ใบงานที่ 4.1.1
เรือ่ ง แรง
ตอนท่ี 1
คำช้ีแจง : จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง
1. แรง (Force) หมายถึง...............................................................................แทนดว้ ยสญั ลักษณ์.......................
2. หน่วยของแรง คือ............................................................................................................................................
3. แรง เป็นปริมาณ....................................เพราะ................................................................................................
4. แรงมีผลทำให้วัตถุเกิดการเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
1) …………………………………………………………………………………….
2) …………………………………………………………………………………….
3) …………………………………………………………………………………….
5. จงยกตัวอยา่ งแรงที่นักเรียนรู้จกั มาอย่างนอ้ ย 3 ชนิด
1) …………………………………………………………………………………….
2) …………………………………………………………………………………….
3) …………………………………………………………………………………….
ตอนที่ 2
คำชแี้ จง : จงเขียนแผนภาพของแรงท่ีกำหนดให้
1. จงเขยี นแรงที่มีขนาด 1400 N ไปทางทิศตะวันออก
กำหนดใหอ้ ัตราส่วนของแรงมีคา่ เท่ากับ 700 N : 2 cm
2. จงเขียนแรงที่มขี นาด 3600 N ไปทางทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ
กำหนดใหอ้ ัตราส่วนของแรงมีคา่ เท่ากบั 900 N : 4 cm
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 35
ใบงานที่ 4.1.1 เฉลย
เรอื่ ง แรง
ตอนท่ี 1
คำช้แี จง : จงตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง
1. แแรทงน(ดFว้ oยrสceัญ)ลหักมษาณย์ถึงFปริมาณทกี่ ระทำต่อวตั ถุแล้วทำใหว้ ัตถเุ กดิ การเปลีย่ นแปลงสภาพไปจากเดิม
2. หน่วยของแรง คือ นิวตนั
3. แรง เปน็ ปรมิ าณ เวกเตอร์ เพราะ มีทง้ั ขนาดและทิศทาง
4. แรงมผี ลทำใหว้ ัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร
1) วตั ถุท่อี ยู่น่งิ จะเกิดการเคล่อื นที่
2) วัตถุทีก่ ำลงั เคล่อื นที่เปลย่ี นแปลงความเร็ว
3) วตั ถเุ ปล่ยี นแปลงทศิ ทางการเคล่ือนที่
5. จงยกตวั อย่างแรงทนี่ ักเรยี นรู้จักมาอย่างน้อย 3 ชนิด
1) แรงโนม้ ถ่วง
2) แรงเสยี ดทาน
3) แรงพยุง
ตอนที่ 2
คำช้ีแจง : จงเขยี นแผนภาพของแรงทีก่ ำหนดให้
1. จงเขยี นแรงท่มี ีขนาด 1400 N ไปทางทศิ ตะวันออก
กำหนดให้อัตราสว่ นของแรงมีคา่ เท่ากบั 700 N : 2 cm
2. จงเขียนแรงท่มี ีขนาด 3600 N ไปทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื
กำหนดให้อัตราส่วนของแรงมีคา่ เท่ากบั 1 cm : 900 N
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 36
ใบงานที่ 4.1.2
เร่อื ง แรงลัพธ์
ตอนท่ี 1
คำชแี้ จง : จงตอบคำถามต่อไปน้ใี ห้ถกู ต้อง
1. แรงลัพธ์ (resultant force) คือ…………………………………………………………………………………………………….....
2. หากแรงย่อยทมี่ ากระทำต่อวตั ถุมี 2 แรง สามารถคำนวณหาแรงลัพธ์ได้ 2 กรณี
กรณที ี่ 1 แรงย่อยทกี่ ระทำต่อวตั ถไุ ปทิศทางเดยี วกัน …………………………………………………………………….....
กรณที ี่ 2 แรงย่อยท่ีกระทำต่อวตั ถุไปทิศทางตรงข้ามกัน ………………………………………………………………......
3. แรงลัพธค์ ำนวณได้จากสมการ…………………………………………………………………………………………………........…
4. แรงยอ่ ยท่ีมากระทำต่อวัตถุมีต้งั แต่ 2 แรงยอ่ ยข้ึนไปสามารถหาทิศทางของแรงลพั ธไ์ ดจ้ ากวิธใี ดบา้ ง
1) ………………………………………………………………
2) ………………………………………………………………
5. จงหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ทกี่ ำหนดให้ ต่อไปนี้
1)
F1 = 25 N
F2 = 25 N
2) F1 = 25 N F2 = 25 N
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 37
3) F1 = 75 N F2 = 25 N
4) F1 = 75 N F3 = 15 N
F2 = 45 N
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 38
ใบงานท่ี 4.1.2 เฉลย
เรอ่ื ง แรงลัพธ์
ตอนท่ี 1
คำชแ้ี จง : จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง
1. แรงลพั ธ์ (resultant force) คือ ผลรวมของแรงย่อยท่มี ากระทำต่อวตั ถุ ต้งั แต่ 2 แรงขนึ้ ไป
2. หากแรงย่อยทม่ี ากระทำต่อวตั ถมุ ี 2 แรง สามารถคำนวณหาแรงลัพธ์ได้ 2 กรณี
กรณที ่ี 1 แรงย่อยทก่ี ระทำต่อวตั ถไุ ปทิศทางเดยี วกนั ผลรวมของแรงยอ่ ย
3. แรกงรลณัพีทธี่์ค2ำนแวรณงยไ่อดยจ้ ทากก่ี สรมะทกาำรต่อวFัตลพัถธุไป์ =ทิศFท1าง+ตรFง2ขา้ มกัน ผลต่างของแรงย่อย
4. แรงยอ่ ยท่ีมากระทำต่อวัตถุมีตง้ั แต่ 2 แรงยอ่ ยข้นึ ไปสามารถหาทิศทางของแรงลพั ธ์ไดจ้ ากวธิ ใี ดบา้ ง
1) หัวตอ่ หาง
2) สร้างสเี่ หลีย่ มดา้ นขนาน
5. จงหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธท์ ก่ี ำหนดให้ ต่อไปนี้
1) F1 = 25 N Fลัพธ์ = F1 + F2
F2 = 25 N = 25+25
Fลพั ธ์ = 50 N
2) F1 = 25 N F2 = 25 N Fลัพธ์ = F1 + F2
= 25+25
Fลพั ธ์ = 50 N
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 39
3) F1 = 75 N F2 = 25 N Fลัพธ์ = F1 + F2
= 75−25
4) F1 = 75 N F3 = 15 N
F2 = 45 N Fลพั ธ์ = 50 N
Fลพั ธ์ = F1 + F2 + F3
= 75+45−15
Fลัพธ์ = 105 N
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 40
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงช่อื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 41
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 เวลาเรยี น 4 ชัว่ โมง
เรอ่ื ง แรงเสียดทาน ผสู้ อน นางสาวจิตติญาภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัด
ว 2.2 ม.2/6 อธบิ ายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสยี ดทานจลน์จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
ว 2.2 ม.2/7 ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ที เ่ี หมาะสมในการอธิบายปจั จยั ทม่ี ผี ลต่อขนาด
ของแรงเสียดทาน
ว 2.2 ม.2/8 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอืน่ ๆ ทีก่ ระทำตอ่ วัตถุ
ว 2.2 ม.2/9 ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความรเู้ รอ่ื งแรงเสียดทาน โดยวเิ คราะห์สถานการณ์ปัญหา
และเสนอแนะวธิ กี ารลดหรือเพิม่ แรงเสียดทานทเี่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ การทำกิจกรรม
ในชวี ิตประจำวัน
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายแรงเสียดทานสถติ และแรงเสียดทานจลนไ์ ด้ (K)
2. อธบิ ายปจั จัยที่มีผลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทานได้ (K)
3. เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรงอืน่ ๆ ทีก่ ระทำต่อวตั ถุ (P)
4. ปฏิบัตกิ จิ กรรมการหาขนาดของแรงเสียดทานได้และปจั จยั ที่มผี ลต่อขนาดของแรงเสยี ดทาน
อยา่ งถูกตอ้ งและเปน็ ลำดบั ขน้ั ตอน (P)
5. ตระหนักถึงประโยชน์ของความร้เู รอื่ งแรงเสยี ดทานต่อการทำกิจกรรมในชวี ติ ประจำวันได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
แรงเสียดทานเป็นแรงทีเ่ กดิ ขึ้นระหวา่ งผวิ สัมผัสของ
วัตถุเพ่อื ต้านการเคลอ่ื นที่ของวัตถุนน้ั โดยถ้าออกแรงกระทำต่อวตั ถทุ อ่ี ยู่นิง่ บนพืน้ ผวิ ให้เคล่ือนที่
แรงเสียดทานก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในขณะที่วัตถุยังไม่เคลื่อนที่เรียก
แรงเสียดทานสถิต แต่ถ้าวัตถุกำลังเคลื่อนที่ แรงเสียดทานก็จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ชา้ ลงหรือหยุดนงิ่
เรียก แรงเสียดทานจลน์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 42
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างที่ผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น มีทิศ
ทางตรงข้ามกับการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงเสียดทาน มี 2 ประเภท ได้แก่ แรงเสียดทานสถิตเกิดขึ้นในขณะท่ี
วัตถุยังไม่เคลื่อนที่ และแรงเสียดทานจลน์เกิดขึ้นในขณะที่วัตถุกำลังเคลื่อนที่ ความรู้เรื่องแรงเสียดทาน
สามารถนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน เชน่ การลากวตั ถุบนพน้ื การใชน้ ำ้ มันหล่อล่นื ในเครื่องยนต์
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทักษะการวดั 3. ซ่อื สัตย์ สจุ รติ
2) ทักษะการสงั เกต 4. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
3) ทักษะการทดลอง
4) ทกั ษะการตัง้ สมมติฐาน
5) ทกั ษะการทำงานร่วมกนั
6) ทักษะการควบคมุ ตัวแปร
7) ทกั ษะการคำนวณ
8) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงที่ 1
ขัน้ นำ
ข้นั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนักเรียนเกย่ี วกบั เร่ือง แรงในชีวิตประจำวัน จากนัน้ ครแู จง้ จดุ ประสงค์
การเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ
2. ครสู นทนากบั นกั เรียนเกยี่ วกบั แรงเสียดทาน จากนั้นครูถามคำถามกระต้นุ ความคิดนักเรยี นวา่
“ในชีวติ ประจำวนั กจิ กรรมใดบา้ งทท่ี ำใหเ้ กิดแรงเสียดทาน” โดยให้นกั เรียนแต่ละคนรว่ มกัน
อภิปรายแสดงความคิดเหน็ อย่างอิสระโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถูกหรือผดิ
(แนวตอบ : เช่น การเขน็ รถ การเดิน การปั่นจกั รยาน)
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 43
3. ครูนำอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ผ้าขนหนู 2 ผืน ครูขออาสาสมัครนักเรียน จำนวน 2-3 คน
ออกมาหน้าชั้นเรียน จากนั้นให้ตัวแทนนักเรียนนำผ้าขนหนู 2 ผืน พับเข้าหากัน แล้วดึงผ้าขนหนู
ออกคนละขา้ ง โดยครหู นบี ผา้ ขนหนไู ว้ตรงกลางประมาณ 2 น้วิ แลว้ ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนสงั เกต
4. ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรียน ดงั นี้
• ขณะทเ่ี พ่อื นทั้ง 2 คน ดึงผา้ ขนหนอู อก ซึง่ ดึงออกยากมากเปน็ เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ : แรงเสียดทาน)
• นักเรยี นสังเกตเห็นความยากลำบากของการออกแรงกระทำต่อวัตถุอื่น ๆ ในชีวิตประจำวนั ใด
อกี บ้าง(แนวตอบ : การเปิดฝาขวดน้ำ การเปดิ ฝากระป๋อง เป็นต้น)
ขนั้ สอน
ข้นั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรยี นจบั คูก่ บั เพ่ือนในช้ันเรยี น ตามความสมัครใจ จากนัน้ ใหน้ กั เรียนแตค่ ู่รว่ มกันศึกษาค้นควา้
ข้อมูลเกย่ี วกับ เรือ่ ง ความหมายของแรงเสียดทาน แรงเสยี ดทานสถิต และแรงเสยี ดทานจลน์
จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็
2. นักเรียนแตล่ ะครู่ ่วมกันอภิปรายเรือ่ งที่ได้ศึกษา จากน้นั ให้นกั เรยี นแต่ละคนเขยี นสรปุ ความรทู้ ีไ่ ด้
จากการศึกษาคน้ คว้าลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน เพื่อนำส่งครทู า้ ยชวั่ โมง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ )
3. ครตู ัง้ ประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า “รถยนตท์ ี่ไถลลงจากเขาจนกระท่ังหยดุ น่ิง
มีแรงใดมากระทำบ้าง” โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพ่ือหาคำตอบ
(แนวตอบ : มีแรงเสยี ดทานสถติ เกิดข้นึ เม่ือขณะทม่ี แี รงมากระทำต่อวัตถุแล้ววัตถยุ งั อยู่นิง่ กบั ที่
และจะมีค่ามากท่ีสดุ เมอ่ื รถที่หยุดนงิ่ กำลงั จะเริ่มเคลอื่ นท่ี และมแี รงเสียดทานจลน์ เกิดขน้ึ เมือ่ รถ
ไถลลงจากเขาด้วยความเรว็ คงท)ี่
4. ครใู หน้ กั เรียนนับจำนวน 1-6 วนไปเร่อื ย ๆ จนครบทกุ คน เพอื่ แบง่ กลุ่มนักเรยี นออกเป็นกลุม่
กลุ่มละ 6 คน โดยคนท่นี บั จำนวนเดยี วกนั ให้อยกู่ ลมุ่ เดยี วกัน จากนน้ั ครแู จ้งจดุ ประสงค์ของ
กจิ กรรม การหาขนาดของแรงเสียดทาน ให้นกั เรยี นทราบเพ่ือเป็นแนวทางการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
ทถ่ี ูกต้อง
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษากิจกรรม การหาขนาดของแรงเสยี ดทาน เพื่อหาขนาด
ระบุประเภท และเขียนภาพแสดงแรงเสยี ดทานท่ีมากระทำต่อวัตถุ จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 โดยครูใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบร่วมมือมาจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชิก
แตล่ ะคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดงั นี้
• สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหนา้ ท่ี เตรียมวสั ดุอปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการหาขนาดของ
แรงเสียดทาน
• สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหนา้ ท่ี อ่านวธิ ปี ฏบิ ัติกิจกรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชิกในกลุม่ ฟงั
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหนา้ ท่ี บันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
หรอื แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 44
6. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้นั ตอน จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
7. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั แลกเปลย่ี นความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม แล้วอภปิ รายผล
รว่ มกัน
ช่วั โมงที่ 2
ข้นั สอน
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
8. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมหนา้ ชัน้ เรียน ในระหว่างท่นี ักเรียน
นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ เพอ่ื ให้นักเรยี นมีความเขา้ ใจท่ีถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
9. ครถู ามคำถามท้ายกิจกรรม โดยให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพือ่ หา
คำตอบ ดงั นี้
• ถุงทรายท่วี างนงิ่ อย่บู นพ้ืนโต๊ะ มีแรงใดมากระทำต่อถุงทรายบ้าง
(แนวตอบ : มีเพยี งแต่แรงโน้มถว่ งของโลกท่ีมากระทำตอ่ วัตถุ)
• ขณะท่อี อกแรงดึงถุงทราย แตถ่ ุงทรายไม่เคล่อื นที่ มแี รงใดมากระทำตอ่ ถงุ ทรายบา้ ง
และแรงลัพธท์ ่ีกระทำตอ่ ถงุ ทรายมีค่าเทา่ ใด
(แนวตอบ : แรงเสียดทานสถติ ซง่ึ มีทิศทางตรงขา้ มกับวัตถุที่กำลังจะเรมิ่ เคล่ือนที่ โดยแรงลัพธ์
ทกี่ ระทำตอ่ ถงุ ทรายมีค่าเทา่ กับค่าแรงที่อา่ นได้จากเครื่องชง่ั สปริงขณะท่ีถงุ ทรายเร่ิมเคล่ือนที)่
• เมื่อออกแรงดงึ ถุงทรายให้เคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็วคงตัว มีแรงใดมากระทำต่อถงุ ทรายบา้ ง
และแรงลพั ธท์ ี่กระทำต่อถงุ ทรายมีค่าเทา่ ใด
(แนวตอบ : แรงเสียดทานจลน์ ซึง่ มที ิศทางตรงขา้ มกบั การเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ โดยแรงลัพธ์
ทีก่ ระทำตอ่ ถุงทรายมีคา่ เทา่ กบั ค่าแรงทอี่ ่านไดจ้ ากเคร่ืองชงั่ สปริงขณะที่ถงุ ทรายเคลอื่ นที่)
10. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายผลกจิ กรรม การหาขนาดของแรงเสียดทานว่า “ขนาดของ
แรงเสียดขน้ึ อยู่กบั ลักษณะผวิ สมั ผสั และขนาดของแรงท่ีกระทำตง้ั ฉากกบั ผวิ สมั ผัส โดยแรงเสยี ด-
ทาน แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ แรงเสยี ดทานสถติ ซึ่งจะมคี า่ สูงสดุ เมือ่ วัตถเุ รม่ิ จะเคล่ือนท่ี
และแรงเสยี ดทานจลน์ ซึง่ จะมีค่าสงู สดุ เม่ือวัตถุกำลงั เคลื่อนท่ี”
ชว่ั โมงท่ี 3
ขัน้ สอน
ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
11. ครทู บทวนความรู้เดิมของนกั เรยี น จากช่ัวโมงท่ีผ่านมา โดยใชค้ ำถาม ดงั นี้
• แรงเสียดทาน คืออะไร
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 45
(แนวตอบ : แรงทเ่ี กิดขน้ึ ระหว่างผวิ สัมผัสของวตั ถุ 2 ช้นิ ท่สี มั ผสั กนั ซ่ึงเป็นแรงทผี่ ิววัตถุหน่งึ
ตา้ นทานการเคลื่อนทีข่ องผวิ วัตถุอกี ชนดิ หน่งึ สง่ ผลให้วตั ถเุ คลือ่ นที่ชา้ ลงจนกระทง่ั หยดุ นงิ่ )
• แรงเสียดทาน มีกีป่ ระเภท อะไรบ้าง
(แนวตอบ : มี 2 ประเภท คือ แรงเสียดทานสถติ และแรงเสียดทานจลน์)
• ขนาดของแรงเสยี ดทานจะมากหรอื น้อยขน้ึ อยกู่ ับส่งิ ใด
(แนวตอบ : ผวิ สัมผัสของวัตถุ นำ้ หนักหรอื แรงกดของวตั ถทุ ่ีกดลงบนวตั ถอุ กี ชนิดหนง่ึ )
12. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ (กลุ่มเดมิ ) จากชว่ั โมงทีผ่ า่ นมา จากน้ันครูแจ้งจดุ ประสงค์ของกิจกรรม ปจั จยั ทมี่ ี
ผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน ให้นักเรียนทราบเพ่อื เป็นแนวทางการปฏิบัติกจิ กรรมท่ีถูกตอ้ ง
13. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษากิจกรรม ปัจจยั ทมี่ ีผลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทาน เพ่ือระบปุ ัจจยั
ทม่ี ผี ลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทาน และออกแบบการทดลองให้สอดคล้องกับปัจจยั ที่มีผลตอ่ ขนาด
ของแรงเสยี ดทาน จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยครใู ชร้ ูปแบบการเรยี นรู้
แบบร่วมมอื มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนภายในกลมุ่ มบี ทบาทหนา้ ท่ี
ของตนเอง ดงั น้ี
• สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหนา้ ท่ี เตรยี มวัสดุอปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการปฏิบตั ิกิจกรรมปัจจัยท่ีมีผลต่อ
ขนาดของแรงเสียดทาน
• สมาชกิ คนท่ี 3-4 ทำหนา้ ท่ี อ่านวิธีปฏิบตั ิกิจกรรม และนำมาอธบิ ายใหส้ มาชิกในกลมุ่ ฟัง
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหนา้ ท่ี บันทกึ ผลการปฏิบัติกิจกรรมลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
หรอื แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
14. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏิบตั ิกจิ กรรมตามข้ันตอน จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
15. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันแลกเปลยี่ นความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบัติกจิ กรรม แล้วอภิปรายผล
รว่ มกัน
ชัว่ โมงท่ี 4
ขน้ั สอน
ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
16. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ ชั้นเรียน ในระหวา่ งท่ีนกั เรียน
นำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพอื่ ให้นักเรยี นมีความเข้าใจที่ถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
17. ครูถามคำถามทา้ ยกจิ กรรม โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพ่ือหา
คำตอบ ดงั นี้
• มวลของวตั ถมุ ผี ลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทานอย่างไร
(แนวตอบ : มวลของวตั ถมุ ผี ลต่อแรงกดบนพ้ืน ถ้ามวลของวัตถมุ มี ากจะทำใหแ้ รงกดบนพ้นื
มมี ากขน้ึ สง่ ผลใหแ้ รงเสยี ดทานเพ่ิมขึ้น)
• พน้ื ผิวสัมผัสมผี ลต่อขนาดของแรงเสยี ดทานอยา่ งไร
(แนวตอบ : ผิวสมั ผัสท่ีเรียบจะมแี รงเสยี ดทานนอ้ ยกวา่ ผวิ สัมผัสทห่ี ยาบ)
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 46
18. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายผลกจิ กรรม ปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทานว่า“มวลของ
วตั ถุหรือน้ำหนักของวตั ถมุ ีผลตอ่ แรงกดของวตั ถุทก่ี ดลงบนพนื้ ถ้านำ้ หนักหรือแรงกดขอวัตถมุ าก
จะเกิดแรงเสียดทานมาก ถ้าน้ำหนักหรอื แรงกดของวัตถุน้อยจะเกดิ แรงเสยี ดทานน้อย นอกจากนี้
พน้ื ผวิ สมั ผสั ยังส่งผลต่อขนาดของแรงเสยี ดทาน โดยวตั ถุผิวเรียบยอ่ มทำใหเ้ กดิ แรงเสียดทานนอ้ ย
กว่าผิวสัมผสั ที่หยาบ เน่อื งจากวัตถทุ มี่ ีพื้นผวิ เรียบมกี ารเสยี ดสที ี่นอ้ ยกว่า”
ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
19. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนซักถามเนอ้ื หาเก่ียวกับ เร่ือง แรงเสยี ดทาน และใหค้ วามรเู้ พิ่มเตมิ
จากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรือ่ ง แรงเสียดทาน ในการอธบิ ายเพ่ิมเตมิ
20. นกั เรียนจับคูก่ ับเพื่อนในชั้นเรยี น ตามความสมัครใจ จากนั้นร่วมกันศึกษาวิธีการคำนวณหา
แรงเสียดทาน และตัวอยา่ งที่ 4.8-4.9 จากหนงั สือวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
21. ครูสุ่มนักเรียน จำนวน 2 คู่ ออกมาแสดงวกี ารคำนวณหาผลลัพธท์ ่ีไดร้ ว่ มกันศึกษา ครูอาจ
เสนอแนะ หรืออธิบายเพ่มิ เติมในตัวอยา่ งนั้น ๆ จากน้นั ให้นกั เรียนรว่ มกนั ทำใบงานท่ี 4.2.1
เร่ือง แรงเสียดทาน
22. ครูสุ่มเลขทีน่ ักเรยี น จำนวน 2-3 คน ใหย้ กตวั อยา่ งประโยชนข์ องการเพิ่มและลดแรงเสียดทาน
ในชีวิตประจำวนั มาคนละ 1 ตวั อย่าง
(แนวตอบ : เช่น พนื้ รองเท้ากีฬาช่วยเพ่ิมแรงเสียดทาน การใชน้ ำ้ มันหลอ่ ล่ืน เพื่อลดแรงเสยี ดทาน
ของกระบอกสูบเคร่อื งยนต)์
23. นกั เรียนตอบคำถามท้าทายการคดิ ขน้ั สูง ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
24. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง แรงเสยี ดทาน จากแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
เป็นการบ้านส่งในช่ัวโมงถดั ไป
ข้นั สรุป
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าชน้ั เรียน
2. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม การหาขนาดของแรงเสียดทาน และปัจจยั ที่มีผลต่อขนาดของ
แรงเสยี ดทาน ในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน หรือแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
3. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานที่ 4.2.1 เรือ่ ง แรงเสยี ดทาน
4. ครูตรวจสอบแบบฝึกหดั เร่อื ง แรงเสียดทาน จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
5. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเกี่ยวกบั แรงเสียดทาน ซ่ึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “แรงเสยี ดทาน เป็นแรง
ทเี่ กิดขน้ึ ระหว่างผวิ สัมผัสของวัตถุ เพือ่ ต้านการเคลอ่ื นท่ี แรงเสียดทาน มี 2 ประเภท คือ
แรงเสยี ดทานสถิต และแรงเสียดทานจลน์”
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 47
7. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวัด วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง
- ตรวจใบงานท่ี 4.2.1 - ใบงานท่ี 4.2.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจดั กจิ กรรม - ตรวจสมุดประจำตัว
การเรยี นรู้ หรือแบบฝกึ หดั - สมดุ ประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
1) แรงเสยี ดทาน วทิ ยาศาสตร์ ม.2
เลม่ 2 แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
2) ผลบันทึกการ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม - ตรวจสมุดประจำตัว ม.2 เล่ม 2
การหาขนาดของ หรอื แบบฝกึ หัด
แรงเสยี ดทาน วิทยาศาสตร์ ม.2 - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เลม่ 2 แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
3) ผลบนั ทึกการ ม.2 เลม่ 2
ปฏิบัติกจิ กรรม - ตรวจสมดุ ประจำตวั
ปัจจัยท่ีมผี ลต่อ หรือแบบฝกึ หดั - สมดุ ประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ขนาดของแรง วิทยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
เสยี ดทาน เล่ม 2 ม.2 เลม่ 2
4) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
ปฏิบตั ิกิจกรรม กจิ กรรม
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม - ระดับคณุ ภาพ 2
6) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม คุณลกั ษณะ - ระดบั คุณภาพ 2
อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
7) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมวี ินัย
อนั พงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
และมุง่ มนั่ ในการ
ทำงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 48
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แรงและการเคลอื่ นที่
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลอ่ื นท่ี
3) ใบงานท่ี 4.2.1 เร่อื ง แรงเสยี ดทาน
4) วัสดอุ ุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการปฏิบัตกิ จิ กรรมการหาขนาดของแรงเสยี ดทาน
5) วัสดุอุปกรณท์ ่ีใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมปจั จัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสยี ดทาน
6) อุปกรณส์ าธิตการทดลอง เชน่ ผา้ ขนหนู 2 ผืน
7) PowerPoint เรื่อง แรงเสียดทาน
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) อินเทอรเ์ น็ต
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 49
ใบงานท่ี 4.2.1
เร่อื ง แรงเสียดทาน
ตอนท่ี 1
คำชแ้ี จง : จงตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง
1. แรงเสียดทาน หมายถงึ ……………………………………………………………………….………………………………………......
2. ปจั จยั ที่มีผลต่อแรงเสยี ดทานมอี ะไรบ้าง………………………………………………………………………………………........
3. นักเรยี นคดิ วา่ การปัน่ จักรยานบนพื้นชนดิ ใดจะก่อใหเ้ กดิ แรงเสียดทานมากท่สี ุดระหว่างป่ันบนพื้นถนนทีล่ าด
ยางกบั ป่นั บนพ้ืนสนามหญา้ เพราะเหตุใด
……………………………………………………………………….……………………………………………………………………………..
4. จงบอกวิธีเพ่ิมและลดแรงเสียดทานมา 3 ขอ้
1) …………………………………………………………………………………….
2) …………………………………………………………………………………….
3) …………………………………………………………………………………….
5. จงบอกประโยชนข์ องการนำความรู้ เรื่อง แรงเสียดทาน มาใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวัน มา 3 ข้อ
1) …………………………………………………………………………………….
2) …………………………………………………………………………………….
3) …………………………………………………………………………………….
ตอนท่ี 2
คำชี้แจง : จงตอบแสดงวธิ ีทำตอ่ ไปน้ี
1. รถขนปูนหนัก 5,000 นิวตัน จอดนิ่งติดไฟแดงอยู่บนถนน โดยสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตตระหว่าล้อ
กับถนนมคี า่ เปน็ 0.2 จงคำนวณหาแรงเสยี ดทานท่เี กดิ ขน้ึ เม่ือรถขนปนู จะเรมิ่ เคลือ่ นท่ี
2. รพีภัทรออกแรงลากกล่องไม้หนัก 500 นิวตัน ไปบนพื้นแนวระดับ โดยสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์
ระหวา่ งกล่องไม้กบั พน้ื มีค่าเปน็ 0.5 จงคำนวณหาแรงเสียดทานทีเ่ กดิ ขึน้
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 50
ใบงานท่ี 4.2.1 เฉลย
เรอ่ื ง แรงเสยี ดทาน
ตอนที่ 1
คำชแ้ี จง : จงตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง
1. แรงเสียดทาน หมายถึง แรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผสั ของวัตถุเพ่ือตา้ นทานการเคล่ือนท่ขี องวตั ถุ
2. ปจั จยั ท่ีมผี ลต่อแรงเสยี ดทานมอี ะไรบ้าง ผวิ สมั ผสั น้ำหนกั หรอื แรงกดที่กระทำบนพื้น
3. นักเรียนคิดว่าการปน่ั จักรยานบนพืน้ ชนิดใดจะก่อให้เกดิ แรงเสียดทานมากทส่ี ุดระหว่างป่ันบนพน้ื ถนนทล่ี าด
ยางกบั ปั่นบนพน้ื สนามหญ้า เพราะเหตุใด
พื้นหญา้ เน่อื งจากยางบนพ้ืนถนนช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน
4. จงบอกวิธเี พ่ิมและลดแรงเสียดทานมาอย่างละข้อ
1) การทำลวดลายที่พน้ื รองเท้าช่วยเพม่ิ แรงเสียดทาน
2) การหยอดจารบีใหก้ บั บานพับประตูทีฝ่ ดื เพื่อลดแรงเสยี ดทาน
5. จงบอกประโยชน์ของการนำความรู้ เร่ือง แรงเสียดทาน มาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจำวนั มา 3 ขอ้
1) การทำดอกยางทีล่ ้อรถยนต์ ทำใหร้ ถยนต์เกาะกบั พนื้ ถนนไดด้ ี
2) การทำลวดลายบนพนื้ รองเทา้ เพ่ือกนั ล่ืน
3) การใช้แรงเสยี ดทานช่วยเพ่มิ แรงบิดฝาขวดนำ้ ใหเ้ ปิดออก
ตอนที่ 2
คำชแ้ี จง : จงตอบแสดงวธิ ที ำตอ่ ไปนี้
1. รถขนปูนหนัก 5,000 นิวตัน จอดนิ่งติดไฟแดงอยู่บนถนน โดยสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตตระหว่าลอ้
กบั ถนนมีค่าเปน็ 0.2 จงคำนวณหาแรงเสียดทานท่เี กิดขึ้นเม่ือรถขนปูนจะเร่ิมเคลอ่ื นท่ี
วธิ ที ำ จากสมการ fs = sN
fs = (0.2)(5,000)
fs = 1,000 N
ดงั นั้น แรงเสยี ดทานที่เกิดขึน้ เมอ่ื รถขนปนู จะเริ่มเคล่ือนทมี่ ีค่าเท่ากบั 1,000 นิวตนั
2. รพีภัทรออกแรงลากกล่องไม้หนัก 500 นิวตัน ไปบนพื้นแนวระดับ โดยสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์
ระหว่างกลอ่ งไมก้ บั พ้นื มคี า่ เปน็ 0.5 จงคำนวณหาแรงเสียดทานทีเ่ กดิ ข้ึน
วิธีทำ จากสมการ fk = kN
fs = (0.5)(500)
fs = 250 N
ดังนนั้ แรงเสยี ดทานท่เี กิดข้ึนมคี า่ เทา่ กบั 250 นวิ ตัน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 51
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงช่อื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 52
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แรงและการเคล่อื นที่ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลาเรียน 4 ช่ัวโมง
เร่อื ง แรงดนั ในของเหลวและแรงพยงุ ผสู้ อน นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชวี้ ัด
ว 2.2 ม.2/3 ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ีทเ่ี หมาะสมในการอธิบายปจั จยั ท่ีมีผลต่อ
ความดันของของเหลว
ว 2.2 ม.2/4 วเิ คราะหแ์ รงพยงุ และการจม การลอยของวัตถใุ นของเหลวจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
ว 2.2 ม.2/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่กี ระทำตอ่ วตั ถุในของเหลว
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายปจั จยั ท่มี ีผลต่อความดันของของเหลวได้ (K)
2. อธิบายลักษณะการจมและลอยของวตั ถใุ นของเหลวได้ (K)
3. เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทำต่อวตั ถใุ นของเหลวได้ (P)
4. ปฏิบัตกิ จิ กรรมความดันของของเหลวและแรงทกี่ ระทำตอ่ วัตถุในของเหลวได้อยา่ งถูกต้อง
และเป็นลำดับขั้นตอน (P)
5. มีความมุ่งมนั่ ในการเรยี นรูแ้ ละทำงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถนิ่
• เมอ่ื วัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงทขี่ องเหลวกระทำตอ่ วตั ถุในทุกทิศทาง โดยแรงท่ี
ของเหลวกระทำ พจิ ารณาตาม
ตง้ั ฉากกับผิววตั ถุต่อหนงึ่ หน่วยพนื้ ท่ี เรยี กวา่ หลกั สูตรของ
ความดันของของเหลว สถานศกึ ษา
• ความดนั ของของเหลวมคี วามสมั พนั ธก์ บั ความลึกจากระดับผิวหนา้ ของของเหลว
โดยบริเวณทลี่ กึ ลงไปจากระดับผิวหน้าของของเหลวมากข้ึน ความดันของ
ของเหลวจะเพ่ิมขึน้ เน่ืองจากของเหลวท่ีอยู่
ลึกกวา่ จะมีนำ้ หนักของของเหลวดา้ นบนกระทำมากกวา่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 53
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
แรงดันในของเหลวเป็นแรงที่ของเหลวกระทำตั้งฉากกับผิวของวัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เรียกว่า
ความดันของของเหลว ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความลึกจากระดับผิวหน้าของของเหลว โดยบริเวณที่ลึกลงไป
จากผิวหน้าของของเหลวมากขึ้นจะทำให้ความดันของเหลวเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวท่ีอยู่ลึกกว่าจะมี
น้ำหนกั ของของเหลวด้านบนกระทำมากกว่า และเมอื่ วตั ถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงพยงุ ซ่ึงเป็นแรงที่ของเหลว
กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในของเหลว มีทิศขึ้นในแนวดิ่ง โดยขนาดของแรงพยุงมีค่าเท่ากับขนาดของน้ำหนักของ
ของเหลวที่ถูกวัตถุแทนที่ หากน้ำหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลวมีค่าเท่ากัน วัตถุจะลอยนิ่งอยู่ใน
ของเหลว แต่หากวตั ถมุ นี ำ้ หนักมากกว่าแรงพยงุ ของของเหลววัตถจุ ะจม
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการสงั เกต 3. ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต
2) ทักษะการทดลอง 4. มงุ่ มั่นในการทำงาน
3) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
4) ทักษะการคำนวณ
5) ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล
6) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงที่ 1
ขั้นนำ
ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนเกีย่ วกับ เรื่อง แรงเสียดทาน จากนน้ั ครูแจง้ จดุ ประสงค์
การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
2. นักเรยี นดูวดี ทิ ัศน์เกีย่ วกับความดนั ของของเหลว จากนนั้ ครตู ั้งประเดน็ คำถามกระตุ้นความสนใจ
นกั เรียนวา่ “เมอ่ื นำนำ้ ใส่ในลูกโป่ง ทำไมลูกโปง่ จึงมีขนาดใหญข่ ้นึ ” โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 54
รว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระโดยไม่มีการเฉลยว่าถกู หรือผดิ
(แนวตอบ : เพราะแรงดันของนำ้ ทำใหล้ ูกโป่งขยายตัว)
ขน้ั สอน
ข้นั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน ตามความสมคั รใจ จากนน้ั ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา
คน้ คว้าข้อมลู เกยี่ วกับ เร่ือง แรงดันในของเหลว จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
หรอื แหลง่ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็
2. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั อภปิ รายเร่ืองทไี่ ด้ศกึ ษา จากน้ันใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนเขียนสรปุ ความรู้
ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้าลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน เพื่อนำส่งครทู ้ายช่วั โมง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
3. ครูส่มุ นักเรยี น จำนวน 4 กลุม่ ออกมาเสนอผลจากการศึกษาขอ้ มูลหนา้ ขนั้ เรียน ในระหวา่ งที่
นักเรียนนำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม เพ่ือใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจทถี่ กู ตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
4. นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาภาพปลาที่อยู่ในภาชนะท่ีมรี ูปทรงแตกต่างกัน จากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากน้นั ครูต้งั ประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรยี นวา่ “ปลาท้ัง 2 ตัว
จะไดร้ บั ความดนั ของของเหลวเท่ากันหรอื ไม่ อย่างไร” โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนรว่ มกันอภปิ ราย
แสดงความคดิ เห็นเพื่อหาคำตอบ
(แนวตอบ : เท่ากนั เน่ืองจากปลาท้ังสองตวั อย่ใู นระดับความลึกท่เี ทา่ กนั ซ่งึ รปู ร่างของภาชนะไมม่ ี
ผลตอ่ ความดนั ของของเหลว)
5. นักเรยี นแต่ละคนศึกษาตวั อย่างที่ 4.10 จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 จากนั้นครสู ุ่ม
นกั เรยี น จำนวน 2 คน ออกมาแสดงวิธกี ารคำนวณหาผลลัพธท์ ีไ่ ด้ศึกษา ครูอาจเสนอแนะ
หรอื อธบิ ายเพม่ิ เติมในตวั อย่างนน้ั ๆ
6. ครอู ธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า “เม่ือวัตถุอยใู่ นของเหลวจะมแี รงที่ของเหลวกระทำต่อวตั ถุ
ในทกุ ทิศทาง ซ่ึงแรงจะกระทำตอ่ วตั ถใุ นทศิ ทางตั้งฉากต่อหนึง่ พื้นท่ี เรยี กวา่ ความดันของ
ของเหลว ขนาดของแรงที่มากระทำต่อวตั ถุจะสมั พนั ธก์ ับพ้ืนทีผ่ วิ ของวัตถุ ความหนาแน่นของ
ของเหลว และความลกึ ของของเหลว โดยรปู รา่ งของภาชนะไม่มผี ลต่อความดนั ของของเหลว”
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 55
ช่วั โมงที่ 2
ข้ันสอน
ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
7. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากน้นั ครูแจ้งจดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
ความดนั ของของเหลว ให้นักเรียนทราบเพ่ือเปน็ แนวทางการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่ถกู ต้อง
8. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษากจิ กรรม ความดันของของเหลว เพือ่ ศึกษาปัจจยั ทม่ี ีผลตอ่
ความดนั ของของเหลว จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยครูใชร้ ปู แบบการเรียนรู้
แบบรว่ มมอื มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้สมาชกิ แตล่ ะคนภายในกล่มุ มบี ทบาทหนา้ ที่
ของตนเอง ดงั น้ี
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าท่ี เตรยี มวสั ดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏิบัติกิจกรรมความดันของ
ของเหลว
• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหนา้ ท่ี อ่านวิธปี ฏิบตั ิกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกในกลมุ่ ฟงั
• สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหน้าท่ี บันทกึ ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
9. นักเรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกันปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้นั ตอน จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
10. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันแลกเปล่ียนความรูแ้ ละวเิ คราะห์ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม แลว้ อภิปรายผล
รว่ มกนั
ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
11. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหน้าชนั้ เรยี น ในระหวา่ งท่ีนักเรยี น
นำเสนอ ครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพือ่ ใหน้ ักเรยี นมีความเข้าใจท่ีถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
12. ครูถามคำถามท้ายกจิ กรรม โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพ่ือหา
คำตอบ ดงั น้ี
• จากกิจกรรม ที่ระดับความสูงรูที่ 1 กับรูท่ี 2 รูใดที่ของเหลวพุ่งออกจากขวดไปได้ระยะไกลกวา่ กัน
(แนวตอบ : พจิ ารณาจากผลการทำกจิ กรรมทีเ่ กดิ ขน้ึ จริง รทู ี่ 2 ของเหลวจะพ่งุ ไปได้ไกลกวา่
เนอื่ งจากความดนั ของของเหลวแปรผันตรงกับความลึกของของเหลว)
• จากกิจกรรมที่ระดบั ความสูงเดียวกันของเหลวชนิดใดที่พงุ่ ออกจากขวดไปไดร้ ะยะทางไกลกวา่ กนั
(แนวตอบ : พิจารณาจากผลการทำกิจกรรมทเี่ กดิ ขึน้ จรงิ ของเหลวทม่ี ีความหนาแน่นมากกว่า
ย่อมมคี วามดันมากกว่าของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า)
13. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายผลกจิ กรรม ความดันของของเหลวว่า “ท่รี ะดับความลึกเดยี วกนั
แรงดันนำ้ จะพุ่งออกมาเท่ากนั แตถ่ า้ ย่งิ ลึกข้นึ แรงดันนำ้ จะพงุ่ ออกมามากขึน้ เน่ืองจากที่ระดบั
ความลกึ มาก ความดันของของเหลวจะมคี า่ มาก และท่รี ะดับความลึกเท่ากนั ของเหลวจะมี
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 56
ความดันเทา่ กัน โดยรูปร่างของภาชนะไม่มีผลตอ่ แรงดันน้ำ นอกจากน้ที ี่ระดับความลึกเท่ากัน
แรงดันนำ้ จะแปรผันกับความหนาแน่นของของเหลว ถ้าของเหลวชนดิ ใดมีความหนาแน่นมากกวา่
ย่อมมีแรงดันนำ้ มากกวา่ ของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า”
ชั่วโมงท่ี 3
ขัน้ สอน
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
14. ครนู ำอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เชน่ บีกเกอร์ จกุ ไม้คอรก์ และกอ้ นหิน จากนนั้ ครเู ติมน้ำลงใน
บีกเกอร์ แลว้ นำจกุ ไมค้ อรก์ และกอ้ นหนิ ใสล่ งในบีกเกอร์ที่บรรจนุ ้ำ โดยให้นกั เรียนแต่ละคน
สังเกตการจมลอยของจุกไม้คอร์ก และก้อนหิน
15. ครูถามคำถามกระตนุ้ ความคิดนกั เรยี น โดยครูให้นักเรียนแตล่ ะคนร่วมกนั อภิปรายแสดงความ
คิดเหน็ อย่างอสิ ระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด ดงั นี้
• มแี รงชนดิ ใดบา้ งที่กระทำต่อจุกไม้คอร์กและก้อนหนิ
(แนวตอบ : แรงดันในของเหลว)
• เพราะเหตุใดก้อนหินจงึ จมนำ้ แต่จกุ ไม้คอร์กลอยนำ้ ได้
(แนวตอบ : เพราะแรงลพั ธใ์ นแนวด่งิ หรอื แรงพยุงมีค่าไมเ่ ท่ากบั ศนู ย์)
16. นกั เรียนจบั คู่กับเพื่อนในชั้นเรียน ตามความสมัครใจ โดยศึกษาคน้ ควา้ ข้อมลู เก่ยี วกับ
เรอ่ื ง แรงพยุง จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรอื QR Code เรอื่ ง แรงพยุง
17. นักเรยี นแต่ละคู่จบั คู่กบั เพอื่ นในช้นั เรยี นอีกหน่งึ คู่ ทำใหแ้ ต่ละกลุม่ มีสมาชกิ ในกลุ่ม จำนวน 4 คน
จากนน้ั ให้แตล่ ะกลุ่มร่วมกันศึกษาข้อมลู เก่ยี วกับ เรอ่ื ง ลักษณะการจมและลอยของวตั ถเุ นือ่ งจาก
แรงพยงุ และยกตวั อยา่ งปจั จัยทีส่ ่งผลต่อขนาดของแรงพยุงมา 1 ตัวอยา่ ง จากหนังสือเรยี น
วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือแหล่งการเรยี นรตู้ ่าง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต ห้องสมุด
18. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันอภิปรายเร่อื งทไี่ ด้ศกึ ษา จากนั้นให้แต่ละกลุม่ นำขอ้ มูลท่ีได้จากการ
ค้นคว้ามาจัดทำในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ แผนภาพ แผนผังมโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแตง่
ให้สวยงาม
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )
ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
19. นักเรยี นแตล่ ะคนออกมานำเสนอผลการศึกษาขอ้ มลู หน้าขั้นเรยี น ในระหวา่ งท่นี ักเรียนนำเสนอ
ครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพม่ิ เติม เพ่อื ใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
20. ครูถามคำถามทา้ ทายการคดิ ข้ันสูง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพอื่ หา
คำตอบ โดยใชค้ ำถาม H.O.T.S. จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 ว่า “วตั ถทุ ่ลี อยนิง่ อย่ใู น
ของเหลวกับวัตถุท่ีจมอยูใ่ นของเหลว มขี นาดของแรงที่มากระทำต่อวัตถเุ หมือนหรือแตกตา่ งกัน
อยา่ งไร”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 57
(แนวตอบ : วัตถุท่ีจมและลอยในของเหลวล้วนมีแรงดนั ในของเหลวมากระทำตอ่ วตั ถใุ นแนวระดบั
ขนาดเท่ากนั ทำใหแ้ รงลพั ธ์ในแนวระดับมีค่าเทา่ กับศนู ยเ์ หมือนกนั แตว่ ัตถุทจี่ มจะมีแรงทกี่ ระทำ
ต่อวัตถทุ างด้านบนมากกว่าด้านล่าง ส่วนวัตถทุ ล่ี อยนำ้ จะมีแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุทางด้านล่าง
มากกวา่ ด้านบน)
21. จากน้ันครถู ามคำถามเพิ่มเติมว่า “นกั เรยี นคดิ วา่ ปัจจัยใดทสี่ ง่ ผลตอ่ ขนาดของแรงพยงุ ”
(แนวตอบ : ปรมิ าตรของวตั ถุและความหนาแนน่ ของของเหลว)
ช่วั โมงที่ 4
ขนั้ สอน
ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
22. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3-4 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันครูแจ้งจดุ ประสงค์ของกิจกรรม
แรงทีก่ ระทำต่อวัตถุในของเหลว ใหน้ กั เรยี นทราบเพ่ือเป็นแนวทางการปฏิบตั ิกิจกรรมท่ีถกู ต้อง
23. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษากิจกรรม แรงที่กระทำต่อวตั ถุในของเหลว เพ่ือเขยี นแผนภาพ
แสดงแรงที่กระทำต่อวัตถใุ นของเหลว จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 จากนั้นแต่ละ
กลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมารับวสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุใน
ของเหลว
24. สมาชกิ ภายในกล่มุ รว่ มกันเขียนภาพแสดงแรงท่ีกระทำต่อวตั ถใุ นของเหลวลงในกระดาษ A4
จากนน้ั ร่วมกนั อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ทิศทางของแรงท่กี ระทำต่อวตั ถุในของเหลว
ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
25. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหน้าช้นั เรยี น ในระหวา่ งที่นักเรยี น
นำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพอื่ ใหน้ ักเรยี นมีความเข้าใจที่ถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
26. ครูถามคำถามท้ายกิจกรรม โดยให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพอ่ื หา
คำตอบ ดงั นี้
• แรงและขนาดของแรงทีม่ ากระทำตอ่ วตั ถุในแต่ละภาพมีขนาดเทา่ ใด และมแี รงชนดิ ใดบ้าง
(แนวตอบ : มแี รงดันในของเหลว และแรงพยงุ )
• เพราะเหตุใดลักษณะการจมและลอยของวตั ถใุ นแตล่ ะภาพจงึ แตกต่างกัน
(แนวตอบ : แรงลพั ธ์ในแนวด่ิงมคี ่าไม่เท่ากับศูนย์)
27. นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกจิ กรรม แรงที่กระทำตอ่ วตั ถุในของเหลวว่า“วตั ถุท่จี มนำ้ จะมี
นำ้ หนักมากกวา่ ขนาดของแรงพยุง วตั ถทุ ล่ี อยนำ้ จะมขี นาดของแรงพยุงมากกวา่ น้ำหนกั ของวตั ถุ”
ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
28. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามเน้อื หาเก่ยี วกับ เรอื่ ง แรงดันในของเหลวและแรงพยงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 58
และให้ความรูเ้ พมิ่ เตมิ จากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง แรงดันในของเหลว
และแรงพยงุ ในการอธบิ ายเพ่ิมเตมิ
29. นกั เรยี นแต่ละคนทำแบบฝึกหดั เร่อื ง แรงดันในของเหลวและแรงพยงุ จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2
ขั้นสรุป
ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหน้าชั้นเรยี น
2. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม ความดนั ของของเหลว และแรงที่กระทำต่อวตั ถใุ นของเหลว
ในสมดุ ประจำตวั นักเรียน หรอื แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
3. ครตู รวจสอบแบบฝึกหดั เรือ่ ง แรงดันในของเหลวและแรงพยงุ จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2
4. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรงดันในของเหลวและแรงพยุง ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันวา่
“เมอื่ วตั ถอุ ยู่ในของเหลวจะมีแรงทข่ี องเหลวกระทำต่อวตั ถุในทุกทิศทางโดยแรงทขี่ องเหลวกระทำ
ตงั้ ฉากกบั ผิวของวัตถตุ ่อหน่ึงหนว่ ยพ้นื ท่ี เรยี กว่า ความดันของของเหลว และแรงพยุง เกิดจาก
ของเหลวกระทำต่อวัตถทุ ี่อย่ใู นของเหลวซง่ึ มีทิศข้นึ ในแนวดิ่ง ขนาดของแรงพยงุ มคี า่ เทา่ กับขนาด
ของนำ้ หนักของของเหลวที่ถูกวตั ถแุ ทนที่”
7. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
7.2 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจดั กจิ กรรม หรือแบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เล่ม 2
1) แรงดนั ในของเหลว เล่ม 2
และแรงพยงุ
2) ผลบนั ทกึ การ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม หรอื แบบฝึกหดั แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
ความดันของ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
ของเหลว เล่ม 2
3) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏิบตั กิ จิ กรรม หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
แรงท่ีกระทำต่อ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เล่ม 2
วัตถุในของเหลว เลม่ 2
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 59
รายการวดั วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2
4) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ นำเสนอผลงาน
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ ผา่ นเกณฑ์
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม กจิ กรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2
5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานกลุ่ม
- แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2
6) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม อนั พงึ ประสงค์ - ระดบั คุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
7) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี นิ ยั
อันพงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
และมงุ่ มน่ั ในการ
ทำงาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แรงและการเคลอื่ นที่
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 แรงและการเคลอ่ื นที่
3) วสั ดุอุปกรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมความดนั ของของเหลว
4) วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมแรงท่ีกระทำต่อวัตถใุ นของเหลว
5) อปุ กรณส์ าธติ การทดลอง เชน่ บกี เกอร์ จุกไม้คอร์ก และก้อนหนิ
6) PowerPoint เร่ือง แรงดันในของเหลวและแรงพยุง
7) QR Code เรื่อง แรงพยงุ
8) วดี ทิ ัศนเ์ ก่ียวกบั ความดันของของเหลว
จาก https://www.youtube.com/watch?v=CSdM7B71BEM
9) สมุดประจำตวั นักเรียน
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) อินเทอรเ์ นต็
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 60
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงช่อื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 61
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 แรงและการเคลอื่ นที่ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง
เรอ่ื ง โมเมนต์ของแรง ผู้สอน นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
ว 2.2 ม.2/10 ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ีที่เหมาะสมในการอธบิ ายโมเมนต์ของแรง
เมื่อวตั ถอุ ย่ใู นสภาพสมดุลตอ่ การหมุน และคำนวณโดยใชส้ มการ M = Fl
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายโมเมนตข์ องแรงได้ (K)
2. คำนวณหาปริมาณต่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้องกบั โมเมนตข์ องแรงได้ (P)
3. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสมดุลต่อการหมนุ และโมเมนต์ของแรงได้อย่างถกู ต้องและเปน็ ลำดบั ขน้ั ตอน (P)
4. มคี วามใฝเ่ รียนรู้และมีความมุง่ ม่นั ในการทำงาน (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถ่นิ
สาระการเรียนร้แู กนกลาง พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• เมื่อมีแรงที่กระทำต่อวัตถุโดยไม่ผ่านศูนย์กลาง
มวลของวัตถุ จะเกิดโมเมนต์ของแรง ทำให้วัตถุ
หมุนรอบศูนยก์ ลางมวลของวตั ถนุ ้ัน
• โมเมนตข์ องแรงเปน็ ผลคณู ของแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุ
กับระยะทางจากจุดหมุนไปตั้งฉากกับแนวแรง
เมื่อผลรวมของโมเมนต์ของแรงมีค่าเป็นศูนย์
วัตถุจะอยู่ในสภาพสมดุลต่อการหมุน โดยโมเมนต์
ของแรงในทิศทวนเข็มนาฬิกาจะมีขนาดเท่ากับ
โมเมนตข์ องแรงในทศิ ตามเข็มนาฬิกา
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 62
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
โมเมนต์ของแรงเป็นแรงที่กระทำต่อวัตถุโดยไม่ผ่านศูนย์กลางมวลของวัตถุ ซึ่งทำให้วัตถุหมุนรอบ
ศูนย์กลางมวลของวัตถุ โดยโมเมนต์ของแรงในทิศทวนเข็มนาฬิกาจะมีค่าเท่ากับโมเมนต์ของแรงในทิศตาม
เขม็ นาฬิกา
5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย รบั ผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ
1) ทักษะการสังเกต 4. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
2) ทกั ษะการทดลอง
3) ทักษะการทำงานร่วมกนั
4) ทกั ษะการคำนวณ
5) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู
6) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงท่ี 1
ขน้ั นำ
ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนเกย่ี วกับ เร่ือง แรงในชวี ิตประจำวัน จากน้ันครูแจ้งจดุ ประสงค์
การเรยี นรู้ให้นักเรียนทราบ
2. ครูนำอุปกรณส์ าธติ การทดลอง เชน่ เครื่องชั่งสองแขน และเหรียญเงนิ จากน้ันครูขออาสาสมัคร
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 63
นกั เรียน จำนวน 2 คน โดยให้ตัวแทนนกั เรียนนำเหรยี ญเงินมาวางบนแขนทง้ั สองขา้ งของเครอ่ื งช่ัง
เพื่อให้แขนท้ังสองขา้ งของเครื่องช่ังสมดุลกนั หากแขนท้ังสองขา้ งของเคร่ืองช่งั ยังไม่สมดุล
ครอู าจส่มุ นักเรียนออกมา 1 คน มาใสเ่ หรยี ญเงนิ เพ่อื ให้แขนท้งั สองข้างของเครื่องชัง่ สมดุล
3. นกั เรียนแต่ละคนสงั เกตกิจกรรมการทดลอง จากน้นั ครูต้งั ประเด็นคำถามกระตุน้ ความคิดนกั เรียน
โดยให้นักเรียนแตล่ ะคนร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อย่างอิสระโดยไมม่ ีการเฉลยว่า
ถกู หรอื ผดิ ดังนี้
• หลักการของแรงเรื่องใดทส่ี ามารถนำมาประยกุ ต์ใช้กับเคร่ืองชง่ั สองแขน
(แนวตอบ : โมเมนต์ของแรง)
• นกั เรยี นคดิ วา่ วัตถทุ ี่ใส่ในแขนเครอื่ งช่ังดา้ นขวาของตาชง่ั เปน็ โมเมนตข์ องแรงประเภทใด
(แนวตอบ : โมเมนต์ตามเขม็ นาฬกิ า)
• นักเรยี นคิดวา่ วัตถทุ ใ่ี ส่ในแขนเคร่ืองช่ังดา้ นซ้ายของตาชงั่ เป็นโมเมนตข์ องแรงประเภทใด
(แนวตอบ : โมเมนต์ทวนเข็มนาฬกิ า)
ขัน้ สอน
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3 คน ตามความสมัครใจ เพื่อรว่ มกันศึกษา เรือ่ ง โมเมนตข์ องแรง
จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหลง่ การเรยี นรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
โดยสมาชิกภายในกลมุ่ แบ่งหนา้ ที่กนั ศึกษา หัวข้อเรอื่ ง มีดังน้ี
• คนท่ี 1 ศกึ ษาความหมายของโมเมนตข์ องแรง
• คนท่ี 2 ศึกษาประเภทของโมเมนต์ของแรง
• คนที่ 3 ศกึ ษาสมการโมเมนต์ของแรง
2. สมาชกิ ภายในกลมุ่ นำเรื่องทตี่ นเองศกึ ษามาอธบิ ายให้เพ่ือนในกลุม่ ฟัง แลว้ รว่ มกันสรุปข้อมูลท่ไี ด้
ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น เพอื่ นำส่งครูท้ายช่วั โมง
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ช้ันเรียน ในระหว่างท่นี กั เรยี นนำเสนอ
ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมีความเข้าใจท่ีถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจเก่ียวกับการนำหลักการของโมเมนต์มาใช้ประโยชนใ์ นด้าน
ตา่ ง ๆ ว่า “หลักการของโมเมนต์สามารถนำมาใชป้ ระโยชนใ์ นด้านต่าง ๆ มากมาย เชน่ โมบาย
ของเลน่ ไมก้ ระดก คมี ตัดลวด ล้อและเพลา เปน็ ต้น”
5. นักเรียนแต่ละคนศึกษาตัวอย่างการคำนวณโจทย์ปญั หาจากตัวอยา่ งที่ 4.12-4.13 จากหนงั สอื
เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากน้นั ครูสุ่มนกั เรียน จำนวน 3-4 คน ออกมาแสดงวธิ กี าร
คำนวณหาผลลพั ธท์ ่ีได้ศึกษา ครูอาจเสนอแนะ หรืออธิบายเพ่มิ เติมในตัวอย่างน้ัน ๆ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 64
ช่วั โมงที่ 2
ขน้ั สอน
ขัน้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
6. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากน้นั ครูแจง้ จุดประสงคข์ องกิจกรรม
สมดุลต่อการหมนุ และโมเมนตข์ องแรง ใหน้ ักเรียนทราบเพื่อเปน็ แนวทางการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ทถ่ี กู ต้อง
7. นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกนั ศกึ ษากิจกรรม สมดุลตอ่ การหมนุ และโมเมนต์ของแรง เพ่ือออกแบบคาน
จากวัสดุที่กำหนดให้และทดลองทำให้วัตถอุ ยู่ในสมดุลดว้ ยหลกั การโมเมนต์ของแรง จากหนังสือ
เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยครใู ช้รูปแบบการเรียนรูแ้ บบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้
โดยกำหนดใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหนา้ ที่ของตนเอง ดังนี้
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าท่ี เตรยี มวัสดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสมดุลต่อการหมนุ
และโมเมนตข์ องแรง
• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหน้าที่ อ่านวธิ ปี ฏบิ ัตกิ ิจกรรม และนำมาอธบิ ายใหส้ มาชิกในกลุม่ ฟงั
• สมาชกิ คนที่ 5-6 ทำหนา้ ที่ บันทกึ ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
8. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามขัน้ ตอน จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
9. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั แลกเปลีย่ นความรแู้ ละวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผล
รว่ มกนั
ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
10. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอคานทีป่ ระดิษฐข์ ึน้ โดยอธิบายระยะของจุดหมุนไปยงั แนวแรง
ท่มี ากระทำ และรปู แบบทีท่ ำให้คานอยู่ในสภาพสมดุลต่อการหมนุ หนา้ ชัน้ เรยี น ในระหวา่ งที่
นกั เรยี นนำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม เพื่อใหน้ ักเรียนมคี วามเข้าใจทีถ่ ูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
11. ครูถามคำถามท้ายกจิ กรรม โดยให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพือ่ หา
คำตอบ ดังนี้
• โมเมนต์ของแรง คอื อะไร
(แนวตอบ : ผลของแรงซึ่งกระทำต่อวตั ถุ แลว้ ทำให้วตั ถุหมุนรอบจดุ รอบ หรือจุดศนู ย์กลางมวล)
• คานจะอยใู่ นสภาพสมดลุ ได้อย่างไร
(แนวตอบ : เมอื่ ผลรวมของโมเมนตข์ องแรงมีค่าเท่ากบั ศูนย์ หรือผลรวมของโมเมนตท์ วนเข็ม
นาฬกิ ามคี ่าเท่ากับผลรวมของโมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา)
12. นักเรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายผลกิจกรรม สมดุลต่อการหมนุ และโมเมนตข์ องแรงว่า“โมเมนต์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 65
ของแรง คอื การหมุนของวตั ถรุ อบจุดศูนย์กลางมวล หรือจุดหมนุ เน่ืองจากแรงมากระทำตอ่ วตั ถุ
ในแนวศนู ยก์ ลางมวลของวตั ถุ เมื่อพจิ ารณาจากทศิ ทางการหมนุ จะสามารถแบง่ โมเมนตข์ องแรงได้
เปน็ 2 ลักษณะ คอื โมเมนต์ทวนเขม็ นาฬิกาและโมเมนต์ตามเขม็ นาฬกิ า โดยโมเมนต์ของแรง
สามารถคำนวณได้จากผลคูณของแรงทก่ี ระทำตอ่ วตั ถุกบั ระยะทางจากจดุ หมุนไปต้ังฉากกับแนว
แรงท่มี ากระทำ”
ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
13. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเนอ้ื หาเก่ยี วกบั เรอ่ื ง โมเมนตข์ องแรง และให้ความรู้เพิ่มเติม
จากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรอื่ ง โมเมนตข์ องแรง ในการอธิบายเพมิ่ เติม
14. นกั เรยี นแต่ละคนทำแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง โมเมนต์ของแรง จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ข้ันสรุป
ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ ชนั้ เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม สมดลุ ต่อการหมนุ และโมเมนต์ของแรง ในสมดุ ประจำตัว
นักเรยี น หรือแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
3. ครูตรวจสอบแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง โมเมนต์ของแรง จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
4. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปเก่ยี วกับโมเมนต์ของแรง ซง่ึ ได้ข้อสรปุ รว่ มกันว่า “โมเมนตข์ องแรง
เป็นปรมิ าณทีบ่ อกถึงความสามารถของแรงท่ีทำใหว้ ัตถหุ มนุ รอบจดุ หมุน เมื่อวัตถุอยใู่ นสมดุลตอ่
การหมนุ ผลรวมของโมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกาเท่ากบั ผลรวมของโมเมนตต์ ามเขม็ นาฬิกา”
7. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด
- ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
การจัดกิจกรรม วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
การเรียนรู้ เล่ม 2
1) โมเมนต์ของแรง - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรอื แบบฝึกหดั แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
2) ผลบนั ทกึ การ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
ปฏิบัตกิ ิจกรรม
สมดลุ ตอ่ การหมุน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 66
รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
เลม่ 2
และโมเมนต์ - ระดับคณุ ภาพ 2
ของแรง - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน
3) การนำเสนอ กจิ กรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผลงาน/ผลการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
ปฏิบัตกิ จิ กรรม - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล
การทำงานรายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
4) พฤติกรรมการ การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
ทำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
5) พฤติกรรมการ อนั พึงประสงค์
ทำงานกลมุ่ - สงั เกตความมวี นิ ยั
รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้
6) คณุ ลักษณะ และมุ่งม่นั ในการ
อันพงึ ประสงค์ ทำงาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แรงและการเคล่ือนที่
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 แรงและการเคลือ่ นท่ี
3) วสั ดอุ ุปกรณ์ที่ใชใ้ นการปฏิบตั กิ จิ กรรมสมดุลต่อการหมุนและโมเมนต์ของแรง
4) อุปกรณ์สาธติ การทดลอง เช่น เครือ่ งชัง่ สองแขน และเหรียญเงนิ
5) PowerPoint เร่ือง โมเมนต์ของแรง
6) สมุดประจำตวั นักเรยี น
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) อนิ เทอร์เน็ต
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 67
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงช่อื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 68
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 แรงและการเคลือ่ นท่ี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
เรอ่ื ง สนามของแรง ผู้สอน นางสาวจติ ตญิ าภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชว้ี ดั
ว 2.2 ม.2/11 เปรียบเทยี บแหล่งของสนามแมเ่ หลก็ สนามไฟฟ้า และสนามโนม้ ถ่วง และทิศทางของ
แรงที่กระทำตอ่ วัตถุทอ่ี ยู่ในแตล่ ะสนาม จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้
ว 2.2 ม.2/12 เขียนแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ ถว่ งทกี่ ระทำตอ่ วัตถุ
ว 2.2 ม.2/13 วเิ คราะห์ความสมั พันธ์ระหว่างขนาดของแรงแมเ่ หลก็ แรงไฟฟา้ และแรงโน้มถ่วง
ทีก่ ระทำตอ่ วัตถุทอี่ ยู่ในสนามนั้น ๆ กับระยะห่างจากแหลง่ ของสนามถงึ วัตถุจากขอ้ มูล
ที่รวบรวมได้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความหมายและลักษณะสนามของแรงได้ (K)
2. เปรียบเทยี บแหล่งของสนามแมเ่ หลก็ สนามไฟฟ้า และสนามโน้มถว่ ง และทศิ ทางของแรงทก่ี ระทำ
ตอ่ วัตถทุ อ่ี ยใู่ นแตล่ ะสนามได้ (K)
3. วิเคราะห์ความสมั พนั ธร์ ะหว่างขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ ถ่วงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถทุ ่ี
อยู่ในสนามน้ัน ๆ กับระยะหา่ งจากแหล่งของสนามถงึ วตั ถุได้ (K)
4. เขยี นแผนภาพแสดงแรงแม่เหลก็ แรงไฟฟา้ และแรงโน้มถ่วงท่ีกระทำตอ่ วตั ถุได้ (P)
5. มคี วามใฝ่เรียนรู้และมีความมุง่ มน่ั ในการทำงาน (A)
3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถนิ่
• วตั ถุทมี่ ีมวลจะมสี นามโนม้ ถว่ งอยโู่ ดยรอบ แรงโน้ม-ถ่วงที่ พจิ ารณาตามหลักสตู รของ
กระทำตอ่ วัตถุทอี่ ยู่ในสนามโนม้ ถ่วงจะมี สถานศึกษา
ทศิ พุ่งเข้าหาวตั ถุท่ีเปน็ แหลง่ ของสนามโน้มถ่วง
• วัตถุทีม่ ปี ระจุไฟฟ้าจะมสี นามไฟฟ้าอยโู่ ดยรอบ
แรงไฟฟา้ ทกี่ ระทำต่อวัตถุทมี่ ีประจจุ ะมีทศิ พุ่งเข้าหา หรือออก
จากวัตถุท่ีมีประจุท่ีเป็นแหล่งของสนามไฟฟ้า
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 69
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
• วัตถุที่เป็นแม่เหล็กจะมีสนามแม่เหล็กอยู่โดยรอบ
แรงแม่เหล็กท่ีกระทำต่อข้ัวแม่เหล็กจะมีทิศพุ่งเข้าหา
หรอื ออกจากขวั้ แม่เหล็กทเ่ี ป็นแหล่งสนามแม่เหลก็
ขนาดของแรงโน้มถ่วง แรงไฟฟ้า และแรงแม่เหล็ก
ที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในสนามนั้น ๆ จะมีค่าลดลง
เมื่อวตั ถอุ ยหู่ า่ งจากแหลง่ ของสนามนนั้ ๆ มากขึน้
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ในธรรมชาตจิ ะมีแรง 3 แรง ไดแ้ ก่ แรงจากสนามโน้มถ่วง เป็นแรงท่ีกระทำต่อวัตถุในทิศทางพุ่งเข้าหา
วัตถุที่เป็นแหล่งของสนามโนม้ ถ่วงส่งผลให้วัตถุตกจากที่สงู ลงมาสูท่ ีต่ ่ำ แรงจากสนามแม่เหล็ก เป็นแรงที่เกดิ
กับวัตถุที่มีประจไุ ฟฟ้า ซึ่งประจุไฟฟ้าจะมีทิศพุ่งเข้าหา หรือออกจากวัตถุที่มปี ระจุเป็นแหล่งของสนามไฟฟา้
และแรงจากสนามแม่เหลก็ เปน็ แรงที่เกดิ จากวัตถทุ ่เี ปน็ แมเ่ หล็ก โดยแรงแม่เหล็กท่ีกระทำต่อขว้ั แม่เหล็กจะมี
ทิศพงุ่ เขา้ หาหรือออกจากขัว้ แม่เหล็กทเี่ ปน็ แหล่งของสนามแม่เหล็ก
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ซือ่ สัตย์ สุจรติ
1) ทกั ษะการระบุ 4. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
2) ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู
3) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
4) ทกั ษะการเช่ือมโยง
5) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 70
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั นำ
ขนั้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทกั ทายนกั เรียน จากน้ันครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้ทู ีจ่ ะเรยี นในวนั นใี้ ห้นกั เรยี นทราบ
2. นกั เรียนดูวดี ิทศั น์เกย่ี วกับการทดลองแรงดึงดดู ของกาลิเลโอ จากนัน้ ครูตั้งประเดน็ คำถามกระตนุ้
ความคดิ นักเรียนว่า “จากวดี ิทัศน์ ถา้ ปล่อยขนนกกับลกู บอล ให้ตกลงในท่อทส่ี ูบอากาศออกหมด
วตั ถุท้ังสองจึงตกถึงพน้ื พรอ้ มกนั เพราะเหตุใด” โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนร่วมกนั อภิปรายแสดง
ความคิดเหน็ อย่างอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยวา่ ถกู หรือผิด
(แนวตอบ : เพราะวตั ถทุ งั้ สองเป็นการตกในแนวดิง่ เน่อื งจากแรงโน้มถ่วงของโลกมากระทำต่อวตั ถุ
ทัง้ สองเพียงแรงเดยี ว โดยไม่มีแรงต้านอากาศ)
ขั้นสอน
ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ 3 กลุ่ม กลมุ่ ละเท่า ๆ กัน ตามความสมคั รใจ จากนนั้ ครูแจ้งจดุ ประสงค์
ของแต่ละกจิ กรรม ใหน้ ักเรยี นทราบเพ่ือเป็นแนวทางการปฏิบตั ิกิจกรรมที่ถกู ต้อง
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ดงั นี้
• กลุ่มท่ี 1 ปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี 1 เร่ือง สนามโน้มถว่ ง
• กลมุ่ ท่ี 2 ปฏิบตั กิ จิ กรรมท่ี 2 เรื่อง สนามไฟฟา้
• กลุ่มที่ 3 ปฏบิ ัติกจิ กรรมท่ี 3 เร่อื ง สนามแม่เหล็ก
3. ครูอธบิ ายข้ันตอนการปฏิบัตกิ ิจกรรมของแต่ละกจิ กรรม ดงั นี้
• กจิ กรรมท่ี 1 เร่ือง สนามโนม้ ถว่ ง ครูแจกถุงทรายทีม่ ีขนาดเท่ากันและต่างกัน จากน้ันให้
นกั เรยี นทดสอบปลอ่ ยวตั ถทุ ่ีความสูงระดบั เดียวกันแต่มวลต่างกนั และท่รี ะดับความสงู
ไม่เท่ากนั แต่มวลเทา่ กัน จากนน้ั บนั ทกึ ผลลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี นว่าถงุ ทรายใดตกถึง
พ้นื ก่อน
• กจิ กรรมท่ี 2 เรอื่ ง สนามไฟฟ้า ครแู จกหวีให้นักเรยี น 1 อัน จากน้ันใหน้ กั เรียนหวผี มของตนเอง
แล้วนำไปไวใ้ กล้กบั เศษกระดาษ บนั ทึกผลการเปลีย่ นแปลงที่เกิดข้ึนลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
• กจิ กรรมที่ 3 เรอื่ ง สนามแมเ่ หล็ก ครูแจกถาดท่ีมผี งตะไบเหลก็ และแทง่ แม่เหล็ก 2 แท่ง
นำแมเ่ หล็กท้ังสองแทง่ มาวางใต้ถาดที่มผี งตะไบเหลก็ ให้หา่ งกนั ระยะหนึง่ สังเกตแนวการ
เคลอื่ นท่ีของผงตะไบเหลก็ จากนัน้ บันทึกผลลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 71
ชั่วโมงท่ี 2
ข้ันสอน
ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
4. นักเรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมแต่ละกจิ กรรมหน้าชัน้ เรยี น
ในระหวา่ งที่นักเรียนนำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม เพือ่ ใหน้ กั เรยี นมีความเข้าใจ
ทถี่ กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
5. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมที่ 1 เรอ่ื ง สนามโนม้ ถว่ ง ว่า “เมอื่ ปลอ่ ยวตั ถุ
ให้ตกพน้ื แบบเสรี หรือตกลงในแนวดงิ่ วัตถุจะตกลงสผู่ วิ โลก เพราะมแี รงดึงดูดมากระทำต่อวัตถุ
เนอื่ งจากมีสนามโนม้ ถว่ งทม่ี ีทิศพุง่ เข้าสศู่ ูนย์กลางของโลก”
6. นักเรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายผลการปฏิบัติกจิ กรรมท่ี 2 เร่อื ง สนามไฟฟ้า ว่า “เม่ือนำวตั ถุ
2 ชนิด มาถูกันจะทำใหเ้ กิดประจุไฟฟ้าซง่ึ จะสง่ อำนาจไฟฟ้าโดยรอบ เรียกว่า สนามไฟฟ้า ”
7. นักเรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมที่ 3 เร่อื ง สนามแม่เหลก็ วา่ “ผงตะไบเหล็ก
เป็นวตั ถทุ ี่มีสารแม่เหลก็ เมื่ออยู่ใกล้กบั แหลง่ ของสนามแมเ่ หลก็ จะทำให้ผงตะไบเหล็กเคลื่อนทีไ่ ป
ตามเสน้ แรงแม่เหลก็ เรียกแรงแม่เหล็กที่มีทิศพุ่งออกจากสนามแมเ่ หลก็ น้ีว่า สนามแม่เหล็ก”
8. ครถู ามคำถามทา้ ทายการคิดขน้ั สงู ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ เพื่อหา
คำตอบ โดยใช้คำถาม H.O.T.S. จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 วา่ “เพราะเหตใุ ด
เมื่อนำวัตถบุ างชนดิ ไปวางใกล้กับสนามไฟฟา้ จึงไมเ่ กิดแรงผลัก หรอื แรงดงึ ดูด”
(แนวตอบ : เพราะวตั ถุชนดิ นั้นมจี ำนวนประจุบวก และประจุลบเท่ากนั หรือเรียกว่า
วัตถทุ เ่ี ปน็ กลาง)
ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
9. นักเรียนจบั คกู่ ับเพ่ือนในช้ันเรียน ตามความสมัครใจ โดยใชโ้ ทรศพั ท์มือถอื สแกน QR Code
เรื่อง แรงจากสนามไฟฟา้ จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
10. นักเรียนแต่ละคู่รว่ มกนั ศึกษาค้นควา้ ข้อมลู เพิ่มเตมิ เกี่ยวกับ เร่อื ง ความหมายสนามของแรง
และประเภทสนามของแรง จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหล่งการเรียนรูต้ ่าง ๆ
เชน่ อนิ เทอร์เนต็
11. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามเนือ้ หาเกยี่ วกบั เรอื่ ง สนามของแรง และใหค้ วามรู้เพ่ิมเติมจาก
คำถามของนกั เรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่ือง สนามของแรง ในการอธบิ ายเพิม่ เตมิ
12. นักเรยี นแต่ละคนทำใบงานที่ 4.5.1 เร่ือง สนามของแรง
13. นักเรียนทำ Topic Question เรื่อง สนามของแรง จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น
14. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝึกหดั เรื่อง สนามของแรง จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 72
ขั้นสรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนา้ ช้นั เรียน
2. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมสนามโนม้ ถว่ ง สนามไฟฟา้ และสนามแม่เหล็ก
ในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานที่ 4.5.1 เร่อื ง สนามของแรง
4. ครตู รวจ Topic Question เร่อื ง สนามของแรง ในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
5. ครูตรวจสอบแบบฝกึ หัด เร่ือง สนามของแรง จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
6. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรุปเก่ยี วกบั สนามของแรง ซึ่งได้ข้อสรปุ ร่วมกันวา่ “สนามของแรง สามารถ
แบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้ 1) สนามโน้มถว่ ง เม่ือมแี รงโนม้ ถ่วงกระทำต่อวตั ถุต่อวัตถใุ นทิศทางพุ่งเข้า
หาวตั ถุที่เป็นแหล่งของสนามโนม้ ถว่ ง สง่ ผลใหว้ ัตถุตกจากท่ีสูงลงมาสู่ท่ตี ำ่ 2) สนามไฟฟา้ เป็นแรง
ทเี่ กิดขนึ้ บนจุดประจุ ซ่ึงวัตถุทมี่ ปี ระจุไฟฟา้ จะมีสนามไฟฟ้าอยู่โดยรอบ และ 3) สนามแม่เหล็ก
เป็นแรงท่ีเกิดจากแม่เหล็ก ซงึ่ แมเ่ หลก็ ประกอบดว้ ย 2 ขัว้ คือ ข้วั เหนือ (N) และขัว้ ใต้ (S)”
7. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวัด วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.2 ประเมนิ ระหวา่ ง
การจดั กจิ กรรม
การเรียนรู้
1) สนามของแรง - ตรวจใบงานที่ 4.5.1 - ใบงานที่ 4.5.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เล่ม 2
เล่ม 2
2) ผลบนั ทกึ การ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตัว - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
สนามโนม้ ถว่ ง
3) ผลบันทกึ การ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ตั ิกิจกรรม
สนามไฟฟา้
4) ผลบนั ทกึ การ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตัว - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
สนามแม่เหล็ก
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 73
รายการวัด วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2
5) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ นำเสนอผลงาน
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ัติกจิ กรรม กิจกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล - ระดบั คุณภาพ 2
6) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานกลุ่ม
- แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
7) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม อนั พึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
8) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี นิ ัย
อนั พึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้
และมงุ่ มนั่ ในการ
ทำงาน
8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 แรงและการเคลอ่ื นที่
2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 แรงและการเคล่อื นที่
3) ใบงานท่ี 4.5.1 เรือ่ ง สนามของแรง
4) PowerPoint เรื่อง สนามของแรง
5) ถงุ ทรายที่มขี นาดเท่ากันและต่างกัน
6) หวี
7) ถาด
8) ผงตะไบเหล็ก
9) แทง่ แมเ่ หล็ก 2 แท่ง
10) QR Code เรอ่ื ง แรงจากสนามไฟฟ้า
11) วดี ทิ ัศน์เกี่ยวกับการทดลองแรงดึงดูดของกาลเิ ลโอ
จาก https://www.youtube.com/watch?v=faSugW_Xefc
12) สมุดประจำตวั นักเรยี น
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) อนิ เทอรเ์ นต็
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 74
ใบงานที่ 4.5.1
เร่อื ง สนามของแรง
ตอนท่ี 1
คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นวาดสนามของแรงที่กำหนดใหต้ ่อไปน้ี
1.
2.
3.
ตอนท่ี 2
คำช้แี จง : จงเปรียบเทียบความสมั พนั ธร์ ะหว่างสนามของแรงกบั ระยะหา่ งของวตั ถุในตาราง
สนามของแรง ขนาดของแรงเมื่อวัตถอุ ยหู่ า่ ง ขนาดของแรงเมื่อวัตถุเข้าใกล้
สนามโนม้ ถ่วง จากสนามของแรง สนามของแรง
สนามไฟฟ้า
สนามแม่เหลก็
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 75
ใบงานที่ 4.5.1 เฉลย
เรือ่ ง สนามของแรง
ตอนที่ 1
คำชี้แจง : ให้นักเรียนวาดสนามของแรงท่ีกำหนดให้ต่อไปน้ี
1.
2.
3.
ตอนท่ี 2
คำชแ้ี จง : จงเปรียบเทียบความสมั พันธ์ระหวา่ งสนามของแรงกับระยะหา่ งของวตั ถุในตาราง
สนามของแรง ขนาดของแรงเม่ือวัตถอุ ยหู่ า่ ง ขนาดของแรงเมื่อวตั ถเุ ขา้ ใกล้
จากสนามของแรง สนามของแรง
สนามโน้มถ่วง ลดลง เพ่ิมขน้ึ
สนามไฟฟา้ ลดลง เพ่ิมขึน้
สนามแมเ่ หลก็ ลดลง เพม่ิ ข้ึน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 76
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงช่อื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 77
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว22102 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลือ่ นที่ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เวลาเรียน 4 ช่ัวโมง
เร่ือง การเคล่ือนที่ของวัตถุ ผสู้ อน นางสาวจิตติญาภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั
ว 2.2 ม.2/14vอ=ธิบstายแแลละะคำนvว=ณอsัตt ราจเราว็ กแหลละกั คฐวาานมเเชรงิว็ ปขรอะงจกักาษรเ์ คลื่อนท่ขี องวัตถุ โดยใช้สมการ
ว 2.2 ม.2/15 เขยี นแผนภาพแสดงการกระจัดและความเรว็
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมายของอัตราเรว็ และความเร็วของการเคลื่อนทีข่ องวัตถุได้ (K)
2. เขยี นแผนภาพแสดงการกระจัดและความเรว็ ได้ (P)
3. คำนวณหาปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั อัตราเร็วและความเรว็ ของการเคล่อื นทข่ี องวตั ถุได้ (P)
4. มีความสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากร้อู ยากเหน็ และทำงานร่วมกับผอู้ ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ
สาระการเรียนรู้แกนกลาง พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
• การเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งของ
วัตถุเทียบกับตำแหน่งอ้างอิงโดยมีปริมาณท่ี
เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ซึ่งมีทั้งปริมาณสเกลาร์
และปริมาณเวกเตอร์ เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว
การกระจัด ความเร็ว ปริมาณ สเกลาร์เป็นปริมาณ
ทม่ี ขี นาด เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว ปริมาณเวกเตอร์
เป็นปริมาณที่มีทั้งขนาด และทิศทาง เช่น การ
กระจดั ความเรว็
• เขียนแผนภาพแทนปริมาณเวกเตอร์ได้ด้วยลูกศร
โดยความยาวของลูกศรแสดงขนาดและหัวลูกศร
แสดงทศิ ทางของเวกเตอร์นั้น ๆ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 78
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน
• การกระจัดเป็นปริมาณเวกเตอร์ โดยการกระจัด
มีทิศชี้จากตำแหน่งเริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย
และมีขนาดเท่ากับระยะที่สั้นที่สุดระหว่างสอง
ตำแหน่งนนั้
• อัตราเร็วเป็นปริมาณสเกลาร์ โดยอัตราเร็วเป็น
อัตราส่วนของระยะทางต่อเวลา
• ความเร็วปริมาณเวกเตอร์มีทิศเดียวกับทิศของ
การกระจัด โดยความเร็วเป็นอัตราส่วนของ
การกระจดั ต่อเวลา
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุเทียบกับตำแหน่งอ้างอิง โดยมีปริมาณท่ี
เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ มีทั้งปริมาณสเกลาร์ ซึ่งเป็นปริมาณที่มีขนาด เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว
การกระจดั ความเร็ว และปริมาณเวกเตอร์ ซ่ึงเปน็ ปรมิ าณท่ีมีทง้ั ขนาดและทศิ ทาง เชน่ การกระจดั ความเร็ว
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ
1) ทกั ษะการสือ่ สาร 4. มุง่ มน่ั ในการทำงาน
2) ทกั ษะการคำนวณ
3) ทักษะการทำงานรว่ มกัน
4) ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้
5) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมลู
6) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 79
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงที่ 1
ขั้นนำ
ข้นั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูนำอปุ กรณส์ าธติ การทดลอง เชน่ รถทดลอง และลูกเทนนสิ จากนน้ั ครูสุ่มนกั เรียน 1 คน
ออกมาหนา้ ชัน้ เรียน โดยครูให้นกั เรยี นสาธติ ผลักรถทดลองใหเ้ คลอ่ื นที่ในแนวตรงบนโต๊ะ
และปล่อยลูกเทนนิสใหต้ กลงส่พู ้นื จากนั้นนกั เรียนแตล่ ะคนสงั เกตลักษณะการเคล่ือนที่ของ
รถทดลอง และลกู เทนนสิ
2. ครตู ้ังประเด็นคำถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี น ดงั น้ี
• รถทดลองและลูกเทนนสิ มีแนวการเคลื่อนท่ีอย่างไร
(แนวตอบ : เคลอื่ นทีเ่ ป็นเส้นตรง)
• รถทดลองเละลูกเทนนิส มลี ักษณะการเคล่ือนทเ่ี หมือนกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร
(แนวตอบ : รถทดลองและลูกเทนนสิ เคลื่อนทเ่ี ปน็ เส้นตรงเหมือนกัน แตจ่ ะต่างกนั ตรงที่
รถทดลองจะเคล่ือนท่ีเปน็ เส้นตรงในแนวระดับ และลูกเทนนสิ จะเคล่อื นท่ีเปน็ เส้นตรงในแนวดง่ิ )
3. นักเรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กจิ กรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยบันทึกลงใน
สมุดประจำตัวนักเรียน
4. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เพื่อเป็นการนำเข้าสู่
บทเรียนวา่ “ความเรว็ เก่ียวขอ้ งกับชีวติ ประจำวันของเราอยา่ งไร”
(แนวตอบ : อัตราเร็วหรือความเร็วในการวิ่ง การกำหนดความเร็วรถยนต์ การกำหนดอัตราเร็วใน
การทำงานของเครือ่ งจกั รในอุตสาหกรรม)
ข้ันสอน
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรียนจับค่กู บั เพื่อนในช้ันเรียน ตามความสมัครใจ จากนนั้ ให้นกั เรยี นแตค่ ู่รว่ มกนั ศึกษาค้นควา้
ข้อมลู เกย่ี วกับ เร่อื ง การเคลื่อนที่ ระยะทางและการกระจัด จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 หรอื แหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ น็ต
2. นกั เรียนแตล่ ะคู่รว่ มกันอภิปรายเร่อื งที่ได้ศึกษา จากน้นั ใหน้ ักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปความร้ทู ไ่ี ด้
จากการศึกษาค้นควา้ ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน เพอื่ นำส่งครทู า้ ยชวั่ โมง
3. ครูตัง้ ประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนร่วมกนั อภิปรายแสดงความ
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 80
คิดเห็นเพ่ือหาคำตอบ ดังนี้
• ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ แบ่งออกเปน็ กี่ประเภท
(แนวตอบ : แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื ปริมาณสเกลาร์ และปรมิ าณเวกเตอร์)
• ปริมาณสเกลารแ์ ตกต่างกับปริมาณเวกเตอรอ์ ย่างไร
(แนวตอบ : ปรมิ าณเวกเตอร์ มีขนาดและทศิ ทาง แต่ปริมาณสเกลาร์ มีเพยี งขนาด แตไ่ ม่มีทิศทาง)
4. นักเรียนแตล่ ะคนวาดรปู เสน้ ทางจากบ้านมาโรงเรยี น โดยระบตุ ำแหนง่ เรม่ิ ต้น และตำแหนง่ สดุ ท้าย
รวมทั้งระยะทางของการเดนิ ทางจากบ้านมาโรงเรียนทงั้ หมด ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล)
ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
5. ครูสมุ่ นักเรยี น จำนวน 3-4 คน ออกมานำเสนอรปู เส้นทางจากบา้ นมาโรงเรียนของตนเอง
แล้วอธบิ ายตำแหน่งเรม่ิ ต้น ตำแหน่งสุดท้าย และระยะทางของการเดินทางมาจากบา้ นไปโรงเรียน
ทง้ั หมดหนา้ ช้ันเรยี น ในระหว่างท่ีนักเรยี นนำเสนอ ครคู อยให้ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ เพื่อใหน้ ักเรยี น
มีความเขา้ ใจทถี่ ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
6. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมให้นักเรียนเข้าใจเกยี่ วกับจดุ อ้างอิง หรอื ตำแหนง่ อ้างอิงวา่ “การเคลื่อนที่ของ
วตั ถุจำเปน็ ตอ้ งบอกตำแหน่งของวัตถุเพ่ือระบุทศิ ทางการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ ซ่ึงการระบุ
การเคลอื่ นทีข่ องวตั ถุนน้ั จำเป็นต้องเทยี บกับจุดอ้างองิ ในแนวระดบั (แกน x) และแนวดิง่ (แกน Y)
โดยการบอกตำแหน่งอาจบอกเปน็ เลขจำนวนบวก และจำนวนลบเมอ่ื วตั ถเุ คล่ือนท่ีไปในทิศ
ทางตรงข้าม”
7. ครูตงั้ ประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแตล่ ะคนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความ
คดิ เห็นเพื่อหาคำตอบ ดังนี้
• ในเชิงฟสิ ิกส์ระยะทาง จดั เปน็ ปริมาณใด และเขียนแทนดว้ ยสัญลกั ษณ์อะไร
(แนวตอบ : ปรมิ าณสเกลาร์ และเขยี นแทนด้วยสัญลกั ษณ์ s)
• ใ(แนนเชวิงตฟอิสบิก:สปก์ ารริมการณะเจวัดกเจตัดอเรป์ แ็นลปะรเมิ ขายี ณนใแดทแนลดะ้วเยขสยี ญั นลแกัทษนณด้ว์ ยsส)ญั ลกั ษณ์อะไร
8. นักเรียนแต่ละคนศึกษาตัวอยา่ งการคำนวณโจทยป์ ญั หาจากตวั อย่างที่ 4.14 เรอ่ื ง ระยะทาง
และการกระจัด จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
9. ครเู ขียนโจทยป์ ญั หา เรอ่ื ง ระยะทางและการกระจัด บนกระดาน จากนั้นให้นกั เรียนแตล่ ะคน
คำนวณหาระยะทางและการกระจดั โดยเขยี นลงในสมุดประจำตัวนักเรียน ตัวอยา่ งโจทยป์ ัญหา
ดงั น้ี
• ณดา เดนิ ทางออกจากบ้านไปทางทิศตะวันออก 3 เมตร และเดนิ ไปทางทิศใต้ 4 เมตร จงึ จะถึง
โรงพยาบาล จงหาระยะทางและการกระจดั ที่ ณดา เดินทางออกจากบ้านไปยังโรงเรียน
(แนวตอบ : ระยะทาง คอื 7 เมตร และการกระจัด 5 เมตร)
10. ครูสมุ่ เลขทนี่ ักเรียน จำนวน 3-4 คน ออกมาแสดงวิธีการคำนวณหาผลลัพธท์ ี่ได้ หน้าชน้ั เรยี น
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 81
โดยใหเ้ พ่ือนในชั้นเรยี นร่วมกันพจิ ารณาวา่ คำตอบถกู ต้องหรือไม่ จากนนั้ ครูเฉลยคำตอบทถี่ ูกต้อง
ใหน้ ักเรยี น
ชัว่ โมงท่ี 2 - 3
ขน้ั สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
11. ครทู บทวนความรู้เดิมของนกั เรยี น จากชั่วโมงท่ีผา่ นมาเกีย่ วกับปริมาณสเกลาร์ และปริมาณ
เวกเตอร์ โดยใช้คำถาม ดงั น้ี
• การเคล่ือนท่ีของวตั ถุมปี รมิ าณใดบา้ งท่ีเป็นปริมาณสเกลาร์ และปริมาณเวกเตอร์
(แนวตอบ : ระยะทาง และอัตราเร็ว เปน็ ปรมิ าณสเกลาร์ การกระจดั และความเร็ว เปน็ ปริมาณ
เวกเตอร)์
12. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากนัน้ ให้นกั เรยี นแต่กลมุ่ ร่วมกันศกึ ษาคน้ ควา้
ข้อมลู เก่ียวกบั เรื่อง อตั ราเร็ว ความเร็ว และวธิ กี ารคำนวณหาอตั ราเรว็ และความเร็ว
จากตวั อย่างที่ 4.15-4.18 จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือจากใบความรู้
เร่อื ง อัตราเร็วและความเรว็
13. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันอภปิ รายเรอื่ งที่ได้ศึกษา จากนนั้ ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเขียนสรปุ ความรู้
ทไ่ี ด้จากการศึกษาค้นควา้ ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )
ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
14. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชนั้ เรียน โดยสมุ่ ออกมาเพียง 7 กล่มุ ซงึ่ ครเู ป็น
คนเลือกวา่ จะให้กลุ่มไหนนำเสนอเรอื่ งอะไร ตามหวั ข้อเร่ืองดังตอ่ ไปนี้
• อัตราเร็ว (speed)
• อัตราเร็วเฉล่ีย (average speed)
• อตั ราเรว็ ขณะหนง่ึ (instantaneous speed)
• วธิ ีการคำนวณหาอตั ราเรว็ จากตวั อยา่ งท่ี 4.15-4.17
• ความเร็ว (velocity)
• ความเร็วเฉลี่ย (average velocity)
• วธิ กี ารคำนวณหาความเร็วจากตัวอยา่ งที่ 4.18
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
15. ขณะทน่ี ักเรียนแตล่ ะกล่มุ นำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรือแทรกข้อมลู เพิ่มเตมิ ในเร่ืองน้ัน ๆ
ใหน้ กั เรียนทุกคนได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องมากย่ิงขึ้น
16. นกั เรียนแต่ละคนตอบคำถามท้าทายการคดิ ข้ันสูง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
17. ครตู ้ังประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคิดนักเรยี น โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั อภปิ รายแสดง
ความคิดเห็นเพือ่ หาคำตอบ ดังนี้
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 82
• เป็นไปไดห้ รือไมว่ า่ รถยนตค์ ันหนึ่งที่เคล่ือนทดี่ ้วยอัตราเร็วเฉล่ยี เทา่ กับ 10 เมตรต่อวินาที
จะมีอัตราเรว็ ขณะหนง่ึ เท่ากับ 10 เมตรต่อวนิ าที และค่าทั้งสองแตกต่างกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ : เป็นไปได้ เน่อื งจากอตั ราเรว็ เฉลีย่ คอื ระยะทางทว่ี ตั ถุเคลือ่ นทีไ่ ด้ทง้ั หมดต่อ
ชว่ งเวลาท้งั หมด ส่วนอัตราเร็วขณะใดขณะหนงึ่ คอื ระยะทางทีว่ ตั ถเุ คล่ือนทไ่ี ด้ ณ ช่วงเวลานัน้
ดังนัน้ อตั ราเร็ว ณ ช่วงเวลาหน่ึงอาจเท่ากบั อัตราเรว็ เฉลยี่ ทว่ี ัตถุเคล่ือนท่ี)
• ความเร็วกับอัตราเร็วจะมีขนาดเท่ากนั ไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด
(แนวตอบ : เท่ากนั ได้ หากในหนึ่งหนว่ ยเวลา ระยะทางกับการกระจัดมีขนาดเทา่ กัน)
ขัน้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
18. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นซักถามเนื้อหาเก่ียวกับ เรอ่ื ง การเคลือ่ นที่ของวตั ถุ และให้ความรู้เพิ่มเติม
จากคำถามของนักเรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง การเคลื่อนทขี่ องวตั ถุ ในการอธบิ าย
เพิ่มเติม
19. นกั เรียนแต่ละคนทำใบงานที่ 4.6.1 เรือ่ ง อตั ราเรว็ และความเรว็ จากน้นั ครูสุ่มนกั เรียน
จำนวน 4 คน ออกมาเฉลยใบงานท่ี 4.6.2 เรอื่ ง อัตราเรว็ และความเร็ว หน้าช้ันเรยี น โดยให้เพ่ือน
ในชน้ั เรยี นรว่ มกันพจิ ารณาวา่ คำตอบถูกต้องหรือไม่ จากนน้ั ครเู ฉลยคำตอบที่ถูกต้องให้นักเรยี น
20. นกั เรยี นทำ Topic Question เร่อื ง การเคล่อื นที่ของวัตถุ จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
21. นักเรยี นแต่ละคนทำแบบฝึกหัด เรื่อง การเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ จากแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 เปน็ การบ้านส่งในช่วั โมงถดั ไป
ชั่วโมงที่ 4
ขั้นสอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
22. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ โดยครูเตรียมสลากหมายเลขกลุ่ม 1-5 จากน้ันใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนออกมาหยิบ
สลาก ซึ่งนักเรียนท่ีไดห้ มายเลขเดียวกันจะอยู่กลุ่มเดียวกนั ซึง่ แตล่ ะกลมุ่ จะมีสมาชิกภายใน
กลุ่ม 5 คน
23. ครูแจง้ จุดประสงค์ของกิจกรรม Fun Science Activity เร่อื ง รม่ ชชู ีพพยงุ ตุ๊กตา ให้นักเรยี นทราบ
เพื่อเป็นแนวทางการปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ีถูกต้อง จากนั้นให้สมาชกิ ภายกลุม่ จดั เตรยี มวัสดุอุปกรณท์ ่ี
ใช้ในการปฏิบัติกจิ กรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่มชูชีพพยุงตกุ๊ ตา จากหนังสือเรยี น
วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
24. สมาชกิ ภายในกลมุ่ รว่ มกันปฏบิ ตั กิ จิ กรรม Fun Science Activity เรื่อง รม่ ชชู ีพพยุงตุ๊กตา
ตามขนั้ ตอน จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 83
25. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม Fun Science Activity เรื่อง ร่มชูชีพ
พยงุ ตกุ๊ ตา หนา้ ชน้ั เรียน ในระหว่างที่นักเรยี นนำเสนอ ครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่มิ เติม เพื่อให้
นกั เรยี นมีความเขา้ ใจทถี่ กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
26. นักเรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม Fun Science Activity เรื่อง รม่ ชชู พี
พยงุ ตกุ๊ ตาว่า “แรงโน้มถ่วงดึงดูดใหต้ กุ๊ ตาตกจากท่ีสูงดว้ ยความเร็วเพิ่มข้นึ แต่เมอื่ ร่มชูชีพกาง
จะต้านอากาศในทิศตรงข้ามกับการเคลอื่ นทขี องตุ๊กตา ทำให้การเคลื่อนของตกุ๊ ตาช้าลง”
27. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศึกษาค้นควา้ ข้อมลู เกย่ี วกบั แรงแมเ่ หลก็ จาก Science in real life
เรือ่ ง รถไฟฟ้าแมกเลฟ จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากนนั้ ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ ให้
นักเรียนเขา้ ใจวา่ “ในปัจจุบนั เทคโนโลยมี ีความก้าวหนา้ มากขึ้น จึงมีการประยุกตน์ ำเอาแรง
แม่เหลก็ ไฟฟ้ามาใช้กบั รถไฟฟ้า ทำใหร้ ถไฟฟ้าในบางประเทศเคลื่อนที่โดยไม่ใชร้ าง”
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
28. นกั เรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรือ่ ง แรงและการเคลื่อนที่
จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบนั ทึกลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
29. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนทำ Unit Question เร่อื ง แรงและการเคลือ่ นท่ี จากหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยทำลงในสมดุ ประจำตัวนักเรียน
30. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี นของหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 แรงและการเคลอื่ นที่ เพ่อื เป็นการวัด
ความรู้หลังเรียนของนกั เรยี น
31. นกั เรียนแตล่ ะคนนำความรูท้ ไ่ี ด้จากการเรียนของหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 แรงและการเคล่ือนท่ี
มาเขยี นสรุปเป็นแผนผังมโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พรอ้ มตกแตง่ ให้สวยงาม
ข้นั สรุป
ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 แรงและการเคลอ่ื นที่
เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจหลังเรียนของนักเรยี น
2. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ ชั้นเรียน
3. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นกอ่ นเข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
4. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานที่ 4.6.1 เรอื่ ง อตั ราเรว็ และความเรว็
5. ครูตรวจ Topic Question เรอื่ ง การเคล่ือนที่ของวตั ถุ ในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
6. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เร่ือง แรงและ
การเคล่อื นท่ี ในสมุดประจำตัวนักเรยี น
7. ครูตรวจสอบแบบฝกึ หัด เรอื่ ง การเคล่อื นที่ของวัตถุ จากแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
8. ครปู ระเมนิ ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม Fun Science Activity เร่ือง รม่ ชูชพี พยงุ ตุ๊กตา
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 84