The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย 2556

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sirawit Sukkasem, 2021-04-27 03:22:11

มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย 2556

มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย 2556

5-48 บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-31(ก)

จํานวนกลมุ่ วงจร ตวั คณู ปรับคา่
2 0.8
3 0.7
4 0.65
5 0.6
6 0.57
7 0.54
8 0.52
9 0.50
0.45
10-12 0.41
13-16 0.38
17-20

3) ดคู ําอธิบายรูปแบบการติดตง้ั ในตารางที่ 5-47
4) ดคู ําอธิบายรหสั ชนิดเคเบิลใชง้ าน ในตารางที่ 5-48

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-49

ตารางท่ี 5-32

ขนาดกระแสของสายไฟฟ้ าตัวนําทองแดงหุ้มฉนวนครอสลิงกด์พอลิเอทลิ ีน มีเปลือกนอก สําหรับขนาดแรงดัน (U0/U) ไม่
เกนิ 0.6/1 กโิ ลโวลต์ อุณหภมู ติ ัวนํา 90 ºC อุณหภมู โิ ดยรอบ 40 ºC วางบนรางเคเบลิ แบบระบายอากาศ ไม่มีฝาปิ ด หรือราง

เคเบลิ แบบบนั ได

ลกั ษณะการติดตงั้ กลมุ่ ท่ี 7 หลายแกน
ลกั ษณะตวั นํากระแส แกนเดียว
D
รูปแบบการติดตงั ้ DD D

D

DD

รหสั ชนิดเคเบิลใช้งาน IEC 60502-1 และสายที่มีคณุ สมบตั ิพิเศษตา่ งๆ เชน่ สายทนไฟ, สายไร้ฮาโลเจน, สายควนั น้อยเป็นต้น

ขนาดสาย (ตร.มม.) ขนาดกระแส (แอมแปร์)

1 - - - - 16
1.5 - - - - 21
2.5
4 - - - - 29
6
10 - - - - 38
16
25 - - - - 49
35
50 - - - - 68
70
95 - - - - 91
120
150 128 123 166 147 116
185
240 160 154 206 183 144
300
400 197 188 250 224 175
500
254 244 321 289 224

311 298 391 354 271

364 349 455 413 315

422 404 525 480 363

485 464 602 551 415

577 552 711 654 490

670 640 821 758 565

790 749 987 917 -

908 861 1,140 1,064 -

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-32)
1) อณุ หภูมิโดยรอบทีแ่ ตกต่างจาก 40 ºC ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43
2) ในกรณีมีจํานวนตวั นํากระแสมากกว่า 1 กล่มุ วงจร ให้ใชต้ วั คูณปรับค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-40 และตารางที่ 5-

41 สําหรบั สายแกนเดียวและสายหลายแกน ตามลําดบั
3) ดคู ําอธิบายรูปแบบการติดตง้ั ในตารางที่ 5-47

5-50 บทที่ 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-33

ขนาดกระแสของสายไฟฟ้ าตัวนําทองแดงหุ้มฉนวนครอสลิงกด์พอลิเอทิลีน มีเปลือกนอก สําหรับขนาดแรงดัน

(U0/U) ไม่เกนิ 0.6/1 กโิ ลโวลต์ อุณหภูมิตัวนํา 90 ºC อุณหภูมโิ ดยรอบ 40 ºC วางบนรางเคเบิลชนิดด้านล่างทบึ มี/
ไม่มี ฝาปิ ด

ลกั ษณะการติดตงั้ กลมุ่ ที่ 7
ลกั ษณะตวั นํา
แกนเดียว หลายแกน

รูปแบบการติดตงั ้

รหสั ชนิด IEC 60502-1 และสายท่ีมีคณุ สมบตั พิ ิเศษตา่ งๆ
เคเบลิ ท่ีใช้งาน เชน่ สายทนไฟ, สายไร้ฮาโลเจน, สายควนั น้อย เป็นต้น
ขนาดสาย (ตร.มม.)
ขนาดกระแส (แอมแปร์)

1 - - 15 14
1.5 - - 20 18

2.5 - - 27 24

4 - - 36 32

6 - - 47 40

10 - - 65 55

16 - - 87 73

25 118 106 108 96

35 147 131 134 116

50 190 159 163 140

70 244 202 208 177

95 297 245 253 212

120 345 284 293 244

150 397 311 338 273

185 455 349 386 309

240 537 410 455 362

300 620 468 524 414

400 722 531 - -

500 823 606 - -

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-33)
1) อณุ หภูมิโดยรอบทีแ่ ตกต่างจาก 40 ºC ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43
2) ในกรณีมีจํานวนตวั นํากระแสมากกว่า 1 กล่มุ วงจร สําหรับรางเคเบิลแบบมีฝาปิ ดให้ใช้ตวั คูณปรับค่า ตามทีร่ ะบไุ วใ้ น

ตารางที่ 5-33(ก) และสําหรบั รางเคเบิลแบบไม่มีฝาปิ ดใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ ว้ ในตารางที่ 5-41

ยกเว้น การจดั วางระยะห่างระหว่างกล่มุ วงจรมากกว่าสองเท่าของผลรวมเสน้ ผ่านศูนย์กลาง ภายนอก

ของตวั นํากระแส ไม่ตอ้ งนําตวั คูณปรบั ค่าตามตารางมาพิจารณา

บทที่ 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-51

ตารางท่ี 5-33(ก)

จํานวนกลมุ่ วงจร ตวั คณู ปรับคา่

2 0.8

3 0.7

4 0.65

5 0.6

6 0.57

7 0.54

8 0.52

9 0.50

10-12 0.45

13-16 0.41

17-20 0.38

3) ดูคําอธิบายรูปแบบการติดตง้ั ในตารางที่ 5-47

5-52 บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-34
ขนาดกระแสของสายเคเบิลชนิดเอ็มไอ ตัวนําและเปลือก (Sheath) ทองแดง หุ้ม/ไม่หุ้มพีวีซี โดยเปลือกทองแดง
สามารถสมั ผสั ได้ อุณหภมู เิ ปลือก 70 ºC อุณหภมู โิ ดยรอบ 40 ºC

ลกั ษณะการติดตงั้ กลมุ่ ที่ 7

ลกั ษณะการจดั วางสาย เดินเกาะผนงั ในอากาศ, วางบนรางเคเบิลชนิดด้านลา่ งทบึ วางบนรางเคเบิลแบบระบายอากาศ ไมม่ ีฝาปิ ด หรือราง

ไมม่ ฝี าปิ ด เคเบิลแบบบนั ได

เคเบิลแกนเดียว 2 เคเบิลแกนเดยี ว 3 เคเบิลแกนเดียว 3 เคเบิลแกนเดยี ว 2 เคเบิลแกนเดยี ว 3 เคเบิลแกนเดียว 3

จํานวนตวั นํากระแสและ เส้น หรือเคเบิล 2 เส้น วางสามเหล่ียม เส้น วางเรียงชิดกนั เส้น หรือเคเบิล 2 เส้น วาง เส้น วางเรียงชิดกนั
รูปแบบการตดิ ตงั้
แกน 1 เส้น วางชิด ชิดกนั หรือเคเบิล 3 แกน 1 เส้น วางชิด สามเหล่ียมชิดกนั

กนั แกน 1 เส้น กนั หรือเคเบิล 3 แกน

1 เส้น

รหสั ชนิดเคเบิลท่ีใช้ IEC 60702 , หรือ AS 3187

ขนาดแรงดนั ขนาดสาย ขนาดกระแส (แอมแปร์)
(ตร.มม.)

500 V 1 16 13 14 17 14 15
(รุ่นใช้งาน 1.5 20 16 18 21 18 20
2.5 26 22 25 28 24 26
เบา) 4 34 30 32 37 31 35

750 V 1 17 14 15 18 15 17
(รุ่นใช้งาน 1.5 21 18 20 22 19 22
2.5 29 24 26 31 26 29
หนกั ) 4 38 31 35 40 34 38
6 48 41 44 51 43 48
10 65 55 60 70 59 65
16 87 73 78 93 78 87
25 113 95 102 121 102 112
35 139 116 125 148 125 137
50 172 144 154 183 155 168
70 210 176 188 224 190 205
95 252 212 224 269 227 246
120 289 243 258 309 262 281
150 330 278 294 354 299 320
185 374 315 333 401 339 362

240 437 369 388 469 396 422

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-34)
1) สําหรบั เคเบิลแกนเดียว เปลือกทองแดงแต่ละเสน้ ของวงจรเดียวกนั ตอ้ งต่อประสานเข้าดว้ ยกนั ทีป่ ลาย ทงั้ 2 ดา้ น ของ

วงจร
2) กรณีเคเบิลเปลือกนอกไม่หมุ้ พีวีซี ค่าขนาดกระแสตามตารางที่ 5-34 ตอ้ งคูณปรบั ค่าดว้ ย 0.9
3) อณุ หภูมิโดยรอบทีแ่ ตกต่างจาก 40 ºC ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43
4) ในกรณีมีจํานวนตวั นํากระแสมากกว่า 1 กล่มุ วงจร ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-40
5) ดูคําอธิบายรูปแบบการติดตง้ั ในตารางที่ 5-47

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-53

ตารางท่ี 5-35
ขนาดกระแสของสายเคเบิลชนิดเอ็มไอ ตวั นําและเปลือก (Sheath) ทองแดง โดยเปลือกทองแดงไม่สามารถให้บุคคลสัมผัส
หรือไม่สามารถสมั ผัสกับวัสดตุ ดิ ไฟได้ อุณหภมู เิ ปลือก 105 ºC อุณหภมู โิ ดยรอบ 40 ºC

ลกั ษณะการติดตงั้ กลมุ่ ที่ 7

ลกั ษณะการจดั วางสาย เดนิ เกาะผนงั ในอากาศ, วางบนรางเคเบิลชนิดด้านลา่ งทบึ ไม่ วางบนรางเคเบิลแบบระบายอากาศ ไมม่ ีฝาปิ ด หรือ

มีฝาปิ ด รางเคเบิลแบบบนั ได

เคเบิลแกนเดยี ว เคเบิลแกนเดียว เคเบิลแกนเดียว เคเบิลแกนเดยี ว เคเบิลแกนเดียว เคเบิลแกนเดยี ว

จํานวนตวั นํากระแสและ 2 เส้น หรือเคเบิล 3 เส้น วาง 3 เส้น 2 เส้น หรือเคเบิล 3 เส้น วาง 3 เส้น
รูปแบบการตดิ ตงั้
2 แกน 1 เส้น สามเหล่ียมชิดกนั วางเรียงชิดกนั 2 แกน 1 เส้น สามเหลี่ยมชิดกนั วางเรียงชิดกนั

วางชิดกนั หรือเคเบิล 3 แกน วางชิดกนั หรือเคเบิล 3 แกน

1 เส้น 1 เส้น

รหสั ชนิดเคเบิลท่ีใช้ IEC 60702 , หรือ AS 3187

ขนาดแรงดนั ขนาดสาย ขนาดกระแส (แอมแปร์)
(ตร.มม.)

500 V 1 20 17 19 22 19 21
(รุ่นใช้งาน 1.5 26 22 25 29 24 27
2.5 35 30 33 38 32 36
เบา) 4 47 40 43 50 42 47

750 V 1 22 18 22 24 20 23
(รุ่นใช้งาน 1.5 29 24 28 30 26 29
2.5 39 32 38 41 35 40
หนกั ) 4 51 43 49 55 46 52
6 64 54 62 70 59 65
10 88 75 84 96 80 88
16 117 98 109 126 106 117
25 153 129 142 165 138 151
35 187 157 172 202 169 184
50 231 195 212 250 210 227
70 282 239 258 306 257 276
95 339 287 307 368 308 330
120 390 330 352 423 354 378
150 446 377 400 484 406 431
185 506 428 453 548 460 488

240 592 500 526 641 537 568

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-35)
1) สําหรบั เคเบิลแกนเดียว เปลือกทองแดงแต่ละเสน้ ของวงจรเดียวกนั ตอ้ งต่อประสานเขา้ ดว้ ยกนั ทีป่ ลาย ทง้ั 2 ดา้ น ของวงจร
2) อปุ กรณ์ทีต่ ่อกบั สายเคเบิลชนิดเอ็มไอนี้ จะตอ้ งตรวจสอบให้ทราบแน่ชดั ว่า ขว้ั ต่อสายเหมาะสมทีจ่ ะใช้ กบั ตวั นําที่มีอณุ หภูมิสูง

กว่า 70 องศาเซลเซียสดว้ ย
3) อณุ หภูมิโดยรอบทีแ่ ตกต่างจาก 40 ºC ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43
4) ในกรณีมีจํานวนตวั นํากระแสมากกว่า 1 กล่มุ วงจร ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-40
5) ดูคําอธิบายรูปแบบการติดตง้ั ในตารางที่ 5-47

5-54 บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-36

ขนาดกระแสของสายเคเบลิ ตวั นําทองแดงแกนเดยี วห้มุ ฉนวนครอสลงิ กด์พอลเิ อทลิ นี เปลอื กนอกพวี ซี ี มีชีลด์ ขนาด

แรงดัน (U0/U) ตัง้ แต่ 3.6/6 กิโลโวลต์ ถงึ 18/30 กิโลโวลต์ อุณหภูมิตัวนํา 90 ºC อุณหภูมิโดยรอบ 40 ºC วางบนราง
เคเบลิ แบบระบายอากาศ หรือบนรางเคเบลิ แบบบนั ได

ลกั ษณะ กลมุ่ ที่ 7
การตดิ ตงั้
จํานวน 3
ตวั นํากระแส
รหสั ชนิด ตามมาตรฐาน IEC 60502-2
เคเบิลที่ใช้
แบบระบายอากาศ แบบบนั ได
ชนิดรางเคเบิล
DD D D
รูปแบบการ D
ติดตงั ้ DD
217 217 255 อ ่ยูระหว่างการ ิพจารณา ขนาดกระแส (แอมแปร์)
ขนาดสาย 270 269 317 อ ่ยูระหว่างการ ิพจารณา 217 260
(ตร.มม.) 329 329 387 217 221 269 324
380 379 446 269 276 329 395
50 429 430 499 329 336 379 455
70 490 494 568 379 388 430 509
95 577 583 664 430 438 494 580
120 659 669 754 494 501 583 678
150 746 769 837 583 589 669 770
185 669 672 769 854
240 769 762
300
400

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-36)
1) อณุ หภูมิโดยรอบทีแ่ ตกต่างจาก 40 ºC ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43
2) ในกรณีเดินเป็นกล่มุ มากกว่า 1 วงจร ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-40
3) ตวั นําชีลด์มีการต่อลงดินทีป่ ลายทงั้ 2 ดา้ น และ / หรือต่อลงดินหลายตําแหน่ง
4) ดคู ําอธิบายรูปแบบการติดตงั้ ในตารางที่ 5-47

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-55

ตารางท่ี 5-37
ขนาดกระแสของสายเคเบลิ ตวั นําทองแดงแกนเดยี วห้มุ ฉนวนครอสลงิ กด์พอลเิ อทลิ นี เปลือกนอกพวี ซี ี มชี ีลด์ ขนาด
แรงดัน (U0/U) ตงั้ แต่ 3.6/6 กิโลโวลต์ ถงึ 18/30 กิโลโวลต์ อุณหภูมิตวั นํา 90 ºC อุณหภูมโิ ดยรอบ 40 ºC (เดนิ ร้อยใน
ท่อในอากาศ) และ 30 ºC (ร้อยท่อฝังดนิ )

ลกั ษณะการตดิ ตงั้ กลมุ่ ที่ 2 กลมุ่ ที่ 5
จํานวนตวั นํากระแส
ไม่เกิน 3
ลกั ษณะตวั นํา แกนเดียว

รูปแบบการตดิ ตงั้

รหสั ชนิดเคเบิลท่ีใช้งาน ตามมาตรฐาน IEC 60502-2
ขนาดสาย (ตร.มม.) ขนาดกระแส (แอมแปร์)

35 148 149
50 175 178
70 215 218
95 265 265
120 303 303
150 348 341
185 396 386
240 478 454
300 551 521
400 636 607
500 730 706

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-37)
1) อณุ หภูมิโดยรอบทีแ่ ตกต่างจาก 40 ºC (เดินร้อยในท่อในอากาศ) และ 30 ºC (ร้อยทอ่ ฝังดิน) ใหใ้ ชต้ วั คูณ ปรบั ค่าตามที่

ระบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43 และ 5-44 ตามลําดบั
2) งานติดตง้ั ระบบไฟฟ้ าทีต่ อ้ งการมอบทรพั ย์สินหรือเป็นทรพั ย์สินของการไฟฟ้ าฯ ใหพ้ ิจารณาขนาดกระแสตามมาตรฐาน

การไฟฟ้ าฯ ยกเวน้ ไม่มีกําหนดไว้

5-56 บทที่ 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-38
ขนาดกระแสสายเคเบลิ ตวั นําทองแดงแกนเดยี วหุ้มฉนวนครอสลงิ กด์พอลเิ อทลิ ีน มเี ปลอื กนอก อุณหภมู ติ วั นํา 90
ºC อุณหภมู โิ ดยรอบ 30 ºC ขนาดแรงดนั (U0/U) 3.6/6 ถงึ 18/30 กโิ ลโวลต์ เดนิ ใน duct bank ไม่เกนิ 8 ท่อ

ขนาดสาย 1 2 ขนาดกระแสตอ่ 1 วงจร (แอมแปร์) 7 8
(ตร.มม.) จํานวนวงจรทงั้ หมด

3456

35 175 160 147 137 130 122 116 110

50 210 191 175 162 153 144 136 130

70 251 228 208 193 182 171 161 154

95 313 282 256 236 222 208 196 187

120 357 322 292 270 254 238 224 213

150 405 362 327 300 282 263 248 235

185 461 410 369 339 318 296 278 264

240 535 475 427 392 367 342 321 305

300 611 539 481 440 411 382 358 339

400 694 619 553 507 473 440 412 391

500 797 695 616 560 522 483 451 427

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-38)
1) การคํานวณอิงจากมาตรฐาน IEC 60287 ตามสภาพเงือ่ นไขดงั ต่อไปนี้

• สําหรบั ระบบแรงสงู ชีลด์ มีต่อการลงดินลกั ษณะต่อปลายทง้ั สองดา้ น และ/หรือ ต่อลงดินหลายจดุ

• มีเคเบิล (ตวั นํากระแส) 3 เสน้ ใน 1 ท่อ
2) งานติดตง้ั ระบบไฟฟ้ าทีต่ อ้ งการมอบทรพั ย์สินหรือเป็นทรพั ย์สินของการไฟฟ้ าฯ ใหพ้ ิจารณาขนาดกระแสตามมาตรฐาน

การไฟฟ้ าฯ ยกเวน้ ไม่มีกําหนดไว้

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-57

ตารางท่ี 5-39
ขนาดกระแสของสายไฟฟ้ าเคร่ืองเช่ือม (ตวั นําทองแดง) ตาม มอก.448-2525

ขนาดสาย (ตร.มม.) 100 ขนาดกระแส (แอมแปร์) 20
87 วฏั จกั รทํางานสงู สดุ *, ร้อยละ 195
10 115 60 30 25 260
16 155 110 160 175 350
25 195 150 215 235 440
35 250 200 285 315 560
50 310 250 355 390 690
70 375 320 450 495 840
95 435 400 560 620 970
120 510 485 685 750 1,140
150 570 570 790 870 1,280
185 680 660 930 1,020 1,520
240 740 1,040 1,150
880 1,240 1,360

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-39)
*หมายถึง วฏั จกั รทํางานร้อยละ 100 กําหนดจากเวลาทีจ่ ่ายไฟฟ้ าให้เครื่องเชื่อมในเวลา 1 ชว่ั โมง ส่วนวฏั จกั ร ทํางานอืน่ ๆ
กําหนดจากเวลาทีจ่ ่ายไฟฟ้ าใหเ้ ครื่องเชือ่ มใน 5 นาที

5-58 บทที่ 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-40
ตวั คูณปรับค่าขนาดกระแสสาํ หรับสายเคเบลิ แกนเดยี ว วางบนรางเคเบลิ เป็ นกลุ่มมากกว่า 1 วงจร

วิธีการติดตงั ้ จํานวน จํานวนกลมุ่ วงจรต่อรางเคเบลิ ลกั ษณะการ

รางเคเบลิ แบบ รางเคเบิล 1 2 3 4 5-6 7-9 จดั เรียงเคเบลิ
ระบายอากาศ
(หมายเหตุ 2)) 1 1.00 0.91 0.87 0.82 0.78 0.77 รูปแบบวางชิด

> 300mm 2 0.96 0.87 0.81 0.78 0.74 0.69 กนั ใน

3 0.95 0.85 0.78 0.75 0.70 0.65 แนวนอน

รางเคเบลิ แบบ a a > 20mm > 300mm 1 1.00 0.86 0.80 0.75 0.71 0.70 รูปแบบวางชิด
ระบายอากาศวาง > 225mm 2 0.95 0.84 0.77 0.72 0.67 0.66 กนั ในแนวตงั้
แนวตงั ้
(หมายเหตุ 3)) a a > 20mm 1 1.00 0.97 0.96 0.94 0.93 0.92 รูปแบบวางชิด
รางเคเบิลแบบ 2 0.98 0.93 0.89 0.88 0.86 0.83 กนั ใน
บนั ได 3 0.97 0.90 0.86 0.83 0.80 0.77 แนวนอน
(หมายเหตุ 2))

รางเคเบิลแบบ 1 1.00 0.98 0.96 0.93 0.89 -

ระบายอากาศ >2D D > 300mm 2 0.97 0.93 0.89 0.85 0.80 -
(หมายเหตุ 2)) 3 0.96 0.92 0.86 0.82 0.76 - รูปแบบวางชิด

a a > 20mm กนั แบบ
1 1.00 0.91 0.89 0.88 0.87 - สามเหล่ยี ม
รางเคเบลิ แบบ

ระบายอากาศวาง >2D 2 1.00 0.90 0.86 0.85 0.83 - ห่างกนั ไม่
แนวตงั ้ D น้อยกวา่ 2

(หมายเหตุ 3)) > 225mm เท่า ของเส้น

รางเคเบลิ แบบ 1 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 - ผา่ น

บนั ได >2D D > 300mm 2 0.97 0.95 0.93 0.92 0.91 - ศนู ย์กลาง
(หมายเหตุ 2))
3 0.96 0.94 0.90 0.89 0.86 เคเบลิ

a a > 20mm

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-59

ตารางท่ี 5-40 (ต่อ)
ตวั คณู ปรับค่าขนาดกระแสสาํ หรับสายเคเบลิ แกนเดยี ว วางบนรางเคเบลิ เป็ นกลุ่มมากกว่า 1 วงจร

จํานวน จํานวนกลมุ่ วงจรตอ่ รางเคเบลิ ลกั ษณะ

วิธีการติดตงั ้ ราง 1 2 3 4 5-6 7-9 การจดั เรียง
เคเบิล เคเบิล

รางเคเบิลแบบ 1 1.00 0.93 0.90 0.87 0.83 -
ระบายอากาศ
(หมายเหตุ 2)) > 300mm 2 0.97 0.89 0.85 0.81 0.76 -

รางเคเบลิ แบบ DD 3 0.96 0.88 0.82 0.78 0.72 -
ระบายอากาศวาง a a > 20mm
แนวตงั ้ รูปแบบวาง
(หมายเหตุ 3))
รางเคเบิลแบบบนั ได D 1 1.00 0.91 0.89 0.88 0.87 - ห่างกนั ไม่
(หมายเหตุ 2)) D
2 0.94 0.90 0.86 0.85 0.83 - น้อยกวา่

เส้นผ่าน

> 225mm ศนู ย์กลาง

1 1.00 0.97 0.96 0.96 0.96 - เคเบิล

DD > 300mm 2 0.97 0.94 0.93 0.92 0.91 -
a a > 20mm
3 0.96 0.93 0.92 0.91 0.88 -

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-40)
1) ตวั คูณปรบั ค่าขนาดกระแสใหใ้ ชก้ บั การวางสายไฟฟ้ าชน้ั เดียวเท่านนั้
2) ตวั คูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใช้กบั การติดตงั้ รางเคเบิลในแนวนอนทีม่ ีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวดิ่ง ไม่นอ้ ยกว่า

300 มม. และติดตง้ั รางเคเบิลห่างจากผนงั ไม่นอ้ ยกว่า 20 มม.เท่านน้ั
3) ตวั คูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใช้กบั การติดตงั้ รางเคเบิลในแนวดิ่งทีม่ ีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวราบ ไม่นอ้ ยกว่า

225 มม.เท่านน้ั
4) ในกรณีทีจ่ ํานวนรางเคเบิลมากกว่าหนึ่งราง ตวั คูณปรบั ค่าใหค้ ิดจากรางเคเบิลทีม่ ีกล่มุ วงจรมากทีส่ ดุ

5-60 บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-41
ตวั คณู ปรับค่าขนาดกระแสสาํ หรับสายเคเบลิ หลายแกน วางบนรางเคเบลิ แบบระบายอากาศ แบบด้านล่างทบึ
หรือแบบบนั ได เม่อื วางเป็ นกล่มุ มากกว่า 1 วงจร

วธิ ีการติดตงั้ จํานวนรางเคเบิล จํานวนเคเบลิ ตอ่ รางเคเบิล
รางเคเบลิ แบบระบาย
อากาศ(หมายเหตุ 2)) 1 2 3 4 5-6 7-9

a a > 20mm 1 1.0 0.88 0.82 0.77 0.73 0.72

DD > 300mm 2 1.0 0.87 0.80 0.77 0.73 0.68

3 1.0 0.86 0.79 0.76 0.71 0.66

4-6 1.0 0.84 0.77 0.73 0.68 0.64

1 1.0 1.0 0.98 0.95 0.91 -

> 300mm 2 1.0 0.99 0.96 0.92 0.87 -

3 1.0 0.98 0.95 0.91 0.85 -

รางเคเบลิ แบบระบาย a a > 20mm 1 1.0 0.88 0.82 0.77 0.73 0.72
อากาศวางแนวตงั ้ 2 1.0 0.88 0.81 0.76 0.71 0.70
(หมายเหตุ 3)) > 225mm
D 1
D 2 1.0 0.91 0.89 0.88 0.87 -
1.0 0.91 0.88 0.87 0.85 -

> 225mm

รางเคเบิลแบบด้านลา่ ง > 300mm 1 0.97 0.84 0.78 0.75 0.71 0.68
ทบึ (หมายเหตุ 2)) 2 0.97 0.83 0.76 0.72 0.68 0.63
3 0.97 0.82 0.75 0.71 0.66 0.61
a a > 20mm 4-6 0.97 0.81 0.73 0.69 0.63 0.58
1 1.0 0.87 0.82 0.80 0.79 0.78
รางเคเบิลแบบบนั ได > 300mm 2 1.0 0.86 0.80 0.78 0.76 0.73
(หมายเหตุ 2)) 3 1.0 0.85 0.79 0.76 0.73 0.70
4-6 1.0 0.84 0.77 0.73 0.68 0.64
a a > 20mm 1 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 -
2 1.0 0.99 0.98 0.97 0.96 -
DD > 300mm 3 1.0 0.98 0.97 0.96 0.93 -
a a > 20mm

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-41)
1) ตวั คูณปรบั ค่าขนาดกระแสใหใ้ ชก้ บั การวางสายไฟฟ้ าชน้ั เดียวเท่านนั้
2) ตวั คูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใชก้ บั การติดตง้ั รางเคเบิลในแนวนอนที่มีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวดิ่ง ไม่นอ้ ยกว่า 300 มม.

และติดตงั้ รางเคเบิลห่างจากผนงั ไม่นอ้ ยกว่า 20 มม.เท่านน้ั
3) ตวั คูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใชก้ บั การติดตง้ั รางเคเบิลในแนวดิ่งที่มีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวราบ ไม่น้อยกว่า 225 มม.

เท่านนั้
4) ในกรณีทีจ่ ํานวนรางเคเบิลมากกว่าหนึ่งราง ตวั คูณปรบั ค่าใหค้ ิดจากรางเคเบิลทีม่ ีกล่มุ วงจรมากทีส่ ดุ

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-61

ตารางท่ี 5-42

ขนาดกระแสของสายไฟฟ้ าอลูมิเนียมหุ้มฉนวนพีวีซีตาม มอก.293-2541 ขนาดแรงดัน (U0/U) ไม่เกิน 450/750
โวลต์ อุณหภมู ติ วั นํา 70 ºC อุณหภมู โิ ดยรอบ 40 ºC เดนิ บนฉนวนลกู ถ้วยในอากาศ

รูปแบบการตดิ ตงั้ DDD D D
D
ขนาดสาย (ตร.มม.) ขนาดกระแส (แอมแปร์)
25 97 DD
35 121
50 147 86
70 189 108
95 231 132
120 268 171
150 310 210
185 354 245
240 419 284
300 485 327
400 584 389
500 674 452
547
635

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-42)
อณุ หภูมิโดยรอบทีแ่ ตกต่างจาก 40 ºC ใหใ้ ชต้ วั คูณปรบั ค่าตามทีร่ ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43

5-62 บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-43
ตวั คูณปรับค่าอุณหภมู โิ ดยรอบท่แี ตกต่างจาก 40 ºC ใช้กบั ค่าขนาดกระแสของเคเบลิ เม่ือเดนิ ในอากาศ

อณุ หภมู ิโดยรอบ PVC ฉนวน เอม็ ไอ
(องศาเซลเซยี ส) XLPE หรือ EPR 70oC 105oC

11-15 1.34 1.23 1.41 1.21

16-20 1.29 1.19 1.34 1.16

21-25 1.22 1.14 1.26 1.13

26-30 1.15 1.10 1.18 1.09

31-35 1.08 1.05 1.09 1.04

36-40 1.00 1.00 1.00 1.00

41-45 0.91 0.96 0.91 0.96

46-50 0.82 0.90 0.79 0.91

51-55 0.70 0.84 0.67 0.87

56-60 0.57 0.78 0.53 0.82

61-65 - 0.71 - 0.76

66-70 - 0.64 - 0.70

71-75 - 0.55 - 0.65

76-80 - 0.45 - 0.59

81-85 - - - 0.51

86-90 - - - 0.43

91-95 - - - 0.35

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-63

ตารางท่ี 5-44
ตวั คูณปรับค่าอุณหภมู โิ ดยรอบแตกต่างจาก 30 ºC ใช้กับค่าขนาดกระแสของเคเบลิ เม่ือเดนิ ใต้ดนิ

อณุ หภมู ิโดยรอบ ฉนวน
(องศาเซลเซียส) PVC XLPE หรือ EPR
1.18 1.12
11-15 1.12 1.08
16-20 1.07 1.03
21-25 1.0 1.0
26-30 0.94 0.96
31-35 0.87 0.91
36-40 0.80 0.86
41-45 0.71 0.82
46-50 0.62 0.76
51-55 0.51 0.70
56-60
61-65 - 0.65
66-70 - 0.57
71-75 - 0.49
76-80 - 0.41

5-64 บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-45

ตัวคณู ปรับค่าสาํ หรับสายเคเบลิ แกนเดียว หรือหลายแกน ขนาดแรงดนั (U0/U) ไม่เกิน 0.6/1 กโิ ลโวลต์ ฝังดนิ โดยตรง เม่ือ
วางเป็ นกลุ่มมากกว่า 1 วงจร วางเรียงกันแนวระดบั

ระยะห่างระหวา่ งผิวด้านนอกเคเบลิ แตล่ ะวงจร (มม.)

จํานวนวงจร วางชิดกนั เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 125 250 500

2 0.75 เคเบิล 1 เส้น 0.90
3 0.65 0.85
4 0.60 0.80 0.85 0.90 0.80
5 0.55 0.80
6 0.50 0.70 0.75 0.80 0.80

0.60 0.70 0.75

0.55 0.65 0.70

0.55 0.60 0.70

ตารางท่ี 5-46

ตัวคูณปรับค่าสําหรับสายเคเบิลแกนเดียว หรือหลายแกน ขนาดแรงดัน (U0/U) ไม่เกิน 0.6/1 กิโลโวลต์ ร้ อยท่อฝั งดิน
โดยตรง เม่อื วางเป็ นกลุ่มมากกว่า 1 วงจร วางเรียงกันแนวระดับ

จํานวนวงจร วางชิดกนั ระยะห่างระหวา่ งผิวด้านนอกทอ่ แตล่ ะวงจร (มม.) 1,000
0.85 250 500 0.95
2 0.75 0.90 0.95 0.95
3 0.70 0.85 0.90 0.90
4 0.65 0.80 0.85 0.90
5 0.60 0.80 0.85 0.90
6 0.80 0.80

บทที่ 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-65

ตารางท่ี 5-47
รูปแบบการตดิ ตงั้ อ้างองิ

วธิ ีการเดนิ สาย รูปแบบการติดตงั ้ ลกั ษณะการติดตงั้ หมายเหตุ
สายแกนเดียวหรือหลายแกนห้มุ หรือ กลมุ่ ที่ 1
ฉนวน มี/ไมม่ ีเปลอื กนอก เดนิ ฝ้ าเพดาน หรือผนงั
ช่องเดินสายโลหะหรืออโลหะ หรือ กลมุ่ ท่ี 2 กนั ไฟท่ีเป็นฉนวน
ภายในฝ้ าเพดานที่เป็นฉนวน หรือ ความร้อนคือวสั ดทุ ่ีมี
ความร้อน หรือผนงั กนั ไฟ คา่ การนําทางความ
ร้อน (thermal con-
สายแกนเดยี วหรือหลายแกนห้มุ ductance) อย่าง
ฉนวน มี/ไมม่ ีเปลือกนอก เดินใน น้อย 10 W/m2xK*
ชอ่ งเดนิ สายโลหะหรืออโลหะเดนิ
เกาะผนงั หรือเพดาน หรือฝังใน กรณีฝังในผนงั
ผนงั คอนกรีตหรือท่ีคล้ายกนั คอนกรีตหรือท่ี
คล้ายกนั ผนงั นนั้
สายแกนเดยี วหรือหลายแกนห้มุ จะต้องมีคา่ ความ
ฉนวนมีเปลือกนอก เดนิ เกาะผนงั ต้ านทานความร้ อน
หรือเพดาน ที่ไม่มีสิง่ ปิดห้มุ ที่ (thermal resistivity)
คล้ายกนั ไมเ่ กิน 2 Kxm/W
สายเคเบลิ แกนเดียวห้มุ ฉนวน มี/
ไม่มีเปลอื กนอก วางเรียงกนั แบบ -
มีระยะห่าง เดนิ บนฉนวนลกู ถ้วย
ในอากาศ กลมุ่ ที่ 3
สายแกนเดียวหรือหลายแกนห้มุ
ฉนวนมีเปลือกนอก เดินในทอ่ D หรือ DDD D กลมุ่ ท่ี 4 ระยะหา่ งถงึ ผนงั และ
โลหะหรืออโลหะฝังดนิ D กลมุ่ ที่ 5 ระหวา่ งเคเบลิ ไม่น้อย
สายแกนเดยี ว หรือหลายแกน ห้มุ กลมุ่ ท่ี 6 กวา่ เส้นผา่ น
ฉนวน มีเปลือกนอก ฝังดิน DD ศนู ย์กลางเคเบิล
โดยตรง -
หรือ
-
หรือ

5-66 บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-47 (ต่อ)
รูปแบบการตดิ ตงั้ อ้างองิ

วิธีการเดินสาย รูปแบบการตดิ ตงั้ ลกั ษณะการติดตงั้ หมายเหตุ
หรือ กลมุ่ ท่ี 7
สายเคเบลิ แกนเดยี วหรือหลาย รางเคเบิลแบบ
แกนห้มุ ฉนวน มีเปลอื กนอก วาง ระบายอากาศจะต้อง
บนรางเคเบลิ แบบด้านลา่ งทบึ , มีพืน้ ท่ีรูระบาย
รางเคเบิลแบบระบายอากาศ อากาศไม่น้อยกวา่
หรือรางเคเบลิ แบบบนั ได ร้อยละ 30 ของพืน้ ผิว
รางเคเบลิ ทงั้ หมด

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-47)
*หากไม่มีเอกสารยืนยนั ว่าค่าการนําความร้อนมีค่านอ้ ยกว่า 10 W/m2.K ใหถ้ ือว่าการเดินสายร้อยท่อภายในฝ้ าเพดาน หรือ
ผนงั กนั ไฟใดๆ จะตอ้ งมีค่าขนาดกระแสตามลกั ษณะการติดตง้ั ตามกล่มุ ที่ 1 นี้ ระบไุ ว้

บทท่ี 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-67

ตารางท่ี 5-48
ข้อกาํ หนดการใช้งานของสายไฟฟ้ าตวั นําทองแดง ห้มุ ฉนวนพวี ีซี ตาม มอก.11-2553

รหสั ชนิด ขนาดสาย ลกั ษณะ จํานวน อณุ หภมู ิ เปลือก แรงดนั การใช้งาน
เคเบิล/ช่ือ (ตร.มม.) ตวั นํา แกน ตวั นํา นอก ไฟฟ้ า
Uo/U • ใช้งานทว่ั ไป
เรียก (โวลต์) • เดนิ ในชอ่ งเดินสายและต้อง
450/750
60227 1.5-400 เดยี่ วแข็ง แกนเดียว 70°C ไมม่ ี ป้ องกนั นํา้ เข้าช่องเดนิ สาย
IEC 01 (Solid) 450/750 • ห้ามร้อยทอ่ ฝังดินหรือฝังดิน
หรือตเี กลยี ว
(Stranded) 300/500 โดยตรง
• ใช้งานทวั่ ไป
60227 1.5-240 ฝอย แกนเดยี ว 70°C ไมม่ ี 300/500 • เดนิ ในช่องเดินสายและต้อง
IEC 02 (Flexible)
300/500 ป้ องกนั นํา้ เข้าช่องเดินสาย
60227 0.5-1.0 เดี่ยวแขง็ แกนเดียว 70°C ไมม่ ี • ห้ามร้อยทอ่ ฝังดินหรือฝังดนิ
IEC 05 (Solid)
โดยตรง
60227 0.5-1.0 ฝอย แกนเดียว 70°C ไมม่ ี • ใช้งานทวั่ ไป
IEC 06 (Flexible) • เดนิ ในช่องเดนิ สายและต้อง

60227 0.5-2.5 เดย่ี วแข็ง แกนเดียว 90°C ไม่มี ป้ องกนั นํา้ เข้าช่องเดนิ สาย
IEC 07 (Solid) • ห้ามร้อยท่อฝังดินหรือฝังดนิ

โดยตรง
• ใช้งานทวั่ ไป
• เดนิ ในช่องเดินสายและต้อง

ป้ องกนั นํา้ เข้าช่องเดินสาย
• ห้ามร้อยทอ่ ฝังดินหรือฝังดนิ

โดยตรง
• ใช้งานทวั่ ไป
• เดินในชอ่ งเดินสายและต้อง

ป้ องกนั นํา้ เข้าช่องเดินสาย
• ห้ามร้อยทอ่ ฝังดินหรือฝังดิน

โดยตรง

5-68 บทที่ 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ

ตารางท่ี 5-48 (ต่อ)
ข้อกาํ หนดการใช้งานของสายไฟฟ้ าตวั นําทองแดง ห้มุ ฉนวนพวี ซี ี ตาม มอก.11-2553

รหสั ชนิด ขนาดสาย ลกั ษณะ จํานวน อณุ หภมู ิ เปลอื ก แรงดนั การใช้งาน
เคเบิล/ช่ือ (ตร.มม.) ตวั นํา แกน ตวั นํา นอก ไฟฟ้ า
Uo/U • ใช้งานทวั่ ไป
เรียก (โวลต์) • เดินในช่องเดินสายและต้อง

60227 0.5-2.5 ฝอย แกนเดยี ว 90°C ไม่มี 300/500 ป้ องกนั นํา้ เข้าชอ่ งเดินสาย
IEC 08 (Flexible) • ห้ามร้อยทอ่ ฝังดนิ หรือฝังดนิ
300/500
60227 1.5-35 ตเี กลยี ว หลายแกน 70°C มี โดยตรง
IEC 10 (Stranded) (มี/ไม่มี 300/300 • ใช้งานทว่ั ไป
สายดิน) 300/300 • เดนิ ในช่องเดนิ สายและต้อง
300/300
60227 0.8 ตีเกลียว 2 แกน 70°C ไมม่ ี ป้ องกนั นํา้ เข้าชอ่ งเดินสาย
IEC 41 0.5-0.75 (Stranded) 70°C มี 300/500 • วางบนรางเคเบิล
60227 0.5-0.75 1 แกน 70°C มี • ห้ามร้อยทอ่ ฝังดนิ หรือฝังดนิ
IEC 43 ฝอย 300/300
0.75-2.5 (Flexible) หลายแกน 70°C มี โดยตรง
60227 0.5-0.75 (มี/ไมม่ ี 90°C มี • ใช้งานภายในอปุ กรณ์
IEC 52 ฝอย สายดิน)
(Flexible) หลายแกน อิเลก็ ทรอนิกส์
60227 (มี/ไม่มี • ใช้ตอ่ ไฟประดบั ตกแตง่ ภายใน
IEC 53 ฝอย สายดนิ )
(Flexible) หลายแกน อาคาร
60227 (มี/ไมม่ ี • ใช้ตอ่ เข้าเครื่องใช้ไฟฟ้ าชนิดหยิบ
IEC 56 ฝอย สายดนิ )
(Flexible) ยกได้
• ใช้งานภายในเคร่ืองใช้ไฟฟ้ า
• ใช้ตอ่ เข้าเคร่ืองใช้ไฟฟ้ าชนิดหยิบ

ยกได้ (ใช้งานหนกั )
• ใช้ตอ่ เข้าดวงโคม
• ใช้ตอ่ เข้าเคร่ืองใช้ไฟฟ้ าชนิดหยิบ

ยกได้ (ใช้งานหนกั )

บทที่ 5 ข้อกาํ หนดการเดนิ สายและวัสดุ 5-69

ตารางท่ี 5-48 (ต่อ)
ข้อกาํ หนดการใช้งานของสายไฟฟ้ าตวั นําทองแดง ห้มุ ฉนวนพวี ซี ี ตาม มอก.11-2553

รหสั ชนิด ขนาดสาย ลกั ษณะ จํานวน อณุ หภมู ิ เปลือก แรงดนั การใช้งาน
เคเบลิ /ช่ือ (ตร.มม.) ตวั นํา แกน ตวั นํา นอก ไฟฟ้ า
Uo/U • ใช้ตอ่ เข้าเครื่องใช้ไฟฟ้ าชนิดหยิบ
เรียก (โวลต์) ยกได้ (ใช้งานหนกั )

60227 0.75-2.5 ฝอย หลายแกน 90°C มี 300/500 • ใช้ในดวงโคมไฟฟ้ าที่มี/ไม่มีบลั
IEC 57 (Flexible) (มี/ไมม่ ี ลาสต์
สายดิน) 450/750
• ใช้ในป้ ายโฆษณา/ป้ ายไฟฟ้ า
1-500 แกนเดย่ี ว • ใช้งานทว่ั ไป
• วางบนรางเคเบลิ
NYY 50-300 ตเี กลยี ว หลายแกน 70°C มี • ร้อยทอ่ ฝังดินหรือฝังดนิ โดยตรง
25-300 (Stranded) 70°C มี
NYY-G 1-16 หลายแกน 70°C มี 300/500 • เดนิ เกาะผนงั
เดีย่ วแขง็ มีสายดนิ • เดินในชอ่ งเดนิ สาย ห้ามร้อยท่อ
VAF 4-35 (Solid) • ห้ามฝังดนิ
VAF-G หรือตเี กลยี ว 2 แกน
(Stranded) 2 แกนมี 450/750 • ใช้งานทวั่ ไป
VCT สายดนิ • ใช้ตอ่ เข้าเคร่ืองใช้ไฟฟ้ า
VCT-G ฝอย • วางบนรางเคเบลิ
(Flexible) แกนเดี่ยว • ร้อยท่อฝังดนิ หรือฝังดนิ โดยตรง
หลายแกน
และหลาย
แกนมีสาย

ดนิ

หมายเหตุ (ตารางที่ 5-48)
การใชง้ านตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วิธีการเดินสายดว้ ย

บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-1

บทท่ี 6
บริภณั ฑ์ไฟฟ้ า

ข้อกําหนดในบทนีเ้ ก่ียวกับการออกแบบระบบไฟฟ้ าสําหรับบริภัณฑ์ โคมไฟฟ้ า สวิตช์ เต้ารับ
และเต้าเสียบ มอเตอร์ วงจรมอเตอร์และเครื่องควบคมุ หม้อแปลง ห้องหม้อแปลง ลานหม้อ
แปลง และคาปาซเิ ตอร์

6.1 โคมไฟฟ้ าและเคร่ืองประกอบการตดิ ตงั้

6.1.1 ท่วั ไป
ให้ใช้กบั โคมไฟฟ้ า ขวั้ รับหลอด สายเข้าดวงโคมชนิดแขวน หลอดไส้ หลอดไฟอาร์ก หลอดไฟ
ปลอ่ ยประจุ การเดนิ สายของดวงโคมและบริภณั ฑ์ที่เป็ นสว่ นประกอบของดวงโคม

6.1.2 โคมไฟฟ้ าและเครื่องประกอบการติดตงั้ ต้องไม่มีส่วนที่มีไฟฟ้ าเปิ ดโล่งให้สมั ผสั ได้

6.1.3 ดวงโคมไฟฟ้ าและเครื่องประกอบการติดตงั้ ต้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมท่ีติดตงั ้
เม่ือการติดตงั้ ในสถานที่เปี ยกหรือสถานที่ชืน้ ต้องใช้ดวงโคมชนิดที่นํา้ ไม่สามารถเข้าไปในดวง
โคมหรือเคร่ืองประกอบการตดิ ตงั้ ได้เม่ืออยใู่ นสภาพการใช้งานตามปกติ

6.1.4 ดวงโคมใกล้วสั ดตุ ดิ ไฟ ต้องมีสงิ่ ป้ องกนั หรือกนั ้ ไม่ให้วสั ดตุ ดิ ไฟได้รับความร้อนเกิน 90 ºC

6.1.5 ดวงโคมและขวั้ รับหลอด ต้องมีการจบั ยดึ อยา่ งแข็งแรงและเหมาะสมกบั นํา้ หนกั ของ
ดวงโคม ดวงโคมท่ีมีนํา้ หนกั เกินกวา่ 2.5 กิโลกรัม หรือมีขนาดใหญ่กวา่ 400 มม. ห้ามใช้ขวั้ รับ
หลอดเป็ นตวั รับนํา้ หนกั ของดวงโคม

6.1.6 การเดนิ สายดวงโคม
6.1.6.1 การเดินสายดวงโคม ต้องจดั ทําให้เรียบร้อยเพ่ือป้ องกนั ความเสียหายทางกายภาพ
และให้ใช้สายเท่าที่จําเป็ นเท่านนั้ และต้องไม่ทําให้อุณหภูมิของสายนนั้ สงู กว่าอุณหภมู ิใช้งาน
สงู สดุ ของสาย
6.1.6.2 ขนาดกระแสของสายต้องไม่ต่ํากว่ากระแสของดวงโคม ขนาดสายไฟฟ้ าสําหรับดวง
โคม 1 ชดุ ต้องไมเ่ ลก็ กวา่ 1.0 ตร.มม. และต้องเป็ นชนิดที่เหมาะสมกบั สภาพการใช้งาน
6.1.6.3 ขวั้ รับหลอดชนิดเกลียวเม่ือใช้กบั ระบบไฟฟ้ าที่มีตวั นํานิวทรัล ส่วนเกลียวโลหะที่เป็ น
ทางเดินของกระแสไฟฟ้ าต้องต่อกับตวั นํานิวทรัลเทา่ นนั้

6-2 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.1.7 ดวงโคมต้องติดตงั้ ให้สามารถตรวจสอบการตอ่ สายระหว่างสายดวงโคมกบั สายของ
วงจรยอ่ ยได้โดยสะดวก

6.1.8 ฉนวนของสายในดวงโคม
6.1.8.1 สายที่ใช้ในดวงโคมต้องมีฉนวนท่ีเหมาะสมกบั กระแส แรงดนั และอณุ หภมู ิใช้งาน
6.1.8.2 ดวงโคมท่ีตดิ ตงั้ ในสถานที่เปี ยกชืน้ หรือสถานที่ที่มีการผกุ ร่อนได้ ต้องใช้สายชนิดที่
ได้รับการรับรองเพ่ือใช้สําหรับจดุ ประสงค์นนั้ แล้ว

6.1.9 การต่อและการต่อแยก
6.1.9.1 จดุ ตอ่ หรือจดุ ตอ่ แยกของสายต้องไมอ่ ยใู่ นก้านดวงโคม
6.1.9.2 การตอ่ หรือการตอ่ แยกของสายให้มีในดวงโคมได้เทา่ ท่ีจําเป็ นเทา่ นนั้
6.1.9.3 สายไฟที่อย่ใู นต้แู สดงสินค้าต้องเดินในช่องเดินสาย และสว่ นท่ีมีไฟฟ้ าต้องไม่อย่ใู นที่
เปิ ดเผย
6.1.9.4 กลอ่ งจดุ ตอ่ ไฟฟ้ าเข้าดวงโคมต้องมีฝาครอบ หรือปิ ดด้วยฝาครอบดวงโคมขวั้ รับหลอด
เต้ารับ เต้าเพดาน หรืออปุ กรณ์ที่คล้ายกนั

6.2 สวติ ช์ เต้ารับ (Receptacle) และเต้าเสียบ (Plug)

6.2.1 สวิตช์และเต้ารับที่ใช้งานต้องมีพิกดั กระแส แรงดนั และประเภทเหมาะสมกบั สภาพ
การใช้งาน เต้ารับต้องไม่เป็ นประเภทที่ใช้เป็ นขวั้ หลอดได้ด้วย

6.2.2 สวิตช์และเต้ารับที่ใช้กลางแจ้ง หรือสถานที่เปี ยกชืน้ ต้องเป็ นชนิดที่ระบุ IP ให้เหมาะ
กบั สภาพการใช้งาน กรณีป้ องกันนํา้ สาดให้ใช้ไม่ต่ํากว่า IPX4 กรณีป้ องกันนํา้ ฉีดให้ใช้ไม่ต่ํา
กวา่ IPX5 ตามข้อ 2.8

6.2.3 เต้ารับแบบติดกับพืน้ หรือฝังพืน้ การติดตัง้ ต้องป้ องกนั หรือหลีกเลี่ยงจากความ
เสยี หายทางกายภาพเน่ืองจากการทําความสะอาดพืน้ และการใช้งาน

6.2.4 สวติ ช์และเต้ารับต้องตดิ ตงั้ อยเู่ หนือระดบั นํา้ ที่อาจทว่ มหรือขงั ได้

6.2.5 ขนาดสายสําหรับเต้ารับใช้งานท่ัวไปแต่ละชุด ต้องไม่เล็กกว่า 1.5 ตร.มม. และ
สําหรับเต้ารับใช้งานเฉพาะ สายไฟฟ้ าต้องมีขนาดกระแสไม่ต่ํากว่าพิกดั เต้ารับ แต่ไม่ต้องใหญ่
กวา่ ขนาดของวงจรยอ่ ยนนั้

6.2.6 เต้ารับให้เป็ นไปตามข้อ 3.1.7

บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-3

6.2.7 ขวั้ สายเต้ารับชนิดมีสายดินตาม มอก.166-2549 จะต้องมีการเรียงขวั้ เฟส
นิวทรัล และสายดนิ แบบทวนเข็มนาฬิกา เม่ือมองจากด้านหน้า
6.2.8 ขาเสียบเต้าเสียบชนิดมีสายดินตาม มอก.166-2549 จะต้องมีการเรียงขวั้ เฟส
นิวทรัล และสายดนิ แบบตามเขม็ นาฬกิ า เม่ือมองจากด้านหน้า

6.3 มอเตอร์ วงจรมอเตอร์ และเคร่ืองควบคุม

ตอน ก. ทวั่ ไป

6.3.1 ข้อกําหนดนีใ้ ช้สําหรับการติดตงั ้ มอเตอร์ วงจรมอเตอร์ และเครื่องควบคมุ มอเตอร์
ท่วั ไปในกรณีท่ีติดตงั้ ในสถานท่ีเฉพาะ เช่น ในบริเวณอันตราย ให้ดูรายละเอียดในเร่ืองนัน้ ๆ
ประกอบด้วย

6.3.2 บุชชิง
เม่ือเดินสายผ่านช่องเปิ ดของเครื่องห่อห้มุ กล่องต่อท่อหรือผนงั ต้องใช้บุชชิงเพื่อป้ องกนั ความ
เสียหายของสาย บชุ ชิงต้องทําจากวสั ดทุ ี่ทนตอ่ สภาพแวดล้อม เช่น ทนตอ่ นํา้ มนั หลอ่ ล่ืน จาระบี
สารเคมี หรืออื่นๆ

6.3.3 ท่ตี ัง้
6.3.3.1 มอเตอร์ต้องติดตัง้ ในสถานที่ที่สามารถระบายอากาศได้สะดวกและสามารถเข้า
ไปบํารุงรักษาได้งา่ ย ยกเว้น มอเตอร์ทีเ่ ป็นสว่ นประกอบของบริภณั ฑ์ทีส่ ําเร็จรูป
6.3.3.2 มอเตอร์แบบเปิ ดท่ีมีแปรงถ่าน ต้องติดตงั้ ในสถานท่ีหรือมีมาตรการป้ องกันไม่ให้
ประกายไฟท่ีอาจเกิดขนึ ้ กระเดน็ ไปถกู วสั ดตุ ดิ ไฟได้
6.3.3.3 ในสถานท่ีที่มีละออง หรือวสั ดทุ ่ีปลวิ ได้ซงึ่ สามารถเกาะติดหรือเข้าไปภายในมอเตอร์
ได้มากพอที่จะทําให้มอเตอร์ระบายอากาศและความร้ อนไม่สะดวก ในสถานที่เช่นนีต้ ้องใช้
มอเตอร์ชนิดปิ ด

6.3.4 มอเตอร์ตัวใหญ่ท่สี ุด
การพจิ ารณาตดั สนิ วา่ มอเตอร์ตวั ใดใหญ่ท่ีสดุ ให้ดจู ากพกิ ดั กระแสโหลดเตม็ ที่ของมอเตอร์

6-4 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

ตอน ข. สายสาํ หรับวงจรมอเตอร์

6.3.5 สายสาํ หรับมอเตอร์ตวั เดียว
6.3.5.1 สายของวงจรย่อยท่ีจ่ายให้มอเตอร์ตวั เดียว ต้องมีขนาดกระแสไม่ต่ํากว่าร้อยละ
125 ของพิกดั กระแสโหลดเต็มท่ีของมอเตอร์ ยกเว้น มอเตอร์ชนิดความเร็วหลายค่าทีน่ ํามาใช้
งาน ประเภทใช้งานระยะสนั้ ใช้งานเป็นระยะ ใช้งานเป็นคาบ และใช้งานทีเ่ ปลี่ยนแปลง สาย
ตอ้ งมีขนาดกระแสไม่ต่ํากว่าจํานวนร้อยละของพิกดั กระแสบนแผ่นป้ ายประจําเครื่องตามตาราง
ที่ 6-1
6.3.5.2 สายของวงจรยอ่ ยมอเตอร์ต้องมีขนาดไมเ่ ลก็ กวา่ 1.5 ตร.มม.

6.3.6 สายด้านทตุ ยิ ภมู ขิ องมอเตอร์แบบเวาด์โรเตอร์ (Wound-Rotor)
6.3.6.1 มอเตอร์ใช้งานประเภทต่อเน่ือง
สายที่ตอ่ ระหวา่ งด้านทตุ ยิ ภมู ิของมอเตอร์กบั เครื่องควบคมุ มอเตอร์ต้องมีขนาดกระแสไม่ต่ํากวา่
ร้อยละ 125 ของกระแสโหลดเตม็ ท่ีด้านทตุ ยิ ภมู ิของมอเตอร์
6.3.6.2 มอเตอร์ท่ใี ช้งานไม่ต่อเน่ือง
สายต้องมีขนาดกระแสไม่ตํ่ากว่าจํานวนร้อยละของกระแสโหลดเต็มที่ด้านทตุ ิยภมู ิของมอเตอร์
ตามตารางท่ี 6-1

ตารางท่ี 6-1
ขนาดกระแสของสายสาํ หรับมอเตอร์ท่ใี ช้งานไม่ต่อเน่ือง

ร้อยละของพกิ ดั กระแสบนแผ่นป้ ายประจาํ เคร่ือง

ประเภทการใช้งาน มอเตอร์พกิ ดั มอเตอร์พกิ ดั มอเตอร์พกิ ัด มอเตอร์พกิ ดั
ใช้งาน 5 นาที ใช้งาน 15 นาที ใช้งาน 30 และ ใช้งานต่อเน่ือง
ใช้งานระยะสนั้ เชน่ มอเตอร์หมนุ
ปิ ด-เปิ ดวาล์ว ฯลฯ 60 นาที
ใช้งานเป็นระยะ เชน่ มอเตอร์ลิฟต์
มอเตอร์ปิ ด-เปิ ดสะพาน ฯลฯ 110 120 150 -
ใช้งานเป็นคาบ เช่นมอเตอร์หมนุ
ลกู กลงิ ้ ฯลฯ 85 85 90 140
ใช้งานที่เปลี่ยนแปลง
85 90 95 140
110 120 150 200

บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-5

6.3.6.3 มอเตอร์มีตวั ต้านทานอย่แู ยกจากเคร่ืองควบคุม
สายที่ตอ่ ระหวา่ งเคร่ืองควบคมุ และตวั ต้านทาน ต้องมีขนาดกระแสไม่ตํ่ากว่าท่ีกําหนดในตาราง

ท่ี 6-2

ตารางท่ี 6-2
ขนาดสายระหว่างเคร่ืองควบคมุ มอเตอร์ และ
ตวั ต้านทานในวงจรทุตยิ ภมู ขิ องมอเตอร์แบบเวาด์โรเตอร์

ประเภทการใช้งานของตวั ต้านทาน ขนาดกระแสของสายคดิ เป็ นร้อยละ
ของกระแสด้านทุตยิ ภมู ทิ ่โี หลดเตม็ ท่ี
เริ่มเดินอยา่ งเบา
เร่ิมเดนิ อยา่ งหนกั 35
เร่ิมเดินอย่างหนกั มาก 45
ใช้งานเป็นระยะหา่ งมาก 55
ใช้งานเป็นระยะหา่ งปานกลาง 65
ใช้ งานเป็ นระยะถี่ 75
ใช้งานตอ่ เนื่องกนั 85
110

6.3.7 สายสาํ หรับวงจรมอเตอร์หลายตัว
สายซ่ึงจ่ายกระแสให้แก่มอเตอร์มากกว่า 1 ตวั ต้องมีขนาดกระแสไม่ตํ่ากว่าผลรวมของพิกัด
กระแสโหลดเตม็ ที่ของมอเตอร์ทกุ ตวั บวกกบั ร้อยละ 25 ของพิกดั กระแสโหลดเต็มที่ของมอเตอร์
ตวั ใหญ่ท่ีสดุ ในวงจร ในกรณีท่ีมอเตอร์ตวั ใหญ่ที่สดุ มีหลายตวั ให้บวกร้อยละ 25 เพียงตวั เดียว
ในกรณีที่มีมอเตอร์แบบใช้งานไมต่ อ่ เน่ืองปนอยดู่ ้วย ในการหาขนาดสายให้ดาํ เนินการดงั นี ้
6.3.7.1 หาขนาดกระแสของสายสําหรับมอเตอร์แบบใช้งานไม่ตอ่ เน่ือง ตามตารางท่ี 6-1
6.3.7.2 หาขนาดกระแสของสายสําหรับมอเตอร์แบบใช้งานตอ่ เน่ืองโดยใช้คา่ ร้อยละ 100
ของพกิ ดั กระแสโหลดเตม็ ท่ีของมอเตอร์
6.7.3.3 ตรวจค่ากระแสจากข้อ 6.3.7.1 และ 6.3.7.2 เมื่อพบว่าคา่ ดงั กล่าวของมอเตอร์ตวั
ใดสงู สดุ ให้คณู ด้วย 1.25 แล้วบวกด้วยคา่ ขนาดกระแสของสายสําหรับมอเตอร์ตวั อ่ืนที่เหลือใน
ข้อ 6.3.7.1 และ 6.3.7.2 ทัง้ หมด จะได้กําหนดขนาดกระแสของสายท่ีจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์
เหลา่ นนั้

6.3.8 สายสาํ หรับวงจรท่จี ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ร่วมกบั โหลดอ่ืน
ต้องมีขนาดกระแสไมต่ ่ํากวา่ ที่คํานวณได้ ตามข้อ 6.3.5 หรือ 6.3.7 บวกกบั กระแสความต้องการ
สาํ หรับโหลดอื่นๆ ท่ีกําหนดไว้

6-6 บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

คาํ อธิบาย โหลดอืน่ ๆ หมายถึงโหลดทีค่ ิดค่าดีมานด์แฟกเตอร์แลว้

6.3.9 ดมี านด์แฟกเตอร์ของสายป้ อน
สายป้ อนอาจมีขนาดเล็กกว่าที่คํานวณตามข้อ 6.3.7 หรือ 6.3.8 ได้ถ้ามอเตอร์ใช้งานไม่พร้อม
กนั โดยสภาพของงาน การผลติ หรือเครื่องจกั ร

6.3.10 มอเตอร์ท่มี ีคาปาซิเตอร์ต่อร่วมอยู่ด้วย
การคํานวณขนาดสายสําหรับมอเตอร์ที่มีคาปาซิเตอร์ร่วมอย่ดู ้วยให้ดขู ้อ 6.5 เร่ืองคาปาซิเตอร์
ประกอบด้วย

6.3.11 การต่อสายแยกจากสายป้ อน
สายท่ีแยกจากสายป้ อน ต้องมีขนาดกระแสไม่น้อยกว่าท่ีคํานวณได้ในตอน ข. ต้องต่อเข้ากับ
เครื่องป้ องกนั กระแสเกินและต้องเป็ นไปตามข้อใดข้อหนง่ึ หรือหลายข้อ ดงั ตอ่ ไปนี ้
6.3.11.1 สายตวั นําต้องเดนิ ในทอ่ สายและยาวไมเ่ กิน 3 เมตร
6.3.11.2 มีขนาดกระแสไม่ต่ํากว่า 1/3 ของขนาดกระแสของสายป้ อนและมีการป้ องกนั ความ
เสยี หายทางกายภาพ ความยาวไมเ่ กิน 7.5 เมตร
6.3.11.3 มีขนาดกระแสเทา่ กบั สายป้ อน

ตอน ค. การป้ องกันการใช้งานเกนิ กาํ ลังของมอเตอร์และวงจรย่อย

ข้อกําหนดนี้ สําหรับมอเตอร์ทีใ่ ช้กบั ระบบแรงตํ่าเพือ่ ป้ องกนั วงจรมอเตอร์ และอปุ กรณ์ประกอบ
ต่างๆ มีอุณหภูมิสูงเกินกําหนด เนื่องจากการใช้งานเกินกําลังหรือเริ่มเดินไม่สําเร็จ ทง้ั นี้ไม่
ครอบคลมุ ถึงมอเตอร์สําหรบั เครื่องสบู นํ้าดบั เพลิง
6.3.12 มอเตอร์ใช้งานประเภทต่อเน่ือง
6.3.12.1 มอเตอร์ขนาดเกนิ 1 แรงม้า
มอเตอร์แตล่ ะตวั ต้องมีการป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ด้วยวธิ ีใดวธิ ีหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปนี ้

ก) เครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ติดตงั้ แยกตา่ งหากจากตวั มอเตอร์และทํางาน
สมั พนั ธ์กับกระแสของมอเตอร์ ขนาดปรับตงั้ ของเครื่องป้ องกันการใช้งานเกิน
กําลงั ต้องไม่เกินร้อยละของพิกดั กระแสโหลดเตม็ ท่ี ดงั นี ้

• มอเตอร์ที่ระบตุ วั ประกอบใช้งาน (service factor) ไม่น้อยกวา่ 1.15 ร้อยละ 125
• มอเตอร์ที่ระบอุ ณุ หภมู ิเพิม่ ขนึ ้ ไม่เกิน 40 ºC ร้อยละ 125
• มอเตอร์อ่ืนๆ ร้อยละ 115

บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-7

ขนาดปรับตงั้ นีอ้ าจเปล่ียนแปลงได้ตามที่อนญุ าตโดยข้อ 6.3.14 ถ้ามอเตอร์เป็ นชนิดความเร็ว
หลายคา่ การพิจารณาให้แยกเป็ นแตล่ ะขดลวดไป

ข) เครื่องป้ องกันอณุ หภมู ิสงู เกินกําหนด ที่ติดตงั ้ ที่ตวั มอเตอร์ซ่ึงได้ออกแบบเพื่อ
ป้ องกันมอเตอร์เสียหายจากอุณหภูมิสูงเกินกําหนดเน่ืองจากการใช้งานเกิน
กําลงั หรือเริ่มเดินไม่สําเร็จ ต้องตดั กระแสที่เข้ามอเตอร์ไม่เกินร้อยละของพิกัด
กระแสโหลดเตม็ ท่ี ดงั นี ้

• มอเตอร์ที่มีกระแสโหลดเตม็ ท่ีไม่เกิน 9 แอมแปร์ ร้อยละ 170
• มอเตอร์ท่ีมีกระแสโหลดเตม็ ท่ีตงั ้ แต่ 9.1 ถึง 20 แอมแปร์ ร้อยละ 156
• มอเตอร์ที่มีกระแสโหลดเตม็ ท่ี เกินกวา่ 20 แอมแปร์ ร้อยละ 140

ถ้าเคร่ืองตดั กระแสเข้ามอเตอร์ ติดตงั้ แยกต่างหากจากตวั มอเตอร์และวงจรควบคมุ การทํางาน
ด้วยอปุ กรณ์ท่ีติดอย่ทู ี่ตวั มอเตอร์ ต้องจดั ให้กระแสเข้ามอเตอร์ถกู ตดั ออก เมื่อวงจรควบคมุ ถกู
ตดั

ค) อนุญาตให้ใช้เครื่องป้ องกันติดตัง้ ท่ีตัวมอเตอร์ ซ่ึงจะทําหน้าท่ีป้ องกันความ
เสียหายของมอเตอร์เน่ืองจากเริ่มเดินไม่สําเร็จได้ ถ้ามอเตอร์ประกอบอยู่กับ
บริภณั ฑ์ซง่ึ ได้ออกแบบให้ในสภาพปกตไิ ม่ปลอ่ ยให้มอเตอร์ใช้งานเกินกําลงั

ง) มอเตอร์ที่มีขนาดเกินกว่า 1,500 แรงม้าต้องติดตงั้ เครื่องตรวจจบั อณุ หภมู ิสงู ไว้
ในตวั มอเตอร์ ซ่ึงจะตดั กระแสเข้ามอเตอร์ออกเม่ืออณุ หภมู ิของมอเตอร์สงู เกิน
กําหนด

6.3.12.2 มอเตอร์ขนาดไม่เกนิ 1 แรงม้า เร่ิมเดนิ ไม่อัตโนมัติ
ก) มอเตอร์ใช้งานประเภทต่อเนื่อง ขนาดไม่เกิน 1 แรงม้า ไม่ได้ติดตงั้ ถาวร อย่ใู นท่ี
ซง่ึ มองเห็นได้จากเคร่ืองควบคมุ มอเตอร์ และห่างกนั จากเคร่ืองควบคมุ มอเตอร์
ไม่เกิน 15 เมตร ให้ใช้เคร่ืองป้ องกันการลดั วงจรระหว่างสายและดินของวงจร
ย่อย ที่มีขนาดตามที่กําหนดในตอน ง. เป็ นเครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั
ของมอเตอร์ได้ วงจรยอ่ ยดงั กลา่ วต้องมีขนาดไม่เกิน 20 แอมแปร์
ข) มอเตอร์ขนาดไม่เกิน 1 แรงม้า ติดตัง้ ถาวรอยู่ในที่ซ่ึงมองไม่เห็นจากเคร่ือง
ควบคมุ มอเตอร์ หรือหา่ งจากเครื่องควบคมุ มอเตอร์เกินกว่า 15 เมตร ต้องมีการ
ป้ องกนั ตามท่ีกําหนดในข้อ 6.3.12.3

6-8 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.3.12.3 มอเตอร์ขนาดไม่เกนิ 1 แรงม้า เร่ิมเดนิ อัตโนมัติ
มอเตอร์ต้องมีการป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ด้วยวิธีใดวธิ ีหนง่ึ ดงั ตอ่ ไปนี ้

ก) เคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ติดตงั้ แยกตา่ งหากจากตวั มอเตอร์และทํางาน
สมั พนั ธ์กับกระแสของมอเตอร์ ขนาดปรับตงั้ ของเครื่องป้ องกันการใช้งานเกิน
กําลงั นีใ้ ห้เป็ นไปตามท่ีกําหนดในข้อ 6.3.12.1 ก)

ข) เครื่องป้ องกันอุณหภูมิสูงเกินท่ีติดตัง้ ที่ตัวมอเตอร์ ซ่ึงได้ออกแบบให้ป้ องกัน
มอเตอร์เสยี หายจากความร้อนเกินกําหนดเน่ืองจากการใช้งานเกินกําลงั หรือเร่ิม
เดินไม่สําเร็จและเคร่ืองตดั กระแสเข้ามอเตอร์ต้องติดตงั้ แยกต่างหากจากตวั
มอเตอร์ และวงจรควบคมุ ทํางานด้วยอปุ กรณ์ท่ีติดอย่กู บั ตวั มอเตอร์ต้องจดั ให้
กระแสเข้ามอเตอร์ถกู ตดั ออกเมื่อวงจรควบคมุ ถกู ตดั

ค) ให้ถือว่ามอเตอร์ได้มีการป้ องกันท่ีเหมาะสมแล้ว ถ้ามอเตอร์ประกอบอยู่กับ
บริภณั ฑ์ซงึ่ ได้ออกแบบให้ในสภาพปกตไิ มป่ ลอ่ ยให้มอเตอร์ใช้งานเกินกําลงั หรือ
บริภัณฑ์นีท้ ํางานร่วมกับวงจรควบคุมอย่างอ่ืนที่ป้ องกันมอเตอร์เสียหาย
เน่ืองจากเร่ิมเดนิ ไมส่ ําเร็จ

ง) ในกรณีท่ีมอเตอร์มีอิมพีแดนซ์สงู เพียงพอที่จะไม่เกิดความร้อนสงู เนื่องจากเริ่ม
เดินไม่สําเร็จ และถ้ามอเตอร์เป็ นประเภทเร่ิมเดินไม่อัตโนมัติประกอบอยู่กับ
บริภณั ฑ์ ซงึ่ ได้ออกแบบให้ป้ องกนั มอเตอร์เสียหายเนื่องจากความร้อนเกิน ยอม
ให้มีการป้ องกนั ตามท่ีกําหนดในข้อ 6.3.12.2 ก) ได้

6.3.12.4 ด้านทุติยภูมิของเวาด์โรเตอร์ชนิดกระแสสลับ รวมทัง้ สายไฟเครื่องควบคุมตัว
ต้านทาน ฯลฯ อนญุ าตให้ใช้เคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ของมอเตอร์ เป็ นเครื่องป้ องกัน
การใช้งานเกินกําลงั ของ วงจรด้านทตุ ยิ ภมู ิได้

6.3.13 มอเตอร์ประเภทใช้งานเป็ นระยะและท่คี ล้ายกนั
มอเตอร์ใช้งานระยะสนั้ ใช้งานเป็ นระยะ ใช้งานเป็ นคาบ หรือใช้งานที่เปล่ียนแปลง ตามท่ีแสดง
ในตารางท่ี 6-1 อนญุ าตให้ใช้เคร่ืองป้ องกนั การลดั วงจรระหวา่ งสายและป้ องกนั การรั่วลงดินของ
วงจรย่อย ซึ่งมีขนาดหรือพิกดั ปรับตงั้ ไม่เกินท่ีกําหนดในตารางที่ 6-3 เป็ นเคร่ืองป้ องกนั การใช้
งานเกินกําลงั ได้ ในการพิจารณาให้ถือวา่ มอเตอร์ใช้งานเป็ นแบบตอ่ เนื่อง นอกจากในสภาพของ
โหลด หรือสภาพการใช้งาน บงั คบั ให้มอเตอร์ใช้งานได้อยา่ งไม่ตอ่ เน่ือง

บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-9

6.3.14 การเลือกรีเลย์โหลดเกนิ (Overload Relay)
ในท่ีซ่ึงรีเลย์โหลดเกิน ซ่ึงเลือกตามท่ีกําหนดในข้อ 6.3.12.1 ก) และ 6.3.12.3 ก) มีค่าไม่
เพียงพอสําหรับการเร่ิมเดนิ หรือสําหรับโหลด อนญุ าตให้ใช้รีเลย์โหลดเกินขนาดสงู กว่าถดั ไปได้
แตต่ ้องไมเ่ กินร้อยละของพกิ ดั กระแสโหลดเตม็ ที่ ดงั นี ้

• มอเตอร์ที่ระบตุ วั ประกอบใช้งาน (service factor) ไม่น้อยกวา่ 1.15 ร้อยละ 140
• มอเตอร์ท่ีระบอุ ณุ หภมู ิเพ่มิ ขนึ ้ ไม่เกิน 40 ºC ร้อยละ 140
• มอเตอร์อื่นๆ ร้อยละ 130

มอเตอร์ซง่ึ ขณะเริ่มเดินไม่ตอ่ ขนาน (not shunted during the starting period) เครื่องป้ องกนั
การใช้งานเกินกําลงั ต้องมีการหนว่ งเวลานานพอท่ีจะตดั กระแสในขณะที่มอเตอร์เริ่มเดนิ

6.3.15 เม่ือใช้ฟิ วส์เป็ นเคร่ืองป้ องกันการใช้งานเกนิ กาํ ลังให้แก่มอเตอร์
ต้องใสฟ่ ิวส์ทกุ สายเส้นไฟและห้ามใสฟ่ ิวส์ในสายเส้นที่มีการตอ่ ลงดนิ

6.3.16 จาํ นวนสายท่ถี ูกตัดโดยเคร่ืองป้ องกันการใช้งานเกนิ กาํ ลัง
เครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ที่ไม่ใช่ฟิ วส์ และเครื่องป้ องกนั อณุ หภมู ิสงู เกิน ต้องสามารถ
ปลดสายเส้ นไฟจํานวนเพียงพอที่จะไม่ทําให้ กระแสไหลผ่านมอเตอร์ได้ และต้ องปลดออกพร้ อม
กนั ด้วย

6.3.17 การใช้เคร่ืองควบคุมมอเตอร์เป็ นเคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกนิ กาํ ลัง
เครื่องควบคมุ มอเตอร์ที่มีเคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ที่สามารถปลดสายเส้นไฟทกุ เส้นได้
พร้ อมกันแล้ว ไม่จําเป็ นต้องมีเคร่ืองป้ องกันการใช้งานเกินกําลงั ต่างหากอีก สําหรับมอเตอร์
กระแสตรง อปุ กรณ์ชดุ นีต้ ้องอยใู่ นวงจรทงั้ ขณะเริ่มเดนิ และใช้งาน สว่ นมอเตอร์กระแสสลบั อาจ
อยใู่ นวงจรเฉพาะขณะใช้งานได้

6.3.18 เคร่ืองตดั ตอนชนิดท่ที าํ งานด้วยความร้อนและรีเลย์โหลดเกนิ (Thermal
Cutout and Overload Relay)
เคร่ืองตดั ตอนชนิดที่ทํางานด้วยความร้อน รีเลย์โหลดเกิน และเครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั
อยา่ งอื่นซง่ึ ไม่สามารถตดั กระแสลดั วงจรได้ต้องติดตงั้ เคร่ืองป้ องกนั เช่น ฟิ วส์ หรือเซอร์กิตเบรก
เกอร์ซ่ึงมีพิกัดหรือขนาดปรับตงั้ ตามข้อ 6.3.21 หรือใช้เคร่ืองป้ องกันการลดั วงจรมอเตอร์ตาม
ข้อ 6.3.21 ยกเว้น กรณีทีบ่ ริภณั ฑ์ซ่ึงติดตงั้ เครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั จะระบขุ นาด
สูงสดุ ของเครื่องป้ องกนั การลดั วงจรไวท้ ีแ่ ผน่ ป้ ายประจําเครื่องแลว้ ใหใ้ ชต้ ามนนั้

6-10 บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.3.19 มอเตอร์ท่ใี ช้ในวงจรย่อยใช้งานท่วั ไป
เคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ของมอเตอร์ต้องเป็ นดงั นี ้
6.3.19.1 มอเตอร์ขนาดไม่เกนิ 1 แรงม้า
มอเตอร์ตัวเดียวหรือหลายตวั อนุญาตให้ใช้กับวงจรย่อยใช้งานทั่วไปได้โดยไม่ต้องมีเครื่อง
ป้ องกันการใช้งานเกินกําลังแยกเฉพาะตัว เฉพาะเม่ือการติดตัง้ เป็ นไปตามท่ีกําหนดในข้อ
6.3.12.2, 6.3.12.3, 6.3.22.1 ก) และ 6.3.22.1 ข) เทา่ นนั้
6.3.19.2 มอเตอร์ขนาดเกนิ 1 แรงม้า
มอเตอร์ขนาดเกิน 1 แรงม้า อนญุ าตให้ใช้กบั วงจรยอ่ ยใช้งานทว่ั ไปได้โดยมอเตอร์แตล่ ะตวั ต้อง
มีเคร่ืองป้ องกันการใช้งานเกินกําลงั แยกเฉพาะ และการป้ องกันการใช้งานเกินกําลังเป็ นไป
ตามที่กําหนดในข้อ 6.3.22
6.3.19.3 การหน่วงเวลา
เคร่ืองป้ องกนั กระแสเกินของวงจรท่ีมีมอเตอร์หรือเคร่ืองใช้ไฟฟ้ าชนิดมีมอเตอร์ต้องมีการหน่วง
เวลาหรือมีคณุ สมบตั ใิ นการหน่วงเวลานานพอที่จะไม่ตดั วงจรในขณะท่ีมอเตอร์เริ่มเดินในสภาพ
การใช้งานปกติ

6.3.20 มอเตอร์ท่เี ร่ิมเดนิ ใหม่ได้เองโดยอัตโนมัติ
ห้ามใช้เครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ของมอเตอร์ชนิดที่ทําให้มอเตอร์เริ่มเดนิ ใหมไ่ ด้เองอีก
หลงั จากท่ีเคร่ืองป้ องกนั ฯ นีป้ ลดวงจร เน่ืองจากมอเตอร์ใช้งานเกินกําลงั แล้ว นอกจากจะได้รับ
ความเห็นชอบจากการไฟฟ้ าฯก่อน ไมย่ อมให้ใช้มอเตอร์ชนิดท่ีเร่ิมเดนิ ได้เองโดยอตั โนมตั ิ
หลงั จากหยดุ ไปแล้ว นอกจากจะได้รับการรับรองวา่ ไมเ่ ป็ นอนั ตรายตอ่ บคุ คล

ตอน ง. การป้ องกันกระแสลัดวงจรระหว่างสาย และป้ องกันการร่ัวลงดนิ ของ วงจรย่อย
มอเตอร์

ขอ้ กําหนดในตอนนี้ ใชส้ ําหรบั มอเตอร์ในระบบแรงต่ําเทา่ นนั้

6.3.21 ขนาดหรือการปรับตัง้ สาํ หรับวงจรท่มี ีมอเตอร์ตวั เดียว
เคร่ืองป้ องกนั กระแสลดั วงจรระหวา่ งสายและป้ องกนั การร่ัวลงดินสําหรับวงจรย่อย มอเตอร์ต้อง
สามารถทนกระแสเร่ิมเดินของมอเตอร์ได้ และมีขนาดหรือการปรับตงั้ ไม่เกินค่าท่ีกําหนดใน
ตารางท่ี 6-3 ถ้าคา่ ที่กําหนดในตารางท่ี 6-3 ไมต่ รงกบั มาตรฐานของฟิ วส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์
ให้ใช้ขนาดตามมาตรฐานท่ีสูงถัดไปได้ กรณีท่ีเครื่องป้ องกันกระแสลัดวงจรตัดวงจรขณะ

บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-11

มอเตอร์เริ่มเดินในสภาพการใช้งานปกติ ให้เปลี่ยนขนาดของเคร่ืองป้ องกันกระแสลดั วงจรให้
สงู ขนึ ้ ไปได้ดงั นี ้

ตารางท่ี 6-3
พกิ ดั หรือขนาดปรับตงั้ สูงสุดของเคร่ืองป้ องกนั การลดั วงจรระหว่างสาย

และป้ องกนั การร่ัวลงดนิ ของวงจรย่อยมอเตอร์

ร้อยละของกระแสโหลดเตม็ ท่ี

ชนิดของมอเตอร์ ฟิ วส์ ฟิวส์ เซอร์กิตเบรกเกอร์ เซอร์กิตเบรกเกอร์
ทํางานไว
มอเตอร์ 1 เฟส ไมม่ ีรหสั อกั ษร หน่วงเวลา ปลดทนั ที เวลาผกผนั
มอเตอร์กระแสสลบั 1 เฟส ทงั้ หมด 300
และมอเตอร์ 3 เฟส แบบกรงกระรอก 175 700 250
และแบบซิงโครนสั ซง่ึ เริ่มเดนิ โดยรับ 300
แรงดนั ไฟฟ้ าเตม็ ที่หรือเริ่มเดินผา่ นตวั 300 175 700 250
ต้านทานหรือรีแอ็กเตอร์ 250 175 700 250
• ไมม่ รี หสั อกั ษร 150 175 700 200
• รหสั อกั ษร F ถึง V 150 700 150
• รหสั อกั ษร B ถึง E 250
• รหสั อกั ษร A 200 175 700 200
มอเตอร์กระแสสลบั ทงั้ หมด แบบกรง 250
กระรอก และแบบซิงโครนสั ซง่ึ เริ่มเดนิ 200 175 700 200
โดยผา่ นหม้อแปลงออโต 150 175 700 200
กระแสไมเ่ กิน 30 แอมแปร์ 175 700 200
• ไมม่ ีรหสั อกั ษร 150 700 150
กระแสเกิน 30 แอมแปร์
• ไมม่ ีรหสั อกั ษร
• รหสั อกั ษร F ถึง V
• รหสั อกั ษร B ถึง E
• รหสั อกั ษร A

6-12 บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

ตารางท่ี 6-3 (ต่อ)
พกิ ดั หรือขนาดปรับตงั้ สงู สุดของเคร่ืองป้ องกนั การลดั วงจรระหว่างสาย

และป้ องกนั การร่ัวลงดนิ ของวงจรย่อยมอเตอร์

ร้อยละของกระแสโหลดเตม็ ท่ี

ชนิดของมอเตอร์ ฟิ วส์ ฟิ วส์ เซอร์กิตเบรกเกอร์ เซอร์กิตเบรกเกอร์

มอเตอร์แบบ กรงกระรอก ทํางานไว หน่วงเวลา ปลดทนั ที เวลาผกผนั
กระแสไมเ่ กิน 30 แอมแปร์
• ไมม่ ีรหสั อกั ษร 250 175 700 250
กระแสเกิน 30 แอมแปร์ 200 175 700 200
• ไมม่ ีรหสั อกั ษร 150 150 700 150
มอเตอร์แบบเวาด์โรเตอร์
ไมม่ รี หสั อกั ษร 150 150 250 150
มอเตอร์กระแสตรง (แรงดนั คงที)่ 150 150 175 150
ขนาดไมเ่ กิน 50 แรงม้า
• ไมม่ ีรหสั อกั ษร
ขนาดเกิน 50 แรงม้า
• ไมม่ ีรหสั อกั ษร

หมายเหตุ 1) การกําหนดรหสั อกั ษรใหด้ จู ากตารางที่ 6-4
2) มอเตอร์ไม่มีรหสั อกั ษร หมายถึง มอเตอร์ทีผ่ ลิตก่อนมีการกําหนดรหสั อกั ษรโดย NEMA

Standard และมอเตอร์ทีข่ นาดเล็กกว่า 1/2 แรงมา้
3) มอเตอร์ทีผ่ ลิตตามมาตรฐานอืน่ ใหพ้ ิจารณาการเปรียบเทียบรหสั อกั ษรจากตารางที่ 6-4

6.3.21.1 ฟิ วส์ชนิดไม่หน่วงเวลา ขนาดไม่เกิน 600 แอมป์ ให้เปล่ียนขนาดสงู ขนึ ้ ไปได้แต่ต้อง
ไมเ่ กินร้อยละ 400 ของกระแสโหลดเตม็ ท่ีของมอเตอร์
6.3.21.2 ฟิ วส์ชนิดหน่วงเวลา ให้เปลี่ยนขนาดสงู ขึน้ ไปได้ แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 225 ของ
กระแสโหลดเตม็ ที่ของมอเตอร์
6.3.21.3 วงจรย่อยของทอร์กมอเตอร์ (torque motor) ขนาดของเคร่ืองป้ องกนั ให้เป็ นไปตาม
พกิ ดั กระแสที่แผน่ ป้ ายประจําเครื่อง ถ้าไมต่ รงกบั ขนาดมาตรฐานของฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์
ให้ใช้ขนาดตามมาตรฐานท่ีสงู ถดั ไป
6.3.21.4 เซอร์กิตเบรกเกอร์เวลาผกผนั (inverse time circuit breaker) ขนาดไม่เกิน 100
แอมแปร์ ให้เปลี่ยนขนาดสงู ขึน้ ไปได้อีกแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 400 ของกระแสโหลดเต็มท่ีของ

บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-13

มอเตอร์ ถ้าขนาดเกิน 100 แอมแปร์ ให้เปล่ียนขนาดสงู ขึน้ ไปได้อีกแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 300
ของกระแสโหลดเตม็ ท่ีของมอเตอร์

6.3.21.5 ฟิวส์ขนาดเกิน 600 แอมแปร์ ให้เปลยี่ นขนาดสงู ขนึ ้ ไปได้แตต่ ้องไมเ่ กินร้อยละ 300 ของกระแส
โหลดเตม็ ทีข่ องมอเตอร์

ตารางท่ี 6-4
รหสั อักษรแสดงการลอ็ กโรเตอร์

รหสั อกั ษร เควเี อต่อแรงม้า ขณะลอ็ กโรเตอร์
A 0 - 3.14
B
C 3.15 - 3.54
D 3.55 - 3.99
E 4.0 - 4.49
F 4.5 - 4.99
G 5.0 - 5.59
H 5.6 - 6.29
J 6.3 - 7.09
K 7.1 - 7.99
L 8.0 - 8.99
M 9.0 - 9.99
N 10.0 - 11.19
P 11.2 - 12.49
R 12.5 - 13.99
S 14.0 - 15.99
T 16.0 - 17.99
U 18.0 - 19.99
V 20.0 - 22.39
ตงั้ แต่ 22.4 ขนึ ้ ไป

6.3.22 วงจรย่อยท่มี ีมอเตอร์หลายตัวหรือมีโหลดอ่ืน
อนญุ าตให้มีมอเตอร์ตวั เดียวหรือหลายตวั หรือมีโหลดอ่ืนตอ่ เข้ากบั วงจรยอ่ ยเดียวกนั ได้ ภายใต้

สภาวะที่ระบใุ นข้อใดข้อหนง่ึ ตอ่ ไปนี ้

6-14 บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.3.22.1 มอเตอร์ขนาดไม่เกิน 1 แรงม้าหลายตวั ยอมให้ต่อในวงจรย่อยระบบแรงตํ่าที่มี
ขนาดการป้ องกนั กระแสเกินไมเ่ กิน 15 แอมแปร์ได้ ถ้าเป็ นไปตามข้อกําหนดดงั ตอ่ ไปนี ้

ก) กระแสใช้งานเตม็ ท่ีที่กําหนดของมอเตอร์แตล่ ะตวั ไมเ่ กิน 6 แอมแปร์
ข) ขนาดของเคร่ืองป้ องกนั กระแสเกิน ท่ีระบไุ ว้ที่เครื่องควบคมุ มอเตอร์ ต้องไม่น้อย

กวา่ ขนาดเคร่ืองป้ องกนั กระแสเกินของวงจรยอ่ ย
ค) เครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั แตล่ ะตวั เป็ นไปตามที่กําหนดในข้อ 6.3.12

หรือ 6.3.14
6.3.22.2 ในกรณีท่ีต้องการป้ องกันมอเตอร์ตัวเล็กท่ีสุดด้วย เครื่องป้ องกันกระแสลดั วงจร
ระหวา่ งสายและป้ องกนั การร่ัวลงดนิ ของวงจรยอ่ ย ซงึ่ คดิ จากมอเตอร์ขนาดเล็กท่ีสดุ ในวงจรต้อง
ไม่ตัดวงจรในสภาวะใช้งานปกติท่ีมากท่ีสุดท่ีอาจเกิดขึน้ ได้โดยที่มอเตอร์แต่ละตัวมีเครื่อง
ป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั เฉพาะตวั อยแู่ ล้ว
6.3.22.3 มอเตอร์ติดตัง้ เป็ นกลุ่มนอกเหนือจากที่กําหนดในข้อ 6.3.22.1 และ 6.3.22.2
มอเตอร์ซง่ึ มีเคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ประจําเครื่องและโหลดอ่ืนๆ จะตอ่ อย่ใู นวงจรย่อย
เดียวกนั ได้เม่ือเป็ นไปตามข้อกําหนดทกุ ข้อดงั นี ้

ก) เครื่องป้ องกันการใช้งานเกินกําลงั และเครื่องควบคมุ มอเตอร์แต่ละเครื่องต้อง
เป็ นชนิดที่ผู้ผลิตได้รับการรับรองว่าสามารถใช้สําหรับติดตงั้ ร่วมกับฟิ วส์หรือ
เซอร์กิตเบรกเกอร์เวลาผกผนั ตามขนาดสงู สดุ ท่ีกําหนด

ข) วงจรยอ่ ยต้องป้ องกนั การลดั วงจรด้วยฟิ วส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์เวลาผกผนั ตาม
ขนาดไม่เกินกว่าที่กําหนดในข้อ 6.3.21 สําหรับมอเตอร์เคร่ืองใหญ่ที่สุดบวก
ด้วยผลรวมของพิกดั กระแสโหลดเตม็ ท่ีของมอเตอร์อื่น กรณีที่ผลการคํานวณได้
ค่าตํ่ากว่าขนาดกระแสของตวั นํา อนุญาตให้เพ่ิมขนาดฟิ วส์หรือเซอร์กิตเบรก
เกอร์เวลาผกผนั ขนึ ้ ได้อีกตามขนาดท่ีใช้กบั ขนาดสายนนั้

ค) ฟิ วส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์เวลาผกผันท่ีใช้ต้องมีขนาดไม่เกินที่กําหนดในข้อ
6.3.18 ซงึ่ ป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ของมอเตอร์ตวั ที่เลก็ ท่ีสดุ ในวงจร

6.3.22.4 การต่อแยกเพ่ือเข้ามอเตอร์ตวั เดยี ว
การต่อสายแยกจ่ายไฟให้กับมอเตอร์แต่ละเครื่อง ไม่ต้องติดตงั้ เครื่องป้ องกันการลดั วงจรที่จดุ
แยก ถ้าขนาดกระแสของสายแยกไม่ต่ํากว่า 1/3 ของขนาดกระแสของสายวงจรย่อยและ
ระยะทางจากจดุ แยกถึงเครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ยาวไม่เกิน 7.5 เมตร โดยมีมาตรการ
ป้ องกนั ความเสยี หายทางกายภาพด้วย

บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-15

ตอน จ. การป้ องกันกระแสลัดวงจรและป้ องกันการร่ัวลงดนิ ของสายป้ อนในวงจรมอเตอร์

6.3.23 พกิ ัดหรือขนาดปรับตัง้ ของเคร่ืองป้ องกนั การลัดวงจรของสายป้ อน
สําหรับโหลดท่ีเป็ นมอเตอร์หรือมอเตอร์ร่วมกบั โหลดอื่น
6.3.23.1 มอเตอร์ท่ตี ดิ ตัง้ ไว้แล้ว
สายป้ อนที่จ่ายไฟให้กบั มอเตอร์ เคร่ืองป้ องกนั กระแสลดั วงจรของสายป้ อนต้องมีขนาดไม่เกิน
พิกดั หรือขนาดปรับตงั้ ของเครื่องป้ องกนั กระแสลดั วงจรของมอเตอร์ท่ีใหญ่ท่ีสดุ ในกลมุ่ บวกกบั
ผลรวมของพิกดั กระแสโหลดเตม็ ท่ีของมอเตอร์เคร่ืองอื่นๆ ในกรณีท่ีมีมอเตอร์เคร่ืองที่ใหญ่ท่ีสดุ
มากกวา่ 1 เครื่อง การคํานวณให้เลอื กเพียงเคร่ืองเดยี วเป็ นเครื่องท่ีใหญ่ที่สดุ
6.3.23.2 การสาํ รองสาํ หรับการตดิ ตัง้ ในอนาคต
ในโครงการขนาดใหญ่ ซงึ่ ออกแบบสายป้ อนสํารองไว้เพ่ือเพ่ิมหรือเปลี่ยนแปลงในอนาคต พิกดั
ของเครื่องป้ องกันกระแสลดั วงจรของสายป้ อน อนุญาตให้มีขนาดได้ไม่เกินขนาดกระแสของ
สายป้ อน

6.3.24 ขนาดปรับตงั้ เม่ือมอเตอร์ตอ่ ร่วมกบั โหลดไฟฟ้ ากําลงั หรือแสงสวา่ ง
เมื่อสายป้ อนจา่ ยโหลดที่มีมอเตอร์ร่วมกบั โหลดไฟฟ้ ากําลงั หรือแสงสว่าง พิกดั หรือขนาดปรับตงั้
ของเครื่องป้ องกันกระแสเกินนัน้ จะต้องเพียงพอที่จะจ่ายโหลดให้กับไฟฟ้ าแสงสว่างหรือ
เครื่องใช้ไฟฟ้ า (ตามท่ีคาํ นวณได้ในบทที่ 3) บวกด้วยขนาดกระแสของมอเตอร์ (มอเตอร์เคร่ือง
เดยี วคํานวณตามข้อ 6.3.21 และมอเตอร์หลายเคร่ืองคํานวณตามข้อ 6.3.23)

ตอน ฉ. วงจรควบคุมมอเตอร์

6.3.25 การป้ องกนั กระแสเกนิ
วงจรควบคมุ มอเตอร์ที่ตอ่ แยกออกจากด้านโหลด (รวมทงั้ หม้อแปลงสําหรับใช้วงจรควบคมุ ) ของ
เครื่องป้ องกนั กระแสลดั วงจรและป้ องกนั การร่ัวลงดนิ ของ วงจรยอ่ ยมอเตอร์และทําหน้าท่ีควบคมุ
มอเตอร์ต้องมีการป้ องกนั กระแสเกิน ยกเว้น วงจรควบคมุ ทงั้ หมดประกอบสําเร็จอยู่ภายใน
กล่องเครื่องควบคมุ มอเตอร์ การต่อแยกนีไ้ ม่ถือว่าเป็นวงจรย่อย

6.3.26 การปลดวงจร
6.3.26.1 ต้องจดั วงจรควบคมุ มอเตอร์ในลกั ษณะท่ี เมื่อเคร่ืองปลดวงจรอย่ใู นตําแหน่งปลด
วงจรควบคมุ มอเตอร์ต้องถกู ปลดออกจากตวั นําจา่ ยไฟเข้าทงั้ หมด

6-16 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.3.26.2 กรณีที่มีหม้อแปลงหรืออปุ กรณ์อย่างอ่ืนเพื่อใช้ลดแรงดนั สําหรับใช้ในวงจรควบคมุ
มอเตอร์ และติดตงั้ อย่ภู ายในเคร่ืองควบคมุ มอเตอร์ หม้อแปลงหรืออุปกรณ์ดงั กล่าวต้องตอ่ อยู่
ทางด้านโหลดของเคร่ืองปลดวงจรของวงจรควบคมุ มอเตอร์

ตอน ช. เคร่ืองควบคุมมอเตอร์

ข้อกําหนดในตอนนีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ใชเ้ ครื่องควบคมุ มอเตอร์ใหเ้ หมาะสมกบั มอเตอร์

6.3.27 การออกแบบเคร่ืองควบคุมมอเตอร์
6.3.27.1 เคร่ืองควบคมุ ต้องสามารถเดินหรือหยดุ มอเตอร์ตวั ที่ควบคมุ อยไู่ ด้และต้องสามารถ
ตดั กระแสเม่ือมอเตอร์หมนุ ไมไ่ หวได้ด้วย
6.3.27.2 เคร่ืองเริ่มเดินแบบหม้อแปลงออโตต้องมีตําแหน่งหยุดเดินและตําแหน่งเริ่มเดิน
อยา่ งน้อยหนง่ึ ตาํ แหน่ง

6.3.28 พกิ ดั
เครื่องควบคมุ ต้องมีพิกดั แรงม้าไม่ตํ่ากวา่ พิกดั แรงม้าของมอเตอร์

ข้อยกเว้นที่ 1 มอเตอร์พิกดั ไม่เกิน 2 แรงม้า ใช้แรงดนั ไม่เกิน 416 โวลต์ อนุญาตให้ใช้สวิตช์แบบใช้งาน
ทวั่ ไปทีม่ ีขนาดกระแสไม่นอ้ ยกว่า 2 เท่าของกระแสใชง้ านมอเตอร์แทนเครื่องควบคมุ ได้

ข้อยกเว้นท่ี 2 เครื่องควบคุมสําหรับทอร์กมอเตอร์ (torque motor) ต้องมีขนาดกระแสใช้งานต่อเนื่อง
ไม่นอ้ ยกว่าขนาดกระแสทีร่ ะบไุ วท้ ีม่ อเตอร์

6.3.29 ท่ตี งั้
สวิตช์บงั คบั ด้วยมือใช้เพ่ือปลดวงจรมอเตอร์ออก ต้องติดตงั้ ไว้ในตําแหน่งที่มองเห็นได้จากท่ีตงั ้
มอเตอร์และหา่ งจากมอเตอร์ไมเ่ กิน 15 เมตร

6.3.30 การใช้สวติ ช์และฟิ วส์เป็ นเคร่ืองควบคุมมอเตอร์
สวิตช์และฟิ วส์ใช้เป็ นเครื่องควบคมุ มอเตอร์ได้ ถ้าฟิ วส์มีขนาดตามท่ีกําหนดในตอน ค. แตถ่ ้า
เป็ นฟิวส์ชนิดทํางานช้า อาจลดขนาดลงมาได้ตามความเหมาะสม

6.3.31 มอเตอร์ชนิดปรับความเร็วได้
เคร่ืองควบคมุ มอเตอร์ชนิดที่ปรับความเร็วมอเตอร์โดยการปรับค่าสนามแม่เหล็ก ต้องมีวิธีการ
ป้ องกันมอเตอร์เริ่มเดินในตําแหน่งท่ีสนามแม่เหล็กมีค่าน้อย นอกจากมอเตอร์จะเป็ นชนิดที่ได้
ออกแบบให้ใช้ได้

บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-17

ตอน ซ. เคร่ืองปลดวงจร

ข้อกําหนดในตอนนีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ กําหนดขนาดเครื่องปลดวงจรทีส่ ามารถปลดมอเตอร์และ
เครื่องควบคมุ มอเตอร์ออกจากวงจรไดโ้ ดยปลอดภยั

6.3.32 ท่ตี ัง้
6.3.32.1 เคร่ืองปลดวงจรต้องติดตงั้ อย่ใู นท่ีซึ่งมองเห็นได้จากที่ตงั้ เครื่องควบคมุ มอเตอร์และ
หา่ งกนั ไมเ่ กิน 15 เมตร

ข้อยกเว้นที่ 1 สําหรบั มอเตอร์ระบบแรงสูง อนญุ าตให้ติดตง้ั เครื่องปลดวงจรโดยมองไม่เห็น
จากตําแหน่งทีต่ งั้ เครื่องควบคมุ มอเตอร์ได้ ถา้ ทีเ่ ครื่องควบคมุ มอเตอร์ติดป้ าย
เตือนและบอกสถานที่ตงั้ เครื่องปลดวงจร พร้อมทง้ั เครื่องปลดวงจรสามารถ
ใส่กญุ แจไดใ้ นตําแหน่งปลด

ข้อยกเว้นที่ 2 อนญุ าตให้ใช้เครื่องปลดวงจรเครื่องเดียวสําหรับกลุ่มของชดุ ควบคมุ ทีใ่ ช้ขบั
ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องจกั รเดียวกนั โดยที่ทง้ั เครื่องปลดวงจรและเครื่อง
ควบคมุ ตอ้ งมองเห็นไดจ้ ากเครื่องจกั รทีใ่ ชง้ านและห่างกนั ไม่เกิน 15 เมตร

6.3.32.2 เคร่ืองปลดวงจรต้องติดตงั้ อยู่ในที่ซึ่งมองเห็นได้จากที่ตัง้ มอเตอร์และเครื่องจักรที่
มอเตอร์ขบั อยู่ ยกเว้น เครื่องปลดวงจรทีเ่ ป็นไปตามข้อ 6.3.32.1 และสามารถใส่กญุ แจไดใ้ น
ตําแหน่งปลด

6.3.33 การปลดได้ทงั้ มอเตอร์และเคร่ืองควบคุม
เคร่ืองปลดวงจรต้องติดตงั้ อย่ใู นตําแหน่งที่ปลดวงจรได้ทงั้ มอเตอร์และเคร่ืองควบคมุ มอเตอร์
พร้ อมกนั

6.3.34 เคร่ืองหมายแสดงตาํ แหน่ง
เคร่ืองปลดวงจรต้องมีเครื่องหมายแสดงอยา่ งชดั เจนวา่ อยใู่ นตําแหนง่ ปลดหรือสบั

6.3.35 สายท่มี ีการต่อลงดนิ
เครื่องปลดวงจรใช้ปลดสายท่ีมีการต่อลงดินได้ ถ้าเคร่ืองปลดวงจรนีไ้ ด้ออกแบบในลกั ษณะที่
สามารถปลดสายทกุ เส้นในวงจรออกได้พร้อมกนั

6.3.36 การใช้บริภณั ฑ์ประธานเป็ นเคร่ืองปลดวงจร
กรณีท่ีสถานที่นนั้ มีมอเตอร์ตวั เดียว อนญุ าตให้ใช้บริภัณฑ์ประธานเป็ นเคร่ืองปลดวงจรได้ถ้า
สวิตช์นนั้ เป็ นไปตามท่ีกําหนดในข้อ 6.3 นี ้และมองเหน็ ได้จากเครื่องควบคมุ มอเตอร์และอยหู่ า่ ง
กนั ไมเ่ กิน 15 เมตร

6-18 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.3.37 พกิ ัดกระแส
เครื่องปลดวงจรของมอเตอร์ระบบแรงต่ํา ต้องมีพิกัดกระแสไม่น้อยกว่าร้ อยละ 115 ของพิกัด
กระแสโหลดเตม็ ที่ของมอเตอร์

6.3.38 ชนิดของเคร่ืองปลดวงจร
เคร่ืองปลดวงจรต้องเป็ นสวิตช์ที่ใช้สําหรับโหลดประเภทอินดกั ทีฟ (inductive load) หรือเป็ น
เซอร์กิตเบรกเกอร์

ข้อยกเว้นที่ 1 มอเตอร์ติดตงั้ ประจําทีข่ นาดไม่เกิน 1/8 แรงมา้ อนญุ าตใหใ้ ช้เครื่องป้ องกนั กระแสเกินของ
วงจรย่อยเป็ นเครื่องปลดวงจรได้

ข้อยกเว้นท่ี 2 สําหรบั มอเตอร์ติดตงั้ ประจําทีข่ นาดไม่เกิน 2 แรงมา้ แรงดนั ไม่เกิน 416 โวลต์ อนญุ าตใหใ้ ช้
สวิตช์ใช้งานทวั่ ไปทีม่ ีพิกดั กระแสไม่นอ้ ยกว่า 2 เท่าของพิกดั กระแสโหลดเต็มทีข่ องมอเตอร์
เป็ นเครื่องปลดวงจรได้

ข้อยกเว้นท่ี 3 มอเตอร์ขนาด 2-100 แรงม้า เครื่องปลดวงจรสําหรับมอเตอร์ซ่ึงใช้เครื่องควบคุมแบบหม้อ
แปลงออโต (auto transformer type controller) อนญุ าตใหใ้ ชส้ วิตช์ใช้งานทว่ั ไปเป็นเครื่อง
ปลดวงจรได้ ถา้ มีสภาพดงั ต่อไปนีท้ กุ ประการ
3.1) เป็นมอเตอร์ทีห่ มนุ เครื่องกําเนิดไฟฟ้ าทีม่ ีเครื่องป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ทางด้าน
โหลดของเครื่องกําเนิดไฟฟ้ า
3.2) เครื่องควบคมุ มอเตอร์สามารถตดั กระแสล็อกโรเตอร์ได้ มีเครื่องป้ องกนั การใชง้ านเกิน
กําลงั ที่มีพิกดั หรือขนาดปรับตง้ั ไม่เกินร้อยละ 125 ของพิกดั กระแสโหลดเต็มที่ของ
มอเตอร์และตอ้ งเป็นชนิดทีป่ ลดวงจรออกเมือ่ ไม่มีไฟ (no-voltage release)
3.3) ฟิ วส์ทีแ่ ยกเป็นส่วนต่างหากหรือเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบเวลาผกผนั ทีม่ ีขนาดหรือการ
ปรับตงั้ ไม่เกินร้อยละ 150 ของพิกดั กระแสโหลดเต็มทีข่ องมอเตอร์เป็นเครื่องป้ องกนั
วงจรย่อยมอเตอร์

ข้อยกเว้นที่ 4 มอเตอร์กระแสตรงติดตงั้ ประจําทีข่ นาดเกิน 40 แรงมา้ หรือมอเตอร์กระแสสลบั ติดตงั้ ประจํา
ทีข่ นาดเกิน 100 แรงม้า อนญุ าตให้ใช้สวิตช์ใช้งานทว่ั ไปเป็นเครื่องปลดวงจรได้ ถ้ามีป้ าย
เตือนว่า "ห้ามสับหรือปลดขณะมีโหลด" และมีอปุ กรณ์ป้ องกนั การปลดสบั โดยพลง้ั เผลอ
เช่น กญุ แจ

ข้อยกเว้นที่ 5 มอเตอร์แบบต่อด้วยสายและเต้าเสียบ อนญุ าตให้ใช้เต้าเสียบเป็นเครื่องปลดวงจรได้
ข้อยกเว้นท่ี 6 ทอร์กมอเตอร์ (torque motor) อนญุ าตใหใ้ ชส้ วิตช์ใชง้ านทวั่ ไปเป็นเครื่องปลดวงจรได้

6.3.39 การใช้สวติ ช์หรือเซอร์กติ เบรกเกอร์เป็ นทงั้ เคร่ืองควบคุมและเคร่ืองปลดวงจร
อนญุ าตให้ใช้สวติ ช์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มีขนาดสอดคล้องกบั ขนาดของมอเตอร์ทําหน้าท่ีเป็ น
ทงั้ เครื่องควบคมุ และเคร่ืองปลดวงจรได้ถ้าสวิตช์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์นนั้ สามารถปลดตวั นํา
เส้นไฟได้หมดและมีเครื่องป้ องกนั กระแสเกิน (อาจเป็ นฟิ วส์ของวงจรย่อยก็ได้) ที่สามารถปลด
ตวั นําทกุ สายเส้นไฟได้และเป็ นสวติ ช์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ชนิดใดชนิดหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปนี ้

บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-19

6.3.39.1 สวิตช์ตดั วงจรชนิดอากาศ (air-break switch) ชนิดปลดสบั ด้วยมือที่ก้านสวิตช์
โดยตรง
6.3.39.2 เซอร์กิตเบรกเกอร์เวลาผกผนั ปลดสบั ที่ก้านของเซอร์กิตเบรกเกอร์โดยตรง
6.3.39.3 สวิตช์นํา้ มัน ใช้สําหรับวงจรในระบบแรงต่ําและไม่เกิน 100 แอมแปร์ วงจรที่ระบบ
แรงดนั ไฟฟ้ าหรือกระแสสงู กวา่ นี ้จะใช้ได้เม่ือได้รับความเหน็ ชอบจากการไฟฟ้ าฯ

6.3.40 เคร่ืองปลดวงจรประจาํ แต่ละตัว
มอเตอร์แตล่ ะตวั ต้องมีเครื่องปลดวงจรประจําตวั ยกเว้น อนญุ าตใหเ้ ครื่องปลดวงจรตวั เดียว
จ่ายไฟใหแ้ ก่กล่มุ มอเตอร์ไดโ้ ดยตอ้ งเป็นไปตามข้อใดข้อหน่ึงดงั ต่อไปนี้
6.3.40.1 มอเตอร์เหลา่ นนั้ ใช้งานในเครื่องจกั รตวั เดยี วกนั
6.3.40.2 มอเตอร์เหล่านนั้ ใช้เคร่ืองป้ องกนั กระแสเกินเครื่องเดียวกนั ตามท่ีได้อนญุ าตในข้อ
6.3.22.1
6.3.40.3 มอเตอร์เหล่านนั้ รวมอยู่ในห้องเดียวกัน สามารถมองเห็นได้ทงั้ หมดจากจุดที่ติดตงั้
เครื่องควบคมุ และอยหู่ า่ งไมเ่ กิน 15 เมตร จากเคร่ืองควบคมุ

ตอน ฌ. มอเตอร์สาํ หรับระบบแรงสูง

ข้อกําหนดในตอนนีใ้ หใ้ ชเ้ ป็นขอ้ กําหนดเพ่ิมเติมสําหรบั มอเตอร์ระบบแรงสงู

6.3.41 การระบุเคร่ืองหมายของเคร่ืองควบคุม
เคร่ืองควบคมุ ต้องมีเครื่องหมายระบแุ รงดนั ไฟฟ้ าสําหรับวงจรควบคมุ

6.3.42 ท่อร้อยสายเข้ามอเตอร์
ทอ่ โลหะออ่ นและทอ่ โลหะออ่ นกนั ของเหลวท่ีใช้ร้อยสายเข้ามอเตอร์อนญุ าตให้มีความยาวได้ไม่
เกิน 1.80 เมตร

6.3.43 การป้ องกันกระแสเกนิ ของวงจรมอเตอร์
วงจรไฟฟ้ าแรงสงู ของมอเตอร์แต่ละเคร่ือง ต้องมีการป้ องกันการใช้งานเกินกําลงั และป้ องกัน
การลัดวงจรในมอเตอร์ ในสายของวงจรมอเตอร์ และในเครื่องควบคุมมอเตอร์ โดยท่ีเครื่อง
ป้ องกนั แตล่ ะประเภทนนั้ ต้องทํางานถกู ต้องตามหน้าที่ ยกเว้น เมือ่ มอเตอร์นน้ั มีความสําคญั
มากและจําเป็ นต้องใช้งานจนชํารุด เพื่อป้ องกันอันตรายที่จะเกิดแก่บุคคล อนุญาตให้มี
เครื่องตรวจวดั (sensing device) ต่อไวไ้ ดเ้ พือ่ ส่งสญั ญาณไปทีแ่ ผงเตือน (annunciator) หรือ
สญั ญาณเสียง (alarm) ทํางานแทนการตดั วงจรมอเตอร์นน้ั

6-20 บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.3.43.1 การป้ องกันการใช้งานเกนิ กาํ ลัง
6.3.43.2 ก) มอเตอร์แตล่ ะเครื่อง ต้องป้ องกนั ความเสียหายจากความร้อนสงู เน่ืองจากใช้

งานเกินกําลงั หรือจากการเร่ิมเดินไม่สําเร็จ ด้วยเครื่องป้ องกันอุณหภูมิสงู เกิน
ตดิ ตงั้ ในตวั มอเตอร์ หรือตดิ ตงั้ อปุ กรณ์ตรวจจบั กระแสหรือทงั้ สองอยา่ ง
ข) วงจรทตุ ิยภมู ิของมอเตอร์แบบเวาด์โรเตอร์ซึ่งรวมทงั้ สาย เคร่ืองควบคมุ และตวั
ต้านทานถือว่ามีการป้ องกันกระแสเกินโดยเคร่ืองป้ องกันการใช้งานเกินกําลงั
ของมอเตอร์แล้ว
ค) เคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ต้องปลดสายเส้นไฟ ทกุ เส้นได้พร้อมกนั
ง) เครื่องตรวจจบั การใช้งานเกินกําลงั ต้องไม่สามารถปรับเข้าท่ีได้เอง (reset) โดย
อัตโนมตั ิ เว้นแต่การปรับเข้าท่ีโดยอัตโนมัตินัน้ ไม่ทําให้มอเตอร์เริ่มเดินได้เอง
หรือการที่มอเตอร์เริ่มเดนิ ได้เองไม่ก่อให้เกิดอนั ตรายแก่บคุ คล
การป้ องกันกระแสลัดวงจร
ก) วงจรมอเตอร์แต่ละวงจร ต้องมีการป้ องกันกระแสลดั วงจร โดยติดตงั้ ฟิ วส์ หรือ
เซอร์กิตเบรกเกอร์ แบบและขนาดท่ีเหมาะสม
ข) เครื่องตดั กระแสลดั วงจร ต้องไม่สามารถต่อวงจรได้เองโดยอัตโนมัติ ยกเว้น
ในกรณีทีเ่ กิดลดั วงจรชว่ั ขณะ (transient fault) และการต่อวงจรไม่ทําใหเ้ กิด
อนั ตรายแก่บคุ คล
ค) เคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั และเครื่องป้ องกนั การลดั วงจรอาจเป็ นเคร่ือง
เดยี วกนั ก็ได้

6.3.44 พกิ ัดของเคร่ืองควบคุมมอเตอร์
เครื่องควบคมุ มอเตอร์และเครื่องปลดวงจรย่อยมอเตอร์ ต้องมีพิกดั กระแสไม่น้อยกว่า

ค่ากระแสของเคร่ืองป้ องกนั การใช้งานเกินกําลงั ที่ได้ติดตงั้ ไว้ให้ตดั วงจร

6.3.45 เคร่ืองปลดวงจร
เคร่ืองปลดวงจร ต้องสามารถใสก่ ญุ แจได้ในตําแหน่งปลดวงจร

บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-21

ตอน ญ.การป้ องกันส่วนทม่ี ีไฟฟ้ า

ข้อกําหนดในตอนนีใ้ หใ้ ชไ้ ดท้ งั้ ระบบแรงต่ําและแรงสูง

6.3.46 ท่ซี ่ึงต้องมีการป้ องกนั
สว่ นท่ีมีไฟฟ้ าของมอเตอร์และเคร่ืองควบคมุ ที่ทํางานในระบบแรงดนั เกิน 50 โวลต์ ขึน้ ไปและมี
โอกาสสมั ผสั ได้ ต้องมีการป้ องกนั การสมั ผสั โดยบงั เอิญโดยมีเครื่องห่อห้มุ หรือติดตงั้ ในสถานที่
ที่เหมาะสมดงั นี ้
6.3.46.1 ตดิ ตงั้ ในห้องหรือท่ีล้อม ซงึ่ เข้าถึงได้เฉพาะบคุ คลท่ีมีหน้าท่ีเกี่ยวข้อง
6.3.46.2 ตดิ ตงั้ อยบู่ นยกพืน้ ที่เหมาะสมหรือตดิ ตงั้ อยบู่ นโครงสร้างที่ยกสงู จากพืน้ และ สามารถ
เข้าถึงได้เฉพาะบคุ คลที่มีหน้าที่เก่ียวข้อง
6.3.46.3 ตดิ ตงั้ อยสู่ งู จากพืน้ เกิน 2.40 เมตร ขนึ ้ ไป

6.3.47 การป้ องกันสาํ หรับผู้ท่เี ก่ียวข้อง
ในที่ซึ่งส่วนท่ีมีไฟฟ้ า ต้องมีการป้ องกนั โดยติดตงั้ อย่ใู นสถานที่ท่ีเหมาะสมตามข้อ 6.3.46 และ
ระหว่างใช้งานอาจต้องมีการเข้าไปปรับหรือเข้าไปปฏิบตั ิงานใกล้ ต้องปพู ืน้ ด้วยฉนวนหรือยก
พืน้ เป็ นฉนวนท่ีเหมาะสม เพื่อให้ผู้ที่เข้าไปปฏิบัติงานไม่อาจสัมผัสส่วนที่มีไฟฟ้ าได้โดยง่าย
นอกจากจะยืนบนฉนวนปรู องพืน้ หรือยกพืน้ ดงั กลา่ ว

ตอน ฎ. การต่อลงดนิ

จุดประสงค์ของตอนนีเ้ พื่อใช้กําหนดเกี่ยวกบั การต่อลงดินของโครงมอเตอร์และเครื่องควบคุม
เพือ่ ป้ องกนั มิใหเ้ กิดแรงดนั ไฟฟ้ าสงู กว่าดินเมือ่ เกิดไฟรวั่ ลงทีโ่ ครงมอเตอร์ หรือเครื่องควบคมุ โดย
บงั เอิญ การห้มุ ด้วยฉนวน การติดตง้ั ในทีห่ ่างจากการสมั ผสั และการกนั้ ไม่ให้สมั ผสั ไดส้ ามารถ
ใชเ้ ป็นมาตรการแทนการต่อลงดินของมอเตอร์ไดต้ ามความเหมาะสม

6.3.48 โครงมอเตอร์ท่ใี ช้แรงดนั ไฟฟ้ าเกนิ 50 โวลต์ ต้องต่อลงดนิ

ข้อยกเว้นที่ 1 ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ าไม่เกิน 50 โวลต์ และถา้ รบั ไฟจากหมอ้ แปลงลดแรงดนั ตอ้ ง เป็ นหม้อแปลง
แยกขดลวดตามมาตรฐานของสํานกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรม หรือมาตรฐาน
อืน่ ทีก่ ารไฟฟ้ าฯ เห็นชอบ

ข้อยกเว้นท่ี 2 เป็นมอเตอร์ชนิดมีฉนวนสองชน้ั

6-22 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.4 หม้อแปลง ห้องหม้อแปลง และลานหม้อแปลง

6.4.1 ขอบเขต
ครอบคลมุ การตดิ ตงั้ หม้อแปลงทกุ ประเภท ยกเว้น หม้อแปลงดงั ตอ่ ไปนี ้
6.4.1.1 หม้อแปลงกระแส (current transformer)
6.4.1.2 หม้อแปลงแบบแห้งที่ติดมากับอุปกรณ์สําเร็จ และมีความเหมาะ-สมกับอุปกรณ์
สาํ เร็จแล้วนนั้
6.4.1.3 หม้อแปลงที่เป็ นสว่ นหนงึ่ ของเครื่องเอกซเรย์ หรืออปุ กรณ์ความถี่สงู
6.4.1.4 หม้อแปลงท่ีใช้ในระบบควบคมุ ระยะห่างและสญั ญาณ (transformer used with
remote-control and signaling)
6.4.1.5 หม้อแปลงสาํ หรับป้ ายโฆษณา
6.4.1.6 หม้อแปลงสําหรับหลอดไฟปลอ่ ยประจุ
6.4.1.7 หม้อแปลงสําหรับระบบแจ้งสญั ญาณเพลงิ ไหม้
6.4.1.8 หม้อแปลงที่ใช้สาํ หรับการค้นคว้า ทดสอบ หรือวจิ ยั ซง่ึ มีการป้ องกนั เพ่ือไม่ให้บคุ คล
ที่ไม่มีหน้าที่เก่ียวข้องสมั ผสั กบั สว่ นท่ีมีไฟฟ้ า
6.4.1.9 หม้อแปลงระบบแรงตาํ่

ตอน ก. ทว่ั ไป

6.4.2 ท่ตี งั้
หม้อแปลงและห้องหม้อแปลงต้องอยใู่ นสถานที่ซงึ่ บคุ คลท่ีมีหน้าท่ีเก่ียวข้องเข้าถึงได้โดยสะดวก
เพ่ือทําการตรวจและบํารุงรักษา และต้องจดั ให้มีการระบายอากาศอยา่ งเพียงพอกบั การใช้งาน

6.4.3 การป้ องกนั กระแสเกนิ
หม้อแปลงต้องมีการป้ องกันกระแสเกินตามข้อ 6.4.3.1 หรือ 6.4.3.2 เคร่ืองป้ องกันกระแสเกิน
และเครื่องปลดวงจรต้องเป็ นไปตามที่กําหนดในข้อ 3.3 และ 3.5 สําหรับข้อที่นํามาใช้ได้และถ้า
เคร่ืองปลดวงจรไม่ใช่ประเภทสวิตช์สําหรับตดั โหลดติดตงั้ อย่ดู ้านไฟเข้าของหม้อแปลง ต้องมี
ป้ ายเตือนให้ปลดสวติ ช์แรงตาํ่ ก่อนและป้ ายเตือนนีต้ ้องตดิ ไว้ในบริเวณท่ีเห็นได้งา่ ยจากบริเวณท่ี
จะทําการปลดวงจรด้านไฟเข้า หม้อแปลงในข้อนีห้ มายถึง หม้อแปลงหน่ึงเฟส หรือสามเฟส
หรือการต่อเข้าด้วยกันของหม้อแปลงหนึ่งเฟส ทงั้ แบบ 2 ลกู และ 3 ลกู เพ่ือประกอบเข้าเป็ น
หม้อแปลง 1 ชดุ

บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-23

6.4.3.1 หม้อแปลงระบบแรงสงู ต้องมีการป้ องกนั กระแสเกินทงั้ ด้านไฟเข้าและด้านไฟออกซงึ่
มีขนาดปรับตงั้ ได้ไมเ่ กินคา่ ท่ีกําหนดในตารางที่ 6-5 ยกเว้น ถ้าขนาดที่กําหนดไม่ใช่ขนาด
มาตรฐานของผผู้ ลิตอนญุ าต ใหใ้ ชข้ นาดใกลเ้ คียงทีส่ งู ถดั ไปได้
6.4.3.2 หม้อแปลงแรงดนั ที่ติดตงั้ ในอาคาร ต้องติดตงั้ ในเคร่ืองห่อห้มุ และมีเครื่องป้ องกัน
กระแสเกินด้านไฟเข้า ยกเว้น หมอ้ แปลงแรงดนั สําหรบั เครื่องวดั หนว่ ยไฟฟ้ าของการไฟฟ้ า

6.4.4 การต่อขนานหม้อแปลง
อนญุ าตให้หม้อแปลงหลายลกู ตอ่ ขนานกนั ได้ เมื่อหม้อแปลงแตล่ ะลกู มีการติดตงั้ เคร่ืองป้ องกนั
กระแสเกินทงั ้ ด้านแรงสงู และแรงตํ่าที่เป็ นไปตามข้อ 6.4.3 และต้องมีสวิตช์หรือเซอร์กิตเบรก
เกอร์แรงสงู ท่ีสามารถปลดและสบั หม้อแปลงได้พร้อมกนั และหม้อแปลงทกุ ลกู ต้องมีคณุ สมบตั ิ
ทางไฟฟ้ าเหมือนกนั

6.4.5 การต่อลงดนิ
สว่ นของหม้อแปลงท่ีเป็ นโลหะเปิ ดโลง่ และไมใ่ ช้เป็ นทางเดนิ ของกระแสไฟฟ้ ารวมถึงรัว้ ที่กนั ้ หรือ
อื่นๆ ต้องตอ่ ลงดนิ ตามบทท่ี 4 ตวั นําตอ่ ลงดินเป็ นทองแดงขนาดไม่เล็กกว่า 35 ตร.มม. หรือ
เป็ นวสั ดทุ นการกดั กร่อนอ่ืนที่นํากระแสได้ไม่ตาํ่ กวา่

ตารางท่ี 6-5
ขนาดปรับตงั้ สูงสุดของเคร่ืองป้ องกนั กระแสเกนิ สาํ หรับหม้อแปลงระบบแรงสงู

ด้านไฟเข้า ด้านไฟออก

ขนาดอมิ พแี ดนซ์ แรงดนั แรงดนั แรงดนั
ของหม้อแปลง มากกว่า 1,000 โวลต์ มากกว่า 1,000 โวลต์ ไม่เกนิ 1,000

ไมเ่ กิน 6% โวลต์
มากกวา่ 6%
แตไ่ มเ่ กิน 10% เซอร์ กติ ฟิ วส์ เซอร์ กติ ฟิ วส์ เซอร์กติ เบรกเกอร์
เบรกเกอร์ 300% เบรกเกอร์ หรือฟิ วส์

600% 300% 250% 125%

400% 300% 250% 225% 125%

6.4.6 การกนั้
หม้อแปลงต้องมีการกนั้ ดงั ตอ่ ไปนี ้
6.4.6.1 ต้องมีวิธีการท่ีเหมาะสม เพ่ือป้ องกนั หม้อแปลงชํารุดจากสาเหตภุ ายนอก เมื่อหม้อ
แปลงตดิ ตงั้ ในท่ีที่อาจได้รับความเสียหายทางกายภาพ

6-24 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.4.6.2 หม้อแปลงแบบแห้งต้องมีเครื่องห่อห้มุ ที่ไม่ติดไฟและทนความชืน้ เพ่ือป้ องกนั วตั ถุ
แปลกปลอมท่ีอาจเข้าไปได้
6.4.6.3 สว่ นท่ีมีไฟฟ้ าและเปิ ดโลง่ ต้องมีการกนั้ ตามที่กําหนดในบทท่ี 1 ตอน ค.
6.4.6.4 สว่ นท่ีมีไฟฟ้ าและอย่เู ปิ ดเผยต้องมีป้ ายหรือเครื่องหมายแสดงแรงดนั ไฟฟ้ าตดิ ตงั้ ไว้
ให้เห็นได้งา่ ยบนบริภณั ฑ์ไฟฟ้ าหรือโครงสร้าง

ตอน ข. ข้อกาํ หนดจาํ เพาะสาํ หรับหม้อแปลงชนิดต่างๆ

6.4.7 หม้อแปลงชนิดแห้งตดิ ตัง้ ในอาคาร (Indoor)
6.4.7.1 หม้อแปลงชนิดแห้ง แรงดนั ไม่เกิน 33 เควี ขนาดไม่เกิน 112.5 เควีเอ ต้องติดตงั ้ ห่าง
จากวสั ดตุ ิดไฟได้ไม่น้อยกว่า 0.30 เมตร ยกเว้น กนั้ ด้วยแผ่นกนั้ ความร้อน หรือหม้อแปลงอยู่
ในเครื่องห่อหมุ้ ทีป่ ิ ดสว่ นทีม่ ีไฟฟ้ าไวม้ ิดชิด
6.4.7.2 หม้อแปลงชนิดแห้ง แรงดนั ไม่เกิน 33 เควี ขนาดเกิน 112.5 เควีเอ ต้องติดตงั้ ในห้อง
หม้อแปลง

ข้อยกเว้นที่ 1 หม้อแปลงมีระบบอณุ หภูมิของฉนวน (insulation system temperature) 150
องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า และกนั้ ไว้ด้วยแผ่นกน้ั ความร้อน หรือติดตงั้ ห่าง
จากวสั ดทุ ีต่ ิดไฟไดใ้ นแนวระดบั ไม่นอ้ ยกว่า 1.80 เมตร และในแนวด่ิงไม่นอ้ ย
กว่า 3.60 เมตร

ข้อยกเว้นที่ 2 หม้อแปลงมีระบบอุณหภูมิของฉนวน 150 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า และมี
เครื่องห่อหมุ้ ส่วนทีม่ ีไฟฟ้ ามิดชิด

6.4.8 หม้อแปลงชนิดแห้งตดิ ตงั้ ภายนอกอาคาร (Outdoor)
ต้องมีเคร่ืองห่อหุ้มที่ทนสภาพอากาศ และหม้อแปลงที่มีขนาดเกิน 112.5 เควีเอ ต้องติดตงั้ ห่าง
จากวสั ดตุ ดิ ไฟได้ไม่น้อยกวา่ 0.30 เมตร

6.4.9 หม้อแปลงฉนวนของเหลวไม่ตดิ ไฟ (Nonflammable Fluid-Insulated
Transformer)
ตดิ ตงั้ ได้ทงั ้ ภายในและภายนอกอาคาร ถ้าตดิ ตงั้ ภายในอาคารต้องติดตงั้ ในห้องหม้อแปลง ตาม
ข้อ 6.4.13

บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-25

6.4.10 หม้อแปลงฉนวนของเหลวตดิ ไฟได้
6.4.10.1 กรณีตดิ ตงั้ ภายในอาคาร ต้องตดิ ตงั้ ในห้องหม้อแปลง ยกเว้น หม้อแปลงใช้กบั
เตาหลอมไฟฟ้ ามีขนาดไม่เกิน 75 เควีเอ หากไม่อยู่ในห้องหม้อแปลงต้องมีร้ัวล้อมรอบ และ
ระยะห่างระหว่างหมอ้ แปลงกบั รวั้ ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 1.00 เมตร
6.4.10.2 กรณีติดตัง้ ภายนอกอาคาร หากติดตงั้ หม้อแปลงใกล้วสั ดหุ รืออาคารท่ีติดไฟได้
หรือตดิ ตงั้ ใกล้ทางหนีไฟ ประตู หรือหน้าตา่ ง ควรมีการปิ ดกนั้ เพ่ือป้ องกนั ไฟที่เกิดจากของเหลว
ของหม้อแปลงลกุ ลามไปตดิ อาคารหรือสว่ นของอาคารท่ีตดิ ไฟ สว่ นท่ีมีไฟฟ้ าด้านแรงสงู ต้องอยู่
หา่ งจากโครงสร้างอื่นไมน่ ้อยกวา่ 1.80 เมตร

6.4.11 หม้อแปลงฉนวนของเหลวติดไฟยาก (Less-Flammable Liquid-Insulated
Transformer)
คือ หม้อแปลงที่บรรจดุ ้วยฉนวนของเหลวท่ีมีจดุ ติดไฟ (fire point) ไม่ต่ํากวา่ 300 ºC และฉนวน
ของเหลว ต้องเป็ นชนิดที่ไม่เป็ นพิษต่อคนและส่ิงแวดล้อม (non-toxic) หม้อแปลงชนิดนีม้ ี
ข้อกําหนดในการตดิ ตงั้ ใช้งานดงั นี ้
6.4.11.1 ติดตงั้ ภายในอาคารในบริเวณพืน้ ที่ติดไฟหรือมีวัสดทุ ี่ติดไฟได้ พืน้ ที่สําหรับติดตงั้
หม้อแปลงชนิดนีต้ ้องมีข้อกําหนดดงั ตอ่ ไปนี ้

ก) ต้องตดิ ตงั้ ในห้องหม้อแปลงตามข้อ 6.4.12 หรือ
ข) ต้องมีระบบดบั เพลงิ อตั โนมตั ิ และต้องมีการกนั้ เก็บของเหลวซง่ึ อาจไหลออกมา

โดยการทําบอ่ พกั (sump) หรือทําที่กนั้
6.4.11.2 ตดิ ตงั้ ภายในอาคารในบริเวณท่ีไม่ติดไฟ type I และ type II ตาม NFPA 220-1985
หรือเทียบเทา่ และไม่มีวสั ดทุ ่ีตดิ ไฟได้ในพืน้ ที่ท่ีตดิ ตงั้ หม้อแปลง มีข้อกําหนดดงั ตอ่ ไปนี ้

ก) ต้องตดิ ตงั ้ ภายในห้องหม้อแปลงตามข้อ 6.4.12 หรือ
ข) ต้องมีระบบดบั เพลงิ อตั โนมตั ิ และต้องมีการกนั้ เก็บของเหลวซงึ่ อาจไหลออกมา

โดยการทําบอ่ พกั หรือทําที่กนั้ หรือ
ค) ไมต่ ้องมีระบบดบั เพลงิ อตั โนมตั ิ แตต่ ้องมีการกนั้ เก็บของเหลวซง่ึ อาจไหลออกมา

โดยการทําบ่อพัก หรือทําท่ีกัน้ และต้องใช้หม้อแปลงท่ีมีคุณสมบตั ิและมีการ
ตดิ ตงั้ เป็ นไปตามข้อจํากดั ที่ระบไุ ว้ของสถาบนั UL หรือ FM (factory mutual)
ตามชนิดของของเหลวนนั้ ๆ เช่น
1) ตวั ถงั หม้อแปลง ต้องมีความแข็งแรงสามารถทนแรงดนั 12 ปอนด์ตอ่ ตา-ราง

นิว้ ได้โดยไม่ระเบิด มีการใช้ฟิวส์จํากดั กระแส (current limiting fuse)

6-26 บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

2) ระยะห่าง ระหวา่ งหม้อแปลงกบั ผนังและเพดานรวมทัง้ คุณลักษณะการ
ถ่ายเทความร้ อนตามท่ีกําหนด

3) ข้อกําหนดอ่ืนๆ ตามท่ีระบใุ น UL หรือ FM
6.4.11.3 ตดิ ตงั้ ภายนอกอาคารให้เป็ นไปตามข้อ 6.4.10.2
6.4.11.4 หม้อแปลงที่มีพกิ ดั แรงดนั เกิน 33 เควี หากตดิ ตงั้ ภายในอาคาร จะต้องตดิ ตงั้ ในห้อง
หม้อแปลงเทา่ นนั้

ตอน ค. ห้องหม้อแปลง

6.4.12 ห้องหม้อแปลงสาํ หรับหม้อแปลงฉนวนของเหลวตดิ ไฟได้และฉนวนของเหลว
ตดิ ไฟยาก
6.4.12.1 ห้องหม้อแปลงต้องอย่ใู นสถานท่ี ท่ีสามารถขนย้ายหม้อแปลงทงั ้ ลกู เข้าออกได้และ
สามารถระบายอากาศสอู่ ากาศภายนอกได้ หากใช้ทอ่ ลมต้องเป็ นชนิดทนไฟ ห้องหม้อแปลงต้อง
เข้าถงึ ได้โดยสะดวกสาํ หรับผ้ทู ี่มีหน้าที่เก่ียวข้องเพื่อตรวจสอบและบํารุงรักษา
6.4.12.2 ระยะห่างระหวา่ งหม้อแปลงกบั ผนงั หรือประตหู ้องหม้อแปลง ต้องไม่น้อยกว่า 1.00
เมตร ระยะห่างระหว่างหม้อแปลงต้องไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร บริเวณที่ตงั้ หม้อแปลงต้องมีท่ีว่าง
เหนือหม้อแปลงหรือเครื่องหอ่ ห้มุ หม้อแปลงไมน่ ้อยกวา่ 0.60 เมตร
6.4.12.3 การระบายอากาศ ช่องระบายอากาศควรอยู่ห่างจากประตู หน้าต่าง ทางหนีไฟ
และวสั ดทุ ี่ติดไฟได้มากที่สดุ เท่าที่จะทําได้ อุณหภมู ิภายในห้องหม้อแปลงต้องไม่เกิน 40 ºC
การระบายความร้อนทําได้โดยวธิ ีใดวิธีหนงึ่ ดงั นี ้

ก) ใช้ระบบหมุนเวยี นอากาศตามธรรมชาติ
ต้องมีช่องระบายอากาศทงั้ ด้านเข้าและออก พืน้ ท่ีของช่องระบายอากาศแต่ละ
ด้าน (เม่ือไมค่ ดิ รวมลวดตาข่าย) ต้องไม่น้อยกว่า 1 ตร.เมตร / 1,000 เควีเอ ของ
หม้อแปลงท่ีใช้งาน และต้องไม่เลก็ กวา่ 0.05 ตร.เมตร ตําแหน่งของช่องระบาย
อากาศด้านเข้าต้องอย่ใู กล้กบั พืน้ ห้อง แตต่ ้องอย่สู งู ไม่น้อยกว่า 100 มม. ช่อง
ระบายอากาศออกต้องอยู่ใกล้เพดาน หรือหลังคา และอยู่ด้านท่ีทําให้มีการ
ถ่ายเทอากาศผ่านหม้อแปลง ช่องระบายอากาศเข้าและออก ไม่อนญุ าตให้อยู่
บนผนงั ด้านเดยี วกนั และช่องระบายอากาศต้องปิ ดด้วยลวดตาขา่ ย

บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า 6-27

ข) ระบายความร้อนด้วยพดั ลม
ช่องระบายอากาศด้านเข้าต้องมีขนาดไม่เล็กกว่าตามที่คํานวณได้ในข้อ
6.4.12.3 ก) ด้านอากาศออกต้องตดิ ตงั้ พดั ลมที่สามารถดดู อากาศออกจากห้อง
ได้ไม่น้อยกว่า 8.40 ลกู บาศก์เมตรต่อนาที ต่อหน่ึงกิโลวตั ต์ของค่ากําลงั ไฟฟ้ า
สญู เสียทงั้ หมดของหม้อ-แปลงเม่ือมีโหลดเตม็ ท่ี

ค) ระบายความร้อนด้วยเคร่ืองปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 3,412 BTU ต่อชวั่ โมง ต่อหนึ่ง
กิโลวตั ต์ของคา่ กําลงั ไฟฟ้ าสญู เสยี ทงั้ หมดของหม้อแปลงเม่ือมีโหลดเตม็ ท่ี

6.4.12.4 ผนังและหลังคาห้องหม้อแปลง
ต้องสร้างด้วยวสั ดทุ ่ีมีความแข็งแรงทางโครงสร้างเพียงพอกบั สภาพการใช้งานและไม่ติดไฟ ผนงั
ของห้องหม้อแปลงต้องสร้างด้วยวสั ดทุ ี่มีความหนาดงั นี ้

ก) คอนกรีตเสริมเหลก็ มีความหนาไม่น้อยกวา่ 125 มม. หรือ
ข) อิฐ คอนกรีต คอนกรีตบลอ็ ก มีความหนา ไม่น้อยกวา่ 200 มม.
ค) มีความหนาสอดคล้องตามมาตรฐานการป้ องกันอัคคีภัยของวิศวกรรมสถาน

แหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์
6.4.12.5 พนื้ ห้องหม้อแปลง
ต้องสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหลก็ หนาไม่น้อยกว่า 125 มม. และต้องรับนํา้ หนกั หม้อแปลงและ
บริภัณฑ์อ่ืนๆ ได้อย่างปลอดภัย พืน้ ห้องต้องลาดเอียงมีทางระบายฉนวนของเหลวของหม้อ
แปลงไปลงบอ่ พกั บอ่ พกั ต้องสามารถบรรจขุ องเหลวอยา่ งน้อย 3 เทา่ ของปริมาตรของเหลวของ
หม้อแปลงตวั ท่ีมากที่สดุ แล้วใสห่ ินเบอร์ 2 จนเตม็ บอ่ ถ้าบ่อพกั อย่ภู ายนอกห้องหม้อแปลงต้อง
มีทอ่ ระบายชนิดทนไฟขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางไม่เล็กกว่า 50 มม. เพื่อระบายของเหลวจากห้อง
หม้อแปลงไปลงบอ่ พกั ปลายทอ่ ด้านหม้อแปลงต้องปิ ดด้วยตะแกรง
6.4.12.6 ประตหู ้องหม้อแปลงต้องทําด้วยเหลก็ แผ่นหนาอยา่ งน้อย 1.6 มม. มีวิธีการป้ องกนั
การผุกร่อน ประตูต้องมีการจบั ยึดไว้อย่างแน่นหนา ต้องมีประตฉู กุ เฉินสํารองไว้สําหรับเป็ น
ทางออกและเป็ นชนิดที่เปิ ดออกภายนอกได้สะดวกและรวดเร็ว
6.4.12.7 ต้องมีธรณีประตสู งู เพียงพอที่จะกกั นํา้ มนั ตวั ที่มากที่สดุ ได้ และต้องไม่น้อยกว่า
100 มม.
6.4.12.8 เครื่องปลดวงจรที่ติดตัง้ ในห้องหม้อแปลง ต้องเป็ นชนิดสวิตช์สําหรับตัดโหลด
เทา่ นนั้
6.4.12.9 เคร่ืองหอ่ ห้มุ สว่ นที่มีไฟฟ้ าทงั้ หมดต้องเป็ นวสั ดไุ มต่ ดิ ไฟ

6-28 บทท่ี 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้ า

6.4.12.10 สว่ นที่เป็ นโลหะเปิ ดโล่ง และไม่ใช้เป็ นทางเดินของกระแสไฟฟ้ าต้องต่อลงดิน
ตวั นําตอ่ หลกั ดนิ ต้องเป็ นทองแดงมีขนาดไม่เลก็ กวา่ 35 ตร.มม.
6.4.12.11 ห้องหม้อแปลงต้องมีแสงสว่างอย่างเพียงพอ โดยความส่องสว่างเฉลี่ยไม่น้อยกว่า
200 ลกั ซ์
6.4.12.12 ควรมีคมู่ ือหรือแผ่นภาพแสดงการปฐมพยาบาล โดยวิธีผายปอดแบบเป่ าปากไว้ใน
สถานท่ีที่เข้าถงึ ได้สะดวก
6.4.12.13 ระบบทอ่ อ่ืนๆ ท่ีไม่เก่ียวกบั ระบบไฟฟ้ า ไม่อนญุ าตให้เดนิ ท่อผ่านเข้าไปในห้องหม้อ
แปลง ยกเว้น ท่อสําหรบั ระบบดบั เพลิง หรือระบบระบายความร้อนของหม้อแปลง หรือทีไ่ ด้
ออกแบบอย่างเหมาะสมแลว้
6.4.12.14 ห้ามเก็บวสั ดทุ ่ีไม่เก่ียวข้องกบั การใช้งานทางไฟฟ้ า และวสั ดเุ ชือ้ เพลงิ ไว้ในห้องหม้อ
แปลง
6.4.12.15 ต้องมีเครื่องดบั เพลิง ชนิดที่ใช้ดบั ไฟที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้ า (class C) ขนาด
นํา้ หนกั บรรจสุ ารไม่น้อยกว่า 6.5 กก. ติดตงั้ ไว้ท่ีผนงั ด้านนอกห้องหม้อแปลงไม่สงู กว่า 1.50
เมตร จากระดบั พืน้ จนถงึ หวั ของเคร่ืองดบั เพลงิ

หมายเหตุ ชนิดของเครื่องดบั เพลิงที่ใช้กบั อุปกรณ์ไฟฟ้ า ได้แก่ ผงเคมีแห้งคาร์บอนไดออกไซด์ และสาร
สะอาดดบั เพลิง

6.4.12.16 ถ้าบริเวณที่ตดิ ตัง้ หม้อแปลง มีการติดตัง้ เครื่องดบั เพลิงอตั โนมตั ิ เช่น
คาร์บอนไดออกไซด์ หรือนํา้ ความหนาของผนงั ห้องอนญุ าตให้ลดลงได้ คือถ้าเป็ นคอนกรีตเสริม
เหล็กต้องมีความหนาไม่น้อยกว่า 65 มม. และถ้าเป็ นอิฐ คอนกรีต หรือคอนกรีตบล็อก ต้องมี
ความหนาไม่น้อยกวา่ 100 มม.
6.4.12.17 ควรมีป้ ายเตือนแสดงข้อความ “อันตรายไฟฟ้ าแรงสูง” และ “เฉพาะเจ้าหน้าท่ี
ท่ีเก่ียวข้องเท่านัน้ ” ให้เห็นอย่างชดั เจนติดไว้ท่ีผนงั ด้านนอกห้องหม้อแปลง

6.4.13 ห้องหม้อแปลงสาํ หรับหม้อแปลงฉนวนของเหลวไม่ตดิ ไฟ
ให้ใช้ข้อกําหนดเชน่ เดยี วกบั ข้อ 6.4.12

ข้อยกเว้นท่ี 1 ไม่ต้องมีบ่อพกั แต่ต้องสามารถระบายน้ํา หรือฉนวนของเหลวของหมอ้ แปลงออกจากห้อง
ได้

ข้อยกเว้นที่ 2 ความหนาของผนงั หอ้ งหมอ้ แปลงเป็นดงั นี้
2.1) คอนกรีตเสริมเหล็ก หนาไม่นอ้ ยกว่า 65 มม. หรือ
2.2) อิฐทนไฟ มีความหนาไม่นอ้ ยกว่า 100 มม. หรือ
2.3) คอนกรีต บล็อก มีความหนาไม่นอ้ ยกว่า 100 มม.


Click to View FlipBook Version