The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน ๑
นายจรณชัย ศรีประดิษฐ (โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Charonchai Sripradit, 2022-03-03 22:54:07

วช.๑ จรณชัย ศรีประดิษฐ

รายงานการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน ๑
นายจรณชัย ศรีประดิษฐ (โรงเรียนเพชรผดุงเวียงไชย)

ปช-๑.๐๓

1.4. ขน้ั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

1) ขนั้ การนาเสนอสถานการณป์ ัญหาปลายเปดิ (10 นาที)

- ครูทักทายนักเรียน ครูนารูปภาพหน้า 16,18 ขึ้นบนกระดาน

จากน้ันครูทบทวนรปู ภาพและบทเรียนท่ีได้เรยี นในคาบท่ีแล้ว พรอ้ มถามนักเรียนวา่ “จารูปภาพงาน

วนั เกิดไดห้ รือไม่” จากน้ันก็ถามนกั เรียนวา่ ไหนจากภาพใครเหน็ บ้างว่านกอยูต่ รงไหนเอย่ เมื่อนักเรียน

ตอบคาถามแล้ว ครูติดรูปนก พร้อมคาส่งั บนกระดาน “ใหน้ ักเรียนหาว่ามีอะไรบ้างทม่ี ีจานวนเทา่ กับ

จานวนของรูปนก” (ห้ามใช้การนับ)”

2) ขัน้ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองของนักเรียน ( 25 นาที )

- ครใู หน้ กั เรยี นน่ังเปน็ กลุม่ แล้วแจกใบกจิ กรรม ให้นักเรียนทุกกลุ่ม

พร้อมกับแจกบล็อกไม้ ครูจะคอยกระตุ้นให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นและสนใจในการทางาน

รวมถึงคอยยา้ คาสง่ั เพอ่ื ให้นกั เรยี นมีความเข้าใจในคาสงั่

3) ข้ันนาเสนอแนวคดิ และอภิปราย ( 10 นาที)

- ครูเลือกแนวคิดของนักเรียนท่ีแตกต่างกัน โดยให้นาเสนอจาก

สิ่งของทีม่ ีจานวนเท่ากับจานวนของนก ครูจะถามวา่ ใครท่ีหาไดม้ ากท่ีสุด จากนั้นก็จะถามว่าใครหาได้

แตกต่างจากนบ้ี ้าง

4) ข้ันสรุปโดยการเชอ่ื มโยงแนวคดิ ของนักเรียน (15 นาท)ี

- ครูสรุปบทเรียนจากการนาเสนอผลงานของนักเรียนแล้วเชื่อมโยง

แนวคิดของนักเรียนนาไปสู่ใบงาน ที่เป็นตัวสรุปบทเรียนเพื่อให้นักเรียนได้เขียน อ่าน เลข 8 และ

ความหมายของจานวนเหลา่ น้ัน พร้อมตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียน

1.5. การวดั และประเมินผล

ส่งิ ที่จะประเมนิ

รายการประเมิน/จดุ ประสงค์ วิธีการประเมิน เคร่อื งมอื ที่ใช้

ดา้ นความรู้ 1. ประเมินจากการทา 1. ใบกิจกรรม

1.เข้าใจความหมาย และสามารถเขียน อ่าน ตัวเลข กิจกรรม

8 ได้ 2. การนาเสนอผลงาน

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 1 . ก า ร อ ภิ ป ร า ย 1. การนาเสนอ

1. การแกป้ ญั หา แ ล ก เ ป ล่ี ย น ค ว า ม ผลงานหนา้

นักเรียนใช้สัญลักษณ์กึ่งรูปธรรมแสดงแทน คิดเห็นระหว่างการ ชัน้ เรยี น

จานวนส่ิงของในรูปภาพที่ครูกาหนดให้ นาเสนอผลงาน การรับ

ปช-๑.๐๓

สิง่ ท่จี ะประเมิน

รายการประเมิน/จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมิน เครอื่ งมือที่ใช้

2. การใหเ้ หตุผล ฟังความคิดเห็นจาก 2 . ก า ร ต อ บ

นักเรียนสามารถบอกเหตุผลเพ่ืออธิบายแนวคิด เพือ่ นในชนั้ เรยี น คาถาม

ของตนเองได้ 2. การตอบคาถาม

3. การเชือ่ มโยง

นักเรียนสามารถใช้บล็อคหรือรูปภาพแสดงแทน

จานวนได้และสามารถใช้สัญลักษณ์ (ตัวเลข) แสดง

แทนจานวนของสง่ิ ของในรปู ภาพได้

4. การสื่อสารทางคณิตศาสตร์

นักเรียนสามารถพูดอธิบาย เขียนอธิบายแนวคิด

ของตนเพ่อื สือ่ สารให้ทุกคนในช้ันเรยี นเขา้ ใจได้

5. การนาเสนอ

นักเรียนสามารถนาเสนอแนวคิดเก่ียวกับจานวน

โดยใชว้ ตั ถกุ ึง่ รูปธรรมในการนาเสนอ

นักเรียนพูดนาเสนอผลงานและอธิบายแนวคิด

ของตนที่หน้าช้ันเรยี น

ด้านคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 1. การนาเสนอผลงาน 1. ใบกจิ กรรม

1. ความรบั ผดิ ชอบ 2 . ก า ร อ ภิ ป ร า ย 2. ก า ร

2. กลา้ คดิ กลา้ แสดงออกมีความเชอื่ มั่นในตัวเอง แ ล ก เ ป ลี่ ย น ค ว า ม น า เ ส น อ

3. มรี ะเบียบวินัยในการทางาน คิดเห็นและการรับฟัง ผลงานหนา้

ความคิดเห็นจากเพื่อน ชน้ั เรยี น

ในชนั้ เรยี น

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บคุ ลิกภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนที่

สงั เกตได้จากครพู ่ีเลีย้ งมีดงั น้ี
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสุขท้งั ครผู ู้สอนและผู้เรียน

ปช-๑.๐๓
2) ให้นักเรียนได้พัฒนาความคดิ ดว้ ยการลงมอื ทา แกป้ ญั หาสถานการณ์ปัญหา
ด้วยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา
จากครูผู้สอน
4) ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมรว่ มกันเปน็ กลมุ่ ฝกึ ให้ทกุ คนได้มโี อกาสเปน็ ผนู้ า
5) ใช้อปุ กรณ์ประกอบการสอนอย่างเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย
การมองหาสว่ นดีของเขา
บคุ ลิกภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางท่ีสง่างาม
การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาท่ีถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คลอ่ งแคลว่ ไพเราะอ่อนหวาน และพดู จามีสาระมีเหตุผล
2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณ์ขนั ไมเ่ คร่งเครียดจรงิ จงั จนเกินไป มีอารมณ์แจ่มใส เบกิ บาน ย้ิมแย้ม และรา่ เริงอยู่เสมอ
3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหนา้ มีการตัดสินใจท่ดี ี มีความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์ มคี วามร้รู อบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสังเกต ละเอยี ดรอบคอบ มีความร้ใู นรายวชิ าท่สี อน
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเรื่องรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหน่ึงท่จี ะช่วยใหบ้ ุคลกิ ภาพดูดขี ึน้ การแต่งกายของครผู ูส้ อนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยดั และ
สะอาด
2.2. รูปแบบ/เทคนคิ ท่ีใช้ในการสอน
ครูผู้สอนใชว้ ธิ กี ารสอนแบบเปดิ คอื การช่วยให้กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ และวิธีคดิ ในการ
แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตรข์ องนักเรียนให้เกิดขึน้ พรอ้ มๆ กนั กล่าวคอื ทง้ั กจิ กรรมของนักเรยี น และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พฒั นาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครผู ู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนท่จี ะสง่ เสริมวิธีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะที่นักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถที่จะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนท่ีมคี วามสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเชื่อมั่นและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง

ปช-๑.๐๓
คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูงขึ้น ผลท่ีเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ท่ีนักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงขึ้นท่ี
จะแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ของพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
จากการที่ได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ

การประยุกต์ใช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนมีความซ่ือสัตย์ ต้ังใจทางานของ
ตนเอง ไมด่ ขู องคนอนื่

2.4. การสอดแทรกการคิดวเิ คราะห์
ในรายวิชาคณิตศาสตร์เปน็ วิชาที่จาเป็นต้องใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์มาใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบนี้
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซึ่งการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์น้ันถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเน้ือหาไดด้ แี ละครบถ้วน

2.5. การแกป้ ัญหาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนอยากออกไปหน้าห้องมากจนแย่งกัน

ยกมอื ครูจงึ ใชว้ ธิ ีการใหน้ กั เรียนออกไปทลี ะคนจนครบทุกคน
2.6. การใช้ภาษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบก่อนการเรยี นการสอนจะมีการทักทายเปน็ ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น ตัวเลข เครื่องหมาย
คาสัง่ กจ็ ะมีคาภาษาอังกฤษมาใชต้ ลอด

2.7. การพฒั นาทักษะการฟัง พูด อา่ น เขยี นในขณะที่ดาเนนิ การสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

วา่ มีใครฟังอยู่บา้ งและมีใครท่ีไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกช่ือเพ่อื เป็นการกระตนุ้ ให้นักเรยี นได้
ตง้ั ใจฟังครูมากขนึ้

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนที่
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการ ให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหน้าชนั้ เรยี นเพือ่ เป็นการฝกึ ทักษะทางด้านของการพูด

การอา่ น : ในทุกๆขัน้ ตอนที่มีคาสง่ั หรอื สถานการณ์ปัญหาครูจะใหน้ ักเรียนไดอ้ า่ นไป
พรอ้ มกันกบั ครเู พอื่ ฝึกทกั ษะการอ่านให้นกั เรียนอ่านหนงั สอื ได้คล่องแคล่วขึ้น

การเขียน : หลังจากที่ครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซึ่งนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคดิ กจ็ ะใหน้ ักเรียนฝกึ เขยี นบนกระดานดาด้วย

ปช-๑.๐๓
2.8. การบรหิ ารจดั การชนั้ เรียน

จากการที่ได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นช้ัน
เรียนท่ีเอื้ออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีส่ือการ
สอนที่น่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซึ่งทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรียน ซง่ึ ครเู ปน็ ผกู้ ากบั และแนะแนวนักเรยี นเป็นผ้แู สดงบทบาท ครูจะพูดน้อยลง ให้นกั เรียนได้คิด ได้
ถาม ได้แกป้ ญั หา และได้ทากจิ กรรมด้วยตนเอง

2.9. การใชห้ ลกั จิตวิทยาในการสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนอยากออกไปหน้าห้องมากจนแย่งกัน

ยกมือครูจึงใช้วิธีการให้นักเรียนออกไปทีละคนจนครบทุกคน เพื่อเป็นการให้โอกาสนักเรียนได้
แสดงออกในความกล้าและความตั้งใจของนักเรียน

3. การใช้ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
3.1. ประเภทของสอื่
ส่อื หลกั
รปู ภาพจากหนังสอื เรียนคณิตศาสตร์ หนา้ 16,18
สือ่ เสริม
บล็อคไม,้ ใบกิจกรรม
3.2. ความสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรม
จากการจัดกิจกรรมที่มีเนื้อหาจานวนที่ไม่เกิน 10 (จานวน 8 ) ปรากฏว่านักเรียน

สามารถบอกความหมายของจานวน 8 รวมถึงเขียนและอ่านตัวเลขท่ีใช้เป็นสัญลักษณ์แทนจานวนน้ัน

ไดน้ นั่ หมายถึงกิจกรรมนี้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ท่วี างไว้

3.3. คณุ ภาพของสอ่ื ทใี่ ช้
ส่ือการเรียนการสอนมีความคมชัด สวยงาม สีสันน่าสนใจ แข็งแรงและมีความ

ถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
3.4. การใช้สอ่ื /แหลง่ เรยี นรนู้ อกสถานท่ี
ครใู ชส้ ื่อทมี่ ีอยใู่ นชีวติ จริงและนักเรียนชอบกินอยู่จริงจงึ ทาใหน้ ักเรยี นรู้สกึ สนุกสนาน

กบั การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนและทาให้นักเรียนได้เห็นภาพจรงิ วา่ คณิตศาสตร์อยู่ร่วมกับตัวเรา
ในชีวติ ประจาวันนน่ั เอง

3.5. การมสี ่วนรว่ มในการใช้สอ่ื ของผู้เรยี น
ในการจดั กิกรรมการเรยี นการสอนในครั้งนี้ครูได้ให้ตัวแทนนักเรียนออกไปใช้สื่อการ

เรียนการสอนหนา้ ช้นั เรียนได้ให้นกั เรียนได้วาดแนวคิดลงบนส่ือการเรียนการสอนนั่นแสดงว่านักเรยี น
ก็มสี ่วนรว่ มในการใชส้ อ่ื การเรียนการสอนเช่นกนั

ปช-๑.๐๓
3.6. ความคุ้มค่าของส่ือท่ใี ช้

จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกชิ้น
ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเน้ือหาทุกชิ้นและที่สาคัญสื่อการเรียนการสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนกับหอ้ งเรยี นอน่ื อกี ดว้ ยนัน่ แสดงว่าสื่อชุดน้ีมีความคุ้มคา่ ในการใช้

ลงชือ่ ____________________
( นายจรณชัย ศรีประดิษฐ )
ผ้สู ังเกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสงั เกตการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ครง้ั ที่ ๑๐

รายวิชา คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๒/๕
วัน พฤหสั บดี ที่ ๓๑ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๑๔.๑๕ – ๑๕.๑๕ น.
คณุ ครมู าลัยทิพย์ คนซือ่ (ครผู สู้ อน)

1. แผนการจดั การเรียนรู้
1.1. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้

1) นักเรียนสามารถเขยี นและอา่ นจานวนไม่เกนิ 1000 ได้
2) นักเรยี นสามารถเปรยี บเทยี บจานวนไมเ่ กนิ 1000 ได้
3) นักเรียนสามารถเติมจานวนท่ีหายไปลงในช่องว่าง ตามความสัมพันธ์ของ
จานวนได้
ดา้ นทักษะและกระบวนการ
4) การส่ือสาร นกั เรียนสามารถอธบิ ายเกย่ี วกบั จานวนไม่เกิน 1000 ได้
5) การแก้ปญั หา นักเรียนสามารถแกไ้ ขปญั หาเกย่ี วกบั จานวนไม่เกิน 1000 ได้
6) การให้เหตุผล นักเรียนสามารถเลือกใชว้ ธิ กี ารแก้ปญั หาอย่างมีเหตุผล
7) การสื่อสารทางคณิตศาสตร์ นักเรียนสามารถใช้ภาษา ข้อความ สัญลักษณ์
ในการสื่อสารระหว่างการแกป้ ัญหาและการนาเสนอได้
ดา้ นคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์
8) นกั เรียนมีความสนใจและตงั้ ใจในการร่วมทากิจกรรม

9) นกั เรยี นมีความรอบคอบในการทางาน

10) นักเรยี นมีความรับผิดชอบ และทางานเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย

1.2. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ดั
ทบทวนจานวนไม่เกนิ 1000

1.3. เน้อื หาทเี่ รียน
จานวนที่มีสามหลัก หมายถึง จานวนที่ประกอบด้วยจานวนสามจานวนและมีสาม

หลัก โดยจานวนแรกมีค่าประจาหลักเป็นหลักร้อย จานวนที่สองมีค่าประจาหลักเป็นหลักสิบ และ

จานวนท่ีสามมีค่าประจาหลักเป็นหลักหน่วย เรียงจากซ้ายไปขวาตามลาดับ ซึ่งจะสามารถเขียนแทน

จานวนดว้ ยตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือ

ปช-๑.๐๓
1.4. ขนั้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้

1) ขน้ั การนาเสนอสถานการณป์ ัญหาปลายเปดิ (15 นาท)ี
- ครูและนกั เรียนกลา่ วทกั ทายกัน
- ครูเล่าสถานการณ์ว่า “จากท่ีเราได้เรียนเรื่องจานวนไม่เกิน 1000

มาแลว้ วันนีเ้ ราจะมาฝกึ ทักษะความรู้ ความเขา้ ใจ เก่ยี วกบั เรื่องทเ่ี ราได้เรยี นผา่ นมา”
- ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนเกี่ยวกับการเขียนจานวน การเติม

จานวนในช่องว่างจากความสัมพันธ์การเพ่ิมขึ้นหรือลดลงของจานวน และการเปรียบเทียบจานวนไม่
เกนิ 1000

- ครอู ธิบายคาส่งั พรอ้ มแจกใบกิจกรรมฝกึ ทักษะแกน่ ักเรยี น
2) ขน้ั การเรยี นรดู้ ้วยตนเองของนักเรียน (25 นาที)

- นักเรียนแต่ละคนทาใบกิจกรรมฝึกทักษะ โดยครูคอยกระตุ้นและ
สงั เกตชน้ั เรียน

3) ขน้ั การอภปิ รายและการเปรียบเทียบร่วมกันทงั้ ช้ันเรยี น (15 นาท)ี
- ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอแนวคิดหรือวิธีการคิดท่ีได้

จากการทากิจกรรมฝึกทกั ษะหน้าช้ันเรียน
4) ข้นั การสรุปโดยการเชือ่ มโยงแนวคดิ ของนักเรยี น (5 นาที)
- ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปแนวคิดเก่ียวกับการเขียนจานวน

ความสมั พันธ์การเพ่มิ ขึ้นหรือลดลงของจานวน และการเปรยี บเทยี บจานวนไมเ่ กนิ 1000

1.5. การวดั และประเมินผล

ส่ิงทจี่ ะประเมนิ

รายการประเมนิ /จุดประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครือ่ งมอื ทใี่ ช้

ด้านความรู้ 1. ประเมินจากการทา 1. ใบกิจกรรม

1. นักเรียนสามารถเขียนและอ่านจานวนไม่เกิน กิจกรรม

1000 ได้ 2. การนาเสนอผลงาน

2. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบจานวนไม่เกิน

1000 ได้

3. นักเรียนสามารถเติมจานวนท่ีหายไปลงใน

ชอ่ งวา่ ง ตามความสัมพนั ธข์ องจานวนได้

ปช-๑.๐๓

ส่งิ ทีจ่ ะประเมิน

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เคร่อื งมือที่ใช้

ด้านทกั ษะและกระบวนการ 1. การอภปิ ราย 1. การนาเสนอ

1. การสื่อสาร นักเรียนสามารถอธิบายเก่ียวกับ แลกเปลย่ี นความ ผลงานหน้า

จานวนไม่เกนิ 1000 ได้ คดิ เห็นระหว่างการ ชน้ั เรยี น

2. การแก้ปัญหา นักเรียนสามารถแก้ไขปัญหา นาเสนอผลงาน การรับ

เก่ียวกบั จานวนไมเ่ กนิ 1000 ได้ ฟังความคดิ เห็นจาก

3. การให้เหตุผล นักเรียนสามารถเลือกใช้วิธีการ เพ่ือนในชั้นเรียน

แกป้ ัญหาอย่างมีเหตุผล

4. การส่ือสารทางคณิตศาสตร์ นักเรียนสามารถ

ใช้ภาษา ข้อความ สัญลักษณ์ ในการส่ือสาร

ระหวา่ งการแกป้ ัญหาและการนาเสนอได้

ด้านคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ 1. การนาเสนอผลงาน 1. ใบกิจกรรม

1. นักเรียนมีความสนใจและต้ังใจในการร่วมทา 2. การอภิปราย 2. การนาเสนอ

กจิ กรรม แลกเปลีย่ นความ ผลงานหนา้

2. นกั เรียนมีความรอบคอบในการทางาน คิดเห็นและการรับฟัง ช้นั เรยี น
ความคิดเหน็ จากเพ่ือน

ในชั้นเรียน
3. นักเรียนมีความรับผิดชอบ และทางานเป็น

ระเบยี บเรียบร้อย

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บคุ ลิกภาพ/การแต่งกาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนท่ี

สังเกตได้จากครูพี่เลย้ี งมีดงั นี้
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสขุ ทงั้ ครผู ู้สอนและผ้เู รยี น
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ัฒนาความคดิ ดว้ ยการลงมือทา แก้ปัญหาสถานการณ์ปัญหา

ด้วยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรียน
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผู้สอน

ปช-๑.๐๓
4) ให้นกั เรยี นทากจิ กรรมรว่ มกนั เปน็ กลุม่ ฝึกให้ทุกคนได้มีโอกาสเปน็ ผ้นู า
5) ใช้อุปกรณ์ประกอบการสอนอยา่ งเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย
การมองหาส่วนดขี องเขา
บุคลิกภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางที่สง่างาม
การแต่งกายที่เหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คล่องแคล่ว ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามสี าระมีเหตผุ ล
2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณ์ขัน ไม่เครง่ เครยี ดจรงิ จังจนเกนิ ไป มีอารมณ์แจม่ ใส เบกิ บาน ยม้ิ แย้ม และร่าเริงอยูเ่ สมอ
3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ มกี ารตัดสินใจทด่ี ี มีความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ มคี วามร้รู อบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสังเกต ละเอียดรอบคอบ มคี วามรู้ในรายวิชาท่ีสอน
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเร่ืองรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหนึ่งท่จี ะช่วยใหบ้ ุคลิกภาพดดู ีขน้ึ การแต่งกายของครผู ูส้ อนดดู ี สุภาพ ประณีต ประหยดั และ
สะอาด
2.2. รูปแบบ/เทคนคิ ทใ่ี ช้ในการสอน
ครูผสู้ อนใชว้ ิธีการสอนแบบเปดิ คอื การชว่ ยให้กิจกรรมสรา้ งสรรค์ และวิธีคดิ ในการ
แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตรข์ องนกั เรียนให้เกิดขึน้ พร้อมๆ กนั กล่าวคือ ท้ังกจิ กรรมของนักเรยี น และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พฒั นาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครผู ู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนท่จี ะสง่ เสริมวิธีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะที่นักเรียนที่มีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนที่มีความสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกับกิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเช่ือม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูงข้ึน ผลที่เกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่นักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงขึ้นที่
จะแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ของพวกเขา

ปช-๑.๐๓
2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม

จากการท่ีได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ
การประยุกตใ์ ช้กบั การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนเชน่ ให้นกั เรียนออกไปส่งงานแล้วบอกว่าอย่าแซง
เพอื่ น การแซงเพ่ือนเปน็ ส่ิงทีไ่ ม่ดี

2.4. การสอดแทรกการคดิ วิเคราะห์
ในรายวิชาคณิตศาสตร์เปน็ วิชาท่ีจาเป็นต้องใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะหม์ าใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบนี้
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซ่ึงการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เขา้ ไปในเนอื้ หาได้ดแี ละครบถว้ น

2.5. การแกป้ ัญหาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนปรากฏว่าเลาเหลือน้อยไม่พอที่จะให้นักเรียน

ออกมานาเสนอแนวคดิ ครูจงึ ใช้วิธีการเฉลยไปพร้อมกบั นักเรียน
2.6. การใช้ภาษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบกอ่ นการเรยี นการสอนจะมีการทักทายเปน็ ภาษาอังกฤษอยตู่ ลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เคร่ืองหมาย คาสั่งก็
จะมคี าภาษาอังกฤษมาใชต้ ลอด

2.7. การพฒั นาทักษะการฟงั พูด อา่ น เขียนในขณะที่ดาเนินการสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บ้างและมีใครท่ีไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกช่ือเพ่ือเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้
ต้งั ใจฟังครูมากข้นึ

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนท่ี
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหนา้ ช้ันเรียนเพ่ือเปน็ การฝกึ ทกั ษะทางดา้ นของการพูด

การอา่ น : ในทุกๆขั้นตอนทม่ี ีคาส่งั หรอื สถานการณ์ปญั หาครูจะให้นักเรียนไดอ้ ่านไป
พร้อมกนั กับครูเพอื่ ฝกึ ทักษะการอา่ นให้นักเรียนอ่านหนงั สือไดค้ ล่องแคล่วขึน้

การเขียน : หลังจากที่ครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดก็จะใหน้ กั เรยี นฝกึ เขยี นบนกระดานดาด้วย

ปช-๑.๐๓
2.8. การบรหิ ารจัดการชัน้ เรยี น

จากการที่ได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นช้ัน
เรียนท่ีเอื้ออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีส่ือการ
สอนท่ีน่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซึ่งทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรยี น ซง่ึ ครเู ปน็ ผกู้ ากบั และแนะแนวนักเรยี นเปน็ ผู้แสดงบทบาท ครจู ะพูดน้อยลง ใหน้ ักเรียนไดค้ ดิ ได้
ถาม ได้แก้ปัญหา และไดท้ ากิจกรรมดว้ ยตนเอง

2.9. การใชห้ ลักจติ วทิ ยาในการสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีไม่เพียงพอต่อเวลาครูจึงใช้วิธีการตัดกิจกรรม

บางส่วนและนามารวมกบั กิจกรรมที่เหลอื
3.การใชส้ ื่อและแหล่งการเรยี นรู้
3.1. ประเภทของสื่อ
สื่อหลกั
1) กระดานตัวเลข
2) แถบเตมิ ตัวเลขลงในชอ่ งว่าง
3) ใบกจิ กรรมมาฝึกทกั ษะกนั เถอะ
สือ่ เสรมิ -
3.2. ความสอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงคข์ องกิจกรรม
จากการจัดกิจกรรมทม่ี ีเนื้อหาเรื่อง ทบทวนจานวนไม่เกิน 1000 ปรากฏว่านักเรียน

สามารถบอกได้วา่ จานวนทมี่ ีสามหลกั หมายถึง จานวนท่ปี ระกอบด้วยจานวนสามจานวนและมีสาม
หลัก โดยจานวนแรกมีค่าประจาหลักเป็นหลักร้อย จานวนที่สองมีค่าประจาหลักเป็นหลักสิบ และ
จานวนที่สามมีค่าประจาหลักเป็นหลักหน่วย เรียงจากซ้ายไปขวาตามลาดับ ซ่ึงจะสามารถเขียนแทน
จานวนด้วยตัวเลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือได้น่ันหมายถึงกิจกรรมนี้บรรลุวัตถุประสงค์
ทว่ี างไว้

3.3. คุณภาพของส่อื ท่ใี ช้
สื่อการเรียนการสอนมีสันสวยงามน่าสนใจและเป็นท่ีช่ืนชอบของนักเรียน มีความ

แข็งแรง คงทนและมขี นาดใหญ่สามารถมองได้จากระยะไกล
3.4. การใช้ส่ือ/แหลง่ เรียนรูน้ อกสถานที่
ครูใช้ส่ือที่มีอยู่ในชีวิตจริงและนักเรียนรู้จักเป็นอย่างดีจึงทาให้นักเรียนรู้สึก

สนุกสนานกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและทาให้นักเรียนได้เห็นภาพจริงว่าคณิตศาสตร์อยู่
ร่วมกบั ตวั เราในชวี ิตประจาวันน่นั เอง

ปช-๑.๐๓
3.5. การมีส่วนรว่ มในการใชส้ ื่อของผูเ้ รียน

ในการจดั กิกรรมการเรียนการสอนในครั้งนี้ครูได้ให้ตวั แทนนกั เรียนออกไปใช้ส่ือการ
เรยี นการสอนหน้าชัน้ เรียนได้ให้นกั เรยี นไดว้ าดแนวคิดลงบนส่ือการเรียนการสอนนั่นแสดงว่านักเรยี น
ก็มสี ่วนร่วมในการใช้ส่อื การเรยี นการสอนเชน่ กนั

3.6. ความคมุ้ คา่ ของสื่อท่ีใช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกชิ้น

ล้วนมีความเก่ียวข้องกับเน้ือหาทุกชิ้นและท่ีสาคัญส่ือการเรียนการสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรยี นการสอนกับห้องเรยี นอนื่ อกี ด้วยน่นั แสดงวา่ สื่อชุดนม้ี ีความคุม้ ค่าในการใช้

ลงชอ่ื ____________________
( นายจรณชยั ศรปี ระดิษฐ )
ผ้สู ังเกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสงั เกตการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ คร้ังที่ ๑๒

รายวชิ า คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔/๔
วนั ศกุ ร์ ที่ ๑ เดือน พฤษภาคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๘.๑๕ – ๐๙.๑๕ น.
คณุ ครมู าลัยทิพย์ คนซือ่ (ครูผ้สู อน)

1. แผนการจดั การเรยี นรู้
1.1. จุดประสงค์การเรียนรู้
1) นกั เรยี นบอกส่วนประกอบของวงกลมทีจ่ าเป็นต้องรู้ในการสร้างวงกลมได้
2) นกั เรยี นสามารถหาจดุ ศนู ย์กลางของวงกลมได้
3) นักเรียนสามารถสร้างวงกลมท่ีมีขนาดเท่ากับวงกลมท่ีกาหนดให้โดยใช้วง

เวยี นและอธบิ ายวิธีการสรา้ งได้
1.2. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด
วงกลมและทรงกลม (วงกลมทเี่ ทา่ กนั )
1.3. เนอ้ื หาทเี่ รยี น
1) ส่วนประกอบของวงกลมท่จี าเปน็ ตอ้ งรู้ในการสรา้ งวงกลม
ไดแ้ ก่ จดุ ศนู ย์กลาง รัศมี หรือ เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง
2) วิธกี ารสร้างวงกลมทีม่ ีขนาดเท่ากบั วงกลมทก่ี าหนดให้โดยใช้วงเวียนจะต้อง

หาจุดศูนย์กลางและรัศมี (หรือเส้นผ่านศูนย์กลาง) ของวงกลมท่ีกาหนดให้ จากน้ันกางวงเวียนให้
เท่ากับความยาวของรัศมีของวงกลมที่กาหนดใหน้ น้ั แล้วสรา้ งวงกลม

1.4. ขัน้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1) ขั้นนาเสนอสถานการณป์ ญั หา (15 นาที)
- ครูทักทายนักเรียนและให้นักเรียนปรบมือรวมใจเพ่ือแสดงความ

พรอ้ ม
- ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 3 คนโดยเลน่ เกมผ้ึงเปลี่ยนรงั
- ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนเกี่ยวกับส่ิงท่ีนักเรียนได้เรียนรู้ใน

คาบท่ีแล้ว ได้แก่ การใชว้ งเวยี นในการสร้างวงกลม สว่ นประกอบตา่ งๆของวงกลม ได้แก่ จุดศูนย์กลาง
รัศมี และเสน้ ผ่านศูนย์กลาง สมบตั ขิ องเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง

- ครูหยิบแผ่นวงกลม ที่มีรัศมี 6 เซนติเมตร ให้นักเรียนดู และถาม
นกั เรยี นว่า “รู้ไหมวา่ วันน้คี รูจะให้ นักเรียน ทาอะไร”

- ครูติดแถบสถานการณ์ปัญหาบนกระดาน จากน้ันติดคาส่ังทีละข้อ
และใหน้ ักเรียนอา่ นพร้อมกนั

ปช-๑.๐๓

สถานการณ์ปัญหา
ให้แผ่นวงกลมมา 1 แผ่น และให้สรา้ งวงกลมทมี่ ีขนาดเท่ากับแผน่ วงกลมนี้

คาสง่ั 1. เขยี นสิ่งท่ีต้องรู้ ในการสรา้ งวงกลม
2. หาจุดศูนย์กลางของแผน่ วงกลมนี้ พร้อมเขียนวธิ ใี นการหา จากน้ันตดิ แผ่น

วงกลมลงในใบกจิ กรรม
3. สรา้ งวงกลมท่ีมีขนาดเท่ากบั แผ่นวงกลมที่กาหนดใหโ้ ดยใช้วงเวียนเทา่ น้นั และเขยี น

อธบิ ายวธิ ีการสร้าง

2) ข้นั นกั เรยี นเรียนรู้ด้วยตนเอง (25 นาท)ี
- นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันระดมความคิดในการแก้ปัญหาจากคาสั่ง

ไปทีละข้อ และเขียนลงในใบกิจกรรม
- ครูสังเกตนักเรียนทุกกลุ่มอย่างท่ัวถึงและบันทึกแนวคิดของ

นกั เรยี น นอกจากนนั้ ครูอาจกระตนุ้ นักเรยี นใหช้ ว่ ยกนั แก้ปัญหาด้วยการบอกว่าเหลือเวลาเท่าใด
3) ขัน้ นาเสนอและอภิปรายรว่ มกันทงั้ ชน้ั เรียน (10 นาที)
- เลือกนักเรียนออกมานาเสนอทีละกลุ่ม โดยพิจารณาลาดับการ

นาเสนอจากกลุ่มท่ีมีความถูกต้องน้อยไปหากลุ่มท่ีถูกต้องมากที่สุด ระหว่างการนาเสนอครูหยิบ
แนวคิดหรือคาพูดที่น่าสนใจมาใช้เป็นประเด็นในการอภิปรายทั้งชั้นเรียนได้ นอกจากนั้นครูควร
กระตนุ้ ใหน้ ักเรียนฟงั และอาจซกั ถามเพื่อนทก่ี าลงั นาเสนอ

4) ขน้ั สรุปโดยการเชอ่ื มโยงแนวคิดของนกั เรยี น (10 นาที)
- ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายและช่วยกันสรปุ ประเด็นต่อไปนี้
ส่วนประกอบของวงกลมท่ีจาเป็นตอ้ งร้ใู นการสร้างวงกลม
การหาจุดศูนย์กลางของวงกลมทีก่ าหนด
วิธีสร้างวงกลมที่มีขนาดเท่ากับวงกลมท่ีกาหนดให้โดยใช้

วงเวียน
- ครูถามนักเรียนถึงส่ิงที่ได้เรียนรู้และให้นักเรียนจดบันทึกสิ่งท่ีได้

เรยี นรลู้ งในสมดุ โดยให้ทานอกเวลาเรยี น
- ครูแจกใบงาน “สร้างสรรค์หรรษาแบบวงกลม” โดยให้นักเรียนไป

ทาเปน็ การบา้ น

ปช-๑.๐๓

1.5. การวัดและประเมินผล

สงิ่ ท่จี ะประเมนิ

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วิธีการประเมิน เครอ่ื งมือที่ใช้

ด้านความรู้ 1. ประเมินจากการทา 1. ใบกจิ กรรม

1. สว่ นประกอบของวงกลม กจิ กรรม

2. การหาจุดศูนย์กลางของวงกลม 2. การนาเสนอผลงาน

ด้านทักษะและกระบวนการ 1. การอภปิ ราย 1. การนาเสนอ

1. ทกั ษะการแก้ปัญหา แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ผลงานหนา้

- นกั เรียนสามารถบอกส่วนประกอบของวงกลม และการนาเสนอผลงาน ช้ันเรียน

ท่จี าเปน็ ตอ้ งรู้ในการสรา้ งวงกลมได้ หนา้ ช้ันเรียน

- นักเรียนสามารถหาจุดศูนย์กลางของวงกลมท่ี

กาหนดใหไ้ ด้

- นักเรียนสามารถสร้างวงกลมที่มีขนาดเท่ากับ

วงกลมทก่ี าหนดให้โดยใชว้ งเวยี นได้

2. ทักษะการใหเ้ หตุผล

- นักเรียนให้เหตุผลประกอบการสร้างวงกลมท่ี

มีขนาดเท่ากับว งกลมท่ีกาหนดให้โดยใช้

วงเวียนได้

3. ทักษะการเชือ่ มโยง

- นักเรียนเชื่อมโยงความรู้ เรื่อง การสร้าง

วงกลมโดยใชว้ งเวยี นไปสู่การหาส่วนประกอบของ

วงกลมท่ีต้องใช้ในการสร้างวงกลมท่ีมีขนาดเท่ากับ

วงกลมที่กาหนดให้และสามารถสรา้ งได้

4. ทกั ษะการส่ือสาร

- นักเรียนสามารถพูดและอธิบายแนวคิดของ

ตนเองให้ผู้อื่นเขา้ ใจได้

ด้านคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ 1. การนาเสนอผลงาน 1. ใบกจิ กรรม

1. มคี วามรบั ผดิ ชอบในงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 2. การอภปิ ราย 2. การนาเสนอ

2. มรี ะเบียบวินยั ในการทางาน แลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ผลงานหนา้

3. มีความสามัคคีและสามารถทางานร่วมกันเป็น และการรบั ฟังความ ชน้ั เรยี น

กลุ่มได้

สิง่ ท่จี ะประเมนิ ปช-๑.๐๓
เครื่องมือที่ใช้
รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ ีการประเมนิ

4. ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น8. นักเรียนมี คิดเห็นจากเพือ่ นในช้นั

ทักษะในการทางานกลุ่มและสามารถทางาน เรียน

รว่ มกบั ผู้อ่ืนได้

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤตกิ รรมการสอน/บคุ ลกิ ภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนท่ี

สงั เกตได้จากครพู เี่ ลี้ยงมีดงั นี้
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสุขท้ังครูผู้สอนและผูเ้ รียน
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ัฒนาความคิดด้วยการลงมือทา แกป้ ญั หาสถานการณป์ ัญหา

ด้วยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผ้สู อน
4) ให้นักเรยี นทากจิ กรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม ฝึกใหท้ ุกคนได้มีโอกาสเปน็ ผ้นู า
5) ใช้อปุ กรณป์ ระกอบการสอนอยา่ งเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาส่วนดขี องเขา
บคุ ลกิ ภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางท่ีสง่างาม

การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คล่องแคลว่ ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามสี าระมีเหตุผล

2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณ์ขัน ไมเ่ ครง่ เครยี ดจรงิ จังจนเกินไป มีอารมณแ์ จ่มใส เบิกบาน ยม้ิ แย้ม และร่าเริงอยเู่ สมอ

3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบที่ดี มีความสามารถ
ในการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้า มกี ารตัดสินใจทด่ี ี มีความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ มคี วามรู้รอบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสงั เกต ละเอียดรอบคอบ มีความรู้ในรายวิชาท่สี อน

ปช-๑.๐๓
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเร่ืองรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหนึ่งทีจ่ ะช่วยใหบ้ ุคลกิ ภาพดดู ีข้ึน การแต่งกายของครผู ู้สอนดดู ี สุภาพ ประณีต ประหยดั และ
สะอาด
2.2. รปู แบบ/เทคนคิ ทใี่ ชใ้ นการสอน
ครผู สู้ อนใช้วธิ กี ารสอนแบบเปดิ คือ การชว่ ยให้กจิ กรรมสร้างสรรค์ และวิธีคิดในการ
แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ของนกั เรียนให้เกิดขน้ึ พรอ้ มๆ กนั กล่าวคือ ท้ังกิจกรรมของนกั เรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พฒั นาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครผู ู้สอนจึงสร้างกิจกรรมในห้องเรียนที่จะส่งเสรมิ วธิ ีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะที่นักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนที่มีความสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นน้ี เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการท่ีตนเชื่อม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูงข้ึน ผลที่เกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ท่ีนักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงขึ้นท่ี
จะแก้ปญั หาทางคณิตศาสตรข์ องพวกเขา
2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
จากการท่ีได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ
การประยุกตใ์ ช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนตั้งใจฟังครูสอน ใหป้ ฏิบัตติ นเป็น
นกั เรยี นที่ดีของครู
2.4. การสอดแทรกการคิดวิเคราะห์
ในรายวชิ าคณิตศาสตร์เปน็ วิชาที่จาเปน็ ต้องใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะหม์ าใช้ในการ
แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะกา รจัดการเรียนการสอนแบบน้ี
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซึ่งการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์น้ันถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเนื้อหาไดด้ แี ละครบถ้วน
2.5. การแกป้ ัญหาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนคนหน่ึงไม่ทากิจกรรมการเรียนการ
สอน เดินไปทั่วห้องและชอบเคาะโตะ๊ เสียงดงั ครจู ึงไปคุยกับนักเรียนคนนั้นและสอนเขาทาแบบตัวต่อ
ตัว

ปช-๑.๐๓
2.6. การใชภ้ าษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน

ในทุกๆคาบกอ่ นการเรยี นการสอนจะมีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษอย่ตู ลอดและใน
เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เคร่ืองหมาย คาส่ังก็
จะมคี าภาษาองั กฤษมาใช้ตลอด

2.7. การพัฒนาทักษะการฟงั พูด อา่ น เขียนในขณะทด่ี าเนินการสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

วา่ มีใครฟังอยู่บ้างและมีใครที่ไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกชื่อเพอื่ เป็นการกระตุ้นใหน้ ักเรียนได้
ตั้งใจฟังครูมากข้นึ

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนที่
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหนา้ ช้ันเรยี นเพือ่ เป็นการฝึกทกั ษะทางด้านของการพูด

การอา่ น : ในทกุ ๆขั้นตอนที่มีคาส่งั หรอื สถานการณ์ปัญหาครูจะให้นักเรียนได้อ่านไป
พรอ้ มกนั กบั ครเู พ่อื ฝึกทกั ษะการอา่ นใหน้ กั เรยี นอา่ นหนังสอื ได้คล่องแคล่วขน้ึ

การเขียน : หลังจากท่ีครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซึ่งนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเม่ือมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดก็จะให้นักเรยี นฝึกเขยี นบนกระดานดาดว้ ย

2.8. การบรหิ ารจัดการชน้ั เรียน
จากการท่ีได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นช้ัน

เรียนที่เอื้ออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีสื่อการ
สอนที่น่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซ่ึงทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรยี น ซง่ึ ครเู ป็นผู้กากบั และแนะแนวนักเรียนเปน็ ผแู้ สดงบทบาท ครูจะพดู น้อยลง ใหน้ ักเรียนไดค้ ิด ได้
ถาม ได้แกป้ ญั หา และไดท้ ากิจกรรมดว้ ยตนเอง

2.9. การใชห้ ลกั จติ วทิ ยาในการสอน
ครูจะใช้วิธีการเข้าหาผู้เรียนทม่ี ีลักษณะพิเศษเพอ่ื ให้เขาเกิดการเรียนรูไ้ ปพรอ้ มๆกับ

เพอื่ นคนอ่นื ๆในชน้ั เรียน

ปช-๑.๐๓
3. การใชส้ ่ือและแหลง่ การเรียนรู้

3.1. ประเภทของส่อื
สอ่ื หลัก
1) ใบกิจกรรม
2) วงเวยี น
3) แผน่ วงกลมทก่ี าหนดให้นักเรียนสร้าง เป็นวงกลมที่มรี ศั มียาว 6 เซนตเิ มตร
4) แถบคาสัง่ สถานการณ์ปญั หา
สอื่ เสรมิ
1) แถบคาดการณ์แนวคดิ
2) วงกลมขนาดใหญ่ (ใช้อธบิ ายบนกระดาน)
3) ใบงาน

3.2. ความสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม
จากการจัดกิจกรรมท่ีมีเนื้อหาเรื่อง วงกลมและทรงกลม (วงกลมท่ีเท่ากัน) ปรากฏ

ว่านักเรยี นสามารถบอกได้วา่
1) ส่วนประกอบของวงกลมทจ่ี าเปน็ ตอ้ งรู้ในการสร้างวงกลม
ไดแ้ ก่ จุดศูนยก์ ลาง รัศมี หรือ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง
2) วิธกี ารสร้างวงกลมที่มีขนาดเท่ากบั วงกลมทีก่ าหนดให้โดยใช้วงเวียนจะต้อง

หาจุดศูนย์กลางและรัศมี (หรือเส้นผ่านศูนย์กลาง) ของวงกลมที่กาหนดให้ จากน้ันกางวงเวียนให้
เท่ากับความยาวของรัศมีของวงกลมที่กาหนดให้น้ันแล้วสร้างวงกลมได้นั่นหมายถึงกิจกรรมนี้บรรลุ
วัตถปุ ระสงค์ทวี่ างไว้

3.3. คุณภาพของสื่อทใ่ี ช้
สื่อการเรียนการสอนมีสันสวยงามน่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียน มีความ

แข็งแรง คงทนและมขี นาดใหญ่สามารถมองไดจ้ ากระยะไกล
3.4. การใชส้ อ่ื /แหลง่ เรียนรนู้ อกสถานท่ี
ครูใช้สื่อท่ีมีอยู่ในชีวิตจริงและนักเรียนรู้จักเป็นอย่างดีจึงทาให้นักเรียนรู้สึก

สนุกสนานกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและทาให้นักเรียนได้เห็นภาพจริงว่าคณิตศาสตร์อยู่
ร่วมกับตัวเราในชวี ติ ประจาวนั นน่ั เอง

3.5. การมสี ว่ นรว่ มในการใชส้ ่อื ของผเู้ รียน
ในการจดั กิกรรมการเรียนการสอนในครั้งน้ีครูไดใ้ ห้ตัวแทนนักเรยี นออกไปใช้ส่ือการ

เรียนการสอนหนา้ ชั้นเรียนได้ให้นักเรยี นได้วาดแนวคิดลงบนสื่อการเรยี นการสอนนั่นแสดงว่านักเรยี น
ก็มีส่วนรว่ มในการใช้สอื่ การเรียนการสอนเชน่ กัน

ปช-๑.๐๓
3.6. ความคุ้มค่าของส่ือท่ใี ช้

จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกช้ิน
ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเน้ือหาทุกชิ้นและที่สาคัญสื่อการเรียนการสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนกับหอ้ งเรยี นอน่ื อกี ดว้ ยน่นั แสดงว่าส่ือชุดนี้มีความคมุ้ ค่าในการใช้

ลงชือ่ ____________________
( นายจรณชยั ศรปี ระดิษฐ )
ผ้สู งั เกต

ปช-๑.๐๓

รายงานการสงั เกตการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ครงั้ ท่ี ๑๓

รายวิชา คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑/๔

วนั พฤหัสบดี ท่ี ๓๑ เดอื น พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๙.๑๕ – ๑๐.๑๕ น.

คณุ ครูสุภาวดี ศรีงาม(ครูผู้สอน)

1. แผนการจดั การเรียนรู้

1.1. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้

1) นกั เรียนสามารถแยกจานวน 6 ออกเป็นจานวนสองจานวนได้ โดย

ทีผ่ ลรวมของสองจานวนนนั้ มคี ่าเท่ากบั 6

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ

2) นักเรียนสามารถแกป้ ญั หาสถานการณป์ ญั หาทก่ี าหนดให้ได้

3) นกั เรยี นสามารถสอ่ื สารแนวคดิ ของตนเองให้ผอู้ ่นื เข้าใจได้

4) นักเรียนสามารถเช่อื มโยงความรไู้ ปสชู่ วี ิตประจาวันได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์

5) นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้อย่างตั้งใจ มุ่งม่ัน และเพียร

พยายาม

6) นักเรียนรับผิดชอบในการทางานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และ

สาเร็จตามเปา้ หมาย

7) นกั เรยี นยอมรับฟงั แนวคิดและกล้าแสดงความคิดเหน็ ต่อผู้อืน่

1.2. มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชีว้ ดั

การแยกจานวน 6

1.3. เนอื้ หาทเ่ี รียน

ความรู้สึกเชิงจานวนด้านการแยกจานวน เช่น จานวน 6 เกิดจากตัวเลข 1

และ 5 รวมกัน ตัวเลข 3 และ 3 รวมกนั เปน็ ต้น

การแยกจานวน เปน็ วิธีการคิดแยกจานวนหน่ึงๆ ออกมาเป็นจานวนต่างๆ สอง

จานวน โดยได้ผลบวกของจานวนนั้นเท่ากบั จานวนเดิม

การสร้างจานวน เป็นวิธีการคิดนาจานวนสองจานวนมารวมกัน เพื่อให้เห็นว่า

จานวนนั้นมีสมาชกิ อยู่ 2 จานวน จากการแยกจานวน

ความสมั พันธ์ระหว่างส่วนใหญแ่ ละส่วนย่อย หมายถึง การนาจานวนท่มี ีอยูแ่ ยก

ออกไปเป็นสองจานวน ซง่ึ เรยี กว่า การแยกสว่ นประกอบ และเป็นพน้ื ฐานแนวคิดเร่ืองการลบ

ปช-๑.๐๓
ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนย่อยและส่วนยอ่ ย หมายถึง การนาจานวนมารวมกัน
จากจานวนท่ีแยกออกจากกัน โดยรวมให้เท่ากับจานวนเดิม ซ่ึงเรียกว่า การประกอบจากหลายส่วน
และเปน็ พนื้ ฐานแนวคิดเรอ่ื งการบวก
1.4. ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ข้ันการนาเสนอสถานการณป์ ญั หาปลายเปิด (15 นาท)ี

- ครแู ละนกั เรยี นทักทายกัน
- ครูทบทวนเรือ่ งการแยกจานวน 5
- ครูเข้าสู่สถานการณ์ปัญหาว่า “เมื่อวานครูไปสวนสนุก วันนี้ครูจะ
พานักเรียนไปฟาร์มเลี้ยงหมู แต่ฟาร์มหมูแห่งนี้ประสบปัญหาหมูจานวน 6 ตัว หลุดออกจากคอก ซึ่ง
ฟารม์ แห่งนี้มีคอกหมทู ้ังหมด 2 คอก ครูอยากให้นกั เรียนชว่ ยเจา้ ของฟาร์มจับหมูเข้าคอก”
- ครูนาภาพคอกจานวน 2 คอกมาติดบนกระดาน พร้อมทั้งบอก
นกั เรียนวา่ หมทู ง้ั 2 คอกได้หลดุ ออกไปหมดแลว้
- ครูนาภาพลูกหมูจานวน 6 ตัว ติดบนกระดาน และใช้คาถาม
กระตุ้นนกั เรยี นว่า “ลูกหมจู านวน 6 ตวั เราจะมีวิธีแยกลกู หมจู านวน 6 ไปขงั ไว้ในคอกได้ก่ีวธิ ีกนั นะ”
- ครอู ธิบายกติกาการจับหมูเข้าคอกว่า “ในการจับหมูเข้าคอกแตล่ ะ
ครั้ง จานวนหมูท้งั สองคอกต้องไม่ซ้ากับของกล่มุ เพื่อน”
- ครูแบง่ กลมุ่ นกั เรยี นออกเป็น 7 กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน
2) ขนั้ การเรยี นรดู้ ้วยตนเองของนักเรยี น (20 นาที)
- ตวั แทนนักเรียนกลุ่มละ 2 คน ออกมาจับหมูเข้าคอกจานวน 6 ตัว
โดยนกั เรียนคนท่ี 1 จบั หมูใสใ่ นคอกท่ี 1 และนกั เรียนคนท่ี 2 จับหมูใส่ในคอกที่ 2
- ครูกระตนุ้ ให้ตวั แทนนกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ จับลกู หมู 6 ตวั เข้าคอกท้ัง
สองคอก แตกต่างจากของกลุม่ เพอ่ื น
- ครูสังเกตและรวบรวมแนวคิดของนักเรียน รวมทั้งตรวจสอบการ
บนั ทึกจานวนลูกหมูแต่ละคอกของนกั เรยี นแต่ละกลุม่
3) ขั้นการอภปิ รายและการเปรยี บเทียบร่วมกันทง้ั ชัน้ เรียน (15 นาที)
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมา
นาเสนอบัตรตารางบันทกึ จานวน 6 หนา้ ช้ันเรียน แล้วครตู งั้ คาถามกระตุน้ ความคดิ ของนกั เรียนวา่

 จานวน 6 สามารถแยกเป็นจานวนอะไรไดบ้ า้ ง

 จานวน 2 จานวนใดบา้ งทร่ี วมกนั ได้เทา่ กับจานวน 6

 จานวนวิธที ้งั หมดทเ่ี กิดจากการแยกจานวน 6 มีเทา่ ไหร่

ปช-๑.๐๓

 จานวนวิธีทั้งหมดท่ีเกิดจาก 2 จานวนรวมกันแล้วได้

เทา่ กบั จานวน 6 มเี ทา่ ไหร่

- ครูติดบัตรตวั เลขการแยกจานวน 6 ทั้ง 7 แบบบนกระดาน

4) ขน้ั การสรุปโดยการเชือ่ มโยงแนวคิดของนักเรียน (10 นาท)ี

- ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปแนวคิดและส่ิงที่ได้เรียนรู้ เรื่อง การ

แยกจานวน 6 ว่า “จานวน 6สามารถแยกหรือแบ่งออกเป็นสองจานวนได้ โดยท่ีผลบวกหรือผลรวม

ของสองจานวนน้ันมีค่าเทา่ กับ 6 ซง่ึ มีท้ังหมด 7 วธิ ี ประกอบด้วย

6 กับ 0 5 กับ 1 0 กบั 6 1 กบั 5

4 กบั 2 2 กับ 4 3 กบั 3

- ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทาใบงาน เรอื่ ง ลูกหมู 6 ตวั

1.5. การวดั และประเมินผล

สิง่ ที่จะประเมิน

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เครื่องมอื ที่ใช้

ดา้ นความรู้ 1. การทาใบงานเร่อื ง ลูกหมู 6 ตวั 1. ใบงานเร่ือง ลูกหมู

1. นักเรียนสามารถแยกจานวน 6 2. การตอบคาถามและอภปิ ราย 6 ตวั

ออกเป็นจานวนสองจานวนได้ โดย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างการทา

ท่ีผลรวมของสองจานวนน้ันมีค่า กิจกรรมการเรยี นรู้

เท่ากบั 6

ดา้ นทักษะและกระบวนการ 1. การอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น 1. การนาเสนอ

1. นักเรียนสามารถแก้ปัญหา ระหว่างการนาเสนอแนวคิด และรับฟัง แนวคดิ หน้าช้นั เรยี น

สถานการณ์ปญั หาที่กาหนดให้ได้ ความคิดเห็นจากเพ่ือนในกลุ่มและเพื่อน

2. นักเรียนสามารถสื่อสารแนวคิด รว่ มช้นั เรยี น

ของตนเองใหผ้ อู้ ืน่ เข้าใจได้ 2. การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเรยี นรู้

3. นักเรยี นสามารถเชือ่ มโยงความรู้

ไปสชู่ วี ติ ประจาวันได้

ปช-๑.๐๓

สิ่งทจี่ ะประเมนิ

รายการประเมิน/จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เคร่ืองมือทีใ่ ช้

ดา้ นคณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. การมีส่วนร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. การทากิจกรรม

1. นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมการ 2. การทาใบงานเรอ่ื ง ลกู หมู 6 ตวั การเรียนรู้

เรียนรู้อย่างตั้งใจ มุ่งม่ัน และเพียร 3. การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2. ใบงานเรื่อง ลูกหมู

พยายาม ระหว่างการนาเสนอแนวคิด และรับฟัง 6 ตวั

2. นกั เรียนรับผิดชอบในการทางาน ความคิดเห็นจากเพื่อนในกลุ่มและเพื่อน

อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และ รว่ มชนั้ เรียน

สาเร็จตามเป้าหมาย

3. นักเรียนยอมรับฟังแนวคิดและ

กลา้ แสดงความคดิ เหน็ ต่อผ้อู น่ื

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บคุ ลิกภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนที่

สงั เกตไดจ้ ากครพู ีเ่ ล้ยี งมดี งั น้ี
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสขุ ท้ังครูผู้สอนและผ้เู รยี น
2) ใหน้ ักเรียนได้พัฒนาความคดิ ด้วยการลงมือทา แก้ปญั หาสถานการณ์ปัญหา

ด้วยตนเองและออกมานาเสนอหน้าช้นั เรยี น
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผสู้ อน
4) ใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมรว่ มกันเป็นกล่มุ ฝึกใหท้ กุ คนไดม้ โี อกาสเปน็ ผ้นู า
5) ใช้อุปกรณ์ประกอบการสอนอย่างเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาสว่ นดีของเขา
บคุ ลกิ ภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางท่ีสง่างาม

การแต่งกายที่เหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คล่องแคลว่ ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามสี าระมีเหตผุ ล

ปช-๑.๐๓
2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณ์ขัน ไมเ่ คร่งเครยี ดจริงจังจนเกนิ ไป มีอารมณแ์ จม่ ใส เบิกบาน ย้ิมแยม้ และร่าเริงอยู่เสมอ
3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบที่ดี มีความสามารถ
ในการแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหนา้ มกี ารตดั สินใจที่ดี มีความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ มคี วามร้รู อบตัวดี เป็นคน
ช่างสังเกต ละเอียดรอบคอบ มคี วามรู้ในรายวชิ าทีส่ อน
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเร่ืองรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหน่ึงทีจ่ ะชว่ ยให้บุคลิกภาพดดู ขี ้นึ การแตง่ กายของครูผ้สู อนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยดั และ
สะอาด
2.2. รูปแบบ/เทคนคิ ท่ีใช้ในการสอน
ครผู ูส้ อนใชว้ ิธกี ารสอนแบบเปดิ คอื การชว่ ยให้กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ และวิธีคิดในการ
แก้ปัญหาทางคณิตศาสตรข์ องนักเรียนให้เกิดขนึ้ พร้อมๆ กนั กล่าวคอื ท้งั กิจกรรมของนักเรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครูผู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนที่จะส่งเสรมิ วิธีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนที่มีความสามารถสูงกว่าก็สามารถที่จะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนท่ีมีความสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเช่ือม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ท่ีมีความซับซ้อนสูงข้ึน ผลท่ีเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ท่ีนักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงขึ้นท่ี
จะแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ของพวกเขา
2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม
จากการท่ีได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ
การประยุกตใ์ ช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนตั้งใจฟังครูสอน ใหป้ ฏิบัติตนเป็น
นกั เรยี นทดี่ ขี องครู
2.4. การสอดแทรกการคดิ วเิ คราะห์
ในรายวชิ าคณิตศาสตร์เปน็ วิชาที่จาเป็นต้องใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์มาใช้ในการ
แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบน้ี
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซ่ึงการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเนอื้ หาไดด้ แี ละครบถ้วน

ปช-๑.๐๓
2.5. การแกป้ ญั หาระหวา่ งสอน

ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนหลายคนไม่ฟัง ลุกขึ้นว่ิงไปมา
ครูผู้สอนจึงใช้วิธีการเดินไปรอบห้องๆพร้อมกับสอนไปด้วยและใครท่ีไม่ฟังก็จะมีการลงโทษเป็น
ตัวอย่างเพ่ือไมใ่ ห้เพอ่ื นทาตาม

2.6. การใชภ้ าษาอังกฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบกอ่ นการเรยี นการสอนจะมีการทักทายเปน็ ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เครื่องหมาย คาสั่งก็
จะมีคาภาษาองั กฤษมาใช้ตลอด

2.7. การพัฒนาทกั ษะการฟัง พูด อ่าน เขยี นในขณะทด่ี าเนนิ การสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

วา่ มีใครฟังอยู่บา้ งและมีใครที่ไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกช่ือเพื่อเป็นการกระตนุ้ ให้นักเรียนได้
ตัง้ ใจฟงั ครูมากข้นึ

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนท่ี
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหนา้ ช้ันเรียนเพอ่ื เป็นการฝกึ ทกั ษะทางดา้ นของการพูด

การอ่าน : ในทุกๆข้ันตอนที่มีคาสัง่ หรอื สถานการณ์ปญั หาครูจะให้นักเรียนได้อา่ นไป
พรอ้ มกนั กับครูเพ่ือฝกึ ทกั ษะการอ่านใหน้ ักเรียนอา่ นหนังสือไดค้ ล่องแคล่วขน้ึ

การเขียน : หลังจากท่ีครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดก็จะให้นักเรียนฝกึ เขียนบนกระดานดาดว้ ย

2.8. การบรหิ ารจัดการช้ันเรียน
จากการที่ได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นช้ัน

เรียนท่ีเอ้ืออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีส่ือการ
สอนท่ีน่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซึ่งทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรยี น ซง่ึ ครเู ป็นผกู้ ากับและแนะแนวนักเรียนเป็นผแู้ สดงบทบาท ครูจะพดู น้อยลง ใหน้ ักเรยี นได้คดิ ได้
ถาม ได้แกป้ ญั หา และไดท้ ากิจกรรมด้วยตนเอง

2.9. การใชห้ ลกั จติ วทิ ยาในการสอน
ครูจะใช้วิธีการเสริมแรงทางลบกับพฤติกรรมของผู้เรียนที่ไม่ควรปฏิบัติด้วยการ

ลงโทษใหเ้ พ่ือนๆเหน็ แล้ววา่ ถ้าทาตามกจ็ ะถกู ลงโทษอีกเหมอื นกับเพื่อนคนน้นั

ปช-๑.๐๓
3. การใช้สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้

3.1. ประเภทของส่ือ
สอ่ื หลัก
1) ภาพคอกหมู
2) บัตรภาพลกู หมูจานวน 6 ตัว
3) บตั รตารางบันทึกจานวน 6
4) บตั รตวั เลขการแยกจานวน 6
5) ใบงาน เร่ือง ลูกหมู 6 ตัว
สื่อเสรมิ
1) แถบกิจกรรม เรอ่ื ง ลกู หมู 6 ตวั
2) แถบคาสั่ง

3.2. ความสอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์ของกิจกรรม
จากการจัดกิจกรรมท่ีมีเนื้อหาเรื่อง การแยกจานวน 6 ปรากฏว่านักเรียนสามารถ

บอกได้ว่า
ความรู้สึกเชิงจานวนด้านการแยกจานวน เช่น จานวน 6 เกิดจากตัวเลข 1

และ 5 รวมกนั ตวั เลข 3 และ 3 รวมกัน เป็นตน้
การแยกจานวน เปน็ วิธีการคิดแยกจานวนหน่ึงๆ ออกมาเปน็ จานวนตา่ งๆ สอง

จานวน โดยไดผ้ ลบวกของจานวนนัน้ เทา่ กับจานวนเดมิ
การสร้างจานวน เป็นวิธีการคิดนาจานวนสองจานวนมารวมกัน เพื่อให้เห็นว่า

จานวนนนั้ มีสมาชิกอยู่ 2 จานวน จากการแยกจานวน
ความสมั พันธ์ระหวา่ งส่วนใหญแ่ ละสว่ นย่อย หมายถึง การนาจานวนทม่ี ีอยแู่ ยก

ออกไปเป็นสองจานวน ซง่ึ เรียกว่า การแยกสว่ นประกอบ และเป็นพ้ืนฐานแนวคิดเรอ่ื งการลบ
ความสัมพันธ์ระหวา่ งส่วนย่อยและส่วนยอ่ ย หมายถึง การนาจานวนมารวมกัน

จากจานวนท่ีแยกออกจากกัน โดยรวมให้เท่ากับจานวนเดิม ซ่ึงเรียกว่า การประกอบจากหลายส่วน
และเปน็ พนื้ ฐานแนวคิดเรือ่ งการบวกได้น่ันหมายถึงกิจกรรมนี้บรรลุวตั ถุประสงคท์ ี่วางไว้

3.3. คุณภาพของสอ่ื ทใ่ี ช้
สอื่ การเรียนการสอนมีสนั สวยงามน่าสนใจและเป็นที่ชืน่ ชอบของนักเรยี น

3.4. การใชส้ ่อื /แหล่งเรียนรนู้ อกสถานท่ี
ครูใช้ส่ือที่มีทันสมัยและนักเรียนรู้จักเป็นอย่างดีจึงทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกสนานกับ

การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน

ปช-๑.๐๓
3.5. การมสี ว่ นรว่ มในการใชส้ ่อื ของผเู้ รยี น

ในการจดั กิกรรมการเรยี นการสอนในคร้ังน้ีครูได้ให้ตวั แทนนกั เรียนออกไปใช้สื่อการ
เรยี นการสอนหนา้ ชนั้ เรยี นไดใ้ ห้นักเรยี นไดต้ ิดบตั รคาตามตาแหนง่ ต่างบนกระดานดา

3.6. ความค้มุ ค่าของสอื่ ที่ใช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าสื่อการเรียนการสอนทุกช้ิน

ล้วนมีความเก่ียวข้องกับเนื้อหาทุกช้ินและท่ีสาคัญสื่อการเรียนการสอนนี้ก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนกับห้องเรยี นอ่นื อกี ด้วยน่นั แสดงวา่ สอ่ื ชุดนมี้ คี วามคุ้มค่าในการใช้

ลงชือ่ ____________________
( นายจรณชยั ศรปี ระดิษฐ )
ผู้สงั เกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครงั้ ที่ ๑๘

รายวชิ า คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔/๔
วนั อังคาร ท่ี ๕ เดือน มิถุนายน พทุ ธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๙.๑๕ – ๑๐.๑๕ น.
คณุ ครูมาลัยทิพย์ คนซื่อ (ครผู สู้ อน)

1. แผนการจดั การเรียนรู้
1.1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) เข้าใจความหมายลกั ษณะ สว่ นประกอบและสมบัตขิ องวงกลมและทรงกลม

2) สามารถสร้างวงกลมได้

3) เขา้ ใจวธิ กี ารใชแ้ ละสามารถใชป้ ระโยชน์จากวงเวยี นได้

4) นกั เรียนสามารถใชว้ งเวียนในการเปรียบเทียบความยาวได้

1.2. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้วี ัด
วงกลมและทรงกลม (วงเวียนวัดทาง)

1.3. เนอ้ื หาท่ีเรียน
การใช้วงเวียนเปรียบเทียบความยาวของเส้นต้ังแต่สองเส้นขึ้นไป ทาได้โดยการ

กางวงเวียนให้กว้างที่สุดวัดความยาวของเส้นที่ 1 เขียนเส้นตัดไว้ แล้วนาไปเขียนเส้นตัดในเส้นอื่นๆ
ทาเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนหมดความยาวเส้นใดเส้นหนึ่ง แล้วสังเกตจุดตัดสุดท้ายกับจุดปลายของส่วนของ
เสน้ ตรง ส่งิ ใดอยไู่ กลกวา่ สว่ นของเส้นตรงน้นั จะยาวกว่า

1.4. ข้ันตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1) ขั้นนาเสนอสถานการณ์ปญั หา (20 นาท)ี

- ครูทกั ทายนกั เรยี นและเตรยี มความพร้อมนักเรียนด้วยการปรบมือ
รวมใจ

- ครูให้ความรเู้ บ้อื งตน้ นักเรียนเก่ียวกบั ประโยชนข์ องวงเวยี นคอื การ
ใช้แบ่งเสน้ ตรงออกเป็นส่วนๆด้วยวิธีการต่างๆ

- ครูเสนอสถานการณ์ปัญหาที่ 1 ให้กับนกั เรียน และตดิ แถบคาสง่ั
- ครูแจกใบกิจกรรม “ใครว่ิงได้ไกลสุด” ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ซ่ึง
เป็นเรอื่ งการใช้วงเวียนในการเปรียบเทียบความยาวของสว่ นของเส้นตรง
- ครูให้นกั เรยี นลงมอื ทาใบกิจกรรม (10 นาท)ี
- ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปคาตอบและวิธีการในการเปรียบเทียบ
ความยาวของส่วนของเส้นตรง
- ครูเสนอสถานการณ์ปัญหาที่ 2 ใหก้ ับนักเรียน และตดิ แถบคาสั่ง

ปช-๑.๐๓

- ครแู จกใบกจิ กรรม “บ้านใครใกล้กว่ากัน”
2) ขัน้ นกั เรยี นเรยี นร้ดู ้วยตนเอง (20 นาท)ี

- นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันระดมความคิดในการแกป้ ญั หาจากคาส่ัง

และเขียนลงในใบกจิ กรรม

- ครูสังเกตนักเรียนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและบันทึกแนวคิดของ

นักเรียน นอกจากน้ันครูอาจกระต้นุ นักเรียนให้ชว่ ยกนั แกป้ ัญหาดว้ ยการบอกว่าเหลือเวลาเท่าใด

3) ขน้ั นาเสนอและอภิปรายร่วมกนั ทงั้ ชน้ั เรยี น (10 นาท)ี

- เลือกนักเรยี นออกมานาเสนอ โดยพิจารณาลาดับการนาเสนอจาก

กลุ่มท่ีมีความถูกต้องน้อยไปหากลุ่มท่ีถูกต้องมากที่สดุ ระหว่างการนาเสนอครูหยิบแนวคิดหรือคาพูด

ที่น่าสนใจมาใช้เป็นประเด็นในการอภิปรายทั้งช้ันเรียนได้ นอกจากนั้นครูควรกระตุ้นให้นักเรียนฟัง

และอาจซกั ถามเพือ่ นที่กาลงั นาเสนอ

4) ขั้นสรปุ โดยการเชือ่ มโยงแนวคดิ ของนักเรียน (10 นาที)

- ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายและชว่ ยกนั สรปุ ประเด็นต่อไปน้ี

 การใชว้ งเวียนในการเปรยี บเทียบความยาว

 ประโยชน์ของวงเวียนท่นี กั เรียนได้เรยี นร้มู า

- ครูถามนักเรียนถึงส่ิงท่ีได้เรียนรู้และให้นักเรียนจดบันทึกสิ่งที่ได้

เรียนรลู้ งในสมุดโดยให้ทานอกเวลาเรียน

1.5. การวดั และประเมินผล

ส่งิ ท่ีจะประเมนิ

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 1. การทาใบกิจกรรม เร่ือง วง 1. ใบกจิ กรรม เรือ่ ง

1. ทกั ษะการแกป้ ัญหา เวียนวัดทาง วงเวยี นวัดทาง

- นักเรียนสามารถใช้วงเวียนในการหาระยะ 2. การตอบคาถามและการ

ทางการวิ่งที่สามารถวิ่งได้ไกลที่สุดจาก อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

สถานการณ์ปัญหาได้ ร ะ ห ว่ า ง ก า ร ท า กิ จ ก ร ร ม ก า ร

- นักเรียนสามารถใชว้ งเวียนในการ เรียนรู้

เปรยี บเทียบความยาวของสว่ นของเสน้ ตรงที่

ปช-๑.๐๓

ส่งิ ทจี่ ะประเมนิ

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เคร่อื งมอื ทใี่ ช้

ตรงตลอดท้ังเส้นกับส่วนของเส้นตรงทีไ่ ม่ตรง

ตลอดท้งั เสน้ ได้

2. ทกั ษะการเชอื่ มโยง

- นักเรยี นเช่ือมโยงความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้วง

เวียนท่ีเคยเรียนมา มาใชใ้ นการ

เปรียบเทียบความยาว

3. ทักษะการส่อื สาร

- นกั เรียนสามารถพูดและอธิบายแนวคิดของ

ตนเองให้ผู้อื่นเขา้ ใจได้

4. ทักษะการนาเสนอ

- นักเรยี นใช้รูปแบบการนาเสนอที่เข้าใจงา่ ย

มกี ารสือ่ ความหมายทถ่ี กู ต้องตามแนวคิดของ

ตนเอง

ดา้ นความรู้ 1. การอภิปรายแลกเปล่ียนความ 1. การทากิจกรรมการ

1.นักเรียนสามารถใชว้ งเวยี นในการ คิดเห็นระหว่างการทากิจกรรม เรยี นรู้

เปรยี บเทยี บความยาวได้ การเรียนรู้

2. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการ

เรยี นรู้

ด้านคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ 1. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการ 1. การทากิจกรรมการ
1. มีความรบั ผิดชอบในงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย เรยี นรู้ เรยี นรู้
2. มรี ะเบยี บวนิ ัยในการทางาน 2. การทาใบกจิ กรรม เร่ือง วง 2. ใบกิจกรรม วงเวยี น
3. ยอมรับความคิดเห็นของผอู้ ่ืน เวยี นวัดทาง วดั ทาง
4. มคี วามกลา้ แสดงออก 3. การอภิปรายแลกเปล่ียนความ
คิ ด เ ห็ น ร ะ ห ว่ า ง ก า ร น า เ ส น อ
แนวคิด และการรับฟังความ
คิ ด เ ห็ น จ า ก เ พ่ื อ น ใ น ก ลุ่ ม แ ล ะ
เพอื่ นรว่ มชน้ั เรียน

ปช-๑.๐๓
2. การดาเนินการสอน

2.1. พฤตกิ รรมการสอน/บุคลิกภาพ/การแต่งกาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนท่ี

สังเกตไดจ้ ากครพู ีเ่ ลี้ยงมีดงั นี้
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสขุ ท้ังครผู ู้สอนและผูเ้ รยี น
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ัฒนาความคดิ ด้วยการลงมือทา แก้ปัญหาสถานการณป์ ัญหา

ดว้ ยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผู้สอน
4) ใหน้ กั เรยี นทากิจกรรมร่วมกันเปน็ กลุ่ม ฝกึ ให้ทกุ คนไดม้ ีโอกาสเป็นผนู้ า
5) ใช้อุปกรณป์ ระกอบการสอนอย่างเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเมื่อมีจิตอาสา และให้โอกาสท่ีเด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาส่วนดีของเขา
บคุ ลกิ ภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางที่สง่างาม

การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คลอ่ งแคล่ว ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามสี าระมเี หตุผล

2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมีอารมณข์ ัน ไมเ่ คร่งเครียดจริงจงั จนเกนิ ไป มอี ารมณ์แจ่มใส เบกิ บาน ยิ้มแยม้ และร่าเริงอยเู่ สมอ

3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบที่ดี มีความสามารถ
ในการแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ มกี ารตดั สินใจทีด่ ี มีความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ มีความรรู้ อบตัวดี เป็นคน
ช่างสงั เกต ละเอียดรอบคอบ มีความรูใ้ นรายวชิ าทีส่ อน

การแต่งกาย : นอกเหนือจากเรื่องรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหนง่ึ ทจ่ี ะชว่ ยใหบ้ ุคลกิ ภาพดดู ขี น้ึ การแต่งกายของครูผ้สู อนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด

2.2. รูปแบบ/เทคนิคทใี่ ช้ในการสอน
ครูผูส้ อนใช้วธิ ีการสอนแบบเปดิ คอื การชว่ ยให้กิจกรรมสรา้ งสรรค์ และวธิ ีคดิ ในการ

แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ของนกั เรียนใหเ้ กิดขึ้นพร้อมๆ กนั กล่าวคอื ทง้ั กจิ กรรมของนักเรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้

ปช-๑.๐๓
พฒั นาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครูผู้สอนจึงสร้างกิจกรรมในห้องเรียนทจี่ ะสง่ เสรมิ วธิ ีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนที่มีความสามารถสูงกว่าก็สามารถที่จะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนท่ีมีความสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการท่ีตนเชื่อม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ท่ีมีความซับซ้อนสูงข้ึน ผลที่เกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ท่ีนักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงขึ้นท่ี
จะแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ของพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
จากการท่ีได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ

การประยุกตใ์ ช้กับการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนตั้งใจฟังครูสอน ใหป้ ฏิบัตติ นเป็น
นกั เรยี นทดี่ ีของครู

2.4. การสอดแทรกการคดิ วิเคราะห์
ในรายวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ีจาเปน็ ต้องใชก้ ระบวนการคิดวเิ คราะห์มาใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบน้ี
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซ่ึงการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเนือ้ หาไดด้ แี ละครบถว้ น

2.5. การแกป้ ัญหาระหวา่ งสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนบางคนไมส่ ามารถประยกุ ต์ใช้วงเวียน

วัดระยะทางไดค้ รูจงึ ใช้วธิ ีการอธิบายให้นักเรียนเหน็ ภาพมากย่งิ ขนึ้
2.6. การใช้ภาษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบก่อนการเรียนการสอนจะมีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษอย่ตู ลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เครื่องหมาย คาส่ังก็
จะมีคาภาษาองั กฤษมาใช้ตลอด

2.7. การพฒั นาทกั ษะการฟัง พูด อ่าน เขยี นในขณะที่ดาเนนิ การสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

วา่ มีใครฟังอยู่บ้างและมีใครท่ีไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกช่ือเพ่ือเป็นการกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นได้
ต้งั ใจฟงั ครมู ากข้นึ

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนท่ี
ต่างกันทาให้น่าฟังมากย่ิงขึ้นและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหน้าช้ันเรียนเพ่ือเป็นการฝึกทักษะทางดา้ นของการพูด

ปช-๑.๐๓
การอา่ น : ในทุกๆขนั้ ตอนทม่ี ีคาสง่ั หรอื สถานการณ์ปัญหาครูจะให้นักเรียนได้อา่ นไป
พร้อมกันกบั ครูเพ่ือฝึกทักษะการอา่ นให้นกั เรยี นอ่านหนงั สอื ได้คล่องแคล่วข้นึ
การเขียน : หลังจากท่ีครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเม่ือมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคดิ ก็จะให้นกั เรยี นฝึกเขียนบนกระดานดาดว้ ย
2.8. การบริหารจดั การชัน้ เรียน
จากการท่ีได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ช้ันเรียนแบบนวัตกรรม เป็นช้ัน
เรียนที่เอ้ืออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีส่ือการ
สอนที่น่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซึ่งทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรยี น ซง่ึ ครเู ปน็ ผู้กากับและแนะแนวนักเรยี นเปน็ ผแู้ สดงบทบาท ครจู ะพูดน้อยลง ใหน้ ักเรียนได้คิด ได้
ถาม ได้แกป้ ญั หา และไดท้ ากิจกรรมด้วยตนเอง
2.9. การใช้หลกั จิตวิทยาในการสอน
ครจู ะใชว้ ิธีการอธบิ ายเพื่อให้นักเรียนทกุ คนเข้าใจและใชว้ งเวยี นได้เหมือนกนั คือ ไม่
ปล่อยใหใ้ ดคนหนึ่งทาไมถ่ กู อยูค่ นเดียว
3. การใช้สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
3.1. ประเภทของสอื่
สื่อหลัก

1) ใบกจิ กรรม 2 ใบ
2) วงเวยี น
3) แถบคาส่งั สถานการณ์ปัญหาซ่งึ มรี ูปภาพประกอบด้วย
สือ่ เสริม
1) รปู ภาพขยายจากใบกจิ กรรม
2) วงเวยี นสาหรบั อธบิ ายหนา้ ชน้ั
3) ไมบ้ รรทดั สาหรับใชว้ ดั เพือ่ ตรวจสอบความยาวของสว่ นของเสน้ ตรง
4) แถบข้อความสาหรบั ขยายแนวคดิ ของนกั เรียนและสรปุ บทเรียน
3.2. ความสอดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ของกจิ กรรม
จากการจดั กิจกรรมทีม่ ีเน้อื หาเรอื่ ง วงกลมและทรงกลม (วงเวยี นวดั ทาง) ปรากฏ
ว่านกั เรียนเข้าใจและสามารถบอกไดว้ ่า การใชว้ งเวยี นเปรียบเทียบความยาวของเสน้ ต้ังแต่สองเส้นข้ึน
ไป ทาได้โดยการกางวงเวยี นให้กว้างทส่ี ดุ วดั ความยาวของเส้นท่ี 1 เขยี นเส้นตัดไว้ แล้วนาไปเขียนเส้น
ตัดในเส้นอ่ืนๆ ทาเช่นนี้ไปเร่ือยๆจนหมดความยาวเส้นใดเส้นหน่ึง แล้วสังเกตจุดตัดสุดท้ายกับจุด

ปช-๑.๐๓
ปลายของส่วนของเส้นตรง ส่ิงใดอยู่ไกลกว่า ส่วนของเส้นตรงนั้นจะยาวกว่าได้น่ันหมายถึงกิจกรรมน้ี
บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ วี่ างไว้

3.3. คุณภาพของสื่อทใ่ี ช้
ส่ือการเรียนการสอนมีสันสวยงามน่าสนใจสังเกตได้จากการให้ความร่วมมืออย่าง

เต็มที่ของนักเรียนเม่ือครูขอตัวแทนนักเรียนก็จะแย่งกันออกไปด้านหน้าและมีประสิทธิภาพ มีสีสัน
สดใสและสดคล้องกับเนอ้ื หาการเรยี นการสอน

3.4. การใช้สอื่ /แหลง่ เรียนรูน้ อกสถานท่ี
ครูใช้ส่ือที่มีอยู่ในชีวิตจริงและนักเรียนรู้จักเป็นอย่างดีจึงทาให้นักเรียนรู้สึก

สนุกสนานกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและทาให้นักเรียนได้เห็นภาพจริงว่าคณิตศาสตร์อยู่
รว่ มกบั ตัวเราในชวี ิตประจาวันนน่ั เอง

3.5. การมสี ่วนรว่ มในการใชส้ ื่อของผู้เรียน
ในการจดั กิกรรมการเรยี นการสอนในคร้ังน้ีครไู ดใ้ ห้ตัวแทนนักเรียนออกไปใช้สื่อการ

เรยี นการสอนหนา้ ช้นั เรียนได้ให้นักเรยี นได้วาดแนวคิดลงบนสื่อการเรียนการสอนนั่นแสดงว่านักเรียน
ก็มีส่วนรว่ มในการใช้สือ่ การเรยี นการสอนเช่นกัน

3.6. ความคมุ้ ค่าของสือ่ ทใ่ี ช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกช้ิน

ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเน้ือหาทุกชิ้นและท่ีสาคัญส่ือการเรียนการสอนนี้ก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรยี นการสอนกับหอ้ งเรยี นอ่นื อีกดว้ ยนนั่ แสดงว่าส่อื ชดุ นี้มคี วามค้มุ คา่ ในการใช้

ลงชื่อ____________________
( นายจรณชัย ศรปี ระดิษฐ )
ผู้สงั เกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสงั เกตการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ครงั้ ที่ ๑๙

รายวิชา คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑/๔
วัน พธุ ท่ี ๖ เดือน มิถนุ ายน พุทธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๑๓.๑๕ – ๑๔.๑๕ น.
คุณครูมาลัยทิพย์ คนซื่อ (ครผู ูส้ อน)

1. แผนการจัดการเรยี นรู้
1.1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) เข้าใจความหมายลกั ษณะ สว่ นประกอบและสมบตั ิของวงกลมและทรงกลม
2) สามารถสร้างวงกลมได้
3) เข้าใจวธิ กี ารใช้และสามารถใช้ประโยชน์จากวงเวียนได้
4) นกั เรียนบอกลักษณะของทรงกลมได้
5) นกั เรียนยกตัวอย่างสิง่ ของท่เี ป็นทรงกลมได้
6) นักเรียนสามารถบอกส่วนประกอบของทรงกลม (จุดศูนย์กลาง รัศมี เส้น

ผา่ นศนู ย์กลาง) ได้
7) นักเรียนบอกวิธีการหาความยาวของเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางของทรงกลมได้

1.2. มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั
วงกลมและทรงกลม (มารู้จกั ทรงกลม)

1.3. เนอื้ หาทเ่ี รียน
1) ทรงกลมมีลกั ษณะเปน็ วงกลมเม่อื มองจากมมุ ทุกมมุ
2) ตัวอย่างส่ิงของที่เป็นทรงกลม เช่น ส้ม ลูกมะนาว ลูกบอล ลูกแก้ว ลูก

ปิงปอง ลูกบาสเกตบอล ลูกกอลฟ์ เปน็ ต้น
3) เม่ือทรงกลมถูกตัดคร่ึง จุดศูนย์กลาง รัศมี และเส้นผ่านศูนย์กลางของ

วงกลมท่ีได้ เรยี กวา่ “จุดศนู ย์กลาง รศั มี และเส้นผา่ นศูนย์กลางของทรงกลม”
4) วธิ กี ารหาความยาวของเสน้ ผ่านศูนย์กลางของทรงกลม
เนื่องจากเม่ือเราวางทรงกลมบนพ้ืนผิวเรียบ ทรงกลมจะกลิ้งไปกล้ิงมา

ไม่อยู่กับท่ี ซึ่งยากต่อการหาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของทรงกลม เราจึงควรทาให้ทรงกลมน่ิง
อยู่กบั ทก่ี อ่ น ซึง่ วิธีการหนงึ่ คือ การหาสิ่งของมาประกบทรงกลมทั้ง 2 ขา้ ง แลว้ เราจะสามารถหาความ
ยาวของเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางของทรงกลมไดง้ ่ายข้นึ ยิง่ ไปกว่าน้ัน ถ้าสิ่งของที่เราใชป้ ระกบทรงกลมท้ัง 2
ข้างเป็นปริซึมตรง จะยิ่งทาให้หาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางได้ง่ายข้ึนอีก โดยความยาวของเส้น
ผ่านศูนยก์ ลางจะยาวเทา่ กับระยะหา่ งของขอบท่ีใกลท้ รงกลมท่ีสุดของปริซึมทง้ั สองทน่ี ามาประกบ

ปช-๑.๐๓

1.4. ข้ันตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ขน้ั นาเสนอสถานการณ์ปัญหา (20 นาท)ี

- ครกู ลา่ วทกั ทายนักเรยี นและเตรียมความพรอ้ มด้วยการปรบมือ
- ครจู ัดกล่มุ นักเรยี นเปน็ 4 กลุ่ม ดว้ ยการจับหมายเลขลกู ปิงปอง
- ครูหยิบลูกบอลใหญ่ขึ้นมาและถามนักเรียนว่า “สิ่งนี้มีลักษณะ
อย่างไร”
- ครูให้นกั เรยี นลองมองขา้ งๆของลูกบอล และถามวา่ “นักเรียนเห็น
อะไร” และจงึ ใหม้ องข้างบนและขา้ งลา่ งของลูกบอล โดยครเู ดนิ ถือลูกบอลไปใหแ้ ต่ละกลุ่มดู และถาม
ว่า “เหน็ อะไรบ้าง” เช่นกัน
- ครูแจกลูกปงิ ปองให้แต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 1 ลูก (ตามหมายเลขกลุ่ม)
และถามหาส่วนประกอบของทรงกลม (จุดศูนยก์ ลาง รัศมี เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง เส้นรอบวง)
- ครูหยิบลูกบอลทีผ่ ่าคร่ึงแลว้ แสดงใหน้ ักเรียนดู และถามว่า “จากนี้
นักเรยี นเห็นจุดศูนย์กลาง รศั มี เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง เสน้ รอบวง หรือไม่” และให้นกั เรยี นออกมาชีใ้ หด้ ู
- ครูเล่าสถานการณ์ปัญหา และติดใบสถานการณ์ปัญหา พร้อม
คาสง่ั

สถานการณป์ ญั หา
เมื่อไจแอนต้องการห่อของขวัญให้กับไจโกะน้องสาวของเขา ซง่ึ ของขวัญที่จะให้ไจโกะน้ัน
คือ ลูกบอล ไจแอนจึงต้องหาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของลูกบอลลูกนี้ เพื่อท่ีจะได้หา
กล่องมาห่อของขวัญที่ใสล่ ูกบอลนน้ั ได้พอดี แล้วไจแอนจะหาความยาวของเสน้ ผ่านศนู ย์กลางของ
ลูกบอลลูกน้ีได้อย่างไร

คาสงั่ ให้นกั เรียนค้นหาวธิ กี ารหาความยาวของเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางของลกู บอล โดยหา
ใหไ้ ดห้ ลากหลายวธิ ีทส่ี ดุ พร้อมท้งั เขียนอธบิ ายวิธกี ารนนั้

ไหมพรม ไมบ้ รรทดั ) - ครูแนะนาอุปกรณ์ที่แต่ละกลุ่มจะได้ (ลูกบอล กล่องสี่เหลี่ยมตัน
- ครแู จกใบกิจกรรมและอุปกรณใ์ ห้แตล่ ะกลุ่ม

ปช-๑.๐๓
2) ข้นั นกั เรียนเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (20 นาท)ี

- นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคดิ ในการแก้ปัญหาจากคาส่ัง
(ค้นหาวิธีการหาความยาวของ เส้นผ่านศูนย์กลางของลูกบอลโดยอาศัยอุปกรณ์ท่ีแจกให้) และเขียน
ลงในใบกจิ กรรม

- ครูสังเกตนักเรียนทุกคนอย่างท่ัวถึง และคอยกระตุ้นนักเรียนให้
แก้ปัญหาด้วยการบอกให้คิดให้ได้หลากหลายวิธีและช่วยกันทางาน และบอกจานวนเวลาในการ
แกป้ ญั หาทีเ่ หลืออยู่

3) ขัน้ นาเสนอและอภิปรายรว่ มกนั ทัง้ ชน้ั เรยี น (15 นาท)ี
- นักเรียนนาเสนอแนวคิดของตนเอง โดยครูเลือกกลุ่มนักเรียน

ออกมานาเสนอ โดยพิจารณาลาดับการนาเสนอจากแนวคิดที่มีความถูกต้องน้อยไปหากลุ่มท่ีถูกต้อง
มากทีส่ ุด และจากแนวคดิ ท่ีเหมอื นกนั มากกอ่ นและจงึ ใหก้ ลุม่ ทแ่ี นวคิดแตกต่างนาเสนอถัดไป ระหว่าง

การนาเสนอครูหยิบแนวคิดหรือคาพูดที่น่าสนใจมาใช้เป็นประเด็นในการอภิปรายท้ัง ช้ันเรียนได้
นอกจากนน้ั ครูควรกระตุ้นให้นักเรยี นฟังและอาจซักถามเพ่ือนที่กาลงั นาเสนอ

4) ขัน้ สรุปโดยการเช่ือมโยงแนวคดิ ของนกั เรยี น (5 นาที)
- ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายและช่วยกนั สรุปประเดน็ ตอ่ ไปน้ี

 วิธีการหาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของ

ทรงกลม

 ความรเู้ กีย่ วกับทรงกลม
- ครูให้นักเรียนจดบันทึกความรู้ท่ีได้รับและแนวคิดที่น่าสนใจในช้ัน
เรยี นในสมดุ จดบันทึก โดยให้ทานอกเวลาเรียน

1.5. การวัดและประเมินผล

ส่ิงทีจ่ ะประเมนิ

รายการประเมิน/จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เครือ่ งมอื ท่ีใช้
1. ใบกิจกรรม มารู้จัก
ด้านทกั ษะและกระบวนการ 1. การทาใบกิจกรรม เรอ่ื ง มารู้จักทรงกลม ทรงกลม

1. ทกั ษะการแก้ปัญหา 2. การตอบคาถามและการอภิปราย

- นักเรยี นสามารถบอกลักษณะของ แลกเปล่ยี นความคิดเห็นระหว่างการทา

ทรงกลมและยกตัวอย่างส่ิงของท่ี กิจกรรมการเรยี นรู้

เปน็ ทรงกลมได้ 5 อยา่ งข้นึ ไป

ปช-๑.๐๓

ส่งิ ที่จะประเมิน

รายการประเมิน/จดุ ประสงค์ วิธีการประเมนิ เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้

- นกั เรยี นสามารถบอก

ส่วนประกอบของทรงกลมได้ คอื

จดุ ศนู ย์กลาง รัศมี เส้นผ่าน

ศนู ย์กลาง เสน้ รอบวง

- นักเรียนสามารถหาวิธีการในการ

หาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลาง

ของทรงกลมได้

2. ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล

- นกั เรียนให้เหตผุ ลประกอบการใช้

วิธหี าความยาวของเส้นผา่ น

ศูนย์กลางของทรงกลมท่ี

กล่มุ ของตนเองคิดค้นข้นึ มาได้

3. ทกั ษะการเช่ือมโยง

- นักเรียนเช่ือมโยงความรู้เก่ียวกับ

ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ข อ ง

วงกลมเพ่อื ใชใ้ นการแก้ปญั หา

4. ทกั ษะการสอ่ื สาร

- นักเรียนสามารถพูดและอธิบาย

แนวคิดของตนเองใหผ้ อู้ ืน่ เขา้ ใจได้

5. ทักษะการนาเสนอ

- นักเรียนใช้รูปแบบการนาเสนอท่ี

เข้าใจง่าย มีการสื่อความหมายที่

ถูกตอ้ งตามแนวคดิ ของตนเอง

ด้านความรู้ 1. การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 1. การทากิจกรรมการ

1.นักเรียนบอกลักษณะของทรง ระหว่างการทากิจกรรมการเรียนรู้ เรยี นรู้

กลมได้ 2. การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้

2.นักเรียนยกตัวอย่างส่ิงของท่ีเป็น

ทรงกลมได้

ปช-๑.๐๓

ส่งิ ทจ่ี ะประเมิน

รายการประเมนิ /จุดประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื ท่ีใช้
3.นักเรียนบอกส่วนประกอบของ

ทรงกลม (จุดศูนย์กลาง รัศมี เส้น

ผ่านศูนยก์ ลาง) ได้

4.นักเรียนบอกวิธีการหาความยาว

ของเสน้ ผา่ นศูนย์กลางของทรงกลม

ได้

ด้านคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ 1. การมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. การทากิจกรรมการ

1. มีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับ 2. การทาใบกิจกรรม เร่อื ง มารจู้ กั ทรงกลม เรยี นรู้

มอบหมาย 3. การอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น 2. ใบกิจกรรม เรื่อง

2. มรี ะเบียบวนิ ยั ในการทางาน ระหว่างการนาเสนอแนวคิด และการรับฟัง มารู้จักทรงกลม

3. ยอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื ความคดิ เห็นจากเพ่ือนในกลุ่มและเพ่อื นรว่ ม

4. มคี วามกล้าแสดงออก ชัน้ เรยี น

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บุคลิกภาพ/การแต่งกาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนท่ี

สงั เกตไดจ้ ากครูพ่เี ล้ียงมีดงั นี้
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสขุ ท้ังครูผสู้ อนและผเู้ รยี น
2) ให้นักเรียนได้พัฒนาความคดิ ด้วยการลงมือทา แกป้ ัญหาสถานการณ์ปัญหา

ดว้ ยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา

จากครูผสู้ อน
4) ให้นกั เรียนทากิจกรรมรว่ มกนั เป็นกลมุ่ ฝึกให้ทุกคนไดม้ ีโอกาสเป็นผู้นา
5) ใชอ้ ปุ กรณป์ ระกอบการสอนอยา่ งเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเมื่อมีจิตอาสา และให้โอกาสท่ีเด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย

การมองหาสว่ นดขี องเขา

ปช-๑.๐๓
บุคลกิ ภาพ :

1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางท่ีสง่างาม
การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาท่ีถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คลอ่ งแคล่ว ไพเราะออ่ นหวาน และพูดจามีสาระมีเหตุผล

2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณข์ ัน ไม่เคร่งเครยี ดจริงจงั จนเกนิ ไป มอี ารมณ์แจม่ ใส เบิกบาน ยมิ้ แย้ม และรา่ เรงิ อยูเ่ สมอ

3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้า มีการตดั สินใจทดี่ ี มีความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ มีความรรู้ อบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสงั เกต ละเอยี ดรอบคอบ มีความรู้ในรายวชิ าทส่ี อน

การแต่งกาย : นอกเหนือจากเรื่องรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหน่งึ ทจ่ี ะชว่ ยใหบ้ ุคลกิ ภาพดูดีขึน้ การแต่งกายของครูผ้สู อนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด

2.2. รูปแบบ/เทคนคิ ทใ่ี ช้ในการสอน
ครูผูส้ อนใช้วธิ ีการสอนแบบเปดิ คอื การชว่ ยให้กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ และวธิ ีคิดในการ

แกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตรข์ องนักเรียนใหเ้ กิดข้นึ พรอ้ มๆ กัน กลา่ วคือ ท้งั กจิ กรรมของนักเรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครผู ู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนทจ่ี ะส่งเสริมวิธีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนท่ีมีความสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกบั กิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการท่ีตนเชื่อม่ันและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ท่ีมีความซับซ้อนสูงข้ึน ผลที่เกิดข้ึน มีความเป็นไปได้ท่ีนักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงขึ้นท่ี
จะแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตรข์ องพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม
จากการที่ได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบของ

การประยุกต์ใช้กับการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนตั้งใจฟังครูสอน ใหป้ ฏิบัติตนเป็น
นกั เรียนที่ดีของครู

2.4. การสอดแทรกการคิดวิเคราะห์
ในรายวชิ าคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ีจาเปน็ ต้องใชก้ ระบวนการคิดวเิ คราะห์มาใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบนี้

ปช-๑.๐๓
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซึ่งการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเนือ้ หาไดด้ ีและครบถ้วน

2.5. การแกป้ ญั หาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนบางคนไม่สามารถประยุกต์ความรู้

เรือ่ งวงกลมเข้ากบั ทรงกลมได้ครูจงึ ใช้วธิ ีการให้เพื่อนคนที่คดิ ได้ไปนาเสนอให้เพอ่ื นคนที่คิดไมไ่ ด้ฟัง
2.6. การใชภ้ าษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบก่อนการเรียนการสอนจะมีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษอยู่ตลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เครื่องหมาย คาส่ังก็
จะมคี าภาษาอังกฤษมาใชต้ ลอด

2.7. การพัฒนาทกั ษะการฟงั พดู อ่าน เขยี นในขณะท่ดี าเนินการสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกจิ กรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บา้ งและมีใครท่ีไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกช่ือเพือ่ เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้
ต้ังใจฟงั ครูมากข้ึน

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนที่
ต่างกันทาให้น่าฟังมากย่ิงข้ึนและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหนา้ ชัน้ เรยี นเพ่ือเป็นการฝึกทักษะทางดา้ นของการพูด

การอ่าน : ในทุกๆขั้นตอนที่มีคาสงั่ หรือสถานการณ์ปญั หาครูจะให้นักเรียนไดอ้ า่ นไป
พรอ้ มกันกับครเู พ่ือฝึกทักษะการอา่ นใหน้ กั เรยี นอ่านหนงั สอื ไดค้ ล่องแคลว่ ขน้ึ

การเขียน : หลังจากท่ีครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคดิ ก็จะให้นกั เรียนฝึกเขยี นบนกระดานดาดว้ ย

2.8. การบริหารจดั การชน้ั เรยี น
จากการท่ีได้สังเกตสามารถสรุปได้ว่าครูผู้สอนใช้ช้ันเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้น

เรียนท่ีเอื้ออานวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการแบบสอนใหม่ๆ มีสื่อการ
สอนท่ีน่าสนใจ ทันสมัย มีสันสันสวยงาม ซ่ึงทาให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเรียน และมีอิสระในการ
เรียน ซง่ึ ครเู ปน็ ผ้กู ากับและแนะแนวนักเรียนเป็นผูแ้ สดงบทบาท ครูจะพดู น้อยลง ใหน้ กั เรยี นได้คิด ได้
ถาม ได้แกป้ ัญหา และได้ทากจิ กรรมด้วยตนเอง

2.9. การใชห้ ลกั จิตวทิ ยาในการสอน
ครูจะใช้วิธีการให้ตัวแทนนักเรียนออกไปอธิบายให้เพ่ือนคนที่คิดไม่ได้ฟังซ่ึงจะเป็น

การสร้างแรงผลักดันให้คนในห้องว่าตนก้ต้องทาใหไ้ ดเ้ หมอื นคนนัน้ เช่นกัน

ปช-๑.๐๓
3. การใช้สื่อและแหล่งการเรียนรู้

3.1. ประเภทของสือ่
ส่ือหลัก
1) ใบกจิ กรรม
2) ลกู บอลขนาดใหญ่
3) ลกู บอลขนาดเลก็ (ใช้ในสถานการณ์ปญั หา หาความยาวเสน้ ผ่านศูนย์กลาง)
4) ลูกบอลแบบผา่ ครงึ่ เป็น 2 สว่ น
5) กลอ่ งสเี่ หล่ยี มตัน
6) ไหมพรม
7) ไม้บรรทดั
8) แถบคาสง่ั สถานการณป์ ญั หา
ส่อื เสริม
1) ภาพแสดงส่วนประกอบของทรงกลม
2) แถบขอ้ ความสาหรบั ขยายแนวคดิ ของนักเรยี นและสรุปบทเรยี น
3) ปงิ ปองเขียนหมายเลข 1-4 (ใช้ในการแบ่งกลุม่ )
4) กลอ่ งใสล่ ูกปิงปอง

3.2. ความสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ของกจิ กรรม
จากการจัดกิจกรรมที่มีเน้ือหาเร่ือง วงกลมและทรงกลม (มารู้จักทรงกลม)

ปรากฏวา่ นักเรียนเขา้ ใจและสามารถบอกได้ว่า
1) ทรงกลมมลี กั ษณะเปน็ วงกลมเมอื่ มองจากมมุ ทุกมมุ
2) ตัวอย่างส่ิงของท่ีเป็นทรงกลม เช่น ส้ม ลูกมะนาว ลูกบอล ลูกแก้ว ลูก

ปิงปอง ลูกบาสเกตบอล ลูกกอล์ฟ เป็นตน้
3) เมื่อทรงกลมถูกตัดคร่ึง จุดศูนย์กลาง รัศมี และเส้นผ่านศูนย์กลางของ

วงกลมท่ีได้ เรียกวา่ “จดุ ศนู ย์กลาง รัศมี และเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของทรงกลม”
4) วธิ กี ารหาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของทรงกลม
เน่ืองจากเม่ือเราวางทรงกลมบนพ้ืนผิวเรียบ ทรงกลมจะกล้ิงไปกลิ้งมา

ไม่อยู่กบั ที่ ซงึ่ ยากต่อการหาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของทรงกลม เราจึงควรทาให้ทรงกลมนิ่ง
อยกู่ ับทก่ี ่อน ซึง่ วธิ ีการหนึ่งคือ การหาส่งิ ของมาประกบทรงกลมทั้ง 2 ขา้ ง แลว้ เราจะสามารถหาความ
ยาวของเสน้ ผ่านศูนย์กลางของทรงกลมได้ง่ายขน้ึ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสิ่งของที่เราใชป้ ระกบทรงกลมทงั้ 2
ขา้ งเป็นปริซึมตรง จะย่ิงทาให้หาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางได้ง่ายข้ึนอีก โดยความยาวของเส้น

ปช-๑.๐๓
ผา่ นศูนย์กลางจะยาวเท่ากับระยะห่างของขอบที่ใกล้ทรงกลมที่สุดของปริซึมท้ังสองที่นามาประกบได้
น่ันหมายถึงกิจกรรมนบี้ รรลุวตั ถปุ ระสงค์ทว่ี างไว้

3.3. คณุ ภาพของส่อื ทใี่ ช้
สือ่ การเรียนการสอนมจี านวนหลากลาย เป็นท่ีคุ้นเคยในชีวิตประจาวันของนักเรียน

และเหน็ ภาพจริงไดช้ ัดเจนขน้ึ เหมาะสมกบั การใชใ้ นกจิ กรรมการเรยี นการสอน
3.4. การใช้ส่ือ/แหลง่ เรยี นร้นู อกสถานท่ี
ครูใชส้ ่อื ทีม่ ีอยู่ในชีวติ จริงและนกั เรียนชอบกนิ อยู่จริงจงึ ทาใหน้ กั เรียนรู้สึกสนกุ สนาน

กบั การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนและทาให้นกั เรียนได้เห็นภาพจรงิ ว่าคณติ ศาสตรอ์ ย่รู ่วมกับตัวเรา
ในชวี ติ ประจาวันนั่นเอง

3.5. การมีส่วนรว่ มในการใช้ส่ือของผเู้ รยี น
ในการจัดกิกรรมการเรียนการสอนในคร้ังนี้ครูได้ให้นักเรียนได้ใช้อุปกรณ์ส่ือการ

เรียนการสอนจรงิ
3.6. ความคมุ้ ค่าของสอื่ ทีใ่ ช้
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสรุปได้ว่าส่ือการเรียนการสอนทุกชิ้น

ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาทุกช้ินและท่ีสาคัญสื่อการเรียนการสอนน้ีก็ยังสามารถนาไปใช้จัด
กจิ กรรมการเรยี นการสอนกบั ห้องเรยี นอืน่ อีกด้วยนัน่ แสดงว่าสอ่ื ชดุ นี้มคี วามคมุ้ คา่ ในการใช้

ลงชอื่ ____________________
( นายจรณชัย ศรปี ระดิษฐ )
ผ้สู งั เกต

ปช-๑.๐๓
รายงานการสังเกตการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ครง้ั ท่ี ๒๐

รายวิชา คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔/๔
วนั พฤหัสบดี ท่ี ๗ เดือน มิถนุ ายน พุทธศักราช ๒๕๖๑

เวลา ๐๘.๑๕ – ๐๙.๑๕ น.
คุณครูมาลยั ทิพย์ คนซ่ือ (ครผู ูส้ อน)

1. แผนการจัดการเรยี นรู้
1.1. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) เขา้ ใจความหมายลกั ษณะ ส่วนประกอบและสมบตั ขิ องวงกลมและทรงกลม

2) สามารถสร้างวงกลมได้

3) เข้าใจวิธกี ารใชแ้ ละสามารถใช้ประโยชนจ์ ากวงเวยี นได้

4) นักเรียนบอกส่วนประกอบของวงกลมได้

5) นักเรียนเข้าใจสมบตั ขิ องวงกลม

6) นกั เรียนสามารถสร้างวงกลมได้

7) นกั เรียนสามารถเปรียบเทยี บความยาวโดยใชว้ งเวยี นได้

1.2. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วดั
วงกลมและทรงกลม (เขา้ ใจตอ้ งทาได้)

1.3. เนอื้ หาทเ่ี รยี น
1) สว่ นประกอบของวงกลม
2) สมบตั ิของวงกลม
3) การสรา้ งวงกลม
4) การเปรียบเทียบความยาวโดยใชว้ งเวยี น

1.4. ขน้ั ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1) ขัน้ นาเสนอสถานการณป์ ญั หา (5 นาท)ี
- ครทู ักทายนกั เรียน
- ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งท่ีนักเรียนได้เรียนรู้ตลอดทั้งหน่วยการ

เรียนรู้เร่ือง “วงกลมและทรงกลม”
- ครูชี้แจงรายละเอียดของการทดสอบความเข้าใจเก่ียวกับ เรื่อง

“วงกลมและทรงกลม” ของนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยให้นักเรียนทาแบบฝึกทักษะ กาหนดเวลาใน
การทา 30 นาที และจะมีเลอื กนกั เรยี นออกมานาเสนอแนวคดิ

- ครแู จกใบกิจกรรม (แบบฝกึ ทกั ษะ)

ปช-๑.๐๓
2) ข้ันนกั เรยี นเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (30 นาท)ี

- นกั เรยี นลงมอื ทาใบกจิ กรรม โดยคิดแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง
- ครูสงั เกตนักเรียนทุกคนอย่างทั่วถึงและบันทกึ แนวคดิ ของนกั เรียน
นอกจากนน้ั ครูอาจกระตนุ้ โดยการบอกจานวนเวลาในการแกป้ ญั หาทีเ่ หลืออยู่
3) ข้ันนาเสนอและอภปิ รายร่วมกันท้งั ชัน้ เรยี น (20 นาท)ี
- ครูให้นักเรียนออกมานาเสนอแนวคิดของตนเอง โดยให้นักเรียน
ออกมานาเสนอตามความสมัครใจ ด้วยการถามว่า “ข้อนี้ใครอยากจะออกมานาเสนอ” เปล่ียน
นกั เรียนมานาเสนอทีละข้อ ในขั้นน้ีครูควรกระตุ้นให้นักเรียนฟังและอาจซักถามเพื่อนที่กาลังนาเสนอ
ได้เม่ือเพ่ือนนาเสนอเสร็จแล้ว และนักเรียนท่ีฟังต้องสามารถบอกแนวคิดของเพ่ือนท่ีนาเสนอได้ ใน
กรณีที่มีนักเรียนตอบยังไม่ถูกต้อง ครูอาจเรียกนักเรียนคนอ่ืนออกมานาเสนอแล้วเปรียบเทียบกัน
เพอื่ ใหน้ กั เรยี นได้ดวู า่ แนวคดิ ใดถกู ต้องกว่า
4) ข้นั สรปุ โดยการเชอ่ื มโยงแนวคดิ ของนักเรยี น (5 นาที)
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและช่วยกันสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้จาก
การเรียนตลอดท้ังหนว่ ยการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 วงกลมและทรงกลม
- ถามนกั เรียนวา่ ไดเ้ รียนรู้อะไรบา้ ง
- สิ่งท่ีนักเรยี นประทับใจ
- ครูให้นักเรียนจดบันทึกความรู้ที่ได้รับและแนวคิดท่ีน่าสนใจในชั้น
เรียนในสมดุ จดบนั ทึก โดยใหน้ อกเวลาเรยี น

1.5. การวัดและประเมนิ ผล

ส่งิ ที่จะประเมิน

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครื่องมอื ท่ใี ช้
1. ใบกิจกรรม เข้าใจ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ 1. การทาใบกิจกรรม เร่ือง ตอ้ งทาได้

1. ทกั ษะการแกป้ ญั หา เขา้ ใจต้องทาได้

- นักเรียนสามารถแก้ปัญหาและตอบ 2. การตอบคาถามและการ

คาถามเกยี่ วกบั วงกลมในแบบฝกึ ทกั ษะได้ อภปิ รายแลกเปลี่ยนความ

2. ทกั ษะการเช่ือมโยง คิดเหน็ ระหว่างการทา

- นักเรียนนาความร้เู ก่ียวกบั วงกลมทเ่ี คย กจิ กรรมการเรยี นรู้

เรียนรู้มาตลอดหน่วยการเรียนรู้มาใช้

ปช-๑.๐๓

ส่งิ ทจี่ ะประเมิน

รายการประเมิน/จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครือ่ งมอื ที่ใช้

ประกอบการแก้ปัญหาและตอบคาถาม

เกย่ี วกบั วงกลมในแบบฝึกทักษะได้

3. ทักษะการสื่อสาร นักเรียนสามารถ

พูดและอธิบายแนวคิดของตนเองใหผ้ ู้อ่ืน

เข้าใจได้

ดา้ นความรู้ 1. การอภิปรายแลกเปลี่ยน 1. การทากจิ กรรม

1. นักเรียนบอกส่วนประกอบของ ความคิดเห็นระหว่างการทา การเรียนรู้

วงกลมได้ กิจกรรมการเรียนรู้

2. นกั เรยี นเข้าใจสมบตั ิของวงกลม 2. การมีส่วนร่วมในกิจกรรม

3. นกั เรียนสามารถสรา้ งวงกลมได้ การเรยี นรู้

4. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบความ

ยาวโดยใชว้ งเวียนได้

ด้านคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ 1. การมีส่วนร่วมในกิจกรรม 1. การทากิจกรรม

1. มีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับ การเรยี นรู้ การเรียนรู้

มอบหมาย 2. การทาใบกิจกรรม เรื่อง 2. ใบกิจกรรม เข้าใจ

2. มรี ะเบียบวนิ ัยในการทางาน เขา้ ใจต้องทาได้ ตอ้ งทาได้

3. ยอมรบั ความคิดเห็นของผอู้ น่ื 3. การอภิปรายแลกเปล่ียน

4. มคี วามกล้าแสดงออก ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ร ะ ห ว่ า ง ก า ร

นาเสนอแนวคิด และการรับ

ฟังความคิดเห็นจากเพื่อนใน

กลุม่ และเพ่ือนรว่ มชัน้ เรยี น

2. การดาเนนิ การสอน
2.1. พฤติกรรมการสอน/บคุ ลกิ ภาพ/การแตง่ กาย
พฤติกรรมการสอน : พฤติกรรมการสอนของครูมีมากมายแต่พฤติกรรมการสอนท่ี

สังเกตไดจ้ ากครพู เี่ ล้ยี งมดี งั นี้
1) สามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและ

ความสุขท้งั ครูผสู้ อนและผเู้ รียน

ปช-๑.๐๓
2) ใหน้ ักเรียนไดพ้ ัฒนาความคดิ ด้วยการลงมอื ทา แก้ปญั หาสถานการณ์ปัญหา
ด้วยตนเองและออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน
3) นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือให้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองภายใต้คาปรึกษา
จากครูผู้สอน
4) ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมร่วมกนั เปน็ กลมุ่ ฝึกให้ทุกคนไดม้ ีโอกาสเป็นผนู้ า
5) ใช้อปุ กรณ์ประกอบการสอนอยา่ งเหมาะสม
6) ชมนักเรียนเม่ือมีจิตอาสา และให้โอกาสที่เด็กอ่อนจะได้รับคาชมบ้าง โดย
การมองหาสว่ นดีของเขา
บคุ ลิกภาพ :
1) บุคลิกภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา กิริยาอาการ ลักษณะท่าทางท่ีสง่างาม
การแต่งกายท่ีเหมาะสม ด้านวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคาท่ีถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
คลอ่ งแคลว่ ไพเราะอ่อนหวาน และพดู จามสี าระมีเหตผุ ล
2) บุคลิกภาพด้านอารมณ์ เช่น การควบคุมอารมณ์ได้ดี ความสนใจผู้เรียน
การมอี ารมณ์ขนั ไมเ่ คร่งเครียดจรงิ จังจนเกินไป มีอารมณ์แจ่มใส เบกิ บาน ยิม้ แยม้ และร่าเริงอย่เู สมอ
3) บุคลิกภาพด้านสติปัญญา เช่น การมีปฏิภาณไหวพริบท่ีดี มีความสามารถ
ในการแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหนา้ มีการตัดสินใจทีด่ ี มีความคิดริเรมิ่ สร้างสรรค์ มีความรู้รอบตัวดี เป็นคน
ชา่ งสังเกต ละเอยี ดรอบคอบ มีความรูใ้ นรายวิชาทส่ี อน
การแต่งกาย : นอกเหนือจากเรื่องรูปร่างหน้าตา การแต่งกายก็มีส่วนสาคัญอีก
ประการหน่ึงท่จี ะช่วยใหบ้ ุคลกิ ภาพดดู ีขึน้ การแตง่ กายของครูผู้สอนดดู ี สภุ าพ ประณีต ประหยัด และ
สะอาด
2.2. รูปแบบ/เทคนคิ ท่ีใช้ในการสอน
ครูผู้สอนใชว้ ธิ กี ารสอนแบบเปดิ คือ การช่วยให้กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ และวิธีคดิ ในการ
แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตรข์ องนักเรียนให้เกิดขึ้นพรอ้ มๆ กนั กลา่ วคอื ทัง้ กิจกรรมของนักเรียน และวิธี
คิดทางคณิตศาสตร์จะถูกนาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ให้นักเรียนแต่ละคนมีอิสระในการ
พัฒนาความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาตามความสามารถและความสนใจของตน ปล่อยให้นักเรียนได้
พฒั นาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา ครูผู้สอนจึงสร้างกจิ กรรมในห้องเรียนทจี่ ะสง่ เสรมิ วิธีคิด
ทางคณิตศาสตร์แบบต่างๆ ขณะท่ีนักเรียนท่ีมีความสามารถสูงกว่าก็สามารถท่ีจะใช้วิธีการทาง
คณิตศาสตร์อย่างหลากหลายและนักเรียนที่มคี วามสามารถด้อยกว่าก็ยังคงสนุกสนานกับกับกิจกรรม
การเรียนการสอนตามความสามารถของตนการทาเช่นนี้ เป็นการช่วยให้นักเรียนได้ทาการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสการสืบเสาะด้วยวิธีการที่ตนเช่ือมั่นและนาไปสู่การแก้ปัญหาทาง

ปช-๑.๐๓
คณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูงข้ึน ผลที่เกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่นักเรียนจะเกิดการพัฒนาสูงข้ึนท่ี
จะแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ของพวกเขา

2.3. การสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
จากการท่ีได้สังเกตครูผู้สอนใช้วิธีการสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบข อง

การประยุกต์ใช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเช่น ให้นักเรียนต้ังใจฟังครูสอน ใหป้ ฏิบัตติ นเป็น
นักเรียนท่ีดีของครู

2.4. การสอดแทรกการคิดวเิ คราะห์
ในรายวิชาคณิตศาสตร์เปน็ วิชาที่จาเป็นต้องใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์มาใช้ในการ

แก้ปัญหาอยู่แล้วโดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเพราะการจัดการเรียนการสอนแบบน้ี
จะเน้นให้นักเรียนได้ลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเองซึ่งการสอดแทรกการคิดวิเคราะห์นั้นถือว่าสอดแทรก
เข้าไปในเน้ือหาได้ดีและครบถ้วน

2.5. การแก้ปญั หาระหว่างสอน
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีนักเรียนคนหน่ึงเคาะโต๊ะเสียงดังและไม่ยอม

ทาแบบฝกึ หัดตามเคยครูจงึ ใช้วิธกี ารพดู และอธิบายใหฟ้ งั แบบตวั ต่อตวั
2.6. การใช้ภาษาองั กฤษสอดแทรกในการสอน
ในทุกๆคาบก่อนการเรียนการสอนจะมีการทักทายเปน็ ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดและใน

เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็จะมีการใช้คาภาษาอังกฤษอยู่เสมอเช่น เคร่ืองหมาย คาส่ังก็
จะมคี าภาษาองั กฤษมาใชต้ ลอด

2.7. การพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียนในขณะทด่ี าเนนิ การสอน
การฟัง : ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมการสอนครูจะคอยสังเกตนักเรียนอยู่เสมอ

ว่ามีใครฟังอยู่บ้างและมีใครที่ไม่ฟังอยู่บ้างหากใครไม่ฟังก็จะเรียกช่ือเพื่อเป็นการกระตนุ้ ให้นักเรยี นได้
ตงั้ ใจฟังครมู ากขน้ึ

การพูด : การพูดของครูจะใช้คาภาษาอังกฤษมาแทรกบ้างและใช้น้าเสียงในโทนที่
ต่างกันทาให้น่าฟังมากยิ่งขึ้นและส่วนของเด็กนักเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนออกมาพูดนาเสนอ
แนวคิดหนา้ ชน้ั เรียนเพ่ือเป็นการฝกึ ทกั ษะทางดา้ นของการพูด

การอา่ น : ในทกุ ๆขัน้ ตอนทีม่ คี าส่ังหรอื สถานการณ์ปญั หาครูจะใหน้ ักเรียนได้อา่ นไป
พรอ้ มกนั กับครเู พ่อื ฝึกทักษะการอา่ นใหน้ กั เรียนอา่ นหนังสอื ได้คล่องแคลว่ ขึน้

การเขียน : หลังจากท่ีครูได้นาเข้าสถานการณ์ปัญหาเสร็จแล้วก็จะให้นักเรียนได้ลง
มือทาใบกิจกรรมด้วยตนเองซ่ึงนักเรียนก็จะได้เขียนไปด้วยและเมื่อมีการให้นักเรียนออกไปนาเสนอ
แนวคิดก็จะให้นักเรยี นฝึกเขยี นบนกระดานดาด้วย


Click to View FlipBook Version