4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
โครงสร้างแบ่งตามองค์ประกอบทางเคมีได้ 3 ชั้น ได้แก่ เปลือกโลก ประกอบด้วย ธาตุซิลิกอน
และอะลูมิเนียม เนื้อโลก ประกอบด้วย ธาตุซิลิกอน แมกนีเซียม และเหล็ก และแก่นโลก ประกอบด้วยธาตุ
เหลก็ และนิกเกลิ
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ซ่อื สัตย์ สุจรติ
1) ทกั ษะการสงั เกต 4. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
2) ทักษะการทดลอง
3) ทักษะการจำแนกประเภท
4) ทักษะการทำงานร่วมกัน
5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงท่ี 1
ขั้นนำ
ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูทักทายกบั นักเรียน แล้วแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ให้นกั เรียนทราบ จากนัน้ นักเรยี นทำ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 โลกและการเปลยี่ นแปลง เพื่อวัดความร้เู ดิมของ
นกั เรียนก่อนเขา้ ส่กู ิจกรรม
2. ครถู ามคำถามกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียนโดยใช้คำถาม Big Question จากหนังสอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 และรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระโดยไม่มีการเฉลย
ว่าถูกหรอื ผดิ วา่ “กระบวนการเปลยี่ นแปลงของโลกมีความสำคญั อย่างไร”
(แนวตอบ : กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลกทำให้เปลือกโลกมภี มู ิลกั ษณ์ หรือภมู ิประเทศที่
แตกต่างกนั เชน่ บางบริเวณเป็นภูเขา แมน่ ้ำ นำ้ ทะเล)
3. นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 185
Understanding Check ในหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบนั ทกึ ลงในสมุดประจำตัว
นกั เรียน
4. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เพื่อเป็นการนำเข้าสู่
บทเรยี นว่า “เหตุการณ์ใดทบ่ี ง่ บอกว่าโลกเกิดการเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา”
(แนวตอบ : การเกดิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด การเกดิ สึนามิ)
ขัน้ สอน
ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูนำไขไ่ ก่มาใหน้ ักเรยี นดู จากนน้ั ครตู งั้ ประเด็นคำถามกระตุ้นความสนใจนักเรยี น โดยให้นักเรยี น
แต่ละคนร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระโดยไมม่ กี ารเฉลยว่าถกู หรือผดิ ดังนี้
• ไข่ไกป่ ระกอบด้วยอะไรบ้าง
(แนวตอบ : เปลอื กไข่ ไขข่ าว และไข่แดง)
• ถ้าเปรยี บเทยี บโลกกับไข่ไก่ นักเรียนอาศัยอยสู่ ว่ นใดของไข่ไก่
(แนวตอบ : เปลอื กไข่)
• เปลอื กไข่ ไขข่ าว ไขแ่ ดง เทยี บไดก้ บั สว่ นประกอบใดของโลกบ้าง
(แนวตอบ : เปลือกไข่เทียบได้กับเปลือกโลก ไขข่ าวเทียบได้กบั เน้ือโลก ไข่แดงเทียบไดก้ ับแกน่ โลก)
2. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3-4 คน ตามความสมคั รใจ จากนน้ั ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันศึกษา
คน้ คว้าข้อมูลเกย่ี วกับโครงสรา้ งของโลก จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหล่งการ
เรียนร้ตู ่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
3. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายเรือ่ งทไ่ี ด้ศึกษา จากนั้นรว่ มกันสรุปความรู้ท่ีไดจ้ ากการศึกษา
ค้นคว้าลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ )
ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
4. ครสู มุ่ นักเรยี นออกมานำเสนอผลการศึกษาคน้ คว้าหน้าช้ันเรยี น โดยครูส่มุ ออกมาเพียง 4 กลมุ่
ซึ่งครูเป็นคนเลือกว่าจะให้กลุ่มไหนนำเสนอเรื่องอะไรตามหัวข้อเรื่อง ดังนี้
• โครงสรา้ งของโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี
• โครงสร้างของโลกตามลกั ษณะทางกายภาพ
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
5. ในระหว่างทีน่ ักเรียนนำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรอื แทรกข้อมลู เพ่ิมเตมิ ในเรื่องน้ัน ๆ
เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความเขา้ ใจท่ีถูกต้องมากยิ่งขนึ้
6. นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ เกยี่ วกบั โครงสรา้ งของโลก ซ่ึงได้ขอ้ สรปุ ร่วมกนั วา่
“โครงสรา้ งโลก หากพิจารณาตามองค์ประกอบทางเคมี สามารถแบ่งโครงสร้างโลกออกได้
เป็น 3 ชัน้ ได้แก่ เปลอื กโลก เนอ้ื โลก และแกน่ โลก หากพิจารณาตามลักษณะทางกายภาพ
จะแบ่งโครงสร้างโลกออกไดเ้ ป็น 5 ชัน้ ไดแ้ ก่ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค เมโซสเฟียร์ แกน่ โลก
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 186
ช้นั นอก และแกน่ โลกช้นั ใน”
7. ครตู ั้งประเดน็ คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี น โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนร่วมกันอภิปราย
แสดงความคดิ เห็นเพ่ือหาคำตอบ ดงั นี้
• เปลือกโลกมธี าตุใดเป็นองค์ประกอบหลัก
(แนวตอบ : ซลิ คิ อน (Si) และอะลูมิเนียม (Al))
• ชน้ั ใดของโลกท่ีมีธาตเุ หล็กและนิกเกิล เปน็ องค์ประกอบหลัก
(แนวตอบ : แกน่ โลกสว่ นใน และแกนโลกส่วนนอก)
• เมือ่ หินหนดื ออกมาสู่ช้นั เปลือกโลก เรียกวา่ อะไร
(แนวตอบ : ลาวา)
ชัว่ โมงที่ 2
ขัน้ สอน
ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
8. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากนน้ั ครแู จ้งจดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
แบบจำลองโครงสร้างของโลก ให้นกั เรยี นทราบเพือ่ เปน็ แนวทางการปฏิบตั กิ จิ กรรมท่ีถกู ตอ้ ง
9. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันศึกษากิจกรรม แบบจำลองโครงสร้างของโลก จากหนงั สอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยครูใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรียนรู้
โดยกำหนดให้สมาชกิ แต่ละคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหนา้ ท่ีของตนเอง ดังนี้
• สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหน้าท่ี เตรยี มวัสดุอุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมแบบจำลอง
โครงสร้างของโลก
• สมาชกิ คนท่ี 3-4 ทำหนา้ ที่ อ่านวธิ ีปฏิบตั ิกจิ กรรม และนำมาอธบิ ายใหส้ มาชิกในกลุ่มฟงั
• สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหนา้ ที่ บันทกึ ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
10. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามข้นั ตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
11. นักเรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันแลกเปล่ยี นความรู้และวเิ คราะห์ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม แล้วอภปิ รายผล
รว่ มกนั
ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
12. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ ชัน้ เรียน ในระหว่างที่นกั เรยี น
นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพอื่ ใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
13. ครถู ามคำถามท้ายกิจกรรม โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพ่อื หา
คำตอบ ดังน้ี
• โครงสรา้ งของโลกตามองค์ประกอบทางเคมีแบง่ ได้เป็นกช่ี ้ัน อะไรบ้าง
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 187
(แนวตอบ : 3 ช้ัน ไดแ้ ก่ เปลอื กโลก เนือ้ โลก และแก่นโลก)
• โครงสร้างของโลกแต่ละชนั้ มีองคป์ ระกอบทางเคมีแตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : แตกตา่ งกัน เปลอื กโลกมีธาตซุ ิลคิ อนและอะลูมิเนยี ม เนอื้ โลกมธี าตซุ ลิ คิ อน
แมกนเี ซยี ม และเหล็ก สว่ นแก่นโลกมธี าตเุ หลก็ และนกิ เกิลเป็นองคป์ ระกอบ)
• ประเมนิ แบบจำลองโครงสรา้ งของโลกของกลุ่มอ่นื วา่ มคี วามถูกต้องหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : ข้นึ อยู่กบั ดุลยพินิจของครแู ละนักเรียน)
14. นักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายผลกจิ กรรม แบบจำลองโครงสรา้ งของโลกวา่ “โครงสร้างของโลก
เม่ือพจิ ารณาตามองคป์ ระกอบทางเคมี สามารถแบ่งโลกออกไดเ้ ป็น 3 ชน้ั ไดแ้ ก่ เปลือกโลก
เนอ้ื โลก และแก่นโลก ซง่ึ เปลือกโลกมธี าตซุ ลิ ิคอนและอะลูมิเนยี ม เน้ือโลกมีธาตุซิลคิ อน
แมกนีเซยี ม และเหลก็ ส่วนแก่นโลกมีธาตุเหลก็ และนิกเกลิ เป็นองค์ประกอบ”
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
15. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามเนอ้ื หาเกยี่ วกับ เร่อื ง โครงสร้างของโลก และให้ความรเู้ พิ่มเติมจาก
คำถามของนักเรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง โครงสร้างของโลก ในการอธบิ ายเพม่ิ เตมิ
16. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ จากนน้ั ให้นกั เรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกนั สรา้ ง
แบบจำลองโครงสร้างของโลกทแี่ บ่งตามองค์ประกอบทางเคมี
17. นกั เรียนแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั เรือ่ ง โครงสร้างของโลก จากแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ขน้ั สรุป
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง
เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนักเรียน
2. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหน้าชน้ั เรยี น
3. ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
4. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม แบบจำลองโครงสรา้ งของโลก ในสมุดประจำตัวนักเรียน
หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
5. ครปู ระเมนิ ชิ้นงาน แบบจำลองโครงสร้างของโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี
6. ครตู รวจแบบฝกึ หดั เรื่อง โครงสรา้ งของโลก จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
7. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปเกย่ี วกับโครงสร้างของโลก ซึง่ ไดข้ ้อสรุปรว่ มกันว่า “โครงสร้างของโลก
แบ่งตามองคป์ ระกอบทางเคมี สามารถแบ่งออกได้เปน็ 3 ชน้ั ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และ
แก่นโลก นอกจากน้ีผลจากการตรวจวดั คลื่นไหวสะเทือน ยังสามารถทำให้แบง่ โครงสร้างของโลก
ตามลกั ษณะทางกายภาพออกเปน็ 5 ชัน้ ได้แก่ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค เมโซสเฟียร์ แก่นโลก
ชน้ั นอก และแกน่ โลกชนั้ ใน”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 188
7. การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
รายการวัด
- ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ประเมนิ ตามสภาพจริง
7.1 การประเมนิ กอ่ น กอ่ นเรียน หนว่ ยการ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6
เรียน เรียนรทู้ ี่ 6 โลกและ โลกและการ
การเปลย่ี นแปลง เปลีย่ นแปลง
- แบบทดสอบ
ก่อนเรยี น หน่วยการ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เรียนรทู้ ่ี 6 หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
โลกและการ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เล่ม 2
เปลีย่ นแปลง เล่ม 2
7.2 ประเมินระหว่าง - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2
การจดั กิจกรรม ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้ กิจกรรม
1) โครงสรา้ งของโลก - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
2) การนำเสนอ
ผลงาน/ผลการ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
3) พฤติกรรมการ
ทำงานรายบคุ คล
รายการวดั วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
และมุ่งม่นั ในการ อันพึงประสงค์
ทำงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 189
8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 โลกและการเปล่ียนแปลง
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 โลกและการเปล่ียนแปลง
3) วัสดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏิบัตกิ จิ กรรมแบบจำลองโครงสรา้ งของโลก
4) PowerPoint เรื่อง โครงสร้างของโลก
5) ไข่ไก่
6) สมุดประจำตัวนักเรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) อินเทอรเ์ น็ต
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 190
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 191
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2
กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เวลาเรียน 5 ชวั่ โมง
เรอื่ งการเปลีย่ นแปลงของโลก ผสู้ อน นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สร้างพล
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
ว 3.2 ม.2/5 อธบิ ายกระบวนการผพุ ังอยกู่ บั ที่ การกร่อน และการสะสมตวั ของตะกอน
จากแบบจำลอง รวมทัง้ ยกตัวอยา่ งผลของกระบวนการดงั กลา่ วท่ีทำใหผ้ วิ โลกเกิด
การเปล่ียนแปลง
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายกระบวนการผพุ ังอยกู่ บั ที่ การกรอ่ น และการสะสมตวั ของตะกอนได้ (K)
2. ยกตัวอย่างผลของกระบวนการผพุ ังอยู่กบั ที่ การกรอ่ น และการสะสมตัวของตะกอนได้ (K)
3. ปฏิบตั กิ ิจกรรมจำลองการผุพังทางกายภาพและทางเคมขี องหนิ ได้อยา่ งถกู ต้อง (P)
4. ปฏบิ ัติกิจกรรมจำลองการกร่อน การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอนได้อย่างถูกต้อง (P)
5. มีความมงุ่ มน่ั ในการเรียนรู้และการทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• การผุพังอยู่กับที่ การกร่อน และการสะสมตัวของ
ตะกอน เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทาง
ธรณีวิทยา ที่ทำให้ผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็น
ภูมิลกั ษณแ์ บบต่าง ๆ โดยมปี ัจจัยสำคญั คือ น้ำ ลม
ธารน้ำแข็ง แรงโน้มถ่วงของโลก สิ่งมีชีวิต สภาพ
อากาศ และปฏกิ ิริยาเคมี
• การผุพังอยู่กับที่ คือ การที่หินผุพังทำลายลงด้วย
กระบวนการต่าง ๆ ได้แก่ ลมฟ้าอากาศกับน้ำฝน
และรวมทั้งการกระทำของต้นไม้กับแบคทีเรีย
ตลอดจนการแตกตัวทางกลศาสตร์ซึง่ มกี ารเพ่ิมและ
ลดอณุ หภูมิสลับกัน เปน็ ต้น
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 192
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิน่
• การกร่อน คือ กระบวนการหนึ่งหรือหลาย
กระบวนการที่ทำให้สารเปลือกโลกหลุดไปละลาย
ไปหรือกร่อนไปโดยมีตวั นำพาธรรมชาติ คือ ลม น้ำ
และธารน้ำแข็ง ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ ลมฟ้า
อากาศ สารละลาย การครูดถู การนำพา ทั้งนี้
ไม่รวมถึงการพังทลายเป็นกลุ่มก้อน เช่น แผ่นดิน-
ถล่ม ภูเขาไฟระเบิด
• การสะสมตัวของตะกอน คือ การสะสมตัวของวัตถุ
จากการนำพาของนำ้ ลม หรอื ธารน้ำแขง็
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเปลี่ยนแปลงของโลก ได้แก่ การผุพังอยู่กับที่ การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอน ซึ่งเป็น
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นภูมิลักษณ์แบบต่าง ๆ เช่น น้ำ
ลม ธารนำ้ แข็ง แรงโนม้ ถว่ งของโลก ส่ิงมีชวี ติ สภาพอากาศ และปฏกิ ริ ิยาเคมี
5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ซื่อสตั ย์ สจุ รติ
1) ทักษะการวดั 4. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
2) ทกั ษะการสงั เกต
3) ทักษะการทดลอง
4) ทักษะการตง้ั สมมตฐิ าน
5) ทักษะการทำงานรว่ มกัน
6) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 193
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงที่ 1
ขน้ั นำ
ขน้ั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความร้เู ดิมของนกั เรยี นเกย่ี วกบั เร่ือง โครงสรา้ งของโลก จากน้ันครแู จ้งจุดประสงค์
การเรยี นร้ใู ห้นกั เรียนทราบ
2. ครูนำบตั รภาพสถานท่ีตามธรรมชาติ เช่น นำ้ ตก ทะเล ภเู ขา และถ้ำ มาให้นักเรยี นดู จากนนั้ ครู
สนทนากับนกั เรียนว่า “สถานท่ีตา่ ง ๆ บนโลก ตา่ งมลี กั ษณะท่ีแตกตา่ งกนั เชน่ บางบริเวณเปน็
แมน่ ำ้ บางบรเิ วณเปน็ ภูเขา บางบรเิ วณมีหนิ ท่ีมีรปู ร่างประหลาด บางบริเวณเปน็ เกาะ”
3. ครตู ้ังประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรยี นวา่ “เพราะเหตใุ ดเปลือกโลกจงึ มีลักษณะภมู ปิ ระเทศ
ที่แตกตา่ งกนั ” โดยใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคดิ เห็นอย่างอสิ ระโดยไม่มกี ารเฉลยวา่
ถูกหรอื ผิด
ข้นั สอน
ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรยี นจบั ค่เู ลขท่ขี องตนเอง เชน่ เลขท่ี 1 จบั คู่กับเลขท่ี 2 จากน้นั ให้นกั เรียนแตล่ ะคูร่ ่วมกัน
ศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมูลเก่ยี วกบั ภูมลิ กั ษณ์ตา่ ง ๆ บนเปลือกโลก จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 หรอื แหลง่ การเรียนรตู้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต ห้องสมดุ
2. นักเรยี นแต่ละคูร่ ่วมกันอภิปรายเรอื่ งที่ได้ศึกษา จากน้นั ใหน้ ักเรียนแต่ละคนเขยี นสรุปความรทู้ ่ไี ด้
จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ชน้ั เรยี น ในระหว่างทนี่ ักเรยี นนำเสนอครูคอย
ใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพ่ือใหน้ ักเรยี นมคี วามเขา้ ใจท่ีถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. ครูตัง้ ประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรยี นว่า “สาเหตทุ ท่ี ำใหโ้ ลกมีลักษณะภมู ปิ ระเทศ
ที่แตกตา่ งกันคอื อะไร” โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพ่ือหาคำตอบ
(แนวตอบ : สาเหตทุ ี่ทำให้ผวิ โลก หรอื ภมู ปิ ระเทศมีรปู รา่ งแตกต่างกนั เนื่องมาจากกระบวนการ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 194
เปลี่ยนแปลงทางธรณวี ิทยา ซ่ึงเกดิ จากกระบวนการผพุ งั อยู่กบั ที่ กระบวนการกร่อน กระบวนการ
พดั พา และกระบวนการสะสมตวั ของตะกอน สง่ ผลให้บางบรเิ วณของผิวโลกเป็นทะเล เกาะ นำ้ ตก
ภูเขา)
5. ครอู ธิบายเพมิ่ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า “การเปลี่ยนแปลงของโลกเกดิ ขนึ้ จากการเปลีย่ นแปลงของ
เปลอื กโลก สามารถแบ่งออกเปน็ 2 แบบ คือ การเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึ้นแบบฉับพลนั และ
การเปล่ียนแปลงทเ่ี กิดข้ึนอยา่ งช้า ๆ”
ชว่ั โมงที่ 2
ขั้นสอน
ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
6. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรยี น จากช่วั โมงที่ผา่ นมา จากนนั้ ครูสนทนากับนักเรยี นวา่ “สาเหตทุ ่ี
ทำใหภ้ มู ิประเทศมรี ปู ร่างทแ่ี ตกต่างกัน เนื่องจากกระบวนการเปล่ียนแปลงทางธรณีวทิ ยา ซ่งึ มี
กระบวนการผุพงั อยูก่ ับท่ีเป็นสาเหตุหนึง่ ”
7. นกั เรยี นแต่ละคนศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มูลเก่ยี วกับ เร่ือง กระบวนการผพุ ังอยกู่ ับที่ และปัจจยั ท่ีทำให้
เกดิ กระบวนการผพุ ังอย่กู บั ที่ จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหลง่ การเรยี นรู้
ตา่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็ หอ้ งสมุด
8. นักเรยี นแต่ละคนเขยี นสรุปความร้ทู ี่ไดจ้ ากการศึกษาค้นควา้ ลงในสมุดประจำตวั นกั เรียน
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
9. ครสู ุม่ นักเรยี น จำนวน 4 คน ออกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชน้ั เรียน ในระหว่างท่ีนักเรียน
นำเสนอครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพ่ือใหน้ ักเรียนมีความเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
10. ครูต้งั ประเดน็ คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรียน โดยใหน้ กั เรียนร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น
เพอ่ื หาคำตอบ ดังนี้
• การผุพงั อย่กู บั ที่คืออะไร
(แนวตอบ : การที่หินผุพงั ทลายลงด้วยการกระทำของน้ำ สง่ิ มชี วี ิต รวมท้งั การเพิ่ม-ลดของ
อุณหภมู )ิ
• การผพุ งั อยกู่ บั ท่แี บ่งเปน็ กี่ประเภท อะไรบา้ ง
(แนวตอบ : 2 ประเภท คือ การผุพังทางกายภาพ และการผพุ งั ทางเคมี)
• ปจั จยั ท่มี ีผลทำใหเ้ กิดการผุพังทางกายภาพของหนิ มีอะไรบา้ ง จงยกตัวอย่าง
(แนวตอบ : การเพิ่ม-ลดของอุณหภูมิ สง่ ผลใหห้ ินยดื และหดตัวทำใหเ้ กิดรอยแตกรา้ ว เมอื่ นำ้ ซมึ
เข้าไปในรอยแตกของหิน อุณหภูมใิ นอากาศทลี่ ดลงจนกระท่ังถึงจดุ เยือกแข็งทำใหน้ ำ้ กลายเป็น
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 195
นำ้ แข็ง ซงึ่ จะมปี รมิ าตรมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้รอยแตกของหนิ ขยายออกกวา้ งข้ึน นอกจากนอ้ี าจ
เกิดขนึ้ จากการกระทำของสิ่งมชี ีวติ เชน่ การเจรญิ ของรากตน้ ไมท้ ี่ชอนไขเขา้ ไปตามรอยแตกของ
หิน การขูดและถูของเขาสตั ว์บางชนิด เปน็ ต้น)
• ปจั จยั ทม่ี ผี ลทำใหเ้ กิดการผุพงั ทางเคมีของหนิ มีอะไรบา้ ง จงยกตวั อยา่ ง
(แนวตอบ : การเกิดสนิมเหลก็ เนือ่ งจากนำ้ ซึ่งมแี ก๊สออกซเิ จนทำปฏิกิรยิ ากับธาตเุ หล็กทเ่ี ปน็
องค์ประกอบของหินบางชนิด เช่น หินแกรนิต หินบะซอลต์ สนิมเหล็กทเ่ี กิดขน้ึ จะทำใหห้ ินผุพัง
นอกจากนฝ้ี นกรดทเี่ กิดขน้ึ จากนำ้ ฝนท่ีตกลงมาละลายกับแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ท่ีไดจ้ ากการเผา
ไหม้เช้ือเพลิง ทำปฏิกิริยากบั หินปนู เกดิ การผุพังกลายเปน็ โพรงได้)
• ภมู ิประเทศแบบคาสต์เปน็ อย่างไร เพราะเหตใุ ดจึงเป็นเชน่ น้ัน
(แนวตอบ : เปน็ ภมู ปิ ระเทศที่มเี ขาลกั ษณะเว้าแหว่ง มักเกิดข้ึนกับภูเขาหินปูนเม่อื ทำปฏกิ ิริยา
กับฝนกรดจะทำใหเ้ กิดโพรงถ้ำหรอื ถำ้ ใต้ดิน และกลายเปน็ หลุมยบุ ในเวลา)
ช่วั โมงท่ี 3
ขั้นสอน
ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
11. นักเรยี นนบั จำนวน 1-6 วนไปเรอ่ื ย ๆ จนครบทุกคน เพอ่ื แบง่ กลมุ่ นักเรยี นออกเปน็ กลมุ่
กลมุ่ ละ 6 คน โดยคนทนี่ บั จำนวนเดียวกนั ใหอ้ ยู่กลมุ่ เดียวกัน จากนั้นครแู จง้ จุดประสงค์ของ
กจิ กรรม การจำลองการผุพังอยูก่ ับท่ีของหนิ เนอื่ งจากนำ้ เป็นปจั จยั ใหน้ กั เรียนทราบเพ่อื เป็นแนว
ทางการปฏิบัติกจิ กรรมท่ีถกู ต้อง
12. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษากิจกรรม การจำลองการผพุ ังอยู่กบั ท่ีของหินเน่ืองจากน้ำเปน็ ปจั จัย
เพอ่ื อธบิ ายกระบวนการท่ีทำให้เกิดการผุพังอยู่กับท่ีทางกายภาพและทางเคมี จากหนงั สือเรียน
วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยครใู ชร้ ูปแบบการเรยี นรู้แบบร่วมมอื มาจดั กระบวนการเรยี นรู้
โดยกำหนดใหส้ มาชิกแตล่ ะคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดงั นี้
• สมาชิกคนที่ 1-2 ทำหน้าท่ี เตรียมวัสดุอปุ กรณ์ท่ใี ช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรมจำลองการผุพงั
อยกู่ บั ทีข่ องหินเนอ่ื งจากนำ้ เป็นปจั จยั
• สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหน้าท่ี อ่านวธิ ปี ฏิบัติกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกในกล่มุ ฟัง
• สมาชิกคนที่ 5-6 ทำหน้าท่ี บันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
13. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
14. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันแลกเปลี่ยนความร้แู ละวิเคราะห์ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แล้วอภิปรายผล
รว่ มกนั
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
15. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหน้าชน้ั เรยี น ในระหว่างท่ีนกั เรยี น
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 196
นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมีความเขา้ ใจท่ีถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
16. ครถู ามคำถามท้ายกจิ กรรม โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพื่อหา
คำตอบ ดงั น้ี
• นำ้ ทำให้หนิ เกิดกระบวนการผพุ ังทางกายภาพไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ : นำ้ จะซึมเข้าไปในรอยแตกของหิน อณุ หภูมภิ ายนอกที่ตำ่ ลงจะทำใหน้ ำ้ ในหนิ
กลายเป็นนำ้ แขง็ รอยแตกของหินจงึ ขยายมากขึน้ เมื่ออณุ หภูมิสงู ขึ้นนำ้ ภายนอกจะไหลเข้ามา
ตามรอยแตกของหนิ อกี ครงั้ เป็นแบบนี้ไปจนกระทั่งหนิ แตกออก นอกจากนนี้ ำ้ หรือนำ้ ฝนที่
ละลายรวมกบั แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดจ์ ะทำปฏิกริ ยิ ากบั หนิ ปนู ทำให้เกดิ โพรงและผพุ ังลงได้)
• ปจั จัยใดบ้างทีท่ ำให้หินเกดิ กระบวนการผุพงั ทางกายภาพ
(แนวตอบ : การเพ่มิ -ลดของอุณหภูมภิ ายนอก นำ้ สงิ่ มีชวี ติ )
• น้ำทำให้หินเกดิ กระบวนการผพุ งั ทางเคมไี ด้อยา่ งไร
(แนวตอบ : เนื่องจากน้ำมแี กส๊ ออกซเิ จนละลายอยู่ เมอ่ื หนิ ซึ่งมเี หล็กเปน็ องคป์ ระกอบ
ทำปฏิกิริยากับนำ้ ทำใหเ้ กดิ สนมิ เหล็ก ซง่ึ สนิมเหลก็ ท่เี กิดขึ้นจะทำใหห้ ินผุพังทลายลงได้)
• ปจั จัยใดบ้างที่ทำใหห้ ินเกิดกระบวนการผุพังทางเคมี
(แนวตอบ : ฝนกรด)
• นำ้ ทำให้หินทกุ ชนิดเกดิ สนมิ หรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : ไม่ สนมิ เหล็กจะเกดิ ข้ึนกบั หนิ ทม่ี ีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ)
17. นกั เรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายผลกจิ กรรม การจำลองการผพุ ังอยู่กับทข่ี องหนิ เนื่องจากน้ำ
เป็นปัจจยั ว่า “การผพุ งั อยกู่ ับที่ของหนิ เกิดขึน้ ไดจ้ าก 2 ปจั จัย คือ ปจั จัยทางกายภาพซ่ึงมนี ้ำ
และอุณหภมู ิภายนอกเป็นตัวกระทำ รวมทั้งการกระทำของสิ่งมชี วี ติ เช่น ตน้ ไม้ (การเจรญิ ของราก
ไม)้ การข่วน ขูด ถู ของเขาสัตว์บางชนิด และปัจจยั ทางเคมีที่เกดิ ข้ึนจากการทำปฏิกิริยากัน
ระหวา่ งฝนกรดกบั หนิ ปนู จนทำให้เกดิ โพรงและผังทลายลง”
ช่ัวโมงที่ 4
ข้นั สอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
11. ครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรียนเก่ยี วกับ เรื่อง การผุพงั ทางกายภาพ และการผุพงั ทางเคมี
12. ครสู นทนากบั นักเรียนวา่ “นอกเหนือจากกระบวนการผพุ ังอยู่กับทแ่ี ลว้ ยังมีกระบวนการกร่อน
และการสะสมตวั ของตะกอนซ่ึงเป็นสาเหตทุ ำให้เกดิ กระบวนการเปล่ียนแปลงทางธรณี”
13. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันศึกษา
คน้ ควา้ ข้อมลู เกยี่ วกับ เรื่อง การกรอ่ น และการสะสมตัวของตะกอน จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 หรือแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต ห้องสมุด
14. นกั เรียนแต่ละคู่รว่ มกนั อภปิ รายเรอ่ื งท่ีไดศ้ ึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่กลมุ่ เขียนสรุปความรทู้ ี่ได้
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 197
จากการศึกษาค้นควา้ ลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
15. ครูสมุ่ นกั เรยี น จำนวน 4 คน ออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ช้นั เรยี น ในระหวา่ งทนี่ ักเรยี น
นำเสนอครูคอยให้ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ เพ่อื ให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
16. ครสู มุ่ นักเรียน จำนวน 4 คน ออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ช้นั เรยี น ซงึ่ ครเู ป็นคนเลือกวา่ จะให้
กลุ่มไหนนำเสนอเรอื่ งอะไร ตามหวั ข้อเร่ือง ดังต่อไปนี้
• การกร่อน
• การสะสมตวั ของตะกอน
17. ครตู ้งั ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคิดนักเรยี นว่า “การผุพงั อยู่กับทีแ่ ตกต่างกับการกรอ่ นอย่างไร”
(แนวตอบ : การกร่อน เป็นกระบวนการที่เกิดข้นึ กระบวนการผพุ ังอยู่กับท่ี แต่ถกู กระแสน้ำพัดพา
เคล่ือนท่ีกระจัดกระจายไปจากที่เดิม ซ่ึงแตกตา่ งไปจากการผุพงั อยู่กบั ทท่ี ย่ี ังคงอยูท่ ี่เดิม)
18. ครสู ุ่มนกั เรียน จำนวน 2 คน ยกตัวอยา่ งกระบวนการกรอ่ นที่พบเหน็ ในชีวติ ประจำวนั
มาอย่างน้อย 2 เหตกุ ารณ์
(แนวตอบ : ข้ึนอยู่กบั คำตอบของนักเรียน ตวั อยา่ งเชน่ การกัดเซาะของน้ำบริเวณริมตล่ิง
โดยบริเวณริมตลิ่งจะถูกนำ้ กดั เซาะเปน็ รอยคดโค้ง ซ่ึงตะกอนทเ่ี กิดขึน้ จะมีขนาดตา่ ง ๆ และถกู พัด
พาไปกับน้ำ การเคลือ่ นทข่ี องธารน้ำแขง็ เกดิ ข้นึ จากมวลน้ำแขง็ ขนาดใหญ่ที่มนี ้ำหนักมากเคลอ่ื นที่
จากท่สี งู ไปต่ำ ทำให้เกิดการสกึ กร่อน สง่ ผลใหเ้ กิดการบด กระแทก ครูดถู)
19. ครอู ธิบายเพิม่ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจเก่ยี วกับกระบวนการเกิดหนิ งอก หนิ ย้อยว่า “การเกดิ หินงอก
หนิ ยอ้ ย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนจากกระบวนการกร่อน เนอื่ งจากนำ้ ฝนที่ไหลซมึ ผา่ นผนังถ้ำทำให้
ผนังถ้ำเกดิ การกร่อนแลว้ ยอ้ ยลงมาจากเพดานถ้ำ ส่วนนำ้ ท่ีหยดลงมาจากผนังถำ้ แล้วสะสมอย่บู น
พื้น เมอื่ เวลาผ่านไปจะทำให้เกดิ หินงอกหินย้อย โดยครูอาจอธิบายสมการเพม่ิ เติมว่า ฝนกรด
(H2CO3) ซึ่งเกดิ จากน้ำรวมกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนหินปนู คือ CaCO3 เมอื่ ทำปฏิกริ ิยา
กับฝนกรดทำใหเ้ กิดสารละลาย Ca(HCO3)2 เมือ่ นำ้ ระเหยออกไปจะเหลือเพยี งหินปนู คือ CaCO3
ช่วั โมงท่ี 5
ขั้นสอน
ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
20. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมคั รใจ จากนัน้ ครแู จง้ จุดประสงค์ของกิจกรรม
การจำลองการกร่อน การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอน ให้นกั เรียนทราบเพื่อเปน็ แนว
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 198
ทางการปฏิบัติกิจกรรมที่ถูกต้อง
21. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศึกษากจิ กรรม การจำลองการกรอ่ น การพดั พา และการสะสมตวั ของ
ตะกอน จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยครใู ช้รูปแบบการเรียนรแู้ บบร่วมมอื มาจดั
กระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแตล่ ะคนภายในกลุม่ มีบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดังน้ี
• สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหน้าท่ี เตรยี มวสั ดุอุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมจำลองการกรอ่ น
การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอน
• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหน้าท่ี อ่านวิธีปฏิบตั กิ จิ กรรม และนำมาอธิบายใหส้ มาชิกในกลุม่ ฟัง
• สมาชิกคนที่ 5-6 ทำหนา้ ที่ บันทึกผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น
หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
22. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันปฏิบตั ิกจิ กรรมตามขั้นตอน จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
23. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันแลกเปล่ยี นความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม แลว้ อภิปรายผล
ร่วมกัน
ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
24. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนา้ ช้ันเรยี น ในระหว่างที่นกั เรียน
นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพือ่ ให้นักเรียนมีความเขา้ ใจที่ถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
25. ครถู ามคำถามทา้ ยกจิ กรรม โดยให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพ่อื หา
คำตอบ ดงั น้ี
• เรยี งลำดบั ขนาดตะกอนทีถ่ ูกพัดพา
(แนวตอบ : ทรายละเอียดจะถูกนำ้ พัดพาไปได้ไกลกวา่ )
• ภมู ปิ ระเทศจำลองที่มรี ะดบั สงู จะมีการสะสมตะกอนขนาดใด
(แนวตอบ : ทรายหยาบ)
• ภูมปิ ระเทศจำลองทม่ี ีระดบั ต่ำจะมีการสะสมตะกอนขนาดใด
(แนวตอบ : ทรายละเอียด)
• เรยี งลำดบั เหตกุ ารณก์ ารเปล่ียนแปลงภมู ปิ ระเทศจำลอง
(แนวตอบ : เกิดกระบวนกัดเซาะหรือการกรอ่ นเนื่องจากการกระทำของนำ้ กระบวนการพดั พา
และกระบวนการสะสมตะกอน ตามลำดบั )
26. นักเรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายผลกจิ กรรม การจำลองการกร่อน การพดั พา และการสะสมตัว
ของตะกอนวา่ “จากกิจกรรมทำให้ทราบว่าฝนทีต่ กลงมาเปน็ สาเหตหุ น่ึงท่ที ำให้เกิดกระบวน
การกรอ่ นหรือการกัดเซาะหนิ สง่ ผลใหภ้ มู ิประเทศมีรปู รา่ งทแี่ ตกตา่ งกนั ซง่ึ ตะกอนท่เี กดิ ขึ้นจะมี
ขนาดแตกต่างกัน โดยตะกอนทมี่ ขี นาดเลก็ จะพัดพาไปไดไ้ กลกวา่ ตะกอนท่มี ีขนาดใหญ่ และเกิด
การสะสมตัว บางบริเวณสะสมตวั กลายเปน็ ตะกอนรูปพดั บางบรเิ วณสะสมตัวเปน็ ดินดอน
สามเหล่ยี ม”
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 199
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
27. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามเนอ้ื หาเกี่ยวกบั เรอื่ ง การเปล่ยี นแปลงของโลก และใหค้ วามรู้
เพิ่มเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรอ่ื ง การเปลีย่ นแปลงของโลก
ในการอธิบายเพิ่มเติม
28. นกั เรียนทำ Topic Question เรื่อง โครงสรา้ งและการเปลยี่ นแปลงของโลก จากหนงั สอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 ลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน
29. ครสู ่มุ เลขทน่ี ักเรยี น จำนวน 5 คน ออกมาเขยี นคำตอบของตนเองหน้าชัน้ เรียน โดยใหเ้ พอ่ื นใน
ชนั้ เรยี นรว่ มกนั พจิ ารณาว่าคำตอบถูกต้องหรือไม่ จากนัน้ ครูเฉลยคำตอบท่ีถูกต้องใหน้ ักเรียน
30. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของโลก จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 เปน็ การบา้ นส่งในชั่วโมงถดั ไป
ขั้นสรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าชน้ั เรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ัติกิจกรรม จำลองการผุพังอยู่กับทข่ี องหนิ เน่ืองจากนำ้ เป็นปัจจยั
ในสมุดประจำตวั นักเรียน หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
3. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม จำลองการกร่อน การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอน
ในสมดุ ประจำตัวนักเรียน หรือแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
4. ครูตรวจ Topic Question เร่อื ง โครงสร้างและการเปลีย่ นแปลงของโลก ในสมุดประจำตัว
นกั เรียน
5. ครตู รวจแบบฝกึ หัด เร่ือง การเปลย่ี นแปลงของโลก จากแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
6. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปเกย่ี วกับการเปลยี่ นแปลงของโลก ซง่ึ ได้ข้อสรุปร่วมกนั ว่า
“การเปลีย่ นแปลงของโลก ได้แก่ การผพุ ังอยู่กบั ท่ี การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอน
เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณวี ิทยาท่ีทำใหโ้ ลกเกิดการเปลีย่ นแปลง เป็นภมู ลิ กั ษณ์
แบบต่าง ๆ เช่น น้ำ ลม ธารนำ้ แข็ง แรงโน้มถว่ ง สิง่ มีชวี ติ สภาพอากาศ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี”
7. การวัดและประเมินผล วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
รายการวัด - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรอื แบบฝกึ หัด
7.1 ประเมินระหวา่ ง วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
การจัดกิจกรรม เลม่ 2
การเรียนรู้ ม.2 เล่ม 2
1) การเปลีย่ นแปลง
ของโลก
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 200
รายการวัด วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม หรือแบบฝึกหดั
จำลองการผุพงั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
อยู่กับทขี่ องหนิ เลม่ 2
เนือ่ งจากนำ้ เปน็ ม.2 เล่ม 2
ปจั จัย
รายการวดั วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
3) ผลบนั ทึกการ
- ตรวจสมดุ - สมดุ ประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ประจำตัว หรอื
จำลองการกร่อน แบบฝึกหดั แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
การพดั พาและการ วทิ ยาศาสตร์ ม.2
สะสมตัวของตะกอน เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2
4) การนำเสนอผลงาน/
ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม - ประเมินการ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2
นำเสนอ ผลงาน/ผล นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
5) พฤติกรรมการ การปฏิบตั กิ จิ กรรม
ทำงานรายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
- สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
6) พฤติกรรมการ การทำงาน
ทำงานกลมุ่ รายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
7) คณุ ลักษณะ - สงั เกตพฤติกรรม
อันพงึ ประสงค์ การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
- สังเกตความมวี นิ ยั อนั พงึ ประสงค์
รบั ผิดชอบ ใฝ่
เรียนรู้
และม่งุ มน่ั ในการ
ทำงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 201
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลีย่ นแปลง
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 โลกและการเปล่ียนแปลง
3) วสั ดอุ ุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบตั ิกิจกรรมจำลองการผุพังอยู่กบั ท่ขี องหนิ เนื่องจากน้ำเปน็ ปจั จัย
4) วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ีใช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรมจำลองการกร่อน การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอน
5) PowerPoint เร่ือง การเปลยี่ นแปลงของโลก
6) บตั รภาพสถานท่ีตามธรรมชาติ
7) สมดุ ประจำตวั นักเรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อินเทอร์เนต็
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 202
บตั รภาพสถานท่ตี ามธรรมชาติ
น้ำตก
ทะเล
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 203
ภเู ขา
ถำ้
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 204
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 205
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง
เรอ่ื งกระบวนการดิน นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชวี้ ัด
ว 3.2 ม.2/6 อธิบายลักษณะของชั้นหน้าตัดดินและกระบวนการเกิดดนิ จากแบบจำลอง รวมท้งั ระบุ
ปัจจัยท่ีทำใหด้ ินมีลักษณะและสมบตั แิ ตกต่างกัน
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายกระบวนการเกิดดนิ ได้ (K)
2. ระบปุ ัจจัยทที่ ำให้ดินมีลักษณะและสมบตั ิแตกตา่ งกนั ได้ (P)
3. ตระหนกั ถึงการใช้ประโยชน์ของดิน (A)
4. มคี วามใฝ่เรียนรู้และมีความม่งุ มน่ั ในการทำงาน (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
• ดินเกิดจากหินที่ผุพังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้า
กับอินทรียวัตถุที่ได้จาก การเน่าเปื่อยของซากพืช
ซากสัตว์ทับถมเป็นชั้น ๆ บนผิวโลก ชั้นดินแบ่ง
ออกเป็นหลายชั้น ขนานหรือเกือบขนานไปกับ
ผิวหน้าดิน แต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกัน
เนื่องจากสมบัติทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ และ
ลักษณะอื่น ๆ เช่น สี โครงสร้าง เนื้อดิน การยืดตัว
ความเป็นกรด-เบส สามารถสังเกตได้จากการ
สำรวจภาคสนาม การเรียกชื่อชั้นดินหลักจะใช้
อกั ษรภาษาอังกฤษตวั ใหญ่ ไดแ้ ก่ O, A, E, B, C, R
• ชั้นหน้าตัดดินเป็นชั้นดินที่มีลักษณะปรากฏให้เห็น
เรียงลำดับเป็นชัน้ จากช้ันบนสดุ ถึงชัน้ ลา่ งสุด
•
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 206
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ดินเกิดจากหินที่ผุผังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้ากับอินทรียวัตถุจากการเน่าเปื่อยของซากพืช
ซากสัตว์ทับถมเป็นชั้น ๆ บนผิวโลก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงและสลายตัวของสสารต้นกำเนิดดินมีลำดับขั้นตอน
คือ การผุพัง การสลายตัว และการสร้างดิน ปัจจัยที่ทำให้ดินแต่ละท้องถิ่นมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน
ไดแ้ ก่ วตั ถุต้นกำเนดิ ภมู ิอากาศ ส่ิงมชี ีวติ ในดิน สภาพภูมิประเทศ และระยะเวลาในการเกดิ ดิน
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทักษะการระบุ 3. ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ
2) ทกั ษะการสงั เกต 4. มุง่ มั่นในการทำงาน
3) ทกั ษะการเปรียบเทยี บ
4) ทกั ษะการทำงานร่วมกนั
5) ทกั ษะการรวบรวมข้อมลู
6) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
7) ทักษะการจำแนกประเภท
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 207
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงท่ี 1
ข้ันนำ
ขั้นที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูมอบหมายให้นักเรียนแตล่ ะคนนำตวั อยา่ งดินจากแหลง่ ตา่ ง ๆ มาคนละ 1 ตัวอย่าง จากนั้น
นกั เรยี นแตล่ ะคนสังเกต และศึกษาลักษณะของดิน
2. นักเรยี นแต่ละคนเปรียบเทียบลกั ษณะและสีของดิน จากตัวอยา่ งดินของเพื่อน ๆ โดยเขยี นสรปุ เปน็
ขอ้ เปรียบเทียบลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
3. ครตู ัง้ ประเดน็ คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี น โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนรว่ มกนั อภิปรายแสดง
ความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยว่าถกู หรือผดิ ดงั น้ี
• ดินส่วนใหญ่มสี อี ะไร
(แนวตอบ : ขึ้นอยู่กบั ดนิ ตัวอย่างทนี่ ักเรยี นนำมา)
• ดนิ ตวั อยา่ งมลี ักษณะอย่างไร
(แนวตอบ : ขน้ึ อยู่กับดินตวั อย่างที่นักเรียนนำมา แต่ส่วนใหญด่ นิ ทัว่ ไปมักมลี ักษณะรว่ นซยุ
มีเศษรากไม้ผสมปนอยู่ เม่ือสัมผสั มลี กั ษณะออ่ นนุ่ม)
• นักเรียนรู้จกั ดนิ ประเภทใดบ้าง
(แนวตอบ : ขึน้ อยู่กับคำตอบของนักเรียน ตัวอย่างเช่น ดนิ เหนียว ดินร่วน ดนิ ทราย)
4. นักเรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบันทึกลงในสมุดประจำตัว
นักเรยี น
5. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เพื่อเป็นการนำเข้าสู่
บทเรยี นว่า “เรานำดนิ มาใช้ประโยชนด์ า้ นใดบ้าง”
(แนวตอบ : ดนิ เปน็ แหล่งผลิตปัจจยั 4 ได้แก่ อาหาร เคร่ืองนงุ่ หม่ ท่อี ยอู่ าศัย และยารักษาโรค
ซึ่งจำเปน็ ต่อการดำรงชวี ติ นอกจากน้เี ปน็ แหลง่ ธาตุอาหารของพืช เป็นทยี่ ึดเกาะและกักเก็บนำ้
อากาศ สำหรบั พืช เป็นแหลง่ ปลูกสรา้ ง อาคาร บา้ นเรอื น โรงงานอุตสาหกรรม และการสรา้ ง
สาธารณปู โภค เปน็ วตั ถุดิบทใ่ี ช้ในการทำภาชนะ เชน่ เคร่อื งปนั้ ดนิ เผา รวมท้ังเปน็ แหล่งท่มี ี
ความสัมพนั ธ์กบั ทรพั ยากรอ่ืน ๆ เชน่ ป่าไม้ แหล่งแร่ แหลง่ น้ำ และเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทาง
ธรรมชาต)ิ
ขนั้ สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 208
1. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศึกษาค้นควา้
ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เร่อื ง กระบวนการเกิดดนิ จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
หรือแหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็ ห้องสมดุ
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรอื่ งท่ีได้ศกึ ษา จากนั้นใหน้ ักเรยี นแต่ละคนเขียนสรุปความรู้
ท่ีได้จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตัวนักเรียน
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชนั้ เรยี น ในระหว่างท่ีนกั เรยี นนำเสนอครูคอย
ให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพอื่ ให้นกั เรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. ครตู ้ังประเดน็ คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี น โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนร่วมกันอภิปรายแสดง
ความคดิ เหน็ เพอ่ื หาคำตอบ ดังน้ี
• ดิน ประกอบดว้ ยกี่สว่ น อะไรบ้าง
(แนวตอบ : ดนิ ประกอบดว้ ย 4 ส่วน คือ อนนิ ทรียวตั ถุ อินทรยี วตั ถุ นำ้ และอากาศ)
• ฮิวมสั คอื อะไร
(แนวตอบ : ฮิวมัส คือ อินทรียวัตถุทส่ี ลายตัวปะปนอยู่ในดิน ซ่ึงเกิดจากการย่อยสลายของ
ซากพืชซากสตั ว)์
5. ครอู ธิบายเพ่ิมเติมให้นกั เรียนเขา้ ใจว่า “ดนิ เกิดจากหินท่ีผุพงั ผสมคลุกเคลา้ กบั อนิ ทรยี วตั ถทุ ไี่ ด้
จากการเนา่ เป่ือยของซากพืชและซากสตั วท์ ับถมกนั เป็นชน้ั โดยดนิ แต่ละบริเวณ ต่างมสี ีและลกั ษณะ
ของเนื้อดนิ ที่แตกต่างกนั บางบริเวณมีสีแดงสม้ บางบรเิ วณมีสดี ำ และบางบริเวณมีสีนำ้ ตาลขึน้ อยู่
กับสภาพแวดล้อมและปจั จัยตา่ ง ๆ”
ชวั่ โมงท่ี 2
ขัน้ สอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
6. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ 5 กล่มุ กลุ่มละเท่า ๆ กนั ตามความสมคั รใจ จากนนั้ นกั เรียนแตล่ ะ
กลุ่มส่งตวั แทนออกมาจับสลากหวั ขอ้ ที่ศกึ ษา โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันศึกษาค้นควา้ ข้อมลู
เกี่ยวกับ เร่ือง ปจั จัยตา่ ง ๆ ที่ทำใหด้ ินมีลักษณะและสมบัติแตกตา่ งกัน จากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหลง่ การเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็ หอ้ งสมุด
ซ่งึ หวั ข้อประกอบดว้ ย
• กลุม่ ท่ี 1 ศกึ ษา เรอ่ื ง วัตถตุ น้ กำเนดิ
• กลมุ่ ที่ 2 ศกึ ษา เรื่อง ลักษณะภมู ิประเทศ
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 209
• กลุม่ ท่ี 3 ศึกษา เรื่อง เวลา
• กล่มุ ท่ี 4 ศึกษา เรอื่ ง ภมู อิ ากาศ
• กลุ่มที่ 5 ศกึ ษา เร่อื ง สง่ิ มีชวี ิต
7. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันอภิปรายเรือ่ งทีไ่ ด้ศึกษา จากนั้นร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ี่ได้จากการศึกษา
ค้นคว้าลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
8. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ชั้นเรียน ในระหว่างทน่ี ักเรยี นนำเสนอครคู อย
ให้ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม เพือ่ ใหน้ กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
9. ครตู ัง้ ประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนักเรยี นว่า “ปัจจยั ใดบา้ งทที่ ำใหด้ นิ แตล่ ะท้องถิ่นมีลักษณะ
และสมบัตทิ ี่แตกต่างกัน”
(แนวตอบ : วัตถตุ น้ กำเนิดดิน ลักษณะภมู ิประเทศ เวลา ภูมอิ ากาศ และส่งิ มชี วี ติ )
ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
10. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามเน้ือหาเก่ียวกบั เร่อื ง กระบวนการเกิดดิน และใหค้ วามรเู้ พิ่มเติม
จากคำถามของนักเรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เรื่อง กระบวนการเกิดดนิ ในการอธบิ ายเพม่ิ เติม
11. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหดั เร่ือง กระบวนการเกิดดนิ จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ขั้นสรุป
ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าช้นั เรยี น
2. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนกอ่ นเข้าสูก่ ิจกรรมการเรยี นการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
3. ครูตรวจแบบฝกึ หัด เรอื่ ง กระบวนการเกดิ ดนิ จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
4. นักเรียนและครรู ว่ มกันสรุปเกีย่ วกับกระบวนการเกดิ ดิน ซ่งึ ได้ข้อสรุปรว่ มกันวา่ “กระบวนการเกดิ
ดิน แบง่ ออกเปน็ 3 ขนั้ ไดแ้ ก่ ข้นั ที่ 1 การผพุ ัง ข้นั ที่ 2 การสลายตัว และขน้ั ท่ี 3 การสร้างดนิ
ปัจจยั ท่ที ำใหด้ ินแตล่ ะท้องถน่ิ มีลักษณะและสมบัติแตกตา่ งกัน ไดแ้ ก่ วัตถุต้นกำเนิด ภมู อิ ากาศ
สิ่งมีชีวิตในดนิ สภาพภูมปิ ระเทศ และระยะเวลาในการเกิดดนิ ”
7. การวัดและประเมนิ ผล
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 210
รายการวดั วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหว่าง
การจัดกิจกรรม
การเรยี นรู้
1) กระบวนการเกิด - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
ดนิ หรือแบบฝึกหัด ม.2 เลม่ 2
วทิ ยาศาสตร์ ม.2
เล่ม 2
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2
นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
ผลงาน
- แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม
- แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
อนั พึงประสงค์
5) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินัย
อันพึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้
และม่งุ มนั่ ในการ
ทำงาน
8. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง
3) PowerPoint เรื่อง กระบวนการเกดิ ดิน
4) สมุดประจำตัวนักเรยี น
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) อนิ เทอรเ์ น็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 211
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 212
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4
กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว22102 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง
เรอื่ ง สมบตั ิของดนิ นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้ีวดั
ว 3.2 ม.2/7 ตรวจวดั สมบัติบางประการของดิน โดยใช้เคร่อื งมอื ท่ีเหมาะสมและนำเสนอแนวทาง
การใชป้ ระโยชน์ดนิ จากข้อมลู สมบัติของดนิ
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายสมบัติของดินได้ (K)
2. ตรวจวดั สมบัติบางประการของดินโดยใช้เครือ่ งมือทเี่ หมาะสมได้ (P)
3. ตระหนักถึงการใชป้ ระโยชน์ของดนิ จากขอ้ มลู สมบตั ขิ องดินได้ (A)
4. มคี วามมงุ่ มั่นในการเรยี นรู้และการทำงานท่ีได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• สมบัติบางประการของดิน เชน่ เน้อื ดิน ความชนื้ ดิน
ค่าความเป็นกรด-เบส ธาตุอาหารในดิน สามารถ
นำไปใช้ในการตัดสินใจถึงแนวทางการใช้ประโยชน์
ที่ดิน โดยอาจนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร
หรืออน่ื ๆ ซ่งึ ดินท่ไี มเ่ หมาะสมต่อการทำการเกษตร
เชน่ ดนิ จืด ดินเปรี้ยว ดนิ เค็ม และดนิ ดาน อาจเกิด
จากสภาพดินตามธรรมชาติ หรือการใช้ประโยชน์
จะต้องปรับปรุงให้มีสภาพเหมาะสม เพื่อนำไปใช้
ประโยชน์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 213
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
สมบัติของดินมีหลายประการ เช่น เนื้อดิน ความเป็นกรดและเบสของดิน ธาตุอาหารภายในดิน
ความชื้นของดิน ซึ่งสมบัติเหล่านี้สามารถนำไปพิจารณาร่วมกับการเลือกใช้ประโยชน์จากดินให้มี
ความเหมาะสมตอ่ การเพาะปลกู หรือการนำไปใช้ประโยชน์อ่นื ๆ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทักษะการสงั เกต 3. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ
2) ทักษะการทดลอง 4. มงุ่ มั่นในการทำงาน
3) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน
4) ทักษะการรวบรวมข้อมลู
5) ทักษะการนำความรไู้ ปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงท่ี 1
ขัน้ นำ
ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครทู บทวนความรูเ้ ดมิ ของนกั เรยี นเกีย่ วกบั กระบวนการเกดิ ดิน จากนน้ั ครแู จ้งจุดประสงค์
การเรียนรใู้ ห้นักเรยี นทราบ
2. ครูเปดิ วีดิทศั น์เกีย่ วกับสมบตั ขิ องดิน ใหน้ กั เรียนดู จากนัน้ ครูต้งั ประเด็นคำถามกระตุ้นความสนใจ
นกั เรยี นวา่ “ถา้ นักเรียนจะเพาะปลกู พืชชนิดหนึ่ง นักเรียนคดิ วา่ ดนิ ควรมลี ักษณะอย่างไร”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 214
โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ อย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่า
ถูกหรือผดิ
(แนวตอบ : ข้ึนอยู่กับคำตอบนักเรียน นักเรียนอาจตอบวา่ ดินจะตอ้ งมีลักษณะเปน็ เน้อื หยาบ
มคี วามพรุนมาก และมีสเี ข้ม)
ข้นั สอน
ข้ันที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ จากนน้ั นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันศกึ ษาค้นคว้า
ข้อมลู เกย่ี วกบั เรอ่ื ง สมบตั ขิ องดนิ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหลง่ การ
เรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต หอ้ งสมุด
2. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั อภิปรายเรื่องท่ีได้ศกึ ษา จากนั้นให้นกั เรยี นแตล่ ะคนเขยี นสรปุ ความรู้
ท่ไี ด้จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. ครูสมุ่ นกั เรยี นใหอ้ อกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าช้ันเรียน โดยส่มุ ออกมาเพยี ง 4 กลมุ่ ซงึ่ ครเู ป็น
คนเลอื กวา่ จะให้กลุ่มไหนนำเสนอเร่ืองอะไร ตามหวั ข้อเรื่องดงั ตอ่ ไปน้ี
• เนอ้ื ดนิ
• ความชื้นของดนิ
• สขี องดิน
• ความเป็นกรด-เบสของดนิ
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. ขณะทนี่ ักเรยี นแต่ละกลุม่ นำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรือแทรกข้อมูลเพ่ิมเตมิ ในเรื่องน้นั ๆ
ใหน้ ักเรียนทุกคนได้มีความเข้าใจที่ถูกตอ้ งมากย่ิงข้นึ
5. นักเรยี นและครูร่วมกันสรุปความร้เู กี่ยวกบั เรื่อง สมบตั ิของดิน ซ่ึงได้ขอ้ สรปุ รว่ มกันว่า “สมบัติของ
ดนิ มหี ลายประการ เชน่ เนอ้ื ดนิ ความเป็นกรด-เบสของดิน ธาตอุ าหาร ภายในดิน ความช้ืน
มนษุ ยจ์ งึ ใช้ประโยชน์จากสมบัติของดินเหลา่ นีไ้ ปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม
เชน่ ดินเหนียวอุ้มน้ำไดด้ ี เนื่องจากมขี นาดอนภุ าคต่ำกว่า 0.002 มลิ ลิเมตร จึงนยิ มนำไปปนั้
ภาชนะดนิ เผา”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 215
ชว่ั โมงที่ 2
ขัน้ สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
6. นกั เรียนนับจำนวน 1-6 วนไปเรื่อย ๆ จนครบทกุ คน เพื่อแบง่ กล่มุ นกั เรยี นออกเป็นกลุม่
กลมุ่ ละ 6 คน โดยคนท่นี ับจำนวนเดยี วกันใหอ้ ยูก่ ลุ่มเดียวกัน จากนัน้ ครูแจง้ จุดประสงค์ของ
กจิ กรรม ตรวจวดั สมบตั ขิ องดิน ให้นกั เรยี นทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่ถูกตอ้ ง
7. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันศึกษากจิ กรรม ตรวจวดั สมบัติของดิน เพ่อื ตรวจวัดและระบุสมบตั ิ
ของดินโดยใชเ้ คร่ืองมือทเี่ หมาะสมได้ จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยครูใชร้ ูปแบบ
การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแตล่ ะคนภายในกลมุ่
มบี ทบาทหนา้ ทีข่ องตนเอง ดังนี้
• สมาชิกคนที่ 1-2 ทำหนา้ ที่ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการปฏิบตั กิ จิ กรรมตรวจวดั
สมบัติของดิน
• สมาชกิ คนท่ี 3-4 ทำหน้าที่ อ่านวิธปี ฏบิ ตั กิ จิ กรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชิกในกล่มุ ฟงั
• สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหน้าท่ี บันทึกผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมลงในสมดุ ประจำตัวนักเรียน
หรอื แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
8. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั ปฏบิ ัติกิจกรรมตามขน้ั ตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
9. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั แลกเปล่ียนความรแู้ ละวิเคราะหผ์ ลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม แล้วอภปิ รายผล
รว่ มกัน
ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
10. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรยี น ในระหว่างที่นกั เรียน
นำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพอ่ื ให้นักเรยี นมีความเขา้ ใจท่ีถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
11. ครูถามคำถามทา้ ยกจิ กรรม โดยให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพ่อื หา
คำตอบ ดงั น้ี
• เนอ้ื ของดินแบง่ ออกเปน็ กีป่ ระเภท แตล่ ะประเภทมีลักษณะอย่างไร
(แนวตอบ : เนอ้ื ดนิ แบ่งเปน็ 3 ประเภท ได้แก่ ดินเหนียว ดินรว่ น และดินทราย
ดินเหนียว เน้ือดนิ ละเอยี ด สามารถอุ้มน้ำได้ดี, ดินรว่ น อมุ้ น้ำได้ดี ระบายน้ำได้ดี เหมาะแกก่ าร
เพาะปลกู และดินทราย เนือ้ ดินหยาบ ไม่อมุ้ น้ำ)
• ดินท่ีมคี วามเปน็ กรดและเบสจะมคี า่ pH เท่าใด ตามลำดบั
(แนวตอบ : ดนิ ทเี่ ป็นกรดจะมคี ่า pH ตำ่ กว่า 7 สว่ นดนิ ทเ่ี ปน็ เบสจะมคี ่า pH สงู กวา่ 7)
• จงยกตัวอย่างสมบัตขิ องดินและการนำไปใช้ประโยชน์
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 216
(แนวตอบ : ดนิ เหนียวนยิ มนำไปป้นั ภาชนะดนิ เผา ดินร่วนนยิ มนำมาใช้เพาะปลูก)
12. นักเรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายผลกจิ กรรม ตรวจวดั สมบัตขิ องดินว่า “อนภุ าคของดนิ แบ่งดิน
ออกเปน็ 3 ประเภท ได้แก่ ดินเหนยี ว ดินร่วน และดินทราย เมื่อสมั ผสั ดินเหนยี ว จะมีเนื้อดนิ ที่
เหนยี วและเน้ือดนิ ละเอียด เมื่อเปยี กนำ้ จะมีความยืดหยนุ่ สูง สามารถปัน้ เป็นก้อนให้ขึน้ เปน็ รูปทรง
ได้ เมอื่ สัมผสั ดนิ ร่วนจะรู้สกึ นุ่มและสากเล็กนอ้ ย เมอื่ สัมผัสดนิ ทรายจะรู้สกึ หยาบและสากมือ
เม่อื ตรวจสอบดินด้วยกระดาษยูนิเวอร์ซลั อนิ ดิเคเตอร์ ดนิ ทเี่ ป็นกรด ค่า pH จะต่ำกว่า 7 ส่วนดนิ ท่ี
เป็นด่าง ค่า pH จะสงู กวา่ 7”
ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
13. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนซกั ถามเน้ือหาเกีย่ วกบั เร่อื ง สมบตั ขิ องดิน และให้ความร้เู พิ่มเตมิ
จากคำถามของนักเรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เรื่อง สมบัตขิ องดนิ ในการอธิบายเพม่ิ เตมิ
14. นักเรยี นแตล่ ะคนสำรวจวา่ “ในชีวิตประจำวนั เราใชป้ ระโยชน์จากสมบัตขิ องดนิ อย่างไรบา้ ง”
โดยให้นักเรียนยกตวั อยา่ งมาอย่างน้อย 3 ข้อ พร้อมอธิบายการใชป้ ระโยชนจ์ ากสมบตั ิดังกล่าว
ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
15. นกั เรยี นแต่ละคนทำแบบฝกึ หดั เรื่อง สมบัตขิ องดิน จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ขั้นสรุป
ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมหนา้ ชนั้ เรียน
2. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ตรวจวัดสมบตั ิของดิน ในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
หรอื แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
3. ครูตรวจแบบฝกึ หัด เร่อื ง สมบตั ขิ องดนิ จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
4. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปเกย่ี วกบั สมบัติของดนิ ซ่ึงได้ข้อสรปุ รว่ มกันว่า “สมบัติของดนิ ที่สำคัญ
มีหลายประการ คือ เนื้อดิน เป็นสมบตั ิท่บี อกถึงความละเอียดของดนิ , ความช้ืนของดนิ คือ น้ำท่ี
ผสมอย่ใู นดนิ มีความสำคญั ต่อพืชและส่งิ มีชีวติ ท่ีอาศยั อย่ภู ายในดนิ , สขี องดิน เป็นสมบัตเิ ฉพาะตัว
ของดนิ ทีส่ ามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปล่า และความเป็นกรด-เบสของดิน เปน็ สมบตั ิทางเคมขี องดนิ
ทไี่ มส่ ามารถมองเหน็ ได้”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 217
7. การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
รายการวดั - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหัด
7.1 ประเมินระหวา่ ง วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
การจัดกิจกรรม เลม่ 2
การเรียนรู้ ม.2 เลม่ 2
1) สมบัติของดนิ - ตรวจสมุดประจำตวั
หรอื แบบฝึกหัด - สมุดประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
2) ผลบันทกึ การ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เล่ม 2 ม.2 เล่ม 2
ตรวจวัดสมบัติ
ของดนิ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
3) การนำเสนอ กจิ กรรม
ผลงาน/ผลการ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
การทำงานรายบุคคล
4) พฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
การทำงานกลุ่ม
5) พฤติกรรมการ - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานกลุ่ม - สังเกตความมวี นิ ัย คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ อนั พึงประสงค์
6) คุณลกั ษณะ และมุง่ ม่ันในการ
อันพงึ ประสงค์ ทำงาน
8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง
2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 โลกและการเปลีย่ นแปลง
3) วัสดุอปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการปฏิบัติกิจกรรมตรวจวัดสมบัติของดิน
4) PowerPoint เร่ือง สมบัติของดิน
5) วดี ิทศั น์เกีย่ วกับสมบตั ิของดนิ จาก https://www.youtube.com/watch?v=E8ZDQoDDkeo
6) สมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมุด
3) อนิ เทอรเ์ นต็
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 218
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 219
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5
กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง
เรื่องชัน้ หน้าตดั ดินและการปรับปรุงคุณภาพดิน นางสาวจติ ติญาภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั
ว 3.2 ม.2/6 อธิบายลกั ษณะของช้ันหน้าตัดดนิ และกระบวนการเกิดดนิ จากแบบจำลอง รวมทั้งระบุ
ปัจจยั ท่ีทำใหด้ ินมีลักษณะและสมบตั แิ ตกต่างกัน
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายลกั ษณะของชัน้ หน้าตดั ดินและการปรับปรงุ คณุ ภาพของดินได้ (K)
2. เปรยี บเทยี บลกั ษณะของดินในแต่ละช้นั ได้ (K)
3. ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมแบบจำลองชน้ั หนา้ ตัดดินไดอ้ ย่างถกู ต้องและเปน็ ลำดับข้ันตอน (P)
4. มคี วามมุง่ มน่ั ในการเรียนรู้และการทำงานท่ีได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
• ดินเกิดจากหินที่ผุพังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้า
กับอินทรียวัตถุที่ได้จาก การเน่าเปื่อยของซากพืช
ซากสัตว์ทับถมเป็นชั้น ๆ บนผิวโลก ชั้นดินแบ่ง
ออกเป็นหลายชั้น ขนานหรือเกือบขนานไปกับ
ผิวหน้าดิน แต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกัน
เนื่องจากสมบัติทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ และ
ลักษณะอื่น ๆ เช่น สี โครงสร้าง เนื้อดิน การยืดตัว
ความเป็นกรด-เบส สามารถสังเกตได้จากการ
สำรวจภาคสนาม การเรียกชื่อชั้นดินหลักจะใช้
อกั ษรภาษาองั กฤษตัวใหญ่ ไดแ้ ก่ O, A, E, B, C, R
• ชั้นหน้าตดั ดิน เป็นชั้นดนิ ที่มีลักษณะปรากฏใหเ้ หน็
เรียงลำดบั เป็นชน้ั จากชั้นบนสดุ ถึงชัน้ ล่างสุด
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 220
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ชั้นหน้าตัดดิน แบ่งออกเป็น 6 ชั้น โดยเรียกชื่อชั้นดินหลักแต่ละชั้นด้วยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ
พิมพ์ใหญ่ ได้แก่ O A E B C และ R แต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกัน และการปรับปรุงคุณภาพของดิน
เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อแก้ปัญหาดินจืด การเติมปูนขาวเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว การเติมผงกำมะถัน
เพอ่ื แก้ปัญหาดนิ ด่าง
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินัย รับผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทักษะการสังเกต 3. ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ
2) ทกั ษะการทดลอง 4. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
3) ทักษะการทำงานร่วมกนั
4) ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มูล
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงท่ี 1
ขั้นนำ
ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรู้เดมิ ของนักเรียนเกย่ี วกับสมบัตขิ องดิน จากน้นั ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้
ใหน้ ักเรยี นทราบ
2. ครเู ปดิ วีดิทศั นเ์ ก่ยี วกับการสำรวจหน้าตดั ขา้ งของดิน ให้นักเรยี นดู เพื่อกระตุน้ ความสนใจของ
นกั เรียน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 221
ขน้ั สอน
ข้ันท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันครูแจง้ จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
แบบจำลองช้นั หนา้ ตดั ดนิ ให้นกั เรยี นทราบเพอื่ เป็นแนวทางการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมที่ถูกต้อง
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษากิจกรรม แบบจำลองช้ันหนา้ ตัดดนิ จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 โดยครูใชร้ ปู แบบการเรียนรู้แบบรว่ มมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้
สมาชิกแต่ละคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดงั น้ี
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าที่ เตรียมวัสดุอปุ กรณท์ ่ีใช้ในการปฏิบัติกจิ กรรมแบบจำลอง
ชน้ั หนา้ ตัดดิน
• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหนา้ ท่ี อ่านวธิ ีปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชิกในกลุม่ ฟัง
• สมาชกิ คนที่ 5-6 ทำหนา้ ท่ี บันทกึ ผลการปฏิบตั ิกิจกรรมลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
หรือแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามขั้นตอน จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั แลกเปลี่ยนความรแู้ ละวเิ คราะห์ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผล
ร่วมกัน
ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
5. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหน้าช้นั เรียน ในระหวา่ งท่ีนักเรียน
นำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพ่อื ใหน้ ักเรยี นมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
6. ครถู ามคำถามทา้ ยกิจกรรม โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพ่อื หา
คำตอบ ดังนี้
• ช้ันหนา้ ตดั ดินแบง่ ออกเป็นกชี่ ้ัน แต่ละชั้นมีลักษณะอย่างไร
(แนวตอบ : ในทฤษฎีมี 6 ช้ัน ซ่งึ แตล่ ะช้นั มลี ักษณะท่แี ตกต่างกนั โดยดินชั้นบนสดุ จะมี
การสะสมสารอินทรีย์ซึ่งเกดิ จากซากพชื และซากสัตว์ ทำใหด้ ินมสี ีเขม้ ดังน้ัน ดนิ ในชั้นบนอาจ
พบเศษซากใบไม้ หรอื ก่งิ ไม้ หรอื ยังคงพบรากไม้อยใู่ นชั้นน้ี ทางทฤษฏเี รยี กชนั้ น้ีว่า ชั้น O)
• ประเมนิ แบบจำลองชน้ั หน้าตัดดนิ ของกลมุ่ อนื่ ว่ามคี วามถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : ขึน้ อยู่กับดลุ ยพินิจของนักเรยี นและครูผู้สอน)
7. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายผลกิจกรรม แบบจำลองชน้ั หน้าตัดดินวา่ “จากการสำรวจ
หรือศกึ ษาภาพช้ันหนา้ ตดั ดนิ ในแตล่ ะบรเิ วณ จะสงั เกตเหน็ ดนิ มีลกั ษณะเป็นช้ัน ซ่งึ ดินในแตล่ ะช้ัน
ต่างมีลกั ษณะเน้ือดิน สีของดิน การจบั ตัวของดิน และส่ิงต่าง ๆ ทปี่ ะปนอยใู่ นดนิ แตกตา่ งกัน
โดยชัน้ ดินในแตล่ ะแห่งตา่ งมีสมบัติ ลกั ษณะ จำนวนชน้ั และความหนาไมเ่ ท่ากนั เน่ืองจาก
กระบวนการผุพงั ของหินในแตล่ ะพืน้ ที่แตกต่างกัน”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 222
ชั่วโมงท่ี 2
ขั้นสอน
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
8. ครเู ตรียมสลากอกั ษรภาษาองั กฤษ ดังน้ี O, A, E, B, C และ R จากนัน้ นักเรยี นแต่ละคนออกมา
หยิบสลากหน้าชัน้ เรยี น
9. นักเรียนแตล่ ะคนศึกษาลักษณะดนิ ในแต่ละชัน้ ทน่ี ักเรียนหยิบสลากได้ โดยศกึ ษาคน้ คว้าข้อมูล
จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรอื แหล่งการเรยี นรูต้ า่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต ห้องสมดุ
แลว้ สรุปความรทู้ ่ีได้จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
10. นกั เรยี นแต่ละคนวาดภาพชั้นหน้าตัดดนิ ท่ตี นเองศกึ ษา ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม
11. นกั เรยี นจับกลุ่มสร้างชน้ิ งานเก่ยี วกับ เรือ่ ง ชนั้ หนา้ ตัดดิน ซง่ึ แต่ละกลุ่มจะประกอบด้วย ช้นั O,
ชน้ั A, ชั้น E, ช้นั B, ช้นั C และชัน้ R จากนน้ั นำกระดาษของแต่ละคนมาเรียงตอ่ กันแลว้ ตดิ
สกอตเทป
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
12. ครูสุ่มนักเรยี น จำนวน 4 กลมุ่ ออกมานำเสนอผลงาน เรอ่ื ง ช้นั หนา้ ตดั ดิน หนา้ ชน้ั เรยี น
ในระหว่างท่นี ักเรียนนำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติมเพื่อให้นักเรยี นมคี วามเข้าใจท่ถี กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
13. นักเรียนและครูรว่ มกันอภิปรายและสรปุ เกีย่ วกับ เรือ่ ง ชัน้ หนา้ ตดั ดิน ซึง่ ได้ข้อสรุปร่วมกนั ว่า
“ชนั้ หน้าตัดดินมี 6 ช้นั ซึ่งแต่ละช้นั มลี ักษณะและสมบัติที่แตกต่างกนั ดงั นี้
1) ช้ันอนิ ทรยี วตั ถุ หรือชัน้ O : เป็นช้นั ที่มสี ดี ำ เน่ืองจากมีการสะสมสารอนิ ทรียวัตถุ ทำให้ยังคง
มองเหน็ ซากใบไม้ กิ่งไม้ รากไม้
2) ชนั้ ดินแร่ หรือช้ัน A : อินทรยี วตั ถสุ ลายตัวและผสมคลุกเคล้ากบั แร่ธาตุท่ีอยู่ภายในดิน
3) ชนั้ ชะล้าง หรอื ชน้ั E : เปน็ ชั้นดินทมี่ สี ซี ดี จาง มีปริมาณอนิ ทรยี วัตถุน้อยกว่าชั้น A
4) ช้ันดนิ ลา่ ง หรอื ชั้น B : เปน็ ชั้นท่ีมีการสะสมของตะกอนและแร่ธาตุ
5) ชัน้ การผุพงั ของหนิ หรอื ชั้น C : เป็นชนั้ หนิ ตน้ กำเนิด หรอื หนิ ดนิ ดานผพุ ังทลายลงกลายเป็น
เศษหนิ ทม่ี ลี ักษณะเปน็ ก้อน หรือผืน
6) ชั้นหินพืน้ ฐาน หรอื ชัน้ R : เปน็ ชั้นหินแข็งท่ยี ังไมผ่ ุพงั สลายตวั ”
ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
14. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากน้นั นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษา
คน้ ควา้ ข้อมลู เก่ียวกับ เรื่อง มลพิษในดิน จากใบความรู้ เรื่อง มลพิษในดิน
15. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันเสนอแนวทางการแก้ปัญหา หรอื แนวทางการปรบั ปรุงคุณภาพของดนิ
ลงในกระดาษ A4
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 223
16. นักเรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายและสรปุ เกี่ยวกับแนวทางการแกป้ ัญหา หรือแนวทางการปรับปรงุ
คุณภาพของดนิ ซ่งึ ได้ข้อสรุปรว่ มกนั วา่ “ปญั หาของดนิ ส่วนใหญ่มสี าเหตมุ าจากธรรมชาติ เช่น
ดินถลม่ น้ำกัดเซาะ และจากการใชป้ ระโยชนข์ องดนิ เช่น การใชส้ ารเคมที ่ีทำใหด้ ินเส่ือมสภาพ
ซงึ่ การปรบั ปรุงคุณภาพดินสามารถทำได้โดยใส่อินทรียวัตถุลงในดินเพิ่มความรว่ นซุย ถ้าดินมีธาตุ
อาหารไมเ่ พียงพอ อาจปลูกพืชตระกูลถ่ัว ถา้ ดนิ เปรียวอาจแกป้ ัญหาโดยการโรยปนู ขาว ถ้าดินเค็ม
อาจใช้ผงกำมะถนั เพ่ือปรบั สภาพดนิ และถ้าหากดินเป็นดา่ ง อาจแก้ปัญหาได้ดว้ ยการเตมิ
ผงกำมะถันลงไป”
17. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเนื้อหาเกีย่ วกับ เร่อื ง ชน้ั หนา้ ตัดดินและการปรับปรุงคณุ ภาพ
ของดิน และให้ความรู้เพ่ิมเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรือ่ ง ชั้นหนา้ ตัด
ดนิ และการปรับปรุงคณุ ภาพของดนิ ในการอธบิ ายเพ่มิ เติม
18. นักเรียนทำ Topic Question เรอ่ื ง ดนิ จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
19. นกั เรียนแตล่ ะคนทำแบบฝึกหัด เร่ือง ชั้นหนา้ ตัดดนิ จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
เปน็ การบา้ นส่งช่ัวโมงถดั ไป
ขัน้ สรุป
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ ช้นั เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม แบบจำลองช้ันหน้าตัดดนิ ในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
หรือแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
3. ครตู รวจ Topic Question เร่อื ง ดิน ในสมุดประจำตัวนกั เรยี น
4. ครตู รวจแบบฝกึ หัด เรือ่ ง ชั้นหน้าตดั ดนิ จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
5. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปเก่ียวกับชน้ั หน้าตัดดิน และการปรบั ปรงุ คุณภาพของดนิ ซงึ่ ได้ข้อสรปุ
รว่ มกนั วา่ “ดินมีความลึกหรอื ความหนาไปตามแนวดิ่งทับถมเปน็ ชัน้ ตา่ ง ๆ เรยี กวา่ ช้ันหนา้ ตัดดิน
(soil profile) แบ่งออกเปน็ 6 ชัน้ ประกอบด้วย ชั้น O หรืออินทรียวัตถุ, ช้ัน A หรือช้ันแร่ดนิ ,
ชัน้ E หรอื ชน้ั ชะล้าง, ช้ัน B หรือชัน้ ดนิ ล่าง, ชั้น C หรือช้ันการผุพังของหนิ และช้นั R หรือช้ันหิน
พื้นฐาน ซ่ึงแต่ละชัน้ มลี ักษณะแตกต่างกนั เนอื่ งจากมสี มบัติทางกายภาพ ทางเคมี ทางชวี ภาพ
และลกั ษณะอื่น ๆ การปรบั ปรุงคณุ ภาพของดิน คือ ปัญหาทเ่ี กิดข้นึ กบั ดินมีสาเหตุมาจาก
ธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม น้ำกัดเซาะผิวดนิ และจากการใช้ประโยชนข์ องมนุษย์”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 224
7. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวดั วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การ
ประเมิน
7.1 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจสมุดประจำตวั หรอื - สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ น
เกณฑ์
การจัดกจิ กรรม แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
- ร้อยละ 60 ผา่ น
การเรียนรู้ 2 ม.2 เล่ม 2 เกณฑ์
1) ชัน้ หน้าตัดดนิ เล่ม 2 - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
และการปรบั ปรุง
- ระดับคณุ ภาพ 2
คุณภาพของดิน ผา่ นเกณฑ์
2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมดุ ประจำตวั หรือ - สมุดประจำตัว หรือ - ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
แบบจำลอง 2 ม.2 เลม่ 2
ชัน้ หนา้ ตัดดนิ เล่ม 2
3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการนำเสนอ
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ ผลงาน
ปฏิบตั ิกิจกรรม กิจกรรม
4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม
6) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ
อันพึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะ
และมงุ่ มัน่ ในการ อันพึงประสงค์
ทำงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 225
8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง
3) ใบความรู้ เรือ่ ง มลพิษในดิน
4) วสั ดอุ ุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการปฏิบัติกจิ กรรมแบบจำลองชน้ั หน้าตดั ดิน
5) PowerPoint เร่ือง ชน้ั หนา้ ตัดดนิ และการปรบั ปรุงคุณภาพของดนิ
6) สลากอกั ษรภาษาอังกฤษ
7) วดี ทิ ัศน์เก่ยี วกับการสำรวจหนา้ ตดั ขา้ งของดนิ
จาก https://www.youtube.com/watch?v=mpRtgGkkftk
8) สมดุ ประจำตวั นักเรยี น
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมดุ
3) อินเทอร์เน็ต
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 226
ใบความรู้
เร่อื ง มลพษิ ในดิน
มลพิษในดินเกิดจากการปนเปื้อนของสารเคมีและมลพิษต่าง ๆ ปริมาณสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ
ทั้งพืช สัตว์ มนุษย์ และสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันมลพิษในดินทำให้พื้นที่การเกษตรหลายแห่งในหลายประเทศ
ประสบปัญหาหน้าดินแตกระแหง ซึ่งเกิดจากหลายหลากสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงใน
การเกษตร การปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมสู่ผิวดิน การรั่วซึมของสารเคมีจากการฝั งกลบขยะ
การรั่วไหลของน้ำมันจากยานพาหนะ และเครื่องจักรกลการเกษตร การรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี
และสภาวะฝนกรด ซ่งึ สาเหตุตา่ ง ๆ เหลา่ นม้ี ผี ลทำใหด้ นิ มีสภาพท่ไี มเ่ หมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตของจุลินทรีย์ที่
อาศัยอยใู่ นดิน ทำให้ดนิ ขาดธาตอุ าหาร และไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก
ปัญหามลพิษในดินนอกจากจะส่งผลตอ่ การทำเกษตรกรรม ยังส่งผลกระทบตอ่ ดา้ นอื่น ๆ ดงั นี้
1. ผลกระทบต่อมนุษย์
สารเคมีปนเปื้อนที่ตกค้างในดินสามารถถ่ายทอดสู่มนุษย์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม หากสะสมใน
ร่างกายในปริมาณหนึ่งจะเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง รวมทั้งการสัมผัสดินที่มีสารเคมี
ปนเปื้อนตกค้าง เช่น เบนซิน พอลิคลอริเนตไบฟีนีล เป็นประจำ อาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคมะเร็งเมด็ เลือดขาวและ
มะเร็งตับได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สัมผัสกับดินที่ปนเปื้อนสารเคมีโดยตรง แต่พืชที่ปลูกบริเวณนั้นจะดูดซับ
สารเคมีและโลหะหนักเหล่านั้นมาเก็บไว้ เมื่อเรานำไปบริโภค สารเคมีและโลหะหนักจะสะสมอยู่ในร่างกาย
ก่อให้เกดิ อันตรายแก่มนุษย์ ตวั อย่างสารเคมี ได้แก่ สารตะกว่ั และสารปรอท ซ่ึงหากสะสมในร่างกายปรมิ าณมาก
จะกอ่ ให้เกิดอนั ตรายตอ่ ตับและไต
2. ผลกระทบตอ่ สตั ว์
สารเคมีปนเปื้อนที่ตกค้างในดินจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่มีลำตัวเป็น
ข้อปล้อง และจุลินทรีย์ที่อยู่ในดิน ทำให้ระบบเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติถูกทำลาย ผู้ผลิตไม่สามารถ
เจริญเติบโตได้ ผู้บริโภคในแตล่ ะลำดบั ข้ันของหว่ งโซอ่ าหารขาดแหลง่ อาหาร เป็นสาเหตใุ หเ้ กดิ การตายและการ
สูญพันธุ์ของสง่ิ มีชวี ติ ในแต่ละลำดบั ชั้นของหว่ งโซ่อาหารในที่สดุ
3. ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม
สารเคมีที่ตกค้างและปนเปื้อนอยู่ในดินนั้น สามารถก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและน้ำได้ เช่น แก๊ส
ไนโตรเจน แกส๊ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ ซง่ึ สารท้ังสองชนดิ นีเ้ ป็นสาเหตุสำคญั ที่ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงของสภาพ
ภูมิอากาศของโลก นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดภาวะฝนกรดเมื่อตกลงสู่พื้นดินจะทำให้พื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้รับ
ผลกระทบทางด้านเคมี มีสภาพที่ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรด้อย
คณุ ภาพลง การเกดิ มลพษิ ทางน้ำจากสารเคมีจำพวกไนโตรเจนและฟอสฟอรสั ท่ตี กค้างในดิน หากสารสองชนิดน้ี
ถูกชะล้างลงสู่แหล่งน้ำจะทำให้สาหร่ายเจริญเติบโตได้มากกว่าปกติแย่งออกซิเจนในน้ำกับสิ่งมีชีวิตอื่น เกิด
ผลเสียต่อระบบนิเวศในน้ำ นอกจากนี้สารปนเปื้อนในดินยังส่งผลให้สภาพความเป็นกรด -ด่างของดิน
เปลี่ยนแปลงไปเป็นสาเหตทุ ำใหต้ น้ ไมไ้ ม่เจรญิ และตายในท่ีสดุ
แหล่งอ้างอิง : http://www.everythingconnects.org/soil-pollution.html
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 227
สลากอกั ษรภาษาองั กฤษ E
C
A R
B
O
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 228
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 229
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 โลกและการเปลยี่ นแปลง ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เวลาเรียน 4 ชวั่ โมง
เร่อื งแหล่งนำ้ นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด
ว 3.2 ม.2/8 อธิบายปจั จัยและกระบวนการเกดิ แหลง่ นำ้ ผวิ ดนิ และแหล่งนำ้ ใต้ดนิ จากแบบจำลอง
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายการเกดิ นำ้ ผวิ ดนิ ได้ (K)
2. อธบิ ายการเกดิ น้ำใตด้ นิ และการกักเก็บของน้ำบาดาลได้ (K)
3. อธิบายปจั จัยและกระบวนการเกิดแหลง่ น้ำผวิ ดินได้ (K)
4. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมจำลองการเกิดและปจั จยั ในการเกิดนำ้ ผิวดินและการเกิดน้ำใต้ดนิ ได้อยา่ งถูกต้อง
และเป็นลำดับขัน้ ตอน (P)
5. มีความมงุ่ ม่นั ในการเรยี นรู้และการทำงานที่ได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
สาระการเรียนร้แู กนกลาง พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
• แหล่งน้ำผิวดนิ เกิดจากน้ำฝนที่ตกลงบนพื้นโลกไหล
จากที่สูงลงสู่ที่ต่ำด้วยแรงโน้มถ่วง การไหลของน้ำ
ทำให้พื้นโลกเกิดการกัดเซาะเป็นร่องน้ำ เช่น
ลำธาร คลอง และแม่น้ำ ซึ่งร่องน้ำจะมีขนาด
และรูปร่างแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน
ระยะเวลาในการกัดเซาะ ชนิดดินและหิน และ
ลักษณะภูมิประเทศ เช่น ความลาดชัน ความสูงต่ำ
ของพื้นที่ เมื่อน้ำไหลไปยังบริเวณที่เป็นแอ่งจะเกิด
การสะสมตัวเป็นแหล่งน้ำ เช่น บึง ทะเลสาบ ทะเล
และมหาสมทุ ร
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 230
• แหล่งน้ำใต้ดินเกิดจากการซึมของน้ำผิวดินลงไป
สะสมตัวใต้พื้นโลก ซึ่งแบ่งเป็นน้ำในดินและ
น้ำบาดาล น้ำในดินเป็นน้ำที่อยู่ร่วมกับอากาศตาม
ช่องว่างระหวา่ งเม็ดดิน สว่ นน้ำบาดาลเป็นน้ำท่ีไหล
ซึมลึกลงไปและถูกกักเก็บไว้ในชั้นหินหรือชั้นดิน
จนอมิ่ ตวั ไปด้วยนำ้
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
แหล่งน้ำแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ น้ำบนดินเกิดจากน้ำในบรรยากาศกล่ันตัวเป็นน้ำฝนตกลงมา
ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ซึ่งการไหลของน้ำทำให้เกิดการกัดเซาะเป็นร่องน้ำ เช่น ลำธาร คลอง แม่น้ำ
และน้ำใต้ดินเกิดจากน้ำบนดินซึมลงไปสะสมตัวอยู่ใต้พื้นโลก แบ่งออกเป็นน้ำในดิ น และน้ำบาดาล
ซงึ่ แหล่งน้ำถกู นำมาใช้ประโยชน์ตา่ ง ๆ เชน่ ใชส้ ำหรับการบริโภคและอุปโภค ใชเ้ พาะปลกู พืช เลยี้ งสัตว์ และ
เป็นแหล่งทอ่ี ยอู่ าศัยของปลาและสตั วน์ ้ำอน่ื ๆ ใช้ในด้านอุตสาหกรรมตา่ ง ๆ
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสงั เกต 3. ซื่อสตั ย์ สุจริต
2) ทกั ษะการทดลอง 4. มุ่งม่ันในการทำงาน
3) ทักษะการตง้ั สมมตฐิ าน
4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
5) ทักษะการรวบรวมข้อมูล
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 231
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่ัวโมงที่ 1
ขน้ั นำ
ขน้ั ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูนำบตั รภาพแหล่งน้ำตา่ ง ๆ เช่น นำ้ ตก ทะเล แมน่ ำ้ มาใหน้ กั เรียนดู จากนั้นครูตั้งประเด็น
คำถามกระต้นุ ความคดิ นกั เรยี น โดยให้นักเรียนแตล่ ะคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็
อย่างอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยวา่ ถกู หรือผดิ ดังน้ี
• จากบัตรภาพเป็นแหลง่ น้ำประเภทใด
(แนวตอบ : นกั เรยี นอาจตอบว่า นำ้ ตก ทะเล แม่น้ำ ลำธาร)
• แหล่งนำ้ ในแตล่ ะบัตรภาพมีลักษณะแตกตา่ งกนั อย่างไร
(แนวตอบ : นักเรยี นอาจตอบวา่ เปน็ แหลง่ น้ำจืด และแหลง่ นำ้ เคม็ )
2. นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเขา้ สู่กจิ กรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบันทึกลงในสมดุ ประจำตัว
นักเรียน
3. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เพ่ือเปน็ การนำเขา้ สู่
บทเรียนว่า “แหลง่ น้ำทม่ี นษุ ย์นำมาใชป้ ระโยชน์ได้แก่อะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : แหลง่ น้ำจืด เช่น นำ้ บาดาล แมน่ ำ้ น้ำตก และแหล่งน้ำเคม็ เช่น นำ้ ทะเล)
ข้ันสอน
ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นักเรียนจับคกู่ ับเพื่อนในช้ันเรยี น ตามความสมัครใจ จากนน้ั ครนู ำลูกโลกจำลอง มาใหน้ ักเรียนดู
แล้วใหน้ กั เรียนแต่ละคู่ช่วยกนั เปรยี บเทียบส่วนทีเ่ ป็นพน้ื น้ำ พื้นดนิ และระบุแหล่งน้ำท่ีตนเองรจู้ กั
มาให้มากทีส่ ดุ แล้วช่วยกนั จำแนกประเภทของแหล่งน้ำเหล่านัน้ โดยอาจต้งั เกณฑ์ในการจำแนก
เชน่ นำ้ จืดและนำ้ เค็ม นำ้ ผวิ ดินและนำ้ ใต้ดิน แหลง่ น้ำธรรมชาติ แหลง่ น้ำทมี่ นุษย์สร้างข้ึน เปน็ ตน้
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )
2. ครูขออาสาสมัครนกั เรยี น จำนวน 2 คู่ ออกมานำเสนอผลการจำแนกประเภทของแหลง่ น้ำโดยใช้
เกณฑ์ที่ตนเองกำหนดข้นึ หน้าช้นั เรียน ค่ลู ะ 1 เกณฑ์ แล้วเพื่อนในห้องชว่ ยกันตรวจสอบว่า
สามารถจำแนกประเภทของแหลง่ นำ้ ตามเกณฑ์น้ัน ๆ ได้หรือไม่
3. นักเรยี นแตล่ ะครู่ ่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับแหลง่ น้ำ จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 หรือแหลง่ การเรียนร้ตู า่ ง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 232
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
4. ครตู ั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคดิ นักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายแสดง
ความคิดเห็นเพ่อื หาคำตอบ ดงั น้ี
• แหลง่ นำ้ บนโลกมีปรมิ าณน้ำจดื มากกวา่ ปรมิ าณน้ำเค็มหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : มปี ริมาณนำ้ เคม็ มากกวา่ ปริมาณน้ำจืด ส่วนใหญ่น้ำบนผิวโลกเป็น ทะเล มหาสมุทร)
• นำ้ มคี วามจำเป็นต่อการดำรงชีวติ ของส่งิ มชี ีวิตในดา้ นใดบา้ ง
(แนวตอบ : ด้านอปุ โภคและบรโิ ภค)
• น้ำบนโลกปกคลมุ พนื้ ทเ่ี ทา่ ไรของพน้ื ทผ่ี ิวโลกทัง้ หมด
(แนวตอบ : พ้ืนที่ 3 ใน 4 สว่ นของพ้ืนทีผ่ วิ โลกทั้งหมด)
5. ครสู ุม่ นักเรยี น จำนวน 4 คน ใหย้ กตวั อย่างแหล่งน้ำบนโลก ดงั นี้
• คนท่ี 1 ใหย้ กตัวอย่างแหลง่ น้ำผิวดนิ 2 ตัวอยา่ ง
• คนที่ 2 ให้ยกตัวอย่างแหล่งน้ำใตด้ ิน 2 ตวั อย่าง
• คนที่ 3 ใหย้ กตัวอยา่ งแหล่งน้ำจืด 2 ตวั อยา่ ง
• คนท่ี 4 ให้ยกตวั อย่างแหล่งน้ำเคม็ 2 ตวั อยา่ ง
ช่ัวโมงท่ี 2
ขั้นสอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
6. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนักเรยี นจากชั่วโมงท่ีผ่านมาเก่ยี วกบั เรื่อง ประเภทของแหล่งน้ำบนโลก
7. นักเรยี นแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นครูแจ้งจุดประสงคข์ องกจิ กรรม จำลอง
การเกิดและปัจจัยในการเกิดนำ้ ผิวดิน ให้นักเรยี นทราบเพื่อเปน็ แนวทางการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ท่ีถกู ต้อง
8. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันศกึ ษากิจกรรม จำลองการเกิดและปัจจยั ในการเกิดนำ้ ผิวดิน จากหนงั สอื
เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยครูใชร้ ปู แบบการเรยี นรแู้ บบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้
โดยกำหนดใหส้ มาชิกแต่ละคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหน้าที่ของตนเอง ดังนี้
• สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหน้าที่ เตรียมวัสดุอุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมจำลองการเกิด
และปจั จัยในการเกิดน้ำผิวดิน
• สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหนา้ ที่ อ่านวธิ ีปฏิบัติกจิ กรรม และนำมาอธิบายใหส้ มาชิกในกลมุ่ ฟัง
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหนา้ ท่ี บันทึกผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
หรือแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
9. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั ปฏิบัติกจิ กรรมตามขนั้ ตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
10. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันแลกเปลยี่ นความร้แู ละวิเคราะห์ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม แลว้ อภปิ รายผล
รว่ มกนั
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 233
ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
11. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าช้นั เรียน ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นมีความเขา้ ใจท่ีถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
12. ครูถามคำถามท้ายกิจกรรม โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพอื่ หา
คำตอบ ดงั น้ี
• ร่องนำ้ ที่เกิดจากกองกรวดและทรายท่ีมีความสงู เท่ากนั มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : แตกต่างกัน ร่องนำ้ ทีเ่ กิดจากกองทรายจะถูกกดั เซาะออกมามากกว่าร่องนำ้ ทเ่ี กิด
จากกองกรวด)
• ร่องนำ้ ท่ีเกดิ จากกองทรายทม่ี คี วามสงู ต่างกัน มลี ักษณะแตกตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : รอ่ งน้ำท่เี กดิ จากกองทรายทีส่ งู กวา่ จะถูกกัดเซาะลงไปลกึ กวา่ )
• ธารน้ำจำลองที่เกดิ ขึน้ มลี ักษณะอย่างไร
(แนวตอบ : ธารน้ำทเ่ี กิดขึน้ จากกระบวนการกัดเซาะจะมีขนาดใหญข่ ้ึนและเปลยี่ นแปลง
ทงั้ ขนาดและรูปร่าง รวมทง้ั ทิศทางการไหลไปจากเดิม โดยน้ำจะเปน็ ตัวพาตะกอนไปสะสม
ทบ่ี ริเวณตา่ ง ๆ โดยตะกอนท่ีมีขนาดเลก็ จะถูกพัดพาไปไดไ้ กลกว่าตะกอนท่มี ีขนาดใหญ่)
13. นักเรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายผลกจิ กรรม จำลองการเกดิ และปจั จยั ในการเกดิ น้ำผิวดินวา่
“แหลง่ น้ำส่วนใหญ่เกิดขน้ึ จากธรรมชาติ โดยฝนทีต่ กลงมาจะไหลไปตามภมู ปิ ระเทศทีม่ รี ูปร่าง
แตกต่างกนั เกดิ กระบวนการกัดเซาะพ้นื ดนิ ให้กลายเปน็ ร่องน้ำขนาดเล็ก ซ่ึงจากกิจกรรมทำใหร้ ้วู ่า
ภมู ิประเทศท่มี ขี นาดสูงกว่าจะทำให้เกดิ ร่องน้ำท่ลี ึกกว่า เม่ือเวลาผา่ นไปร่องนำ้ จะขยายขนาดใหญ่
ขึน้ ข้นึ อยู่กับความทนทานในการกัดเซาะของดิน หนิ และแร่ ระยะเวลาในการกัดเซาะของน้ำใน
แตล่ ะพ้ืนท่ี รวมทง้ั ความเร็วและกระแสนำ้ ในแต่ละฤดูกาล”
14. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู เกี่ยวกับประวัตคิ วามเป็นมาของแม่น้ำเจ้าพระยา
จากใบความรู้ เร่ือง แม่น้ำเจ้าพระยา จากน้ันสมาชิกภายในกล่มุ แต่ละกลมุ่ รว่ มกันวิเคราะห์
กระบวนการเกดิ แมน่ ำ้ เจ้าพระยา แล้วเขียนสรุปความรทู้ ่ีไดจ้ ากการวเิ คราะหก์ ระบวนการเกดิ
แม่น้ำเจ้าพระยา ลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
15. นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภิปรายและสรุปเกีย่ วกับกระบวนการเกิดแมน่ ้ำเจ้าพระยา ซึ่งไดข้ ้อสรุป
ร่วมกนั ว่า “แม่น้ำเจา้ พระยามีต้นกำเนิดจากนำ้ ท่ีไหลผ่านภเู ขาทางตอนเหนอื ซ่งึ การกระทำของนำ้
ทำให้เกิดกระบวนการกัดเซาะ ทำใหเ้ กิดลำน้ำขนาดเล็ก เมือ่ เวลาผา่ นไปกระบวนการกัดเซาะ
การพัด และการสะสมตวั ของตะกอน ทำให้ลำนำ้ มขี นาดกว้างและใหญ่ขน้ึ ”
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 234