The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม

หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม

หนังสือสวดมนต์ ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร พิมพ์ครั้งที่ ๓ พุทธศักราช ๒๕๖๖


พระสายน์ ประดิษฐานภายในพระอุโบสถวัดปทุมวนาราม


พระเสริม - พระแสน ประดิษฐานภายในพระวิหารวัดปทุมวนาราม


พระเสริมจำลอง พระประธานบนศาลาพระราชศรัทธา ภาพถ่ายเมื่อแรกอัญเชิญขึ้นประดิษฐาน


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระผู้ทรงสถาปนาวัดปทุมวนาราม พุทธศักราช ๒๔๐๐


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดปทุมวนาราม เป็นการใหญ่ครั้งแรก


พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระผู้ทรงพระราชทานกำเนิดศาลาพระราชศรัทธา เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวกรุงเทพมหานครและชาวพุทธทั่วไป พุทธศักราช ๒๕๓๔


พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ งดเว้นการกำหนดระยะเวลาและค่าเช่าที่ดินอันเป็นที่ตั้งศาลาพระราชศรัทธา โดยทรงพระกรุณาโปรดให้วัดปทุมวนารามใช้ได้ตลอดไป


พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระเสริมจำลอง พระประธานศาลาพระราชศรัทธา เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕


สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


คำปรารภ วัดปทุมวนารามเป็นพระอารามที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๐ สำหรับเป็นพระอารามหลวงประจำพระราชวังปทุมวัน ด้วย ความสงบวิเวกห่างไกลพระนคร มีบรรยากาศเป็นอารามฝ่ายอรัญวาสีหรือวัดป่า จึงเป็น สำนักของพระสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีการสอนและฝึกอบรมพระกรรมฐานกันมาแต่ยุคต้น ในรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงมีพระราชศรัทธายิ่งใน พระพุทธศาสนา เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มาทรงถวายผ้าพระกฐินที่วัดปทุมวนาราม ในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๓ ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังลานปฏิบัติธรรมหลังกุฏิสุวรรณเนตร ที่พระมหาถาวร จิตฺตถาวโร (พระเทพวิมลญาณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม) ดำเนินการอยู่ ได้ทรงมีพระราชศรัทธาโปรดให้มีการสร้างศาลาปฏิบัติธรรมหลังใหญ่ขึ้นบน ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งติดกับเขตวัดปทุมวนาราม เพื่อให้เป็น สถานปฏิบัติธรรมของชาวกรุงเทพมหานคร เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จได้เสด็จพระราชดำเนิน มาทรงเปิดเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๖ ด้วยพระราชศรัทธาและพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว จึงเกิดมีศาลาพระราชศรัทธาอันเป็นรมณียสถานทางธรรมกลางกรุงแห่งนี้ มาในรัชกาลปัจจุบัน ด้วยพระราชปณิธานและพระราชศรัทธาอันยิ่ง สมเด็จบรม บพิตร พระราชสมภารเจ้า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ยกเว้นการกำหนด ระยะเวลาและค่าเช่าที่ดินอันเป็นที่ตั้งของศาลาพระราชศรัทธาตลอดอาณาบริเวณ โดยให้วัด ปทุมวนารามใช้ได้ตลอดไป เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและทรงสืบสานพระราชศรัทธาแห่งสมเด็จ พระบรมชนกนาถ กับทั้งเพื่อให้พระพุทธศาสนาสถิตมั่นในราชอาณาจักร นับเป็นพระมหา กรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้


กว่า ๓ ทศวรรษที่ผ่านมา ศาลาพระราชศรัทธายังคงตระหง่านงามในท่ามกลางป่าไม้ คอยให้ความสงบร่มเย็นเป็นวิหารอรัญวาสีที่อยู่กลางกรุง เป็นจุดนัดพบทางธรรมที่สำคัญแห่ง หนึ่งของหมู่นักปฏิบัติธรรมทั้งใกล้ไกล ยังประโยชน์ให้เป็นไปไพศาลตามพระราชประสงค์แห่ง องค์พระผู้ทรงมีพระราชศรัทธาพระราชทานกำเนิดและพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ หนังสือสวดมนต์เล่มนี้ ทางวัดจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในกิจกรรมทำวัตรสวดมนต์ของผู้มา ปฏิบัติธรรมที่ศาลาพระราชศรัทธาอันเป็นหนึ่งในวัตรปฏิบัติหลักของที่แห่งนี้ การไหว้พระ สวดมนต์หรือที่เรียกว่าการทำวัตรนั้น ชาวพุทธเราถือกันอย่างสำคัญว่าเสมือนกาลที่ได้เฝ้า บูชาพระบรมศาสดาบ้าง กาลเป็นที่ฟังธรรมบ้าง หรือแม้กระทั่งเป็นเวลาแห่งการเจริญพระ กรรมฐาน เพราะการไหว้พระสวดมนต์ในแต่ละครั้ง ผู้ปฏิบัติจำต้องอาศัยกำลังแห่งสติเพื่อให้ มีสมาธิในการสวดสาธยายในแต่ละบทให้เป็นไปอย่างถูกต้องคล้องตามกัน เสียงสวดมนต์ที่ ถูกต้องพร้อมเพรียงกันย่อมเป็นมนต์ขลังยังใจให้ผ่องใส จรรโลงดวงศรัทธา พาให้เกิดธรรมปีติ อันเป็นหนึ่งในอารมณ์สมาธิได้ การสวดมนต์นั้น แม้นิยมสวดกันเป็นภาษาบาลีที่ผู้สวดส่วนใหญ่มักไม่ทราบ ความหมายหรือคำแปล แต่ก็พึงเข้าใจว่า เสียงสวดที่เปล่งออกมานั้น เกิดจากวาจาสุภาษิตคือ การกล่าวถึงความจริงอันประเสริฐแท้ แต่ละบทละคำที่สวดล้วนเป็นพระวาจาหรือคำกล่าว สอนของพระบรมศาสดาและเหล่าพระอริยบุคคล การสวดมนต์จึงเป็นอุดมมงคลแห่งชีวิต เป็นกิจที่พึงปฏิบัติอย่างยิ่งของชาวพุทธทั้งหลาย ก็แล ในการจัดทำหนังสือสวดมนต์เล่มนี้ เพื่อเพิ่มพูนประโยชน์จากที่ปรารภ จึงได้ มอบหมายให้คณะผู้จัดทำดำเนินการรวบรวมคำแปลประจำบทสวดมนต์นั้น ๆ อันเหล่าท่านผู้ เป็นนักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาได้แปลไว้มาประกอบด้วย จึงหวังว่าจะอำนวยประโยชน์ ยิ่งต่อการบำเพ็ญวัตรของผู้มาปฏิบัติธรรมที่นี่และที่นำไปใช้ในที่อื่น ๆ ท้ายนี้ ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและอานิสงส์แห่งการทำวัตรสวดมนต์จง เป็นปัจจัยส่งให้ผู้ปฏิบัติทั้งหลายมีความสว่างไสวเจริญก้าวหน้าในธรรม นำสู่ความพ้นทุกข์อัน เป็นที่สุดแห่งการประพฤติปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาจงทุกท่านเทอญ. พระพรหมวชิรเวที เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ประธานอำนวยการศาลาพระราชศรัทธา เทศกาลวันเข้าพรรษา พุทธศักราช ๒๕๖๖


สารบัญ ทำวัตรเช้า ๑ บทนำบูชาพระรัตนตรัย ๑ ปักขคณนาวิธานคาถา ๙ ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐะ ๑๐ พ๎รัห๎มวิหารผรณปาฐะ ๑๒ ทำวัตรเย็น ๑๔ บทนำบูชาพระรัตนตรัย ๑๔ อตีตปัจจเวกขณปาฐะ ๒๓ อภิณ๎หปัจจเวกขณปาฐะ ๒๕ ต้นสวดมนต์ ๒๗ บทชุมนุมเทวดา ๒๗ ปุพพภาคนมการะ ๒๘ สรณคมนปาฐะ ๒๙ สัจจกิริยาคาถา ๓๐ มหาการุณิกคาถา ๓๑ เขมาเขมสรณคมนปริทีปิกาคาถา ๓๒ ติรตนัปปณามคาถา ๓๓ บทเจริญพระพุทธมนต์ ๓๖ นมการสิทธิคาถา (ของเก่า) ๓๖ นมการสิทธิคาถา ๓๘


นโมการอัฏฐกคาถา ๔๐ มงคลปริตร ๔๑ รตนปริตร ๔๕ กรณียเมตตปริตร ๕๒ ขันธปริตร ๕๕ โมรปริตร ๕๗ วัฏฏกปริตร ๕๙ อนุสสรณปาฐะ ๖๐ อาฏานาฏิยปริตร ๖๒ อังคุลิมาลปริตร ๗๑ โพชฌังคปริตร ๗๒ อภยปริตร ๗๕ โอสถปริตร ๗๖ เทวตาอุยโยชนคาถา ๗๗ สุนักขัตตคาถา ๗๙ สุมังคลคาถา ๗๙ ปริตตาวสานคาถา ๘๐ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ๘๒ อนัตตลักขณสูตร ๙๓ อาทิตตปริยายสูตร ๑๐๓ มหาสมยสูตร ๑๑๑ สาราณียธัมมสูตร ๑๒๙ ภิกขุอปริหานิยธัมมสูตร ๑๓๓ เมตตานิสังสสุตตปาฐะ ๑๓๗ สติปัฏฐานปาฐะ ๑๓๙


โอวาทปาฏิโมกขาทิปาฐะ ๑๔๕ มหากัสสปโพชฌังคสุตตปาฐะ ๑๕๒ มหาโมคคัลลานโพชฌังคสุตตปาฐะ ๑๕๖ มหาจุนทโพชฌังคสุตตปาฐะ ๑๕๙ คิริมานันทสุตตปาฐะ ๑๖๓ ธชัคคปริตตปาฐะ ๑๗๔ จันทปริตตปาฐะ ๑๘๑ สุริยปริตตปาฐะ ๑๘๓ โมกขุปายคาถา ๑๘๖ รตนัตตยัปปภาวาภิยาจนคาถา ๑๘๙ สุขาภิยาจนคาถา ๑๙๑ บทสวดพระพุทธมนต์ ๑๙๔ ปัพพโตปมคาถา ๑๙๔ อริยธนคาถา ๑๙๕ ธัมมนิยามสูตร ๑๙๖ วิปัสสนาภูมิปาฐะ ๒๐๐ ติลักขณาทิคาถา ๒๐๓ พุทธอุทานคาถา ๒๐๕ ภัทเทกรัตตคาถา ๒๐๖ พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ๒๐๘ พระสังคณี ๒๐๘ พระวิภังค์ ๒๐๙ พระธาตุกถา ๒๑๐ พระปุคคลปัญญัตติ ๒๑๑


พระกถาวัตถุ ๒๑๓ พระยมก ๒๑๔ พระมหาปัฏฐาน ๒๑๕ บทสวดมาติกา - บังสุกุล ๒๑๗ ธัมมสังคณีมาติกาปาฐะ ๒๑๗ ปัฏฐานมาติกาปาฐะ ๒๒๐ บังสุกุลเป็น ๒๒๒ บังสุกุลตาย ๒๒๒ บทถวายพรพระ ๒๒๓ พุทธชัยมงคลคาถา ๒๒๓ ชยปริตร ๒๒๗ สัพพมงคลคาถา ๒๒๘ มงคลจักรวาลใหญ่ ๒๓๐ มงคลจักรวาลน้อย ๒๓๒ จุลลไชยมโนปกรณ์(บทไชยน้อย) ๒๓๔ บทสวดอุทิศท้ายทำวัตร ๒๔๓ อุททิสสนาธิฏฐานคาถา ๒๔๓ สัพพปัตติทานคาถา ๒๔๕ ปัตติทานคาถา ๒๔๘ ปัตติทานคาถา ๒๕๑ อนุโมทนาวิธี ๒๕๔ อนุโมทนารัมภคาถา ๒๕๔


สามัญญานุโมทนาคาถา ๒๕๕ วิรุฬหิกคาถา ๒๕๖ รตนัตตยานุภาวาทิคาถา ๒๕๗ สังเขปอาฏานาฏิยสุตตคาถา ๒๕๘ โภชนทานานุโมทนาคาถา ๒๕๙ อาทิยสุตตคาถา ๒๕๙ อัคคัปปสาทสุตตคาถา ๒๖๐ เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนาคาถา ๒๖๑ เทวตาภิสัมมันตนคาถา ๒๖๒ วิหารทานคาถา ๒๖๔ เกณิยานุโมทนาคาถา ๒๖๕ กาลทานสุตตคาถา ๒๖๖ ติโรกุฑฑกัณฑสุตตคาถา (ย่อ) ๒๖๗ สัพพมังคลคาถา ๒๖๘ ศาสนพิธี ๒๖๙ การสมาทานรักษาศีล ๕ ๒๖๙ การสมาทานรักษาศีล ๘ ๒๗๑ การสมาทานรักษาอุโบสถศีล ๒๗๓ คำขอบวชชีพราหมณ์-บวชเนกขัมมะ ๒๗๗ คำอาราธนาพระปริตร ๒๘๐ คำอาราธนาธรรม ๒๘๐ คำสาธุการเวลาจบพระธรรมเทศนา ๒๘๑ คำขอขมาโทษ ๒๘๓ คำลาพระสงฆ์กลับบ้าน ๒๘๔


คำถวายสังฆทาน ๒๘๔ คำถวายสังฆทานอุทิศ ๒๘๔ คำถวายผ้าป่า ๒๘๕ คำถวายผ้าอาบน้ำฝน ๒๘๕ คำถวายเทียนพรรษา ๒๘๖ คำถวายธูปเทียนดอกไม้ ๒๘๖ คำถวายข้าวพระพุทธ ๒๘๗ คำลาข้าวพระพุทธ ๒๘๗ คำถวายต้นดอกผึ้ง ๒๘๗ บทสวดมนต์แปลโดยสรภัญวิธี ๒๘๘ ติลักขณาทิคาถา ๒๘๙ ปฐมพุทธภาสิตคาถา ๒๙๐ ปัจฉิมพุทโธวาทปาฐะ ๒๙๑ อริยธนคาถา ๒๙๑ กายคตานุสสติปาฐะ ๒๙๒ สัพพปัตติทานคาถา (แปล) ๒๙๔ บทแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล ๒๙๕ คำอธิษฐานกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ๒๙๖


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๑ ทำวัตรเช้า บทนำนมัสการ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ. สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. คำแปล พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ ชอบได้โดยพระองค์เอง ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว ข้าพเจ้านมัสการ พระธรรม พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้านอบน้อม พระสงฆ์ฯ บทนำบูชาพระรัตนตรัย (ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวเพียงผู้เดียว) ยะมัมîหะ โข มะยัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา, (อุททิสสะ ปัพพาชิตา) โย โน ภะคะวา สัตถา, ยัสสะ จะ มะยัง ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ, อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง สะสัทธัมมัง สะสาวะกะสังฆัง อภิปูชะยามะ. คำแปล เราทั้งหลายเป็นผู้ถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดเป็นสรณะ เป็นศาสดา ของเรา เราทั้งหลายย่อมชอบใจพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด เรา ทั้งหลายตั้งใจบูชาซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พร้อมพระธรรมและพระสงฆ์ สาวก (ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น) ด้วยสักการะเหล่านี้ฯ


๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ปุพพภาคนมการะ (นำ) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความนอบน้อมอันเป็นส่วนเบื้องต้น แด่ พระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ฯ พุทธาภิถุติ (นำ) หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส. (รับ) โย โส ตะถาคะโต อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู, อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิสัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวา, โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รัห๎มะกัง, สัสสะมะณะพ๎ราห๎มะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัต๎วา ปะเวเทสิ, โย ธัมมัง เทเสสิอาทิกัล๎ยาณัง มัชเฌ-


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๓ กัล๎ยาณัง ปะริโยสานะกัล๎ยาณัง, สาตถัง สะพ๎ยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พ๎รัห๎มะจะริยัง ปะกาเสสิ, ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ. (กราบระลึกถึงพระพุทธคุณ) คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความชมเชยเฉพาะพระพุทธเจ้าเถิด ฯ (รับ) พระตถาคตเจ้านั้น พระองค์ใด เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปด้วยดีแล้ว เป็น ผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มี ความจำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด ได้ทรงทำ ความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม และหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดา และมนุษย์ให้รู้ ตาม พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด ทรงแสดงธรรมแล้ว ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือแบบแห่งการ ปฏิบัติอันประเสริฐ บริสุทธิ์ บริบูรณ์ สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ (คำอธิบาย) พร้อมทั้ง พยัญชนะ (หัวข้อ) ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า ฯ ธัมมาภิถุติ (นำ) หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส. (รับ) โย โส ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ, ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ. (กราบระลึกถึงพระธรรมคุณ)


๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความชมเชยเฉพาะพระธรรมเถิด ฯ (รับ) พระธรรมนั้นใด เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ ผู้ศึกษาและผู้ปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัด กาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่งเฉพาะพระธรรมนั้น ข้าพเจ้านอบ น้อมพระธรรมนั้น ด้วยเศียรเกล้า ฯ สังฆาภิถุติ (นำ) หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส. (รับ) โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ, ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ. (กราบระลึกถึงพระสังฆคุณ) คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความชมเชยเฉพาะพระสงฆ์เถิด ฯ (รับ) พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระ ภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว พระสงฆ์สาวกของ พระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็น


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๕ ผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ ควรรับทักษิณา ทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่งเฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้น ด้วย เศียรเกล้า ฯ รตนัตตยัปปณามคาถา (นำ) หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ สังเวคะวัตถุปะริทีปะกะปาฐัญจะ ภะณามะ เส. (รับ) พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว, โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน, โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก, วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง. ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน, โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก, โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน, วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง. สังโฆ สุเขตตาภ๎ยะติเขตตะสัญญิโต, โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก, โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส, วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง. อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง, วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง, ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา, มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา.


๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา สังเวคปริทีปกปาฐะ อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก สัมโพธะคามีสุคะตัปปะเวทิโต, มะยันตัง ธัมมัง สุต๎วา เอวัง ชานามะ, ชาติปิ ทุกขา ชะราปิ ทุกขา มะระณัมปิ ทุกขัง, โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา, อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปิเยหิวิปปะโยโค ทุกโข ยัมปิจฉัง นะ ละภะติตัมปิทุกขัง, สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา, เสยยะถีทัง, รูปูปาทานักขันโธ, เวทะนูปาทานักขันโธ, สัญญูปาทานักขันโธ, สังขารูปาทานักขันโธ, วิญญาณูปาทานักขันโธ, เยสัง ปะริญญายะ, ธะระมาโน โส ภะคะวา, เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ, เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี, พะหุลา ปะวัตตะติ, รูปัง อะนิจจัง, เวทะนา อะนิจจา, สัญญา อะนิจจา, สังขารา อะนิจจา, วิญญาณัง อะนิจจัง, รูปัง อะนัตตา, เวทะนา อะนัตตา, สัญญา อะนัตตา, สังขารา อะนัตตา, วิญญาณัง อะนัตตา, สัพเพ สังขารา อะนิจจา, สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ, เต มะยัง๑ , โอติณณามะหะชาติยา ชะรามะระเณนะ, โสเกหิปะริเทเวหิทุกเขหิโทมะนัสเสหิอุปายาเสหิ, ทุกโขติณณา ทุกขะปะเรตา, อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ. (บรรพชิตว่า) จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง, สัทธา อะคารัส๎มา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา, ตัส๎มิง ภะคะวะติ พ๎รัห๎มะจะริยัง จะรามะ, ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะ๑ สตรี สวดว่า “ตา มะยัง”


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๗ สะมาปันนา, ตัง โน พ๎รัห๎มะจะริยัง, อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ. (คฤหัสถ์ว่า) จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณังคะตา, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ, อะนุปะฏิปัชชามะ, สา สา โน ปะฏิปัตติ, อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวคำนอบน้อมพระรัตนตรัยและบาลีที่ แสดงวัตถุแห่งความสังเวชเถิด ฯ (รับ) พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ พระองค์ใด มีตา คือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาปและอุปกิเลสแห่งโลก ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ พระธรรมของพระ ศาสดาพระองค์นั้นสว่างรุ่งเรืองเปรียบดวงประทีป จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน ส่วนใดซึ่งเป็นตัวโลกุตตระ และส่วนใดที่แสดงอรราธิบายแห่งโลกุตตระนั้น ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ พระสงฆ์หมู่ใดเป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่ กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย เป็นผู้เห็นพระนิพพาน ตรัสรู้ตามพระสุคต เป็นผู้ละกิเลส เครื่องโลเล เป็นพระอริยเจ้า มีปัญญาดี ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น โดยใจเคารพ เอื้อเฟื้อ บุญใดที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งวัตถุสาม คือพระรัตนตรัย อันควรบูชายิ่งโดย ส่วนเดียว ได้กระทำแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้ ขออุปัทวะ (ความชั่ว) ทั้งหลาย จงอย่ามี แก่ข้าพเจ้าเลย ด้วยอำนาจความสำเร็จ อันเกิดจากบุญนั้น พระตถาคตเจ้า เกิดขึ้นแล้วในโลกนี้เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดย พระองค์เอง และพระธรรมที่ทรงแสดง เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์ เป็นเครื่อง สงบกิเลส เป็นไปเพื่อปรินิพพาน เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคต ประกาศ พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์


๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ แม้ความตายก็เป็นทุกข์ แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความ ไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ ความประสบกับสิ่งไม่ เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ มีความ ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์ ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัว ทุกข์ ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือรูป ขันธ์อันเป็นที่ตั้ง แห่งความยึดมั่นคือเวทนา ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือสัญญา ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือสังขาร ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ วิญญาณ เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย เช่นนี้เป็นส่วนมาก อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย ส่วนมาก มี ส่วน คือการจำแนกอย่างนี้ว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่ เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง รูปไม่ใช่ตัวตน เวทนาไม่ใช่ตัวตน สัญญาไม่ใช่ตัวตน สังขาร ไม่ใช่ตัวตน วิญญาณไม่ใช่ตัวตน สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทั้ง ปวงไม่ใช่ตัวตน ดังนี้ พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว โดยความเกิด โดย ความแก่และความตาย โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่ สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย เป็นผู้ถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้มีความ ทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏชัดแก่ เราได้ (บรรพชิต) เราทั้งหลาย อุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ไกลจาก กิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง แม้ปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้น เป็นผู้มี ศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยง ชีวิตของภิกษุทั้งหลาย ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น จงเป็นไปเพื่อการทำ ที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๙ (คฤหัสถ์) เราทั้งหลาย ผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ปรินิพพานนาน แล้วพระองค์นั้น เป็นสรณะ ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตามสติกำลัง ขอให้ความ ปฏิบัตินั้น ๆ ของเราทั้งหลาย จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ ฯ ปักขคณนาวิธานคาถา (นำ) หันทะ มะยัง ปักขะคะณะนาวิธานะคาถาโย ภะณาม เส. อิทานิ สัตตะมีภูเต มะหันเตเยวะ สัมพ î ยุเห, ปะฐะมัสเสวะ พ๎ยุหัสสะ ทุติเย สะมุเห อะยัง. ปัจฉิมัสเสวะ วัคคัสสะ ปักเข จะตุตถะสัญหิเต, ปะวัตตะติ ปัจจุปปันโน กาโล กัล๎ยูปะลักขิโต, อิจจายัง ปักขะคะณะนา เวทิตัพพา วะ กาละโต. อะโห อะนิจจา สังขารา เต กาลิกา อะสัณฐิตา, สะกาลา กาลิกา สัพเพ หุต๎วา หุต๎วา นะ โหนติ เต. ตัง กุเตตถะ ลัพภา โลเก ยะทุปปันนัง นะ นัสสะติ, เอวัมภูเตสุเปî ยเตสุ สาธุ ตัตถาชฌุเปกขะนา. อะปิ เตสัง นิโรธายะ ปะฏิปัต๎ยาติสาธุกา, สัพพัง สัมปาทะนียัญหิ อัปปะมาเทนะ สัพพะทา. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวคาถาว่าด้วยวิธีแห่งการนับปักข์เถิด ฯ ที่ขีดเส้นใต้ให้เปลี่ยนตามเวลาที่สวดในปัจจุบัน


๑๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา บัดนี้ เป็นสัมพยุหะใหญ่ที่ ๗ พยุหะที่ ๑ สมุหะที่ ๒ ปัจฉิมวรรค ปักษ์ที่ ๔ ปัจจุบันกาล อันท่านกำหนดตามยุคเป็นไปดังนี้ ความกำหนดปักษ์อย่างนี้ ๆ บัณฑิต พึงทราบตามกาล โอ ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง สังขารเหล่านั้นดำรงอยู่ชั่วคราว ไม่ ตั้งอยู่ได้ สังขารเหล่านั้นตั้งอยู่ชั่วคราว มีแล้ว ๆ กลับไม่มีเล่า สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ไม่ ฉิบหายไป สัตว์จะได้สิ่งนั้นในโลกแต่ที่ไหน เมื่อสังขารเหล่านั้น แม้เป็นแล้วอย่างนี้ ความวางเฉยในสังขารเหล่านั้นเสีย เป็นการดี อนึ่ง ความปฏิบัติ เพื่อความดับสังขารเล่านั้นยิ่งเป็นการดี กิจนี้ล้วนควรให้ ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ในกาลทุกเมื่อแล ฯ ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐะ (นำ) หันทะ มะยัง ตังขะณิกะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส. (รับ) ปะฏิสังขา โยนิโส จีวะรัง ปะฏิเสวามิ, ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, อุณ๎หัสสะ ปะฏิฆาตายะ, ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, ยาวะเทวะ หิริโกปินะปะฏิจฉาทะนัตถัง. ปะฏิสังขา โยนิโส ปิณฑะปาตัง ปะฏิเสวามิ, เนวะ ท๎วายะ นะ มะทายะ นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ, ยาวะเทวะ อิมัสสะ กายัสสะ ฐิติยา ยาปะนายะ วิหิงสุปะระติยา พ๎รัห๎มะจะริยานุคคะหายะ, อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปะฏิหังขามิ นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ, ยาต๎รา จะ เม ภะวิสสะติอะนะวัชชะตา จะ ผาสุวิหาโร จาติ. ปะฏิสังขา โยนิโส เสนาสะนัง ปะฏิเสวามิ, ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, อุณ๎หัสสะ ปะฏิฆาตายะ, ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริง-


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๑๑ สะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, ยาวะเทวะ อุตุปะริสสะยะวิโนทะนัง ปะฏิสัลลานารามัตถัง. ปะฏิสังขา โยนิโส คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขารัง ปะฏิเสวามิ, ยาวะเทวะ อุปปันนานัง เวยยาพาธิกานัง เวทะนานัง ปะฏิฆาตายะ, อัพ๎ยาปัชฌะปะระมะตายาติ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวคำอันเป็นเครื่องพิจารณาปัจจัยใน ขณะที่บริโภคนั้นเถิด ฯ เราย่อมพิจารณาโดยแยบคายแล้วนุ่งห่มจีวร เพียงเพื่อบำบัดความหนาว เพื่อบำบัดความร้อน เพื่อบำบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดดและ สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย และเพียงเพื่อปกปิดอวัยวะอันให้เกิดความละอาย เราย่อมพิจารณาโดยแยบคายแล้วฉันบิณฑบาต ไม่ให้เป็นไปเพื่อความ เพลิดเพลินสนุกสนาน ไม่ให้เป็นไปเพื่อความเมามัน เกิดกำลัง พลังทางกาย ไม่ให้ เป็นไปเพื่อประดับ ไม่ให้เป็นไปเพื่อตกแต่ง แต่ให้เป็นไปเพียงเพื่อความตั้งอยู่ได้แห่ง กายนี้ เพื่อความเป็นไปได้ของอัตภาพ เพื่อความสิ้นไปแห่งความลำบากทางกาย เพื่ออนุเคราะห์แก่การประพฤติพรหมจรรย์ด้วยการทำอย่างนี้เราย่อมระงับเสียได้ ซึ่งทุกขเวทนาเก่าคือความหิว และไม่ทำทุกขเวทนาใหม่ให้เกิดขึ้น อนึ่ง ความ เป็นไปโดยสะดวกแห่งอัตภาพนี้ด้วย ความเป็นผู้หาโทษมิได้ด้วย และความเป็นอยู่ โดยผาสุขด้วย จักมีแก่เรา ดังนี้ เราย่อมพิจารณาโดยแยบคายแล้วใช้สอยเสนาสนะ เพียงเพื่อบำบัดความ หนาว เพื่อบำบัดความร้อน เพื่อบำบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดดและ สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย เพียงเพื่อบรรเทาอันตรายอันจะพึงมีจากดิน ฟ้า อากาศ และเพื่อความเป็นผู้ยินดีอยู่ได้ ในที่หลีกเร้นสำหรับภาวนา


๑๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา เราย่อมพิจารณาโดยแยบคายแล้วบริโภคเภสัชบริขารอันเกื้อกูลแก่คนไข้ เพียงเพื่อบำบัดทุกขเวทนาอันบังเกิดขึ้นแล้ว มีอาพาธต่าง ๆ เป็นมูล เพื่อความเป็น ผู้ไม่มีโรคเบียดเบียนเป็นอย่างยิ่ง ดังนี้ ฯ พ๎รัห๎มวิหารผรณปาฐะ (นำ) หันทะ มะยัง พ๎รัห๎มะวิหาระผะระณะปาฐัง ภะณามะ เส. สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง อะเวรา โหนตุ เป็นผู้ไม่มีเวรเถิด อัพ๎ยาปัชฌา โหนตุ เป็นผู้ไม่เบียดเบียนกันเถิด อะนีฆา โหนตุ เป็นผู้ไม่มีทุกข์กายทุกข์ใจเถิด สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ เป็นผู้มีสุขรักษาตนเถิด สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ทุกขา ปะมุจจันตุ พ้นจากทุกข์เถิด สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มา ลัทธะสัมปัตติโต วิคัจฉันตุ อย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้ แล้วเถิด สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง กัมมัสสะกา เป็นผู้มีกรรมเป็นของตน กัมมะทายาทา เป็นผู้รับผลของกรรม กัมมะโยนี เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด กัมมะพันธู เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๑๓ กัมมะปะฏิสะระณา เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ยัง กัมมัง กะริสสันติ จักทำกรรมอันใดไว้ กัล๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่ว ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ฯ จบทำวัตรเช้า


๑๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ทำวัตรเย็น บทนำนมัสการ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ. สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. คำแปล พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ ชอบได้โดยพระองค์เอง ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ฯ พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว ข้าพเจ้านมัสการ พระธรรม ฯ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้านอบน้อม พระสงฆ์ฯ บทนำบูชาพระรัตนตรัย (ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวเพียงผู้เดียว) ยะมัมîหะ โข มะยัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา, (อุททิสสะ ปัพพาชิตา) โย โน ภะคะวา สัตถา, ยัสสะ จะ มะยัง ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ, อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง สะสัทธัมมัง สะสาวะกะสังฆัง อภิปูชะยามะ. คำแปล เราทั้งหลายเป็นผู้ถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดเป็นสรณะ เป็นศาสดา ของเรา เราทั้งหลายย่อมชอบใจพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด เรา


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๑๕ ทั้งหลายตั้งใจบูชาซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พร้อมพระธรรมและพระสงฆ์ สาวก (ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น) ด้วยสักการะเหล่านี้ฯ ปุพพภาคนมการะ (นำ) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความนอบน้อมอันเป็นส่วนเบื้องต้น แด่ พระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ฯ พุทธานุสสติ (นำ) หันทะ มะยัง พุทธานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส. (รับ) ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง กัล๎ยาโณ กิตติสัทโท อัพภุคคะโต, อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู, อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.


๑๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความตามระลึกถึงพระพุทธเจ้าเถิด ฯ ก็กิตติศัพท์อันงามของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ได้ฟุ้งไปแล้วอย่างนี้ว่า เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลก อย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็น ครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มี ความจำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์ ดังนี้ฯ พุทธาภิคีติ (นำ) หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง กะโรมะ เส. (รับ) พุทธ๎วาระหันตะวะระตาทิคุณาภิยุตโต, สุทธาภิญาณะกะรุณาหิ สะมาคะตัตโต, โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลังวะ สูโร, วันทามะหัง ตะมะระณัง สิระสา ชิเนนทัง. พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง. พุทธัสสาหัส๎มิ ทาโส๑ วะ พุทโธ เม สามิกิสสะโร, พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม. พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง, วันทันโตหัง๒ จะริสสามิ พุทธัสเสวะ สุโพธิตัง. ๑ สตรี สวดว่า “ทาสี” ๒ สตรี สวดว่า “วันทันตีหัง”


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๑๗ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน. พุทธัง เม วันทะมาเนนะ๑ ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ, สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา. (หมอบกราบลงว่า) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, พุทโธ ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความขับคาถาพรรณนาเฉพาะพระพุทธเจ้า เถิด ฯ (รับ) พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคุณ มีความประเสริฐแห่งอรหันตคุณเป็นต้น มีพระองค์อันประกอบด้วยพระญาณและพระกรุณาอันบริสุทธิ์ พระองค์ใดทรง กระทำชนที่ดีให้เบิกบาน ดุจอาทิตย์ทำบัวให้บาน ข้าพเจ้าไหว้พระชินสีห์ผู้ไม่มี กิเลสพระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า พระพุทธเจ้าพระองค์ใดเป็นสรณะอันเกษมสูงสุด ของสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงเป็นที่ตั้งแห่งความ ระลึกองค์ที่หนึ่ง ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็น นาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้ซึ่ง ประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้แด่พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ จักประพฤติตามซึ่งความตรัสรู้ดีของพระพุทธเจ้า สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึง ๑ สตรีสวดว่า “วันทะมานายะ”


๑๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้ขวนขวาย บุญใดในบัดนี้ อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งบุญนั้น ฯ (หมอบกราบลงว่า) “ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้า กระทำแล้วในพระพุทธเจ้า ขอพระพุทธเจ้าจงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อการ สำรวมระวังในพระพุทธเจ้า ในกาลต่อไป” ฯ ธัมมานุสสติ (นำ) หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส. (รับ) ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความตามระลึกถึงพระธรรมเถิด ฯ (รับ) พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษา และปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่ง ที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ ได้เฉพาะตน ดังนี้ฯ ธัมมาภิคีติ (นำ) หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส. (รับ) ส๎วากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย, โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท, ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี, วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตัง.


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๑๙ ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, ทุติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง. ธัมมัสสาหัส๎มิ ทาโส วะ ธัมโม เม สามิกิสสะโร, ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม. ธัมมัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง, วันทันโตหังจะริสสามิ ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง. นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน. ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ, สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา. (หมอบกราบลงว่า) กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, ธัมโม ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความขับคาถาพรรณนาเฉพาะพระธรรม เถิด ฯ (รับ) พระธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐ เพราะประกอบด้วยคุณคือความที่พระผู้มี พระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเป็นต้น เป็นธรรมอันจำแนกเป็นมรรค ผล ปริยัติและ นิพพาน เป็นธรรมทรงไว้ซึ่งผู้ทรงธรรมจากการตกไปสู่โลกที่ชั่ว ข้าพเจ้าไหว้พระ ธรรมอันประเสริฐนั้น อันเป็นเครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด พระธรรมใดเป็นสรณะอัน เกษมสูงสุดของสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้นอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึก องค์ที่สอง ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระธรรม พระธรรมเป็นนาย มี


๒๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา อิสระเหนือข้าพเจ้า พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้แด่พระธรรม ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติ ตามซึ่งความเป็นธรรมดีของพระธรรม สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็น สรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระ ศาสนาของพระศาสดา ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระธรรม ได้ขวนขวายบุญใดในบัดนี้ อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งบุญนั้น ฯ (หมอบกราบลงว่า) “ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้า กระทำแล้วในพระธรรม ขอพระธรรมจงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อการสำรวม ระวังในพระธรรม ในกาลต่อไป” ฯ สังฆานุสสติ (นำ) หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส. (รับ) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความตามระลึกถึงพระสงฆ์เถิด ฯ (รับ) พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระ ภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว พระสงฆ์สาวกของ


Click to View FlipBook Version