภาษาในการเขียนสื่อสารของตนเอง ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยศึกษารายละเอียด ความหมายความสำคัญของการเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์หลักการหรือแนวทางในการเขียนสื่อสาร บนสื่ออิเล็กทรอนิกส์การใช้คำที่ถูกต้องเหมาะสมในการเขียนสื่อสาร รวมถึงศึกษาตัวอย่างของการเขียน สื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ๘.๒ นักเรียนตอบคำถามเรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยการอธิบายได้ว่า การเขียน สื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างไร และการเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีหลักการเขียนการใช้คำ ในการเขียนเป็นอย่างไร นักเรียนตอบคำถามลงในสมุดบันทึกของตนเองให้เรียบร้อย ๘.๓ นักเรียนทุกคนออกมารับใบงานเรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้นักเรียนรับฟัง คำชี้แจงในการทำใบงาน จากนั้นนักเรียนลงมือทำใบงานของตนเอง เตรียมส่งท้ายคาบเรียน
ขั้นสรุป นักเรียนและครูสรุปความรู้เรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ว่า การเขียนสื่อสารบนสื่อ อิเล็กทรอนิกส์เป็นกระบวนการหนึ่งเพื่อสื่อสารที่ถ่ายทอดสารจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารซึ่งมีความจำเป็นมาก ในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้การสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (อินเทอร์เน็ต) มีลักษณะเฉพาะ นักเรียนจึงควรฝึกฝน ให้เกิดความเข้าใจและชำนาญ เพราะการสื่อสารถือเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้มนุษย์ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคมได้อย่างราบรื่นและสัมฤทธิ์ผล นักเรียนจึงจำเป็นต้องมีการฝึกการเขียนสื่อสารและแสดงความคิดเห็น ด้วยการใช้ถ้อยคำที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม รวมถึงมีมารยาทในการเขียนที่ดีเพื่อช่วยให้การสื่อสาร เป็นไปอย่างราบรื่น ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ใบความรู้เรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบายความหมาย และหลักการเขียนสื่อสารได้ (K) ตรวจสมุดบันทึกและ หรือสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม สมุดบันทึกและหรือ แบบสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนเขียนสื่อสารบนสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้อง (P) ตรวจใบงาน เรื่อง การเขียนสื่อสาร บนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ใบงาน เรื่อง การเขียนสื่อสาร บนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนทำงานเรียบร้อย (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
เกณฑ์การให้คะแนนสมุดบันทึก เกณฑ์การประเมิน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ (ผ่านเกณฑ์ ๕ คะแนน ขึ้นไป) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม การมีส่วนร่วม ในการตอบคำถาม ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม รวม ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ มผ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นอย่างดี เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้อง ค่อนข้าง ครบถ้วน เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ถูกต้องบางส่วน และไม่มี ความครบถ้วน ๒. ความเรียบร้อยของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน ทำงานเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำงานเป็นระเบียบแต่ยัง มีบางส่วนไม่เรียบร้อย ๓. ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความรับผิดชอบในการ ทำงาน ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ความรับผิดชอบ บกพร่อง ส่งงานล่าช้า เกินกำหนด ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมการตอบคำถาม เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น และอธิบาย คำตอบชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น แต่อธิบาย คำตอบได้ไม่ชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ๒. การมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้ง มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ๓. ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว สามารถ ตอบคำถามได้ทันที มีการใช้เวลาไม่สามารถ ตอบคำถามได้ทันที ๔. ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม อย่างมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม แต่มีความไม่มั่นใจ
แบบประเมินใบงานการเขียน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม สรุปผลการ ประเมิน สาระสำคัญ ของการเขียน การใช้ภาษา ในการเขียน มารยาท ในการเขียน ความ เรียบร้อย ของงาน (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๑๒ คะแนน) ผ่าน ไม่ผ่าน คำชี้แจง กรอกคะแนนลงในช่องรายการประเมินของนักเรียนที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๘ คะแนน) ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินการเขียน ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน 1. สาระสำคัญของการ เขียน ๑.๑ ลำดับความคิด อย่างต่อเนื่อง ๑.๒ นำเสนอเนื้อหา ตรงตามหัวข้อ ๑.๓ การเขียนมีความ ถูกต้องตรงตามรูปแบบ เขียนนำเสนอได้ตามเกณฑ์ ครบ ๓ ข้อ เขียนนำเสนอได้ตามเกณฑ์ ครบ ๒ ข้อ เขียนนำเสนอได้ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ หรือไม่ได้ ตามเกณฑ์เลย 2. การใช้ภาษา ในการเขียน ๒.๑ ใช้ภาษาถูกต้อง ตามกาลเทศะสื่อ ความหมายได้ชัดเจน ๒.๒ ใช้ภาษาได้ เหมาะสมต่อเนื้อหา ๒.๓ การใช้ภาษา สละสลวย ใช้ภาษาในการเขียน ได้ตามเกณฑ์ครบ ๓ ข้อ ใช้ภาษาในการเขียน ได้ตามเกณฑ์ครบ ๒ ข้อ ใช้ภาษาในการเขียน ได้ตามเกณฑ์๑ ข้อ หรือ ไม่ได้ตามเกณฑ์เลย 3. มารยาทในการเขียน ๓.๑ การเขียนเป็น ระเบียบ ๓.๒ เขียนให้น่าอ่าน น่าสนใจ ๓.๓ เขียนโดยใช้ความ ตั้งใจในการเขียน ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ ครบ ๓ ข้อ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ครบ ๒ ข้อ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ หรือไม่ได้ตามเกณฑ์ เลย 4. ความเรียบร้อย ของงาน ทำงานได้อย่างเรียบร้อย เป็นระเบียบดีมาก ทำงานได้อย่างเรียบร้อย ค่อนข้างเป็นระเบียบ ทำงานไม่เรียบร้อย ดูไม่เป็นระเบียบ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ 11-๑2 คะแนน ดีมาก 8-10 คะแนน ดี 5-7 คะแนน พอใช้ 0-4 คะแนน ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ได้ระดับการประเมินคุณภาพระดับ ดี ถือว่าผ่าน หรือร้อยละ ๗๐ (๘ คะแนน) ขึ้นไปถือว่าผ่านเกณฑ์
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มีความรับผิดชอบ ในการทำงาน การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีความรับผิดชอบในการทำงาน ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์และส่งงาน ตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์แต่ส่งงาน ล่าช้า ทำงานไม่เรียบร้อย หรือไม่มีงานส่งเลย ๔. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย
ใบความรู้ เรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์(ผ่านอินเทอร์เน็ต) เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันทำให้นักเรียนสามารถสื่อสารกันด้วยเสียงพูด แบบเดียวกับที่พูดกันผ่านเครื่องโทรศัพท์ กระทั่งสามารถเห็นภาพคู่สนทนาขณะกำลังพูดคุยกันได้ หากเครื่องคอมพิวเตอร์ของทั้งสองฝ่ายมีอุปกรณ์ถ่ายภาพติดตั้งอยู่ด้วย การสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ให้ทั้งคุณประโยชน์หรือทำให้เกิดโทษได้ ดังนั้นนักเรียนควรใช้เครื่องมือสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตให้ถูกต้อง และเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นโดยการใช้ภาษาในการสื่อสารผ่านช่องทางดังกล่าวอย่างเหมาะสม การใช้ภาษาในการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต (สื่ออิเล็กทรอนิกส์) ที่เหมาะสม ภาษาที่นักเรียนใช้ในการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่เป็นภาษาที่รวบรัด นักเรียนควรเขียน ด้วยภาษาที่เหมาะกับกาลเทศะ สุภาพ และสะกดถูกต้อง โดยมีหลักการดังนี้ ๑. เหมาะกับกาลเทศะ กาละ ก็คือ กาล หมายถึง เวลา หรือ โอกาส เทศะ ก็คือ สถานที่ หมายถึง หน่วยงาน หรือบุคคล กลุ่มบุคคล หากเขียนถึงเพื่อนสนิท นักเรียนอาจใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการได้ เมื่อเขียนถึงผู้ใหญ่ เช่น ญาติผู้ใหญ่ พ่อ แม่ ครู ก็อาจใช้ภาษากึ่งทางการ แต่หากเขียนเพื่อกิจธุระ เช่น เขียนจดหมายลากิจ ลาป่วย หรือขออนุญาตต่าง ๆ ถึงโรงเรียน หรือขอข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานต่าง ๆ ควรใช้ภาษาที่เป็นทางการ ภาษาที่ไม่เป็นทางการ ในที่นี้รวมถึงภาษาที่นักเรียนใช้ในความหมายที่เข้าใจกันเฉพาะกลุ่ม ไม่ควรใช้เมื่อเขียน เป็นทางการหรือกึ่งทางการ เช่น ชิว เจ็บ โหย่ รวมทั้งคำย่อภาษาอังกฤษ ที่ไม่ใช่คำย่อมาตรฐานสากลหรือไม่ได้ ใช้กันทั่วไป แต่เข้าใจกันเฉพาะกลุ่ม เช่น U (เธอ) CU (แล้วเจอกันนะ) THX (ขอบคุณ) IC (ฉันเข้าใจแล้วล่ะ) นักเรียนสามารถใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์เครื่องหมายหรือภาพสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้แทนอารมณ์ ความรู้สึกในขณะที่เขียนหรือในการเล่าเรื่องได้ง่าย เช่น เครื่องหมายโคลอนกับวงเล็บปิด : ) หรือ ภาพหน้ายิ้ม ที่ใช้แทนอารมณ์สุข เครื่องหมายโคลอนกับวงเล็บเปิด : ( หรือภาพหน้าเศร้า ที่ใช้แทน อารมณ์เศร้า แต่เครื่องหมายหรือภาพสัญลักษณ์เหล่านี้ ไม่ควรใช้เมื่อนักเรียนเขียนจดหมาย หรือบันทึกที่เป็น ทางการหรือกึ่งทางการในอินเทอร์เน็ต ควรมีการคำนึงถึงความสุภาพไม่ว่านักเรียนจะเขียนถึงใคร เพื่อวัตถุประสงค์ใด ควรใช้ภาษาที่สุภาพเสมอ ๒. สะกดคำถูกต้อง ในการเขียน หมายถึง การสะกดคำถูกต้อง ในการพูด หมายถึง การออกเสียงถูกต้อง โดยประโยชน์ ของการใช้ภาษาที่ถูกต้องมีหลายประการ ดังนี้ ๑) ทำให้ผู้รับสารได้เห็นหรือได้ยินตัวอย่างที่ถูกต้อง เพื่อจะได้เขียนหรือออกเสียงได้ถูกต้องตามไปด้วย ๒) ทำให้ผู้ที่มีความรู้ทางภาษาดีไม่มองเราเป็นผู้ไม่รู้ภาษา หรือละเลยไม่ใส่ใจในการใช้ภาษาให้ถูกต้อง การใช้ภาษาได้ถูกต้องทำให้ผู้รับสารเกิดความนับถือและสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน ๓) การสื่อสารสาธารณะโดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ตที่มีผู้อ่านหรือผู้รับสารจำนวนมากหากไม่ใช้ภาษาให้ถูกต้อง ตามที่ตกลงกันเป็นมาตรฐานกลาง อาจทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกันได้
ใบงาน เรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตอนที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนอธิบายและยกตัวอย่างประกอบในหัวข้อเรื่อง ภาษาบนอินเทอร์เน็ต ที่นำไปสู่การรับสารที่ผิดพลาด นักเรียนเขียนโดยใช้ภาษาที่เหมาะสม สุภาพ และสะกดคำให้ถูกต้อง หัวข้อเรื่อง ภาษาบนอินเทอร์เน็ตที่นำไปสู่การรับสารที่ผิดพลาด ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ตอนที่ ๒ ปัจจุบันการเขียนข้อความบนสื่อออนไลน์ทำได้โดยง่าย นักเรียนคิดว่าการเขียนโดยไม่กลั่นกรอง จะส่งผลเสียอย่างไร อธิบายและยกตัวอย่างพอสังเขป ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๑ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๒ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๓ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๔ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ม.๑/๓ เขียนบรรยายประสบการณ์โดยระบุสาระสำคัญและรายละเอียดสนับสนุน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายหลักการเขียนบรรยายประสบการณ์ได้ (K) ๒.๒ นักเรียนเขียนบรรยายประสบการณ์ได้อย่างถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนทำงานสะอาดเรียบร้อย (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด
๕. สาระสำคัญ การเขียนบรรยายประสบการณ์ หมายถึง การเขียนเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงที่อาจ เป็นประสบการณ์ตรง หรือได้รับการบอกกล่าวมาจากผู้อื่น อาจแทรกความคิดและข้อสังเกตต่าง ๆ หรือ เป็นการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ตามลำดับเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่อง และเกิด ความรู้สึกคล้อยตามเรื่องราวที่ผู้เขียนต้องการเล่า ซึ่งต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับสาระสำคัญ และมีรายละเอียด สนับสนุนที่ดี ๖. สาระการเรียนรู้ การเขียนบรรยายประสบการณ์ ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงานเรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง การเขียนสื่อสารบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในคาบเรียนที่ผ่านมา ซึ่งเป็น การเขียนที่สำคัญในการติดต่อสื่อสาร นักเรียนควรให้ความสำคัญในการเขียนสื่อสารอย่างมีความรอบคอบและ ไตร่ตรอง เพื่อให้การสื่อสารมีความถูกต้องไม่เข้าใจคลาดเคลื่อนกัน จากนั้นนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ในประเด็นคำถามว่า เมื่อนักเรียนมีเรื่องราวที่ต้องการบอกเล่าให้เพื่อนหรือผู้อื่นฟัง นักเรียนคิดว่าเราสามารถ ถ่ายทอดด้วยวิธีการใดได้บ้าง (คำตอบของนักเรียนเป็นไปได้อย่างอิสระขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของนักเรียน) จากการที่นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น มีการหาจุดเชื่อมโยงเข้าสู่การเขียน คือ เราสามารถถ่ายทอด เรื่องราวของตนเองด้วยการเขียนบรรยายประสบการณ์ ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์โดยศึกษารายละเอียดความหมาย ความสำคัญของการเขียนบรรยายประสบการณ์หลักการหรือแนวทางในการเขียนบรรยายประสบการณ์ รวมถึงศึกษาตัวอย่างของการเขียนบรรยายประสบการณ์ ๘.๒ นักเรียนตอบคำถามเรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์โดยการอธิบายได้ว่า การเขียนบรรยาย ประสบการณ์เป็นอย่างไร และการเขียนบรรยายประสบการณ์มีหลักการเขียนเป็นอย่างไร ตอบคำถาม ลงในสมุดบันทึกของตนเองให้เรียบร้อย ๘.๓ นักเรียนทุกคนออกมารับใบงานเรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ให้นักเรียนรับฟังคำชี้แจง ในการทำใบงาน จากนั้นนักเรียนลงมือทำใบงานของตนเอง
ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ได้ว่า การเขียนบรรยาย ประสบการณ์ เป็นการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ตามลำดับเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่อง และเกิดความรู้สึกคล้อยตามเรื่องราวที่ผู้เขียนต้องการเล่า ซึ่งต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับสาระสำคัญ และมี รายละเอียดสนับสนุนที่ดีนักเรียนต้องศึกษาหลักการหรือแนวทางในการเขียนเพื่อให้สามารถเขียนบรรยาย ประสบการณ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ถ้อยความสละสลวย และหมั่นฝึกฝนทักษะในการเขียนของตนเอง อยู่เสมอ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ใบความรู้เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบายหลักการ เขียนบรรยายประสบการณ์ได้ (K) ตรวจสมุดบันทึกและ หรือสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม สมุดบันทึกและหรือ แบบสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนเขียนบรรยาย ประสบการณ์ได้อย่างถูกต้อง (P) ตรวจใบงาน เรื่อง การเขียนบรรยาย ประสบการณ์ ใบงาน เรื่อง การเขียนบรรยาย ประสบการณ์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนทำงานสะอาด เรียบร้อย (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
เกณฑ์การให้คะแนนสมุดบันทึก
เกณฑ์การประเมินสมุดบันทึก เกณฑ์การประเมิน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ (ผ่านเกณฑ์ ๕ คะแนน ขึ้นไป) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม การมีส่วนร่วม ในการตอบคำถาม ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม รวม ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ มผ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นอย่างดี เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้อง ค่อนข้าง ครบถ้วน เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ถูกต้องบางส่วน และไม่มี ความครบถ้วน ๒. ความเรียบร้อยของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน ทำงานเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำงานเป็นระเบียบแต่ยัง มีบางส่วนไม่เรียบร้อย ๓. ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความรับผิดชอบในการ ทำงาน ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ความรับผิดชอบ บกพร่อง ส่งงานล่าช้า เกินกำหนด ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมการตอบคำถาม เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น และอธิบาย คำตอบชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น แต่อธิบาย คำตอบได้ไม่ชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ๒. การมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้ง มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ๓. ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว สามารถ ตอบคำถามได้ทันที มีการใช้เวลาไม่สามารถ ตอบคำถามได้ทันที ๔. ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม อย่างมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม แต่มีความไม่มั่นใจ
แบบประเมินใบงานการเขียน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม สรุปผลการ ประเมิน สาระสำคัญ ของการเขียน การใช้ภาษา ในการเขียน มารยาท ในการเขียน ความ เรียบร้อย ของงาน (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๑๒ คะแนน) ผ่าน ไม่ผ่าน คำชี้แจง กรอกคะแนนลงในช่องรายการประเมินของนักเรียนที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๘ คะแนน) ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินการเขียน ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน 1. สาระสำคัญของการ เขียน ๑.๑ ลำดับความคิด อย่างต่อเนื่อง ๑.๒ นำเสนอเนื้อหา ตรงตามหัวข้อ ๑.๓ การเขียนมีความ ถูกต้องตรงตามรูปแบบ เขียนนำเสนอได้ตามเกณฑ์ ครบ ๓ ข้อ เขียนนำเสนอได้ตามเกณฑ์ ครบ ๒ ข้อ เขียนนำเสนอได้ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ หรือไม่ได้ ตามเกณฑ์เลย 2. การใช้ภาษา ในการเขียน ๒.๑ ใช้ภาษาถูกต้อง ตามกาลเทศะสื่อ ความหมายได้ชัดเจน ๒.๒ ใช้ภาษาได้ เหมาะสมต่อเนื้อหา ๒.๓ การใช้ภาษา สละสลวย ใช้ภาษาในการเขียน ได้ตามเกณฑ์ครบ ๓ ข้อ ใช้ภาษาในการเขียน ได้ตามเกณฑ์ครบ ๒ ข้อ ใช้ภาษาในการเขียน ได้ตามเกณฑ์๑ ข้อ หรือ ไม่ได้ตามเกณฑ์เลย 3. มารยาทในการเขียน ๓.๑ การเขียนเป็น ระเบียบ ๓.๒ เขียนให้น่าอ่าน น่าสนใจ ๓.๓ เขียนโดยใช้ความ ตั้งใจในการเขียน ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ ครบ ๓ ข้อ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ครบ ๒ ข้อ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ หรือไม่ได้ตามเกณฑ์ เลย 4. ความเรียบร้อย ของงาน ทำงานได้อย่างเรียบร้อย เป็นระเบียบดีมาก ทำงานได้อย่างเรียบร้อย ค่อนข้างเป็นระเบียบ ทำงานไม่เรียบร้อย ดูไม่เป็นระเบียบ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ 11-๑2 คะแนน ดีมาก 8-10 คะแนน ดี 5-7 คะแนน พอใช้ 0-4 คะแนน ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ได้ระดับการประเมินคุณภาพระดับ ดี ถือว่าผ่าน หรือร้อยละ ๗๐ (๘ คะแนน) ขึ้นไปถือว่าผ่านเกณฑ์
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มีความรับผิดชอบ ในการทำงาน การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีความรับผิดชอบในการทำงาน ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์และส่งงาน ตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์แต่ส่งงาน ล่าช้า ทำงานไม่เรียบร้อย หรือไม่มีงานส่งเลย ๔. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย
ใบความรู้ เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การเขียนบรรยายประสบการณ์ การเขียนบรรยายประสบการณ์ หมายถึง การเขียนเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ที่อาจเป็นประสบการณ์ตรง หรือได้รับการบอกกล่าวมาจากผู้อื่น อาจแทรกความคิดและข้อสังเกตต่าง ๆ ของผู้เขียนไว้ซึ่งมีหลักการเขียน ดังนี้ ๑. กำหนดหัวข้อและขอบข่ายของเรื่องที่จะเขียน โดยกำหนดหัวข้อเรื่องที่ตนมีประสบการณ์ และกำหนดขอบข่ายของเรื่องว่าจะเขียนในลักษณะใดและจะเขียนในแนวทางใด ๒. เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ นอกจากจะให้ความรู้ ความคิดอันเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านแล้ว ยังทำให้ผู้อ่านได้แง่คิดและเกิดความเพลิดเพลิน ๓. แสดงข้อเท็จจริง เช่น เขียนข้อมูลต่าง ๆ อย่างถูกต้องชัดเจน ตลอดจนรวบรวมควา มคิด ความทรงจำเพื่อเอื้อต่อการเขียน ๔. วางโครงเรื่อง เช่นเดียวกันกับการเขียนเรียงความ มีการเกริ่นนำ ส่วนเนื้อเรื่อง และส่วนสรุป ๕. ควรใช้ภาษาให้เร้าความสนใจ น่าติดตามอ่าน ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเหมือนการเล่าเรื่องธรรมดา ทำให้ผู้อ่านไม่เกิดความเครียดและรู้สึกเป็นกันเองกับผู้เขียน จากหนังสือ ทักษะการเขียนภาษาไทย ของ ดวงใจ ไทยอุบุญ ตัวอย่าง ความสุขและความทรงจำเกี่ยวกับ “บ้าน” จากบ้านมาเจ็ดปีถามว่าจำอะไรเกี่ยวกับบ้านได้บ้าง ตอบได้ทันทีว่าจำได้ทุกซอกทุกมุม บ้านของเรา เป็นศูนย์รวมทุกอย่าง ความรัก ความอบอุ่น ความสุขสนุกสนาน บ้านเราไม่ได้มีริ้วเหมือนบ้านคนอื่น ๆ แต่มี บ้านหลาย ๆ หลัง สร้างอยู่บริเวณเดียวกัน มีบ้านเราอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยบ้านป้า บ้านน้า บ้านลุง ที่ตรง บริเวณที่เป็นตำแหน่งบ้านเรานั้น เดิมเป็นบ้านของทวดหลังเดียว พอลูก ๆ มีครอบครัว ทวดก็แบ่งให้ไป ปลูกบ้านเป็นสัดส่วนแต่ยังอยู่บริเวณเดียวกัน ไม่มีใครคิดจะล้อมรั้วแยกตัวเองออกจากพี่น้องไปอยู่โดดเดี่ยว ด้วยสภาพแบบนี้เราจึงมีเพื่อนเล่นมากมายนับสิบ ไม่เคยเหงาเลยแม้จะเป็นลูกคนเดียวก็ตาม ในหมู่ญาติที่อยู่ด้วยกันมีเด็กที่เกิดปีเดียวกันอยู่ห้าคน รุ่นน้องปีถัดกันมาก็ปีละคนสองคน รุ่นพี่ ๆ ถัดกันขึ้นไป แก่กว่าปีสองปีก็มีสองสามคน นอกนั้นที่แก่กว่า เราก็จับกลุ่มแยกไปเล่นกันเอง ลำพังพวกเราก็มีนับสิบอยู่แล้ว สนามเด็กเล่นของพวกเราเปลี่ยนตามช่วงเวลา ถ้าช่วงสาย ๆ หลังกินข้าว และพ่อแม่ไปทำงานแล้ว ก็คือ ลานที่ว่างระหว่างบ้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่ที่ประจำจะเป็นลานระหว่างบ้านเรากับบ้านป้า ทุกคนจะมา รวมตัวกันเล่นสารพัดเล่น บางวันก็กระต่ายขาเดียว บางวันก็เล่นอีบ้าน (ทำไมต้องมีอีด้วยก็ไม่รู้) ซึ่งต้องมี
อุปกรณ์ส่วนตัว คือ เศษกระเบื้องดินเผาที่เขารื้อจากหลังคาเก่าของบ้านยายเอามาทุบเป็นวงกลม แล้วเอาไป ถู ๆ กับอ่างซีเมนต์ให้มน ๆ เรียบ ๆ ไม่มีคมบาดเนื้อได้ก็พอแล้ว เรื่องกระเบื้องนี่ต้องใช้ของตัวเองเท่านั้นจึงจะ ถนัดมือถ้ายืมคนอื่นส่วนใหญ่จะแพ้ทุกทีเหมือนไม่เคยมือ เล่นเสร็จก็หาที่เก็บมิดชิดของใครของมันไม่ปนกัน เล่นกันจนมอม ไปหาข้าวกลางวันกินเรียบร้อยก็จะได้เวลาเปลี่ยนมุม ซึ่งก็แล้วแต่ว่าวันนั้นอยากเล่นอะไร ถ้าอยากเล่นซ่อนหาก็ดงมะนาวข้างบ้าน มุมนั้นเป็นมุมที่ดีที่สุดในการเล่นซ่อนหาเพราะอาศัยต้นมะนาว ใหญ่มากสองต้นเป็นที่กำบัง ถัดจากต้นมะนาวยังมีดงหญ้าสูงใหญ่เกือบถึงไหล่ให้หลบอีก พูดถึงมะนาว สองต้นนั้นแล้วอัศจรรย์ใจไม่หาย เพราะเป็นมะนาวที่ต้นใหญ่มาก กิ่งระไปตามพื้นดินก็มี ที่สูงก็สูงเลยหัวผู้ใหญ่ นอกจากจะเป็นที่ให้เด็ก ๆ ได้เล่นซ่อนหาแล้วยังมุดเข้าไปอยู่ได้อีกเป็นสิบคน สถานที่เล่นตอนกลางวันของพวกเราอีกที่ คือ สวนมะม่วงหลังบ้าน สวนนี้อยู่หลังบ้านของลุง หลังสุดท้าย แต่ยังอยู่ในรั้วเดียวกัน สวนนี้มีต้นมะม่วงใหญ่มาก ๆ สามต้น ปลูกเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม แก่กว่าพวกเราหลายสิบปีและแก่กว่ามะนาวสองต้นนั้นด้วย สามต้นนั้นเป็นพันธุ์สามฤดูสองต้น และพิมเสน อีกหนึ่งต้น ต้นที่พวกเราคุ้นเคยที่สุด คือ พิมเสน เพราะกิ่งที่เตี้ยที่สุดนั้นพวกเราสามารถห้อยโหนไต่ขึ้นไปเล่น ข้างบนต้นได้ ส่วนอีกสองต้นนั้นกิ่งที่เตี้ยที่สุดอยู่สูงสุดเอื้อม พวกเราปืนต้นไม้เก่งทุกคนเพราะมีพิมเสนต้นนี้ เป็นที่ฝึกวิชา ปิดเทอมใหญ่พวกเราขลุกกันอยู่แต่บนต้นมะม่วงเป็นส่วนใหญ่ กินมะม่วงพิมเสนดิบ ๆ ที่เปรี้ยว เข็ดฟัน ตั้งแต่เกิดมาเจอมะม่วงที่เปรี้ยวที่สุดก็พิมเสนต้นนี้แหละ กิจกรรมตอนปิดเทอมและวันหยุดของพวกเราในช่วงเย็นมีอย่างเดียว คือ เล่นน้ำ เนื่องจากบ้านเรา อยู่ติดแม่น้ำปิงซึ่งใสสะอาดตลอดปี ไม่มีใครจะอดใจไม่กระโดดเล่นได้ ชุดที่เล่นน้ำถ้าตอนเด็ก ๆ ก็แก้ผ้าโดดน้ำ ไม่มีใครเห็นเป็นเรื่องแปลก พอโตขึ้นมาหน่อยก็ใส่ชุดที่ใส่วิ่งเล่นนั่นแหละ เราจึงไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำเลย และไม่เคยลงสระว่ายน้ำเช่นกัน และเนื่องจากบริเวณบ้านที่กว้าง บ้านของพวกเราจึงมีขัวหรือท่าน้ำทั้งหมด ๓ ท่า ท่าน้ำ ทำจากไม้ซุงใหญ่ ๆ แข็งแรงจะรองรับน้ำหนักเด็ก ๆ ได้เป็นสิบ ถ้าวันไหนน้ำลึกเหยียบไม่ถึง พวกเราใช้วิธีกระโดดจากท่าน้ำแรกแล้วลอยคอไปขึ้นท่าที่สาม แล้วก็วิ่งไปกระโดดที่ท่าแรกใหม่ไปเรื่อย ๆ ถึงได้ขึ้นบ้าน แต่ถ้าวันไหนน้ำไม่ลึกมาก พวกเราจะว่ายน้ำข้ามไปถึงเกาะกลางน้ำ แต่พวกเราไม่ค่อยไปถึง เกาะใหญ่ไปแค่เกาะเล็ก วิ่งเล่นหรือขุดหอยทรายบนหาดทรายหน้าเกาะบ้างหลังเกาะบ้าง บางทีก็ว่ายเล่น แถวหัวเกาะแย่งกันกินตะขบซึ่งสุกอยู่ไม่กี่ลูก หรือไม่ก็เล่นซ่อนหากันบ้าง โดยดำน้ำซุกซ่อนเอาต้นปรงบ้าง ต้นอะไรต่อมิอะไรปิดหัวไว้บ้าง สนุกดี หรือบางครั้งก็ว่ายเล่นแถว ๆ ท่าน้ำ แข่งกันดำน้ำบ้าง ทำท่ากายกรรม ดำน้ำเอาหัวจิ้มบนพื้นทราย แล้วชูขาขึ้นบ้าง ใครทำสวยสุด ตรงสุด และนานที่สุดก็ชนะไป หรือไม่ก็ถ้าเป็นช่วง เขื่อนปล่อยน้ำก็จะแข่งกันว่ายทวนน้ำ ซึ่งก็ว่ายกันไม่ค่อยขึ้นเพราะน้ำเชี่ยวเกินความสามารถ พอเล่นน้ำเสร็จ ก็จะต้องขึ้นบ้านเพราะถ้าขืนอยู่นานจะถูกแม่ตีโดยใช่เรื่อง ตอนกลางคืนถ้าเป็น หน้าหนาวพวกเราไม่ค่อยกินข้าวบนบ้าน แต่จะนัดกันเอาข้าวใส่จานมาก่อไฟนั่งล้อมวงกินกันเองลำพังเฉพาะ พวกเด็ก ๆ ที่ลานบ้าน ก็สนามเด็กเล่นตอนสาย ๆ ของพวกเรานั่นแหละ ช่วงกลางวันไปวิ่งเล่นที่สวนมะม่วง ก็เก็บกิ่งไม้มาเก็บไว้เป็นฟืน เก็บหัวมันหัวเล็ก ๆ มาไว้ต้มไว้เผากินเล่นกันหลังกินข้าว มันต้มมันเผาจะว่าไป ก็ไม่ได้อร่อย แต่สนุกมากกว่าและได้รู้สึกว่าบรรยากาศดีเท่านั้นเอง
ใบงาน เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อ-สกุล...................................................................................................................... ชั้นม.๑/....... เลขที่........... คำชี้แจง นักเรียนเขียนบรรยายประสบการณ์หัวข้อ “เรื่องราวในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา” ความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๕ บรรทัด พร้อมตั้งชื่อเรื่อง เรื่อง.................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................................... ......... .......................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ ..............................
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๓ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๓ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๔ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๔ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเห็นเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๑/๖ ระบุข้อสังเกตและความสมเหตุสมผลของงานเขียนประเภทชักจูงโน้มน้าวใจ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนบอกหลักการอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจได้ (K) ๒.๒ นักเรียนเขียนวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจได้ (P) ๒.๓ นักเรียนกระตือรือร้นในการเรียนและการทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด
๕. สาระสำคัญ การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ภาษา และประโยชน์ของเนื้อหาในงานเขียนนั้น ๆ รวมถึงการวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ตลอดจนการนำข้อคิดไปใช้ในการดำเนินชีวิต ๖. สาระการเรียนรู้ การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงานเรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ ในคาบเรียนที่ผ่านมา ด้วยการบอกถึง แนวทางในการเขียนบรรยายประสบการณ์ได้อย่างถูกต้อง จากนั้นนักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อประเด็น คำถามว่า เมื่อนักเรียนเห็นข้อความโฆษณาผ่านช่องทางหรือสื่อต่าง ๆ นักเรียนมีความคิดเห็นหรือความรู้สึก ต่อข้อความนั้นอย่างไร ให้นักเรียนนำเสนอข้อความโฆษณาที่เคยอ่าน และแสดงความคิดเห็นของตนเองว่า นักเรียนรู้สึกอย่างไร ข้อความนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ และนักเรียนจะตัดสินใจอย่างไรต่อข้อความ โฆษณานั้น ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ โดยศึกษารายละเอียด ความหมายความสำคัญของการอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ หลักการวิเคราะห์และการอ่านงานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจ รวมถึงศึกษาตัวอย่างของการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ ความสมเหตุสมผลของงานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจ ๘.๒ นักเรียนตอบคำถามเรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ โดยการอธิบายได้ว่า การอ่าน งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจมีความสำคัญอย่างไร และการอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจมีหลักการ วิเคราะห์งานเขียนเป็นอย่างไร นักเรียนตอบคำถามลงในสมุดบันทึกของตนเองให้เรียบร้อย ๘.๓ นักเรียนทุกคนออกมารับใบงานเรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ นักเรียนรับฟัง คำชี้แจงในการทำใบงานให้เข้าใจ จากนั้นนักเรียนลงมือทำใบงานของตนเอง
ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ได้ว่า การอ่านงานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจ เป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ภาษา และประโยชน์ของเนื้อหาใน งานเขียนนั้น ๆ รวมถึงการวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ตลอดจนการนำข้อคิดไปใช้ในการ ดำเนินชีวิต นักเรียนต้องรู้จักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตและมองถึงความสมเหตุสมผลของงานเขียนประเภทชักจูง โน้มน้าวใจ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ต่อตนเองมากที่สุด ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ใบความรู้เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนบอกหลักการอ่าน งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ได้ (K) ตรวจสมุดบันทึกและ หรือสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม สมุดบันทึกและหรือ แบบสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนเขียนวิเคราะห์ ความน่าเชื่อถือของงานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจได้ (P) ตรวจใบงาน เรื่อง การอ่านงานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจ ใบงานเรื่อง การอ่าน งานเขียนประเภท โน้มน้าวใจ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนกระตือรือร้นใน การเรียนและการทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
เกณฑ์การให้คะแนนสมุดบันทึก
เกณฑ์การประเมินสมุดบันทึก เกณฑ์การประเมิน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ (ผ่านเกณฑ์ ๕ คะแนน ขึ้นไป) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม การมีส่วนร่วม ในการตอบคำถาม ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม รวม ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ มผ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นอย่างดี เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้อง ค่อนข้าง ครบถ้วน เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ถูกต้องบางส่วน และไม่มี ความครบถ้วน ๒. ความเรียบร้อยของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน ทำงานเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำงานเป็นระเบียบแต่ยัง มีบางส่วนไม่เรียบร้อย ๓. ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความรับผิดชอบในการ ทำงาน ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ความรับผิดชอบ บกพร่อง ส่งงานล่าช้า เกินกำหนด ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมการตอบคำถาม เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น และอธิบาย คำตอบชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น แต่อธิบาย คำตอบได้ไม่ชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ๒. การมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้ง มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ๓. ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว สามารถ ตอบคำถามได้ทันที มีการใช้เวลาไม่สามารถ ตอบคำถามได้ทันที ๔. ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม อย่างมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม แต่มีความไม่มั่นใจ