วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๒๑ สัมปะยุตตะปัจจะโย, วิปปะยุตตะปัจจะโย, อัตถิปัจจะโย, นัตถิปัจจะโย, วิคะตะปัจจะโย, อะวิคะตะปัจจะโย. คำแปล เหตุเป็นปัจจัย อารมณ์เป็นปัจจัย อธิบดีธรรมเป็นปัจจัย ธรรมที่เกิดเป็น ลำดับไม่มีระหว่างคั่นเป็นปัจจัย ธรรมที่เกิดเป็นลำดับสืบต่อกันเรื่อยไป ไม่มีธรรม อื่นคั่นระหว่างเลยทีเดียวเป็นปัจจัย ธรรมที่เกิดร่วมกันเป็นปัจจัย ธรรมแต่ละอย่าง ต่างต้องอาศัยกันและกันเป็นปัจจัย ธรรมเป็นปัจจัยโดยเป็นที่อาศัย ธรรมเป็นปัจจัยโดยเป็นอุปนิสัยที่อาศัย อย่างแรงกล้า ธรรมที่เกิดก่อนเป็นปัจจัย ธรรมที่เกิดภายหลังเป็นปัจจัย ธรรมที่ทำ หน้าที่เสพอารมณ์บ่อย ๆ เป็นปัจจัย กรรมคือ เจตนาความจงใจเป็นปัจจัยปรุงแต่ง จัดแจงจิต วิบากคือธรรมเป็นผลของกุศล และอกุศลเป็นปัจจัย อาหารเป็นปัจจัย อินทรีย์เป็นปัจจัย ฌานเป็นปัจจัย มรรคเป็นปัจจัย ธรรมที่สัมปยุตกันเป็นปัจจัย ธรรมที่วิปยุตกันเป็นปัจจัย ธรรมที่มีอยู่เป็นปัจจัย ธรรมที่ไม่มีเป็นปัจจัย ธรรมที่ ปราศจากไปเป็นปัจจัย ธรรมที่ไม่ปราศจากไปเป็นปัจจัย ฯ
๒๒๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา บทบังสุกุล เป็นภาษิตแสดงความเป็นจริงแห่งสังขารคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใช้สวดเพื่อพิจารณาไตรลักษณ์อันเป็นบาทแห่งการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน บังสุกุลเป็น อะจิรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง. คำแปล ร่างกายนี้ไม่เที่ยงหนอ อีกไม่ช้าไม่นานนักจักนอนทับซึ่งแผ่นดิน ครั้นปราศจาก วิญญาณอันเขาทิ้งเสียแล้ว ย่อมเป็นดุจท่อนไม้และท่อนฟืนหาประโยชน์มิได้ฯ บังสุกุลตาย อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุปปัชชิต๎วา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโข. สัพเพ สัตตา มะรันติ จะ มะริงสุ จะ มะริสสะเร ตะเถวาหัง มะริสสามิ นัตถิ เม เอตถะ สังสะโย. คำแปล สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมดับไป การเข้าไปสงบระงับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข เราเองก็จัก ตายเหมือนสัตว์ทั้งปวงที่กำลังจะตาย ตายไปแล้ว และจะพึงตายต่อไป เราไม่มี ความสงสัยในความตายนี้ ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๒๓ บทถวายพรพระ พุทธชัยมงคลคาถา เป็นคาถากล่าวถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า ๘ ครั้ง แล้วอ้างสัจวาจานั้นมา พิทักษ์คุ้มครองให้มีความสวัสดี มีชัยเหนือหมู่มารทั้งปวง ดุจดังพระพุทธเจ้ามีชัย เหนือมารทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ โดยเป็นชัยชนะแบบธรรมวิชัยที่ไม่ก่อเวรภัย นัยว่า พระพุทธสิริมหาเถระ ประพันธ์ขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตร โลกนาถ หรือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว รจนาถวายพระพรสมเด็จพระนเรศวร มหาราช บทสวด พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ค๎รีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ.
๒๒๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. กัต๎วานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พ๎รัห๎มัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๒๕ หิต๎วานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ. คำแปล พระจอมมุนี ได้เอาชนะพระยามารผู้เนรมิตแขนมากตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่ช้างครีเมขละ มาพร้อมกับเหล่าเสนามารซึ่งโห่ร้องกึกก้อง ด้วยวิธีอธิษฐานถึงทาน บารมี เป็นต้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น เถิด อนึ่ง พระจอมมุนี ได้เอาชนะยักษ์ชื่อ อาฬวกะ ผู้มีจิตหยาบกระด้าง ผู้ไม่มี ความอดทน มีความพิลึกน่ากลัวกว่าพระยามาร ซึ่งได้เข้ามาต่อสู้อย่างยิ่งยวดจน ตลอดคืนยันรุ่ง ด้วยวิธีทรมานอันดี คือ ขันติ ความอดทน ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมี แด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิด พระจอมมุนี ได้เอาชนะช้างตัวประเสริฐ ชื่อ นาฬาคิรี ที่เมายิ่งนัก และแสน จะดุร้าย ประดุจไฟป่าและจักราวุธและสายฟ้า ด้วยวิธีรดลงด้วยน้ำ คือ ความมี พระทัยเมตตา ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น เถิด พระจอมมุนี ทรงคิดจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ จึงได้เอาชนะโจรชื่อ องคุลิมาล ผู้แสนจะดุร้าย มีฝีมือ ถือดาบวิ่งไล่พระองค์ไปสิ้นระยะทาง ๓ โยชน์ขอ ชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิด พระจอมมุนี ได้เอาชนะคำกล่าวใส่ร้ายของ นางจิญจมาณวิกา ซึ่งทำอาการ เหมือนดั่งตั้งครรภ์ เพราะเอาท่อนไม้กลมผูกไว้ที่หน้าท้อง ด้วยวิธีทรงสมาธิอันงาม คือ ความกระทำพระทัยให้ตั้งมั่นนิ่งเฉย ในท่ามกลางหมู่ชน ขอชัยมงคลทั้งหลายจง มีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิด พระจอมมุนี ผู้รุ่งเรืองด้วยแสงสว่าง คือ ปัญญา ได้เอาชนะ สัจจกะนิครนถ์ ผู้มีความคิดมุ่งหมายในอันจะละทิ้งความสัตย์ มีใจคิดจะยกถ้อยคำของตนให้สูง
๒๒๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ประดุจยกธง และมีใจมืดมนยิ่งนัก ด้วยการแสดงเทศนาให้ถูกใจ ขอชัยมงคล ทั้งหลายจงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิด พระจอมมุนี ได้เอาชนะพญานาคราช ชื่อ นันโทปนันทะ ผู้มีความรู้ผิด มี ฤทธิ์มาก ด้วยวิธีบอกอุบายให้พระโมคคัลลานเถระพุทธชิโนรส แสดงฤทธิ์เนรมิต กายเป็นนาคราช ไปทรมานพญานาค ชื่อ นันโทปนันทะ นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิด พระจอมมุนี ได้เอาชนะพระพรหมผู้มีนามว่า ท้าวผกาพรหม ผู้มีฤทธิ์ คิดว่า ตนเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์ ผู้ถูกพญานาครัดมือไว้แน่น เพราะมีจิตคิด ถือเอาความเห็นผิด ด้วยวิธีวางยา คือ ทรงแสดงเทศนาให้ถูกใจ ขอชัยมงคล ทั้งหลายจงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิด บุคคลใดมีปัญญา ไม่เกียจคร้าน สวดและระลึกถึงพระพุทธชัยมงคล ๘ คาถาเหล่านี้ทุก ๆ วัน บุคคลนั้นจะพึงละความจัญไรอันตรายทั้งหลายทุกอย่างเสีย ได้ และเข้าถึงความหลุดพ้น คือ พระนิพพานอันบรมสุข นั้นแล ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๒๗ ชยปริตร ชยปริตร เป็นคาถาที่สวดเพื่อให้เกิดมีชัยมงคลในการทำพิธีมงคลต่าง ๆ โดยกล่าวถึงพระคุณของพระพุทธจ้าที่มีพระกรุณาเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ เป็นสัจวาจาให้เกิดชัยมงคลในมงคลพิธี เป็นคาถาที่พระโบราณาจารย์ ประพันธ์ขึ้นตามนัยแห่งสุปุพพัณหสูตร อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต บทสวด มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง. ชะยันโต โพธิยา มูเล สัก๎ยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง ต๎วัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ. สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พ๎รัห๎มะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัต๎วานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ. คำแปล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ ทรง ประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงบำเพ็ญพระบารมีทั้งปวง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่
๒๒๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา สรรพสัตว์ ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสูงสุด ด้วยการกล่าวสัจวาจานี้ ขอชัย มงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอข้าพเจ้าจงมีชัยชนะในชัยมงคลพิธี ดุจพระจอมมุนีผู้ยังความปีติยินดีให้ เพิ่มพูนแก่ชาวศากยะ ทรงมีชัยชนะมาร ณ โคนต้นมหาโพธิ์ ทรงถึงความเป็นเลิศ ยอดเยี่ยม ทรงปีติปราโมทย์อยู่เหนืออชิตบัลลังก์อันไม่รู้พ่าย ณ โปกขรปฐพี อัน เป็นที่อภิเษกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ฉะนั้นเถิด เวลาที่กำหนดไว้ดี งานมงคล ดี รุ่งแจ้งดี ความพยายามดี ชั่วขณะหนึ่งดี ชั่วครู่หนึ่งดี การบูชาดี แด่พระสงฆ์ผู้ บริสุทธิ์ กายกรรมอันเป็นกุศล วจีกรรมอันเป็นกุศล มโนกรรมอันเป็นกุศล ความ ปรารถนาดีอันเป็นกุศล ผู้ได้ประพฤติกรรมอันเป็นกุศล ย่อมประสบความสุขโชคดี เทอญ ฯ สัพพมงคลคาถา เป็นบทที่อ้างอานุภาพพระรัตนตรัยให้เกิดสรรพมงคล เทวดารักษาให้ บังเกิดความสุขสวัสดี คาถาบทนี้ พระโบราณาจารย์ประพันธ์ขึ้น มีปรากฏในสัททนีติปกรณ์ สุตตมาลา สูตรที่ ๕๐๘ บทสวด ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต. ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต. ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๒๙ คำแปล ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน ขอเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน ด้วยอานุภาพแห่ง พระพุทธเจ้า ขอความสุขสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน ขอเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน ด้วยอานุภาพแห่ง พระธรรม ขอความสุขสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน ขอเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน ด้วยอานุภาพแห่ง พระสงฆ์ขอความสุขสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ฯ
๒๓๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา มงคลจักรวาลใหญ่ พุทธมนต์บทนี้ที่ชื่อ มงคลจักรวาลใหญ่ หมายถึงจักรวาลที่เราอยู่อาศัยนี้ ซึ่ง เป็นจักรวาลที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ และเสด็จ ดับขันธปรินิพพาน จึงถือเป็นมงคลจักรวาลกว่าจักรวาลทั้งหมด เนื้อหาของพุทธมนต์บทนี้ เป็นการอัญเชิญพระคุณสมบัติของพระพุทธจ้า ทั้งหมด ซึ่งเป็นมงคลวิเศษ และอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งมวล ให้ช่วยอภิบาลรักษา บันดาลให้เกิดสิริมงคล กำจัดทุกข์โศกโรคภัย อุปัทวันตรายให้พินาศไป และใน ตอนท้ายก็ขออานุภาพของเทวดาให้ตามรักษาอีกด้วย บทสวด สิริธิติมะติเตโชชะยะสิทธิมะหิทธิมะหาคุณาปะริมิตะปุญญาธิการัสสะ สัพพันตะรายะนิวาระณะสะมัตถัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ท๎วัตติงสะมะหาปุริสะลักขะณานุภาเวนะ, อะสีต๎ยานุพ๎ยัญชะนานุภาเวนะ, อัฏฐุตตะระสะตะมังคะลานุภาเวนะ, ฉัพพัณณะรังสิยานุภาเวนะ, เกตุมาลานุภาเวนะ, ทะสะปาระมิตานุภาเวนะ, ทะสะอุปะปาระมิตานุภาเวนะ, ทะสะปะระมัตถะปาระมิตานุภาะเวนะ, สีละสะมาธิปัญญานุภาเวนะ, พุทธานุภาเวนะ, ธัมมานุภาเวนะ, สังฆานุภาเวนะ, เตชานุภาเวนะ, อิทธานุภาเวนะ, พะลานุภาเวนะ, เญยยะธัมมานุภาเวนะ, จะตุราสีติสะหัสสะธัมมักขันธานุภาเวนะ, นะวะโลกุตตะระธัมมานุภาเวนะ, อัฏฐังคิกะมัคคานุภาเวนะ, อัฏฐะสะมาปัตติยานุภาเวนะ, ฉะฬะภิญญานุภาเวนะ, จะตุสัจจะญาณานุภาเวนะ, ทะสะพะละญาณานุภาเวนะ, สัพพัญญุตะญาณานุภาเวนะ, เมตตากะรุณามุทิตาอุเปกขานุภาเวนะ, สัพพะปะริตตานุภาเวนะ, ระตะนัตตะยะสะระณานุภาเวนะ, ตุย๎หัง
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๓๑ สัพพะโรคะโสกุปัททะวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา วินัสสันตุ, สัพพะอันตะรายาปิ วินัสสันตุ, สัพพะสังกัปปา ตุย๎หัง สะมิชฌันตุ, ทีฆายุตา ตุย๎หัง โหตุ, สะตะวัสสะชีเวนะ สะมังคิโก โหตุ สัพพะทา. อากาสะปัพพะตะวะนะภูมิคังคามะหาสะมุททา อารักขะกา, เทวะตา สะทา ตุม๎เห, อะนุรักขันตุ. คำแปล ด้วยอานุภาพแห่งพระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ แห่งพระผู้มีพระภาค เจ้าผู้อรหันต์ ผู้ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ ผู้มีพระสิริ พระขันติ พระญาณ พระเดช พระชัยสิทธิ์ (ความสำเร็จแห่งชัยชนะ) พระมหาหิทธิ(พระฤทธิ์อันยิ่งใหญ่) พระคุณ อันยิ่งใหญ่ และพระบุญญาธิการอันไม่สิ้นสุด ผู้สามารถในอันห้ามเสียซึ่งสรรพ อันตรายด้วยอานุภาพแห่งพระอนุพยัญชนะ ๘๐ ด้วยอานุภาพแห่งมงคล ๑๐๘ ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระรัศมีมีพรรณ ๖ ประการ ด้วยอานุภาพพระเกตุ- มาลา ด้วยอานุภาพแห่งพระบารมี ๑๐ ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระอุปปารมี๑๐ ประการ ด้วยอานุภาพแห่งพระปรมัตถบารมี ๑๐ ประการ ด้วย อานุภาพแห่ง ศีล สมาธิปัญญา ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธรัตนะ ด้วยอานุภาพ แห่งพระธรรมรัตนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระสังฆรัตนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระเดช ด้วยอานุภาพแห่งพระฤทธิ์ด้วยอานุภาพแห่งพระ กำลัง ด้วยอานุภาพแห่งพระเญยยธรรม (ธรรมที่ควรรู้) ด้วยอานุภาพแห่งพระ ธรรมขันธ์ (หมวดแห่งพระธรรม) ๘ หมื่น ๔ พัน ด้วยอานุภาพแห่งพระโลกุตรธรรม ๙ ประการ ด้วยอานุภาพแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ ด้วยอานุภาพแห่งสมาบัติ ๘ ประการ ด้วยอานุภาพแห่งอภิญญา ๖ ประการ ด้วยอานุภาพแห่งสัจจญาณ (พระญาณที่รู้แจ้งสัจจะ) ๔ ด้วยอานุภาพแห่งพระญาณมีกำลัง ๑๐ ประการ ด้วย อานุภาพแห่งพระสัพพัญญุตญาณ
๒๓๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตา พระกรุณา พระมุทิตา พระอุเบกขา ด้วย อานุภาพแห่งพระปริตรทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งการระลึกถึงพระรัตนตรัย ขอให้ เหล่าโรค โสกะ อุปัทวะ ทุกข์ (ความไม่สบายกาย) โทมนัส (ความไม่สบายใจ) อุปายาส (ความคับแค้นใจ) ทั้งปวงของท่าน จงสลายไป ขอให้เหล่าอันตรายทั้ง ปวง จงมลายไป สรรพความดำริทั้งหลายของท่าน จงสำเร็จด้วยดี ความเป็นผู้มีอายุ ยืน จงมีแด่ท่าน ท่านจงเป็นผู้มีความพร้อมเพียงด้วยความเป็นอยู่ถึง ๑๐๐ ปีตลอด กาลทุกเมื่อ ขอให้อารักขเทวดาทั้งหลาย ผู้สถิตอยู่ในอากาศและภูเขาลำเนา ไพร ภูมิสถาน แม่น้ำคงคามหาสมุทร จงตามรักษาท่านทั้งหลาย ทุกเมื่อเทอญ ฯ มงคลจักรวาลน้อย เป็นบทอวยพรที่ย่อความจากมงคลจักรวาลใหญ่ โดยอ้างเอาอำนาจ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ให้ช่วยขจัดปัดเป่าโรคภัย อันตราย ความ จัญไร ฝันร้าย สิ่งไม่เป็นมงคลทั้งหลายให้พินาศเสื่อมสูญไปและประสาทพรให้ ประสบความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีชีวิตยืนยาว เป็น บทที่พระสงฆ์ใช้สวดให้พรในพิธีทั่วไป บทสวด สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ จะตุราสีติสะหัสสะธัมมักขันธานุภาเวนะ ปิฏะกัตตะยานุ- ภาเวนะ ชินะสาวะกานุภาเวนะ สัพเพ เต โรคา สัพเพ เต ภะยา สัพเพ เต อันตะรายา สัพเพ เต อุปัททะวา สัพเพ เต ทุนนิมิตตา สัพเพ เต อะวะมังคะลา วินัสสันตุ อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๓๓ ยะสะวัฑฒะโก พะละวัฑฒะโก วัณณะวัฑฒะโก สุขะวัฑฒะโก โหตุ สัพพะทา. ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุจุปัททะวา อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุจะ เตชะสา ชะยะสิทธิธะนัง ลาภัง โสตถิภาค๎ยัง สุขัง พะลัง สิริอายุจะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา สะตะวัสสา จะ อายูจะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต. คำแปล ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ รัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระ ธรรมขันธ์ด้วยอานุภาพแห่งพระไตรปิฎก ด้วยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชิน เจ้าผู้ชนะ ขอให้โรค ภัย อันตราย ความจัญไร ฝันร้าย สิ่งไม่เป็นมงคลทั้งหลายทั้ง ปวงเหล่านั้น จงฉิบหายสูญไป ขอให้ท่านจงเป็นผู้เจริญด้วยอายุ เจริญด้วยทรัพย์ เจริญด้วยสิริ เจริญด้วยยศ เจริญด้วยพลกำลัง เจริญด้วยวรรณะ และเจริญด้วย ความสุข ในกาลทุกเมื่อเถิด ด้วยเดช (แห่งพุทธานุภาพเป็นต้นทั้งปวง) ขอให้ความทุกข์ โรค ภัย เวร ความโศก ศัตรู และอุปัทวะทั้งหลาย อีกทั้งอันตรายเป็นอเนก จงพินาศไปเถิด ขอให้ท่านจงเป็นผู้มีความสำเร็จในชัยชนะ จงมีทรัพย์ มีลาภ มีความสวัสดี มีโชคดี มีความสุข มีพลกำลัง มีสิริ มีอายุ มีวรรณะ มีโภคสมบัติ มีความเจริญ มียศ ตำแหน่ง มีอายุยืนได้ ๑๐๐ ปี และจงมีความสำเร็จในชีวิตเถิด ฯ
๒๓๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา จุลลไชยมโนปกรณ์ (บทไชยน้อย) จุลลไชยมโนปกรณ์ หรือจุลลชัยมงคลคาถา หรือ ไชยน้อย เป็น วรรณกรรมภาษาบาลีผสมภาษาลาว มีลักษณะเป็นบทสวดที่นิยมสวดกันในแว่น แคว้น ๒ ฝั่งแม่น้ำโขง ปัจจุบันยังใช้สวดกันอยู่ในกลุ่มวัดป่าสายพระอาจารย์เสาร์ กันตะสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต คาถานี้มีเนื้อหาพรรณนาชัยชนะของพระพุทธเจ้า เหนือหมู่มารทั้งปวง ล่วง พ้นอำนาจของพรหม มาร เทวดา ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ และสรรพสัตว์ อีกทั้งความ ชั่วร้ายทั้งหลาย เชื่อกันว่า เป็นบทสวดที่มีอานุภาพมาก สามารถขจัดปัดเป่าเรื่อง เลวร้าย และภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ทั้งแก่ตัวผู้สวดสาธยาย และบ้านเมืองของผู้ สวดสาธยายนั้น นัยว่า เจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก หรือ พระมหาเทพหลวง แห่งอาณาจักร ล้านช้าง ท่านใดท่านหนึ่ง เป็นผู้ประพันธ์ขึ้น โดยนำความจากพระคัมภีร์สมันตปสาทิกา รจนาเป็นภาษาบาลีผสมกับภาษาพื้นเมือง บทสวด นะโม เม พุทธะเตชัสสา ระตะนัตตะยะธัมมิกา เตชะปะสิทธิปะสีเทวา นารายะปะระเมสุรา สิทธิพ๎รัห๎มา จะ อินทา จะ จะตุโลกา คัมภีรักขะกา สะมุททา ภูตุงคังคา จะ สะพ๎รัห๎มพะชัยะปะสิทธิ ภะวันตุ เต ชัยะ ชัยะ ธอระณิ ธอระณี อุทะธิ อุทะธี นะทิ นะที ชัยะ ชัยะ คะคนละตนละนิสัย นิรัยสัยเสนนะเมรุราชชะพลนอระชี ชัยะ ชัยะ คัมภีระโสมภี นาเคนทะนาคี ปีสาจ จะ ภูตะกาลี ชัยะ ชัยะ ทุนนิมิตตะโรคี ชัยะ ชัยะ สิงคีสุทาทานะมุขะชา ชัยะ ชัยะ วะรุณณะมุขะสาตรา ชัยะ ชัยะ จัมปาทินาคะกุละคันถก
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๓๕ ชัยะ ชัยะ คัชชะคนนะตุรง สุกอระ ภุชงสีหะ เพียคฆะทีปา ชัยะ ชัยะ วะรุณณะมุขะสาตรา ชิตะ ชิตะ เสนนารีปุนะสุทธินอระดี ชัยะ ชัยะ สุขาสุขาชีวี ชัยะ ชัยะ ธอระณีตะเล สะทา สุชัยยา ชัยะ ชัยะ ธอระณีสานตินสะทา ชัยะ ชัยะ มังกะราช รัญญา ภะวัคเค ชัยะ ชัยะ วะรุณณะยักเข ชัยะ ชัยะ รักขะเส สุระภู ชะเตชา ชัยะ ชัยะ พ๎รัห๎มเมนทะคะณา ชัยะ ชัยะ ราชาธิราชสาชชัย ชัยะ ชัยะ ปะฐะวิง สัพพัง ชัยะ ชัยะ อะระหันตา ปัจเจกะพุทธะสาวัง ชัยะ ชัยะ มะเหสุโร หะโรหะรินเทวา ชัยะ ชัยะ พ๎รัห๎มา สุรักโข ชัยะ ชัยะ นาโค วิรุฬหะโก วิรูปักโข จันทิมา ระวิ อินโท จะ เวนะเตยโย จะ กุเวโร วะรุโณปิ จะ อัคคิ วาโย จะ ปาชุณ๎โห กุมาโร ธะตะรัฏฐะโก อัฏฐาระสะ มะหาเทวา สิทธิตา ปะสะอาทะโย อิสิโน สาวะกา สัพพา ชัยะ ราโม ภะวันตุ เต ชัยะ ธัมโม จะ สังโฆ จะ ทะสะปาโล จะ ชัยะกัง เอเตนะ ชัยะเตเชนะ ชัยะ โสตถี ภะวันตุ เต เอเตนะ พุทธะ เตเชนะ โหตุ เต ชัยะมังคะลัง ชัยโยปิ พุทธัสสะ สิรีมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุคโฆสะยัมโพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยะ ตะทา พ๎รัห๎มะคะณา มะเหสิโน ชัยโยปิ พุทธัสสะ สิรีมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุคโฆสะยัมโพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยะ ตะทา อินทะคะณา มะเหสิโน
๒๓๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ชัยโยปิ พุทธัสสะ สิรีมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุคโฆสะยัมโพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยะ ตะทา เทวะคะณา มะเหสิโน ชัยโยปิ พุทธัสสะ สิรีมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุคโฆสะยัมโพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยะ ตะทา สุปัณณะคะณา มะเหสิโน ชัยโยปิ พุทธัสสะ สิรีมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุคโฆสะยัมโพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยะ ตะทา นาคาคะณา มะเหสิโน ชัยโยปิ พุทธัสสะ สิรีมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุคโฆสะยัมโพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยะ ตะทา สะพ๎รัห๎มะคะณา มะเหสิโน ชะยันโต โพธิยา มูเล สัก๎ยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง ต๎วัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พ๎รัห๎มะจาริสุ ปะทักขินัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๓๗ ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัต๎วานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ เต อัตถะ ลัทธา สุขิตา วิรุฬ๎หา พุทธะสาสะเน อะโรคา สุขิตา โหถะ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ สุณันตุ โภนโต เย เทวา อัส๎มิง ฐาเน อะธิคะตา ทีฆายุกา สะทา โหนตุ สุขิตา โหนตุ สัพพะทา รักขันตุ สัพพะสัตตานัง รักขันตุ ชินะสาสะนัง ยา กาจิ ปัตถะนา เตสัง สัพเพ ปูเรนตุ มะโนระถา ยุตตะกาเล ปะวัสสันตุ วัสสัง วัสสา วะลาหะกา โรคา จุปัททะวา เตสัง นิวาเรนตุ จะ สัพพะทา กายะสุขัง จิตตะสุขัง อะระหันตุ ยะถาระหัง. คำแปล อันว่ากิริยาอ่อนน้อมสักการะแห่งข้าพเจ้า จงมีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัม พุทธเจ้าซึ่งบริบูรณ์ด้วยพระตบะและเดชะ อันว่าชุมนุมมาด้วยแก้วมณีอันประเสริฐสามประการอันประกอบชอบธรรม แล้ว อันว่าเทวดาทั้งหลายก็ดี อันว่าพระนารายณ์แลพระปรเมศวรก็ดี ผู้รุ่งเรืองด้วย ประสิทธิ ทั้งศาสตร์และศิลป์ก็ดี อันว่าท้าวมหาพรหม และพระอินทร์ทั้งหลายก็ดี อันว่าเทวดาทั้งหลายผู้คุ้มครองรักษาคุ้มครองยังโลกทั้งสี่ คือว่า พรหมโลก เทวโลก มนุษย์โลก และนาคโลก ก็ดี ก็จงเป็นอำนาจสำเร็จค้ำจุน มั่นคง แก่ท่านเทอญ อันว่าแม่น้ำคงคามหานที อีกทั้งแม่น้ำที่ไหลมาจากมหาสมุทรก็ดี ก็ขอ อำนาจแห่งความประสิทธิทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงมีแก่ท่านเทอญ อันว่าแผ่นดินน้อยใหญ่ก็ดี อันว่าบึงน้อยใหญ่ทั้งหลายก็ดี อันว่าแม่น้ำน้อย ใหญ่ก็ดี อันมีตบะเดชะอานุภาพดังอุปมามากมายฉันใด ก็ขอจงมีชัยชนะเดชะ อานุภาพ ดังอุปมัยนั้นเทอญ อันว่าพื้นประตู อากาศ กลางหาวและเขาพระสุเมรุ
๒๓๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ราช และพญาภูดอย อีกทั้งป่าเขาทั้งหลาย อันเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนแห่งสรรพ สัตว์ทั้งหลายก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะเดชะอานุภาพอันมากแก่ท่านเทอญ อันว่าพญานาคและนางนาคทั้งหลายอันอยู่ในห้วย ในบ่อ ในบึง ในถ้ำ และ ในหุบเหวอันลึกก็ดี อันว่าผีร้าย ผีเสื้อน้ำและผีเสื้อบกทั้งหลายก็ดี ก็จงกลับกลายมา เป็นชัยชนะแก่ท่านแลให้ข้าศึกศัตรูทั้งปวงพ่ายแพ้ อันว่านิมิตอันชั่วร้ายและพยาธิ ภัย โรคาทั้งหลาย ก็จงกลับกลายมาเป็นชัยชนะแก่ท่านเทอญ ขอชัยชนะนั้นจงมีแก่ ท่านทั้งหลายเหนือบรรดานิมิตอันชั่วร้ายและโรคาทั้งหลายทั้งมวลนั้นเทอญ อันว่านอแรดและเขากวางหดอันเกิดจากหัวและจมูกก็ดี อันว่าเขี้ยวหมูตัน จันทคราส อีกทั้งเขี้ยวและงาอันเกิดมาจากปากก็ดีก็จงมาเป็นชัยชนะให้ข้าศึกศัตรู พ่ายแพ้พร้อมยังเป็นวัตถุมงคลให้แก่ท่านเทอญ อันว่าเหล่าศาสตราวุธซึ่งเป็นของกล้าแกร่งยังกำจัดไปซึ่งสรรพโภยภัยและ เสนียดจัญไรที่บังเกิดจากความโศกเศร้า เสน่หา แลความประหวั่นพรั่นพรึง ก็จงมา เป็นชัยชนะแก่ท่านเทอญ อันว่าเครื่องสังวาลแห่งพญานาค อันรุ่งเรืองด้วยสีดอกจำปา เป็นต้น ก็จงมา เป็นชัยชนะแก่ท่านเทอญ อันว่าช้าง ม้า แรด นาค เงือก งู ราชสีห์ และเสือโคร่ง แลเสือเหลือง อันมี เดชะอานุภาพอันมาก แลนี้ด้วยประการฉันใด ก็จงมาเป็นชัยชนะอานุภาพปราบไป ซึ่งข้าศึกศัตรูในสากล ชมพูทวีปทั้งมวลนั้นเทอญ อันว่าสภาวะอันระงับดับเสียซึ่งความเศร้าโศกก็ดี อันว่าความผจญพ่ายแพ้ ยังกำลังท้าวพญา และเสนาข้าศึกศัตรูแล้วมีความชมชื่นยินดีเมื่อภายหลังก็ดี ก็จง มาเป็นชัยชนะอันลือชาปรากฏแก่ท่านเทอญ อันว่าความเลี้ยงชีพอันง่ายสะดวกสบาย ความเป็นอยู่สุขสบายก็ดี อันว่า การประกอบสัมมาชีพด้วยดีเหนือผืนแผ่นดินในกาลทุกยามก็ดี อันว่าผืนปฐพีอัน
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๓๙ เนืองแน่นไปด้วยหมู่บ้านและนิคม คามนิคมก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะอันลือชาปรากฏ แก่ท่านเทอญ อันว่าอาลัยแห่งมังกร คือว่ารัศมีอันแผ่ไปไกลได้ร้อยและพัน อันมีแสงสว่าง เจิดจรัสของมังกรทั้งหลาย ถึงเหนืออากาศกลางหาว ก็จงมาเป็นชัยมงคลอัน ประเสริฐแก่ท่านเทอญ อันว่าเดชานุภาพแห่งวรุณยักษ์ก็ดี อันว่าเดชานุภาพแห่งเทพบุตร เทพธิดา แลพญานาคก็ดี อันว่าอำนาจแห่งเหล่าท้าวมหาพรหม และพระอินทร์ทั้งหลายก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะมงคลสวัสดี แก่ท่านทั้งหมดนั้นเทอญ อันว่าความผจญต่อเดชะบารมีแห่งท้าวพญาทั้งปวง ตนประเสริฐ ก็จงมา เป็นชัยชนะอันมั่นคงแก่ท่านเทอญ อันว่าขอให้ท่านจงมีชัยชนะเหนือหมู่สรรพสัตว์ ท้าวพญา ข้าศึกศัตรูแลหมู่ ปัจจามิตรทั้งหลายทั้งปวงเหนือพื้นปฐพีนี้เทอญ อันว่าพระอรหันต์ทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวกแห่ง พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็จงมาเป็นมหาชัยมงคลแก่ท่านเทอญ อันว่าพระอิศวรผู้มเหศวรและพญาอังคหละแลพญาหรินทเทพเจ้าทั้งหลาย ก็ดี อันว่าท้าวมหาพรหมผู้มเหศักดิ์ก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะแก่ท่านเทอญ อันว่าพญานาคก็ดี อันว่าท้าววิรุฬหกก็ดี อันว่าท้าววิรูปักษ์ก็ดี อันว่า พระจันทร์ก็ดี อันว่าพระอาทิตย์ก็ดี อันว่าพระอินทร์ก็ดี อันว่าพญาเวนไตยก็ดี อัน ว่าท้าวกุเวรก็ดี อันว่าพญาวรุโณก็ดี อันว่าพญาอัคคีและพญาวาโยก็ดี อันว่า พญาชุณหะ อันว่าพญากุมาโรก็ดี อันว่าท้าวฐตรถก็ดี อันว่าเทวดาทั้งหลายผู้เป็น ใหญ่ทั้งสิบแปดตน ที่กล่าวมานั้นก็ล้วนมีตบะแลเดชะอานุภาพอันมาก ขออานุภาพ แห่งเทวดาเหล่านั้นจงบันดาลให้ท่านมีชัยชนะเหนือข้าศึกศัตรูปัจจามิตรทั้งหลาย เทอญ อันว่านักบวชทั้งหลายทั้งที่มีฤทธิ์สิทธิการ มีฤๅษีและดาบสเป็นอาทิ อันว่า นักบวชเจ้าทั้งหลายผู้ปรารถนามรรคผลแสวงหาพระนิพพาน อันเป็นพระสาวกแห่ง
๒๔๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา พระพุทธเจ้าทั้งมวล อันว่าเป็นชัยชนะอันนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีก็จงให้บังเกิดมี แก่ท่านเทอญ อันว่าพระนวโลกุตรธรรมเจ้า เก้าประการ ก็ดี อันว่าพระอริยสังฆเจ้า ทั้งหลายก็ดี ก็จงมาเป็นชัยมงคลแก่ท่านเทอญ อันว่าเทพเจ้าผู้เฝ้ารักษายังทิศทั้งสิบก็ดี อันว่าความสวัสดีและโชคโภค ทรัพย์ทั้งหลายก็ดีก็จงมีแก่ท่านทั้งปวงเทอญ ด้วยเดชะอานุภาพแห่งไชยปกรณสูตรบทนี้ อันว่าชัยชนะศิริแลสวัสดี ก็จงมี แก่ท่านเทอญ ด้วยเดชะอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น อันว่าชัยมงคลอันประเสริฐ ขอจงให้บังเกิดมีแก่พวกเราทั้งหลายเทอญ อันว่าคณะแห่งพรหมทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศ เตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่งแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมี ชัยใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชัยชนะนี้แลเป็นชัยชนะของพระพุทธเจ้าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิก บาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งพระอินทร์ทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศ เตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่งแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมี ชัยใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชัยชนะนี้แลเป็นชัยชนะของพระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิก บาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งเทวดาทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศ เตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่งแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมี ชัยใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชัยชนะนี้แลเป็นชัยชนะของพระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิก บาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งพญาครุฑทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศ เตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่งแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมี
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๔๑ ชัยใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชัยชนะนี้แลเป็นชัยชนะของพระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิก บาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งพญานาคทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศ เตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่งแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมี ชัยใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชัยชนะนี้แลเป็นชัยชนะของพระพุทธเจ้า ผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิก บาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งเทวดาทั้งหลายมีพระพรหมเป็นต้นที่กล่าวมาอันมีใจชื่นชม ยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศเตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่ง แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมีชัยใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชัยชนะนี้แลเป็นชัยชนะของ พระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แจ้งโลกทั้งปวง ทรงชนะพญามารกับทั้ง เสนามารที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงยังความปีติยินดีให้เพิ่มพูนแก่ชาวศากยะ ทั้งหลาย ก็ย่อมมีด้วยประการฉันใด ขอความชนะอันวิเศษซึ่งอุปัทวะทั้งหลาย ก็จง มีแก่ท่าน และขอให้ความปีติยินดีให้เพิ่มพูนแก่ปวงญาติทั้งหลาย ก็จงมีด้วย ประการฉันนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณอันประเสริฐ ย่อมทรงยินดีเบิกบานอยู่ เหนือบัลลังก์อันไม่พ่ายแพ้ ณ โปกขรปฐพีอันเป็นที่ อภิเษกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ฉันใด ขอท่านจงมีความยินดีเบิกบานอยู่ดุจ สมัยเป็นที่ตรัสรู้แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉันนั้น ความประพฤติปฏิบัติที่ดีแล้วในเวลาเช้า กลางวันและเย็น เป็นมงคลดี เป็น แสงสว่างดี เป็นความรุ่งเรืองดี เป็นขณะดี เป็นยามดี อนึ่ง การบูชาดีในพรหมจารี บุคคลทั้งหลาย กายกรรมอันเป็นกุศล วจีกรรมอันเป็นกุศล มโนกรรมอันเป็นกุศล ความปรารถนาอันเป็นกุศลของท่านผู้ทำกุศลแล้ว ย่อมได้ประโยชน์อันประเสริฐ ทั้งหลาย
๒๔๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา หมู่เทวดาทั้งหลายเหล่าใดที่มาสถิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ขอเทวดาทั้งหลาย เหล่านั้นจงฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอเทวดาทั้งหลายจงเป็นผู้มีอายุยืนยาว มีความสุขในกาลทุกเมื่อ ขอเทวดาทั้งหลายจงรักษาสรรพสัตว์ทั้งหลาย และขอจง รักษาพระศาสนาแห่งพระชินสีห์เจ้าเท่าห้าพันปี ขอความปรารถนาต่าง ๆ ของ เทวดาทั้งหลายเหล่านั้น จงบริบูรณ์ตามมโนปรารถนา ขอเทวดาทั้งหลายผู้อยู่บน นภากาศจงบันดาลให้ฝนตกในกาลอันควร โรคและอุปัทวะทั้งหลาย จงพินาศไปใน กาลทั้งปวง ขอเดชแห่งกุศลอันเราทั้งหลายได้กระทำแล้วแก่เทวดาเหล่านั้น ขอ เทวดาทั้งหลายจงนำมาซึ่งความสุขกายสุขใจแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายตามสมควรด้วย เทอญ ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๔๓ บทสวดอุทิศท้ายทำวัตร อุททิสสนาธิฏฐานคาถา เป็นคาถาอุทิศส่วนกุศลของเก่า ใช้สวดเพื่อเป็นการให้ส่วนบุญแก่ผู้มี พระคุณทั้งหลาย ตลอดทั้งหมู่พรหมเทวา และประชาสัตว์ทุกจำพวกไม่มีขอบเขต ขีดคั่น และแสดงคำอธิษฐานขออานุภาพคุณพระรัตนตรัยและอำนาจแห่งกุศล กรรมที่ทำแล้ว ให้รวมเป็นพลวะปัจจัยอำนวยให้ถึงความพ้นทุกข์ และปกป้อง คุ้มครองจากหมู่มารคือความชั่วร้ายทั้งภายในภายนอก บทสวด อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา, อาจะริยูปะการา จะ มาตา ปิตา จะ ญาตะกา. สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ, พ๎รัห๎มะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา. ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ, สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม, สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตัง. อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ, ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณîหุปาทานะเฉทะนัง. เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง, นัสสันตุ สัพพะทาเยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว. อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโข วิริยัมหินา, มารา ละภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม.
๒๔๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา พุทธาทิปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม, นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง. เตโสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา, ทะสะปุญญานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา. คำแปล ด้วยบุญกุศลนี้ข้าพเจ้าขออุทิศให้พระอุปัชฌาย์ผู้เลิศด้วยพระคุณ อาจารย์ ผู้มีอุปการะ รวมทั้งบิดามารดาและเครือญาติของข้าพเจ้า พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระราชา และผู้ทรงคุณความดี หรือผู้เกิดในตระกูลสูง ทั้งพระพรหม ทั้งมาร ทั้ง พระอินทราธิราช ทั้งทวยเทพและท้าวโลกบาลทั้งสี่ พญายมราช ทั้งมนุษย์ผู้เป็น มิตร ผู้เป็นกลางและผู้จองเวร ขอให้บุญทั้งหลายทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำ จงอำนวยผล ที่ดีให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุขทุกทั่วหน้า ขอให้มีความสุขทั้ง ๓ ประการ จนกว่าบรรลุถึงพระนิพพานโดยเร็วพลัน ด้วยบุญกุศลนี้ ข้าพเจ้าขออธิษฐานว่า ขอให้ข้าพเจ้าตัดตัณหาอุปาทานได้ โดยเร็วพลัน สิ่งชั่วในสันดานจงมลายสิ้นไปจนกว่าข้าพเจ้าจะถึงนิพพานทุก ๆ ภพ ทุก ๆ ชาติที่ข้าพเจ้าเกิดมา ขอให้มีจิตซื่อตรง มีสติปัญญาอันประเสริฐ ให้มีความ เพียรเป็นเลิศ เป็นเครื่องขูดขัดเกลากิเลสให้หาย อย่าได้มีช่องทางให้หมู่มาร ทั้งหลายมาทำลายความพากเพียรของข้าพเจ้าเลย พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นที่พึ่งอันประเสริฐ พระธรรมคำสั่งสอนเป็นที่พึ่งอัน อุดม พระปัจเจกพุทธเจ้า รวมทั้งพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันเลิศ ด้วยอานุภาพพระ รัตนตรัยนี้และด้วยอานุภาพบุญทั้ง ๑๐ ประการ อย่าเปิดโอกาส อย่าเปิดช่องทาง ให้หมู่มารมาเบียดเบียนข้าพเจ้าเลย ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๔๕ สัพพปัตติทานคาถา เป็นคาถาอุทิศส่วนกุศลพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ในตอนต้นเป็นการสวดแผ่อุทิศส่วนกุศลแก่สรรพสัตว์ไม่มีขอบเขต ไม่มี ประมาณ หาที่สุดมิได้ เป็นอัปปมัญญา ในตอนกลางและตอนท้ายเป็นการสวดอธิษฐานรวบรวมผลบุญ เพื่อให้เป็น พลวะปัจจัยเกื้อกูลแก่กุศลสมบัติคือ การได้บังเกิดในสุคติภูมิ ได้ศรัทธาใน พระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสบำเพ็ญทาน ศีล สมาธิ ปัญญา จนกระทั่งสามารถทำให้ แจ้งซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ คือ พระนิพพานในที่สุด บทสวด ปุญญัสสิทานิ กะตัสสะ ยานัญญานิ กะตามิ เม, เตสัญจะ ภาคิโน โหนตุ สัตตานันตาปปะมาณะกา. เย ปิยา คุณะวันตา จะ มัย๎หัง มาตาปิตาทะโย, ทิฏฐา เม จาป๎ยะทิฏฐา วา อัญเญ มัชฌัตตะเวริโน. สัตตา ติฏฐันติ โลกัส๎มิง เต ภุมมา จะตุโยนิกา, ปัญเจกะจะตุโวการา สังสะรันตา ภะวาภะเว. ญาตัง เย ปัตติทานัมเม อะนุโมทันตุ เต สะยัง, เย จิมัง นัปปะชานันติ เทวา เตสัง นิเวทะยุง. มะยา ทินนานะ ปุญญานัง อะนุโมทะนะเหตุนา, สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ อะเวรา สุขะชีวิโน, เขมัปปะทัญจะ ปัปโปนตุ เตสาสา สิชฌะตัง สุภา. ยันทานิ เม กะตัง ปุญญัง เตนาเนนุททิเสนะ จะ, ขิปปัง สัจฉิกะเรยยาหัง ธัมเม โลกุตตะเร นะวะ. สะเจ ตาวะ อะภัพโพหัง สังสาเร ปะนะ สังสะรัง,
๒๔๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา นิยะโต โพธิสัตโต วะ สัมพุทเธนะ วิยากะโต, นาฏฐาระสะปิ อภัพพะ- ฐานานิ ปาปุเณยยะหัง. ปัญจะเวรานิ วัชเชยยัง ระเมยยัง สีละรักขะเน, ปัญจะกาเม อะลัคโคหัง วัชเชยยัง กามะปังกะโต. ทุททิฏฐิยา นะ ยุชเชยยัง สังยุชเชยยัง สุทิฏฐิยา, ปาเป มิตเต นะ เสเวยยัง เสเวยยัง ปัณฑิเต สะทา. สัทธาสะติหิโรตตัปปา ตาปักขันติคุณากะโร, อัปปาสัยโห วะ สัตตูหิ เหยยัง อะมันทะมุฬหะโก. สัพพายาปายุปาเยสุ เฉโก ธัมมัตถะโกวิโท, เญยเย วัตตัต๎วะสัชชัง เม ญาณัง อะเฆวะ มาลุโต. ยา กาจิ กุสะลา มะยาสา สุเขนะ สิชฌะตัง สะทา, เอวัง วุตตา คุณา สัพเพ โหนตุ มัย๎หัง ภะเว ภะเว. ยะทา อุปปัชชะติ โลเก สัมพุทโธ โมกขะเทสะโก, ตะทา มุตโต กุกัมเมหิ ลัทโธกาโส ภะเวยยะหัง. มะนุสสัตตัญจะ ลิงคัญจะ ปัพพัชชัญจุปะสัมปะทัง, ละภิต๎วา เปสะโล สีลี ธาเรยยัง สัตถุสาสะนัง. สุขาปะฏิปะโท ขิปปา ภิญโญ สัจฉิกะเรยยะหัง, อะระหัตตะผะลัง อัคคัง วิชชาทิคุณะลังกะตัง. ยะทิ นุปปัชชะติ พุทโธ กัมมัง ปะริปูรัญจะ เม, เอวัง สันเต ละเภยยาหัง ปัจเจกะโพธิมุตตะมันติ.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๔๗ คำแปล สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ จงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำใน บัดนี้ และแห่งบุญอื่นที่ได้ทำไว้ก่อนแล้ว คือจะเป็นสัตว์เหล่าใด ซึ่งเป็นที่รักใคร่และ มีบุญคุณ เช่น มารดา บิดา ของข้าพเจ้าเป็นต้นก็ดี ที่ข้าพเจ้าเห็นแล้ว หรือไม่ได้ เห็นก็ดี สัตว์เหล่าอื่นที่เป็นกลาง ๆ หรือเป็นคู่เวรกันก็ดี สัตว์ทั้งหลาย ตั้งอยู่ในโลก อยู่ในภูมิทั้งสาม อยู่ในกำเนิดทั้งสี่ มีขันธ์ห้าขันธ์ มีขันธ์ขันธ์เดียว มีขันธ์สี่ขันธ์ กำลัง ท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ก็ดี สัตว์เหล่าใด รู้ส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว สัตว์ เหล่านั้น จงอนุโมทนาเองเถิด ส่วนสัตว์เหล่าใด ยังไม่รู้ส่วนบุญนี้ ขอเทวดาทั้งหลาย จงบอกสัตว์เหล่านั้นให้รู้ เพราะเหตุที่ได้อนุโมทนาส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว สัตว์ ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้ไม่มีเวร อยู่เป็นสุขทุกเมื่อ จนถึงบทอันเกษมกล่าวคือพระ นิพพาน ความปรารถนาที่ดีงามของสัตว์เหล่านั้น จงสำเร็จเถิด. บุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้ เพราะบุญนั้น และการอุทิศแผ่ส่วนบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้าทำให้แจ้งซึ่งโลกุตรธรรม ๙ ในทันที ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้อาภัพอยู่ ยังต้อง ท่องเที่ยวไปในวัฏสงสาร ขอให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ ได้รับ พยากรณ์แต่พระพุทธเจ้า ไม่ถึงฐานะแห่งความอาภัพ ๑๘ อย่าง ข้าพเจ้าพึงเว้นจากเวรทั้ง ๕ พึงยินดีในการรักษาศีล ไม่เกาะเกี่ยวในกามคุณทั้ง ๕ พึงเว้นจากเปือกตมกล่าวคือกาม ขอให้ข้าพเจ้าไม่พึงประกอบด้วยทิฏฐิชั่ว พึงประกอบด้วยทิฏฐิที่ดีงาม ไม่พึงคบมิตรชั่ว พึงคบแต่บัณฑิตทุกเมื่อ ขอให้ ข้าพเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งคุณ คือ ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ ความเพียร และขันติ พึง เป็นผู้ที่ศัตรูครอบงำไม่ได้ ไม่พึงเป็นคนเขลาคนหลงงมงาย ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ ฉลาดในอุบายแห่งความเสื่อมและความเจริญ เป็นผู้เฉียบแหลมในอรรถและธรรม ขอให้ญาณของข้าพเจ้าเป็นไปไม่ข้องขัดในธรรมที่ควรรู้ ดุจลมพัดไปใน อากาศ ฉะนั้น ความปรารถนาใด ๆ ของข้าพเจ้าที่เป็นกุศล ขอให้สำเร็จโดยง่ายทุก เมื่อ คุณที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วทั้งปวงนี้ จงมีแก่ข้าพเจ้าทุก ๆ ภพ เมื่อใด พระ
๒๔๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แสดงธรรมเครื่องพ้นทุกข์ เกิดขึ้นแล้วในโลก เมื่อนั้น ขอให้ ข้าพเจ้าพ้นจากกรรมอันชั่วช้าทั้งหลาย เป็นผู้ได้โอกาสแห่งการบรรลุธรรม ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ความเป็นมนุษย์ ได้เพศบริสุทธิ์ ได้บรรพชาอุปสมบท แล้ว เป็นคนรักศีล มีศีล ทรงไว้ซึ่งพระศาสนาของพระศาสดา ขอให้เป็นผู้มีการ ปฏิบัติโดยสะดวก ตรัสรู้ได้พลัน กระทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผลอันเลิศ อันประดับด้วย ธรรม มีวิชชา เป็นต้น ถ้าหากพระพุทธเจ้าไม่บังเกิดขึ้น แต่กุศลกรรมของข้าพเจ้า เต็มเปี่ยมแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ญาณเป็นเครื่องรู้เฉพาะตน อัน สูงสุดเทอญ ฯ ปัตติทานคาถา เป็นคาถาพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้ สวดแสดงการให้ส่วนกุศลแก่เหล่าเทวดาที่สถิตรักษาตามปูชนียสถานต่าง ๆ เช่น วิหาร เจดีย์ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นต้น และเป็นการเจริญเมตตาภาวนาแผ่ ความปรารถนาดีไปยังหมู่บรรพชิตและฆราวาสชนทุกระดับ ตลอดสรรพสัตว์ในทุก กำเนิด บทสวด ยา เทวตา สันติวิหาระวาสินี, ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง, ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุปูชิตา, โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล. เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว, สารามิกา ทานะปะตีอุปาสะกา,
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๔๙ คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา, สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต. ชะลาพุชา เยปิจะ อัณฑะสัมภะวา, สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา, นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต, สัพเพปิทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง. ฐาตุจิรัง สะตัง ธัมโม ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา, สังโฆ โหตุสะมัคโค วะ อัตถายะ จะ หิตายะ จะ. อัม๎เห รักขะตุสัทธัมโม สัพเพปิ ธัมมะจาริโน, วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ ธัมเม อะริยัปปะเวทิเต. ปะสันนา โหนตุสัพเพปิ ปาณิโน พุทธะสาสะเน, สัมมา ธารัง ปะเวจฉันโต กาเล เทโว ปะวัสสะตุ. วุฑฒิภาวายะ สัตตานัง สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง, มาตา ปิตา จะ อัต๎ระชัง นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง, เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน ปะชัง รักขันตุสัพพะทา. คำแปล เทวดาทั้งหลายเหล่าใด มีปกติอยู่ในวิหาร สิงสถิตที่เรือนพระสถูป ที่เรือน โพธิ์ ในที่นั้น ๆ เทวดาทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้อันเราทั้งหลายบูชาแล้ว ด้วยธรรม ทาน ขอจงทำซึ่งความสวัสดี ความเจริญ ในมณฑลวิหารนี้ พระภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระก็ดี ที่เป็นปานกลางก็ดี ที่เป็นผู้บวชใหม่ก็ดี อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายที่เป็นทานาธิบดีก็ดี พร้อมด้วยอารามิกชนก็ดีชนทั้งหลาย เหล่าใด ที่เป็นชาวบ้านก็ดี ที่เป็นชาวต่างประเทศก็ดี ที่เป็นชาวนิคมก็ดี ที่เป็นอิสระ เป็นใหญ่ก็ดี ขอชนทั้งหลายเหล่านั้นจงเป็นผู้มีสุขเถิด
๒๕๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นชลาพุชะกำเนิดก็ดี ที่เป็นอัณฑชะกำเนิดก็ดี ที่เป็น สังเสทชะกำเนิดก็ดี ที่เป็นโอปปาติกะกำเนิดก็ดีสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ได้ อาศัยซึ่งธรรมอันประเสริฐ เป็นนิยยานิกธรรม ประกอบในอันนำผู้ปฏิบัติให้ออกไป จากสังสารทุกข์ จงกระทำซึ่งความสิ้นไปพร้อมแห่งทุกข์เถิด ขอธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย จงตั้งอยู่นาน ขอบุคคลทั้งหลายผู้ทรงไว้ซึ่ง ธรรม จงดำรงอยู่นาน ขอพระสงฆ์จงมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ในอันทำซึ่ง ประโยชน์ และสิ่งอันเกื้อกูลเถิด ขอพระสัทธรรมจงรักษาไว้ซึ่งเราทั้งหลาย จงรักษา ไว้ซึ่งบุคคลผู้ประพฤติซึ่งธรรมแม้ทั้งปวง ขอเราทั้งหลาย พึงถึงพร้อมซึ่งความเจริญ ในธรรมที่พระอริยเจ้าประกาศไว้ดีแล้ว ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ขอฝน ทั้งหลายจงหลั่งลงตกต้องตามฤดูกาล ขอฝนจงนำความสำเร็จมาสู่พื้นปฐพี เพื่อ ความเจริญแก่สัตว์ทั้งหลาย มารดาและบิดาย่อมรักษาบุตรที่เกิดในตนเป็นนิจ ฉันใด ขอพระราชาจงปกครองประชาชน โดยชอบธรรมในกาลทุกเมื่อ ฉันนั้น เทอญ ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๕๑ ปัตติทานคาถา สำหรับสวดถวายพระราชกุศล รัชกาลที่ ๙ คาถาบทนี้ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต ป.ธ.๙) วัดบวรนิเวศวิหาร แต่งขึ้นสำหรับพระภิกษุสามเณรและประชาชนชาวไทยนำไปสวดเพื่อถวายพระราช กุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยลง ประกาศในราชกิจจานุเบกษา บทสวด ยะถาปิ ปะระมินโท โส ภูมิพะโล มะหิสสะโร สะวีริโย สะมุสสาโห ทีฆะทัสสี วิจักขะโณ อะธิราชา มะหารัญญา โลกะภาเค มะหิตตะเล ทัยยานัง เทวะภูโต โข ธะระมาโน ปะสังสิโต สักกะโต ชะนะตาเยวะ สัมมานิโตภิปูชิโต ทัยยะวาสีนะมัตถายะ หิตายะ จะ สุขายะ จะ สัตตะติวัสสะกาเล วะ รัชชัง ธัมเมนะ การะยิ เอวัง ชะรา จะ มัจจุ จะ อะธิวัตตันติ ภูปะติง ขัตติเย พ๎ราห๎มะเณ เวสเส สุทเท จัณฑาละปุกกุเส นะ กิญจิ ปะริวัชเชติ สัพพะเมวาภิมัททะติ ตัส๎มา หิ ปัณฑิโต โปโส สัมปัสสัง อัตถะมัตตะโน สัมปะเทยเยวะ ภิยโยโส อัปปะมาเทนะ ชีวิตัง อัปปะมัตโต อุโภ อัตเถ อะธิคัณîหาติ เจตะโส ทิฏเฐ ธัมเม จะ โย อัตโถ โย จัตโถ สัมปรายิโก ส๎วากขาตัสสะ ปาฐัสสะ อัตถัง อัญญายะ สาธุกัง
๒๕๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ปะฏิปัชเชถะ เมธาวี อะโมฆัง ชีวิตัง ยะถา ยันทานิ เม กะตัง ปุญญัง เตนาเนนุททิเสนะ จะ ยา กาจิ กุสะลา มî ยาสา สุเขนะ สิชฌะตัง สะทา ปะระมินทะมะหาราชา ภาคี โหตุ วะ ปัตติยา เขมัปปะทัญจะ ปัปโปตุ ตัสสาสา สิชฌะตัง สุภาติ. คำแปล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรง เป็นพระเจ้าแผ่นดิน มีพระวิริยอุตสาหะ มีพระวิสัยทัศน์ยาวไกล มีปัญญาฉลาด หลักแหลมในการปกครองประเทศ ทรงเป็นพระมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ กว่าพระมหาราช ใด ๆ ในโลก ทรงได้รับการสรรเสริญ สักการะ นับถือ บูชา ยกย่องว่าเป็นเทวดาที่ ยังมีชีวิตอยู่ของปวงพสกนิกรชาวไทย ทรงครองสิริราชสมบัติเพื่อประโยชน์สุข แห่ง มหาชนชาวสยาม สิ้นกาลเวลา ๗๐ ปี แต่ความชราและความตายย่อมพรากองค์ พระภูมินทร์ ความตายหาได้ละเว้นใคร ๆ ไม่ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คนจัณฑาล ความตายย่อมทําลายทุกสิ่งถ้วนทั่ว เพราะฉะนั้นแล ผู้เป็นบัณฑิตเมื่อ พิจารณาเห็นประโยชน์ ส่วนตนก็พึงดําเนินชีวิตของตนให้ยิ่งด้วยความไม่ประมาท บุคคลผู้ไม่ประมาทย่อมจะได้รับประโยชน์ทั้ง ๒ ส่วนคือ ประโยชน์ปัจจุบัน และประโยชน์ในภายภาคหน้า ผู้มีปัญญารู้อรรถสาระแห่งพระบาลีตามที่สมเด็จ พระบรมศาสดาตรัสไว้ดีแล้ว น้อมปฏิบัติ โดยประการที่ชีวิตจะเป็นชีวิตที่มีสาระ ไม่ เป็นชีวิตเปล่าประโยชน์ (ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท) บุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้ว ณ กาลบัดนี้ ด้วยเหตุแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำ แล้วและด้วยการถวายพระราชกุศลอันนี้ด้วย ความปรารถนาอันใดอันหนึ่งที่เป็น กุศลของข้าพเจ้า ขอบุญและความหวังนั้นจงสำเร็จโดยง่ายทุกเมื่อ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๕๓ ขอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จง ทรงเป็นผู้มีส่วนแห่งปัตติทานของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอพระองค์จงถึงซึ่งบทอันเกษม คือ พระนิพพาน ขอความปรารถนาอันดีงามของพระองค์ทั้งปวงนั้น จงสำเร็จโดย พลันเทอญ ฯ
๒๕๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา อนุโมทนาวิธี อนุโมทนาวิธี คือบทสวดคาถาบาลีที่พระสงฆ์ใช้สวดเป็นการอนุโมทนาและ ให้พรแก่ผู้บำเพ็ญกุศลในโอกาสต่าง ๆ โดยมีใช้แตกต่างกันตามโอกาสแห่งการ บำเพ็ญกุศลนั้น ๆ จำแนกตามลักษณะงานที่เป็นงานมงคล เช่น งานทำบุญวันเกิด ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หรืออวมงคล เช่น งานศพ งานทำบุญอุทิศ เป็นต้น อันเป็นธรรม เนียมที่ถือปฏิบัติสืบมา อนุโมทนารัมภคาถา อนุโมทนารัมภกถา หรือ บทยถา เป็นคาถากรวดน้ำ คือเมื่อพระสงฆ์ผู้เป็น ประธานสวดบทนี้ ทายกทายิกาจะกรวดน้ำเป็นการอุทิศส่วนกุศล โดยคาถาบทนี้ผู้ เป็นประธานสงฆ์จะสวดแต่เพียงรูปเดียว และจะใช้สวดเสมอไปทุกงาน บทสวด ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง, เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ. อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ, สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา, มะณิ โชติระโส ยะถา. คำแปล ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ ฉันใด ทานที่ท่านอุทิศให้ แล้วแต่โลกนี้ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น ขออิฏฐผลที่ ท่านปรารถนาแล้วตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยฉับพลัน ขอความดำริทั้งปวงจง เต็มที่ เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี ฉะนั้น ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๕๕ สามัญญานุโมทนาคาถา คาถานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บทสัพพีเป็นคาถาที่พระสงฆ์ใช้สวด อนุโมทนาต่อท้ายบทกรวดน้ำ โดยจะใช้สวดเสมอทั่วไปทุกงานทำบุญ บทสวด สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ, มา เต ภะวัตîวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ. สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ, มา เต ภะวัตîวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ. สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ, มา เต ภะวัตîวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ. อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง. คำแปล ความจัญไรทั้งปวงจงบำราศไป โรคทั้งปวงจงหาย อันตรายจงอย่ามีแก่ท่าน ทั้งหลาย ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน ความจัญไรทั้งปวงจงบำราศไป โรคทั้ง ปวงจงหาย อันตรายจงอย่ามีแก่ท่านทั้งหลาย ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุ ยืน ความจัญไรทั้งปวงจงบำราศไป โรคทั้งปวงจงหาย อันตรายจงอย่ามีแก่ท่าน ทั้งหลาย ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน ธรรมสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้มีปกติอ่อนน้อม (ต่อผู้ใหญ่) เป็นนิตย์ ฯ
๒๕๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา วิรุฬหิกคาถา คาถาบทนี้ เป็นบาลีคำสวดอวยพรให้ผู้ทำบุญและครอบครัวหมู่ญาติมีความ เจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนา นิยมใช้ในงานทำบุญวันเกิด หรืองานทำบุญ เกี่ยวกับอายุ หรืองานอันเป็นมงคลวารต่าง ๆ บทสวด โส อัตถะลัทโธ สุขิโต วิรุฬîโห พุทธะสาสะเน, อะโรโค สุขิโต โหหิ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ. สา อัตถะลัทธา สุขิตา วิรุฬî หา พุทธะสาสะเน, อะโรคา สุขิตา โหหิ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ. เต อัตถะลัทธา สุขิตา วิรุฬî หา พุทธะสาสะเน, อะโรคา สุขิตา โหถะ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ. คำแปล ขอท่าน (ที่เป็นบุรุษ) พร้อมญาติทั้งปวง จงได้ประโยชน์ มีความสุข งอกงาม ในพระพุทธศาสนา อยู่เป็นสุข ไม่มีโรคเถิด ขอท่าน (ที่เป็นสตรี) พร้อมญาติทั้งปวง จงได้ประโยชน์ มีความสุข งอกงาม ในพระพุทธศาสนา อยู่เป็นสุข ไม่มีโรคเถิด ขอท่านทั้งหลาย (ทั้งบุรุษและสตรี) พร้อมญาติทั้งปวง จงได้ประโยชน์ มี ความสุข งอกงามในพระพุทธศาสนา อยู่เป็นสุข ไม่มีโรคเถิด ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๕๗ รตนัตตยานุภาวาทิคาถา เป็นบทอนุโมทนาให้พร โดยอ้างเอาอานุภาพของพระรัตนตรัยให้ช่วยขจัด ปัดเป่าทุกข์ โศก โรค ภัย ตลอดทั้งอันตรายทั้งปวงให้พินาศดับสูญไป มักใช้สวดใน งานทั่วไป บทสวด ระตะนัตตะยานุภาเวนะ ระตะนัตตะยะเตชะสา, ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุจุปัททะวา, อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุอะเสสะโต. ชะยะสิทธิธะนัง ลาภัง โสตถิภาค๎ยัง สุขัง พะลัง, สิริอายุจะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา, สะตะวัสสา จะ อายูจะ ชีวะสิทธีภะวันตุ เต. คำแปล ด้วยเดชานุภาพแห่งคุณพระรตนตรัย ขอความทุกข์โรค ภัย และเวร ทั้งหลาย ความโศก ศัตรู และอุปัทวะทั้งมวล อันตรายเป็นเอนกประการ จงพินาศ ไปหมดสิ้น ความชนะ ความสำเร็จ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดีความมีโชค ความสุข กำลัง สิริอายุวรรณะ โภคะ ความเจริญ ความเป็นผู้มียศ ความมีอายุ เป็นร้อยปีและความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่ จงมีแก่ท่านทั้งหลายในกาลทุกเมื่อ เทอญ ฯ
๒๕๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา สังเขปอาฏานาฏิยสุตตคาถา คาถาบทนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาฏาฏิยปริตร ที่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ผูกขึ้น ถวายแด่พระพุทธองค์เพื่อประทานแก่หมู่ภิกษุใช้เจริญเป็นเครื่องป้องกันเหล่า อมนุษย์ โดยพระโบราณาจารย์ได้นำบางส่วนที่มีเนื้อหาเป็นคำให้พรมาใช้สวด อนุโมทนาหลังภัตตกิจ บทสวด สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโต, สัพพะเวระมะติกกันโต นิพพุโต จะ ตุวัง ภะวะ. สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ, มา เต ภะวัตîวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ. อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง. คำแปล ขอท่านจงปลอดจากโรคทั้งปวง ปราศจากความเดือดร้อนทุกอย่าง ไม่มีใคร ปองร้าย เป็นผู้สงบ ขอความจัญไรทั้งปวงจงบำราศไป โรคทั้งปวงจงหาย อันตราย จงอย่ามีแก่ท่านทั้งหลาย ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้มีปกติอ่อนน้อม (ต่อ ผู้ใหญ่) เป็นนิตย์ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๕๙ โภชนทานานุโมทนาคาถา เป็นคาถาที่ใช้สวดอนุโมทนาในโภชนาทาน หรือภัตตทานที่ทายกบำเพ็ญใน โอกาสต่าง ๆ โดยเฉพาะในพิธีฉันอันเนื่องด้วยการทำบุญอายุ บทสวด อายุโท พะละโท ธีโร วัณณะโท ปะฏิภาณะโท, สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ. อายุง ทัต๎วา พะลัง วัณณัง สุขัญจะ ปะฏิภาณะโท, ทีฆายุ ยะสะวา โหติ ยัตถะ ยัตถูปะปัชชะตีติ. คำแปล ธีรชนผู้มีปัญญา ให้อายุ ให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ปฏิภาณ ให้ความสุข ย่อมได้ ประสพสุข บุคคลผู้ให้อายุ กำลัง วรรณะ ความสุข แลปฏิภาณ บังเกิดในที่ใด ๆ ย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศในที่นั้น ๆ ดังนี้ฯ อาทิยสุตตคาถา คาถาบทนี้ พระสงฆ์จะใช้สวดในงานทำบุญเพื่อผู้ล่วงลับประจำปีได้แก่ งานทำบุญอุทิศบรรพบุรุษ หรือบุพการีผู้ล่วงลับ เป็นต้น บทสวด ภุตตา โภคา ภะตา ภัจจา วิติณณา อาปะทาสุ เม, อุทธัคคา ทักขิณา ทินนา อะโถ ปัญจะ พะลี กะตา. อุปัฏฐิตา สีละวันโต สัญญะตา พîรัห๎มะจาริโน, ยะทัตถัง โภคะมิจเฉยยะ ปัณฑิโต ฆะระมาวะสัง. โส เม อัตโถ อะนุปปัตโต กะตัง อะนะนุตาปิยัง,
๒๖๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา เอตัง อะนุสสะรัง มัจโจ อะริยะธัมเม ฐิโต นะโร. อิเธวะ นัง ปะสังสันติ เปจจะ สัคเค ปะโมทะตีติ. คำแปล โภคะทั้งหลายเราได้บริโภคแล้ว บุคคลทั้งหลายที่ควรเลี้ยง เราได้เลี้ยงแล้ว อันตรายทั้งหลาย เราได้ข้ามพ้นไปแล้ว ทักษิณาที่เจริญผล เราได้ให้แล้ว อนึ่ง พลี ๕ อย่าง เราได้ทำแล้ว ท่านผู้มีศีลสำรวมประพฤติพรหมจรรย์ เรา ได้บำรุงแล้ว บัณฑิตผู้ครองเรือน ปรารถนาโภคะเพื่อประโยชน์อันใด ประโยชน์อัน นั้น เราได้บรรลุแล้ว กรรมไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเดือดร้อนภายหลัง เราได้ทำแล้ว นรชนผู้จะต้องตายเมื่อตามระลึกถึงคุณข้อนี้ ย่อมเป็นผู้ตั้งอยู่ในอริยธรรม เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายย่อมสรรเสริญนรชนนั้นในโลกนี้นรชนนั้นละโลกนี้ไปแล้ว ย่อม บันเทิงในสรรค์ดังนี้ฯ อัคคัปปสาทสุตตคาถา เป็นคาถาที่พระสงฆ์ใช้สวดแสดงอานิสงส์แห่งธรรมอันเลิศ เพื่ออนุโมทนา เมื่อมีผู้มาทำบุญเป็นสังฆทาน ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญในโอกาสต่าง ๆ ทั่วไป บทสวด อัคคะโต เว ปะสันนานัง อัคคัง ธัมมัง วิชานะตัง, อัคเค พุทเธ ปะสันนานัง ทักขิเณยเย อะนุตตะเร. อัคเค ธัมเม ปะสันนานัง วิราคูปะสะเม สุเข, อัคเค สังเฆ ปะสันนานัง ปุญญักเขตเต อะนุตตะเร. อัคคัส๎มิง ทานัง ทะทะตัง อัคคัง ปุญญัง ปะวัฑฒะติ, อัคคัง อายุ จะ วัณโณ จะ ยะโส กิตติ สุขัง พะลัง.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๖๑ อัคคัสสะ ทาตา เมธาวี อัคคะธัมมะสะมาหิโต, เทวะภูโต มะนุสโส วา อัคคัปปัตโต ปะโมทะตีติ. คำแปล เมื่อบุคคลรู้จักธรรมอันเลิศ เลื่อมใสแล้วโดยความเป็นของเลิศ เลื่อมใสแล้ว ในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลอันเยี่ยมยอด เลื่อมใสแล้วในพระธรรม อันเลิศ ซึ่งเป็นธรรมปราศจากราคะ แลสงบระงับเป็นสุข เลื่อมใสแล้วในพระสงฆ์ผู้ เลิศ ผู้เป็นบุญเขตอย่างยอด ถวายทานในท่านผู้เลิศ บุญที่เลิศย่อมเจริญ อายุ วรรณะ ยศ เกียรติคุณ สุขะ แลพละที่เลิศก็ย่อมเจริญ ผู้มีปัญญาตั้งมั่นในธรรมอัน เลิศแล้ว ให้ทานแก่ท่านผู้เป็นบุญเขตอันเลิศ จะเป็นเทวดาหรือเป็นมนุษย์ก็ตาม ย่อมถึงความเป็นผู้เลิศบันเทิงอยู่ ดังนี้แล ฯ เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนาคาถา ใช้สวดอนุโมทนาในงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เปิดบริษัทใหม่ เปิดสถานที่ใหม่ เพื่อแสดงการให้ส่วนกุศลแก่เหล่าเทพารักษ์ และขอให้เทพารักษ์เหล่านั้นช่วย ปกป้องคุ้มครอง บทสวด ยัส๎มิง ปะเทเส กัปเปติ วาสัง ปัณฑิตะชาติโย, สีละวันเตตถะ โภเชต๎วา สัญญะเต พ îรัห๎มะจาริโน. ยา ตัตถะ เทวะตา อาสุง ตาสัง ทักขิณะมาทิเส, ตา ปูชิตา ปูชะยันติ มานิตา มานะยันติ นัง. ตะโต นัง อะนุกัมปันติ มาตา ปุตตัง วะ โอระสัง, เทวะตานุกัมปิโต โปโส สะทา ภัท๎รานิ ปัสสะติ.
๒๖๒ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา คำแปล บัณฑิตชาติอาศัยอยู่ในประเทศใด พึงเชิญเหล่าท่านผู้มีศีล สำรวมระวัง ประพฤติพรหมจรรย์เลี้ยงดูกันในที่นั้น เทวดาเหล่าใดอยู่ในที่นั้น ควรอุทิศทักษิณา ทานเพื่อเทวดาเหล่านั้นด้วย เทวดาที่เขาได้บูชาแล้วย่อมบูชาเขาบ้าง ที่เขาได้นับ ถือแล้วย่อมนับถือเขาบ้าง แต่นั้น เทวดาทั้งหลายย่อมอนุเคราะห์เขา ประหนึ่ง มารดาอนุเคราะห์บุตรผู้เป็นโอรส ฉะนั้น บุรุษอันเทวดาอนุเคราะห์แล้ว ย่อม ประสพความเจริญในกาลทุกเมื่อ ฯ เทวตาภิสัมมันตนคาถา คาถาบทนี้ ใช้สวดอนุโมทนาในงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เปิดบริษัทใหม่ เช่นเดียวกันกับบทเทวตาทิสสทักขิณานุโมทนาคาถา โดยพระสงฆ์จะสวด ต่อเนื่องกัน เพื่อเป็นการให้ส่วนกุศลแก่เหล่าเทพารักษ์ และขอให้เทพารักษ์ช่วย ปกป้องคุ้มครองดังกล่าวแล้ว บทสวด ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ, ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข, สัพเพ วะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ, อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง. สุภาสิตัง กิญจิปิ โว ภะเณมุ, ปุญเญ สะตุปปาทะกะรัง อะปาปัง, ธัมมูปะเทสัง อะนุการะกานัง, ตัส๎มา หิ ภูตานิ สะเมนตุ สัพเพ.
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๖๓ เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ, ภูเตสุ พาฬ๎หัง กะตะภัตติกายะ, ทิวา จะ รัตโต จะ หะรันติ เย พะลิง, ปัจโจปะการัง อะภิกังขะมานา. เต โข มะนุสสา ตะนุกานุภาวา, ภูตา วิเสเสนะ มะหิทธิกา จะ, อะทิสสะมานา มะนุเชหิ ญาตา, ตัส๎มา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตา. คำแปล ภูตเหล่าใดดำรงอยู่บนพื้นดินก็ดีภูตเหล่าใดสถิตอยู่ในอากาศก็ดีซึ่งมา ประชุมกันแล้ว ณ สถานที่นี้ขอหมู่ภูตเหล่านั้นทั้งหมดแล จงเป็นผู้มีจิตโสมนัส อนึ่ง จงฟังภาษิตโดยเคารพ เราจะกล่าวสุภาษิตแม้บางประการแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งไม่ เป็นบาป เป็นเครื่องเตือนสติในการทำบุญ เป็นอุบายเครื่องแนะนำอันชอบธรรม ของบุคคลผู้กระทำตามทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล ขอภูตทั้งปวงจงฟังเถิด ท่าน ทั้งหลายจงกระทำไมตรีจิตในหมู่สัตว์มนุษยชาติผู้ทำความภักดีมั่นในหมู่ภูต มนุษย์ ทั้งหลายเหล่าใด ย่อมนำกระทำพลีกรรมในกลางวันและกลางคืน มุ่งหวังอยู่ซึ่ง ความอุดหนุนตอบแทน มนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแล เป็นผู้มีอานุภาพน้อย ส่วนภูต ทั้งหลายเป็นผู้มีฤทธิ์มากโดยแปลกกัน เป็นพวกอทิสสมานกาย (ไม่ปรากฏกาย) ที่ มนุษย์ทั้งหลายรู้จัก เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทรักษามนุษย์ เหล่านั้นเถิด ฯ
๒๖๔ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา วิหารทานคาถา คาถาบทนี้ พระสงฆ์ใช้อนุโมทนาแก่เจ้าภาพที่ถวายเสนาสนะคือที่อยู่อาศัย เช่น ศาลา กุฏิ วิหาร เป็นต้น บทสวด สีตัง อุณ îหัง ปะฏิหันติ ตะโต วาฬะมิคานิจะ, สิริงสะเป จะ มะกะเส สิสิเร จาปิวุฏฐิโย. ตะโต วาตาตะโป โฆโร สัญชาโต ปะฏิหัญญะติ, เลณัตถัญจะ สุขัตถัญจะ ฌายิตุง จะ วิปัสสิตุง. วิหาระทานัง สังฆัสสะ อัคคัง พุทเธหิ วัณณิตัง, ตัส๎มา หิ ปัณฑิโต โปโส สัมปัสสัง อัตถะมัตตะโน. วิหาเร การะเย รัมเม วาสะเยตถะ พะหุสสุเต, เตสัง อันนัญจะ ปานัญจะ วัตถะเสนาสะนานิ จะ. ทะเทยยะ อุชุภูเตสุ วิปปะสันเนนะ เจตะสา, เต ตัสสะ ธัมมัง เทเสนติ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง, ยัง โส ธัมมะมิธัญญายะ ปะรินิพพาต๎ยะนาสะโวติ. คำแปล เสนาสนะทั้งหลายย่อมป้องกันความเย็น ความร้อน สัตว์ร้ายงู และยุงได้ ฝนที่ตั้งขึ้นในสิสิรฤดูลมและแดดอันกล้า เกิดขึ้นแล้วย่อมบรรเทาไป การถวาย วิหารแก่สงฆ์เพื่อเร้นอยู่ เพื่อความสุข เพื่อเพ่งพิจารณา และเพื่อเห็นแจ้ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ เพราะเหตุนั้นแล บุรุษบัณฑิตเมื่อเล็งเห็นประโยชน์ตน พึงสร้างวิหารอัน รื่นรมย์ให้ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นพหูสูตอยู่เถิด
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๖๕ อนึ่ง พึงถวายข้าว น้ำ ผ้า และเสนาสนะแก่ท่านเหล่านั้น ด้วยน้ำใจอัน เลื่อมใสในท่านผู้ซื่อตรง ท่านรู้ธรรมอันใดในโลกนี้แล้ว จะเป็นผู้ไม่มีอาสวะ ปรินิพพาน ท่านย่อมแสดงธรรมนั้นอันเป็นเครื่องบรรเทาทุกข์ทั้งปวงแก่เขา ดังนี้ฯ เกณิยานุโมทนาคาถา คาถาบทนี้ประธานสงฆ์กล่าวแต่ผู้เดียวในคราวรับผ้ากฐิน เป็นคาถาเชิญ ชวนสดับคาถาอานิสงส์แห่งการถวายทานตามกาลที่พระสงฆ์จะสวดต่อไป บทสวด อัคคิหุตตัง มุขา ยัญญา สาวิตติ ฉันทะโส มุขัง, ราชา มุขัง มะนุสสานัง นะทีนัง สาคะโร มุขัง. นักขัตตานัง มุขัง จันโท อาทิจโจ ตะปะตัง มุขัง, ปุญญะมากังขะมานานัง สังโฆ เว ยะชะตัง มุขัง. ภะณิสสามะ มะยัง คาถา กาละทานัปปะทีปิกา, เอตา สุณันตุ สักกัจจัง ทายะกา ปุญญะกามิโน. คำแปล ยัญทั้งหลายมีการบูชาไฟเป็นหัวหน้า สาวิตติฉันท์เป็นประมุขแห่ง ฉันทศาสตร์พระมหาราชเป็นประมุขแห่งมนุษย์นิกร สมุทรสาครเป็นประมุขแห่ง แม่น้ำทั้งปวง ดวงจันทร์เป็นประมุขแห่งดาวนักษัตรฤกษ์ดวงอาทิตย์เป็นประมุข แห่งของที่มีแสงร้อนทั้งหลาย ฉันใด หมู่สงฆ์แล ย่อมเป็นประมุขแห่งทายกทั้งหลาย ผู้หวังบุญบำเพ็ญทาน ฉันนั้น เราจักกล่าวคาถาแสดงอานิสงส์การให้ตามกาล ขอ ทายกทั้งหลายผู้ต้องการบุญ จงตั้งใจฟังคาถาเหล่านี้เถิด ฯ
๒๖๖ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา กาลทานสุตตคาถา เป็นคาถาที่พระสงฆ์ใช้สวดอนุโมทนาในงานถวายทานตามกาล เช่น คราว ถวายผ้ากฐิน ผ้าอาบน้ำฝน เป็นต้น บทสวด กาเล ทะทันติ สะปัญญา วะทัญญู วีตะมัจฉะรา, กาเลนะ ทินนัง อะริเยสุ อุชุภูเตสุ ตาทิสุ. วิปปะสันนะมะนา ตัสสะ วิปุลา โหติ ทักขิณา, เย ตัตถะ อะนุโมทันติ เวยยาวัจจัง กะโรนติ วา. นะ เตนะ ทักขิณา โอนา เตปิปุญญัสสะ ภาคิโน, ตัส๎มา ทะเท อัปปะฏิวานะจิตโต ยัตถะ ทินนัง มะหัปผะลัง, ปุญญานิ ปะระโลกัส๎มิง ปะติฏฐา โหนติ ปาณินันติ. คำแปล ทายกทั้งหลายเหล่าใด เป็นผู้มีปัญญา มีปรกติรู้จักคำพูด ปราศจากความ ตระหนี่ มีใจเลื่อมใสแล้วในพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ตรงคงที่ บริจาคทานทำ ให้เป็นของที่ตนถวายโดยกาลนิยมในกาลสมัย ทักษิณาของทายกนั้น เป็นคุณสมบัติ มีผลไพบูลย์ชนทั้งหลายเหล่าใด อนุโมทนาหรือช่วยกระทำการขวนขวายในทาน นั้น ทักษิณาทานของเขามิได้บกพร่องไปด้วยเหตุนั้น ชนทั้งหลายแม้เหล่านั้น ย่อม เป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนั้นด้วย เหตุนั้น ทายกควรเป็นผู้มีจิตไม่ท้อถอย ให้ในที่ใดมีผล มากควรให้ในที่นั้น บุญย่อมเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า ฉะนี้ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๖๗ ติโรกุฑฑกัณฑสุตตคาถา (ย่อ) คาถาบทนี้ ใช้สวดอนุโทนาในงานที่เกี่ยวเนื่องด้วยศพ หรือสังฆทานอุทิศ โดยมากมักย่อเอาตรง “อะยัญจะ โข” บทสวด อะทาสิ เม อะกาสิ เม ญาติมิตตา สะขา จะ เม, เปตานัง ทักขิณัง ทัชชา ปุพเพ กะตะมะนุสสะรัง. นะ หิ รุณณัง วา โสโก วา ยา วัญญา ปะริเทวะนา, นะ ตัง เปตานะมัตถายะ เอวัง ติฏฐันติ ญาตะโย. อะยัญจะ โข ทักขิณา ทินนา สังฆัมหิสุปะติฏฐิตา, ทีฆะรัตตัง หิตายัสสะ ฐานะโส อุปะกัปปะติ. โส ญาติธัมโม จะ อะยัง นิทัสสิโต, เปตานะ ปูชา จะ กะตา อุฬารา, พะลัญจะ ภิกขูนะมะนุปปะทินนัง, ตุม îเหหิ ปุญญัง ปะสุตัง อะนัปปะกันติ. คำแปล บุคคลเมื่อหวนระลึกถึงอุปการะอันท่านได้ทำแก่ตนในกาลก่อนว่า ผู้นี้ได้ให้ สิ่งนี้แก่เรา ผู้นี้ได้ทำกิจนี้ของเรา ผู้นี้เป็นญาติ เป็นมิตร เป็นเพื่อนของเรา ดังนี้ก็ ควรให้ทักษิณาทานเพื่อท่านผู้ล่วงลับไปแล้ว การร้องไห้ก็ดี การเศร้าโศกก็ดี หรือ การร่ำไรรำพันอย่างอื่นก็ดีบุคคลไม่ควรทำทีเดียว เพราะการร้องไห้เป็นต้นนั้น ไม่ เป็นประโยชน์แก่ญาติทั้งหลายผู้ล่วงลับไปแล้ว ญาติทั้งหลายย่อมคงอยู่อย่างนั้น ก็ ทักษิณานุปทานนี้แลอันท่านให้แล้ว ประดิษฐานไว้ดีแล้วในสงฆ์ย่อมสำเร็จ ประโยชน์เกื้อกูลแก่ท่านผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น ตลอดกาลนานตามฐานะ ญาติธรรมนี้ นั้นท่านได้แสดงให้ปรากฏแล้ว และบูชาอันยิ่งท่านก็ได้ทำแล้วแก่ญาติทั้งหลายผู้
๒๖๘ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา ล่วงลับไปแล้ว กำลังแห่งภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าท่านได้เพิ่มให้แล้วด้วย บุญมิใช่น้อย ท่านได้ขวนขวายแล้ว ดังนี้แล ฯ สัพพมังคลคาถา เป็นคาถาที่พระสงฆ์ใช้สวดเป็นลำดับท้ายสุด เมื่อมีการอนุโมทนาให้พร โดย การสวดอ้างเอาอานุภาพของพระรัตนตรัยให้ช่วยคุ้มครอง ให้เทวดาปกปักรักษา มี ความสุขสวัสดีมีมงคลตลอดกาล บทสวด ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุสัพพะเทวะตา, สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต. ภะวะตุสัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา, สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถีภะวันตุ เต. ภะวะตุสัพพะ มังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะ ตา, สัพพะ สังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถีภะวันตุ เต. คำแปล ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน ขอเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน ด้วยอานุภาพแห่ง พระพุทธเจ้าทั้งปวง ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน ขอเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง ขอความสวัสดีจง มีแก่ท่านทุกเมื่อ ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน ขอเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน ด้วย อานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ฯ
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร : ๒๖๙ ศาสนพิธี การสมาทานรักษาศีล ๕ คำอาราธนาศีล ๕ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ. คำอาราธนาศีล ๕ อีกแบบหนึ่ง มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. คำสมาทานศีล ๕ นมัสการ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. (๓ หน) สรณคมน์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
๒๗๐ : หนังสือสวดมนต์ศาลาพระราชศรัทธา สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ. ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ. ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ. สิกขาบท ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ, สีเลนะ สุคะติง ยันติ, สีเลนะ โภคะสัมปะทา, สีเลน นิพพุติง ยันติ, ตัส๎มา สีลัง วิโสธะเย.