The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ เล่มที่ ๑ (แผนที่ ๑-๒๗)
ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๖

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 110_ชลธิชา ต่ออํานาจ, 2024-02-08 23:38:03

แผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้ เล่มที่ ๑ (แผนที่ ๑-๒๗)
ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๖

แบบประเมินใบงาน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม สรุปผลการ ประเมิน วิเคราะห์ การอ่านงานเขียน ได้ถูกต้อง ความครบถ้วน สมบูรณ์ของงาน ความ เรียบร้อย ของงาน (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๒ คะแนน) (๑๐คะแนน) ผ่าน ไม่ผ่าน คำชี้แจง กรอกคะแนนลงในช่องรายการประเมินของนักเรียนที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินใบงาน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๔ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. วิเคราะห์การอ่าน งานเขียนได้ถูกต้อง วิเคราะห์การอ่าน งานเขียนและตอบ คำถามได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ทุกข้อ วิเคราะห์การอ่าน งานเขียนและ ตอบคำถาม ได้อย่างถูกต้อง ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป วิเคราะห์การอ่าน งานเขียนและ ตอบคำถาม ได้อย่างถูกต้อง ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป วิเคราะห์การอ่าน งานเขียนและ ตอบคำถาม ได้อย่างถูกต้อง ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ๒. ความครบถ้วน สมบูรณ์ของงาน งานมีความครบถ้วน สมบูรณ์ทุกข้อเป็น อย่างดี งานมีความครบถ้วน แต่ยังไม่สมบูรณ์ ในบางส่วน งานค่อนข้างครบถ้วน แต่ไม่สมบูรณ์ ค่อนข้างมาก งานไม่มีความ ครบถ้วนและ ไม่สมบูรณ์เลย ๓. ความเรียบร้อย ของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน งานมีความเรียบร้อย เป็นระเบียบ มีร่องรอยการลบ เพียง ๒-๔ จุด งานค่อนข้างเป็น ระเบียบ มีร่องรอย การลบมากกว่า ๕ จุดขึ้นไป


แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มีความรับผิดชอบ ในการทำงาน การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีความรับผิดชอบในการทำงาน ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์และส่งงาน ตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์แต่ส่งงาน ล่าช้า ทำงานไม่เรียบร้อย หรือไม่มีงานส่งเลย ๔. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ (๒) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๗ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๗ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๘ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๙ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเห็นเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๑/๖ ระบุข้อสังเกตและความสมเหตุสมผลของงานเขียนประเภทชักจูงโน้มน้าวใจ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนบอกความหมายและวัตถุประสงค์ของงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจได้(K) ๒.๒ นักเรียนวิเคราะห์และระบุงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจได้(P) ๒.๓ นักเรียนทำงานสะอาดเรียบร้อย (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด


๕. สาระสำคัญ การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ภาษา และประโยชน์ของเนื้อหาในงานเขียนนั้น ๆ รวมถึงการวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ตลอดจนการนำข้อคิดไปใช้ในการดำเนินชีวิต การอ่านงานเขียนแต่ละประเภทนั้น ผู้อ่านต้องรู้จักสังเกต การนำเสนอเนื้อหา โดยสารที่ดีต้องมีความน่าเชื่อถือ ความสมเหตุสมผล อีกทั้งต้องมีความถูกต้องและโน้มน้าว ให้ปฏิบัติไปในทางที่ดีมีประโยชน์ต่อส่วนรวม ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๖.๒ การวิเคราะห์และตัวอย่างของงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงานเรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ในคาบเรียนที่ผ่านมา ด้วยการ บอกถึงหลักการในการพิจารณาการอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจได้อย่างถูกต้อง จากนั้นนักเรียนร่วมกัน แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นคำถามต่อไปนี้ - ในชีวิตประจำวันของนักเรียนเคยอ่านอะไรบ้าง จงยกตัวอย่าง (คำตอบขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ของนักเรียนเป็นไปได้อย่างอิสระ ) - “โฆษณา คำขวัญ เพลง สุนทรพจน์คำเชิญชวน คำชม การรณรงค์” นักเรียนคิดว่าสื่อที่ครู ยกมาข้างต้นนั้นมีลักษณะชวนเชื่อและลักษณะโน้มน้าวใจหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ สื่อที่กล่าวมาข้างต้นล้วนมีลักษณะของการชวนเชื่อและการโน้มน้าวใจ เพราะเกิดจาก การที่ผู้ส่งสารมีวัตถุประสงค์ในการเขียนหรือสื่อสารนั้นมายังผู้รับเพื่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามความต้องการ) - “ขับช้าอีกนิด ชีวิตจะปลอดภัย” ข้อความนี้ นักเรียนคิดว่าเป็นการโน้มน้าวใจหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ เป็นการโน้มน้าวใจ เพราะใช้ภาษาที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตามหรือกระตุ้นให้คิด โดยแสดงให้เห็นความเป็นเหตุและผลเพื่อชี้แนะให้นำไปปฏิบัติ)


ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ จากสไลด์นำเสนอ เมื่อนักเรียน ทำความเข้าใจความหมาย วัตถุประสงค์หรือลักษณะของงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ และข้อสังเกตของ งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เรียบร้อยแล้ว ให้นักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้รับ โดยการตอบคำถาม ดังต่อไปนี้ - ความหมายของการโน้มน้าวใจคืออะไร (แนวคำตอบ คือ การพยายามเปลี่ยนแปลง ความเชื่อ ทัศนคติ การกระทำของบุคคลอื่นด้วยกลวิธี ที่เหมาะสม ให้มีผลกระทบใจผู้นั้น จนเกิดการยอมรับและเปลี่ยนตามผู้โน้มน้าวใจต้องการ ซึ่งอาจมีทั้ง ด้านบวกและด้านลบ) - ลักษณะของงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ ลักษณะของงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เป็นดังนี้ ๑) คำเชิญชวน เป็นการแนะนำ ให้ช่วยกันกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เกิดประโยชน์ส่วนรวม มักจะพบในการเขียนคำขวัญ แถลงการณ์ เพลงปลุกใจ บทความปลุกใจ หรือการพูดในโอกาสต่าง ๆ การติดใบประกาศ แผ่นปลิว โปสเตอร์ หรือเป็นการบอกกล่าว เช่น พูดจูงใจให้ประชาชนออกไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร เป็นต้น ๒) โฆษณาสินค้า หรือ โฆษณาบริการต่าง ๆ มีเนื้อหาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพอันดีเลิศของสินค้า หรือบริการ หรือใช้กลวิธีโน้มน้าวใจโดยชี้ให้เห็นประโยชน์ของสินค้า) - ข้อสังเกตของงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจมีแนวทางในการพิจารณาอย่างไร (แนวคำตอบ สังเกตถึงความน่าเชื่อถือ มีกระบวนการที่แสดงให้เห็นเหตุผลที่หนักแน่น ใช้ภาษา ที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกร่วม ชี้ให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสียในการโน้มน้าว สร้างบรรยากาศที่ดี ให้กับผู้รับสาร และการโน้มน้าวนั้นสังเกตได้จากการกระตุ้นหรือปลุกเร้าในความต้องการของผู้รับสาร) ๘.๒ นักเรียนศึกษาความรู้ในการวิเคราะห์และตัวอย่างของงานเขียนโน้มน้าวใจที่หลากหลาย จากนั้น ให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และระบุว่างานเขียนนั้นใช้วิธีการโน้มน้าวใจอย่างไร ๘.๓ นักเรียนทุกคนรับใบงานเรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ นักเรียนรับฟังคำชี้แจงในการทำ ใบงานให้เข้าใจ จากนั้นลงมือทำใบงานเรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ให้เสร็จเรียบร้อย ส่งท้ายคาบเรียน


ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ได้ว่า การอ่านงานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจ เป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ภาษา และประโยชน์ของเนื้อหาใน งานเขียนนั้น ๆ รวมถึงการวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ตลอดจนการนำข้อคิดไปใช้ในการ ดำเนินชีวิต นักเรียนต้องรู้จักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตและมองถึงความสมเหตุสมผลของงานเขียนประเภทชักจูง โน้มน้าวใจ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ต่อตนเองมากที่สุด ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ใบความรู้เรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนบอกความหมาย และลักษณะของงานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจได้ (K) ตรวจใบงานและหรือ สังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ใบงานและหรือแบบ สังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนวิเคราะห์และระบุ งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจได้ (P) ตรวจใบงาน เรื่อง งานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจ ใบงานเรื่อง งานเขียน ประเภทโน้มน้าวใจ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนทำงานสะอาด เรียบร้อย (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐


แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้อง ตรงประเด็น ใน การตอบคำถาม การมีส่วนร่วม ในการตอบคำถาม ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม รวม ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ มผ เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมการตอบคำถาม รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น และอธิบาย คำตอบชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น แต่อธิบาย คำตอบได้ไม่ชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ๒. การมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้ง มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ๓. ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว สามารถ ตอบคำถามได้ทันที มีการใช้เวลาไม่สามารถ ตอบคำถามได้ทันที ๔. ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม อย่างมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม แต่มีความไม่มั่นใจ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ………… เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน)


แบบประเมินใบงาน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม สรุปผลการ ประเมิน วิเคราะห์และระบุ การอ่านงานเขียน โน้มน้าวใจ ได้ถูกต้อง ความครบถ้วน สมบูรณ์ของงาน ความ เรียบร้อย ของงาน (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๒ คะแนน) (๑๐คะแนน) ผ่าน ไม่ผ่าน คำชี้แจง กรอกคะแนนลงในช่องรายการประเมินของนักเรียนที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินใบงาน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๔ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. วิเคราะห์การอ่าน และระบุงานเขียน โน้มน้าวใจได้ถูกต้อง วิเคราะห์และระบุ การอ่านงานเขียน และตอบคำถาม ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วนทุกข้อ วิเคราะห์และระบุ การอ่านงานเขียน และตอบคำถาม ได้อย่างถูกต้อง ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป วิเคราะห์และระบุ การอ่านงานเขียน และตอบคำถาม ได้อย่างถูกต้อง ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป วิเคราะห์และระบุ การอ่านงานเขียน และตอบคำถาม ได้อย่างถูกต้อง ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ๒. ความครบถ้วน สมบูรณ์ของงาน งานมีความครบถ้วน สมบูรณ์ทุกข้อ เป็นอย่างดี งานมีความครบถ้วน แต่ยังไม่สมบูรณ์ ในบางส่วน งานค่อนข้างครบถ้วน แต่ไม่สมบูรณ์ ค่อนข้างมาก งานไม่มีความ ครบถ้วนและ ไม่สมบูรณ์เลย ๓. ความเรียบร้อย ของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน งานมีความเรียบร้อย เป็นระเบียบ มีร่องรอยการลบ เพียง ๒-๔ จุด งานค่อนข้างเป็น ระเบียบ มีร่องรอย การลบมากกว่า ๕ จุดขึ้นไป


แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มีความรับผิดชอบ ในการทำงาน การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีความรับผิดชอบในการทำงาน ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์และส่งงาน ตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์แต่ส่งงาน ล่าช้า ทำงานไม่เรียบร้อย หรือไม่มีงานส่งเลย ๔. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย


ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนเขียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้องสมบูรณ์ ๑. การโน้มน้าวหมายถึงอะไร จงอธิบาย ................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................... ................................... .............................................................................................................................................................................. ๒. วัตถุประสงค์ของการโน้มน้าวใจคืออะไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................ .............................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ตอนที่ ๒ คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ หน้าข้อความที่เป็นสารโน้มน้าวใจที่มีความสมเหตุสมผล และขีดเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ไม่ใช่สารโน้มน้าวใจ .......... ๑. บ้านเมืองสวย ด้วยมือเรา .......... ๒. ปฏิบัติตามกฎ ลดปัญหาจราจร .......... ๓. ประหยัดน้ำวันนี้ ก่อนที่จะไม่มีน้ำใช้ .......... ๔. ใช้น้ำอย่างคุ้มค่า เพื่อวันนี้ เผื่อวันหน้า .......... ๕. ทิ้งขยะให้เป็นที่ เพิ่มราศีแก่บ้านเมือง ......... ๖. ห้ามทิ้งขยะบริเวณนี้ ปรับทีละสองพัน .......... ๗. ทางรอดของโลกปัจจุบันนี้มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น .......... ๘. บ้านสะอาด เมืองสะอาด คนในชาติมีความสุข .......... ๙. อุทยานรอบมหาสถานนั้นเล่าก็งามไม่น้อย เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ไม้ดอก และลดาวัลย์งามน่าทัศนา ..........๑๐. โลหิตคือสายธารแห่งชีวิต ถ้าร่างกายขาดโลหิตชีวิตก็อยู่ไม่ได้โลหิตจึงเป็นน้ำหล่อเลี้ยง ร่างกายที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ ใบงาน เรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ


ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนเขียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้องสมบูรณ์ ๑. การโน้มน้าวหมายถึงอะไร จงอธิบาย การพยายามเปลี่ยนแปลง ความเชื่อ ทัศนคติ การกระทำของบุคคลอื่นด้วยกลวิธีที่เหมาะสม ให้มีผลกระทบใจผู้นั้น จนเกิดการยอมรับและเปลี่ยนตามผู้โน้มน้าวใจต้องการ ซึ่งอาจมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ๒. วัตถุประสงค์ของการโน้มน้าวใจคืออะไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง ๑) เพื่อชักนำหรือโน้มน้าวใจให้เกิดความเชื่อถือ ศรัทธา ในเรื่องที่พูดหรือเขียน เช่น การเชิญชวน ให้ทำประกันชีวิต ๒) เพื่อกระตุ้นหรือเร้าใจให้เห็นความสำคัญของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การพูดให้เห็นความสำคัญของป่าไม้ ๓) เพื่อปลุกใจให้เกิดความสำนึกและปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การปลุกใจให้รักชาติและ สามัคคีกัน ๔. เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความเห็นคล้อยตามและนำไปปฏิบัติ เช่น การโน้มน้าวใจ ให้รู้จักการวางแผนการใช้เงิน ตอนที่ ๒ คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ หน้าข้อความที่เป็นสารโน้มน้าวใจที่มีความสมเหตุสมผล และขีดเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ไม่ใช่สารโน้มน้าวใจ .... ✓.... ๑. บ้านเมืองสวย ด้วยมือเรา .....✓.... ๒. ปฏิบัติตามกฎ ลดปัญหาจราจร ... ✓..... ๓. ประหยัดน้ำวันนี้ ก่อนที่จะไม่มีน้ำใช้ .....✓.... ๔. ใช้น้ำอย่างคุ้มค่า เพื่อวันนี้ เผื่อวันหน้า .....✓.... ๕. ทิ้งขยะให้เป็นที่ เพิ่มราศีแก่บ้านเมือง .....✓.... ๖. ห้ามทิ้งขยะบริเวณนี้ ปรับทีละสองพัน ..... ..... ๗. ทางรอดของโลกปัจจุบันนี้มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น .....✓.... ๘. บ้านสะอาด เมืองสะอาด คนในชาติมีความสุข ..... ..... ๙. อุทยานรอบมหาสถานนั้นเล่าก็งามไม่น้อย เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ไม้ดอก และลดาวัลย์งามน่าทัศนา ..... .....๑๐. โลหิตคือสายธารแห่งชีวิต ถ้าร่างกายขาดโลหิตชีวิตก็อยู่ไม่ได้โลหิตจึงเป็นน้ำหล่อเลี้ยง ร่างกายที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ เฉลยใบงาน เรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๘ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๙ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๓๐ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๑ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึก ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ม.๑/๓ พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายความหมายและประเภทของการพูดแสดงความคิดเห็นได้ (K) ๒.๒ นักเรียนพูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ได้(P) ๒.๓ นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


๕. สาระสำคัญ การพูดแสดงความคิดเห็น เป็นการพูดเพื่อแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกของตนเองต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จากการอ่าน การดู การฟัง แล้วนำมาถ่ายทอดในลักษณะของการพูดที่ผู้พูดต้องพูด อย่างมีเหตุผล ในการพูดแสดงความคิดเห็นผู้พูดอาจพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องทางวิชาการ เศรษฐกิจ หรือสังคมก็ได้ การพูดแสดงความคิดเห็นนั้นจึงเป็นการแสดงออกทางความคิดของผู้พูดที่มีต่อเรื่องนั้น ๆ ด้วยการยกเหตุผลที่ชัดเจนมาประกอบ ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ ความหมายและประเภทของการพูดแสดงความคิดเห็น ๖.๒ ลักษณะและมารยาทที่ดีในการพูดแสดงความคิดเห็น ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน บันทึกข้อมูลเรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง การอ่านงานเขียนประเภทชักจูงโน้มน้าวใจ ในคาบเรียนที่ผ่านมา ด้วยการบอกความสำคัญได้อย่างถูกต้องว่าในการอ่านงานเขียนประเภทดังกล่าวนั้น ต้องใช้การวิเคราะห์ การคิดพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลเพื่อให้การตัดสินใจในเรื่องที่อ่านได้อย่างถูกต้อง ไม่หลงเชื่อหรือ เกิดข้อผิดพลาดจากการถูกชักจูงโน้มน้าวใจ จากนั้นนักเรียนรับชมวิดีโอเรื่อง กบหูหนวก เมื่อรับชมวิดีโอ เรียบร้อยแล้ว นักเรียนตอบคำถามดังต่อไปนี้ - วิดีโอที่รับชมนั้นเกี่ยวกับเรื่องอะไร (แนวการตอบ การแข่งขันของเหล่ากบ มีเพียงกบหูหนวกเท่านั้นที่ปีนขึ้นไปถึงยอดเสาได้) - นักเรียนคิดว่าวิดีโอที่รับชมไปนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไรบ้าง ให้แง่คิดอะไร (แนวการตอบ เป็นวิดีโอที่ดี เพราะให้แง่คิดเรื่องพลังของคำพูด คำพูดในด้านดีและด้านลบนั้นสามารถ ส่งผลกระทบต่อการกระทำหรือความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่ได้รับฟังหรือได้ยินคำพูดได้) นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้รับจากการรับชมวิดีโอเรื่อง กบหูหนวก มีครูคอยเพิ่มเติมการในสรุป ได้ว่า การพูดนั้น สามารถส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่นได้ การพูดถือเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือ แสดงความรู้สึกของผู้พูดออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้ และจากตัวอย่างในวิดีโอเรื่อง กบหูหนวก ทำให้เห็นถึงการพูด แสดงความคิดเห็นด้านลบที่ไม่เกิดผลดี ดังนั้น นักเรียนจะได้รับแนวทางการพูดแสดงความคิดเห็น อย่างสร้างสรรค์ในบทเรียนนี้


ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น จากสไลด์นำเสนอเรื่อง การพูดแสดง ความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ (ขอบคุณสื่อประกอบการสอนของครูนิศาชล รุ่งเนย) โดยศึกษาเนื้อหาข้อมูล ในเรื่อง ความหมายของการพูดแสดงความคิดเห็น ประเภทของการพูดแสดงความคิดเห็น ลักษณะของผู้พูด แสดงความคิดเห็นที่ดี ข้อควรปฏิบัติในการพูดแสดงความคิดเห็น และมารยาทในการพูดแสดงความคิดเห็น นักเรียนทุกคนศึกษาเนื้อหาในแต่ละประเด็นให้เข้าใจ พร้อมทั้งบันทึกสรุปความรู้ที่ได้ลงในสมุดบันทึก ให้เรียบร้อย ๘.๒ นักเรียนศึกษาตัวอย่างการพูดแสดงความคิดเห็น หัวข้อเรื่อง ความสำคัญของการอ่าน จากนั้น ให้นักเรียนแบ่งออกเป็น ๕ กลุ่ม โดยมีจำนวนสมาชิกกลุ่มละเท่า ๆ กัน ส่งตัวแทนกลุ่มออกมาจับสลากหัวข้อ ในการพูดแสดงความคิดเห็น ประกอบด้วยหัวข้อในการพูดแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๑) การเมือง ๒) การศึกษา ๓) เศรษฐกิจ ๔) ครอบครัว ๕) สุขภาพ ๘.๓ นักเรียนทุกกลุ่มได้รับหัวข้อในการพูดแสดงความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว ให้สมาชิกทุกกลุ่มในกลุ่ม ร่วมกันศึกษาข้อมูลจากหัวข้อที่ได้รับ พร้อมส่งตัวแทนออกมาพูดแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ พูดนำเสนอ หน้าชั้นเรียน เมื่อทุกกลุ่มนำเสนอการพูดแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ตามหัวข้อที่ได้รับครบถ้วนแล้ว นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันสรุปประโยชน์ที่ได้รับจากการพูดแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น ได้ว่า เป็นการพูดเพื่อแสดง ความคิดเห็นและความรู้สึกของตนเองต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จากการอ่าน การดู การฟัง แล้วนำมาถ่ายทอดในลักษณะของการพูดที่ผู้พูดต้องพูดอย่างมีเหตุผล มีการใช้ภาษาในการพูดแสดง ความคิดเห็นที่ถูกต้องเหมาะสม และประการสำคัญการพูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ใช้เพื่อทำให้ บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และพูดเพื่อให้เกิดทางเลือกหรือการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น


๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่อ Power point เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบาย ความหมายและประเภทของ การพูดแสดงความคิดเห็นได้ (K) สังเกตพฤติกรรม การตอบคำถามและ ตรวจสมุดบันทึก แบบสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถามและ สมุดบันทึก ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนพูดแสดงความ คิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ได้(P) ประเมินการพูดแสดง ความคิดเห็น ประเมินการพูดแสดง ความคิดเห็น ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีส่วนร่วมในการ ทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐


เกณฑ์การให้คะแนนสมุดบันทึก เกณฑ์การประเมิน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์ (ผ่านเกณฑ์ ๕ คะแนน ขึ้นไป) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม การมีส่วนร่วม ในการตอบคำถาม ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม รวม ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ มผ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นอย่างดี เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้อง ค่อนข้าง ครบถ้วน เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ถูกต้องบางส่วน และไม่มี ความครบถ้วน ๒. ความเรียบร้อยของงาน คะแนนเต็ม ๒ คะแนน ทำงานเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำงานเป็นระเบียบแต่ยัง มีบางส่วนไม่เรียบร้อย ๓. ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความรับผิดชอบในการ ทำงาน ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ความรับผิดชอบ บกพร่อง ส่งงานล่าช้า เกินกำหนด ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมการตอบคำถาม เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๑-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. ความถูกต้อง ตรงประเด็น ในการตอบคำถาม ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น และอธิบาย คำตอบชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น แต่อธิบาย คำตอบได้ไม่ชัดเจน ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ๒. การมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้ง มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ๓. ความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว สามารถ ตอบคำถามได้ทันที มีการใช้เวลาไม่สามารถ ตอบคำถามได้ทันที ๔. ความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม คะแนนเต็ม ๒ คะแนน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม อย่างมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน มีความกล้าแสดงออก ในการตอบคำถาม แต่มีความไม่มั่นใจ


แบบประเมินการพูด คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการประเมินที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ – สกุล รายการประเมิน สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน พูดตรง ประเด็น พูดมีเหตุผล ความ คล่องแคล่ว บุคลิก ท่าทาง รวม ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๒ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินการพูด เกณฑ์การประเมิน ๑๐-๑๒ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๙ คะแนน ระดับ ดี ๔-๖ คะแนน ระดับ ปานกลาง ๑-๓ คะแนน ระดับ ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. พูดตรงประเด็น พูดตรงประเด็น เรียงลำดับเรื่องราวได้ เป็นลำดับ ไม่วกวน พูดตรงประเด็น มีการสลับ ลำดับเรื่องราวบ้าง แต่ทำให้เข้าใจเรื่องราวได้ พูดออกนอกประเด็น เรียงลำดับเรื่องราว วกวน เข้าใจยาก ๒. พูดมีเหตุผล ให้เหตุผลในการพูด ได้เหมาะสมหรือ ยกตัวอย่างได้น่าเชื่อถือ ให้เหตุผลในการพูดได้ หรือยกตัวอย่างได้ แต่ยัง ไม่เพียงพอในการให้เหตุผลนั้น ให้เหตุผลในการพูด ได้น้อยหรือยกตัวอย่างได้ ไม่น่าเชื่อถือ ๓. ความคล่องแคล่ว พูดได้คล่องแคล่ว หากพูดผิดพลาดสามารถ แก้ไขการพูดให้ถูกต้อง ได้รวดเร็ว พูดติดขัดบ้างแต่สามารถแก้ไข การพูดให้ถูกต้องได้เร็ว พูดผิดบ่อย ๆ แก้ไข ให้ถูกต้องได้ช้า ๔. บุคลิกท่าทาง ท่าทางในการพูด มีความมั่นใจ แสดงท่าทาง ประกอบการพูดได้ดี สื่อความได้ ท่าทางในการพูดแสดง ความไม่มั่นใจอยู่บ้าง แสดง ท่าทางประกอบการพูดน้อย ท่าทางในการพูด ขาดความมั่นใจ ไม่แสดง ท่าทางประกอบการพูด


แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มีความรับผิดชอบ ในการทำงาน การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีความรับผิดชอบในการทำงาน ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์และส่งงาน ตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์แต่ส่งงาน ล่าช้า ทำงานไม่เรียบร้อย หรือไม่มีงานส่งเลย ๔. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น (๒) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๓๐ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๓๐ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๑ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๑ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึก ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ม.๑/๓ พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายหลักการพูดแสดงความคิดเห็นได้ (K) ๒.๒ นักเรียนพูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ได้(P) ๒.๓ นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


๕. สาระสำคัญ การพูดแสดงความคิดเห็น เป็นการพูดที่แสดงความเชื่อ ความคิดหรือความรู้สึกต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างมีเหตุผล สอดคล้องกับเรื่องที่พูด การที่บุคคลจะสามารถพูดแสดงความคิดเห็นได้ดีและถูกต้องนั้น ต้องมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหรือประเภทของการพูด หลักการพูดแสดงความคิดเห็น รวมทั้งการใช้ภาษา ในการพูดแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งเมื่อเข้าใจในหลักการเป็นอย่างดีแล้วนั้นต้องควบคู่ไปกับการ ฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดทักษะในการพูด สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง และประการสำคัญการพูดแสดงความคิดเห็น ใช้เพื่อทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และพูดเพื่อให้เกิดทางเลือกหรือการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ ความหมายและประเภทของการพูดแสดงความคิดเห็น ๖.๒ หลักการและการใช้ภาษาในการพูดแสดงความคิดเห็น ๖.๓ การพูดแสดงความคิดเห็นตามแนวคิดหมวก ๖ ใบ ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน สรุปหลักการพูดแสดงความคิดเห็น ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้(กระบวนการกลุ่ม) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๘.๑ นักเรียนรับชมวิดีโอ “คลิปใช้ “สติ” คิดก่อนพูด” จากเฟซบุ๊ก เพจ Drama-addict ๘.๒ นักเรียนสังเกตเนื้อหาและการใช้คำพูดในวิดีโอข้างต้น จากนั้นนักเรียนและครูร่วมกันตั้งข้อสังเกต ว่าการแสดงความคิดเห็นผ่านทางคำพูดและการกระทำของผู้ชายต่อผู้หญิงในวิดีโอดังกล่าวนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นในแง่บวกหรือแง่ลบ เพราะเหตุใดนักเรียนจึงมีความคิดเห็นเช่นนั้น และนักเรียน มีความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ในวิดีโออย่างไรให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ (แนวการตอบให้เป็นไปตาม ความคิดเห็นของผู้เรียนโดยมีผู้สอนคอยแนะนำ) นักเรียนและครูสรุปประเด็นการแสดงความคิดเห็น ต่อคลิปวิดีโอนี้ว่าผู้ชายใช้คำพูดที่เป็นการแสดงความคิดเห็นในแง่ลบด้วยการล้อเลียนรูปร่างของผู้หญิง เป็นการกระทำและการแสดงออกทางความคิดที่ไม่ดี โดยครูเชื่อมโยงเข้าเนื้อหาถึงการพูดแสดงความคิดเห็นว่า การแสดงออกทางความคิดเห็นของเรานั้นจะต้องเป็นไปในทางที่ดี อยู่ในความมีเหตุมีผลและสร้างสรรค์


ขั้นสอน (กระบวนการกลุ่ม) ขั้นตั้งจุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ ๘.๓ นักเรียนจับกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มมีสมาชิกจำนวน ๖ คน แล้วให้นักเรียนนั่งกันเป็นกลุ่ม จากนั้น แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความหมายและประเภทของการพูดแสดงความคิดเห็น หลักการพูดแสดงความคิดเห็น และการใช้ภาษาในการแสดงความคิดเห็นบนสไลด์ นักเรียนทุกคนรับฟังการบรรยายเพิ่มเติมจากครูสามารถ ซักถามในประเด็นที่สงสัยได้ ๘.๔ นักเรียนทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการพูดแสดงความคิดเห็นกันแล้ว ให้นักเรียน ทำกิจกรรม “พูดแสดงความคิดเห็นจากภาพยนตร์สั้นด้วยหมวก ๖ ใบ” โดยเมื่อรับชมภาพยนตร์สั้นจบแล้ว นักเรียนทุกคนต้องพูดแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ได้ฟังและดูไปแล้วได้ ขั้นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ๘.๕ นักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้รับกระดาษสำหรับเขียนความคิดเห็นด้วยหมวก ๖ ใบ กลุ่มละ ๑ ชุด และรับฟังครูอธิบายการแสดงความคิดเห็นด้วยการใช้กรอบแนวคิดหมวก ๖ ใบ ดังนี้ หมวกสีขาว: เป็นตัวแทนของข้อเท็จจริง การใช้คำถามที่กระตุ้นให้เสนอข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง หมวกสีแดง: เป็นตัวแทนของอารมณ์และความรู้สึก การใช้คำถามเพื่ออธิบายความรู้สึกต่อเรื่องราวหรือ เหตุการณ์ เป็นต้น หมวกสีเหลือง: เป็นตัวแทนการแสวงหาทางเลือก ผลดีหรือการมองในแง่บวก การใช้คำถามให้ค้นหาข้อดี หรือจุดเด่นของข้อมูล เรื่องราว หรือเหตุการณ์ เป็นต้น หมวกสีดำ: เป็นตัวแทนความพึงระวัง ผลเสียหรือการมองในแง่ลบ การใช้คำถามระบุสาเหตุของปัญหา ความบกพร่อง ความล้มเหลว หรือค้นหาข้อเสีย จุดด้อยในเรื่องราวหรือเหตุการณ์ เป็นต้น หมวกสีเขียว: เป็นตัวแทนความคิดสร้างสรรค์ การใช้คำถามเสนอวิธีแก้ไข การเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าหรือ ทางเลือกใหม่ หมวกสีฟ้า: เป็นตัวแทนควบคุมความคิดทั้งหมด การสรุปประเมินค่า การใช้คำถามเพื่อตัดสินใจ หรือสรุป ข้อมูล เช่น ข้อคิดความรู้ที่ได้รับ เป็นต้น ๘.๖ นักเรียนรับชมภาพยนตร์สั้นเรื่อง ก้อนคำ ผลงานจากการประกวดในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๖๖ ของโรงเรียนบ้านท่าโสม จากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมแสดงความคิดเห็นด้วยหมวก ๖ ใบ โดยใช้กระบวนการกลุ่มดังนี้ ให้สมาชิกภายในกลุ่มแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบคือการที่แต่ละคนภายในกลุ่มเลือก เป็นเจ้าของหมวกความคิด ๖ ใบ คนละ ๑ สี เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการคิดตามทิศทางของสีหมวก ๘.๗ นักเรียนวางแผนปฏิบัติตามหน้าที่ด้วยการแสดงความคิดเห็นต่อภาพยนตร์สั้นเรื่อง ก้อนคำ ตามทิศทางของสีหมวกที่ได้รับและการกระตุ้นนักเรียนให้ตั้งคำถามและตอบคำถามตามสีหมวกแต่ละใบดังนี้ หมวกสีขาว: เรื่องราวในเรื่องเป็นอย่างไร หรือมีตัวละครใดบ้าง (แนวการตอบ เป็นเรื่องราวของเด็กชายก้อนและกลุ่มเพื่อนๆ ร่วมกันทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม สร้างความ มีคุณธรรม ตัวละครหลักๆ ได้แก่ ก้อน ป้าง เพื่อนของป้าง กลุ่มนักเรียนหญิง)


หมวกสีแดง: ความรู้สึกที่มีต่อภาพยนตร์สั้นเรื่อง ก้อนคำ (แนวการตอบ รู้สึกเกิดความประทับใจ เพราะเป็นเรื่องราวที่จุดประกายให้เรามีคุณธรรมในตนเอง รู้จักเห็น การสร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวม) หมวกสีเหลือง: การมีคุณธรรมและการสร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวมมีผลดีอย่างไร (แนวการตอบ การมีคุณธรรมจะทำให้ตัวบุคคลประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ดีเป็นที่รักของเพื่อนๆ การสร้าง ประโยชน์เพื่อส่วนรวมเป็นการปลูกฝังให้บุคคลรู้จักการเสียสละ ลดความเห็นแก่ตัว สังคมเต็มไปด้วยความสุข) หมวกสีดำ: ยกตัวอย่างพฤติกรรมที่ไม่ดีหรือเป็นผลเสียของตัวละครในเรื่อง (แนวการตอบ ตัวละครป้าง มีพฤติกรรมเห็นแก่ตัว ชอบกลั่นแกล้งเพื่อน พูดจาก้าวร้าว) หมวกสีเขียว: นักเรียนมีแนวปฏิบัติที่แสดงถึงการมีจิตสำนึกที่ดีต่อตนเองและต่อสังคมส่วนรวมอย่างไร (แนวการตอบ การรักษาความสะอาดของสถานที่ที่เราใช้ การประหยัดทรัพยากรของโรงเรียนปิดไฟปิดพัดลม เมื่อไม่ใช้) หมวกสีฟ้า: สิ่งที่ได้รับหรือบทเรียนที่ได้จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง ก้อนคำ (แนวการตอบ เป็นภาพยนตร์ที่ส่งเสริมการมีคุณธรรม การสร้างประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวมทำให้เห็นว่า เราทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ เริ่มที่ตัวเอง และส่งเสริมเชิญชวนการสร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวมไปยังผู้อื่น ด้านของบทเรียนที่ได้คือการที่เราต้องรู้จักปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่ดีของตน) ขั้นประเมินผล ๘.๘ นักเรียนนำเสนอความคิดเห็นตามสีที่ตนได้รับมอบหมายให้เพื่อนภายในกลุ่มฟัง ซึ่งเพื่อนๆ ภายในกลุ่มสามารถซักถามจุดที่สงสัยได้ เวียนกันไปจนครบทุกสีด้วยการสุ่มเรียกให้ยืนขึ้นพูดแสดง ความคิดเห็นตามสีภายในกลุ่มเดียวกันจากครูจากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหน้าชั้นเรียน ต้องครบตามสีแต่ละสีของหมวก เมื่อครบจำนวนแล้วตัวแทนแต่ละสีนำเสนอการพูดแสดงความคิดเห็น ต่อภาพยนตร์สั้นเรื่อง ก้อนคำ ด้วยหมวก ๖ ใบ ตามการเรียกลำดับสีจากครู มีการวัดและประเมินการพูดแสดง ความคิดเห็นของนักเรียน ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้รับว่าการพูดแสดงความคิดเห็นนั้น เป็นการพูดที่แสดง ความเชื่อ ความคิด หรือความรู้สึกต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีเหตุผล การที่เราจะพูดแสดงความคิดเห็น ต่อเรื่องใดนั้นควรเป็นการพูดโดยความปราศจากอคติและความลำเอียง พูดอย่างสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีและเกิดประโยชน์ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การยิ้มแย้ม การชมเชย การปรบมือสร้างกำลังใจ ในการพูด การสร้างความผ่อนคลายให้นักเรียนกล้าแสดงความคิดเห็น เป็นต้น


๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ Power point การพูดแสดงความคิดเห็น ๑๐.๒ วิดีโอ “คลิปใช้ “สติ” คิดก่อนพูด” จากเฟซบุ๊ก เพจ Drama-addict ๑๐.๓ วิดีโอภาพยนตร์สั้นเรื่อง ก้อนคำ จากเว็บไซต์ www.youtube.com/watch?v=vgh ๑๐.๔ ชุดกระดาษสีตามแนวคิดหมวก ๖ ใบ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบายหลักการพูด แสดงความคิดเห็นได้ (K) ตรวจสมุดบันทึก สมุดบันทึก ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนพูดแสดงความคิดเห็น อย่างสร้างสรรค์จากเรื่องที่ฟัง และดูได้(P) การพูดแสดงความคิดเห็น ต่อภาพยนตร์สั้นด้วย หมวก ๖ ใบ แบบประเมินการพูด แสดงความคิดเห็น ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำ กิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรมนักเรียน แบบสังเกต พฤติกรรมนักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐


เกณฑ์ประเมินสมุดบันทึก เกณฑ์การประเมิน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ หรือได้ระดับ ดี ถือว่า ผ่าน แบบประเมินการพูดแสดงความคิดเห็น เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม สรุปผลการ พูดได้ตรงประเด็น มีความยุติธรรม ประเมิน เป็นกลาง การใช้ภาษา มารยาท ในการพูด (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๑๒) ผ่าน ไม่ ผ่าน ระดับคุณภาพ/คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก (๙-๑๐) ทำงานได้ถูกต้อง ๙๐%-๑๐๐% สะอาดเรียบร้อยและส่งตามเวลา ดี (๗-๘) ทำงานได้ถูกต้อง ๗๐%-๘๙% สะอาดเรียบร้อยและส่งตามเวลา พอใช้ (๕-๖) ทำงานได้ถูกต้อง ๗๐%-๘๙% และส่งตามเวลา ปรับปรุง (๐-๔) ทำงานได้ถูกต้อง ๗๐%-๘๙% และไม่ส่งทันตามเวลาที่กำหนด ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ………… คำชี้แจง กรอกคะแนนลงในช่องรายการประเมินของนักเรียนที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๙ คะแนน)


เกณฑ์การประเมินการพูดแสดงความคิดเห็น ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๑. พูดได้ตรงประเด็น พูดได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ของเรื่อง ไม่นอกประเด็น ตรงตามสีหมวก พูดได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ ของเรื่อง นอกประเด็นตั้งแต่ ๑-๒ ประเด็น ตรงตามสีหมวก พูดได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ของเรื่อง นอกประเด็นตั้งแต่ ๓ ประเด็นขึ้นไป มีความ เกี่ยวข้องกับสีหมวก ๒. มีความยุติธรรม เป็นกลาง พูดโดยมีเหตุผล ประกอบ น่าเชื่อถือ มีความเป็นกลาง ไม่เสียดสีหรือพาดพิงผู้อื่น พูดโดยมีเหตุผลประกอบ น่าเชื่อถือ มีความลำเอียง เล็กน้อย ไม่เสียดสีหรือ พาดพิงผู้อื่น พูดโดยมีเหตุผลประกอบ น่าเชื่อถือ มีความลำเอียง เสียดสี พาดพิงผู้อื่น ๓. การใช้ภาษา ใช้ภาษาถูกต้อง ออกเสียง ชัดเจนตามอักขรวิธี ใช้ถ้อยคํา ที่สุภาพเหมาะสม ใช้ภาษาไม่ถูกต้องตาม อักขรวิธี ๑-๒ จุด ใช้ ถ้อยคำ ที่สุภาพเหมาะสม ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง ตาม อักขรวิธีตั้งแต่ ๓ จุด ขึ้นไป ใช้ถ้อยคําเหมาะสม ๔. มารยาทในการพูด มีการทักทายผู้ฟัง พูดเสียงดัง ชัดเจน มีการกวาดสายตา อย่างทั่วถึง ยืนได้เหมาะสม มีการใช้ท่าทางประกอบการพูด มีการทักทายผู้ฟัง พูดเสียงดัง ชัดเจน มีการกวาดสายตา เป็นครั้งคราว ยืนได้เหมาะสม มีการใช้ท่าทาง ประกอบ เป็นครั้งคราว มีการทักทายผู้ฟัง พูดเสียงดังชัดเจน ไม่กวาด สายตามองผู้ฟัง ท่ายืน ไม่นิ่ง มีการพักขาขณะพูด เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ๑๑-๑๒ คะแนน ดีมาก ๙-๑๐ คะแนน ดี ๖-๘ คะแนน พอใช้ 0-๕ คะแนน ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ได้ระดับการประเมินคุณภาพระดับ ดี ถือว่าผ่าน หรือร้อยละ ๗๐ (๙ คะแนน) ขึ้นไปถือว่าผ่านเกณฑ์


แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ 1 เด็กชายกนกพงศ์ บัวคำเกิด 2 เด็กชายกิตติธร บัวสิงห์ 3 เด็กชายกิตติธร ภูมิไธสง 4 เด็กชายจักรพรรดิ พรหมบุญศรี 5 เด็กชายจักรรัฐ ตรรกวัจนวงศ์ 6 เด็กชายณัฐวัฒน์ พุทธิวงศ์ 7 เด็กชายณัฐดนัย หมุนโคกสูง 8 เด็กชายณัฐพล พาลา 9 เด็กชายธนภัทร ประการแก้ว 10 เด็กชายธนวินท์ มหาฤทธิ์ 11 เด็กชายธนากร อ่อนพรม 12 เด็กชายธนิสร สุริเพ็ญ 13 เด็กชายธีรศักดิ์ บุญกัลยา 14 เด็กชายนพกุล กองศรีมา 15 เด็กชายนิธิเดชน์ แก้วเชียงหวาง 16 เด็กชายปณวัฒน์ เต็มรัมย์ 17 เด็กชายปวรปรัชญ์ ทิพย์กรณ์ 18 เด็กชายปัญจรัตน์ นามศรีแก้ว 19 เด็กชายพงศ์ศุลี ลิอินทร์ 20 เด็กชายพัชรพล โพธิ์ศรี 21 เด็กชายภัทรพงศ์ ดอนประจง 22 เด็กชายนาวา อุดมเพ็ญ 23 เด็กชายวราวุฒิ บุตรโคตร ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………


เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในกิจกรรม เป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความสนใจใน กิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรมใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการฟัง และการพูด มีหยอกล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มีบางครั้ง ที่ไม่นิ่ง หรือส่งเสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติตาม กติกาได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติตาม กติกาได้อย่างถูกต้องแต่ยัง ไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและให้ ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและให้ ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบางกิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย


ชุดกระดาษสีตามแนวคิดหมวก ๖ ใบ


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง ความเป็นมาและการพิจารณาคบเพื่อนคบคนของโคลงโลกนิติ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๔ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๔ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๖ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยได้อย่างเห็นคุณค่า และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 1.2 ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.1/2 วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.1/4 สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 นักเรียนอธิบายเนื้อหาความเป็นมาของโคลงโลกนิติได้ (K) 2.2 นักเรียนเชื่อมโยงประสบการณ์เข้ากับโคลงโลกนิติได้ (P) 2.3 นักเรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3.1 ใฝ่เรียนรู้ 3.2 มีความรับผิดชอบ 3.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


5. สาระสำคัญ โคลงโลกนิติหมายถึง ระเบียบแบบแผนแห่งโลก เป็นโคลงสุภาษิตเก่าแก่ที่มีเนื้อหาเป็นคำสอน ด้านต่าง ๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม มีที่มาจากคัมภีร์ต่าง ๆ ของอินเดียโบราณแต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ ซึ่งมีการ รวบรวมและชำระโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ในสมัยรัชกาลที่ 3 โคลงโลกนิติ เป็นโคลงที่มีเนื้อหาสอนและเตือนใจ มีการใช้ถ้อยคำและเนื้อความที่ไพเราะ ทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับ ความเป็นไปของโลกเพื่อจะได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องดีงาม การศึกษาพิจารณาบทประพันธ์โคลงโลกนิติ โดยเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตนเองย่อมทำให้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของวรรณคดี เห็นได้ว่า คำสอนในโคลงโลกนิติล้วนให้ข้อคิดและคติเตือนใจในการดำเนินชีวิต เข้าใจการปฏิบัติตนให้ตั้งอยู่ในความ ไม่ประมาทเพื่อจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ต่าง ๆ ในสังคมได้เป็นอย่างดีและนำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ ในชีวิตจริง 6. สาระการเรียนรู้ 6.1 ความเป็นมาของโคลงโลกนิติ 6.2 บทประพันธ์โคลงโลกนิติเกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาคบเพื่อนคบคน 7. ชิ้นงานหรือภาระงาน 7.1 ใบงานกิจกรรมกลุ่ม เรื่อง เชื่อมโยงประสบการณ์ไปกับโคลงโลกนิติ 7.2 สมุดแบบบันทึกการตอบสนองการเรียนรู้ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (ทฤษฎีการตอบสนองของผู้อ่าน) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 8.1 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นจากประเด็นคำถามดังนี้ นักเรียนเคยศึกษาโคลงโลกนิติ ในชั้นประถมศึกษาบทใดมาแล้วบ้าง หรือนักเรียนคุ้นเคยบทประพันธ์ ดังต่อไปนี้หรือไม่ นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่าบทประพันธ์ข้างต้นกล่าวถึงอะไร จากนั้นนักเรียนอภิปรายและร่วมกัน สรุปเนื้อหาของบทประพันธ์ข้างต้น โดยมีครูคอยเพิ่มเติมการสรุปของนักเรียนได้ว่า คนที่จะเป็นนักปราชญ์ หรือผู้รู้นั้นต้องยึดถือหัวใจนักปราชญ์ คือ สุ จิ ปุ ลิ การฟัง คิด ถาม เขียน คือ หากไม่รู้สิ่งใดให้รู้จัก ฟัง คิด ถาม เขียนบันทึกอยู่เสมอ เชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาบทเรียนเรื่อง โคลงโลกนิติ เว้นวิจารณ์ว่างเว้น สดับฟัง เว้นที่ถามอันยัง ไป่รู้ เว้นเล่าลิขิตสัง- เกตว่างเว้นนา เว้นดังกล่าวว่าผู้ ปราชญ์ได้ฤๅมี (สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร)


8.2 นักเรียนศึกษาเนื้อหาความเป็นมาของโคลงโลกนิติดังนี้ โคลงโลกนิติ หมายถึง ระเบียบแบบแผน แห่งโลก เป็นโคลงสุภาษิตเก่าแก่ที่มีเนื้อหาเป็นคำสอนด้านต่าง ๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม มีที่มาจากคัมภีร์ ต่าง ๆ ของอินเดียโบราณ มีการรวบรวมและชำระแต่งขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ในสมัยรัชกาลที่ 3 โคลงโลกนิติมีจุดประสงค์ในการแต่ง เพื่อให้ประชาชนอ่านและรู้สุภาษิตต่าง ๆ และเป็น ต้นแบบตัวอย่างของโคลงสุภาพจารึกไว้ที่แผ่นศิลา โคลงโลกนิติ แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพ และมีบางบทเป็นโคลงกระทู้ ขั้นสอน ขั้นที่ 1 สร้างความเข้าใจเบื้องต้นในการอ่าน นักเรียนศึกษาบทประพันธ์โคลงโลกนิติจากสไลด์นำเสนอเรื่อง โคลงโลกนิติ โดยค้นหาความหมาย คำศัพท์ยากในบทประพันธ์ที่ขีดเส้นใต้จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน้าที่ 33-34 ส่วนเนื้อหาของบทประพันธ์ให้นักเรียนศึกษาโดยการอ่าน จับใจความสำคัญด้วยเทคนิคการอ่านแบบ 5W1H ในการตอบคำถาม จากนั้นนักเรียนและครูเฉลยคำตอบ ที่ได้ในการศึกษาเนื้อหาของบทประพันธ์ด้วยวิธีการอ่านจับใจความสำคัญแบบ 5W1H ร่วมกัน ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน ดุจดั่งคนใจร้าย นอกนั้นดูงาม เพื่อนกินสิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี หาง่ายหลายหมื่นมี มากได้ เพื่อนตายถ่ายแทนชี- วาอาตม์ หายากฝากผีไข้ ยากแท้จักหา พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได้ เขาสูงอาจวัดวา กำหนด จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงใคร/สิ่งใด (แนวคำตอบ): ผลมะเดื่อ คำถาม: ผลมะเดื่อมีลักษณะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): ข้างนอกแดงสวยแต่ข้างในมีหนอนและแมลงวัน คำถาม: เปรียบเทียบเหมือนอะไร (แนวคำตอบ): คนดูดีที่ใจร้าย จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงสิ่งใด (แนวคำตอบ): จิตใจของคน คำถาม: เปรียบเทียบกับอะไร (แนวคำตอบ): มหาสมุทรและภูเขา คำถาม: ให้ผลเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): สามารถวัดค่าได้ ต่างจากใจของคนวัดไม่ได้ จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงใคร (แนวคำตอบ): เพื่อนกินกับเพื่อนตาย คำถาม: มีลักษณะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): เพื่อนกินหนีหายเมื่อเราหมดเงินทอง ส่วนเพื่อนตายไม่ทอดทิ้ง คำถาม: เปรียบเหมือนกับอะไร (แนวคำตอบ): เพื่อนกินหาง่ายในยามสุข แต่เพื่อนแท้ ยามทุกข์นั้นหายาก


ขั้นที่ 2 เชื่อมโยงประสบการณ์ นักเรียนทุกคนทบทวนและสรุปประเด็นสำคัญจากการศึกษาโคลงโลกนิติเรื่อง การพิจารณาคบเพื่อน คบคน ร่วมกัน จากนั้นนักเรียนเชื่อมโยงเข้ากับประสบการณ์ของตนเองโดยการตอบคำถามดังนี้ 1) นักเรียนประสบเหตุการณ์หรือเรื่องราวสอดคล้องกับโคลงโลกนิติตามโคลงบทใดมากที่สุด 2) ประสบการณ์ของนักเรียนที่สอดคล้องกับโคลงโลกนิติบทดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร นักเรียนทุกคนนำเสนอประสบการณ์จากโคลงโลกนิติตามบทที่ตนเลือกภายในชั้นเรียนเพื่อให้นักเรียน รวมกลุ่มกับเพื่อนที่มีประเด็นสำคัญจากโคลงโลกนิติบทเดียวกันได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน ขั้นที่ 3 เรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ นักเรียนที่เลือกประสบการณ์จากโคลงโลกนิติบทเดียวกันให้รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน ตัวแทนกลุ่ม รับใบงานกิจกรรมกลุ่ม “เชื่อมโยงประสบการณ์ไปกับโคลงโลกนิติ” และกระดาษขาวขนาดA3 พร้อมปากกา สีเมจิก ใช้สร้างแผนผังความคิดของงานในการนำเสนอ โดยรายละเอียดในการอภิปรายร่วมกันในกลุ่มมีดังนี้ 1) บทประพันธ์ที่ได้ศึกษาวิเคราะห์ 2) ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ 3) การเชื่อมโยงกับประสบการณ์ อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา สุริยส่องดาราไร้ เมื่อร้อนแรงแสง ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงใคร (แนวคำตอบ): คนพูดจาดีกับคนพูดหยาบคาย คำถาม: ให้ผลเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): คนพูดจาดีมีเพื่อนชอบเยอะ ต่างจาก คนพูดจาหยาบคายไม่มีคนเข้าหา คำถาม: เปรียบเหมือนกับอะไร (แนวคำตอบ): ดวงจันทร์ที่เห็นหมู่ดาวโอบล้อมต่างกับ ดวงอาทิตย์ที่แสงบดบังไม่เห็นดาว จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงเรื่องใด (แนวคำตอบ): การมองคน คำถาม: เปรียบเทียบกับอะไร (แนวคำตอบ): ก้านบัวบอกระดับน้ำได้ หญ้าเหี่ยวเฉา จึงรู้ว่าดินไม่ดี คำถาม: ให้ผลเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): คนเราก็เห็นได้จากการกระทำและคำพูด


- ประสบการณ์ของนักเรียนที่สอดคล้องกับโคลงโลกนิติ (สมาชิกภายในกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเองร่วมกับเพื่อนภายในกลุ่มว่ามีประสบการณ์ ในลักษณะใดบ้าง) - ประสบการณ์ที่ได้รับมีความเหมือนหรือความแตกต่างกันอย่างไร (สมาชิกในกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เพื่อสรุปผลว่าประสบการณ์ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกันนั้น มีลักษณะ ความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร) ขั้นที่ 4 ให้และรับข้อมูลป้อนกลับ นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนองานหน้าชั้นเรียนจากการที่ได้อภิปรายภายในกลุ่มตามประเด็น ที่ให้อย่างครบถ้วน เพื่อนกลุ่มอื่นและครูรับฟังเพื่อสร้างความเข้าใจในการเรียนรู้ร่วมกันทำให้เกิดการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันภายในชั้นเรียน นักเรียนทุกคนได้รับข้อมูลจากการนำเสนอเพื่อเชื่อมโยง โคลงโลกนิติเข้ากับประสบการณ์ของตนเอง ขั้นที่ 5 ทบทวนและเขียนบันทึกการตอบสนอง นักเรียนทบทวนเนื้อหาและสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการนำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกัน จากนั้นนักเรียนทุกคนเขียนบันทึกตอบสนองการเรียนรู้ในสมุดแบบบันทึกการตอบสนองการเรียนรู้ ของตนเอง โดยรูปแบบในการเขียนบันทึกตอบสนองในสมุดแบบบันทึกนั้น มีรายละเอียดหัวข้อดังนี้ 1) ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ 2) เรื่องที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์เป็นอย่างไร 3) นักเรียนเห็นด้วยกับบทประพันธ์ดังต่อไปนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด 4) การนำไปใช้หรือข้อคิดที่ได้รับ ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้เรื่องโคลงโลกนิติได้ว่า โคลงโลกนิติคือ ระเบียบแบบแผนแห่งโลก เป็นโคลงสุภาษิตเก่าแก่ที่มีเนื้อหาเป็นคำสอนด้านต่าง ๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม มาจากคัมภีร์ต่าง ๆ ของอินเดียโบราณแต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ ซึ่งมีการรวบรวมและชำระโดยสมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ในสมัยรัชกาลที่ 3 โคลงโลกนิติ เป็นโคลงที่มีเนื้อหาสอนและเตือนใจ เมื่อนักเรียนศึกษาพิจารณาบทประพันธ์โคลงโลกนิติในเรื่องเกี่ยวกับการพิจารณาคบเพื่อนคบคน โดยเชื่อมโยง เข้ากับประสบการณ์ของตนเองแล้ว ทำให้นักเรียนมีการตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของวรรณคดี ได้รับข้อคิดคำสอนจากโคลงโลกนิติที่ศึกษาเพื่อให้นักเรียนสามารถนำไปใช้เป็นคติเตือนใจในการดำเนินชีวิต หรือการระมัดระวังตนในการพิจารณาคนและนำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตจริงของตนเองได้ 9. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น 10. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 10.1 สื่อ Power point เรื่อง “โคลงโลกนิติ” 10.2 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 10.3 กระดาษขาวขนาด A3 และปากกาสีเมจิก


11. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล 1. นักเรียนอธิบายเนื้อหา ความเป็นมาของโคลงโลกนิติได้ (K) ตรวจสมุดบันทึกและ หรือสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม นักเรียน สมุดบันทึกและหรือ แบบสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ของนักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ 2. นักเรียนเชื่อมโยง ประสบการณ์เข้ากับ โคลงโลกนิติได้(P) ประเมินการนำเสนอ กิจกรรมกลุ่มและ บันทึกการตอบสนอง แบบประเมิน กิจกรรมกลุ่มและ สมุดแบบบันทึก การตอบสนอง ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ 3. นักเรียนมีส่วนร่วมใน ชั้นเรียน (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐


แบบประเมินกิจกรรมกลุ่ม กลุ่มที่................ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่................. โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร ผู้ประเมิน ครู นักเรียน สมาชิกในกลุ่ม 1)............................................................................................................................. 2)............................................................................................................................. 3)............................................................................................................................. 4)............................................................................................................................. 5)............................................................................................................................. 6)............................................................................................................................. รายการประเมิน ผลการประเมิน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. การมีส่วนร่วมของนักเรียนในกลุ่ม 2. ความน่าสนใจของประเด็นที่นำเสนอ 3. การสรุปประเด็นอภิปรายในกลุ่ม เกณฑ์ระดับคุณภาพ ระดับดีมาก 11-12 คะแนน ระดับดี 8-10 คะแนน ระดับพอใช้ 5-7 คะแนน ระดับปรับปรุง 1-4 คะแนน สรุปผลได้ดังนี้ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง


Click to View FlipBook Version