14. ครสู มุ่ นกั เรยี น จำนวน 3 กลมุ่ ออกมาเขียนคำตอบของตนเองหนา้ ชนั้ เรยี น โดยใหเ้ พ่อื นใน
ชน้ั เรยี นรว่ มกันพิจารณาว่าคำตอบถูกต้องหรอื ไม่ จากน้ันครูเฉลยคำตอบทถี่ ูกต้องใหน้ ักเรียน
ชว่ั โมงท่ี 3
ขนั้ สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
15. นักเรียนแตล่ ะคนเขียนสรุปความร้เู กี่ยวกบั เรื่อง เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย เชน่ คาน ลม่ิ รอก พื้นเอียง
สกรู ลอ้ และเพลา ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น ซึง่ มหี ัวขอ้ ประกอบดว้ ย
• อุปกรณ์มลี กั ษณะอยา่ งไร
• วตั ถุประสงค์ในการใช้
• ตวั อย่างอุปกรณ์ท่ีใช้หลักการของเคร่อื งมอื กลท่นี ำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการรายบุคคล)
ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
16. ครสู มุ่ นกั เรยี น จำนวน 6 คน ออกมานำเสนอข้อมลู ท่ีตนเองสรุปความรเู้ กย่ี วกบั เร่อื ง เครือ่ งกล
อย่างง่าย ดังนี้
• คนท่ี 1 สรปุ เรื่อง คาน
• คนท่ี 2 สรุป เรื่อง ลม่ิ
• คนที่ 3 สรุป เรื่อง รอก
• คนท่ี 4 สรปุ เรอื่ ง พน้ื เอยี ง
• คนที่ 5 สรปุ เรือ่ ง สกรู
• คนที่ 6 สรปุ เรื่อง ลอ้ และเพลา
17. นักเรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายและสรปุ เก่ียวกับ เร่ือง เคร่อื งกลอย่างง่าย ซงึ่ ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังน้ี
1) คาน เปน็ เคร่ืองกลท่ีมีลกั ษณะเป็นท่อนยาว มีจดุ หมนุ เพ่ือทวีแรงเชงิ กล ชว่ ยผ่อนแรงใน
การทำงาน ตัวอย่างเช่น กรรไกร รถเขน็ ทราย ตะเกยี บ
2) ล่มิ เปน็ เคร่ืองกลทีม่ ีรูปร่างสามเหลี่ยม ใชต้ อกลงในเนื้อวตั ถุเพือ่ ยึด หรือแยกวตั ถใุ ห้ออก
จากกัน ตวั อย่างเช่น ขวาน มีด ส้อม
3) รอก เปน็ เคร่ืองกลที่มีลักษณะเปน็ ล้อและมีเชือกพาด ช่วยอำนวยความสะดวกในการ
เคลอื่ นยา้ ยสงิ่ ของ ตัวอย่างเช่น รอกเดี่ยวที่พบในไซต์งานกอ่ สร้าง กว้านตักนำ้ จากบอ่
4) พืน้ เอียง เปน็ เครอ่ื งกลท่ีมีลกั ษณะเปน็ ทางลาด หรือเป็นไมก้ ระดาน ผวิ เรียบ ใชเ้ คลื่อนย้าย
วตั ถุจากทสี่ งู หรอื เคล่อื นวัตถุทม่ี นี ำ้ หนักมาก ตัวอย่างเช่น พืน้ เอยี ง บันได
5) สกรู เป็นเคร่อื งกลทีม่ ีลักษณะใชห้ มนุ เพื่อยึดวัตถุ มีหลกั การทำงานคล้ายกับพื้นเอยี ง
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 135
ตวั อย่างเช่น ปากกาจบั ช้นิ งาน นอต
6) ล้อและเพลา เป็นเครื่องกลทปี่ ระกอบดว้ ยทรงกระบอก 2 อันติดกัน อันใหญ่เรียกว่า ล้อ
อันเลก็ เรยี กวา่ เพลา ช่วยผอ่ นแรงในการเคล่ือนย้ายวตั ถุ ตวั อย่างเชน่ ลูกบิดประตู จกั รยาน
ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
18. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซักถามเนื้อหาเก่ียวกบั เร่อื ง เครอื่ งกลอยา่ งง่าย และให้ความรเู้ พ่มิ เติม
จากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง เครอื่ งกลอย่างงา่ ย ในการอธิบายเพิ่มเติม
19. นกั เรียนทำ Topic Question เรื่อง งานและกำลงั และเครื่องกลอย่างงา่ ย จากหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
20. นักเรยี นแต่ละคนทำแบบฝกึ หดั เร่อื ง เคร่ืองกลอย่างงา่ ย จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
ข้ันสรปุ
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ ช้นั เรียน
2. ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นก่อนเขา้ สกู่ ิจกรรมการเรยี นการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมุดประจำตัวนักเรยี น
3. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 5.2.1 เร่ือง เครื่องกลอย่างง่าย
4. ครตู รวจ Topic Question เรอ่ื ง งานและกำลัง และเครอ่ื งกลอย่างงา่ ย ในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
5. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรื่อง เครอื่ งกลอย่างง่าย จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
6. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปเกย่ี วกบั เคร่ืองกลอย่างง่าย ซ่ึงไดข้ ้อสรปุ ร่วมกนั วา่ “เครือ่ งกลอย่างงา่ ย
เปน็ เครอ่ื งมือทช่ี ่วยผ่อนแรงและช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยเคร่ืองกลอยา่ งง่าย
มี 6 ประเภท ได้แก่ คาน รอก พืน้ เอยี ง สกรู ล่ิม ลอ้ และเพลา”
7. การวดั และประเมินผล
รายการวดั วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 ประเมนิ ระหว่าง
การจดั กจิ กรรม
การเรียนรู้
1) เคร่อื งกลอย่างง่าย - ตรวจใบงานที่ 5.2.1 - ใบงานท่ี 5.2.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เล่ม 2
เล่ม 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 136
รายการวัด วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2
นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน
- แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม
- แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
อนั พึงประสงค์
5) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี ินยั
อนั พงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
และมงุ่ มั่นในการ
ทำงาน
8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 งานและพลังงาน
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 5 งานและพลังงาน
3) ใบงานท่ี 5.2.1 เร่อื ง เครอ่ื งกลอยา่ งง่าย
4) PowerPoint เร่ือง เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย
5) บตั รภาพอุปกรณต์ า่ ง ๆ
6) สมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) อนิ เทอรเ์ นต็
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 137
ใบงานท่ี 5.2.1
เรือ่ ง เครอ่ื งกลอย่างงา่ ย
คำชี้แจง : จงพจิ ารณาอุปกรณจ์ ากบตั รภาพที่ครนู ำมาแสดงหน้าชั้นเรียน แลว้ เติมช่ืออุปกรณ์ ประเภท
เครือ่ งกลอย่างง่าย และหลกั การทำงาน ให้ตรงกับตารางท่ีกำหนดให้
อุปกรณจ์ าก ประเภทเครอ่ื งกล หลกั การทำงาน
บัตรภาพ อย่างง่าย
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 138
ใบงานที่ 5.2.1 เฉลย
เรื่อง เคร่อื งกลอยา่ งง่าย
คำช้แี จง : จงพจิ ารณาอปุ กรณจ์ ากบตั รภาพที่ครูนำมาแสดงหน้าชนั้ เรียน แลว้ เติมชือ่ อปุ กรณ์ ประเภท
เครอ่ื งกลอยา่ งงา่ ย และหลักการทำงาน ให้ตรงกบั ตารางทก่ี ำหนดให้
อุปกรณ์จาก ประเภทเครือ่ งกล หลักการทำงาน
บตั รภาพ อยา่ งงา่ ย
กรรไกร คาน • มีจุดหมุนเพื่อทวีแรงเชิงกล ซึ่งแบ่งคานออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
คานประเภทที่ 1 มีจุดหมุนอยู่แรงพยายามกับแรงต้านทาน
ขวาน ลิ่ม คานประเภทที่ 2 แรงต้านทานอยู่ระหว่างจุดหมุนกับแรงพยายาม
รอกเดย่ี ว รอก คานทั้งสองประเภทจึงช่วยผ่อนแรง ส่วนคานประเภทที่ 3
แรงพยายามอยรู่ ะหวา่ งจุดหมุนกับแรงตา้ นทานจึงไมช่ ่วยผ่อนแรง
ลกู บิดประตู ล้อและเพลา
บันได พืน้ เอยี ง • เนื่องจากขวานทั่วไปจะมีความยาวขวานมากกว่าความกว้างของสัน
สกรู ขวาน เมื่อออกแรงกระทำจะทำให้ขวานเจาะเข้าไปในเนื้อวัตถุได้ลึก
ปากกาจบั ชว่ ยใหว้ ัตถุแยกออกจากกันได้งา่ ยมากขนึ้
ช้นิ งาน
• เม่อื ดงึ เชือกในแนวดิ่งเปน็ ระยะหนึ่ง วตั ถจุ ะเคลื่อนที่ข้ึนเป็นระยะทาง
ครง่ึ หนงึ่ ของระยะท่ีดึงเชอื ก
• ลูกบิดทำหน้าที่เป็นล้อ และแกนลูกบิดทำหน้าที่เป็นเพลา เมื่อหมุน
ลูกบินจะทำให้เพลาที่มีรัศมีมากกว่าบิดไปด้วย ช่วยเพิ่มแรงบิดให้
มากข้ึน
• ชว่ ยเคล่อื นย้ายวตั ถุจากท่ีสงู หรอื เคลื่อนย้ายจากที่ต่ำไปยังที่สูงได้ง่าย
มากขึน้
• เมื่อหมุนสกรูให้เคลื่อนที่เป็นวงกลม จะช่วยให้ปากกายึดวัตถุได้มาก
ข้ึน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 139
บตั รภาพอปุ กรณต์ ่าง ๆ
กรรไกร
ขวาน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 140
รอกเดี่ยว
ลูกบิดประตู
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 141
บันได
ปากกาจบั ช้ินงาน
คอ้ น
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 142
คีมตดั ลวด
รถเข็น
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 143
ไมก้ วาด
พล่ัว
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 144
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 145
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 146
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22102 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 งานและพลังงาน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เวลาเรียน 3 ช่วั โมง
เรื่อง พลังงาน ผสู้ อน นางสาวจิตติญาภรณ์ สร้างพล
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด
ว 2.3 ม.2/4 ออกแบบและทดลองดว้ ยวธิ ที เี่ หมาะสมในการอธิบายปจั จัยทมี่ ผี ลต่อพลงั งานจลน์
และพลังงานศกั ยโ์ นม้ ถ่วง
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายของพลังงานจลน์ และพลงั งานศักย์โนม้ ถว่ งได้ (K)
2. อธบิ ายปัจจยั ที่มผี ลตอ่ พลังงานจลน์ และพลงั งานศกั ยโ์ น้มถว่ งได้ (K)
3. เปรียบเทียบพลงั งานสะสมในวตั ถทุ ม่ี มี วลและความสูงแตกตา่ งกนั ได้ (P)
4. ปฏิบัติกิจกรรมปจั จยั ทม่ี ีผลต่อพลังงานจลน์ และพลงั งานศักย์โน้มถ่วงไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P)
5. ตระหนักถึงประโยชน์และนำหลักการของเคร่ืองกลอยา่ งง่ายมาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• พลังงานจลน์เป็นพลังงานของวัตถุที่เคลื่อนที่
พลังงานจลน์จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นกับมวลและ
อัตราเร็ว ส่วนพลังงานศักย์โน้มถ่วงเกี่ยวข้องกับ
ตำแหน่งของวัตถุ จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นกับมวล
และตำแหน่งของวัตถุ เมื่อวัตถุอยู่ในสนามโน้มถ่วง
วัตถุจะมีพลังงานศักย์โน้มถ่วง พลังงานจลน์และ
พลังงานศกั ย์โนม้ ถว่ งเป็นพลงั งานกล
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
พลังงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พลังงานจลน์เป็นพลังงานที่สะสมอยู่ในวัตถุที่เคลื่อนที่
ซึ่งมีมวลและอัตราเร็วเป็นปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานจลน์ ถ้าอัตราเร็วของวัตถุทั้งสองเท่ากัน วัตถุที่มีมวล
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 147
มากกวา่ จะมีพลังงานจลน์มากกว่า และถ้ามวลของวัตถุทั้งสองเท่ากนั วัตถุทเ่ี คลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วที่มากกว่า
จะมีพลังงานจลนม์ ากกวา่ และพลงั งานศกั ยโ์ น้มถ่วงเป็นพลงั งานท่สี ะสมอยใู่ นวัตถทุ ่ีอยสู่ ูงจากพน้ื ผวิ โลก ซึ่งมี
มวลและอัตราเร็วเป็นปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานศักย์โน้มถ่วง ถ้าวัตถุทั้งสองอยู่ในระดับ
ความสูงที่เท่ากัน วัตถุที่มีมวลมากกว่าจะมีพลังงานศักย์โน้มถ่วงมากกว่า และถ้ามวลของวัตถุทั้งสองเท่ากัน
วัตถทุ อ่ี ยู่ในระดบั ความสูงทมี่ ากกว่าจะมีพลงั งานศักย์โน้มถ่วงที่มากกวา่
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ซ่อื สัตย์ สุจริต
1) ทกั ษะการสังเกต 4. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
2) ทกั ษะการระบุ
3) ทกั ษะการทดลอง
4) ทกั ษะการตง้ั สมมติฐาน
5) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน
6) ทักษะการนำความร้ไู ปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงท่ี 1
ข้นั นำ
ข้ันท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 148
1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนเกย่ี วกับ เร่ือง งาน จากน้ันครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้
ใหน้ กั เรียนทราบ
2. ครนู ำบตั รภาพน้ำตก มาใหน้ ักเรียนดู จากนนั้ ครสู นทนากบั นกั เรยี นวา่ “น้ำตกมีพลังงานใดสะสม
อยู่บา้ ง จงึ ทำใหน้ ำ้ ตกไหลลงจากที่สูงดว้ ยความเรว็ และแรง” โดยใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อภิปรายแสดง
ความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มกี ารเฉลยว่าถกู หรือผดิ
3. นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยบันทึกลงใน
สมุดประจำตัวนักเรียน
4. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 เพือ่ เป็นการนำเข้าสู่
บทเรยี นวา่ “หลักการของงานสัมพันธก์ บั พลังงานอยา่ งไร”
(แนวตอบ : พลงั งานเปน็ สิง่ ที่บง่ บอกถึงความสามารถในการทำงานได้ของวตั ถุ สง่ ผลใหว้ ัตถุ
เปลี่ยนแปลงสภาพการเคลอ่ื นท่ี เปลีย่ นสถานะ)
ขั้นสอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครนู ำอุปกรณส์ าธติ การทดลอง เชน่ ลูกบอลยาง และขวดน้ำ จากนัน้ ครูขออาสาสมัครนักเรยี น
จำนวน 2 คน ออกมาหนา้ ชั้นเรียน โดยใหต้ วั แทนนักเรยี นขว้างลูกบอลยางใส่ขวดนำ้ ทต่ี งั้ อยู่
บนโตะ๊
• คนท่ี 1 ขวา้ งลกู บอลยางโดนขวดนำ้ พอดี โดยทขี่ วดนำ้ ไม่ล้ม
• คนท่ี 2 ขวา้ งลกู บอลยางโดนขวดน้ำ โดยที่ขวดนำ้ ล้มหรือกระเด็น
2. ครูตั้งประเดน็ คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี นวา่ “ทำไมขวดน้ำในกรณีของคนท่ี 2 ขวา้ วลูกบอลยาง
ขวดนำ้ ถึงลม้ ” โดยใหน้ ักเรยี นร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่า
ถูกหรือผิด
(แนวตอบ : เพราะพลงั งานทีเ่ กดิ จากการเคลื่อนทขี่ องลูกเทนนสิ มมี ากพอท่ีจะทำใหข้ วดน้ำด่มื ล้ม
หรอื กระเดน็ ได้ ซึ่งพลังงานทเ่ี กดิ จากเคล่อื นที่ของลูกเทนนิสนัน้ เปน็ พลังงานจลน์)
3. นักเรียนจับคูก่ บั เพื่อนในชั้นเรยี น ตามความสมัครใจ จากน้ันให้นักเรียนแตล่ ะคู่รว่ มกันศึกษา
ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง ความหมาย และประเภทของพลงั งาน จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 หรือแหลง่ การเรียนรูต้ า่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เน็ต
4. นกั เรยี นแตล่ ะคู่รว่ มกันอภิปรายเรื่องท่ีได้ศึกษา จากนั้นใหน้ ักเรยี นแต่ละคนเขยี นสรุปความรู้ทไ่ี ด้
จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตวั นกั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
5. ครสู ุ่มนักเรยี น จำนวน 3 คน ออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ช้นั เรยี น ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพื่อใหน้ ักเรยี นมีความเข้าใจทถ่ี กู ตอ้ ง
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 149
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
6. นกั เรยี นแตล่ ะคนเปรียบเทียบพลงั งานท่สี ะสมอยใู่ นวัตถุ โดยครเู ขยี นบนกระดานใหน้ ักเรียนดู
จากนนั้ ให้นักเรยี นบันทึกลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น ดังน้ี
• มวล A และมวล B มีขนาดเท่ากัน มวล A เคล่อื นที่เร็วกว่ามวล B จงเปรียบเทยี บพลังงานจลน์ใน
วตั ถมุ วล A และมวล B
• มวล A มีขนาดใหญ่กว่า มวล B เคลือ่ นทเ่ี รว็ เท่ากัน จงเปรยี บเทียบพลงั งานงานจลน์ในวตั ถุมวล A
และ มวล B
• มวล A และมวล B มีขนาดเทา่ กัน แต่มวล A อยูส่ ูงกว่า มวล B จงเปรียบเทียบพลังงานศักยโ์ น้มถว่ ง
• มวล A มขี นาดใหญ่กวา่ มวล B ซึ่งมวล A และมวล B อยสู่ ูงในระดับเทา่ กนั จงเปรยี บเทียบ
พลงั งานศักยโ์ นม้ ถ่วง
7. ครูสมุ่ นกั เรยี น จำนวน 6 คน ออกมาหนา้ ชน้ั เรียน โดยให้ยกตัวอย่างประเภทของพลังงานตา่ ง ๆ
ทพ่ี บเห็นในชีวิตประจำวัน ดังน้ี
• คนที่ 1-2 ยกตวั อยา่ งพลังงานจลน์
• คนท่ี 3-4 ยกตวั อยา่ งพลงั งานศักยโ์ น้มถ่วง
• คนท่ี 5-6 ยกตัวอย่างพลงั งานศักย์ยืดหยนุ่
ชัว่ โมงท่ี 2
ขน้ั สอน
ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
8. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนเกย่ี วกบั เรื่อง พลังงาน จากนน้ั ครูตงั้ ประเดน็ คำถามกระต้นุ
ความสนใจนักเรยี น โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ เพือ่ หาคำตอบ ดงั นี้
• พลงั งานกล แบ่งออกเปน็ กีป่ ระเภท อะไรบ้าง
(แนวตอบ : พลังงานกล แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ พลังงานจลน์ และพลังงานศักย์)
• ปจั จยั ใดบ้างทมี่ ผี ลต่อพลังงานศักย์โน้มถ่วง
(แนวตอบ : มวลของวัตถุ และความสงู )
9. นักเรียนนบั จำนวน 1-6 วนไปเร่ือย ๆ จนครบทุกคน เพ่ือแบง่ กลุ่มนักเรยี นออกเป็นกลุ่ม
กลุ่มละ 6 คน โดยคนที่นับจำนวนเดยี วกนั ให้อยูก่ ลุ่มเดียวกัน จากนน้ั ครูแจ้งจดุ ประสงค์ของ
กิจกรรม ปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ พลังงานจลนแ์ ละพลังงานศักย์โนม้ ถว่ ง ให้นกั เรียนทราบเพ่ือเป็น
แนวทางการปฏิบัติกิจกรรมที่ถูกต้อง
10. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันศึกษากจิ กรรม ปจั จัยทมี่ ีผลตอ่ พลงั งานจลน์และพลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ ง
จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยครใู ชร้ ูปแบบการเรียนรแู้ บบรว่ มมือมาจดั
กระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชิกแต่ละคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดังนี้
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าท่ี เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการปฏิบตั ิกจิ กรรมปจั จัยที่มีผลต่อ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 150
พลงั งานจลนแ์ ละพลังงานศักยโ์ นม้ ถ่วง
• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหนา้ ที่ อ่านวิธปี ฏบิ ัตกิ ิจกรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชิกในกล่มุ ฟัง
• สมาชิกคนที่ 5-6 ทำหนา้ ที่ บันทกึ ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
หรอื แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
11. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
12. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม แลว้ อภิปรายผล
รว่ มกัน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ )
ชวั่ โมงท่ี 3
ข้นั สอน
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
13. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ ช้ันเรียน ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพือ่ ให้นักเรยี นมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
14. ครูถามคำถามท้ายกิจกรรม โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพ่อื หา
คำตอบ ดงั น้ี
• จากกจิ กรรมตอนท่ี 1 ปจั จยั ใดบ้างทีม่ ผี ลต่อระยะทางทล่ี ูกแกว้ เคลอ่ื นทไี่ ด้
(แนวตอบ : ขนาดของลกู แกว้ ระดบั ความสงู )
• จากกิจกรรมตอนที่ 2 ปัจจยั ใดบา้ งทีม่ ีผลต่อความลกึ ทล่ี กู แก้วจมลงไปในดินน้ำมนั
(แนวตอบ : ขนาดของลูกแก้ว ระดับความสงู )
15. นักเรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายผลกจิ กรรม ปจั จยั ท่ีมีผลต่อพลงั งานจลน์และพลังงานศักยโ์ น้มถว่ ง
ว่า “พลงั งานจลน์จะมคี ่ามากหรอื น้อยเมื่อวัตถุมขี นาดเท่ากัน หากเคลื่อนท่ีด้วยอัตราเรว็ ท่ีเร็วกว่า
จะมพี ลงั งานจลนม์ ากกวา่ แต่ถ้าอัตราเรว็ ของวตั ถุทเี่ คลื่อนท่มี ีขนาดเท่ากัน มวลท่ีใหญก่ วา่ จะมี
พลงั งานจลนม์ ากกว่า ส่วนพลังงานศักย์โนม้ ถว่ งจะมคี ่ามากหรอื น้อยเมื่อวตั ถุมวลมขี นาดเทา่ กัน
แต่มวลท่อี ยู่สูงกวา่ จะมีพลังงานศักยโ์ นม้ ถ่วงมากกว่า แตถ่ า้ มวลท้ังสองอย่ใู นระดบั ความสูงเท่ากนั
มวลทีม่ ขี นาดใหญก่ ว่าจะมีพลังงานศกั ยโ์ น้มถว่ งมากกวา่ ”
ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
16. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเน้อื หาเก่ียวกบั เรือ่ ง พลงั งาน และให้ความรู้เพม่ิ เติมจากคำถาม
ของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง พลงั งาน ในการอธิบายเพ่ิมเตมิ
17. นักเรยี นแตล่ ะคนสำรวจวัตถุรอบตวั ในชีวิตประจำวัน จากน้นั เปรียบเทียบและบอกพลงั งานสะสม
ทอ่ี ยู่ในวตั ถุทนี่ กั เรยี นสำรวจได้ อย่างน้อย 10 ชนิด ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งใหส้ วยงาม
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 151
18. นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝึกหดั เร่อื ง พลังงาน จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
เป็นการบ้านส่งในชวั่ โมงถดั ไป
ขั้นสรปุ
ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ ชนั้ เรยี น
2. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนกอ่ นเขา้ สู่กจิ กรรมการเรียนการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
3. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั กิ จิ กรรม ปัจจัยท่ีมีผลต่อพลงั งานจลนแ์ ละพลังงานศักย์โน้มถว่ ง
ในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น หรอื แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
4. ครูตรวจแบบฝกึ หดั เร่ือง พลงั งาน จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
5. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั พลงั งาน ซึ่งไดข้ ้อสรุปร่วมกนั วา่ “พลังงานไม่สามารถมองเหน็
ได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถรับรไู้ ด้ พลงั งานกล แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พลงั งานจลน์
เป็นพลังงานทเี่ กิดข้ึนขณะวตั ถกุ ำลงั เคล่ือนท่ีเน่ืองจากมีแรงมากระทำต่อวตั ถุ ปจั จัยท่ีมผี ลตอ่
พลังงานจลน์ คือ มวล และอัตราเรว็ และพลังงานศักย์ เป็นพลังงานทีส่ ะสมอยู่ในวตั ถุ ซง่ึ ขึน้ อยูก่ ับ
ตำแหนง่ ของวัตถุ แบง่ เป็น พลงั งานศักย์โนม้ ถว่ ง ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ พลังงานศักย์โนม้ ถ่วง คือ มวล
และตำแหน่งของวัตถุ และพลังงานศักยย์ ืดหยนุ่ เป็นพลังงานทส่ี ะสมอยู่ในวตั ถุทยี่ ืดหยนุ่ ได้”
7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวดั วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
7.1 ประเมินระหว่าง ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตวั หรือ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจดั กจิ กรรม หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
การเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
1) พลงั งาน เลม่ 2
2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ตั ิกิจกรรม หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
ปัจจัยที่มีผลต่อ วทิ ยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2
พลังงานจลนแ์ ละ เล่ม 2
พลังงานศักย์
โนม้ ถว่ ง
3) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม กิจกรรม
4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 152
รายการวัด วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม
การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 แรงและการเคลื่อนท่ี
2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนท่ี
3) วัสดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการปฏิบตั ิกิจกรรมปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ พลงั งานจลน์และพลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ ง
4) PowerPoint เร่ือง พลงั งาน
5) อปุ กรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ลกู บอลยาง และขวดน้ำ
6) บตั รภาพนำ้ ตก
7) สมุดประจำตวั นักเรยี น
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) อินเทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 153
บตั รภาพนำ้ ตก
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 154
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 155
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4
กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว22102 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 งานและพลงั งาน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เวลาเรียน 3 ชัว่ โมง
เรื่องกฎการอนุรักษ์พลังงาน ผู้สอน นางสาวจิตตญิ าภรณ์ สร้างพล
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวัด
ว 2.3 ม.2/5 แปลความหมายขอ้ มลู และอธิบายการเปลีย่ นพลงั งานระหวา่ งพลังงานศกั ยโ์ น้มถว่ ง
และพลงั งานจลน์ของวัตถโุ ดยพลงั งานกลของวัตถุมีค่าคงตัวจากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้
ว 2.3 ม.2/6 วิเคราะหส์ ถานการณแ์ ละอธบิ ายการเปลี่ยนและการถา่ ยโอนพลังงานโดยใช้
กฎการอนุรักษพ์ ลังงาน
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายการเปลีย่ นพลงั งานระหว่างพลังงานศักยโ์ น้มถ่วงและพลังงานจลน์ของวัตถุได้ (K)
2. อธิบายการเปลีย่ นและการถ่ายโอนพลังงานโดยใช้กฎการอนรุ ักษ์พลังงานได้ (K)
3. วเิ คราะห์สถานการณ์การเปล่ยี นและการถ่ายโอนพลงั งานโดยใชก้ ฎการอนุรักษ์พลงั งานได้ (P)
4. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรู้อยากเห็น และทำงานร่วมกับผอู้ ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ
สาระการเรียนรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
• ผลรวมของพลังงานศักย์โน้มถ่วงและพลงังานจลน์
เป็นพลังงานกล พลังงานศักยโ์ น้มถว่ ง และพลังงาน
จลน์ของวัตถุหนึ่ง ๆ สามารถเปลี่ยนกลับไปมาได้
โดยผลรวมของพลังงานศักย์โน้มถ่วงและพลังงาน
จลนม์ ีคา่ คงตวั น่ันคือพลงั งานกลของวตั ถุมคี า่ คงตวั
• พลังงานรวมของระบบมีค่าคงตัวซึ่งอาจเปลี่ยนจาก
พลังงานหนึ่งเป็นอีกพลังงานหนึ่ง เช่น พลังงานกล
เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานจลน์เปลี่ยนเป็น
พลังงานความร้อน พลังงานเสียง พลังงานแสง
เน่ืองมาจากแรงเสยี ดทาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 156
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่
• นอกจากนี้พลังงานยังสามารถถ่ายโอนไปยังอีก
ระบบหนึ่งหรือได้รับพลังงานจากระบบอื่นได้ เช่น
การถ่ายโอนความร้อนระหว่างสสาร การถ่ายโอน
พลังงานของการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียงไปยังผู้ฟงั
ทั้งการเปลี่ยนพลังงานและการถ่ายโอนพลังงาน
พลงั งานรวมทง้ั หมดมีค่าเท่าเดิมตามกฎการอนุรักษ์
พลงั งาน
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
พลังงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ และไม่สามารถทำให้สูญหาย หรือทำลายได้ แต่จะเกิดการ
เปลีย่ นรปู พลังงานจากรูปหน่งึ ไปเปน็ อกี รปู หนงึ่ ได้แก่
- พลังงานศกั ย์โนม้ ถว่ งเปลยี่ นเป็นพลังงานจลน์ เช่น การกักเกบ็ นำ้ ไวใ้ นทส่ี ูง
- พลังงานจลน์เปลย่ี นเปน็ พลงั งานความร้อน เชน่ การทำงานของเครอ่ื งจกั รในอุตสาหกรรม
- พลังงานจลนเ์ ปลย่ี นเป็นพลังงานไฟฟา้ เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลงั งานนำ้
- พลังงานแสงเปลย่ี นเปน็ พลงั งานเคมี เช่น การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช
- พลังงานเคมเี ปลีย่ นเป็นพลงั งานความรอ้ นและแสง เชน่ การเผาซากเชอ้ื เพลิงดกึ ดำบรรพ์
- พลังงานเคมเี ปลีย่ นเปน็ พลงั งานท่ีใชท้ ำกจิ กรรม เช่น การเผาผลาญอาหารในรา่ งกายมนุษย์และสตั ว์
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย รบั ผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทักษะการสงั เกต 3. ซ่อื สตั ย์ สุจริต
2) ทักษะการสื่อสาร 4. มุ่งม่ันในการทำงาน
3) ทักษะการทำงานร่วมกนั
4) ทกั ษะการเช่ือมโยง
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 157
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
6) ทักษะการรวบรวมข้อมลู
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงที่ 1
ข้นั นำ
ขั้นที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนเกยี่ วกบั พลังงาน จากน้นั ครูใชค้ ำถามวา่ “พลงั งานกล
แบ่งออกเปน็ กีป่ ระเภท อะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ พลังงานจลน์และพลงั งานศกั ย์)
2. ครตู ั้งประเด็นคำถามวา่ “พลังงานมวี ันสูญหายหรือไม่ อยา่ งไร” โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละคนร่วมกนั
อภิปรายแสดงความคดิ เห็นโดยไมม่ ีการเฉลยวา่ ถูกหรอื ผดิ
ข้ันสอน
ข้นั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนในช้ันเรยี น ตามความสมัครใจ จากนนั้ ใหน้ กั เรียนแต่คู่ร่วมกันศึกษาค้นคว้า
ข้อมลู เกย่ี วกับ เร่ือง กฎการอนุรกั ษ์พลังงาน จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
หรือQR Code เรื่อง กฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน
2. นกั เรยี นแต่ละค่รู ่วมกันอภิปรายเรอื่ งที่ไดศ้ ึกษา จากน้ันใหน้ กั เรียนแต่ละคนเขยี นสรุปความรทู้ ีไ่ ด้
จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตวั นกั เรยี น เพ่ือนำส่งครูท้ายช่วั โมง
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
3. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับ เรอื่ ง กฎการอนรุ ักษ์พลังงาน ซ่งึ ได้ข้อสรุปร่วมกนั ว่า
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 158
“พลังงานไมม่ ีวันสูญหาย สามารถเปลย่ี นรูปพลังงานจากรปู หน่ึงไปเปน็ อีกรปู หนง่ึ ได้ และ
ไมส่ ามารถทำใหส้ ญู หายหรือทำลายได้ เรยี กว่า กฎการอนุรักษ์พลังงาน”
4. นกั เรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาภาพการเปลีย่ นรปู พลังงานจลนแ์ ละพลงั งานศักยโ์ นม้ ถ่วงท่ีสะสมอยู่ใน
นกั เล่นสกี จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากน้ันครตู ั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคดิ
นกั เรียนว่า “จากภาพมกี ารเปล่ียนแปลงพลังงานอยา่ งไร” โดยให้นักเรียนแต่ละคนรว่ มกัน
อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเพ่ือหาคำตอบ
(แนวตอบ : จากภาพพลงั งานศักยจ์ ะมีคา่ สูงสดุ เมอื่ อยู่จดุ สูงสุด และจะลดลงจนกระทัง่ เป็นศนู ย์
เมื่อวตั ถุถงึ พน้ื ในทางกลับกนั พลงั งานจลน์จะมีค่าเพ่ิมสูงขึ้น และสงู ที่สุดเม่ือวตั ถุตกกระทบกบั พน้ื )
5. นกั เรียนแตล่ ะคนพิจาณาภาพนกั กระโดดค้ำถ่อ จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2
จากน้นั ครถู ามคำถามท้าทายการคดิ ข้นั สูง โดยใชค้ ำถาม H.O.T.S. จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์
ม.2 เล่ม 2 ว่า “จากภาพ นกั กฬี ากระโดดค้ำถ่อมีการเปลย่ี นรูปพลงั งานอยา่ งไร” โดยครูเปดิ
โอกาสให้นักเรยี นร่วมกนั ปรึกษาและแสดงความคดิ เหน็ ใหไ้ ดค้ ำตอบ
(แนวตอบ : เร่ิมต้นท่จี ุดสตาร์ท นักกระโดดค้ำถอ่ จะวิง่ โดยถอื ไม้ค้ำด้วยความเร็วสูง พลังงานจลน์
จะเพ่มิ ข้ึนเร่อื ย ๆ เมอื่ นักกระโดดปกั ไมล้ งกับพ้ืน ตัวของนกั กฬี าจะลอยสงู ขึน้ ณ จุดน้ี พลังงาน
ศักย์โน้มถ่วงจะมีค่าเพิ่มขึ้นแต่พลังงานจลน์จะลดลง เมื่อนักกีฬาลอยขึ้นไปจุดสูงสุดพลังงาน
โนม้ ถว่ งจะมคี ่าสงู สดุ และพลังงานจลน์มีค่าเปน็ ศนู ย์ เมือ่ นกั กีฬาตกลงพลังงานจลนจ์ ะมคี ่าเพ่มิ ขน้ึ
แต่พลงั งานศกั ย์จะลดลง)
ชวั่ โมงท่ี 2
ขนั้ สอน
ขัน้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
6. ครูทบทวนความร้เู ดิมของนักเรียน จากช่ัวโมงท่ีผา่ นมาเกยี่ วกบั กฎการอนรุ กั ษ์พลงั งาน
7. ครสู นทนากับนักเรียนวา่ “การผลิตกระแสไฟฟ้าจากเข่ือนมกี ารเปล่ยี นรปู ของพลงั งานใดบา้ ง”
โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ อย่างอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยวา่
ถูกหรอื ผดิ
(แนวตอบ : มีการเปลี่ยนพลังงานศักย์โนม้ ถว่ งเปน็ พลังงานจลน์ ซึ่งนำ้ ท่เี กบ็ ไว้ในเข่ือนจะมพี ลังงาน
ศกั ย์โนม้ ถ่วงสะสมอยู่ เม่ือปล่อยให้น้ำไหลจากเขื่อนไปหมุนกงั หนั จะมีการเปลย่ี นแปลงพลังงานศักย์
ไปเป็นพลังงานจลนเ์ พ่ือนำไปผลติ กระแสไฟฟ้า)
8. นกั เรยี นแต่ละคนศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ยี วกับ เรื่อง การใช้กฎการอนรุ ักษพ์ ลังงานมาประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชวี ิตประจำวนั จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรอื แหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ
เช่น อินเทอรเ์ น็ต แลว้ เขียนสรุปความรทู้ ี่ได้จากการศกึ ษาค้นคว้าลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคค
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 159
ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
9. ครสู มุ่ นกั เรยี น จำนวน 3-4 คน ออกมานำเสนอผลการศกึ ษาหน้าชั้นเรยี น ในระหวา่ งทนี่ กั เรียน
นำเสนอ ครอู าจเสนอแนะหรือแทรกข้อมลู เพ่ิมเติมในเร่ืองน้ัน ๆ ใหน้ กั เรียนทุกคนได้มีความเข้าใจที่
ถกู ต้องมากยง่ิ ขนึ้
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
10. ครูส่มุ นักเรยี น จำนวน 5 คน ออกมาหนา้ ชนั้ เรยี น โดยให้นกั เรียนยกตัวอย่างการเปล่ียนรูปของ
พลังงานที่เกย่ี วข้องในชวี ิตประจำวัน ดงั น้ี
• คนที่ 1 การเปลี่ยนพลังงานศักยโ์ นม้ ถ่วงเเป็นพลงั งานจลน์
• คนท่ี 2 การเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลงั งานเคมี
• คนท่ี 3 การเปลย่ี นพลงั งานเคมเี ปน็ พลงั งานความร้อน
• คนที่ 4 การเปลีย่ นพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานความร้อน
• คนที่ 5 การเปลี่ยนพลังงานเคมเี ป็นพลงั งานแสง
11. ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมให้นกั เรียนเข้าใจว่า “นอกจากการเปลี่ยนรปู พลงั งานแลว้ พลงั งานสามารถ
ถ่ายโอนได้จากระบบหนงึ่ ไปยังอกี ระบบหนึ่งได้”
12. นักเรียนแตล่ ะคนศึกษาค้นควา้ ขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกับ เร่อื ง การถ่ายโอนความร้อนระหว่างสสาร
จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรอื แหลง่ การเรยี นรูต้ า่ ง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต
13. ครสู ุ่มนักเรยี น จำนวน 3 คน ออกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชนั้ เรยี น ซึ่งครูเปน็ คนเลือกว่าจะให้
นกั เรียนคนใดนำเสนอเรื่องอะไร ตามหวั ข้อเร่อื ง ดงั ต่อไปน้ี
• คนท่ี 1 การนำความร้อน (Conduction)
• คนท่ี 2 การพาความร้อน (Convection)
• คนท่ี 3 การแผร่ งั สคี วามร้อน (Radiation)
14. ขณะที่นกั เรยี นกำลงั นำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรอื แทรกข้อมูลเพมิ่ เติมในเร่อื งนั้น ๆ ใหน้ กั เรยี น
ทกุ คนไดม้ ีความเขา้ ใจท่ีถูกต้องมากยง่ิ ขึ้น
ขัน้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
15. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามเนือ้ หาเก่ยี วกบั เรื่อง กฎการอนรุ ักษ์พลงั งาน และให้ความรู้
เพม่ิ เติมจากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรอ่ื ง กฎการอนุรกั ษ์พลังงาน
ในการอธิบายเพม่ิ เติม
16. นักเรียนทำ Topic Question เร่ือง พลงั งาน จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
ลงในสมดุ ประจำตัวนักเรียน
17. นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง กฎการอนรุ ักษ์พลังงาน จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 เป็นการบ้านส่งในช่วั โมงถัดไป
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 160
ชั่วโมงที่ 3
ขั้นสอน
ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
18. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ โดยครูเตรยี มสลากหมายเลขกลมุ่ 1-6 จากน้ันใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนออกมาหยบิ
สลาก ซง่ึ นกั เรียนที่ได้หมายเลขเดียวกนั จะอยูก่ ลุ่มเดยี วกัน ซึ่งแต่ละกลมุ่ จะมสี มาชิกภายใน
กลุ่ม 6 คน
19. ครแู จง้ จดุ ประสงค์ของกิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง รถพลงั งานลม ใหน้ ักเรยี นทราบ
เพื่อเป็นแนวทางการปฏบิ ตั ิกิจกรรมทถ่ี ูกต้อง จากนัน้ ใหส้ มาชิกภายกลมุ่ จดั เตรียมวสั ดุอุปกรณท์ ่ี
ใช้ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม Fun Science Activity เร่อื ง รถพลังงานลม จากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
20. สมาชิกภายในกล่มุ ร่วมกันปฏบิ ตั กิ จิ กรรม Fun Science Activity เร่อื ง รถพลังงานลม
ตามข้นั ตอน จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
21. นักเรียนแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรม Fun Science Activity เร่ือง รถพลงั งานลม
หน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นกั เรยี นนำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ เพื่อให้นักเรียน
มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
22. นักเรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม Fun Science Activity เร่ือง รถพลังงานลม
วา่ “พลงั งานลมสามารถเปลีย่ นรูปเป็นพลังงานจลน์ ทำใหร้ ถเคล่อื นทไี่ ปทางทิศตรงข้ามกับลมท่ี
ออกมาจากลูกโปง่ ”
23. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมลู เพ่มิ เติมเกยี่ วกบั กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน
จาก Science in real life เรอ่ื ง เซลลส์ ุรยิ ะ จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
จากนัน้ ครูอธิบายเพม่ิ เติมให้นักเรยี นเข้าใจวา่ “เซลล์สรุ ิยะ เป็นเทคโนโลยหี นงึ่ ท่สี ามารถเปลี่ยน
พลังงานแสงจากดวงอาทิตยใ์ หอ้ ยใู่ นรูปของพลังงานไฟฟ้าได้ ตัวอยา่ งอุปกรณ์ทีใ่ ช้เทคโนโลยนี ้ี
คอื เคร่ืองคิดเลข”
ข้ันท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
24. นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เร่ือง งานและพลังงาน
จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบนั ทึกลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
25. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนทำ Unit Question เรอ่ื ง งานและพลังงาน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2 โดยทำลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 161
26. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี นของหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 งานและพลงั งาน เพ่ือเป็นการวดั
ความร้หู ลังเรียนของนกั เรียน
27. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 6 คน ตามความสมคั รใจ จากนั้นให้แต่ละกลุ่มนำความรู้ เร่ือง งานและ
พลังงาน มาออกแบบและประดิษฐ์ช้ินงานเกีย่ วกบั ด้านพลังงาน
ข้นั สรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 งานและพลังงาน
เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจหลังเรียนของนักเรียน
2. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ ชนั้ เรยี น
3. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นก่อนเขา้ ส่กู จิ กรรมการเรยี นการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมุดประจำตวั นักเรียน
4. ครูตรวจ Topic Question เรือ่ ง พลงั งาน ในสมุดประจำตัวนักเรียน
5. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรือ่ ง งานและ
พลังงาน ในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
6. ครตู รวจสอบแบบฝึกหดั เร่อื ง กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2
7. ครูประเมนิ ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม Fun Science Activity เรื่อง รถพลังงานลม
8. ครูตรวจแบบฝึกหัด Unit Question เรอื่ ง งานและพลงั งาน ในสมุดประจำตัวนกั เรียน
9. ครูวัดและประเมินผลจากชิน้ งาน/ผลงาน สิ่งประดิษฐด์ ้านพลังงาน ของนักเรยี นแต่ละกลมุ่
10. นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ เกีย่ วกับกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน ซึง่ ได้ข้อสรุปรว่ มกนั วา่ “พลังงาน
เปน็ สิ่งทไี่ มส่ ามารถสร้างขึ้นใหม่ และไมส่ ามารถทำใหส้ ูญหายหรือทำลายได้ แต่จะเกดิ การเปลย่ี น
รปู พลังงานจากรปู หนึ่งไปเปน็ อีกรูปหนง่ึ ตัวอยา่ งเชน่ พลังงานศักย์โนม้ ถว่ งเปลย่ี นเป็นพลังงานจลน์
เช่น นำ้ ไหลมาจากภูเขาสูง ”
7. การวัดและประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
- ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
รายการวดั - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรือ
หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เล่ม 2
การจดั กิจกรรม เลม่ 2
การเรยี นรู้
1) กฎการอนรุ ักษ์
พลังงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 | หนา้ 162
รายการวดั วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน/ผลการ กจิ กรรม
ปฏิบัตกิ จิ กรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการ การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
4) พฤติกรรมการ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
ทำงานกลุ่ม - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
5) คณุ ลักษณะ รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
อันพงึ ประสงค์ และม่งุ มนั่ ในการ อันพงึ ประสงค์
ทำงาน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
7.2 การประเมินหลัง - แบบทดสอบหลังเรียน
เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 - ระดับคุณภาพ 2
หลังเรยี น หน่วยการ งานและพลงั งาน ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบ เรยี นรทู้ ่ี 5 งานและ
หลงั เรียน หนว่ ยการ พลงั งาน - แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/
เรยี นรทู้ ี่ 5 งานและ ภาระงาน (รวบยอด)
พลังงาน - ตรวจชนิ้ งาน
7.3 การประเมินชน้ิ งาน/ สง่ิ ประดิษฐ์
ภาระงาน (รวบยอด) ดา้ นพลังงาน
8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 งานและพลังงาน
2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 งานและพลงั งาน
3) วสั ดุอุปกรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม Fun Science Activity เรอื่ ง รถพลงั งานลม
4) PowerPoint เร่ือง กฎการอนุรักษ์พลังงาน
5) สลากหมายเลขกลุ่ม 1-6
6) QR Code เรอ่ื ง กฎการอนุรักษ์พลังงาน
7) สมดุ ประจำตัวนักเรยี น
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) อินเทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 163
สลากหมายเลข
12
34
56
ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ส่งิ ประดิษฐด์ า้ นพลังงาน
คำชีแ้ จง : นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 6 คน จากน้ันใหแ้ ตล่ ะกลุม่ นำความร้เู กยี่ วกบั เรื่อง งานและพลังงาน
มาออกแบบและประดษิ ฐช์ ิน้ งานเกยี่ วกับดา้ นพลังงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 164
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 165
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
งานและพลังงาน
เวลา 11
ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั
ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหว่าง
สสาร และพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ที่เกยี่ วข้องกับ
เสยี ง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ว 2.3 ม.2/1 วิเคราะหส์ ถานการณแ์ ละคำนวณเก่ยี วกับงานและกำลงั ท่เี กดิ จากแรงท่กี ระทำต่อ
W
วตั ถโุ ดยใชส้ มการ W = Fs และ P = t จากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้
ว 2.3 ม.2/2 วิเคราะหห์ ลักการทำงานของเคร่ืองกลอย่างง่ายจากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้
ว 2.3 ม.2/3 ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความรูข้ องเคร่ืองกลอย่างงา่ ย โดยบอกประโยชน์
และการประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั
ว 2.3 ม.2/4 ออกแบบและทดลองด้วยวิธที ่เี หมาะสมในการอธิบายปจั จัยทม่ี ีผลตอ่ พลังงานจลน์
และพลงั งานศักย์โน้มถว่ ง
ว 2.3 ม.2/5 แปลความหมายขอ้ มูลและอธิบายการเปลี่ยนพลังงานระหวา่ งพลังงานศกั ยโ์ น้มถว่ ง
และพลังงานจลน์ของวตั ถโุ ดยพลังงานกลของวตั ถมุ ีคา่ คงตวั จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้
ว 2.3 ม.2/6 วิเคราะหส์ ถานการณแ์ ละอธบิ ายการเปลีย่ นและการถ่ายโอนพลังงานโดยใช้กฎการ
อนรุ ักษ์พลงั งาน
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. เมื่อออกแรงกระทำต่อวัตถุ แล้วทำให้วัตถุเคลื่อนที่ โดยแรงอยู่ในแนวเดียวกับการเคลื่อนที่จะเกิด
งาน งานจะมีคา่ มากหรอื นอ้ ยข้ึนกับขนาดของแรงและระยะทางในแนวเดยี วกบั แรง
2. งานที่ทำในหน่วยเวลาเรียกว่า กำลัง หลักการของงานนำไปอธิบายการทำงานของเครื่องกลอย่างง่าย
ได้แก่ คาน พื้นเอียง รอกเดี่ยว ลิ่ม สกรู ล้อและเพลา ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ
ในชีวิตประจำวัน
3. พลังงานจลน์เป็นพลังงานของวัตถุที่เคลื่อนที่ พลังงานจลน์จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นกับมวลและ
อัตราเร็ว ส่วนพลังงานศักย์โน้มถ่วงเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของวัตถุ จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นกับมวล
และตำแหน่งของวัตถุ เม่ือวัตถุอยู่ในสนามโน้มถว่ ง วตั ถุจะมีพลงั งานศักยโ์ น้มถว่ ง พลังงานจลน์และ
พลงั งานศักยโ์ น้มถว่ งเปน็ พลังงานกล
4. ผลรวมของพลังงานศักย์โน้มถ่วงและพลงังานจลน์เป็นพลังงานกล พลังงานศักย์โน้มถ่วง และ
พลังงานจลน์ของวตั ถุหน่ึง ๆ สามารถเปลี่ยนกลับไปมาได้ โดยผลรวมของพลงั งานศักย์โน้มถว่ งและ
พลงั งานจลนม์ คี า่ คงตัว นนั่ คอื พลงั งานกลของวตั ถมุ ีค่าคงตัว
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 166
5. พลังงานรวมของระบบมีค่าคงตัวซึ่งอาจเปลี่ยนจากพลังงานหนึ่งเป็นอีกพลังงานหนึ่ง เช่น พลังงานกล
เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานจลน์เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน พลังงานเสียง พลังงานแสง
เนื่องมาจากแรงเสียดทาน พลังงานเคมีในอาหารเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ไปใช้ในการทำงานของ
ส่งิ มีชีวิต
6. นอกจากนี้พลังงานยังสามารถถ่ายโอนไปยังอีกระบบหนึ่งหรือได้รับพลังงานจากระบบอื่นได้
เช่น การถ่ายโอนความร้อนระหว่างสสาร การถ่ายโอนพลังงานของการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียงไป
ยังผู้ฟัง ทั้งการเปลี่ยนพลังงานและการถ่ายโอนพลังงาน พลังงานรวมทั้งหมดมีค่าเท่าเดิมตาม
กฎการอนุรกั ษ์พลังงาน
2.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถ่ิน
(พิจารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา)
3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
งานเป็นการออกแรงกระทำกระทำต่อวัตถุแล้วทำให้วัตถุเกิดการเคลื่อนที่ไปในแนวเดียวกับทิศทาง
หรือมีการกระจดั ตามแนวแรงน้ัน งานจะมีคา่ มากหรือน้อยข้นึ อยู่กับขนาดของแรง และขนาดของการกระจัด
ในแนวเดียวกบั แรง และกำลัง เป็นปริมาณทใี่ ช้บอกความสามารถในการทำงานไดต้ อ่ หน่ึงหนว่ ยเวลา
หลักการของงานถูกนำมาอธิบายการทำงานของเครื่องกลซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานเป็นไป
อย่างสะดวกขึ้น โดยมีแรงพยายาม หรือแรงที่ให้กับเครื่องกล และแรงต้านทาน หรือแรงที่วัตถุกระทำต่อ
เครื่องกลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเครื่องกลอย่างง่ายมี 6 ประเภท ได้แก่ คาน รอก พื้นเอียง สกรู ลิ่ม ล้อและ
เพลา
พลังงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พลังงานจลน์เป็นพลังงานที่สะสมอยู่ในวัตถุที่เคลื่อนที่ ซึ่งมี
มวลและอตั ราเร็วเป็นปจั จัยท่มี ีผลต่อพลงั งานจลน์ ถ้าอัตราเร็วของวัตถทุ ั้งสองเท่ากนั วตั ถุที่มีมวลมากกว่าจะ
มีพลังงานจลน์มากกว่า และถ้ามวลของวัตถุทั้งสองเท่ากัน วัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วที่มากกว่าจะมี
พลงั งานจลนม์ ากกว่า และพลงั งานศักยโ์ นม้ ถ่วงเปน็ พลงั งานท่สี ะสมอยู่ในวตั ถุที่อยู่สงู จากพน้ื ผวิ โลก ซ่งึ มมี วล
และอัตราเร็วเป็นปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานศักย์โน้มถ่วง ถ้าวัตถุทั้งสองอยู่ในระดับความสูงที่เท่ากัน วัตถุที่มี
มวลมากกว่าจะมีพลังงานศกั ย์โน้มถว่ งมากกว่า และถา้ มวลของวตั ถุทั้งสองเท่ากัน วตั ถุท่อี ยู่ในระดับความสูง
ทม่ี ากกวา่ จะมพี ลงั งานศกั ยโ์ น้มถว่ งทม่ี ากกวา่
พลังงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ และไม่สามารถทำให้สูญหาย หรือทำลายได้ แต่จะเกิดการ
เปล่ียนรูปพลังงานจากรูปหนงึ่ ไปเปน็ อีกรูปหนงึ่ ไดแ้ ก่
- พลังงานศกั ยโ์ นม้ ถว่ งเปลยี่ นเป็นพลงั งานจลน์ เชน่ การกกั เกบ็ นำ้ ไวใ้ นที่สงู
- พลงั งานจลน์เปลย่ี นเป็นพลงั งานความรอ้ น เช่น การทำงานของเคร่ืองจกั รในอุตสาหกรรม
- พลังงานจลนเ์ ปลีย่ นเป็นพลงั งานไฟฟ้า เชน่ การผลิตกระแสไฟฟา้ จากพลงั งานนำ้
- พลงั งานแสงเปลี่ยนเป็นพลงั งานเคมี เชน่ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื
- พลงั งานเคมเี ปลย่ี นเป็นพลงั งานความร้อนและแสง เชน่ การเผาซากเชื้อเพลิงดกึ ดำบรรพ์
- พลงั งานเคมีเปลยี่ นเปน็ พลังงานทีใ่ ช้ทำกจิ กรรม เชน่ การเผาผลาญอาหารในรา่ งกายมนุษยแ์ ละสัตว์
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 167
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ซอ่ื สัตย์ สุจริต
1) ทักษะการสังเกต 4. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
2) ทักษะการระบุ
3) ทักษะการทดลอง
4) ทกั ษะการตั้งสมมติฐาน
5) ทักษะการส่ือสาร
6) ทักษะการคำนวณ
7) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน
8) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
9) ทกั ษะการเชื่อมโยง
10) ทักษะการรวบรวมข้อมูล
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ส่ิงประดษิ ฐด์ า้ นพลงั งาน
6. การวดั และการประเมินผล
รายการวัด วิธีวัด เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- ระดับคุณภาพ 2
6.1 การประเมนิ ช้นิ งาน/ - ตรวจช้ินงาน - แบบประเมินช้นิ งาน/
ผ่านเกณฑ์
ภาระงาน (รวบยอด) สงิ่ ประดษิ ฐ์ ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมินตามสภาพจริง
ด้านพลังงาน
- รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6.2 การประเมนิ ก่อนเรียน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน
กอ่ นเรยี น หน่วยการ กอ่ นเรียน หน่วยการ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5
เรียนรทู้ ี่ 5 งานและ เรยี นร้ทู ่ี 5 งานและ งานและพลังงาน
พลังงาน พลังงาน
6.3 การประเมินระหวา่ ง
การจดั กิจกรรม
1) งาน - ตรวจใบงานท่ี 5.1.1 - ใบงานที่ 5.1.1
- ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ
หรอื แบบฝึกหัด
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 168
รายการวดั วิธวี ดั เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 แบบฝกึ หัด
เล่ม 2 วทิ ยาศาสตร์
ม.2 เลม่ 2
2) กำลัง - ตรวจใบงานที่ 5.1.2 - ใบงานท่ี 5.1.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ
หรือแบบฝึกหดั แบบฝกึ หัด
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์
เลม่ 2 ม.2 เล่ม 2
3) เครอื่ งกลอย่างงา่ ย - ตรวจใบงานท่ี 5.2.1 - ใบงานท่ี 5.2.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ
หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วทิ ยาศาสตร์
เลม่ 2 ม.2 เลม่ 2
4) พลงั งาน - ตรวจใบงานที่ 5.2.1 - ใบงานที่ 5.2.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรอื
หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด
วทิ ยาศาสตร์ ม.2 วิทยาศาสตร์
เล่ม 2 ม.2 เล่ม 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 169
รายการวัด วธิ ีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ
5) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมดุ - สมดุ ประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประจำตัว แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
กจิ กรรมปัจจยั ท่ีมผี ล หรือแบบฝึกหัด ม.2 เล่ม 2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตอ่ พลงั งานจลน์และ วิทยาศาสตร์ ม. - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
พลังงานศกั ย-์ 2 - ใบงานท่ี 5.4.1
โน้มถ่วง เล่ม 2 - สมดุ ประจำตัว หรือ - ระดับคณุ ภาพ 2
- ตรวจใบงานที่ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
6) กฎการอนุรักษ์ 5.4.1 ม.2 เล่ม 2
พลงั งาน - ตรวจสมุด - ระดบั คุณภาพ 2
ประจำตวั - แบบประเมนิ การ ผา่ นเกณฑ์
7) การนำเสนอผลงาน/ หรือแบบฝกึ หัด นำเสนอผลงาน - ระดบั คณุ ภาพ 2
การปฏิบตั ิกิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ ม. ผา่ นเกณฑ์
2 - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
8) พฤติกรรมการ เล่ม 2 การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล - ประเมนิ การ
นำเสนอ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
9) พฤติกรรมการ ผลงาน/ผลการ การทำงานกลุ่ม
ทำงานกลุม่ ปฏบิ ตั ิกิจกรรม - แบบประเมนิ
- สงั เกตพฤติกรรม คณุ ลักษณะ
10) คณุ ลักษณะอนั พงึ การทำงาน
ประสงค์ รายบคุ คล
- สังเกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม
- สังเกตความมี
วนิ ยั
รบั ผดิ ชอบ ใฝ่
เรยี นรู้
และมงุ่ มนั่ ในการ
ทำงาน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 170
รายการวดั วธิ วี ดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
6.4 การประเมนิ หลังเรยี น - ตรวจ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น
- แบบทดสอบหลังเรียน หลงั เรียน หน่วย หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 การ งานและพลังงาน
งานและพลังงาน
เรียนรทู้ ่ี 5 งาน
และ
พลังงาน
7. กิจกรรมการเรียนรู้
• แผนท่ี 1 : งานและกำลงั เวลา 2 ช่ัวโมง
วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนที่ 2 : เครอื่ งกลอย่างง่าย เวลา 3 ช่วั โมง
วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนที่ 3 : พลังงาน เวลา 3 ชว่ั โมง
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 4 : กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน เวลา 3 ช่วั โมง
วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
(รวมเวลา 11 ช่วั โมง)
8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 งานและพลังงาน
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5 งานและพลังงาน
3) ใบงานที่ 5.1.1 เรอ่ื ง งาน
4) ใบงานท่ี 5.1.2 เรือ่ ง กำลงั
5) ใบงานที่ 5.2.1 เร่ือง เคร่ืองกลอยา่ งง่าย
6) วสั ดุอุปกรณท์ ี่ใช้ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ พลงั งานจลนแ์ ละพลังงานศกั ย์โน้มถว่ ง
7) วัสดอุ ุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการปฏิบัตกิ จิ กรรม Fun Science Activity เรอ่ื ง รถพลงั งานลม
8) PowerPoint เรอ่ื ง งานและกำลัง
9) PowerPoint เรื่อง เคร่อื งกลอย่างง่าย
10) PowerPoint เรอื่ ง พลังงาน
11) PowerPoint เรือ่ ง กฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน
12) บตั รภาพกจิ กรรมต่าง ๆ
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 171
13) บตั รภาพอปุ กรณต์ ่าง ๆ
14) บัตรภาพน้ำตก
15) อุปกรณ์สาธติ การทดลอง เชน่ ลกู บอลยาง และขวดน้ำ
16) สลากหมายเลขกลุ่ม 1-6
17) QR Code เรือ่ ง กำลงั
18) QR Code เรอ่ื ง กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน
19) สมุดประจำตัวนกั เรียน
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) ห้องสมุด
3) อินเทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 172
แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ขอ้ ใดอธบิ ายเก่ียวกบั หนว่ ยของงานได้ถกู ต้อง 6. 1 แรงม้า เท่ากับกวี่ ัตต์
1. งาน มหี น่วยเป็น จูล 1. 400 วัตต์
2. งาน มหี นว่ ยเป็น วตั ต์ 2. 475 วัตต์
3. งาน มีหนว่ ยเปน็ จูลต่อวนิ าที 3. 700 วตั ต์
4. งาน มีหนว่ ยเปน็ เมตรต่อวนิ าที 4. 745 วัตต์
2. ขอ้ ใดเปน็ กิจกรรมที่เกดิ งานในเชิงฟิสิกส์ 7. คณุ น้าถอื ถุงผลไมห้ นัก 200 นวิ ตัน เดินไป
1. ยกเกา้ อี้ไปไวม้ มุ ห้อง ตลาดเปน็ ระยะทาง 2 เมตร ใช้เวลา 2 นาที
2. ถอื ถุงตะกรา้ เดนิ ไปตลาด
3. ยกดัมเบลไว้ในมอื แล้ววง่ิ ไปตามทาง จงหากำลงั ที่เกิดขึน้
4. ออกแรงผลักรถยนต์ให้เคลื่อนท่ีไปบนถนน
3. ชายคนหนึง่ ออกแรง 25 นิวตัน ผลกั โตะ๊ ใหเ้ คลอื่ นที่ไป 1. 100 วัตต์
2. 200 วตั ต์
ยงั มุมห้อง ระยะทาง 15 เมตร จงหางานทีเ่ กิดขน้ึ จาก 3. 300 วัตต์
4. ไมเ่ กิดกำลัง
การกระทำของชาย คนนี้ 8. คณุ ลงุ ออกแรงขนาด 200 นิวตัน ผลกั รถให้
1. 167 นวิ ตัน เมตร เคลอ่ื นท่ีไปข้างหน้าระยะทาง 0.5 เมตร ใช้
2. 200 นวิ ตัน เมตร
3. 375 นวิ ตนั เมตร เวลา 50 วินาที จงหากำลงั ท่เี กิดขึน้ ใน
4. 455 นวิ ตัน เมตร
4. ครูถือของหนกั 1.5 กิโลกรมั เดนิ ไปหอ้ งพักครเู ป็น หนว่ ยจูลตอ่ วนิ าที
ระยะทาง 2 เมตร จงหางานที่เกดิ ข้นึ จากการกระทำ 1. 1 วนิ าที
2. 2 วินาที
ของครู 3. 3 วินาที
4. 4 วินาที
1. 150 นิวตนั เมตร 9. ขอ้ ใดไมใ่ ชเ่ ครอ่ื งกลอย่างง่าย
2. 200 นิวตัน เมตร
3. 250 นวิ ตนั เมตร 1. คาน
4. ไมเ่ กดิ งาน 2. คอ้ นตะปู
5. ข้อใดอธบิ ายความหมายของกำลังได้ถูกต้อง 3. รถเข็นทราย
4. เครื่องชั่งน้ำหนัก
1. งานทท่ี ำในขณะหนึ่ง 10. ขอ้ ใดใช้หลักการอนุรกั ษ์พลังงานมา
2. งานที่ทำในหน่ึงช่วั โมง
3. งานที่ทำในหนึ่งหนว่ ยเวลา ประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวัน
4. งานทที่ ำใหห้ นึ่งหนว่ ยพน้ื ที่
1. การสร้างบา้ น
2. การสร้างเข่ือน
3. การสรา้ งกำแพง
4. การสร้างโรงงา
เฉลย 1. 3 2. 4 3. 3 4. 4 5. 3 6. 4 7. 4 8. 2 9. 4 10. 2
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หนา้ 173
แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การเขน็ รถไปตามพื้นราบและการเข็นรถข้นึ ไป 6. อุปกรณใ์ นข้อใดใช้หลกั การของคานมาชว่ ยผอ่ น
ตามพ้นื เอียงด้วยอตั ราเรว็ สม่ำเสมอใน แรงในการทำงาน
ระยะทางเทา่ กนั กรณีใดทำงานมากกวา่ 1. จักรยาน
2. กรรไกร
เพราะเหตุใด ถา้ ถอื วา่ แรงเสยี ดทานท่กี ระทำ 3. รถเขน็ ทราย
4. ค้อนตอกตะปู
ต่อรถทั้งสองกรณี มีขนาดเท่ากนั 7. อปุ กรณ์ในข้อใดไม่ใช้หลักการของล่มิ มาช่วย
1. การเขน็ รถไปตามพ้ืนราบทำงาน ผ่อนแรง
มากกว่าเพราะต้องออกแรงน้อยกวา่
1. สอ้ ม
การเขน็ รถไปตามพื้นเอียง 2. ค้อน
2. การเข็นรถไปตามพน้ื เอียงทำงาน 3. ตะปู
4. ขวาน
มากกวา่ เพราะต้องออกแรงน้อยกว่า 8. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ ูกตอ้ งเกีย่ วกับพลงั งาน
การเข็นรถไปตามพน้ื ราบ
3. การเข็นรถไปตามพื้นเอยี งทำงาน 1. พลังงานจลนส์ ะสมอย่ใู นสปริงทย่ี ดื
ออก
มากกวา่ เพราะต้องออกแรงมากกวา่
การเขน็ รถไปตามพน้ื ราบ 2. พลังงานศักย์สะสมอยู่ในนกท่ีบินอย่บู น
4. การเข็นรถไปตามพื้นเอียงทำงาน ท้องฟา้
เทา่ กนั เพราะต้องออกแรงเทา่ กับการ 3. พลงั งานจลนส์ ะสมอยใู่ นรถแข่งทก่ี ำลงั
เข็นรถไปตามพ้นื ราบและได้ เคล่อื นที่
ระยะทางเท่ากนั ดว้ ย
4. พลังงานจลน์และพลงั งานศกั ย์สะสม
2. ออกแรงผลักขนาด 200 นิวตัน ให้กลอ่ งไป อยใู่ นนำ้ ตก
ทางซา้ ย 10 เมตร จงหางานในการผลักกลอ่ ง
กิโลจลู
1. 1 กิโลจูล 3. 3 กิโลจลู
2. 2 กิโลจูล 4. 4 กโิ ลจูล
3. ครูถอื ของหนัก 1.5 กโิ ลกรัม เดนิ ขึ้น
สะพานลอย 10 ขนั้ สงู 20 เซนติเมตร จงหา
งานทีเ่ กดิ ขึ้น
1.10 จลู 3. 30 จูล
2.20 จูล 4. 40 จลู
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หน้า 174
4. นกั ปนี เขาหนัก 600 นิวตนั ไต่เชอื กขน้ึ สงู 5
เมตร ในเวลา 25 วนิ าที เขาใช้กำลังไปกี่วัตต์ 9. ข้อใดเปน็ สมบัติของพลงั งาน
1. 100 วัตต์ 3. 150 วตั ต์ 1. พลังงานไม่มวี นั สญู หาย
2. พลงั งานสามารถถ่ายโอนได้
2. 120 วตั ต์ 4. 200 วตั ต์ 3. พลงั งานแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
4. พลังงานไม่สามารถถ่ายโอนให้กนั ได้
5. ครูถือหนงั สอื หนัก 15 นิวตนั เดนิ ไปหอ้ งพัก 10. ข้อใดไม่ใชห้ ลักการอนุรกั ษพ์ ลังงานมา
ครู 2 ประยกุ ต์ใชใ้ น ชีวติ ประจำวัน
เมตร ใชเ้ วลา 1 นาที จงหากำลงั ท่ีเกิดขนึ้ 1. การผลิตไฟฟา้ จากเขื่อน
2. การผลติ ไฟฟา้ จากกังหนั ลม
1.0 จูล 3. 150 จูล 3. การผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์
4. ถกู ทุกข้อท่ีกลา่ วมา
2.120 จูล 4. 200 จลู
เฉลย 1. 3 2. 2 3. 3 4. 4 5. 1 6. 1 7. 2 8. 1 9. 4 10. 4
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 175
แบบประเมินผลงานส่งิ ประดิษฐ์ดา้ นพลงั งาน
คำชแี้ จง : ให้ผูส้ อนประเมนิ ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการท่ีกำหนด แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั
ระดับคะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ
4 3 21
1 การออกแบบชน้ิ งาน
2 การเลือกใช้วัสดเุ พอื่ สร้างชิ้นงาน
3 ความสมบรู ณ์ของช้นิ งาน
4 การสร้างสรรคช์ ้นิ งาน
5 กำหนดเวลาสง่ งาน
รวม
ลงช่อื ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
............../................./................
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานสง่ิ ประดิษฐ์ดา้ นพลังงาน
ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ ระดบั คะแนน
1. การออกแบบ
4321
ช้ินงาน
ช้ินงานมคี วามถูกต้อง ชนิ้ งานมีความถูกต้อง ช้ินงานมีความถูกต้อง ชิ้นงานไมถ่ ูกตอ้ งท่ี
2. การเลือกใช้
วัสดุเพ่อื สร้าง ที่ออกแบบไว้ มีขนาด ที่ออกแบบไว้ มีขนาด ที่ออกแบบไว้ มีขนาด ออกแบบไว้ มีขนาด
ชิ้นงาน
เหมาะสม รูปแบบ เหมาะสม รูปแบบ เหมาะสม รปู แบบ ไม่เหมาะสม รูปแบบ
3. ความสมบูรณ์
ของชนิ้ งาน นา่ สนใจ แปลกตา นา่ สนใจ และ น่าสนใจ ไม่นา่ สนใจ
และสร้างสรรค์ดี สรา้ งสรรค์
เลอื กใช้วสั ดมุ าสรา้ ง เลือกใชว้ สั ดมุ าสรา้ ง เลอื กใช้วัสดมุ าสร้าง เลอื กใชว้ สั ดุมาสร้าง
ชิ้นงานตามท่ีกำหนด ชน้ิ งานตามทีก่ ำหนด ชิ้นงานตามทีก่ ำหนด ช้ินงานไมต่ รงตามท่ี
ไดถ้ ูกต้อง และวัสดมุ ี ได้ถูกตอ้ ง และวัสดุมี แตว่ ัสดุมีความ กำหนด และวัสดุไม่มี
ความเหมาะสมกับ ความเหมาะสมกบั เหมาะสมกบั การ ความเหมาะสมกับ
การสรา้ งชิ้นงานดี การสร้างชิน้ งานดี สรา้ งช้นิ งานท่ี การสรา้ งชิ้นงานที่
มาก ออกแบบไว้ ออกแบบไว้
ชิน้ งานมีความ ชน้ิ งานมคี วาม ช้ินงานไมม่ ีความ ชิน้ งานไม่มีความ
แข็งแรง ทนทาน แขง็ แรง ทนทาน แขง็ แรง แต่สามารถ แขง็ แรง และไม่
นำไปใช้งานได้บ้าง
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 176
สามารถนำไปใชง้ าน สามารถนำไปใช้งาน สามารถนำไปใช้งาน
ได้
ไดจ้ รงิ และใชไ้ ดด้ ีมาก ไดจ้ รงิ และใช้ได้ดี
ช้นิ งานไมม่ ีความ
4. การสรา้ งสรรค์ ตกแต่งชนิ้ งานได้ ตกแตง่ ชิ้นงานได้ ตกแต่งช้ินงานได้ สวยงาม
ช้ินงาน สวยงามน้อย
สวยงามดีมาก สวยงามดี สง่ ชน้ิ งานชา้ กว่า
5. กำหนดเวลาส่ง ส่งช้นิ งานชา้ กวา่ กำหนดเกนิ 5 วนั
งาน ส่งชิ้นงานภายในเวลา ส่งชน้ิ งานช้ากว่า กำหนดเกนิ 3 วัน ขึ้นไป
ขนึ้ ไป
ท่ีกำหนด กำหนด 1-2 วนั
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
18-20 ดีมาก
14-17 ดี
10-13 พอใช้
ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรงุ
แบบประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรม
คำช้ีแจง : ให้ผ้สู อนประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนกั เรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รง
กบั ระดับคะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏิบัติการทำกจิ กรรม
2 ความคล่องแคลว่ ในขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
3 การบนั ทึก สรปุ และนำเสนอผลการทำกิจกรรม
รวม
ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมนิ
................./................../..................
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 177
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรม
ประเด็นท่ี ระดบั คะแนน
ประเมนิ
4.การปฏิบตั ิ 4321
กิจกรรม
ทำกิจกรรมตาม ทำกจิ กรรมตาม ต้องให้ความ ต้องให้ความ
5.ความ ขน้ั ตอน และใช้ ขน้ั ตอน และใช้
คล่องแคล่ว อปุ กรณ์ได้อยา่ ง อุปกรณ์ได้อยา่ ง ช่วยเหลือบา้ งในการ ช่วยเหลืออยา่ งมาก
ในขณะ ถกู ต้อง ถูกต้อง แต่อาจตอ้ ง
ปฏิบตั ิ ไดร้ บั คำแนะนำบ้าง ทำกิจกรรม และการ ในการทำกจิ กรรม
กจิ กรรม
ใช้อุปกรณ์ และการใช้อุปกรณ์
6.การบนั ทึก
สรปุ และ มีความคล่องแคลว่ มคี วามคล่องแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสรจ็ ไม่
นำเสนอผล
การปฏบิ ัติ ในขณะทำกิจกรรม ในขณะทำกิจกรรม คลอ่ งแคล่วในขณะ ทนั เวลา และทำ
กิจกรรม โดยไมต่ ้องไดร้ ับคำ แต่ตอ้ งไดร้ ับ ทำกิจกรรมจึงทำ อปุ กรณ์เสยี หาย
ช้แี นะ และทำ คำแนะนำบา้ ง และ กจิ กรรมเสร็จไม่
กจิ กรรมเสรจ็ ทำกิจกรรมเสรจ็ ทนั เวลา
ทนั เวลา ทนั เวลา
บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งให้คำแนะนำใน ตอ้ งให้ความ
การทำกจิ กรรมได้ การทำกจิ กรรมได้ การบนั ทึก สรปุ และ ชว่ ยเหลืออยา่ งมาก
ถกู ต้อง รดั กุม ถูกต้อง แต่การ
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการทำ ในการบนั ทึก สรปุ
กจิ กรรม และนำเสนอผลการ
กิจกรรมเป็นขนั้ ตอน กิจกรรมยังไมเ่ ป็น ทำกิจกรรม
ชดั เจน ขน้ั ตอน
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 ดีมาก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรงุ
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดบั คะแนน
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 178
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา
2 ความคดิ สรา้ งสรรค์
3 วิธีการนำเสนอผลงาน
4 การนำไปใช้ประโยชน์
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมิน
............/................./..................
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หนา้ 179
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
คำช้ีแจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดับคะแนน
ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
3 21
1 การแสดงความคดิ เหน็
2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผ้อู ืน่
3 การทำงานตามหน้าที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
4 ความมนี ำ้ ใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............/.................../................
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 180
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่
คำช้แี จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดับคะแนน
ลำดับที่ ชือ่ –สกลุ การ ความมี การมี รวม
ของนักเรียน การแสดง การ ทำงาน นำ้ ใจ ส่วนร่วม 15
ในการ คะแนน
ความ ยอมรับฟัง ตามท่ี ปรับปรุง
คิดเห็น คนอน่ื ไดร้ บั ผลงาน
มอบหมาย กลมุ่
321321321321321
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมิน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 | หน้า 181
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน
คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงคด์ ้าน 321
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้
กษัตริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทสี่ ร้างความสามัคคีปรองดอง
และเป็นประโยชน์
ต่อโรงเรียน
1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏิบัติ
ตามหลักศาสนา
1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีเก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ์
ตามที่โรงเรยี นจดั ขึน้
2. ซ่ือสัตย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ ้อมลู ท่ถี ูกต้องและเป็นจรงิ
2.2 ปฏบิ ัตใิ นสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง
3. มีวนิ ยั 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของ
รบั ผิดชอบ ครอบครัว
มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ใน
ชีวติ ประจำวนั
4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัตไิ ด้
4.2 รูจ้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เช่ือฟังคำสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้
4.4 ต้ังใจเรยี น
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 | หน้า 182
5. อย่อู ย่าง 5.1 ใช้ทรัพยส์ ินและสิ่งของของโรงเรยี นอย่างประหยัด
พอเพียง 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและรคู้ ุณคา่
5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน
6. ม่งุ มัน่ ใน 6.1 มีความตง้ั ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั
การทำงาน
มอบหมาย
7. รักความ 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพื่อใหง้ าน
เปน็ ไทย
สำเร็จ
8. มีจิต 7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
สาธารณะ
7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย
8.1 รจู้ ักช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน
8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรัพย์สมบัติและสิง่ แวดลอ้ มของ
ห้องเรยี นและโรงเรยี น
ลงชื่อ .................................................. ผ้ปู ระเมิน
............/.................../................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั บิ างครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก
41-50 ดี
30-40 พอใช้
ต่ำกว่า 30 ปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 | หน้า 183
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 โลกและการเปลยี่ นแปลง ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
เรือ่ งโครงสรา้ งของโลก ผสู้ อน นางสาวจิตติญาภรณ์ สรา้ งพล
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั
ว 3.2 ม.2/4 สรา้ งแบบจำลองทอี่ ธบิ ายโครงสร้างภายในโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมีจากข้อมูล
ท่ีรวบรวมได้
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายโครงสรา้ งภายในโลกได้ (K)
2. สร้างแบบจำลองโครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมีได้ (P)
3. มีความใฝเ่ รยี นรู้และมีความมุ่งม่ันในการทำงาน (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• โครงสร้างภายในโลก แบ่งออกเป็นชั้นตาม
องค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ เปลือกโลก ซึ่งอยู่นอก
สุด ประกอบด้วย สารประกอบของซิลิกอน และ
อะลูมิเนียมเป็นหลัก เนื้อโลกคือส่วนที่อยู่ใต้เปลือก
โลกลงไปจนถึงแก่นโลก มีองค์ประกอบหลักเป็น
สารประกอบของซิลิกอน แมกนีเซียม และเหล็ก
และแก่นโลก คือส่วนที่อยู่ใจกลางของโลก
มีองค์ประกอบหลักเป็นเหล็กและนิกเกิล ซึ่งแต่ละ
ชน้ั มีลักษณะแตกตา่ งกนั
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 4 (ว22102)ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 | หนา้ 184