วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๑ พระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็น ผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ ควรรับทักษิณา ทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ฯ สังฆาภิคีติ (นำ) หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส. (รับ) สัทธัมมะโช สุปะฏิปัตติคุณาทิยุตโต, โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ, สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต, วันทามะหัง ตะมะริยานะ คะณัง สุสุทธัง. สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง. สังฆัสสาหัส๎มิ ทาโส วะ สังโฆ เม สามิกิสสะโร, สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม. สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง, วันทันโตหัง จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิปันนะตัง. นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน. สังฆัง เม วันทะมาเนนะ ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ, สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา. (หมอบกราบลงว่า)
๒๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, สังโฆ ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ. คำแปล (นำ) เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงทำความขับคาถา พรรณนาเฉพาะพระสงฆ์ เถิด ฯ (รับ) พระสงฆ์ที่เกิดโดยพระสัทธรรม ประกอบด้วยคุณมีความปฏิบัติดีเป็น ต้น เป็นหมู่แห่งพระอริยบุคคลอันประเสริฐแปดจำพวก มีกายและจิตอันอาศัย ธรรมมีศีลเป็นต้นอันบวร ข้าพเจ้าไหว้หมู่แห่งพระอริยเจ้าเหล่านั้น อันบริสุทธิ์ด้วยดี พระสงฆ์หมู่ใดเป็นสรณะอันเกษมสูงสุดของสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่ นั้น อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกองค์ที่สาม ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของ พระสงฆ์ พระสงฆ์เป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า พระสงฆ์เป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้แด่พระสงฆ์ ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตามซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ์ สรณะอื่นของ ข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระสงฆ์ ได้ ขวนขวายบุญใดในบัดนี้ อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งบุญนั้น ฯ (หมอบกราบลงว่า) “ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้าได้ กระทำแล้วในพระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อการสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ ในกาลต่อไป” ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๓ อตีตปัจจเวกขณปาฐะ (นำ) หันทะ มะยัง อะตีตะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส. (รับ) อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต๎วา ยัง จีวะรัง ปะริภุตตัง, ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, อุณ๎หัสสะ ปะฏิฆาตายะ, ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, ยาวะเทวะ หิริโกปิ- นะปะฏิจฉาทะนัตถัง. อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต๎วา โย ปิณฑะปาโต ปะริภุตโต, โส เนวะ ท๎วายะ นะ มะทายะ นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ, ยาวะเทวะ อิมัสสะ กายัสสะ ฐิติยา ยาปะนายะ วิหิงสุปะระติยา พ๎รัห๎มะจะริยานุคคะหายะ, อิติปุราณัญจะ เวทะนัง ปะฏิหังขามินะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ, ยาต๎รา จะ เม ภะวิสสะติอะนะวัชชะตา จะ ผาสุวิหาโร จาติ. อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต๎วา ยัง เสนาสะนัง ปะริภุตตัง, ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, อุณ๎หัสสะ ปะฏิฆาตายะ, ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, ยาวะเทวะ อุตุ- ปะริสสะยะวิโนทะนัง ปะฏิสัลลานารามัตถัง. อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต๎วา โย คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร ปะริภุตโต, โส ยาวะเทวะ อุปปันนานัง เวยยาพาธิกานัง เวทะนานัง ปะฏิฆาตายะ, อัพ๎ยาปัชฌะปะระมะตายาติ. คำแปล (นำ) เชิดเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวบาลีอันเป็นเครื่องพิจารณาปัจจัยที่ บริโภคใช้สอยล่วงแล้วเถิด ฯ
๒๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา จีวรใด อันเรานุ่งห่มแล้ว ไม่ทันพิจารณาในวันนี้จีวรนั้น เรานุ่งห่มแล้ว เพียงเพื่อบำบัดความหนาว เพื่อบำบัดความร้อน เพื่อบำบัดสัมผัสอันเกิดจาก เหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย และเพียงเพื่อปกปิดอวัยวะอันให้ เกิดความละอาย บิณฑบาตใด อันเราฉันแล้ว ไม่ทันพิจารณาในวันนี้บิณฑบาตนั้น เราฉัน แล้ว ไม่ใช่เป็นไปเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน ไม่ใช่เป็นไปเพื่อความเมามัน เกิด กำลังพลังทางกาย ไม่ใช่เป็นไปเพื่อประดับ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อตกแต่ง แต่ให้เป็นไป เพียงเพื่อความตั้งอยู่ได้แห่งกายนี้เพื่อความเป็นไปได้ของอัตภาพ เพื่อความสิ้นไป แห่งความลำบากทางกาย เพื่ออนุเคราะห์แก่การประพฤติพรหมจรรย์ด้วยการ กระทำอย่างนี้เราย่อมระงับเสียได้ซึ่งทุกขเวทนาเก่าคือความหิว และไม่ทำ ทุกขเวทนาใหม่ให้เกิดขึ้น อนึ่ง ความเป็นไปโดยสะดวกแห่งอัตภาพนี้ด้วย ความ เป็นผู้หาโทษมิได้ด้วย และความเป็นอยู่โดยผาสุกด้วย จักมีแก่เรา ดังนี้ เสนาสนะใด อันเราใช้สอยแล้ว ไม่ทันพิจารณาในวันนี้เสนาสนะนั้น เราใช้ สอยแล้ว เพียงเพื่อบำบัดความหนาว เพื่อบำบัดความร้อน เพื่อบำบัดสัมผัสอันเกิด จากเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย เพียงเพื่อบรรเทาอันตราย อันจะพึงมีจากดิน ฟ้า อากาศ และเพื่อความเป็นผู้ยินดีอยู่ได้ในที่หลีกเร้นสำหรับ ภาวนา คิลานเภสัชบริขารใด อันเราบริโภคแล้ว ไม่ทันพิจารณาในวันนี้คิลานเภสัช บริขารนั้น เราบริโภคแล้ว เพียงเพื่อบำบัดทุกขเวทนาอันบังเกิดขึ้นแล้ว มีอาพาธ ต่าง ๆ เป็นมูล เพื่อความเป็นผู้ไม่มีโรคเบียดเบียน เป็นอย่างยิ่ง ดังนี้ ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๕ อภิณ๎หปัจจเวกขณปาฐะ (นำ) หันทะ มะยัง ปัญจะอภิณ๎หะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส. (รับ) ชะราธัมโมม๎หิชะรัง อะนะตีโต, ๑ พ๎ยาธิธัมโมม๎หิพ๎ยาธิง อะนะตีโต, มะระณะธัมโมม๎หิมะระณัง อะนะตีโต, สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, กัมมัสสะโกม๎หิ กัมมะทายาโท กัมมะโยนิกัมมะพันธุ กัมมะปฏิสะระโณ, ยัง กัมมัง กะริสสามิกัล๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ. ชะราธัมโมม๎หิ, เรามีความแก่เป็นธรรมดา, ชะรัง อะนะตีโต. จะล่วงความแก่ไปไม่ได้. พ๎ยาธิธัมโมม๎หิ, เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา, พ๎ยาธิง อะนะตีโต. จะล่วงความเจ็บไข้ไปไม่ได้. มะระณะธัมโมม๎หิ, เรามีความตายเป็นธรรมดา, มะระณัง อะนะตีโต. จะล่วงความตายไปไม่ได้. สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, เราจะละเว้นเป็นต่าง ๆ, คือว่าจะ พลัดพราก, จากของรักของเจริญ ใจทั้งหลายทั้งปวง, กัมมัสสะโกม๎หิ, เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน, กัมมะทายาโท, เป็นผู้รับผลของกรรม, ๑ ที่ขีดเส้นใต้ สตรี สวดว่า “อะนะตีตา, กัมมะทายาทา, กัมมะปฏิสะระณา, ทายาทา”
๒๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา กัมมะโยนิ, เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด, กัมมะพันธุ, เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, กัมมะปะฏิสะระโณ, เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย, ยัง กัมมัง กะริสสามิ, เราจักทำกรรมอันใดไว้, กัล๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา, ดีหรือชั่ว, ตัสสะ ทายาโท ภวิสสามิ, เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น, เอวัง อัม๎เหหิ อะภิณ๎หัง ปัจจะเวกขิตัพพัง. เราทั้งหลาย ควรพิจารณาอย่างนี้ ทุกวัน. จบทำวัตรเย็น
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๗ ต้นสวดมนต์ บทชุมนุมเทวดา บทชุมนุมเทวดา เป็นคาถาที่ใช้สวดเชิญเทวดามาประชุมฟังพระปริตร หรือ ฟังพระพุทธมนต์ เป็นการแสดงน้ำใจไมตรี หวังให้เทวดามีความสุขปราศจากทุกข์ และขอให้เทวดาคุ้มครองให้มนุษย์พ้นภัย เหล่าเทวดาทั้งหลายนั้น มีปรกติชอบฟัง ธรรม ดังที่พระพุทธองค์เสด็จไปโปรดพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีเทวดาใน หมื่นจักรวาลมานั่งฟังธรรมของพระพุทธองค์ แม้ในวันธรรมสวนะ (วันพระ) บทสวด สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง, ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ. ผะริต๎วานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา, อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ. สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัต๎ราคัจฉันตุ เทวะตา, สัทธัมมัง มุนิราชัสสะ สุณันตุ สัคคะโมกขะทัง. สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน, ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุม๎หิ เขตเต, ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา, ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ, ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา.
๒๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา คำแปล ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ผู้มีเมตตา จงแผ่เมตตาจิต ด้วยคิดว่า ขออานุภาพพระ ปริตร จงรักษาพระราชาผู้เป็นเจ้าแห่งนรชน พร้อมด้วยราชสมบัติ พร้อมด้วย ราชวงศ์ พร้อมด้วยเสนามาตย์อย่ามีจิตฟุ้งซ่าน ตั้งใจสวดพระปริตร ขอเชิญเหล่า เทพเจ้าซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นกามภพก็ดี รูปภพก็ดีและภุมมเทวดา ซึ่งสถิตอยู่ใน วิมานหรือยอดเขาและหุบผา ในอากาศก็ดีในเกาะก็ดี ในแว่นแคว้นก็ดี ในบ้านก็ดี ในต้นพฤกษาและป่าชัฏก็ดี ในเรือนก็ดี ในที่ไร่นาก็ดีเทวดาทั้งหลาย ซึ่งสถิตตาม ภาคพื้นดิน รวมทั้งยักษ์ คนธรรพ์และพญานาคซึ่งสถิตอยู่ในน้ำ บนบก และที่อันไม่ ราบเรียบก็ดีซึ่งอยู่ในที่ใกล้เคียง จงมาประชุมพร้อมกันในที่นี้คำใดเป็นของพระมุนี ผู้ประเสริฐ ท่านสาธุชนทั้งหลาย จงสดับคำข้าพเจ้านั้น ดูก่อน ท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลฟังธรรม ดูก่อน ท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลฟังธรรม ดูก่อน ท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลฟังธรรม ฯ ปุพพภาคนมการะ เป็นบทมหานมัสการ แสดงความนอบน้อมคุณของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ ประการ เป็นปฐมกิจแห่งพุทธบริษัทก่อนประกอบกิจทั้งปวง จัดเป็นมหามนต์ของ ชาวพุทธ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๙ คำแปล ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ฯ (สามหน) สรณคมนปาฐะ บทไตรสรณคมน์ คือ บทแสดงกิริยาเปล่งวาจา หรือนึกถือเอาพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง เป็นบุพพกิจแห่งชาวพุทธในการประกอบกิจ จัดเป็นยอดแห่งพระคาถาทั้ง ปวงเช่นกัน พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ. ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ. ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ. คำแปล ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้า ถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ
๓๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้า ถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ ฯ สัจจกิริยาคาถา บทสัจจะกิริยาคาถา เป็นคาถาแสดงการถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง แล้ว อ้างเป็นสัจจะวาจาให้เกิดความสวัสดี บทสวด นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม๑ โหตุ สัพพะทา. นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา. นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา. คำแปล ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของ ข้าพเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อเถิด ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อเถิด ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อเถิด ฯ ๑ ถ้าสวดให้ผู้อื่นให้เปลี่ยนจาก เม เป็น เต
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๓๑ มหาการุณิกคาถา เป็นคาถาแสดงการระลึกถึงพระกรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า ที่ ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์แล้วอ้างเป็นสัจจะวาจา ทำลายอุปสรรคทั้งปวงให้พินาศไป บทสวด มะหาการุณิโก นาโถ อัตถายะ สัพพะปาณินัง, ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มา โหนตุ สัพพุปัททะวา. มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง, ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มา โหนตุ สัพพุปัททะวา. มะหาการุณิโก นาโถ สุขายะ สัพพะปาณินัง, ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มา โหนตุ สัพพุปัททะวา. คำแปล พระบรมโลกนาถ ประกอบแล้วด้วยพระกรุณาอันใหญ่ ยังบารมีทั้งสิ้นให้ เต็มแล้ว เพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว ด้วยการ กล่าวคำสัตย์นี้ ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลาย จงอย่าได้มี ฯ พระบรมโลกนาถ ประกอบแล้วด้วยพระกรุณาอันใหญ่ ยังบารมีทั้งสิ้นให้ เต็มแล้ว เพื่อความเกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว ด้วยการ กล่าวคำสัตย์นี้ ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลาย จงอย่าได้มี ฯ พระบรมโลกนาถ ประกอบแล้วด้วยพระกรุณาอันใหญ่ ยังบารมีทั้งสิ้นให้ เต็มแล้ว เพื่อความสุขแก่สัตว์ทั้งปวง ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว ด้วยการ กล่าวคำสัตย์นี้ ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลาย จงอย่าได้มี ฯ
๓๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา เขมาเขมสรณคมนปริทีปิกาคาถา เป็นบทแสดงความที่พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันเกษมสูงสุด สามารถทำบุคคลให้พ้นทุกข์ภัยได้จริง ที่พึ่งอย่างอื่น เช่น ภูเขา ต้นไม้ เป็นต้น หาเป็นที่พึ่งอันเกษมไม่ ทั้งไม่สามารถทำให้พ้นทุกข์ภัยได้ มา ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ธรรมบท บทสวด พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปัพพะตานิ วะนานิ จะ, อารามะรุกขะเจต๎ยานิ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา, เนตัง โข สะระณัง เขมัง เนตัง สะระณะมุตตะมัง, เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ, โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต จัตตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมัปปัญญายะ ปัสสะติ, ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง, อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง ทุกขูปะสะมะคามินัง, เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง, เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะตีติ. คำแปล มนุษย์เป็นอันมาก เมื่อถูกภัยคุกคาม ก็ถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้บ้าง อาราม และรุกขเจดีย์บ้าง เป็นสรณะ นั่นมิใช่สรณะอันเกษมเลย นั่นมิใช่สรณะอันสูงสุด เขาอาศัยสรณะนั้นแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว เห็นอริยสัจคือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ด้วยปัญญาอันชอบ คือ ความเห็นทุกข์เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์เสียได้และหนทางมีองค์ ๘ อันประเสริฐ เครื่องถึงความระงับ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๓๓ ทุกข์นั่นแหละเป็นสรณะอันเกษม นั่นเป็นสรณะอันสูงสุด เขาอาศัยสรณะนั้นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ ติรตนัปปณามคาถา บทนมัสการแสดงการนอบน้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย อันเป็นที่ตั้ง แห่งความเลื่อมใส เป็นที่ตั้งแห่งบุญ และการบูชาสูงสุด เป็นพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บทสวด พุทธัง นะเม ระตะนะภูตะสะรีระจิตตัง ธัมมัง นะเม ระตะนะภูตะวิสุทธิสารัง, สังฆัง นะเม ระตะนะภูตะสุสีละทิฏฐิง เอตัง นะเม ติระตะนัง ระตะนัตต๎ยะว๎หัง. สัมมา สะโมสะริตะวัตถุวิเสสะภูตัง อัญโญญญะยุตตะคุณะโยคะวะสัปปะวัตตัง, อัส๎มิง ตะยัม๎หิปิ ตะเถวะ ยะถา ติทัณเฑ เอกัง วินา ตะทิตะเรสะมะสัมภะเวนะ. โลเก กะทาจิ จะ จิเรนะ จะ ปาตุภูตัง คัมภีระญาณะวิสะยัง อะติทุททะสัตถัง, วิญญูหิ ปัณฑิตะชะเนหิ วิชัญญะรูปัง โลกัม๎หิ เกหิจิ กะถัญจุปะลัพภะนียัง. เกสัญจิ สุฏฐุ วิทิตัง คุณะกายะตายะ นาเมหิเยวะ ชะนะตายะ สุวิสสุตัมปิ,
๓๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา สัมปัสสะตัง มะนะสิ สุทธะปะสาทะฐานัง ปุญญัตถิกานะมะสะมุตตะมะปุญญะภูมิง. ทุกขา ปะมุจจะนะมุขัง สะระณัง คะตานัง ปูชาระเหสุ ปะระมัง อะภิปูชะเนยยัง, นิพพานะสัจฉิกิริยายุปะนิสสะยัตถัง สัมมา กิเลสะมะละโสธะนะสิทธิยา จะ. สาธูหิ อัตถะกุสะเลหุปะเสวะนียัง ปาเณหิ จาปิ สะระณัง คะมะนียะเมวะ, ตัส๎มา หิ ตัง ติระตะนัง สะระณัง คะตัม๎หะ รัตตินทิวัง ขะณะขะเณสุ นะมัสสะมานา. ปูเชมะ จาปิ สะสะตัง สุปะสันนะจิตตา ตัตถานุปาริจะริยายะ สะทา ระตา จะ, ปุญเญนะ ตัตถะ สุกะเตนะ สุขี ภะเวมุ เตเชนะ ตัสสะ จะ สะทาปิ สุวัตถิ โหตุ. โย เจธะ ธัมมะวินะยัม๎หิปะมาณะภูโต โลกุตตะราภิสะมะโย นิยะโต สุโพชฌัง ตัสโสปะนิสสะยะจะยายะ อะยัมปิ โหตุ วัตถุตตะเย ปะริจิโต สุปะสาทะกาโร. คำแปล ข้าพเจ้านมัสการพระพุทธเจ้า ผู้มีพระกายและจิตเป็นรัตนะ ข้าพเจ้า นมัสการพระธรรมมีสาระคือความหมดจดวิเศษเป็นรัตนะ ข้าพเจ้านมัสการ พระสงฆ์ผู้มีศีลและทิฏฐิงามเป็นรัตนะ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๓๕ ข้าพเจ้านมัสการ ๓ รัตนะนี้ อันชื่อว่ารัตนตรัย เป็นวัตถุวิเศษสโมสรกันเป็น อันดีที่เป็นไปด้วยสามารถ ประกอบด้วยคุณอันสมควรส่วนละอย่าง รัตนตรัยแม้ นั้น เป็นเหมือนไม้ ๓ อัน ไขว้ขัดกันอยู่ พรากออกเสียอันเดียวที่เหลืออยู่ก็ตั้งตรงอยู่ ไม่ได้นานนัก จะมีปรากฏในโลกสักคราว มีอรรถที่เห็นได้ยากยิ่ง แต่เป็นวิสัยของ นักปราชญ์ ผู้มีปรีชาญาณลึกซึ้ง เป็นสิ่งที่บัณฑิตชน ผู้รู้วิเศษจะพึงรู้แจ่มแจ้ง ชาวโลกบางเหล่าที่เป็นสามัญจะพึงพบกระไรได้บางพวกที่เป็นบัณฑิตชาติ ทราบ ตระหนักแน่ โดยที่มีพระคุณเป็นก่ายกอง แม้ปรากฏชัดแก่หมู่ชนก็แต่พระนาม เป็น ที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส อันหมดจดในใจของสาธุชนผู้เห็นถูก เป็นภูมิภาคแห่งบุญ อันอุดมไม่มีที่เปรียบ ของผู้มีความต้องการบุญ เป็นทางแห่งความพ้นทุกข์ของ สาธุชนผู้ถึงสรณะ เป็นอภิปูชนียะยอดเยี่ยมในหมู่ปูชารหสถาน เป็นประโยชน์ที่ จำต้องอาศัยเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง และเพื่อชำระมลทินกิเลสให้หมดจดสำเร็จ โดยชอบ อันสาธุชนผู้ฉลาดในอรรถพึงสร้องเสพ ทั้งเป็นของที่เหล่าปาณชาติพึงถึง ว่าเป็นสรณะแท้จริง เพราะเหตุนั้นแล เราถึงพระรัตนตรัยนั้นเป็นสรณะ นอบน้อม อยู่ทุกขณะ ทั้งกลางคืนและกลางวัน ทั้งมีจิตสุนทรประสาทบูชาอยู่เสมอ ยินดีใน การบำเรอพระรัตนตรัยนั้นทุกเมื่อ ด้วยบุญที่ก่อสร้างดีแล้วในพระรัตนตรัยนั้น ขอ เราจงเป็นผู้มีสุข และด้วยเดชแห่งพระรัตนตรัยนั้น ขอความสวัสดีจงมีทุกเมื่อ ก็แล โลกุตตราภิสมัยอันใด เป็นความตรัสรู้ชอบ ยืนยง เป็นสิ่งซึ่งประสงค์ ในธรรมวินัยนี้ ความเลื่อมใสเป็นอันดีแม้นี้ที่เราได้สร้างสมไว้ใน ๓ วัตถุ จงเป็นไป เพื่อก่อสร้างอุปนิสสัยแห่งโลกุตตราภิสมัยนั้นเทอญ ฯ
๓๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา บทเจริญพระพุทธมนต์ นมการสิทธิคาถา (ของเก่า) บทนมัสการพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต เป็นบทนมัสการเก่าที่พระสงฆ์ใช้ เจริญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีเนื้อหาแสดงความนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ทั้งหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บทสัมพุทเธ บทสวด สัมพุทเธ อัฏฐะวีสัญจะ ท๎วาทะสัญจะ สะหัสสะเก ปัญจะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุปัททะเว อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต. สัมพุทเธ ปัญจะปัญญาสัญจะ จะตุวีสะติสะหัสสะเก ทะสะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุปัททะเว อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต. สัมพุทเธ นะวุตตะระสะเต อัฏฐะจัตตาฬีสะสะหัสสะเก วีสะติสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุปัททะเว อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๓๗ คำแปล ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ๕๑๒,๐๒๘ พระองค์ ด้วย เศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระธรรมและพระอริยสงฆ์ ของพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าเหล่านั้น โดยเคารพ ด้วยอานุภาพแห่งการกระทำความนอบน้อมต่อพระ รัตนตรัยนี้ จงขจัดความจัญไรทั้งปวงให้หมดไป แม้อันตรายทั้งหลายทั้งปวง จง พินาศไปโดยไม่เหลือ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑,๐๒๔,๐๕๕ พระองค์ ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระธรรมและพระอริยสงฆ์ ของพระสัมมาสัม พุทธเจ้าเหล่านั้น โดยเคารพ ด้วยอานุภาพแห่งการกระทำความนอบน้อมต่อพระ รัตนตรัยนี้ จงขจัดความจัญไรทั้งปวงให้หมดไป แม้อันตรายทั้งหลายทั้งปวง จง พินาศไปโดยไม่เหลือ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ๒,๐๔๘,๑๐๙ พระองค์ ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระธรรมและพระอริยสงฆ์ ของพระสัมมาสัม พุทธเจ้าเหล่านั้น โดยเคารพ ด้วยอานุภาพแห่งการกระทำความนอบน้อมต่อพระ รัตนตรัยนี้ จงขจัดความจัญไรทั้งปวงให้หมดไป แม้อันตรายทั้งหลายทั้งปวง จง พินาศไปโดยไม่เหลือ ฯ
๓๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา นมการสิทธิคาถา เป็นคาถานมัสการและชมเชยพระรัตนตรัย ขอให้เป็นเดชานุภาพบันดาล ความสำเร็จในสิ่งปรารถนา พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส บทสวด โย จักขุมา โมหะมะลาปะกัฏโฐ สามัง วะ พุทโธ สุคะโต วิมุตโต มารัสสะ ปาสา วินิโมจะยันโต ปาเปสิ เขมัง ชะนะตัง วิเนยยัง. พุทธัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ โลกัสสะ นาถัญจะ วินายะกัญจะ ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุ. ธัมโม ธะโช โย วิยะ ตัสสะ สัตถุ ทัสเสสิ โลกัสสะ วิสุทธิมัคคัง นิยยานิโก ธัมมะธะรัสสะ ธารี สาตาวะโห สันติกะโร สุจิณโณ. ธัมมัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ โมหัปปะทาลัง อุปะสันตะทาหัง ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุ. สัทธัมมะเสนา สุคะตานุโค โย
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๓๙ โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะเชตา สันโต สะยัง สันตินิโยชะโก จะ ส๎วากขาตะธัมมัง วิทิตัง กะโรติ. สังฆัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ พุทธานุพุทธัง สะมะสีละทิฏฐิง ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุ. คำแปล พระพุทธเจ้าพระองค์ใด มีพระปัญญาจักษุ ขจัดมลทินคือโมหะได้แล้ว ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโดยพระองค์เอง เสด็จไปดี หลุดพ้นอย่างประเสริฐแล้ว ทรง เปลื้องหมู่ชนที่สามารถแนะนำได้ให้พ้นจากบ่วงมาร นำมาให้ถึงความเกษมด้วย ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระองค์นั้น ผู้เป็นที่พึ่ง และเป็น ผู้นำชาวโลก ด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ขอท่านจงประสบชัยชนะ และ ขออันตรายทั้งปวง จงพินาศไป พระธรรมใด เป็นประหนึ่งธงชัยของพระศาสดาพระองค์นั้น ชี้ทางแห่ง ความบริสุทธิ์แก่โลก นำหมู่สัตว์ก้าวข้ามยุคเข็ญ คุ้มครองชนผู้ประพฤติธรรม ผู้ ประพฤติดีแล้ว ย่อมนำความสงบสุขมาให้ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระธรรมอัน ประเสริฐนั้น อันทำลายเสียซึ่งโมหะระงับความเร่าร้อนลงเสียได้ ด้วยเดชแห่งพระ ธรรมนั้น ขอท่านจงประสบชัยชนะ และขออันตรายทั้งปวง จงพินาศไป พระสงฆ์ใด เป็นกำลังประกาศพระสัทธรรม ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระ บรมศาสดาผู้เสด็จไปดีแล้ว ผจญเสียซึ่งอุปกิเลสอันลามกของโลก เป็นผู้สงบเองด้วย ทั้งยังสามารถแนะนำผู้อื่นให้เข้าถึงความสงบได้ด้วย เผยแผ่พระธรรมที่พระบรม ศาสดาประกาศดีแล้ว ให้มีผู้รู้ตาม ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระสงฆ์ผู้ประเสริฐนั้น
๔๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า มีศีลและทิฏฐิเสมอกัน ด้วยเดชแห่งพระสงฆ์นั้น ขอท่าน จงประสบชัยชนะ และขออันตรายทั้งปวงจงพินาศไป เทอญ ฯ นโมการอัฏฐกคาถา บท นะโม ๘ เป็นคาถาแสดงความนอบน้อมพระรัตนตรัย เพื่อให้เกิด เดชานุภาพในการเจริญพระพุทธมนต์ พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว บทสวด นะโม อะระหะโต สัมมา- สัมพุทธัสสะ มะเหสิโน นะโม อุตตะมะธัมมัสสะ ส๎วากขาตัสเสวะ เตนิธะ นะโม มะหาสังฆัสสาปิ วิสุทธะสีละทิฏฐิโน นะโม โอมาต๎ยารัทธัสสะ ระตะนัตตะยัสสะ สาธุกัง นะโม โอมะกาตี ตัสสะ ตัสสะ วัตถุตตะยัสสะปิ นะโมการัปปะภาเวนะ วิคัจฉันตุ อุปัททะวา นะโมการานุภาเวนะ สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา นะโมการัสสะ เตเชนะ วิธิม๎หิ โหมิ เตชะวา. คำแปล ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แสวงหา ผลประโยชน์อันใหญ่ขอนอบน้อมแด่พระธรรมอันสูงสุดในพระศาสนานี้ที่พระองค์ ตรัสแล้ว ขอนอบน้อมแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ แด่พระรัตนตรัยที่ปรารภแล้ว ให้สำเร็จ ประโยชน์ขอนอบน้อมแด่วัตถุทั้งสาม (พระรัตนตรัย) อันล่วงพ้นโทษต่ำช้านั้น ด้วยการประกาศการกระทำความนอบน้อม ขออุปัทวะทั้งหลายจง ปราศจากไป
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๔๑ ด้วยอานุภาพแห่งการกระทำความนอบน้อม ขอความสวัสดีจงมีทุกเมื่อ ด้วยเดชแห่งการกระทำความนอบน้อม ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้มีเดชในมงคลพิธีเถิด ฯ มงคลปริตร มงคลปริตร หรือมงคลสูตร เป็นพระสูตรว่าด้วยมงคลแห่งชีวิต การนำ มงคลสูตรมาสวด ก็เพื่อจะให้มงคลต่าง ๆ ตามที่ปรากฏในพระสูตรซึ่งมีถึง ๓๘ ประการเกิดขึ้นกับชีวิต นอกจากนั้น มงคลสูตรยังมีอานุภาพในการป้องกันภัย อันตรายอันจะเกิดจากความไม่เที่ยงธรรมของเหล่าคนพาลทั้งหลาย ในงานบุญทั่วไป พระสงฆ์นิยมสวดมงคลปริตรนี้พร้อมกับเจ้าภาพจุดเทียน มงคล อันแสดงถึงความส่องสว่างรุ่งเรืองแห่งมงคลในชีวิต การสวดมงคลปริตรก่อน สูตรอื่นทั้งหมด เป็นการแนะนำผู้ฟังว่า ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามหลักมงคลทั้ง ๓๘ ประการ ซึ่งปรากฏในบทสวดแห่งมงคลปริตรนี้ ถือว่าเป็นชีวิตที่มีมงคล ชีวิตเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหามงคลภายนอกจากที่ไหน เพราะเป็นชีวิตที่มีมงคลอยู่ในตัว แล้ว และหากทำได้ก็จะปราศจากทุกข์ โศก โรค ภัย ในการดำเนินชีวิต และถึง ความพ้นทุกข์ได้ในที่สุด บทสวด เอวัมเม สุตัง. เอกัง สะมะยัง ภะคะวา, สาวัตถิยัง วิหะระติ, เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ, อาราเม. อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา, อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตะวะนัง โอภาเสต๎วา, เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิ. อุปสังกะมิต๎วา ภะคะวันตัง อะภิวาเทต๎วา เอกะมันตัง อัฏฐาสิ. เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิ. พะหูเทวา มะนุสสา จะ มังคะลานิอะจินตะยุง
๔๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา อากังขะมานา โสตถานัง พ๎รูหิมังคะละมุตตะมัง. อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา อัตตะสัมมาปะณิธิจะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง. มาตาปิตุอุปัฏฐานัง ปุตตะทารัสสะ สังคะโห อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห อะนะวัชชานิกัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. อาระตี วิระตี ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะโม อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. คาระโว จะ นิวาโต จะ สันตุฏฐี จะ กะตัญญุตา กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ขันตีจะ โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ตะโป จะ พ๎รัห๎มะจะริยัญจะ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง. เอตาทิสานิกัต๎วานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๔๓ สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ. คำแปล ข้าพเจ้า (คือพระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ว่า สมัยหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ที่เชตวันวิหาร อาราม ของอนาถบิณฑิกเศรษฐีใกล้เมืองสาวัตถีครั้งนั้นแล ครั้นเมื่อราตรีปฐมยามล่วงแล้ว เทวดาตนหนึ่ง มีรัศมีอันงามยิ่งนัก ยังพระเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่โดยที่ใด ก็เข้าไปเฝ้าโดยที่นั้น ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว จึงถวายอภิวาท พระผู้มีพระภาคเจ้า เสร็จแล้วได้ยืนอยู่ในที่สมควรข้างหนึ่ง ครั้นเทวดานั้นยืนในที่ สมควรข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลพระผู้พระภาคเจ้า ด้วยคาถาว่า หมู่เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังปรารถนาความสวัสดีได้คิดหามงคล ทั้งหลาย ขอพระองค์จงเทศนาบอกมงคลอันสูงสุด เทอญ ฯ การไม่คบชนพาลทั้งหลาย ๑ การคบบัณฑิตทั้งหลาย ๑ การบูชาบุคคลผู้ ควรบูชาทั้งหลาย ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑ ความเป็นผู้มีบุญอันทำแล้วในกาลก่อน ๑ การตั้งตนไว้ชอบ ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด การได้ฟังมาแล้วมาก ๑ ศิลปศาสตร์๑ วินัยอันชนศึกษาดีแล้ว ๑ วาจาอัน ชนกล่าวดีแล้ว ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด การบำรุงมารดาและบิดา ๑ การสงเคราะห์บุตรและภรรยา ๑ การงาน ทั้งหลายไม่อากูล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด การให้๑ การประพฤติธรรม ๑ การสงเคราะห์ญาติทั้งหลาย ๑ กรรม ทั้งหลายไม่มีโทษ ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด การงดเว้นจากบาป ๑ การเว้นจากการดื่มน้ำเมา ๑ ความไม่ประมาทใน ธรรมทั้งหลาย ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด
๔๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ความเคารพ ๑ ความไม่จองหอง ๑ ความยินดีด้วยของอันมีอยู่ ๑ ความ เป็นผู้รู้อุปการะอันท่านทำแล้วแก่ตน ๑ การฟังธรรมตามกาล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอัน สูงสุด ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การเห็นสมณะทั้งหลาย ๑ การเจรจา ธรรมตามกาล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด ตบะ ๑ การประพฤติพรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ ๑ การทำพระนิพพาน ให้แจ้ง ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด จิตของผู้ใด อันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ๑ ไม่มีโศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เกษม ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายกระทำมงคลทั้งหลายเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ ในที่ทั้งปวง ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวง ๑ ข้อนั้นเป็นมงคลอันสูงสุดของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแล ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๔๕ รตนปริตร รตนปริตร เป็นพระปริตรที่พระอานนทเถระ เรียนเอาจากพระพุทธเจ้า โดยตรง เพื่อใช้สวดขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ ที่เกิดกับชาวกรุงเวสาลี มีเนื้อหาว่าด้วยการ น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนะทั้ง ๓ คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และ พระสังฆรัตนะ แล้วทำสัจจวาจาให้เกิดเป็นอานุภาพขจัดปัดเป่าภัยพิบัติทั้งมวล ให้ หมดสิ้นไป เป็นบทที่ใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์สืบมาจนถึงปัจจุบัน พระปริตรบทนี้ มีปรากฏในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ แสดงอานุภาพสามารถขจัดภัยทั้ง ๓ ประการ คือ ข้าวยากหมากแพง (ทุพภิกขภัย) ๑ ภูตผีปีศาจทำอันตราย (อมนุสสภัย) ๑ โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน (โรคภัย) ๑ ให้อันตรธานไป บทสวด๑ ยานีธะ ภูตานิสะมาคะตานิ ภุมมานิวา ยานิวะ อันตะลิกเข. สัพเพ วะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ อะโถปิสักกัจจะ สุณันตุภาสิตัง. ตัส๎มา หิภูตา นิสาเมถะ สัพเพ เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ. ทิวา จะ รัตโต จะ หะรันติเย พะลิง ตัส๎มา หิเน รักขะถะ อัปปะมัตตา. *ยังกิญจิวิตตัง อิธะ วา หุรัง วา สัคเคสุวา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง. นะ โน สะมัง อัตถิตะถาคะเตนะ ๑ มักสวดย่อกันตามเครื่องหมายดอกจัน
๔๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา อิทัมปิพุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. *ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง ยะทัชฌะคา สัก๎ยะมุนีสะมาหิโต. นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิกิญจิ อิทัมปิธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. *ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยีสุจิง สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ. สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ อิทัมปิธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. *เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัตถา จัตตาริเอตานิยุคานิโหนติ. เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา เอเตสุทินนานิมะหัปผะลานิ. อิทัมปิสังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. *เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬ๎เหนะ นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัม๎หิ. เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัย๎หะ ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๔๗ อิทัมปิสังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. ยะถินทะขีโล ปะฐะวิง สิโต สิยา จะตุพภิวาเตภิอะสัมปะกัมปิโย. ตะถูปะมัง สัปปุริสัง วะทามิ โย อะริยะสัจจานิอะเวจจะ ปัสสะติ. อิทัมปิสังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. เย อะริยะสัจจานิวิภาวะยันติ คัมภีระปัญเญนะ สุเทสิตานิ. กิญจาปิเต โหนติภุสัปปะมัตตา นะ เต ภะวัง อัฏฐะมะมาทิยันติ. อิทัมปิสังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. สะหาวัสสะ ทัสสะนะสัมปะทายะ ต๎ยัสสุธัมมา ชะหิตา ภะวันติ. สักกายะทิฏฐิวิจิกิจฉิตัญจะ สีลัพพะตัง วาปิยะทัตถิกิญจิ. จะตูหะปาเยหิจะ วิปปะมุตโต ฉะ จาภิฐานานิอะภัพโพ กาตุง. อิทัมปิสังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุฯ
๔๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา กิญจาปิโส กัมมัง กะโรติปาปะกัง กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา. อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏิจฉะทายะ อะภัพพะตา ทิฏฐะปะทัสสะ วุตตา. อิทัมปิสังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. วะนัปปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตัคเค คิม๎หานะมาเส ปะฐะมัส๎มิง คิม๎เห. ตะถูปะมัง ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ นิพพานะคามิง ปะระมัง หิตายะ. อิทัมปิพุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. วะโร วะรัญญูวะระโท วะราหะโร อะนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ. อิทัมปิพุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ. *ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิสัมภะวัง วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัส๎มิง. เต ขีณะพีชา อะวิรุฬ๎หิฉันทา นิพพันติธีรา ยะถายัมปะทีโป. อิทัมปิสังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๔๙ ยานีธะ ภูตานิสะมาคะตานิ ภุมมานิวา ยานิวะ อันตะลิกเข. ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิโหตุ. ยานีธะ ภูตานิสะมาคะตานิ ภุมมานิวา ยานิวะ อันตะลิกเข. ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง ธัมมัง นะมัสสามะ สุวัตถิโหตุ. ยานีธะ ภูตานิสะมาคะตานิ ภุมมานิวา ยานิวะ อันตะลิกเข. ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิโหตุ. คำแปล หมู่ภูตประจำถิ่นเหล่าใด ประชุมกันแล้วในนครนี้ก็ดีเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดีขอหมู่ภูตทั้งปวงจงเป็นผู้ดีใจ และจงฟังภาษิตโดยเคารพเถิด เพราะเหตุนั้นแล ท่านภูตทั้งปวงจงตั้งใจฟัง กระทำไมตรีจิต ในหมู่ มนุษยชาติประชุมชน มนุษย์เหล่าใดย่อมสังเวยทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเหตุ นั้นแล ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาท รักษาหมู่มนุษย์เหล่านั้น ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันใดอันหนึ่ง ในโลกนี้หรือโลกอื่น หรือรัตนะอันใดอัน ประณีตในสวรรค์รัตนะอันนั้นเสมอด้วยพระตถาคตเจ้าไม่มีเลย แม้อันนี้เป็นรัตนะ อันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมี พระศากยมุนีเจ้ามีพระหฤทัยดำรงมั่น ได้บรรลุธรรมอันใด เป็นที่สิ้นกิเลส เป็นที่สิ้นราคะ เป็นอมฤตธรรมอันประณีต สิ่งไร ๆ เสมอด้วยพระธรรมนั้นย่อมไม่มี แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมี
๕๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญแล้วซึ่งสมาธิอันใดว่าเป็นธรรมอัน สะอาด บัณฑิตทั้งหลายกล่าวซึ่งสมาธิอันใดว่าให้ผลโดยลำดับ สมาธิอื่นเสมอด้วย สมาธินั้นย่อมไม่มีแม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยคำสัตย์นี้ขอ ความสวัสดีจงมี บุคคลเหล่าใด ๘ จำพวก ๔ คู่ อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแล้ว บุคคล เหล่านั้น เป็นสาวกของพระสุคต ควรแก่ทักษิณาทาน ทานทั้งหลายอันบุคคลถวาย ในท่านเหล่านั้น ย่อมมีผลมาก แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำ สัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมี พระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่าใด ในศาสนาพระโคดมเจ้า เป็นผู้ประกอบดี แล้ว มีใจมั่นคง มีความใคร่ออกไปแล้ว พระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น ถึงพระ อรหัตตผลที่ควรถึง หยั่งเข้าสู่พระนิพพาน ได้ซึ่งความดับกิเลสโดยเปล่า ๆ แล้ว เสวยผลอยู่ แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสวัสดี จงมี เสาเขื่อนที่ลงดินแล้ว ไม่หวั่นไหวด้วยพายุ๔ ทิศ ฉันใด ผู้ใดเล็งเห็นอริยสัจ ทั้งหลาย เราเรียกผู้นั้นว่าเป็นสัตบุรุษผู้ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรม อุปมาฉันนั้น แม้ อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมี พระโสดาบันจำพวกใด กระทำให้แจ้งอยู่ซึ่งอริยสัจทั้งหลายอันพระศาสดาผู้ มีปัญญาอันลึกซึ้งแสดงดีแล้ว พระโสดาบันจำพวกนั้น ยังเป็นผู้ประมาทก็ดีถึง กระนั้น ท่านย่อมไม่ถือเอาภพที่ ๘ (คือเกิดอีกอย่างมาก ๗ ชาติ) แม้อันนี้เป็น รัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมี สักกายทิฏฐิวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส อันใดอันหนึ่งยังมีอยู่ ธรรมเหล่านั้น อันพระโสดาบันละได้แล้ว พร้อมด้วยทัสสนสมบัติ(คือโสดาปัตติมรรค) ทีเดียว อนึ่ง พระโสดาบันเป็นผู้พ้นแล้วจากอบายทั้ง ๔ ไม่อาจเพื่อจะกระทำอภิฐานทั้ง ๖
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๕๑ (คืออนันตริยกรรม ๕ และการเข้านับถือศาสนาอื่น) แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีต ในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมี พระโสดาบันนั้น ยังกระทำบาปกรรมด้วยกายหรือวาจาหรือใจได้บ้าง (เพราะความพลั้งพลาด) ถึงกระนั้น ท่านไม่ควรเพื่อจะปกปิดบาปกรรมอันนั้น ความเป็นผู้มีทางพระนิพพานอันเห็นแล้ว ไม่ควรปกปิดบาปกรรมนั้นอันพระผู้มี พระภาคเจ้าตรัสแล้ว แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ขอ ความสวัสดีจงมี พุ่มไม้ในป่า มียอดอันบานแล้วในเดือนต้นคิมหะแห่งคิมหันตฤดูฉันใด พระ ผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมอันเป็นเครื่องให้ถึงพระนิพพาน เพื่อ ประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลาย มีอุปมาฉันนั้น แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตใน พระพุทธเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมี พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงทราบธรรมอันประเสริฐ ประทานธรรมอัน ประเสริฐ นำมาซึ่งธรรมอันประเสริฐ เป็นผู้ลบล้น (ไม่มีใครอื่นยิ่งกว่า) ได้ทรงแสดง แล้วซึ่งพระธรรมอันประเสริฐ แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยคำ สัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมี กรรมเก่าของพระอริยบุคคลเหล่าใดสิ้นแล้ว กรรมสมภพใหม่ย่อมไม่มีพระ อริยบุคคลเหล่าใด มีจิตอันหน่ายแล้วในภพต่อไป พระอริยบุคคลเหล่านั้น มีพืชสิ้น ไปแล้ว มีความพอใจไม่งอกได้แล้ว เป็นผู้มีปัญญาย่อมปรินิพพาน เหมือนประทีป อันดับไป ฉะนั้น แม้อันนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ด้วยคำสัตย์นี้ขอความ สวัสดีจงมี ภูตประจำถิ่นเหล่าใด ประชุมกันแล้วในพระนครก็ดีเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดีเราทั้งหลายจงนมัสการพระพุทธเจ้าผู้มาแล้วอย่างนั้น ผู้อันเทวดา และมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี
๕๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ภูตประจำถิ่นเหล่าใด ประชุมกันแล้วในพระนครก็ดีเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดีเราทั้งหลายจงนมัสการพระธรรมอันมาแล้วอย่างนั้น อันเทวดาและ มนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี ภูตประจำถิ่นเหล่าใด ประชุมกันแล้วในพระนครก็ดีเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดีเราทั้งหลายจงนมัสการพระสงฆ์ผู้มาแล้วอย่างนั้น ผู้อันเทวดาและ มนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมีฯ กรณียเมตตปริตร เมตตปริตร หรือ กรณียเมตตสูตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำ พระภิกษุให้แผ่เมตตาจิตไปในมวลสรรพสัตว์ ตลอดจนเทพเทวา ภูตผี ปีศาจ ทั้งหลาย ไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขต ไร้พรมแดนขีดขั้น ไม่ว่าสัตว์นั้นหรือเขาผู้นั้น จะเป็นเชื้อชาติ ศาสนาอะไร จะเกี่ยวข้องกับเรา โดยความเป็นญาติ เป็นประเทศ เชื้อชาติ ศาสนาอะไรก็ตาม ให้มีจิตกว้างขวางไร้ขอบเขตขีดขั้น ขอให้เขามีความสุข หากทำได้เช่นนี้ นอกจากเทวดาจะไม่แสดงสิ่งที่น่ากลัวหลอกหลอนแล้ว ยังมีใจ อนุเคราะห์พระภิกษุ โดยไมตรีจิตด้วยความอ่อนโยนมีเมตตา เมื่อต้องเดินทางผ่าน ป่าเขาลำเนาไพร หรือไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ท่านให้สวดกรณียเมตตปริตร เพื่อเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันภยันตราย อันจะเกิดจากอมนุษย์ ภูตผี ปีศาจ ทั้งหลาย ให้เกิดเป็นความอ่อนโยนมีเมตตา บทสวด กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ สันตินท๎ริโย จะ นิปะโก จะ อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๕๓ นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร ภูตา วา สัมภะเวสี วา สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ พ๎ยาโรสะนา ปะฏิฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง เมตตัญจะ สัพพะโลกัส๎มิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พ๎รัห๎มะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ. คำแปล กุลบุตรผู้ฉลาด พึงกระทำกิจที่พระอริยเจ้าผู้บรรลุแล้วซึ่งพระนิพพานอัน เป็นที่สงบระงับได้กระทำแล้ว กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้องอาจ ซื่อตรงและประพฤติตรง ดีเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย อ่อนโยน ไม่มีมานะอันยิ่ง เป็นผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่ เป็นผู้เลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจธุระน้อย เป็นผู้ประพฤติทำให้กายและจิตเบา มีตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ อันสงบนิ่ง มีปัญญาฆ่ากิเลส เป็นผู้ไม่คะนอง กาย วาจา ใจ และไม่ พัวพันในสกุลทั้งหลาย
๕๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ไม่พึงกระทำกรรมที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายติเตียนผู้อื่นว่าทำแล้วไม่ดีพึงแผ่เมตตา จิตว่า ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข มีจิตเกาะพระนิพพานแดนอันพ้นจาก ภัยทั้งหลาย และจงเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขทุกเมื่อเถิด ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง โดยไม่มีเหลือ ทั้งที่มีตัณหาเครื่องทำใจให้สะดุ้งอยู่และผู้มั่นคงคือไม่มีตัณหาแล้ว ทั้งที่มีกายยาว ใหญ่ ปานกลาง หรือกายสั้น หรือผอม อ้วน เป็นผู้ที่เราเห็นแล้วก็ดี ไม่ได้เห็นก็ดีอยู่ในที่ไกลหรือในที่ไม่ไกล ทั้งที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว และที่ยังกำลัง แสวงหาภพเป็นที่เกิดอยู่ก็ดีจงเป็นเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขเถิด สัตว์อื่นอย่าพึง รังแกข่มเหงสัตว์อื่น อย่าพึงดูหมิ่นใครในที่ใด ๆ เลย ไม่ควรปรารถนาให้กันและกันมีความทุกข์ เพราะความกริ้วโกรธ และ เพราะความเคียดแค้นกันเลย มารดาย่อมตามรักษาบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน ด้วย ชีวิตฉันใด กุลบุตรพึงเจริญเมตตาจิตในใจไม่มีประมาณ ในสัตว์ทั้งปวงทั้งหลายแม้ ฉันนั้น บุคคลพึงเจริญเมตตาให้มีในใจไม่มีประมาณไปในโลกทั้งสิ้น ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง การเจริญเมตตาจิตนี้เป็นธรรมอันไม่แคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งอยู่ก็ดี นอนอยู่ก็ดี เป็นผู้ ปราศจากความง่วงเพียงใด ก็สามารถตั้งสติไว้ได้เพียงนั้น บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึง กิริยาอย่างนี้ว่า เป็นการเจริญพรหมวิหารในศาสนานี้ บุคคลผู้แผ่เมตตาจิตนั้น จะ ไม่เข้าถึงความเห็นผิด เป็นผู้มีศีล ถึงพร้อมแล้วด้วยความเห็นคือปัญญา นำความ หมกมุ่นในกามทั้งหลายออกได้แล้ว ย่อมไม่เข้าถึงความเข้าไปนอนในครรภ์เพื่อเกิด อีกโดยแท้แล ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๕๕ ขันธปริตร ขันธปริตร เป็นคาถาที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้พระภิกษุแผ่เมตตาไปใน บรรดาตระกูลงูที่มีพิษดุร้ายทั้งหลาย เพื่อเป็นการคุ้มครองป้องกันตนเองจากสัตว์ ร้าย ปรากฏทั้งในพระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎก นอกจากจะเป็นคาถาสำหรับ ป้องกันอสรพิษและสัตว์ร้ายทั้งหลายแล้ว ยังสามารถป้องกันอันตรายจากยาพิษ ทั้งหลาย บทสวด วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม ฉัพ๎ยาปุตเตหิ เม เมตตัง เมตตัง กัณîหาโคตะมะเกหิ จะ อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง ทิปาทะเกหิ เม จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตัง พะหุปปะเทหิ เม มา มัง อะปาทะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก มา มัง จะตุปปะโท หิงสิ มา มัง หิงสิ พะหุปปะโท สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา สัพเพ ภัท๎รานิ ปัสสันตุ มา กิญจิ ปาปะมาคะมา อัปปะมาโณ พุทโธ, อัปปะมาโณ ธัมโม, อัปปะมาโณ สังโฆ, ปะมาณะวันตานิ สิริงสะปานิ, อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที อุณณานาภี สะระพู มูสิกา, กะตา เม รักขา กะตา เม ปะริตตา, ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ, โสหัง นะโม ภะคะวะโต, นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานัง. คำแปล ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพญานาคทั้งหลายตระกูลวิรูปักข์ด้วย ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพญานาคทั้งหลายตระกูลเอราบถด้วย ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพญานาคทั้งหลายตระกูลฉัพยาบุตรด้วย
๕๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพญานาคทั้งหลายตระกูลกัณหาโคตมกะด้วย ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับสัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้าด้วย ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับสัตว์ทั้งหลายที่มี๒ เท้าด้วย ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับสัตว์ทั้งหลายที่มี ๔ เท้าด้วย ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับสัตว์ทั้งหลายที่มีหลายเท้าด้วย สัตว์ไม่มีเท้าอย่าเบียดเบียนเรา สัตว์ ๒ เท้าอย่าเบียดเบียนเรา สัตว์ ๔ เท้า อย่าเบียดเบียนเรา สัตว์หลายเท้าอย่าเบียดเบียนเรา และขอสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มี ชีวิตทั้งปวง ที่เกิดมาทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยกัน จงเห็นซึ่งความเจริญทั้งหลายทั้งปวงเถิด โทษอันลามกใด ๆ อย่าได้มาถึงแก่สัตว์เหล่านั้น พระพุทธเจ้า ทรงพระคุณไม่มีประมาณ พระธรรม ทรงพระคุณไม่มี ประมาณ พระสงฆ์ ทรงพระคุณไม่มีประมาณ สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย คือ งู แมง ป่อง ตะเข็บ ตะขาบ แมงมุม ตุ๊กแก หนู เหล่านี้ล้วนมีประมาณจำกัด ไม่มากเหมือน พระรัตนตรัย เราได้กระทำความรักษาแล้ว เราได้กระทำความป้องกันแล้ว หมู่สัตว์ ทั้งหลายจงหลีกไปเสีย เรานั้นกระทำความนอบน้อมอยู่ ต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า เรา กระทำความนอบน้อมอยู่ ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ พระองค์ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๕๗ โมรปริตร โมรปริตร คือ พระปริตรที่พระพุทธองค์ เมื่อครั้งที่ทรงเสวยพระชาติเป็น นกยูงทองโพธิสัตว์สาธยายเป็นประจำ ทำให้แคล้วคลาดจากบ่วงของนายพรานนาน ถึง ๑๒ ปี โดยเนื้อหาของพระปริตรกล่าวถึงคุณของพระพุทธเจ้าแล้วน้อมนำพระ พุทธคุณนั้นมาพิทักษ์คุ้มครองให้มีความสุขสวัสดี พระปริตรบทนี้จึงมีอานิสงส์สำหรับผู้สวดสาธยายเป็นประจำทุกวัน โดย จะทำให้แคล้วคลาดจากอันตรายทุกประการ เพราะเป็นคาถาที่นกยูงทองโพธิสัตว์ ใช้สวดเพื่อคุ้มครองตนให้พ้นจากภัยอันตรายต่าง ๆ บทสวด อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส. ตัง ตัง นะมัสสามิหะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุทิวะสัง. เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุสัพพะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ. นะมัตถุพุทธานัง นะมัตถุโพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา. อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร จะระติเอสะนา. อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส. ตัง ตัง นะมัสสามิหะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุรัตติง. เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุสัพพะธัมเม
๕๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ. นะมัตถุพุทธานัง นะมัตถุโพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา. อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ. คำแปล พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นเอกราช มีสีเพียงดังสีแห่งทอง ยังพื้น ปฐพีให้สว่าง อุทัยขึ้นมา เพราะเหตุนั้น ข้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์นั้น ซึ่งมีสีเพียง ดังสีแห่งทอง ยังพื้นปฐพีให้สว่าง ข้าทั้งหลาย อันท่านปกครองแล้วในวันนี้พึงอยู่ เป็นสุขตลอดวัน พราหมณ์ทั้งหลายเหล่าใด ผู้ถึงซึ่งเวทในธรรมทั้งปวง พราหมณ์ ทั้งหลายเหล่านั้น จงรับความนอบน้อมของข้า อนึ่ง พราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น จง รักษาซึ่งข้า ความนอบน้อมของข้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้า จงมีแด่พระโพธิญาณ ความนอบน้อมของข้า จงมีแด่ท่านผู้พ้นแล้วทั้งหลาย ความ นอบน้อมของข้า จงมีแด่วิมุตติธรรม นกยูงนั้นได้กระทำปริตรอันนี้แล้ว จึงเที่ยวไปเพื่อแสวงหาอาหาร พระอาทิตย์นี้เป็นดวงตาของโลก เป็นเอกราช มีสีเพียงดังสีแห่งทอง ยังพื้น ปฐพีให้สว่าง ย่อมอัสดงคตไป เพราะเหตุนั้น ข้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์นั้น ซึ่งมีสี เพียงดังสีแห่งทอง ยังพื้นปฐพีให้สว่าง ข้าทั้งหลาย อันท่านปกครองแล้วในวันนี้พึง อยู่เป็นสุขตลอดคืน พราหมณ์ทั้งหลายเหล่าใด ผู้ถึงซึ่งเวทในธรรมทั้งปวง พราหมณ์ ทั้งหลายเหล่านั้น จงรับความนอบน้อมของข้า อนึ่ง พราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นจง รักษาซึ่งข้า
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๕๙ ความนอบน้อมของข้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้า จงมีแด่พระโพธิญาณ ความนอบน้อมของข้า จงมีแด่ท่านผู้พ้นแล้วทั้งหลาย ความ นอบน้อมของข้า จงมีแด่วิมุตติธรรม นกยูงนั้นได้กระทำปริตรอันนี้แล้ว จึงสำเร็จความอยู่แล ฯ วัฏฏกปริตร วัฏฏกปริตร เป็นเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธองค์ เมื่อครั้งถือกำเนิด เป็นลูกนกคุ่ม แล้วทำปริตรป้องกันตนเองจากไฟป่า ปรากฏอยู่ในพระสุตตันตปิฎก จริยาปิฎก และวัฏฏกชาดก อรรถกถาชาดก พระปริตรบทนี้ มีเนื้อความที่กล่าวอ้างคุณ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ และสัจจะของพระพุทธเจ้าในอดีตทั้งหลาย แล้วน้อมเอาพระ พุทธคุณดังกล่าวมา บังเกิดเป็นอานุภาพ ปกป้องคุ้มครองอันตรายอันจะเกิดจากไฟ ทั้งหลาย ให้เกิดความสุขสวัสดีแก่ชีวิต การสวดคาถานี้ ก็เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายอันเกิดจากไฟ (ป้องกัน อัคคีภัย) และเหตุเดือดร้อนนานาประการ ให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข บทสวด อัตถิ โลเก สีละคุโณ สัจจัง โสเจยยะนุททะยา, เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรัง. อาวัชชิต๎วา ธัมมะพะลัง สะริต๎วา ปุพพะเก ชิเน, สัจจะพะละมะวัสสายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหัง. สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติ ปาทา อะวัญจะนา, มาตา ปิตา จะ นิกขันตา ชาตะเวทะ ปะฏิกกะมะ. สะหะ สัจเจ กะเต มัย๎หัง มะหาปัชชะลิโต สิขี,
๖๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ อุทะกัง ปัต๎วา ยะถา สิขี. สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมีติ. คำแปล คุณแห่งศีลมีอยู่ในโลก ความจริง ความเป็นผู้ว่าง่าย และความเอ็นดูมีอยู่ใน โลก ด้วยคำสัตย์นั้น ข้าพเจ้าจักกระทำสัจจะกิริยาอันเยี่ยม ข้าพเจ้าพิจารณาถึงกำลังแห่งธรรม และระลึกถึงพระชินเจ้าทั้งหลายในปาง ก่อน ขออาศัยกำลังแห่งสัจจะกระทำสัจจะกิริยา ปีกทั้งหลายของข้ามีอยู่ แต่บินไม่ได้ เท้าทั้งหลายของข้ามีอยู่ แต่เดินไม่ได้ มารดาและบิดาของข้าออกไปหาอาหาร ดูก่อนไฟป่า ขอท่านจงหลีกไป เมื่อเรากระทำสัจจะแล้ว เปลวไฟอันรุ่งเรืองใหญ่ได้หลีกไป พร้อมกับคำ สัตย์ ประหนึ่งเปลวไฟอันตกถึงน้ำ สิ่งไรเสมอด้วยสัจจะของเราไม่มี นี้เป็นสัจจะบารมีของเรา ดังนี้แล ฯ อนุสสรณปาฐะ เป็นบทระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เพื่อให้เกิดกำลังใจในการทำคุณงาม ความดี ในการประพฤติธรรม และให้มีความกล้าหาญ หายหวาดกลัวต่อภัย อันตรายต่าง ๆ ทั้งเป็นการเจริญพุทธานุสติกัมมัฏฐาน ธัมมานุสติกัมมัฏฐาน และ สังฆานุสติกัมมัฏฐานอีกด้วย เป็นส่วนใจความสำคัญแห่งธชัคคสูตร บทสวด อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู, อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๖๑ ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิ- ปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. คำแปล พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์ เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ (ความรู้และความประพฤติ) เป็นผู้เสด็จไป ดีแล้ว (คือ ไปที่ใดยังประโยชน์ให้ที่นั้น) เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึก บุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่ง สอนสัตว์ พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและ ปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้ เฉพาะตน สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใดปฏิบัติดีแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มี พระภาคเจ้าหมู่ใดปฏิบัติตรงแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใดปฏิบัติ เพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่ บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ (คือพระอริยบุคคล ๘) นั่นแหละสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควร
๖๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา แก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่การต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่ทักษิณา เป็นผู้ ควรแก่การทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ อาฏานาฏิยปริตร อาฏานาฏิยปริตร เป็นพระปริตรที่ท้าวจาตุมมหาราชผูกขึ้นที่อาฏานาฏา นคร อันเป็นหนึ่งในจำนวนเทพนคร ๑๑ แห่ง ที่ถูกเนรมิตขึ้นในอากาศบนสวรรค์ ชั้นจาตุมมหาราชิกา เพื่อเป็นมนต์ป้องกันเหล่าอมนุษย์บางพวกที่ไม่หวังดีต่อพุทธ บริษัท ซึ่งอาจรบกวน เบียดเบียน ทำให้เกิดความลำบากได้ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร จึงได้เข้าเฝ้าทูลขอให้พระพุทธ องค์ทรงรับเอาเครื่องคุ้มครอง คือ อาฏานาฏิยปริตรนี้ไว้ เพื่อทรงประทานแก่พุทธ บริษัท สำหรับใช้สวดสาธยายเป็นเครื่องคุ้มครองตนและเพื่อให้อมนุษย์เกิดความ เลื่อมใสในพระศาสนา อาฏานาฏิยปริตรนี้ มีอานุภาพ ๒ ประการ คือ (๑) มีอานุภาพในการทำให้ อมนุษย์ที่ไม่เลื่อมใส เกิดความเลื่อมใสในพระศาสนา (๒) มีอานุภาพในการคุ้มครอง ป้องกันไม่ให้อมนุษย์ที่ไม่เลื่อมใส จับต้องสิงสู่ เบียดเบียน ประทุษร้าย ทำให้ได้รับ ความลำบากเดือดร้อน บทสวด วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต, สิขิสสะปินะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน. เวสสะภุสสะ นะมัตถุ น๎หาตะกัสสะ ตะปัสสิโน, นะมัตถุกะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน. โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ วุสีมะโต, กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ,
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๖๓ อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สัก๎ยะปุตตัสสะ สิรีมะโต, โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง. เย จาปินิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง, เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา. หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติโคตะมัง, วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง. วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติ. นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มะเหสินัง ตัณหังกะโร มะหาวีโร เมธังกะโร มะหายะโส. สะระณังกะโร โลกะหิโต ทีปังกะโร ชุตินธะโร, โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข มังคะโล ปุริสาสะโภ สุมะโน สุมะโน ธีโร เรวะโต ระติวัฑฒะโน, โสภีโต คุณะสัมปันโน อะโนมะทัสสีชะนุตตะโม. ปะทุโม โลกะปัชโชโต นาระโท วะระสาระถี, ปะทุมุตตะโร สัตตะสาโร สุเมโธ อัปปะฏิปุคคะโล สุชาโต สัพพะโลกัคโค ปิยะทัสสีนะราสะโภ, อัตถะทัสสีการุณิโก ธัมมะทัสสีตะโมนุโท. สิทธัตโถ อะสะโม โลเก ติสโส จะ วะทะตัง วะโร, ปุสโส จะ วะระโท พุทโธ วิปัสสีจะ อะนูปะโม. สิขีสัพพะหิโต สัตถา เวสสะภูสุขะทายะโก, กะกุสันโธ สัตถะวาโห โกนาคะมะโน ระณัญชะโห, กัสสะโป สิริสัมปันโน โคตะโม สัก๎ยะปุงคะโว,
๖๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา เอเต จัญเญ จะ สัมพุทธา อะเนกะสะตะโกฏะโย, สัพเพ พุทธา อะสะมะสะมา สัพเพ พุทธา มะหิทธิกา. สัพเพ ทะสะพะลูเปตา เวสารัชเชหุปาคะตา, สัพเพ เต ปะฏิชานันติ อาสะภัณฐานะมุตตะมัง. สีหะนาทัง นะทันเต เต ปะริสาสุวิสาระทา, พ๎รัห๎มะจักกัง ปะวัตเตนติ โลเก อัปปะฏิวัตติยัง. อุเปตา พุทธะธัมเมหิ อัฏฐาระสะหินายะกา, ท๎วัตติงสะลักขะณูเปตา- สีต๎ยานุพ๎ยัญชะนาธะรา, พ๎ยามัปปะภายะ สุปปะภา สัพเพ เต มุนิกุญชะรา, พุทธา สัพพัญญุโน เอเต สัพเพ ขีณาสะวา ชินา. มะหัปปะภา มะหาเตชา มะหาปัญญา มะหัพพะลา, มะหาการุณิกา ธีรา สัพเพสานัง สุขาวะหา. ทีปา นาถา ปะติฏฐา จะ ตาณา เลณา จะ ปาณินัง, คะตีพันธูมะหัสสาสา สะระณา จะ หิเตสิโน. สะเทวะกัสสะ โลกัสสะ สัพเพ เอเต ปะรายะนา, เตสาหัง สิระสา ปาเท วันทามิปุริสุตตะเม. วะจะสา มะนะสา เจวะ วันทาเมเต ตะถาคะเต, สะยะเน อาสะเน ฐาเน คะมะเน จาปิสัพพะทา. สะทา สุเขนะ รักขันตุ พุทธา สันติกะรา ตุวัง, เตหิต๎วัง รักขิโต สันโต มุตโต สัพพะภะเยนะ จะ, สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโต, สัพพะเวระมะติกกันโต นิพพุโต จะ ตุวัง ภะวะ.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๖๕ เตสัง สัจเจนะ สีเลนะ ขันติเมตตาพะเลนะ จะ เตปิตุม๎เห อะนุรักขันตุ อาโรค๎เยนะ สุเขนะ จะ ปุรัตถิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันติภูตา มะหิทธิกา เตปิตุม๎เห อะนุรักขันตุ อาโรค๎เยนะ สุเขนะ จะ ทักขิณัส๎มิง ทิสาภาเค สันติเทวา มะหิทธิกา เตปิตุม๎เห อะนุรักขันตุ อาโรค๎เยนะ สุเขนะ จะ ปัจฉิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันตินาคา มะหิทธิกา เตปิตุม๎เห อะนุรักขันตุ อาโรค๎เยนะ สุเขนะ จะ อุตตะรัส๎มิง ทิสาภาเค สันติยักขา มะหิทธิกา เตปิตุม๎เห อะนุรักขันตุ อาโรค๎เยนะ สุเขนะ จะ ปุริมะทิสัง ธะตะรัฏโฐ ทักขิเณนะ วิรุฬ๎หะโก ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง จัตตาโร เต มะหาราชา โลกะปาลา ยะสัสสิโน เตปิตุม๎เห อะนุรักขันตุ อาโรค๎เยนะ สุเขนะ จะ อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา เตปิตุม๎เห อะนุรักขันตุ อาโรค๎เยนะ สุเขนะ จะ นัตถิเม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง. นัตถิเม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง. นัตถิเม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง, เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง.
๖๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ยังกิญจิระตะนัง โลเก วิชชะติวิวิธัง ปุถุ, ระตะนัง พุทธะสะมัง นัตถิ ตัส๎มา โสตถีภะวันตุเต. ยังกิญจิระตะนัง โลเก วิชชะติวิวิธัง ปุถุ, ระตะนัง ธัมมะสะมัง นัตถิ ตัส๎มา โสตถีภะวันตุเต. ยังกิญจิระตะนัง โลเก วิชชะติวิวิธัง ปุถุ, ระตะนัง สังฆะสะมัง นัตถิ ตัส๎มา โสตถีภะวันตุเต. สักกัต๎วา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง, หิตัง เทวะ มะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา, นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เต. สักกัต๎วา ธัมมะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง, ปะริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา, นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เต, สักกัต๎วา สังฆะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง, อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา, นัสสันตุปัททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุ เต. สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ, มา เต ภะวัต๎วันตะราโย สุขีทีฆายุโก ภะวะ. อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุวัณโณ สุขัง พะลัง. คำแปล ความนอบน้อมแห่งข้าพเจ้า จงมีแด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้มีจักษุผู้มีสิริ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๖๗ ความนอบน้อมแห่งข้าพเจ้า จงมีแม้แด่พระสิขีพุทธเจ้า ผู้มีปกติอนุเคราะห์ แก่สัตว์ทั้งปวง ความนอบน้อมแห่งข้าพเจ้า จงมีแด่พระเวสสภูพุทธเจ้า ผู้มีกิเลสอันล้าง แล้ว ผู้มีตบะ ความนอบน้อมแห่งข้าพเจ้า จงมีแด่พระกกุสันธพุทธเจ้า ผู้ย่ำยีเสียซึ่งมาร และเสนา ความนอบน้อมแห่งข้าพเจ้า จงมีแด่พระโกนาคมนพุทธเจ้า ผู้มีบาปอันลอย เสียแล้ว ผู้มีพรหมจรรย์อันอยู่จบแล้ว ความนอบน้อมแห่งข้าพเจ้า จงมีแด่พระกัสสปพุทธเจ้า ผู้พ้นแล้วจากกิเลส ทั้งปวง ความนอบน้อมแห่งข้าพเจ้า จงมีแด่พระอังคีรสพุทธเจ้า ผู้เป็นโอรสแห่ง ศากยราช ผู้มีสิริ พระพุทธเจ้าพระองค์ใด ได้ทรงแสดงแล้วซึ่งธรรมนี้เป็นเครื่องบรรเทาเสีย ซึ่งทุกข์ทั้งปวง อนึ่ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่าใดก็ดีที่ดับกิเลสแล้วในโลก เห็นแจ้งธรรม ตามเป็นจริง พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้ไม่มีความส่อเสียด เป็นผู้ใหญ่ผู้มีความ ครั่นคร้ามไปปราศแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย นอบน้อมอยู่ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์ใด ผู้เป็น โคตมโคตร ผู้ประพฤติเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ถึงพร้อม แล้วด้วยวิชชาและจรณะ ผู้ใหญ่ผู้มีความครั่นคร้ามไปปราศแล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอนมัสการพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้โคตมโคตร ผู้ถึง พร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ผู้ทรงแสวงหาพระธรรม อัน ยิ่งใหญ่ซึ่งทรงอุบัติมาแล้ว (ทั้ง ๒๘ พระองค์) คือ พระตัณหังกรพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็น
๖๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่, พระเมธังกรพุทธเจ้า ผู้มีพระยศใหญ่, พระสรณังกรพุทธเจ้า ผู้ เกื้อกูลแก่สัตว์โลก, พระทีปังกรพุทธเจ้า ผู้ทรงพระปัญญารุ่งโรจน์, พระโกณฑัญญ พุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นพระประมุขแห่งหมู่ชน, พระมังคลพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐ, พระ สุมนพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นปราชญ์ มีพระหทัยงดงาม, พระเรวตะพุทธเจ้า ผู้เพิ่มพูน ความยินดี, พระโสภิตะพุทธเจ้า ผู้ทรงเพียบพร้อมด้วยพระคุณ, พระอโนมทัสสีพุทธ เจ้า ผู้สูงสุดในหมู่ชน, พระปทุมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นแสงสว่างของชาวโลก, พระนา รทพุทธเจ้า ผู้ทรงชี้นำทางที่ประเสริฐ, พระปทุมุตตรพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นหลักในการ ดำเนินชีวิตของชาวโลก, พระสุเมธพุทธเจ้า ผู้ไม่มีบุคคลเปรียบ, พระสุชาตพุทธเจ้า ผู้เลิศในโลก, พระปิยทัสสีพุทธเจ้า ผู้เป็นชนประเสริฐ, พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ผู้ ประกอบด้วยความกรุณา, พระธัมมทัสสีพุทธเจ้า ผู้ทรงขจัดความมืด, พระสิทธัตถ พุทธเจ้า ผู้ไม่มีบุคคลเสมอในโลก, พระติสสะพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐกว่านักปราชญ์ ทั้งหลาย, พระปุสสพุทธเจ้า ผู้ทรงประทานพระธรรมอันประเสริฐ, พระวิปัสสีพุทธ เจ้า ผู้หาบุคคลเปรียบมิได้, พระสิขีพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นบรมศาสดาผู้เกื้อกูลแก่มวล สรรพสัตว์, พระเวสสภูพุทธเจ้า ผู้ทรงประทานความสุข, พระกกุสันธพุทธเจ้า ผู้นำ หมู่สัตว์ออกจากกิเลส, พระโกนาคมนพุทธเจ้า ผู้ละความชั่วอันเป็นข้าศึก, พระกัสสปพุทธเจ้า ผู้ทรงสมบูรณ์ด้วยสิริ, พระโคตมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐในวงศ์ ศากยะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายที่ระบุนามมานี้ตลอดจนพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าทั้งหลายเหล่าอื่นก็ดีซึ่งมีจำนวนมากกว่าร้อยโกฏิพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เสมอกัน ไม่มีใครเสมอเหมือน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ล้วนมีฤทธิ์มาก ทรงประกอบด้วยทศพล ญาณ ด้วยเวสารัชชญาณ ทรงตรัสรู้ฐานะอันยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยม ปราศจากความครั่น คร้าม ทรงบันลือสีหนาทท่ามกลางประชุมชนทุกหมู่เหล่า ทรงประกาศพรหมจักร คือ กงล้อแห่งธรรมอันประเสริฐ ซึ่งยังไม่มีใครประกาศในโลก ทรงเป็นผู้นำที่
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๖๙ ประกอบด้วยพุทธธรรม ๑๘ ประการ ประกอบด้วยพระลักษณะ ๓๒ ประการ ทรง ไว้ซึ่งพระอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ มีพระรัศมีงดงามแผ่ออกจากพระวรกาย โดยรอบ ข้างละ ๑ วา พระพุทธเจ้าเหล่านั้นทุกพระองค์ล้วนเป็นพระมุนีผู้ประเสริฐ เป็นพระ สัพพัญญูพุทธเจ้า ผู้สิ้นอาสวกิเลสแล้ว เป็นผู้ชนะมาร ทรงมีพระรัศมีมาก มีเดช มาก เรืองปัญญา มีพละกำลังมาก มีพระมหากรุณาธิคุณ เป็นปราชญ์ทรงนำ ความสุขมาให้แก่ปวงสัตว์ทรงเป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่พำนัก เป็นที่ต้านทานภัย และเป็นที่หลบภัยของสัตว์ทั้งหลาย เป็นทางดำเนินไป เป็นพวกพ้อง เป็นที่อบอุ่น ใจมาก เป็นสรณะของสัตว์ทั้งหลาย และเป็นผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ โลก พระพุทธเจ้าเหล่านั้นทุกพระองค์ทรงเป็นผู้นำทางของสัตว์โลกและเทวดา ข้าพเจ้าขอน้อมเศียรนมัสการพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมนมัสการ พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ยอดเยี่ยม ผู้เป็นตถาคต ด้วยวาจาใจ ไม่ว่าในที่นั่งที่นอน ที่ ยืนและในที่เดินทุกเมื่อ ขอพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้ทรงสร้างความสงบ จงคุ้มครอง รักษาท่าน ให้มีความสุขทุกเมื่อเถิด ท่านผู้ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายคุ้มครองรักษา แล้ว จงเป็นผู้สงบ และรอดพ้นจากภัยทั้งปวง ขอท่านจงผ่านพ้นจากโรคทั้งปวง ปราศจากความเดือดร้อนทุก ประการ ล่วงพ้นจากเวรทั้งปวง และดับทุกข์ได้เสียเถิด ด้วยคำสัตย์ด้วยศีล และด้วยพลังแห่งขันติและเมตตาของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ขอพระพุทธเจ้าทั้งหลายจงคุ้มครองรักษาท่านให้เป็นผู้มีความสุข มีอายุ ยืน ภูตทั้งหลายผู้มีฤทธิ์มาก สถิตอยู่ในทิศตะวันออก ขอภูตทั้งหลายเหล่านั้นจง คุ้มครองรักษาท่านทั้งหลายให้อยู่ด้วยความไม่มีโรค และจงมีแต่ความสุข เทวดาทั้งหลายผู้มีฤทธิ์มาก สถิตอยู่ในทิศใต้ ขอเทวดาเหล่านั้นจงคุ้มครอง รักษาท่านทั้งหลายให้อยู่ด้วยความไม่มีโรค และจงมีแต่ความสุข
๗๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา นาคทั้งหลายผู้มีฤทธิ์มาก สถิตอยู่ในทิศตะวันตก ขอนาคทั้งหลายเหล่านั้น จงคุ้มครองรักษาท่านทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยความไม่มีโรค และจงมีแต่ความสุข ยักษ์ทั้งหลายผู้มีฤทธิ์มาก สถิตอยู่ในทิศเหนือ ขอยักษ์ทั้งหลายเหล่านั้นจง คุ้มครองรักษาท่านทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยความไม่มีโรค และจงมีแต่ความสุข ท้าวธตรฐ สถิตอยู่ด้านทิศตะวันออก ท้าววิรุฬหก สถิตอยู่ด้านทิศใต้ท้าว วิรูปักษ์ สถิตอยู่ด้านทิศตะวันตก ท้าวกุเวร สถิตอยู่ด้านทิศเหนือ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ นั้นเป็นผู้ดูแลโลก เป็นผู้มียศ แม้มหาราชทั้ง ๔ จงคุ้มครองรักษาท่านทั้งหลาย ให้ อยู่ด้วยความไม่มีโรค และจงมีแต่ความสุข เทวดาทั้งหลาย ซึ่งสิงสถิตอยู่ในอากาศก็ดีภุมมเทวดาก็ดีนาคทั้งหลายก็ ดีเป็นผู้มีฤทธิ์มาก แม้เทวดาและนาคทั้งหลายเหล่านั้น จงคุ้มครองรักษาท่าน ทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยความไม่มีโรค และจงมีแต่ความสุขเถิด ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของ ข้าพเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มีพระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วย คำสัตย์นี้ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยคำ สัตย์นี้ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมากมายบรรดามีในโลก รัตนะนั้นเสมอด้วย พระพุทธเจ้าหามีไม่ เพราะเหตุนั้น ขอท่านจงประสบแต่ความสุขสวัสดีทั้งหลาย รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมากมายบรรดามีในโลก รัตนะนั้นเสมอด้วยพระ ธรรมหามีไม่ เพราะเหตุนั้น ขอท่านจงประสบแต่ความสุขสวัสดีทั้งหลาย รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมากมายบรรดามีในโลก รัตนะนั้นเสมอด้วย พระสงฆ์หามีไม่ เพราะเหตุนั้น ขอท่านจงประสบแต่ความสุขสวัสดีทั้งหลาย