The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BeYo, 2022-03-28 22:16:01

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2

แผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชาพ้ืนฐาน ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ัด
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551

วชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)
ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564

จดั ทำโดย
นางสาวจติ ตญิ าภรณ์ สร้างพล

โรงเรียนสตรศี ึกษา 2
สำนักงานการศกึ ษามธั ยมศึกษาร้อยเอ็ด

คำนำ

ตามท่กี ระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศใชม้ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ดั กลุ่มสาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
เพ่ือใหส้ ถานศึกษานำไปใช้เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วางแผนการจดั การเรียน การ
สอนและจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พอ่ื พัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีความรู้ความสามารถ และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ตาม
เป้าหมายของหลกั สตู ร ตลอดจนใหเ้ กิดผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษา ดงั นั้น ข้นั ตอนการ
นำหลักสูตรสถานศึกษาไปปฏบิ ตั จิ รงิ ในชัน้ เรยี นของครผู ู้สอน จึงจัดเปน็ หัวใจสำคญั ในการพัฒนาผเู้ รียน

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)
ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ซ่งึ ประกอบดว้ ยหน่วยการเรียนรู้
จำนวน 3 หนว่ ยดงั น้ี

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 แรงและการเคลื่อนที่
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 งานและพลงั งาน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง

จดั ทำขึ้นเพื่อให้ครูผู้สอนใชเ้ ป็นแนวทางวางแผนจัดการเรียนรู้แกผ่ ูเ้ รยี น โดยจัดทำเป็นหน่วยการ
เรียนรู้องิ มาตรฐานและออกแบบกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามแนวคิดการออกแบบยอ้ นกลับ (Backward Design)
ตลอดจนเน้นกจิ กรรมแบบ Active Learning อนั จะชว่ ยให้ผู้ปกครองและหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการประเมนิ
คุณภาพการศึกษา สามารถม่ันใจในผลการเรียนรแู้ ละคณุ ภาพของผเู้ รียนทีม่ ีหลักฐานตรวจสอบผลการเรยี นรู้
อย่างเปน็ ระบบ

ผู้จัดทำหวังเปน็ อย่างยง่ิ ว่า แผนการจดั การเรยี นร้เู ลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนแ์ กค่ รผู ู้สอน นกั เรยี น
หรือผ้ทู ี่มสี ่วนเกย่ี วข้องในการจัดการเรยี นการสอน และขอขอบคุณทุกท่านทใี่ หค้ ำปรึกษาแนะนำและสนบั สนุน

นางสาวจติ ติญาภรณ์ สรา้ งพล
ผู้จดั ทำ

สารบญั หนา้

คำนำ ก
สารบญั ข

คำอธิบายรายวชิ า วิทยาศาสตร์ ม.2 1
โครงสร้างรายวิชา วทิ ยาศาสตร์ ม.2 2
โครงสรา้ งแผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 14
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนท่ี 1 - 78
28
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 การหาแรงลัพธ์ของวตั ถุ 42
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 แรงเสยี ดทาน 53
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 แรงดันในของเหลวและแรงพยุง 62
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 โมเมนตข์ องแรง 69
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 สนามของแรง 78
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 การเคลอื่ นที่ของวัตถุ 115 – 156
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 งานและพลงั งาน 115
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 งานและกำลัง 131
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เคร่ืองกลอยา่ งง่าย 147
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 พลงั งาน 156
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 กฎการอนุรักษ์พลงั งาน 164- 285
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง 184
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างของโลก 192
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 การเปลีย่ นแปลงของโลก 206
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการเกิดดิน 213
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 สมบัตขิ องดิน 220
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 ช้ันหนา้ ตดั ดนิ และการปรับปรุงคณุ ภาพของดิน 230
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 แหล่งน้ำ 245
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 7 การใช้ประโยชน์และการอนรุ กั ษแ์ หลง่ นำ้ 251
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 ภยั พิบตั ิจากน้ำ 259
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 ถา่ นหนิ 266
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 10 หนิ น้ำมนั และปโิ ตรเลยี ม 280
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 11 ผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ 285
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 พลงั งานทดแทน

รายวชิ าพนื้ ฐาน คำอธิบายรายวชิ าวิทยาศาสตร์
มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชั้น
เวลา 120 ชวั่ โมง/ปี

ศกึ ษาเกีย่ วกับระบบร่างกายมนุษย์ ระบบหายใจ โครงสร้างและหน้าทข่ี องอวยั วะในระบบหายใจ
การหายใจ การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ ระบบขับถ่าย โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบ
ขับถ่าย กลไกการกำจัดของเสีย การดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด โครงสร้า งและ
หนา้ ทขี่ องอวัยวะในระบบหมนุ เวียนเลือด การทำงานของระบบหมนุ เวียนเลือด การดูแลรักษาอวยั วะในระบบ
หมุนเวียนเลือด ระบบประสาท โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาท การทำงานของระบบ
ประสาท การดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบ
สืบพันธ์ุเพศชายและเพศหญิง ฮอรโ์ มนเพศ การปฏิสนธแิ ละการตง้ั ครรภ์ การคมุ กำเนดิ ศกึ ษาเกี่ยวกับการแยก
สารผสม การระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่น โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวทำละลาย
การนำวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ศึกษาเกี่ยวกับสารละลาย สภาพละลายได้ของสาร
ความเข้มข้นของสารละลาย การใช้สารละลายในชีวิตประจำวัน ศึกษาเกี่ยวกับแรงและการเคลื่อนที่ แรง
แรงดนั ในของเหลว แรงพยงุ แรงเสียดทาน โมเมนตข์ องแรง แรงในธรรมชาติ การเคลือ่ นที่ ระยะทางและ การ
กระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว ศึกษาเกี่ยวกับงานและพลังงาน งาน กำลัง เคร่ืองกลอย่างง่าย พลังงาน ประเภท
ของพลังงานกล กฎการอนุรักษ์พลังงาน ศึกษาเกี่ยวกับโลกและการเปลี่ยนแปลง เชื้อเพลิง ซากดึกดำบรรพ์
ถ่านหิน หินน้ำมัน ปิโตรเลียม พลังงานทดแทน โครงสร้างของโลก การเปลี่ยนแปลงของโลก ทรัพยากรดิน
กระบวนการเกิดดิน หนา้ ตดั ขา้ งของดิน ปจั จัยในการเกิดดนิ สมบตั ิของดิน การปรบั ปรงุ คุณภาพของดิน แหล่ง
น้ำ นำ้ บนดนิ น้ำใต้ดิน การใชป้ ระโยชน์จากแหลง่ นำ้ ภัยพบิ ัตทิ ี่เกดิ จากนำ้

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์
จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ ม

ตัวชีว้ ัด
ว 1.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10

ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13ม.2/14ม.2/15ม.2/16ม.2/17
ว 2.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6
ว 2.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10

ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13ม.2/14ม.2/15
ว 2.3 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6
ว 3.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10

รวม 54 ตัวชวี้ ัด

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 1

โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ ม.2

ลำดับ ชือ่ หนว่ ย มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา
ที่ การเรียนรู้ เรยี นรู้/ตัวช้วี ดั (ชม.)

1. ระบบ ว 1.2 ระบบหายใจมีอวยั วะทีเ่ ป็นทางเดินของอากาศ 28
ร่างกาย ม.2/1 ไดแ้ ก่ จมูก ท่อลม และปอด และมีอวัยวะท่ีเกี่ยวขอ้ ง
มนุษย์ ม.2/2 ไดแ้ ก่ กะบังลม และกระดูกซโ่ี ครง โดยอากาศ
ม.2/3 เคล่ือนท่เี ขา้ และออกจากปอดเปน็ ผลจากการ
ม.2/4 เปลี่ยนแปลงปริมาตรและ ความดันภายในช่องอก ซึ่ง
ม.2/5 เกีย่ วขอ้ งกบั การทำงานของ กะบังลมและกระดกู
ม.2/6 ซโี่ ครง เม่อื มนุษยห์ ายใจนำอากาศเข้าสู่ร่างกาย
ม.2/7 อากาศเดินทางผ่านจมูก ท่อลม และเข้าสู่ปอด ซงึ่ เปน็
ม.2/8 บรเิ วณท่เี กดิ การแลกเปล่ียนแก๊สออกซเิ จนกบั แก๊ส
ม.2/9 คาร์บอนไดออกไซด์ โดยแก๊สออกซเิ จนแพรจ่ ากถุงลม
ม.2/10 เขา้ สู่หลอดเลอื ดฝอย ส่วนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ม.2/11 แพร่จากหลอดเลอื ดฝอยเข้าสู่ถุงลมเพื่อกำจัดออกจาก
ม.2/12 ร่างกายผ่านการหายใจออก แก๊สออกซเิ จนที่แพรเ่ ข้าสู่
ม.2/13 หลอดเลอื ดฝอยจะลำเลยี งไปยงั เน้ือเย่ือต่าง ๆ ของ
ม.2/14 รา่ งกาย และเกิดการแลกเปลี่ยนแกส๊ ขึ้น โดยแก๊ส
ม.2/15 ออกซิเจนจากหลอดเลือดฝอยแพรเ่ ขา้ สู่เน้ือเย่ือ ส่วน
ม.2/16 แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์แพร่จากเน้อื เย่ือเขา้ สูห่ ลอด
ม.2/17 เลือดฝอยเพอ่ื ลำเลยี งไปยังปอดและกำจัดออกจาก
รา่ งกาย การสูบบหุ ร่ี การสดู อากาศที่มีสารปนเป้ือน
อาจเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดนิ หายใจ เช่น โรค
ถุงลมโปง่ พอง ดงั นั้น จึงควรดูแลรกั ษาอวัยวะในระบบ
หายใจให้ทำงานอยา่ งปกติ

ระบบขับถา่ ยมีอวัยวะท่เี กี่ยวข้อง ไดแ้ ก่ ไต ท่อไต
กระเพาะปัสสาวะ และท่อปสั สาวะ ภายในไตมีหน่วย
ไต ทำหน้าท่กี ำจัดของเสียต่าง ๆ ออกจากเลือด และ
ดดู กลับสารทีม่ ีประโยชนเ์ ข้าสเู่ ลอื ด ของเหลวต่าง ๆ ท่ี
ผา่ นการทำงานของหนว่ ยไตจะผา่ นไปยังทอ่ ไตและไป
เกบ็ ในกระเพาะปัสสาวะเพ่ือกำจัดออกจากร่างกาย
ผา่ น ท่อปัสสาวะ การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มี
รสจัด การด่มื น้ำอยา่ งเพยี งพอเปน็ แนวทางในการ
ดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบขับถ่ายให้ทำงานอย่างปกติ

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 2

ลำดับ ชื่อหนว่ ย มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา
ท่ี การเรยี นรู้ เรียนรู้/ตัวชี้วดั (ชม.)

ระบบหมนุ เวียนเลือดประกอบด้วยหัวใจแบ่ง
ออกเปน็ 4 หอ้ ง ไดแ้ ก่ ห้องบน 2 หอ้ ง และห้องลา่ ง
2 หอ้ ง โดยมี ลนิ้ ก้ันระหว่างหอ้ งบนและห้องลา่ ง
หวั ใจทำหน้าท่ีสูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะตา่ ง ๆ หลอด
เลือด แบง่ ออกเป็น หลอดเลือดแดงทำหนา้ ท่ีลำเลียง
เลอื ดที่มีแกส๊ ออกซเิ จนสูงไปยังเซลล์ หลอดเลือดดำทำ
หน้าท่ีลำเลยี งเลอื ดที่มแี กส๊ คารบ์ อนไดออกไซดส์ งู จาก
เซลลม์ ายังปอดเพ่ือกำจัดออกจากรา่ งกาย และเลอื ด
ประกอบดว้ ยเซลล์เมด็ เลอื ดแดง ทำหน้าทลี่ ำเลยี ง
แก๊สออกซเิ จนไปหลอ่ เลย้ี งเซลล์ เซลล์เม็ดเลอื ดขาว
ทำหน้าท่กี ำจัดเชอื้ โรคและสิ่งแปลกปลอม และเกล็ด
เลอื ดทำหนา้ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ระบบ
หมนุ เวียนเลอื ดมกี ารหมนุ เวยี นอย่างเป็นระบบ โดย
เลอื ดท่มี ีแกส๊ ออกซเิ จนตำ่ แต่แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
สงู เข้าสหู่ ัวใจห้องบนขวาผา่ นลงสู่หัวใจหอ้ งล่างขวา
แล้วลำเลียงไปยังปอดเพื่อแลกเปลย่ี นแกส๊ กลายเปน็
เลอื ดทมี่ ีแก๊สออกซเิ จนสงู แต่แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ต่ำ กลับเข้าสู่หวั ใจห้องบนซา้ ยผ่านลงสู่หัวใจหอ้ งล่าง
ซา้ ยเพื่อนำเลือดทีม่ ีแกส๊ ออกซิเจนสงู ไปยงั เซลลต์ ่าง ๆ
การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหาร และ
การรกั ษาสภาวะทางอารมณ์จะชว่ ยให้ระบบหมุนเวียน
เลอื ดทำงานปกติ

ระบบประสาทส่วนกลางประกอบดว้ ยสมองทำ
หนา้ ที่ควบคมุ การทำงานของร่างกาย ไขสนั หลงั ทำ
หนา้ ทส่ี ง่ ผ่านกระแสประสาท และเสน้ ประสาททำ
หนา้ ท่รี ับส่งกระแสประสาท ซึ่งมีเซลล์ประสาทจำนวน
มาก การทำงานของระบบประสาทจะส่งกระแส
ประสาทจากอวัยวะรับความรู้สึกไปยงั ไขสันหลงั และ
ส่งตอ่ ไปยังสมอง ซึง่ สมองจะสง่ กระแสประสาทผา่ นไข
สันหลังไปยงั หน่วยปฏบิ ตั ิการต่าง ๆ โดยระบบ
ประสาทจะเก่ียวข้องกบั การทำงานของทกุ ระบบจึง
ควรปอ้ งกันการกระทบกระเทือนของสมองและไขสนั
หลัง หลีกเลย่ี งการใชส้ ารเสพติด และภาวะเครียด เพือ่
ดูแลรักษาระบบประสาทให้ทำงานอย่างเป็นปกติ

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 3

ลำดบั ชอื่ หนว่ ย มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา
ที่ การเรียนรู้ เรียนรู/้ ตวั ชว้ี ดั (ชม.)

2. การแยก ระบบสบื พันธุแ์ บ่งออกเปน็ ระบบสบื พันธุ์เพศชาย 17
สารผสม ซง่ึ มีการสร้างเซลล์อสุจจิ ากอัณฑะทำหน้าทเี่ ป็นเซลล์
สบื พนั ธ์ุเพศชาย ถูกควบคุมโดยฮอรโ์ มนเทสโทสเทอ
โรน และระบบสบื พันธุเ์ พศหญิงซง่ึ มีการสรา้ งเซลล์ไข่
จากรังไข่ ทำหนา้ ทเ่ี ป็นเซลลส์ บื พนั ธ์ุเพศหญงิ ถกู
ควบคมุ โดยฮอรโ์ มนโพรเจส-เทอโรนและอีสโทรเจน ซ่ึง
จะมีการตกไข่ เดือนละ 1 เซลล์ และหากไม่ได้รับการ
ปฏิสนธิจากเซลล์อสจุ จิ ะกลายเป็นประจำเดือน แต่หาก
เซลล์ไข่ได้รบั การปฏสิ นธิจากอสจุ ิจะแบ่งเซลล์เป็นไซโกต
เอ็มบริโอ และเจริญเป็นทารกในครรภ์ ซ่ึงทารกอยู่ใน
ครรภ์ประมาณ 9 เดือน อยา่ งไรก็ตาม มีวิธกี ารคุมกำเนิด
หากไม่พร้อมสำหรับการมีบุตร เช่น การคุมกำเนิดโดยวิธี
ทางธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์ การใช้สารเคมี การทำหมัน

ว 2.1 การระเหยแห้งใช้แยกสารละลายที่ประกอบด้วย
ม.2/1 ตวั ละลายทเี่ ป็นของแข็งในตัวทำละลายทีเ่ ปน็ ของเหลว
ม.2/2 โดยใช้ความร้อน ซง่ึ ตวั ทำละลายจะระเหยกลายเป็นไอ
ม.2/3 จึงเหลือเฉพาะตัวละลายที่เป็นของแข็ง เช่น การผลิต

เกลือสมทุ ร
การตกผลึกใช้แยกสารละลายที่ประกอบด้วยตัว

ละลายที่เป็นของแข็งในตัวทำละลายที่เป็นของเหลว
โดยทำให้เป็นสารละลายอิ่มตัว แล้วจึงปล่อยให้ตัวทำ
ละลายระเหยออกไปบางส่วน ตวั ละลายจะตกผลึกแยก
ออกมา เชน่ การผลิตนำ้ ตาลทราย

การกลั่นใช้แยกสารละลายที่ประกอบด้วยตัว
ละลายและตัวทำละลายที่เป็นของเหลว แบ่งออกเป็น
3 ประเภท ได้แก่ การกลั่นแบบธรรมดาใช้แยก
สารละลายทีป่ ระกอบด้วยตวั ทำละลายท่ีเป็นสารระเหย
ง่าย และมีจุดเดือดต่ำออกจากตัวละลายที่เป็นสาร
ระเหยยากและมีจุดเดือดสูง ซึ่งจุดเดือดควรต่างกัน
ตัง้ แต่ 30 องศาเซลเซยี สข้ึนไป เชน่ การกล่ันแยกเกลือ
ออกจากน้ำทะเล การกลั่นแบบไอน้ำใช้แยกสารที่มี
จุดเดือดตำ่ ระเหยงา่ ย และไมล่ ะลายน้ำ ออกจากสารท่ี
ระเหยยาก โดยความดันไอน้ำทำให้สารเดือดกลายเป็น
ไอและถูกกลั่นออกมาพร้อมกับไอน้ำ ซึ่งสารที่ถูกกลั่น
ออกมาจะแยกชั้นกบั น้ำ เชน่ การกลนั่ นำ้ มนั หอมระเหย

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 4

ลำดับ ชือ่ หนว่ ย มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา
ท่ี การเรยี นรู้ เรยี นรู/้ ตัวชว้ี ัด (ชม.)

และการกลั่น ลำดับส่วนใช้แยกสารละลายที่มี
ส่วนประกอบเป็นสารที่มี จุดเดือดใกล้เคียงกันหรือ
แยกสารละลายท่มี ีตวั ทำละลายและตัวละลายเป็นสารที่
ระเหยงา่ ย เชน่ การกลนั่ น้ำมนั ดบิ

โครมาโทกราฟีแบบกระดาษใช้แยกสารละลายท่ี
ประกอบด้วยสารมากกว่า 1 ชนิด ออกจากกัน โดย
อาศัยความสามารถในการละลายของสารในตัวทำ
ละลาย และการถกู ดดู ซับบนตัวดดู ซบั ทแ่ี ตกต่างกนั ทำ
ให้สารแต่ละชนิดถูกแยกออกจากกัน ซึ่งระยะทางที่
สารแต่ละชนิดเคลื่อนที่บนตัวดูดซับสามารถนำมาหา
อัตราการเคล่ือนทขี่ องสาร (Rf) ได้จากสูตร

Rf = ระยะทำงที่สำรเคล่ือนที่
ระยะทำงท่ีตวั ทำละลำยเคลื่อนที่

การสกัดด้วยตัวทำละลายใช้แยกสารออกจากสาร

ผสมโดยอาศัยสมบัติการละลายในตัวทำละลายของ

สาร ตัวทำละลายที่เหมาะต้องละลายสารที่ต้องการจะ

แยก ไม่ละลายสารที่ไม่ต้องการ ไม่ทำปฏิกิริยากับสาร

ที่ต้องการจะแยก มีจุดเดือดต่ำ ระเหยง่ายแยกออก

จากสารละลายไดง้ า่ ย เชน่ การสกดั นำ้ มนั จากเมลด็ พชื

ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการแยกสาร

สามารถนำไปบูรณาการกับคณิตสาสตร์ เทคโนโลยี

โดยใช้กระบวนการทางวิศวกรรม เพื่อนำไปแก้ปัญหา

ในชีวติ ประจำวันตอ่ ไป

3. สารละลาย ว 2.1 สารละลาย หมายถึง สารเนือ้ เดียวที่ประกอบดว้ ย 15

ม.2/4 ธาตุ หรือสารประกอบตั้งแต่ 2 ชนิด ขึ้นไปรวมตัวกัน

ม.2/5 โดยธาตุหรือสารประกอบชนิดหนึ่งเป็นตัวทำละลาย

ม.2/6 ส่วนธาตุหรือสารประกอบอีกชนิดหนึ่งหรือมากกว่า

เป็นตัวละลาย ซึ่งมีหลักการพิจารณาตัวละลายและตัว

ทำละลายในสารละลาย ดังนี้

- หากสารอยู่ในสถานะเดียวกั สารที่มีปริมาณ

มากกว่าเป็นตัวทำละลาย สารที่มีปริมานน้อย

กวา่ เปน็ ตัวละลาย

- หากสารอยใู่ นสถานะตา่ งกัน เมอ่ื ผสมกันแล้ว มี

สถานะเหมือนกับสารชนิดใด จะถือว่าสารน้ัน

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 5

ลำดับ ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา
ที่ การเรียนรู้ เรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั (ชม.)

เป็น ตัวทำละลาย ส่วนสารอีกชนิดหนึ่งเป็นตัว
ละลาย สภาพละลายได้ของสาร หมายถึง
ความสามารถในการละลายได้ของตัวละลายใน
ตัวทำละลายจนเป็นสารละลายอิ่มตัว ณ
อุณหภูมิหนึ่ง ๆ การละลายของตัวละลายขึ้นอยู่
กับปจั จยั ตา่ ง ๆ ได้แก่
- อุณหภูมิ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นตัวละลายที่เป็น
ของแข็งและของเหลวละลายได้มากขึ้น แต่ตัว
ละลายทเ่ี ปน็ แกส๊ จะละลายได้นอ้ ยลง
- ชนิดของตัวทำละลาย ตวั ทำละลาย
แต่ละชนิด สามารถละลายตวั ละลาย
แตล่ ะชนดิ ได้แตกตา่ งกัน
- ขนาดของตัวละลาย ตัวละลายที่มีขนาดเล็ก
ละลายไดเ้ รว็ กว่าตวั ละลายทมี่ ีขนาดใหญ่เพราะ
มพี ้นื ท่ีผิวสมั ผสั มากกว่า
- ความดันมีผลต่อตัวละลายที่เป็นแก๊ส ซึ่งหาก
ความดนั สงู ข้นึ จะทำใหแ้ ก๊สละลายได้ดีขึ้น
- การคน การเขยา่ หรอื การปั่นเหวยี่ ง ซ่ึงจะทำให้
อนุภาคเคลือ่ นท่ีเรว็ จงึ เกดิ การละลายไดเ้ ร็ว
ความเข้มข้นของสารละลายเปน็ คา่ ที่แสดงปริมาณ
ของตัวละลายที่ละลายอยู่ในตัวทำละลายหรือใน
สารละลาย ดงั น้ี
- ร้อยละโดยมวล เป็นหน่วยที่บอกถึงปริมาณ
ตัวละลายเป็นกรัมที่ละลายในสารละลาย 100
กรัม นิยมใช้กับสารละลายที่เป็นของแข็ง มีสูตร
ดงั น้ี

รอ้ ยละโดยมวล = มวลของตวั ละลำย  100
มวลของสำรละลำย

- รอ้ ยละโดยปรมิ าตร เป็นหนว่ ยทีบ่ อกถงึ ปริมาตร
ของตัวละลายเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร ที่ละลาย
ในสารละลาย 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร นยิ มใช้
กับสารละลายที่เป็นของเหลวหรือแก๊ส มีสูตร
ดังน้ี

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 6

ลำดับ ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา
ที่ การเรียนรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั (ชม.)

รอ้ ยละโดยปรมิ ำตร = ปริมำตรของตวั ละลำย  100
ปริมำตรของสำรละลำย

- ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร เป็นหน่วยที่บอกถึง
ปริมาณของตัวละลายเป็นกรัมที่ละลายใน
สารละลาย 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร นิยมใช้
กับตัวละลายที่เป็นของแข็งในตัวทำละลายที่
เป็นของเหลว มสี ตู ร ดงั น้ี

รอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปรมิ ำตร

= มวลของตัวละลำย  100
ปริมำตรของสำรละลำย

4. แรงและ ว 2.2 สารละลายถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งใช้ท่ี 20
การ ม.2/1 ความเข้มข้นแตกต่างกัน เช่น น้ำส้มสายชูมีความ
ม.2/2 เข้มข้นของกรดแอซีติกร้อยละ 4-18 โดยปริมาตร
เคลอ่ื นที่ ม.2/3 แอลกอฮอล์ล้างแผลมีความเข้มข้นของ
ม.2/4 เอทิลแอลกอฮอล์ร้อยละ 70 โดยปริมาตร น้ำเกลือมี
ม.2/5 ความเข้มข้นของโซเดียมคลอไรด์ ร้อยละ 0.9 หรือ
ม.2/6 ร้อยละ 15 โดยมวลต่อปริมาตร น้ำยาล้างเล็บมีความ
ม.2/7 เข้มข้นของแอซีโตนร้อยละ 80 โดยปริมาตร ส่วนสาร
ม.2/8 ทำความสะอาดและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชถูกนำมาทำ
ม.2/9 ใหเ้ จอื จางก่อนนำไปใช้
ม.2/10
ม.2/11 แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่มีขนาดและทิศทาง มี
ม.2/12 หน่วยเป็นนิวตัน เมื่อมีแรงหลายแรงกระทำต่อวัตถุ
ม.2/13 แล้วแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่
เคลื่อนที่ แต่หากแรงหลายแรงกระทำต่อวัตถุ แรงดัน
ในของเหลวเป็นแรงที่ของเหลวกระทำตั้งฉากกับผิว
ของวัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เรียกว่า ความดันของ
ของเหลว ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความลึกจากระดับ
ผิวหน้าของของเหลว โดยบริเวณทล่ี ึกลงไปจากผิวหน้า
ของของเหลวมากขึน้ จะทำให้ความดันของเหลวเพิ่มข้ึน
เนื่องจากของเหลวที่อยู่ลึกกว่าจะมีน้ำหนักของ
ของเหลวด้านบนกระทำมากกว่า และเมื่อวัตถุอยู่ใน
ข อ ง เ ห ล ว จ ะ มี
แรงพยุง ซึ่งเป็นแรงที่ของเหลวกระทำต่อวัตถุที่อยู่ใน
ของเหลว มีทิศขึ้นในแนวดิ่ง โดยขนาดของแรงพยุงมี

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 7

ลำดบั ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา
ท่ี การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด (ชม.)

ม.2/14 ค่าเท่ากับขนาดของน้ำหนักของของเหลวที่ถูกวัตถุ
ม.2/15 แทนที่ หากน้ำหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลว
มีค่าเท่ากัน วัตถุจะลอยนิ่งอยู่ในของเหลว แต่หากวัตถุ
มีนำ้ หนักมากกว่าแรงพยุงของของเหลววตั ถุจะจม

แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างที่ผิวสัมผัส
ของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น มีทิศ
ทางตรงข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทาน มี
2 ประเภท ได้แก่ แรงเสียดทานสถิตเกิดขึ้นในขณะที่
วัตถุยังไม่เคลื่อนที่ และแรงเสียดทานจลน์เกิดขึ้นใน
ขณะที่วัตถุกำลังเคลื่อนที่ ความรู้เรื่องแรงเสียดทาน
สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การ
ลากวตั ถุบนพ้นื การใช้น้ำมันหลอ่ ลนื่ ในเครอ่ื งยนต์

โมเมนตข์ องแรงเปน็ แรงทกี่ ระทำตอ่ วัตถุโดไม่ผ่าน
ศูนย์กลางมวลของวัตถุ ซงึ่ ทำใหว้ ตั ถุหมุนรอบ
ศนู ยก์ ลางมวลของวัตถุ โดยโมเมนต์ของแรงในทิศทวน
เขม็ นาฬิกาจะมคี ่าเทา่ กบั โมเมนตข์ องแรงในทิศตาม
เข็มนาฬิกา

มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา
ลำดับ ชื่อหนว่ ยการ การ (ชม.)

ที่ เรยี นรู้ เรยี นร/ู้
ตวั ชว้ี ัด

ในธรรมชาติจะมีแรง 3 แรง ไดแ้ ก่ แรงจากสนาม
โน้ม-ถ่วง เป็นแรงที่กระทำต่อวัตถุในทิศทางพุ่งเข้าหา
วัตถุที่เป็นแหล่งของสนามโน้มถว่ งส่งผลให้วัตถตุ กจาก
ที่สงู ลงมาสทู่ ต่ี ่ำแรงจาสนามแม่เหล็ก เปน็ แรงท่ีเกิดกับ
วัตถุที่มีประจุไฟฟ้า ซึ่งประจุไฟฟ้าจะมีทิศพุ่งเข้าหา
หรือออกจากวัตถุที่มีประจุเป็นแหล่งของสนามไฟฟ้า
และแรงจากสนามแม่เหล็ก เป็นแรงที่เกิดจากวัตถุท่ี
เป็นแม่เหล็กโดยแรงแม่เหล็กที่กระทำต่อขั้วแม่เหล็ก
จะมีทิศพุ่งเข้าหาหรือออกจากขั้วแม่เหล็กที่เป็นแหล่ง
ของสนามแม่เหล็ก

การเคลือ่ นท่ีของวตั ถุเปน็ การเปลี่ยนตำแหน่งของ
วัตถุเทียบกับตำแหน่งอ้างอิง โดยมีปริมาณที่เกี่ยวข้อง

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 8

มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา
ลำดับ ชอ่ื หน่วยการ การ (ชม.)

ที่ เรียนรู้ เรียนรู้/ 11
ตวั ช้ีวดั

กับการเคลื่อนที่ มีทั้งปริมาณสเกลาร์ ซึ่งเป็นปริมาณที่

มขี นาด เชน่ ระยะทาง อตั ราเรว็ การกระจดั ความเร็ว

และปริมาณเวกเตอร์ ซึ่งเป็นปริมาณที่มีทั้งขนาดและ

ทศิ ทาง เชน่ การกระจดั ความเร็ว

5. งานและพลงั งาน ว 2.3 งานเปน็ การออกแรงกระทำกระทำต่อวัตถุแลว้ ทำ

ม.2/1 ให้วตั ถเุ กิดการเคล่ือนที่ไปในแนวเดียวกบั ทิศทาง หรือ

ม.2/2 มีการกระจัดตามแนวแรงนนั้ งานจะมีค่ามากหรือน้อย

ม.2/3 ขึน้ อยูก่ ับขนาดของแรง และขนาดของการกระจัดใน

ม.2/4 แนวเดยี วกบั แรง และกำลัง เปน็ ปริมาณที่ใช้บอก

ม.2/5 ความสามารถในการทำงานได้ตอ่ หน่งึ หนว่ ยเวลา

ม.2/6 หลักการของงานถกู นำมาอธิบายการทำงานของ

เคร่อื งกลซ่งึ เป็นอปุ กรณ์ทชี่ ่วยให้การทำงานเป็นไป

อยา่ งสะดวกขึ้น โดยมีแรงพยายาม หรอื แรงท่ใี หก้ ับ

เครอ่ื งกล และแรงต้านทาน หรอื แรงทว่ี ัตถุกระทำต่อ

เคร่อื งกลเข้ามาเกย่ี วข้อง โดยเคร่อื งกลอยา่ งงา่ ยมี 6

ประเภท ได้แก่ คาน รอก พน้ื เอียง สกรู ลิม่ ล้อและ

เพลา

พลงั งาน แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่

พลงั งานจลนเ์ ปน็ พลังงานทส่ี ะสมอยู่ในวัตถุทเี่ คลอื่ นที่

ซ่ึงมีมวลและอตั ราเร็วเป็นปจั จยั ทีม่ ีผลตอ่ พลงั งานจลน์

ถา้ อตั ราเร็วของวัตถุทงั้ สองเท่ากัน วตั ถทุ ม่ี ีมวล

มากกว่าจะมีพลงั งานจลน์มากกว่า และถ้ามวลของ

วตั ถุทง้ั สองเท่ากนั วัตถุท่เี คล่ือนทดี่ ้วยอัตราเรว็ ที่

มากกวา่ จะมีพลงั งานจลน์มากกว่า และพลงั งานศักย์

โน้มถว่ งเป็นพลงั งานที่สะสมอยูใ่ นวตั ถทุ ่อี ยสู่ ูงจาก

พน้ื ผิวโลก ซึ่งมีมวลและอัตราเร็วเปน็ ปจั จัยท่ีมผี ลตอ่

พลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ ง ถา้ วตั ถุท้งั สองอยู่ในระดับความ

สงู ทีเ่ ท่ากนั วตั ถุท่ีมมี วลมากกว่าจะมพี ลังงานศักยโ์ นม้

ถว่ งมากกว่า และถ้ามวลของวตั ถทุ งั้ สองเทา่ กนั วตั ถุที่

อยู่ในระดบั ความสูงทีม่ ากกว่าจะมีพลังงานศักยโ์ น้ม

ถ่วงท่มี ากกวา่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 9

มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา
ลำดบั ชอื่ หนว่ ยการ การ (ชม.)

ที่ เรียนรู้ เรียนรู/้ 29
ตัวชว้ี ัด

พลังงานเปน็ สงิ่ ท่ีไม่สามารถสรา้ งข้ึนใหม่ และ

ไม่สามารถทำใหส้ ูญหาย หรือทำลายได้ แตจ่ ะเกิดการ

เปลย่ี นรปู พลงั งานจากรปู หน่ึงไปเป็นอีกรปู หนึ่ง ได้แก่

- พลังงานศักย์โนม้ ถ่วงเปลย่ี นเป็นพลงั งานจลน์

เช่น การกกั เก็บนำ้ ไว้ในทีส่ ูง

- พลังงานจลนเ์ ปลยี่ นเป็นพลังงานความร้อน เช่น

การทำงานของเคร่ืองจกั รในอุตสาหกรรม

- พลงั งานจลนเ์ ปลีย่ นเป็นพลังงานไฟฟ้า เช่น

การผลิตกระแสไฟฟา้ จากพลงั งานน้ำ

- พลงั งานแสงเปลยี่ นเป็นพลังงานเคมี เชน่

การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช

- พลงั งานเคมเี ปลยี่ นเปน็ พลังงานความรอ้ นและ

แสง เชน่ การเผาซากเชอ้ื เพลิงดึกดำบรรพ์

- พลงั งานเคมเี ปล่ียนเปน็ พลงั งานทีใ่ ช้ทำกจิ กรรม

เช่น การเผาผลาญอาหารในร่างกายมนุษย์และสัตว์

6. โลกและ ว 3.2 หินน้ำมัน เป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติซึ่งเกิดจากการ

การเปลย่ี นแปลง ม.2/1 ทับถมของซากพืชและซากสัตว์ภายใต้แหล่งน้ำเป็น

ม.2/2 เวลานาน มีสมบัติจุดติดไฟได้ และปิโตรเลียม เป็น

ม.2/3 เชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งเป็น

ม.2/4 สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมี 2 ประเภท คือ

ม.2/5 น้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งก่อนนำไปใช้ประโยชน์

ม.2/6 จำเป็นต้องผ่านกระบวนกลั่น เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่

ม.2/7 เหมาะสมตอ่ การใช้ประโยชน์ การเผาไหม้เช้ือเพลงิ ซาก

ม.2/8 ดึกดำบรรพ์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์จะทำให้เกิด

ม.2/9 มลพิษทางอากาศ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ไน

ม.2/10 ตรัสออกไซด์ ก่อให้เกิดฝนกรด ภาวะโลกร้อน และ

สง่ ผลใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศของโลก

ผลกระทบที่เกิดจาการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำ

บรรพ์ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ไนตรัสออกไซด์

ก่อให้เกิดฝนกรด ภาวะโลกร้อน และส่งผลให้เกิดการ

เปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศของโลก

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 10

ลำดับ ช่อื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา
ที่ เรียนรู้ เรียนรู้/ (ชม.)
ตัวช้ีวัด

แ ส ง อ า ท ิ ต ย ์ ถ ู ก ใ ช ้ เ พ ื ่ อ ผ ล ิ ต ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ้ า
พลังงานลมเป็นพลังงานธรรมชาติซึ่งเกิดจากความ
แตกต่างของอุณหภูมิ และความกดดันของ
บรรยากาศ ถูกใช้เพอ่ื ผลิตกระแสไฟฟา้ พลังงานน้ำ
เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่อาศัยการเคลื่อนที่ของ
น้ำไปขับเคลื่อนเครื่องจักร พลังงานชีวมวลเป็น
พลังงานที่ได้มาจากการเผาไหม้สารอินทรีย์
พลังงานคลื่นเป็นพลังงานของคลื่นผิวมหาสมุทรซ่ึง
เป็นแหล่งพลังงานศักย์ขนาดใหญ่ สามารถนำมา
ผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานความร้อนใต้พิภพเกิด
จากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดแนว
รอยเลื่อน น้ำที่อยู่บนดินจะไหลผ่านตามแนวรอย
แยก ภายใต้ความร้อนและความดันสูงส่งผลให้ไอ
น ้ ำ แ ท ร ก ข ึ ้ น ม า บ น ผ ิ ว ด ิ น ส า ม า ร ถ น ำ ม า ผ ลิ ต
กระแสไฟฟ้าได้ และพลังงานไฮโดรเจนถูกใช้เป็น
เชื้อเพลิงในการเผาไหม้และให้ความร้อนเพื่อใช้ใน
การผลิตกระแสไฟฟ้าและขบั เคลอ่ื นรถยนต์ได้

โครงสร้างแบ่งตามองคป์ ระกอบทางเคมีได้
3 ชั้น ได้แก่ เปลือกโลก ประกอบด้วย ธาตุซิลิกอน
และอะลมู ิเนยี ม เนอื้ โลก ประกอบดว้ ย ธาตุซิลกิ อน
แมกนีเซียม และเหล็ก และแก่นโลก ประกอบด้วย
ธาตเุ หลก็ และนกิ เกิล
การเปลี่ยนแปลงของโลก ได้แก่ การผุพังอยู่กับที่
การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอน ซึ่งเป็น
กระบวนการเปลยี่ นแปลงทางธรณีวทิ ยาที่ทำให้โลก
เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นภูมลิ ักษณแ์ บบต่าง ๆ เชน่
น้ำ ลม ธารน้ำแข็ง แรงโน้ม-ถ่วงของโลก สิ่งมีชีวิต
สภาพอากาศ และปฏิกิริยาเคมี ดินเกิดจากหินที่ผุ
ผังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้ากับอินทรียวัตถุจาก
การเน่าเปื่อยของซากพืช ซากสัตว์ทับถมเป็นชั้น ๆ
บนผิวโลก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงและสลายตัวของ
สสารต้นกำเนิดดินมีลำดับขั้นตอน คือ การผุพัง
การสลายตัว และการสร้างดิน ปัจจัยท่ีทำให้ดินแต่
ละท้องถิ่นมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน ได้แก่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 11

ลำดับ ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา
ที่ เรยี นรู้ เรียนรู้/ (ชม.)
ตัวชีว้ ดั

วัตถุต้นกำเนิด ภูมิอากาศ สิ่งมีชีวติ ในดิน สภาพภูมิ
ประเทศ และระยะเวลาในการเกิดดิน

สมบัติของดินมีหลายประการ เช่น เนื้อดิน
ความเป็นกรดและเบสของดิน ธาตุอาหารภายใน
ดิน ความชื้นของดิน ซึ่งสมบัติเหล่านี้สามารถนำไป
พิจารณาร่วมกับการเลือกใช้ประโยชน์จากดินให้มี
ความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกหรือการนำไปใช้
ประโยชน์อน่ื ๆ

ชั้นหน้าตัดดิน แบ่งออกเป็น 6 ชั้น โดย
เรียกชื่อชั้นดินหลักแต่ละชั้นด้วยการใช้ตัวอักษร
ภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ ได้แก่ O A E B C และ R
แต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกัน และการปรับปรุง
คุณภาพของดิน เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่วเพ่ือ
แก้ปัญหาดินจืด การเติมปูนขาวเพื่อแก้ปัญหาดิน
เปรย้ี ว การเตมิ ผงกำมะถัน เพอื่ แกป้ ญั หาดนิ ดา่ ง

แหล่งน้ำแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ น้ำ
บนดินเกิดจากน้ำในบรรยากาศกลั่นตัวเป็นน้ำฝน
ตกลงมาไหลจากท่ีสงู ลงสู่ท่ีต่ำ ซ่ึงการไหลของน้ำทำ
ให้เกิดการกัดเซาะเป็นร่องน้ำ เช่น ลำธาร คลอง
แม่น้ำ และน้ำใตด้ ินเกิดจากน้ำบนดนิ ซึมลงไปสะสม
ตัวอยู่ใต้พื้นโลก แบ่งออกเป็นน้ำในดิน และ
น้ำบาดาล ซึ่งแหล่งน้ำถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ
เช่น ใช้สำหรับการบริโภคและอุปโภค ใช้เพาะปลูก
พืช เลี้ยงสัตว์ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลา
และสัตว์นำ้ อื่น ๆ ใช้ในด้านอุตสาหกรรมตา่ ง ๆ

นำ้ มคี วามสำคญั ตอ่ การดำรงชีวิตของมนุษย์ไม่
ว่าจะเป็นการใช้น้ำเพื่อประกอบอาหาร ใช้สำหรับ
อุปโภคและบริโภค ใช้เพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และ
เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ ใช้
ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใช้ในกระบวนการผลิต
ล้างของเสีย หลอ่ เครื่องจกั ร นอกจากนี้ใช้เปน็ แหล่ง
ผลติ พลงั งานไฟฟา้ และใช้เปน็ เส้นทางคมนาคม

ภัยพิบัติทีเ่ กดิ จากนำ้ ผวิ ดิน ได้แก่ นำ้ ท่วม การ
กัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุบยุบ และแผ่นดินทรุด

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 12

ลำดับ ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา
ที่ เรยี นรู้ เรยี นร/ู้ (ชม.)
ตัวชี้วัด

ซึ่งมีกระบวนการเกิด และผลกระทบที่แตกต่างกัน
ซึ่งน้ำท่วมเกิดจากพื้นที่หนึ่งได้รับปริมาณน้ำ
มากกว่าจะกักเก็บได้ การกัดเซาะชายฝั่งเกิดจาก
ความแรงของน้ำกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่มเกิดจาก
การเคลื่อนที่ของมวลดินเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของ
โลก หลุบยุบเกิดจากการถล่มของโพรงถ้ำหินปูน
และแผน่ ดนิ ทรดุ เกิดจากการยุบตวั ของชน้ั ดิน

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102) ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 13

โครงสร้างแผนการจัดการ

หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธสี อน/วิธีการจัด
กจิ กรรมการเรียนรู้
4. แรงและการ แผนฯ ท่ี 1 การหาแรง
เคล่ือนที่ ลัพธ์ของวัตถุ วิธสี อนแบบสืบเสาะหา
ความรู้ (5Es
Instructional Model)

แผนฯ ที่ 2 แรงเสียด วิธีสอนแบบสบื เสาะหา
ทาน ความรู้ (5Es
Instructional Model)

รเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ม.2

ทักษะท่ีได้ การประเมนิ เวลา
(ชวั่ โมง)

- ทักษะการวัด - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน 4

- ทักษะการสังเกต - ตรวจแบบฝกึ หัด

- ทกั ษะการทดลอง - ตรวจใบงานที่ 4.1.1 เรอื่ ง แรง

- ทกั ษะการคำนวณ - ตรวจใบงานที่ 4.1.2 เร่อื ง แรง

- ทักษะการทำงานร่วมกนั ลพั ธ์

- ทกั ษะการพยากรณห์ รือ - ประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมการหา

การคาดคะเน ขนาด

- ทกั ษะการลงความเห็น และทศิ ทางของแรงลัพธ์

จาก - ประเมนิ การนำเสนอผลงาน

ขอ้ มลู - สังเกตพฤติกรรมการทำงาน

รายบุคคล

- สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ

- สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และ

มุ่งมนั่ ใน

การทำงาน

- ทกั ษะการวัด - ตรวจแบบฝึกหัด 4

- ทักษะการสงั เกต - ตรวจใบงานท่ี 4.2.1 เร่ือง แรง

- ทักษะการทดลอง เสียดทาน

- ทกั ษะการต้ังสมมติฐาน - ประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมการหา

- ทักษะการทำงานร่วมกัน ขนาด

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 14

หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วิธสี อน/วธิ ีการจดั
กิจกรรมการเรยี นรู้

แผนท่ี 3 แรงดนั ใน วธิ สี อนแบบสืบเสาะหา
ของเหลวและแรงพยุง ความรู้ (5Es
Instructional Model)

ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา
- ทักษะการควบคุมตัว (ชั่วโมง)
ของแรงเสยี ดทาน
แปร - ประเมินการปฏบิ ัติกิจกรรมปจั จัย 4
- ทักษะการคำนวณ
- ทักษะการตคี วามหมาย ท่มี ีผล
ขอ้ มลู และลงข้อสรปุ ต่อขนาดของแรงเสยี ดทาน
- ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
- ทกั ษะการสงั เกต - สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน
- ทักษะการทดลอง
- ทักษะการทำงานร่วมกนั รายบคุ คล
- ทกั ษะการคำนวณ - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
- ทกั ษะการลงความเหน็ - สังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ และ

จาก มุ่งมัน่ ใน
ข้อมลู การทำงาน
- ทกั ษะการตคี วามหมาย - ตรวจแบบฝึกหัด
ข้อมูลและลงข้อสรปุ - ประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมความ

ดนั ของ
ของเหลว
- ประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมแรงที่

กระทำ
ตอ่ วัตถุในของเหลว
- ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
- สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน

รายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 15

หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วธิ ีสอน/วิธกี ารจัด
กิจกรรมการเรยี นรู้

แผนฯ ท่ี 4 โมเมนต์ของ วิธีสอนแบบสืบเสาะหา
แรง ความรู้ (5Es
Instructional Model)

ทักษะที่ได้ การประเมนิ เวลา
(ชั่วโมง)
- สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และ
มงุ่ ม่ันใน

การทำงาน

- ทกั ษะการสงั เกต - ตรวจแบบฝึกหดั 2
- ทกั ษะการทดลอง - ประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมสมดลุ
- ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน
- ทักษะการคำนวณ ตอ่
- ทกั ษะการลงความเหน็ การหมุนและโมเมนตข์ องแรง
- ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
จาก - สังเกตพฤติกรรมการทำงาน
ขอ้ มูล
- ทักษะการตีความหมาย รายบุคคล
ขอ้ มูลและลงข้อสรุป - สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
- สังเกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และ

มุ่งมั่นใน
การทำงาน

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 16

หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธสี อน/วิธีการจดั
กจิ กรรมการเรยี นรู้
แผนฯ ท่ี 5 สนามของ
แรง วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา
ความรู้ (5Es
Instructional Model)

แผนฯ ที่ 6 การเคลอ่ื นท่ี วิธสี อนแบบสืบเสาะหา

ของวัตถุ ความรู้ (5Es

Instructional Model)

ทักษะท่ีได้ การประเมนิ เวลา
- ทักษะการระบุ (ชัว่ โมง)
- ทกั ษะการรวบรวมข้อมลู - ตรวจแบบฝึกหดั 2
- ทักษะการทำงานรว่ มกัน - ตรวจ Topic Question
- ทกั ษะการเชอ่ื มโยง - ตรวจใบงานท่ี 4.5.1 เรื่อง สนาม 4
- ทกั ษะการตคี วามหมาย
ข้อมลู และลงข้อสรุป ของแรง
- ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมสนาม
- ทกั ษะการสอ่ื สาร
- ทกั ษะการคำนวณ โนม้ ถ่วง
- ทักษะการทำงานรว่ มกนั สนามไฟฟา้ และสนามแม่เหล็ก
- ทกั ษะการนำความรู้ไป - ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
- สังเกตพฤติกรรมการทำงาน
ใช้
- ทกั ษะการลงความเห็น รายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
จาก - สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และ
ข้อมลู
มุ่งมัน่ ใน
การทำงาน
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
- ตรวจแบบฝกึ หัด
- ตรวจ Topic Question
- ตรวจ Unit Question
- ตรวจใบงานที่ 4.6.1 เร่อื ง

อัตราเร็วและ
ความเร็ว
- ประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรม Fun

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 17

หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ วธิ ีสอน/วิธีการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้

5. งานและพลงั งาน แผนฯ ที่ 1 งานและ วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา
กำลงั
ความรู้ (5Es
Instructional Model)

ทกั ษะท่ีได้ การประเมนิ เวลา
(ช่ัวโมง)

- ทกั ษะการตคี วามหมาย Science Activity เร่อื ง ร่มชูชีพ

ข้อมูลและลงข้อสรปุ พยงุ

ตุ๊กตา

- ประเมนิ การนำเสนอผลงาน

- ตรวจและประเมินแผนผงั มโนทัศน์

เร่อื ง แรงและการเคลื่อนที่

- สังเกตพฤติกรรมการทำงาน

รายบุคคล

- สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

- สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และ

มงุ่ ม่นั ใน

การทำงาน

- ทักษะการสังเกต - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน 2

- ทกั ษะการคำนวณ - ตรวจแบบฝกึ หัด

- ทักษะการทำงานร่วมกัน - ตรวจใบงานที่ 5.1.1 เร่ือง งาน
- ทกั ษะการนำความรู้ไป - ตรวจใบงานที่ 5.1.2 เรือ่ ง กำลัง
ใช้ - ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
- ทกั ษะการเช่อื มโยง - สังเกตพฤติกรรมการทำงาน

รายบคุ คล

- สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

- สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และ

มงุ่ มั่นใน

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 18

หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วธิ ีสอน/วิธกี ารจดั
กิจกรรมการเรียนรู้

แผนฯ ที่ 2 เคร่ืองกล วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา
อยา่ งงา่ ย ความรู้ (5Es

Instructional Model)

แผนฯ ท่ี 3 พลงั งาน วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา
ความรู้ (5Es
Instructional Model)

ทักษะท่ีได้ การประเมิน เวลา
(ชว่ั โมง)
- ทักษะการสังเกต การทำงาน 3
- ทกั ษะการระบุ - ตรวจแบบฝกึ หัด
- ทกั ษะการคำนวณ - ตรวจ Topic Question 3
- ทักษะการทำงานร่วมกัน - ตรวจใบงานที่ 5.2.1 เร่ือง
- ทกั ษะการนำความรไู้ ป
ใช้ เคร่ืองกล
อยา่ งง่าย
- ทกั ษะการสังเกต - ประเมินการนำเสนอผลงาน
- ทกั ษะการระบุ - สังเกตพฤติกรรมการทำงาน
- ทักษะการทดลอง รายบุคคล
- ทักษะการตัง้ สมมตฐิ าน - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
- ทักษะการทำงานรว่ มกนั - สังเกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และ
- ทกั ษะการนำความรู้ไป
ใช้ มงุ่ มน่ั ใน
การทำงาน
- ตรวจแบบฝึกหัด
- ประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมปจั จยั

ทม่ี ผี ล
ตอ่ พลังงานจลน์และพลังงานศกั ย์

โน้มถว่ ง
- ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
- สังเกตพฤติกรรมการทำงาน

รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 19

หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วิธสี อน/วธิ กี ารจัด
กิจกรรมการเรยี นรู้

แผนฯ ที่ 4 วิธีสอนแบบสืบเสาะหา

กฎการอนรุ ักษ์พลังงาน ความรู้ (5Es

Instructional Model)

ทกั ษะที่ได้ การประเมนิ เวลา
(ช่วั โมง)

- สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ และ

มงุ่ มั่นในการทำงาน

- ทกั ษะการสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน 3

- ทักษะการสื่อสาร - ตรวจแบบฝึกหดั

- ทักษะการทำงานรว่ มกัน - ตรวจ Topic Question

- ทักษะการเช่ือมโยง - ตรวจ Unit Question

- ทกั ษะการนำความร้ไู ป - ประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรม Fun

ใช้ Science Activity เรื่อง รถพลงั งาน

- ทักษะการรวบรวมข้อมูล ลม

- ประเมนิ การนำเสนอผลงาน

- ตรวจและประเมนิ ชน้ิ งาน/ผลงาน

ส่งิ ประดษิ ฐ์ดา้ นพลงั งาน

- สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน

รายบุคคล

- สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

- สังเกตความมวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และ

มุ่งมัน่ ใน

การทำงาน

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 20

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วธิ สี อน/วธิ กี ารจดั
กจิ กรรมการเรยี นรู้
6. โลกและ แผนฯ ท่ี 1 โครงสรา้ ง
การเปลยี่ นแปลง ของโลก วธิ สี อนแบบสืบเสาะหา
ความรู้ (5Es
Instructional Model)

แผนฯ ที่ 2 วิธีสอนแบบสืบเสาะหา
การเปลี่ยนแปลงของ ความรู้ (5Es
Instructional Model)
โลก

ทักษะที่ได้ การประเมนิ เวลา
(ชวั่ โมง)
- ทกั ษะการสังเกต - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2

- ทกั ษะการทดลอง - ตรวจแบบฝกึ หดั 5

- ทกั ษะการจำแนก - ประเมินช้นิ งานแบบจำลอง

ประเภท โครงสร้าง

- ทกั ษะการทำงาน ของโลก

ร่วมกนั - ประเมินการนำเสนอผลงาน

- ทักษะการนำความรไู้ ป - สงั เกตพฤติกรรมการทำงาน

ใช้ รายบคุ คล

- สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

- สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และ

มุ่งมั่นใน

การทำงาน

- ทกั ษะการวดั - ตรวจแบบฝึกหดั

- ทักษะการสงั เกต - ตรวจ Topic Question

- ทักษะการทดลอง - ประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมจำลอง

- ทักษะการ การ

ตง้ั สมมตฐิ าน ผพุ ังอยู่กับทข่ี องหนิ เนื่องจากน้ำเป็น

- ทกั ษะการทำงาน ปจั จัย

ร่วมกนั - ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมจำลอง

- ทกั ษะการนำความร้ไู ป การกร่อน การพัดพา และการสะสม

ใช้ ตวั ของตะกอน

- ประเมินการนำเสนอผลงา

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 21

หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธกี ารจัด
กิจกรรมการเรียนรู้
แผนฯ ที่ 3 -
กระบวนการเกดิ ดนิ วิธสี อนแบบสืบเสาะหา -
ความรู้ (5Es -
Instructional Model) เป
-

-

-
ไป
-

แผนฯ ที่ 4 วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา -
สมบัตขิ องดนิ ความรู้ (5Es -
Instructional Model) -
รว่
-

-

ทกั ษะที่ได้ การประเมิน เวลา
- ตรวจแบบฝึกหดั (ชว่ั โมง)
ทกั ษะการระบุ - ประเมินการนำเสนอผลงาน
ทักษะการสงั เกต - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล 2
ทกั ษะการ - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ
ปรยี บเทียบ - สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่ันใน 2
ทักษะการทำงาน การทำงาน
ร่วมกัน
ทักษะการรวบรวม - ตรวจแบบฝึกหัด
ขอ้ มูล - ประเมินการปฏิบัติกิจกรรมตรวจวดั สมบตั ิ
ทักษะการนำความรู้ ของดนิ
ปใช้ - ประเมินการนำเสนอผลงาน
ทักษะการจำแนก - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
ประเภท - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ
ทกั ษะการสงั เกต - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ ใน
ทักษะการทดลอง การทำงาน
ทักษะการทำงาน
วมกนั
ทักษะการรวบรวม
ข้อมลู
ทกั ษะการนำความรู้
ไปใช้

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 22

แผนฯ ท่ี 5 วิธสี อนแบบสืบเสาะหา
ช้นั หนา้ ตัดดินและการ ความรู้ (5Es
ปรับปรุงคณุ ภาพของ
Instructional Model)
ดนิ

แผนฯ ที่ 6 แหล่งนำ้ วิธีสอนแบบสืบเสาะหา
ความรู้ (5Es

Instructional Model)

แผนฯ ท่ี 7 วิธีสอนแบบสบื เสาะหา -

การใชป้ ระโยชน์และ ความรู้ (5Es -
-
การอนรุ ักษแ์ หลง่ นำ้ Instructional Model)

- ทักษะการสงั เกต - ตรวจแบบฝึกหัด 2
- ทักษะการทดลอง - ตรวจ Topic Question 4
- ทกั ษะการทำงาน - ประเมินการปฏบิ ัติกิจกรรมแบบจำลอง 1
ชนั้ หน้าตัดดิน
ร่วมกนั - ประเมินการนำเสนอผลงาน
- ทกั ษะการรวบรวม - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
- สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
ข้อมลู - สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ใน
การทำงาน
- ทกั ษะการสงั เกต
- ทักษะการทดลอง - ตรวจแบบฝึกหดั
- ประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมจำลองการเกิด
- ทักษะการ และปจั จยั ในการเกิดนำ้ ผวิ ดิน
ตัง้ สมมตฐิ าน - ประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมจำลองการเกดิ
- ทกั ษะการทำงาน และปัจจัยในการเกดิ น้ำใตด้ ิน
- ประเมินการนำเสนอผลงาน
ร่วมกนั - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
- ทกั ษะการรวบรวม - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

ขอ้ มลู

ทักษะการสำรวจ - ตรวจแบบฝกึ หัด
คน้ หา - ประเมินการนำเสนอผลงาน
ทักษะการเชือ่ มโยง - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
ทักษะการรวบรวม - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
- สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้
ขอ้ มูล

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 23

แผนฯ ท่ี 8 ภยั พบิ ัติ วิธสี อนแบบสืบเสาะหา -
จากนำ้ ความรู้ (5Es -
Instructional Model) -
-

-

-

แผนฯ ท่ี 9 ถ่านหิน วิธีสอนแบบสืบเสาะหา -
ความรู้ (5Es ไป
Instructional Model)
-
-

-
-
-
ร่ว
-

-
ไป
-


ทกั ษะการสังเกต - ตรวจแบบฝกึ หัด 2
2
ทักษะการทดลอง - ตรวจ Topic Question

ทกั ษะการเช่ือมโยง - ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมจำลองการ

ทกั ษะการ กัดเซาะชายฝัง่

เปรยี บเทียบ - ประเมินการนำเสนอผลงาน

ทักษะการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

ร่วมกัน - สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

ทักษะการรวบรวม - สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มัน่ ใน

ขอ้ มูล การทำงาน

ทกั ษะการนำความรู้

ปใช้

ทกั ษะการระบุ - ตรวจแบบฝึกหัด

ทกั ษะการสำรวจ - ประเมินการนำเสนอผลงาน

คน้ หา - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

ทกั ษะการเชื่อมโยง - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่

ทักษะกาเปรียบเทยี บ - สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั ใน

ทักษะการทำงาน การทำงาน

วมกัน

ทกั ษะการรวบรวม

ขอ้ มลู

ทักษะการนำความรู้

ปใช้

ทกั ษะการจำแนก

ประเภท

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 24

แผนฯ ที่ 10 หนิ น้ำมี วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหา -
และ ปิโตรเลียม ความรู้ (5Es -
Instructional Model) -
-
เป
-
ร่ว
-

-
ไป
-


ทักษะการระบุ - ตรวจแบบฝกึ หดั 3
ทกั ษะการสำรวจ - ตรวจภาพวาดกระบวนการกล่นั น้ำมนั ดบิ
ทักษะการเชือ่ มโยง - ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ทักษะการ - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
ปรียบเทียบ - สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
ทกั ษะการทำงาน - สังเกตความมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ ม่นั ใน
วมกนั การทำงาน
ทกั ษะการรวบรวม
ขอ้ มูล
ทกั ษะการนำความรู้
ปใช้
ทักษะการจำแนก
ประเภท

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 25

หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ วธิ สี อน/วิธีการจดั
กจิ กรรมการเรยี นรู้

แผนฯ ท่ี 1 วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหา -
-
ผลกระทบจากการใช้ ความรู้ (5Es -

เชอื้ เพลิงซากดึก Instructional Model) -

ดำบรรพ์ -

แผนฯ ที่ 1 พลงั งาน วธิ สี อนแบบสบื เสาะหา
-
ทดแทน ความรู้ (5Es -
-
Instructional Model) เ
-

-

-

-


ทักษะท่ีได้ การประเมิน เวลา
(ชวั่ โมง)
- ทกั ษะการสำรวจ - ตรวจแบบฝึกหัด
- ทกั ษะการเชอื่ มโยง - ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 1
- ทกั ษะการทำงาน - สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
รว่ มกนั - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 3
- ทักษะการรวบรวม - สังเกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่น
ข้อมูล
- ทักษะการนำความรู้ ใน
ไปใช้ การทำงาน
- ทักษะการระบุ
- ทกั ษะการเชอ่ื มโยง - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น
- ทกั ษะการ - ตรวจแบบฝึกหัด
เปรยี บเทียบ - ตรวจ Topic Question
- ทกั ษะการทำงาน - ตรวจ Unit Question
ร่วมกัน - ประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม Fun
- ทักษะการรวบรวม Science Activity เรอื่ ง หนิ งอก หินย้อย
ข้อมูล - ประเมินการนำเสนอผลงาน
- ทักษะการนำความรู้ - ตรวจและประเมินแผนผงั มโนทัศน์
ไปใช้ เรือ่ ง โลกและการเปลยี่ นแปลง
- ทักษะการจำแนก - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
ประเภท - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
- สังเกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มัน่

ในการทำงาน

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 26

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว22102 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 แรงและการเคล่ือนที่ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 เวลาเรียน 4 ชั่วโมง

เรอื่ ง การหาแรงลัพธ์ของวัตถุ ผู้สอน นางสาวจิตติญาภรณ์ สรา้ งพล

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั
ว 2.2 ม.2/1 พยากรณก์ ารเคลือ่ นทข่ี องวตั ถุทเ่ี ปน็ ผลของแรงลพั ธท์ ี่เกดิ จากแรงหลายแรงท่กี ระทำตอ่
วตั ถใุ นแนวเดียวกนั จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
ว 2.2 ม.2/2 เขยี นแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ท่เี กิดจากแรงหลายแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุในแนว
เดียวกัน

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายของแรงได้ (K)
2. เขียนแผนภาพแสดงแรงและคำนวณหาแรงลัพธท์ เี่ กิดจากแรงหลายแรงที่กระทำต่อวตั ถใุ น
แนวเดยี วกันได้ (P)
3. ปฏิบตั ิกจิ กรรมการหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธไ์ ดอ้ ย่างถูกต้องและเปน็ ลำดับข้นั ตอน (P)
4. มคี วามใฝเ่ รียนรู้และมีความม่งุ ม่นั ในการทำงาน (A)

3. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่ิน

• แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ เมื่อมีแรงหลาย ๆ แรง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

กระทำต่อวัตถุ แล้วแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่า

เปน็ ศูนย์ วตั ถจุ ะไมเ่ ปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ แต่ถ้า

แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะ

เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ี

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่มีขนาดและทิศทาง มีหน่วยเป็นนิวตัน เมื่อมีแรงหลายแรงกระทำต่อวัตถุ

แล้วแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เคลื่อนที่ แต่หากแรงหลายแรงกระทำต่อวัตถุ แล้วแรง
ลัพธท์ ่ีกระทำต่อวตั ถมุ คี า่ ไม่เป็นศูนย์ วตั ถจุ ะไมเ่ คล่ือนท่ี

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 27

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการวัด 3. ซื่อสัตย์ สุจรติ

2) ทกั ษะการสังเกต 4. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

3) ทักษะการทดลอง

4) ทกั ษะการคำนวณ

5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน

6) ทกั ษะการพยากรณห์ รือการคาดคะเน

7) ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรียนรู้
 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงที่ 1

ขน้ั นำ

ข้ันท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทักทายกับนักเรยี น แล้วแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรใู้ ห้นกั เรียนทราบ จากนน้ั นกั เรยี นทำ
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 แรงและการเคลอื่ นที่ เพื่อวัดความรู้เดมิ ของนักเรยี น
กอ่ นเข้าสูก่ จิ กรรม
2. ครนู ำอปุ กรณส์ าธติ การทดลอง เช่น ลกู บอลยาง จากนนั้ ครขู ออาสาสมัครนักเรียน 1 คน
ออกมาหน้าชน้ั เรยี น โดยใหตวั แทนนกั เรียนโยนลูกบอลยางขน้ึ ไปเหนอื ศีรษะ แล้วใหน้ ักเรยี น
แต่ละคนสังเกตการเคลือ่ นทีข่ องลูกบอลยาง
3. ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นโดยใช้คำถาม Big Question จากหนงั สอื เรียน
วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 และร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระโดยไม่มกี ารเฉลย
วา่ ถูกหรอื ผิดวา่ “แรงมีผลตอ่ การเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุอย่างไร”

(แนวตอบ : แรงมีผลทำใหว้ ตั ถุเปลีย่ นแปลงสภาพการเคลอ่ื นท่ี ความเร็ว ทิศทาง รวมทั้งทำใหว้ ตั ถุ
เปลี่ยนแปลงรูปรา่ งและขนาด เช่น รถยนตท์ พ่ี งุ่ ชนตน้ ไม้ด้วยความเรว็ หนึ่ง แรงที่พงุ่ ชนต้นไม้
สะท้อนให้รถเกิดการชำรดุ )

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 28

3. นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองกอ่ นเข้าสู่กจิ กรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบนั ทึกลงในสมดุ ประจำตวั
นกั เรยี น

4. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เพื่อเป็นการนำเข้าสู่
บทเรียนและตรวจสอบความรู้เดิมเกยี่ วกับ เรื่อง แรงและการเคล่ือนที่ ของนักเรียนว่า “วัตถุที่อยู่นิ่ง
ถกู ทำใหเ้ คลอ่ื นท่ไี ด้อยา่ งไร”
(แนวตอบ : วตั ถุทีอ่ ยนู่ ิ่งสามารถเคล่อื นทไี่ ดเ้ นอ่ื งจากมีแรงมากระทำ โดยแรงทมี่ ากระทำต่อวัตถุ
อาจสัมผัสหรือไมส่ มั ผสั กบั วัตถุโดยตรง เชน่ แรงดงึ แรงผลัก แรงดนั แรงโน้มถ่วง แรงไฟฟา้
แรงแม่เหลก็ )

ขั้นสอน

ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 8 กลุม่ กลุ่มละเท่า ๆ กัน ตามความสมคั รใจ จากนั้นใหน้ ักเรยี นแตล่ ะ
กลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลากหัวข้อท่ศี กึ ษา โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันศกึ ษาค้นควา้ ข้อมลู
จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือแหล่งการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต หอ้ งสมุด
ซ่ึงหวั ข้อประกอบด้วย
• กลมุ่ ที่ 1-2 ศกึ ษาเกย่ี วกบั ความหมายของแรง
• กลมุ่ ท่ี 3-4 ศกึ ษาเกย่ี วกบั แรงลัพธ์ทเ่ี กิดจากแรงยอ่ ยทอ่ี ยู่ในแนวเดยี วกันมากระทำกบั วัตถุ
ในทิศทางเดียวกนั
• กลุ่มที่ 5-6 ศึกษาเก่ยี วกบั แรงลัพธ์ทเี่ กดิ จากแรงย่อยทีอ่ ยูใ่ นแนวเดียวกันมากระทำกับวัตถุ
ในทศิ ทางตรงขา้ มกัน
• กลุ่มท่ี 7-8 ศึกษาเก่ยี วกบั กฎของความเฉอ่ื ย
2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันอภปิ รายเรอ่ื งท่ไี ดศ้ ึกษา จากนัน้ ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสรุปความรู้
ทไ่ี ด้จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ )

ชั่วโมงท่ี 2

ขน้ั สอน

ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชนั้ เรยี น ในระหวา่ งทนี่ กั เรยี นนำเสนอครูคอย
ให้ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม เพื่อให้นกั เรยี นมคี วามเข้าใจทีถ่ กู ตอ้ ง

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 29

(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจว่า “แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ทที่ ้งั ขนาดและทิศทาง สามารถ

เขียนแทนด้วยเส้นตรง โดยความยาวของเสน้ แทนขนาดของแรงและต้องสอดคล้องกับมาตราส่วน
ทกี่ ำหนด โดยหัวของลูกศรจะช้ีไปในทศิ ทางท่แี รงกระทำ”
5. นกั เรยี นศกึ ษาตัวอย่างที่ 4.1-4.3 จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 จากนั้นครเู ขยี นโจทย์
บนกระดาน โดยให้นกั เรียนแตล่ ะคนเขียนแผนภาพ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
ตัวอยา่ งโจทย์ เช่น จงเขยี นแรงที่มีขนาด 500 นิวตัน ที่มที ิศไปทางตะวนั ตกเฉยี งเหนือ
6. ครูสมุ่ เลขท่ีนักเรยี น จำนวน 4 คน ออกมาเขยี นคำตอบของตนเองหนา้ ชน้ั เรยี น โดยใหเ้ พอื่ นใน
ช้นั เรยี นร่วมกนั พิจารณาว่าคำตอบถูกตอ้ งหรอื ไม่ จากนั้นครเู ฉลยคำตอบทถ่ี กู ต้องให้นักเรียน
7. นกั เรียนจับคกู่ บั เพ่อื นในช้ันเรยี น ตามความสมัครใจ จากนน้ั ใหน้ กั เรียนแต่ละคู่ร่วมกันทำ
ใบงานที่ 4.1.1 เรอื่ ง แรง เม่ือทำเสรจ็ แล้วนำสง่ ครูท้ายชวั่ โมง

ชว่ั โมงที่ 3

ขน้ั สอน

ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
8. ครูเตรียมวสั ดุอุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธ์ มาวางไว้
หน้าชน้ั เรียน ดงั นี้
- เครอ่ื งชัง่ สปริง 2 เครอื่ ง - ถุงทรายมวล 500 กรมั 1 ถงุ
9. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นให้ตัวแทนกลมุ่ ออกมาจดั เตรียม
อุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการปฏิบตั กิ ิจกรรม การหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธ์
10. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ปฏิบตั ิกจิ กรรม การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ โดยใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ปฏบิ ัติ
กจิ กรรม ดงั น้ี
• นำเครื่องชง่ั สปรงิ เก่ียวถุงทรายมวล 500 กรมั แลว้ ลากถุงทรายขนานไปกบั พืน้ โต๊ะ
จากนน้ั สงั เกตทิศทางการเคล่อื นท่ีของถงุ ทราย และบนั ทึกคา่ ทไี่ ดจ้ ากเครอ่ื งชัง่ สปรงิ
ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
• นำเครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง เกี่ยวถุงทรายมวล 500 กรัม แล้วลากถุงทรายขนานไปกับพื้นโต๊ะ
โดยดึงเครอ่ื งช่ังสปรงิ ไปในทิศทางเดียวกนั และบนั ทึกค่าท่ไี ดจ้ ากเคร่อื งช่ังสปริง
ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
• นำเครื่องชั่งสปรงิ 2 เครอ่ื ง เก่ยี วถงุ ทรายมวล 500 กรมั แลว้ ลากถุงทรายขนานไปกบั พืน้ โต๊ะ
โดยดงึ เครอ่ื งชั่งสปรงิ ไปในทิศทางตรงข้ามกนั และบันทึกค่าทีไ่ ด้จากเครือ่ งชั่งสปรงิ
ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
11. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะห์ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม แล้วอภปิ รายผลและสรปุ ผลการปฏบิ ตั ิ
กิจกรรมการหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธ์ ลงในสมุดประจำตวั นกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 30

ชัว่ โมงท่ี 4

ขนั้ สอน

ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
12. ครูสุม่ นกั เรยี น จำนวน 3 กลุ่ม ออกมานำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม การหาขนาดและทิศทางของ
แรงลพั ธ์ ในระหวา่ งทีน่ ักเรียนนำเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ เพ่ือให้นักเรียนมีความเขา้ ใจ
ท่ถี ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
13. ครตู ง้ั ประเดน็ คำถามจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ดังนี้
• แรงทล่ี ากถุงทรายขนานไปกับพ้นื โตะ๊ โดยใช้เคร่ืองช่งั สปรงิ 1 เคร่ือง และ 2 เครื่อง
ด้วยอัตราเร็วท่ีสม่ำเสมอมขี นาดแตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : แตกต่างกัน แรงที่ใชล้ ากถงุ ทรายซง่ึ อ่านได้จากเคร่อื งชัง่ สปริงเพยี งหนึ่งเครื่องจะ
มคี า่ มากกว่าแรงที่ใชล้ ากถุงทรายดว้ ยเคร่ืองชง่ั สปรงิ สองเคร่อื ง โดยคา่ ที่อา่ นไดจ้ ากเครื่องชง่ั
สปรงิ แตล่ ะเครื่องรวมกนั มีคา่ ใกลเ้ คียงกบั คา่ แรงที่อ่านไดจ้ ากแรงทีใ่ ชด้ งึ ถงุ ทรายจากเครือ่ งชง่ั
สปรงิ 1 เครอ่ื ง)
• แรงลัพธท์ ี่เกิดจากแรงทใี่ ชล้ ากถงุ ทรายด้วยเคร่อื งช่งั สปริง 2 เครอื่ ง ในทิศทางตรงขา้ มกัน
มีขนาดแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ และถุงทรายมที ิศทางการเคลื่อนท่ีอยา่ งไร
(แนวตอบ : อาจแตกต่างหรอื เทา่ กันได้ หากแรงที่ใชด้ ึงเคร่อื งชั่งสปริง 2 เครือ่ ง มขี นาดตา่ งกนั
ถงุ ทรายจะเคล่ือนทไี่ ปตามแนวแรงท่มี ีขนาดมากกวา่ หากแรงทีใ่ ช้ดงึ เครือ่ งสปรงิ 2 เครื่อง
มีขนาดเทา่ กัน ถุงทรายจะไม่เคล่อื นท่)ี
14. นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายผลจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธว์ ่า
“การลากถุงทรายดว้ ยอตั ราเร็วสมำ่ เสมอ ด้วยเครอื่ งชั่งสปรงิ 1 และ 2 เครอื่ ง ในแนวเดียวกนั
โดยถุงทรายจะเคล่อื นทีไ่ ปตามผลรวมขนาดของแรง หรือเรยี กวา่ แรงลัพธ์”
15. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันศกึ ษาตัวอยา่ งท่ี 4.4-4.7 จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
16. ครูเขยี นโจทย์บนกระดาน โดยให้นักเรยี นลอกโจทย์ และแสดงวธิ ที ำ ลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 31

ตัวอยา่ งโจทย์
กำหนดให้ แรง F1 = 10 N F2 = 45 N และแรง F3 = 10 N มากระทำต่อกลอ่ ง ดังภาพ
จงหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์

1) F1
F2

2) F1 F2

3) F2 FF13

4) FF21 F3

17. ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจวา่ “แรงลัพธท์ ่ีเกิดจากแรงย่อยทีอ่ ยใู่ นแนวเดยี วกนั ถ้าหาก
แรงยอ่ ยท่ีมากระทำมที ศิ ไปทางเดยี วกนั ขนาดของแรงลัพธ์จะมีคา่ เท่ากบั ผลบวกของแรงย่อย
ถ้าหากแรงย่อยท่ีมากระทำมีทิศตรงข้ามกัน ขนาดของแรงลพั ธ์จะมคี า่ เท่ากับผลตา่ งของแรงย่อย
โดยอาจกำหนดแรงที่กระทำต่อวตั ถุไปทางขวามีคา่ เป็นบวก และแรงที่กระทำตอ่ วตั ถุไปทางซา้ ย
มคี ่าเปน็ ลบ แต่ถา้ แรงท่ีมากระทำต่อวตั ถมุ ีขนาดเท่ากันและมที ิศตรงข้ามกนั แรงลพั ธจ์ ะมีคา่
เทา่ กับศูนย์ วตั ถจุ ะรักษาสภาพการเคล่ือนท่เี ดมิ ”

ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
18. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นซักถามเนื้อหาเกย่ี วกับ เรอ่ื ง การหาแรงลพั ธ์ของวัตถุ และให้ความรู้
เพมิ่ เติมจากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การหาแรงลพั ธข์ องวตั ถุ
ในการอธิบายเพ่ิมเตมิ
19. นกั เรียนแตล่ ะคนทำใบงานท่ี 4.1.2 เร่ือง แรงลพั ธ์
20. ครสู ุม่ เลขที่นกั เรียน จำนวน 3 คน ออกมาเขียนคำตอบของตนเองหน้าช้นั เรียน โดยใหเ้ พื่อนใน
ชัน้ เรยี นร่วมกนั พจิ ารณาว่าคำตอบถูกตอ้ งหรือไม่ จากนน้ั ครูเฉลยคำตอบที่ถูกตอ้ งให้นักเรียน
21. นักเรียนแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั เรือ่ ง การหาแรงลัพธ์ของวัตถุ จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 เปน็ การบา้ นส่งในชวั่ โมงถดั ไป

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 32

ขัน้ สรปุ

ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แรงและการเคลื่อนที่
เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนักเรียน
2. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ ช้นั เรียน
3. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมุดประจำตัวนักเรยี น
4. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานท่ี 4.1.1 เรอื่ ง แรง
5. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานที่ 4.1.2 เรอ่ื ง แรงลัพธ์
6. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมการหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ ในสมุดประจำตัวนกั เรยี น
7. ครตู รวจแบบฝกึ หดั เรอ่ื ง การหาแรงลัพธข์ องวัตถุ จากแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
8. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปเกย่ี วกับการหาแรงลพั ธข์ องวัตถุ ซงึ่ ไดข้ ้อสรุปร่วมกันว่า “แรง คือ
ปริมาณท่ีกระทำต่อวัตถแุ ล้วทำให้วัตถเุ กดิ การเปลย่ี นแปลงสภาพการเคล่ือนท่ี หรอื เปล่ยี นแปลง
รปู รา่ ง แรงเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ต้องระบุทั้งขนาดและทิศทาง แรงลัพธ์ คือ ผลรวมของแรง
ทงั้ หมดท่ีกระทำต่อวตั ถุ การหาแรงลพั ธ์ ทำได้โดยวธิ ีหางต่อหัว”

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- ประเมินตามสภาพจริง
7.1 การประเมินก่อน - แบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4
เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ แรงและการเคลื่อนที่

- แบบทดสอบ กอ่ นเรยี น หน่วยการ

ก่อนเรยี น หน่วยการ เรยี นรทู้ ี่ 4

เรยี นรู้ท่ี 4 แรงและการเคลื่อนท่ี

แรงและการเคลอ่ื นท่ี

7.2 ประเมนิ ระหว่าง ตรวจใบงานที่ 4.1.1 - ใบงานท่ี 4.1.1
การจดั กิจกรรม - ตรวจใบงานที่ 4.1.2
การเรียนรู้ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - ใบงานที่ 4.1.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
1) การหาแรงลัพธ์ หรือแบบฝกึ หดั
ของวัตถุ วิทยาศาสตร์ ม.2 - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เล่ม 2
แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ม.2 เลม่ 2

2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 33

รายการวัด วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ปฏิบัตกิ ิจกรรม - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2
การหาขนาดและ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
ทิศทางของ กจิ กรรม
แรงลพั ธ์

3) การนำเสนอ
ผลงาน/ผลการ
ปฏบิ ัติกจิ กรรม

4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์

5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม
การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

6) คุณลักษณะ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
และมงุ่ มนั่ ในการ อันพงึ ประสงค์
ทำงาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แรงและการเคลอ่ื นท่ี
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคล่ือนที่
3) ใบงานที่ 4.1.1 เรอื่ ง แรง
4) ใบงานที่ 4.1.2 เรอื่ ง แรงลัพธ์
5) วัสดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการปฏิบัตกิ ิจกรรมการหาขนาดและทิศทางของแรงลพั ธ์
6) PowerPoint เรื่อง การหาแรงลัพธ์ของวตั ถุ
7) อุปกรณ์สาธิตการทดลอง เชน่ ลกู บอลยาง
8) สมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมดุ
3) อินเทอร์เนต็

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 34


Click to View FlipBook Version