The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BeYo, 2022-03-28 22:16:01

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 12

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลาเรียน 3 ชั่วโมง

เร่ืองพลังงานทดแทน นางสาวจติ ติญาภรณ์ สร้างพล

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั
ว 3.2 ม.2/3 เปรียบเทยี บข้อดีและข้อจำกัดของพลังงานทดแทนแตล่ ะประเภทจากการรวบรวมขอ้ มูล
และนำเสนอแนวทางการใชพ้ ลังงานทดแทนท่เี หมาะสมในท้องถน่ิ

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายพลงั งานทดแทนของแตล่ ะประเภทได้ (K)
2. เปรยี บเทียบข้อดแี ละข้อจำกัดของพลังงานทดแทนแตล่ ะประเภทได้ (K)
3. นำเสนอแนวทางการใช้พลงั งานทดแทนท่ีเหมาะสมในท้องถน่ิ ได้ (P)
4. ตระหนกั ถึงผลจากการใช้เช้อื เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์ (A)
5. มคี วามมุง่ มนั่ ในการเรยี นรู้และการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายตลอดเวลา (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

• เชอ้ื เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์เป็นแหล่งพลังงานท่ีสำคัญ
ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เนื่องจากเชื้อเพลิง
ซากดกึ ดำบรรพ์มีปรมิ าณจำกดั และมักเพมิ่ มลภาวะ
ในบรรยากาศมากขึ้น จึงมีการใช้พลังงานทดแทน
มากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม
พลังงานน้ำ พลังงานชวี มวล พลังงานคลืน่ พลังงาน
ความร้อนใต้พิภพ พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งพลังงาน
ทดแทนแต่ละชนิดจะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่าง
กนั

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 285

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
แสงอาทติ ยถ์ ูกใช้เพื่อผลติ กระแสไฟฟา้ พลังงานลมเปน็ พลงั งานธรรมชาตซิ ่ึงเกดิ จากความแตกต่างของ

อุณหภูมิ และความกดดันของบรรยากาศ ถูกใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานน้ำเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่
อาศัยการเคลื่อนที่ของน้ำไปขับเคลื่อนเครื่องจักร พลังงานชีวมวลเป็นพลังงานที่ได้มาจากการเผาไหม้
สารอินทรีย์ พลังงานคลื่นเป็นพลังงานของคลื่นผิวมหาสมุทรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานศักย์ขนาดใหญ่ สามารถ
นำมาผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานความร้อนใต้พิภพเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดแนว
รอยเลื่อน น้ำที่อยู่บนดินจะไหลผ่านตามแนวรอยแยก ภายใต้ความร้อนและความดันสูงส่งผลให้ไอน้ำแทรก
ขึ้นมาบนผิวดินสามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ และพลังงานไฮโดรเจนถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้
และให้ความรอ้ นเพ่อื ใช้ในการผลติ กระแสไฟฟ้าและขับเคลื่อนรถยนต์ได้

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทกั ษะการระบุ 3. ซ่อื สัตย์ สจุ รติ

2) ทกั ษะการเช่อื มโยง 4. มุ่งมั่นในการทำงาน

3) ทักษะการเปรียบเทยี บ

4) ทักษะการทำงานรว่ มกนั

5) ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู

6) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้

7) ทกั ษะการจำแนกประเภท

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 286

ชัว่ โมงท่ี 1

ข้นั นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเก่ยี วกับผลกระทบทเ่ี กิดจากการใช้เชื้อเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์
จากนน้ั ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นร้ใู ห้นกั เรียนทราบ
2. ครูพูดคุยสนทนากบั นักเรยี นเก่ียวกับเคร่ืองใช้ไฟฟา้ ภายในบ้านทีอ่ ำนวยความสะดวกความสบาย
จากนน้ั ครใู ห้นักเรียนยกตวั อย่าง มาคนละ 1 ตัวอย่าง
(แนวตอบ : ข้ึนอย่กู บั คำตอบนักเรียน ตัวอยา่ ง เช่น พดั ลม เครอื่ งปรับอากาศ เครอื่ งซักผ้า)
3. นักเรยี นดูวดี ิทศั น์เกย่ี วกับพลงั งาน เรอ่ื ง ถ้าไม่มีไฟฟา้ ใช้ จากนนั้ ครตู งั้ ประเด็นคำถามกระตนุ้
ความสนใจนักเรียน โดยให้นกั เรยี นแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอยา่ งอสิ ระโดยไมม่ ี
การเฉลยวา่ ถูกหรือผิด ดังนี้
• ถ้าหากพลังไฟฟ้าหมดไป นักเรียนจะใชช้ วี ิตอยา่ งไร
(แนวตอบ : ข้ึนอยู่กับความคดิ เห็นของนกั เรียน)
• ถ้าหากพลงั ไฟฟา้ หมดไป นักเรยี นจะมีวธิ กี ารแก้ไขปญั หาอย่างไร
(แนวตอบ : ใชพ้ ลังงานธรรมชาติ หรือพลังงานทดแทน)

ขน้ั สอน

ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นักเรียนแต่ละคนศึกษาคน้ ควา้ ข้อมลู เกี่ยวกบั เร่ือง พลังงานทดแทน จากหนังสอื เรยี น
วทิ ยาศาสตรม์ .2 เล่ม 2 หรอื แหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็ ห้องสมุด
จากน้นั ให้นักเรียนเลือกพลงั งานทดแทน มาคนละ 1 ประเภท แลว้ สรปุ ข้อมูลท่ีได้ลงในกระดาษ A4
พรอ้ มตกแต่งใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)

ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
2. ครสู ุ่มนักเรียน จำนวน 7 คน ออกมานำเสนอข้อมลู เก่ียวกบั พลงั งานทดแทน ซงึ่ มีหวั ข้อ ดังน้ี
• พลังงานแสงอาทิตย์
• พลังงานลม
• พลงั งานนำ้
• พลังงานชวี มวล
• พลังงานคลืน่
• พลังงานความร้อนใต้พภิ พ

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 287

• พลงั งานไอโดรเจน
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
3. ขณะทนี่ ักเรยี นกำลงั นำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรอื แทรกข้อมลู เพิ่มเตมิ ในเรอ่ื งนัน้ ๆ เพอ่ื ให้
นักเรยี นมีความเข้าใจทถี่ ูกตอ้ งมากยิ่งข้ึน
4. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและสรุปเกี่ยวกบั พลงั งานทดแทน ซ่งึ ได้ข้อสรปุ ร่วมกันว่า
“พลงั งานทดแทน เปน็ พลงั งานหมุนเวยี นที่สามารถนำกลบั มาใชใ้ หมไ่ ด้ ซง่ึ เป็นพลังงานทสี่ ามารถ
สร้างขึ้นใหม่ไดใ้ นระยะเวลาสัน้ ๆ ซ่งึ พลงั งานทดแทนมหี ลายประเภท ดังนี้

1) พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานที่สามารถนำมาเปลี่ยนให้เป็นกระแสไฟฟ้า โดยอุปกรณ์
ท่ีมนษุ ยส์ ร้างขน้ึ ในการเปลยี่ นพลงั งานดงั กล่าว เรยี กว่า เซลล์สรุ ยิ ะ หรอื เซลล์แสงอาทติ ย์

2) พลังงานลม เป็นพลังงานธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างของความกดอากาศระหว่างสอง
บริเวณ ซึ่งมนุษย์คิดค้นกังหันลม ที่อาศัยพลังงานลมแปรเปลี่ยนพลังงานกลให้กลายเป็น
กระแสไฟฟา้ เช่น กงั หันลม กังหันน้ำ

3) พลังงานน้ำ เป็นพลังงานที่อาศัยการเคลื่อนที่ของน้ำไปขับเคลื่อนเครื่องจักรในโรงงาน
อตุ สาหกรรมเพือ่ ผลิตกระแสไฟฟ้า หรอื ใช้ประกอบกิจกรรมตา่ ง ๆ

4) พลังงานชีวมวล เป็นพลังงานที่ได้จากการเผาไหม้สารอินทรีย์ ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บพลังงาน
ธรรมชาติ ซงึ่ พลังงานชีวมวลสามารถแปรรูปให้อยใู่ นรูปของแก๊สชวี ภาพ เชอื้ เพลงิ ชวี ภาพ

5) พลงั งานคลนื่ เปน็ พลังงานคล่ืนน้ำในมหาสมทุ รซึง่ เป็นแหล่งของพลังงานศกั ย์สามารถนำมาผลิต
กระแสไฟฟ้าได้

6) พลังงานใต้พิภพ เกิดจากน้ำทไ่ี หลไปตามรอยแตกของเปลือกโลกไหลลงสชู่ ัน้ ใต้พภิ พภายใต้ความ
ร้อนและความดันสูง ทำให้น้ำกลายเป็นไอพุ่งขึ้นมาตามรอยแตก โดยพลังงานไอน้ำ
ที่เกดิ ขน้ึ นส้ี ามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้

7) พลังงานไฮโดรเจน แก๊สไฮโดรเจนสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้และให้
ความรอ้ นเพอื่ ใชใ้ นการผลิตกระแสไฟฟา้ ได้”

ชัว่ โมงที่ 2

ข้นั สอน

ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
5. นักเรียนแตล่ ะคนศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ข้อดี-ข้อเสีย และขอ้ จำกดั ของพลังงานทดแทนแตล่ ะ
ประเภท จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหลง่ การเรยี นรูต้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต
ห้องสมดุ
6. นกั เรียนจบั ค่กู ับเพื่อนในชั้นเรยี น ตามความสมัครใจ จากนน้ั รว่ มกนั วิเคราะหแ์ ละเปรียบเทียบ
ขอ้ ดี-ข้อเสยี และขอ้ จำกัดของพลังงานทดแทนแต่ละประเภท แลว้ เขยี นสรปุ ความร้ทู ไ่ี ด้จาก

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 288

การวเิ คราะหล์ งในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น เพือ่ นำสง่ ครทู า้ ยชวั่ โมง
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
7. ครูสมุ่ เลขทนี่ กั เรียน จำนวน 3-4 คน ออกมานำเสนอผลการศกึ ษาคน้ ควา้ หนา้ ชนั้ เรียน ในระหว่าง
ทนี่ กั เรยี นนำเสนอ ครอู าจเสนอแนะหรือแทรกข้อมลู เพมิ่ เตมิ ในเร่ืองนน้ั ๆ เพื่อใหน้ กั เรียนมีความ
เข้าใจท่ีถูกต้องมากยง่ิ ขึ้น
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
8. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและสรุปเกยี่ วกับขอ้ ดี-ข้อเสยี และข้อจำกดั ของพลังงานทดแทน
แตล่ ะประเภท ซึ่งได้ขอ้ สรุปร่วมกนั วา่ “พลงั งานแต่ละประเภทลว้ นมขี ้อดที เ่ี หมอื นกัน คือ
เปน็ พลังงานสะอาด และเปน็ พลงั งานท่มี ีอยู่ตามธรรมชาติ สามารถสร้างขึน้ ใหม่ได้ในระยะเวลาส้ัน ๆ
แต่พลังงานแต่ละประเภทลว้ นมขี ้อจำกัดท่ีแตกต่างกัน ดงั นี้
1) ข้อจำกดั พลงั งานแสงอาทิตย์ คือ พลงั งานไฟฟา้ ทผ่ี ลติ ขึ้นจากเซลล์สุริยะขนึ้ อยู่กับสภาพ

อากาศในแต่ละวัน เนื่องจากความเขม้ แสงในแต่ละวนั ไม่เทา่ กัน
2) ขอ้ จำกัดพลงั งานลม คือ กังหนั ลมจะผลติ ไฟฟา้ ไดต้ ้องมีความเร็วลม 21 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง

ขึ้นไป ซึ่งความเร็วลมขนาดน้ีจะพบเฉพาะในบางพนื้ ที่ตอ้ งใชเ้ งินลงทนุ สูง
3) ขอ้ จำกัดพลังงานนำ้ คือ ต้องใชพ้ ื้นท่ีมากในการสรา้ งเขื่อนกักเก็บน้ำ ต้องใชเ้ งนิ ลงทุนสูง
4) ขอ้ จำกัดพลังงานชีวมวล คือ การเก็บรกั ษาค่อนข้างยาก อาจก่อนใหเ้ กิดมลพษิ ทางอากาศ

สง่ กลน่ิ เหมน็ รบกวนได้
5) ข้อจำกัดพลงั งานคลนื่ คือ เนอ่ื งจากอุปกรณ์ทใ่ี ช้ผลติ กระแสไฟฟา้ อยูใ่ นสภาพแวดลอ้ มที่มี

อุปสรรคต่อการทำงานของอุปกรณ์ เช่น นำ้ ทะเลจะกัดกร่อนโลหะ
6) ข้อจำกดั พลังงานใต้พิภพ คอื พลงั งานน้ีพบในบางพื้นท่ี ซึง่ บริเวณทม่ี ีพลงั งานใต้พิภพมกั จะ

มกี ล่ินเหม็นเน่อื งจากแก๊สไข่เน่า แก๊สกำมะถัน แกส๊ แอมโมเนีย
7) ข้อจำกดั พลังงานไฮโดรเจน คือ ต้นทุนในการผลิตค่อนขา้ งสูง”
9. ครตู ้ังประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนวา่ “พลงั งานทดแทนทนี่ ำมาใชผ้ ลติ กระแสไฟฟา้
ได้แก่อะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : การปัน่ จักรยานผลิตกระแสไฟฟ้า การใช้เซลลส์ ุรยิ ะผลิตกระแสไฟฟ้าในเครื่องคดิ เลข
บางรุ่น)
10. ครถู ามคำถามทา้ ทายการคดิ ขั้นสูง ให้นักเรยี นแตล่ ะคนอภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพือ่ หาคำตอบ
โดยใช้คำถาม H.O.T.S. จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 ว่า “เชื้อเพลิงซากดกึ ดำบรรพ์
กับพลงั งานทดแทนมคี วามเหมือนหรือแตกต่างกัน อยา่ งไร”
(แนวตอบ : เหมือนกัน คือ เปน็ แหลง่ พลังงาน แต่ต่างกนั ท่เี ช้อื เพลิงซากดกึ ดำบรรพเ์ ปน็ พลงั งาน
ทใี่ ชแ้ ล้วหมดไป แต่พลงั งานทดแทนสามารถนำกลับมาใชใ้ หมไ่ ด)้

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 289

ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
11. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามเนอ้ื หาเก่ียวกับ เรื่อง พลงั งานทดแทน และให้ความรู้เพิ่มเตมิ
จากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง พลังงานทดแทน ในการอธิบายเพิ่มเตมิ
12. นักเรียนทำ Topic Question เรื่อง เช้อื เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
13. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั เรื่อง พลงั งานทดแทน จากแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
เปน็ การบ้านส่งในช่วั โมงถดั ไป

ชั่วโมงท่ี 3

ขัน้ สอน

ขัน้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
14. นักเรยี นแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 5-6 คน ตามความสมัครใจ จากนัน้ ครแู จง้ จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
Fun Science Activity เร่อื ง หินงอก หินย้อย ใหน้ กั เรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏบิ ัติ
กิจกรรมที่ถกู ต้อง
15. สมาชิกภายในกลมุ่ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการปฏิบตั กิ ิจกรรม Fun Science Activity
เร่ือง หนิ งอก หินย้อย จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 จากนั้นรว่ มกนั ปฏบิ ัติกจิ กรรม
Fun Science Activity เรือ่ ง หินงอก หินย้อย ตามขนั้ ตอน จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2

ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
16. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรม Fun Science Activity เรอื่ ง หินงอก
หินย้อย หนา้ ชัน้ เรียน ในระหว่างทนี่ ักเรียนนำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพ่ือให้
นกั เรยี นมคี วามเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
17. นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม Fun Science Activity เรอ่ื ง หนิ งอก
หินย้อยวา่ “น้ำทีร่ ะเหยออกจากสารส้มเหลอื เพยี งผลึกสารสม้ สะสมตวั มที ศิ ทางพ่งุ ลงมาจากเชอื ก
เรยี กวา่ หินย้อย ส่วนผลกึ สารสม้ ท่สี ะสมพอกพูนขึน้ บนกระดาษแข็ง เรยี กวา่ หินงอก”
18. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศึกษาคน้ ควา้ ข้อมลู เก่ยี วกับกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน จาก Science in
real life เรอ่ื ง วศิ วกรขดุ เจาะบอ่ นำ้ มัน จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2

ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
19. นักเรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรอ่ื ง โลกและการเปลี่ยนแปลง
จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยบนั ทึกลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
20. ครูมอบหมายให้นักเรยี นทำ Unit Question เรอื่ ง โลกและการเปลีย่ นแปลง จากหนังสือเรียน

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 290

วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยทำลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน
21. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนของหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง

เพื่อเป็นการวัดความรหู้ ลังเรียนของนักเรยี น
22. นกั เรียนแต่ละคนนำความรู้ที่ไดจ้ ากการเรียนของหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง

มาเขียนสรปุ เปน็ แผนผงั มโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งให้สวยงาม

ข้นั สรุป

ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)

1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง

เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจหลังเรยี นของนักเรียน

2. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหน้าชั้นเรยี น

3. ครูตรวจ Topic Question เรอื่ ง เช้อื เพลิงซากดึกดำบรรพ์ ในสมุดประจำตัวนักเรียน

4. ครปู ระเมนิ ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม Fun Science Activity เรอ่ื ง หนิ งอก หนิ ย้อย

5. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรื่อง โลกและ

การเปลย่ี นแปลง ในสมุดประจำตัวนักเรยี น

6. ครตู รวจแบบฝึกหดั Unit Question เร่ือง โลกและการเปลี่ยนแปลง ในสมุดประจำตัวนกั เรยี น

7. ครตู รวจแบบฝึกหดั เรื่อง หินน้ำมันและปโิ ตรเลียม จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2

8. ครวู ัดและประเมนิ ผลจากชิ้นงาน/ผลงาน แผนผงั มโนทศั น์ เรือ่ ง โลกและการเปล่ียนแปลง

9. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรุปเกยี่ วกับหนิ นำ้ มันและปโิ ตรเลียม ซ่งึ ไดข้ ้อสรุปร่วมกนั วา่ “หินนำ้ มัน

เปน็ เช้อื เพลิงธรรมชาติ ซง่ึ เกิดจากการทบั ถมของซากพืชและซากสตั ว์ ภายใตแ้ หล่งนำ้ เปน็

เวลานาน และปโิ ตรเลียม เปน็ เช้อื เพลงิ ชนดิ หน่งึ ทีเ่ กิดข้ึนเองตามะรรมชาติ ซ่งึ เปน็ สารประกอบ

ไฮโดรคาร์บอน มี 2 ประเภท คอื นำ้ มนั ดบิ และแกส๊ ธรรมชาติ ซงึ่ ก่อนนำไปใชจ้ ำเป็นต้องผา่ น

กระบวนการกลนั่ เพื่อใหไ้ ด้ผลิตภณั ฑท์ เี่ หมาะสมต่อการใชป้ ระโยชน์”

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ

7.1 ประเมินระหวา่ ง - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

การจัดกิจกรรม หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เล่ม 2

1) พลงั งานทดแทน เลม่ 2

2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2

ผลงาน ผลงาน นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์

3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 291

รายการวดั วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน

4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2

ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

5) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2

อนั พึงประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

และมุ่งมนั่ ในการ อนั พงึ ประสงค์

ทำงาน

7.2 การประเมินหลัง

เรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

- แบบทดสอบ หลงั เรยี น หน่วยการ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6

หลงั เรียน หนว่ ยการ เรยี นรู้ท่ี 6 โลกและ โลกและการ

เรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและ การเปล่ยี นแปลง เปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลง

7.3 การประเมินชน้ิ งาน/ - ตรวจแผนผงั มโนทศั น์ - แบบประเมินช้ินงาน/ - ระดบั คณุ ภาพ 2

ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง โลกและการ ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์

เปลี่ยนแปลง

8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรียนรู้

1) หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปล่ยี นแปลง

2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลยี่ นแปลง

3) วัสดุอปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการปฏิบตั ิกจิ กรรม Fun Science Activity เรือ่ ง หนิ งอก หินยอ้ ย

4) PowerPoint เรื่อง พลงั งานทดแทน

5) วดี ทิ ัศน์เกี่ยวกับพลังงาน จาก https://www.youtube.com/watch?v=OXqN_b4sqLI

6) สมุดประจำตัวนกั เรียน

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1) ห้องเรียน

2) หอ้ งสมดุ

2) อนิ เทอรเ์ น็ต

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 292

ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แผนผงั มโนทศั น์
เรอื่ ง โลกและการเปล่ยี นแปลง
คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นนำความรทู้ ี่ไดจ้ ากการเรยี นของหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง มาเขียน
สรปุ เปน็ แผนผงั มโนทศั น์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 293

9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 294

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6

โลกและการเปล่ยี นแปลง
เวลา 29
ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก
และบนผวิ โลก ธรณพี ิบัตภิ ยั กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก
รวมทงั้ ผลต่อสิ่งมชี ีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม
ว 3.2 ม.2/1 เปรียบเทยี บกระบวนการเกิด สมบัติ และการใชป้ ระโยชน์ รวมทัง้ อธบิ ายผลกระทบ
จากการใช้เชือ้ เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์ จากข้อมูลที่รวบรวมได้
ว 3.2 ม.2/2 แสดงความตระหนกั ถึงผลจากการใช้เช้อื เพลิงซากดึกดำบรรพ์ โดยนำเสนอ
แนวทางการใชเ้ ชอื้ เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์
ว 3.2 ม.2/3 เปรยี บเทียบขอ้ ดีและข้อจำกดั ของพลงั งานทดแทนแต่ละประเภทจากการรวบรวม
ข้อมูล และนำเสนอแนวทางการใช้พลงั งานทดแทนที่เหมาะสมในท้องถน่ิ
ว 3.2 ม.2/4 สรา้ งแบบจำลองท่อี ธิบายโครงสรา้ งภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมจี ากข้อมลู ที่
รวบรวมได้
ว 3.2 ม.2/5 อธบิ ายกระบวนการผพุ งั อยู่กับที่ การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอน
จากแบบจำลอง รวมทัง้ ยกตัวอย่างผลของกระบวนการดงั กล่าวที่ทำให้ผวิ โลก
เกดิ การเปล่ยี นแปลง
ว 3.2 ม.2/6 อธิบายลกั ษณะของชัน้ หน้าตดั ดนิ และกระบวนการเกดิ ดิน จากแบบจำลอง
รวมทั้งระบปุ จั จัยท่ที ำใหด้ นิ มีลักษณะและสมบตั ิแตกตา่ งกัน
ว 3.2 ม.2/7 ตรวจวดั สมบัตบิ างประการของดนิ โดยใช้เครอื่ งมือทเ่ี หมาะสมและนำเสนอแนวทาง
การใช้ประโยชนด์ ินจากข้อมูลสมบตั ขิ องดนิ
ว 3.2 ม.2/8 อธิบายปัจจยั และกระบวนการเกิดแหล่งนำ้ ผวิ ดินและแหล่งน้ำใต้ดินจากแบบจำลอง
ว 3.2 ม.2/9 สร้างแบบจำลองการใชน้ ำ้ และนำเสนอแนวทางการใช้น้ำอยา่ งย่งั ยนื ในทอ้ งถิน่ ของ
ตนเอง
ว 3.2 ม.2/10 สร้างแบบจำลองท่อี ธิบายกระบวนการเกดิ และผลกระทบของนำ้ ท่วม การกัดเซาะ
ชายฝ่ัง ดินถลม่ หลมุ ยบุ แผน่ ดินทรุด

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 295

2. สาระการเรียนรู้
2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพของซากสิ่งมชี วี ิตในอดีต โดยกระบวนการ
ทางเคมีและธรณีวิทยา เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ได้แก่ ถ่านหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลียม ซึ่งเกิด
จากวัตถตุ ้นกำเนดิ และสภาพแวดล้อมการเกดิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ทำใหไ้ ดช้ นดิ ของเช้อื เพลิง ซาก
ดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะ สมบัติ และการนำไปใช้ประโยชน์แตกต่างกัน สำหรับปิโตรเลียมจะต้องมี
ผ่านการกลั่นลำดับส่วนก่อนการใช้งาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ เชื้อเพลิง
ซากดึกดำบรรพ์เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เนื่องจากต้องใช้เวลานานห ลายล้านปี
จงึ จะเกิดขึ้นใหมไ่ ด้
2. การเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดกึ ดำบรรพ์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์จะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซ่ึง
สง่ ผลกระทบตอ่ สงิ่ มชี วี ติ และสิง่ แวดล้อม นอกจากน้แี กส๊ บางชนดิ ท่ีเกดิ จากการเผาไหมเ้ ช้ือเพลิงซาก
ดึกดำบรรพ์ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และไนตรัสออกไซด์ ยังเป็นแก๊สเรือนกระจก
ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกรุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำ
บรรพ์ โดยคำนึงถึงผลที่เกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น เลือกใช้พลังงานทดแทน หรือ
เลือกใช้เทคโนโลยีท่ีลดการใชเ้ ชอ้ื เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์
3. เชอื้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์เปน็ แหล่งพลังงานท่ีสำคัญในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เนอ่ื งจากเชื้อเพลิง
ซากดึกดำบรรพ์มีปริมาณจำกัดและมักเพิ่มมลภาวะในบรรยากาศมากขึ้น จึงมีการใช้พลังงาน
ทดแทนมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล พลังงานคล่ืน
พลังงานความรอ้ นใต้พภิ พ พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งพลงั งานทดแทนแตล่ ะชนิดจะมีขอ้ ดีและข้อจำกัดที่
แตกตา่ งกนั
4. โครงสร้างภายในโลก แบ่งออกเป็นชั้นตามองค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ เปลือกโลกซึ่งอยู่นอกสุด
ประกอบด้วย สารประกอบของซิลิกอน และอะลูมิเนียมเปน็ หลัก เนื้อโลกคือสว่ นที่อยูใ่ ตเ้ ปลอื กโลก
ลงไปจนถึงแก่นโลก มีองค์ประกอบหลักเป็นสารประกอบของซิลิกอน แมกนีเซียม และเหล็ก และ
แก่นโลก คือส่วนที่อยู่ใจกลางของโลก มีองค์ประกอบหลักเป็นเหล็กและนิกเกิล ซึ่งแต่ละช้ัน
มลี กั ษณะแตกต่างกัน
5. การผุพังอยู่กับที่ การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอน เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทาง
ธรณีวิทยา ที่ทำให้ผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นภูมิลักษณ์แบบต่าง ๆ โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ น้ำ
ลม ธารนำ้ แข็ง แรงโนม้ ถว่ งของโลก สิ่งมชี วี ิต สภาพอากาศ และปฏกิ ริ ยิ าเคมี
6. การผุพังอยู่กับที่ คือ การที่หินผุพังทำลายลงด้วยกระบวนการต่าง ๆ ได้แก่ ลมฟ้าอากาศกับน้ำฝน
และรวมทั้งการกระทำของต้นไม้กับแบคทีเรีย ตลอดจนการแตกตัวทางกลศาสตร์ซึ่งมีการเพิ่มและ
ลดอุณหภูมิสลับกนั เปน็ ตน้

7. การกร่อน คือ กระบวนการหน่ึงหรือหลายกระบวนการที่ทำใหส้ ารเปลือกโลกหลุดไปละลายไป หรือ
กร่อนไปโดยมีตวั นำพาธรรมชาติ คอื ลม นำ้ และธารน้ำแขง็ ร่วมกบั ปจั จยั อน่ื ๆ ได้แก่ ลมฟ้าอากาศ
สารละลาย การครูดถู การนำพา ทั้งนี้ไม่รวมถึงการพังทลายเป็นกลุ่มก้อน เช่น แผ่นดิน-ถล่ม ภูเขา
ไฟระเบิด

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 296

8. การสะสมตัวของตะกอน คือ การสะสมตัวของวตั ถุจากการนำพาของนำ้ ลม หรอื ธารน้ำแขง็
9. ดินเกิดจากหินที่ผุพังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้ากับอินทรียวัตถุที่ได้จาก การเน่าเปื่อยของซากพืช

ซากสัตว์ทับถมเป็นชั้น ๆ บนผิวโลก ชั้นดินแบ่งออกเป็นหลายชั้น ขนานหรือเกือบขนานไปกับ
ผิวหน้าดิน แต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกัน เนื่องจากสมบัติทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ และลักษณะ
อื่น ๆ เช่น สี โครงสร้าง เนื้อดิน การยืดตัว ความเป็นกรด-เบส สามารถสังเกตได้จากการสำรวจ
ภาคสนาม การเรียกชอ่ื ชั้นดินหลักจะใชอ้ ักษรภาษาอังกฤษตวั ใหญ่ ไดแ้ ก่ O, A, E, B, C, R
10. ช้นั หนา้ ตัดดิน เปน็ ชัน้ ดนิ ที่มีลกั ษณะปรากฏใหเ้ หน็ เรียงลำดับเป็นชั้นจากชนั้ บนสุดถึงช้นั ล่างสุด
11. ปัจจัยที่ทำให้ดินแต่ละท้องถิ่นมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน ได้แก่ วัตถุต้นกำเนิดดิน ภูมิอากาศ
สิง่ มีชวี ติ ในดนิ สภาพภูมิประเทศ และระยะเวลาในการเกิดดนิ
12. สมบัติบางประการของดิน เช่น เนื้อดิน ความชื้นดิน ค่าความเป็นกรด-เบส ธาตุอาหารในดิน
สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยอาจนำไปใช้ประโยชน์ทาง
การเกษตรหรืออื่น ๆ ซึ่งดินที่ไม่เหมาะสมต่อการทำการเกษตร เช่น ดินจืด ดินเปรี้ยว ดินเค็ม และ
ดินดาน อาจเกิดจากสภาพดินตามธรรมชาติ หรือการใช้ประโยชน์จะต้องปรับปรุงให้มีสภาพ
เหมาะสม เพือ่ นำไปใชป้ ระโยชน์
13. แหล่งน้ำผิวดินเกิดจากน้ำฝนที่ตกลงบนพื้นโลกไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำด้วยแรงโน้มถ่วง การไหลของ
น้ำทำให้พื้นโลกเกิดการกัดเซาะเป็นร่องน้ำ เช่น ลำธาร คลอง และแม่น้ำ ซึ่งร่องน้ำจะมีขนาดและ
รูปร่างแตกต่างกัน ข้ึนอยู่กับปริมาณน้ำฝน ระยะเวลาในการกัดเซาะ ชนิดดินและหิน และลักษณะ
ภูมิประเทศ เช่น ความลาดชัน ความสูงต่ำของพื้นที่ เมื่อน้ำไหลไปยังบริเวณที่เป็นแอ่งจะเกิดการ
สะสมตัวเปน็ แหล่งนำ้ เช่น บึง ทะเลสาบ ทะเล และมหาสมทุ ร
14. แหล่งน้ำใต้ดินเกิดจากการซึมของน้ำผิวดินลงไปสะสมตัวใต้พื้นโลก ซึ่งแบ่งเป็นน้ำในดินและ
น้ำบาดาล น้ำในดินเป็นน้ำที่อยู่ร่วมกับอากาศตามช่องว่างระหว่างเม็ดดิน ส่วนน้ำบาดาลเป็นน้ำท่ี
ไหลซึมลึกลงไปและถกู กกั เก็บไวใ้ นชน้ั หนิ หรือชั้นดิน จนอมิ่ ตัวไปด้วยนำ้
15. แหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้ำใต้ดินถูกนำมาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ส่งผลต่อการจัดการการ
ใช้ประโยชน์น้ำและคุณภาพของแหล่งน้ำ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร การใช้
ประโยชน์พื้นที่ในด้านต่าง ๆ เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ลุ่มน้ำ และแหล่งน้ำผิวดินไม่เพียงพอ
สำหรับกิจกรรมของมนุษย์ น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินถูกนำมาใช้มากขึน้ ส่งผลให้ปรมิ าณน้ำใต้ดินลดลง
มากจึงต้องมกี ารใช้น้ำอยา่ งเหมาะสมและยงั่ ยืน ซ่ึงอาจทำไดโ้ ดยการจัดหาแหล่งนำ้ เพ่ือให้มีแหล่งน้ำ
เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต การจัดสรรและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์และฟื้นฟู
แหลง่ นำ้ การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาคุณภาพนำ้
16. น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบ แผ่นดินทรุด มีกระบวนการเกิดและผลกระทบ
ทแ่ี ตกตา่ งกัน ซึ่งอาจสรา้ งความเสียหายรา้ ยแรงแกช่ ีวิต และทรพั ย์สิน
17. น้ำท่วม เกิดจากพื้นที่หนึ่งได้รับปริมาณน้ำเกินกว่าที่จะกักเก็บได้ ทำให้แผ่นดินจมอยู่ใต้น้ำ
โดยขน้ึ อย่กู บั ปรมิ าณนำ้ และสภาพทางธรณวี ทิ ยาของพ้นื ท่ี
18. การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งทะเลที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจากการ
กัดเซาะของคลื่นหรือลม ทำให้ตะกอนจากที่หนึ่งไปตกทับถมในอีกบริเวณหนึ่ง แนวของชายฝั่งเดิม

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 297

จึงเปลี่ยนแปลงไป บริเวณที่มีตะกอนเคลื่อนเข้ามาน้อยกว่าปริมาณที่ตะกอนเคลื่อนออกไป ถือว่า
เป็นบรเิ วณท่มี ีการกัดเซาะชายฝงั่
19. ดินถล่ม เป็นการเคลื่อนที่ของมวลดินหรือหินจำนวนมากลงตามลาดเขา เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของ
โลกเป็นหลัก ซึ่งเกิดจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความลาดชันของพื้นที่ สภาพธรณีวิทยา ปริมาณน้ำฝน
พชื ปกคลมุ ดนิ และการใชป้ ระโยชน์พืน้ ที่
20. หลุมยุบ คือ แอ่งหรือหลุมบนแผ่นดินขนาดต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการถล่มของโพรงถ้ำหินปูน เกลือ
หินใต้ดนิ หรอื เกิดจากนำ้ พัดพาตะกอนลงไปในโพรงถำ้ หรอื ธารนำ้ ใต้ดิน
21. แผน่ ดินทรุดเกดิ จากการยบุ ตัวของชั้นดิน หรือหนิ รว่ น เมื่อมวลของแข็งหรือของเหลวปริมาณมากท่ี
รองรบั อยใู่ ตช้ ั้นดนิ บริเวณน้นั ถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดยธรรมชาตหิ รือโดยการกระทำของมนษุ ย์
2.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
หินน้ำมัน เป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติซึ่งเกิดจากการทับถมของซากพืชและซากสัตว์ภายใต้แหล่งน้ำ

เป็นเวลานาน มีสมบัติจุดติดไฟได้ และปิโตรเลียม เป็นเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งเป็น
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมี 2 ประเภท คือ น้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งก่อนนำไปใช้ประโยชน์
จำเป็นต้องผ่านกระบวนกลั่น เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ การเผาไหม้เชื้อเพลิง
ซากดึกดำบรรพ์ในกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์จะทำใหเ้ กดิ มลพิษทางอากาศ เชน่ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ไน
ตรสั ออกไซด์ กอ่ ให้เกิดฝนกรด ภาวะโลกร้อน และสง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศของโลก

ผลกระทบที่เกิดจาการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ไนตรัสออกไซด์
กอ่ ให้เกดิ ฝนกรด ภาวะโลกรอ้ น และสง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศของโลก

แสงอาทติ ย์ถูกใชเ้ พื่อผลติ กระแสไฟฟา้ พลังงานลมเปน็ พลงั งานธรรมชาติซ่ึงเกิดจากความแตกต่างของ
อุณหภูมิ และความกดดันของบรรยากาศ ถูกใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานน้ำเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่
อาศัยการเคลื่อนที่ของน้ำไปขับเคลื่อนเครื่องจักร พลังงานชีวมวลเป็นพลังงานที่ได้มาจากการเผาไหม้
สารอินทรีย์ พลังงานคลื่นเป็นพลังงานของคลื่นผิวมหาสมุทรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานศักย์ขนาดใหญ่ สามารถ
นำมาผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานความร้อนใต้พิภพเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดแนว
รอยเลื่อน น้ำที่อยู่บนดินจะไหลผ่านตามแนวรอยแยก ภายใต้ความร้อนและความดันสูงส่งผลให้ไอน้ำแทรก
ขึ้นมาบนผิวดินสามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ และพลังงานไฮโดรเจนถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้
และให้ความรอ้ นเพ่อื ใชใ้ นการผลติ กระแสไฟฟ้าและขับเคล่ือนรถยนต์ได้

โครงสร้างแบ่งตามองค์ประกอบทางเคมีได้ 3 ชั้น ได้แก่ เปลือกโลก ประกอบด้วย ธาตุซิลิกอน
และอะลูมิเนียม เนื้อโลก ประกอบด้วย ธาตุซิลิกอน แมกนีเซียม และเหล็ก และแก่นโลก ประกอบด้วยธาตุ
เหล็กและนิกเกิล

การเปลี่ยนแปลงของโลก ได้แก่ การผุพังอยู่กับที่ การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอน ซึ่งเป็น
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นภูมิลักษณ์แบบต่าง ๆ เช่น น้ำ
ลม ธารน้ำแขง็ แรงโนม้ ถว่ งของโลก ส่งิ มีชีวติ สภาพอากาศ และปฏิกริ ยิ าเคมี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 298

ดินเกิดจากหินที่ผุผังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้ากับอินทรียวัตถุจากการเน่า เปื่อยของซากพืช
ซากสัตว์ทับถมเป็นชั้น ๆ บนผิวโลก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงและสลายตัวของสสารต้นกำเนิดดินมลี ำดับขั้นตอน

คือ การผุพัง การสลายตัว และการสร้างดิน ปัจจัยที่ทำให้ดินแต่ละท้องถิ่นมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน
ไดแ้ ก่ วัตถุต้นกำเนดิ ภมู ิอากาศ สิ่งมชี ีวติ ในดิน สภาพภมู ิประเทศ และระยะเวลาในการเกดิ ดนิ

สมบัติของดินมีหลายประการ เช่น เนื้อดิน ความเป็นกรดและเบสของดิน ธาตุอาหารภายในดิน

ความชื้นของดิน ซึ่งสมบัติเหล่านี้สามารถนำไปพิจารณาร่วมกับการเลือกใช้ประโยชน์จากดินให้มี
ความเหมาะสมตอ่ การเพาะปลกู หรือการนำไปใช้ประโยชน์อนื่ ๆ

ชั้นหน้าตัดดิน แบ่งออกเป็น 6 ชั้น โดยเรียกชื่อชั้นดินหลักแต่ละชั้นด้วยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ

พิมพ์ใหญ่ ได้แก่ O A E B C และ R แต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกัน และการปรับปรุงคุณภาพของดิน
เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อแก้ปัญหาดินจืด การเติมปูนขาวเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว การเติมผงกำมะถัน
เพอื่ แกป้ ญั หาดนิ ดา่ ง

แหล่งน้ำแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ น้ำบนดินเกิดจากน้ำในบรรยากาศกล่ันตัวเป็นน้ำฝนตกลงมา
ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ซึ่งการไหลของน้ำทำให้เกิดการกัดเซาะเป็นร่องน้ำ เช่น ลำธาร คลอง แม่น้ำ
และน้ำใต้ดินเกิดจากน้ำบนดินซึมลงไปสะสมตัวอยู่ใต้พื้นโลก แบ่งออกเป็นน้ำในดิน และน้ำบาดาล

ซึ่งแหล่งนำ้ ถกู นำมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ใชส้ ำหรบั การบรโิ ภคและอปุ โภค ใช้เพาะปลกู พืช เลีย้ งสตั ว์ และ
เป็นแหลง่ ที่อยู่อาศยั ของปลาและสัตว์นำ้ อื่น ๆ ใช้ในดา้ นอุตสาหกรรมต่าง ๆ

น้ำมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำเพื่อประกอบอาหาร ใช้สำหรับ

อุปโภคและบริโภค ใช้เพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ ใช้ใน
อุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใช้ในกระบวนการผลิต ล้างของเสีย หล่อเครื่องจักร นอกจากนี้ใช้เป็นแหล่งผลิต
พลังงานไฟฟ้าและใช้เปน็ เส้นทางคมนาคม

ภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำผิวดิน ได้แก่ น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุบยุบ และแผ่นดินทรุด
ซึ่งมีกระบวนการเกิด และผลกระทบที่แตกต่างกัน ซึ่งน้ำท่วมเกิดจากพื้นที่หนึ่งได้รับปริมาณน้ำมากกว่าจะ
กักเก็บได้ การกัดเซาะชายฝั่งเกิดจากความแรงของน้ำกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่มเกิดจากการเคลื่อนที่ของมวล

ดินเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก หลุบยุบเกิดจากการถล่มของโพรงถ้ำหินปูน และแผ่นดินทรุดเกิดจากการ
ยุบตัวของช้ันดิน
4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการวัด 3. ซ่อื สัตย์ สจุ รติ

2) ทกั ษะการระบุ 4. มุง่ ม่ันในการทำงาน

3) ทักษะการสงั เกต

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 299

4) ทกั ษะการทดลอง
5) ทกั ษะการตั้งสมมติฐาน
6) ทกั ษะการสำรวจค้นหา
7) ทกั ษะการเชื่อมโยง
8) ทกั ษะการเปรยี บเทียบ
9) ทกั ษะการรวบรวมข้อมูล
10) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
11) ทักษะการจำแนกประเภท
12) ทกั ษะการนำความรูไ้ ปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- แผนผงั มโนทัศน์ เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 300

6. การวดั และการประเมินผล

รายการวัด วิธวี ัด เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
- ระดบั คุณภาพ 2
6.1 การประเมนิ ชน้ิ งาน/ - ตรวจแผนผงั - แบบประเมินช้นิ งาน/
ผ่านเกณฑ์
ภาระงาน (รวบยอด) มโนทศั น์ เรือ่ ง ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมินตามสภาพจริง
โลกและการ
- รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เปลี่ยนแปลง

6.2 การประเมินก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ น

- แบบทดสอบ กอ่ นเรยี น หน่วยการ เรียน

กอ่ นเรียน หนว่ ยการ เรียนรู้ท่ี 6 โลกและ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6

เรยี นรทู้ ี่ 6 โลกและ การเปลี่ยนแปลง โลกและการ

การเปลี่ยนแปลง เปลีย่ นแปลง

6.3 การประเมินระหวา่ ง - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรือ

การจดั กจิ กรรม หรอื แบบฝึกหดั แบบฝกึ หัด

1) โครงสรา้ งของโลก วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วิทยาศาสตร์

เลม่ 2 ม.2 เลม่ 2

2) การเปลย่ี นแปลง - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ของโลก หรือแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั
วิทยาศาสตร์ ม.2 วิทยาศาสตร์
เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2

3) ผลบันทึกการปฏบิ ตั ิ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
กจิ กรรมจำลองการ หรือแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2
ผุพังอยู่กบั ที่ของหนิ วทิ ยาศาสตร์ ม.2
- สมดุ ประจำตัว หรอื
เนอื่ งจากน้ำเปน็ เล่ม 2 แบบฝกึ หัด
วทิ ยาศาสตร์
ปจั จยั ม.2 เล่ม 2

4) ผลบันทกึ การปฏบิ ัติ - ตรวจสมดุ ประจำตัว

กจิ กรรมจำลองการ หรือแบบฝกึ หัด

กร่อน การพัดพา วิทยาศาสตร์ ม.2

และการสะสมตวั ของ เล่ม 2

ตะกอน

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 301

รายการวดั วิธวี ัด เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
5) กระบวนการเกิดดนิ - ตรวจสมดุ ประจำตวั แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หรอื แบบฝึกหัด ม.2 เลม่ 2 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เล่ม 2 ม.2 เลม่ 2
- สมุดประจำตวั หรือ
6) สมบตั ิของดนิ - ตรวจสมุดประจำตัว แบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์
หรอื แบบฝกึ หัด ม.2 เลม่ 2
- สมุดประจำตวั หรอื
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหดั
วิทยาศาสตร์
เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2
- สมดุ ประจำตัว หรอื
7) ผลบนั ทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมดุ ประจำตัว แบบฝึกหดั
วิทยาศาสตร์
กิจกรรมตรวจวัด หรือแบบฝกึ หัด ม.2 เล่ม 2
- สมุดประจำตัว หรอื
สมบัตขิ องดนิ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝึกหดั
วทิ ยาศาสตร์
เลม่ 2 ม.2 เลม่ 2
- สมุดประจำตวั หรอื
8) ช้นั หน้าตัดดนิ และ - ตรวจสมุดประจำตัว แบบฝกึ หดั
วิทยาศาสตร์
การปรบั ปรงุ หรอื แบบฝึกหัด ม.2 เลม่ 2

คณุ ภาพของดิน วทิ ยาศาสตร์ ม.2

เลม่ 2

9) ผลบนั ทึกการปฏิบตั ิ - ตรวจสมุดประจำตัว

กจิ กรรมแบบจำลอง หรือแบบฝึกหัด

ชั้นหนา้ ตัดดนิ วิทยาศาสตร์ ม.2

เลม่ 2

10) น้ำผวิ ดินและ - ตรวจสมุดประจำตัว

นำ้ ใต้ดนิ หรอื แบบฝกึ หดั

วทิ ยาศาสตร์ ม.2

เลม่ 2

11) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมุดประจำตัว

ปฏบิ ตั ิ หรอื แบบฝกึ หดั

กิจกรรมจำลอง วทิ ยาศาสตร์ ม.2

การเกดิ และปัจจัย เล่ม 2

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 302

รายการวัด วธิ ีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
ในการเกิดนำ้ ผวิ ดิน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
12) ผลบันทึกการ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตวั หรือ
ปฏิบัติ หรอื แบบฝึกหัด แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
กิจกรรมจำลอง วิทยาศาสตร์ ม.2 วิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การเกดิ และปัจจยั เล่ม 2 ม.2 เล่ม 2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ในการเกดิ น้ำใต้ดนิ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
13) การใช้ประโยชน์ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
และการอนุรกั ษ์ หรือแบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แหลง่ นำ้ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์
เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2
14) ภัยพิบัติจากน้ำ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรือ
หรอื แบบฝึกหัด แบบฝึกหัด
15) ผลบนั ทกึ การ วิทยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์
ปฏิบัติ เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2
- ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตวั หรือ
กจิ กรรมจำลองการ หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั
กัดเซาะชายฝัง่ วิทยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์
16) ถา่ นหิน เล่ม 2 ม.2 เล่ม 2
- ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรอื
17) หนิ นำ้ มนั และ หรอื แบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั
ปโิ ตรเลยี ม วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์
เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2
18) ผลกระทบจากการ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ
ใช้เชอ้ื เพลงิ ซากดึก หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด
ดำบรรพ์ วิทยาศาสตร์ ม.2 วิทยาศาสตร์
เล่ม 2 ม.2 เล่ม 2
- ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ
หรอื แบบฝึกหดั แบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วิทยาศาสตร์
เล่ม 2 ม.2 เล่ม 2

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 303

รายการวดั วธิ ีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ

19) พลงั งานทดแทน - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั
20) การนำเสนอ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลงาน/การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เลม่ 2 ม.2 เลม่ 2 ผ่านเกณฑ์
- ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ
ผลงาน/ผลการ นำเสนอผลงาน
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

รายการวัด วธิ วี ดั เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
- ระดบั คณุ ภาพ 2
21) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
- ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
- ระดับคณุ ภาพ 2
22) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์

ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

23) คุณลกั ษณะอันพึง - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน

ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ

และมุ่งมัน่ ในการ อนั พึงประสงค์

ทำงาน

6.4 การประเมนิ หลังเรียน

- แบบทดสอบหลัง - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น

เรยี น หลังเรยี น หนว่ ยการ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 เรียนรูท้ ี่ 6 โลกและ โลกและการ

โลกและการ การเปลีย่ นแปลง เปลย่ี นแปลง

เปล่ยี นแปลง

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 2 ชว่ั โมง
เวลา 5 ชว่ั โมง
• แผนท่ี 1 : โครงสรา้ งของโลก
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนที่ 2 : การเปล่ยี นแปลงของโลก
วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 304

• แผนท่ี 3 : กระบวนการเกดิ ดิน เวลา 2 ชั่วโมง

วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนที่ 4 : สมบตั ิของดนิ เวลา 2 ชัว่ โมง

วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 5 : ชน้ั หนา้ ตดั ดนิ และการปรับปรุงคณุ ภาพของดิน เวลา 2

ชวั่ โมง

วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 6 : แหล่งน้ำ เวลา 4 ชั่วโมง

วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนที่ 7 : การใช้ประโยชนแ์ ละการอนุรักษแ์ หลง่ น้ำ เวลา 1 ชว่ั โมง

วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 8 : ภัยพิบตั จิ ากนำ้ เวลา 2 ชว่ั โมง

วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนที่ 9 : ถ่านหิน เวลา 2 ชวั่ โมง

วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนที่ 10 : หินนำ้ มนั และปิโตรเลยี ม เวลา 3 ชั่วโมง

วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 11 : ผลกระทบจากการใชเ้ ช้อื เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ เวลา 1 ชว่ั โมง

วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนที่ 12 : พลังงานทดแทน เวลา 3 ชัว่ โมง

วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

(รวมเวลา 29 ชว่ั โมง)

8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สือ่ การเรยี นรู้

1) หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โลกและการเปลยี่ นแปลง

2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง

3) ใบความรู้ เร่ือง มลพิษในดิน

4) ใบความรู้ เร่อื ง ประวตั แิ ม่น้ำเจ้าพระยา

5) ใบความรู้ เรอ่ื ง บ่อนำ้ ร้อนรักษะวารนิ

6) ใบความรู้ เรอ่ื ง หนิ น้ำมนั

7) วัสดุอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแบบจำลองโครงสรา้ งของโลก

8) วสั ดุอุปกรณ์ท่ใี ช้ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมจำลองการผพุ ังอยู่กับท่ีของหินเนอ่ื งจากนำ้ เปน็ ปจั จยั

9) วสั ดอุ ุปกรณท์ ่ใี ชใ้ นการปฏิบตั กิ ิจกรรมจำลองการกร่อน การพดั พา และการสะสมตวั ของตะกอน

10) วสั ดอุ ปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตรวจวดั สมบัตขิ องดิน

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 305

11) วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแบบจำลองช้นั หนา้ ตัดดนิ
12) วัสดุอุปกรณท์ ่ีใช้ในการปฏิบัติกจิ กรรมจำลองการเกดิ และปจั จัยในการเกิดนำ้ ผวิ ดิน
13) วัสดุอุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏบิ ตั ิกิจกรรมจำลองการเกดิ และปจั จัยในการเกิดนำ้ ใต้ดนิ
14) วัสดอุ ปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการปฏบิ ัติกจิ กรรมจำลองการกัดเซาะชายฝ่งั
15) วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่ีใช้ในการปฏบิ ัติกจิ กรรม Fun Science Activity เรอ่ื ง หนิ งอก หนิ ย้อย
16) PowerPoint เรอื่ ง โครงสร้างของโลก
17) PowerPoint เรอ่ื ง การเปลย่ี นแปลงของโลก
18) PowerPoint เร่ือง กระบวนการเกิดดิน
19) PowerPoint เรื่อง สมบตั ขิ องดิน
20) PowerPoint เร่อื ง ชั้นหนา้ ตัดดินและการปรับปรุงคณุ ภาพของดิน
21) PowerPoint เรอ่ื ง แหลง่ น้ำ
22) PowerPoint เรอ่ื ง การใช้ประโยชน์และการอนรุ ักษแ์ หล่งนำ้
23) PowerPoint เรื่อง ภยั พิบตั จิ ากน้ำ
24) PowerPoint เรอ่ื ง ถา่ นหนิ
25) PowerPoint เรอ่ื ง หินน้ำมนั และปโิ ตรเลียม
26) PowerPoint เรอ่ื ง ผลกระทบจากการใชเ้ ช้อื เพลิงซากดึกดำบรรพ์
27) PowerPoint เรอ่ื ง พลงั งานทดแทน
28) ไข่ไก่
29) บตั รภาพสถานท่ีตามธรรมชาติ
30) บตั รภาพแหลง่ น้ำต่าง ๆ เช่น นำ้ ตก ทะเล แม่น้ำ
31) บตั รภาพหินน้ำมนั
32) บตั รภาพการคมนาคมรูปแบบตา่ ง ๆ
33) สลากอักษรภาษาอังกฤษ
34) อปุ กรณ์สาธติ การทดลอง เช่น บกี เกอร์ บัวรดนำ้ ทราย หนิ และดิน
35) QR Code เรอื่ ง การเกดิ น้ำบาดาล
36) QR Code เรือ่ ง การเกดิ ถา่ นหนิ
37) วดี ิทัศน์เกยี่ วกับสมบตั ิของดนิ จาก https://www.youtube.com/watch?v=E8ZDQoDDkeo
38) วดี ิทศั นเ์ ก่ียวกบั การสำรวจหนา้ ตัดข้างของดิน

จาก https://www.youtube.com/watch?v=mpRtgGkkftk
39) วดี ทิ ศั น์เกี่ยวกับภยั พิบตั ิจากนำ้ จาก https://www.youtube.com/watch?v=g9OdSm9l008
40) วดี ทิ ศั น์เกี่ยวกบั กำเนดิ ถ่านหิน

จาก https://www.youtube.com/watch?reload=9&time_continue=1&v=UFrgeOgimOc
41) วดี ทิ ัศนเ์ กยี่ วกับหนิ น้ำมัน จาก https://www.youtube.com/watch?v=sjlhe1qt89Q
42) วดี ิทศั นเ์ ก่ียวกับปรากฏการณเ์ รือนกระจก

จาก https://www.youtube.com/watch?v=jUkWypOxKbM
43) วีดิทศั นเ์ กย่ี วกบั พลงั งาน จาก https://www.youtube.com/watch?v=OXqN_b4sqLI

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 306

44) สมุดประจำตัวนักเรยี น
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 307

แบบทดสอบก่อนเรยี น

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6

คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. โครงสร้างโลกแบง่ ตามองค์ประกอบทางเคมีได้เป็น 6. ขอ้ ใดไมใ่ ช่น้ำใตด้ ิน

กีช่ ัน้ 1. นำ้ ทไ่ี หลไปตามร่องคนั ดนิ
2. นำ้ ทีอ่ ยตู่ ามช่องว่างของเม็ดดิน
1. 1 ชน้ั 3. น้ำทีอ่ ยูร่ ะหวา่ งรพู รุนระหวา่ งชนั้ หนิ
2. 3 ชั้น 4. นำ้ ที่ซมึ ไปตามรอยแตกของหินลงไป
3. 4 ช้นั
4. 5 ชัน้ ใต้ดนิ
2. ขอ้ ใดไม่ใชส่ าเหตทุ ่ีทำใหโ้ ลกมีภูมลิ ักษณท์ แ่ี ตกตา่ ง 7. ถ่านหนิ ประเภทใดทีมีความช้นื ต่ำทส่ี ุด

กนั 1. พตี
2. ลกิ ไนต์
1. การกร่อน 3. บิทมู นิ ัส
2. การพัดพา 4. แอนทราไซต์
3. การตกตะตอน 8. ขอ้ เปน็ ส่วนประกอบในหนิ น้ำมัน
4. การผพุ ังอย่กู บั ที่
3. ข้อใดเป็นสาเหตุใหเ้ กดิ หนิ งอกหนิ ย้อย 1. เคโรเจน
2. ฮาโลเจน
1. ลาวา 3. ออกซเิ จน
2. ฝนกรด 4. ไนโตรเจน
3. ภเู ขาไฟระเบิด 9. ก่อนนำน้ำมนั ดบิ ไปใชป้ ระโยชนต์ อ้ งผา่ น
4. ความร้อนใต้พิภพ
4. ข้อใดเป็นกระบวนการท่ีทำให้เกดิ ดนิ ดอน กระบวนการใด

สามเหลยี่ มปากแมน่ ้ำ 1. การสกดั
2. การกลนั่
1. การกร่อน 3. การกรอง
2. การละลาย 4. การระเหย
3. การผพุ งั อยู่กับที่ 10. ขอ้ ใดเป็นผลกระทบทีเ่ กิดขนึ้ จากการเผาไหม้
4. การพัดพาและสะสมตัวของตะกอน
5. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้องเก่ียวกับฮวิ มสั เช้อื เพลงิ ซากดึกดำบรรพม์ ากทส่ี ดุ

1. เกิดจากหนิ ทผ่ี ุพังอยู่กบั ที่ 1. ภยั แล้ง
2. เกิดจากมลู สัตวท์ สี่ ะสมอยู่ใต้ดิน 2. ภาวะโลกรอ้ น
3. เกิดจากพชื และสตั วท์ ่ตี ายและทับถมกนั 3. น้ำทว่ มฉับพลัน
4. เกดิ จากหนิ ที่ถูกน้ำพัดพาและสะสมกันบริเวณ 4. น้ำปา่ ไหลหลาก

หนง่ึ

เฉลย 1. 2 2. 3 แผ3น.ก2ารจดั การเ4ร.ยี 4นรู้ รายวชิ 5า.ว3ิทยาศาสต6ร์.41(ว221072.)1ระดบั ชน้ั ม8ัธ.ยม1ศกึ ษาปที 9่ี .22 | หนา้ 3100.82

แบบทดสอบหลังเรียน

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6

คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ธาตซุ ลิ คิ อนเป็นองค์ประกอบภายในโลกช้นั ใด 6. น้ำใตด้ ินแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื ข้อใด

1. เนอื้ โลก แก่นโลก 1. นำ้ ในดนิ และนำ้ ใต้ดนิ
2. เปลือกโลก เน้อื โลก 2. นำ้ ผิวดินและนำ้ ใต้ดนิ
3. เปลือกโลก แก่นโลก 3. นำ้ ผวิ ดินและน้ำบาดาล
4. เปลือกโลก เนอื้ โลก แก่นโลก 4. น้ำในดินและนำ้ บาดาล
2. ข้อใดไม่สาเหตทุ ่ีทำใหห้ นิ เกิดการผุพงั อยู่กับที่ 7. ถ่านหินประเภทใดที่ให้ปริมาณความร้อนสูงสดุ

1. นำ้ 1. พตี
2. ลม 2. ลิกไนต์
3. ตน้ ไม้ 3. บทิ ูมนิ สั
4. อณุ หภูมิ 4. แอนทราไซต์
3. ขอ้ ใดเป็นปฏิกิรยิ าเคมที ่ีทำใหเ้ กดิ หนิ งอกหนิ 8. ขอ้ เป็นสว่ นประกอบในหนิ น้ำมนั

ย้อย 1. เคโรเจน
2. ฮาโลเจน
1. H2O + MgO → MgOH 3. ออกซิเจน
2. H2O + CaO → CaOH 4. ไนโตรเจน
3. H2CO3 + CaCO3 → Ca(HCO3)2 9. ผลติ ภัณฑ์ท่ีได้จากการกล่ันน้ำมันดบิ เมื่อใช้
4. H2CO3 + MgCO3 → Mg(HCO3)2
4. ช้นั หินต้นกำเนดิ ผพุ ังทลายลงเป็นเศษหนิ ท่ีมี ความร้อนสูงท่ีสดุ

ลกั ษณะเปน็ ก้อนอยใู่ นชน้ั หนา้ ตัดของดนิ ช้ันใด 1. ยางมะตอย
2. น้ำมันหลอ่ ลื่น
1. ชน้ั O 3. น้ำมันเช้อื เพลงิ ในรถยนต์
2. ชัน้ A 4. น้ำมนั ดีเซล สำหรับเคร่ืองยนตห์ นกั
3. ช้นั B 10. ข้อใดคือความแตกต่างระหวา่ งพลงั งานทีไ่ ด้
4. ชน้ั C
5. ขอ้ ใดไม่ใชก่ ระบวนการทท่ี ำให้เกดิ ร่องนำ้ จาก การเผาไหม้เช้ือเพลงิ ซากดึกดำบรรพก์ ับ

1. การพดั พา พลังงานทดแทน
2. การกดั เซาะ
3. การผพุ งั อยกู่ ับที่ 1. การนำกลับมาใชใ้ หม่
4. การสะสมตัวของตะกอน 2. การนำไปใชป้ ระโยชน์
3. ปริมาณความร้อนท่ีให้
4. ไม่มีข้อใดกลา่ วถูกต้อง

เฉลย 1. 2 2. 2 3. 3 4. 4 5. 3 6. 4 7. 1 8. 1 9. 1 10. 1

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 309

แบบประเมินชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมินผลงานแผนผงั มโนทศั น์

คำช้แี จง : ใหผ้ ูส้ อนประเมนิ ผลงาน/ชน้ิ งานของนักเรยี นตามรายการท่ีกำหนด แลว้ ขีด ✓ลงในช่องท่ีตรงกบั

ระดบั คะแนน

ลำดบั รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ
ท่ี 4 3 21

1 ความสอดคล้องกับจดุ ประสงคท์ ่ี
กำหนด

2 ความถูกต้องของเนอื้ หา

3 ความคิดสรา้ งสรรค์

4 ความเปน็ ระเบยี บ

รวม

ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ
............../................./................

เกณฑ์ประเมนิ แผนผังมโนทศั น์

ประเด็นท่ปี ระเมนิ ระดบั คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4321
จดุ ประสงคท์ ่ี
กำหนด ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานไมส่ อดคล้อง

2. ผลงานมคี วาม จดุ ประสงคท์ ุก จุดประสงคเ์ ปน็ สว่ น จุดประสงคบ์ าง กับจดุ ประสงค์
ถูกต้องของ
เน้ือหา ประเดน็ ใหญ่ ประเดน็

3. ผลงานมี เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เน้ือหาสาระของ เน้อื หาสาระของ
ความคิด
สร้างสรรค์ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ต้องเป็น ผลงานถกู ต้องเป็น ผลงานไม่ถูกตอ้ งเป็น

ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเด็น สว่ นใหญ่

ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมีแนวคดิ ผลงานมคี วาม ผลงานไมแ่ สดง

ความคดิ สร้างสรรค์ แปลกใหม่แต่ยงั ไม่ น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี แนวคิดใหม่

แปลกใหมแ่ ละเปน็ เป็นระบบ แนวคิดแปลกใหม่

ระบบ

4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเป็น ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมคี วามเป็น ผลงานสว่ นใหญไ่ ม่

เป็น ระเบียบ ระเบยี บแสดงออกถงึ ความเปน็ ระเบยี บแต่ ระเบยี บแตม่ ี เปน็ ระเบียบและมีข้อ

ความประณตี ข้อบกพร่องบางส่วน บกพร่องมาก

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 310

ยงั มี
ขอ้ บกพร่องเลก็ น้อย

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14-16 ดมี าก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตำ่ กว่า 7 ปรับปรงุ

แบบประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรม

คำชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมของนักเรียนตามรายการท่ีกำหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รง
กับระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
32

1 การปฏิบตั กิ ารทำกิจกรรม
2 ความคล่องแคลว่ ในขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรุปและนำเสนอผลการทำกิจกรรม

รวม

ลงชอื่ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
................./................../..................

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 311

เกณฑ์การประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

ประเดน็ ท่ี ระดบั คะแนน
ประเมนิ
7.การปฏิบตั ิ 4321
กิจกรรม
ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ตอ้ งให้ความ ต้องให้ความ
8.ความ ขน้ั ตอน และใช้ ข้นั ตอน และใช้
คล่องแคลว่ อปุ กรณ์ได้อย่าง อปุ กรณ์ได้อย่าง ชว่ ยเหลือบ้างในการ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
ในขณะ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่อาจต้อง
ปฏบิ ตั ิ ไดร้ บั คำแนะนำบ้าง ทำกจิ กรรม และการ ในการทำกิจกรรม
กิจกรรม
ใช้อุปกรณ์ และการใช้อุปกรณ์
9.การบนั ทึก
สรุปและ มคี วามคล่องแคล่ว มีความคล่องแคล่ว ขาดความ ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
นำเสนอผล
การปฏบิ ตั ิ ในขณะทำกิจกรรม ในขณะทำกจิ กรรม คล่องแคลว่ ในขณะ ทนั เวลา และทำ
กิจกรรม โดยไมต่ อ้ งไดร้ บั คำ แตต่ อ้ งไดร้ ับ ทำกิจกรรมจงึ ทำ อปุ กรณ์เสียหาย
ชแี้ นะ และทำ คำแนะนำบ้าง และ กิจกรรมเสรจ็ ไม่
กิจกรรมเสร็จ ทำกจิ กรรมเสรจ็ ทนั เวลา
ทนั เวลา ทนั เวลา

บันทกึ และสรุปผล บันทึกและสรุปผล ต้องให้คำแนะนำใน ตอ้ งให้ความ

การทำกจิ กรรมได้ การทำกิจกรรมได้ การบนั ทกึ สรปุ และ ชว่ ยเหลอื อยา่ งมาก
ถกู ต้อง รัดกุม ถกู ต้อง แตก่ าร
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการทำ ในการบันทึก สรุป

กจิ กรรม และนำเสนอผลการ

กจิ กรรมเป็นขั้นตอน กจิ กรรมยงั ไมเ่ ป็น ทำกิจกรรม
ชัดเจน ขัน้ ตอน

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

10-12 ดมี าก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรับปรุง

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 312

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน

3 21

1 ความถกู ต้องของเน้ือหา  

2 ความคิดสรา้ งสรรค์  

3 วธิ กี ารนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใชป้ ระโยชน์  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผ้ปู ระเมิน
............/................./...................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 313

14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10
ตำ่ กวา่ 8 พอใช้
ปรับปรุง

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล

คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน

3 21

1 การแสดงความคิดเห็น  

2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อนื่  

3 การทำงานตามหนา้ ที่ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย  

4 ความมีน้ำใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมิน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................

ให้ 3 คะแนน

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 314

ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรับปรงุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดบั ที่ ช่ือ–สกลุ การ ความมี การมี รวม
ของนกั เรียน การแสดง การ ทำงาน น้ำใจ ส่วนร่วม 15
ในการ คะแนน
ความ ยอมรบั ฟงั ตามที่ ปรับปรงุ
คิดเหน็ คนอ่นื ไดร้ บั ผลงาน

มอบหมาย กลมุ่

321321321321321

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 315

เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผ้ปู ระเมิน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรับปรุง

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้

กษัตรยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมที่สรา้ งความสามคั คีปรองดอง

และเป็นประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติ

ตามหลกั ศาสนา

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 316

2. ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต 1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่เี กยี่ วกบั สถาบันพระมหากษตั ริย์
ตามท่ีโรงเรียนจัดขึน้
3. มีวินยั
รบั ผดิ ชอบ 2.1 ให้ข้อมูลท่ถี ูกต้องและเป็นจรงิ
2.2 ปฏิบัติในส่ิงที่ถูกตอ้ ง
4. ใฝ่เรยี นรู้ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของ

5. อยูอ่ ย่าง ครอบครวั
พอเพยี ง มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ใน
ชวี ติ ประจำวนั
6. มุง่ ม่นั ใน
การทำงาน 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ตั ิได้
4.2 รู้จักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม
7. รกั ความ 4.3 เชื่อฟังคำสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้
เป็นไทย 4.4 ตงั้ ใจเรยี น
5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั
8. มจี ิต 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและร้คู ุณค่า
สาธารณะ 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน
6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั

มอบหมาย
6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออปุ สรรคเพ่ือให้งาน

สำเร็จ
7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย
7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย
8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครูทำงาน
8.2 รจู้ กั การดูแลรักษาทรัพยส์ มบัตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของ

หอ้ งเรียนและโรงเรียน

ลงชอื่ .................................................. ผู้ประเมนิ
............/.................../................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ
พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ตำ่ กว่า 30 ปรบั ปรุง

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 317

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 318


Click to View FlipBook Version