The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Weerachart Khoudkaew, 2022-04-21 22:09:23

ระบบปรับอากาศอุตสาหกรรม

หน่วยที่8

คูม่ อื ผ้สู อน

สาขาวชิ าไฟฟ้า

ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.)

หลกั สตู รประกาศนียบตั รวิชาชพี ชัน้ สูง พทุ ธศกั ราช 2557
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

วชิ าเครื่องปรับอากาศอตุ สาหกรรม (3104-2007)
วิชาการออกแบบระบบไฟฟ้า (3104-2002)
วิชาระบบควบคมุ ในงานอุตสาหกรรม (3104-2006)
วชิ าเครือ่ งกลไฟฟ้า 1 (3104-2003)
วชิ าเครื่องกลไฟฟ้า 2 (3104-2102)

โครงการพัฒนาหลกั สตู รการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน
และพลงั งานทดแทน

สาหรบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
โดย กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลังงาน

เมษายน 2558



คาํ นํา

โครงการพัฒนาหลักสูตรการอนุรักษพลังงานและพลังงานทดแทนสําหรับสํานักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา เปนโครงการความรวมมือระหวางกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษพลังงาน (พพ.)
และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ (มจพ.) โดยมีวัตถุประสงคเพื่อ ปรับปรุง พัฒนา
Simulation Program หรือ สื่อ e-learning และส่ือการสอน ชุดคูมือผูสอน ชุดคูมือผูเรียน ดานไฟฟาและ
ดา นเครอ่ื งกลทใ่ี ชส าํ หรบั ประกอบการเรียนการสอนในสาขาชา งอตุ สาหกรรม (ท่ีเกี่ยวของกับพลังงาน) สําหรับ
สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาสําหรับใชสอนนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพข้ันสูง (ปวส.) โดยสอดคลองกับหลักสูตรของอาชีวศึกษาที่
พฒั นาขึน้ ใหมแ ละไมเปนภาระแกครูผูสอน และเพื่อทดสอบหลักสูตรและสอ่ื ที่พัฒนาขึ้นใหกับครูผูสอนที่ไดรับ
การคัดเลือกจากสถาบันการอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตร
วชิ าชีพข้นั สงู (ปวส.)

การดําเนินการโครงการมีกระบวนการในการพิจารณาคัดเลือกรายวิชาในหลักสูตรระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2556 ในสาขาวิชาชางยนตและสาขาวิชาชางไฟฟากําลัง และใน
หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2557 ในสาขาวิชาเทคนิคเครื่องกลและ
สาขาวชิ าไฟฟา อกี ท้งั มกี ารดําเนินการพจิ ารณาคัดเลือกหนว ยวชิ า จัดทําและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน คูมือ
ผูส อน คูม อื ผเู รยี น และคูส่ือ ทดสอบและปรบั ปรุงจนสาํ เร็จเรียบรอ ย

การดําเนินโครงการในครั้งน้ีสําเร็จลุลวงดวยดี ดวยความรวมมือจากหลายๆ หนวยงาน
ท้ังกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษพลังงาน (พพ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ
(มจพ.) สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รวมท้ังผูเช่ียวชาญและคณาจารยจากสถานศึกษา
อาชวี ศกึ ษา ทไี่ ดรวมกันพิจารณาและปรับปรุงจนส่ือการเรยี นการสอนและคมู อื ตา งๆ มคี วามครบถวนสมบูรณ

เมษายน 2558



โครงการพฒั นาหลกั สูตรการอนรุ กั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน
สําหรบั สํานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

รายวชิ าท่ี 1

เคร่ืองปรับอากาศอุตสาหกรรม รหสั 3104 – 2007
หนว่ ยที่ 8 เครื่องทําความเยน็ และปรับอากาศขนาดใหญ่



1-ก

หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพช้นั สงู พุทธศกั ราช 2557
ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม
สาขาวชิ าไฟฟ้า

……………………………………………………………………………………….

จุดประสงค์สาขาวชิ า

1. เพ่ือให้สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะด้านการสื่อสาร ทักษะการคิดและการแก้ปัญหา และ
ทกั ษะทางสงั คมและการดํารงชีวติ ในการพัฒนาตนเองและวชิ าชพี

2. เพื่อให้มีความเข้าใจหลักการบริหารและจัดการวิชาชีพ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและหลักการของ
งานอาชพี ทีส่ มั พันธเ์ กี่ยวขอ้ งกบั การพฒั นาวิชาชีพไฟฟ้า ให้ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้า
ของเศรษฐกจิ สงั คมและเทคโนโลยี

3. เพื่อให้มีความเข้าใจในหลักการและกระบวนการทํางานในกลุ่มงานพื้นฐานประยุกต์ใช้ความรู้ทักษะ
ประสบการณแ์ ละเทคโนโลยีพัฒนางานอาชีพ วิเคราะห์ค่าพารามิเตอร์ทางไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ด้วย
ทฤษฎีและปฏิบัติ การออกแบบ เขียนแบบและประมาณราคา

4. เพ่ือให้สามารถออกแบบ วิเคราะห์ แก้ปัญหาในงานติดต้ัง ควบคุมระบบไฟฟ้า เครื่องทําความเย็น
และปรับอากาศ

5. เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานติดตั้ง ซ่อมบํารุง ทดสอบ ควบคุมระบบไฟฟ้า เครื่องทําความเย็นและปรับ
อากาศ

6. เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานด้านเทคนิคในสถานประกอบการและประกอบอาชีพอิสระ รวมท้ังการใช้
ความรแู้ ละทักษะเป็นพนื้ ฐานในการศกึ ษาตอ่ ในระดบั สงู ขน้ึ ได้

7. เพ่อื ให้มีเจตคตทิ ดี่ ตี ่องานอาชีพ มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย เป็นผู้มีความ
รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม สิง่ แวดลอ้ ม ตอ่ ต้านความรนุ แรงและสารเสพติด

1-ข

แผนการจัดการเรียนรู้

รหสั วิชา 3104-2007 ชื่อรายวิชา เครอ่ื งปรับอากาศอุตสาหกรรม 2-3-3

ระดบั ชน้ั ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชั้นสงู สาขาวิชา ไฟฟา้

ทฤษฎรี วม 2 คาบ ปฏิบตั ริ วม 3 ช่ัวโมง 3 หน่วยกติ

……………………………………………………………………………………………………………………........................................

คาํ อธบิ ายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการปรับสภาวะอากาศ จากแผนภูมิไซโครเมตริก ส่วนประกอบและ

หลกั การทาํ งานของเครื่องปรบั อากาศแบบแยกสว่ น แบบระเหยสารทาํ ความเย็นโดยตรงและแบบนา้ํ เย็นการ
คํานวณโหลดความร้อนและเลือกชนิด ขนาด เครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม การติดต้ัง ควบคุมและ
บาํ รุงรักษาเคร่ืองปรับอากาศอตุ สาหกรรม

จุดประสงคร์ ายวชิ า

1. เข้าใจหลักการปรับอากาศ ส่วนประกอบและการทํางานของเคร่ืองปรับอากาศในงาน
อุตสาหกรรม

2. คาํ นวณโหลดความรอ้ นและหาค่าอณุ หภมู ิ ความชืน้ จากแผนภมู ไิ ซโครเมตรกิ
3. เลอื กชนดิ ขนาด เคร่อื งปรบั อากาศและหาคา่ อณุ หภูมิความดนั จากแผนภมู สิ ารทําความเย็น
4. มีกจิ นิสยั ในการทํางานร่วมกับผูอ้ น่ื ด้วยความประณีต รอบคอบ ปลอดภยั

สมรรถนะรายวชิ า
1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับหลกั การปรบั อากาศ
2. แสดงความรเู้ กีย่ วกบั หลกั การทํางานของเครือ่ งปรบั อากาศแบบแยกส่วน
3. คาํ นวณโหลดความร้อนและหาค่าอุณหภูมิ ความช้นื จากแผนภูมไิ ซโครเมตรกิ
4. หาคา่ อณุ หภูมิความดัน จากแผนภูมิสารทาํ ความเย็น
5. เลอื กชนดิ ขนาด ติดตั้ง ควบคุมและบํารงุ รกั ษาเครอื่ งปรับอากาศ

1-ค

หน่วยการสอน
รหัส 3104-2007 วชิ า เคร่อื งปรับอากาศอุตสาหกรรม จํานวน 5 ชว่ั โมง / สปั ดาห์

หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการสอน จํานวนชัว่ โมง
1 เครื่องปรับอากาศ 10
2 การเลือกใช้อปุ กรณ์ทางกลและไฟฟา้ 10
3 สารทําความเยน็ 5
4 การทาํ สุญญากาศและการบรรจสุ ารความเยน็ 5
5 การติดตงั้ เครอ่ื งปรบั อากาศแบบตา่ งๆ 30
6 ไซโครเมตริก 5
7 การหาขนาดเครื่องปรับอากาศ 5
8 เครื่องทําความเย็นและปรับอากาศขนาดใหญ่ 5
9 การติดตั้งเครือ่ งทําความเยน็ และปรบั อากาศ 10
10 สอบปลายภาค 5
90
รวม

1-ง

โครงการเรยี น/การสอน
รหัส 3104-2007 วชิ า เครื่องปรบั อากาศอุตสาหกรรม จาํ นวน 5 ช่ัวโมง / สัปดาห์

สัปดาห์ท่ี หนว่ ยที่ แผนการ หัวขอ้ จํานวน
1-2 1 จัดการเรียนรู้ นาที
1. เครอ่ื งปรับอากาศ 600
2-4 2 1 1.1.อุปกรณ์ของเครือ่ งปรับอากาศ
1.2. มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ 600
2 1.3.สตาร์ทตง้ิ รีเลย์
1.4.มอเตอร์พดั ลม
1.5.เทอรโ์ มสตทั
1.6.สวทิ ซ์ควบคุมแรงดัน
1.7.สวิทซ์เครอื่ งปรบั อากาศ
1.8.หลักการทํางานของเครือ่ งปรับอากาศ
1.9.วงจรไฟฟ้าเคร่ืองปรบั อากาศแบบหนา้ ตา่ ง
1.10. วงจรไฟฟ้าแบบแยกสว่ น

2. การเลือกใช้อปุ กรณท์ างกลและไฟฟา้
2.1. ฟิลเตอร์ดรายเออร์
2.2. กระจกมองนํ้ายา
2.3.แอคคิวมเู ลเตอร์
2.4.อุปกรณแ์ ยกนา้ํ มนั
2.5.อปุ กรณ์ลดเสียง
2.6.ท่อกันสะเทอื น
2.7.อปุ กรณ์แลกเปลีย่ นความรอ้ น
2.8. วาล์วบริการ
2.9.วาลว์ กันกลบั
2.10. วาลว์ ปลดความดัน
2.11. ตวั ควบคมุ สารทําความเย็น
2.12. อุปกรณ์ควบคมุ ทางไฟฟา้ ของ
เคร่อื งปรบั อากาศ
2.13. สวิทซ์

1-จ

โครงการเรยี น/การสอน
รหัส 3104-2007 วิชา เครอ่ื งปรบั อากาศอตุ สาหกรรม จํานวน 5 ช่วั โมง / สัปดาห์

สปั ดาหท์ ี่ หน่วยท่ี แผนการ หัวข้อ จํานวน
5-6 3 จัดการเรยี นรู้ นาที
6-7 4 2.14. เทอรโ์ มสตัท
3 2.15. แม็คเนตคิ คอนแทคเตอร์ 300
2.16. รเี ลย์ควบคุม
4 2.17. รเี ลย์ 300
2.18. เทอรโ์ มสตทั
2.19. คาปาซเิ ตอร์
2.20. เซอร์กติ เบรกเกอร์
3. สารทําความเยน็
3.1. คุณสมบัติของสารความเย็น

- คณุ สมบัติทางความปลอดภยั
- พษิ
3.2.ชนดิ ของสารความเย็น
- สารความเย็น 12
- สารความเย็น 22
- สารความเยน็ 134 A
- สารความเยน็ ขั้นที่สอง
4. การทาํ สุญญากาศและการบรรจุสารความเยน็
4.1.อปุ กรณใ์ นการทาํ สุญญากาศ
- เครื่องทาํ สญุ ญากาศ
- เกจความดัน
4.2.วธิ ีการทาํ สุญญากาศ
4.3. การบรรจุสารความเย็น
4.4.การทาํ สุญญากาศโดยไม่ใช้เคร่ืองแวคคมั่ และ
การบรรจุสารทาํ ความเยน็

1-ฉ

โครงการเรยี น/การสอน
รหัส 3104-2007 วิชา เครื่องปรับอากาศอตุ สาหกรรม จาํ นวน 5 ชว่ั โมง / สัปดาห์

สปั ดาห์ที่ หนว่ ยที่ แผนการ หวั ขอ้ จํานวน
8-10 5 จดั การเรยี นรู้ นาท่ี

5. การตดิ ต้ังเครอื่ งปรับอากาศแบบตา่ งๆ 180

5.1.การตดิ ตัง้ เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่าง

- ขอ้ คาํ นึงถึงในการตดิ ตง้ั

- การหาขนาดเคร่อื งปรบั อากาศ

- การเลอื กใช้อปุ กรณ์ควบคุมและปอ้ งกนั

ระบบไฟฟา้

- การติดต้ังเครอื่ งปรบั อากาศ

5.2.การตดิ ต้งั อุปกรณป์ ระกอบระบบ

เครอ่ื งปรบั อากาศแบบแยกสว่ น

- วธิ ีติดตั้งท่อนาํ สารทําความเยน็

- การตดั ทอ่

- การดดั ทอ่

5 - การบานทอ่

- การเช่ือมตอ่ ทอ่

5.3.การตดิ ตั้งเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน

- ข้อแนะนาํ ในการตดิ ตั้ง

- การติดตัง้ ชดุ คอยลเ์ ยน็

- การตดิ ตัง้ ชุดคอยลร์ ้อน

5.4.การแกไ้ ขข้อบกพร่องของระบบ

เครอื่ งปรับอากาศ

5.5.สาเหตุข้อบกพร่องของอปุ กรณไ์ ฟฟ้า

- วธิ ีการแกไ้ ข

5.6.สาเหตุข้อบกพร่องของอุปกรณท์ างกล

- วธิ กี ารแกไ้ ข

5.7.วธิ ีการบาํ รุงรักษาเคร่ืองปรับอากาศ

1-ช

โครงการเรียน/การสอน
รหสั 3104-2007 วชิ า เครอื่ งปรบั อากาศอตุ สาหกรรม จาํ นวน 5 ช่วั โมง / สัปดาห์

สปั ดาห์ หน่วย แผนการ หวั ข้อ จํานวน
ท่ี ท่ี จัดการ นาท่ี
เรียนรู้
11-12 6 6. ไซโครเมตรกิ 300
6 6.1. ส่วนประกอบของอากาศ 300
13-14 7 6.2. สลิงไซโครเมตริก 300
15-16 8 7 6.3.แผนภูมิไซโครมเิ ตอร์
6.4. กระบวนการทางไซโครเมตริก
8 6.5.รูปแบบทางไซโครเมตริกสําหรับ กระบวนการทํา
ความรอ้ นและเย็น
6.6.การทําความรอ้ นและเพิม่ ความชน้ื
6.7.การทาํ ความเย็นและลดความช้นื
6.8.องคป์ ระกอบของความรอ้ นสมั ผสั
6.9.อวี าพอเรตฟี คูล่ิง
6.10. จดุ ผสมของอากาศ

7. การหาขนาดเครือ่ งปรับอากาศ
7.1.การหาขนาดเครือ่ งปรบั อากาศโดยประมาณ
7.2.การหาขนาดเครอ่ื งปรับอากาศโดยละเอียด
7.3.การแบง่ ชนดิ ภาระความรอ้ น
7.4.การคาํ นวณหาภาระความรอ้ นรวม
7.5.การกาํ หนดขนาดของเคร่อื งปรับอากาศ

8. เคร่ืองทําความเย็นและปรบั อากาศขนาดใหญ่
8.1.หอ้ งเยน็ แช่เขง็ อาหาร
8.2.โครงสร้างและหลกั การทํางาน ห้องเยน็ แชเ่ ข็ง
อาหาร
8.3.เคร่ืองปรบั อากาศขนาดใหญ่
8.4.เคร่อื งปรับอากาศแบบชลิ เลอร์
8.5.เครอ่ื งปรับอากาศแบบกกั เก็บน้ําแข็ง

1-ซ

โครงการเรียน/การสอน
รหัส 3104-2007 วชิ า เคร่อื งปรับอากาศอตุ สาหกรรม จาํ นวน 5 ชั่วโมง / สัปดาห์

สปั ดาห์ หน่วย แผนการ หัวข้อ จาํ นวน
ที่ ท่ี จัดการ นาท่ี
เรยี นรู้ 9. การตดิ ตั้งเครื่องทําความเย็นและปรับอากาศ
17-18 9 9.1.การติดตัง้ เครอื่ งปรบั อากาศแบบหนา้ ตา่ ง 600
9 9.2.การติดตงั้ เคร่ืองปรบั อากาศแบบแยกสว่ น
18 9.3. ข้อควรระวงั
สอบปลายภาค

\

1-ฌ

คณุ ลกั ษณะทตี่ อ้ งการบรู ณาการคณุ ธรรม จริยธรรม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ใน

วชิ า เครอื่ งปรบั อากาศอตุ สาหกรรม

คณุ ธรรม/จรยิ ธรรม พฤติกรรมบง่ ชี้ คะแนน
ลาํ ดบั ที่ และคุณลกั ษณะ

อนั พึงประสงค์

1 มมี นษุ ยส์ มั พนั ธ์ 1.1 แสดงกรยิ าท่าทางพูดจาสุภาพตอ่ ผู้อ่นื
- แสดงกริยาทา่ ทางพดู จาสภุ าพต่อผูอ้ ื่นตลอดเวลา
- แสดงกรยิ าท่าทางพดู จาไม่สภุ าพตอ่ ผู้อนื่ เปน็ บางครั้ง
- แสดงกรยิ าท่าทางพูดจาไมส่ ุภาพต่อผอู้ ่ืนเป็นประจํา

1.2 ใหค้ วามรว่ มมอื และชว่ ยเหลอื ผู้อนื่
- ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือผู้อื่นในการทํางาน

ตลอดเวลา
- ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ช่วยเหลือผู้อ่ืนในการทํางานเป็น

บางคร้งั
- ไม่ให้ความรว่ มมือและไมช่ ว่ ยเหลือผูอ้ น่ื ในการทํางานเลย

1.3 รบั ฟงั ความคดิ เหน็ และช่นื ชมยนิ ดใี นความสาํ เร็จ ของผอู้ ่นื
- รับฟังความคิดเห็นและแสดงความชื่นชมยินดีใน

ความสําเรจ็ ของผู้อนื่ ด้วยความจรงิ ใจตลอดเวลา
- ไม่รับฟังความคิดเห็นและแสดงความชื่นชมยินดีใน

ความสาํ เรจ็ ของผ้อู น่ื เป็นบางครงั้
- ไม่รับฟังความคิดเห็นและแสดงความชื่นชมยินดีใน

ความสาํ เรจ็ ของผอู้ ืน่ เลย

2 ความมีวินยั 2.1 ตรงต่อเวลาในการเขา้ ช้นั เรียนและเข้าแถวหนา้ เสาธง
- เขา้ ช้นั เรยี นตรงตามเวลาท่คี รเู ช็คชือ่
- เขา้ เรยี นชา้ ไมเ่ กิน 30 นาที
- เข้าชั้นเรียนเกิน 30 นาที

2.2 มวี นิ ยั ในการทาํ งานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
- ทาํ งานที่ได้รับมอบหมายส่งตรงเวลาที่กําหนด
- ทํางานที่ได้รบั มอบหมายสง่ ไมต่ รงเวลาทกี่ ําหนด
- ไมท่ าํ งานสง่ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย

1-ญ

คุณธรรม/จรยิ ธรรม

ลําดบั ท่ี และคุณลกั ษณะ พฤติกรรมบง่ ชี้ คะแนน

อนั พงึ ประสงค์

3 ความรับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัตงิ านตามขนั้ ตอนท่ีวางไว้

- ตั้งใจปฏิบัติงานตามข้ันตอนได้อย่างถูกต้องปลอดภัย

ตลอดเวลา

- ไม่ต้ังใจปฏิบัติงานตามขั้นตอนแต่เสร็จสมบูรณ์ด้วยความ

ปลอดภัยเปน็ บางคร้ัง

- ไมป่ ฏิบัตงิ าน, ปฏิบัตงิ านไมเ่ สร็จสมบรู ณ์ ไมป่ ลอดภยั

4 ความซอื่ สัตย์ 4.1 ซ่ือตรงต่อเวลาสอบ

- ทาํ การสอบโดยสจุ ริต

- ทําการสอบโดยพิสจู น์ไดว้ ่ามกี ารทจุ ริตไมว่ า่ จะเลก็ นอ้ ย

หรอื มาก

4.2 ซื่อสตั ย์ต่อผลงานไมเ่ อาผลงานของผูอ้ น่ื มาแอบอ้าง

- ไม่เคยเอาผลงานของผอู้ น่ื มาแอบอ้าง

- เอาผลงานของผ้อู น่ื มาแอบอา้ งไมว่ า่ เลก็ น้อยหรอื มาก

5 ความเชอื่ มน่ั ใน 5.1 กล้าแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล

ตนเอง - กล้าแสดงความคิดเหน็ ในส่งิ ที่ถกู ตอ้ ง

- ไม่แสดงความคดิ เหน็

6 ความสนใจใฝ่รู้ 6.1 กระตอื รือรน้ คน้ หา แสวงหาความรใู้ หม่ๆ ดว้ ยตัวเอง

- ขยันคน้ ควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเองและเมอ่ื ไดร้ บั มอบหมาย

- ไม่ค้นคว้าหาความรดู้ ว้ ยตนเองบ้างและเมื่อได้รับมอบหมาย

บ้างเปน็ บางครั้ง

- ไม่คน้ ควา้ หาความรูแ้ ละเมื่อไดร้ ับมอบหมาย

1-ฎ

คุณธรรม/จริยธรรม

ลาํ ดับท่ี และคณุ ลกั ษณะ พฤติกรรมบง่ ช้ี คะแนน

อนั พึงประสงค์

7 ความรกั สามัคคี 7.1 ร่วมมอื ในการทํางาน

- ใหค้ วามรว่ มมอื กบั เพือ่ นในการปฏบิ ัติงานตลอดเวลา

- ไมใ่ หค้ วามร่วมมอื กบั เพือ่ นในการปฏบิ ตั งิ านบางเวลา

- ไมร่ ่วมมือกบั เพอื่ นในการปฏิบตั ิงาน

8 ความกตัญญูกตเวที 8.1 อาสาช่วยเหลอื งานครู-อาจารย์

- ช่วยเหลืองานครู-อาจารย์ทุกคร้ังท่ีขอความร่วมมือ และ

ไมข่ อความรว่ มมือ

- ไมช่ ่วยเหลอื งานครู-อาจารยเ์ ปน็ บางครั้งทขี่ อความร่วมมือ

และไมข่ อความรว่ มมือ

- ไมช่ ่วยเหลอื งานคร-ู อาจารยเ์ ลย

9 ความคิดริเร่มิ 9.1 มีความคดิ หลากหลายในการแก้ปญั หา

สรา้ งสรรค์ - มีความคิดริเร่มิ สรา้ งสรรคใ์ นการปฏบิ ัตงิ านและแก้ไข

ปัญหา

- ไมม่ ีความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรคใ์ นการปฏิบัติงานและ แก้ไข

ปญั หา

10 ความอดกลนั้ 10.1 มีสติและสามารถควบคมุ อารมณ์ไดด้ ี
11 มารยาทไทย - ในเวลาปฏบิ ตั ิงานสามารถควบคุมอารมณไ์ ด้เมอื่ มีเพ่ือน
มาหยอกลอ้
- ในเวลาปฏบิ ตั ิงานไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไดเ้ ม่อื มเี พอ่ื น
มาหยอกล้อ

11.1 กิรยิ ามารยาท
- มสี มั มาคารวะตอ่ คร-ู อาจารย์เปน็ ประจํา
- ไม่มีสัมมาคารวะตอ่ ครู-อาจารย์เป็นบางคร้ัง
- ไม่มสี มั มาคารวะต่อครู-อาจารย์เลย

1-ฏ

เกณฑก์ ารประเมินผล
วิชา เครอ่ื งปรบั อากาศอตุ สาหกรรม รหสั 3104-2007

รายการ คะแนน หมายเหตุ

1. คุณลักษณะทตี่ ้องการบูรณาการคณุ ธรรม จริยธรรมและ 20
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
20
2. แบบฝึกหดั 30
3. ปฏิบัติ 30
4. สอบปลายภาค
100
รวม

1-ฐ

ข้นั ตอนกจิ กรรมการเรยี นการสอน
วชิ า เครื่องปรบั อากาศอุตสาหกรรม

รหสั 3104-2007
ขั้นตอนกิจกรรมการเรียนการสอนวิชา เคร่ืองปรับอากาศอุตสาหกรรม รหัส 3104-2007
ผู้จดั ทําได้ดําเนินการจัดการเรียนการสอนโดยมีขน้ั ตอนและรายละเอียดดงั นี้
เวลาในการสอน 4 ชั่วโมงตอ่ สปั ดาห์ มขี น้ั ตอนกจิ กรรมดงั นี้
1. ขนั้ เตรยี ม
2. ขน้ั นาํ เข้าสู่บทเรียน
3. ข้ันสอน
4. ข้นั สรปุ
5. ข้ันประเมนิ ผลหลังเรยี น
รายละเอียดของกิจกรรมการเรียนการสอนของวิชาเคร่ืองปรับอากาศอุตสาหกรรม รหัส 3104-2007
อธิบายไดด้ งั น้ี

1. ข้ันเตรียมเป็นขั้นเตรียมความพร้อมของนักเรียนก่อนเริ่มเรียนประกอบด้วยกิจกรรมการเช็คช่ือ
นกั เรยี น และการจดั เตรียมอปุ กรณ์ในการเรียนการสอน

2. ข้ันนําเข้าสู่บทเรียนเป็นข้ันการสร้างความสนใจโดยเร้าความสนใจให้ผู้เรียนอยากรู้อยากเห็นอยาก
คิด อยากทํา โดยการเช่ือมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่เข้าด้วยกันซึ่งในขั้นตอนนี้ครูจะใช้คําถาม
ประกอบกับสื่อแผ่นใส และหรืออุปกรณ์ของจริงในการนําเข้าสู่บทเรียนพร้อมท้ังบอกสมรรถนะใน
การเรยี นการสอนของแผนการเรียนน้นั

3. ขนั้ สอนเป็นข้ันท่ีจะช่วยใหผ้ ้เู รียนเกดิ ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ซ่งึ ประกอบไปดว้ ยขนั้ ตอนดังน้ี
3.1.สอนเน้ือหาในข้ันตอนน้ีครูจะดําเนินการสอนเน้ือหาตามหัวข้อที่กําหนดไว้ โดยมีสื่อการสอน
ชนิดต่างๆ เพ่ือให้นักเรียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจในเนอ้ื หาอยา่ งถกู ต้องและรวดเร็ว
3.2.ทําแบบฝึกหัด เป็นขั้นทใ่ี ห้นักเรียนได้ทําแบบฝึกหัดตามหัวข้อท่ีระบุไว้ โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ ละ
3 – 4 คน ทัง้ นีเ้ พือ่ ใหน้ ักเรียนช่วยเหลือซึง่ กนั และกนั อันจะทาํ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ตาม
สมรรถนะทีพ่ ึงประสงค์
3.3.เฉลยแบบฝึกหัดเป็นขั้นท่ีครูมอบหมายให้นักเรียน แต่ละกลุ่มเฉลยคําตอบ ในกรณีท่ีเฉลยไม่
ถูกต้อง ครูอธิบายเพ่ิมเติม
3.4.ปฏบิ ัติการทดลองตามใบงานที่กําหนดในข้ันตอนน้ีครูจะให้นักเรียนลงมือปฏิบัติตามใบงานที่
กําหนดไวใ้ นแตล่ ะหน่วยการสอน จะเปน็ ผลใหน้ ักเรยี นมีความร้แู ละทักษะในการปฏิบัติงานซ่ึง
สอดคลอ้ งกบั สมรรถนะในแต่ละหนว่ ยการสอน
3.5.ประเมินผลการปฏบิ ัติการทดลอง เป็นการวัดผลการปฏิบัติการทดลองตามเกณฑ์ท่ีได้กําหนด
ไว้ โดยให้ครูเปน็ ผปู้ ระเมนิ

1-ฑ

4. ขั้นสรุป เป็นขั้นสุดท้ายของกิจกรรมการเรียนการสอน ข้ันน้ีเป็นขั้นทบทวนเร่ืองท่ีเรียนตามเน้ือหา
หรือทักษะปฏิบัติการทดลองท่ีกําหนด เป็นการย้ําและสรุปแก่นความรู้หรือการนําความรู้ไปใช้ การ
สรปุ ที่ดคี วรเป็นการสรปุ โดยผู้เรยี น ถ้าเปน็ ไปไดค้ วรให้ผู้เรยี นทั้งกลมุ่ รว่ มกันสรุป

5. ขน้ั ประเมินผลหลงั เรยี น
5.1.ทดสอบหลังเรียน เป็นข้ันทดสอบเพ่ือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามสมรรถนะที่กําหนดไว้
รวมทั้งยังเป็นการตรวจปรับให้กับนักเรียน กรณีที่นักเรียนยังไม่เข้าใจในเน้ือหาบางเรื่อง
นอกจากนย้ี งั ใช้เปรียบเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรียนอีกดว้ ย
5.2.ประเมินตนเองและเพ่ือนร่วมงาน เรื่องกจิ นิสัยในการปฏบิ ตั ิงาน และคุณลักษณะท่ีต้องการ
บูรณาการคุณธรรม จริยธรรม เป็นการวัดผลเรื่องกิจนิสัยในการปฏิบัติงานและคุณลักษณะท่ี
ต้องการบรู ณาการคณุ ธรรม จริยธรรม เกณฑ์ท่ตี อ้ งการไมค่ วรตํา่ กวา่ 70 %

การนําแผนการจัดการเรยี นรไู้ ปใช้

เพ่ือให้การนําแผนการจัดการเรียนรู้วิชาเคร่ืองปรับอากาศอุตสาหกรรม รหัส 3104-2007 ไป
ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นก่อนการนําแผนการจัดการเรียนรู้นี้ไปใช้ ครูผู้สอนควรดําเนินการ
ดงั ตอ่ ไปนี้

1. ครผู สู้ อนควรศกึ ษาและทาํ ความเข้าใจเกยี่ วกับแผนการจัดการเรยี นร้ใู หล้ ะเอยี ด
2. จดั เตรยี มส่อื วสั ดุ อปุ กรณท์ จี่ ะใช้ในการเรียนการสอนให้ครบถว้ น
3. ดาํ เนินการสอนตามขั้นตอนกิจกรรมการเรยี นการสอน

ใบสาระการเรียน หนว่ ยท่ี 8
ชอื่ วชิ า เครอ่ื งปรบั อากาศอุตสาหกรรม
ชอ่ื หนว่ ย เคร่ืองทําความเย็นและปรับอากาศ เวลาเรียน 5
ช่วั โมง
ขนาดใหญ่
ช่อื เรอ่ื งหรือชือ่ งาน เครือ่ งทาํ ความเยน็ และปรับอากาศขนาดใหญ่

สาระสําคญั

เครื่องปรับอากาศในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงมาก จึงมีให้เลือกใช้มากมายหลายชนิดหลายขนาด จะ
นับรวมถึงการปรับอากาศในรถยนต์ด้วย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมท่ีกว้างระดับสากลเลยทีเดียว ทุกประเทศที่ผลิต
รถยนต์จะต้องคํานึงถึงการปรับอากาศในรถยนต์ แต่ละบริษัทมีเทคนิคการออกแบบท่ีหลากหลายเพื่อแข่งขัน

กันโดยเนน้ ความพึงพอใจของลูกค้า แตห่ ลักการของการทําความเยน็ เหมอื นกันทงั้ หมด โดยเหตุน้ีจึงมีการเรียน
การสอนเร่ืองหลักการการทําความเย็นที่เหมือนกันซึ่งเป็นพื้นฐานการทําความเย็นโดยทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ศึกษา
ถึงลกั ษณะของอุปกรณท์ ี่ออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานแตล่ ะประเภทนัน่ เอง

เรือ่ งทจ่ี ะศึกษา

1 ห้องเยน็ แชแ่ ขง็ อาหาร
2 โครงสร้างและหลักการทํางาน หอ้ งเยน็ แชแ่ ขง็ อาหาร
3 เครอ่ื งปรบั อากาศขนาดใหญ่
4 เครอื่ งปรบั อากาศแบบชิลเลอร์
5 เครอื่ งปรบั อากาศแบบกกั เก็บนํา้ แข็ง

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1 เพือ่ ให้ผ้เู รียนเขา้ ใจเกีย่ วกับโครงสรา้ งของหอ้ งเย็น
2 เพ่อื ให้ผเู้ รียนเข้าใจเกยี่ วกบั หลกั การทํางานของห้องเย็น
3 เพ่ือให้ผูเ้ รยี นเขา้ ใจเกี่ยวกับเครอ่ื ง ปรับอากาศแบบชลิ เลอร์
4 เพ่อื ให้ผู้เรยี นเข้าใจเกี่ยวกับเครอื่ งปรับอากาศแบบกักเก็บนํ้าแข็ง

กิจกรรมการเรียนการสอน

ขน้ั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้นั ตอนการเรยี นหรอื กจิ กรรมของนกั เรยี น

ข้ันเตรียม ขั้นเตรียม
1. เชค็ ชื่อนักเรียน 1. เรยี กชอื่ ตามเลขที่
2. เตรยี มเคร่อื งโปรเจคเตอร์ 2. ช่วยครเู ตรียมเคร่ืองฉาย Power Point

ข้ันประเมินผลกอ่ นเรียน ขัน้ ประเมินผลกอ่ นเรยี น

ถามพ้ืนความรู้เกี่ยวกับเคร่ืองทําความเย็น ตอบคําถามด้วยความต้ังใจและสุจริตใจ โดยใช้

และปรับอากาศขนาดใหญ่ ความรู้พ้นื ฐานทีม่ ีอยู่

ขัน้ นาํ เขา้ ส่บู ทเรียน ขน้ั นาํ เขา้ ส่บู ทเรยี น

ถามคําถามที่เก่ียวข้องกับเน้ือหาเพ่ือสร้าง 1. ฟัง ตอบคาํ ถามและซักถามข้อสงสยั

ความสนใจ

ข้ันสอน ข้ันสอน

1. สอนเนื้อหาตามหัวข้อของแผนการจัดการเรียนรู้ 1. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามข้อสงสัยตรงตาม

โดยใช้วธิ ีถาม-ตอบกับนักเรียน โดยใช้ความรู้เดิม เน้อื หาดว้ ยวาจาทส่ี ุภาพเรียบร้อย

ของนักเรียนมาต่อยอดเป็นความรู้ใหม่พร้อมใช้ 2. ตัวแทนนักเรียนรับเอกสารประกอบการสอน และ

Power Point และกระดานไวท์บอร์ดเปน็ สื่อ มอบหมายให้ทาํ แบบฝกึ หัด

2. มอบหมายให้ทําแบบฝึกหดั 3. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามข้อสงสัยด้วยวาจาที่

3. เฉลยแบบฝกึ หัด โดยใช้ Power Point สุภาพเรียบร้อย ตรวจแบบฝึกหัดโดยสลับกันตรวจ

กบั เพื่อนด้วยความถูกต้องและเปน็ ธรรม

ข้ันสรุป ขั้นสรปุ

นําอภิปรายสรุปสาระสําคัญเร่ืองเครื่องทํา อภิปรายและรว่ มสรปุ เร่ืองทีเ่ รียนรว่ มกัน

ความเย็นและปรับอากาศขนาดใหญ่

ขั้นประเมินผลหลงั เรยี น ขัน้ ประเมนิ ผลหลังเรยี น

1. มอบหมายให้ทาํ ทดสอบหลงั เรยี น 1. ทาํ ทดสอบหลงั เรียน ด้วยความม่นั ใจ และสจุ รติ ใจ

2. สรุปผลการประเมินผลรวม เกี่ยวกับกิจนิสัยใน 2. ตรวจสอบความถูกต้อง ซักถามข้อสงสัย

การปฏิบัติงาน และคุณลักษณะที่ต้องการบูรณา

การคุณธรรม จริยธรรม ใบแบบฝึกหัด และใบ

ทดสอบ

1-2 | P a g e

งานทมี่ อบหมายหรอื กิจกรรม
กอ่ นเรยี น

1. เช็คชื่อนกั เรียน
2. เตรียมเครื่องฉาย Power point
ขณะเรียน
1. ทําแบบฝึกหดั
2. เฉลยแบบฝึกหัด
3. ปฏบิ ัตกิ ารทดลอง
4. ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงาน
5. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปสาระสาํ คญั เรื่องเครอ่ื งทาํ ความเย็นและปรบั อากาศขนาดใหญ่
หลังเรยี น
1. ประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน และคณุ ลกั ษณะที่ตอ้ งการบรู ณาการคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
สือ่ การเรียนการสอน
1. สือ่ การสอนอเิ ล็กทรอนคิ ส์

สื่อสงิ่ พิมพ์
1. Power point
2. เอกสารประกอบการสอนเรือ่ งเคร่อื งทําความเยน็ และปรบั อากาศขนาดใหญ่

ส่อื โสตทศั น์
1. Power point
2. กระดานไวทบ์ อร์ด

1-3 | P a g e

การประเมนิ ผล
ขณะเรียน

1. สงั เกตความสนใจ
2. สงั เกตการนําเสนอผลงาน
3. ตรวจแบบฝึกหัด
4. สังเกตการณ์ปฏิบตั ิกจิ กรรม
5. ประเมินผลการปฏิบัติการทดลองตามใบทดลอง
หลงั เรียน
1. ทําทดสอบหลังเรยี น
2. ประเมินตนเองและเพื่อนร่วมงาน เรอื่ งกิจนิสยั ในการปฏิบตั งิ าน และคุณลกั ษณะทีต่ อ้ งการบรู ณา-
การคุณธรรม จรยิ ธรรม

1-4 | P a g e

บันทกึ หลงั การสอน
ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้
ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 8 เคร่ืองทําความเย็นและปรบั อากาศขนาดใหญ่ สรุปได้ดงั น้ี

1.เวลาที่ใช้สอน………………………………………………………………………………………..……………………………………
2.เน้อื หา……………………………………………………………………………………………….………………………………………
3.สื่อการสอน………………………………………………………………………………………….…………………………………….

ผลการเรยี นของนักเรียน
……………………………………………………………………………………………………………….…………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….…………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………….……………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….
ผลการสอนของครู
…………………………………………………………………………………………………….……………………………………………….
…………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ ผู้บนั ทกึ ……………….……………
(…………………………..)

ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรอื ผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ลงชอ่ื …………………….……………….
(…………….....………………)

ตําแหน่ง ……………….…………………

1-5 | P a g e

หน่วยที่ 8
เครือ่ งทาํ ความเย็นและปรับอากาศขนาดใหญ่

8.1 การแช่เยือกแขง็ อาหาร

การแช่เยือกแข็ง เป็นวิธีถนอมอาหารซ่ึงใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีหลักการชะลอการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านกายภาพและเคมี รวมถึงปฏิกิริยาการขยายพันธ์ุของจุลินทรีย์ที่จะทําให้อาหารเน่าเสีย โดยท่ัวไป
อาหารจะถูกแช่แขง็ ทีอ่ ณุ หภมู ติ ่าํ กว่า 0 °C ขบวนการแช่เยือกแขง็ จะเรม่ิ ตั้งแต่การนําอาหารท่ีมีอุณหภูมิสูงกว่า
จุดเยือกแข็งมาลดอุณหภูมิ ซึ่งอุณหภูมิของอาหารจะลดลงตามขบวนการความร้อนสัมผัส จากน้ัน อาหารจะ
เปล่ียนแปลงเข้าสู่จุดเยือกแขง็ ซ่ึงจะมีอุณหภูมิแตกต่างกันไปตามชนิดของอาหาร ขบวนการท่ีอาหารเข้าสู่จุด
เยือกแข็งนี้ อาหารจะเปลี่ยนแปลงสถานะเป็นของแข็งตามขบวนการความร้อนแฝง ซึ่งอุณหภูมิของอาหารจะ
เกือบคงที่ และหากลดอุณหภูมิของอาหารต่อไป อาหารจะมีอุณหภูมิลดลงตามขบวนการความร้อนสัมผัสอีก
ครง้ั หนง่ึ

8.1.1 วิธกี ารแช่แข็ง
วิธีการแช่แข็งมีหลายวิธีตามลักษณะการให้ความเย็นแก่ผลิตภัณฑ์และชนิดของเครื่องแช่แข็ง

ซึง่ มีผลตอ่ ความเรว็ ในการดึงความรอ้ นออกจากอาหารในกระบวนการแช่แข็ง ได้แก่
1) การแชแ่ ข็งในต้แู ชแ่ ข็งทไี่ มม่ ีลมเปา่ (still air freezing)

เป็นการแช่แข็งในตู้แช่แข็งขนาดเล็กดังเช่น ตู้เย็นที่ใช้กันตามบ้านเรือน อาจทําความเย็น
ได้ถึง -20 ํC แต่พอใส่เน้ือเข้าไปอุณหภูมิอาจสูงขึ้นมาเป็น 0 Cํ ของท่ีแช่แข็งจะเยือกแข็งชา้ มาก
เพราะเครื่องขนาดเล็กมาก

รูปที่ 8-1 การแชแ่ ขง็ ในตู้แชแ่ ขง็ ทไ่ี ม่มลี มเป่า (still air freezing)

2) การแชแ่ ข็งในตูแ้ ช่แข็งทมี่ ีลมเปา่ (Air Blast freezing)
เป็นการแช่แข็งที่ใช้เครื่องเป่าลมเย็น ด้วยความเร็ว 1,300 – 1,500 ฟุตต่อนาที การ

ถ่ายเทความเยน็ ทาํ ได้อยา่ งท่วั ถงึ และเรว็ ชว่ ยใหอ้ าหารแข็งตวั เรว็ แต่ตอ้ งมสี งิ่ หอ่ หมุ้ อาหารไว้เพ่ือ
ป้องกันการสูญเสียน้ํา มักใช้กับห้องเย็นที่มีขนาดใหญ่ และเครื่องแช่แข็งที่ใช้แช่เป็นคร้ังคราว
แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคอื

เคร่ืองแช่แข็งแบบอุโมง (Tunnel Freezer) อาจมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้ เวลา
ต้องการแช่แข็งต้องเรียงผลิตภัณฑ์บนถาด และวางลงบนชั้น หรือทําเป็นรถเข็น
หลาย ๆ ช้ัน แต่ละชุดของช้ันวางผลิตภัณฑ์จะต้องวางไว้ให้เป็นช่องทางสําหรับลม
ผ่าน เม่ือต้องการแช่แข็งก็จะนําเข้าเป็นชุด และเมื่อต้องการจะเอาออก ก็จะเอา
ออกมาท้ังชุดเช่นกัน ในกรณีที่เป็นห้องเย็นใหญ่ เครื่องทําความเย็นอาจติดตั้ง
หลายชดุ ในระหว่างช่องสาํ หรบั ช้ันวางของก็ได้

รปู ที่ 8-2 เคร่อื งแช่แขง็ แบบอโุ มง (Tunnel Freezer)
เครื่องแช่แข็งแบบสายพาน (Belt Freezer) เครื่องแช่แข็งแบบน้ีได้มีการ
ดัดแปลงเพ่ือความสะดวกในการขนถ่ายของโดยใช้สายพานซ่ึงนิยมทําด้วยโลหะ
วัตถุดิบจะถูกลําเลียงบนสายพานและเคล่ือนทผ่ี ่านไอเย็นจากเครื่องทําความเย็นที่
มักจะมีพัดลมเป่าให้ลมเย็นลงมาถูกอาหารตลอดเวลา ใช้อุณหภูมิประมาณ -40
องศาเซลเซยี ส เวลาประมาณ 20-30 นาที จนแข็งตัวและเปิดออกอีกด้านหนึ่งเพ่ือ
ทําการบรรจุหีบห่อได้เลย เคร่ืองทําความเย็นประเภทน้ีสามารถปรับความเร็วของ
สายพานให้พอดีกับระยะเวลาที่ต้องการใช้ในการทําให้ผลิตภัณฑ์เยือกแข็งได้

1-7 | P a g e

เคร่ืองทําความเยน็ ชนดิ นอี้ าจต่อเขา้ กับสายพานท่ีส่งวัตถุดิบที่ผ่านการตัดแต่ง หรือ
แปรรูปจากห้องผลิตมาแล้ว ก็จะทําให้สะดวกมากข้ึน และลดการปนเปื้อนในช่วง
ขนถ่ายจากห้องผลิตภัณฑ์ไปยังห้องแช่เยือกแข็งได้ เคร่ืองแช่แข็งแบบน้ีเหมาะ
สําหรับการแช่แข็งแบบแยกช้ิน หรือที่เรียกว่า ไอ คิว เอฟ (Individual Quick
Freezing) ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแช่แข็งแบบนี้จะเป็นช้ิน ๆ ไม่มีนํ้าแข็งติดกัน
เป็นก้อน ปัจจุบันเป็นท่ีนิยมของลูกค้าต่างประเทศเพราะสามารถนํามาประกอบ
อาหารไดเ้ ลย ไม่ต้องนาํ มาละลาย

รปู ท่ี 8-3 เคร่ืองแชแ่ ขง็ แบบสายพาน (Belt Freezer)

รปู ที่ 8-4 เคร่อื งแชแ่ ขง็ แบบเปา่ ลอยตวั ในอากาศ (Fluidized Bed Freezer)

1-8 | P a g e

เครื่องแช่แข็งแบบเป่าลอยตัวในอากาศ (Fluidized Bed Freezer) เครื่องแช่
แข็งแบบนี้คลา้ ยกับเคร่ืองแช่แข็งแบบสายพาน (Belt Freezer) คือมีส่วนของ
สายพานนําวัตถุดิบเข้าไปในเคร่ืองทําความเย็นและผ่านออกเมื่อผ่านการแช่แข็ง
แล้ว แต่ที่แตกต่างกันคือ สายพานของเครื่องแช่แข็งแบบนี้จะสั่นสะเทือนอยู่
ตลอดเวลา ทาํ ใหส้ ่งิ ของท่ีวางบนสายพานไมอ่ าจติดกบั สายพานได้ จะกระดอนข้ึน
ด้านบนขณะที่มีไอเย็นพัดให้ตกลงมาบนสายพาน ดังน้ันส่ิงของหรือผลิตภัณฑ์ท่ี
ผ่านการแช่แข็งแบบน้ีจะต้องแข็งสมํ่าเสมอตลอดชิ้น วิธีน้ีเหมาะกับอาหารที่มี
ขนาดเล็ก น้ําหนักเบา แต่มีปริมาณมาก ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการแช่แข็งแบบน้ีถือว่า
เปน็ IQF
3) การแช่แข็งดว้ ยแผ่นโลหะให้ความเย็น (plate freezing)
เป็นวิธีการแช่แข็งโดยนําผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุกล่องแล้ววางบนแผ่นโลหะเย็น หรือ
อาจถูกอัดอยู่ระหว่างแผน่ โลหะเย็น 2 แผ่นโดยผลิตภัณฑ์จะถูกสัมผัสทั้ง 2 ด้าน เครื่องแช่แข็ง
ประกอบด้วยแผ่นโลหะหลาย ๆ แผ่นจัดเรียงเป็นช้ัน ๆ คล้ายชั้นวางของ ระหว่างชั้นของแผ่น
โลหะจะเป็นที่วางอาหาร ช่องว่างระหว่างช้ันสามารถปรับให้มากหรือน้อยได้ เม่ือจะทําการแช่
แข็งก็จะปรับแผ่นโลหะน้ีให้ผิวหน้าสัมผัสกับอาหารท้ังสองด้านเพ่ือให้ถ่ายเทความร้อนได้เร็ว
ภายในของแผ่นโลหะแต่ละช้ันจะมีน้ํายาของเคร่ืองทําความเย็นมาระเหย และเก็บความร้อนไป
ท้ิงได้อย่างรวดเร็ว วิธีนี้การถ่ายเทความร้อนจะเป็นไปได้ดีมาก ทําให้การแช่แข็งเป็นไปอย่าง
รวดเร็ว ใช้เวลาส้ัน ข้อจํากัดของการเลือกใช้วิธีนี้คือผลิตภัณฑ์จะต้องมีขนาดและรูปร่าง
สมาํ่ เสมอ บรรจอุ ยใู่ นกลอ่ งแมแ่ บบขนาดเดยี วกนั ตลอดทั้งรุน่ ทนี่ าํ เข้าไปแชเ่ ยือกแข็ง

รปู ท่ี 8-5 การแชแ่ ขง็ ด้วยแผน่ โลหะใหค้ วามเย็น (plate freezing)

1-9 | P a g e

4) การแชแ่ ขง็ โดยจ่มุ ลงในของเหลว (liquid freezing)
เป็นการแช่แข็งโดยนําอาหารจุ่มลงในของเหลวท่ีมีจุดเยือกแข็งตํ่า เช่น เมทานอล

(methanol) แคลเซยี มคลอไรด์ (calcium chloride) และไกลคอล (glycol) หรือนํ้าเกลือ เป็น
ต้น สําหรับเน้ือสัตว์ควรมีการบรรจุหีบห่อก่อนการจุ่มในของเหลว เมื่อเนื้อสัตว์เยือกแข็งแล้วจึง
นาํ ไปแช่ตอ่ ในตแู้ ชแ่ ข็งธรรมดา การแช่ในเมทานอลจะทําความเย็นได้ถงึ -20 Fํ

รปู ที่ 8-6 การแช่แข็งโดยจมุ่ ลงในของเหลว (liquid freezing)
5) การแชแ่ ข็งด้วยก๊าซเหลว (freezing with liquidified gasses)

เปน็ วิธกี ารแช่แข็งทีม่ อี ัตราเร็วมากโดยการให้ผลติ ภัณฑอ์ าหารสัมผัสกับสารท่ีให้ความเย็น
ขณะที่มีการเปลี่ยนสถานะ (cryogenic freezing) สารให้ความเย็นได้แก่ กา๊ ซที่กลั่นตัว เช่น
ไนโตรเจนเหลว (ทีอ่ ุณหภมู ิ -195 ๐C หรอื -319 Fํ ) ไนตรสั ออกไซด์เหลว (จุดเดือด -95 ํC) หรือ
นํ้าแข็งแห้ง (CO2, จุดระเหิด -78 ํC) การจุ่มผลิตภัณฑ์เนื้อลงไปในก๊าซเหลวโดยตรงทันทีอาจไม่
ทาํ ใหไ้ ดป้ ระสิทธิภาพสูงสุด ดังน้ันจงึ มกี ารออกแบบเครอ่ื งแช่เยอื กแข็งให้ผลติ ภณั ฑ์อาหารวางอยู่
บนสายพานคล้ายกับเครื่องแช่แข็งชนิดมีสายพาน ขณะทําการแช่แข็งผลิตภัณฑ์จะมีการพ่น
ไนโตรเจนเหลวอุณหภูมิตํ่าลงมาแทนท่ีจะใช้พัดลมเป่าไอเย็น ผิวด้านนอกของผลิตภัณฑ์จึง
แข็งตัวเร็วมาก บางครั้งอาจมีการแตกร้าวของผลิตภัณฑ์ได้เนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิ
ระหว่างผลิตภัณฑ์กับอุณหภูมิตัวกลางให้ความเย็นมีมาก อย่างไรก็ตามหากมีการปรับความเร็ว
ของสายพานให้เหมาะสม วิธีการนี้ทําให้เกิดเกล็ดนํ้าแข็งเล็กมาก ทําให้เกิดความเสียหายต่อ
เน้ือเยื่อน้อยมาก ความเย็นเขา้ ถึงภายในจุดกึ่งกลางของช้ินเนื้อได้เร็วกว่าแบบอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ที่
ได้มีคุณภาพดี เก็บได้ทนนาน แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ท่ีมีความหนามาก
จนเกินไปเพราะจะเปลืองไนโตรเจน

1-10 | P a g e

รปู ที่ 8-7 การแชแ่ ข็งดว้ ยกา๊ ซเหลว (freezing with liquidified gasses)
8.1.2 การบรรจแุ ละการเกบ็ รักษา

ผลติ ภัณฑ์ท่ผี ่านการแช่แข็งแล้วจะนํามาบรรจุลงถุงพลาสติก หรือกล่อง แล้วบรรจุลงกล่องบรรจุ
สินค้าสําหรับการขนส่ง แล้วติดสายรัดกล่องให้แน่น กล่องบรรจุสินค้าจะต้องมีความคงทนและ
เหมาะสมสําหรับการขนส่ง เพ่ือป้องกันสินค้าภายในไม่ให้ถูกกระทบกระเทือนระหว่างการขนส่ง
ผลิตภณั ฑท์ ่ีได้รบั การบรรจุเรยี บร้อยแลว้ จะเก็บเขา้ หอ้ งเย็นเพ่ือรอการจําหน่าย โดยท่ีอุณหภูมิของห้อง
เย็นจะต้องต่ํากว่า -18 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ประมาณร้อยละ 70 ท้ังต้องมีประตูห้อง
ปิดสนทิ

รปู ที่ 8-8 การบรรจุหบี หอ่

1-11 | P a g e

รูปท่ี 8-9 แผนผงั และการจดั วางเครือ่ งจักรภายในโรงงานแชแ่ ข็ง

8.2 ห้องเย็นหรือห้องแชแ่ ขง็ อาหาร

8.2.1 ห้องเยน็ (Cold Storage Room)
ห้องเย็นทั่วไปที่ใช้แช่อาหารมีอุณหภูมิภายในห้องเย็นคงที่เพ่ือให้เหมาะสมกับอาหารที่เก็บ

ภายในหอ้ งซงึ่ อาจจะมอี ุณหภมู สิ งู กว่า 0°C เพือ่ ใชใ้ นการแช่ผักและผลไม้ และตํ่ากว่า 0°C เพื่อใช้ในการ
แชเ่ นอื้ และไอศกรมี โดยถนอมอาหารและบรรจภุ ัณฑ์ที่อยู่ภายในห้องเย็นให้เหมาะสมกับระยะเวลาการ
บริโภค โดยทวั่ ไปหอ้ งเย็นท่ีมีอณุ หภูมิภายในห้องมากกวา่ 0°C มักนิยมใช้สารประกอบ CFC เป็นสารทํา
ความเย็น ส่วนห้องเย็นที่มีอุณหภูมิภายในห้องตํ่ากว่า -10°C นิยมใช้แอมโมเนียเป็นสารทําความเย็น
หอ้ งเยน็ ประเภทนี้ เช่น ห้องแช่เนื้อห้องแช่ผัก ห้องแช่นมและไข่ ห้องแช่ปลา รวมไปถึงห้องแช่นํ้าแข็งท่ี
ผลิตแลว้ เปน็ ตน้ ศูนย์การคา้ และซปุ เปอรส์ โตร์ส่วนใหญ่จะมีห้องเย็นลกั ษณะนี้

รปู ที่ 8-10 หอ้ งเยน็ แบบการพาความเยน็ (หอ้ งเย็นในหา้ งสรรพสินคา้ )

1-12 | P a g e

8.2.2 ห้องแชแ่ ขง็ (Freezing room)
ห้องแชแ่ ขง็ คอื ห้องท่ตี อ้ งการรักษาระดบั อุณหภูมิภายในหอ้ งให้อยทู่ ่ีในระดบั ตา่ํ กวา่ 0 oC

รูปท่ี 8-11 หอ้ งแชแ่ ขง็ แบบการพาความเย็น (หอ้ งเยน็ ในโกดงั เกบ็ สนิ ค้า)
8.2.3 โครงสรา้ งของหอ้ งเยน็ หรอื หอ้ งแชแ่ ขง็ อาหาร

รปู ท่ี 8-12 โครงสรา้ งของห้องเยน็ หรือห้องแชแ่ ขง็ อาหาร

(ที่มา: ผศ. น.อ. ดร.ตระการ ก้าวกสกิ รรม “การทําความเย็น (Refrigeration)”)
1-13 | P a g e

โครงสร้างอาคารภายนอกโดยปกติประกอบด้วยผนังทึบปิดรอบส่วนที่เป็นห้องเย็นและห้องแช่
แข็งไว้ โดยมีช่องทางเดินภายนอก ระหว่างผนังด้านนอกของส่วนที่เปน็ ห้องเย็นและห้องแช่แข็งกับผนัง
ภายในอาคาร ทั้งน้ีเพื่อประโยชน์ในป้องกันอุณหภูมิสูงจากภายนอกเข้าห้องเย็นและห้องแช่แข็งได้น้อย
ที่สุด เพ่ือการประหยดั พลงั งาน

ไอนํ้าท่ีปะปนอยู่ในอากาศและที่ระเหยออกมาจากวัตถุดิบท่ีแช่แข็ง จะควบแน่นเป็นน้ําแล้ว
แข็งตัวเกาะบริเวณขดท่อของคอยล์เย็น เมื่ออากาศ (ที่มีไอนํ้าอยู่) ในห้องแช่แข็งไหลผ่านคอยล์เย็น
ส่งผลให้ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนลดลง ดังน้ันจึงมีความจําเป็นต้องละลายน้ําแข็งออกไปตาม
ช่วงเวลา ในทางปฏบิ ัติจงึ มักจะไม่ออกแบบให้ระบบทําความเยน็ ทาํ งานต่อเนอื่ งตลอดเวลา

8.3 เครือ่ งปรบั อากาศขนาดใหญ่

การติดตั้ง ระบบปรับอากาศ ในอาคาร มีความจําเป็นมากขึ้นไม่ได้มีมิติเป็นเพียงสิ่งเพิ่มความสบายในท่ี
พกั อาศยั เทา่ น้ัน แต่กา้ วไปเป็นอุปกรณ์ท่ีมีความจําเป็นในอาคารหลายประเภท ที่การควบคุมอุณหภูมิความช้ืน
และความสะอาด (Clean room) ในพ้ืนที่ เป็นปัจจัยสําคัญในการผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ,
ยา ,อาหาร ชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิกส์ และเพ่ือให้สินค้าต่าง ๆ เหล่าน้ันได้คุณภาพเป็นท่ีต้องการของลูกค้าและ
สามารถแขง่ ขนั กับตลาดได้

ระบบปรบั อากาศ เป็นงานที่มีความสําคัญและมีผลกระทบทั้งสถานประกอบการและส่ิงแวดล้อมระบบ
ท่ีดีจะต้องคํานึงถึงการเลือกใช้และการออกแบบ รวมถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงาน และไม่ก่อให้เกิด
ปญั หาต่อสง่ิ แวดล้อมในภายหลังดว้ ย ดงั นัน้ อาคารและสถานประกอบการต่างๆ จึงจาํ เปน็ ทีจ่ ะตอ้ งมีระบบปรับ
อากาศท่ีดี ระบบท่ีดีจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบทางวิศวกรรม การเลือกใช้วัสดุการติดตั้งและการ
ตรวจสอบการทํางานของระบบทีถ่ กู ต้องตามหลักสากล

ความหมายของอาคารสงู อาคารขนาดใหญ่ และอาคารขนาดใหญพ่ ิเศษ

 อาคารสูง คือ อาคารที่คนสามารถอยู่ หรือใช้สอยได้ และมีความสูงต้ังแต่ 23 เมตรขึ้นไป จาก
ระดับพน้ื ดิน เวลาจะวัดกว็ ดั ถงึ พ้ืนชัน้ ดาดฟ้าในกรณีทีเ่ ป็น หลังคาแบน แต่ถ้าเป็น หลังคาจ่ัว ให้
วัดถงึ ยอดผนงั ของชน้ั สงู สดุ

 อาคารขนาดใหญ่ คือ อาคารท่ีสูงจากระดับถนน 15 เมตรข้ึนไป และ พ้ืนท่ีรวมทุกช้ัน เกิน
1,000 ตารางเมตร หรอื มีพน้ื ทีช่ น้ั ใดชัน้ หน่ึงเกนิ 2,000 ตารางเมตร ไมว่ ่าจะสูงเท่าไรกต็ าม

 อาคารขนาดใหญ่พิเศษ คือ อาคารท่ีมีพื้นที่รวมทุกช้ัน หรือ ช้ันเดียวเกิน 10,000 ตารางเมตร
อาคารขนาดใหญ่ และขนาด ใหญ่พิเศษ มีส่ิงท่ีคล้ายกัน คือ คนต้องเข้าไปใช้สอย เป็นที่อยู่ หรือ
ประกอบกิจการได้ ซ่ึงคําว่าการประกอบกิจการ ก็คือ สถานที่ท่ีจดทะเบียนการค้า หรือสถานท่ี
ทําการค้าขาย หรอื ทคี่ ้าขายท่ปี ระชาชนท่ัวไปเขา้ ไปตดิ ตอ่ ได้

8.3.1 การเลือกตําแหน่ง ติดตง้ั แอร์ และเคร่ืองปรบั อากาศ

1) ตําแหนง่ คอนเดนซง่ิ ยูนติ (CDU) ทเี่ หมาะสม
 บริเวณท่ี ติดตั้งแอร์ ต้องแข็งแรงสามารถรับนํ้าหนักและแรงส่ันสะเทือนจากการทํางาน
ได้

1-14 | P a g e

 ในกรณที ี่คอนเดนซง่ิ ต้งั วางบนพื้นดินตอ้ งทําฐานรองรับเครื่องดว้ ยคอนกรตี
 ติดตง้ั แอร์ ในบริเวณทอ่ี ากาศถ่ายเทไดส้ ะดวกและหา่ งจากมุมอบั
 บริเวณท่ี ตดิ ต้งั แอร์ ต้องมกี ารระบายนา้ํ ได้ดีหรอื ที่ทนี่ ํ้าท่วมไม่ถึง
 การวางคอนเดนซิ่งยูนิตควรมีลูกยางรองเพื่อลดแรงส่ันสะเทือนจากการทํางานของ

ตัวเครื่อง
 ควรวาง CDU ให้ห่างจากพ้นื ทใี่ ชส้ อยทวั่ ไปเพ่ือหลีกเลี่ยงจากปญั หาเร่อื งเสียงรบกวน
 อยา่ ติดต้งั แอร์ ชิดกบั คอนเดนซิง่ ยนู ิตอนื่ หรอื ผนังเพราะทําให้ระบายความรอ้ นยาก
 หลีกเล่ียงการ ติดตั้งแอร์ ในสภาพแวดล้อมท่ีไม่ดี เช่น มีความเป็นกรดสูง, แสงแดดแรง

หรือมีน้าํ หยด
 ควรวาง CDU ในบริเวณท่ีสามารถเข้าไปตรวจซอ่ มภายหลงั ได้อยา่ งสะดวก
2) ตําแหน่งแฟนคอยลย์ นู ิต (FCU) ทเ่ี หมาะสม
 ตั้งในบริเวณท่ีสามารถกระจายลมไดท้ วั่ ท้งั ห้องอย่าติดตงั้ เคร่ืองในมมุ อับ
 อยา่ ให้ส่งิ ของกดี ขวางทางไหลของอากาศเพราะจะทาํ ใหอ้ ากาศหมุนเวยี นไมส่ ะดวก
 บรเิ วณท่ตี ดิ ต้ังเคร่ืองต้องแข็งแรงสามารถรับนํ้าหนักและแรงส่ันสะเทือนจากการทาํ งาน

ได้
 หลกี เลี่ยงการวาง FCU ใกล้กบั ประตู, หน้าต่างหรอื พดั ลมดูดอากาศ
 ควรวาง FCU ในบริเวณท่ีสามารถตรวจซอ่ มภายหลงั ไดอ้ ย่างสะดวก
 อยา่ ตงั้ ชิดผนังทโี่ ดนแดดจดั เพราะจะทาํ ใหไ้ ดร้ ับความร้อนจากภายนอกได้ง่าย
 พยายามตดิ ตง้ั แฟนคอยลย์ นู ติ ใหอ้ ยูใ่ กลก้ ับคอนเดนซ่งิ ยูนิตจะทาํ ใหป้ ระสทิ ธภิ าพสูงสดุ

8.3.2 การตดิ ต้ังทอ่ นํ้ายา

ระบบท่อน้ํายานับว่าเป็นส่วนท่ีมีความสําคัญมากท่ีสุดในการ ติดต้ังแอร์ และเครื่องปรับอากาศ
แบบแยก ส่วนการเลือกใช้ขนาดท่อที่มีขนาดเล็กเกินไปจะมีผลทําให้เกิดปัญหาตามมาเช่น ทําให้
ประสิทธิภาพของเครื่องตา่ํ ลงหรือความดันตกคร่อม (Pressure Drop) ระหว่างทอ่ มากเกินไป เป็นต้น
ดังนน้ั ในการเลือก ใชข้ นาดทอ่ นํา้ ยาต้องคํานงึ ถงึ

 PIPE DIAMETER ขนาดเส้นผา่ ศนู ยก์ ลางของท่อน้ํายา
 PIPE LENGTH ความยาวทอ่ นํา้ ยา
 NUMBER OF FITTINGS จํานวนของข้อต่อต่างๆ เชน่ ขอ้ งอ
 FLUID VELOCITY ความเร็วในการเคล่อื นทข่ี องสารทาํ ความเยน็

การเลือกใช้ท่อน้ํายาควรเลือกตามคู่มือการ ติดต้ังแอร์ และเครื่องปรับอากาศนั้นๆ แต่ถ้าไม่
ทราบก็สามารถหา ขนาดคร่าวๆได้จากแผนผังคํานวณขนาดท่อน้ํายาซึ่งโดยทั่วไปกําหนดความดันตก
คร่อมด้านดูด (Suction Line Pressure Drop) 2 PSI/100 FT และความดันตกคร่อมด้านส่ง
(Discharge Line Pressure Drop) 4 PSI/100 FT.

นอกจากการเลอื กใช้ขนาดท่อน้ํายาที่ถูกต้องแล้ว การเดินท่อนา้ํ ยายังต้องทําอย่างถูกหลักการอีก
ด้วยจงึ จะทําให้เครือ่ งทํางานอย่างมปี ระสิทธิภาพ เชน่ ระบบท่อนํ้ายาต้องทําความสะอาดให้ดีและ แห้ง
และในการเดินท่อนํ้ายาต้องคํานึงถึงความเร็วของไอน้ํายาให้มากพอที่จะพาน้ํามันหล่อล่ืน กลับ
คอมเพรสเซอร์ดว้ ย ดังน้ันในการติดตั้งคอนเดนซง่ิ และอีวาพอเรเตอร์ในระดับท่ีตา่ งกนั จะตอ้ งคาํ นึงถงึ

1-15 | P a g e

 การตดิ ตัง้ อวี าพอเรเตอร์ตํ่ากว่าคอนเดนซิ่ง จะมีผลให้นํ้ามันกลับเข้าคอมเพรสเซอร์น้อย
เพราะ คอมเพรสเซอร์อยูส่ งู กวา่ ดงั นัน้ การเดนิ ทอ่ ดา้ นดูดต้องคํานึงถึงความดันตกคร่อม
และเร่อื งนํ้ามนั กลับดว้ ย

 การติดต้ังคอนเดนซ่ิงต่ํากว่าอีวาพอเรเตอร์ จะมีผลให้ความดันตกลงเพราะ
คอมเพรสเซอร์ต้อง อัดนํ้ายาขึ้นท่ีสูง ดังนั้นการเดินท่อด้านส่งต้องคํานึงถึงความดันตก
คร่อมจากความเสียดทานและการเดินท่อในแนวด่ิง

8.3.3 การเดนิ ทอ่ น้ํายาดา้ นดูดเมือ่ ตาํ แหนง่ การวางอวี าพอเรเตอรแ์ ละคอนเดนซง่ิ อย่ใู นลกั ษณะ
ต่างๆ เปน็ ดังนี้
 เม่ือคอนเดนซิ่งอยู่เหนืออีวาพอเรเตอร์ให้ทําท่ีกักนํ้ามัน (Oil Trap) เพ่ือให้แน่ใจว่า
นํ้ามันทอ่ี ย่ใู นระบบจะไหลกลับข้ึนไปยงั คอมเพรสเซอร์ การทําที่กักน้ํามันควรทําให้ใกล้
อวี าพอเรเตอร์ท่ีสดุ เทา่ ที่จะทาํ ได้
 เม่ือคอนเดนซิ่งอยู่เหนืออีวาพอเรเตอร์ให้ทําท่ีกักนํ้ามันทุกๆช่วงความสูง 4.5 ม. ท้ังนี้
เพื่อให้เก็บกักน้ํามันเอาไว้ในขณะ ท่ีคอมเพรสเซอร์เริ่มทํางานอีกครั้ง นํ้ามัน จากที่กัก
นํ้ามันน้ีจะถูกดูดไปหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ได้ทันที (ไม่ควรเดินท่อในแนวด่ิงสูงเกินกว่า
15 ม.)
การเดินท่อน้ํายาต่อระบบทําความเย็นยาวเกิน 10 เมตร จะต้องเติมน้ํามันหล่อลื่นเพ่ิมเติมเพ่ือ

ชดเชยผลของฟิล์มน้ํามันท่ีตกค้างผิวด้านในของท่อดูด ตามอัตราตารางต่อไปนี้ต่อทุกๆความยาว 1
เมตรท่ีเดิน การเติมน้ํามันให้ดูจาก OIL SIGHT GLASS (ถ้ามี) โดยให้อยู่ในช่วง 1/2 ถงึ 3/4 ของ OIL
SIGHT GLASS
8.3.4 ขนาดทอ่ อัตราเตมิ นาํ้ มนั ตอ่ ทกุ ความยาว 1 เมตร

 3/8 7.5 มิลลิเมตร (ซ.ี ซ)ี
 1/2 10 มิลลิเมตร (ซ.ี ซ)ี
 5/8 20 มลิ ลิเมตร (ซี.ซี)
 3/4 30 มลิ ลเิ มตร (ซี.ซ)ี
 7/8 40 มลิ ลิเมตร (ซี.ซี)
 1-1/8 50 มิลลเิ มตร (ซ.ี ซี)
เมอ่ื เดินทอ่ นา้ํ ยาผา่ นผนัง,กําแพง ควรบุหรือห่อด้วยฉนวน ซ่ึงสามารถลดการส่ันสะเทือนได้ ส่วน
ท่อด้านดูดต้องหุ้มฉนวนตลอดความยาวของท่อ ฉนวนท่ีใช้หุ้มท่อน้ีต้องมีความหนาอย่างน้อย 1/2 นิ้ว
โดยปกติแล้วท่อด้านส่งไม่จําเป็นต้องหุ้มฉนวน ยกเว้นในกรณีท่ีเดินท่อผ่านบริเวณที่มี อุณหภูมิสูง เช่น
ห้องหม้อน้ําหรือกลางแดดร้อนจัด ควรจะใช้ฉนวนยางที่มีความหนาอย่างน้อย 3/8 นิ้ว หุ้มห่อด้านส่ง
ด้วย และต้องเพมิ่ ความหนาของฉนวนด้านดดู ขน้ึ เป็นพเิ ศษด้วยอย่างนอ้ ย หนา 3/4 น้ิว

1-16 | P a g e

8.4 เครื่องปรับอากาศแบบชิลเลอร์

8.4.1 หลักการทํางาน
โดยทั่วไปเคร่ืองปรับอากาศท่ีใช้ในอาคารขนาดใหญ่จะเป็นเครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์ที่

เรียกว่า ชิลเลอร์ (Chiller) ซึ่งแบ่งเป็นระบบระบายความร้อนด้วยนํ้าและระบบระบายความร้อนด้วย
อากาศ ซึ่งชิลเลอร์จะอาศัยนํ้าเป็นตัวนําพาความเย็นไปยังห้องหรือจุดต่างๆ โดยน้ําเย็นจะไหลไปยัง
เคร่ืองทําลมเย็น (Air Handling Unit : AHU หรือ Fan Coil Unit : FCU) ท่ีติดตั้งอยู่ในบริเวณท่ีจะ
ปรับอากาศ จากน้ันน้ําที่ไหลออกจากเคร่ืองทําลมเย็นจะถูกปั๊มเข้าไปในเคร่ืองทําน้ําเย็นขนาดใหญ่ ที่
ติดตง้ั อยู่ในห้องเครอื่ งและไหลเวยี นกลับไปยังเครื่องทําลมเย็นอยู่เชน่ น้ี สําหรับเครื่องทํานํ้าเย็นน้ีจะต้อง
มีการนําความร้อนจากระบบออกมาระบายทิ้งทภี่ ายนอกอาคารดว้ ย ซึ่งระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์
ส่วนใหญ่ท่ีใช้มีขนาดประมาณ 100 ถึง 1,000 ตัน เป็นระบบท่ีใช้เพื่อต้องการทําความเย็นอย่างรวดเร็ว
การทําความเย็นอาศัยคุณสมบัติดูดซับความร้อนของสารทําความเย็นหรือน้ํายาทําความเย็น (Liquid
Refrigerant) มีหลักการทํางาน คือ ปล่อยสารทําความเย็นที่เป็นของเหลวจากถังบรรจุไปตามท่อ เม่ือ
สารเหลวเหลา่ นี้ไหลผ่านเอ็กซ์แพนช่ันวาล์ว (Expansion Valve) จะถูกทําให้มีความดันสูงข้ึน ความดัน
จะต่ําลงเม่ือรับความร้อนและระเหยเป็นไอ (Evaporate) ที่ทําให้เกิดความเย็นขึ้นภายในพ้ืนท่ีปรับ
อากาศ ดังแสดงในรปู

รูปที่ 8-13 ระบบปรบั อากาศแบบชิลเลอร์

1-17 | P a g e

8.4.2 อุปกรณห์ ลกั ที่สาํ คัญในชิลเลอร์

1) คอยล์ร้อน หรือตัวควบแน่น (Condenser) คือ อุปกรณ์ที่ใชร้ ะบายความร้อนให้กับสารทํา
ความเย็นที่ระเหยกลายเป็นก๊าซ และเพ่ือให้เกิดการควบแน่นของสารทําความเย็นเป็น
ของเหลว คอยล์ร้อนมีทั้งชนิดที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air-Cooled) และชนิด
ระบายความร้อนดว้ ยน้ํา (Water-Cooled)

2) คอยล์เย็น (Evaporator) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทําความเย็น โดยดึงความร้อนท่ีอยู่
โดยรอบคอยล์เย็น เพื่อทาํ ให้สารทําความเย็นซึ่งเป็นของเหลวระเหยกลายเป็นก๊าซ ผลท่ีได้
คอื ความเยน็ เกดิ ขึ้น

3) อุปกรณ์ลดความดัน (Expansion Valve) คือ อุปกรณ์ควบคุมปริมาณสารทําความเย็นที่
ไหลเข้าไปในคอยล์เย็นและช่วยลดความดันของสารทําความเย็นลง เช่น Thermal
Expansion Valve และ Capillary Tube เป็นต้น ผลท่ีได้คอื สารทําความเย็นที่มีสภาพ
เป็นกา๊ ซ

4) คอมเพรสเซอร์ (Compressor) คือ อุปกรณ์ซ่ึงทําหน้าที่ดูดสารทําความเย็นในสภาพที่เป็น
ก๊าซเข้ามาและอัดให้เกิดความดันสูงซ่ึงทําให้ก๊าซมีความร้อนเพ่ิมข้ึนตามไปด้วย
คอมเพรสเซอร์ท่ีใช้งานท่ัวไปมีท้ังชนิดที่เป็นแบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor)
แบบโรตารี่ (Rotary Compressor) หรืออาจเป็นแบบหอยโข่ง (Centrifugal
Compressor) และแบบที่นิยมใช้ในเคร่ืองปรับอากาศขนาดใหญ่ ได้แก่ แบบสกรู (Screw
Compressor)

8.4.3 ข้อดี

 ระบบทําความเย็นแบบรวมศูนยน์ ี้สามารถทาํ ความเย็นได้อยา่ งรวดเรว็
 สามารถทําความเย็นได้หลายๆจุดพร้อมกัน เนื่องจากใช้ท่อซ่ึงเดินบนผนังหรือเพดานง่ายต่อ

การกระจายความเย็นไปยังจดุ หรือหอ้ งทตี่ อ้ งการ

8.4.4 ข้อดอ้ ย และขอ้ จํากดั

 เป็นระบบท่ีมีขนาดใหญ่ จึงมีข้อจํากัดเรื่องของพื้นท่ีท่ีใช้ในการติดตั้ง และเลือกสถานที่ท่ีมี
ความเหมาะสมในการตดิ ตัง้ อุปกรณแ์ ต่ละตัว

 มคี วามยงุ่ ยากในการตดิ ตั้ง ซึ่งจะตอ้ งจัดเตรียมโครงสร้างในการวางเคร่อื ง
 เคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนตําแหน่งได้ลําบาก เน่ืองจากเป็นระบบที่มีขนาดใหญ่และมีความ

ซบั ซอ้ น ดงั นัน้ จึงตอ้ งวางแผนในการตดิ ตง้ั ให้ดกี อ่ น
 ราคาแพง ค่าใช้จ่ายในการตดิ ต้งั สูง

8.5 เคร่อื งปรับอากาศแบบชิลเลอร์ชนิดระบายความรอ้ นดว้ ยน้ํา

สําหรับเคร่ืองปรับอากาศแบบชิลเลอร์ (แบบรวมศูนย์) ชนิดระบายความร้อนด้วยน้ํา (Water-Cooled
Chiller) จะใช้นํ้าเย็นในการกระจายความเย็นสู่ส่วนต่างๆ ของอาคาร แทนสารทําความเย็น น้ําเย็นจะถูกผลิต
ขึ้นทหี่ ้องเครื่องส่วนกลาง โดยเคร่ืองทําน้ําเย็น (Water chiller) ซ่ึงเป็นระบบทําความเย็นที่ออกแบบสําหรับ
ทํานํ้าเย็น เคร่ืองทําน้ําเย็นอาจเป็นแบบหอยโข่ง (Centrifugal chiller) แบบลกู สูบ (Reciprocating chiller)

1-18 | P a g e

หรือแบบสกรู (Screw chiller) นํ้าเย็นจะถูกส่งไปยังเคร่ืองส่งลมเย็น (Air Handling Unit: AHU) ท่ีติดตั้งใน
ส่วนต่างๆ ของอาคาร พัดลมจ่ายอากาศจะดูดอากาศภายในอาคารผ่านคอยล์เย็นซ่ึงความร้อนจะถูกถ่ายเท
ให้กับน้ําเย็น จากน้ันอากาศเย็นจะถูกจ่ายไปยังพ้ืนที่ส่วนต่างๆ โดยระบบท่อลม เครื่องสูบน้ําเย็นจะสูบนํ้าจาก
คอยล์เย็นของAHU ไปยัง คอยล์เย็นของ Chiller เพ่ือลดอุณหภูมิเป็นนํ้าเย็นอีกครั้ง เคร่ืองทําน้ําเย็นชนิด
ระบายความร้อนด้วยนํ้า จะใช้นํ้าหล่อเย็นในการถ่ายเทความร้อนออกจากคอนเดนเซอร์ (คอยล์ร้อน) ของ
Chiller โดยนํ้าจากคอยล์ร้อนจะถูกส่งไปยงั หอผ่ึงนํ้า (Cooling tower) โดยเคร่ืองสูบนํ้าหล่อเย็น ท่ีหอผึ่งน้ํา
อากาศจะถกู เปา่ ผา่ นนํา้ หลอ่ เย็นทมี่ ีอณุ หภมู สิ ูง เพอื่ ถ่ายเทความร้อนออกสู่บรรยากาศภายนอก เพ่ือนํากลับไป
หลอ่ เยน็ ที่คอยล์ร้อนของ Chiller ตอ่ ไป

รปู ท่ี 8-14 เคร่ืองปรับอากาศแบบชิลเลอร์ชนดิ ระบายความรอ้ นดว้ ยน้ํา (Water-Cooled Chiller)

1-19 | P a g e

8.6 เครอ่ื งปรับอากาศแบบชิลเลอรช์ นิดระบายความรอ้ นด้วยอากาศ

สําหรับเครื่องปรับอากาศแบบชิลเลอร์ (แบบรวมศูนย์) ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air-Cooled
Chiller) มีความคล้ายคลึงกับเคร่ืองทําน้ําเย็นชนิดระบายความร้อนด้วยน้ํา ซึ่งจะไม่ใช้นํ้าในการหล่อเย็น
(ระบายความรอ้ น) ให้กบั คอนเดนเซอร์ (คอยล์รอ้ น) ของ Chiller แต่ใช้อากาศในสิ่งแวดล้อมระบายความร้อน
แทน ด้วยการใช้พัดลมดูดอากาศในส่ิงแวดล้อมรอบๆ คอยล์ร้อนเป่าไปยังท่อของสารทําความเย็น เพอื่ ถ่ายเท
ความรอ้ นออกจากคอยล์รอ้ นออกสบู่ รรยากาศ โดยคอยล์ร้อนจะมคี รีบ (Fins) ติดอยู่เพ่ือเพมิ่ ประสิทธิภาพการ
ระบายความร้อน แต่ถ้าเทียบประสิทธิภาพการทําความเย็นของ Air-Cooled Chiller กับ Water-Cooled
Chiller ท่ีความสามารถในการทําความเย็นท่ีเท่ากันแล้ว Air-Cooled Chiller จะมีประสิทธิภาพการทําความ
เย็นต่ํากวา่

รูปที่ 8-15 เคร่ืองปรบั อากาศแบบชิลเลอร์ชนดิ ระบายความรอ้ นด้วยอากาศ (Air-Cooled Chiller)

1-20 | P a g e

8.7 เครอ่ื งปรับอากาศแบบกักเกบ็ น้ําแข็ง

ระบบกักเก็บความเย็นด้วยน้ําแข็ง คือ อุปกรณ์ที่เก็บความเย็นของนํ้าแข็งที่ผลิตได้ในช่วง Off peak
(ช่วงท่ีคิดค่าความต้องการไฟฟ้าสูงสุดราคาถูก) ไว้ชั่วคราว และนําความเย็นของนํ้าแข็งท่ีเก็บไว้มาใช้ในช่วง
On Peak (ช่วงท่ีคิดค่าความต้องการไฟฟ้าสูงสุดราคาแพง) เพื่อลดค่าไฟฟ้าและลดภาระความต้องการ
กาํ ลงั ไฟฟ้าสูงสุด ซ่ึงนํ้าแข็งเป็นวัตถุที่มีค่าความร้อนแฝงในการละลายค่อนข้างสูง คือ 144 บีทียู/ปอนด์ ทําให้
ใช้ปรมิ าตรในการเกบ็ น้อยกว่าการกักเก็บในรูปน้ําเย็นมากและมตี ้นทุนตํ่ากว่าด้วย เหมาะกับอุตสาหกรรมหรือ
อาคารขนาดใหญ่ท่ีมีภาระในการปรับอากาศมาก ซ่ึงจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าและยังช่วยชาติในการลดภาระ
ความต้องการกาํ ลังไฟฟา้ สูงสดุ ของประเทศไดอ้ ีกด้วย

ปจั จุบนั การชาํ ระค่าไฟฟ้ามีการจําแนกประเภทผใู้ ช้ตา่ งๆ ตามประเภท และปริมาณการใช้ไฟฟ้า โดยคิด
ราคาแตกต่างกันออกไป เช่น การคิดค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาของค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้า (TOD Tariff)
ทําให้มีความพยายามที่จะหลีกเล่ียงการใช้ไฟฟา้ ช่วงท่ีราคาสูง แต่ในระบบทําความเย็นใช้ความเย็นตลอดเวลา
เช่น อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง ก็ใช้ระบบกักเก็บความเย็นด้วยนํ้าแข็งแทน โดยผลิตความเย็นนําไปเก็บไว้
ในชว่ งค่าไฟฟ้าถกู และผลติ ใหเ้ พยี งพอเพือ่ นาํ มาใช้ในช่วงทคี่ า่ ไฟฟ้าแพงจะชว่ ยประหยัดค่าไฟลงได้

รปู ที่ 8-16 ระบบกกั เก็บความเย็นด้วยน้ําแข็ง

1-21 | P a g e

ระบบกกั เก็บความเยน็ ดว้ ยนํา้ แขง็ แบบต่างๆ ท่ใี ช้กันอยใู่ นปจั จบุ ัน ได้แก่
 ระบบน้ําแข็งเกาะติดทอ่ (Ice On - Coil)
 ระบบถังนา้ํ แข็ง (Ice tank)
 ระบบน้าํ แข็งในภาชนะ (Ice Container)
 ระบบเกบ็ นํ้าแขง็ (Ice Harvester)

เหตผุ ลท่พี ัฒนาระบบกกั เกบ็ ความเย็นด้วยน้ําแขง็ มาใชใ้ นอุตสาหกรรม และในอาคาร เน่ืองมาจากความ
ตอ้ งการลดคา่ ใช้จ่ายด้านการใช้ไฟฟา้ และค่าความตอ้ งการกาํ ลังไฟฟา้ สูงสดุ (Peak Demand)

8.8 สมรรถนะของเครื่องทาํ น้ําเย็นในระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์

สมรรถนะของเคร่ืองทํานํ้าเย็นในระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (Chiller Performance, ChP)
เป็นค่าที่แสดงประสิทธิภาพการทําความเย็น คือ อัตราส่วนระหว่างพลังงานที่เครื่องสามารถทําความ
เยน็ ได้ต่อพลังงานทีต่ อ้ งใช้ (พลังงานไฟฟ้า)

รูปท่ี 8-17 เครื่องทาํ นํ้าเยน็ ในระบบปรบั อากาศแบบรวมศนู ย์

1-22 | P a g e

โดย ChP คือ คา่ สมรรถนะของเครื่องทาํ น้ําเย็นสําหรบั ระบบปรับอากาศ (kW/TR)
P คอื กําลังไฟฟ้าทใี่ ชส้ าํ หรับเครื่องอัดไอ (kW)
mw คอื อัตราการไหลของนํา้ ท่ีไหลผา่ นเครอื่ งระเหย (cu.dm/s)
Cp คอื คา่ ความจุความร้อนจาํ เพาะของนาํ้ ซ่งึ มคี ่าเทา่ กับ 4.187 (kJ/kg-oC)
ti คือ อุณหภูมขิ องนํา้ ท่ไี หลเข้าเครอ่ื งระเหย (oC)
te คอื อณุ หภูมขิ องน้ําทไี่ หลออกจากเครอื่ งระเหย (oC)

ตัวอยา่ งการหาประสทิ ธิภาพของระบบทาํ ความเยน็
โจทย์ตัวอย่าง โรงงาน A มเี ครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์ท่ีมีความสามารถในการทําความเย็นได้ 150 Ton
ท่ีใช้งานมาแล้ว 10 ปี และต้องการหาค่าประสิทธิภาพของระบบทําความเย็น ณ ปัจจุบัน เพื่อทําการตัดสินใจ
เปล่ียนเครื่องปรบั อากาศใหม่ ดังนนั้ จึงทาํ การตรวจวดั ค่าตา่ งๆ มีผลการตรวจวัดดังน้ี (ทําการตรวจวัดเป็นเวลา
7 วนั เพื่อหาคา่ เฉลยี่ )

กําลงั ไฟฟ้าเฉลี่ย 71.06 kW, อตั ราการไหลของนา้ํ เย็นเฉล่ยี 34.01 dm3/s
อุณหภูมนิ ํ้าเยน็ เขา้ เฉลยี่ 11.15 oC, อุณหภมู ินา้ํ เยน็ ออกเฉลยี่ 9.70 oC
วธิ ีการคํานวณ จาก

ChP = 1.21 kW/TR ตอบ

1-23 | P a g e

8.9 วิธีการและแนวทางการประหยดั พลงั งานของระบบทําความเยน็

ระบบทําความเย็นอุตสาหกรรมเป็นระบบที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงเม่ือเทียบกับระบบอื่นๆ
ภายในโรงงาน การประหยัดพลังงานสามารถทําได้โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพและการใช้งานของอุปกรณ์
หลกั 4 อย่างดงั นี้

รูปท่ี 8-18 วฏั จกั รการทํางานของระบบทาํ ความเย็น
1) Compressor

 ขนาดและชุดควบคุมคอมเพรสเซอร์ต้องถกู ตอ้ งเหมาะสมกับภาระความเยน็
 คอมเพรสเซอร์ต้องทาํ งานทีอ่ ณุ หภูมิควบแนน่ ตา่ํ สดุ และอณุ หภูมอิ วี าพอเรเตอร์สงู สุด
 หมัน่ บํารงุ รักษาคอมเพรสเซอรอ์ ยา่ งสมาํ่ เสมอ
 เลอื กใช้มอเตอรท์ ีม่ ีประสิทธภิ าพสูง
2) Evaporator
 พืน้ ที่ผวิ ของอวี าพอเรเตอรต์ ้องมากพอเพ่ือให้การถา่ ยเทความร้อนทําได้สงู สดุ
 ใช้พดั ลมและมอเตอรท์ ี่มีประสทิ ธภิ าพสงู ในห้องเย็นและหอ้ งแช่แขง็
 อณุ หภมู ขิ องอวี าพอเรเตอร์ควรจะปรบั ให้สูงที่สุดเทา่ ทท่ี าํ ได้
 ละลายนํา้ แขง็ ทค่ี อยลเ์ ยน็ เพราะน้ําแขง็ ท่เี กาะคอยลท์ ําใหส้ มรรถนะของระบบลดลง
 ควบคมุ ความรอ้ นภายนอกไม่ให้เขา้ มาในห้องเย็นมากเกนิ ไป
3) Condenser
 อณุ หภูมิการควบแน่นควรตํา่ ทส่ี ดุ เทา่ ที่จะทาํ ได้เพือ่ ลดการใช้พลังงาน
 เดนิ พัดลมคอนเดนเซอร์และเคร่อื งสูบน้ําใหม้ ากตัวทส่ี ดุ เพอ่ื ใหอ้ ณุ หภูมคิ วบแนน่ ตา่ํ สดุ
 ทําความสะอาดหวั ฉีด (Spray nozzles) ของคอนเดนเซอร์อยา่ งสม่าํ เสมอ
 รักษาพน้ื ผวิ ของคอนเดนเซอร์ให้สะอาดและนา้ํ ทีใ่ ชต้ อ้ งผา่ นการปรับสภาพแล้ว
 ไลอ่ ากาศและก๊าซทไี่ มก่ ลั่นตัวออกจากคอนเดนเซอร์ใหห้ มด

1-24 | P a g e

4) Expansion device
 เปลย่ี นการควบคุมแรงดันใน Evaporator ดว้ ยการหรว่ี าล์วมาเปน็ การควบคุมแบบป้อนน้ํายา
ตามภาระความเย็น

8.9.1 แนวทางการประหยัดพลงั งานสําหรบั ระบบทําความเยน็ แยกแตล่ ะอุปกรณ์
1) อีวาพอเรเตอร์
การทําความเย็นสําหรับห้องเย็นควรต้ังอุณหภูมิการใช้งานให้สูงสุดโดยไม่กระทบต่อ
ผลิตภณั ฑ์ จะทาํ ใหอ้ ณุ หภูมิท่ีอวี าพอเรเตอร์สูงขึ้นช่วยใหป้ ระหยดั พลงั งานได้
อณุ หภูมหิ อ้ งเยน็ ตํา่ เกิน
 การตั้งอุณหภูมิห้องเย็นตํ่าเกินไปจะทําให้ความดันที่อีวาพอเรเตอร์ลดตํ่าลงด้วย
สง่ ผลให้คอมเพรสเซอร์ทํางานเพม่ิ มากขนึ้ ไม่ประหยัดพลงั งาน

รูปท่ี 8-19 แนวทางการประหยดั พลังงานในอปุ กรณอ์ วี าพอเรเตอร์ (อุณหภมู ิหอ้ งเยน็ ตา่ํ เกนิ )
 อุณหภูมิห้องเย็นเหมาะสม การต้ังอุณหภูมิห้องเย็นอย่างเหมาะสมจะช่วยให้

คอมเพรสเซอรท์ ํางานในช่วงความดันแตกตา่ งไม่สงู เกินไปนกั รวมทง้ั การวางแผนการเปิดปิดห้อง
เยน็ ทีด่ ี จะช่วยรักษาอณุ หภมู หิ ้องเยน็ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

รูปท่ี 8-20 แนวทางการประหยดั พลงั งานในอุปกรณ์อวี าพอเรเตอร์ (อุณหภูมหิ อ้ งเยน็ เหมาะสม)

1-25 | P a g e

2) คอมเพรสเซอร์
คอมเพรสเซอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูงสุดในระบบทําความเย็นการควบคุมให้

คอมเพรสเซอร์ทํางานที่ภาระเตม็ พกิ ดั จะทําให้ประสทิ ธภิ าพคอมเพรสเซอร์สงู สุด
 Single Compressor
ระบบทําความเย็นที่ใช้คอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่ จํานวนชุดเดียวทําให้ไม่สามารถทํางาน

ได้เต็มพกิ ัด ทีภ่ าระความเย็นต่าํ ทาํ ให้ประสทิ ธิภาพของคอมเพรสเซอรล์ ดลงได้

รูปท่ี 8-21 แนวทางการประหยดั พลังงานในอปุ กรณ์คอมเพรสเซอร์ (Single Compressor)
 Multiple Compressors
ระบบทําความเย็นที่ใช้คอมเพรสเซอร์หลายขนาด ทํางานร่วมกันจะสามารถจัดการให้

คอมเพรสเซอรท์ กุ ตัวทํางานที่ภาระทําความเย็นสูงสดุ ทําให้คอมเพรสเซอร์มีประสทิ ธภิ าพสงู สดุ

รปู ท่ี 8-20 แนวทางการประหยัดพลงั งานในอุปกรณค์ อมเพรสเซอร์ (Multiple Compressor)
3) คอนเดนเซอร์
การรักษาพ้ืนผิวของคอนเดนเซอร์ให้สะอาดและน้ําท่ีใช้ได้ผ่านการปรับสภาพรวมถึงการ
ทําความสะอาดหวั ฉดี (Nozzle) ของคอนเดนเซอรจ์ ะทาํ ให้การถ่ายเทความรอ้ นดีขึน้
 คอนเดนเซอร์ทไี่ ม่มีการบาํ รงุ รกั ษา
จะทําให้พ้ืนที่ถ่ายเทความร้อนสกปรกรวมท้ังหัวฉีดไม่สามารถพ่นละอองนํ้าได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ทาํ ให้คอนเดนเซอรไ์ มส่ ามารถระบายความรอ้ นให้กับสารทาํ ความเยน็ ได้

1-26 | P a g e

รูปที่ 8-21 อปุ กรณค์ อนเดนเซอร์ทีไ่ ม่มกี ารบํารุงรักษา
 คอนเดนเซอร์ทบี่ าํ รงุ รกั ษาสมา่ํ เสมอ
จะทาํ ให้พ้ืนผวิ การถา่ ยเทความรอ้ นสะอาดรวมทั้งหัวฉีดสามารถพ่นละอองนํ้าได้เป็นอย่าง
ดี ทําใหค้ อนเดนเซอร์ระบายความร้อนให้กับสารทาํ ความเยน็ ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

รูปที่ 8-22 อุปกรณ์คอนเดนเซอรท์ ีม่ ีการบาํ รงุ รักษา
4) วาล์วลดความดนั

อุปกรณ์ลดความดันจะทําให้สารทําความเย็นมีความดันลดลงและปรับการไหลเวียนของ
สารทาํ ความเยน็ ให้สอดคลอ้ งกบั ปรมิ าณความเยน็ ทีต่ ้องการ

1-27 | P a g e

 วาล์วลดความดันชนิดปรับด้วยมอื (Hand expansion valve)
อุปกรณ์ลดความดันของสารทําความเย็นชนิดปรับด้วยมือ เหมาะสําหรับระบบทําความ

เย็นขนาดใหญ่ที่ปริมาณความร้อนท่ีอีวาพอเรเตอร์ไม่เปลี่ยนแปลงมาก และต้องมีเจ้าหน้าที่
ควบคุมอยู่ตลอด ถ้าระบบมีการเปล่ียนแปลงความร้อนมากจะทําให้การควบคุมไม่แม่นยํา อัตรา
การไหลของสารทาํ ความเย็นจะไมส่ อดคลอ้ งกบั ภาระความเย็นทตี่ ้องการ

รูปท่ี 8-23 วาล์วลดความดนั ชนดิ ปรับด้วยมอื
 วาลว์ ลดความดันแบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic expansion valve)

อปุ กรณ์ลดความดนั ของสารทําความเย็นแบบอเิ ล็กทรอนิกส์ จะใช้สญั ญาณทางไฟฟ้าใน
การควบคุมการเปดิ – ปดิ วาล์ว ซ่งึ การประยกุ ต์ใช้สญั ญาณไฟฟ้าแทนสญั ญาณความร้อน ทําให้
การควบคุมเป็นไปอยา่ งแมน่ ยําและสามารถปรบั อตั ราการไหลของสารทําความเย็นได้สอดคลอ้ ง
ตามภาระความเยน็ ที่ตอ้ งการ

รปู ที่ 8-24 วาล์วลดความดนั แบบอเิ ล็กทรอนิกส์

1-28 | P a g e


Click to View FlipBook Version