เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ ความแม่นยำและการใช้ภาษา ความเรียบร้อยของงาน ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา รวม 3 2 1 3 2 1 2 1 2 1 10 ผ มผ 1 เด็กชายจิรพนธ์ เสนานันท์ 2 เด็กชายชยพล ไกรรัตน์ 3 เด็กชายชัยพัฒน์ รัตนพันธ์ 4 เด็กชายณัฐพล บุญจันทร์ 5 เด็กชายธนกฤต ผู้บุญ 6 เด็กชายธัญเทพ คนมั่น 7 เด็กชายภูริพัฒน์ คลื่นแก้ว 8 เด็กชายวัชรินทร์ กุทิพย์ 9 เด็กหญิงกมลพร พรมโคตร 10 เด็กหญิงกวิสรา ทานะมาตย์ 11 เด็กหญิงจิราวรรณ การิก 12 เด็กหญิงชนัญญา สารินันท์ 13 เด็กหญิงชลธิชา ริยะบุตร 14 เด็กหญิงญานิศา ทุมนันท์ 15 เด็กหญิงญาธิดา แสนวันดี 16 เด็กหญิงปริยาภัทร พุทธรัตน์ 17 เด็กหญิงปิยะวดี เกษฎางศรี 18 เด็กหญิงภัทราพร แป้นทองมอญ 19 เด็กหญิงศศิวิมล บัวพันลือ 20 เด็กหญิงหนึ่งฤทัย คำภิเนตร 21 เด็กหญิงเหมือนฝัน หันมา 22 เด็กหญิงอธิชา จันทราช 23 เด็กหญิงอาริยา ปาระมี แบบประเมินบันทึกการตอบสนอง คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินบันทึกการตอบสนอง เกณฑ์การประเมิน 9-10 คะแนน ระดับ ดีมาก 7-8 คะแนน ระดับ ดี 5-6 คะแนน ระดับ พอใช้ 1-4 คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ 7 คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 1. ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นอย่างดี เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้อง ค่อนข้าง ครบถ้วน เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ถูกต้องบางส่วน และไม่มี ความครบถ้วน 2. ความแม่นยำและการใช้ภาษา เขียนบันทึกด้วยการ ใช้ภาษาและสะกดคำได้ ถูกต้องแม่นยำเป็นอย่างดี เขียนบันทึกด้วยการ ใช้ภาษาและสะกดคำได้ ถูกต้อง ค่อนข้างแม่นยำ ผิดพลาด 2-3 จุด เขียนบันทึกด้วยการ ใช้ภาษาและสะกดคำได้ แต่ยังขาดความแม่นยำ ผิดพลาดมากกว่า 5 จุด 3. ความเรียบร้อยของงาน คะแนนเต็ม 2 คะแนน ทำงานเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำงานเป็นระเบียบแต่ยัง มีบางส่วนไม่เรียบร้อย 4. ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา คะแนนเต็ม 2 คะแนน มีความรับผิดชอบในการ ทำงาน ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ความรับผิดชอบ บกพร่อง ส่งงานล่าช้า เกินกำหนด
เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟังการดู และการพูด การตอบคำถาม การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม 2 1 0 2 1 0 2 1 0 2 1 0 2 1 0 10 ผ มผ 1 เด็กชายจิรพนธ์ เสนานันท์ 2 เด็กชายชยพล ไกรรัตน์ 3 เด็กชายชัยพัฒน์ รัตนพันธ์ 4 เด็กชายณัฐพล บุญจันทร์ 5 เด็กชายธนกฤต ผู้บุญ 6 เด็กชายธัญเทพ คนมั่น 7 เด็กชายภูริพัฒน์ คลื่นแก้ว 8 เด็กชายวัชรินทร์ กุทิพย์ 9 เด็กหญิงกมลพร พรมโคตร 10 เด็กหญิงกวิสรา ทานะมาตย์ 11 เด็กหญิงจิราวรรณ การิก 12 เด็กหญิงชนัญญา สารินันท์ 13 เด็กหญิงชลธิชา ริยะบุตร 14 เด็กหญิงญานิศา ทุมนันท์ 15 เด็กหญิงญาธิดา แสนวันดี 16 เด็กหญิงปริยาภัทร พุทธรัตน์ 17 เด็กหญิงปิยะวดี เกษฎางศรี 18 เด็กหญิงภัทราพร แป้นทองมอญ 19 เด็กหญิงศศิวิมล บัวพันลือ 20 เด็กหญิงหนึ่งฤทัย คำภิเนตร 21 เด็กหญิงเหมือนฝัน หันมา 22 เด็กหญิงอธิชา จันทราช 23 เด็กหญิงอาริยา ปาระมี แบบประเมินพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) ลงชื่อ..............................................ผู้ประเมิน (นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน 9-10 คะแนน ระดับ ดีมาก 7-8 คะแนน ระดับ ดี 5-6 คะแนน ระดับ พอใช้ 0-4 คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ 7 คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน 1. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย 2. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย 3. การตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้งและ ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ไม่มีส่วนร่วมในการ ตอบคำถามหรือ ตอบคำถามไม่ได้เลย 4. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย 5. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย
ใบงานกิจกรรมกลุ่ม เรื่อง เชื่อมโยงประสบการณ์ไปกับโคลงโลกนิติ บทประพันธ์ที่ได้ศึกษาวิเคราะห์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ประเด็นสำคัญของโคลงโลกนิติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. การเชื่อมโยงกับประสบการณ์ - ประสบการณ์ของนักเรียนที่สอดคล้องกับโคลงโลกนิติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. - ประสบการณ์ที่ได้รับมีความเหมือนหรือความแตกต่างกันอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. กลุ่มที่........... สมาชิก ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................
บันทึกการเรียนรู้: โคลงโลกนิติ เรื่องสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส 1. ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. เรื่องที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์เป็นอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. นักเรียนเห็นด้วยกับบทประพันธ์ดังต่อไปนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง เหตุผล : …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………..……………………………………………………………….. 4. การนำไปใช้หรือข้อคิดที่ได้รับ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แบบบันทึกการตอบสนอง เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
บันทึกการเรียนรู้: โคลงโลกนิติ เรื่อง การมีความขยันหมั่นเพียรและความใฝ่รู้สสสสสสส 1. ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ (แนวคำตอบ) - ความรู้มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองล้ำค่าเพราะอยู่กับตัวเรา ไม่มีใครมาปล้นไปได้ ควรหมั่นเพิ่มพูนความรู้ - คนที่ใฝ่รู้หมั่นเพียรทำการใดก็สำเร็จฝนเหล็กเป็นเข็มได้ต่างจากคนเกียจคร้านเปรียบกับการตักน้ำใส่ตะกร้า - หากเราขาดความหมั่นเพียรในการทำสิ่งใดย่อมเกิดผลเสีย - ถ้าเห็นคนอื่นมั่งมี อย่าลืมตัวไปตามเขาแต่เอาอย่างด้านที่ดี แม้ตนลำบากอย่าได้เกียจคร้านหรือท้อถอย - การพึ่งพาตนเองแม้ลำบากย่อมดีกว่าไปเดือดร้อนคนอื่นจงทำตัวเหมือนเสือที่องอาจเมื่อหิวก็ไล่จับเนื้อเอง 2. เรื่องที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์เป็นอย่างไร (แนวคำตอบ) - นักศึกษามีความขยันหมั่นหาความรู้ใส่ตัวชีวิตจึงประสบผลสำเร็จสร้างความภาคภูมิใจ - แม่ค้าขยันทำงานหาเงินคอยเก็บหอมรอมริบจนสร้างบ้านสวยอยู่อย่างสบาย - นักร้องหมั่นฝึกซ้อมการร้องเพลงของตนเองสม่ำเสมอความหมั่นเพียรนี้ส่งผลให้มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ - นักแปลภาษาที่เคยเก่งภาษามากแต่เกียจคร้านในการทำงานนานวันไม่ภาษาที่เคยรู้เริ่มลืมเลือนลง 3. นักเรียนเห็นด้วยกับบทประพันธ์ดังต่อไปนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง เหตุผล : (แนวคำตอบ) เห็นด้วย เพราะเราต้องพึ่งพาตนเองไม่ใช่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ไม่เห็นด้วย เพราะบางครั้งเรื่องใดที่เกินกำลังของเราหรือเกิดความเดือดร้อนอย่างมาก เรามีครอบครัวพี่น้อง ควรขอคอยช่วยเหลือให้เหมาะสมเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นไม่ใช่ยิ่งย่ำแย่ 4. การนำไปประยุกต์ใช้หรือข้อคิดที่ได้รับ - จงหมั่นเพียรเพิ่มพูนวิชาความรู้เป็นสมบัติติดตัวใช้ในการดำเนินชีวิต - การจะทำการใดควรมีควรสม่ำเสมอระเบียบวินัยในการทำงานเพื่อให้เป็นไปอย่างราบรื่น - การพึ่งพาตนเองเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงยิ่งขึ้น เฉลยแบบบันทึกการตอบสนอง เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๐ ชั่วโมง เรื่อง โคลงโลกนิติกับเรื่องการเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๑๒ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๑๓ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๑๔ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๑๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยได้อย่างเห็นคุณค่า และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 1.2 ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/2 วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ ม.1/3 อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.1/4 สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 นักเรียนอธิบายคุณค่าของโคลงโลกนิติได้ (K) 2.2 นักเรียนเชื่อมโยงประสบการณ์เข้ากับโคลงโลกนิติได้ (P) 2.3 นักเรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน (A) 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3.1 ใฝ่เรียนรู้ 3.2 มีความรับผิดชอบ 3.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. สาระสำคัญ โคลงโลกนิติหมายถึง ระเบียบแบบแผนแห่งโลก เป็นโคลงสุภาษิตเก่าแก่ที่มีเนื้อหา เป็นคำสอน ด้านต่าง ๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม มีที่มาจากคัมภีร์ต่าง ๆ ของอินเดียโบราณแต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ ซึ่งมีการ รวบรวมและชำระโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ในสมัยรัชกาลที่ 3 โคลงโลกนิติ เป็นโคลงที่มีเนื้อหาสอนและเตือนใจ มีการใช้ถ้อยคำและเนื้อความที่ไพเราะ ทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับ ความเป็นไปของโลกเพื่อจะได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องดีงาม การศึกษาพิจารณาบทประพันธ์โคลงโลกนิติ โดยเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตนเองย่อมทำให้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของวรรณคดีอันปรากฏ คุณค่าด้านเนื้อหาที่ให้ประโยชน์สาระความรู้ต่อผู้อ่าน คุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่เห็นความงามของวรรณคดี ดังนั้นเห็นได้ว่าคำสอนในโคลงโลกนิติล้วนให้ข้อคิดและคติเตือนใจในการดำเนินชีวิต เข้าใจการปฏิบัติตน ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเพื่อจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ต่าง ๆ ในสังคมได้เป็นอย่างดีและนำข้อคิด ไปปรับใช้ในชีวิตจริง 6. สาระการเรียนรู้ 6.1 บทวิเคราะห์คุณค่าของโคลงโลกนิติ 6.2 บทประพันธ์โคลงโลกนิติเรื่อง การเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต 7. ชิ้นงานหรือภาระงาน 7.1 ใบงานกิจกรรมกลุ่ม เรื่อง เชื่อมโยงประสบการณ์ไปกับโคลงโลกนิติ 7.2 สมุดแบบบันทึกการตอบสนองการเรียนรู้ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (ทฤษฎีการตอบสนองของผู้อ่าน) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนความรู้ประเด็นสำคัญที่ได้จากการศึกษาโคลงโลกนิติ เรื่อง การมีความขยันหมั่นเพียร และความใฝ่รู้ ในคาบเรียนที่แล้ว โดยการแสดงความคิดเห็นว่าตนเองได้รับข้อคิดอะไร และนำไปปรับใช้ อย่างไร (การตอบคำถามของนักเรียนเป็นไปได้อย่างอิสระ เช่น ข้อคิดที่ได้รับ คือ การขวนขวายหาความรู้ อยู่เสมอ โดยนำไปใช้ในการเรียนของตนเองด้วยการทบทวนและหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่ตนเรียนรู้ทุกครั้ง จนติดนิสัย เป็นต้น) จากนั้นนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์บทกลอน ต่อไปนี้ “อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินหรือจะสิ้นคนนินทา” (พระอภัยมณี : สุนทรภู่)
นักเรียนอ่านบทกลอนข้างต้นเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างไร ร่วมกันอภิปรายและสรุปสาระสำคัญ ของบทกลอน พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นจากบทกลอนว่า นักเรียนมีความเห็นคล้อยตามหรือไม่ เพราะอะไร (แนวการตอบ บทกลอนกล่าวถึงเรื่องการนินทา เปรียบเปรยให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เจ็บช้ำ พระพุทธรูป ยังอาจถูกคนนินทา ดังนั้นคนเราการถูกนินทานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีใครหลีกพ้น สอนตัวเราต้องรู้จักรับมือ การนินทาให้ได้ จึงมีความเห็นคล้อยตามด้วย เพราะการติฉินนินทานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอ) ครูคอยเพิ่มเติมเนื้อหาที่นักเรียนร่วมกันสรุปและอภิปราย เชื่อมโยงเนื้อหาเข้าสู่โคลงโลกนิติ เรื่อง การเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต ขั้นสอน ขั้นที่ 1 สร้างความเข้าใจเบื้องต้นในการอ่าน นักเรียนศึกษาบทประพันธ์โคลงโลกนิติจากสไลด์นำเสนอเรื่อง โคลงโลกนิติ โดยค้นหาความหมาย คำศัพท์ยากในบทประพันธ์ที่ขีดเส้นใต้จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน้าที่ 33-34 ส่วนเนื้อหาของบทประพันธ์ให้นักเรียนศึกษาโดยการอ่าน จับใจความสำคัญด้วยเทคนิคการอ่านแบบ 5W1H ในการตอบคำถาม จากนั้นนักเรียนและครูเฉลยคำตอบ ที่ได้ในการศึกษาเนื้อหาของบทประพันธ์ด้วยวิธีการอ่านจับใจความสำคัญแบบ 5W1H ร่วมกัน จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงใคร (แนวคำตอบ): คนที่รักกันกับคนที่เกลียดชังกัน คำถาม: ลักษณะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): รักกันแม้อยู่ไกลก็เหมือนใกล้ แต่เกลียดกันอยู่ต่อหน้าก็เหมือนไม่เห็น คำถาม: เปรียบเหมือนกับอะไร (แนวคำตอบ): การเอาท้องฟ้าภูเขามากั้นระหว่างความรู้สึกรักและเกลียดไว้ ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง เหล็กเท่าลำตาลตรึง ไป่หมั้น มนตร์ยาผูกนานหึง หายเสื่อม ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท้าวันตาย รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงเรื่องใด (แนวคำตอบ): การสร้างมิตรไมตรี คำถาม: เปรียบเทียบเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): ใช้เส้นเหล็กผูกรัดแน่นหนาใช้เสน่หาหรือมนตร์ไม่มีทางคงอยู่นาน คำถาม: สิ่งที่ผูกมัดได้นานคืออะไร (แนวคำตอบ): การผูกไมตรีและความเอื้ออาทรที่ดีต่อกัน
ขั้นที่ 2 เชื่อมโยงประสบการณ์ นักเรียนทุกคนทบทวนและสรุปประเด็นสำคัญจากการศึกษาโคลงโลกนิติ เรื่อง การพิจารณาคบเพื่อน คบคน ร่วมกัน จากนั้นนักเรียนเชื่อมโยงเข้ากับประสบการณ์ของตนเองโดยการตอบคำถามดังนี้ 1) นักเรียนประสบเหตุการณ์หรือเรื่องราวสอดคล้องกับโคลงโลกนิติตามโคลงบทใดมากที่สุด 2) ประสบการณ์ของนักเรียนที่สอดคล้องกับโคลงโลกนิติบทดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร นักเรียนทุกคนนำเสนอประสบการณ์จากโคลงโลกนิติตามบทที่ตนเลือกภายในชั้นเรียนเพื่อให้นักเรียน รวมกลุ่มกับเพื่อนที่มีประเด็นสำคัญจากโคลงโลกนิติบทเดียวกันได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงเรื่องใด (แนวคำตอบ): การนินทา คำถาม: เปรียบเทียบกับอะไร (แนวคำตอบ): การให้ไฟไร้ควัน ห้ามพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องแสง และย้อนอายุให้กลับคืนได้ คำถาม: ให้ผลเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): ไม่มีทางทำได้ ดังนั้นการนินทาเป็นเรื่องธรรมดาของโลก จับใจความประเด็นสำคัญแบบ 5W1H ดังนี้ คำถาม: กล่าวถึงเรื่องใด (แนวคำตอบ): ความประมาทพลาดพลั้ง คำถาม: เปรียบกับอะไร (แนวคำตอบ): ช้างสารมีสี่เท้าหากเดินไม่ระวังก็ก้าวพลาด นักปราชญ์มีความรู้ถ้าพูดไปเรื่อยก็อาจพลาดพลั้ง คำถาม: ให้ผลเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ): การทำสิ่งใดหากประมาทไม่ระวังก็อาจผิดพลาดได้ ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้ ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา สูงสารสี่เท้าย่าง เหยียบยัน บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง นักรู้ร่ำเรียนธรรม์ ถึงมาก ก็ดี กล่าวดั่งน้ำผลั้งผลั้ง พลาดถ้อยทางความ
ขั้นที่ 3 เรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ นักเรียนที่เลือกประสบการณ์จากโคลงโลกนิติบทเดียวกันให้รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน ตัวแทนกลุ่ม รับใบงานกิจกรรมกลุ่ม “เชื่อมโยงประสบการณ์ไปกับโคลงโลกนิติ” และกระดาษขาวขนาดA3 พร้อมปากกา สีเมจิก ใช้สร้างแผนผังความคิดของงานในการนำเสนอ โดยรายละเอียดในการอภิปรายร่วมกันในกลุ่มมีดังนี้ 1) บทประพันธ์ที่ได้ศึกษาวิเคราะห์ 2) ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ 3) การเชื่อมโยงกับประสบการณ์ - ประสบการณ์ของนักเรียนที่สอดคล้องกับโคลงโลกนิติ (สมาชิกภายในกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเองร่วมกับเพื่อนภายในกลุ่มว่า มีประสบการณ์ ในลักษณะใดบ้าง) - ประสบการณ์ที่ได้รับมีความเหมือนหรือความแตกต่างกันอย่างไร (สมาชิกในกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เพื่อสรุปผลว่าประสบการณ์ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกันนั้น มีลักษณะ ความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร) ขั้นที่ 4 ให้และรับข้อมูลป้อนกลับ นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนองานหน้าชั้นเรียนจากการที่ได้อภิปรายภายในกลุ่มตามประเด็น ที่ให้อย่างครบถ้วน เพื่อนกลุ่มอื่นและครูรับฟังเพื่อสร้างความเข้าใจในการเรียนรู้ร่วมกันทำให้เกิดการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันภายในชั้นเรียน นักเรียนทุกคนได้รับข้อมูลจากการนำเสนอเพื่อเชื่อมโยง โคลงโลกนิติเข้ากับประสบการณ์ของตนเอง ขั้นที่ 5 ทบทวนและเขียนบันทึกการตอบสนอง นักเรียนทบทวนเนื้อหาและสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการนำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกัน จากนั้นนักเรียนทุกคนเขียนบันทึกตอบสนองการเรียนรู้ในสมุดแบบบันทึกการตอบสนองการเรียนรู้ ของตนเอง โดยรูปแบบในการเขียนบันทึกตอบสนองในสมุดแบบบันทึกนั้น มีรายละเอียดหัวข้อดังนี้ 1) ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ 2) เรื่องที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์เป็นอย่างไร 3) นักเรียนเห็นด้วยกับบทประพันธ์ดังต่อไปนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด 4) การนำไปใช้หรือข้อคิดที่ได้รับ ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้เรื่องโคลงโลกนิติได้ว่า โคลงโลกนิติเป็นโคลง สุภาษิตที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนให้ทุกคนในสังคมเป็นคนดีได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถดำรงชีวิต ได้อย่างมีความสุข ซึ่งโคลงโลกนิติปรากฏศิลปะการประพันธ์ที่ดีเด่นด้านความเปรียบที่คมคายมีเนื้อหาที่เป็น คติสอนใจ โดยสามารถวิเคราะห์คุณค่าได้ดังนี้ ปรากฏคุณค่าด้านเนื้อหาสะท้อนให้เห็นความเชื่อ ค่านิยม จริยธรรม ที่ผู้คนในสังคมยึดถือเป็นอุดมคติและเป็นหลักในการปฏิบัติตนสืบต่อกันมา เช่น การยึดมั่นในความดี เป็นผู้มีความกตัญญู สอนให้อย่าประมาทพึงมีสติ ไม่ให้โอ้อวดตน แต่จงเป็นผู้รู้จักประมาณตน
รวมถึงพึงให้เห็นถึงความสำคัญของความรู้ ความขยันหมั่นเพียร เป็นต้น ปรากฏคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ในการใช้ภาพพจน์เปรียบเปรย การใช้ถ้อยคำภาษาแสดงให้เห็นภาพอย่างแจ่มแจ้ง หรือการเล่นเสียงสัมผัส ให้เกิดความไพเราะ เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อนักเรียนศึกษาพิจารณาบทประพันธ์โคลงโลกนิติในเรื่องการเข้าใจ ความเป็นจริงของชีวิต โดยเชื่อมโยงเข้ากับประสบการณ์ของตนเองแล้ว นักเรียนจะมองเห็นคุณค่าและ ความสำคัญของวรรณคดีได้รับข้อคิดว่าเรื่องใดเป็นสัจธรรมของชีวิตเพื่อให้นักเรียนสามารถรับรู้และดำเนินชีวิต ในแนวทางที่เหมาะสมหรือนำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตจริงของตนเองได้ 9. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การกล่าวชมเชย และปรบมือ ให้กำลังใจแก่นักเรียน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและการทำกิจกรรม เป็นต้น 10. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 10.1 สื่อ Power point เรื่อง “โคลงโลกนิติ” 10.2 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 10.3 กระดาษขาวขนาด A3 และปากกาสีเมจิก 11. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล 1. นักเรียนอธิบายคุณค่า ของโคลงโลกนิติได้ (K) ตรวจสมุดบันทึกและ หรือสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม นักเรียน สมุดบันทึกและหรือ แบบสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ของนักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ 2. นักเรียนเชื่อมโยง ประสบการณ์เข้ากับ โคลงโลกนิติได้ (P) ประเมินการนำเสนอ กิจกรรมกลุ่มและบันทึก การตอบสนอง แบบประเมิน กิจกรรมกลุ่มและ สมุดแบบบันทึก การตอบสนอง ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ 3. นักเรียนมีส่วนร่วม ในชั้นเรียน (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐
แบบประเมินกิจกรรมกลุ่ม กลุ่มที่................ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่................. โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร ผู้ประเมิน ครู นักเรียน สมาชิกในกลุ่ม 1)............................................................................................................................. 2)............................................................................................................................. 3)............................................................................................................................. 4)............................................................................................................................. 5)............................................................................................................................. 6)............................................................................................................................. รายการประเมิน ผลการประเมิน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. การมีส่วนร่วมของนักเรียนในกลุ่ม 2. ความน่าสนใจของประเด็นที่นำเสนอ 3. การสรุปประเด็นอภิปรายในกลุ่ม เกณฑ์ระดับคุณภาพ ระดับดีมาก 11-12 คะแนน ระดับดี 8-10 คะแนน ระดับพอใช้ 5-7 คะแนน ระดับปรับปรุง 1-4 คะแนน สรุปผลได้ดังนี้ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง
เกณฑ์การประเมินกิจกรรมกลุ่ม รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. การมีส่วนร่วม ของนักเรียน ในกลุ่ม สมาชิกในกลุ่มทุกคน มีส่วนร่วมแสดง ความคิดเห็น สมาชิกในกลุ่ม 3-4 คน มีส่วน ร่วมในการแสดง ความคิดเห็น สมาชิกในกลุ่ม 1-2 คน มีส่วนร่วม ในการแสดง ความคิดเห็น สมาชิกเพียง คนเดียวในกลุ่มเป็นผู้ แสดงความคิดเห็น 2. ความน่าสนใจ ของประเด็นที่ นำเสนอ อภิปรายตรงประเด็น มีความคิดเห็น หลากหลาย จากสมาชิกกลุ่ม ทุกคน อภิปราย ตรงประเด็น มีความคิดเห็น จากสมาชิก ในกลุ่ม 4-5 ข้อ อภิปราย ตรงประเด็น มีความคิดเห็น จากสมาชิกในกลุ่ม 2-3 ข้อ อภิปรายตรงประเด็น มีความคิดเห็น จากสมาชิก ภายในกลุ่ม 1 ข้อ 3. การสรุป ประเด็นอภิปราย ในกลุ่ม สรุปตรงประเด็น กระชับถูกต้องชัดเจน สรุปตรง ประเด็น ผิด 2-3 ที่ สรุปค่อนข้าง ตรงประเด็น สรุปไม่ตรงประเด็น ใดเลย เกณฑ์การประเมิน 11-12 คะแนน ระดับ ดีมาก 8-10 คะแนน ระดับ ดี 5-7 คะแนน ระดับ พอใช้ 1-4 คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ 8 คะแนน)
เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ ความแม่นยำและการใช้ภาษา ความเรียบร้อยของงาน ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา รวม 3 2 1 3 2 1 2 1 2 1 10 ผ มผ 1 เด็กชายจิรพนธ์ เสนานันท์ 2 เด็กชายชยพล ไกรรัตน์ 3 เด็กชายชัยพัฒน์ รัตนพันธ์ 4 เด็กชายณัฐพล บุญจันทร์ 5 เด็กชายธนกฤต ผู้บุญ 6 เด็กชายธัญเทพ คนมั่น 7 เด็กชายภูริพัฒน์ คลื่นแก้ว 8 เด็กชายวัชรินทร์ กุทิพย์ 9 เด็กหญิงกมลพร พรมโคตร 10 เด็กหญิงกวิสรา ทานะมาตย์ 11 เด็กหญิงจิราวรรณ การิก 12 เด็กหญิงชนัญญา สารินันท์ 13 เด็กหญิงชลธิชา ริยะบุตร 14 เด็กหญิงญานิศา ทุมนันท์ 15 เด็กหญิงญาธิดา แสนวันดี 16 เด็กหญิงปริยาภัทร พุทธรัตน์ 17 เด็กหญิงปิยะวดี เกษฎางศรี 18 เด็กหญิงภัทราพร แป้นทองมอญ 19 เด็กหญิงศศิวิมล บัวพันลือ 20 เด็กหญิงหนึ่งฤทัย คำภิเนตร 21 เด็กหญิงเหมือนฝัน หันมา 22 เด็กหญิงอธิชา จันทราช 23 เด็กหญิงอาริยา ปาระมี แบบประเมินบันทึกการตอบสนอง คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) ลงชื่อ..............................................ผู้ประเมิน (นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินบันทึกการตอบสนอง เกณฑ์การประเมิน 9-10 คะแนน ระดับ ดีมาก 7-8 คะแนน ระดับ ดี 5-6 คะแนน ระดับ พอใช้ 1-4 คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ 7 คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 1. ความถูกต้องครบถ้วน ของเนื้อหาสาระ เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นอย่างดี เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ได้ถูกต้อง ค่อนข้าง ครบถ้วน เขียนบันทึกเนื้อหาสาระ ถูกต้องบางส่วน และไม่มี ความครบถ้วน 2. ความแม่นยำและการใช้ภาษา เขียนบันทึกด้วยการ ใช้ภาษาและสะกดคำได้ ถูกต้องแม่นยำเป็นอย่างดี เขียนบันทึกด้วยการ ใช้ภาษาและสะกดคำได้ ถูกต้อง ค่อนข้างแม่นยำ ผิดพลาด 2-3 จุด เขียนบันทึกด้วยการ ใช้ภาษาและสะกดคำได้ แต่ยังขาดความแม่นยำ ผิดพลาดมากกว่า 5 จุด 3. ความเรียบร้อยของงาน คะแนนเต็ม 2 คะแนน ทำงานเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำงานเป็นระเบียบแต่ยัง มีบางส่วนไม่เรียบร้อย 4. ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา คะแนนเต็ม 2 คะแนน มีความรับผิดชอบในการ ทำงาน ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ความรับผิดชอบ บกพร่อง ส่งงานล่าช้า เกินกำหนด
เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด การตอบคำถาม การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม 2 1 0 2 1 0 2 1 0 2 1 0 2 1 0 10 ผ มผ 1 เด็กชายจิรพนธ์ เสนานันท์ 2 เด็กชายชยพล ไกรรัตน์ 3 เด็กชายชัยพัฒน์ รัตนพันธ์ 4 เด็กชายณัฐพล บุญจันทร์ 5 เด็กชายธนกฤต ผู้บุญ 6 เด็กชายธัญเทพ คนมั่น 7 เด็กชายภูริพัฒน์ คลื่นแก้ว 8 เด็กชายวัชรินทร์ กุทิพย์ 9 เด็กหญิงกมลพร พรมโคตร 10 เด็กหญิงกวิสรา ทานะมาตย์ 11 เด็กหญิงจิราวรรณ การิก 12 เด็กหญิงชนัญญา สารินันท์ 13 เด็กหญิงชลธิชา ริยะบุตร 14 เด็กหญิงญานิศา ทุมนันท์ 15 เด็กหญิงญาธิดา แสนวันดี 16 เด็กหญิงปริยาภัทร พุทธรัตน์ 17 เด็กหญิงปิยะวดี เกษฎางศรี 18 เด็กหญิงภัทราพร แป้นทองมอญ 19 เด็กหญิงศศิวิมล บัวพันลือ 20 เด็กหญิงหนึ่งฤทัย คำภิเนตร 21 เด็กหญิงเหมือนฝัน หันมา 22 เด็กหญิงอธิชา จันทราช 23 เด็กหญิงอาริยา ปาระมี แบบประเมินพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) ลงชื่อ..............................................ผู้ประเมิน (นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน 9-10 คะแนน ระดับ ดีมาก 7-8 คะแนน ระดับ ดี 5-6 คะแนน ระดับ พอใช้ 0-4 คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดี ขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ 7 คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน 1. สนใจเนื้อหาและกิจกรรม ที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจในเนื้อหา และกิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรม ไม่สนใจในเนื้อหาและ กิจกรรมใดเลย 2. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด เคารพและตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด ไม่หยอกล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟัง การดู และการพูด แต่มีพูดคุย หยอกล้อกัน เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจในการฟัง การดู และการพูด พูดคุย หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย 3. การตอบคำถาม มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามบ่อยครั้งและ ตอบคำถามได้ถูกต้อง ตรงประเด็น มีส่วนร่วมในการตอบ คำถามน้อยครั้ง ตอบคำถามได้ถูกต้อง บางส่วน ไม่มีส่วนร่วมในการ ตอบคำถามหรือ ตอบคำถามไม่ได้เลย 4. การพูดแสดงความคิดเห็น อย่างเหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตรงตามประเด็นที่กำหนด มีการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม พูดแสดงความคิดเห็น ตามประเด็นที่กำหนด เล็กน้อย มีการใช้ถ้อยคำ ค่อนข้างเหมาะสม ไม่มีการพูดแสดงความ คิดเห็นใดเลย 5. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และให้ความร่วมมือ ในการทำกิจกรรมใดเลย
ใบงานกิจกรรมกลุ่ม เรื่อง เชื่อมโยงประสบการณ์ไปกับโคลงโลกนิติ บทประพันธ์ที่ได้ศึกษาวิเคราะห์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ประเด็นสำคัญของโคลงโลกนิติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. การเชื่อมโยงกับประสบการณ์ - ประสบการณ์ของนักเรียนที่สอดคล้องกับโคลงโลกนิติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. - ประสบการณ์ที่ได้รับมีความเหมือนหรือความแตกต่างกันอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. กลุ่มที่........... สมาชิก ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................
บันทึกการเรียนรู้: โคลงโลกนิติ เรื่องสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส 1. ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. เรื่องที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์เป็นอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. นักเรียนเห็นด้วยกับบทประพันธ์ดังต่อไปนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด สูงสารสี่เท้าย่าง เหยียบยัน บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง นักรู้ร่ำเรียนธรรม์ ถึงมาก ก็ดี กล่าวดั่งน้ำผลั้งผลั้ง พลาดถ้อยทางความ เหตุผล : …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………..……………………………………………………………….. 4. การนำไปใช้หรือข้อคิดที่ได้รับ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แบบบันทึกการตอบสนอง เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
บันทึกการเรียนรู้: โคลงโลกนิติ เรื่อง การเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตสสสสสสส 1. ประเด็นสำคัญของบทประพันธ์ (แนวคำตอบ) - การใช้เส้นเหล็กมาผูกรัดแน่นหนา หรือใช้มนตร์กับใครไม่มีทางคงอยู่นานเท่าการผูกมิตรไมตรี - คนที่รักกันกับคนที่เกลียดชังกันไม่ได้อยู่ที่ระยะว่าใกล้ชิดหรือห่างไกลแต่เป็นความรู้สึกของจิตใจ - หยุดการนินทาก็เหมือนห้ามสิ่งที่ไม่ทางเป็นไปได้ ดังนั้นการถูกนินทาถือเป็นเรื่องธรรมดาของคน - การจะทำสิ่งใดหากประมาทไม่ระวังก็ย่อมเกิดความผิดพลาด 2. เรื่องที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์เป็นอย่างไร (แนวคำตอบ) - เพื่อนสนิทคือเพื่อนที่ผูกกันไว้ด้วยมิตรภาพที่ดีคอยหยิบยื่นไมตรีให้กันอยู่เสมอ - เพื่อนบ้านที่มีเรื่องบาดหมางกันแม้อยู่ใกล้เพียงรั้วขอบชิดกันก็ไม่มีทางช่วยเหลือกันยามเดือดร้อน - นักแสดงที่สวมบทบาทการแสดงได้ดีแต่พบพฤติกรรมแย่จะถูกวิจารณ์ตกเป็นข่าวของผู้อื่นทันที - พิธีกรมีชื่อเสียงหากพูดนำเสนอในรายการอย่างไม่ระวังคำพูดก็ทำให้เสียชื่อเสียงลงได้ 3. นักเรียนเห็นด้วยกับบทประพันธ์ดังต่อไปนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด สูงสารสี่เท้าย่าง เหยียบยัน บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง นักรู้ร่ำเรียนธรรม์ ถึงมาก ก็ดี กล่าวดั่งน้ำผลั้งผลั้ง พลาดถ้อยทางความ เหตุผล : (แนวคำตอบ) เห็นด้วย เพราะความประมาทขาดความระวังเป็นบ่อเกิดของความผิดพลาดได้ง่าย ไม่เห็นด้วย เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ แม้บางครั้งมีความระมัดระวังอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม 4. การนำไปประยุกต์ใช้หรือข้อคิดที่ได้รับ - การสร้างมิตรไมตรีที่ดีต่อผู้อื่นเอาไว้ย่อมดีกว่าการสร้างศัตรู - การที่มีเรื่องบาดหมางไม่ถูกใจกันเราควรปรับความเข้าใจหาทางออกร่วมกันเป็นหนทางที่ควรกระทำ - การถูกนินทาเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือพิจารณาว่าคำนินทานั้นเป็นคำนินทาที่ดีหรือไม่ดี หากคำนินทาไม่ใช่ความจริงอย่านำมาใส่ใจ หากคำนินทาให้สาระควรนำคำนินทานั้นมาปรับปรุงตัวเราเอง - การไม่ประมาททำให้เราเกิดข้อผิดพลาดได้น้อยลงจึงควรมีความระมัดระวังอยู่เสมอ เฉลยแบบบันทึกการตอบสนอง เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๑๔ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๑๔ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๑๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๑๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม.๑/๖ จำแนกและใช้สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพยได้อย่างถูกต้อง (K) ๒.๒ นักเรียนวิเคราะห์และจำแนกสำนวนที่เป็นสุภาษิตและคำพังเพยได้อย่างถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนและทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา
๕. สาระสำคัญ สำนวน เป็นถ้อยคำที่ไม่ได้มีความหมายโดยตรงตามตัวอักษรอาจมีเนื้อหากระตุ้นให้คิด ส่วนใหญ่ใช้ การเปรียบเทียบเพื่อให้ทราบความหมายชัดเจน คำสุภาษิต คือ คำในภาษาไทยที่ใช้ในการสื่อสารเชิงเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย มักมีความหมายในการ ตักเตือนสั่งสอนในทางบวก มีความหมายที่ดี คำสุภาษิตมักจะแต่งให้คล้องจองฟังแล้วรื่นหู เพื่อให้จดจำได้ง่าย และเกิดการใช้งานได้บ่อย หลายครั้งที่เราได้พบกับคำสุภาษิตจากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ เราอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจในความหมายของมันก็ได้ คำพังเพย คือ คำพูดที่ออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะสั่งสอนอะไรเป็นไปในเชิงพูดเปรียบเทียบว่า สถานการณ์นี้เป็นอย่างไรมากกว่า แต่คำพังเพยส่วนใหญ่ก็มักแฝงคติเตือนใจที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ ดังนั้น การที่ศึกษาเรื่องของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย จะเป็นการทำให้เป็นผู้รู้จักใช้ถ้อยคำ ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ ใช้คำพูดได้ตรงจุดประสงค์โดยหลีกเลี่ยงการพูดตรง ๆ ให้สะเทือนใจ และ เป็นการใช้ภาษาสละสลวยขึ้น ๖. สาระการเรียนรู้ ความหมายและลักษณะของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงาน เรื่อง สำนวน สุภาษิต คำพังเพย ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๘.๑ นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรม “บอกใบ้สำนวนไทย” โดยให้นักเรียนส่งตัวแทนห้องออกมา ๑ คน เพื่อดูสำนวนไทยจากครูผู้สอน หลังจากนั้นให้ตัวแทนของนักเรียนทำท่าทางประกอบ เพื่อเป็นการใบ้คำให้กับ นักเรียนที่อยู่ในชั้นเรียนทายว่า สำนวนที่ตัวแทนห้องออกมาใบ้คือสำนวนอะไร หากใครตอบได้คนนั้นจะเป็น คนออกมาใบ้สำนวนต่อไป โดย ๑ ห้องเรียนใช้ตัวแทนห้องละ ๑๐ คน เพื่อออกมาใบ้ สำนวนจำนวน ๑๐ สำนวน เช่น เกลือจิ้มเกลือ, ขนทรายเข้าวัด, แกว่งเท้าหาเสี้ยน, เข็นครกขึ้นภูเขา, ขว้างงูไม่พ้นคอ, รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี, อย่าชี้โพรงให้กระรอก, อย่าเห็นขี้ดีกว่าไส้, ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว, ขี่ช้างจับตั๊กแตน ๘.๒ ผู้เรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสำนวนทั้ง ๑๐ สำนวน ว่าแต่ละสำนวนมีความหมายว่าอย่างไร และแต่ละสำนวนเป็นสุภาษิตหรือคำพังเพย เพื่อเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน
ขั้นสอน ๘.๓ นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้สำนวนทั้ง ๑๐ สำนวนที่ได้จากการทำกิจกรรม “บอกใบ้สำนวนไทย” โดยศึกษาสืบค้นข้อมูลจากสื่ออินเทอร์เน็ต ร่วมกับหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและ การใช้ภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ มีครูคอยเพิ่มเติมความรู้ที่ได้ จากนั้นให้นักเรียนทุกคนศึกษาความหมายของ สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ศึกษาเรื่องลักษณะของสุภาษิตและคำพังเพย จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ พร้อมจดบันทึกความรู้ลงในสมุดบันทึก ให้เรียบร้อย ๘.๔ นักเรียนร่วมกันตอบคำถามเกี่ยวกับความหมายและลักษณะของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย พร้อมบอกหลักในการจำแนกสุภาษิตและคำพังเพยเป็นรายบุคคล ๘.๕ นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น ๓ กลุ่ม เพื่อทำกิจกรรม “ฉันคือกลุ่มใด” โดยกติกาในการทำกิจกรรม คือ นักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้แผ่นข้อความสุภาษิตและคำพังเพย กลุ่มละ ๑๐ ข้อความ จากนั้นให้ผู้เรียน แต่ละกลุ่มร่วมกันจำแนกว่าข้อความที่ได้เป็นสุภาษิตหรือคำพังเพย โดยการนำแผ่นข้อความมาติดบนกระดาน โดยข้อความที่เป็นสุภาษิตติดบนกระดานด้านขวามือ ข้อความที่เป็นคำพังเพยติดบนกระดานด้านซ้ายมือ กลุ่มใดจำแนกเสร็จก่อนและถูกต้องมากที่สุดถือเป็นกลุ่มที่ชนะ ๘.๖ นักเรียนร่วมกันตรวจคำตอบจากการทำกิจกรรม “ฉันคือกลุ่มใด” พร้อมสรุปความรู้ที่ได้รับ จากการทำกิจกรรม นักเรียนทุกคนรับใบงาน เรื่อง สำนวน สุภาษิต คำพังเพย ให้นักเรียนรับฟังคำชี้แจงในการ ทำใบงานเพื่อความเข้าใจจากนั้นลงมือทำใบงานให้เรียบร้อย ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ได้ว่า สำนวน เป็นถ้อยคำที่ ไม่ได้มีความหมายโดยตรงตามตัวอักษรอาจมีเนื้อหากระตุ้นให้คิด ส่วนใหญ่ใช้การเปรียบเทียบเพื่อให้ทราบ ความหมายชัดเจน เช่น คนดีผีคุ้ม วัวหายล้อมคอก เป็นต้น คำพังเพย เป็นคำที่กล่าวเปรียบเปรย กล่าวเป็นกลาง ๆ ไม่ได้ระบุใคร เช่น ขว้างงูไม่พ้นคอ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เป็นต้น ส่วนสุภาษิต เป็นคำที่ ไพเราะ ให้ข้อคิดคติเตือนใจ เช่น อย่าเห็นขี้ดีกว่าไส้เป็นต้น ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การชมเชย การสร้างกำลังใจ เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑๐.๒ สลากและแผ่นข้อความสำนวนไทย
๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบายความหมาย ของสำนวน สุภาษิตและ คำพังเพยได้อย่างถูกต้อง (K) ตรวจใบงานและ สังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม ใบงานและแบบสังเกต พฤติกรรมการตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนวิเคราะห์และจำแนก สำนวนที่เป็นสุภาษิตและ คำพังเพยได้อย่างถูกต้อง (P) การทำกิจกรรม “ฉันคือกลุ่มใด” กิจกรรม “ฉันคือกลุ่มใด” ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการเรียนและทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในกิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรม ใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด ไม่หยอก ล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด มีหยอก ล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มี บางครั้งที่ไม่นิ่ง หรือส่ง เสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๑๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๑๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๑๙ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๐ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม.๑/๖ จำแนกและใช้สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายลักษณะของสุภาษิตและคำพังเพยได้อย่างถูกต้อง (K) ๒.๒ นักเรียนวิเคราะห์และจำแนกสำนวนที่เป็นสุภาษิตและคำพังเพยได้อย่างถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนและทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา
๕. สาระสำคัญ สำนวน หมายถึง ถ้อยคำที่ไม่ได้มีความหมายโดยตรงตามตัวอักษร อาจมีเนื้อหากระตุ้นให้คิด ส่วนใหญ่ใช้การเปรียบเทียบเพื่อให้ทราบความหมายชัดเจน สำนวนในภาษาไทยมีเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่าง ไม้หลักปักเลน ยุให้รำ ตำให้รั่ว เป็นต้น คำพังเพย เป็นถ้อยคำสำนวนที่แฝงข้อคิดคติเตือนใจให้นำไปปฏิบัติ มีความหมายกลาง ๆ ไม่ได้เน้นเรื่องการสั่งสอนเหมือนสุภาษิต และมีความหมายไปในเชิงเปรียบเทียบ เช่นเดียวกับสำนวน เช่น ไก่อ่อน ส่วนสุภาษิต เป็นถ้อยคำสำนวนที่มีเนื้อความมุ่งเน้นไปในการสั่งสอน ตักเตือน ให้จดจำ ส่วนใหญ่มีคำว่า จง อย่า ให้ อยู่ด้วย สุภาษิตอาจมีความหมายไปในเชิงเปรียบเทียบเช่นเดียวกับ สำนวนหรือคำพังเพย หรืออาจเป็นสุภาษิตในพระพุทธศาสนาก็ได้ เช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น ควรศึกษาให้เข้าใจเพื่อตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญ สามารถนำสำนวนที่เป็นสุภาษิตและคำพังเพย ไปปรับใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ๖. สาระการเรียนรู้ ความหมายและลักษณะของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงาน เรื่อง วิเคราะห์สำนวนไทยในข่าว ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนร่วมกันสังเกตแถบสำนวนบนกระดาน แล้วช่วยกันเติมตัวอักษรลงในช่องว่างให้เป็นสำนวน ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งช่วยกันอธิบายความหมายของสำนวนนั้น ตัวอย่างแถบสำนวน นักเรียนร่วมกันสนทนา โดยตอบคำถาม ดังนี้ ๑) สำนวนข้างต้น สำนวนใดบ้าง เป็นถ้อยคำที่แฝงข้อคิดเตือนใจที่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ (แนวคำตอบ ไก่อ่อน กระต่ายตื่นตูม อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน น้ำนิ่งไหลลึก) ๒) สำนวนข้างต้น สำนวนใดบ้าง เป็นถ้อยคำที่มุ่งสั่งสอนหรือตักเตือน (แนวคำตอบ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว) ไ ก่อ่อ น ก ร ะ ต่ า ย ตื่ น ตูม น้ำ นิ่ ง ไ ห ล ลึก อ ย่ า ไ ว้ ใ จ ท า ง อ ย่ า ว า ง ใ จ ค น ทำ ดีไ ด้ ดีทำ ชั่ ว ไ ด้ชั่ ว
ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจใน ความหมายและลักษณะของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ๘.๒ นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม ออกเป็น ๓ กลุ่ม ร่วมกันแข่งขันทายสำนวนจากภาพ ในการทำกิจกรรม “สุภาษิตหรือคำพังเพยเฉลยที” โดยแต่ละกลุ่มจะได้รับภาพสำนวนกลุ่มละ ๓ ภาพ ให้แต่ละกลุ่มทายชื่อสำนวนจากภาพ วิเคราะห์ความหมายของสำนวนนั้น พร้อมทั้งจำแนกว่าเป็นคำพังเพย หรือสุภาษิต กลุ่มใดทำได้เร็วที่สุดและถูกต้องเป็นฝ่ายชนะ ตัวอย่างภาพ ๘.๓ นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันตรวจสอบคำตอบและสรุปความรู้ที่ได้รับจากการทำกิจกรรม“สุภาษิต หรือคำพังเพยเฉลยที” และให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของ สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย โดยตอบคำถาม ดังนี้ - สำนวน สุภาษิต และคำพังเพยแตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ สำนวน เป็นข้อความเชิงเปรียบเทียบ อาจแบ่งเป็นคำพังเพยและสุภาษิต ซึ่งเป็นถ้อยคำที่มี ความหมายเชิงเปรียบเทียบเช่นกัน แต่สุภาษิตมุ่งเน้นในการสั่งสอน ตักเตือน หรืออาจเป็นสุภาษิต ในพระพุทธศาสนา) ๘.๔ นักเรียนร่วมกันสรุปความคิดรวบยอดได้ว่า สำนวน เป็นถ้อยคำที่มีเนื้อหากระตุ้นความคิด โดยใช้การเปรียบเทียบ ไม่ได้มีความหมายโดยตรงตามตัวอักษร อาจแยกเป็นคำพังเพย ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำ สำนวนที่แฝงข้อคิดคติเตือนใจ มีความหมายกลาง ๆ และสุภาษิต ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำสำนวนที่มุ่งเน้น การสั่งสอน ตักเตือนให้จดจำ มีคำว่า จง อย่า ให้ หรืออาจเป็นสุภาษิตในพระพุทธศาสนาก็ได้ จากนั้น ให้นักเรียนจับคู่ เพื่อรับใบงาน เรื่อง วิเคราะห์สำนวนไทยในข่าว โดยให้แต่ละคู่ไปสืบค้นข่าวที่สนใจ ๑ ข่าว นำข่าวนั้นมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับสำนวน คำพังเพย หรือสุภาษิตใด อย่างไร พร้อมทั้งจำแนกว่าเป็นคำพังเพย หรือสุภาษิต (กิ้งก่าได้ทอง) (นกน้อยทำรังแต่พอตัว) (น้ำลดตอผุด)
ขั้นสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกัน มีครูคอยเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ ดังนี้ สำนวน เป็นถ้อยคำที่ไม่ได้มีความหมายโดยตรงตามตัวอักษร แบ่งเป็นคำพังเพย และสุภาษิต คำพังเพยเป็นถ้อยคำ กล่าวเปรียบเทียบที่แฝงข้อคิดเตือนใจ มักมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ ส่วนสุภาษิตมุ่งเน้นการสั่งสอน ตักเตือนให้แนวทางปฏิบัติ ซึ่งทั้งคำพังเพยและสุภาษิตเป็นสำนวนที่มุ่งให้คติในการดำเนินชีวิต การทราบ ความหมายของสำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิตจะทำให้เข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้เหมาะสมถูกต้องกับ บริบท ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การชมเชย การสร้างกำลังใจ เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ ใบความรู้เรื่อง สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต ๑๐.๒ แถบสำนวน ๑๐.๓ ภาพสำนวน ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบายลักษณะของ สุภาษิตและคำพังเพยได้อย่าง ถูกต้อง (K) การตอบคำถาม ในชั้นเรียน คำถามในชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนวิเคราะห์และจำแนก สำนวนที่เป็นสุภาษิตและคำ พังเพยได้อย่างถูกต้อง (P) การทำกิจกรรม “สุภาษิตหรือ คำพังเพยเฉลยที” และตรวจใบงาน กิจกรรม “สุภาษิตหรือคำพังเพย เฉลยที” และใบงาน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการเรียนและทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในกิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรม ใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด ไม่หยอก ล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด มีหยอก ล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มี บางครั้งที่ไม่นิ่ง หรือส่ง เสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย
ใบความรู ้ เร ื อ ่ ง สา นวนท ี เ ่ ป็นคา พง ั เพยและสภุ าษต ิ สำนวน มีความหมายโดยกว้าง หมายถึง ถ้อยคำที่ไม่ได้มีความหมายโดยตรงตามตัวอักษร อาจมีเนื้อหา กระตุ้นให้คิด ส่วนใหญ่ใช้การเปรียบเทียบเพื่อให้ทราบความหมายชัดเจน สำนวนในภาษาไทยมีเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่าง - ไม้หลักปักเลน - ยุให้รำ ตำให้รั่ว - บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น - หาเลือดกับปู - แพะรับบาป - ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน - น้ำนิ่งไหลลึก - ไม้ใกล้ฝั่ง - ยกเมฆ - หาเลือดกับปู - รักพี่เสียดายน้อง สำนวนอาจแยกเป็นคำพังเพยและสุภาษิต ดังนี้ คำพังเพย เป็นถ้อยคำสำนวนที่แฝงข้อคิดคติเตือนใจให้นำไปปฏิบัติ มีความหมายกลาง ๆ ไม่ได้เน้น เรื่องการสั่งสอนเหมือนสุภาษิต มีที่มาจากนิทาน วรรณคดี ตำนานต่าง ๆ และมีความหมายไปในเชิงเปรียบเทียบ เช่นเดียวกับสำนวน เช่น คำพังเพย ความหมาย กระต่ายตื่นตูม ตื่นเต้นไปก่อนล่วงหน้าโดยไม่คิดตริตรองให้ดีเสียก่อน วัวสันหลังหวะ คนที่มีความผิดติดตัว ทำให้มีความหวาดระแวง ขิงก็ร่า ข่าก็แรง ต่างก็อวดดื้อถือดีพอ ๆ กัน ไม่มีใครยอมใคร ปิดทองหลังพระ การทำความดีแต่ไม่มีใครเห็น น้ำลดตอผุด เมื่อหมดอำนาจวาสนา ความผิดที่เคยทำไว้ก็จะค่อย ๆ ผุดขึ้นมาให้คนอื่นเห็น สุภาษิต เป็นถ้อยคำสำนวนที่มีเนื้อความมุ่งเน้นไปในการสั่งสอน ตักเตือนให้จดจำ ส่วนใหญ่มีคำว่า จง อย่า ให้ อยู่ด้วย สุภาษิตอาจมีความหมายไปในเชิงเปรียบเทียบเช่นเดียวกับสำนวนหรือคำพังเพย หรืออาจเป็นสุภาษิตในพระพุทธศาสนาก็ได้ เช่น คำพังเพย ความหมาย อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควาย ให้ลูกท่านเล่น อาศัยอยู่ในบ้านผู้ใดก็ควรช่วยทำงานตามแต่จะทำได้ทุกอย่าง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผู้ที่ทำความดีก็จะได้รับสิ่งที่ดี ผู้ที่ทำชั่วก็จะได้รับสิ่งเลวร้าย จงเอาเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา ควรทำตามแบบอย่างเฉพาะในด้านดี สิ่งที่ไม่ดีไม่ควรเลียนแบบ อโรคา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง คำเปรียบเทียบ คำที่มีความหมายโดยตรงและโดยนัย เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๑๙ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๐ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๑ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๒ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม.๑/๖ จำแนกและใช้สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนอธิบายความหมายของคำที่มีความหมายโดยตรงและโดยนัยได้(K) ๒.๒ นักเรียนวิเคราะห์และจำแนกคำที่มีความหมายโดยตรงและโดยนัยได้อย่างถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนและทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา
๕. สาระสำคัญ ในชีวิตประจำวัน มนุษย์รับสารด้วยการอ่านสื่อที่หลากหลาย แต่ธรรมชาติการสื่อสารของคนไทย นอกจากสื่อความหมายตรงตามตัวอักษรแล้วยังใช้ภาษาสื่อสารที่มีความหมายแฝง เรียกว่า ความหมายโดยนัย ด้วยเสมอ บางครั้งอาจเกิดความไม่เข้าใจความหมายแฝงทำให้การสื่อสารไม่สัมฤทธิ์ผล ดังนั้น ผู้เรียนจึงต้อง ฝึกฝน ทักษะการอ่านเพื่อวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจความหมายของคำ ข้อความ ประโยค เพื่อให้เข้าใจได้ถูกต้อง ตามเจตนาของผู้ส่งสาร ฝึกการแปลความหมายตามพจนานุกรม ตีความหมายว่าเป็นความหมายโดยตรงหรือ ความหมายโดยนัย จับใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่าน และสรุปความรู้ เพื่อถ่ายทอดข้อมูลจากเรื่องที่อ่าน ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ถูกต้อง ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ ความหมายของคำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ๖.๒ ตัวอย่างคำและการใช้คำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ใบงาน เรื่อง คำที่มีความหมายโดยตรงและโดยนัย ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน นักเรียนสังเกตข้อความต่อไปนี้ “ดอกไม้ดอกนี้สวยงามที่สุดในสวนเลย” “ดอกไม้ดอกนี้ มีเจ้าของแล้ว เราไม่ควรไปแย่งเขามา” “เก้าอี้ตัวนี้ราคาแพงมาก” “นักการเมืองกำลังแย่งเก้าอี้กัน” “หงส์ตัวนี้สวยงามมาก เป็นสัตว์ที่มีค่าและราคาแพง” “หงส์ต้องคู่กับหงส์ หงส์ไม่คู่ควรกับกา” ให้นักเรียนตอบคำถามว่าคำที่ เหมือนกันในแต่ละข้อความนั้น มีความหมายเดียวกันหรือไม่ เพราะเหตุใด และนักเรียนตอบคำถามว่า เพราะเหตุใดคำที่เขียนเหมือนกันจึงมีความหมายต่างกัน นักเรียนร่วมกันสรุปคำตอบที่ได้เชื่อมโยง เข้าสู่บทเรียน ขั้นสอน ๘.๑ นักเรียนทุกคนร่วมกันศึกษาใบความรู้เรื่อง คำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย จากนั้นนักเรียนร่วมกันสนทนาว่าคำในภาษาไทยมีคำเป็นจำนวนมากที่มีความหมายทั้งโดยตรงและโดยนัย แต่หากคำ ๆ นั้น ปรากฏอยู่เพียงลำพังก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นความหมายโดยตรงหรือโดยนัย เพราะฉะนั้น นักเรียนต้องฝึกสังเกตบริบทแวดล้อมของคำเหล่านั้นร่วมด้วยให้เกิดความเข้าใจความหมายของคำดังกล่าว ๘.๒ นักเรียนสรุปความรู้ที่ได้รับร่วมกันได้ว่า คำที่มีความหมายโดยตรง คือ คำที่มีความหมายตรงตาม ตัวอักษร ซึ่งเป็นความหมายตามที่พจนานุกรมกำหนด เป็นความหมายหลักที่ใช้ในการสื่อสารทั่วไป เมื่อมี ข้อโต้แย้ง เรื่องความหมายของคำ จะต้องยึดถือพจนานุกรมเป็นหลักในการตัดสิน เช่น คำว่า เก้าอี้ หมายถึง ที่ สำหรับนั่ง มีขา และพนักพิง มักย้ายไปมาได้ ใช้ลักษณะนามว่า ตัว เป็นต้น ส่วนคำที่มีความหมายโดยนัย
คือ คำที่มีความหมายไม่ตรงตามตัวอักษร แต่เป็นความหมายแฝงหรือความหมายโดยอ้อมเพื่อเชื่อมโยงไปถึง อีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะต้องตีความ เช่น นักการเมืองพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เก้าอี้มา คำว่า เก้าอี้จะหมายถึง ตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้หมายถึงเก้าอี้สำหรับนั่งที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม เป็นต้น ๘.๓ นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรม “ไขสงสัยตรงหรือนัย” โดยกติกา คือ ให้ผู้เรียนสังเกตคำในข้อความ ที่ผู้สอนนำมาให้ดู แล้วตอบคำถามว่าคำที่มีตัวอักษร สีแดงในข้อความนั้นเป็นคำที่มีความหมายโดยตรงหรือ ความหมายโดยนัย ถ้าเป็นคำที่มีความหมายโดยตรง ความหมายโดยตรงหมายถึงอะไร ถ้าเป็นความหมาย โดยนัย ความหมายโดยนัยหมายถึงอะไร โดยให้ผู้เรียนยกแขนขวาขึ้นหากเป็นคำที่มีความหมายโดยตรง ยกแขนซ้ายขึ้นหากเป็นคำที่มีความหมายโดยนัย นักเรียนร่วมกันสรุปผลการทำกิจกรรม “ไขสงสัย ตรงหรือนัย” จากนั้นนักเรียนรับใบงาน เรื่อง คำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ให้นักเรียน ฟังคำชี้แจงให้เข้าใจแล้วลงมือทำใบงาน ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง คำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ได้ว่า คำที่มี ความหมายโดยตรง คือ คำที่มีความหมายตรงตามตัวอักษร ซึ่งเป็นความหมายตามที่พจนานุกรมกำหนด เป็นความหมายหลักที่ใช้ในการสื่อสารทั่วไป ส่วนคำที่มีความหมายโดยนัย คือ คำที่มีความหมายไม่ตรงตาม ตัวอักษร แต่เป็นความหมายแฝงหรือความหมายโดยอ้อมเพื่อเชื่อมโยงไปถึงอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะต้องตีความ ดังนั้น จึงควรฝึกฝนทักษะการอ่านวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจความหมายของคำ ข้อความ ประโยค ตีความหมายของคำได้ ว่าเป็นความหมายโดยตรงหรือความหมายโดยนัย เพื่อให้เข้าใจได้ถูกต้องตามเจตนาของผู้ส่งสาร ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก จัดบรรยากาศเชิงบวกเสริมแรงทางสังคม เช่น การทักทาย การยิ้มแย้ม การชมเชย การสร้างกำลังใจ เป็นต้น ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ ใบความรู้เรื่อง คำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ๑๐.๒ ชุดกิจกรรม “ไขสงสัยตรงหรือนัย”
๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนอธิบายความหมาย ของคำที่มีความหมายโดยตรง และโดยนัยได้(K) การตอบคำถาม ในชั้นเรียน คำถาม ในชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒. นักเรียนวิเคราะห์และจำแนก คำที่มีความหมายโดยตรงและ โดยนัยได้อย่างถูกต้อง (P) ตรวจใบงานและการ ทำกิจกรรม “ไขสงสัยตรงหรือนัย” ใบงานและกิจกรรม “ไขสงสัยตรงหรือนัย” ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการเรียนและทำกิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด (ผ่านเกณฑ์๗ คะแนน) เลขที่ ชื่อ –สกุล รายการสังเกต สรุปผลผลการประเมิน ผ่าน/ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ มีมารยาทในการฟัง และการพูด มีสมาธิในการฟัง ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ ผ มผ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ( ) วันที่……….เดือน………….พ.ศ…………
เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ๙-๑๐ คะแนน ระดับ ดีมาก ๗-๘ คะแนน ระดับ ดี ๕-๖ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐-๔ คะแนน ระดับ ควรปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การผ่านตั้งแต่ระดับ ดีขึ้นไป (ผ่านเกณฑ์ ๗ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ๐ คะแนน ๑. สนใจกิจกรรมที่ครูนำมาให้ แสดงความสนใจใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ค่อนข้างแสดงความ สนใจในกิจกรรม ไม่สนใจในกิจกรรม ใดเลย ๒. มีมารยาทในการฟัง และการพูด เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด ไม่หยอก ล้อกัน เคารพและตั้งใจในการ ฟังและการพูด มีหยอก ล้อ พูดคุยบ้างเล็กน้อย ไม่ตั้งใจในการฟังและ การพูด หยอกล้อเล่นกัน ก่อความวุ่นวาย ๓. มีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการฟัง ไม่กระดุกกระดิก หรือ ส่งเสียงดัง มีสมาธิในการฟัง มี บางครั้งที่ไม่นิ่ง หรือส่ง เสียงดัง ไม่มีสมาธิในการฟังเลย ๔. ตอบคำถามและ ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องครบถ้วน ตอบคำถามและปฏิบัติ ตามกติกาได้อย่าง ถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบคำถามเลย ๕. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นและ ให้ความร่วมมือในการทำ กิจกรรมในเป็นบาง กิจกรรม ไม่มีความกระตือรือร้น และความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใดเลย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง การอ่านตีความ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวชลธิชา ต่ออำนาจ โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร วันที่สอน ๒๑ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๒ วันที่สอน ๒๑ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๘ วันที่สอน ๒๒ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๑ วันที่สอน ๒๒ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ห้อง ม.๑/๔ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๑/๕ ตีความคำยากในเอกสารวิชาการโดยพิจารณาจากบริบท ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายการอ่านตีความคำยากได้(K) ๒.๒ นักเรียนสามารถอ่านตีความคำยากได้ (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา