๒) วิเคราะห์สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ วิสัยทัศน์
ของสถานศกึ ษา และวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เรยี นเปน็ รายบคุ คล
๓) กาหนดสัดส่วนของกิจกรรมแนะแนวให้ครอบคลุมด้านการศึกษา ด้าน
อาชีพ ด้านส่วนตัวและสังคม โดยยึดสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของ
ผู้เรียนและเป้าหมายของสถานศกึ ษา โดยครผู ู้ปกครอง และผู้เรยี นมีสว่ นร่วม
๔) กาหนดวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมแนะแนวของสถานศึกษา เป็นระดับ
การศึกษาและช้ันปี
๕) ออกแบบการจัดกิจกรรมแนะแนว ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ การจัด
กจิ กรรม เวลาจดั กิจกรรม หลกั ฐานการทากิจกรรม และการประเมินผล
๖) จัดทาแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวรายชั่วโมง ประกอบด้วย ช่ือกิจกรรม
จดุ ประสงค์ เวลา เนื้อหา/สาระ วิธดี าเนนิ กิจกรรม สอ่ื /อปุ กรณ์ และการประเมนิ ผล
๗) จัดกิจกรรมแนะแนวตามแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวและประเมินผลการ
จัดกิจกรรม
๘) ประเมินเพอื่ ตดั สนิ ผล และสรุปรายงาน
คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น กิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เวลา ๒๐ ชั่วโมง/ปี
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี ๑ - ๓
คาอธบิ ายรายวชิ า
ร้จู ักและเข้าใจ ตนเอง ทั้งในดา้ นความถนัด ความสนใจ ความสามารถ จุดเด่น จดุ ด้อย นิสัย
อารมณ์ ความภูมใิ จ และเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผอู้ ืน่ เข้าใจ ยอมรับตนเองและผู้อ่ืน มีวุฒิภาวะทาง
อารมณ์ แสดงออกอย่างเหมาะสม มีสามารถในการส่ือความรู้สึกและความต้องการของตนเองให้
ผู้อื่นรับรู้ เป็นผู้ให้และผู้รับที่ดีมีมนุษย์สัมพันธ์ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืน และดารงชีวิตอยู่ในสังคม
ได้อย่างมีความสุข
รู้จักแสวงหาความรู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้เป็นคนดีมีความรู้และทักษะทางวิชาการ มีทักษะการคิด
มีความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหาง่าย ๆ ของตนเอง คิดเป็น ทาเป็น มีคุณธรรม
จริยธรรม
ผลการเรียนรู้
๑. เพื่อใหผ้ ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ ร้จู ัก เข้าใจ รัก และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผู้อนื่
๒. เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนรู้จกั แสวงหาความร้ใู ฝร่ ใู้ ฝ่เรยี น
๓. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
อยา่ งเหมาะสม
๔. เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นตดั สนิ ใจ และแกป้ ญั หาง่ายๆของตนเอง
รวม ๔ ผลการเรยี นรู้
คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น กิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น เวลา ๒๐ ช่ัวโมง/ปี
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี ๔ - ๖
คาอธิบายรายวิชา
ศกึ ษาเรียนรู้ ฝึกทกั ษะ การรับรู้ความต้องการและความรู้สึกของตนเอง การพัฒนาจุดเด่น
และปรับปรุงจุดด้อยของตนเอง รู้และเข้าใจความสนใจความถนัด ความสามารถด้านการเรียนและ
การงาน รู้จักสร้าง ความภูมิใจในตนเองและช่ืนชมผู้อื่น การเข้าใจและยอมรับความต้องการและ
ความรู้สึกของตนเอง การสื่อสาร ความคิดความรู้สึกให้ผู้อื่นเข้าใจ การควบคุมอารมณ์และ
แสดงออกได้เหมาะสมกับวัย และสถานการณ์ ความสามารถในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของ
ตนเอง และร่วมตัดสินใจแก้ไขปัญหาท่ีซับซ้อน และการปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว
โรงเรียน และชุมชน เพื่อให้รู้จักรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่านิยม วินัย คุณธรรม
จริยธรรม จิตสานึก รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศไทย การทางานและอยู่
ร่วมกับผ้อู นื่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ และมเี จตคติทีด่ ตี อ่ อาชีพสจุ ริต
รูจ้ กั แสวงหา เลอื กและใชข้ ้อมูลสารสนเทศทหี่ ลากหลายให้เปน็ ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั
ผลการเรยี นรู้
๑. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนัดและความตอ้ งการของตนเอง
๒. มีความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ ทั้งทาง
วิชาการและวิชาชีพตามศกั ยภาพ
๓. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนตดั สินใจ แก้ไขปญั หาทซ่ี ับซอ้ นได้ถกู ตอ้ ง
๔. มงุ่ มน่ั ในการทางานและทางานรว่ มกบั ผูอ้ ื่นได้ตามวิถีประชาธิปไตย
๕. เพื่อใหอ้ ย่รู ่วมกบั ผู้อน่ื ในสงั คมได้อย่างมีความสุข
รวม ๔ ผลการเรยี นรู้
คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี ๑ - ๓ เวลา ๒๐ ชัว่ โมง/ปี
คาอธบิ ายรายวชิ า
ฝกึ ปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสมัครใจผ่านกจิ กรรมท่ีหลากหลาย ฝกึ การทางานท่ีสอดคล้อง
กับชีวิตจริง ทาตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม เสริมสร้างความมีน้าใจ เอื้ออาทร ความ
เป็นพลเมืองดีและความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและโรงเรียน คิดออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญ
ประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร จติ อาสา
ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์และ สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพ่ือต่อครอบครัว
โรงเรียน และบาเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและความสนใจในลักษณะ
อาสาสมคั ร มีจิตสาธารณะและใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
๑. บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรยี น
๒. ออกแบบการจดั กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ตามความถนัด
และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร
๓. ปฏบิ ตั กิ ิจการเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชนจ์ นเกดิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมตามคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
รวม ๓ ผลการเรยี นรู้
คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์
ช้นั ประถมศึกษาปีที ๔ - ๖ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง/ปี
คาอธบิ ายรายวิชา
ฝึกปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสมัครใจผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ฝึกการทางานท่ีสอดคล้อง
กับชีวิตจริง ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใช้ข้อมูลประกอบการ
วางแผนอย่างเป็นระบบ เนน้ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ และใชค้ วามคิดสรา้ งสรรค์ การบริการดา้ นตา่ งๆ
ท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม เสริมสร้างความมีน้าใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและ
ความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม คิดออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในลักษณะ
อาสาสมคั ร จิตอาสา เพ่ือแสดงความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมตามแนวทางวถิ ชี ีวิตเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
สามารถออกแบบการจดั กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนดั และ
ความสนใจ มีจิตสาธารณะและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สนใจในลักษณะอาสาสมัคร พัฒนา
ศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพ่ือสังคม
และสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ
และใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ และสามารถประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้
ผลการเรยี นรู้
๑. บาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ครอบครัว โรงเรียน ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ
๒.ออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ตามความถนัด
และความสนใจในลักษณะอาสาสมคั ร
๓. สามารถพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
๔. ปฏบิ ัตกิ ิจการเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนจ์ นเกดิ คุณธรรม จรยิ ธรรมตามคุณลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์
รวม ๔ ผลการเรียนรู้
๑๒.กจิ กรรมนักเรียน
กรอบและแนวการจัดกจิ กรรมนกั เรียน
หลักการ
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช
๒๖๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐)กาหนดให้กิจกรรมนักเรียนเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เข้าร่วม
กิจกรรมตามความถนัดและความสนใจ โดยเน้นเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความมีระเบียบวินัย การไม่
เห็นแก่ตัว ความเป็นผู้นาผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การ
ตดั สนิ ใจ ความมีเหตุผลการชว่ ยเหลือแบง่ ปันกนั และความเอ้อื อาทรและสมานฉนั ท์
การจัดกจิ กรรมนักเรยี นควรดาเนนิ การ ดังนี้
๑) จดั ให้สอดคลอ้ งกบั ความสามารถและความสนใจของผู้เรยี น
๒) เน้นใหผ้ ้เู รยี นได้ปฏิบตั ดิ ้วยตนเองในทุกขั้นตอน
๓) เน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้อง
กบั วฒุ ิภาวะของผู้เรยี น ตลอดจนบริบทของสถานศกึ ษาและท้องถิน่
วัตถุประสงค์
๑) เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีระเบียบวินัย มีความเป็นผู้นาผู้ตามที่ดี และ
มีความรบั ผิดชอบ
๒) เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการทางานร่วมกัน รู้จักการแก้ปัญหา
มเี หตุผล มกี ารตัดสินใจท่เี หมาะสม ช่วยเหลือแบ่งปัน และเอ้อื อาทรและสมานฉนั ท์
๓) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนมีคุณธรรมจริยธรรม และคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
๔) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความถนัด
และความสนใจ
ขอบขา่ ยของการจัดกิจกรรมนกั เรยี น
กิจกรรมนักเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย
พทุ ธศักราช ๒๖๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) ประกอบด้วย
๑) กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี
กรอบและแนวการจัดกิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี
กระบวนการลูกเสือ คือ กระบวนการพัฒนาเยาวชน มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรม
ให้การ ศึกษาและพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองดี โดยไม่คานึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ทั้งนี้เป็นไปตาม
ความมุ่งประสงค์หลักการ และวิธีการ ซ่ึงลูกเสือโลกได้กาหนดไว้ปัจจุบันกระบวนการลูกเสือถือเป็น
กระบวน การทางการศึกษาส่วนหน่ึง ซึ่งมุ่งพัฒนาสมรรถภาพของบุคคลทั้งทางสมอง ร่างกาย จิตใจ
และศีลธรรม เพื่อให้เป็นบุคคลท่ีมีความประพฤติดีงาม ไม่กระทาตนให้เป็นปัญหาต่อสังคม และ
ดารงชวี ิตอยา่ งมีความหมายและสุขสบาย
หลกั การ กระบวนการลูกเสอื มหี ลกั การสาคญั ดงั น้ี
๑) มีศาสนาเป็นหลักยึดทางจิตใจ จงรักภกั ดตี ่อศาสนาท่ีตนเคารพนับ
ถอื และพงึ ปฏบิ ตั ศิ าสนกิจดว้ ยความจริงใจ
๒) จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และประเทศชาติของตน พร้อมด้วย
การส่งเสริมและสนับสนุนสันติสุขและสันติภาพ ความเข้าใจท่ีดีซ่ึงกันและกัน และความร่วมมือซ่ึงกัน
และกันต้งั แต่ระดบั ทอ้ งถน่ิ ระดบั ชาติ และระดับนานาชาติ
๓) เข้าร่วมพัฒนาสังคม ยอมรับและให้ความเคารพในเกียรติและ
ศักดศิ์ รีของผู้อนื่ และเพ่อื นมนุษย์ทุกคน รวมทัง้ ธรรมชาตแิ ละสรรพสงิ่ ทง้ั หลายในโลก
๔) มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ การพฒั นาตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง
๕) ลกู เสือทุกคนต้องยึดมัน่ ในคาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ
วัตถปุ ระสงค์
พระราชบัญญัติลูกเสอื พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘ ได้กาหนดวัตถุประสงค์ของ
การฝึกอบรมลูกเสือเพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดีมี
ความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสามัคคีและมีความเจริญก้าวหน้า ท้ังนี้เพื่อ
ความสงบสขุ และความมั่นคงของประเทศชาติตามแนวทางดงั ต่อไปนี้
๑) ให้มีนสิ ัยในการสังเกต จดจา เช่อื ฟงั และพึง่ ตนเอง
๒) ให้มีความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ มีระเบยี บวินัย และเหน็ อกเห็นใจผอู้ น่ื
๓) ให้รู้จักบาเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์
๔) ใหร้ ูจ้ ักทาการฝีมอื และฝกึ ฝนการทากิจกรรมตา่ งๆ ตามความเหมาะสม
๕) ให้รู้จักรักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความม่ันคงของ
ประเทศชาติ
แนวการจัดกจิ กรรม
การจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดกิจกรรมตามวิธีการ
ลกู เสือ (Scout Method) ซ่งึ มีองคป์ ระกอบ ๗ ประการ คอื
๑) คาปฏิญาณและกฎ ถือเป็นหลักเกณฑท์ ี่ลูกเสือทุกคนให้คาม่ันสัญญา ว่าจะ
ปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้ลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบัติ ไม่ได้ “ห้าม” ทา หรือ
“บังคับ” ให้ทา แต่ถ้า “ทา” ก็จะทาให้เกดิ ผลดีแก่ตัวเอง เป็นคนดี ไดร้ ับการยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติ
เช่ือถือได้ ฯลฯ
๒) เรียนรู้จากการกระทา เป็นการพัฒนาส่วนบคุ คล ความสาเร็จหรอื ไม่สาเร็จ
ของผลงานอยทู่ ่กี ารกระทาของตนเอง ทาใหม้ ีความรทู้ ี่ชดั เจน และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตวั เอง
ไดแ้ ละทา้ ทายความสามารถของตนเอง
๓) ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือ เป็นพ้ืนฐานในการอยู่
ร่วมกันการยอมรับซ่ึงกันและกัน การแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ การช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน ซึ่งเป็น
การเรยี นรู้ การใช้ประชาธิปไตยเบ้อื งตน้
๔) การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ฝึกให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นสมาชิก
ลูกเสือเนตรนารี ด้วยการใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ได้แก่ เคร่ืองแบบ เคร่ืองหมาย การทาความเคารพ
รหัสคาปฏิญาณ กฎ คติพจน์ คาขวัญ ธง เป็นตน้ วิธีการนี้จะช่วยให้ผู้เรียนตระหนักและภาคภูมิใจใน
การเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือโลก ซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั่วโลกและเป็นองค์กรที่มีจานวนสมาชิกมาก
ท่สี ุดในโลก
๕) การศึกษาธรรมชาติคอื ส่ิงสาคญั อันดบั หนง่ึ ในกิจกรรมลูกเสือ ธรรมชาตอิ ัน
โปร่งใสตามชนบท และพุ่มไม้ เป็นท่ีปรารถนาอย่างย่ิงในการไปทากิจกรรมกับธรรมชาติ การปีนเขา
ตัง้ คา่ ยพักแรมในสุดสัปดาห์หรอื ตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรมตามกฎระเบียบ เป็นทเี่ สน่หาแก่เด็ก
ทุกคน ถา้ ขาดส่งิ นแ้ี ล้ว ก็ไมเ่ รียกวา่ ใช้ชวี ติ แบบลกู เสือ
๖) ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมตา่ ง ๆ ที่จัดใหเ้ ด็กทาต้องให้
มีความ ก้าวหน้าและดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตือรือร้นอยากที่จะทา และวัตถุประสงค์ในการจัด
แต่ละอย่างให้สัมพันธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเล่นที่สนุกสนานการแข่งขัน
กนั กเ็ ป็นสง่ิ ดึงดูดใจและเป็นการจงู ใจที่ดี
๗) การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ช้ีแนะหนทางท่ีถูกต้องให้แก่เด็ก
เพ่ือให้เขาเกิดความมั่นใจในการท่ีจะตัดสินใจกระทาสิ่งใดลงไป ท้ังคู่มีความต้องการซ่ึงกันและกันเด็ก
ก็ต้องการให้ผู้ใหญ่ช่วยช้ีนา ผู้ใหญ่เองก็ต้องการนาพาให้ไปสู่หนทางท่ีดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่าง
ถูกตอ้ งและดที ส่ี ุด จงึ เป็นการร่วมมือกนั ท้งั สองฝ่าย
ขอบข่ายของกิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี
กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี เป็นกิจกรรมที่มุ่งปลูกฝังระเบียบวินัยและ
กฎเกณฑ์ เพ่ือการอยู่ร่วมกัน ให้ร้จู ักการเสียสละและบาเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและวิถีชีวิตในระบอบ
ประชาธิปไตย ซ่ึงการจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียง
ไชย พุทธศกั ราช๒๕๖๑ ให้เป็นไปตามข้อบังคบั ของสานักงานลูกเสือแหง่ ชาติ รวมท้ังให้สอดคล้องกับ
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ ๒๕๖๐)
โดยกาหนดหลกั สูตรเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี
๑. ลกู เสอื สารอง ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓
๒. ลกู เสือสามัญ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ – ๖
โครงสรา้ งการจดั กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๖๑ ได้กาหนดโครงสร้าง
การจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ตามข้อบังคับของสานักงานลูกเสือแห่งชาติ และตามหลักสูตร
แกนกลางสถานศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง ๒๕๖๐) เป็น ๓ ประเภท ดงั น้ี
ลกู เสือสารอง ลกู เสือสามัญ
( ชั้น ป.๑ – ๓ ) ( ช้ัน ป.๔ – ๖ )
ชั้นปีท่ี ๑ ชั้นปีท่ี ๔
เตรียมลกู เสือสารองและดวงดาว ดวงที่ ๑ เครอ่ื งหมายลกู เสอื ตรี
ชน้ั ปที ี่ ๒ ชั้นปีที่ ๕
ดวงดาวดวงท่ี ๒ และวิชาพิเศษ เคร่ืองหมายลกู เสอื โท และวิชาพิเศษ
ชน้ั ปีท่ี ๓ ชัน้ ปีที่ ๖
ดวงดาวดวงท่ี ๓ และวชิ าพิเศษ เครอื่ งหมายลูกเสอื เอก และวิชาพิเศษ
เวลาในการจดั กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี
การจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียง-
ไชย พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ ในแตล่ ะระดบั ชัน้ โรงเรยี นไดจ้ ัดเวลาไว้ ดงั น้ี
ระดับ / ช้นั ประเภท เวลาเรียน / สัปดาห์ เวลาเรียน / ปี
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ลกู เสอื สารอง ๑ ชั่วโมง / สัปดาห์ ๔๐ ชัว่ โมง / ปี
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ลกู เสือสารอง ๑ ช่ัวโมง / สปั ดาห์ ๔๐ ชว่ั โมง / ปี
ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ลกู เสอื สารอง ๑ ชั่วโมง / สัปดาห์ ๔๐ ชว่ั โมง / ปี
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ลูกเสือสามญั ๑ ชัว่ โมง / สัปดาห์ ๔๐ ชวั่ โมง / ปี
ประถมศึกษาปีท่ี ๕ ลกู เสอื สามัญ ๑ ชวั่ โมง / สัปดาห์ ๔๐ ชั่วโมง / ปี
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ลกู เสอื สามญั ๑ ชั่วโมง / สปั ดาห์ ๔๐ ช่ัวโมง / ปี
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ กิจกรรมลูกเสือสารอง ดาวดวงท่ี๑
เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ปี
คาอธิบายรายวชิ า
มีความรู้ ความเข้าใจเรื่อง เรื่องประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือสารอง ประโยชน์ของการเป็น
ลูกเสือสารอง ใช้เครื่องแบบและเคร่ืองหมายการแต่งกายลูกเสือสารอง นิทานเรื่องเมาคลีอย่างย่อ
ระเบียบแถวท่าพัก รูปแถวต่าง ๆ การทาความเคารพรายบุคคลและเป็นหมู่ ประวัติการจับมือซ้าย
คาปฏิญาณ กฎ คติพจน์ ของลูกเสือสารอง การรักษาความสะอาดฟัน มือ เท้า และเล็บ การ
หายใจอย่างถูกวิธี การปฐมพยาบาลแผลขนาดเล็ก การขว้างและรับลูกบอล การม้วนหน้า การ
กระโดดกบ การปีนต้นไม้ การไต่เชือก การสารวจและการเยือนสถานที่ใกล้เคียง การขอความ
ชว่ ยเหลือการเรยี นรู้ธรรมชาติของชีวิตสัตว์ สาเหตขุ องการเกิดอุบัติเหตุ อันตรายที่เกิดจากไฟ และ
วิธปี อ้ งกนั ความปลอดภัยในการเดนิ ถนน และข้ามถนน การเกบ็ รักษาเส้อื ผา้ รองเท้า การจัดและ
เก็บท่ีนอน การต้มน้าร้อน และการทาความสะอาดเคร่ืองใช้ พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หวั พระราชกรณียกิจ ที่เก่ียวกับกิจการลูกเสือ เพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี ธงชาติ
ไทย ธงลูกเสือโลก ธงชาติอังกฤษ ธงชาติฟิลิปปินส์ การประดิษฐ์ส่ิงของจากเศษวัสดุ การเดิน
สะกดรอย การแสดงเงยี บ การผูกเง่ือนพิรอด เงื่อนขัดสมาธิและประโยชน์ของเงอ่ื น การเก็บเชือก
การปฏบิ ัติตนตามคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสือสารอง
มีทักษะในการสังเกต จดจา การใช้มือ เครื่องมือการแก้ปัญหาและทักษะในการทางาน
ร่วมกับผู้อื่น มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย มีความสามัคคี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความ
เสียสละ บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ มีการพัฒนาตนเองอยเู่ สมอ สร้างสรรค์งานฝมี ือ สนใจ
และพฒั นาเรอื่ งของธรรมชาติ
เพ่ือให้ผู้เรียนมีพัฒนาทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความ
รับผิดชอบช่วยสร้างสรรค์สังคม ให้มีความเจริญก้าวหน้า ความสงบสุขและความม่ันคงของ
ประเทศชาติ จึงตอ้ งปลกู ฝังให้ผูเ้ รยี นตระหนกั และเหน็ คณุ ค่า
ผลการเรียนรู้
๑. นกั เรียนสามารถเล่าประวัติ บอกประโยชน์ ลักษณะการแตง่ กายของลูกเสอื สารองได้
๒. นักเรียนสามารถเล่านทิ าน เรือ่ งเมาคลีอย่างย่อและเขา้ ใจตอบคาถามได้
๓. นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บแถว รูปแบบต่างๆ การทาความเคารพรายบคุ คล
รายกล่มุ ได้
๔. นกั เรียนสามารถเลา่ ประวัตกิ ารจับมือซ้ายได้
๕. นักเรียนสามารถกล่าวคติพจนข์ องลกู เสอื สารองได้
๖. นกั เรยี นสามารถบอกวิธกี ารรักษาสุขอนามยั ได้
๗. นกั เรียนสามารถใชท้ กั ษะ ในการสารวจ กิจกรรมจับลูกบอล กระโดดกบ ไตเ่ ชือก ค้นหา
ธรรมชาตติ ามความสนใจ
๘. นกั เรียนสามารถบอกสาเหตุของการเกิดอบุ ัตเิ หตุ การติดตามชว่ ยเหลอื อันตรายท่เี กิด
จากไฟ และวิธปี อ้ งกันได้
๙. นักเรียนสามารถบอกเล่าประวตั ขิ อง พระราชกรณียกิจเกยี่ วกับลูกเสอื ได้
๑๐. นกั เรียนสามารถบอกลักษณะของธงชาติไทย ธงชาติลกู เสอื โลก ธงชาติองั กฤษ ธง
ชาติฟลิ ปิ ปินส์ได้
๑๑. นักเรยี นสามารถประดิษฐ์สง่ิ ของจากเศษวสั ดตุ ามความสนใจได้
๑๒. นกั เรียนสามารถรว่ มกิจกรรมแสดงเงยี บได้
๑๓. นกั เรยี นสามารถบอกวิธกี ารเก็บเสื้อผา้ รองเท้า การเกบ็ ที่นอน การทาความสระอาด
เคร่อื งใช้
รวม ๑๓ ผลการเรียนรู้
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๒ กิจกรรมลกู เสือสารอง ดาวดวงที่ ๒
เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ปี
คาอธบิ ายรายวิชา
มคี วามรู้ ความเข้าใจและสามารถปฏิบัติในเร่ืองของ ความสาคญั ของการนอนหลับ การปฐม
พยาบาลเมื่อมีเลือดกาเดาออก การว่ายน้า การกระโดดเชือก การเดินทรงตัว การม้วนตัว การขึ้น
บันได การเลี้ยงลูกบอล การสารวจและการเยือนสถานท่ีการเพาะเมล็ดพันธ์ุพืช การเรียนรู้พืชที่เป็น
อาหารของสัตว์ สาเหตุที่ทาให้เกิดอุบัติเหตุ ทางน้า การปฏิบัติตนในการเดินทางทางน้า การบริการ
เก่ียวกับเหตุฉุกเฉิน การชักธงชาติ การเก็บรักษาธงชาติ ธงคณะลูกเสือโลก ธงชาติญ่ีปุ่น มาเลเซีย
สิงคโปร์ และอินโดนเี ซีย การทาวา่ ว การพับกระดาษ การทาไม้สงู สาหรับเดนิ การทานาฬิกาแดด การ
ทาเข็มทิศจาลอง การก่อไฟ การปรุงอาหาร การดับไฟและการทาความสะอาดสถานที่ การแสดงกล
การเล่านิทาน การร้องเพลง การเล่นดนตรี การม้วนตัวท่าต่าง ๆ การผูกเง่ือนบ่วงสายธนูและเง่ือน
กระหวัดไม้และประโยชน์ของเง่ือน การเก็บเชือก การปฏิบัติตน ตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ
สารอง
มีทักษะในการสังเกต จดจา การใช้มือ เครื่องมือ การแก้ปัญหา และทักษะในการทางาน
ร่วมกบั ผู้อน่ื มคี วามซือ่ สัตย์ สุจรติ มีระเบยี บ วินยั มีความสามัคคี เห็นอกเห็นใจผู้อ่นื มีความเสยี สละ
บาเพ็ญตนเพ่อื สาธารณประโยชน์
มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ สร้างสรรค์งานฝีมือ สนใจและพัฒนาเรื่องของธรรมชาติ เพ่ือ
พัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความ รับผิดชอบ ช่วย
สร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า เพ่ือความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ จึงต้อง
ปลูกฝังใหม้ คี ุณลกั ษณะดังที่กลา่ วมาแล้ว
ผลการเรียนรู้
๑. ผเู้ รยี นมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถปฏิบัติในเร่อื งของ ความสาคัญของการนอนหลบั
การปฐมพยาบาล
๒. ผเู้ รยี นสามารถปฏิบัตติ น ตามคาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือสารองได้
๓. ผู้เรยี นสามารถเพาะเมลด็ พนั ธพ์ุ ชื และเรียนรู้พืชที่เปน็ อาหารของสตั ว์
๔. ผเู้ รยี นสามารถบอกสาเหตุที่ทาใหเ้ กดิ อบุ ัติเหตุ ทางน้า การปฏิบัติตนในการเดินทางทาง
น้า การบริการเกี่ยวกบั เหตฉุ ุกเฉนิ ได้
๕. สามารถบอกวธิ กี ารชักธงชาติ การเก็บรักษาธงชาติ ธงคณะลูกเสือโลก ธงชาตญิ ่ีปนุ่
มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนเี ซยี
๖. ผูเ้ รยี นมที กั ษะในการสงั เกต จดจา การใชม้ อื เครื่องมอื การแกป้ ัญหา และทักษะในการ
ทางานร่วมกบั ผู้อื่นได้
๗. ผเู้ รียนมคี วามซอื่ สตั ย์ สจุ รติ มรี ะเบยี บ วนิ ัย มีความสามัคคี เห็นอกเห็นใจผู้อืน่ มีความ
เสียสละ บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์
๘. มกี ารพัฒนาตนเองอยู่เสมอ สร้างสรรคง์ านฝีมือ สนใจและพัฒนาเรื่องของธรรมชาติ
๙. ผเู้ รยี นสามารถว่ายน้า กระโดดเชือก เดนิ ทรงตวั ม้วนตัว ขน้ึ บนั ได เลยี้ งลกู บอลการทา
วา่ ว การพับกระดาษ การทาไมส้ งู สาหรับเดิน การทานาฬกิ าแดด การทาเข็มทิศจาลอง การกอ่ ไฟ
การปรงุ อาหาร ได้
รวม ๙ ผลการเรียนรู้
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๓ กจิ กรรมลกู เสือสารอง ดวงดาวที่ ๓
เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ปี
คาอธบิ ายรายวิชา
มีความรู้ ความเข้าใจและสามารถปฏิบตั ิในเร่ืองของ การจัดทาถุงหรอื ที่เก็บอปุ กรณ์ปฐม
พยาบาล การขอความช่วยเหลือเม่ือมีอุบัติเหตุ การปฐมพยาบาลเมื่อถูกแมลงกัดต่อย เมื่อถูก
ไฟไหม้หรือน้าร้อนลวก การวิ่ง การกระโดดเชือก การขว้างลูกบอล การกระโดดข้ามเคร่ืองกีดขวาง
การนับเวลาตามเข็มนาฬกิ า การวางแผนการเดนิ ทาง การเรียนรสู้ ภาพดินฟา้ อากาศ การจัดทาสมุด
ภาพ หรือสะสมเก่ียวกับแมลง หรือสิ่งมีชีวิตในสระน้า การปฏิบัติตามกฎจราจร การเรียนรู้ความ
ปลอดภัยในบ้าน การวางแผนและดาเนินการให้บริการแก่ผู้อ่ืน ธงลูกเสือประจาจังหวัด ธงคณะ
ลกู เสือแห่งชาติ ธงประเทศต่าง ๆ การประดิษฐ์สิ่งของจากเศษวัสดุ วิธีใช้และเก็บรักษาเคร่ืองมือ ทิศ
เข็มทิศ การหาระยะทาง การแสดงละคร การร้องเพลงหรือฟ้อนรา การทาหุ่นและเชิดหุ่น การผูก
เง่ือนบ่วงสายธนู และเง่ือนกระหวัดไม้ 2 ชั้น การขดเชือกหรือสายยาง การท่องการบอก
ความหมายและการปฏบิ ตั ิตามคาปฏญิ าณและ กฎของลกู เสือสารองมีทักษะในการสังเกตจดจาการใช้
มอื เครอ่ื งมือการแก้ปัญหาและทักษะในการทางานร่วมกับผู้อ่ืน
มคี วามซ่ือสัตย์ สุจริต มีระเบียบ วินัย มีความสามัคคี เห็นอกเห็นใจผูอ้ ่ืน มีความเสียสละ
บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ สร้างสรรค์งานฝีมือ สนใจและพัฒนา
เรื่องของธรรมชาติ เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นมีพฒั นา ทางกาย สติปัญญา จติ ใจและศลี ธรรม ใหเ้ ป็นพลเมอื งดี
มีความรับผิดชอบ ช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า ความสงบสุขและความมั่นคงของ
ประเทศชาติ จึงตอ้ งปลูกฝงั ใหม้ ีคณุ ลกั ษณะดงั ท่ีกลา่ วมาแล้ว
ผลการเรียนรู้
๑. ผเู้ รียนสามารถจดั ทาถุงหรือท่เี ก็บอปุ กรณแ์ ละสามารถบอกประโยชน์ได้
ผูเ้ รยี นสามารถบอกความสาคัญและแสดงวิธีการขอความชว่ ยเหลือจากผูใ้ หญเ่ มื่อเกิด
อุบัติเหตไุ ด้
๒. ผเู้ รยี นสามารถแสดงวิธกี ารปฐมพยาบาลเม่ือถูกแมลงกัดต่อย ไฟไหม้ และนา้ รอ้ นลวกได้
๓. ผูเ้ รียนสามารถออกกาลังกายด้วยวิธกี ารวิ่ง กระโดดไกล ขว้างลกู บอลกระโดดขา้ มร้ัวหรือ
เคร่ืองกีดขว้างสงู ไม่เกนิ บน้ั เอวของตนเองได้
๔. ผเู้ รียนสามารถดนู าฬกิ า นับเวลา วางแผน บอกสภาพดนิ ฟ้า อากาศ ตามฤดกู าลและ
เตรยี มการเดนิ ทางไปนอกสถานท่ีได้
๕. ผู้เรยี นร้จู กั โทษ ประโยชน์ ลกั ษณะของแมลง และ ส่ิงมีชีวติ ท่อี ยใู่ นนา้ โดยทาเป็นสมุด
ภาพ หรือสะสมสงิ่ ของต่างๆ เก่ยี วกับแมลง และส่ิงมชี ีวิตท่ีอยูใ่ นนา้ ได้
๖. ผเู้ รยี นสามารถปฏบิ ัติตามกฎจราจรไดอ้ ย่างถูกต้องและปลอดภยั ได้
๗. ผเู้ รียนสามารถบอกข้อควรปฏิบตั ใิ นการปอ้ งกันภัยเมื่อไมม่ คี นอยู่บา้ นได้
๘. ผู้เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของคาว่า บริการ ทางานในหน้าที่ตา่ งๆ บาเพญ็ ตนให้
เกดิ ประโยชน์ ตอ่ สว่ นรวมได้
๙. ผเู้ รียนสามารถผูกเงือ่ นบว่ งสายธนู เงื่อนกระหวัดไม้ ผดเชือกและสายยางไดอ้ ยา่ ง
เรียบร้อย
๑๐. ผู้เรยี นมีความสามารถท่องและปฏบิ ตั ติ ามกฎ และคาปฏญิ าณนของลูกเสอื สารองได้
รวม ๑๐ ผลการเรียนรู้
คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน กจิ กรรมลูกเสอื สามัญ
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี
คาอธบิ ายรายวชิ า
ผู้เรียนเล่าประวัติลอร์ดเบเดน โพเอลล์ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พร้อม พระราชกรณียกิจของพระองค์ บอกกาเนิดการลูกเสือไทย วิวัฒนาการลูกเสือโลก ลูกเสือไทย
มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับกิจกรรมและการบาเพ็ญประโยชน์ บอกความเป็นมาของการจับมือแบบ
ลูกเสือ อธิบายความหมายคติพจน์ กฎและคาปฏิญาณพร้อมทั้งท่องกฎและคาปฏิญาณของลูกเสือ
สามัญได้
ผูกเง่ือนตะกรุดเบ็ด เง่ือนประมง วิธีการเก็บเชือก และนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน ประดิษฐ์
สิ่งของจากเศษวัสดุโดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสม บอกวิธีการใช้ การเก็บรักษาได้อย่างถูกต้อง แสดง
ความเคารพในท่ามือเปล่าและถือไม้พลอง บอกความหมายของรหัสลูกเสือและแสดงรหัส บอกความ
เป็นมาของการจับมือแบบลูกเสือ ปฏิบัติตามระเบียบแถว ท่ามือเปล่า ท่าถือไม้พลอง สัญญาณมือ
สัญญาณนกหวดี เข้าแถวตามรูปแบบต่างๆ และปฏิบตั ิกิจกรรมการสอบวิชาพิเศษของลูกเสือสามญั
รู้จักคัดเลือกเกมที่เหมาะสมกับตนเองและเล่นเกมอย่างสนุกสนาน ช่วยเหลือแนะนาผู้อื่นให้
รจู้ ักบาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวมและชน่ื ชมตอ่ ผู้ปฏิบัติได้สาเร็จ
ผลการเรียนรู้
๑. เพื่อใหผ้ เู้ รียนบอกความเป็นมาและวิวัฒนาการลกู เสือไทยและลูกเสอื โลกได้
๒. เพอ่ื ให้ผู้เรียนไดฝ้ ึกทกั ษะการผกู เง่อื น และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้
๓. เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนประดิษฐส์ ่ิงของจากเศษวัสดุ การใชแ้ ละเก็บเครื่องมือได้อย่างเหมาะสม
๔. เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเข้าใจในการบาเพญ็ ประโยชน์ และชืน่ ชมต่อผู้ปฎิบตั ิตน
เพื่อบาเพ็ญ ประโยชน์
๕. เพ่อื ให้ผู้เรยี นแสดงความเคารพในทา่ มือเปลา่ และท่าถือไม้พลองได้
๖. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นบอกความหมาย และปฏิบัตติ ามคาปฎญิ าณ กฎของลูกเสือ ท่องและแสดง
รหสั ไดถ้ ูกต้อง
๗. เพื่อให้ผู้เรียนบอกความหมายของการจับมอื แบบลูกเสือ และสามารถปฏิบัติได้
๘. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นสามารถปฏบิ ัตติ ามสัญญาณมอื และสญั ญาณนกหวีดได้
๙. เพื่อใหผ้ ู้เรียนสามารถปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆรว่ มกบั กองลกู เสอื อน่ื ได้
๑๐. เพอื่ ให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัตติ ามหลกั วชิ าลกู เสือสามญั ได้
รวม ๑๐ ผลการเรียนรู้
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ กิจกรรมลูกเสอื สามญั
เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ปี
คาอธิบายรายวิชา
มีการทางานตามระบบหมู่ มีความสามัคคี ปฏิบัติตนตามกฎข้อบังคับ เคารพเชื่อฟังความ
คิดเห็นและเป็นผู้นาท่ีดี จัดเก็บอุปกรณ์ลงเคร่ืองหลัง เพื่อไปอยู่ค่ายพักแรม ปฏิบัติกิจกรรมโดย
วางแผนและกาหนดข้ันตอนด้วยตนเอง มีความเข้าใจในประโยชน์ และโทษของไฟ คณุ สมบัติของไม้
เช้ือเพลิง ปรุงอาหาร เคร่ืองดื่ม อย่างง่ายได้ด้วยตนเองโดยการวางแผนและกาหนดขั้นตอน รู้จัก
ลักษณะและประโยชน์ ส่วนต่าง ๆ ของเต้นท์ และวิธีการประกอบเต้นท์ วิธีการรักษา เต้นท์และ
อุปกรณ์ รู้วิธีการปฐมพยาบาล เม่ือถูกสัตว์มีพิษกัดต่อย ไฟไหม้ น้าร้อนลวก เรียนรู้และได้เห็น
สภาพจริงของเส้นทางคมนาคม ประวัติบุคคลเพื่อแนะนาบุคคลอ่ืนได้ รู้จักการใช้เข็มทิศ แผนที่
สาคัญในการเดนิ ทางไกลไปยังสถานท่ี ท่ีกาหนดเป้าหมาย บอกวิธกี ารดแู ลรักษาขวาน มที ักษะการใช้
เง่ือนและนาไปใช้ประโยชน์ในทางลูกเสือ บอกฤดูกาล บรรยาย ลักษณะอากาศ และอุณหภูมิใน
ท้องถิ่นและในประเทศไทย บอกทิศทาง ลม ประจาฤดู สัญญาณหรือสาเหตุท่ีทาให้ลักษณะอากาศ
เปล่ียนแปลงลมต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในประเทศไทย มีความเข้าใจ เกี่ยวกับงานอดิเรกท่ีสนใจวางแผน
ทางานอดิเรก แสดงผลงาน บอกความหมายปฏิบัติตามคาปฏิญาณของลูกเสือสามัญ ปฏิบัติตาม
ระเบียบแถว สญั ญาณนกหวีด วิธีการตั้งแถวและเรยี กแถว อธบิ ายวธิ ีประดบั ยศลกู เสอื ตรี
ผลการเรียนรู้
๑. ผู้เรยี นสามารถรว่ มกันปฏิบัตติ ามกฎข้อบงั คับ เป็นผูน้ า ผ้ตู ามที่ดี มีความสามัคคี
๒. ผู้เรยี นสามารถพัฒนาตนเอง ปฏิบตั ิกิจกรรมโดยวางแผนและกาหนดขึ้นตอนเอง
๓. ผเู้ รียนมคี วามสามารถ รวู้ ิธีดูแลตนเอง จดั เตรยี มเครื่องปัจจบุ นั พยาบาล
๔. ผู้เรียนมีความสามารถก่อกองไฟแบบต่าง ๆ เลือกใช้สถานท่ที ี่เหมาะสม
๕. ผเู้ รยี นมคี วามสามารถปรุงอาหารเคร่ืองดม่ื อยา่ งง่าย ประกอบอาหารหุงขา้ วได้ถูกต้อง
ตามขัน้ ตอน
๖. ผ้เู รียนมีความสามารถบอกคุณลักษณะประโยชนส์ ว่ นประกอบของเต้นท์ วิธกี ารประกอบ
เตน้ ท์
๗. เรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลเม่อื ถูกแมลงมีพิษ กดั ต่อย คนถูกไฟไหม้ น้าร้อนลวก เปน็ ลม
๘. ผู้เรียนบอกสถานทสี่ าคญั ในท้องถิน่ บอกเสน้ ทางและประวตั ิเพ่ือแนะนาผู้อ่นื ได้
๙. ผู้เรียนเรียนรู้ฝึกหัดการใชเ้ ข็มทศิ และแผนที่ได้ถกู ต้อง
๑๐. ผูเ้ รียนมีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั ทักษะวชิ าลกู เสอื การใช้มีด ขวาน เงื่อนได้
๑๑. ผูเ้ รยี นสามารถบอกฤดูกาล บรรยายลักษณะอากาศตามฤดกู าลได้
๑๒. มคี วามรคู้ วามเข้าใจ นาเสนอผลงานจากการทางานอดิเรกได้
๑๓. ผ้เู รียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรรมของลูกเสือ ระเบยี บแถว สัญญาณนกหวดี การจัดแถว และ
เรียกแถว
๑๔. ผเู้ รียนสามารถอธิบายพิธปี ระดบั ยศลูกเสือได้
รวม ๑๔ ผลการเรียนรู้
คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น กจิ กรรมลกุ เสือสามัญ
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี
คาอธบิ ายรายวชิ า
ผู้เรียนเป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย เสียสละ บาเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม บอก
ความหมาย วัตถุประสงค์คุณลักษณะของการเป็นพลเมืองที่ดีเรียนรู้ประวัติการกาเนิดลูกเสือโลก
ปฏิบัติตนท่ีแสดงถึงความกล้าหาญและเสียสละ การดาเนินการลูกเสือไทย วิวัฒนาการของลูกเสือ
โลกและลูกเสือไทย หลักสาคัญวิธีการปฏิบัติตามหลักของกฎลูกเสือ ท่องคาปฏิญาณ บอก
ความหมายและปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎของลกู เสอื สามัญการทาความเคารพ การแสดงรหัส การ
จบั มอื ทีส่ ง่ เสรมิ ความมีระเบยี บวินยั การทาความเคารพ การแสดงรหสั คตพิ จน์ ระเบียบแถว มี
ความรักธรรมชาติ ปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันกับลูกเสือหรือกองลูกเสือทั้งในและนอกสถานที่ได้ ดูแล
ตนเองช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น การเดนิ ทางไกล ใช้เข็มทิศการค้นหาทิศ ในทก่ี ลางแจ้ง ระบบพิกดั ใน
แผนท่ีของกรมแผนท่ีทหาร การผจญภัย การปฐมพยาบาล การขอความช่วยเหลือในกรณีท่ีเกิด
อุบัติเหตุบอกช่ือสถานการณ์สาคัญในท้องถิ่น ช้ีแนะนาทางไปยังสถานการณ์สาคัญของกฎและ
เคร่ืองหมายจราจร ใชม้ ีด ขวาน และบอกวิธกี ารเก็บรักษา การ แสดงวธิ ีการผูกเงือ่ นมีความรูค้ วาม
เข้าใจเก่ียวกับสภาพดิน ฟ้า อากาศ ประจาวัน ฤดูกาล ทิศทางลมชื่อลมประจาฤดูกาล ลักษณะ
อากาศตามฤดูกาลน้ัน เลือกทางานอดิเรกตามความถนัด นาเศษวัสดุมาประดิษฐ์เป็นอุปกรณ์
และวางแผนปฏิบัติงานเพื่อความเจริญกา้ วหนา้ โดยคานึงถึงความเป็นระเบียบวินยั และการปฏบิ ตั ติ น
ในการอยู่รว่ มกบั ผอู้ นื่ ได้
ผลการเรียนรู้
๑. นกั เรยี นสามารถบอกความหมาย วตั ถปุ ระสงค์ ของลูกเสอื สามัญได้
๒. นักเรียนสามารถบอกลาดับวิธกี าร เปดิ - ปดิ กองลกู เสือได้
๓. นกั เรียนสามารถบอกคณุ ลักษณะของการเปน็ พลเมอื งท่ีดีได้
๔. นักเรียนเลา่ การกาเนิดลูกเสือโลกและการกาเนิดลูกเสอื ไทยได้
๕. นักเรยี นสามารถท่องกฎ และบอกความหมายของคาปฏิญาณได้
๖. นักเรียนสามารถปฏิบัติตามระเบียบแถว ตามสญั ญาณมือ สญั ญาณนกหวดี ได้
๗. นกั เรียนสามารถปฏิบตั ติ ามกจิ กรรมรว่ มกับหมูล่ กู เสอื หรือกองลูกเสือนอกสถานท่ีได้
๘. นกั เรยี นสามารถดูแลตนเอง ชว่ ยเหลอื ผ้อู ่ืน ปอ้ งกันอันตราย อยา่ งระมัดระวังได้
๙. นักเรยี นสามารถปฏิบัติกิจกรรมเดนิ ทางไกลและแรมคนื การผจญภัย การปรงุ อาหาร
การสรา้ งท่ีพัก การใช้เครอื่ งมอื และการเก็บรกั ษาได้
๑๐. นกั เรยี นสามรถแสดงวิธกี ารปฐมพยาบาลผปู้ ระสบอุบัตเิ หตุไฟฟ้าชอ็ ต คนจมนา้ และ
การเคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ยได้
๑๑. นกั เรียนสามารถบอกชอ่ื สถานการณ์ทสี่ าคัญ แนะนาการใช้เขม็ ทิศ เครื่องหมายต่างๆ
และกฎจราจรได้
๑๒. นกั เรยี นสามารถผกู เง่ือนต่างๆ ได้
รวม ๑๒ ผลการเรียนรู้
๑๓.กิจกรรมชุมนุม
แนวการจดั กิจกรรมชุมนมุ
ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๖๑
ได้จัดให้มีกิจกรรมชุมนุมเพ่ือให้ผู้เรียนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมขึ้นตามความสามารถ ความถนัด และ
ความสนใจ เพ่ือเพ่ิมเติมความรู้ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติ เพ่ือพัฒนาตนเองตาม
ศักยภาพ
หลักการ
กิจกรรมชุมนุมของโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย ได้กาหนดหลักการที่สาคัญ
ไวด้ งั นี้
๑) เป็นกิจกรรมที่เกิดจากการสร้างสรรค์และออกแบบกิจกรรมของ
ผเู้ รียนตามความสมัครใจ
๒) เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนร่วมกันทางานเป็นทีม ช่วยกันคิด ช่วยกันทา
และชว่ ยกนั แกป้ ญั หา
๓) เปน็ กจิ กรรมท่ีสง่ เสรมิ และพัฒนาศักยภาพของผเู้ รยี น
๔) เป็นกิจกรรมท่ีเหมาะสมกับวัยและวุฒิภาวะของผู้เรียน รวมทั้ง
บริบทของสถานศกึ ษาและ ท้องถ่ิน
วัตถปุ ระสงค์
๑) เพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และ
ความต้องการของตน
๒) เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์
สงั เคราะห์ ให้เกิดประสบการณท์ ั้งทางวชิ าการและวิชาชีพตามศักยภาพ
๓) เพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและ
ส่วนรวม
๔) เพือ่ ให้ผเู้ รียนทางานรว่ มกับผอู้ น่ื ได้ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย
ขอบขา่ ยของกจิ กรรมชุมนุม
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๕๓ ได้
กาหนดขอบข่ายของกิจกรรมชุมนมุ ไว้ ดงั นี้
๑) เป็นกิจกรรมทีจ่ ัดตามความสนใจของนกั เรยี น
๒) เป็นกิจกรรมที่จัดเสริมหลักสูตรสถานศึกษาในด้านความรู้และ
ทกั ษะปฏบิ ัตขิ องผเู้ รียน
๓) สามารถจดั ได้ทั้งในเวลาและนอกเวลา
แนวการจัดกจิ กรรม
โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย ได้จัดกิจกรรม ตามบริบทและสภาพของ
สถานศึกษา ดงั น้ี
๑) โรงเรียนดาเนินการจัดตั้งชุมนุมอย่างหลากหลาย โดยการสารวจ
ความสนใจของผ้เู รียน และให้ผ้เู รียนเลือกสมัครเข้าเป็นสมาชิก
๒) การจัดต้ังชุมนุมของโรงเรียน จะต้องมีการกาหนดวัตถุประสงค์
และแนวปฏิบัติที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างครู และจะต้องให้ความ
เหมาะสมกบั วยั และวุฒภิ าวะ ความสนใจ ความถนัดความสามารถของนกั เรยี นและวัฒนธรรมทด่ี ีงาม
๓) กาหนดให้ผู้เรียนสมัครเป็นสมาชิกชุมนุม คนละ ๑ ชุมนุม ตาม
เงอ่ื นไขระยะเวลา ดงั น้ี
๓.๑) ระยะเวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรมเป็นรายปกี ารศกึ ษา
๓.๒) เวลาในการจัดกิจกรรมของชุมนุม จะต้องเหมาะสมและ
สอดคล้องกับวสิ ยั ทศั น์ ของสถานศกึ ษา และเป้าหมายของโรงเรยี น
๔) ให้กาหนดวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมชุมนุม โดยการมีส่วน
ร่วมของสมาชิกตามแนวทางของระเบียบโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย ว่าด้วยการจัดกิจกรรมชุมนุม
ตามหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
๕) การขออนุญาตจดั ตง้ั ชมุ นุมใหม่ จะต้องไดร้ ับอนญุ าตจากผู้อานวย-
การสถานศกึ ษากอ่ น
๖) การจดั ตัง้ ชุมนมุ จะตอ้ งมสี มาชกิ ไมต่ ่ากว่า ๒๐ คน ต่อ ๑ ชุมนุม
๗) ชมุ นุมท่ีขออนญุ าตจัดตั้งขึ้นจะต้องมีครูท่ีปรึกษา อย่างน้อย ๑ คน
ต่อ ๑ ชุมนมุ
๘) แต่ละชุมนุม จะต้องจัดให้มีกรรมการท่ีปรึกษาของกิจกรรม
กรรมการบริหารกิจกรรม เพ่ือทาหน้าที่บรหิ ารและจดั กจิ กรรมให้เป็นไปตามวัตถปุ ระสงค์
วิธดี าเนนิ การ
๑) ศึกษาความต้องการของผู้เรียนในการจัดและเข้าร่วมกิจกรรม
ชุมนุม
๒) ประกาศจัดตั้งชุมนุมอย่างหลากหลาย ตามความต้องการของ
ผู้เรยี น และตามสภาพความพรอ้ มของโรงเรียนในการสนับสนนุ
๓) รบั สมคั รใหผ้ เู้ รยี นเปน็ สมาชิกชุมนุมตามความตอ้ งการ ดังน้ี
๓.๑) ระดับประถมศึกษา (ป.๑ – ๖ ) เลือกสมัครได้คนละ ๑
ชุมนุม/ปีการศึกษา
๓.๒) ชุมนุมที่สมัครจะต้องไม่ซ้ากับที่เคยสมัครมาแล้ว ในแต่ละปี
การศึกษา
๔) แตง่ ตง้ั ครูท่ปี รกึ ษาประจาแตล่ ะชมุ นมุ
๕) ครูที่ปรึกษาชุมนุม สนับสนุนให้นักเรียนดาเนินกิจกรรมท่ีตนเป็น
สมาชกิ ดังนี้
๕.๑) คัดเลอื กคณะกรรมการบริหารชุมนมุ ประกอบด้วยสมาชกิ
ตามตาแหน่ง ดงั นี้
- ประธานกรรมการ ๑ คน
- รองประธานกรรมการ ๑ คน
- เลขานกุ าร ๑ คน
- เหรญั ญกิ ๑ คน
- ปฏิคม ๑ คน
- ประชาสมั พันธ์ ๑ คน
- สาราณยี กร ๑ คน
- สวสั ดิการ ๑ คน
- นายทะเบียน ๑ คน
๕.๒) ให้คณะกรรมการบริหารชุมชนร่วมกันวางแผนกาหนด
จดุ ประสงคแ์ ละกจิ กรรมของชุมชนทตี่ อ้ งปฏิบตั ิแตล่ ะคร้ังจนครบทกุ คร้งั ตามเวลาที่โรงเรยี นกาหนดไว้
๕.๓) คณะกรรมการบริหารชุมนุม คัดเลือกหรือเชิญผู้ท่ีมีความรู้
ความสามารถตามกิจกรรมท่ีชุมนุมกาหนด เพื่อเป็นวิทยาการ หรือดาเนินกิจกรรมชุมนุม ซึ่งอาจจะ
เป็นนักเรียนก็ได้
๕.๔) จัดกิจกรรมชุมนุมตามแผนที่วางไว้ เป็นคร้ังๆ ไปจนครบ
ตามจานวนครง้ั ทโ่ี รงเรียนกาหนดไว้
เวลาในการจดั กจิ กรรมชุมนุม
เวลาเข้าร่วมกิจกรรม ผู้เรียนทุกระดับชั้นเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม จานวน
๔๐ ช่ัวโมง/ปี โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมขึ้นตามความสามารถ ความถนัด และความ
สนใจ เพือ่ เพมิ่ เติมความรู้ความชานาญ ประสบการณ์ ทกั ษะ เจตคติ เพอื่ พฒั นาตนเองตามศกั ยภาพ
คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมชุมนุม STEM
กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ปี
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี ๓-๖
คาอธิบายรายวชิ า
ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้กับ กระบวนการ มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์
ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ ผู้เรียนสามารถการแก้ปัญหาหรือหาคาตอบจาก
สง่ิ ท่ไี ม่เข้า โดยการกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใชท้ ้งั ๑๓ ทกั ษะ
ผู้เรียนสามารถทาการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ
กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ ผู้เรยี นสามารถคิดเอง ทาเอง และแก้ปัญหาดว้ ยตนเอง เป็นผู้ท่สี รา้ ง
องค์ความรู้ด้วยตนเองจากการศึกษาปัญหาท่ีเขาสนใจปัญหาใดปัญหาหน่ึงแล้วต้ังจุดประสงค์ไว้ว่า
ต้องการจะศึกษาอะไร จะศึกษาอย่างไร โดยมีการวางแผนการดาเนินงานท่ีชัดเจนอย่างเป็นลาดับ
ขน้ั ตอน เลือกใช้ เลือกหา เคร่ืองไม้เครื่องมือ ออกแบบการทดลองการสารวจข้อมูลด้วยตนเอง ลงมือ
ปฏบิ ัตเิ องบันทกึ ผลการปฏิบตั เิ อง สรปุ ผล และรายงานผลด้วยกระบวนการทถี่ ูกตอ้ ง
ผู้เรียนมีทักษะในการทางานร่วมกัน รู้จักการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ความรับผิดชอบ
ขยนั ประหยัด อดทน มีจิตใจเออื้ เฟอื้ เผอื่ แผ่ และมีเจตคตทิ ดี่ ีต่อการเรียนชุมนมุ วิทยาศาสตร์
ผลการเรยี นรู้
๑. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นสามารถใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สามารถการแก้ปัญหาหรือหา
คาตอบจากส่งิ ที่ไม่เขา้ ใจ
๒. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรดู้ ว้ ยตนเองจากการศกึ ษาปัญหา
๓. เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนเจตคติทีด่ ตี ่อการเรยี นชุมนุมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภททดลอง
รวม ๓ ผลการเรียนรู้
คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น กจิ กรรมชุมนุมคณติ ศาสตร์ (GSP)
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓-๖ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ปี
คาอธิบายรายวชิ า
ศึกษา เรียนรู้ การใช้งานเบ้ืองต้นของโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad (GSP) ฝึก
ใช้เคร่ืองมือและคาสั่งพื้นฐานจากเมนูต่างๆ ของโปรแกรม ประกอบการสร้างทางเรขาคณิต โดย
เริ่มต้นสร้างจากส่ิงที่เคยสร้างบนกระดาษด้วยวงเวียน และสันตรง นาเอาแนวคิดน้ันมาพัฒนาสร้าง
บนจอคอมพิวเตอร์ ดว้ ยจุด เส้น และวงกลม ซึง่ เป็นการสร้างพืน้ ฐานทางเรขาคณติ สรา้ งรปู เรขาคณิต
อย่างง่ายโดยใช้คาส่ังจากเมนูสร้างการเคล่ือนไหวจุดและเส้น การแปลงทางเรขาคณิต ได้แก่ การ
สะทอ้ น การหมุน การเล่ือนขนาน การย่อ/ขยาย เปน็ ต้น
โปรแกรม GSP เปน็ ส่อื เทคโนโลยที ี่ช่วยให้ผ้เู รยี น มีโอกาสเรียนคณิตศาสตร์โดยการสร้างองค์
ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivist Approach) และเป็นการเรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ
(Learner-Centered Learning) โปรแกรม GSP เป็นสื่อท่ีช่วยให้ผู้เรียนพฒั นาทักษะของการนกึ ภาพ
(Visualization) ทักษะของกระบวนการแก้ปัญหา (Problem Solving Skills) นอกจากน้ี การใช้
โปรแกรม GSP ในการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เป็นการบูรณาการสาระที่เก่ียวข้องกับความรู้
คณิตศาสตร์ และทักษะด้านเทคโนโลยีเข้าด้วยกันทาให้ผู้เรียนมีโอกาสพัฒนาพหุปัญญาอันได้แก่
ปัญญาทางภาษา ด้านตรรกศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์ และด้านศิลปะ เป็นมิติใหม่ของการเรียนรู้
คณิตศาสตร์อย่างสนุก เข้าใจง่าย และเป็นรูปธรรม เส้นแต่ละเส้น โค้งแต่ละโค้ง มุมแต่ละมุม รูปทรง
หลากหลายแบบ เสริมสร้างประสิทธิภาพให้แก่เยาวชนทั้งด้านความคิดและจินตนาการ สามารถนา
ความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์และประยุกต์ใช้กับชีวิตประจาวันและมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนชุมนุม
คณติ ศาสตร์
ผลการเรียนรู้
๑. เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นสร้างพนื้ ฐานทางเรขาคณิต โดยใช้โปรแกรม GSP
๒. เพ่ือให้ผู้เรยี นลงมือปฏิบตั ิโดยบรูณาการความรู้หลายสาขาวชิ ามาใชใ้ นการสร้างช้ินงาน
๓. เพ่ือให้ผู้เรยี นเจตคติทด่ี ตี อ่ การเรียนชุมนมุ คณิตศาสตร์
รวม ๓ ผลการเรยี นรู้
คาอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น กจิ กรรมชุมนุมคณติ คดิ สนุก
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี ๓ -๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี
คาอธิบายรายวิชา
เกมคณิตศาสตร์เป็นกิจกรรมหนึ่งท่ีเหมาะสมกับความสนใจและความสามารถทาง
คณิตศาสตร์ของนักเรียน นอกจากจะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และต้ืนเต้นยังช่วยเสริมสร้าง
ประสบการณ์วางแผนคิดค้นกลวิธีในการเอาชนะคู่แข่งขันและส่งเสริมให้นกั เรียนเล่นอย่างมีคุณธรรม
และสจุ ริตยตุ ิธรรมแลว้ เกมยังฝกึ การคดิ คานวณ คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างถกู ต้อง มรี ะบบ ระเบียบ
และมีขั้นตอนท่ีถูกต้อง เกมคณิตศาสตร์เป็นวัตกรรมการศึกษาอย่างหน่ึง กิจกรรมการเล่นเกม
สามารถจูงใจนักเรยี นได้
การส่งเสริมการเรยี นคณิตศาสตรโ์ ดยใช้เกมคณิตศาสตร์เขา้ มาช่วยในเวลาวา่ งของนักเรียนจึง
มีประโยชน์และทาให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นสนุกสนานไม่เบ่ือหน่าย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้
เกดิ ประโยชน์และประยกุ ต์ใช้กับชีวิตประจาวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ผลการเรยี นรู้
๑. พัฒนากระบวนการคิด คานวณ การแก้ปญั หา การใช้เหตผุ ล
๒. พัฒนากระบวนการคิดสรา้ งสรรค์ สบื เสาะหาความรู้
๓. พฒั นาเพอื่ ใหส้ ามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวนั
๔. ใหผ้ เู้ รยี นมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อวิชาคณิตศาสตร์
รวม ๔ ผลการเรยี นรู้
คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น กิจกรรมชมุ นุมเกมโซโดกุ
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี ๓ -๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี
คาอธิบายรายวชิ า
กิจกรรมพัฒนาทักษะ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ในชุมนุมคณิตศาสตร์ด้วยเกม “ซูโดกุ”
เป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนทุกคนในด้านทักษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย การ
แก้ปัญหาการให้เหตุผล การสื่อสาร การส่ือความหมายทาง คณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การ
เชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตร์และการเช่ือมโยง คณิตศาสตร์กับศาสตร์อ่ืนๆ และความคิด
ริเริ่มสรา้ งสรรค์ ในการพฒั นาทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์โดยใช้เกม
เพอ่ื แสวงหาความรูเ้ พื่อนามาใชใ้ นการดารงชีวิตประจาวนั มคี วามสาคัญต่อการเรียนเพราะ
การอ่านเป็นหัวใจของการจัดกิจกรรมท้ังหลายในการเรียนการสอน เพ่ือให้สมาชิกมีความคิดริเริ่ม
สรา้ งสรรค์ และแก้ปญั หาในการทางานอยา่ งมรี ะบบ
ผลการเรียนรู้
๑. เพ่ือใหผ้ เู้ รียนฝึกการคดิ อย่างมีเหตผุ ลโดยใชเ้ กมโซโดกุ
๒. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
๓. เพือ่ ใหน้ กั เรยี นฝึกทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
๔. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นได้ฝึกการแก้ปญั หาด้วยตนเอง
๕. นาความร้ทู ไี่ ด้ไปใช้ในการเรียน
รวม ๕ ผลการเรียนรู้
คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมชุมนมุ สนุกคดิ by A - MATH
ช้นั ประถมศึกษาปที ี ๓-๖ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ปี
คาอธิบายรายวชิ า
เอแม็ท ( A-MATH)เป็นเกมต่อเลขคานวณ ทักษะของการเล่นน้ันคือการต่อตัวเลขตาม
หลักการคานวณคณิตศาสตร์ ผู้เรียนสามารถเช่ือมโยงความรู้กับกระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ มี
ทักษะสาคัญโดยใช้กระบวนการในการบวก ลบ คูณ หาร ตัวเลข ให้เป็นสมการ(ลงบนช่องตารางให้
เกิดผลดีท่ีสดุ ) ผ้เู รียนสามารถการแก้ปัญหาหรือหาคาตอบจากแนวคิดของตนเอง ลงมือเล่นโดยอาศัย
หลักความร้ทู างคณิตศาสตร์ โดยเน้นการนาความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ จริง สามารถคิดแบบต่อยอด
ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชีวิต และการทางาน
ผู้เรียนมีทักษะในการทางานร่วมกัน มีความสามัคคี รู้จักการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ความรับผิดชอบ ขยัน ประหยัด อดทน มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนชุมนุม
ในสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
ผลการเรยี นรู้
๑. เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ สามารถการแก้ปัญหาโดยใช้
ความคิดแบบรวบยอดของตนเอง
๒. เพ่อื ให้ผู้เรียนลงมอื เล่นเกมโดยใชท้ กั ษะในการทางานรว่ มกันและมีความสามัคคี
๓. เพื่อปลูกฝง่ั ให้ผูเ้ รยี นรักในสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
รวม ๓ ผลการเรียนรู้
คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น กิจกรรมชุมนุมคณติ คิด สนุก
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที ๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ปี
คาอธบิ ายรายวิชา
ผู้เรียนสามารถศึกษา คิด วเิ คราะห์ จัดประสบการณหรอื สรางสถานการณที่ใกลตัวใหผูเรียน
ไดศึกษาคนควาโดยปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิด
คานวณ การแกปญหา การใหเหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร และนาประสบการณดาน
ความรูความคดิ ทักษะกระบวนการที่ไดไปใชในการเรียนรูสิง่ ตางๆ และใชในชีวิตประจาวนั อยางสราง
สรรค รวมท้ังเห็นคุณคาและมีเจตคติท่ีดีตอคณิตศาสตร สามารถทางานอยางเปนระบบระเบียบ
รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือมั่นในตนเอง เพื่อสรุปจากการศึกษา แนวทาง
วิธีการคิดที่หลากหลาย เพ่ือการทางาน นาความรู้และทักษะมาสร้างช้ินงานหรือผลงานทาง
คณติ ศาสตรไ์ ด้
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และเห็นคุณค่าของการ
ทางาน นาความรไู้ ปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั มคี วามสามรถในการตัดสินใจ มีจรยิ ธรรม คุณธรรม
และค่านยิ มทเ่ี หมาะสม สามารถอยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ื่นในสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข
ผลการเรยี นรู้
๑. นักเรยี นมีทักษะการคิดคานวณทางคณติ ศาสตร์
๒. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในวิชาคณติ ศาสตร์
๓. นักเรยี นมีทศั นคติท่ีดตี ่อวิชาคณิตศาสตร์
รวม ๓ ผลการเรียนรู้
๑๔.กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์
แนวการจดั กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน
บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติในลักษณะอาสาสมัครเพ่ือ
ช่วยขัดเกลาจิตใจของผู้เรียนให้มีความเมตตากรุณา มีความเสียสละ และมีจิตสาธารณะเพื่อช่วย
สรา้ งสรรค์สงั คมใหอ้ ยู่รว่ มกนั อยา่ งมคี วามสุข
หลกั การ
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์เป็นกิจกรรมทีต้องส่งเสริมให้
ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่าง
บคุ คลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ใหค้ วามสาคัญท้ังความรู้ และคุณธรรมจริยธรรม จัดกิจกรรมโดย
ให้ผู้เรียนคิดสร้างสรรค์ออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์อย่างหลากหลายรูปแบบ เพ่ือแสดงถึง
ความรบั ผิดชอบต่อสงั คมในลกั ษณะจติ อาสา
วตั ถปุ ระสงค์
๑) เพ่ือให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน
สังคม และประเทศชาติ
๒) เพ่ือให้ผู้เรียนออกแบบการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์
อย่างสรา้ งสรรค์ตามความถนดั และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร
๓) เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
๔) เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิด
คุณธรรมจริยธรรมตามคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
๕) เพื่อใหผ้ เู้ รยี นมีจิตสาธารณะและใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์
ขอบขา่ ย
เป็นกระบวนการจัดกิจกรรมในลักษณะกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ และ
กิจกรรมจิตอาสาโดยผู้เรียนดาเนนิ การด้วยตนเองในลักษณะอาสาสมัครเพ่ือแสดงถงึ ความรับผิดชอบ
ความดีงาม ความเสยี สละตอ่ สังคม มจี ติ อาสา และจิตสาธารณะ
แนวการจัดกิจกรรม
การจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ เน้นให้ผู้เรียนร่วมกัน
สารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหา ร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม วางแผนการจัดกิจกรรม ปฏิบัติ
กิจกรรมตามแผน ร่วมสรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์
และเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม
การจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์สามารถเลือกจัดกิจกรรม
หรือเขา้ ร่วมกจิ กรรมไดท้ ง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ดังน้ี
๑) จัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ
ประสบการณ์ของผู้เรียนเอง โดยผู้เรียนสามารถจัดกิจกรรมตามองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และ
ประสบการณ์ ซ่งึ สามารถจัดกจิ กรรมได้ ดังนี้
๑.๑) จดั กจิ กรรมภายในโรงเรยี น
๑.๒) จัดกจิ กรรมภายนอกโรงเรียน
๒) จดั กิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกจิ กรรม หมายถึง จัด
กิจกรรมท่ีผู้เรียนนาเสนอการจัดกิจกรรมต่อโรงเรียนเพ่ือขอความเห็นชอบในการจัดทาโครงการ
โครงงาน หรือกจิ กรรม ซ่งึ มรี ะยะเวลาเร่มิ ต้นและสิน้ สดุ อย่างชดั เจน โดยสามารถจดั กิจกรรมไดด้ งั นี้
๒.๑) จดั กจิ กรรมในโรงเรยี น
๒.๒) จัดกิจกรรมนอกโรงเรียน
๓) จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอ่ืน หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียน
อาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานหรืองค์กรอ่ืนๆ ที่จัดกิจกรรมในลักษณะเพื่อสังคมและ
สาธารณะประโยชน์ โดยผูเ้ รยี นสามารถเลอื กเขา้ รว่ มกิจกรรมได้ดังน้ี
๓.๑) รว่ มกบั หน่วยงานอน่ื ท่ีเขา้ มาจัดกจิ กรรมในโรงเรยี น
๓.๒) รว่ มกับหนว่ ยงานอ่นื ทา่ จัดกจิ กรรมนอกโรงเรยี น
เง่ือนไข
เวลาเข้าร่วมกิจกรรม ผู้เรียนทุกระดับชั้นเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณะประโยชน์จานวน ๒๐ ชว่ั โมง/ปี โดยเน้นให้ผูเ้ รียนเป็นผู้จัดกิจกรรมด้วยตนเองทุกขั้นตอน
และต่อเน่ือง โดยมีครูเป็นท่ีปรึกษาของกิจกรรมผู้เรียนจะจัดกิจกรรมหรือแสดงพฤติกรรมเพื่อสังคม
และสาธารณะประโยชนใ์ นคาบของกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์
การประเมนิ ผลกจิ กรรม
การประเมินผลกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ผู้เรียนต้องเข้า
ร่วมกิจกรรมให้ครบตามกรอบเวลาในโครงสร้างของหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๖๑ ดังน้ี
ผา่ น หมายถึง ผเู้ รยี นมเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมครบตามเวลา ปฏิบัตกิ จิ กรรมและมีผลงาน/
ชนิ้ งาน/คณุ ลักษณะตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด
ไมผ่ ่าน หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมไมค่ รบตามเวลา ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม หรือมี
ผลงาน/ช้นิ งาน/คุณลกั ษณะไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด
ในกรณีที่ผู้เรียนไม่ผ่าน ครูท่ีปรึกษาต้องให้ผู้เรียนซอ่ มเสริมการทากิจกรรมให้ครบตามกรอบ
เวลาท่ีกาหนดในโครงสร้างหลกั สูตร
๑๕.การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น
หลักการ
เนื่องจากการพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ถือ
เป็นความสามารถหลักที่สาคัญซึ่งจาเป็นต้องปลูกฝังและพัฒนาให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนด้วยกระบวนการ
จัดการศึกษาตามหลักสูตร ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และตรวจสอบความสามารถเพ่ือพัฒนา
ตามลาดับอย่างต่อเนื่อง การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของ
ผู้เรียนในการอ่านจากหนังสือ ตาราเรียน เอกสาร และส่ือต่าง ๆ เพ่ือหาและเพิ่มพูนความรู้
ประสบการณ์ ความสุนทรีย์ และประยุกต์ใช้ แล้วนาเน้ือหาสาระท่ีอ่านมาคิดวิเคราะห์ นาไปสู่การ
แสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์ สร้างสรรค์ การแก้ปัญหาในเร่ืองต่าง ๆ และถ่ายทอดความคิดนั้น
ด้วยการเขียนที่มีสานวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและลาดับข้ันตอนในการนาเสนอ สามารถสร้างความ
เขา้ ใจแก่ผอู้ า่ นได้อย่างชัดเจนตามระดบั ความสามารถในแตล่ ะระดบั ชน้ั
วตั ถุประสงค์
๑) เพื่อให้เกิดความเข้าใจและใช้กระบวนการอ่าน สร้างความรู้ และความคิด
ไปใช้ในการตัดสินใจวางแผนดาเนินการ หรือการแก้ปัญหา หรือสร้างสรรค์ผลงานท่ีเกิดขึ้นจากการ
เรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และการเรียนรู้จากกิจกรรม/โครงการของ
โรงเรียน หรือ การเรยี นรใู้ นโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
๒) เพ่ือให้เกิดความเข้าใจ และรู้จักแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องท่ีอ่าน
อยา่ งมวี ิจารณญาณ และสะทอ้ นความรู้ ความคิด ความรู้สกึ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
๓) สามารถใช้กระบวนการเขียน เขียนสอื่ สารแสดงถึงความเข้าใจการวิเคราะห์
สังเคราะห์ สิ่งท่ีอ่าน หรือสิ่งที่ได้ดาเนินงานด้วยการนาเสนอออกมาในรูปของการเขียนอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
กระบวนการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน
หลักสูตรสถานโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๖๑ กาหนดให้
จัดกิจกรรมเพือ่ พัฒนาความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น เป็นกระบวนการท่ีต่อเนื่อง ดัง
แผนภาพ ตอ่ ไปน้ี
ขอบขา่ ยของการจัดกิจกรรมพฒั นาความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขยี น
ขอบข่าย ตัวชี้วัด
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ๑.สามารถอ่านและหาประสบการณ์จากสื่อท่ี
การอา่ นจากหนงั สือพมิ พ์ และส่อื หลากหลาย
ประเภทต่างๆที่ใหค้ วามเพลิดเพลนิ ความรู้ ๒.สามารถจับประเดน็ สาคัญ ขอ้ เท็จจรงิ ความ
ประสบการณ์ ละมปี ระเด็นให้คดิ ดว้ ยภาษาท่ี คดิ เหน็ เรอ่ื งท่อี ่าน
ถกู ต้องเหมาะสม เชน่ อ่านนยิ าย เรอื่ งสน้ั ๓.สามารถเปรียบเทียบแง่มุมตา่ งๆ เช่น ขอ้ ดี
นิทาน นิยายปรัมปรา ข้อเสีย ประโยชน์ โทษ ความเหมาะสม ไม่
เหมาะสม
๔.สามารถถา่ ยทอดความคิดเหน็ ความรสู้ ึกจาก
เรอื่ งท่ีอา่ น โดยการเขียน
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖ ๑.สามารถอา่ นเพอ่ื หาขอ้ มลู สารสนเทศ เสรมิ
การอา่ นจากสือ่ ส่ิงพมิ พ์ และส่ือประเภท ประสบการณ์จากสื่อประเภทตา่ งๆ
ต่างๆ ทใี่ ห้ข้อมูลสารสนเทศ ความรู้ ๒.สามารถจับประเด็นสาคัญ เปรยี บเทียบ
ประสบการณ์ท่ีเอ้ือใหผ้ ู้อา่ น นาไปคดิ วิเคราะห์ เชือ่ มโยง ความเปน็ เหตเุ ปน็ ผลจากเร่ืองท่ีอา่ น
นาไปแสดงความคิดเห็น ตัดสินใจ แกป้ ญั หา ๓.สามารถเช่ือมโยงความสมั พันธ์ของเร่อื งราว
และถา่ ยทอด โดยการเขยี นเป็นความเรยี งเชิง เหตกุ ารณข์ องเร่ืองที่อา่ น
สร้างสรรค์ ด้วยถอ้ ยคา ภาษาทถ่ี ูกต้องชัดเจน ๔.สามารถแสดงความคดิ เหน็ ต่อเรือ่ งทีอ่ ่าน โดย
เช่น อ่านหนังสอื พิมพ์ วารสาร หนังสอื เรยี น มเี หตผุ ลสนับสนนุ
บทความ สนุ ทรพจน์ คาแนะนา คาเตอื น ๕.สามารถถ่ายทอดความเข้าใจ ความคิดเห็น
คุณคา่ จากเร่ืองท่ีอา่ น โดยการเขยี น
รูปแบบและแนวทางการจดั กจิ กรรม
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๖๑
กาหนดให้จัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาและประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนของ
นักเรียนใน ๓ลักษณะ เพ่ือให้ครูเลือกลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ไปใช้ตามความเหมาะสม หรือเลือกใช้
ผสมผสานทัง้ ๓ลกั ษณะ ดงั นี้
๑) บรู ณาการตัวช้ีวัดของการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ร่วมกับ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
๒) บูรณาการตัวชี้วัดของการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน รว่ มกับ
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน
๓) กาหนดโครงการ / กจิ กรรมส่งเสริมความสามารถการอ่าน คดิ
วิเคราะห์ และเขยี น ให้ผู้เรียนปฏิบัติโดยเฉพาะ ไดแ้ ก่
๓.๑) โครงการ / กิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ น / ห้องสมดุ มีชีวิต เช่น
- กิจกรรมพัฒนาห้องสมดุ
- กิจกรรมสง่ เสริมการอา่ น
๓.๒) กจิ กรรมคา่ ยวิชาการตามกลุม่ สาระการเรยี นรู้ท่โี รงเรียน
กาหนด
๓.๓) การทาโครงงาน
๓.๔) กจิ กรรมประกวดและแข่งขนั ทักษะที่เกย่ี วข้องกับการอา่ น
คิดวิเคราะห์และเขียน
เวลาในการจัดกจิ กรรม
ตามโครงสร้างเวลาเรียนและโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชร
ผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๖๑ไมไ่ ด้กาหนดเวลาไว้ ซง่ึ เป็นไปตามโครงสร้างเวลาเรียนของหลกั สตู ร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๖๑ดังน้ันในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาและประเมิน
ความ สามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ก็ให้เป็นไปตามรูปแบบและแนวทางที่โรงเรียน
กาหนด กล่าวคือ ใช้เวลาร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘กลุ่มสาระการเรียนรู้
หรือใช้เวลาร่วมกับการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หรือใช้ในเวลาที่โรงเรียนจัดโครงการ / กิจกรรม
สง่ เสริมความสามารถการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น
๑๖.เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี น
การวัดและประเมินผลการเรียน ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย
พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ได้กาหนดเกณฑ์การตัดสิน การให้ระดับ
และการรายงานผลการเรียนไวด้ ังนี้
การตัดสิน การใหร้ ะดับและการรายงานผลการเรียน
๑) การตดั สนิ ผลการเรียน
ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์
และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนา
ผู้เรียนแต่ละคนเป็นหลกั และตอ้ งเกบ็ ข้อมลู ของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอ และต่อเน่ืองในแตล่ ะ
ภาคเรยี น รวมทงั้ สอนซ่อมเสริมใหผ้ ้เู รียน ให้พัฒนาจนเต็มตามศกั ยภาพ
ระดบั ประถมศกึ ษา
๑) ผู้เรียนตอ้ งมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้งั หมด
๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวช้ีวัด และผ่านตามเกณฑ์การประเมินไม่
น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของจานวนตัวชี้วดั ในรายวิชานนั้ ๆ
๓) ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา
๔) ผ้เู รียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมิน
การอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ดงั น้ี
๔.๑) ผู้เรียนตอ้ งได้รับการประเมิน การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน และมี
ผลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ่โี รงเรยี นกาหนด ดงั นี้
๔.๑.๑) ผู้เรยี นต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมท่ีโรงเรยี นจัดให้ทุกกจิ กรรม
๔.๑.๒) ผู้เรียนต้องมีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน
คดิ วิเคราะห์ และเขียน ตามตัวช้ีวัดท่ีโรงเรียนกาหนด โดยผลงานต้องได้รับระดับคุณภาพ “ดีเยี่ยม”
หรือ “ด”ี หรือ “ผ่าน”
๔.๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และมีผล
การประเมินผ่านตามเกณฑท์ โ่ี รงเรยี นกาหนด ดังนี้
๔.๒.๑) ผเู้ รียนต้องได้รับการประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ท้ัง
๘ คุณลักษณะ
๔.๒.๒) ผู้เรยี นต้องปฏบิ ัตติ นตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้ง ๘
คุณลักษณะ และทุกคุณลักษณะต้องได้รับผลการประเมินในระดับคุณภาพ “ดีเย่ียม” หรือ “ดี”
หรอื “ผา่ น”
๔.๓) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการ
ประเมินผา่ นตามเกณฑ์ท่ีโรงเรยี นกาหนด ดังน้ี
๔.๓.๑) ผูเ้ รียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนทกุ กิจกรรม โดย
การเข้ารว่ มกจิ กรรมตอ้ งมีเวลาเขา้ รว่ มไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐
๔.๓.๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกกิจกรรม และมีผลการ
ประเมนิ ตามจุดประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๖๐
๔.๓.๓) ผู้เรียนมีผลงาน/ช้ินงาน/คุณลักษณะ จากการปฏิบัติ
กิจกรรมทุกกจิ กรรมเป็นไปตามเกณฑ์ทีก่ าหนดไวใ้ นแตล่ ะกจิ กรรม
๒) การใหร้ ะดับผลการเรียน
ระดบั ประถมศกึ ษา
ในการตดั สินเพ่อื ให้ระดบั ผลการเรียนรายวิชา ระดบั ประถมศึกษาโรงเรยี นเพชรผดงุ
เวียงไชย ได้กาหนดระดบั ผลการเรียน เป็นตัวเลข จานวน ๘ ระดับ ดงั นี้
ระดับผลการเรยี น คะแนน
๔ ๘๐ – ๑๐๐
๓.๕ ๗๕ – ๗๙
๓ ๗๐- ๗๔
๒.๕ ๖๕ – ๖๙
๒ ๖๐ – ๖๔
๑.๕ ๕๕ – ๕๙
๑ ๕๐ – ๕๔
๐ ๐ – ๔๙
การประเมนิ ผลการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ให้มีระดับผลการประเมินเปน็
“ดเี ยย่ี ม” “ดี” “ผ่าน” และ “ไม่ผ่าน”
การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงคน์ ้ัน ใหม้ รี ะดบั ผลการประเมินเปน็ “ดเี ยีย่ ม”
“ด”ี “ผา่ น” และ “ไมผ่ า่ น”
การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน ให้พจิ ารณาทั้งเวลาการเขา้ ร่วมกจิ กรรม การ
ปฏิบัตกิ ิจกรรม และผลงานของผเู้ รยี น ตามเกณฑ์ทโี่ รงเรียนกาหนดและใหม้ ผี ลการเข้ารว่ มกิจกรรม
เปน็ “ผา่ น” และ “ไมผ่ า่ น”
๓) การรายงานผลการเรยี น
โรงเรียนกาหนดให้ทารายงานผลการเรียน เพื่อเป็นการส่ือสารให้
ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยการสรุปผลการประเมิน
และจดั ทาเอกสารรายงานใหผ้ ้ปู กครองทราบอยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๑ ครัง้
๑๗.เกณฑก์ ารจบการศกึ ษาตามหลักสูตร
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง
พุทธศักราช ๒๕๖๐) ได้กาหนดเกณฑ์การจบการศึกษาของนักเรียน ตามเกณฑ์ของหลักสูตรแกน
กลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยได้กาหนดเกณฑก์ ารจบการศกึ ษา คอื
๑) ผู้เรียน เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติม ตามโครงสร้างเวลา
เรียนที่หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐) กาหนดไว้ ดังน้ี
๑.๑) เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน จานวน ๖ ปี ปกี ารศึกษาละ ๑,๐๐๐ ชั่วโมง
๑.๒) เรียนรายวิชา/กิจกรรมเพิม่ เติม จานวน ๖ ปี ปกี ารศกึ ษาละ ๔๐ ชั่วโมง
๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐานผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีผลการ
เรยี นเฉล่ยี ไม่ตา่ กว่า ๑.๐๐
๓) ผเู้ รียนต้องมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ได้รับระดับคุณภาพ
“ดีเย่ียม” หรอื “ดี” หรอื “ผา่ น”
๔) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ได้รับระดับคุณภาพ
“ดเี ย่ยี ม” หรือ “ดี” หรือ “ผา่ น”
๕) ผู้เรยี นต้องปฏบิ ตั กิ ิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน และมีผลการประเมินกจิ กรรม “ผา่ น” ใน
ทุกกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
เอกสารหลกั ฐานทางการศกึ ษา
เอกสารหลักฐานทางการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูล
สารสนเทศท่ีเก่ียวข้องกับพัฒนาการของผู้เรียนในด้านต่างๆ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย พุทธศักราช
๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๐) แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท ดังนี้
๑) เอกสารหลักฐานการศกึ ษาที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนด
๑.๑) ระเบียบแสดงผลการเรยี น ( ปพ. ๑ )
๑.๑.๑) ระเบียบแสดงผลการเรียนหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้น
พน้ื ฐานระดับประถมศึกษา ( ปพ. ๑ : ป ) เปน็ เอกสารแสดงผลการเรียนและรบั รองผลการเรียนของ
ผ้เู รียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ผลการประเมินคณุ ลักษณะอัน
พึงประสงค์ของสถานศึกษา แสดงผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึก
ข้อมูลและออกเอกสารน้ีให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เม่ือผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ( ชั้น
ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖) หรอื เมอ่ื ลาออกจากสถานศกึ ษาในทกุ กรณี
๑.๒) ประกาศนยี บตั ร ( ปพ. ๒ )
เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษา เพอ่ื รับรองศักดิ์และสิทธิ์ของผู้จบ
การศึกษา ท่ีสถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน
๑.๓) แบบรายงานผสู้ าเรจ็ การศึกษา ( ปพ. ๓ )
เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตร โดยบันทึกรายช่ือ และข้อมูล
ของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ( ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ ) ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ ( ช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ ๓ ) และผ้จู บการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ( ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ )
๒) เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาท่ีสถานศกึ ษากาหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทาข้ึน เพ่ือบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้
และข้อมูลสาคัญเก่ียวกับผู้เรียน โดยเอกสารหลักฐานทางการศึกษาที่โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย
กาหนดไว้ มีดังนี้
๒.๑) แบบแสดงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ( ปพ. ๔ ) เป็น
เอกสารรายงานผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผ้เู รียน
๒.๒) แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวิชา ( ปพ. ๕ ) เป็นเอกสารที่
ผู้สอนบนั ทึกและรายงานพฒั นาการและผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น
๒.๓) แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพรายบุคคล ( ปพ. ๖ ) เป็นเอกสาร
บนั ทกึ และรายงานพัฒนาการและผลการเรียนรู้ของผเู้ รยี นให้ผู้ปกครองทราบ
๒.๔) ใบรับรองผลการศึกษา ( ปพ. ๗ ) เป็นเอกสารรับรองผลการศึกษา
ของผ้เู รยี น
๒.๕) ระเบียนสะสม ( ปพ. ๘ ) เป็นเอกสารบันทึกพัฒนาการด้านต่างๆ
ของผ้เู รียนแตล่ ะคน เพอื่ ประโยชน์ในการปรับปรุง พัฒนา และสง่ เสรมิ ผเู้ รียน
๒.๖ สมุดบันทึกผลการเรียนรู้ ( ปพ. ๙ ) เป็นเอกสารแสดงรายวิชาต่างๆ
ตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาแต่ละระดบั ชั้นและบนั ทกึ ผลการเรียนรู้ตามมาตรฐาน/ตัวช้ีวดั ของ
ผู้เรียน ในแต่ละรายวิชา เพ่ือใช้สาหรับส่ือสารหลักสูตรและผลการเรียนของผู้เรียนให้ผู้เกี่ยวข้อง
ทราบ ใช้เป็นหลกั ฐานการศึกษาและการเทยี บโอนผลการเรยี นได้
๑๘.การเทยี บโอนผลการเรียน
ความหมายของการเทยี บโอนผลการเรยี น
การเทียบโอนผลการเรียน หมายถึง การนาผลการเรียนรู้ ซงึ่ เปน็ ความรู้
ทักษะ หรือประสบการณ์การทางาน การฝึกอาชีพ มาเทียบโอนเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาต่อเนื่อง
ตามหลักสูตรของสถานศึกษาท่รี ับเทียบโอนผลการเรยี น
หลักการพ้ืนฐานในการเทียบโอนผลการเรยี น
๑) เป็นการกระจายอานาจไปส่สู ถานศึกษา
๒) คานึงถึงผลท่จี ะเกิดข้นึ กบั ผ้เู รียนเปน็ สาคญั
๓) ยอมรับผลการดาเนินงานของโรงเรียนเดมิ
๔) ยึดหลกั ความเป็นธรรม โปรง่ ใส และมคี วามเปน็ ไปได้ในทางปฏิบตั ิ
แนวทางการดาเนินการการเทยี บโอนผลการเรียนของสถานศึกษา
โรงเรยี นเพชรผดุงเวียงไชยจะพิจารณาเทียบโอนผลการเรียนในระบบระดับ
การศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยการพิจารณาความเหมาะสมกับคุณสมบัติของนักเรียนแต่ละคน และจะ
คานึงถึงคุณภาพของผู้เรียนเป็นสาคัญ ซึ่งในการเทียบโอนผลการเรียนรู้ของผู้เรียนน้ันอาจจะมาจาก
หลายกรณี ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออก
กลางคืน และขอกลับเข้ามารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประ
เทศ นอกจากนย้ี ังสามารถเทยี บโอนความรู้ ทกั ษะประสบการณ์ จากแหลง่ การเรียนรู้อ่ืนๆ เช่น สถาน
ประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชพี การจดั การศึกษาโดยครอบครัว
โรงเรียนกาหนดช่วงเวลาในการขอเทียบโอนผลการเรียนไว้ในช่วงก่อนเปิดเรียนภาคเรียน
แรก ทั้งน้ีผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนจะต้องศึกษาต่อเน่ืองในโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย
ซง่ึ เปน็ สถานศึกษาทร่ี ับเทียบโอน เป็นเวลาอยา่ งน้อย ๑ ภาคเรยี น โดยโรงเรียนเมอื่ รบั ผเู้ รยี นจากการ
เทียบโอนแล้วจะทาการกาหนดรายวิชา/จานวนหน่วยกิต ท่ีจะรับเทียบโอนให้แก่ผู้เรียนตามความ
เหมาะสม ซึ่งในการดาเนนิ การเทยี บโอนผลการเรียน โรงเรียนกาหนดวธิ กี ารพิจารณาไว้ ดงั น้ี
๑) พิจารณาจากเอกสารแสดงผลการเรียน/ผลการเรียนรู้ เช่น ระเบียนแสดงผลการ
เรียน ประกาศนียบัตร ใบรับรองผลการศึกษา สมุดบันทึกการเรียนรู้ หรือหลักฐานอ่ืนที่แสดงถึง
ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ของผ้ขู อเทียบโอน
๒) ประเมินความรู้ความสามารถ ทักษะและประสบการณ์ทมี่ มี าก่อนของผขู้ อเทียบโอน
การดาเนนิ งานเทยี บโอนผลการเรยี น
การดาเนินงานเทียบโอนผลการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเพชรผดุง
เวียงไชยพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ ใหพ้ ิจารณาในแนวทาง ดังนี้
๑) การพิจารณาระดบั ช้นั การศกึ ษา
การพิจาณาเทียบโอนเข้าสู่ช้ันเรียนในระดับประถมศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ให้พิจารณา
เทียบโอนจากผลการเรียนเดิมโดยยึดหลักการเทียบต่อช้ันปีที่เรียน ตามผลการเรียนที่ผู้เรียนมีอยู่
ตัง้ แตช่ ั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ จนถึง มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ ตัวอยา่ ง เช่น
๑.๑) เทียบโอนผลการเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๒ เพอ่ื เข้าเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่
๓ หรอื เทยี บโอนผลการเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๕ เพอื่ เขา้ เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖
๑.๒) เทียบโอนผลการเรียนเกรด ๒ จากหลักสูตรต่างประเทศ เพื่อเข้าเรียนช้ัน
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ หรือเทียบโอนผลการเรยี นเกรด ๕ เพอ่ื เขา้ เรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖
๑.๓) เทียบโอนผลการเรียนเกรด ๖ จากหลักสูตรต่างประเทศ เพื่อเข้าเรียนชั้น
มธั ยมศึกษา
ปีท่ี ๑
๒) บทบาทหนา้ ที่ของสถานศกึ ษา
เพ่ือให้ระบบการดาเนนิ งานเทียบโอนผลการเรียนของโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย มี
มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และให้ความมั่นใจต่อสังคมมากที่สุด จึงกาหนดไว้ว่าเม่ือโรงเรียนรับนักเรียน
เข้าเรียนในฐานะผทู้ ่ีทาหน้าทเี่ ทียบโอนผลการเรียน และโรงเรียนทีผ่ ู้เรียนนาความรู้/ผลการเรียนรู้มา
ขอโอนในฐานะผสู้ ่งตอ่ จะตอ้ งดาเนนิ การในสว่ นตา่ งๆ ท่เี กย่ี วขอ้ งกับการเทียบโอนดว้ ย เช่น
๒.๑) จัดทาระเบียบ หรือแนวปฏิบตั ิการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศกึ ษา เพ่ือ
เป็นหลักฐานในการดาเนนิ การเทยี บโอนผลการเรียน และสาหรบั ผู้ที่ต้องการศึกษาต่อเนอื่ งจะไดท้ ราบ
ขอ้ กาหนดของสถานศึกษาและใชเ้ ป็นแนวทางประกอบการตดั สินใจสมคั รเรียน
๒.๒) แต่งตั้งบุคลากรในโรงเรียนเป็นคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียนรู้ เพ่ือทา
หน้าที่ในการพิจารณาโอนผลการเรียน และประเมนิ ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ของผู้
เทียบโอน โดยหัวหนา้ สถานศึกษาเปน็ ผู้อนุมัตผิ ลการเทียบโอน
๒.๓) จัดทาเอกสาร/หลกั ฐาน
เพ่ือใช้ประกอบพิจารณาเทียบโอนผลการเรียน และประเมินสถานศึกษา
เดิมที่ผู้เรียนได้เรียนจนมีความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และนาไปขอเทียบโอนท่ีสถาน ศึกษาแห่งใหม่
จะต้องจัดทาเอกสาร หลักฐาน ที่แสดงผลการเรียน/ผลการเรียนรู้ ท่ีผู้เรียนได้รับและข้อมูลอื่นๆ ท่ี
จาเป็นเพื่อการส่งต่อไปยังสถานศึกษาที่รับเทียบโอนให้สามารถพิจารณาโอนผลการเรียนได้อย่าง
เหมาะสมกับตัวนกั เรียน
๒.๔) กาหนดคุณสมบัตขิ องผขู้ อเทียบโอนผลการเรียน
โรงเรยี นไดก้ าหนดคุณสมบัติสาหรับผขู้ อเทียบโอนเข้าเรยี นในโรงเรยี นเพชร
ผดุงเวียงไชยไว้วา่ ผขู้ อเทยี บโอนจะตอ้ งสมัครเข้าเป็นนกั เรยี นโรงเรียนเพชรผดุงเวยี งไชยก่อนยื่นความ
จานงขอเทยี บโอน และมีคุณสมบตั ิเฉพาะตามทโ่ี รงเรียนกาหนด
๒.๕) กาหนดชว่ งเวลาในการยื่นความจานงขอเทยี บโอนผลการเรยี น
๒.๕.๑) โรงเรียนกาหนดเวลาในการยืน่ ความจานงขอเทียบโอนผลการเรียน
ให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดภาคเรียนท่ี ๑ เพื่อจะได้วางแผนการเรียนได้ทัน แต่หากผู้ขอเทียบโอนมีความ
จาเป็นไม่สามารถยื่นความจานงขอเทียบโอนได้ตามเวลาที่โรงเรียนกาหนด ให้อยู่ในดุลยพินิจของ
ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
๒.๕.๒) ในระหว่างศึกษาอยู่ หากนักเรียนประสงค์จะไปศึกษา หรือเสริม
ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ จากแหล่งเรียนรู้อ่ืนๆ เป็นการเพ่มิ เตมิ ในภายหลัง นักเรียนจะต้องแสดง
ความจานงต่อทางโรงเรียนและต้องได้รับอนุญาตจากผู้อานวยการสถานศึกษาก่อน และต้องเป็นไป
ตามหลักเกณฑ์การไปศึกษาหรือเสริมความรู้ ทักษะ จากแหล่งการเรียนรู้อื่น และตามช่วงเวลาที่
โรงเรียนกาหนด
๒.๖) การพิจารณาอายุของผลการเรียน/ผลการเรียนรู้ท่ีนักเรียนนามาขอเทียบโอน
โรงเรียนจะพิจารณาว่าเป็นผลการเรียนท่ีนักเรียนได้รับมาเมื่อใด หากเป็นผลการเรียนท่ีได้ศึกษามา
เป็นเวลา นานแล้ว และมิได้รับการพฒั นาหรือเสริมเพิ่มเติมความรู้ ทกั ษะแต่อย่างใด โรงเรียนอาจจะ
ไม่รบั การเทยี บโอนกไ็ ด้ ซง่ึ โรงเรียนจะทาการพิจารณาบนพ้นื ฐานของธรรมชาติ ความทนั สมัยของวิชา
ทันต่อเหตุการณ์และสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงในโลกปัจจุบัน เพ่ือที่จะนามาเชื่อมต่อกับความรู้
ตามหลักสตู รสถานศึกษา
๓) การประเมิน
การประเมินความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้ขอเทียบโอน
โรงเรียนจะทาการประเมินด้วยเคร่อื งมอื และวิธกี ารที่หลากหลาย เช่น การประเมินแฟ้มสะสมผลงาน
การทดสอบมาตรฐาน การสอบปากเปลา่ การปฏิบตั ิจรงิ เป็นต้น โรงเรียนจะจดั ระบบการประเมินท่ีมี
มาตรฐาน มคี วามเท่ียงตรง ถกู ต้องตามหลักวิชา เชอื่ ถือได้
๔) วธิ ีปฏิบตั แิ ละการจดั เข้าช้ันเรยี น
๔.๑) ในกรณีที่เป็นการเทียบโอนจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เข้าสู่หลักสูตร
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ให้พิจารณาพ้ืนความรู้ชั้นสุดท้ายท่ีได้เรียน และจัดเข้าเรียนต่อเน่ืองในช้ันท่ีได้
เรยี นอยู่เดมิ
๔.๒) เมอื่ นักเรียนได้รับการเทียบโอนผลการเรยี นแล้ว ถ้าโรงเรียนเห็นว่ายังมีสาระ/
รายวิชา/กิจกรรมใด ท่ีต้องจัดให้เรียนเสริมเพื่อใหม้ ีความรู้พ้ืนฐานดีข้ึน หรือเป็นรายวิชาที่โรงเรียน มี
ความเป็นเลิศ หรือมีความจาเป็นที่ต้องเรียนให้ครบตามโครงสร้างของหลักสูตร โรงเรียนก็อาจจะจัด
สอนเสริม หรอื ให้ลงทะเบียนเรียนเพิ่มตามความจาเป็น และจัดในช่วงเวลาที่เหมะสม ทัง้ นี้ผู้ขอเทียบ
โอนจะต้องเรียนต่อเน่ืองและจบการศึกษาตามระดับการศึกษาของหลักสูตรสถานศึกษา สาหรับ
รายวิชาท่ียงั ไม่มีการตัดสินผลการเรียน โรงเรียนจะพิจารณาว่าสามารถจัดเป็นรายวิชาใดในหลักสูตร
สถานศกึ ษา เพอื่ จัดให้เรยี นเพิ่มเตมิ หรอื ดาเนินการประเมนิ ตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรียนกาหนด
๔.๓) จานวนหน่วยกิต/หน่วยการเรียน/หน่วยน้าหนัก ที่ผู้ขอเทียบโอนได้รับจาก
การเรียนผลการเรียน ให้พิจารณาความรู้และทักษะสาคัญท่ีได้เรียน เพื่อประกอบการพิจารณาเทียบ
โอน ทง้ั นี้เพ่อื ให้ครบตามเกณฑ์การจบตามระดบั การศึกษาของหลกั สุตรสถานศกึ ษาโรงเรียนเพชรผดุง
เวียงไชย
๔.๔) ผขู้ อเทียบโอนจะต้องมีเวลาเรียนอยู่ในโรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชยอย่างน้อย 1
ภาคเรียนเพือ่ การศกึ ษาอบรมบ่มเพาะตามวิสยั ทัศน์ จุดเน้น และปรัชญาการศกึ ษาของโรงเรยี น
การบรหิ ารจดั การหลักสตู ร
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอานาจให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามี
บทบาทในการพัฒนาหลักสูตรนั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับ
ท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน
ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้การดาเนินการจัดทา
หลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผล
ให้การพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี นบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ทก่ี าหนดไว้ในระดับชาติ
ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอ่ืนๆ
เป็นหน่วยงานท่ีมีบทบาทในการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางท่ีจะเช่ือมโยง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานท่ีกาหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความ
ต้องการของท้องถิ่น เพื่อนาไปสู่การจัดทาหลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนา
หลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสาเร็จ โดยมีภารกิจสาคัญ คือ กาหนดเป้าหมายและ
จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน ในระดับทอ้ งถ่ินโดยพจิ ารณาใหส้ อดคล้องกบั สิง่ ท่ีเปน็ ความตอ้ งการ
ในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น รวมท้ัง
เพ่ิมพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม
ติดตามผล ประเมนิ ผล วิเคราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผ้เู รียน
สถานศึกษามีหน้าท่ีสาคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผน
และดาเนนิ การใช้หลักสูตร การเพ่ิมพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรดว้ ยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุง
และพัฒนาหลักสูตรจัดทาระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้อง
พิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน และรายละเอียดท่ีเขตพ้ืนท่ี
การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้จัดทาเพิ่มเติม รวมท้ัง สถานศึกษาสามารถ
เพ่ิมเติมในส่วนที่เก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และความต้องการของ
ผ้เู รียน โดยทกุ ภาคส่วนเขา้ มามสี ่วนร่วมในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา
แผนภูมกิ ารบรหิ ารจดั การหลกั สูตรระดบั สถานศึกษา
โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชยได้กาหนดแผนภูมิการบริหารจัดการหลักสูตร เพ่ือขับเคลื่อน
กระบวนการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา การส่งเสริม สนับสนุน และการกากับดูแลคุณภาพ ตาม
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นเพชรผดงุ เวยี งไชย พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ ดังนี้
คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและงานวิชาการโรงเรยี น
๑. นายปรชี า เทพนวล ประธานกรรมการ
๒. ดร.ปรยี นันท์ เทพนวล กรรมการ
๓. นางราตรี แสงสังข์ กรรมการ
๔. นางสาวขวัญจิตร พิมล กรรมการ
๕. นางจณิสรา อินทชาติ กรรมการ
๖. นางจริ ฐั ติกาล เกดิ ชูกลุ กรรมการ
๗. นางณัฐณิชา มอี นนั ต์ กรรมการ
๘. นางสทุ ธิรัตน์ ปาลโมกข์ กรรมการ
๙. นางประมาภรณ์ นิลอรณุ กรรมการ
๑๐.นางประภาพรรณ เผอื กคง กรรมการ
๑๑.นายสุเชษฐ์ ดษิ ฐร์ าชา กรรมการ
๑๒.นางจาเนยี ร ดษิ ณะ กรรมการ
๑๓.นางรววิ รรณ วงศอ์ นิ ทร์ กรรมการ
๑๔.นางบญุ เทอด ลอยใหม่ กรรมการ
๑๕.นางสาวทพิ ยรัตน์ เรืองเวช กรรมการ
๑๖.นางสาวเบญจมาศ จรลั ศลิ ป์ กรรมการ
๑๗.นางสาวมาลยั ทิพย์ คนซอ่ื กรรมการ
๑๘.นางณัฐเมธี ชวดบวั กรรมการ
๑๙.นางอรณุ รัตน์ ฤทธพิ นั ธ์ กรรมการ
๒๐.นางสาวหนึ่งฤทัย สวัสดี กรรมการ
๒๑.นางสาวชนดิ า คลองสุชล กรรมการ
๒๒.นายศกั ด์ิสริ ิ ราไพ กรรมการ
๒๓.นางศิริลักษณ์ โพธ์ิจนั ทร์ กรรมการ
๒๔.นางสมศรี พฒั นเดชากุล กรรมการ
๒๕.นางชนญั ญา แก้วฟุ้ง กรรมการและเลขานุการ
ตอนที่ ๓ การศึกษางานในหน้าท่คี รูและศึกษาผู้เรยี น
ปช-๑.๐๑
รายงานการปฏิบัติงานประจาวัน
วนั จันทร์ ท่ี ๒๘ เดือน พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ชอ่ื -สกุล : นายจรณชัย ศรีประดิษฐ
รหัสประจาตัว : ๕๙๑๕๑๐๒๐๐๑๒๐๕
หลักสูตรสาขาวชิ า : คณติ ศาสตร์
ฝึกปฏบิ ตั เิ ปน็ ผูช้ ่วยครชู ั้น : ประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๔
โรงเรยี น : เพชรผดุงเวยี งไชย
ชอ่ื ครพู ่ีเลย้ี ง/ครทู ี่ปรกึ ษา : คุณครูมาลัยทิพย์ คนซื่อ
เวลา ๐๗.๒๐ – ๐๘.๐๐ น. สิ่งทไี่ ดป้ ฏิบตั ิ : เข้ารับฟังการปฐมนเิ ทศนักศกึ ษาฝึกปฏิบัตวิ ิชาชีพ
ระหว่างเรียน ๑ จากผู้อานวยการและผู้จัดการโรงเรียนเพชรผดุง-
เวยี งไชย ณ หอ้ งวิชาการ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : ทาให้ทราบถึงข้อมูลท่ัวไปและ
กระบวนการทางานท้ังหมดตลอดระเวลาฝกึ ปฏิบตั ิวิชาชพี ระหว่าง
เรยี น ๑
เวลา ๐๘.๐๐ – ๐๘.๑๕ น. ส่งิ ทไี่ ด้ปฏบิ ัติ : แนะนาตัวหนา้ เสาธง
สิ่งที่ไดเ้ รียนรู้จากการปฏิบัติ : ได้ฝึกทกั ษะการสอ่ื สารต่อหนา้ ผคู้ น
ที่มีจานวนมากและได้ทาความรู้จกั กับคณะครอู าจารย์และนักเรยี น
ทุกๆคน
เวลา ๐๘.๑๕ – ๐๙.๑๕ น. ส่ิงที่ได้ปฏิบัติ : สังเกตกิจกรรมการเรียนการสอน คร้ังท่ี ๑ ของ
นักเรียนหอ้ งเรียนโครงการ IEP ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔/๔ รายวชิ า
คณติ ศาสตร์
ส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : ทราบถึงเทคนิคและวิธีการจัดการ
ช้ันเรียนและวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของครูผู้สอนเพราะใน
ระหว่างเรียนได้มีพฤติกรรมของผู้เรียนอยู่ ๓ คนท่ีได้มีพฤติกรรม
แตกต่างไปจากผู้เรยี นคนอื่นๆดังน้ี
๑. เด็กชาย ก นั่งมองเพ่ือนทากิจกรรมแต่ตนไม่ได้ทากิจกรรม
ร่วมกับเพื่อนครูจึงเข้าไปถามปรากฏว่าเขาไม่ได้เอาสมุดมาครู
เลยแก้ปัญหาด้วยการเขียนโจทย์ใหม่ใหเ้ ขาในกระดานแล้วทา
เวลา ๐๙.๑๕ – ๑๐.๑๕ น. ปช-๑.๐๑
ใสก่ ระดาษแทน นี่กถ็ อื วธิ ีการหนึ่งทีไ่ มป่ ลอ่ ยให้ผูเ้ รียนต้องเสีย
โอกาสในช่วงเวลาทีค่ วรได้รบั โอกาสน้นั ๆ
๒. เดก็ ชาย ข ทาแบบฝึกหัดได้ช้ากว่าคนอื่นๆครจู ึงแกป้ ญั หาด้วย
การเข้าไปดูอยู่บ่อยๆและไม่ขึ้นกิจกรรมอื่นๆถ้าเขายังไม่เสร็จ
นี่ก็ถือเป็นอีกวิธีหน่ึงที่ครูไม่ควรปล่อยให้เด็กคนท่ีเรียนรู้ได้
กลายเป็นคนท่ีไม่รู้เร่ืองอยู่คนเดียวมันจะกลายเป็นปัญหาใน
อนาคตเพราะระดับประถมศึกษาตอนตน้ คือช่วงสาคญั สาหรับ
การปพู น้ื ฐานสาหรับเด็กในรายวิชานัน้ ๆ
๓. เด็กชาย ค ไม่ร่วมมือกับกิจกรรมขณะท่ีกาลังทากิจกรรมก็จะ
ลุกขั้นเดินไปมาอยู่บ่อยคร้ังซ่ึงครูก็จะเตือนอยู่บ่อยครั้งแต่เขา
สามารถตอบคาถามครูได้เมื่อสอบถามครูประจาชั้นปรากฏว่า
เด็กชาย ค เป็นเด็กพิเศษประเภทสมาธสิ ั้นต้องรับประทานยา
อยู่เป็นระยะๆแต่เขาจะเก่งคณิตศาสตร์จนทาให้สามารถคว้า
เหรยี ญรางวัลจากสิงคโปรไ์ ด้เม่อื ปีทผี่ ่านมา
ส่ิงท่ีได้ปฏิบัติ : สังเกตกิจกรรมการเรียนการสอน คร้ังที่ ๒ ของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๒/๕ รายวิชาคณิตศาสตร์ทาให้ได้
เห็นเทคนิควิธีการจัดการช้ันเรียนและอีกประเด็นที่สาคัญคือ
มีนักเรียนคนหน่ึงซ่ึงให้นามสมมุติว่า เด็กชาย ก เรียกกระผมว่า
“Teachers ครับสอนผมหน่อยผมทาไม่ถูกครับ”พอได้เข้าไปสอน
ปรากฏว่าเด็กชาย ก อ่านคาถามไม่ถกู เลยอ่านใหเ้ ขาฟังปรากฏว่า
เขาสามารถทาแบบฝึกได้โดยการวาดภาพแสดงวิธีคิดแทนท่ีจะ
เขียนเป็นตัวหนังสือหลังจากนั้นเขาดีใจมากเมื่อหมดคาบแล้ว
เพอื่ นๆไปพกั กันแต่เด็กชาย ก ยงั นัง่ ทาการบา้ นอืน่ ๆต่อ
ส่ิงที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : ทราบถึงเทคนิคและวิธีการจัดการ
ชั้นเรียนในเร่ืองของการทใ่ี ห้นักเรียนทาใบกิจกรรมแล้วให้นักเรียน
เอามาส่งท่ีครูทีละคนเพื่อดูว่าใครมีแนวคิดแบบไหนเพื่อท่ีจะได้
เลือกแนวคิดท่ีแตกต่างกันและมีลักษณะเด่นทางด้านองค์ความรู้
ทางคณิ ตศาส ตร์มา นาเส นอให้ เพื่อคน อ่ืนได้ เข้าใ จไปด้ ว ย แล ะ
ประเด็นของ เด็กชาย ก ทาให้รู้ว่านักเรียนคนที่เขานั่งน่ิงๆดูเฉยๆ
เหมือนไม่ต้ังใจเรียนทั้งท่ีเขาพร้อมจะเรียนรู้ไปกับคนอื่นๆเพียงแต่
เวลา ๑๐.๑๕ – ๑๑.๑๕ น. ปช-๑.๐๑
เวลา ๑๑.๑๕ – ๑๒.๑๕ น. เขายงั มีปญั หาบางส่วนที่เขายงั ไม่พร้อมเพราะฉะนั้นคนเป็นครูตอ้ ง
คอยดูพฤติกรรมของเด็กอยู่ตลอดเวลาเพื่อท่ีจะได้พัฒนาเขาไป
พรอ้ มกับทกุ ๆคนในช้นั เรียน
สิ่งที่ได้ปฏิบัติ : สังเกตกิจกรรมการเรียนการสอน ครั้งท่ี ๓ ของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑/๕ รายวิชาคณิตศาสตร์ ทาให้ได้
เห็นเทคนิควิธีการจัดการชั้นเรียนโดยการใช้สื่อการสอนมาเป็น
เครือ่ งดงึ ดดู ใจจากผเู้ รยี น
สิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : จากการที่ได้ไปสังเกตครูผู้สอนใช้
วิธีการสร้างส่ือที่เป็นกิจกรรมการจัดงานวันเกิดซ่ึงประกอบด้วย
เค้กวันเกิดและรูปการ์ตูนที่มีสีสันมากมายทาให้เด็กนักเรียนสนใจ
ท่จี ะเรียนมากข้ึนนั่นคือแสดงว่าการสรา้ งสรรค์กจิ กรรมและสอ่ื การ
สอนท่ีสมวัยกับผู้เรียนกจ็ ะทาให้กระบวนการเรียนร้ขู องเด็กดขี ้ัน
สิง่ ที่ได้ปฏิบตั ิ : สังเกตกิจกรรมการพักรับประทานอาหารกลางวัน
ของคณะครแู ละนักเรียนในโรงเรียน
ช่วงรับประทานอาหารของคณะครู คุณครทู ุกคนต้องนา
ช้อนและแก้วน้ามาเอง จากนั้นก็เดินไปรับกับข้าวจากท่ีทากับข้าว
เพ่ือนาไปรับประทานอาหารท่ีโรงอาหารซึ่งอยู่อีกอาคารหน่ึงเม่ือ
รับประทานอาหารเสร็จก็จะต้องน้าจานอาหารไปล้างและเก็บไว้ที่
ที่ทากบั ขา้ วและครูทกุ คนจะมเี วรขายของทโี่ รงอาหาร
ชว่ งรับประทานอาหารของนักเรียน นักเรียนส่วนมากนา
อาหารเท่ียงมาเองและมีบางส่วนมาซื้อท่ีโรงอาหารและเม่ือทาน
เสร็จแลว้ ก็จะต้องนาไปล้างทเ่ี ดียวกับคณะครูและจะมีนักเรียนเวร
ทาความสะอาดโรงอาหารหลงั รบั ประทานอาหารเสรจ็
สิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : คุณครูและนักเรียนทุกคนต้องมี
ความรับผิดชอบในการนาอุปกรณ์การรับประทานอาหารมาเอง
และเมื่อทานเสร็จแล้วก็จะต้องทาความสะอาดให้เรียบร้อยอีกท้ัง
การเข้าเวรขายของนั่นหมายถึงว่าครูจะได้ไปพบปะและดูนักเรียน
ระหว่างพักรับประทานอาหาอีกดว้ ย
เวลา ๑๒.๑๕ – ๑๔.๓๐ น. ปช-๑.๐๑
เวลา ๑๔.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. ส่ิงท่ีได้ปฏิบัติ : ตรวจแบบฝึกหัดของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่
๑/๕,๒/๕ และ ๔/๔ รายวิชา คณิตศาสตร์
ส่ิงที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : ทาให้ทราบถึงความยากของการ
ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาคณิตศาสตร์ เพราะว่าครูจะต้องใช้ความ
ละเอียดในการตรวจเป็นอย่างมาก ถ้าหากเราตรวจผิดไป เด็กก็จะ
เข้าใจว่าวิธีท่ีเขาทามาน้ันถูกแล้วท้ังๆที่มันอาจผิดกก็เป็นได้ซึ่งจะ
นาไปสู่การสร้างองค์ความรู้ทางคณิตศาสตร์ท่ีผิดสาหรับเด็ก
นักเรียน
สิง่ ท่ไี ด้ปฏิบัติ : วิเคราะหแ์ ผนการสอนของรายวิชาคณิตศาสตร์ใน
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๕,๒/๕ และ ๔/๔ ท่ีได้สังเกตไปเมื่อ
ช่วงเช้า
ส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : ทาให้รู้ว่าการเขียนแผนการสอน
ข้ึนมา ๑ แผนน้ันต้องคานึงถึงทุกๆส่วนท้ังการคาดการณ์คาตอบ
ของนักเรียน การกาหนดทิศทางของคาถามและการออกแบบ
กิจกรรมท่ีทาให้บรรลเุ ป้าหมายได้อยา่ งสมบรู ณแ์ บบ
ลงชือ่ ____________________ ลงชอ่ื ____________________
( นายจรณชยั ศรปี ระดิษฐ ) ( คุณครมู าลัยทิพย์ คนซือ่ )
ผู้บันทึก ครูพ่เี ลี้ยง
ปช-๑.๐๑
รายงานการปฏบิ ตั งิ านประจาวัน
วนั องั คาร ท่ี ๒๙ เดือน พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ชือ่ -สกุล : นายจรณชยั ศรีประดษิ ฐ
รหัสประจาตัว : ๕๙๑๕๑๐๒๐๐๑๒๐๕
หลักสูตรสาขาวิชา : คณิตศาสตร์
ฝกึ ปฏบิ ตั เิ ป็นผชู้ ่วยครูชนั้ : ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๔
โรงเรยี น : เพชรผดุงเวยี งไชย
ชื่อครพู ่เี ลีย้ ง/ครูที่ปรกึ ษา : คุณครูมาลยั ทพิ ย์ คนซอ่ื
เวลา ๑๔.๐๐ – ๑๖.๓๐ น. ส่ิงที่ได้ปฏิบัติ : ร่วมกิจกรรมแห่ผ้าห่มองค์พระบรมธาตุไชยาราช-
วรวิหาร กับคณะครูและนักเรียน โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย
จากบริเวณหนา้ ที่วา่ การอาเภอไชยา ถึง วดั พระบรมธาตุไชยาราช-
วรวิหาร
ส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประเพณี
ปฏิบัตสิ ืบตอ่ กันมาอนั เปน็ ส่ิงสาคัญที่ครคู วรจะร่วมอนรุ ักษเ์ อาไว้
เวลา ๑๘.๐๐ – ๑๘.๓๐ น. ส่ิงท่ีได้ปฏิบัติ : ร่วมกิจกรรมเวียนเทียนเน่ืองในวันวิสาขบูชากับ
คณะครแู ละนักเรียนท่ีวดั พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร
ส่ิงที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ : ได้เข้าร่วมกิจกรรมของวันสาคัญ
ทางพระพทุ ธศาสนาอันเป็นกิจที่พุทธศาสนิกชนทุกคนควรปฏิบัติ
ลงชื่อ____________________ ลงช่อื ____________________
( นายจรณชยั ศรปี ระดิษฐ ) ( คณุ ครูมาลยั ทิพย์ คนซื่อ )
ผู้บนั ทึก ครูพเี่ ลยี้ ง