ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลในการศกึ ษารายกรณี (Case Study)
ของ เดก็ ชาย ก (นามสมมติ)
นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔/๔
เร่อื ง : ขอความอนเุ คราะห์ครูประจาวชิ าในการนาวธิ กี ารแกป้ ญั หาและแนวทางการส่งเสริมไปใช้กับ
นกั เรยี นกรณีศึกษาครั้งน้ี เด็กชาย ก (นามสมมติ) เพ่ือพัฒนาศักยภาพของผู้เรยี นใหส้ มบรู ณ์
ดา้ นท่ี ๕ ข้อมูลท่ีน่าสนใจของกรณศี กึ ษา
หลังจากได้ศึกษานักเรยี นด้วยวธิ ตี า่ งๆแลว้ ค้นพบขอ้ มูลที่นา่ สนใจดังน้ี
จากการสัมภาษณบ์ ุคคลรอบขา้ ง
๑. เด็กชาย ก (นามสมมติ) เป็นคนที่ถ้ามีอะไรมากระทบจิตใจก็จะไม่สามารถควบคุม
ตนเองได้วา่ ในขณะน้นั ตนต้องทาอะไรบ้าง
๒. เด็กชาย ก (นามสมมต)ิ ไมส่ ามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้เน่ืองจากเป็นเพราะเขายัง
ไมเ่ ข้าใจในสภาพบรบิ ทโดยทั่วไปที่เพ่ือนเปน็ อยู่กนั ในปัจจุบนั
จากแบบสารวจสภาพปัญหาการเรียนของนักเรยี น
๓. ข้าพเจา้ อยากอ่านหนังสอื ใหเ้ กง่ กว่านี้
๔. ข้าพเจา้ รู้สึกว่าเรยี นหนังสือแล้วมีความสขุ
๕. ขา้ พเจา้ รู้สึกว่าครสู อนหนงั สอื สนกุ
จากแบบสารวจสภาพปญั หาครอบครัวของนักเรียน
๖. ขา้ พเจา้ อยากมีทีเ่ งียบๆอ่านหนงั สอื บา้ ง
๗. ขา้ พเจ้าอยากใหบ้ ้านน่าอย่กู ว่าน้ี
จากแบบสารวจสภาพปญั หาทางสงั คมของนกั เรยี น
๘. ขา้ พเจ้าอยากใหใ้ ครๆชอบข้าพเจ้า
๙. ขา้ พเจา้ อยากคยุ ใหถ้ กู ใจคน
๑๐. ขา้ พเจา้ อยากใหต้ นเองมีความมนั่ ใจมากข้นึ
๑๔.ขา้ พเจ้าอยากเป็นผูฟ้ งั ท่ดี ี
๑๕.ขา้ พเจ้าอยากเขา้ กับเพ่อื นร่นุ เดียวกนั ได้
๑๖.ข้าพเจา้ อยากเรยี นรู้วิธีเป็นผู้นา
ด้านท่ี ๖ แนวทางการแกป้ ญั หา/ส่งเสรมิ
๑๑.จากกรณีที่ว่า เด็กชาย ก (นามสมมติ) เป็นคนที่ถ้ามีอะไรมากระทบจิตใจก็จะไม่
สามารถควบคุมตนเองไดว้ ่าในขณะนนั้ ตนต้องทาอะไรบา้ ง
วิธีการแก้ปัญหาคือ การท่ีครูต้องเปิดใจกับนักเรียนก่อนต้องคอยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
จนกระท่ังเขารู้สึกว่าเขาไว้ใจและเคารพ นับถือครูมากท่ีสุดเม่ือเมื่อเหตุการณ์อะไรที่กระทบใจจิตเขา
ครูจะเป็นคนหนึ่งเขาสามารถช่วยยับยั้งอารมณข์ องเขาได้ หรือไม่อีกอย่างกค็ ือ การฝึกให้เขาเป็นคนที่
มีสติและสมาธิจนสามารถระงับใจตนเองได้ด้วยวิธีการเข้าไปพูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนมแล้วจึง
อธิบายให้เขาฟังถึงวิธีการและข้อดีการฝึกตนให้อยู่ในสติเมื่อเขามีสติเขาก็สามารถระงับอารมณ์
ขณะนน้ั ได้
๑๒.จากกรณีที่ว่า เด็กชาย ก (นามสมมติ) ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเพ่ือนได้เน่ืองจาก
เป็นเพราะเขายังไมเ่ ขา้ ใจในสภาพบรบิ ทโดยท่วั ไปที่เพ่ือนเป็นอยู่กันในปัจจบุ นั
วิธีการแก้ปัญหาคือ ครูต้องปรับทัศนคติ แนวคิดของเขาในเรื่องของการปรับตัวเข้ากับ
เพื่อนๆว่าโดยปกติแล้วเพ่ือนอยู่กันอย่างไรและให้เหตุผลสนับสนุนว่าทาไมถึงต้องอยู่ร่วมกันแบบน้ัน
เพ่ือท่ีจะให้เขาได้เห็นถึงทางท่ีถูกต้องในการเดินไปพร้อมๆกับเพื่อนๆขณะทากิจกรรมเพ่ือให้บรรลุ
เป้าหมายเดียวกนั อยา่ งสมบรู ณแ์ บบ
๑๓.จากแบบสารวจสภาพปญั หาการเรียนของนักเรยี นที่เดก็ ชาย ก (นามสมมติ) บอกว่า
ข้าพเจ้าอยากอ่านหนังสือให้เก่งกว่าน้ี,ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเรียนหนังสือแล้วมีความสุขและข้าพเจ้ารู้สึกว่า
ครูสอนหนังสือสนุกน่ันถือเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องและแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกตัวเองว่าไม่ได้มีปัญหา
ทางการเรยี นและเขายงั พร้อมทจี่ ะพฒั นาตนเองใหด้ ขี นึ้ อกี ดว้ ย
แนวทางการส่งเสริม ในเม่ือเขารู้สึกดกี ับการเรียนการสอนและอยากพฒั นาตนครูก็ต้องมอง
ในแง่มุมว่าทาไมจากสายตาคนเขาดูเหมือนไม่ต้ังใจเรียนท้ังๆทีเ่ ขารู้สกึ ดีด้วยซา้ ไปเพราะฉะน้ันครูควร
ปรับทัศนคติในการมองและให้โอกาสในการแสดงออกของเขาเพ่ือพัฒนาให้เขารู้สึกว่าเขาก็มีความรู้
ความสามารถไมไ่ ดต้ ่างไปจากเพื่อนๆคนอน่ื ใด
๑๔.จากแบบสารวจสภาพปัญหาครอบครัวของนักเรียนท่ีเด็กชาย ก (นามสมมติ) บอก
ว่าข้าพเจ้าอยากมีที่เงียบๆอ่านหนังสือบ้างและข้าพเจ้าอยากให้บ้านน่าอยู่กว่านี้นั่นแสดงว่าเขา
ตอ้ งการที่ส่วนตวั ในการเรียนรู้ของเขาเอง
วธิ ีการแกป้ ัญหาคือ การให้ครูประจาชั้นสอบถามและให้ขอ้ มูลในเชิงแนะนากับผู้ปกครองว่า
ในตอนน้ีลกู มีพฤติกรรมอย่างไรซ่ึงทางท่ดี ีควรจะทาอย่างไรถึงจะแก้ปัญหานี้ได้เพราะผู้ปกครองทกุ คน
กล็ ว้ นแลว้ แตต่ ้องการให้ลูกของตนประสบความสาเร็จในขนั้ สงู สุดเช่นกนั
๑๕.จากแบบสารวจสภาพปญั หาทางสังคมของนกั เรียนที่เด็กชาย ก (นามสมมติ) บอกว่า
ขา้ พเจ้าอยากให้ใครๆชอบขา้ พเจา้ , ข้าพเจ้าอยากคุยใหถ้ ูกใจคน, ข้าพเจ้าอยากให้ตนเองมีความม่นั ใจ
มากข้ึน, ข้าพเจ้าอยากเปน็ ผู้ฟังท่ีดี, ข้าพเจ้าอยากเข้ากับเพื่อนรุ่นเดียวกันได้และข้าพเจ้าอยากเรียนรู้
วิธีเป็นผู้นา ท้ังหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความต้องการที่กาลังเป็นปัญหาสาคัญสาหรับเขาในการปรับตัว
เขา้ กับสังคมเพ่ือนๆของเขาซง่ึ เขาก็อยากจะมีบทบาททางสังคมโดยเฉพาะภายในชั้นเรียนเช่นเดยี วกับ
เพอ่ื นคนอืน่ ของเขา
วิธีการแก้ปัญหาคือ การปรับทัศนคติความคิดทั้งตัวเด็กชาย ก (นามสมมติ)และเพ่ือร่วมช้ัน
เรียนในการทาความเข้าใจซ่ึงกันและกันเพื่อที่จะผลักดันหรือเปิดโอกาสให้เขาได้สวมบทบาทของผู้นา
หรอื ใหไ้ ดแ้ สดงออกมากยิ่งขึน้ ซ่งึ จะช่วยเสริมสร้างความมน่ั ใจภายในตัว โดยเขาอาจนาไปสู่การพัฒนา
ทก่ี ้าวไกลท่ีสดุ สาหรับความต้องการของเขากเ็ ปน็ ได้
ลงชือ่ ____________________
( นายจรณชยั ศรปี ระดิษฐ )
ผู้ทาการศกึ ษา
เหน็ สมควรกบั การนาไปปรบั ใช้ ลงช่ือ____________________
ไมเ่ ห็นสมควรกบั การนาไปปรับใช้
เพราะ________________________________________ (คุณครูรชั นก สงั ขง์ าม)
ครูประจาชั้น
ด้านท่ี ๗ การศกึ ษารายกรณคี รง้ั น้ีมีประโยชน์ต่อการประกอบวิชาครขู องนกั ศึกษาคือ
กระบวนการศึกษานักเรียนเป็นรายบุคคลอย่างละเอียดต่อเน่ือง โดยใช้เทคนิควิธีการท่ี
หลากหลาย ในการรวบรวมและวิเคราะห์ขอ้ มูล เพ่อื หาสาเหตุของปญั หาอันจะนาไปสู่การดาเนินการ
ให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนานักเรียน ให้สามารถปรับตัว และดาเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้
อย่างมีความสุขหรือท่ีเรียกว่า Case Study ทาให้ได้รู้ถึงการศึกษาพฤติกรรมของผู้เรียนและทาให้ได้
วิธีการท่ีครูจะได้รู้จักและเข้าใจนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะนักเรียนท่ีต้องได้รับความเอาใจใส่
เป็นพิเศษ ทาให้ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น นาไปสู่การวางแผน และให้ความช่วยเหลือนักเรียนอย่างมี
ประสิทธิภาพ
ตอนท่ี ๕ การฝกึ ปฏบิ ตั ิการสอน
แผนการจัดการเรียนรู้
โรงเรยี นทีใ่ ชน้ วตั กรรมการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study)
และวธิ ีการแบบเปิด (Open Approach)
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑
โรงเรียนเพชรผดุงเวยี งไชย
สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต ๒
กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๒ เร่อื ง เทา่ ไรกับเทา่ ไร
กจิ กรรม เร่อื ง เมืองไทยอะไรก็ได้ (จำนวน ๕)
คาบท่ี ๑/.... จานวน ๖๐ นาที
วันที่ ๑๒ เดือน มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑
โรงเรยี น เพชรผดงุ เวียงไชย
ชอ่ื ผูร้ ่วมสรา้ งแผน
๑. นำงสำวมำลยั ทพิ ย์ คนซื่อ ครพู ่ีเล้ยี ง
๒. นำยจรณชัย ศรีประดษิ ฐ นักศึกษำฝกึ ปฏิบตั ิวชิ ำชพี ระหวำ่ งเรยี น ๑
ชือ่ ผบู้ นั ทึก : นำงสำวมำลัยทิพย์ คนซ่อื
ช่อื ผสู้ อน : นำยจรณชยั ศรปี ระดษิ ฐ
๑. เป้าหมายของบทเรยี นระดับหน่วยการเรียนรูแ้ ละเป้าหมายของบทเรยี นในแตล่ ะ
คาบในหนว่ ยการเรียนรูน้ ้ัน (Aim of the Lesson)
เปา้ หมายของบทเรยี นระดับหน่วยการเรียนรู้
หน่วยกำรเรียนรู้นี้มีเป้ำหมำยเพ่ือสำรวจแนวคิด และกระบวนกำรท่ีนักเรียนใช้ใน
กำรสร้ำงควำมเข้ำใจเก่ียวกับกำรแยกจำนวนท่ีกำหนดให้ออกเป็น ๒ จำนวน ซึ่งเป็นจำนวนท่ีไม่เกิน
๑๐ และกำรนำจำนวน ๒ จำนวนมำรวมกันทำให้เป็น ๑๐ พร้อมท้ังสำรวจวิธีกำรและเคร่ืองมือท่ี
นกั เรยี นใช้ในกำรแยกจำนวน ๒ จำนวน และกำรนำจำนวน ๒ จำนวนมำรวมกันทำใหเ้ ป็น ๑๐ รวมท้ัง
ชว่ ยให้นักเรยี นเข้ำใจกำรนำจำนวน ๒จำนวนมำรวมกนั ทำให้เป็นสบิ จำกกำรใชบ้ ลอ็ ก
เป้าหมายของบทเรียนในแต่ละคาบในหนว่ ยการเรียนรู้นั้น คาบท่ี ๒/…..
นักเรยี นสำมำรถแยกจำนวน ๕ ออกเปน็ จำนวนสองจำนวนโดยทผ่ี ลบวกของสอง
จำนวนนนั้ มคี ำ่ เท่ำกับ ๕ ได้
๒. ขนั้ ตอนการสรา้ งสถานการณป์ ัญหาปลายเปดิ
๒.๑ เน้ือหาสาระ ทักษะกระบวนการและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีต้องการจะเน้นใน
สถานการณ์ปญั หาปลายเปิดของหน่วยการเรยี นรนู้ ี้
เนอ้ื หาสาระ
ควำมรสู้ กึ เชิงจำนวน เช่น จำนวน ๕ เกดิ จำกตัวเลข ๑ และ ๔, ๒ และ ๓
กำรแยกจำนวน (decomposition) หมำยถึง วิธีกำรคิดจำกกำรแยก
จำนวนหน่งึ ๆออกมำเปน็ จำนวนต่ำงๆ สองจำนวน โดยที่ผลบวกของจำนวนน้ันเท่ำกบั จำนวนเดิม เช่น
กำรใช้กำรโยงเส้นเพอื่ แยกจำนวนสองจำนวน
กำรสร้ำงจำนวน (composition) หมำยถึง วิธีกำรคิดจำกกำรนำจำนวน
สองจำนวนมำรวมกัน เพ่ือให้เห็นว่ำจำนวนมีสมำชิกอยู่ ๒ จำนวน จำกกำรแยกจำนวนหน่ึงออกเป็น
๒ จำนวน
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงส่วนย่อยและส่วนย่อย (part - part relationship)
หมำยถงึ จำนวนที่นำมำรวมกันจำกจำนวนท่แี ยกออกไป โดยรวมให้เทำ่ กบั จำนวนเดมิ ซง่ึ เรยี กวำ่ กำร
ประกอบจำกหลำยส่วน (composite) และเปน็ ฐำนแนวคิดเร่อื งกำรบวก
ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งสว่ นใหญแ่ ละส่วนย่อย (whole - part relationship)
หมำยถึง กำรสร้ำงจำนวนโดยนำจำนวนที่แยกมำรวมกันหรือกำรแยกจำนวนที่มีอยู่ออกไปเป็นสอง
จำนวน ซง่ึ เรียกว่ำ กำรแยกส่วนประกอบ (decomposite) และเป็นฐำนแนวคิดเร่อื งกำรลบ
ทกั ษะ กระบวนการ
๑) กำรแก้ปัญหำ
- เมื่อกำหนดจำนวน ๕ มำให้นักเรียนสำมำรถแยกจำนวน ๕
ออกเปน็ จำนวน สองจำนวนโดยที่ผลบวกของสองจำนวนนน้ั มคี ำ่ เท่ำกบั ๕ ได้
๒) กำรใหเ้ หตุผล
- นักเรียนสำมำรถให้เหตุผลในกำรแยกจำนวน ๕ ออกเป็นสอง
จำนวนไดอ้ ย่ำงสมเหตสุ มผล
- นักเรียนสำมำรถให้เหตุผลในกำรจัดเรียงแบบบนั ทกึ ได้อย่ำง
สมเหตสุ มผล
๓) กำรนำเสนอ
- นักเรียนสำมำรถอธิบำยแนวคิดเกี่ยวกับกำรแยกจำนวน ๕
ออกเปน็ สองจำนวน ไดอ้ ย่ำงสมเหตุสมผล
๔) กำรส่ือสำรทำงคณิตศำสตร์
- นักเรียนสำมำรถพูดอธิบำย และแสดงแนวคิดเก่ียวกับกำรแยก
จำนวน ๖ ออกเป็นสองจำนวนด้วยภำษำและควำมเข้ำใจของตนเองได้
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
- ควำมรสู้ ึกในกำรเปน็ เจำ้ ของผลงำนร่วมกัน
- ควำมสำมคั คแี ละกำรร่วมมือกันทำงำน
- ยอมรับฟงั ควำมคดิ เห็นของคนอ่ืน
- นกั เรียนเกิดกำรแลกเปลยี่ นเรียนรรู้ ่วมกนั ในช้นั เรียน
- ควำมพยำยำมและควำมอดทนในกำรทำงำน
๒.๒ คาสาคัญในสถานการณ์ปัญหาปลายเปิด ธรรมชำติกำรคิดหรือกระบวนกำรเรียนรู้
ของนักเรียนจำกหน่วยกำรเรียนรู้ก่อนหน้ำน้ี หรือจำกชั้นเรียนก่อนหน้ำน้ี หรือจำกประสบกำรณ์ใน
ชวี ติ ประจำวันของนักเรียนท่ีครูรู้ ทเี่ กีย่ วข้องกับ เนือ้ หำสำระ ทักษะ กระบวนกำร และคณุ ลกั ษณะอัน
พึงประสงค์ที่กำหนดในข้อ ๒.๑ เพื่อใช้ในกำรพิจำรณำภำษำที่จะกำหนด “คำสำคัญ” (Key words)
ในสถำนกำรณป์ ญั หำปลำยเปิด
- แยก - สอง
- แบ่ง - ชอ่ ง
- นบั - ห้า
๒.๓ สถานการณ์ปัญหาในรปู คาส่ังท่ชี ัดเจนและนักเรยี นเขา้ ใจได้ง่ายๆ
คาสั่ง ให้นักเรียนหำว่ำเพ่ือนท้ัง ๕ คนจะเดินทำงไปเชียร์กีฬำวอลเลย์บอลโดย
รถต๊กุ ๆ ๒ คนั ไดค้ นั ละกค่ี นบ้ำง
๒.๔ การสร้างหรือออกแบบสื่อให้สัมพันธ์กับคาส่ังในสถานการณ์ปัญหาปลายเปิด โดยมี
สื่อหลักท่ีใช้ในกำรสร้ำงสถำนกำรณ์ปัญหำปลำยเปิด และส่ือเสริมที่จะใช้ในขณะที่นักเรียนนำเสนอ
แนวคดิ ต่อช้ันเรยี น หรือในขณะท่ีครสู รปุ บทเรยี น
ส่ือหลัก
๑. ภำพนกั เรียนขบั รถตุ๊กๆคนั ละ ๑ คน จำนวน ๒ คนั
๒. ภำพนกั เรยี นผหู้ ญงิ จำนวน ๕ คน
สือ่ เสรมิ
๑. ใบกิจกรรม
๒. บัตรบันทึกคะแนน
๒.๕ การกาหนดเวลาท่ีใช้ในแต่ละคาส่ัง และการกาหนดคาบพร้อมกับเป้าหมายของ
บทเรยี นของแตล่ ะคาบ
• ข้ันนาเสนอสถานการณป์ ญั หา (๑๐ นาท)ี
๑. ครูกล่ำวทักทำยนักเรียน และสนทนำกับนักเรียนว่ำ “เมื่อวันอำทิตย์ครูไป
เทย่ี วกรุงเทพฯมำซึ่งครูได้เจอกบั นกั เรียนกลมุ่ หนึ่งกำลังยนื รอรถตุ๊กๆอยู่” (ตดิ รปู นกั เรยี น ๕ คน) ถำม
นักเรียนว่ำ “เพื่อนๆแต่งตัวสวยไหม ครูให้ทำยว่ำเพื่อนแต่งตัวสวยแบบนี้เขำจะไปไหนกัน” และเล่ำ
ตอ่ ไปว่ำ “เขำจะไปเชียร์กีฬำวอลเลย์บอลกัน” จำกน้ันก็ถำมต่อวำ่ “แล้วนักเรียนรู้ไหมว่ำเพ่ือนๆของ
นักเรยี นจะเดินทำงไปเชยี ร์กีฬำอย่ำงไร” และเลำ่ ตอ่ ไปว่ำ “สักพกั หน่งึ ครูเห็นรถตุก๊ ๆ ๒ คนั มำจอดรับ
เขำ ไหนใครรู้จักคนขับบ้ำง” (ติดรูปรถตุ๊กๆ ๒ คัน) สถำนกำรณ์ปัญหำ “เพ่ือนๆของนักเรียนที่จะ
เดินทำงไปเชยี ร์กฬี ำวอลเลย์บอลเขำจะข้ึนรถกันอยำ่ งไร ข้ึนคนั ละกีค่ นดี”
๒. ครแู บ่งกลุ่มนกั เรียนเปน็ กล่มุ ละ ๓ คน
๓. ครูบอกกับนักเรียนว่ำ วันนี้เรำจะมำหำกันว่ำ “เพ่ือนๆของนักเรียนที่จะ
เดนิ ทำงไปเชียรก์ ีฬำวอลเลยบ์ อลเขำจะขนึ้ รถกันอย่ำงไร ขน้ึ คันละก่ีคนดี”
๔. ครูนำเสนอคำสั่งกิจกรรม โดยติดบนกระดำนพร้อมนำนักเรียนอ่ำนคำส่ัง
กิจกรรม
คาสั่ง : ให้นักเรียนหำว่ำเพื่อนทั้ง ๕ คนจะเดินทำงไปเชียร์กีฬำวอลเลย์บอลโดยรถตุ๊กๆ ๒ คัน ได้
คนั ละก่ีคนบำ้ ง
๕. ครแู จกอปุ กรณ์ใหน้ กั เรียน
• ขน้ั นักเรียนเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (๒๐นาที)
นักเรียนชว่ ยกนั หำว่ำเพอื่ นๆจะขนึ้ รถไดแ้ บบไหนบำ้ งพร้อมบันทกึ ลงในบัตร
บันทึก โดยครูสังเกตและรวบรวมแนวคิดของนักเรียนจัดกำรวิธีกำรขึ้นรถของเพ่ือน ๕ คนและกำร
บนั ทกึ ผลของนกั เรยี น พรอ้ มกระตนุ้ กำรทำงำนของนกั เรียน
• ข้นั อภิปรายท้ังช้ันเรียน (๒๐ นาที)
- ครูจัดลำดบั แนวคิดของนกั เรียนแต่ละกล่มุ ในกำรนำเสนอผลงำน
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรำยเกี่ยวกับโครงสร้ำงของจำนวน ๕ โดยครู
พยำยำมต้ังคำถำมเพ่ือกระตุ้นนักเรียนว่ำ “จำนวน ๕ สำมำรถแยกเป็นจำนวนอะไรได้บ้ำง” และ
“จำนวนวิธีท้งั หมดที่เกิดจำกกำรแยก จำนวน ๕ ”
• ขน้ั สรปุ โดยการเช่ือมโยงแนวคิดของนักเรยี น (๑๐ นาที)
- ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรปุ เกี่ยวกับสิ่งท่ไี ด้เรยี นรจู้ ำกกำรทำกิจกรรมและ
กำรอภปิ รำยร่วมกนั ในชั้นเรียน (กำรแยกจำนวน ๕ ออกเป็นสองจำนวนทีแ่ ตกตำ่ งกันโดยทีผ่ ลบวก
ของสองจำนวนนนั้ มคี ำ่ เท่ำกับ ๕, จำนวนวิธีท้งั หมดทเ่ี กิดจำกกำรแยก จำนวน ๕)
๒.๖ การคาดคะเนแนวคิดของนกั เรยี นท่จี ะตอบสนองต่อคาสง่ั
นกั เรียนบอกท่ีมำของจำนวน ๕ ได้วำ่
๕ มำจำก ๐ กับ ๕
๕ มำจำก ๑ กับ ๔
๕ มำจำก ๒ กับ ๓
๕ แยกเปน็ ๓ และ ๒
๕ แยกเปน็ ๔ และ ๑
๕ แยกเป็น ๕ และ ๐
๓. การจดั ลาดับการนาเสนอแนวคดิ ของนักเรยี นเพอื่ ให้เกิดการเช่อื มโยงท้ังแนวคิดและ
ความคดิ รวบยอดทางคณติ ศาสตร์และอน่ื ๆ ของบทเรียนในแตล่ ะคาบ
ลาดับแนวคดิ ของนักเรียน
จานวน ๕ ใชว้ ิธีนบั จานวนเพ่ือน
การแยกจานวน ๕ ออกเป็นสอง ใช้วิธบี วก
จานวนโดยท่ีผลบวกของสองจานวน
น้ันมคี ่าเทา่ กับ ๕
๔. ประเดน็ ที่จะใช้ในการร่วมอภปิ รายในชัน้ เรยี นเพ่อื ใหน้ กั เรียนบรรลเุ ปา้ หมายของบทเรยี น
ในแต่ละคาบ
๕ เกิดจำกกำรรวมของจำนวนใดบ้ำง
๕. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารทใี่ ช้ เครื่องมอื ท่ีใช้ เกณฑก์ ารประเมิน
สงิ่ ทีต่ ้องการวดั ผล - ตรวจใบกจิ กรรม
- ใบกจิ กรรม เขยี นตอบอย่ำง
ดา้ นความรู้ - กำรตอบคำถำม สมเหตุสมผลใน
อธิบำยแนวคิดหนำ้ ชน้ั วธิ ีกำรของตนเอง
๑. นกั เรียนบอกท่ีมำของ เรียนและในใบกจิ กรรม และคำตอบถูกต้อง
จำนวน ๕ ไดว้ ่ำ มำจำก มำกกวำ่ ร้อยละ ๗๕
จำนวนไหนกบั จำนวนไหน - กำรสังเกตพฤติกรรม
๒. นักเรยี นสำมำรถหำ นกั เรียน - ใบกิจกรรม เขยี นตอบอย่ำง
สมเหตสุ มผลใน
ควำมสมั พนั ธข์ องจำนวน วิธกี ำรของตนเอง
ส่วนรวมและส่วนยอ่ ยได้ - แบบสังเกต เขำ้ ร่วมกิจกรรมและ
พฤติกรรม ผำ่ นเกณฑ์อย่ำงน้อย
ดา้ นทักษะ กระบวนการ รอ้ ยละ ๗๕
๑. นกั เรยี นมที กั ษะในกำร
แก้ปัญหำกำรบวกด้วยวธิ กี ำร
ที่หลำกหลำย
๒. นกั เรยี นมีทักษะกำรให้
เหตุผลในกำรอธบิ ำยแนวคิด
ของตนเอง
ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
๑. รับผดิ ชอบตอ่ หนำ้ ท่ีที่
ไดร้ บั มอบหมำย
๒. นกั เรียนกลำ้ คิด กล้ำ
แสดงออก
๓. นกั เรยี นมีส่วนรว่ มใน
กิจกรรมของชัน้ เรยี น
แผนการจดั การเรียนรู้ กิจกรรม เรื่อง นอนบำ้ นไหนกนั ดี (จำนวน ๕)
ความคิดเห็นของครูพ่ีเลี้ยง : _____________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
ลงชื่อ__________________
(นำงสำวมำลยั ทิพย์ คนซ่ือ)
ครพู ีเ่ ล้ยี ง
ใบกิจกรรมการเรียนรู้
เร่อื ง กจิ กรรมเมอื งไทยอะไรกไ็ ด้
(หนา้ ที่ ๑)
ใบกิจกรรมการเรียนรู้
เร่อื ง กจิ กรรมเมอื งไทยอะไรกไ็ ด้
(หนา้ ที่ ๒)
บนั ทกึ หลังการสอน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ เร่อื ง เทา่ ไรกับเท่าไร กิจกรรม เร่อื ง เมืองไทยอะไรกไ็ ด้ (จำนวน ๕)
คาบท่ี ๑/.... จานวน ๖๐ นาที
วนั ที่ ๑๒ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑
ผลการสอน : _______________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
ปัญหา/อุปสรรค: ___________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แนวทางการแก้ไข/ข้อเสนอแนะ : _______________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
ลงช่ือ____________________
(นำยจรณชยั ศรีประดิษฐ)
นกั ศึกษำฝึกปฏบิ ัติวิชำชีพระหวำ่ งเรยี น ๑
แผนการจดั การเรยี นรู้
โรงเรยี นทใ่ี ช้นวตั กรรมการศกึ ษาชนั้ เรยี น (Lesson Study)
และวิธีการแบบเปิด (Open Approach)
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑
โรงเรียนเพชรผดงุ เวียงไชย
สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต ๒
กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอื่ ง เท่าไรกับเท่าไร
กจิ กรรม เรือ่ ง นอนบ้ำนไหนกันดี (จำนวน ๖)
คาบที่ ๑/.... จานวน ๖๐ นาที
วันที่ ๑๕ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑
โรงเรียน เพชรผดุงเวียงไชย
ช่อื ผูร้ ว่ มสร้างแผน
๑. นำงสำวมำลยั ทิพย์ คนซ่ือ ครพู ีเ่ ล้ียง
๒. นำยจรณชัย ศรปี ระดิษฐ นกั ศกึ ษำฝกึ ปฏิบตั ิวชิ ำชีพระหวำ่ งเรยี น ๑
ชือ่ ผู้บันทกึ : นำงสำวมำลัยทพิ ย์ คนซอ่ื
ชื่อผู้สอน : นำยจรณชยั ศรปี ระดษิ ฐ
๑. เปา้ หมายของบทเรยี นระดับหน่วยการเรียนรแู้ ละเป้าหมายของบทเรียนในแต่ละคาบใน
หนว่ ยการเรียนรนู้ ้นั (Aim of the Lesson)
เปา้ หมายของบทเรียนระดับหนว่ ยการเรยี นรู้
หน่วยกำรเรียนรู้นี้มีเป้ำหมำยเพ่ือสำรวจแนวคิด และกระบวนกำรที่นักเรียนใช้ใน
กำรสร้ำงควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรแยกจำนวนที่กำหนดให้ออกเป็น ๒ จำนวน ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เกิน
๑๐ และกำรนำจำนวน ๒ จำนวนมำรวมกันทำให้เป็น ๑๐ พร้อมท้ังสำรวจวิธีกำรและเคร่ืองมือที่
นกั เรยี นใช้ในกำรแยกจำนวน ๒ จำนวน และกำรนำจำนวน ๒ จำนวนมำรวมกนั ทำให้เปน็ ๑๐ รวมทง้ั
ชว่ ยให้นกั เรยี นเข้ำใจกำรนำจำนวน ๒จำนวนมำรวมกันทำให้เป็นสบิ จำกกำรใช้บล็อก
เป้าหมายของบทเรียนในแตล่ ะคาบในหนว่ ยการเรียนร้นู ้ัน คาบท่ี ๒/…..
นกั เรยี นสำมำรถแยกจำนวน ๖ ออกเปน็ จำนวนสองจำนวนโดยที่ผลบวกของสอง
จำนวนนัน้ มคี ่ำเทำ่ กับ ๖ ได้
๒. ขนั้ ตอนการสรา้ งสถานการณป์ ญั หาปลายเปิด
๒.๑ เน้ือหาสาระ ทักษะกระบวนการและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องการจะเน้นใน
สถานการณ์ปญั หาปลายเปิดของหน่วยการเรียนรู้นี้
เนอ้ื หาสาระ
ควำมรสู้ กึ เชิงจำนวน เชน่ จำนวน ๖ เกิดจำกตวั เลข ๑ และ ๕, ๓ และ ๓
กำรแยกจำนวน (decomposition) หมำยถึง วิธีกำรคิดจำกกำรแยก
จำนวนหน่งึ ๆออกมำเปน็ จำนวนต่ำงๆ สองจำนวน โดยท่ีผลบวกของจำนวนนั้นเทำ่ กับจำนวนเดิม เช่น
กำรใชก้ ำรโยงเส้นเพอื่ แยกจำนวนสองจำนวน
กำรสร้ำงจำนวน (composition) หมำยถึง วิธีกำรคิดจำกกำรนำจำนวน
สองจำนวนมำรวมกัน เพ่ือให้เห็นว่ำจำนวนมีสมำชิกอยู่ ๒ จำนวน จำกกำรแยกจำนวนหน่ึงออกเป็น
๒ จำนวน
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงส่วนย่อยและส่วนย่อย (part - part relationship)
หมำยถงึ จำนวนที่นำมำรวมกันจำกจำนวนที่แยกออกไป โดยรวมให้เทำ่ กบั จำนวนเดมิ ซ่ึงเรยี กวำ่ กำร
ประกอบจำกหลำยส่วน (composite) และเป็นฐำนแนวคิดเร่อื งกำรบวก
ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งส่วนใหญ่และส่วนยอ่ ย (whole - part relationship)
หมำยถึง กำรสร้ำงจำนวนโดยนำจำนวนท่ีแยกมำรวมกันหรือกำรแยกจำนวนท่ีมีอยู่ออกไปเป็นสอง
จำนวน ซง่ึ เรียกวำ่ กำรแยกส่วนประกอบ (decomposite) และเป็นฐำนแนวคดิ เรื่องกำรลบ
ทกั ษะ กระบวนการ
๑) กำรแก้ปัญหำ
- เมื่อกำหนดจำนวน ๖ มำให้นักเรียนสำมำรถแยกจำนวน ๖
ออกเป็นจำนวน สองจำนวนโดยที่ผลบวกของสองจำนวนนนั้ มีคำ่ เท่ำกบั ๖ ได้
๒) กำรใหเ้ หตผุ ล
- นักเรียนสำมำรถให้เหตุผลในกำรแยกจำนวน ๖ ออกเป็นสอง
จำนวนไดอ้ ย่ำงสมเหตสุ มผล
- นักเรยี นสำมำรถใหเ้ หตผุ ลในกำรจดั เรยี งแบบบันทกึ ได้อย่ำง
สมเหตุสมผล
๓) กำรนำเสนอ
- นักเรียนสำมำรถอธิบำยแนวคิดเกีย่ วกับกำรแยกจำนวน ๖
ออกเปน็ สองจำนวน ไดอ้ ย่ำงสมเหตุสมผล
๔) กำรส่ือสำรทำงคณติ ศำสตร์
- นักเรียนสำมำรถพูดอธิบำย และแสดงแนวคิดเก่ียวกับกำรแยก
จำนวน ๖ ออกเป็นสองจำนวนดว้ ยภำษำและควำมเขำ้ ใจของตนเองได้
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
- ควำมร้สู กึ ในกำรเป็นเจ้ำของผลงำนร่วมกนั
- ควำมสำมคั คแี ละกำรร่วมมือกนั ทำงำน
- ยอมรบั ฟังควำมคดิ เห็นของคนอื่น
- นกั เรียนเกิดกำรแลกเปล่ยี นเรียนรรู้ ่วมกนั ในช้ันเรยี น
- ควำมพยำยำมและควำมอดทนในกำรทำงำน
๒.๒ คาสาคัญในสถานการณ์ปัญหาปลายเปิด ธรรมชำติกำรคิดหรือกระบวนกำรเรียนรู้
ของนักเรียนจำกหน่วยกำรเรียนรู้ก่อนหน้ำนี้ หรือจำกชั้นเรียนก่อนหน้ำน้ี หรือจำกประสบกำรณ์ใน
ชวี ติ ประจำวันของนักเรยี นที่ครูรู้ ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับ เน้ือหำสำระ ทักษะ กระบวนกำร และคณุ ลักษณะอัน
พึงประสงค์ที่กำหนดในข้อ ๒.๑ เพื่อใช้ในกำรพิจำรณำภำษำท่ีจะกำหนด “คำสำคัญ” (Key words)
ในสถำนกำรณป์ ัญหำปลำยเปดิ
- แยก - สอง
- แบ่ง - ช่อง
- นับ - หก
๒.๓ สถานการณ์ปญั หาในรปู คาสัง่ ท่ชี ัดเจนและนกั เรียนเข้าใจได้ง่ายๆ
คาส่ัง ให้นักเรียนหำว่ำเพ่ือนทั้ง ๖ คนจะเข้ำพักค้ำงคืนที่บ้ำน “ก” และบ้ำน “ข”
ได้หลงั ละก่ีคนบ้ำง
๒.๔ การสร้างหรือออกแบบส่ือให้สัมพันธ์กับคาส่ังในสถานการณ์ปัญหาปลายเปิด โดยมี
สื่อหลักที่ใช้ในกำรสร้ำงสถำนกำรณ์ปัญหำปลำยเปิด และสื่อเสริมท่ีจะใช้ในขณะที่นักเรียนนำเสนอ
แนวคดิ ต่อชนั้ เรียน หรอื ในขณะทคี่ รูสรปุ บทเรียน
ส่ือหลกั
๑. ภำพทิวทศั นบ์ ้ำน “ก” และบำ้ น “ข”
๒. ภำพเนตรนำรี ๖ คนและลกู เสือ ๒ คน
๓. ปำ้ ยสถำนกำรณป์ ัญหำและคำสง่ั
สื่อเสรมิ
๑. ใบกิจกรรม
๒. บัตรบันทกึ คะแนน
๒.๕ การกาหนดเวลาท่ีใช้ในแต่ละคาส่ัง และการกาหนดคาบพร้อมกับเป้าหมายของ
บทเรยี นของแตล่ ะคาบ
• ข้นั นาเสนอสถานการณ์ปัญหา (๑๐ นาที)
๑. ครูกล่ำวทักทำยนักเรียน และสนทนำกับนกั เรียนวำ่ “นักเรียนจำได้ไหมคะ
ว่ำคำบท่ีแล้วครูให้ภำรกิจอะไร” จำกนั้นครูต้ังคำถำมกับนักเรียนว่ำ “จำนวนห้ำสำมำรถแยกได้กี่วิธี
นะ” จำกนน้ั ครตู ิดบตั รบนั ทกึ เลขห้ำทไ่ี ด้แยกไว้แล้วตำมนกั เรียนบอกทห่ี น้ำกระดำนทลี ะบัตร
๒. ครูบอกกับนักเรียนว่ำ “วันนี้ครูมีภำรกิจสำคัญมำให้นักเรียนทำอีกเช่นกัน
แต่ก่อนอ่ืนเรำมำดเู หตกุ ำรณท์ ่ีครไู ด้เจอมำก่อนดีกว่ำ เมอ่ื วำนวันอะไรนะ ปกตวิ ันพฤหัสบดีใสช่ ุดอะไร
เหน็ พีๆ่ ใสช่ ุดลูกเสือเสือ เนตรนำรีกันไหม แลว้ วันน้ีสิ่งท่ีครูจะมำเลำ่ ให้ฟังก็คอื มีเนตรนำรไี ปเข้ำค่ำยท่ี
ชำยทะเลจำนวน ๖ คน” จำกนั้นครูติดรูปชำยทะเลและเนตรนำรี ๖ คน และเล่ำต่อไปว่ำ “แล้ว
เพื่อนๆของนักเรียนท้ัง ๖ คน จะพักอย่ำงไรดีเม่ือมีท่ีพักอยู่ ๒ หลังคือบ้ำน “ก” และบ้ำน “ข” พัก
หลังละก่คี นดี มวี ธิ ไี หนบำ้ ง” ( สถำนกำรณป์ ญั หำ )
๓. ครูอธิบำยเพิ่มเติมว่ำ “จำกเมอ่ื วำนเพอื่ นไปเท่ียวกนั ๕ คนเรำสำมำรถแบ่ง
ได้แบบไหนบำ้ งจำไดไ้ หมนะ แลว้ วนั นมี้ ีเพือ่ นเพิม่ มำกอกี คนเปน็ ๖ คนจะทำอยำ่ งไรดีนะ” ครูทบทวน
๔. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนเปน็ กลุ่มละ ๓ คน
๕. ครนู ำเสนอคำสง่ั กจิ กรรม โดยติดบนกระดำนแม่เหลก็ พร้อมนำนกั เรียนอ่ำน
คำสง่ั กจิ กรรม
คาสงั่ : ให้นักเรยี นหำว่ำเพ่ือนทั้ง ๖ คนจะเข้ำพักค้ำงคืนที่บ้ำน “ก” และบ้ำน “ข” ได้หลังละกี่คน
บ้ำง
๖. ครแู จกอปุ กรณใ์ หน้ กั เรยี น
• ขน้ั นกั เรยี นเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (๒๐นาท)ี
นักเรียนนำเนตรนำรีไปติดท่ีบ้ำน “ก” และบ้ำน “ข” แล้วบันทึกผลในแต่
ละครั้ง โดยครูสังเกตและรวบรวมแนวคิดของนักเรียนในกำรนำเนตรนำรีไปติดท่ีบ้ำน “ก” และบ้ำน
“ข” และกำรบันทึกผลของนกั เรียน พร้อมกระตนุ้ กำรทำงำนของนักเรยี น
• ขั้นอภปิ รายทั้งชัน้ เรียน (๒๐ นาท)ี
- ครจู ดั ลำดับแนวคดิ ของนกั เรียนแต่ละกลุ่มในกำรนำเสนอผลงำน
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรำยเก่ียวกับโครงสร้ำงของจำนวน ๖ โดยครู
พยำยำมตั้งคำถำมเพื่อกระตุ้นนักเรียนว่ำ “ จำนวน ๖ สำมำรถแยกเป็นจำนวนอะไรได้บ้ำง” และ
“จำนวนวิธที ั้งหมดทีเ่ กดิ จำกกำรแยก จำนวน ๖ ”
• ข้นั สรุปโดยการเชอ่ื มโยงแนวคิดของนกั เรยี น (๑๐ นาท)ี
- ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเกี่ยวกับส่ิงท่ีได้เรียนรู้จำกกำรทำกิจกรรมและ
กำรอภิปรำยร่วมกันในช้ันเรียน (กำรแยกจำนวน ๖ ออกเป็นสองจำนวนที่แตกต่ำงกันโดยที่ผลบวก
ของสองจำนวนน้นั มคี ำ่ เทำ่ กับ ๖, จำนวนวิธที ้งั หมดที่เกิดจำกกำรแยก จำนวน ๖)
๒.๖ การคาดคะเนแนวคิดของนกั เรียนที่จะตอบสนองต่อคาสงั่
นักเรยี นบอกทีม่ ำของจำนวน ๖ ได้ว่ำ
๖ มำจำก ๐ กบั ๖
๖ มำจำก ๑ กับ ๕
๖ มำจำก ๒ กับ ๔
๖ มำจำก ๓ กบั ๓
๖ มำจำก ๓ กบั ๒
๖ แยกเป็น ๕ กบั ๑
๖ แยกเป็น ๖ กบั ๐
๓. การจดั ลาดับการนาเสนอแนวคิดของนกั เรยี นเพือ่ ใหเ้ กิดการเช่อื มโยงทัง้ แนวคดิ และ
ความคิดรวบยอดทางคณติ ศาสตรแ์ ละอนื่ ๆ ของบทเรยี นในแต่ละคาบ
ลาดบั แนวคดิ ของนกั เรียน
จานวน ๖ ใชว้ ธิ นี ับจานวนเพือ่ น
การแยกจานวน ๖ ออกเป็นสอง ใช้วธิ ีบวก
จานวนโดยทีผ่ ลบวกของสองจานวน
น้ันมีคา่ เท่ากบั ๖
๔. ประเด็นทจ่ี ะใชใ้ นการร่วมอภปิ รายในช้ันเรียนเพอ่ื ให้นกั เรียนบรรลเุ ปา้ หมายของบทเรียน
ในแต่ละคาบ
๖ เกดิ จำกกำรรวมของจำนวนใดบ้ำง
๕. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารท่ใี ช้ เครื่องมอื ท่ีใช้ เกณฑก์ ารประเมิน
สงิ่ ทีต่ ้องการวดั ผล - ตรวจใบกจิ กรรม
- ใบกจิ กรรม เขยี นตอบอย่ำง
ดา้ นความรู้ - กำรตอบคำถำม สมเหตุสมผลใน
อธิบำยแนวคิดหนำ้ ชน้ั วธิ ีกำรของตนเอง
๑. นกั เรียนบอกท่ีมำของ เรียนและในใบกิจกรรม และคำตอบถูกต้อง
จำนวน ๖ ไดว้ ่ำ มำจำก มำกกวำ่ ร้อยละ ๗๕
จำนวนไหนกบั จำนวนไหน - กำรสังเกตพฤติกรรม
๒. นักเรยี นสำมำรถหำ นกั เรียน - ใบกิจกรรม เขยี นตอบอย่ำง
สมเหตสุ มผลใน
ควำมสมั พนั ธข์ องจำนวน วิธกี ำรของตนเอง
ส่วนรวมและส่วนยอ่ ยได้ - แบบสังเกต เขำ้ ร่วมกิจกรรมและ
พฤติกรรม ผำ่ นเกณฑ์อย่ำงน้อย
ดา้ นทักษะ กระบวนการ รอ้ ยละ ๗๕
๑. นกั เรยี นมที กั ษะในกำร
แก้ปัญหำกำรบวกด้วยวธิ กี ำร
ที่หลำกหลำย
๒. นกั เรยี นมีทักษะกำรให้
เหตุผลในกำรอธบิ ำยแนวคิด
ของตนเอง
ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
๑. รับผดิ ชอบตอ่ หนำ้ ท่ีที่
ไดร้ บั มอบหมำย
๒. นกั เรียนกลำ้ คิด กล้ำ
แสดงออก
๓. นกั เรยี นมีส่วนรว่ มใน
กิจกรรมของชัน้ เรยี น
แผนการจดั การเรียนรู้ กิจกรรม เร่ือง นอนบ้ำนไหนกนั ดี (จำนวน ๖)
ความคิดเห็นของครูพ่ีเล้ียง : _____________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
ลงชือ่ __________________
(นำงสำวมำลัยทิพย์ คนซื่อ)
ครูพเ่ี ล้ียง
ใบกิจกรรมการเรียนรู้
เร่อื ง กจิ กรรมนอนบา้ นไหนกนั ดี
(หน้าที่ ๑)
ใบกิจกรรมการเรียนรู้
เร่อื ง กจิ กรรมนอนบา้ นไหนกนั ดี
(หน้าที่ ๒)
บันทึกหลังการสอน
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๒ เร่ือง เทา่ ไรกบั เท่าไร กิจกรรม เรอื่ ง นอนบำ้ นไหนกันดี (จำนวน ๖)
คาบท่ี ๑/.... จานวน ๖๐ นาที
วันที่ ๑๕ เดอื น มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑
ผลการสอน : _______________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
ปัญหา/อุปสรรค: ___________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แนวทางการแกไ้ ข/ข้อเสนอแนะ : _______________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
ลงชอื่ ____________________
(นำยจรณชัย ศรปี ระดิษฐ)
นักศกึ ษำฝกึ ปฏิบตั ิวิชำชีพระหวำ่ งเรียน ๑
ประมวลภาพการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
ครง้ั ที่ ๑ และครั้งที่ ๒
นักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑/๕
ภาพการปฏบิ ตั ิหนา้ ทคี่ รเู วรรบั นกั เรียน
(ทุกเชา้ ของวนั จนั ทร์ – วันศกุ ร)์
ภาพการปฏบิ ตั ิหน้าที่สงั เกตการสอน
(จานวน ๒๕ คร้ัง)
ภาพการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ช่วยงานครพู ีเ่ ลย้ี งและวันสาคญั ทางพุทธศาสนา
(ตรวจแบบฝึกทกั ษะ,แห่ผ้าห่มพระธาตุฯ)
ภาพการปฏบิ ตั หิ น้าท่ีรว่ มประชุมการเขียนแผนและนานกั เรยี นไปเปิดชัน้ เรยี น
(ณ โรงเรยี นกาญจนาภิเษกวทิ ยาลยั สรุ าษฎรธ์ านี)
ภาพการปฏบิ ตั หิ น้าที่ครูเวรปลอ่ ยนักเรยี นกลบั บา้ นและกจิ กรรมพักเท่ียง
(ปลอ่ ยนกั เรยี นกลบั บา้ นตามอาคารต่างๆ)
ภาพกิจกรรมวนั ไหว้ครู
(โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย อนุบาลและประถมฯ)
วชิ า ประสบการณว์ ชิ าชีพครู 1 ( ECI0311 ) จรณชัย ศรีประดษิ ฐ