ชั่วโมงที่ 3
ขน้ั สอน
ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
16. ครเู ตรยี มอุปกรณส์ าธิตการทดลอง เชน่ บกี เกอร์ บัวรดน้ำ ทราย หิน และดิน จากนั้นครู
ขออาสาสมคั รนักเรยี น จำนวน 2-3 คน ออกมาหน้าช้นั เรยี น โดยใหต้ ัวแทนนกั เรยี นเติมทราย
และหิน ตามลำดบั ลงในบีกเกอรป์ รมิ าณ 1/3 ของบีกเกอร์ จากนนั้ นำดินใสล่ งในบกี เกอรใ์ ห้ถงึ
ปากบีกเกอร์ แล้วใชบ้ วั รดน้ำเทลงในบีกเกอร์
17. นักเรยี นแต่ละคนสังเกตการไหลของนำ้ และระดับน้ำ แล้วร่วมกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งอิสระโดยไมม่ ีการเฉลยวา่ ถกู หรอื ผดิ
18. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมจากกิจกรรมสาธติ การทดลองว่า “น้ำทร่ี ดลงไปหน้าดนิ จะไหลซึมผ่านลงไป
สะสมตัวอย่ใู ต้พืน้ ดิน เรยี กว่า น้ำใตด้ ิน ซึ่งนำ้ จะซมึ ลงไปสะสมตวั อยู่ในดนิ และหิน”
19. นกั เรยี นแต่ละคนศึกษาค้นควา้ ขอ้ มูลเกีย่ วกบั เร่ือง นำ้ ใต้ดิน จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 หรอื QR Code เร่อื ง การเกดิ นำ้ บาดาล แลว้ เขียนสรปุ ความรทู้ ี่ได้ลงในสมดุ ประจำตวั
นกั เรียน
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ )
20. นักเรยี นนบั จำนวน 1-6 วนไปเรอื่ ย ๆ จนครบทุกคน เพือ่ แบ่งกล่มุ นักเรยี นออกเปน็ กลุม่
กลมุ่ ละ 6 คน โดยคนท่ีนับจำนวนเดียวกันให้อยูก่ ลุ่มเดียวกัน จากนั้นครแู จง้ จุดประสงค์ของ
กิจกรรม จำลองการเกดิ และปจั จยั ในการเกดิ น้ำใต้ดนิ ให้นักเรียนทราบเพ่อื เป็นแนวทางการปฏิบตั ิ
กจิ กรรมที่ถกู ต้อง
21. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษากจิ กรรม จำลองการเกิดและปัจจยั ในการเกิดน้ำใต้ดนิ จากหนังสอื
เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยครใู ชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบรว่ มมอื มาจัดกระบวนการเรียนรู้
โดยกำหนดใหส้ มาชิกแต่ละคนภายในกลมุ่ มบี ทบาทหน้าที่ของตนเอง ดงั นี้
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าที่ เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมจำลองการเกดิ
และปจั จยั ในการเกิดนำ้ ใต้ดิน
• สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหน้าที่ อ่านวธิ ีปฏบิ ัติกิจกรรม และนำมาอธิบายใหส้ มาชิกในกล่มุ ฟัง
• สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหน้าท่ี บันทึกผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
หรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
22. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันปฏิบตั กิ ิจกรรมตามขน้ั ตอน จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
23. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันแลกเปลย่ี นความรแู้ ละวิเคราะห์ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผล
ร่วมกัน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 235
ช่วั โมงที่ 4
ขั้นสอน
ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
24. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนา้ ชนั้ เรียน ในระหว่างที่นกั เรยี น
นำเสนอ ครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจท่ีถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
25. ครูถามคำถามท้ายกจิ กรรม โดยใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพือ่ หา
คำตอบ ดังนี้
• หลังจากพรมนำ้ ไปทีต่ ู้ปลา ระดบั น้ำในช้ันทรายและในหลอดกาแฟมกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร
(แนวตอบ : ระดบั น้ำจะคอ่ ย ๆ เพิม่ สูงข้นึ )
• น้ำท่เี ทลงไปถูกกกั เกบ็ อย่ใู นชน้ั ตะกอนชนดิ ใด จำนวนกชี่ น้ั
(แนวตอบ : น้ำจะไหลไปสะสมทชี่ ้ันทราย จำนวน 2 ชัน้ )
• ช้นั ตะกอนท่กี ักเก็บน้ำมลี กั ษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ : ตะกอนทรายมีลกั ษณะร่วนและเม็ดตะกอนมีขนาดเท่ากนั )
26. นักเรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายผลกิจกรรม จำลองการเกิดและปจั จัยในการเกดิ น้ำใต้ดนิ ว่า
“นำ้ ผวิ ดินจะไหลซมึ ลงไปชัน้ ใต้ดิน และจะถกู กักเกบ็ ไวใ้ นชั้นตะกอนที่มีลักษณะเนื้อแน่นละเอียด
มชี อ่ งว่างระหว่างอนภุ าคน้อย ทำให้ได้น้ำไหลซมึ ผ่านไปได้ยากจงึ กลายเป็นชนั้ หนิ อ้มุ น้ำอย่ใู ตด้ นิ ”
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
27. นักเรียนแตล่ ะคนศึกษาค้นคว้าขอ้ มลู เกยี่ วกบั เรื่อง กระบวนการเกิดนำ้ พรุ ้อน
จากใบความรู้ เร่ือง บ่อน้ำร้อนรักษะวารนิ จากนั้นนกั เรียนแตค่ นวเิ คราะห์กระบวนการเกดิ
นำ้ พุรอ้ น แลว้ เขยี นสรปุ ความรู้ทไี่ ด้จากการวเิ คราะห์กระบวนการเกดิ น้ำพรุ ้อน ลงในกระดาษ A4
พรอ้ มตกแต่งให้สวยงาม
28. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามเนอ้ื หาเก่ียวกับ เรอ่ื ง น้ำผิวดิน และนำ้ ใตด้ ิน และให้ความรู้
เพิม่ เติมจากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่ือง แหล่งน้ำ ในการอธิบายเพิม่ เติม
29. นักเรียนแตล่ ะคนทำแบบฝึกหัด เร่ือง แหล่งนำ้ จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ข้นั สรุป
ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ ชั้นเรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบตั ิกิจกรรม จำลองการเกดิ และปัจจัยในการเกิดน้ำผวิ ดิน ในสมุดประจำตวั
นักเรียน หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
3. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม จำลองการเกิดและปจั จยั ในการเกดิ น้ำใต้ดนิ ในสมดุ ประจำตัว
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 236
นักเรยี น หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
4. ครูตรวจแบบฝกึ หดั เรื่อง แหล่งน้ำ จากแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
5. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั น้ำผวิ ดนิ และนำ้ ใต้ดนิ ซงึ่ ไดข้ ้อสรปุ ร่วมกนั วา่ “แหล่งนำ้
แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ น้ำผวิ ดนิ และนำ้ ใตด้ นิ น้ำผวิ ดิน เกิดจากน้ำในบรรยากาศกล่ันตวั
เปน็ น้ำฝนตกลงมาไหลจากท่ีสงู ลงสูท่ ี่ตำ่ ซึง่ การไหลของน้ำทำให้เกิดการกดั เซาะเป็นรอ่ งน้ำ
เช่น ลำธาร คลอง แม่น้ำ เปน็ ต้น และน้ำใตด้ นิ เกิดจากน้ำผิวดนิ ซึมลงไปสะสมตวั อยู่ใต้พนื้ โลก
แบ่งเป็นน้ำในดิน (สะสมในช่องวา่ งระหว่างเม็ดดนิ ) และนำ้ บาดาล (สะสมอยู่ในช่องว่างระหว่างหนิ )”
7. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวดั วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การจดั กิจกรรม หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
1) นำ้ ผิวดนิ เล่ม 2
และนำ้ ใตด้ นิ
2) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม หรือแบบฝึกหัด ม.2 เล่ม 2
จำลองการเกดิ และ วทิ ยาศาสตร์ ม.2
ปจั จยั ในการเกดิ เล่ม 2
นำ้ ผิวดนิ
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 237
รายการวดั วิธีการ เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
3) ผลบันทึกการ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ปฏบิ ัติกจิ กรรม หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
จำลองการเกดิ และ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
ปจั จยั ในการเกิด เล่ม 2
น้ำใต้ดนิ
4) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏิบัติ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
ปฏิบตั กิ จิ กรรม กิจกรรม
5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
6) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
7) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
และมุ่งม่นั ในการ อนั พึงประสงค์
ทำงาน
8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลยี่ นแปลง
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง
3) ใบความรู้ เรื่อง ประวัติแม่นำ้ เจา้ พระยา
4) ใบความรู้ เรอื่ ง บ่อนำ้ ร้อนรกั ษะวาริน
5) วัสดุอุปกรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบตั ิกิจกรรมจำลองการเกิดและปัจจัยในการเกิดนำ้ ผิวดนิ
6) วสั ดอุ ุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏิบัตกิ จิ กรรมจำลองการเกดิ และปจั จยั ในการเกิดนำ้ ใต้ดนิ
7) PowerPoint เร่ือง แหลง่ นำ้
8) บตั รภาพแหลง่ นำ้ ต่าง ๆ เชน่ น้ำตก ทะเล แมน่ ้ำ
9) อปุ กรณส์ าธิตการทดลอง เช่น บีกเกอร์ บวั รดน้ำ ทราย หนิ และดิน
10) QR Code เรอ่ื ง การเกดิ นำ้ บาดาล
11) สมดุ ประจำตวั นกั เรียน
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อินเทอรเ์ นต็
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 238
ใบความรู้
เร่อื ง ประวัติแมน่ ้ำเจ้าพระยา
แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแม่น้ำสายใหญ่ใน
ภาคกลาง ที่ได้รับน้ำจากแควสำคัญ 4 สาย คือ ปิง วัง
ยม และน่าน ที่ไหลมาจากภาคเหนือ มาบรรจบกันท่ี
ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำสายอื่น ๆ ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำ
เจ้าพระยา รวมทั้งแม่น้ำ เจ้าพระยาเองก็แยกสาขาไหล
ออกทะเลด้วย แควสำคัญ 4 สาย มีแหล่งกำเนิดต้นน้ำ
ดังนี้ 1. แควปิง ยาว 580 กิโลเมตร ต้นน้ำเกิดจาก
ภูเขาตอนเหนือของอ.เชยี งดาว จ.เชยี งใหม่
2. แคววัง ยาว 335 กิโลเมตร ต้นน้ำเกิดจากภูเขาตอน
เหนือของลำปาง ไหลมา บรรจบกบั แควปงิ
ทีบ่ า้ นปากวงั อ.บา้ นตาก จ.ตาก 3. แควยม ยาว 555 กโิ ลเมตร ตน้ น้ำเกดิ จากภเู ขาขนุ ยวมใน อ.ปง
จ.เชยี งราย ไหลมาบรรจบกับ แควนา่ นท่ี ต.เกียชัย อ.ชมุ แสง จ.นครสวรรค์
4. แควนา่ น ยาว 627 กิโลเมตร มีต้นกำเนดิ มาจากภเู ขาหลวงพระบางใน อ.ปวั จ.นา่ น ไปบรรจบกบั
แควปิงที่ ต.ปากนำ้ โพ จ.นครสวรรค์แมน่ ้ำเจา้ พระยาเป็นระบบนำ้ ใหญเ่ พียงระบบเดียวในภาคกลาง
ซงึ่ มีความยาวครอบคลุมพน้ื ท่ีต้งั แตภ่ าคเหนือท่ี ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ แลว้ ไหลผา่ น
เสน้ แบ่งเขต จ.อทุ ัยธานี กับ จ.ชยั นาท เขา้ เขต จ.ชัยนาท สิงหบ์ ุรี อา่ งทอง พระนครศรอี ยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี
กรงุ เทพมหานคร ไปออกทะเลที่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ มีความยาว 370 กิโลเมตร แยกยอ่ ย
ออกเปน็ แม่น้ำ 3 สาย ดงั นี้
1. แมน่ ำ้ ลพบรุ ี ไหลจากแมน่ ้ำเจา้ พระยาที่ ต.ม่วงหมู่ อ.สงิ หบ์ รุ ี จ.สงิ ห์บรุ ี แลว้ ไหลเขา้ เขต จ.ลพบรุ ี ผ่าน
เมืองลพบุรี จากนั้นไหลเข้าเขต จ.พระนครศรีอยุธยา ไปบรรจบกับแม่น้ำป่าสักวัดตองปุ ในเขต
จ.พระนครศรีอยุธยา
2. แม่นำ้ น้อย ไหลจากแมน่ ้ำเจ้าพระยาที่ อ.ชยั นาท ผ่านเขต จ.สิงหบ์ ุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา
ตรงบริเวณเลยที่ตั้ง อ.เสนาไปเล็กน้อยไปบรรจบกับคลองบางบาล ซึ่งเป็น แม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมที่บ้านสีกุก
แล้วไหลต่อไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทางทิศตะวันออก ของที่ตั้ง อ.บางไทร
จ.พระนครศรอี ยธุ ยา
3. แม่น้ำท่าจีน ไหลแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ผ่าน จ.ชัยนาท สุพรรณบุรี
นครปฐม และสมุทรสาคร ไปลงทะเลที่ อ.เมืองสมุทรสาคร แม่น้ำสายนี้มีชื่อเรียกแตก ต่างกันเป็นตอน ๆ คือ
ตอนท่ีไหลอยู่ในเขต จ.ชยั นาท เรียกชื่อวา่ แม่น้ำมะขามเฒา่ ไหลเข้าเขต จ.สพุ รรณบรุ ี เรยี กวา่ แมน่ ำ้ สุพรรณบุรี
ไหลเข้าเขต จ.นครปฐม เรียกว่า แม่น้ำนครชัยศรี และ เมื่อไหลเข้าเขต จ.สมุทรสาคร เรียกว่า
แม่นำ้ ทา่ จนี
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 239
ใบความรู้
เรอื่ ง บ่อน้ำร้อนรักษะวารนิ
บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะ
วาริน อำเภอเมือง จังหวัดระนอง
เกิดที่บริเวณริมคลองหาดส้มแป้น
ห่างจากตัวจังหวัดระนองไปทางทิศ
ตะวันออกเป็นระยะทางประมาณ 2
กิโลเมตร ซึ่งน้ำพุร้อนแห่งนี้เกิดใน
ภูมิประเทศท่ีมลี ักษณะเป็นที่ราบหบุ
เขา (valley) เน่ืองจากจงั หวัดระนอง
มีลักษณะธรณีวิทยาที่มีแนวรอย
เลื่อน และรอยแยกหรือรอยแตก น้ำ
จะไหลซึมเข้าไปตามรอยแตกลงไปใต้เปลือกโลกท่ีมีความร้อนและความดนั สงู น้ำร้อนจากใต้ดนิ จงึ ไหลซมึ และพุ่ง
ขึ้นมาสู่ผิวโลก โดยแนวรอยเลอื นมีสองแนวตัดกัน ได้แก่ แนวรอยเลื่อนเกอื บตะวนั ออก-ตะวันตกตามลำน้ำของ
คลองหาดสม้ แปน้
ปจั จบุ ันแหลง่ น้ำพุร้อนแหง่ นี้ เปน็ แหลง่ ที่สำคัญท่สี ุดของจงั หวดั ระนอง เนอื่ งจากอย่ใู กลแ้ หลง่ ชมุ ชน และ
ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด มีการจัดสร้าง ตกแต่ง สวนหย่อม
ต่าง ๆ ไวเ้ ปน็ ที่พกั ผอ่ นหยอ่ นใจของประชาชน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 240
บอ่ น้ำรอ้ นทักษะวารินมีจำนวน 3 บ่อ ดังนี้
1. บ่อพ่อ เป็นบ่อปูนซีเมนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำร้อนทั้งสามบ่อ มีลักษณะเป็นบ่อวงกลม
เส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อ ขนาด 2.80 เมตร สูงจากผิวดิน 0.80 เมตร น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ที่ผุดขึ้นมาจากก้นบ่อสู่ผิวน้ำ
ค่อนข้างน้อย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่าย น้ำร้อน
จะไหลล้น ออกนอกบ่อตลอดเวลา ทำให้บริเวณ
บางส่วนของปากบ่อและผนังบ่อน้ำด้านนอกมีการ
สะสมตัวของแร่แคลไซต์ ซึ่งเป็นแร่ที่มีขนาดผลึก
ละเอียดมาก แร่ชนิดนี้เป็นแร่อัลเทอร์เรชันที่สำคัญ
ชนิดหนึ่ง อุณหภูมิของน้ำร้อน คือ 65 องศาเซลเซียส
ค่าความเป็นกรดด่างประมาณ 8 อัตราการไหลของน้ำ
ร้อนประมาณ 3.5 ลิตร/วินาที หรือประมาณ 12.6
ลกู บาศกเ์ มตร/ชวั่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 241
2. บ่อแม่ เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกับบ่อพ่อ
แต่มขี นาดเล็กกวา่ โดยมีเสน้ ผ่าศนู ย์กลางของบ่อขนาด
1.50 เมตร สูงจากผิวดิน 0.85 เมตร น้ำร้อนในบ่อ
มีลักษณะใส มีฟองแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ผุดขึ้นมา
เป็นระยะ ๆ และมีปริมาณมากกว่าบ่อพ่อ ไม่มีกลิ่น
กำมะถัน ไม่มีสาหร่าย อุณหภูมิของน้ำร้อน วัดได้ 65
องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่างประมาณ 8
มีแร่อัลเทอร์เรชันเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อ
ระดับของน้ำร้อนอยู่ต่ำจากปากบ่อลงไป 0.48 เมตร
ไม่สามารถวัดอัตราการไหลของนำ้ ร้อนได้
3. บ่อลูกสาว เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกัน
มีเส้นผ่าศูนย์กลางของบอ่ ขนาด 2.00 เมตร สูงจาก
ผิวดิน 0.90 เมตร น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟอง
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ผุดขึ้นมายังผิวน้ำมากกว่า
บ่อพ่อและบ่อแม่ ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่าย
อณุ หภมู ขิ องน้ำ คือ 65 องศาเซลเซียส คา่ ความเป็น
กรดด่างประมาณ 8 มีแร่อัลเทอร์เรชันเคลือบ
เล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อเช่นเดียวกับบ่อแม่
ระดับน้ำร้อนอยู่ต่ำจากปากบ่อลงไป 0.1 เมตร
ไมส่ ามารถวัดอตั ราการไหลของน้ำรอ้ นได้
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 242
สลากอกั ษรภาษาองั กฤษ E
C
A R
B
O
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 243
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 244
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 โลกและการเปล่ียนแปลง ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง
เรือ่ งการใชป้ ระโยชน์และการอนุรักษน์ ำ้ นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ดั
ว 3.2 ม.2/9 สรา้ งแบบจำลองการใชน้ ้ำ และนำเสนอแนวทางการใช้นำ้ อยา่ งยั่งยืนในท้องถิ่นของตนเอง
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายการใช้ประโยชน์จากนำ้ ได้ (K)
2. สืบค้นข้อมูลและเสนอแนะแนวทางการใชน้ ำ้ อย่างยง่ั ยนื ในทอ้ งถ่ินได้ (P)
3. มคี วามมุ่งมนั่ ในการเรยี นรู้และการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
• แหล่งน้ำผิวดนิ และแหลง่ น้ำใต้ดินถกู นำมาใช้ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของ
ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ สง่ ผลตอ่ การจดั การการใช้ สถานศึกษา
ประโยชนน์ ำ้ และคุณภาพของแหล่งน้ำ เน่อื งจากการเพมิ่ ข้ึน
ของจำนวนประชากร การใช้ประโยชนพ์ ้ืนท่ใี นด้านตา่ ง ๆ
เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอตุ สาหกรรม และการ
เปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศ ทำให้เกดิ การเปล่ียนแปลงปรมิ าณ
นำ้ ฝนในพืน้ ที่ลุ่มนำ้ และแหล่งน้ำผวิ ดนิ ไม่เพียงพอสำหรับ
กิจกรรมของมนษุ ย์ น้ำจากแหลง่ น้ำใตด้ ินถูกนำมาใชม้ ากข้ึน
สง่ ผลให้ปริมาณนำ้ ใต้ดนิ ลดลงมากจึงต้องมีการใชน้ ำ้ อยา่ ง
เหมาะสมและยง่ั ยืน ซงึ่ อาจทำได้โดยการจัดหาแหลง่ นำ้
เพือ่ ให้มแี หลง่ นำ้ เพียงพอสำหรบั การดำรงชีวิต การจัดสรร
และการใชน้ ำ้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การอนรุ ักษ์และฟืน้ ฟู
แหล่งนำ้ การป้องกันและแก้ไขปญั หาคุณภาพนำ้
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 245
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
น้ำมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำเพื่อประกอบอาหาร ใช้สำหรับ
อุปโภคและบริโภค ใช้เพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ ใช้ใน
อุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใช้ในกระบวนการผลิต ล้างของเสีย หล่อเครื่องจักร นอกจากนี้ใช้เป็นแหล่งผลิต
พลังงานไฟฟา้ และใชเ้ ป็นเส้นทางคมนาคม
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินยั รับผิดชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทกั ษะการสำรวจค้นหา 3. ซ่อื สัตย์ สจุ รติ
2) ทกั ษะการเช่อื มโยง 4. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
3) ทักษะการรวบรวมขอ้ มลู
4) ทกั ษะการนำความรูไ้ ปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงท่ี 1
ข้นั นำ
ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทักทายนักเรยี น จากนั้นครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรียนเก่ยี วกบั แหลง่ น้ำ
2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 7 คน ตามความสมคั รใจ จากนน้ั ครแู จกกระดาษ A4 กลมุ่ ละ 1 แผน่
โดยให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ เขยี นประโยชน์ของน้ำในชีวิตประจำวันท่นี ักเรยี นคดิ ได้ คนละ 1 ตวั อยา่ ง
แลว้ ส่งต่อให้กับเพ่ือนไปเร่ือย ๆ จนกระทงั่ ถงึ สมาชิกคนสดุ ท้ายแลว้ จึงวนกลับมาท่สี มาชิกคนที่
หนึ่งใหม่ โดยแต่ละตวั อย่างตอ้ งไมซ่ ำ้ กัน ระหว่างนคี้ รจู ับเวลา 30 วินาที
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 246
ข้นั สอน
ข้ันที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรยี นจบั คู่กบั เพื่อนในชั้นเรียน ตามความสมัครใจ จากนั้นร่วมกนั ศึกษาคน้ คว้าข้อมูลเกยี่ วกับ
การใชป้ ระโยชน์ของน้ำ และแนวทางการใช้น้ำอย่างยัง่ ยนื จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2
เลม่ 2 หรือแหล่งการเรียนรูต้ ่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็ ห้องสมุด
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
2. นกั เรยี นแตล่ ะค่รู ว่ มกนั อภิปรายเรือ่ งที่ได้ศึกษา จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนเขียนสรปุ ความร้ทู ่ไี ด้
จากการศึกษาคน้ คว้าลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
3. ครูส่มุ นักเรยี น จำนวน 4 คน ออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ชั้นเรยี น ในระหวา่ งทนี่ ักเรยี น
นำเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ เพ่ือให้นักเรยี นมคี วามเขา้ ใจท่ีถกู ตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายและสรุปเกี่ยวกับการใช้ประโยชนข์ องน้ำ ซง่ึ ได้ข้อสรุปร่วมกนั วา่
“น้ำถูกนำมาใช้ประโยชน์หลายด้าน เช่น ด้านอปุ โภค บริโภค ด้านอุตสาหกรรมเพ่ือใช้ใน
กระบวนการผลติ ซ่งึ การกระทำของมนุษยส์ ง่ ผลให้คุณภาพของนำ้ เส่ือมลง และปรมิ าณน้ำไม่
เพยี งพอตอ่ ความต้องการของมนุษย์ ดงั น้ันเราจงึ ต้องร่วมกันอนรุ กั ษ์ ฟน้ื ฟู และแก้ไขปัญหา
นำ้ เน่าเสยี ”
5. ครสู ุม่ นักเรยี น จำนวน 5 คน ให้ยกตวั อยา่ งแนวทางการใชน้ ้ำอย่างยั่งยนื มาคนละ 1 ตวั อย่าง
(แนวตอบ : ตวั อย่างเช่น ใชน้ ำ้ ดไี ล่นำ้ เสีย ใช้น้ำอย่างประหยดั การพฒั นาแหลง่ นำ้ เป็นตน้ )
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
6. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามเน้ือหาเกี่ยวกบั เร่ือง การใช้ประโยชน์และการอนุรกั ษแ์ หล่งนำ้
และใหค้ วามรเู้ พิม่ เตมิ จากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การใช้ประโยชน์
และการอนรุ กั ษ์แหลง่ น้ำ ในการอธิบายเพมิ่ เติม
7. นักเรียนแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั เรื่อง การใช้ประโยชน์และการอนรุ ักษ์แหล่งน้ำ จากแบบฝกึ หัด
วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 247
ขน้ั สรุป
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าชั้นเรยี น
2. ครตู รวจแบบฝึกหัด เร่อื ง การใชป้ ระโยชนแ์ ละการอนุรักษ์แหลง่ นำ้ จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2
3. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปเกีย่ วกับการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์แหลง่ นำ้ ซ่ึงได้ข้อสรปุ ร่วมกัน
ว่า “น้ำมคี วามสำคญั ต่อการดำรงชวี ิตของมนุษย์ไมว่ า่ จะเปน็ การใชน้ ำ้ เพ่ือการประกอบอาหาร
ใชใ้ นการเกษตร ใชส้ ำหรบั อตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ ทว่ั ไปของมนุษย์ ใช้เป็นแหล่งท่อี ยู่อาศัยของปลา
และสัตวน์ ้ำอ่ืน ๆ แนวทางการฟื้นฟแู ละแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย เชน่ ใช้นำ้ ดีไลน่ ้ำเสีย ใช้ผักตบชวา
ใช้เครื่องจักรกล เป็นตน้ ”
7. การวัดและประเมินผล
รายการวดั วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
7.1 ประเมินระหวา่ ง
การจดั กจิ กรรม
การเรียนรู้
1) การใชป้ ระโยชน์ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
และการอนรุ กั ษ์ หรือแบบฝกึ หดั ม.2 เลม่ 2
แหลง่ นำ้ วทิ ยาศาสตร์ ม.2
เล่ม 2
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2
นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน
- แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม
- แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
อนั พึงประสงค์
5) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั
อนั พงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้
และมงุ่ มั่นในการ
ทำงาน
8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่อื การเรียนรู้
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 248
1) หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง
2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง
3) PowerPoint เรื่อง การใช้ประโยชน์และการอนุรักษแ์ หลง่ น้ำ
4) สมุดประจำตวั นักเรยี น
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) อนิ เทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 249
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 250
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๘
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง
เร่อื งภยั พบิ ตั จิ ากน้ำ นางสาวจิตติญาภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ดั
ว 3.2 ม.2/10 สรา้ งแบบจำลองทอ่ี ธบิ ายกระบวนการเกดิ และผลกระทบของน้ำทว่ ม การกัดเซาะ
ชายฝัง่ ดนิ ถล่ม หลมุ ยบุ แผน่ ดินทรุด
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายกระบวนการเกดิ และผลกระทบของน้ำทว่ ม การกัดเซาะชายฝั่ง ดนิ ถลม่ หลมุ ยบุ
แผ่นดนิ ทรุดได้ (K)
2. ปฏิบัติกจิ กรรมจำลองการกัดเซาะชายฝง่ั ได้อย่างถูกต้องและเป็นลำดบั ขน้ั ตอน (P)
3. มีความมงุ่ ม่ันในการเรยี นรู้และการทำงานท่ีได้รบั มอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น
สาระการเรียนรู้แกนกลาง พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบ
แผ่นดินทรุด มีกระบวนการเกิดและผลกระทบ
ที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายร้ายแรง
แกช่ วี ิต และทรพั ยส์ นิ
• น้ำท่วม เกิดจากพื้นที่หนึ่งได้รับปริมาณน้ำเกินกว่า
ที่จะกักเก็บได้ ทำให้แผ่นดินจมอยู่ใต้น้ำ โดยขึ้นอยู่
กบั ปริมาณน้ำและสภาพทางธรณีวทิ ยาของพื้นที่
• การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง
ของชายฝั่งทะเลที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจากการ
กัดเซาะของคลน่ื หรือลม ทำให้ตะกอนจากที่หน่ึงไป
ตกทับถมในอีกบริเวณหนึ่ง แนวของชายฝั่งเดิมจึง
เปลยี่ นแปลงไป
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 251
สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ
• ดินถล่ม เป็นการเคลื่อนที่ของมวลดินหรือหิน
จำนวนมากลงตามลาดเขา เนื่องจากแรงโน้มถ่วง
ของโลกเป็นหลัก ซึ่งเกิดจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่
ความลาดชันของพื้นที่ สภาพธรณีวิทยา ปริมาณ
นำ้ ฝน พชื ปกคลมุ ดิน และการใชป้ ระโยชน์พน้ื ที่
• หลุมยุบ คือ แอ่งหรือหลุมบนแผ่นดินขนาดต่าง ๆ
ที่อาจเกิดจากการถล่มของโพรงถ้ำหินปูน เกลือหิน
ใต้ดนิ หรอื เกิดจากน้ำพดั พาตะกอนลงไปในโพรงถ้ำ
หรอื ธารนำ้ ใตด้ นิ
• แผ่นดินทรุดเกิดจากการยุบตัวของชั้นดิน หรือ
หินร่วน เมื่อมวลของแข็งหรือของเหลวปริมาณมาก
ที่รองรับอยู่ใต้ชั้นดินบริเวณนั้นถูกเคลื่อนย้าย
ออกไปโดยธรรมชาติหรือโดยการกระทำของมนุษย์
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำผิวดิน ได้แก่ น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุบยุบ และแผ่นดินทรุด
ซึ่งมีกระบวนการเกิด และผลกระทบที่แตกต่างกัน ซึ่งน้ำท่วมเกิดจากพื้นที่หนึ่งได้รับปริมาณน้ำมากกว่าจะ
กักเก็บได้ การกัดเซาะชายฝั่งเกิดจากความแรงของน้ำกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่มเกิดจากการเคลื่อนที่ของมวล
ดินเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก หลุบยุบเกิดจากการถล่มของโพรงถ้ำหินปูน และแผ่นดินทรุดเกิดจากการ
ยบุ ตัวของช้นั ดิน
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทักษะการสังเกต 3. ซ่ือสตั ย์ สุจรติ
2) ทักษะการทดลอง 4. ม่งุ มั่นในการทำงาน
3) ทักษะการเช่อื มโยง
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 252
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
4) ทกั ษะการเปรียบเทยี บ
5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน
6) ทักษะการรวบรวมขอ้ มูล
7) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงท่ี 1
ข้นั นำ
ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครทู กั ทายกับนักเรยี น จากนัน้ ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ
2. นักเรยี นดูวีดิทัศนเ์ กีย่ วกับภยั พบิ ตั ิจากน้ำ เรอื่ ง มหาอทุ กภัยไทยในรอบ 25 ปี จากนั้นครู
ตงั้ ประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนวา่ “ภยั พิบตั ิจากนำ้ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง” โดยให้นกั เรียน
รว่ มกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระโดยไม่มกี ารเฉลยวา่ ถกู หรอื ผิด
(แนวตอบ : ภัยพิบตั ิจากนำ้ เช่น น้ำทว่ ม การกดั เซาะชายฝ่งั ดินถล่ม หลมุ ยบุ และแผน่ ดนิ ทรุด)
ข้นั สอน
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรยี นนับจำนวน 1-5 วนไปเรื่อย ๆ จนครบทกุ คน เพื่อแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 5 กล่มุ
โดยคนที่นับจำนวนเดียวกันให้อยู่กลมุ่ เดยี วกัน จากน้นั นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมา
จบั สลากหวั ขอ้ ที่ศึกษา โดยให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันศกึ ษาคน้ คว้าขอ้ มลู เกีย่ วกบั เร่ือง ภยั พบิ ัติ
จากนำ้ จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรอื แหล่งการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็
ห้องสมดุ ซึ่งหัวข้อประกอบด้วย
• กลมุ่ ที่ 1 ศกึ ษา เร่อื ง น้ำท่วม
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 253
• กลุ่มที่ 2 ศกึ ษา เรอ่ื ง การกดั เซาะชายฝงั่
• กลมุ่ ที่ 3 ศกึ ษา เรอ่ื ง ดนิ ถล่ม
• กลมุ่ ท่ี 4 ศกึ ษา เร่อื ง หลมุ ยบุ
• กลุ่มที่ 5 ศกึ ษา เร่ือง แผน่ ดนิ ทรุด
2. นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกันอภปิ รายเรอ่ื งทไ่ี ด้ศกึ ษา จากน้ันร่วมกนั สรุปความรทู้ ี่ได้จากการศึกษา
คน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ชน้ั เรียน ในระหว่างทน่ี ักเรยี นนำเสนอครคู อย
ให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพ่ือให้นกั เรยี นมคี วามเขา้ ใจท่ีถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
4. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและสรุปเก่ียวกับ เร่ือง ภัยพิบัติจากนำ้ ซง่ึ ได้ข้อสรุปร่วมกนั ว่า
“ภัยพิบตั ิจากน้ำเป็นภัยพบิ ัตทิ างธรรมชาติ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากฝีมอื ของมนุษย์ เชน่ การตดั ไม้
ทำลายป่า ทำให้เกดิ ภูมอิ ากาศเปลี่ยนแปลงไป สง่ ผลให้ปริมาณนำ้ ฝนทีต่ กลงมาในชว่ งฤดฝู น
มีปรมิ าณมากกวา่ ปกติ จึงเกิดน้ำทว่ มขงั บางพื้นทีม่ ลี ักษณะเป็นพนื้ ท่ที ี่มีความชันมาก จะทำใหเ้ กิด
นำ้ ทว่ มฉบั พลนั เช่น นำ้ ป่าไหลหลาก เข่ือนพงั ทลาย นอกจากนป้ี ริมาณน้ำยังเปน็ ปจั จยั หนึ่งทท่ี ำ
ให้เกิดดินถลม่ และกระบวนการกดั เซาะของนำ้ ยงั ส่งผลใหแ้ นวชายฝ่งั พังทลาย เป็นปญั หาในการ
สญั จรไปมา นอกจากน้มี นษุ ย์ยังสบู นำ้ ใตด้ นิ ไปใช้ ทำให้โครงสร้างใต้ดินเปน็ โพรง บางพนื้ ทจี่ ึงเกิด
แผน่ ดนิ ทรดุ หรือหลุมยุบ”
5. ครูตั้งประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนกั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันอภปิ รายแสดง
ความคดิ เห็นเพอ่ื หาคำตอบวา่ “น้ำทว่ มขังแตกตา่ งจากน้ำท่วมฉบั พลันอย่างไร”
(แนวตอบ : น้ำทว่ มขงั เกิดขนึ้ ในบรเิ วณท่ีราบลมุ่ แมน่ ้ำและบริเวณชุมชนเมอื งใหญ่ ๆ สว่ นนำ้ ทว่ ม
ฉับพลัน เกิดข้ึนอยา่ งฉบั พลันในพื้นท่ที ีม่ คี วามชนั มาก เชน่ นำ้ ป่าไหลหลาก เป็นตน้ )
ชวั่ โมงท่ี 2
ขั้นสอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
6. ครูทบทวนความร้เู ดิมของนักเรียนจากช่ัวโมงทผี่ า่ นมาเกย่ี วกบั เรื่อง ภับพิบัติจากน้ำ
7. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากนน้ั ครแู จ้งจุดประสงค์ของกจิ กรรม จำลอง
การกดั เซาะชายฝงั่ ใหน้ กั เรียนทราบเพ่ือเป็นแนวทางการปฏิบตั กิ ิจกรรมที่ถูกต้อง
8. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษากจิ กรรม จำลองการกัดเซาะชายฝัง่ จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 โดยครูใช้รปู แบบการเรยี นรแู้ บบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชกิ
แต่ละคนภายในกลุม่ มบี ทบาทหน้าที่ของตนเอง ดังนี้
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 254
• สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหนา้ ที่ เตรยี มวัสดุอุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการปฏิบตั ิกจิ กรรมจำลองการ
กัดเซาะชายฝ่ัง
• สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหนา้ ท่ี อ่านวิธีปฏิบตั กิ ิจกรรม และนำมาอธบิ ายใหส้ มาชิกในกลุ่มฟัง
• สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหน้าท่ี บันทึกผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
หรอื แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
9. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏิบตั ิกจิ กรรมตามขั้นตอน จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
10. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันแลกเปล่ียนความรแู้ ละวิเคราะห์ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม แล้วอภปิ รายผล
รว่ มกัน
ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
11. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในระหวา่ งที่นกั เรยี น
นำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
12. ครถู ามคำถามทา้ ยกจิ กรรม โดยใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพอ่ื หา
คำตอบ ดังน้ี
• บริเวณชายฝัง่ มีการเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร
(แนวตอบ : เมอ่ื นำ้ กระทบฝัง่ เม็ดทรายจะหลดุ ออกตามแรงน้ำทีม่ ากระทบ ทำให้ชายฝง่ั
มลี ักษณะเปน็ เว้าแหวง่ )
• ประเมินวิธีป้องกันและการแก้ไขปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งจากกลุ่มอื่นว่ามีความเหมาะสม
และสง่ ผลกระทบต่อบรเิ วณขา้ งเคียงหรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : แนวทางการแก้ไขปญั หาน้ำทะเลกดั เซาะชายฝง่ั ทำได้ด้วยการสรา้ งสง่ิ กีดขวาง
เพ่อื ป้องกันแนวชายฝง่ั )
13. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายผลกจิ กรรม จำลองการกัดเซาะชายฝัง่ ว่า “ความแรงของน้ำที่มา
กระทบชายฝ่ัง ทำใหเ้ กิดกระบวนการกดั เซาะหินหรอื เม็ดทรายทอี่ ยตู่ ามแนวชายฝั่ง สง่ ผลให้
ชายฝ่ังสกึ กรอ่ นพังทลาย และเปน็ สาเหตุทำให้เกิดรูปร่างลักษณะท่ีแตกต่างกันไปตามสถานทต่ี ่าง ๆ
ชายฝงั่ ทีพ่ บลกั ษณะการกัดเซาะสว่ นมากมักเป็นบริเวณชายฝัง่ ทะเลนำ้ ลกึ ”
14. ครอู ธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจเกยี่ วกับการกดั เซาะชายฝ่ังว่า “การกัดเซาะจากคลน่ื ลม
สามารถทำใหช้ ายฝงั่ ทะเลเปลี่ยนแปลงเกิดเป็นภูมิประเทศลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น หนา้ ผาชนั รมิ ทะเล
เวา้ ทะเล โพรงหนิ ชายฝ่ังหรอื ถำ้ ทะเล ถ้ำลอด สะพานหินธรรมชาติ เกาะหินโดง่ ทัง้ หมดล้วนเกิด
จากการกระทำของนำ้ ทำใหช้ ายฝ่งั สึกกร่อนพังทลายไป”
ขนั้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
15. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามเนื้อหาเก่ยี วกบั เรือ่ ง ภยั พิบัตจิ ากนำ้ และให้ความรู้เพิม่ เติมจาก
คำถามของนักเรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง ภยั พิบัติจากนำ้ ในการอธบิ ายเพ่ิมเตมิ
16. นกั เรียนทำ Topic Question เร่ือง นำ้ จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
17. นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หัด เรื่อง ภยั พิบัตจิ ากน้ำ จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 255
ขั้นสรุป
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าช้นั เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั ิกิจกรรม จำลองการกัดเซาะชายฝงั่ ในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
หรือแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
3. ครูตรวจ Topic Question เรือ่ ง นำ้ ในสมุดประจำตวั นักเรยี น
4. ครตู รวจแบบฝกึ หดั เรือ่ ง ภัยพบิ ัตจิ ากนำ้ จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
5. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกับภัยพบิ ัตจิ ากนำ้ ซง่ึ ไดข้ ้อสรุปร่วมกันวา่ “ภยั พบิ ัติท่เี กิดจากนำ้
ผิวดิน ไดแ้ ก่ นำ้ ทว่ ม การกัดเซาะชายฝ่ัง ดินถลม่ หลบุ ยบุ และแผ่นดนิ ทรดุ ซึ่งมกี ระบวนการเกิด
และผลกระทบท่แี ตกตา่ งกนั ซึ่งน้ำท่วมเกิดจากฝนตกหนกั ต่อเนอ่ื งกนั เป็นเวลานาน การกดั เซาะ
ชายฝ่งั เกิดจากกระแสนำ้ หรือลมกัดเซาะชายฝง่ั สง่ ผลกระทบใหช้ ายฝง่ั เกดิ การสึกกร่อนพังทลาย
ดนิ ถลม่ เกดิ จากการเคลือ่ นที่ของมวลดนิ หรอื หินจำนวนมากลงมาตามแนวลาดเขา หลมุ ยบุ เกดิ
จากนำ้ พัดพาตะกอนลงไปในโพรงถ้ำหรือธารนำ้ ใต้ดนิ และแผน่ ดนิ ทรดุ เกิดจากการยบุ ตัวของ
ชน้ั ดินหรือดนิ ร่วน”
7. การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
รายการวดั - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหดั
7.1 ประเมนิ ระหว่าง วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
การจดั กจิ กรรม เลม่ 2
การเรยี นรู้ ม.2 เล่ม 2
1) ภัยพิบตั ิจากน้ำ - ตรวจสมดุ ประจำตวั
หรอื แบบฝึกหัด - สมดุ ประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
2) ผลบันทึกการ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เล่ม 2 ม.2 เลม่ 2
จำลองการกดั เซาะ
ชายฝ่ัง - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน/ผลการปฏิบัติ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
3) การนำเสนอ กิจกรรม
ผลงาน/ผลการ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
การทำงานรายบุคคล
4) พฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
การทำงานกลุ่ม
5) พฤติกรรมการ
ทำงานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 256
รายการวัด วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
6) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2
อันพงึ ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
และม่งุ มัน่ ในการ อันพึงประสงค์
ทำงาน
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง
2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง
3) วสั ดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏิบตั ิกิจกรรมจำลองการกัดเซาะชายฝั่ง
4) PowerPoint เร่ือง ภยั พิบัติจากน้ำ
5) วีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกบั ภยั พิบัตจิ ากนำ้ จาก https://www.youtube.com/watch?v=g9OdSm9l008
6) สมุดประจำตัวนกั เรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 257
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 258
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง
เรือ่ งถา่ นหิน นางสาวจิตตตญิ าภรณ์ สร้างพล
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด
ว 3.2 ม.2/1 เปรยี บเทียบกระบวนการเกดิ สมบัติ และการใชป้ ระโยชน์ รวมทง้ั อธิบายผลกระทบจาก
การใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ จากขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายกระบวนการเกดิ สมบตั ิ และการใช้ประโยชนข์ องถา่ นหนิ ได้ (K)
2. เปรยี บเทยี บสมบตั ขิ องถ่านหนิ แต่ละประเภทได้ (K)
3. สบื ค้นขอ้ มลู เก่ียวกับประเภทของถ่านหินได้ (P)
4. มีความมุ่งมน่ั ในการเรยี นรู้และการทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลง
สภาพของซากสิ่งมีชีวิตในอดีต โดยกระบวนการ
ทางเคมีและธรณีวิทยา เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
ไดแ้ ก่ ถา่ นหิน หนิ น้ำมนั และปโิ ตรเลียม ซง่ึ เกดิ จาก
วัตถุต้นกำเนิด และสภาพแวดล้อมการเกิดท่ี
แตกต่างกนั ทำให้ได้ชนิดของเชื้อเพลงิ ซาก
ดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะ สมบัติ และการนำไปใช้
ประโยชน์แตกต่างกัน สำหรับปิโตรเลียมจะต้องมี
ผ่านการกลั่นลำดับส่วนก่อนการใช้งาน เพื่อให้ได้
ผลิตภัณฑ์เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ เชื้อเพลิง
ซากดึกดำบรรพ์เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป
เ น ื ่ อ ง จ า ก ต ้ อ ง ใ ช ้ เ ว ล า น า น ห ล า ย ล ้ า น ปี
จึงจะเกดิ ข้นึ ใหมไ่ ด้
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 259
4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพของซากสิ่งมีชีวิตในอดีตโดยกระบวน
การทางเคมีและธรณีวิทยา ได้แก่ ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติ หรือหินตะกอนชนิดหนึ่งซึ่ งเกิดจากการ
สะสมของซากพชื เปน็ เวลานานจนเปลย่ี นสภาพเป็นถ่านหนิ ประเภทต่าง ๆ
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทกั ษะการระบุ 3. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ
2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา 4. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
3) ทกั ษะการเช่อื มโยง
4) ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ
5) ทักษะการทำงานร่วมกัน
6) ทกั ษะการรวบรวมข้อมูล
7) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
8) ทักษะการจำแนกประเภท
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 260
ชว่ั โมงที่ 1
ข้ันนำ
ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. นกั เรยี นดูวดี ิทัศนเ์ กยี่ วกับกำเนดิ ถ่านหนิ จากนั้นครูตั้งประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนักเรยี นวา่
“มนุษยน์ ำถ่านหนิ มาใชป้ ระโยชน์อยา่ งไร” โดยใหน้ ักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเหน็
อยา่ งอิสระโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถกู หรอื ผิด
(แนวตอบ : นำมาใชเ้ ป็นแหล่งพลงั งานซ่ึงมีสว่ นสำคัญต่อการดำเนนิ กิจกรรมในชวี ติ ประจำวนั )
2. นักเรยี นตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบันทึกลงใน
สมดุ ประจำตัวนักเรียน
3. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เพื่อเป็นการนำเขา้ สู่
บทเรียนว่า “วัตถุชนดิ ใดบ้างทมี่ นุษย์นำมาใชเ้ ป็นแหลง่ พลังงาน”
(แนวตอบ : ถ่านหนิ หนิ น้ำมนั นำ้ มันดิบ ถ่านไฟฉาย แก๊สหุงต้ม)
ขน้ั สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรยี นศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั การเกิดถา่ นหนิ จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 หรอื QR Code เรอื่ ง การเกิดถ่านหนิ แล้วเขยี นสรุปความรู้ที่ได้ลงในสมดุ ประจำตัว
นักเรียน
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )
2. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 10 กลมุ่ กล่มุ ละ ๆ กัน ตามความสมัครใจ จากน้นั นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม
รว่ มกันศึกษาค้นควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ประเภทของถา่ นหิน จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
หรือแหลง่ การเรียนรูต้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต ห้องสมุด ซ่ึงหวั ข้อประกอบดว้ ย
• กลุม่ ท่ี 1-2 ศกึ ษา เรื่อง พีต (peat)
• กลมุ่ ท่ี 3-4 ศกึ ษา เรื่อง ลกิ ไนต์ (lignite)
• กลมุ่ ที่ 5-6 ศึกษา เร่ือง ซบั บิทมู ินสั (subbituminous)
• กล่มุ ที่ 7-8 ศึกษา เร่ือง บทิ ูมินสั (bituminous)
• กลุ่มท่ี 9-10 ศึกษา เรื่อง แอนทราไซต์ (antracite)
3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายเร่อื งที่ได้ศกึ ษา จากน้ันรว่ มกันสรปุ ความรู้ที่ได้จากการศึกษา
ค้นคว้าลงในสมดุ ประจำตัวนักเรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ )
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 261
ชวั่ โมงที่ 2
ขั้นสอน
ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
4. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการศึกษาคน้ คว้าหน้าช้นั เรียน ในระหว่างทนี่ ักเรยี นนำเสนอ
ครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพม่ิ เติม เพอ่ื ให้นกั เรียนมีความเข้าใจท่ถี กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
5. นักเรียนและครูร่วมกนั อภิปรายและสรปุ เกย่ี วกับถ่านหินแตล่ ะประเภท ซึ่งไดข้ อ้ สรปุ ร่วมกันว่า
“ซากพืชท่ีถกู ทบั ถมลงไปใต้ดินในระดบั ความลึกต่าง ๆ แปรสภาพเป็นถ่านหนิ ประเภทตา่ ง ๆ
ดังนี้
1) พีต : เป็นขั้นแรกเริม่ การเกดิ ถา่ นหนิ ทำให้ยังคงมองเหน็ ซากพืชเป็นลำตน้ กงิ่ และใบ
2) ลิกไนต์ : เป็นถ่านหินท่ีถูกทับถมนานกวา่ พีต มผี วิ ด้าน สนี ำ้ ตาล และยงั คงมซี ากพืชทยี่ งั
ยอ่ ยไมห่ มด
3) ซบั บทิ ูมนิ สั : เป็นถา่ นหินท่ถี ูกทบั ถมนานกว่าลิกไนต์ มผี ิวดา้ นเปน็ มนั สนี ำ้ ตาลถงึ สีดำ
มที ้งั เน้ือออ่ นและเนอ้ื แข็ง
4) บิทมู นิ ัส : เปน็ ถา่ นหนิ ที่มอี ายุการถูกทับถมนานกวา่ ซบั บิทูมนิ สั มีเน้ือแนน่ สีดำ
เม่อื เผาไหม้จะให้ความรอ้ นสูง
5) แอนทราไซต์ : เปน็ ถ่านหินทีม่ อี ายุการทับถมยาวนานทสี่ ดุ มีสดี ำ มเี นือ้ แนน่ เปน็ มนั วาว
นำ้ และแกส๊ ทีอ่ ยูใ่ นถ่านหินระเหยไปจนหมด มีความชนื้ ตำ่ มาก เม่อื เผาไหมจ้ ะใหค้ วามร้อน
สูงมาก ไม่มคี วัน”
6. นักเรียนพิจารณาตารางสมบตั ขิ องถ่านหินชนิดต่าง ๆ จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
จากน้นั ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียน โดยครูเขียนตารางประเภทของถ่านหินบนกระดาน
แล้วสมุ่ นกั เรียน จำนวน 1-2 คน ออกมาเขยี นลกู ศรแสดงปรมิ าณความช้ืนกับปริมาณคาร์บอน
ดังนี้
ประเภทของถา่ นหิน ปรมิ าณคาร์บอน ปรมิ าณความชน้ื
พีต ตำ่ สงู
ลกิ ไนต์
ซับบิทูมนิ ัส
บทิ ูมนิ ัส
7. นักเรยี นแแอลนะทครรารู ไ่วซมตก์ นั พจิ ารณาว่าคำตอบใดถสูกงู ต้อง จากนัน้ ครเู ฉลยคำตอบทต่ีถำู่กต้องใหน้ ักเรยี น
8. ครสู ุ่มนกั เรียน จำนวน 3-4 คน ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากถา่ นหนิ ท่ีพบเห็นในชีวติ ประจำวัน
มาคนละ 1 ตัวอย่าง
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 262
(แนวตอบ : ตวั อย่างการใช้ประโยชน์จากถ่านหนิ เช่น ผลิตถ่านโคก้ เทยี ม ถา่ นกมั มนั ต์ ปุย๋ ยูเรยี
นำ้ มันดิบ เป็นตน้ )
9. ครูต้ังประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนักเรยี น โดยให้นักเรยี นแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดง
ความคดิ เห็นเพอื่ หาคำตอบ ดังนี้
• แหล่งถา่ นหินสว่ นใหญ่ท่ีพบในประเทศไทยจะอยู่ในบริเวณใด
(แนวตอบ : ภาคเหนือ )
• ถา่ นหินทพ่ี บในประเทศไทยส่วนมากเป็นประเภทใด
(แนวตอบ : ลิกไนต์ ซับบิทูมินัส และบทิ ูมินสั )
ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
10. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซกั ถามเนือ้ หาเกีย่ วกบั เรอ่ื ง ถ่านหิน และให้ความรู้เพ่ิมเติมจากคำถาม
ของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง ถา่ นหิน ในการอธิบายเพิม่ เตมิ
11. นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หัด เรื่อง ถ่านหิน จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
ข้ันสรปุ
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรียน
2. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนกอ่ นเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมุดประจำตวั นักเรยี น
3. ครตู รวจแบบฝึกหดั เร่ือง ถ่านหนิ จากแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
4. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุปเก่ียวกบั ถ่านหนิ ซึ่งได้ขอ้ สรุปร่วมกนั ว่า “ถ่านหนิ เป็นเชื้อเพลงิ
ธรรมชาติ หรือหนิ ตะกอนชนิดหน่ึง ซึง่ เกิดจากการสะสมของซากพชื เปน็ เวลานานจนเปลยี่ นสภาพ
เป็นถ่านหนิ ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ พีต ลิกไนต์ ซบั บิทมู นิ สั บิทมู นิ สั และแอนทราไซต์ การใช้
ประโยชนจ์ ากถ่านหิน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การใชถ้ ่านหนิ เป็นเชอ้ื พลงิ โดยตรง
และการใช้ถ่านหินเพื่อวตั ถปุ ระสงค์อนื่ ”
7. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
รายการวดั - สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
7.1 ประเมนิ ระหว่าง
การจัดกจิ กรรม
การเรียนรู้
1) ถา่ นหิน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 263
รายการวดั วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
ม.2 เลม่ 2
- ตรวจสมดุ ประจำตัว - ระดบั คุณภาพ 2
- แบบประเมนิ การ ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝกึ หัด นำเสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2
- แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
เลม่ 2 การทำงานกลุ่ม - ระดบั คุณภาพ 2
- แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ คณุ ลกั ษณะ
อันพึงประสงค์
ผลงาน
3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล
4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม
ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม
5) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมีวนิ ัย
อนั พงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้
และมุ่งม่นั ในการ
ทำงาน
8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 โลกและการเปลีย่ นแปลง
3) PowerPoint เรื่อง ถา่ นหนิ
4) วีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกับกำเนิดถา่ นหนิ
จาก https://www.youtube.com/watch?reload=9&time_continue=1&v=UFrgeOgimOc
5) QR Code เรือ่ ง การเกดิ ถ่านหิน
6) สมุดประจำตัวนักเรยี น
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) อินเทอร์เนต็
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 264
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 265
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว22102 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 โลกและการเปล่ียนแปลง ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง
เรื่องน้ำมนั และปโิ ตเลียม นางสาวจติ ตญิ าภรณ์ สร้างพล
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั
ว 3.2 ม.2/1 เปรียบเทยี บกระบวนการเกิด สมบัติ และการใช้ประโยชน์ รวมทัง้ อธิบายผลกระทบจาก
การใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ จากข้อมลู ที่รวบรวมได้
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายกระบวนการเกิด สมบตั ิ และการใช้ประโยชนข์ องหินนำ้ มันและปิโตรเลยี มได้ (K)
2. เปรยี บเทียบกระบวนการเกดิ สมบตั ิ และการใช้ประโยชน์ ของหนิ นำ้ มนั ได้ (K)
3. วิเคราะหก์ ระบวนการกล่ันนำ้ มนั ก่อนนำไปใช้ประโยชน์ได้ (K)
4. สืบค้นขอ้ มูลเก่ยี วกบั หนิ น้ำมนั และปโิ ตรเลยี มได้ (P)
5. มคี วามม่งุ ม่นั ในการเรยี นรู้และการทำงานที่ได้รบั มอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
• เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลง
สภาพของซากสิ่งมีชีวิตในอดีต โดยกระบวนการ
ทางเคมีและธรณีวิทยา เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
ไดแ้ ก่ ถา่ นหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลยี ม ซงึ่ เกดิ จาก
วัตถุต้นกำเนิด และสภาพแวดล้อมการเกิดท่ี
แตกตา่ งกนั ทำให้ไดช้ นิดของเชอื้ เพลิง ซาก
ดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะ สมบัติ และการนำไปใช้
ประโยชน์แตกต่างกัน สำหรับปิโตรเลียมจะต้องมี
ผ่านการกลั่นลำดับส่วนก่อนการใช้งาน เพื่อให้ได้
ผลิตภัณฑ์เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ เชื้อเพลิง
ซากดกึ ดำบรรพ์เปน็ ทรัพยากรทใี่ ชแ้ ล้วหมดไป
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 266
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
หินน้ำมัน เป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติซึ่งเกิดจากการทับถมของซากพืชและซากสัตว์ภายใต้แหล่งน้ำ
เป็นเวลานาน มีสมบัติจุดติดไฟได้ และปิโตรเลียม เป็นเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งเป็น
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมี 2 ประเภท คือ น้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งก่อนนำไปใช้ประโยชน์
จำเป็นต้องผ่านกระบวนกลั่น เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ การเผาไหม้เชื้อเพลิง
ซากดกึ ดำบรรพใ์ นกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์จะทำใหเ้ กดิ มลพิษทางอากาศ เชน่ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ไน
ตรสั ออกไซด์ กอ่ ใหเ้ กดิ ฝนกรด ภาวะโลกรอ้ น และส่งผลใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศของโลก
5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี ินยั รับผิดชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการระบุ 3. ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ
2) ทักษะการสำรวจ 4. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
3) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง
4) ทักษะการเปรียบเทียบ
5) ทักษะการทำงานร่วมกนั
6) ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มูล
7) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
8) ทักษะการจำแนกประเภท
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 267
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงที่ 1
ข้ันนำ
ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูนำบตั รภาพหนิ น้ำมัน มาใหน้ กั เรียนดู จากน้นั ครตู งั้ ประเด็นคำถามกระตุน้ ความสนใจนักเรียน
โดยให้นักเรยี นแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอิสระโดยไม่มกี ารเฉลยว่า
ถูกหรอื ผิด ดงั นี้
• หนิ ในบัตรภาพมีลักษณะอย่างไร
(แนวตอบ : เปน็ หนิ ตะกอนที่มีเนอื้ ละเอียด มีสนี ำ้ ตาลหรือสีน้ำตาลไหม้ มีสารสีดำเปน็ ชั้นบาง ๆ
แทรกอยูร่ ะหวา่ งชัน้ หินตะกอน)
• หนิ ในบัตรภาพมีความแตกตา่ งจากถา่ นหินอยา่ งไร
(แนวตอบ : ถ่านหนิ จะมสี คี ล้ำ แต่หินน้ำมันจะมีสารประกอบเคอโรเจนแทรกอยู่เป็นชนั้ ๆ)
2. นกั เรียนดูวีดทิ ศั นเ์ ก่ียวกับหนิ น้ำมัน
ขน้ั สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นักเรยี นจบั คู่กบั เพ่ือนในชั้นเรยี น ตามความสมัครใจ จากน้นั ร่วมกนั ศึกษาค้นควา้ ข้อมูลเก่ียวกบั
กระบวนการเกิดหนิ น้ำมนั และการใชป้ ระโยชน์จากหินนำ้ มัน จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 หรือใบความรู้ เรือ่ ง หินนำ้ มัน
2. นกั เรยี นแตล่ ะคู่รว่ มกันอภิปรายเรือ่ งที่ไดศ้ ึกษา จากน้ันรว่ มกนั สรุปความร้ทู ี่ได้จากการศึกษา
ค้นคว้าลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. ครสู ุม่ นกั เรยี น จำนวน 4 คู่ ออกมานำเสนอผลการศกึ ษาคน้ ควา้ หน้าชน้ั เรียน ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพอื่ ให้นักเรียนมีความเข้าใจท่ีถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. นักเรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายและสรปุ เกยี่ วกับกระบวนการเกดิ หนิ น้ำใน ซึ่งไดข้ อ้ สรปุ รว่ มกันว่า
“หินนำ้ มนั เป็นเชอื้ เพลิงธรรมชาติท่ีเกิดจากการทบั ถมกนั ของซากพชื และสตั วภ์ ายใตแ้ หลง่ นำ้ เป็น
ระยะเวลานาน ซงึ่ กระบวนการเกดิ เร่มิ ตน้ จากซากพืชและสัตว์จมลงสใู่ ต้แหล่งนำ้ สะสมพอกตัว
เปน็ ชั้นอย่ใู ตแ้ หล่งนำ้ เม่อื เวลาผ่านไปหลายปเี กดิ กระบวนการเปล่ยี นแปลงของเปลือกโลก ทำให้
ซากพชื และสตั วเ์ หลา่ น้ถี ูกทบั ถมลกึ ลงไปมากข้นึ ภายใต้ความร้อนและแรงกดดัน ทำใหน้ ้ำท่อี ยู่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 268
ภายในหินระเหยไปจนหมด และสารอนิ ทรยี ์ทอี่ ยู่ในซากพืชและสัตว์จะเปล่ยี นไปอยู่ในรปู
สารประกอบเคอโรเจน ซ่งึ สารนจี้ ะผสมกบั ตะกอนดนิ กลายเปน็ หนิ นำ้ มนั ”
5. ครูสุ่มนักเรียน จำนวน 2 คน ยกตวั อยา่ งการใช้ประโยชนจ์ ากหินน้ำมนั มาคนละ 1 ตัวอย่าง
(แนวตอบ : ตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากหินน้ำมัน เชน่ ใชเ้ ป็นเชอ้ื เพลิง ผลิตภัณฑ์วัสดุกอ่ สร้าง
เปน็ ต้น)
ช่ัวโมงท่ี 2
ขั้นสอน
ขัน้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
6. ครนู ำบตั รภาพการคมนาคมรูปแบบตา่ ง ๆ มาใหน้ ักเรียนดู จากนั้นครูตง้ั ประเด็นคำถามกระตนุ้
ความสนใจนักเรียน โดยให้นักเรยี นแต่ละคนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มี
การเฉลยวา่ ถกู หรือผิด ดงั น้ี
• จากบัตรภาพนักเรียนคดิ วา่ การคมนาคมทางบก ทางนำ้ ทางอากาศ ใชเ้ ช้อื เพลงิ ชนดิ เดยี วกนั
หรือไม่อยา่ งไร
(แนวตอบ : แตกตา่ งกัน บางชนิดใช้เปน็ น้ำมนั ซ่ึงนำ้ มนั แต่ละชนิดมีองคป์ ระกอบทแ่ี ตกตา่ งกัน
ขน้ึ อยูก่ ับประเภทของรถยนต์บางชนิด บางชนดิ ใช้เปน็ แก๊ส)
• กจิ กรรมในชวี ติ ประจำวนั ของนักเรยี นใดบ้างท่ีใชเ้ ชอื้ เพลงิ จากปโิ ตรเลียม
(แนวตอบ : ขึ้นอยู่กับคำตอบของนักเรียน เช่น การขบั เคล่อื นรถยนต์ การหุงตม้ อาหาร
การจุดไฟตะเกียง)
7. นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 4-5 คน ตามความสมคั รใจ จากนน้ั นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันศกึ ษา
ค้นควา้ ข้อมลู เกีย่ วกับการเกดิ ปโิ ตรเลียม และประเภทของปิโตรเลยี ม จากหนังสอื เรียน
วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรอื แหล่งการเรยี นรูต้ ่าง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็ ห้องสมุด
8. นักเรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกนั อภิปรายเรื่องท่ไี ด้ศึกษา จากนน้ั รว่ มกนั สรุปความรทู้ ่ีไดจ้ ากการศึกษา
คน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ )
ชวั่ โมงที่ 3
ขน้ั สอน
ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
9. ครูสุ่มนกั เรยี นออกมานำเสนอผลการศึกษาค้นควา้ หน้าช้ันเรยี น โดยสมุ่ ออกมาเพยี ง 4 กลมุ่
ซ่ึงครเู ปน็ คนเลือกว่าจะให้กลุ่มไหนนำเสนอเรื่องอะไร ตามหวั ขอ้ เร่ือง ดังน้ี
• การเกดิ ปโิ ตรเลียม
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 269
• ประเภทของปโิ ตรเลียม
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
10. ในระหว่างที่นกั เรยี นนำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรอื แทรกข้อมูลเพิ่มเตมิ ในเรือ่ งนั้น ๆ
เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความเขา้ ใจที่ถูกต้องมากยงิ่ ขน้ึ
11. ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ “ปโิ ตรเลยี มเปน็ เช้ือเพลิงที่เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ
ซง่ึ ปิโตรเลียมเกดิ จากซากสตั ว์ในทะเลตายและจมลงสู่พ้ืนใต้ทะเล ทับถมนานกวา่ หลายร้อยปี
จนกลายเป็นหินตน้ กำเนดิ เม่ือเวลาผ่านไปเน่ืองจากความร้อนและแรงกดดันทำให้ไขมนั จาก
ซากพชื และสัตว์เหล่านี้สลายตัวเป็นนำ้ มันปิโตรเลียม”
12. ครตู ้งั ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคิดนักเรียน โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภปิ รายแสดง
ความคดิ เห็นเพอ่ื หาคำตอบ ดังน้ี
• ปโิ ตรเลียมเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ : ปโิ ตรเลียมเกดิ จากการทบั ถมของซากพืชซากสัตว์ทะเลในอดีตทต่ี ายเมือ่ หลายปีท่ีแลว้
เกดิ การทบั ถมอยใู่ ต้มหาสมุทรเป็นจำนวนมาก และจมลงใต้ผวิ โลกตามการเปล่ียนแปลงของ
เปลอื กโลก)
• การสำรวจปโิ ตรเลยี มทำได้อย่างไร
(แนวตอบ : การสำรวจปโิ ตรเลียมต้องใช้เทคโนโลยแี ละตน้ ทุนสูง ซึ่งประกอบดว้ ย 3 ขน้ั ตอน
ไดแ้ ก่ การสำรวจทางธรณีวิทยา การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ และการเจาะสำรวจ)
• ประเภทของปิโตรเลยี ม แบง่ ออกเปน็ ก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง
(แนวตอบ : แบ่งเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ น้ำมันดิบ และแก๊สธรรมชาต)ิ
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
13. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามเนื้อหาเก่ยี วกบั เรอื่ ง หินน้ำมันและปโิ ตรเลียม และใหค้ วามรู้
เพิม่ เติมจากคำถามของนกั เรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรื่อง หินน้ำมนั และปิโตรเลยี ม
ในการอธิบายเพ่ิมเติม
14. นักเรยี นแต่ละคนวาดภาพกระบวนการกลน่ั น้ำมนั ดบิ และเขยี นผลติ ภัณฑ์ทไี่ ดจ้ ากการกลน่ั
นำ้ มนั ดบิ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
15. นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั เรื่อง หนิ นำ้ มันและปโิ ตรเลียม จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 เปน็ การบ้านส่งช่ัวโมงถัดไป
ขัน้ สรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหนา้ ชน้ั เรยี น
2. ครตู รวจภาพวาดกระบวนการกลน่ั นำ้ มันดิบ
3. ครตู รวจแบบฝึกหดั เรือ่ ง หนิ นำ้ มันและปโิ ตรเลียม จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 270
4. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปเก่ยี วกับหนิ นำ้ มันและปิโตรเลียม ซ่ึงได้ข้อสรุปรว่ มกนั ว่า “หินน้ำมนั
เป็นเชื้อเพลงิ ธรรมชาติ ซงึ่ เกิดจากการทับถมของซากพชื และซากสัตว์ ภายใต้แหล่งนำ้ เปน็
เวลานาน และปโิ ตรเลยี ม เปน็ เชื้อเพลงิ ชนดิ หน่ึงท่เี กิดขึ้นเองตามะรรมชาติ ซ่งึ เป็นสารประกอบ
ไฮโดรคารบ์ อน มี 2 ประเภท คอื น้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งก่อนนำไปใช้จำเป็นต้องผา่ น
กระบวนการกล่ัน เพื่อใหไ้ ด้ผลติ ภัณฑท์ ่เี หมาะสมต่อการใชป้ ระโยชน์”
7. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่าน
การจดั กจิ กรรม หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั เกณฑ์
การเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์
1) หินนำ้ มนั และปโิ ตรเลยี ม เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผลงาน นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
ทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2
อันพงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
และมุง่ ม่นั ในการ อันพงึ ประสงค์
ทำงาน
8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 โลกและการเปล่ียนแปลง
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง
3) ใบความรู้ เร่ือง หินน้ำมัน
4) PowerPoint เรื่อง หินน้ำมนั และปโิ ตรเลยี ม
5) บตั รภาพหินนำ้ มนั
6) บัตรภาพการคมนาคมรูปแบบตา่ ง ๆ
7) วีดทิ ัศน์เกี่ยวกบั หนิ น้ำมนั จาก https://www.youtube.com/watch?v=sjlhe1qt89Q
8) สมดุ ประจำตัวนักเรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) อินเทอร์เนต็
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 271
ใบความรู้
เรอื่ ง หินน้ำมนั
หินน้ำมัน (Oil Shale) คือ หินตะกอน ส่วนใหญ่เป็น
หินดินดาน มีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลแก่ เนื้อละเอียดที่มีการเรียง
ตัวเป็นชั้นบาง ๆ มีสารประกอบอินทรีย์ที่สำคัญ คือ เคอโรเจน
(kerogen) ซึ่งเป็นสารน้ำมันปนอยู่ในเนื้อหินแทรกอยู่ระหว่างชั้นหนิ
ตะกอนโดยทั่วไปมีความถ่วงจำเพาะ1.6–2.5 ในหินน้ำมันมีหิน
ตะกอนเนื้อละเอยี ดขนาดตง้ั แต่หินทรายแป้งลงมา
กระบวนการเกิดหินน้ำมันมาจากการสะสมและทับถมตัวของซากพืชจำพวกสาหร่ายและสัตว์
พวกแมลง ปลา และสัตว์เล็ก ๆ ภายใต้แหล่งน้ำที่มีภาวะเหมาะสมซึ่งมีปริมาณออกซิเจนจำกัด มีอุณหภูมิและ
แรงกดทับสงู เน่อื งจากการทรดุ ตัวของเปลอื กโลกเป็นเวลานับล้านปี ทำให้สารอนิ ทรีย์ในซากพชื และสตั วเ์ หล่าน้ัน
เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสารประกอบเคอโรเจนผสมกับตะกอนดินทรายจนกระทั่งที่ถูกอัดแน่นกลายเป็นหิน
น้ำมัน
หนิ น้ำมันแตล่ ะแห่งในโลกมชี ่วงอายตุ ั้งแต่ 3-600 ลา้ นปี หนิ ท่เี ปน็ แหลง่ กำเนิดหินน้ำมันจะคล้ายกับ
หินที่เป็นแหล่งกำเนิดปิโตรเลียม แต่หินน้ำมันอาจมีปริมาณเคอโรเจนมากถึงร้อยละ 40 ในขณะที่ปิโตรเลียม
มเี พียงประมาณรอ้ ยละ 1
สว่ นประกอบของหนิ น้ำมนั มี 2 ประเภท ดงั น้ี
1) สารประกอบอนินทรยี ์ ได้แก่ แร่ธาตตุ ่าง ๆ ทผ่ี พุ ังมาจากช้ันหินโดยกระบวนการทางกายภาพและทาง
เคมี ประกอบดว้ ยแรธ่ าตทุ ส่ี ำคัญ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
• กลุ่มแร่ซลิ ิเกต ได้แก่ ควอทซ์ เฟลสปาร์ เคลย์
• กล่มุ แร่คารบ์ อเนต ไดแ้ ก่ แคลไซต์ โดโลไมต์
นอกจากนี้ ยังมแี ร่ซลั ไฟดอ์ ่ืน ๆ และฟอสเฟต ปรมิ าณแร่ธาตุในหนิ นำ้ มันแตล่ ะแห่งจะแตกต่างกันตาม
สภาพการกำเนิด การสะสมตัวของหินนำ้ มัน และสภาพแวดล้อม
2) สารประกอบอินทรีย์ ประกอบด้วย บิทูเมนและเคอโรเจน บิทูเมนละลายได้ในเบนซิน เฮกเซน
และตัวทำละลายอนิ ทรยี ์อื่น ๆ จงึ แยกออกจากหินน้ำมนั ได้ง่าย หนิ นำ้ มันท่ีมีสารอินทรีย์ละลายอยู่ในปริมาณสูง
จัดว่าเป็นหินน้ำมันคุณภาพดี เมื่อนำมาสกัดควรให้น้ำมันอย่างน้อยร้อยละ 50 ของปริมาณสารอินทรีย์ที่มีอยู่
แต่อาจไดน้ ้ำมนั เพียงร้อยละ 30 หรอื น้อยกวา่ แต่ถ้ามีสารอนนิ ทรียป์ นอยู่มากจะจดั ว่าเป็นหินน้ำมนั คุณภาพตำ่
หินน้ำมันส่วนใหญ่แล้วชาวบา้ นจะเรียกวา่ หินติดไฟหรือหินดินดานน้ำมัน เพราะสามารถจุดไฟติดได้
ชาวบ้านนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงในการก่อไฟ นอกจากนี้ยังมีการนำหินน้ำมันมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ
โดยนำมากลั่นเอาน้ำมันมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและประโยชน์อื่น ๆ หินน้ำมันที่มีคุณภาพดีจะมีสีน้ำตาลไหม้จนถึง
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 272
สีดำ มีลักษณะแข็งและเหนียว เมื่อสกัดหินน้ำมันด้วยความร้อนที่เพียงพอ เคอโรเจนจะสลายตัวให้น้ำมันหิน
ซึง่ มีลกั ษณะคล้ายน้ำมนั ดบิ ถา้ มีปริมาณมากกจ็ ะไดน้ ้ำมันหินมาก
สำหรับการใชป้ ระโยชน์ หินนำ้ มนั 1000 กิโลกรมั เมื่อนำมาผ่านกระบวนการสกัด สามารถสกัดเป็น
น้ำมันหินได้ประมาณ 100 ลิตร โดยนำไปทำผลิตภัณฑ์ที่ได้ประกอบด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันตะเกียง พาราฟิน
นำ้ มันเช้อื เพลงิ น้ำมันหล่อลนื่ ไข แนฟทา และแอมโมเนยี ซัลเฟต นอกจากน้แี ล้วยังมีแร่ธาตุท่มี ีอยใู่ นหนิ นำ้ มัน ท่ี
เป็นสารประกอบทเ่ี กิดข้ึนจากการกระบวนการสกัดหนิ นำ้ มนั คือ ยเู รเนียม วาเนเดยี ม สงั กะสโี ซเดียมคารบ์ อเนต
แอมโมเนียมซัลเฟต และกำมะถัน และผลพลอยที่ได้จากขี้เถ้าและกากหินน้ำมัน สามารถนำไปผลิตใยคาร์บอน
คารบ์ อนดดู ซบั คารบ์ อนแบลก็ และปุ๋ยเคอโรเจน
แหล่งหินน้ำมันที่สำคัญในประเทศไทย ได้แก่ แหล่งที่อำเภอแม่สอด แม่ระมาด และอำเภออุ้มผาง
จังหวัดตากบ้านป่าคา อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ สำหรับประเทศไทยแล้ว
หินน้ำมันแม่สอดมีศักยภาพที่จะใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อป้อนเข้าสู่เ ตาเผากระบวนการผลิตปูนเม็ดในการผลิต
ปูนซีเมนต์ รวมถึงการใช้กากและขี้เถ้าหินน้ำมันเป็นส่วนผสมในการผลิตปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างทำให้
ประหยดั ค่าใชจ้ ่าย
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 273
บตั รภาพหนิ นำ้ มนั
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 274
บตั รภาพการคมนาคมรูปแบบตา่ ง ๆ
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 275
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 276
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 277
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 278
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๑
กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว22102 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 โลกและการเปลย่ี นแปลง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง
เร่อื งผลกระทบจการใชเ้ ช้ือเพลิงซาดชกดึกดำบรรพ์ นางสาวจิตติญาภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั
ว 3.2 ม.2/2 แสดงความตระหนกั ถึงผลจากการใชเ้ ชอ้ื เพลิงซากดึกดำบรรพ์ โดยนำเสนอแนวทางการ
ใช้เช้อื เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดกึ ดำบรรพไ์ ด้ (K)
2. นำเสนอแนวทางการใชเ้ ชือ้ เพลิงซากดกึ ดำบรรพไ์ ด้ (P)
3. ตระหนักถึงผลจากการใช้เชื้อเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ
สาระการเรียนรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
• การเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ในกิจกรรม
ต่าง ๆ ของมนุษย์จะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้แก๊สบางชนิดที่เกิดจากการเผาไหม้
เช้อื เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ เชน่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
และไนตรัสออกไซด์ ยังเป็นแก๊สเรือนกระจก
ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก
รุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงควรใชเ้ ชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
โดยคำนงึ ถงึ ผลที่เกดิ ข้นึ ต่อสิ่งมชี ีวิตและสิ่งแวดล้อม
เช่น เลือกใช้พลังงานทดแทน หรือเลือกใช้
เทคโนโลยที ี่ลดการใชเ้ ชอ้ื เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 279
4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ผลกระทบที่เกิดจาการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ไนตรัสออกไซด์
ก่อใหเ้ กิดฝนกรด ภาวะโลกร้อน และสง่ ผลให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศของโลก
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทกั ษะการสำรวจ 3. ซ่ือสัตย์ สุจริต
2) ทักษะการเชื่อมโยง 4. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
3) ทักษะการทำงานร่วมกัน
4) ทกั ษะการรวบรวมข้อมูล
5) ทักษะการนำความรไู้ ปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงท่ี 1
ข้ันนำ
ข้นั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทกั ทายกบั นักเรียน จากนน้ั ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรใู้ ห้นักเรียนทราบ
2. นักเรยี นดูวีดทิ ศั น์เกย่ี วกับปรากฏการณ์เรอื นกระจก จากนนั้ ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกี่ยวกบั สาเหตุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 280
ทท่ี ำให้เกิดปรากฏการณเ์ รือนกระจก และปัญหาหมอกควนั
3. ครูถามคำถาม จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 วา่ “ผลกระทบท่ีเกดิ จากการนำ
เชอ้ื เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์มาใช้มอี ะไรบา้ ง” โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็
อย่างอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยว่าถกู หรือผดิ
(แนวตอบ : ขึน้ อยู่กบั คำตอบของนักเรียนและดลุ ยพนิ จิ ของครู ตวั อยา่ งเชน่ เกดิ ควนั พิษ CO2
เกิดแกส๊ CO สง่ ผลให้เกดิ ภาวะโลกร้อน)
ขนั้ สอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรยี นแตล่ ะคนสำรวจผลกระทบทเี่ กดิ ขึน้ จากการใชเ้ ช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพ์ภายในชุมชม
หรือบรเิ วณใกล้ตัวของนักเรียน โดยบันทกึ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
2. นกั เรียนจับคกู่ ับเพ่ือนในช้ันเรียน ตามความสมัครใจ จากน้ันให้นักเรยี นแตล่ ะค่รู ว่ มกันศกึ ษา
ค้นควา้ ข้อมูลเก่ียวกับ เร่อื ง ผลกระทบที่เกิดจากการใชเ้ ช้ือเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ จากหนงั สอื เรียน
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรอื แหล่งการเรยี นรตู้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็ ห้องสมุด
3. นักเรยี นแต่ละครู่ ่วมกันอภิปรายเร่ืองที่ได้ศึกษา จากน้ันร่วมกันสรุปความรทู้ ่ีไดจ้ ากการศึกษา
ค้นคว้าลงในสมดุ ประจำตัวนักเรียน
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
4. ครสู ุม่ นักเรียน จำนวน 5 คน ออกมานำเสนอผลจากการสำรวจผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ จากการใช้
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพภ์ ายในชมุ ชมหน้าชัน้ เรยี น ในระหวา่ งทน่ี กั เรยี นนำเสนอ ครูคอยให้
ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพื่อให้นักเรยี นมคี วามเข้าใจที่ถูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
5. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายและสรุปผลจากการสำรวจผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการใช้เช้อื เพลงิ
ซากดึกดำบรรพ์ภายในชุมชม ซ่งึ ได้ข้อสรุปร่วมกนั วา่ “การเผาไหมเ้ ช้ือเพลิงส่วนใหญจ่ ะกอ่ ให้เกดิ
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ซึ่งเปน็ แกส๊ ทม่ี ีสมบัตเิ ปน็ แกส๊ เรือนกระจกกอ่ ให้เกดิ ปรากฏการณ์เรือน
กระจก ทำให้โลกเกิดภาวะโลกรอ้ นตามมา นอกจากน้ีแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์เม่ือรวมกบั นำ้ ใน
บรรยากาศ หรอื น้ำฝนจะตกลงมาเป็นฝนกรด ทำลายพืชผลทางการเกษตร และทำลายส่งิ ก่อสร้าง
อาคารบา้ นเรือน”
6. ครตู ้ังประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนวา่ “แนวทางการใช้เชอ้ื พลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์
มีอะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : ขึน้ อยู่กับคำตอบของนักเรยี นและดุลยพนิ ิจของครู ตัวอยา่ งเชน่ การใช้แผน่ โซลาร์
เซลลแ์ ทนการใช้พลงั งานจากการเผาไหมเ้ ช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพแ์ ทนการผลิตกระแสไฟฟ้า)
ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
7. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันร่วมกันศึกษาค้นควา้ ข้อมลู เกย่ี วกับ
กรณศี ึกษาผลกระทบทเ่ี กิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าถ่านหนิ แมเ่ มาะ จากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เช่น
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 281
อนิ เทอร์เน็ต หอ้ งสมุด แลว้ วิเคราะห์เหตุการณ์และบรรยายผลกระทบทเี่ กิดขึน้ พร้อมนำเสนอแนว
ทางการใชเ้ ช้ือเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ ลงในกระดาษ A4
8. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นซักถามเนื้อหาเก่ียวกบั เรอ่ื ง ผลกระทบจากการใช้เช้อื เพลงิ ซากดึก
ดำบรรพ์ และให้ความรู้เพ่มิ เติมจากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง ผลกระทบ
จากการใช้เชอ้ื เพลิงซากดึกดำบรรพ์ ในการอธบิ ายเพ่ิมเติม
9. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั เร่ือง เรื่อง ผลกระทบจากการใช้เชอื้ เพลิงซากดึกดำบรรพ์
จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ข้นั สรุป
ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรียน
2. ครูตรวจแบบฝึกหดั เรื่อง ผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ จากแบบฝึกหดั
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
3. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเก่ียวกับผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ ซ่ึงได้ข้อสรุป
ร่วมกันวา่ “เช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เปน็ แหล่งพลงั งานท่ีใหแ้ ลว้ หมดไป ซง่ึ ไม่สามารถนำกลบั มา
ใช้ใหมไ่ ด้ในทันที ต้องใช้ระยะเวลานาน นอกจากนีผ้ ลกระทบทเี่ กิดจากการนำไปใช้ก็มีมาก
พอสมควร ตวั อย่างเชน่ เกดิ ภาวะโลกรอ้ น เกดิ ฝนกรด เกดิ นำ้ ทว่ มฉับพลันเนื่องจากโลกมีสภาพ
อากาศทแ่ี ปรปรวน ทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเนอ่ื งจากการขดุ และนำไปใช้ ปจั จุบันจึงมี
เทคโนโลยีโรงงานถา่ นหินสะอาดเพ่ือควบคุมมลภาวะท่ีเกิดจากการใช้ถ่านหนิ เป็นเชื้อเพลงิ
นอกจากนมี้ นุษย์จึงหันมาใช้พลงั งานทดแทนมากกวา่ ใชพ้ ลังงานที่ไดจ้ ากการเผาเช้อื เพลงิ ซากดึก
ดำบรรพ์ เชน่ พลังงานแสง พลังงานลม พลงั งานน้ำ”
7. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ
7.1 ประเมินระหว่าง - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจดั กจิ กรรม หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
การเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
1) ผลกระทบจากการ เลม่ 2
ใช้เชือ้ เพลงิ ซาก
ดกึ ดำบรรพ์
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผลงาน นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 282
รายการวัด วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
5) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2
อนั พึงประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
และม่งุ มั่นในการ อนั พึงประสงค์
ทำงาน
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 โลกและการเปล่ียนแปลง
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง
3) PowerPoint เรื่อง ผลกระทบจากการใช้เชอ้ื เพลิงซากดึกดำบรรพ์
4) วดี ิทศั นเ์ ก่ยี วกับปรากฏการณเ์ รือนกระจก
จาก https://www.youtube.com/watch?v=jUkWypOxKbM
5) สมดุ ประจำตัวนกั เรียน
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) อนิ เทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 283
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 284