The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน ๑
นายจรณชัย ศรีประดิษฐ (โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Charonchai Sripradit, 2022-03-03 22:54:07

วช.๑ จรณชัย ศรีประดิษฐ

รายงานการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน ๑
นายจรณชัย ศรีประดิษฐ (โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย)

ปช-๑.๐๒

รายงานการศึกษางานในหนา้ ท่คี รูผู้สอนและครปู ระจาช้ัน
ช่อื ครผู ้สู อน/ครปู ระจาชั้น : คุณครมู าลัยทิพย์ คนซอ่ื
ระดับชัน้ : ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๔

โรงเรยี น : เพชรผดุงเวียงไชย อาเภอไชยา จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

จากภาพด้านบน ีมความหมาย ัดง ้นี T = Teaching and Training การสั่งสอนและการฝึกฝนวทิ ยาการ
E = Ethics Instruction การอบรมคุณธรรมและจริยธรรม
A = Action Research การวิจยั และการศกึ ษาค้นคว้า
C = Cultural Heritage การถา่ ยทอดวัฒนธรรม
H = Human Relationship การสรา้ งมนษุ ยส์ ัมพันธ์
E = Extra Jobs การปฏิบัติงานท่ีพเิ ศษต่างๆ
R = Reporting and Counselling การรายงานผลนักเรียนและการแนะแนว
S = Student Activities การจดั กิจกรรมนักเรียน

การท่ีเป็นครูนั้นมีหน้าที่มากกว่าการสอนหนังสือแต่การเป็นครูท่ีดีนั้นต้องมีหน้าที่ดังภาพ
ด้านบนท่ีแปลงมาจากคาว่า Teachers น่ันเอง ซึ่งจากการท่ีได้ศึกษางานในหน้าท่ีครูผู้สอนและครู
ประจาช้ันจากครพู เี่ ลีย้ งในรายวิชา ฝึกปฏบิ ตั ิวิชาชีพระหวา่ งเรยี นนั้นประกอบดว้ ยหนา้ ท่ีท่สี าคญั ดังน้ี

ปช-๑.๐๒

๑. หนา้ ท่ีในฐานะครูผู้สอน
จากการทไ่ี ด้สังเกตครูพี่เลี้ยงในด้านหน้าท่ีในฐานะครผู ู้สอนน้ัน ครูพีเ่ ลี้ยงต้องปฏิบัติ

หนา้ ที่อย่หู ลายสว่ นในฐานะของครูผ้สู อน ซงึ่ สามารถแบ่งออกเปน็ ๓ สว่ นด้วยกนั คอื
ส่วนท่ี ๑ หน้าที่ของครผู ู้สอนข้นั เตรยี มการสอน
ทกุ ครงั้ ของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหน้าทข่ี องครูในฐานะครูผ้สู อนจะต้องมี

การเตรียมการสอน การวางแผนการสอนทั้งในเรื่องของกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะทาให้นักเรียนเกิด
องค์ความรู้ทางคณิตศาสตร์ด้วยตนเองและเป็นกิจกรรมที่สอดแทรกไปด้วยสถานการณ์ปัญหาเพ่ือให้
ผู้เรียนได้เรยี นรู้การแก้ปัญหาด้วยตนเองจนนาไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของแต่ละคาบที่ไดเ้ ตรียมไว้
นอกจากน้ีการจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ ละสร้างสอ่ื การสอนไปในทศิ ทางไหนที่ทาใหผ้ ูเ้ รยี นรู้สึกสนกุ และ
อยากทีจ่ ะเรียนอกี ในครง้ั ถดั ไป

สว่ นท่ี ๒ หนา้ ที่ของครูผ้สู อนขั้นการสอน
ในขั้นของการสอนนั้นถือเป็นข้ันที่สาคัญท่ีสุด เพราะว่าเป็นการนาสิ่งท่ีได้ออกแบบ

และเตรียมไวใ้ นขน้ั ท่ี ๑ มาทดลองใชจ้ ริงกับนกั เรยี นซึง่ จากการท่ไี ดส้ ังเกตครพู ่เี ล้ยี งครูจะมหี นา้ ที่ดงั น้ี
๑) การนาเข้าสู่สถานการณ์ปัญหาครูต้องใช้คาพูดที่ฟังแล้วน่าสนใจจนทาให้

นักเรียนรู้สึกตื่นเต้นว่าวันนี้จะได้เล่นกิจกรรมอะไรอีก (ซึ่งเปล่ียนจากรูปแบบเดิมท่ีนักเรียนจะรู้สึกว่า
วันนจ้ี ะตอ้ งเรยี นเรอื่ งอะไรอกี ต้องฟังครูสอนเรือ่ งอะไรอกี เปน็ ตน้ )

๒) การมีความพร้อมในการติดสื่อบนกระดานท่ีติดได้เหมาะสม ตามแผนท่ีได้
วางไว้เพ่ือให้เกิดประโยคสูงสุดแก่ผู้เรียน เช่น ถ้าสื่อมีหลายช้ินก็เรียงลาดับไว้ว่าช้ินไหนใช้ก่อนก็อยู่
บนสุดจะได้หยบิ ได้ง่าย เทปกาวที่ตดิ ก็ฉกี เตรียมพรอ้ มไว้กอ่ นในจานวนทเ่ี พียงพอตลอดระยะเวลาการ
จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนเพื่อท่จี ะไม่ตอ้ งมาฉีกอย่รู ะหว่างการจดั กิจกรรม เปน็ ต้น

๓) การเดินท่ัวห้องเรียนเพ่ือสังเกตว่านักเรียนให้ความร่วมมือมากแค่ไหน คน
ไหนท่ียังต้องให้ความช่วยเหลือจากครูบ้าง (ท่ียังเรียนรู้ได้ช้ากว่าผู้อ่ืน) และในขณะเดียวกันก็สังเกต
แนวคิด ทักษะวิธีการแก้ปัญหาของนักเรียนว่ามีแนวคิดไหนที่แตกต่างและโดดเด่นไปจากเพื่อนบ้าง
เพื่อที่จะเวลาให้ออกมานาเสนอแนวคิดหน้าช้ันเรียนนักเรียนจะได้เรียนรู้แนวคิดที่หลากหลายและได้
รับรู้ด้วยกันท้ังห้อง ท้ังหมดน้ีคือการกระทาที่ให้ผู้เรียนทุกคนได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน
โดยที่จะไมท่ ง้ิ คนใดคนหนึ่งไว้ขา้ งหลัง

๔) สังเกตข้อดีและปัญหาท่ีเกิดขึ้นในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของแต่
ละครั้งและจดบนั ทกึ เพอื่ นาไปสะท้อนผลหลังการสอน

ส่วนท่ี ๓ หน้าที่ของครูผ้สู อนขนั้ หลงั การสอน
หลังจากทีค่ รูได้จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนเสร็จแลว้ การเรยี นการสอนคร้งั น้นั กย็ ัง

ไม่เสรจ็ สมบรู ณเ์ พราะต้องนาข้อดี ข้อเสียได้ได้มาสะท้อนผลการสอนดงั นี้

ปช-๑.๐๒

๑) ข้อดีท่ีเกดิ ขึน้ ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนของแต่ละคร้งั เช่น คร้งั นี้
สื่อการสอนดี นา่ สนใจ ผเู้ รียนเห็นแลว้ กร็ สู้ กึ ต่นื เต้นและใหค้ วามร่วมมือเป็นอยา่ งดี (สังเกตจากสหี นา้
และพฤติกรรมทีแ่ สดงออกมา) ครูผสู้ อนกเ็ ลยจดั ทาสื่อการสอนในรูปแบบน้ีอกี เพอื่ ดึงดูดใจผู้เรียนใน
ครง้ั ถดั ไป กิจกรรมการเรยี นรู้นา่ สนใจ เหมาะสมกบั วัย (สงั เกตได้จากผเู้ รยี นรูจ้ กั และชื่นชอบตวั ละคร
ในกจิ กรรม เม่อื ขอตัวแทนออกมาทากิจกรรมผู้เรยี นต่างแย่งกันออกมาทากิจกรรม) ครผู ู้สอนกเ็ ลยหา
กิจกรรมรปู แบบน้ีมาใชจ้ ดั กิจกรรมการเรียนร้ใู นครงั้ ถัดไปอีกเช่นกนั

๒) ข้อเสียหรือปัญหาที่เกิดข้ึนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของแต่ละ
ครั้งเชน่ คาส่งั หรือสถานการณป์ ัญหามขี นาดเล็กทาให้นกั เรยี นดา้ นหลังมองไมเ่ ห็น ครูผ้สู อนก็เลยต้อง
นาไปพัฒนาสื่อการสอนในคร้ังถัดไปว่าคร้ังถัดไปน้ันตัวหนังสือต้องมีขนาดใหญ่กว่านี้ (ถ้าครั้งนี้ใช้
อกั ษรขนาด ๑๒๐ แล้วมีผู้เรียนบางสว่ นมองไมเ่ หน็ ครง้ั ต่อไปควรเพิม่ เปน็ ขนาด ๑๘๐) เป็นต้น

๒. การดแู ลควบคุมให้นักเรยี นปฏบิ ัตติ ามระเบียบวินยั การเข้าแถวเคารพธงชาติ
ในส่วนนี้จากการท่ีได้สังเกตครูพี่เลี้ยงมีการดูแลควบคุมให้นักเรียนปฏิบัติตาม

ระเบยี บวินัย การเข้าแถวเคารพธงชาติของนักเรียนอยูท่ ้ังหมด ๓ ส่วนด้วยกันคอื
๑) ตอนเช้าในขณะที่ยืนเวรรับนักเรียนหน้าโรงเรียน ในส่วนนี้ครูก็จะสามารถ

สังเกตการแต่งกาย การมีสัมมาคารวะของนักเรียนได้เกินร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนท้ังหมดซ่ึงถ้ามี
นักเรียนแต่งกายผิดกฎระเบียบก็จะใหป้ รับปรุงแก้ไขในขณะน้ันเลยเช่น สายรองเท้าหลุด เสอื้ อกนอก
กางเกง เหยียบส้นรองเท้า ผู้พันคอลูกเสือไม่เรียบร้อยก็จะให้นักเรียนแก้ไขในตอนนั้นเลยเพื่อไม่เป็น
การปล่อยปละละเลยให้นักเรียนไปแก้ไขเอง

๒) กิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติ ครูพี่เลี้ยงจะต้องไปจัดแถวให้นักเรียนใน
ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ เพราะนักเรียนในระดับช้ันยังไม่สามารถจัดแถวได้รวดเร็วและเป็น
ระเบยี บดว้ ยตนเองในขณะทีจ่ ัดแถวครกู ็จะต้องปฏบิ ตั หิ น้าทีส่ าคญั ดงั น้ี

- ตรวจการแต่งกายของนักเรียนอีกคร้ังเพ่ือเป็นการฝึกใหน้ ักเรียนได้
เรยี นรูก้ ารปฏิบตั ติ นใหอ้ ยู่ในกฎระเบยี บวนิ ยั ตลอดเวลา

- นบั จานวนของนักเรียนว่าครบหรือไม่ ถา้ ไม่ครบก็ต้องหาสาเหตุว่า
นักเรียนหายไปไหน เป็นอะไร ทาไมถึงมาเรียนไม่ได้ และถ้าไม่สบาย เป็นอะไร มาเรียนได้วันไหน
ส่งผลกระทบต่อการเรียนรายวชิ าไหนบ้างเปน็ ตน้

- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนว่ามีคนไหนหน้าซีดบ้าง คนไหนมี
อาการกน้าเป็นหว่ งบ้าง คนไหนยนื ร้องไห้บ้างเพ่ือสอบถามถึงสาเหตแุ ละแก้ปัญหานนั้ ๆให้กับนักเรยี น

ท้ังหมดน้ีเพื่อเป็นการตรวจสอบความพร้อมของนักเรียนก่อนท่ีจะเข้าร่วม
กจิ กรรมการเรยี นการสอนในลาดับถดั ไป เพราะถ้ามีนกั เรยี นทีไ่ ม่พร้อมไม่วา่ จะเป็นด้านรา่ งกาย จิตใจ
หรือด้านใดก็ตาม นักเรียนก็จะรู้สึกไม่สบายใจจะนามาซึ่งปัญหาในการเรียนรู้ต่อไปเสมือนการเช็ค

ปช-๑.๐๒
ความพร้อมของรถยนต์ก่อนท่ีจะมีการนาไปใช้ขับขี่ว่าพร้อมสมบูรณ์หรือไม่ หรือมีปัญหาแค่เล็กน้อย
แตย่ งั สามารถขับขี่ไปไดช้ ่วั ขณะเป็นต้น ซึ่งนักเรยี นกเ็ ช่นกนั

๓) กิจกรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมพักกลางวันและกิจกรรมอื่นๆ ในสว่ นนี้
ครูจะต้องคอยดูแลนักเรียนทุกๆคนอยู่ตลอดเวลาเสมือนเป็นการเอาใจใส่ดูแลนักเรียนไม่ให้พลาด
สายตาของครูเพราะเด็กวัยน้ีกาลังซุกซน อยากลองผิดลองถูกไปเรื่อยแต่เขาไม่สามารถแก้ปัญหาด้วย
ตนเอง ดังน้นั ครูจงึ ต้องดูแลเอาใจใสน่ ักเรียนอยตู่ ลอดเวลาน่นั เอง

๓. การติดตามและตรวจสอบการมาเรียน การเข้าชั้นเรยี น
ในสว่ นนี้จากการที่ได้สังเกตครูพ่เี ลยี้ งจะมีข้นั ตอนอยู่ ๒ ขน้ั ตอนดว้ ยกนั ดังนี้
๑) ข้นั การตรวจสอบ นอกจากการที่ตรวจสอบในตอนเข้าแถวเคารพธงชาติใน

ตอนเชา้ แล้วในชั้นเรียนครูก็ต้องตรวจสอบใหม่อีกคร้ังว่ามีนักเรียนเขา้ เรียนกี่คน ครบหรอื ไม่ ขาดใคร
บา้ งแล้วคนท่ขี าดไปไหน ไปทาอะไรแล้วจะกลับมาเรียนได้เมื่อไหร่

๒) ขั้นการติดตามนักเรียน ในข้ันนี้หลังจากได้ตรวจสอบจานวนนักเรียนแล้ว
จากน้ันก็จะติดตามนักเรียนด้วยการหาสาเหตุก่อนว่าทาไมถึงไม่มาเรียนซึ่งช่องทางการติดต่อ
ผู้ปกครองมีอยหู่ ลายรปู แบบดังน้ี

- สอบถามเพื่อนร่วมช้ันเรียน ทุกคร้ังท่ีครูเข้าสอนก็จะมีการ
สอบถามนักเรียนอยู่เป็นประจาว่าวันนี้เพ่ือนมาครบหรือไม่ ขาดใครบ้าง ทาไมเขาถึงขาดเรียนถ้า
เพ่อื นร่วมชน้ั เรยี นไมท่ ราบกเ็ ขา้ สขู่ น้ั ถัดไป

- สอบถามครูประจาชั้น เพราะครูประจาชั้นเป็นคนท่ีต้องทราบ
ข้อมูลของนักเรียนเป็นอย่างดีว่าใครไปทาอะไรที่ไหน อย่างไรบ้างแต่ถ้าครูประจาชั้นไม่ทราบก็เข้าสู่
ข้ันถัดไป

ปช-๑.๐๒
- สอบถามผู้ปกครองผ่านสื่อออนไลน์หรือไลน์กลุ่มผู้ปกครองของช้ัน

เรียนนั้นๆว่าวันนี้ลูกของท่านเป็นอะไร ไปทาธุระอะไรหรือไม่สบายหรือไม่แล้วติดตามผลต่อว่าเขาจะ

มาเรยี นได้เมือ่ ไหร่แต่ถ้าผูป้ กครองไมต่ อบหรือไม่ได้อยูใ่ นกลมุ่ นั้นๆกจ็ ะเข้าสขู่ ั้นถัดไป

- ติดต่อผู้ปกครองผ่านการโทรสอบถามผู้ปกครองว่าวันนี้ลูกของ

ทา่ นเปน็ อะไร ไปทาธุระอะไรหรือไม่สบายหรอื ไม่แล้วติดตามผลต่อว่าเขาจะมาเรียนได้เมื่อไหร่หากไม่

สามารถตดิ ตอ่ ไดก้ เ็ ข้าสขู่ น้ั ถัดไป

- เย่ียมบ้านนักเรียนเป็นขั้นสูงสุดของการติดตามนักเรียนเพราะจะ

ได้ไปเห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของนกั เรยี นและได้ไปเจอนักเรียนจริงๆเลยว่าเขาเป็นอะไร ทาไมถึงไม่

ไปโรงเรียนถ้านักเรียนมีปัญหาก็จะนาไปสู่การให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของ

นักเรียนให้สงู ขึ้น

๔. การทาหลกั ฐานการประเมินผลการเรยี น
ในส่วนของการทาหลักฐานการประเมินผลการเรียนจากการท่ีได้ไปสังเกตครูพี่เล้ียง

สามารถแยกออกเปน็ ดา้ นตา่ งๆได้ดังน้ี
ด้านท่ี ๑ การทาหลกั ฐานการประเมินผลการเรยี นประเภทใบกิจกรรม
ในด้านนี้จะให้นกั เรียนทาใบกิจกรรมหลงั จากการจัดกิจกรรมการเรียนรจู้ ากนั้นก็เอา

ใบกิจกรรมมาตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นซึ่งเป็นการประเมินในด้านตา่ งๆดังนี้
๑) ด้านพุทธิพิสัย (K) ดูจากใบกิจกรรมที่ให้นักเรียนทาว่านักเรียนมีความรู้

ความเข้าใจและนาไปประยุกตใ์ ชไ้ ดม้ ากน้อยเพียงใด
๒) ด้านทักษะพิสัย (P) ดูจากใบกิจกรรมท่ีให้นักเรียนทาว่านักเรียนมีทักษะ

กระบวนการคิดและเขียนตอบไดด้ มี ากน้อยเพียงใด
๓) ดา้ นจิตพสิ ัย (A) ดูจากใบกิจกรรมที่ให้นักเรียนทาวา่ นักเรียนใหค้ วามสาคัญ

กับการทาใบกจิ กรรมมากนอ้ ยเพยี งใด
ดา้ นท่ี ๒ การทาหลักฐานการประเมนิ ผลการเรียนประเภทการสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน
ในด้านน้ีดูได้จากการบันทึกการสังเกตพฤติกรรมนักเรียนว่านักเรียนให้ความร่วมมือ

มากนอ้ ยเพียงใด (ดา้ นจิตพสิ ยั (A)) ในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนของแตล่ ะครั้ง
ด้านที่ ๓ การทาหลกั ฐานการประเมินผลการเรยี นประเภทการทดสอบยอ่ ย
ในด้านน้ีดูได้จากการให้นักเรียนทดสอบย่อยของแต่ละครั้งแล้วนามาตรวจสอบเพ่ือ

ประเมนิ วา่ นกั เรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจและความจาในเนื้อหาได้มากน้อยเพียงใด (ดา้ นพุทธิพสิ ยั (K))
ด้านที่ ๔ การทาหลักฐานการประเมนิ ผลการเรียนประเภทการสอบปลายภาคเรยี น

ปช-๑.๐๒

ในด้านนด้ี ไู ดจ้ ากการให้นกั เรยี นทดสอบปลายภาคเรยี นแลว้ นามาตรวจสอบเพ่ือประ
เมินว่านักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและความจาในเนื้อหาไดม้ ากน้อยเพียงใดและนักเรียนสามารถนา
เน้อื หาทงั้ หมดมาประยกุ ตร์ วมกันไดห้ รือไม่ (ดา้ นพุทธิพิสยั (K),ดา้ นทกั ษะพสิ ัย (P))

๕. การตดิ ตามและส่งเสริมด้านสขุ ภาพอนามยั
ในด้านการติดตามและส่งเสริมด้านสุขภาพอนามัย จากการท่ีได้ไปสังเกตครูพ่ีเลี้ยง

สามารถแบง่ ออกเปน็ ๒ ส่วนดว้ ยกนั คือ
สว่ นท่ี ๑ การติดตามและสง่ เสรมิ ดา้ นสขุ ภาพอนามัยของนักเรียนกรณีพเิ ศษ
กลุ่มน้ีคือกลุ่มนักเรียนท่ีมีโรคประจาตัว ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของครูเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะครูประจาช้ันผู้ท่ีอยู่ใกล้ชิดกับนักเรียนมากท่ีสุด เมื่อทราบว่านักเรียนมีประโรคประจาตัว
ประเภทไหนก็ควรร่วมมือกับผู้ปกครองในการรักษา พัฒนาและส่งเสริมให้นักเรียนมีสภาพร่างกายที่
สมบูรณ์ย่งิ ข้นึ โดยจะมบี างโรคทมี่ ีผลกระทบตอ่ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนเช่น

- นักเรยี นท่ีมีสมาธิสั้นไม่สามารถทาอะไรท่ีเปน็ ระยะเวลานานได้เพราะฉะน้ัน
ครูผู้สอนต้องคอยดูแลเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ คอยกระตุ้นอยู่ตลอดเวลาเพ่ือให้การเรียนรู้ของเขา
พฒั นาไปพรอ้ มๆกบั เพ่ือนคนอ่นื ๆดว้ ย

- นกั เรียนทม่ี ีสภาพรา่ งกายท่ีไมแ่ ข็งแรงครูควรจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ่ีไมต่ อ้ ง
ใช้แรงและกาลังในการร่วมกิจกรรมเช่น การให้นักเรียนว่ิงแข่งกัน การให้นกเรียนกระโดดเป็นต้น
เพราะจะส่งผลกระทบต่อตัวของนักเรียนท่ีมีสภาพร่างกายไม่แข็งแรงอีกทั้งครูยงั ต้องดูแลเอาใจใส่เขา
อยู่ตลอดเวลาพรอ้ มทงั้ ทราบถงึ วธิ กี ารรักษาเบอ้ื งต้นหากเกดิ เหตุการณ์ที่คาดไมถ่ ึง

- นักเรียนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะแพ้แป้ง แพ้หญ้า แพ้เกสรดอกไม้เป็นต้น
ครูไม่ควรนาสิ่งเหล่าน้ีมาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรู้เพราะนักเรียนกลุ่มน้ีจะได้ร่วมกิจกรรม
กบั เพื่อนๆด้วย

ส่วนที่ ๒ การติดตามและสง่ เสริมด้านสุขภาพอนามยั ของกลุ่มนักเรียนทั่วไป
กลุ่มนี้คือกลุ่มนักเรียนที่มสี ภาพร่างกายปกติทว่ั ไปก็จะมีการตรวจสุขภาพประจาปีท่ี

ทางโรงพยาบาลประจาอาเภอได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจาตาบลในพื้นท่ีของ
โรงเรียนซึ่ง ๑ ปีการศึกษาจะมีการตรวจ ๒ คร้ังคือภาคเรียนละครั้งก็จะเป็นการตรวจสอบสภาพ
โดยทั่วไปของนักเรียนเช่น การแต่งกายสะอาดสะอ้าน ฟันผุหรือไม่ สายตาสั้นยาวหรือปกติ เป็นต้น
รวมท้ังนักเรียนกลุ่มพิเศษในส่วนท่ี ๑ ก็จะมีการตรวจด้วยเช่นกันเพื่อติดตามผล ความเปลี่ยนแปลง
และการรับการรักษาของนักเรียนโดยท้งั หมดน้ีครูประจาช้ันจะเป็นคนดูแล รวบรวมข้อมูลและติดต่อ
กบั ทางโรงพยาบาล

ปช-๑.๐๒

๖. การปลกู ฝงั คุณธรรมจริยธรรม
ในด้านการการปลกู ฝังคุณธรรมจริยธรรมจากการท่ไี ด้ไปสังเกตครูพเ่ี ลย้ี งสามารถ

แบ่งออกเปน็ ๓ สว่ นดว้ ยกันคือ
ส่วนท่ี ๑ การปลกู ฝังคุณธรรมจรยิ ธรรมในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา
ในวันสาคัญทางพุทธศาสนาเช่น วันพระใหญ่หรือวันต่างๆก็จะมีการให้นักเรียนนา

ปิ่นโตไปทาบุญท่ีวัดตอนเช้าและร่วมกิจกรรมต่างๆที่ร่วมกับพุทธศาสนิกชนได้ช่วยกันจัดข้ึนเพื่อให้
นักเรยี นได้ซมึ ซบั ถึงประเพณีทป่ี ฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสรู่ นุ่

สว่ นท่ี ๒ การปลกู ฝังคุณธรรมจริยธรรมในตอนเชา้ กจิ กรรมเข้าแถวเคารพธงชาติ
ในตอนเช้าจะมีการอบรมคุณธรรมอยู่ตลอดโดยจะอบรมวันละเรื่องวนกันไปเช่น

การไหว้ การเคารพผูใ้ หญ่ การทาบุญ เปน็ ตน้
ส่วนที่ ๓ การปลกู ฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรมในวนั ศกุ รช์ ว่ งบ่าย
ในตอนบา่ ยของวันศุกร์จะมกี ารสอนสวดสรภญั ญะบทสวดพระพุทธคุณ พระ

ธรรมคณุ พระสังฆคุณเปน็ ตน้ และมกี ารสอนวธิ ีการนั่งสวดมนต์ไหว้พระ วธิ ีการกราบเพื่อใหน้ กั เรียน
ได้ปฏบิ ตั ิอยา่ งถูกตอ้ งนน่ั เอง

นอกจากนี้กย็ งั มีการสอนอยู่ตลอดเวลาเชน่ ในคาบเรยี นหรือเวลาพบเจอกับนกั เรียน
ที่ไหนไม่ว่าจะเป็นเร่ืองของการเคารพผู้อ่ืน การเสียสละ การประพฤติปฏิบัติตามศีลธรรมเพ่ือปลูกฝัง
ใหน้ ักเรียนเป็นคนดใี นอนาคต

๗. หน้าทีห่ รือกจิ กรรมในชว่ งเวลาพกั กลางวนั /หลังเลกิ เรยี น
ในส่วนของหน้าท่ีหรือกจิ กรรมในช่วงเวลาพักกลางวัน/หลงั เลิกเรียนจากการทไ่ี ด้

สงั เกตครูพี่เลย้ี งกส็ ามารถแบง่ ออกเป็น ๒ สว่ นคือ
สว่ นท่ี ๑ หน้าที่หรือกจิ กรรมในชว่ งพกั กลางวัน
ครูจะมหี นา้ ที่ในการไปขายอาหารวา่ ง อาหารหลักทโี่ รงอาหารใหก้ บั นกั เรยี นและอกี

ส่วนกจ็ ะไปจดั แถว จดั ระเบยี บวนิ ยั ภายในโรงอาหารไมใ่ ห้พลกุ พลา่ น
ส่วนท่ี ๒ หนา้ ทหี่ รือกจิ กรรมในชว่ งหลังเลิกเรยี น
คระมหี น้าทใี่ นการส่งนักเรียนกลับบา้ นซ่งึ จะปรกอบดว้ ย ๓ แบบด้วยกนั คือ
- ยนื สง่ นักเรยี นบรเิ วณสว่ นต่างๆภายในโรงเรียน
- ยืนสง่ นักเรยี นบริเวณหนา้ โรงเรียน
- ไปส่งนักเรยี นกับรถรับส่งนักเรียนของโรงเรยี น
ซง่ึ แตล่ ะแบบกจ็ ะมคี วามสาคัญไมต่ า่ งกนั เพราะเปน็ การดแู ลนกั เรยี นใหอ้ ยภู่ ายใต้

ความปลอดและการเอาใจใสน่ กั นกั เรยี นทเ่ี ปน็ หน้าทอ่ี ันตอ้ งปฏบิ ตั ขิ องครูอยู่แล้ว

ปช-๑.๐๓
รายงานการสงั เกตการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ครงั้ ที่ ๒
รายวชิ า คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๒/๕
วนั จนั ทร์ ท่ี ๒๘ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๙.๑๕ – ๑๐.๑๕ น.
คุณครูมาลัยทพิ ย์ คนซ่ือ (ครผู ู้สอน)

1. แผนการจัดการเรยี นรู้
1.1. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้
1) นกั เรียนสามารถแยกจานวนตามหลักตา่ งๆ ได้
ด้านทกั ษะและกระบวนการ
2) การแก้ปัญหา นักเรียนสามารถหาวิธีการแก้ปัญหาในการแยกจานวนตาม

หลกั ตา่ งๆ
3) การให้เหตุผล นักเรียนเลือกใชว้ ธิ กี ารในการแก้ปญั หาอย่างมีเหตุผล
4) การเชื่อมโยง นักเรียนสามารถนาความรู้เร่ืองการแยกจานวน และการทา

ใหเ้ ปน็ สบิ มาใช้ในการแก้ปัญหาได้
5) การนาเสนอ นกั เรียนสามารถนาเสนอแนวคดิ ในการแกป้ ัญหาได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์
6) นกั เรียนมีความสนใจและตัง้ ใจในการร่วมทากิจกรรมการเรียนรู้
7) นกั เรียนมีความรอบคอบในการทางาน
8) นักเรยี นมีทักษะในการทางานกลุ่มและสามารถทางานร่วมกบั ผู้อืน่ ได้

1.2. มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชว้ี ัด
การกระจายจานวนในแตล่ ะหลกั

1.3. เน้อื หาท่ีเรียน
การกระจาย เป็นการแบ่งหรือการจัดกลมุ่ จานวนออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 10 หรือ

กลุ่มละ 100 โดยการกระจายจานวนตามหลักและค่าเลขโดดของแต่ละหลักเพอื่ ใหเ้ ห็นโครงสร้างของ
จานวน และการหาผลรวมของกลุ่มจานวนจากการกระจายในแต่ละหลกั

1.4. ข้นั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ข้ันการนาเสนอสถานการณป์ ญั หาปลายเปดิ (15 นาที)
1.1) ครูและนกั เรยี นกลา่ วทักทายกัน
1.2) ครูทบทวนนักเรียนเก่ียวกับจานวนที่มากกว่า 100 กลุ่มของ

จานวน 10 และกล่มุ ของจานวน 100 (ครสู ุม่ จานวน)

ปช-๑.๐๓

1.3) ครูเล่าสถานการณ์ปัญหาว่า “เมื่อวานคุณครูไปตลาดมา

คุณครูซ้ือองุ่นแดงมา กิโลกรัมละ 100 บาท จานวน 2 กิโลกรัม และแอปเป้ิลลูกละ 10 บาท จานวน

3 ลูก คุณครูจ่ายตลาดไปเป็นเงินท้ังหมดก่ีบาท” (230 บาท) พร้อมท้ังติดภาพองุ่นแดงและแอปเป้ิล

บนกระดาน

1.4) ครูติดคาสั่งพร้อมถามนักเรียนวา่ “จากราคาของท้ังหมด 230

บาท นักเรยี นคิดว่าครูจา่ ยเงนิ ไปอย่างไร หากครูมธี นบตั รใบละ 100 และเหรียญ 10 บาท”

1.5) ครูให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน พรอ้ มท้ังแจกอปุ กรณ์

2) ขน้ั การเรยี นรดู้ ้วยตนเองของนกั เรียน (25 นาที)

2.1) นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทากิจกรรม เพื่อแยกจานวนตาม

หลกั ตา่ งๆ โดยครูคอยกระตนุ้ และสงั เกตชน้ั เรียน

2.2) นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกวิธีการจ่ายเงินของกลุ่มตนเองลงใน

ใบกจิ กรรม

3) ขั้นการอภปิ รายและการเปรยี บเทียบรว่ มกนั ทัง้ ชน้ั เรยี น (15 นาท)ี

3.1) ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอแนวคดิ ว่า ครูจ่ายเงนิ ไปอยา่ งไร
หากครูมีธนบัตรใบละ 100 และเหรียญ 10 บาท โดยครูจัดลาดับในการนาเสนอแนวคิดของนักเรียน

จากการสังเกตแนวคดิ ที่แตกตา่ งกนั ของนกั เรียนแต่ละกลมุ่

3.2) ครูและนักเรียนสรปุ รว่ มกนั เกยี่ วกับวิธกี ารแยกจานวน 230

4) ขั้นการสรุปโดยการเชือ่ มโยงแนวคิดของนกั เรียน (5 นาท)ี

3.3) ครูและนกั เรียนชว่ ยสรุปเกีย่ วกับการแบ่งจานวนออกเปน็ กลุ่ม

กลุม่ ละ 10 หรอื กลุม่ ละ 100 พรอ้ มทงั้ ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหดั เพอ่ื ทบทวนความรู้

1.5. การวัดและประเมนิ ผล

สง่ิ ท่ีจะประเมิน

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ ีการประเมิน เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้

ด้านความรู้ 1. ประเมินจากการทา 1. ใบกจิ กรรม

1. นกั เรียนสามารถแยกจานวนตามหลกั ต่างๆ ได้ กจิ กรรม

2. การนาเสนอผลงาน

ด้านทักษะและกระบวนการ 1. การอภปิ ราย 1. การ

2. การแก้ปัญหา นักเรียนสามารถหาวิธีการ แลกเปล่ียนความคิดเหน็ นาเสนอ

แกป้ ญั หาในการแยกจานวนตามหลกั ต่างๆ และการนาเสนอผลงาน ผลงานหน้า

3. การให้เหตุผล นักเรียนเลือกใช้วิธีการในการ หน้าช้ันเรียน ช้ันเรยี น
แกป้ ัญหาอยา่ งมีเหตุผล

สงิ่ ทจี่ ะประเมนิ ปช-๑.๐๓
เครอื่ งมอื ท่ีใช้
รายการประเมนิ /จุดประสงค์ วิธกี ารประเมิน
1. ใบกิจกรรม
4. การเชื่อมโยง นักเรียนสามารถนาความรู้เรื่อง 2. การ
นาเสนอ
การแยกจานวน และการทาให้เป็นสิบ มาใช้ใน ผลงานหนา้
ชั้นเรยี น
การแกป้ ญั หาได้

5. การนาเสนอ นักเรียนสามารถนาเสนอแนวคิด

ในการแก้ปญั หาได้

ดา้ นคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ 1. การนาเสนอผลงาน

6. นักเรียนมีความสนใจและตั้งใจในการร่วมทา 2. การอภิปราย

กิจกรรมการเรียนรู้ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็

7. นกั เรยี นมีความรอบคอบในการทางาน และการรบั ฟงั ความ

8. นกั เรยี นมีทกั ษะในการทางานกลมุ่ และสามารถ คิดเห็นจากเพ่อื นในช้ัน

ทางานร่วมกบั ผู้อ่นื ได้ เรียน

2. การดาเนินการสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บคุ ลิกภาพ/การแต่งกาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนที่

สังเกตได้จากครพู ่ีเลีย้ งมดี งั น้ี
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสุขท้งั ครผู ู้สอนและผู้เรียน
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ัฒนาความคิดดว้ ยการลงมือทา แกป้ ัญหาสถานการณ์ปัญหา

ดว้ ยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผสู้ อน
4) ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมร่วมกนั เปน็ กลุ่ม ฝึกใหท้ กุ คนได้มโี อกาสเปน็ ผนู้ า
5) ใชอ้ ปุ กรณป์ ระกอบการสอนอยา่ งเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสท่ีเด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาสว่ นดีของเขา

ปช-๑.๐๓
บุคลิกภาพ :

1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางที่สง่างาม
การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาท่ีถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คลอ่ งแคล่ว ไพเราะออ่ นหวาน และพดู จามีสาระมีเหตุผล

2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณ์ขัน ไมเ่ ครง่ เครยี ดจริงจังจนเกินไป มีอารมณ์แจ่มใส เบิกบาน ยมิ้ แย้ม และร่าเรงิ อยูเ่ สมอ

3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแก้ไขปญั หาเฉพาะหน้า มีการตดั สินใจทด่ี ี มีความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ มคี วามรู้รอบตัวดี เป็นคน
ช่างสังเกต ละเอยี ดรอบคอบ มีความรใู้ นรายวชิ าทสี่ อน

การแต่งกาย : นอกเหนือจากเร่ืองรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหนึง่ ทจี่ ะช่วยใหบ้ ุคลิกภาพดูดีขึ้น การแต่งกายของครผู ู้สอนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด

2.2. รูปแบบ/เทคนิคท่ีใช้ในการสอน
ครผู ู้สอนใช้วธิ ีการสอนแบบเปดิ คือ การชว่ ยให้กจิ กรรมสร้างสรรค์ และวิธีคดิ ในการ

แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตรข์ องนักเรียนใหเ้ กิดข้นึ พร้อมๆ กนั กล่าวคือ ทัง้ กจิ กรรมของนกั เรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พฒั นาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครูผู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนท่จี ะสง่ เสรมิ วิธีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนที่มีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนที่มคี วามสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเชื่อมั่นและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูงขึ้น ผลท่ีเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่นักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงข้ึนที่
จะแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ของพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
จากการที่ได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ

การประยุกตใ์ ชก้ บั การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนเชน่ ให้นกั เรยี นออกไปส่งงานแล้วบอกว่าอย่าแซง
เพ่ือน การแซงเพื่อนเปน็ สิ่งท่ไี ม่ดี

2.4. การสอดแทรกการคดิ วเิ คราะห์
ในรายวชิ าคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ีจาเป็นต้องใช้กระบวนการคิดวิเคราะหม์ าใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบนี้

ปช-๑.๐๓
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซึ่งการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เขา้ ไปในเน้ือหาไดด้ แี ละครบถว้ น

2.5. การแกป้ ัญหาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครั้งน้ีได้เกิดปัญหาขึ้นมา 1 อย่างคือมีนักเรียน

คนหน่ึงไม่เข้าใจสถานการณ์ปัญหาครูผู้สอนเลยแก้ปัญหาด้วยการเข้าไปอธิบายให้เขาฟังตัวต่อตัวจน
นักเรยี นเขา้ ใจและสามารถแกป้ ญั หาไดด้ ้วยตนเองในทีส่ ดุ

2.6. การใช้ภาษาอังกฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบกอ่ นการเรียนการสอนจะมีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษอยตู่ ลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เครื่องหมาย คาส่ังก็
จะมีคาภาษาองั กฤษมาใช้ตลอด

2.7. การพฒั นาทักษะการฟงั พดู อา่ น เขยี นในขณะทีด่ าเนินการสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บ้างและมีใครที่ไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกชื่อเพ่ือเป็นการกระตุ้นใหน้ ักเรยี นได้
ตงั้ ใจฟังครมู ากข้ึน

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนท่ี
ต่างกันทาให้น่าฟังมากย่ิงขึ้นและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคดิ หนา้ ช้นั เรียนเพื่อเปน็ การฝึกทักษะทางด้านของการพูด

การอ่าน : ในทกุ ๆขั้นตอนทีม่ ีคาสงั่ หรอื สถานการณ์ปญั หาครูจะใหน้ ักเรียนไดอ้ า่ นไป
พร้อมกนั กบั ครูเพือ่ ฝึกทกั ษะการอ่านใหน้ กั เรยี นอ่านหนังสือไดค้ ล่องแคลว่ ขน้ึ

การเขียน : หลังจากที่ครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซึ่งนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรีย นออกไปนาเสนอ
แนวคดิ กจ็ ะให้นกั เรียนฝกึ เขียนบนกระดานดาด้วย

2.8. การบรหิ ารจดั การช้ันเรียน
จากการที่ได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ช้ันเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้น

เรียนที่เอ้ืออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีสื่อการ
สอนที่น่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซึ่งทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรยี น ซง่ึ ครเู ป็นผกู้ ากบั และแนะแนวนักเรียนเปน็ ผแู้ สดงบทบาท ครูจะพูดน้อยลง ใหน้ กั เรยี นไดค้ ิด ได้
ถาม ไดแ้ ก้ปญั หา และได้ทากจิ กรรมด้วยตนเอง

ปช-๑.๐๓
2.9. การใช้หลักจิตวิทยาในการสอน

ครจู ะใช้วิธีการดึงดูดผู้เรยี นด้วยการสรา้ งความสนใจเพื่อดึงดูดผู้เรยี นใหม้ าสนใจส่ิงท่ี
ครูกาลังนาเสนอด้วยการบอกว่าถ้าใครตั้งใจฟังเด๋ียวครูจะให้นักเรียนออกมานาเสนอแนวคิดหน้าช้ัน
เรียนและบอกวา่ ถ้าใครน่ังหลังตรงและหลบั ตาจะให้มาทากจิ กรรมร่วมกบั ครู

3. การใชส้ ่อื และแหล่งการเรียนรู้
3.1. ประเภทของสื่อ
สื่อหลกั
1) บตั รตวั เลข
2) ภาพอง่นุ แดงและแอปเปล้ิ
3) ภาพธนบัตรใบละ 100 และเหรยี ญ 10
4) ใบกจิ กรรมเรือ่ ง มาจา่ ยตลาดกนั เถอะ
ส่อื เสริม
1) แถบคาสงั่ พรอ้ มเงื่อนไข
2) แบบฝึกหดั ทบทวน
3.2. ความสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรม
จากการจัดกิจกรรมทม่ี ีเนอ้ื หาเรอื่ ง การกระจาย ปรากฏวา่ นักเรียนสามารถแบง่ หรือ

การจัดกลุ่มจานวนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10 หรือกลุ่มละ 100 โดยการกระจายจานวนตามหลักและ
ค่าเลขโดดของแต่ละหลักเพื่อใหเ้ ห็นโครงสรา้ งของจานวน และการหาผลรวมของกลมุ่ จานวนจากการ
กระจายในแตล่ ะหลักได้นั่นหมายถึงกจิ กรรมน้ีบรรลวุ ัตถุประสงค์ท่ีวางไว้

3.3. คุณภาพของสือ่ ท่ใี ช้
สื่อการเรียนการสอนมีสันสวยงามน่าสนใจสังเกตได้จากการให้ความร่วมมืออย่าง

เต็มท่ีของนักเรียนเม่ือครูขอตัวแทนนักเรียนก็จะแย่งกันออกไปด้านหน้าและมีประสิทธิภาพ มีสีสัน
สดใสและสดคลอ้ งกับเนื้อหาการเรยี นการสอน

3.4. การใช้สือ่ /แหล่งเรยี นรู้นอกสถานที่
ครูใช้ส่ือที่มีอยู่ในชีวิตจริงและนักเรียนรู้จักเป็นอย่างดีจึงทาให้นักเรียนรู้สึก

สนุกสนานกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและทาให้นักเรียนได้เห็นภาพจริงว่าคณิตศาสตร์อยู่
รว่ มกบั ตัวเราในชีวิตประจาวันนนั่ เอง

3.5. การมีส่วนรว่ มในการใชส้ อ่ื ของผู้เรียน
ในการจดั กิกรรมการเรยี นการสอนในคร้ังนี้ครไู ดใ้ ห้ตวั แทนนักเรยี นออกไปใช้สื่อการ

เรยี นการสอนหน้าช้นั เรียนได้ให้นกั เรียนไดว้ าดแนวคิดลงบนส่ือการเรียนการสอนน่ันแสดงว่านักเรยี น
ก็มสี ่วนรว่ มในการใชส้ อ่ื การเรยี นการสอนเชน่ กัน

ปช-๑.๐๓
3.6. ความคุ้มค่าของส่ือท่ใี ช้

จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกช้ิน
ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเน้ือหาทุกชิ้นและที่สาคัญสื่อการเรียนการสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนกับหอ้ งเรยี นอน่ื อกี ดว้ ยนัน่ แสดงว่าส่ือชุดนี้มีความคมุ้ ค่าในการใช้

ลงชือ่ ____________________
( นายจรณชัย ศรปี ระดิษฐ )
ผ้สู ังเกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสงั เกตการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ครั้งที่ ๓
รายวชิ า คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑/๕
วัน จนั ทร์ ที่ ๒๘ เดือน พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๑

เวลา ๑๐.๑๕ – ๑๑.๑๕ น.
คุณครมู าลยั ทิพย์ คนซื่อ (ครูผสู้ อน)

1. แผนการจดั การเรียนรู้
1.1. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) เข้าใจความหมายจานวน 6 และ 7
2) สามารถเขียนรูปภาพ แผนภาพ ตัวเลขและสัญลักษณ์แสดงแทนจานวน 6

และ 7 ได้
3) สามารถเขยี น และอ่านจานวน 6 และ 7 ได้

1.2. มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชว้ี ัด
จานวนทไี่ ม่เกนิ 10

1.3. เนอ้ื หาท่เี รียน
จานวน 6 และ 7 หรือปริมาณท่ีมีอยู่ 6 และ 7 และตัวเลข 6 และ 7 เป็น

สญั ลกั ษณท์ ่ีใช้แสดงแทนปรมิ าณหรอื จานวนของสิ่งต่างๆ ทมี่ อี ยู่ 6 , 7 ตามลาดับ
จานวนท่ีมีค่าไม่เกิน 10 ไดแ้ ก่ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เป็นตัวเลขหรือสัญลักษณ์

ทีใ่ ช้แสดงแทนปริมาณหรอื จานวนของส่งิ ต่างๆ แล้วแตจ่ านวนหรอื ปรมิ าณน้ัน
กลุ่มของจานวนท่ีไม่เกิน 10 กลุ่ม (Set) เป็นการรวมสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน โดยมี

กฎเกณฑห์ รือเงือ่ นไขท่ใี ชใ้ นการรวมกลมุ่ ร่วมกนั
1.4. ขัน้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1) ข้ันท่ี 1 ข้ันนาเสนอสถานการณป์ ญั หาปลายเปดิ (10 นาที)
ครูนาเสนอสถานการณ์ปัญหา โดยครเู ล่าวา่ เม่อื สปั ดาหท์ ่ีแล้วเราได้จัด

งานวันเกิดไปแล้วให้เพ่ือนๆ ที่เกิดในเดือนนี้ วันนี้ครูก็อยากจะจัดงานเล้ียงเพ่ือเป็นการต้อนรับเปิด
เทอมใหมส่ าหรับทุกคน แตล่ ะคนอยากกนิ อะไรบ้างเอย่ เรามาเตรยี มสง่ิ ของสาหรบั งานเลี้ยงกนั เถอะ

ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าในภาพมีอะไรบ้าง โดยให้นักเรียนช่วยกัน
บอกจากภาพที่เหน็

ครูให้นักเรียนช่วยกนั หาส่ิงของทมี่ ีจานวนเท่ากับถ้วยกาแฟ แล้วให้วาด
รูปสิ่งน้ันลงในกระดาษที่ครูแจกให้หลังจากนั้น ให้นักเรียนช่วยกันหาส่ิงของท่ีมีจานวนเท่ากับลูกโป่ง
แลว้ ใหว้ าดลงในกระดาษทค่ี รแู จกให้

ปช-๑.๐๓

2) ขั้นที่ 2 นกั เรียนลงมือแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง (20 นาท)ี

นักเรียนลงมือทากิจกรรม (นักเรียนลงมือหาจานวนส่ิงต่างๆท่ีมีจานวน

เทา่ กบั ถ้วยกาแฟ และลกู โป่ง )

3) ขน้ั ที่ 3 อภิปรายและแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ในช้ันเรียน (20 นาที)

นกั เรียนนาเสนอแนวคดิ ของกลุ่มตอ่ เพื่อนท้ังชั้นเรียน พร้อมท้ังเพื่อนได้

เรียนรู้แนวคิดร่วมกันท้ังช้ันครูถามนักเรียนว่า อะไรท่ีมีจานวนเท่ากับถ้วยกาแฟและลูกโป่ง นักเรียนรู้

ไดอ้ ยา่ งไรว่ามจี านวนเทา่ กนั

4) ขน้ั ที่ 4 รว่ มกันสรปุ โดยพยายามเชอื่ มโยงแนวคิดต่างๆ (10 นาที)

นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย ในประเด็นว่าอะไรท่ีมีจานวนเท่ากับ

ถ้วยกาแฟ และลูกโป่ง นักเรียนรู้ได้อย่างไรว่ามีจานวนเท่ากัน และตัวเลขหรือสัญลักษณ์ท่ีแสดง

จานวนของถว้ ยกาแฟและลูกโปง่ คอื 6 และ 7 ตามลาดับ

1.5. การวดั และประเมินผล

ส่ิงที่จะประเมนิ

รายการประเมนิ /จดุ ประสงค์ วิธีการประเมนิ เคร่อื งมือทีใ่ ช้

ด้านความรู้ 1. ประเมินจากการทา 1. ใบกจิ กรรม

1. นักเรียนสามารถแยกจานวนตามหลักต่างๆ ได้ กจิ กรรม

2. การนาเสนอผลงาน

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 1. การอภปิ ราย 1. การ

2. การแก้ปัญหา นักเรียนสามารถหาวิธีการ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ นาเสนอ

แก้ปญั หาในการแยกจานวนตามหลกั ต่างๆ และการนาเสนอผลงาน ผลงานหน้า

3. การให้เหตุผล นักเรียนเลือกใช้วิธีการในการ หน้าชัน้ เรียน ช้ันเรยี น

แก้ปัญหาอย่างมเี หตุผล

4. การเชื่อมโยง นักเรียนสามารถนาความรู้เร่ือง

การแยกจานวน และการทาให้เป็นสิบ มาใช้ใน

การแกป้ ญั หาได้

5. การนาเสนอ นักเรียนสามารถนาเสนอแนวคิด

ในการแก้ปญั หาได้

ด้านคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ 1. การนาเสนอผลงาน 1. ใบกจิ กรรม

1. นักเรียนมีความสนใจและต้ังใจในการร่วมทา 2. การอภปิ ราย 2. การ

กจิ กรรมการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ นาเสนอ

2. นักเรียนมคี วามรอบคอบในการทางาน และการรบั ฟังความ ผลงานหนา้

ส่งิ ทจ่ี ะประเมนิ ปช-๑.๐๓

รายการประเมนิ /จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมิน เคร่อื งมอื ท่ใี ช้
ช้ันเรยี น
3. นักเรียนมีทักษะในการทางานกลุ่มและสามารถ คิดเหน็ จากเพ่ือนในชั้น

ทางานรว่ มกับผอู้ ่ืนได้ เรยี น

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤตกิ รรมการสอน/บุคลกิ ภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนที่

สังเกตไดจ้ ากครูพเ่ี ลย้ี งมดี ังน้ี
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสุขท้งั ครูผสู้ อนและผูเ้ รยี น
2) ให้นักเรียนได้พัฒนาความคิดด้วยการลงมอื ทา แก้ปัญหาสถานการณป์ ัญหา

ดว้ ยตนเองและออกมานาเสนอหน้าช้นั เรยี น
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผู้สอน
4) ให้นกั เรียนทากจิ กรรมรว่ มกนั เปน็ กลุม่ ฝกึ ใหท้ ุกคนได้มีโอกาสเป็นผนู้ า
5) ใชอ้ ุปกรณป์ ระกอบการสอนอยา่ งเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาสว่ นดีของเขา
บุคลิกภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางที่สง่างาม

การแต่งกายที่เหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาท่ีถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คล่องแคล่ว ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามีสาระมเี หตผุ ล

2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณข์ ัน ไมเ่ คร่งเครียดจรงิ จังจนเกนิ ไป มอี ารมณแ์ จ่มใส เบกิ บาน ย้มิ แยม้ และรา่ เริงอยู่เสมอ

3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มีการตดั สินใจทีด่ ี มีความคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ มคี วามรู้รอบตัวดี เป็นคน
ช่างสังเกต ละเอยี ดรอบคอบ มคี วามรู้ในรายวชิ าทสี่ อน

ปช-๑.๐๓
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเร่ืองรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหนงึ่ ทจ่ี ะช่วยให้บุคลกิ ภาพดูดขี ึ้น การแต่งกายของครูผู้สอนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด
2.2. รปู แบบ/เทคนิคที่ใช้ในการสอน
ครูผู้สอนใช้วธิ ีการสอนแบบเปดิ คอื การชว่ ยให้กิจกรรมสรา้ งสรรค์ และวิธีคิดในการ
แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ของนกั เรียนใหเ้ กิดข้นึ พร้อมๆ กัน กล่าวคอื ทงั้ กิจกรรมของนักเรยี น และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครผู ู้สอนจึงสร้างกิจกรรมในห้องเรียนทจ่ี ะส่งเสริมวธิ ีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนที่มคี วามสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกับกิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการท่ีตนเชื่อม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูงขึ้น ผลท่ีเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่นักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงข้ึนท่ี
จะแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตรข์ องพวกเขา
2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
จากการที่ได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ
การประยุกต์ใช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนตั้งใจฟังครูสอน ให้ปฏิบัตติ นเป็น
นักเรียนที่ดขี องครู
2.4. การสอดแทรกการคดิ วิเคราะห์
ในรายวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ีจาเปน็ ต้องใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์มาใช้ในการ
แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดก ารเรียนการสอนแบบน้ี
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซ่ึงการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเนื้อหาได้ดแี ละครบถว้ น
2.5. การแกป้ ญั หาระหวา่ งสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในช่วงแรกๆครูตัดเทปกาวท่ีติดส่ือการสอนไม่
ทนั ครูจึงใช้วิธีการพูดกบนักเรียนไปเรื่อยๆและตัดเทปกาวไปด้วยซึ่งนักเรียนก็จะไม่รู้ว่าครตู ัดเทปกาว
ไม่ทนั

ปช-๑.๐๓
2.6. การใช้ภาษาอังกฤษสอดแทรกในการสอน

ในทุกๆคาบกอ่ นการเรียนการสอนจะมีการทักทายเปน็ ภาษาอังกฤษอยูต่ ลอดและใน
เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เคร่ืองหมาย คาสั่งก็
จะมคี าภาษาองั กฤษมาใชต้ ลอด

2.7. การพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียนในขณะท่ีดาเนนิ การสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บา้ งและมีใครท่ีไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกชื่อเพอื่ เป็นการกระตุน้ ใหน้ ักเรยี นได้
ตั้งใจฟังครูมากข้นึ

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนที่
ต่างกันทาให้น่าฟังมากย่ิงขึ้นและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคดิ หน้าช้นั เรยี นเพื่อเป็นการฝึกทกั ษะทางด้านของการพูด

การอ่าน : ในทกุ ๆขน้ั ตอนท่มี ีคาส่ังหรอื สถานการณ์ปญั หาครูจะใหน้ ักเรียนได้อา่ นไป
พร้อมกนั กบั ครูเพือ่ ฝกึ ทักษะการอา่ นให้นกั เรยี นอ่านหนงั สอื ไดค้ ล่องแคล่วขึ้น

การเขียน : หลังจากท่ีครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดกจ็ ะให้นักเรยี นฝกึ เขยี นบนกระดานดาด้วย

2.8. การบรหิ ารจดั การช้ันเรียน
จากการที่ได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ช้ันเรียนแบบนวัตกรรม เป็นช้ัน

เรียนท่ีเอื้ออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีส่ือการ
สอนที่น่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซ่ึงทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรียน ซง่ึ ครเู ป็นผู้กากับและแนะแนวนักเรยี นเป็นผู้แสดงบทบาท ครูจะพดู น้อยลง ใหน้ ักเรยี นไดค้ ิด ได้
ถาม ได้แก้ปัญหา และไดท้ ากิจกรรมดว้ ยตนเอง

2.9. การใชห้ ลักจิตวิทยาในการสอน
ครูจะใช้วิธีการดึงดูดผู้เรียนด้วยการสร้างสื่อการสอนท่ีสอดคล้องกับตัวผู้เรียนคือ

วันน้ีเป็นวนั เกิดของนักเรียนในห้องนี้ 1 คนครูจึงจัดกิจกรรมเรื่องการจัดงานวนั เกิดทาให้นักเรียนรู้สึก
สนกุ และตน่ื เตน้

3. การใช้สื่อและแหล่งการเรียนรู้
3.1. ประเภทของสอ่ื
ส่อื หลัก
1) รูปภาพในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ญี่ปุ่นหน้า 16 และ 18 (ขนาดใหญ่

สาหรบั ตดิ กระดาน)

ปช-๑.๐๓
2) รูปภาพในหนังสือเรียน หน้า 16 และ 18 (ขนาดสาหรับแจกให้นักเรียนแต่
ละกลุ่ม)
3) รูปภาพบล็อกแทนจานวน 6
4) รปู ภาพบลอ็ กแทนจานวน 7
5) บัตรตวั เลข 6
6) บตั รคาอา่ นตัวเลขหก
7) บตั รตัวเลข 7
8) บตั รคาอ่านตัวเลขเจ็ด
9) ปา้ ยคาสง่ั
สือ่ เสรมิ
1) บตั รรูปภาพกลุ่มของถ้วยแกว้ 6 ใบ
2) บัตรรูปภาพกลุ่มของโดนัท 6 ช้ิน
3) บตั รรปู ภาพกลมุ่ ของท็อฟฟ่ี 7 ชนิ้
4) บัตรรปู ภาพกลมุ่ ของลกู โปง่ 7 ลูก
5) บล็อกไม้
3.2. ความสอดคล้องกับวัตถุประสงคข์ องกจิ กรรม
จากการจดั กิจกรรมทีม่ เี นือ้ หาเร่ือง จานวน 6,7 ปรากฏว่านกั เรยี นสามารถบอกได้ว่า

- จานวน 6 และ 7 หรือปริมาณที่มีอยู่ 6 และ 7 และตัวเลข 6 และ
7 เป็นสัญลักษณ์ทีใ่ ชแ้ สดงแทนปรมิ าณหรอื จานวนของส่ิงตา่ งๆ ทม่ี ีอยู่ 6,7 ตามลาดับ

- จานวนที่มีค่าไม่เกิน 10 ได้แก่ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เป็นตัวเลข
หรอื สญั ลักษณท์ ีใ่ ช้แสดงแทนปริมาณหรอื จานวนของส่ิงตา่ งๆ แลว้ แต่จานวนหรือปรมิ าณนน้ั

- กลุ่มของจานวนที่ไม่เกิน 10 กลุ่ม (Set) เป็นการรวมส่ิงต่างๆเข้า
ด้วยกัน โดยมีกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ใช้ในการรวมกลุ่มร่วมกันได้นั่นหมายถึงกิจกรรมน้ีบรรลุ
วัตถุประสงค์ทวี่ างไว้

3.3. คณุ ภาพของสือ่ ท่ีใช้
สื่อการเรียนการสอนมีสันสวยงามน่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียน มีความ

แขง็ แรง คงทนและมีขนาดใหญส่ ามารถมองได้จากระยะไกล
3.4. การใช้สือ่ /แหล่งเรียนรู้นอกสถานท่ี
ครูใช้สื่อที่มีอยู่ในชีวิตจริงและนักเรียนรู้จักเป็นอย่างดีจึงทาให้นักเรียนรู้สึก

สนุกสนานกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและทาให้นักเรียนได้เห็นภาพจริงว่าคณิตศาสตร์อยู่
รว่ มกับตัวเราในชีวิตประจาวนั น่ันเอง

ปช-๑.๐๓
3.5. การมีส่วนรว่ มในการใชส้ ื่อของผูเ้ รียน

ในการจดั กิกรรมการเรียนการสอนในครั้งนี้ครูได้ให้ตวั แทนนกั เรียนออกไปใช้ส่ือการ
เรยี นการสอนหน้าชัน้ เรียนได้ให้นกั เรยี นไดว้ าดแนวคิดลงบนส่ือการเรียนการสอนนั่นแสดงว่านักเรยี น
ก็มสี ่วนร่วมในการใช้ส่อื การเรยี นการสอนเชน่ กนั

3.6. ความคมุ้ คา่ ของสื่อท่ีใช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกชิ้น

ล้วนมีความเก่ียวข้องกับเน้ือหาทุกชิ้นและท่ีสาคัญส่ือการเรียนกา รสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรยี นการสอนกับห้องเรยี นอนื่ อกี ด้วยน่นั แสดงวา่ สื่อชุดนม้ี ีความคุม้ ค่าในการใช้

ลงชอ่ื ____________________
( นายจรณชยั ศรปี ระดิษฐ )
ผ้สู ังเกต

ปช-๑.๐๓

รายงานการสังเกตการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ครั้งที่ ๕

รายวชิ า คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑/๔

วนั พธุ ที่ ๓๐ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๙.๑๕ – ๑๐.๑๕ น.

คุณครูสุภาวดี ศรงี าม(ครูผสู้ อน)

1. แผนการจดั การเรยี นรู้

1.1. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ด้านความรู้

1) นักเรยี นสามารถเรยี งลาดบั จานวน 1 ถงึ 10 และ 0 ได้

ด้านทักษะและกระบวนการ

2) นกั เรยี นสามารถแกป้ ัญหาสถานการณป์ ัญหาทก่ี าหนดให้ได้

3) นักเรยี นสามารถสอ่ื สารแนวคิดของตนเองใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจได้

4) นกั เรียนสามารถเชื่อมโยงความรไู้ ปส่ชู วี ติ ประจาวนั ได้

ด้านคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์

5) นักเรยี นเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนร้อู ย่างต้งั ใจ ม่งุ ม่นั และเพยี รพยายาม

6) นักเรียนรับผิดชอบในการทางานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และสาเร็จ

ตามเป้าหมาย

7) นกั เรียนยอมรบั ฟงั แนวคดิ และกล้าแสดงความคดิ เห็นต่อผู้อื่น

1.2. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ดั

การเปรียบเทียบจานวน

1.3. เนื้อหาที่เรียน

จานวน 1 ถึง 10 และ 0 สามารถนามาเปรียบเทียบกันได้ ถ้ามีค่าไม่เท่ากัน

อาจจะมีคา่ มากกวา่ หรอื นอ้ ยกว่าอย่างใดอย่างหนง่ึ

การเรียงลาดับจานวน เปน็ การนาจานวนมาจัดเรียงลาดับ ซ่ึงทาได้ 2 ลักษณะ

คอื การเรยี งลาดบั จากจานวนท่มี คี า่ นอ้ ยไปค่ามาก และการเรยี งลาดบั จานวนทม่ี ีค่ามากไปคา่ น้อย

1.4. ขนั้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

1) ขน้ั การนาเสนอสถานการณ์ปัญหาปลายเปิด (10 นาที)

- ครแู ละนกั เรียนทกั ทายกัน

- ครแู ละนกั เรยี นทบทวนจานวน 1 ถงึ 10 และ 0

- ครูเข้าสู่สถานการณ์ว่า “ณ เมืองแห่งหน่ึงมีสโนไวท์กับแม่เลี้ยงใจ

ร้ายอาศัยอยู่ แม่เลี้ยงจะคอยใช้งานสโนไวท์อยู่เสมอ และวันน้ีแม่เล้ียงได้เปิดห้องเก็บของและหยิบ

ปช-๑.๐๓

บัตรตัวเลขมากองไว้ตรงหนา้ ของสโนไวท์อยา่ งกระจัดกระจาย สโนไวทไ์ ด้แต่นัง่ ร้องไห้และคิดว่าตนทา

คนเดียวไมไ่ หว ครอู ยากให้นอ้ งๆทุกคนช่วยสโนไวทท์ างานน้ไี ดไ้ หมคะ”

- ครูแสดงบัตรจานวนต่างๆ เริ่มจากเป็นบัตรตัวเลขฮินดูอารบิก 0-

10 แลว้ หยิบบัตรตวั เลขทลี ะคู่ มาถามนักเรียนวา่ จานวนไหนมากกว่ากัน

2) ข้ันการเรียนรูด้ ้วยตนเองของนกั เรียน (20 นาท)ี

- ครูวางบัตรตัวเลข โดยเว้นช่องว่างไว้ เช่น 0 _ 2 3 _ _6 7 _ _

แลว้ ขอตัวแทนนักเรียนมาจัดเรียงบตั รตวั เลขให้ถูกตอ้ ง

- ครเู ปลยี่ นจากวางบตั รตัวเลขฮินดูอารบิก เปน็ บัตรตัวเลขไทย บตั ร

คาภาษาไทย และคาภาษาอังกฤษ แล้วให้ตัวแทนนักเรียนมาจัดเรียงลาดับให้ถูกต้อง โดยพยายามให้

นักเรยี นไดม้ สี ว่ นรว่ มหนา้ ช้นั เรยี นทุกคน

3) ขน้ั การอภิปรายและการเปรียบเทยี บรว่ มกันทงั้ ชั้นเรียน (15 นาท)ี

- ครูและนกั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งในการจดั เรยี งลาดับ

ของจานวนแบบต่างๆ ถ้าผดิ พลาดส่วนใดใหน้ กั เรยี นช่วยกนั จดั เรยี งใหมใ่ หถ้ ูกต้อง

4) ขน้ั การสรุปโดยการเชอ่ื มโยงแนวคดิ ของนกั เรยี น (15 นาที)
- ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปแนวคิดและส่ิงท่ีได้เรียนรู้ เรื่อง การ

เปรียบเทยี บจานวน และการเรยี งลาดบั จานวน

- ครูมอบหมายให้นักเรียนทาใบงาน เรื่อง การเรียงลาดับจานวน 1

ถึง 10 และ 0

1.5. การวัดและประเมินผล

ส่ิงทจี่ ะประเมิน

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ ีการประเมิน เครือ่ งมือทใี่ ช้

ด้านความรู้ 1. การทาใบกจิ กรรม เร่ือง การเรยี งลาดับ 1. ใบกจิ กรรม

1. นักเรียนสามารถเรียงลาดับ จานวน 1 ถงึ 10 และ 0 เร่ือง การ

จานวน 1 ถงึ 10 และ 0 ได้ 2. การตอบคาถามและการอภิปรายแลกเปลย่ี น เรยี งลาดับจานวน

ความคิดเห็นระหวา่ งการทากจิ กรรมการเรยี นรู้ 1 ถงึ 10 และ 0

ดา้ นทักษะและกระบวนการ 1. การอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น 1. การทากิจกรรม

1. นักเรียนสามารถแ ก้ปัญหา ระหว่างการทากิจกรรมการเรียนรู้ การเรียนรู้

สถานการณ์ปัญหาทก่ี าหนดใหไ้ ด้ 2. การมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรยี นรู้

2. นักเรียนสามารถสื่อสารแนวคิด

ของตนเองให้ผอู้ ่นื เขา้ ใจได้

ปช-๑.๐๓

ส่งิ ที่จะประเมนิ

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เคร่อื งมือท่ีใช้

3. นักเรียนสามารถเช่ือมโยงความรู้

ไปสูช่ วี ติ ประจาวนั ได้

ด้านคณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ 1. การมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรียนรู้ 1. การทากิจกรรม

1. นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมการ 2. การทาใบกิจกรรม เรื่อง การเรียงลาดับ การเรียนรู้

เรียนรู้อย่างต้ังใจ มุ่งมั่น และเพียร จานวน 1 ถึง 10 และ 0 2. ใบกจิ กรรม

พยายาม 3. การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรอื่ ง การ

2. นกั เรียนรบั ผดิ ชอบในการทางาน ระหว่างการนาเสนอแนวคิด และการรับฟัง เรยี งลาดบั จานวน

อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และ ความคิดเห็นจากเพ่อื นในกลุ่มและเพ่ือนร่วมชั้น 1 ถึง 10 และ 0

สาเร็จตามเปา้ หมาย เรยี น

3. นักเรียนยอมรับฟังแนวคิดและ

กล้าแสดงความคดิ เห็นตอ่ ผู้อ่นื

2. การดาเนินการสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บุคลกิ ภาพ/การแต่งกาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนที่

สงั เกตไดจ้ ากครูพ่เี ลยี้ งมดี ังนี้
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสุขท้ังครผู ้สู อนและผู้เรียน
2) ให้นักเรียนได้พฒั นาความคดิ ด้วยการลงมอื ทา แก้ปญั หาสถานการณ์ปัญหา

ดว้ ยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผูส้ อน
4) ให้นกั เรียนทากจิ กรรมร่วมกนั เป็นกลมุ่ ฝกึ ใหท้ กุ คนได้มโี อกาสเป็นผูน้ า
5) ใช้อปุ กรณป์ ระกอบการสอนอย่างเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเมื่อมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาสว่ นดขี องเขา

ปช-๑.๐๓
บุคลกิ ภาพ :

1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางท่ีสง่างาม
การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คลอ่ งแคล่ว ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามีสาระมเี หตุผล

2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณข์ ัน ไม่เคร่งเครียดจริงจงั จนเกนิ ไป มอี ารมณ์แจม่ ใส เบิกบาน ยมิ้ แยม้ และร่าเริงอยูเ่ สมอ

3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ มีการตดั สินใจทด่ี ี มีความคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ มคี วามรรู้ อบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสงั เกต ละเอยี ดรอบคอบ มคี วามรู้ในรายวชิ าท่ีสอน

การแต่งกาย : นอกเหนือจากเรื่องรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหน่งึ ทจ่ี ะชว่ ยใหบ้ ุคลกิ ภาพดูดขี ึน้ การแตง่ กายของครผู สู้ อนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด

2.2. รูปแบบ/เทคนคิ ทใ่ี ชใ้ นการสอน
ครูผูส้ อนใช้วธิ ีการสอนแบบเปิด คือ การช่วยให้กจิ กรรมสร้างสรรค์ และวธิ ีคิดในการ

แกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตรข์ องนักเรียนใหเ้ กิดข้นึ พร้อมๆ กนั กล่าวคือ ทง้ั กจิ กรรมของนักเรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครูผู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนทจ่ี ะส่งเสริมวิธีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะที่นักเรียนที่มีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนที่มคี วามสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเชื่อม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ท่ีมีความซับซ้อนสูงขึ้น ผลที่เกิดข้ึน มีความเป็นไปได้ที่นักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงข้ึนท่ี
จะแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ของพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
จากการที่ได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ

การประยุกต์ใช้กับการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนตั้งใจฟังครูสอน ใหป้ ฏิบัติตนเป็น
นกั เรียนที่ดีของครู

2.4. การสอดแทรกการคิดวิเคราะห์
ในรายวชิ าคณิตศาสตร์เปน็ วิชาท่ีจาเปน็ ต้องใชก้ ระบวนการคิดวเิ คราะห์มาใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบนี้

ปช-๑.๐๓
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซึ่งการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เขา้ ไปในเน้อื หาไดด้ ีและครบถว้ น

2.5. การแก้ปญั หาระหวา่ งสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนหลายคนไม่ฟัง ลุกขึ้นว่ิงไปมา

ครูผู้สอนจึงใช้วิธีการเดินไปรอบห้องๆพร้อมกับสอนไปด้วยและใครท่ีไม่ฟังก็จะมีการลงโทษเป็น
ตวั อยา่ งเพือ่ ไม่ให้เพื่อนทาตาม

2.6. การใช้ภาษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบก่อนการเรยี นการสอนจะมีการทักทายเปน็ ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เครื่องหมาย คาสั่งก็
จะมคี าภาษาองั กฤษมาใชต้ ลอด

2.7. การพัฒนาทกั ษะการฟงั พูด อา่ น เขยี นในขณะทีด่ าเนินการสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บา้ งและมีใครที่ไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกช่ือเพ่อื เป็นการกระตนุ้ ให้นักเรยี นได้
ตง้ั ใจฟังครูมากขึ้น

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนที่
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหน้าช้นั เรยี นเพอื่ เป็นการฝึกทกั ษะทางดา้ นของการพูด

การอา่ น : ในทกุ ๆขนั้ ตอนทมี่ คี าสง่ั หรือสถานการณ์ปัญหาครูจะให้นักเรียนได้อา่ นไป
พร้อมกนั กับครเู พ่ือฝกึ ทกั ษะการอ่านให้นกั เรยี นอา่ นหนงั สอื ได้คล่องแคล่วขนึ้

การเขียน : หลังจากท่ีครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซึ่งนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเม่ือมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคดิ กจ็ ะใหน้ กั เรยี นฝกึ เขยี นบนกระดานดาดว้ ย

2.8. การบรหิ ารจัดการชัน้ เรยี น
จากการท่ีได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้น

เรียนท่ีเอ้ืออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีส่ือการ
สอนที่น่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซ่ึงทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรียน ซง่ึ ครเู ปน็ ผกู้ ากับและแนะแนวนักเรียนเป็นผูแ้ สดงบทบาท ครูจะพูดน้อยลง ให้นักเรียนไดค้ ดิ ได้
ถาม ได้แก้ปญั หา และไดท้ ากจิ กรรมดว้ ยตนเอง

ปช-๑.๐๓
2.9. การใชห้ ลกั จิตวิทยาในการสอน

ครูจะใช้วิธีการเสริมแรงทางลบกับพฤติกรรมของผู้เรียนที่ไม่ควรปฏิบัติด้วยการ
ลงโทษใหเ้ พอื่ นๆเหน็ แลว้ ว่าถา้ ทาตามกจ็ ะถูกลงโทษอกี เหมือนกับเพื่อนคนนัน้

3. การใชส้ ่ือและแหล่งการเรยี นรู้
3.1. ประเภทของสอื่
สอ่ื หลัก
1) บตั รตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ 1 ถึง 10 และ 0
2) บตั รตวั เลขไทย ๑ ถงึ ๑๐ และ ๐
3) บัตรคาภาษาไทย หน่งึ ถงึ สบิ และ ศูนย์
4) บตั รคาภาษาองั กฤษ One ถึง Ten และ Zero
สื่อเสริม
1) แถบกิจกรรม
2) ภาพกจิ กรรม
3) ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง การเรียงลาดับจานวน 1 ถงึ 10 และ 0
3.2. ความสอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ของกจิ กรรม
จากการจัดกิจกรรมท่ีมีเนื้อหาเร่ือง การเปรียบเทียบจานวน ปรากฏว่านักเรียน

สามารถบอกไดว้ ่า
จานวน 1 ถึง 10 และ 0 สามารถนามาเปรียบเทียบกันได้ ถ้ามีค่าไม่เท่ากัน

อาจจะมคี า่ มากกวา่ หรือน้อยกวา่ อย่างใดอย่างหนง่ึ
การเรียงลาดบั จานวน เป็นการนาจานวนมาจัดเรียงลาดับ ซ่ึงทาได้ 2 ลักษณะ

คือ การเรียงลาดบั จากจานวนทม่ี ีค่าน้อยไปค่ามาก และการเรยี งลาดบั จานวนที่มคี ่ามากไปค่าน้อย ได้
นั่นหมายถงึ กิจกรรมนี้บรรลุวัตถุประสงค์ทีว่ างไว้

3.3. คุณภาพของส่ือทีใ่ ช้
ส่อื การเรยี นการสอนมีสนั สวยงามน่าสนใจและเปน็ ท่ชี ืน่ ชอบของนกั เรียน

3.4. การใช้สอ่ื /แหล่งเรียนร้นู อกสถานท่ี
ครูใช้สื่อที่มีทันสมัยและนักเรียนรู้จักเป็นอย่างดีจึงทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกสนานกับ

การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
3.5. การมีส่วนรว่ มในการใชส้ ือ่ ของผู้เรยี น
ในการจัดกิกรรมการเรียนการสอนในคร้ังนี้ครูได้ให้ตวั แทนนักเรยี นออกไปใช้สื่อการ

เรียนการสอนหนา้ ชั้นเรียนไดใ้ ห้นักเรียนได้ติดบตั รคาตามตาแหน่งตา่ งบนกระดานดา

ปช-๑.๐๓
3.6. ความคุ้มค่าของส่ือท่ใี ช้

จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกช้ิน
ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเน้ือหาทุกชิ้นและที่สาคัญสื่อการเรียนการสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนกับหอ้ งเรยี นอน่ื อกี ดว้ ยนัน่ แสดงว่าส่ือชุดนี้มีความคมุ้ ค่าในการใช้

ลงชือ่ ____________________
( นายจรณชัย ศรปี ระดิษฐ )
ผ้สู ังเกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสงั เกตการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ คร้งั ท่ี ๖
รายวชิ า คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๒/๕
วัน พธุ ที่ ๓๐ เดือน พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑

เวลา ๑๒.๑๕ – ๑๓.๑๕ น.
คณุ ครมู าลยั ทิพย์ คนซือ่ (ครูผ้สู อน)

1. แผนการจดั การเรียนรู้
1.1. จุดประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้
1) นกั เรยี นสามารถหาผลบวกและผลลบของจานวนไมเ่ กิน 1000 ได้
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ
2) การแก้ปัญหา นักเรียนสามารถแก้ไขปัญหาการบวกและการลบจานวนไม่

เกิน 1000 ได้
3) การส่ือสาร นักเรียนสามารถบอกวิธีการบวกและการลบจานวนไม่เกิน

1000 ได้
4) การให้เหตผุ ล นักเรยี นสามารถเลือกใชว้ ิธีการแก้ปัญหาอยา่ งมเี หตุผล
5) การสื่อสารทางคณิตศาสตร์ นักเรียนสามารถใช้ภาษา ข้อความ สัญลักษณ์

ในการสื่อสารระหว่างการนาเสนอได้
ด้านคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์
6) นักเรยี นมีม่งุ มน่ั และต้งั ใจในการร่วมทากิจกรรม
7) นกั เรียนสามารถพัฒนาทกั ษะทางการคดิ ได้
8) นกั เรียนมีความรอบคอบและมีความซ่ือสตั ย์ในการทางาน
9) นักเรยี นมีความใฝร่ ู้ ใฝ่เรียน

1.2. มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ดั
การบวกและการลบจานวนไม่เกิน 1000

1.3. เนอื้ หาที่เรียน
การบวก หมายถึงการดาเนินการระหว่างจานวนสองจานวน โดยที่จานวนที่หนึ่งคือ

ตัวต้ัง และจานวนท่ีสองคือตัวบวก ผลจากการดาเนินการของจานวนทั้งสองจานวนเรียกว่า ผลบวก

ซึ่งมคี วามหมายโดยรวมคอื การรวมกันและเพิ่มขึ้น โดยใช้เคร่ืองหมาย ( + ) เป็นสัญลักษณ์แสดงแทน

การบวก

การลบ หมายถงึ การดาเนนิ การระหว่างจานวนสองจานวน โดยทีจ่ านวนท่หี นง่ึ คอื ตัว

ตั้ง และจานวนที่สองคือตัวลบ ผลจากการดาเนินการของจานวนทั้งสองจานวนเรียกว่า ผลลบ ซ่ึงมี

ปช-๑.๐๓
ความหมายโดยรวมคือเหลืออยู่ การเอาออกไปและความแตกต่าง โดยใช้เคร่ืองหมาย ( - ) เป็น
สัญลกั ษณแ์ สดงแทนการลบ

1.4. ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
1) ขนั้ การนาเสนอสถานการณ์ปญั หาปลายเปิด (15 นาท)ี
- ครแู ละนักเรียนกลา่ วทกั ทายกัน
- ครูเล่าสถานการณ์ปัญหาเกี่ยวกับการไปซื้อสินค้าของคุณครูว่า

“ตอนเชา้ ก่อนมาโรงเรียนคุณครไู ด้ไปซ้อื ขนมในตลาดไชยา คุณครูซอ้ื ขนมเลยม์ า 1 ถุง ราคาถุงละ 30
บาท และซ้ือลูกอม 1 ถุง ราคาถุงละ 40 บาท คุณครูอยากทราบว่าเช้าน้ีคุณครูใช้เงินซื้อขนมไป
ทั้งหมดกบ่ี าท” ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั คดิ และส่มุ ตัวแทนนกั เรียนออกมาแสดงแนวคิดหน้าช้นั เรียน

- ครูเล่าสถานการณ์ต่อมา “หลังจากน้ันคุณครูก็ได้ไปซื้อกระดาษ
สีมาทาส่ือการสอน คุณครูซื้อกระดาษสีมาทั้งหมด 90 แผ่น มาถึงโรงเรียนเพื่อนคุณครูขอไปอีก 40
แผ่น ตอนนี้คุณครูเหลือกระดาษสีทั้งหมดก่ีแผ่น” ให้นักเรียนช่วยกันคิดและสุ่มตัวแทนนักเรียน
ออกมาแสดงแนวคดิ หนา้ ชั้นเรยี น

- ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาท้ังสอง
สถานการณ์

- ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนทาใบกิจกรรมเทา่ ไรกนั นะ เปน็ รายบุคคล
2) ขั้นการเรียนรดู้ ้วยตนเองของนกั เรยี น (25 นาที)

- นักเรียนแต่ละคนทาใบกิจกรรมเท่าไรกันนะ โดยครูคอยกระตุ้น
และสงั เกตชั้นเรียน

3) ข้ันการอภิปรายและการเปรยี บเทยี บร่วมกันท้ังชัน้ เรียน (15 นาท)ี
- ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอแนวคิดหรือวิธีการคิดจาก

การทากจิ กรรมเทา่ ไรกันนะ หนา้ ชั้นเรียน
4) ขัน้ การสรุปโดยการเชอ่ื มโยงแนวคดิ ของนกั เรียน (5 นาที)
- ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปแนวคิดเก่ียวกับการบวกและการลบ

จานวนไม่เกนิ 1000

ปช-๑.๐๓

1.5. การวดั และประเมินผล

สิ่งที่จะประเมนิ

รายการประเมนิ /จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เครอ่ื งมือที่ใช้

ดา้ นความรู้ 1. ประเมินจากการทา 1. ใบกจิ กรรม

1. นักเรียนสามารถหาผลบวกและผลลบของจานวน กจิ กรรม

ไม่เกิน 1000 ได้ 2. การนาเสนอผลงาน

ดา้ นทักษะและกระบวนการ 1. การอภิปราย 1. การ

1. การแก้ปัญหา นักเรียนสามารถแก้ไขปัญหาการ แลกเปล่ยี นความ นาเสนอ

บวกและการลบจานวนไมเ่ กิน 1000 ได้ คิดเห็นระหว่างการ ผลงานหนา้

2. การสื่อสาร นักเรียนสามารถบอกวิธีการบวกและ นาเสนอผลงาน การรับ ช้นั เรยี น

การลบจานวนไม่เกิน 1000 ได้ ฟงั ความคิดเห็นจาก 2 . ก า ร ต อ บ

3. การให้เหตุผล นักเรียนสามารถเลือกใช้วิธีการ เพือ่ นในช้นั เรยี น คาถาม

แก้ปัญหาอยา่ งมีเหตผุ ล 2. การตอบคาถาม

4. การส่ือสารทางคณิตศาสตร์ นักเรียนสามารถใช้

ภาษา ข้อความ สัญลักษณ์ ในการสือ่ สารระหว่างการ

นาเสนอได้

ด้านคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 1. การนาเสนอผลงาน 1. ใบกิจกรรม

1. นักเรยี นมมี ุ่งมนั่ และตัง้ ใจในการรว่ มทากจิ กรรม 2. การอภปิ ราย 2. การ

2. นกั เรยี นสามารถพฒั นาทกั ษะทางการคิดได้ แลกเปลยี่ นความ นาเสนอ

3. นักเรียนมีความรอบคอบและมีความซ่ือสัตย์ใน คิดเห็นและการรบั ฟัง ผลงานหนา้
ความคิดเหน็ จากเพื่อน ช้นั เรียน
การทางาน ในช้ันเรยี น
4. นกั เรยี นมคี วามใฝ่รู้ ใฝ่เรียน

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บคุ ลิกภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนที่

สังเกตไดจ้ ากครูพ่เี ลย้ี งมดี งั น้ี
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสุขทั้งครูผู้สอนและผู้เรียน

ปช-๑.๐๓
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ัฒนาความคดิ ด้วยการลงมือทา แกป้ ัญหาสถานการณ์ปัญหา
ดว้ ยตนเองและออกมานาเสนอหน้าชน้ั เรียน
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา
จากครูผสู้ อน
4) ให้นักเรยี นทากจิ กรรมรว่ มกันเป็นกล่มุ ฝกึ ให้ทุกคนไดม้ โี อกาสเปน็ ผู้นา
5) ใช้อุปกรณ์ประกอบการสอนอย่างเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเมื่อมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย
การมองหาสว่ นดขี องเขา
บุคลกิ ภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางท่ีสง่างาม
การแต่งกายที่เหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คล่องแคล่ว ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามสี าระมีเหตผุ ล
2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมีอารมณข์ นั ไม่เคร่งเครียดจรงิ จงั จนเกินไป มอี ารมณ์แจม่ ใส เบกิ บาน ยิ้มแย้ม และร่าเริงอยู่เสมอ
3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบที่ดี มีความสามารถ
ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มีการตดั สินใจท่ดี ี มีความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์ มีความร้รู อบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสังเกต ละเอียดรอบคอบ มคี วามรู้ในรายวิชาท่ีสอน
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเรื่องรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหนึง่ ทจี่ ะช่วยใหบ้ ุคลิกภาพดดู ีขึน้ การแต่งกายของครูผ้สู อนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด
2.2. รูปแบบ/เทคนคิ ทีใ่ ช้ในการสอน
ครูผูส้ อนใชว้ ิธีการสอนแบบเปดิ คอื การชว่ ยให้กิจกรรมสรา้ งสรรค์ และวธิ ีคิดในการ
แก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ของนกั เรียนให้เกิดข้ึนพรอ้ มๆ กนั กลา่ วคอื ทง้ั กิจกรรมของนักเรยี น และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครผู ู้สอนจึงสร้างกิจกรรมในห้องเรียนทจี่ ะสง่ เสริมวธิ ีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถที่จะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนท่ีมคี วามสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นน้ี เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการท่ีตนเชื่อม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง

ปช-๑.๐๓
คณิตศาสตร์ท่ีมีความซับซ้อนสูงขึ้น ผลท่ีเกิดข้ึน มีความเป็นไปได้ที่นักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงข้ึนท่ี
จะแก้ปัญหาทางคณติ ศาสตรข์ องพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
จากการท่ีได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ

การประยุกตใ์ ช้กับการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นกั เรียนออกไปสง่ งานแลว้ บอกว่าอย่าแซง
เพ่อื น การแซงเพอ่ื นเป็นสง่ิ ที่ไม่ดี

2.4. การสอดแทรกการคดิ วเิ คราะห์
ในรายวชิ าคณิตศาสตร์เปน็ วิชาที่จาเป็นต้องใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์มาใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบน้ี
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซ่ึงการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์น้ันถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเนือ้ หาไดด้ ีและครบถ้วน

2.5. การแก้ปญั หาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนคนหนึ่งท่ีมีแนวคิดต่างจากเพื่อนคน

อน่ื ๆครจู ึงใช้วธิ ีการให้ออกไปนาเสนอแนวคดิ ใหเ้ พื่อนคนอนื่ ฟงั และได้เขา้ ใจไปดว้ ย
2.6. การใชภ้ าษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบกอ่ นการเรยี นการสอนจะมีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษอยตู่ ลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เครื่องหมาย คาสั่งก็
จะมีคาภาษาอังกฤษมาใช้ตลอด

2.7. การพฒั นาทกั ษะการฟัง พดู อา่ น เขยี นในขณะทด่ี าเนนิ การสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บ้างและมีใครท่ีไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกชื่อเพอ่ื เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้
ตัง้ ใจฟังครูมากข้นึ

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนท่ี
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคดิ หน้าช้ันเรยี นเพอ่ื เปน็ การฝกึ ทักษะทางด้านของการพูด

การอา่ น : ในทุกๆข้ันตอนทีม่ คี าสง่ั หรือสถานการณ์ปัญหาครูจะใหน้ ักเรียนไดอ้ ่านไป
พรอ้ มกนั กับครูเพอ่ื ฝึกทกั ษะการอา่ นให้นกั เรียนอา่ นหนังสือได้คล่องแคล่วข้ึน

การเขียน : หลังจากที่ครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดกจ็ ะให้นกั เรียนฝกึ เขียนบนกระดานดาด้วย

ปช-๑.๐๓
2.8. การบรหิ ารจัดการชัน้ เรียน

จากการท่ีได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้น
เรียนที่เอื้ออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีสื่อการ
สอนที่น่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซึ่งทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรยี น ซง่ึ ครเู ป็นผูก้ ากบั และแนะแนวนักเรียนเปน็ ผู้แสดงบทบาท ครจู ะพดู น้อยลง ให้นกั เรยี นได้คดิ ได้
ถาม ได้แก้ปญั หา และไดท้ ากิจกรรมด้วยตนเอง

2.9. การใชห้ ลกั จติ วิทยาในการสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนคนหน่ึงที่มีแนวคิดต่างจากเพ่ือนคน

อื่นๆครูจึงใชว้ ิธีการให้ออกไปนาเสนอแนวคิดใหเ้ พ่ือนคนอ่นื ฟงั และไดเ้ ขา้ ใจไปด้วย
3.การใชส้ อ่ื และแหล่งการเรียนรู้
3.1. ประเภทของสือ่
ส่อื หลัก
1) ภาพขนมเลย์ ลูกอม และกระดาษสี
2) บัตรตวั เลข
3) ใบกิจกรรมเทา่ ไรกนั นะ
สอื่ เสรมิ
1) แถบคาสั่ง
3.2. ความสอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
จากการจัดกิจกรรมท่ีมเี น้อื หาเรื่อง การบวกและการลบจานวนไมเ่ กนิ 1000 ปรากฏ
ว่านกั เรยี นสามารถบอกได้วา่
การบวก หมายถึงการดาเนินการระหว่างจานวนสองจานวน โดยที่จานวนท่ีหน่ึงคือ
ตัวต้ัง และจานวนท่ีสองคือตัวบวก ผลจากการดาเนินการของจานวนท้ังสองจานวนเรียกว่า
ผลบวก ซ่ึงมีความหมายโดยรวมคือการรวมกันและเพิ่มข้ึน โดยใช้เคร่ืองหมาย ( + ) เป็น
สัญลกั ษณแ์ สดงแทนการบวก
การลบ หมายถงึ การดาเนินการระหว่างจานวนสองจานวน โดยทจี่ านวนท่ีหนงึ่ คอื ตัว
ตั้ง และจานวนท่ีสองคือตัวลบ ผลจากการดาเนินการของจานวนทั้งสองจานวนเรียกว่า ผล
ลบ ซึง่ มคี วามหมายโดยรวมคือเหลืออยู่ การเอาออกไปและความแตกตา่ ง โดยใช้เคร่ืองหมาย
( - ) เป็นสญั ลกั ษณแ์ สดงแทนการลบไดน้ ั่นหมายถงึ กจิ กรรมนบ้ี รรลวุ ตั ถุประสงคท์ วี่ างไว้

ปช-๑.๐๓
3.3. คณุ ภาพของสือ่ ท่ีใช้

สือ่ การเรียนการสอนมีความคมชัด แข็งแรงและมีความถูกต้องของเน้ือหา
3.4. การใชส้ อ่ื /แหล่งเรียนรนู้ อกสถานท่ี

ครูใชส้ อื่ ที่มอี ยใู่ นชีวิตจริงและนักเรียนชอบกินอยู่จรงิ จงึ ทาให้นักเรยี นรู้สกึ สนกุ สนาน
กับการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนและทาให้นกั เรยี นได้เห็นภาพจริงว่าคณติ ศาสตรอ์ ย่รู ่วมกับตัวเรา
ในชีวิตประจาวันนนั่ เอง

3.5. การมสี ว่ นรว่ มในการใชส้ อื่ ของผเู้ รียน
ในการจัดกิกรรมการเรียนการสอนในคร้ังนี้ครูได้ให้นักเรียนได้ใช้อุปกรณ์สื่อการ

เรียนการสอนจรงิ
3.6. ความคุม้ คา่ ของสื่อท่ีใช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกช้ิน

ล้วนมีความเก่ียวข้องกับเนื้อหาทุกช้ินและที่สาคัญสื่อการเรียนการสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กิจกรรมการเรียนการสอนกับหอ้ งเรยี นอนื่ อีกดว้ ยน่ันแสดงว่าส่ือชดุ นีม้ ีความคมุ้ ค่าในการใช้

ลงชื่อ____________________
( นายจรณชัย ศรปี ระดิษฐ )
ผสู้ งั เกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสังเกตการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครัง้ ท่ี ๗
รายวชิ า คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑/๔
วนั พฤหสั บดี ที่ ๓๑ เดอื น พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๘.๑๕ – ๐๙.๑๕ น.
คณุ ครูมาลยั ทพิ ย์ คนซอ่ื (ครูผสู้ อน)

1. แผนการจดั การเรียนรู้
1.1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1) นกั เรียนสามารถสรา้ งวงกลมโดยใชว้ งเวียนและอธบิ ายวิธีการสรา้ งได้
2) นักเรียนสามารถบอกส่วนประกอบของวงกลม ได้แก่ จุดศูนย์กลาง รัศมี

เส้นรอบวง จดุ บนเสน้ รอบวง และเส้นผา่ นศูนย์กลาง ได้
3) นักเรียนอธิบายความหมายและสมบัติของเส้นผ่านศูนย์กลางได้ตาม

เปา้ หมาย
4) นกั เรยี นยอมรับฟังแนวคิดและกล้าแสดงความคดิ เห็นต่อผู้อืน่

1.2. มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชวี้ ัด
วงกลมและทรงกลม

1.3. เนื้อหาทีเ่ รียน
1) วิธีการสรา้ งวงกลมโดยใช้วงเวยี น
2) เส้นผ่านศูนย์กลาง คือ ส่วนของเส้นตรงท่ีลากจากจุด 2 จุดบนเส้นรอบวง

ของวงกลมผา่ นจุดศูนย์กลาง
3) สมบตั ขิ องเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง คอื
- เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางยาวเป็น 2 เทา่ ของรัศมี
- จุดกึง่ กลางของเส้นผ่านศนู ย์กลาง คอื จุดศูนย์กลาง
- ถ้าเราพบั วงกลมตามเส้นผ่านศูนย์กลางจะเกดิ สองสว่ นท่ีเทา่ กัน
- วงกลมมีเสน้ ผ่านศูนย์กลางมากมาย แตค่ วามยาวแตล่ ะเสน้ เทา่ กนั
- เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางเป็นเสน้ ท่ียาวที่สุดของเส้นตรงทีเ่ ช่ือมจุดสองจุด

บนเส้นรอบวงของวงกลม
1.4. ขัน้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1) ขน้ั นาเสนอสถานการณป์ ัญหา (15 นาที)

- ครทู ักทายนักเรยี นและใหน้ กั เรยี นปรบมือรวมใจแสดงความพร้อม

ปช-๑.๐๓
- ครูทบทวนเก่ียวกับการสร้างวงกลมที่เคยเรียนกันมาแล้ว (วิธีการ
สร้างวงกลมแบบไม่ใช้วงเวียน ได้แก่ วธิ ีสร้างจุดหลายๆจุดในแนวเส้นรอบวงกลม วิธีสร้างวงกลมโดย
ใช้เขม็ หมดุ และกระดาษตาราง และวธิ สี รา้ งวงกลมจากการพับกระดาษ)
- ครหู ยบิ วงเวยี นข้นึ มา และถามนกั เรียนว่า “รจู้ กั ส่ิงนี้ไหม”
- ครแู นะนาเก่ียวกับเคร่อื งมือวงเวียน
- ครตู ิดแถบคาสงั่ และให้นักเรียนอ่านพร้อมกนั
- ครูแจกใบกจิ กรรม

คาสง่ั
1.สร้างวงกลมท่มี รี ัศมี 4 เซนติเมตร พร้อมเขยี นวธิ ีการสร้าง
2.เขียนเส้นรศั มีของวงกลม แล้วลากตอ่ ไปยังเสน้ รอบวงอีกด้านหนึ่ง และเขยี นบนั ทกึ ส่งิ ทเ่ี กิดข้ึน
จากการลากเส้น
3.สรา้ งวงกลมอ่นื ท่ีมรี ศั มีตา่ งๆกัน โดยใช้จดุ ศูนย์กลางเดียวกนั กบั ข้อที่ 1

2) ข้นั นักเรียนเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (15 นาที)
- นักเรียนคิดหาวิธีการแก้สถานการณ์ปัญหาและแสดงแนวคิดในใบ

กิจกรรม โดยครูสังเกตนักเรียนทุกคนอย่างทั่วถึงและบันทึกแนวคิดของนักเรียน นอกจากนั้นครูอาจ
กระตุ้นนกั เรยี นใหช้ ว่ ยกันแกป้ ัญหาด้วยการบอกว่าเหลือเวลาเทา่ ใด

3) ขนั้ นาเสนอและอภปิ รายร่วมกันทัง้ ชั้นเรยี น (20 นาที)
- นักเรียนนาเสนอแนวคิดของตนเอง โดยเลือกตามความสมัครใจ

ของนักเรียนก่อน แล้วจึงเลือกแนวคิดของนักเรียนท่ีแตกต่างออกมานาเสนอเป็นลาดับถัดไป ใน
ระหว่างกิจกรรมการนาเสนอของนักเรียน ครูอาจหยิบแนวคิดหรือคาพูดท่ีน่าสนใจมาใช้เป็นประเด็น
ในการอภิปรายทั้งช้ันเรียนได้ นอกจากน้ันครูควรกระตุ้นให้นักเรียนฟังและอาจซักถามเพื่อนที่กาลัง
นาเสนอได้เม่ือเพื่อนนาเสนอเสรจ็ แล้ว และนักเรียนที่ฟังต้องสามารถบอกแนวคิดของเพอื่ นท่ีนาเสนอ
ได้

- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับเส้นท่ีเกิดจากรัศมีแล้ว
ลากตอ่ ไปยังเส้นรอบวงอีกด้านหนึ่ง จนไดข้ ้อสรุปวา่ เราจะเรยี กเสน้ นี้วา่ “เส้นผา่ นศูนย์กลาง”

- ครูติดรูปวงกลมท่ีเตรียมสาหรับขยายสมบัติของวงกลมท่ีเก่ียวกับ
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง

- ครใู ห้นักเรียนรว่ มกนั ตอบคาถามเกีย่ วกับเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง

ปช-๑.๐๓
4) ขัน้ สรปุ โดยการเชือ่ มโยงแนวคดิ ของนักเรียน (10 นาที)

- ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายและช่วยกันสรปุ ประเดน็ ต่อไปนี้

 วิธีการสร้างรูปวงกลมโดยการใช้วงเวียน

 ส่วนประกอบของวงกลม ได้แก่ จุดศูนย์กลาง

รศั มี เส้นรอบวง และเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง

- ความรู้เกี่ยวกบั สมบตั ิของเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง

- ครูถามสงิ่ ท่นี กั เรยี นได้เรยี นร้ใู นวันน้ี

1.5. การวัดและประเมินผล

ส่ิงทจี่ ะประเมนิ

รายการประเมนิ /จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เคร่ืองมอื ท่ใี ช้

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 1. การทาใบกจิ กรรม เรื่อง มารู้จกั วงเวียน 1. ใบกจิ กรรม เร่อื ง

1. ทกั ษะการแก้ปญั หา กนั เถอะ มารูจ้ กั วงเวยี นกัน

- นักเรียนสามารถสร้างวงกลม 2. การตอบคาถามและการอภิปราย เถอะ

ตามขนาดท่ีกาหนดโดยใช้วงเวียน แลกเปล่ียนความคิดเหน็ ระหว่างการทา

ได้ กิจกรรมการเรยี นรู้

- นกั เรียนสามารถบอกสมบัตขิ อง

เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางได้

2. ทกั ษะการให้เหตุผล

- นักเรียนบอกที่มาของสมบัติของ

เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางได้

3. ทักษะการเช่ือมโยง

- นักเรียนเช่ือมโยงความรู้ เร่ือง

การสร้างวงกลมจากการใช้เข็มหมุด

และกระดาษตารางไปสู่การสร้าง

วงกลมดว้ ยวงเวียนได้

- นักเรียนเชื่อมโยงความสัมพันธ์

ร ะ ห ว่ า ง เ ส้ น ผ่ า น ศู น ย์ ก ล า ง กั บ

ส่วนประกอบอืน่ ๆของวงกลมได้

4. ทกั ษะการสอ่ื สาร

ส่ิงท่จี ะประเมิน ปช-๑.๐๓
เครื่องมือท่ีใช้
รายการประเมนิ /จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมิน
- นักเรียนสามารถพูดและอธิบาย
แนวคิดของตนเองใหผ้ อู้ ืน่ เข้าใจได้
5. ทกั ษะการนาเสนอ
- นักเรียนใช้รูปแบบการนาเสนอท่ี
เข้าใจง่าย มีการสื่อความหมายท่ี
ถู ก ต้ อ ง ต า ม แ น ว คิ ด ข อ ง ต น เ อ ง

ด้านความรู้ 1. การอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น 1. การทากิจกรรมการ
1.ส่วนประกอบทที่ าให้เกดิ วงกลม
ระหว่างการทากิจกรรมการเรยี นรู้ เรียนรู้

2. การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรียนรู้

ดา้ นคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ 1. การทากิจกรรมการ

1. มีความรับผิดชอบในงานท่ีได้รับ 2. การทาใบกิจกรรม เร่ือง มารู้จักวงเวียน เรยี นรู้

มอบหมาย กันเถอะ 2. ใบกิจกรรม เรื่อง

2. มีระเบยี บวินยั ในการทางาน 3. การอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น ม า รู้ จั ก ว ง เ วี ย น กั น

3. ยอมรบั ความคิดเห็นของผอู้ นื่ ระหว่างการนาเสนอแนวคิด และการรับฟัง เถอะ

4. มคี วามกล้าแสดงออก ความคิดเหน็ จากเพ่ือนในกลุ่มและเพ่อื นร่วม

ชน้ั เรียน

2. การดาเนินการสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บคุ ลกิ ภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนท่ี

สงั เกตได้จากครูพีเ่ ล้ยี งมดี งั นี้
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสขุ ทัง้ ครูผูส้ อนและผเู้ รียน
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ัฒนาความคดิ ดว้ ยการลงมือทา แกป้ ัญหาสถานการณป์ ัญหา

ด้วยตนเองและออกมานาเสนอหน้าช้นั เรียน

ปช-๑.๐๓
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา
จากครูผสู้ อน
4) ใหน้ กั เรยี นทากิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม ฝึกใหท้ ุกคนได้มีโอกาสเป็นผู้นา
5) ใชอ้ ุปกรณป์ ระกอบการสอนอยา่ งเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสท่ีเด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย
การมองหาส่วนดีของเขา
บุคลิกภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางที่สง่างาม
การแต่งกายที่เหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาท่ีถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คล่องแคลว่ ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามีสาระมีเหตุผล
2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมีอารมณข์ นั ไม่เคร่งเครยี ดจรงิ จงั จนเกินไป มอี ารมณ์แจ่มใส เบิกบาน ย้มิ แย้ม และร่าเริงอยูเ่ สมอ
3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหน้า มีการตัดสินใจทด่ี ี มีความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ มีความรู้รอบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสงั เกต ละเอียดรอบคอบ มคี วามรใู้ นรายวิชาทสี่ อน
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเรื่องรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหน่ึงทจี่ ะช่วยให้บุคลกิ ภาพดดู ขี ้นึ การแต่งกายของครูผู้สอนดดู ี สุภาพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด
2.2. รูปแบบ/เทคนิคท่ใี ช้ในการสอน
ครผู สู้ อนใช้วธิ ีการสอนแบบเปดิ คอื การช่วยให้กิจกรรมสร้างสรรค์ และวธิ ีคิดในการ
แก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ของนกั เรียนให้เกิดขนึ้ พร้อมๆ กัน กล่าวคอื ทั้งกจิ กรรมของนักเรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครผู ู้สอนจึงสร้างกิจกรรมในห้องเรียนท่ีจะสง่ เสริมวธิ ีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะที่นักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนที่มีความสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกับกิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเช่ือมั่นและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ท่ีมีความซับซ้อนสูงขึ้น ผลท่ีเกิดข้ึน มีความเป็นไปได้ท่ีนักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงข้ึนท่ี
จะแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตรข์ องพวกเขา

ปช-๑.๐๓
2.3. การสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม

จากการท่ีได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ
การประยุกต์ใช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนต้ังใจฟังครูสอน ให้ปฏิบัตติ นเป็น
นกั เรยี นทด่ี ีของครู

2.4. การสอดแทรกการคิดวเิ คราะห์
ในรายวชิ าคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ีจาเป็นต้องใช้กระบวนการคิดวเิ คราะหม์ าใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบน้ี
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซ่ึงการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เขา้ ไปในเน้ือหาไดด้ แี ละครบถ้วน

2.5. การแกป้ ัญหาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนหลายคนไม่เข้าใจการใช้วงเวียนท่ี

ถกู ต้องครจู งึ แก้ปัญหาด้วยการสอนวิธกี ารใชใ้ หใ้ หม่อีกครัง้ และเดนิ ดนู ักเรียนใชว้ งเวยี นทีละคน
2.6. การใชภ้ าษาอังกฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบก่อนการเรียนการสอนจะมีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษอยู่ตลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เคร่ืองหมาย คาส่ังก็
จะมคี าภาษาอังกฤษมาใช้ตลอด

2.7. การพฒั นาทักษะการฟงั พูด อา่ น เขียนในขณะที่ดาเนินการสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

วา่ มีใครฟังอยู่บ้างและมีใครท่ีไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกชื่อเพอ่ื เป็นการกระตุ้นใหน้ ักเรยี นได้
ตัง้ ใจฟังครมู ากขึ้น

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนที่
ต่างกันทาให้น่าฟังมากย่ิงข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหนา้ ช้นั เรียนเพื่อเป็นการฝึกทกั ษะทางด้านของการพูด

การอา่ น : ในทุกๆข้นั ตอนที่มคี าสงั่ หรือสถานการณ์ปัญหาครูจะให้นักเรียนไดอ้ า่ นไป
พร้อมกันกับครเู พอ่ื ฝกึ ทักษะการอา่ นใหน้ ักเรียนอ่านหนังสือได้คล่องแคล่วขึน้

การเขียน : หลังจากที่ครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซึ่งนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเม่ือมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดก็จะใหน้ กั เรยี นฝึกเขียนบนกระดานดาด้วย

ปช-๑.๐๓
2.8. การบรหิ ารจัดการช้นั เรียน

จากการท่ีได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ช้ันเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้น
เรียนท่ีเอื้ออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีส่ือการ
สอนท่ีน่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซ่ึงทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรียน ซง่ึ ครเู ปน็ ผกู้ ากบั และแนะแนวนักเรยี นเปน็ ผู้แสดงบทบาท ครูจะพูดน้อยลง ให้นักเรียนไดค้ ดิ ได้
ถาม ไดแ้ ก้ปญั หา และได้ทากิจกรรมด้วยตนเอง

2.9. การใช้หลักจิตวทิ ยาในการสอน
ครูจะใช้วิธีการเดนิ สารวจการใช้วงเวยี นของนักเรยี นทั้งห้องเมื่อเหน็ วา่ นักเรียนหลาย

คนยงั ใชไ้ ม่ถกู ครจู งึ ใชว้ ิธีการอธิบายรวมหน้าช้นั เรยี นและหลงั จากนนั้ จึงเดินดทู ลี ะคน
3. การใชส้ อื่ และแหลง่ การเรียนรู้
3.1. ประเภทของสอ่ื
สอ่ื หลัก
1) ใบกิจกรรม
2) วงเวียน
3) ไมบ้ รรทดั
4) แถบคาสัง่ สถานการณ์ปญั หา
ส่อื เสริม
1) รูปวงกลมที่ระบุส่วนประกอบของวงกลม ได้แก่ จุดศูนย์กลาง รัศมี และเส้น

ผ่านศนู ย์กลาง
2) รูปวงกลมสาหรับขยายสมบัติของวงกลมท่เี กี่ยวกับเส้นผ่านศนู ยก์ ลาง
3) แถบคาดการณแ์ นวคิด

3.2. ความสอดคล้องกบั วัตถุประสงคข์ องกิจกรรม
จากการจัดกิจกรรมท่ีมีเนื้อหาเรือ่ ง มารจู้ ักวงเวยี นกันเถอะ ปรากฏวา่ นกั เรียนเข้าใจ

และสามารถบอกได้วา่
1) วธิ ีการสรา้ งวงกลมโดยใช้วงเวยี นเปน็ อยา่ งไร
2) เส้นผ่านศูนย์กลาง คือ ส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุด 2 จุดบนเส้นรอบวง

ของวงกลมผ่านจดุ ศูนย์กลาง
3) สมบัติของเส้นผา่ นศนู ย์กลาง คือ
- เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางยาวเปน็ 2 เท่าของรัศมี
- จดุ ก่ึงกลางของเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง คือ จดุ ศนู ยก์ ลาง
- ถา้ เราพบั วงกลมตามเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางจะเกดิ สองส่วนทเี่ ท่ากัน

ปช-๑.๐๓
- วงกลมมีเส้นผา่ นศูนยก์ ลางมากมาย แต่ความยาวแต่ละเสน้ เท่ากัน
- เสน้ ผ่านศูนย์กลางเป็นเส้นท่ียาวท่ีสุดของเส้นตรงทเี่ ช่ือมจดุ สองจุด
บนเสน้ รอบวงของวงกลมได้นนั่ หมายถงึ กิจกรรมนีบ้ รรลวุ ตั ถุประสงค์ท่ีวางไว้
3.3. คุณภาพของสือ่ ทใี่ ช้
สอื่ การเรียนการสอนในคาบนี้มีแค่ป้ายคาส่ังกับสถานการณ์ปัญหาท่ีมีลักษณะท่ัวไป
เหมาะสมกับการใชใ้ นกจิ กรรมการเรียนการสอน
3.4. การใชส้ อื่ /แหลง่ เรียนรนู้ อกสถานท่ี
ครูให้นักเรียนนาส่ือการเรียนการสอนที่เป็นอุปกรณ์ช้ินสาคัญมาเอง นั่นคือวงเวียน
เพอ่ื เป็นการกระตุ้นให้ผ้เู รียนแต่ละคนมตี ิดตัวไว้ใชแ้ ละเปน็ ลวดลายที่ถกู ใจผู้เรยี น
3.5. การมสี ว่ นรว่ มในการใช้ส่ือของผเู้ รียน
ในการจัดกิกรรมการเรียนการสอนในครั้งน้ีครูได้ให้นักเรียนได้ใช้สื่อการเรียนการ
สอนทีต่ นเองเตรียมมา
3.6. ความคุ้มคา่ ของส่ือท่ีใช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอน ท่ีให้
นกั เรียนได้สร้างไว้เป็นของตนเองน้ันจะทาให้นักเรียนไดเ้ ก็บไว้ใช้ได้ตลอดเวลาแสดงถึงความคุ่มค่าใน
การใชป้ ระโยชนข์ องวงเวียน

ลงช่ือ____________________
( นายจรณชัย ศรปี ระดิษฐ )
ผู้สงั เกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสังเกตการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ครั้งท่ี ๘
รายวิชา คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓/๔
วนั พฤหัสบดี ที่ ๓๑ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๙.๑๕ – ๑๐.๑๕ น.
คณุ ครูอรอนงค์ ทองมี (ครูผู้สอน)

1. แผนการจดั การเรยี นรู้
1.1. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) นกั เรียนสามารถทบทวนความเขา้ ใจการบวกในแนวต้งั ได้
2) นกั เรยี นสามารถทบทวนความเข้าใจการลบในแนวต้งั ได้
3) นักเรียนสามารถทบทวนความเข้าการแก้ปัญหาโดยใช้เคล็ดลับในการ

คานวณได้
1.2. มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัด
การบวกและลบเลข 3 หลกั แบบไม่มีการทดและมกี ารทด
1.3. เนื้อหาทีเ่ รียน
1) การบวกในแนวต้ัง หมายถึง การหาผลบวกด้วยการเขียนตัวเลขในแต่ละ

หลักใหต้ รงกัน โดยจะบวกจานวนทอ่ี ยใู่ นหลักเดยี วกันกอ่ น
2) การลบในแนวต้ัง หมายถึง การหาผลลบด้วยการเขียนตัวเลขในแต่ละหลัก

ให้ตรงกนั โดยจะลบจานวนที่อยู่ในหลกั เดียวกนั กอ่ น
3) การแกป้ ัญหาโดยใช้เคลด็ ลับการคานวณ

1.4. ข้ันตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ขั้นนาเสนอสถานการณ์ปญั หา (15 นาท)ี

- ครูทกั ทายนักเรยี น
- ครูกล่าวซักถามทบทวนความรู้ที่ไดเ้ รียนมาว่า “ต้ังแต่เรียนมาเรา
เรยี นคณิตศาสตรเ์ รื่องอะไรไปบ้าง”
- ครูทวนความเข้าใจของนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า “การบวกใน
แนวต้ังมีวิธกี ารคานวณอย่างไร” “การลบในแนวต้ังมีวิธีการคานวณอยา่ งไร” “เคล็ดลบั การคานวณมี
วธิ กี ารอย่างไร”
- ครูกลา่ ววา่ “วันนคี้ รูจะใหน้ ักเรียนฝึกทาแบบฝึกหัด ให้นกั เรยี นทา
ดว้ ยตนเอง ถ้านกั เรยี นคนใดมขี อ้ สงสยั ให้ยกมอื ถามครูได้ทันที”
- ครูแจกแบบฝกึ ทกั ษะใหน้ กั เรยี นทกุ คน

ปช-๑.๐๓
2) ขน้ั นกั เรยี นเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง (35 นาท)ี

- นักเรียนลงมือทาแบบฝึกทกั ษะ
3) ขั้นการอภิปรายและเปรียบเทียบแนวคดิ รว่ มกันทง้ั ชัน้ เรียน (10 นาท)ี

- ครูเลือกนักเรียนออกมานาเสนอแนวคิดจากการแก้สถานการณ์
ปัญหาที่ครูกาหนดให้ ดังต่อไปน้ี ได้แก่ แก้ปัญหาการบวกในแนวตั้ง แก้ปัญหาการลบในแนวต้ัง
แก้ปัญหาโดยใช้เคล็ดลับการคานวณ สถานการณ์ปัญหาการบวก การลบท่ีมาจากการเปรียบเทียบ
การเหลืออยู่

4) ขัน้ สรุปเพ่ือเชื่อมโยงแนวคิดของนักเรยี น (5นาที)

- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย แนวคิด วิธีการต่างๆและ สรุป

ร่วมกนั

- วิธีการบวกในแนวต้ัง วิธีการลบในแนวตั้ง วิธีการใช้เคล็ดลับการ

คานวณ สถานการณ์ปัญหาการบวก การลบที่มาจากการเปรยี บเทียบ การเหลอื อยู่

-
1.5. การวัดและประเมินผล

ส่งิ ที่จะประเมนิ

รายการประเมนิ /จุดประสงค์ วิธีการประเมิน เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้

ด้านทกั ษะและกระบวนการ 1. การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 1. ใบกิจกรรม เร่ือง

1. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ (นกั เรียน ระหวา่ งการทากจิ กรรมการเรียนรู้ ม า รู้ จั ก ว ง เ วี ย น กั น

สามารถคิดวิเคราะห์กระบวนการ 2. การตอบคาถามและการอภิปราย เถอะ

แก้ปัญหาในสถานการณ์ปัญหาได้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างการทา

อยา่ งหลากหลาย) กจิ กรรมการเรยี นรู้

2. ทักษะการให้เหตุผล (นักเรียน

ส า ม า ร ถ ใ ห้ เ ห ตุ ผ ล ป ร ะ ก อ บ ใ น

วธิ กี ารคดิ ของตนได)้

3. ทักษะการแก้ปัญหา (นักเรียน

ส า ม า ร ถ แ ก้ ส ถ า น ก า ร ณ์ ปั ญ ห า

ตามท่กี าหนดได)้

ด้านความรู้ 1. การทาแบบฝึกทกั ษะ 1. แบบฝกึ ทกั ษะ

1. การบวกในแนวตั้ง หมายถึง การ
หาผลบวกด้วยการเขียนตัวเลขใน

ส่งิ ท่จี ะประเมิน ปช-๑.๐๓
เคร่ืองมือทใ่ี ช้
รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ ีการประเมนิ
แต่ละหลักให้ตรงกัน โดยจะบวก 1. การทากิจกรรมการ
จานวนท่อี ย่ใู นหลักเดียวกันก่อน เรยี นรู้
2. การลบในแนวต้ัง หมายถึง การ 2. แบบฝกึ ทกั ษะ
หาผลลบดว้ ยการเขียนตัวเลขในแต่
ละหลักใหต้ รงกนั โดยจะลบจานวน
ทอ่ี ยู่ในหลักเดียวกนั ก่อน
3. การแกป้ ัญหาโดยใช้เคล็ดลับการ
คานวณ
ด้านคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 1. การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้
1. มีความรับผิดชอบในงานท่ีได้รับ 2. การทาแบบฝกึ ทกั ษะ
มอบหมาย
2. มีระเบยี บวนิ ยั ในการทางาน
3. ยอมรับความคดิ เห็นของผูอ้ ่นื
4. มีความกล้าแสดงออก

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤตกิ รรมการสอน/บคุ ลิกภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนที่

สังเกตไดจ้ ากครูพเ่ี ลีย้ งมดี ังน้ี
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสขุ ท้ังครผู ้สู อนและผู้เรียน
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ฒั นาความคิดด้วยการลงมือทา แก้ปญั หาสถานการณ์ปัญหา

ดว้ ยตนเอง
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผสู้ อน
4) ชมนักเรียนเมื่อมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาสว่ นดีของเขา

ปช-๑.๐๓
บุคลกิ ภาพ :

1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางที่สง่างาม
การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คล่องแคลว่ ไพเราะอ่อนหวาน และพดู จามสี าระมีเหตผุ ล

2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณ์ขนั ไมเ่ คร่งเครียดจรงิ จังจนเกนิ ไป มีอารมณ์แจม่ ใส เบิกบาน ย้ิมแยม้ และรา่ เรงิ อยเู่ สมอ

3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบที่ดี มีความสามารถ
ในการแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ มกี ารตัดสินใจทด่ี ี มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ มคี วามรรู้ อบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสงั เกต ละเอียดรอบคอบ มคี วามรู้ในรายวชิ าท่ีสอน

การแต่งกาย : นอกเหนือจากเร่ืองรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหนงึ่ ที่จะช่วยใหบ้ ุคลกิ ภาพดดู ีข้ึน การแต่งกายของครผู สู้ อนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด

2.2. รปู แบบ/เทคนคิ ท่ใี ชใ้ นการสอน
ครผู สู้ อนใชว้ ธิ กี ารสอนแบบเปิด คอื การชว่ ยให้กิจกรรมสรา้ งสรรค์ และวิธีคดิ ในการ

แก้ปญั หาทางคณติ ศาสตรข์ องนกั เรียนให้เกิดขน้ึ พร้อมๆ กนั กล่าวคอื ท้งั กิจกรรมของนักเรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พฒั นาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครูผู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนทจี่ ะสง่ เสรมิ วธิ ีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถที่จะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนท่ีมีความสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกับกิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเช่ือมั่นและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูงข้ึน ผลท่ีเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ท่ีนักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงขึ้นท่ี
จะแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตรข์ องพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
จากการที่ได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ

การประยุกต์ใชก้ บั การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
2.4. การสอดแทรกการคดิ วเิ คราะห์
ในรายวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ีจาเปน็ ต้องใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์มาใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบน้ี

ปช-๑.๐๓
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซึ่งการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์น้ันถือว่าสอดแทรก
เขา้ ไปในเน้ือหาได้ดแี ละครบถ้วน

2.5. การแกป้ ญั หาระหวา่ งสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนคนหนึ่งตามเพ่ือนไมท่ ัน ไม่เข้าเนื้อหา

ครจู ึงใชว้ ธิ กี ารอธิบายและสอนแบบตวั ตอ่ ตวั เพอื่ ให้นักเรียนเขา้ ใจมากย่งิ ขึ้น
2.6. การใชภ้ าษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบกอ่ นการเรียนการสอนจะมีการทักทายเปน็ ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดและใน

เวลาการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาองั กฤษบ้าง
2.7. การพฒั นาทกั ษะการฟงั พดู อ่าน เขียนในขณะทีด่ าเนนิ การสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บา้ งและมีใครที่ไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกชื่อเพือ่ เป็นการกระต้นุ ให้นักเรยี นได้
ต้ังใจฟังครมู ากข้ึน

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนท่ี
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคดิ หนา้ ช้นั เรียนเพอื่ เปน็ การฝกึ ทักษะทางดา้ นของการพูด

การอ่าน : ในทกุ ๆขน้ั ตอนที่มคี าส่งั หรอื สถานการณ์ปัญหาครูจะใหน้ ักเรียนไดอ้ า่ นไป
พร้อมกันกบั ครูเพื่อฝกึ ทักษะการอ่านใหน้ ักเรียนอ่านหนงั สอื ได้คล่องแคล่วขน้ึ

การเขียน : หลังจากที่ครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดกจ็ ะให้นกั เรียนฝึกเขียนบนกระดานดาด้วย

2.8. การบริหารจดั การช้นั เรียน
จากการท่ีได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ช้ันเรียนแบบนวัตกรรม เป็นช้ัน

เรยี นทเี่ ออื้ อานวยตอ่ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธกี ารแบบสอนใหม่ๆ ให้นกั เรยี น
มีอิสระในการเรียน ซ่ึงครูเป็นผู้กากับและแนะแนวนักเรียนเป็นผู้แสดงบทบาท ครูจะพูดน้อยลง ให้
นักเรยี นไดค้ ดิ ได้ถาม ได้แกป้ ญั หา และได้ทากจิ กรรมด้วยตนเอง

2.9. การใช้หลักจิตวทิ ยาในการสอน
ครูจะใช้วิธกี ารเดินสารวจวา่ มีนักเรียนคนไหนทาไม่ได้บา้ งเม่อื พบว่านักเรียนคนไหน

ทาไม่ไดก้ จ็ ะเข้าไปสอนด้วยคาพดู ท่ีเอาอกเอาใจและอธิบายจนกวา่ นักเรียนจะเข้าใจ

ปช-๑.๐๓
3. การใชส้ ่ือและแหล่งการเรยี นรู้

3.1. ประเภทของสอื่
ส่ือหลกั
1) แบบฝึกทกั ษะ
ส่อื เสริม -

3.2. ความสอดคล้องกบั วัตถุประสงคข์ องกจิ กรรม
จากการจัดกิจกรรมที่มีเน้ือหาเรื่อง การบวกและลบเลข 3 หลัก แบบไม่มีการทด

และมกี ารทด ปรากฏว่านกั เรยี นเขา้ ใจและสามารถบอกไดว้ ่า
1) การบวกในแนวต้ัง หมายถึง การหาผลบวกด้วยการเขียนตัวเลขในแต่ละ

หลักใหต้ รงกัน โดยจะบวกจานวนท่อี ยูใ่ นหลักเดียวกนั กอ่ น
2) การลบในแนวตั้ง หมายถึง การหาผลลบด้วยการเขียนตัวเลขในแต่ละหลัก

ใหต้ รงกนั โดยจะลบจานวนท่อี ยูใ่ นหลกั เดียวกันกอ่ น
3) การแก้ปัญหาโดยใช้เคล็ดลับการคานวณใช้ได้อย่างไรได้น่ันหมายถึง

กิจกรรมนบี้ รรลุวัตถปุ ระสงคท์ ว่ี างไว้
3.3. คณุ ภาพของสอ่ื ทีใ่ ช้
สื่อการเรียนการสอนในคาบนี้เป็นแบบฝึกทักษะที่มีลักษณะท่ัวไปเหมาะสมกับการ

ใชใ้ นกิจกรรมการเรียนการสอน
3.4. การใชส้ ื่อ/แหล่งเรยี นรู้นอกสถานที่
ครูให้ใช้ส่ือการเรียนการสอนรายคน เพื่อที่จะดูแนวคิดและความเข้าใจของนักเรียน

ในแตล่ ะคน
3.5. การมีสว่ นร่วมในการใช้ส่อื ของผูเ้ รียน
ในการจัดกิกรรมการเรียนการสอนในครั้งน้ีครูได้ให้นักเรียนได้ใช้ส่ือการเรียนการ

สอนรายคน
3.6. ความคุม้ คา่ ของสอื่ ทใี่ ช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าสื่อการเรียนการสอนท่ีให้

นักเรียนไดเ้ กดิ องคค์ วามรูแ้ ละเขา้ ใจในเน้ือตามทไ่ี ด้วางไว้

ลงชอื่ ____________________
( นายจรณชัย ศรีประดิษฐ )
ผ้สู งั เกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสงั เกตการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครั้งที่ ๙
รายวิชา คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑/๕
วัน พฤหัสบดี ที่ ๓๑ เดอื น พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๑๒.๑๕ – ๑๓.๑๕ น.
คณุ ครมู าลยั ทิพย์ คนซอ่ื (ครผู สู้ อน)

1. แผนการจัดการเรยี นรู้
1.1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
เนอ้ื หาสาระ

1) เข้าใจความหมาย และสามารถเขยี น อา่ น ตวั เลข 8 ได้
ทกั ษะ/กระบวนการ

2) การแก้ปัญหา นักเรียนใช้สัญลักษณ์กึ่งรูปธรรมแสดงแทนจานวนส่ิงของใน
รปู ภาพท่คี รกู าหนดให้

3) การใหเ้ หตุผล นกั เรียนสามารถบอกเหตุผลเพ่ืออธิบายแนวคิดของตนเองได้
4) การเช่ือมโยง นักเรียนสามารถใช้บล็อคหรือรูปภาพแสดงแทนจานวนได้
และสามารถใชส้ ัญลกั ษณ์ (ตวั เลข) แสดงแทนจานวนของส่ิงของในรปู ภาพได้
5) การสื่อสารทางคณิตศาสตร์ นักเรียนสามารถพูดอธิบาย เขียนอธิบาย
แนวคดิ ของตนเพ่อื ส่ือสารใหท้ ุกคนในชนั้ เรียนเขา้ ใจได้
6) การนาเสนอ นักเรียนสามารถนาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับจานวนโดยใชว้ ัตถุกึ่ง
รูปธรรมในการนาเสนอ และนกั เรียนพูดนาเสนอผลงานและอธบิ ายแนวคดิ ของตนที่หนา้ ชัน้ เรียน
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
7) ความรับผดิ ชอบ
8) กล้าคดิ กลา้ แสดงออกมีความเช่อื ม่ันในตวั เอง
9) มรี ะเบียบวนิ ัยในการทางาน
1.2. มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้ีวัด
จานวนทไ่ี ม่เกนิ 10 (จานวน 8 )
1.3. เนอ้ื หาท่เี รียน
ความหมายของจานวน 8 รวมถึงการเขียนและอ่านตัวเลขที่ใช้เป็นสัญลักษณ์แทน

จานวนนน้ั


Click to View FlipBook Version