10.6.2 การใชไ้ ฟฟ้าสาํ หรับแตล่ ะหอ้ งชุด
เน่ืองจากแต่ละห้องชุดในอาคารชุดนั้นมี พรบ.อาคารชุด (พ.ศ. 2522) รับรองไว้ว่าเป็นส่วนของ
อาคารชุดท่ีแยกการถือกรรมสิทธิ์ออกได้เป็นส่วนเฉพาะของแต่ละบุคคล จึงเปรียบเสมือนบ้านแต่ละห้อง
เพียงแต่นํามาอยู่รวมกันในอาคารเดียวกัน ดังนั้นผู้ใช้ไฟฟ้าแต่ละห้องจึงควรได้รับสิทธ์ิความเป็นเอกภาคและ
การบริการต่างๆ โดยตรงจากการไฟฟา้ เชน่ เดยี วกับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งหมายความว่าจะมีเคร่ืองวัดมิเตอร์ไฟฟ้า
ประจําแต่ละห้องชุดในการบริการท่ัวๆ ไป ท่ีจะได้รับจากการไฟฟ้าดังเช่น เสียค่าไฟฟ้าแต่ละประเภทในอัตรา
เดียวกัน ส่วนสายภายนอกจนถึงเคร่ืองวัดมิเตอร์ไฟฟ้าการไฟฟ้าจะเป็นผู้ดูแลและบํารุงรักษา โดยผู้ใช้ไฟฟ้าไม่
ตอ้ งเสียค่าใช้จา่ ยเพ่มิ เปน็ พิเศษ เปน็ ต้น
สําหรับการกําหนดขนาดเคร่ืองวัดมิเตอร์ไฟฟ้าของแต่ละห้องชุดนั้น (ดังรูปที่ 10-4) จะพิถีพิถันกว่า
การจ่ายไฟฟ้าให้กับสถานที่ท่ีใช้ไฟฟ้าท่ัวๆ ไป นั้นมีเพียงผู้ใช้ไฟรายเดียวจึงสะดวกท่ีจะติดต้ังเครื่องวัดมิเตอร์
ไฟฟ้าไว้ภายนอกสถานท่ีของผู้ใช้ไฟ ซ่ึงทําให้ง่ายต่อการดูแลรักษา และการปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายนอก เพื่อ
การเพิ่มขนาดเคร่อื งวดั มิเตอร์ไฟฟ้าในภายหลัง ส่วนในอาคารชุดน้นั ส่วนใหญก่ จ็ ะเป็นอาคารสงู ๆ มีห้องชุดเป็น
จํานวนมาก หากต้องเดินสายเมนทุกๆ ห้องลงมาถึงท่ีติดต้ังเครื่องวัดมิเตอร์ไฟฟ้า อย่างเช่นสถานท่ีใช้ไฟทั่วๆ
ไป ซ่ึงจะยุ่งยากไม่สวยงาม ส้ินเปลืองค่าใช้จ่ายมาก และไม่มีความปลอดภัย ดังนั้นในอาคารชุดจึงได้ติดต้ัง
เคร่ืองวัดมิเตอร์ไฟฟ้าไว้เป็นกลุ่มตามช้ันต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ดังนั้นระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ของการไฟฟ้า
บางส่วนจึงต้องเข้าไปอยู่ในอาคารของผู้ใช้ไฟด้วย และเป็นที่ทราบกันว่าไม่ว่าจะเป็นอาคารใหญ่ใดๆ ก็ตาม
และไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าส่วนที่เป็นของการไฟฟ้าหรือของผู้ใช้ไฟเองก็ตาม หากไม่พิจารณาวางแผนวาง
ระบบและคํานวณให้ดีอย่างเพียงพอแล้ว การปรับปรุงแก้ไขในภายหลังจะเป็นสิ่งที่ยุ่งยากและสิ้นเปลืองมาก
แต่ตามสภาพของอาคารประเภทนี้แล้ว ในระยะเร่ิมแรกหรือในระหว่างก่อสร้าง ซ่ึงยังไม่มีผู้ใช้ไฟฟ้าระยะ
เร่ิมต้นกับในอนาคตเมื่อทุกอย่างปรับตัวเข้าท่ีแล้วย่อมแตกต่างกัน ดังน้ันสิ่งที่พอจะนํามาเป็นข้อพิจารณา
กําหนดขนาดเคร่ืองวัดมิเตอร์ไฟฟ้าก็คือ ขนาดของพื้นที่ของแต่ละห้องชุด ซ่ึงโดยปกติแล้วการใช้ไฟฟ้าจะ
เพิ่มขึ้นตามขนาดของพื้นท่ี และเมื่อได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ มาพิจารณาแล้วปรากฏว่าค่าความต้องการ kVA
ตํ่าสุด ท่ีคาดว่าจะต้องมีใช้ในห้องชุดอยู่อาศัย และพอเพียงกับความต้องการใช้ไฟอย่างน้อยในระยะ 10 ปี
ข้างหนา้ โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี
รปู ท่ี 10-4 เครอื่ งวดั พลังงานไฟฟ้า (มเิ ตอรไ์ ฟฟา้ )
2-14 | P a g e
เครื่องปรับอากาศ = 70 VA/m2
แสงสว่าง = 20 VA/m2
โหลดอน่ื ๆ ใหข้ น้ึ อย่กู บั ขนาดพื้นทหี่ อ้ งชดุ
= 1,500 VA
ขนาดห้องชดุ พืน้ ท่ีไมเ่ กิน 55 m2 = 3,000 VA
ขนาดหอ้ งชุดพื้นทีไ่ มเ่ กิน 55 m2 แต่ไม่เกนิ 180 m2 = 6,000 VA
ขนาดห้องชุดพนื้ ทมี่ ากกวา่ 180 m2
โดยปกติแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้ากําลังมักจะไม่กําหนดตามพื้นที่ จะคํานวณจากการใช้จริงอย่างใน
ต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สําหรับบ้านเราเนื่องด้วยความจําเป็นทางเศรษฐกิจและอ่ืน ๆ อีก
หลายอย่าง ทําให้เกิดความไม่แน่นอนในตอนเร่ิมแรกของการเข้าไปอยู่ในห้องชุด แต่ในชั่วระยะเวลาหน่ึงไม่
นานนักประมาณว่า 3 ปีขึ้นไป ความจําเป็นและสิ่งแวดล้อมจะบีบบังคับให้ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องมีเคร่ืองใช้ไฟฟ้ากําลัง
เหล่านี้ เน่ืองจากไฟฟ้าเป็นพลังงานท่ีสะอาด ใช้ง่าย สะดวก และปลอดภัยท่ีสุดเม่ือเทียบกับพลังงานอย่างอื่น
ท่ีสําคัญคือไม่ทําความรบกวนแก่เพื่อนบ้าน แต่เคร่ืองใช้ไฟฟ้ากําลังนี้จะไม่แปรผันโดยตรงกับพ้ืนที่ของห้องชุด
เท่าใดนัก คอื จะคงท่ีจนถึงระดบั หน่งึ แล้วจึงจะมีความต้องการใช้เพ่ิมขึ้น เป็นลักษณะข้ันบันได จากข้อมูลและ
เหตุผลต่างๆ ดังท่ีกล่าวมาแล้ว เราสามารถนํามาสรุปเป็นข้อพิจารณาคํานวณโหลดการใช้ไฟฟ้าของแต่ละห้อง
ชดุ ได้ดงั ต่อไปนี้
ประเภทห้องชุดอยู่อาศัยท่ีมีบริการระบบทําความเย็นหรือปรับอากาศจากส่วนกลาง คํานวณ
โหลดต่ําสุดไดด้ ังนี้
- หอ้ งชุดพนื้ ท่ไี มเ่ กิน 55 m2 โหลดตํ่าสดุ (VA) = (20Xพืน้ ทห่ี ้อง) + 1,500 V
- ห้องชุดพื้นที่มากกว่า 55 m2 แต่ไม่เกิน 180 m2 โหลดตํ่าสุด (VA) = (20X พ้ืนที่ห้อง) + 3,000
VA
- หอ้ งชุดพื้นทมี่ ากกวา่ 180 m2 โหลดต่ําสุด (VA) = (20X พ้ืนท่หี อ้ ง) + 3,000 VA
ประเภทห้องชุดอยอู่ าศัยทีไ่ ม่มีบริการระบบทําความเย็นหรือปรับอากาศจากส่วนกลาง คํานวณ
โหลดต่าํ สุด ดงั น้ี
- ห้องชดุ พ้ืนท่ไี มเ่ กนิ 55 m2 โหลดต่ําสุด (VA) = (90 X พื้นที่ห้อง) + 1,500 VA
- หอ้ งชุดพื้นที่มากกว่า 55 m2 แต่ไม่เกิน 180 m2 โหลดตํ่าสุด (VA) = (90 X พื้นที่ห้อง) + 3,000
VA
- ห้องชุดพ้นื ทม่ี ากกว่า 180 m2 โหลดต่าํ สุด (VA) = (90 X พนื้ ท่หี ้อง) + 3,000 VA
สําหรับห้องชุดประเภทสํานักงานหรือร้านค้า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะแตกต่างจากประเภทท่ีอยอู่ าศัย
ตรงท่ีจะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องครัว หรืออาจมีแต่เพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับพื้นที่แต่ภาระการใช้
เคร่ืองปรับอากาศจะสูงกว่าด้วยจํานวนคนมากกว่า และค่าสูญเสียความเย็นเน่ืองจากการเปิดประตูมีมากกว่า
ดึงนนั้ จงึ มีขอ้ พจิ ารณาสําหรับขนาดเครอ่ื งวัดมิเตอรไ์ ฟฟ้าแตกต่างกนั ออกไปดงั นี้
ห้องชุดประเภทสํานกั งานหรอื ร้านค้าทม่ี ีบรกิ ารระบบปรบั อากาศจากส่วนกลาง
ใช้สตู รโหลดตาํ่ สดุ (VA) = 85Xพื้นทหี่ อ้ ง (ไมร่ วมเฉลยี ง) และห้ามใชด้ มี านต์แฟกเตอร์
ห้องชดุ ประเภทสาํ นักงานหรอื รา้ นค้าท่ีไม่มีบริการระบบปรับอากาศจากสว่ นกลาง
ใชส้ ูตรโหลดตาํ่ สดุ (VA) = 155Xพน้ื ทหี่ ้อง (ไม่รวมเฉลียง) และห้ามใชด้ มี านตแ์ ฟกเตอร์
2-15 | P a g e
สําหรับสํานักงานหรอื ร้านค้าท่ีโหลดมากเป็นพิเศษ เช่น ห้องอาหารท่ีมีพวกเตาไฟฟ้า หรือเคร่ืองทํา
ความรอ้ น และตู้แช่ที่มีขนาดใหญ่มาก จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษตามสภาพ การคํานวณขนาดเครื่องวัดมิเตอร์
ไฟฟ้าตามข้อที่ 10.6.1 ไปคิดหาขนาดเครื่องวัดมิเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องป้องกันกระแสเกิน หรือเพ่ือความ
สะดวกแก่ผู้ออกแบบและการไฟฟ้า สามารถดูไดจ้ ากตารางที่ 10-1 และ 10-2 ซ่ึงได้จากการคํานวณและปรับ
ค่าเขา้ หาขนาดเครอ่ื งวดั มิเตอร์ไฟฟ้า จากปัญหาการใช้ไฟเกินขนาดเครื่องวัดมิเตอร์ไฟฟ้า หรือเกิดปัญหาไฟร่ัว
หรือเกิดการผิดปกติในการใช้ไฟจนทําให้โหลดเกินหรือเกิดภาวะบกพร่อง ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อผู้ใช้ไฟ
รายอ่ืนๆ ได้โดยง่าย ดังนั้นการไฟฟ้าจึงได้ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไหลเกินประจําเครื่องวัดมิเตอร์ไฟฟ้า
สําหรับผู้ใช้ไฟแต่ละรายด้วย โดยได้กําหนดขนาดที่เหมาะสมไว้ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้ใช้ไฟฟ้าได้เต็มที่ขนาดเคร่ืองวัด
มิเตอรไ์ ฟฟา้ โดยไม่เดอื ดรอ้ น ซ่ึงได้แสดงตวั อย่างของการไฟฟา้ นครหลวงไว้ในตารางท่ี 10-1 และ 10-2
ตารางท่ี 10-1 ขนาดของเครอ่ื งวัดและตัดตอนอัตโนมัตสิ าํ หรับเคร่อื งวัดของห้องชดุ ประเภทอยูอ่ าศัย
ขนาดพื้นท่หี ้องชดุ (m2)
ขนาด
ขนาดมเิ ตอร์ โหลด พน้ื ท่ี พืน้ ที่ พน้ื ที่ ฟวิ ส์ CB
(A) ≤ 55 m2 ≥ 55 ≤ 180 m2 >180 m2 สูงสดุ
ก ขก ข ก ข
5(15) A1P 10 35 - - - - - 16 1P
15(45) A 1P 30 - 55 180 - - - 50 1P
30(100) A 1P 75 - - - 150 525 - 100 1p
50(150) A 1P 100 - - - 180 800 - 125 1P
15(45) A 3P 30 - - - 180 690 - 50 3P
30(100) A 3P 75 - - - - 2,475 483 100 3P
50(150) A 3P 100 - - - - 3,000 666 125 3P
200 A 3P 200 - - - - 6,300 1,400 250 3P
400 A 3P 400 - - - - 12,900 2,866 500 3P
หมายเหตุ 1. ก. หมายถึง ห้องชุดท่ีมีการติดต้ังระบบทําความเย็นจากส่วนกลาง ข. หมายถึง ห้องชุดท่ีไม่มีการติดตั้งระบบทําความเย็นจาก
สว่ นกลาง
2. 1P หมายถงึ เครื่องวัดฯชนดิ 1 เฟส 2 สาย, 3P หมายถึง เครอื่ งวดั ฯ ชนิด 3 เฟส 4 สาย
2-16 | P a g e
ตารางที่ 10-2 ขนาดของเครื่องวัดและตัดตอนอัตโนมัติสําหรับเคร่ืองวัดในชุดประเภทสํานักงานหรือ
รา้ นคา้
ลาํ ดบั ที่ ประเภท พืน้ ทหี่ อ้ ง โหลด ขนาดเคร่ืองวดั ฯ ขนาดฟิวส์ CB สงู สุด
(m2) (A)
1. ไม่มีบริการระบบทําความเย็น 40 30 15(45) A 1P 50 A 1P
จากส่วนกลาง 105 75 30(100) A 1P 100 A 1P
140 100 50(150) A 1P 125 A 1P
125 30 15(45) A 3P 50 A 1P
320 75 30(100) A 3P 100 A 3P
425 100 50(150) A 3P 125 A 3P
850 200 200 A 3P 250 A 3P
1700 400 400 A 3P 500 A 3P
2. มีบริการระบบทําความเย็น 80 30 15(45) A 1P 50 A 1P
จากสว่ นกลาง 190 75 30(100) A 1P 100 A 1P
260 100 50(150) A 1P 125 A 1P
230 30 15(45) A 3P 50 A 1P
580 75 30(100) A 3P 100 A 3P
770 100 50(150) A 3P 125 A 3P
1550 200 200 A 3P 250 A 3P
3100 400 400 A 3P 500 A 3P
หมายเหตุ พื้นท่ีท่มี ขี นาดมากกว่าทก่ี ําหนดไวใ้ นตารางนี้ จะตอ้ งกาํ หนดขนาดของเครือ่ งวัดเป็นรายๆ ไป
สําหรับอาคารศูนย์การค้า อาคารศูนย์การค้าท่ีมิใช่อาคารชุดนั้นมักจะเป็นของเจ้าของเดียวหรือบุคคล
กลมุ่ หนง่ึ ทล่ี งทุนรว่ มกนั หรอื ในรูปของนิตบิ ุคคล ดังน้นั ลกั ษณะเชน่ นป้ี กตแิ ลว้ ก็จะจ่ายไฟผา่ นเคร่ืองวัดฯ เพียง
เคร่ืองเดยี ว แตอ่ าคารประเภทศูนย์การค้านี้โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะแบ่งเป็นห้องๆ หรือแบ่งพ้ืนท่ีส่วน ๆ ให้เช่า
เพื่อดําเนินกิจการต่าง ๆ ลักษณะเช่นน้ีก็จะพิจารณาจ่ายไฟให้ในแบบเดียวกับอาคารชุด นอกเสียจากว่า
เจา้ ของอาคารจะได้ใหค้ ํารบั รองไวก้ ับการไฟฟ้าว่าค่าไฟฟ้าในแต่ละหอ้ งเช่าน้ันได้รวมในค่าเช่าแล้ว แต่ถ้ามีการ
เรียกเก็บคา่ ไฟฟ้าต่างหากหรอื มีการตดิ ตั้งเคร่ืองวดั ฯ ในแต่ละร้านค้าเอง แล้วก็จะถือว่าเป็นการนําเอาไฟฟ้าไป
จาํ หน่ายต่อ ซึ่งทางการไฟฟ้าก็จะไดพ้ ิจารณาดําเนินการไปตามท่ีเหน็ สมควร
10.7 การคํานวณโหลดเพื่อหาขนาดของสายปอ้ นและเครอื่ งป้องกันกระแสเกิน
ลักษณะการจ่ายไฟฟ้าและติดตั้งเคร่ืองวัดมิเตอร์ไฟฟ้าตามท่ีกล่าวไว้ในหัวข้อที่ 10.6.1 จะทําให้ระบบ
ไฟฟ้าท่ีเป็นของการไฟฟ้า คือ ส่วนที่อยู่ก่อนเครื่องวัดมิเตอร์ไฟฟ้ารวมทั้งตัวเครื่องวัดมิเตอร์ไฟฟ้าด้วยน้ัน
บางส่วนเข้าไปอยู่ในอาคารชุด ซ่ึงตามปกติแล้วส่วนน้ีการไฟฟ้าจะเป็นผู้ดําเนินการเองท้ังส้ิน แต่การท่ีการ
ไฟฟ้าจะเข้าไปดําเนินการพร้อมไปกับการก่อสร้างน้ันย่อมเป็นการไม่สะดวกด้วยกันท้ัง 2 ฝ่าย และส้ินเปลือง
ค่าใชจ้ ่าย ดังน้ันการไฟฟา้ จึงพจิ ารณาอนโุ ลมใหผ้ ขู้ อใช้ไฟฟา้ ดําเนินการเฉพาะส่วนท่ีอยู่ในอาคารเอง แต่ต้องอยู่
2-17 | P a g e
ภายใต้เง่ือนไขของการไฟฟ้า ซึ่งเง่ือนไขน้ันมีเหตุผลพื้นฐานมาจาก 3 หลักใหญ่ คือ ด้านวิชาการและความ
ปลอดภยั ด้านการบํารุงรักษาและบริการ
10.7.1 การคํานวณโหลดเพอ่ื นาํ ไปหาขนาดสายปอ้ นและเคร่ืองปอ้ งกนั
เม่ือทราบขนาดเครื่องวัดฯ ของส่วนกลางและแต่ละห้องชุดตามวิธีการในหัวข้อท่ี 10.6.1 แล้ว เม่ือจะ
คํานวณหาขนาดสายป้อนส่วนใดก็ให้นํากลุ่มเคร่ืองวัดฯ ในส่วนนั้นเรียงลําดับจากขนาดใหญ่ไปหาขนาดเล็ก
แลว้ คูณด้วยคา่ โคอนิ ซเิ ดนซ์แฟกเตอร์ (Co-incidence factor) ในตารางที่ 10-3 และตารางท่ี 10-4
ตารางท่ี 10-3 คา่ โคอินซิเดนซแ์ ฟกเตอรข์ องอาคารชดุ ทเ่ี ป็นท่อี ยูอ่ าศัย
ลาํ ดับเครอ่ื งวดั โคอินซเิ ดนซแ์ ฟกเตอร์*
1-10 0.9
11-20 0.8
21-30 0.7
31-40 0.6
41 ขนึ้ ไป 0.5
ตารางที่ 10-4 คา่ โคอนิ ซิเดนซ์แฟกเตอรข์ องอาคารชดุ ทเ่ี ปน็ สาํ นักงานหรือร้านค้า
ลาํ ดบั เคร่อื งวัด โคอินซิเดนซ์แฟกเตอร*์
1-10 1
11 ขน้ึ ไป 0.85
หมายเหต:ุ สําหรบั อาคารชดุ ทีม่ ที ้ังประเภททอ่ี ยู่อาศยั และสํานักงาน/รา้ นค้า ให้คํานวณแยกแตล่ ะประเภทแล้วนาํ คา่ ที่ไดม้ ารวมกนั
10.7.2 ขนาดของสายปอ้ นและเครอื่ งปอ้ งกนั
ขนาดของสายป้อนและเครื่องป้องกันกระแสเกิน (หมายรวมถึงสายเมนหลักด้วย) จะต้องมีขนาดรับ
กระแส (Current carrying capacity) ไม่น้อยกว่า 125 เปอร์เซ็นต์ของโหลดที่คํานวณได้ตามหัวข้อท่ี 10.6.2
และแรงดันตกจะต้องไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ และต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 6 mm2 โดยเครื่องป้องกันจะต้อง
สามารถตัดกระแสลัดวงจร (Short circuit current หรือ Fault current) ณ ตําแหน่งต่าง ๆ ได้อย่าง
เหมาะสม แต่จะต้องไมน่ ้อยกว่า 10 kA หรือ 50 kA แล้วแต่กรณี เครื่องป้องกันจะต้องต้ังหรือออกแบบให้
สามารถตัดกระแสเม่ือกระแสใช้งานเกินโหลดที่คํานวณได้ สําหรับขนาดของสายป้อนอาจมีขนาดเท่ากับโหลด
ท่ีคํานวณได้ ตามหัวข้อที่ 10.6.2 หากเครื่องป้องกันนั้นมีขนาดเท่ากับโหลดดังกล่าว และได้รับการรับรองได้
ต่อเน่อื ง 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนีโ้ ดยถอื วา่ โหลดท่ีคํานวณได้เป็นโหลดต่อเนื่อง แสดงตัวอย่างแผนผังตําแหน่งสาย
ป้อนและเคร่ืองปอ้ งกันดงั รปู ที่ 10-5
2-18 | P a g e
รปู ที่ 10-5 ตวั อยา่ งแผนผงั แสดงตาํ แหนง่ สายป้อนและเครอื่ งปอ้ งกนั ของอาคารชุด
ตวั อยา่ งการคํานวณ (อ้างอิงจาก: การออกแบบระบบไฟฟ้า โดย ธนบรู ณ์ ศศิภานเุ ดช)
อาคารชุดประเภทท่ีอยู่อาศัยแถวหน่ึงประกอบด้วยห้องชุดขนาด 35 m2 จํานวน 27 ห้อง และขนาด
170 m2 จํานวน 18 ห้อง ขนาดแรงดันไฟฟ้า 220 V 1 เฟส 2 สาย จงหาขนาดเครื่องวัดฯ ขนาดสายไฟ และ
ขนาดอุปกรณป์ ้องกัน (อาคารชุดทอี่ ยอู่ าศยั ประเภทมบี ริการระบบทาํ ความเย็นจากส่วนกลาง)
วิธที าํ
จากตารางท่ี 10-1 แต่ละห้องใชข้ นาดเคร่อื งวัดและขนาดตัดตอนอัตโนมัติดังนี้
1. ห้องขนาด 35 m2
ใช้ขนาดเครอ่ื งวัด 5(15)A 1 เฟส 2 สาย และขนาด CB 16 A 1 ข้ัว ตามมาตรฐานขนาดสายป้อนต้อง
ไม่นอ้ ยกวา่ อัตราพิกัดของ CB และต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 6 mm2 ใช้สายขนาด 6 mm2 THW เดินในท่อร้อย
สาย
โหลดต่าํ สดุ (VA) = (20X35) + 1,500 = 2,200 VA
2. ห้องขนาด 170 m2
ใช้ขนาดเคร่ืองวัด 15(45)A 1 เฟส 2 สาย และขนาด CB 50 A 1 ข้ัว และใช้สายขนาด 16 mm2 (63A)
THW เดินในทอ่ ร้อยสาย
โหลดตํา่ สดุ (VA) = (20X170) + 3,000 = 6,400 VA
ขนาดสายป้อนและอุปกรณ์ป้องกัน การหาขนาดสายป้อนให้นํากลุ่มเครื่องวัดฯ ในส่วนนั้นเรียงจากตัว
ใหญไ่ ปหาตวั เล็กดงั รปู ท่ี 10-6 แลว้ คณู ดว้ ยคา่ โคอนิ ซเิ ดนซแ์ ฟกเตอรต์ ามตารางท่ี 10-3
2-19 | P a g e
รูปที่ 10-6 โหลดต่าํ สดุ ของสายป้อนเมื่อคูณคา่ โคอินซิเดนซแ์ ฟกเตอร์
สรุป ถ้าสายป้อนเปน็ ระบบ 3 P 4 W 380/220 V
ดงั น้ัน กระแสสายปอ้ น = 153,840/(1.732x380) = 233.74 A
ถา้ ขนาดสายปอ้ นต้องทนกระแสไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 125 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของกระแสโหลด
ดงั น้ันขนาดสายปอ้ น = 233.74 x 1.25 = 292 A
จากตารางท่ี 10-5 ถ้าเดินสายไฟในท่ออโลหะ (วิธีการเดินสายแบบ ค) จะใช้สายไฟขนาด 240
mm2 (329 A) เดนิ สว่ นขนาด CB ไม่เกินขนาดกระแสตัวนาํ จึงเลือก CB ขนาด 300 AT
2-20 | P a g e
ตารางท่ี 10-5 พิกัดกระแสสายไฟ
2-21 | P a g e
10.8 การคํานวณโหลดเพอ่ื หาขนาดของหมอ้ แปลง
หมอ้ แปลงไฟฟา้ (รปู ท่ี 10-7) ท่ีติดตั้งอยู่ภายในอาคารจะต้องเป็นไปตามรายละเอียดดังตอ่ ไปนี้
รปู ที่ 10-7 หม้อแปลง
จะต้องผลติ ตามมาตรฐาน IEC หรอื ANSI
ต้องเป็นชนิดคาสต์เรซิน (Cast resin) หรือเรซินเอ็นแคปซูเลต (Resin encapsulate) หรือเป็น
ฉนวนท่ไี ม่ติดไฟ ตดิ ต้งั อยู่ภายในท่ีล้อม (Enclosure) ท่ีมีระดบั การป้องกนั เปน็ ประเภท IP31
การคํานวณหาขนาดหม้อแปลง ให้คํานวณโหลดสําหรับหม้อแปลง 10.6.1 และอนุญาตให้ใช้ค่า
โคอินซเิ ดนซแ์ ฟกเตอรไ์ ด้ และขนาดของหม้อแปลงเม่ือไม่ใช้พัดลมระบายความร้อนต้องไม่เล็กกว่า
1.25 เทา่ ของโหลดสําหรับหม้อแปลง ขนาดควรเป็นไปตามมาตรฐานของการไฟฟ้า เช่น ของการ
ไฟฟ้านครหลวง คือ 300 500 750 1,000 1,500 และ2,000 kVA ขนาดใหญ่ที่สุดไม่ควรเกิน
2,000 kVA
โหลดต้ังแต่ 1,000 kVA ข้ึนไป จะต้องติดตั้งหม้อแปลง (ชนิดมีพัดลมระบายความร้อนด้วย) ต้ังแต่
2 ลูกข้ึนไป เพื่อสับ-ถ่ายโหลดในขณะท่ีหม้อแปลงลูกใดลูกหน่ึงไม่สามารถจ่ายไฟได้และต้อง มี
อุปกรณ์ป้องกันการจ่ายไฟชนกัน (Interlocking device) ตัดตอนอัตโนมัติเชื่อมโยง (Tie) ด้าน
แรงตํ่า จะตอ้ งเปน็ ชนดิ ท่ใี ส่กุญแจได้ และจะตอ้ งมขี นาดเทา่ กบั ขนาดของตัดตอนอัตโนมัติประธาน
ด้วยหม้อแปลง แต่ละลูกที่สับ-ถ่ายกันได้น้ีจะต้องมีขนาดเท่ากัน ในภาวะปกติหม้อแปลงแต่ละลูก
จะต้องจ่ายไฟเป็นอิสระจากกัน และมีขนาดเหมาะสมกับโหลดของสายป้อนน้ัน (เมื่อไม่ใช้พัดลม
ระบายความร้อน)
อตั ราแรงดันไฟฟา้ ของหม้อแปลงต้องเป็นขนาด 12 kV/416 V/240 V หรือ 24 kV/416 V/240 V
และมี -4 x 2.5% แทพพกิ ดั เต็มท่ที างดา้ นไฟฟ้าเข้า
การสูญเสียของหม้อแปลงจะต้องไม่เกิน 1.50 เปอร์เซ็นต์ท่ีอัตราพิกัดของหม้อแปลงและท่ี 100
เปอรเ์ ซ็นตเ์ พาเวอรแ์ ฟกเตอร์
2-22 | P a g e
ตวั อย่างการคํานวณ
อาคารชุดท่อี ยูอ่ าศยั แห่งหนงึ่ สงู 20 ช้นั มีการจัดแบ่งพ้นื ทดี่ ังนี้
- ชน้ั ลา่ งมรี า้ นคา้ 15 รา้ น แตล่ ะรา้ นมพี น้ื ที่ 50 m2
- ชน้ั 2-4 เปน็ ที่จอดรถ
- ช้ัน 5-20 เป็นห้องชดุ
- แต่ละชั้นของหอ้ งชุดมีหอ้ งชุดแบบ A พืน้ ที่ 50 m2 5 ห้อง, แบบ B พ้ืนท่ี 30 m2 15 หอ้ ง
- โหลดไฟสว่ นกลางรวม 100 kVA
ให้หาขนาดหม้อแปลง
วธิ ีทาํ
ร้านคา้
โหลดแตล่ ะร้าน = 155 x พ้นื ท่ี VA
= 155 x 50
= 7,750
= 7.75 kVA
ห้องชดุ
แบบ A โหลด = 90 x 50 + 1,500 = 6,000 VA = 6.0 kVA
แบบ B โหลด = 90 x 30 + 1,500 = 4,200 VA = 4.2 kVA
โหลดรวม
1. โหลดร้านคา้ (ใช้ค่าโคอนิ ซเิ ดนแฟกเตอร์จากตารางที่ 10-4)
ลําดับที่ 1-10 = 10 x 1 x 7.75 = 77.5 kVA
11-15 = 5 x 0.85 x 7.75 = 32.9 kVA
รวม = 110.4 kVA
2. โหลดห้องชดุ (ใช้ค่าโคอนิ ซิเดนซแ์ ฟกเตอร์จากตารางที่ 10-3)
แบบ A มี 16 x 5 = 80 หอ้ ง
ลําดับท่ี 1-10 = 10 x 0.9 x 6 = 54 kVA
11-20 = 10 x 0.8 x 6 = 48 kVA
21-30 = 10 x 0.7 x 6 = 42 kVA
31-40 = 10 x 0.6 x 6 = 36 kVA
41 ขน้ึ ไป = 40 x 0.5 x 6 = 120 kVA
แบบ B มี 16 x 15 = 240 ห้อง (คิดแบบ B อยู่ในลาํ ดับท่ี 41 ขน้ึ ไป)
ลาํ ดบั ที่ 41 ขึ้นไป = 240 x 0.5 x 4.2 = 502 kVA
รวม = 804 kVA
3. โหลดสว่ นกลาง = 100 kVA
สรปุ รวมโหลดท้ังหมด = 110.4+804+100 = 1,014.4 kVA
ดงั นน้ั ขนาดหมอ้ แปลง = 1.25x1,014.4 =1,268 kVA
จากตารางท่ี 10-6 (พกิ ัดขนาดหมอ้ แปลงประสิทธิภาพสูง) เลอื กใช้หม้อแปลงขนาด 1,500 kVA
2-23 | P a g e
ตารางท่ี 10-6 พิกัดขนาดของหม้อแปลงประสิทธิภาพสูงและประสิทธิภาพของหม้อแปลงและค่าการ
สญู เสยี กาํ ลงั ไฟฟ้า
10.9 แนวทางการลดการสูญเสียในระบบจา่ ยกําลงั ไฟฟ้าในอาคารชดุ
แนวทางพ้ืนฐานของการลดการสูญเสียในระบบจ่ายกําลังไฟฟ้าน้ัน คือ การใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ
สูงสุดทําให้เกิดการประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลดลงและอาจทําให้อายุการใช้งานของ
อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่าน้ันยาวนานขึ้นด้วย ซึ่งในอาคารชุดมแี นวทางการลดลงการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ 7 แนวทาง
(ดังรูปที่ 10-8) ประกอบด้วย การใช้หม้อแปลงความสูญเสียต่ํา การปรับระดับแรงดันไฟฟ้าของหม้อแปลงให้
เหมาะสม การลดพลังงานสูญเสียจากฮาร์โมนิคส์ การลดพลังงานสูญเสียของแผงจ่ายไฟฟ้า การจัดโหลดของ
การใชไ้ ฟฟ้าแต่ละเฟสใหส้ มดลุ การลดพลงั งานสูญเสียในสายส่ง และการปรับปรุงค่าตัวประกอบกําลังไฟฟ้า มี
รายละเอยี ดดงั นี้
2-24 | P a g e
5
4
63 1
7
2
รปู ที่ 10-8 แนวทางการลดการสญู เสียในระบบจ่ายกําลงั ไฟฟา้ ในอาคารชุด
10.9.1 การใช้หมอ้ แปลงความสูญเสยี ตา่ํ
เม่ืออาคารชุดต้องการติดต้ังหม้อแปลงใหม่ ควรเลือกใช้หม้อแปลงชนิดความสูญเสียตํ่าหรือ
ประสิทธิภาพสูง ซ่ึงมีการสูญเสียต่ํากว่าหม้อแปลงแบบท่ัวไป 15 - 20 เปอร์เซ็นต์ และควรเลือกขนาดที่
เหมาะสมกบั โหลดเพอ่ื ให้หมอ้ แปลงทํางานให้มปี ระสทิ ธภิ าพสงู สุด มแี นวทางการพิจารณาดงั น้ี
สามารถใช้คุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์ประหยัดพลังงานประเภทไฟฟ้ากําลัง พพ. 1011-1:
2547 และ พพ. 1011-2: 2547 ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ซ่ึง
กาํ หนดขดี พิกัดกาํ ลังไฟฟ้าสูญเสีย
สําหรับหม้อแปลงชนิดฉนวนเป็นนํ้ามัน มีพิกัดกําลังไฟฟ้าสูญเสียสูงสุด (W) ท่ีไม่มีภาระ (No
load) และท่ีภาระเต็มพิกัด (Full load) แสดงดังตารางท่ี 10-7 ทั้งนี้ประสิทธิภาพของหม้อ
แปลงทีอ่ ณุ หภมู ิ 75 oC จะตอ้ ง ไม่น้อยกว่า 98% ทคี่ รึ่งภาระเต็มพิกัดที่ตัวประกอบกําลังไฟฟ้า
เท่ากบั 1 และไม่น้อยกวา่ 97% ทีภ่ าระเต็มพิกัดทต่ี ัวประกอบกาํ ลังไฟฟา้ เทา่ กับ 1
สําหรับหม้อแปลงชนิดแห้ง มีพิกัดกําลังไฟฟ้าสูญเสียสูงสุด (W) ที่ไม่มีภาระ (No load) และท่ี
ภาระเต็มพิกัด (Full load) แสดงดังตารางท่ี 10-8 ทั้งน้ีประสิทธิภาพของหม้อแปลงท่ีอณุ หภูมิ
75 oC จะตอ้ ง ไมน่ อ้ ยกว่า 98% ท่ีคร่งึ ภาระเตม็ พกิ ัดทตี่ ัวประกอบกําลังไฟฟ้าเท่ากับ 1 และไม่
น้อยกว่า 97% ที่ภาระเตม็ พิกัดท่ีตวั ประกอบกาํ ลังไฟฟ้าเทา่ กับ 1
2-25 | P a g e
ตารางที่ 10-7 กาํ ลังไฟฟ้าสูญเสยี สงู สดุ ของหม้อแปลงชนดิ ฉนวนเป็นน้ํามัน
ขีดกาํ ลงั ไฟฟ้าสญู เสียสงู สดุ (W) ขีดกาํ ลงั ไฟฟ้าสูญเสยี สงู สดุ (W)
ท่ภี าระเตม็ พกิ ดั (Full load)
ขนาดหม้อแปลง ที่ไมม่ ีภาระ (No load)
(kVA) ท่ีอณุ หภมู ิ 75 ๐C
สําหรบั แรงดันระบบไม่เกนิ
22/24 kV 33 kV
50 160 170 950
100 250 260 1,550
160 360 370 2,100
250 500 520 2,950
315 600 630 3,500
400 720 750 4,150
500 860 900 4,950
630 1,010 1,050 5,850
800 1,200 1,270 9,900
1,000 1,270 1,300 12,150
1,250 1,500 1,530 14,750
1,500 1,820 1,850 17,850
2,000 2,110 2,140 21,650
2,500 2,300 2,350 25,650
3,000 2,700 2,750 29,700
ตารางที่ 10-8 กําลงั ไฟฟา้ สญู เสยี สูงสดุ ของหมอ้ แปลงชนิดแหง้
ขนาดหม้อแปลง ขดี กําลังไฟฟา้ สญู เสยี สูงสดุ (W) ขดี กาํ ลังไฟฟ้าสูญเสยี สงู สุด (W)
(kVA) ท่ีไมม่ ภี าระ (No load) ท่ีภาระเต็มพิกดั (Full load)
ท่ีอณุ หภมู ิ 75 ๐C
สําหรับแรงดันระบบไมเ่ กนิ 36 kV
250 1,020 3,650
315 1,200 4,500
400 1,400 5,300
500 1,650 6,500
630 1,960 7,800
800 2,300 9,900
1,000 2,660 12,150
1,250 3,100 14,750
1,500 3,800 17,850
2,000 5,000 21,600
2,500 5,800 25,650
2-26 | P a g e
10.9.2 การปรบั ระดบั แรงดนั ไฟฟา้ ของหมอ้ แปลงให้เหมาะสม
การติดต้ังอุปกรณ์ปรับแรงดันจะช่วยปรับระดับแรงดันไฟฟ้าขาออกของหม้อแปลง โดยสัมพันธ์กับ
ระดับภาระทางไฟฟ้าของอาคาร ทําให้ระดับแรงดันไฟฟ้าท่ีใช้งานอยู่ในระดับมาตรฐานใช้งาน (380 V)
ตลอดเวลา ทําให้ลดพลังงานสูญเสียเน่ืองจากแรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่าปกติในช่วงเวลาที่อาคารมีภาระทางไฟฟ้า
ตํ่า โดยสามารถให้ผลประหยัดได้ 15-20 % ของพลังงานไฟฟ้าที่อาคารใช้ แสดงการเปรียบเทียบพลังงาน
สูญเสียกอ่ นและหลงั การปรบั ระดับแรงดนั ไฟฟา้ ใหเ้ หมาะสม ดังรปู ท่ี 10-9
ก่อนปรบั แรงดัน
หลังปรับแรงดนั
รูปที่ 10-9 พลงั งานสญู เสียก่อนและหลังการปรับระดบั แรงดนั ไฟฟ้า
2-27 | P a g e
แนวทางการลดการสูญเสยี ในระบบจ่ายกาํ ลงั ไฟฟ้า
การตดิ ต้ังอุปกรณ์ปรบั แรงดนั ไฟฟา้ จากหมอ้ แปลง
1. คณุ สมบตั ิและหนา้ ที่ของอปุ กรณ์ปรบั แรงดันไฟฟ้า
อุปกรณ์ปรับแรงดันไฟฟ้าจะเป็นอุปกรณ์ที่ติดต้ังระหว่างหม้อแปลงไฟฟ้าและตู้จ่ายไฟฟ้า โดยมี
หน้าท่กี ารทํางานดังนี้
ปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แรงดันไฟฟ้าที่
สูงกว่าระดับมาตรฐาน คือ สงู กว่า 220 โวลต์ (ระบบไฟฟ้า
1 เฟส) หรือ 380 โวลต์ (ระบบไฟฟ้า 3 เฟส) จะถูกปรับให้
อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
รักษาระดับแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าให้คงท่ี แรงดัน
แม่เหล็กไฟฟ้าจะถูกผลิตในอุปกรณ์ปรับแรงดันไฟฟ้า
ระหว่างท่ีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากด้านตัวจ่ายพลังงานไป
ยังด้านใช้งาน และทําให้เกิดค่าแตกต่างของแรงดัน
แม่เหล็กไฟฟ้า ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าเกิดความสมดุลอย่าง
รวดเรว็ และช่วยลดการสูญเสยี พลงั งานไฟฟา้ ในสายดนิ
ปรับแรงดันไฟฟ้าให้สมดุลระหว่างหม้อแปลงไฟฟ้ากับภาระทางไฟฟ้า โดยมีคุณสมบัติในการจับคู่
ภายในของแรงดันไฟฟ้าระหว่างหม้อแปลงไฟฟ้ากับวงจรไฟฟ้าใช้งานทําให้เกิดประสิทธิภาพสูงใน
การจ่ายพลงั งานไฟฟ้าไปยังอุปกรณไ์ ฟฟา้ ตา่ งๆ
ลดฮาร์โมนิคส์ท่ีเกิดขึ้น อุปกรณ์ปรับระดับแรงดันไฟฟ้าจะสร้างวงจรกระแสไฟฟ้าภายในท่ีสามารถ
ดดู ซับฮาร์โมนิคส์ในกระแสไฟฟา้
ปรับลดกระแสไฟฟ้าสูญเสียในช่วงเปดิ สวทิ ซอ์ ุปกรณเ์ คร่ืองใช้ไฟฟ้า
2. เงอื่ นไขทีเ่ หมาะสมในการตดิ ตง้ั อปุ กรณป์ รับแรงดันไฟฟา้
ในการพิจารณาติดตั้งใช้งานอุปกรณ์ปรับแรงดันไฟฟ้า ควรมีการตรวจสอบภาระการใช้งานทาง
ไฟฟา้ เพอื่ ให้มั่นใจว่าค่าเฉลี่ยระดับแรงดันไฟฟ้าขาออกของหม้อแปลงไฟฟ้าสูงกว่ามาตรฐานจริง เพราะ
หากแรงดนั ไฟฟ้าไม่สูงจริงอาจเกิดผลเสียกบั ระบบ และในกรณีที่แรงดันไฟฟ้าสูงเกินมาตรฐานเล็กน้อยก็
จะเกิดผลประหยัดนอ้ ยไมค่ ุ้มค่ากับการลงทนุ
ขอ้ มูลจาก คูม่ ือผ้บู รหิ ารโรงงานและอาคาร ในการพิจารณาจัดซื้ออุปกรณ์มาตรการมาตรฐาน
โดย กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
2-28 | P a g e
10.9.3 การลดพลังงานสญู เสียจากฮารโ์ มนคิ ส์
ฮารโ์ มนิคสซ์ ึ่งเป็นคล่นื ไฟฟา้ รบกวนในระบบไฟฟ้าท่ีเกิดจากอุปกรณ์ เช่น แหล่งจ่ายไฟฟ้าสํารอง ตัว
ปรบั ความเรว็ รอบมอเตอร์ คอมพวิ เตอร์ ทําให้เกิดพลังงานสูญเสีย และความร้อนท่ีหม้อแปลงไฟฟ้า สายไฟฟ้า
รวมท้ังการทํางานผิดปกติของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ จึงควรมีการออกแบบระบบจ่ายไฟฟ้า และติดต้ังอุปกรณ์
กรองไฟฟ้าอย่างเหมาะสมเพ่ือลดผลของฮาร์โมนิคส์ แสดงรูปเปรียบเทียบก่อนและหลังติดตั้งอุปกรณ์กรอง
ไฟฟา้ ดงั รูปที่ 10-10
ก่อนตดิ ตงั้
หลังติดต้งั
รูปที่ 10-10 ผลการติดต้งั อปุ กรณก์ รองไฟฟ้าเพอื่ ลดฮาร์โมนคิ ส์
2-29 | P a g e
แนวทางการลดการสูญเสียในระบบจ่ายกําลงั ไฟฟ้า
แนวทางการแกป้ ัญหาฮารโ์ มนคิ ส์ในระบบไฟฟ้า
ออกแบบขนาดสายตัวนํานิวทรลั ให้มีขนาดเหมาะสมในกรณีท่ีต้องใช้งานในบริเวณที่มีฮาร์โมนิคส์
มาก โดยท่ัวไปสายศูนย์ (Neutral) สําหรับระบบไฟฟ้าท่ีมีฮาร์โมนิคส์ควรมีขนาดใหญ่เป็น 2 เท่า
ของขนาดสายศูนย์ท่ีใช้ในระบบไฟฟา้ ทว่ั ไป
แยกวงจรสําหรับโหลดท่ีไม่เป็นเชิงเส้น ซ่ึงเป็นต้นกําเนิดของฮาร์โมนิคส์ออกจากโหลดอื่นๆ
รวมถงึ ใชส้ ายไฟ แผงจ่ายไฟ และตัวตัดวงจรที่มพี ิกัดท่ีเหมาะกับการใช้งานกับการใช้งานกับโหลด
ท่ไี ม่เป็นเชงิ เสน้
ตดิ ต้ังหมอ้ แปลงแยกโดด (Isolation Transformer) เพือ่ ป้องกนั ฮาร์โมนิคส์จากอุปกรณ์ย้อนกลับ
ไปยงั แหล่งจา่ ยไฟ
ในกรณที ่มี คี วามยากลําบากในการออกแบบเดินสายใหม่ อาจจาํ เป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์กรองไฟฟ้า
ได้แก่ Passive filter หรือ Active filter เพ่ือกําจัดฮาร์โมนิคส์ ที่เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ท่ีเป็น
แหล่งกาํ เนดิ ฮาร์โมนคิ ส์
ขอ้ มูลจาก เอกสารเผยแพร่ เร่อื งความรู้และความเข้าใจเบอ้ื งต้นเก่ียวกับฮาร์โมนิคส์ในระบบไฟฟ้า
โดย Copper Development Centre-South East Asia
2-30 | P a g e
10.9.4 การลดพลงั งานสญู เสยี ของแผงจ่ายไฟฟ้า
การออกแบบแผงจ่ายไฟฟ้าควรมีขนาดพิกัดท่ีเป็นไปตามมาตรฐานการติดต้ัง เพื่อความปลอดภัยใน
การใช้งานและลดพลังงานสูญเสีย นอกจากน้ีจุดเช่ือมต่อต่างๆ ควรใช้อุปกรณ์และติดต้ังตามมาตรฐาน เพื่อให้
มีความหนาแน่นและกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านไดส้ ะดวก
แนวทางการลดการสูญเสียในระบบจา่ ยกาํ ลังไฟฟ้า
การลดพลงั งานสญู เสยี ของแผงจา่ ยไฟฟา้
แนวทางการออกแบบตดิ ต้งั แผงจ่ายไฟฟา้
แผงจ่ายไฟฟ้าหน่ึงๆ ไม่ควรมวี งจรยอ่ ยเกิน 42 วงจร
ระยะทางจากวงจรย่อยไปจนถึงจุดจ่ายไฟสุดท้าย ไม่ควรยาวเกิน 30
เมตร
แผงจ่ายไฟฟ้าควรติดตั้งในบริเวณศูนย์กลางของการใช้ไฟฟ้า เพื่อให้
สามารถจา่ ยไฟฟ้าไปยังจุดต่างๆ โดยมแี รงดันตกน้อยท่สี ุด
แผงจ่ายไฟฟ้าจะต้องติดตั้งในบริเวณที่เข้าถึงง่าย โดยติดตั้งสูงไม่เกิน
1.8 เมตร
แผงจ่ายไฟฟ้าควรจะติดตั้งอยู่ในแนวของสายป้อน เพ่ือให้สายป้อนมี
ระยะสั้นทสี่ ดุ เทา่ ท่ีจะทําได้ โดยมีการโคง้ งอนอ้ ยท่ีสดุ
คา่ พิกดั ของแผงจ่ายไฟฟ้าจะต้องมคี ่าไม่น้อยกว่าพิกัดของสายป้อน
ในแต่ละชน้ั ของอาคารควรมีแผงจ่ายไฟฟ้าอย่างน้อย 1 แผง
แผงจา่ ยไฟฟ้าจะต้องมีอุปกรณป์ ้องกนั หลกั
ขอ้ มูลจาก คู่มือการออกแบบและตดิ ตง้ั ระบบไฟฟา้ ของบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิล้ จาํ กัด เรยี บเรยี งโดย ผศ.ประสิทธิ พทิ ยพัฒน์
10.9.5 การจดั โหลดของการใช้ไฟฟ้าแต่ละ รปู ท่ี 10-11 การสมดุลภาระทางไฟฟ้า
เฟสใหส้ มดลุ
เป็นการเฉลย่ี โหมดแต่ละเฟสใหม้ ีค่า
เทา่ กนั หรือใกล้เคียงกนั (ดังรปู ที่ 10-11) หาก
โหลดไมส่ มดลุ จะทาํ ใหเ้ กิดความสญู เสีย
พลังงาน และแรงดันตกตรงบรเิ วณปลายสาย
มาก รวมทงั้ จะทาํ ให้แรงดันไฟฟ้าในแต่ละเฟส
จะไมเ่ ทา่ กัน ทําใหค้ วามสามารถในการจา่ ย
โหลดของหมอ้ แปลงลดลง หรืออาจทาํ ใหเ้ กิด
ปัญญหาในการปรับแรงดนั ไฟฟา้ ใหเ้ หมาะสม
กับโหลดที่หม้อแปลงได้
2-31 | P a g e
แนวทางการลดการสูญเสยี ในระบบจา่ ยกาํ ลงั ไฟฟ้า
การจัดโหลดใหส้ มดลุ
แนวทางการจัดโหลดให้สมดุล
คํานวณโหลดของวงจรย่อยต่างๆ โดยเร่ิมจากวงจรย่อยไฟฟ้าแสงสว่าง วงจรย่อยเต้ารับ วงจร
ยอ่ ยโหลดเฉพาะ วงจรยอ่ ยเคร่ืองปรบั อากาศ และวงจรยอ่ ยมอเตอร์
จัดวงจรย่อยไฟฟ้าแสงสว่าง โดยใช้หมายเลข 1(A), 3(B), 5(C) ตามด้วย 2(A), 4(B), 6(C) และ
7(A), 9(B), 11(C) และต่อไปเรื่อยๆ ตามลําดบั จนครบ เพื่อให้โหลดแสงสว่างเกิดความสมดุล
ระหว่างเฟส
จดั วงจรยอ่ ยเต้ารับโดยใช้หมายเลขต่อจากวงจรย่อยแสงสว่าง และพยายามจัดให้เกิดความสมดุล
กนั เองเท่าที่จะทําได้
จัดวงจรย่อยของโหลดเฉพาะ จากน้ันจัดวงจรย่อยของเครื่องปรับอากาศ และวงจรย่อยของ
มอเตอร์ โดยพยายามให้เกดิ ความสมดุลกนั
หลงั จากจัดวงจรยอ่ ยของโหลดต่างๆ จนครบแลว้ จัดวงจรย่อยสาํ รองและวงจรว่าง ประมาณ 20-
30 % ของวงจรทงั้ หมด
ทําการรวมโหลดของแต่ละเฟสแล้วตรวจดูว่าสมดุลหรือไม่ โดยโหลดแต่ละเฟสควรมีค่าแตกต่าง
กนั ไมเ่ กิน 20 % ถา้ โหลดยงั ไม่สมดลุ ให้ทําการจดั สลบั หมายเลขวงจร เพ่อื ใหม้ ีความสมดุลมากขึ้น
จากนัน้ กร็ วมโหลดแต่ละเฟสเข้าดว้ ยกนั เปน็ โหลดทต่ี ิดต้งั ท้ังหมด
จากโหลดท่ีติดตั้งท้ังหมดท่ีได้ สามารถนําไปคํานวณหาขนาดของสายป้อนและอุปกรณ์ป้องกัน
กระแสเกนิ ต่อไป
ขอ้ มลู จาก คู่มือการออกแบบและตดิ ตั้งระบบไฟฟ้าของบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จํากัด
เรยี บเรยี งโดย ผศ.ประสิทธิ พทิ ยพฒั น์
2-32 | P a g e
10.9.6 การลดพลงั งานสญู เสยี ในสายสง่
การเดินสายไฟ แนวทางการลดการสูญเสยี ในระบบจ่ายกําลังไฟฟ้า
ควรมีระยะทางจากแผง
จ่ายไฟถึงอุปกรณ์น้อยที่สุด การลดพลังงานสูญเสยี ในสายไฟ
เท่าท่ีเป็นไปได้ เพื่อลด แนวทางการพจิ ารณาออกแบบตดิ ต้ังสายไฟฟ้าเพื่อลดพลังงานสญู เสยี
แ ร ง ดั น ไ ฟ ฟ้ า ต ก แ ล ะ
การเลือกประเภทและขนาดของสายไฟฟ้าจะต้อง
เป็นไปตามขอ้ กาํ หนดในมาตรฐานการตดิ ต้งั
พลังงานสูญเสีย นอกจากนี้ สายไฟฟ้าควรมีระยะห่างจากแผงจ่ายไฟถึงจุดต่อไฟ
การเลือกใช้สายไฟฟ้าควร สุดท้ายไม่เกนิ 30 เมตร เพอื่ ควบคมุ ไม่ให้แรงดันไฟฟ้า
เ ลื อ ก ใ ช้ ข น า ด ต า ม ตกเกิน 1-2 % ในกรณีที่ระยะทางไกลกว่าน้ีควร
มาตรฐานการติดต้ัง โดย พิจารณาเพิ่มขนาดสายไฟให้ใหญข่ ึ้น
การกําหนดขนาดของวงจรย่อยและสายไฟ ควรมีการ
อาจเผ่ือขนาดสายให้ใหญ่ เผื่อโหลดสําหรับอนาคต โดยวงจรย่อยแสงสว่างและ
ข้ึนบ้าง สําหรับโหลดที่อาจ เต้ารับทั่วไป ควรจะให้โหลดของวงจรย่อยไม่เกิน
เพ่ิมขึ้นในอนาคต รวมทั้ง 60% เชน่ โหลด 12 A ควรใช้ขนาดของวงจรย่อยและ
สายไฟอย่างน้อย 20 A โดยในกรณีโหลดต่อเน่ืองควร
ช่วยลดความต้านทานไฟฟ้า เผือ่ โหลดไวอ้ กี 20 %
แ ล ะ พ ลั ง ง า น สู ญ เ สี ย ใ น ข้อมูลจาก คมู่ อื การออกแบบและตดิ ตั้งระบบไฟฟ้าของบริษทั สายไฟฟ้าบางกอกเคเบล้ิ จํากดั
เรียบเรยี งโดย ผศ.ประสิทธิ พทิ ยพฒั น์
สายไฟฟา้ ดว้ ย
เช่นการเดินสายไฟฟ้าในอาคารชุดขนาดใหญ่ต้องมีห้องรับและจ่ายไฟฟ้าหลัก เป็นเร่ืองสําคัญท่ี
จะต้องออกแบบติดต้ังห้องรับและจ่ายไฟฟ้าให้เหมาะสม และช่วยในการประหยัดพลังงาน สําหรับอาคารชุด
ขนาดเล็ก ห้องรบั และจ่ายไฟฟา้ ก็คือ ตูจ้ า่ ยไฟฟา้ ทตี่ ดิ ตัง้ ตามจดุ ตา่ งๆ ในห้องทาํ งานท่ีต้องใช้ไฟฟ้าน้ันเอง การ
ติดตั้งควรให้อยู่บริเวณศูนย์กลางของภาระ (Load) ซึ่งสามารถพิจารณาได้ ดังนี้ ห้องส่เี หล่ียมผืนผ้า จากรูปท่ี
10-12ก เป็นการติดต้ังตูจ้ ่ายไฟฟ้าให้อยู่บริเวณด้านใดด้านหนึ่งของห้อง เม่ือเปรียบเทียบกับการติดต้ังบริเวณ
กลางห้อง ดงั รปู ที่ 10-12ข จะพบว่าพลังงานสญู เสียในสายลดลงเป็น 1/4 เท่า
กาํ หนดให้ R คอื ความต้านทาน (Resistance) ของตวั นาํ 1 เส้น
I คอื กระแสโหลด (Load Current)
L คอื ความยาวของตัวนํา
L1 L2 L2
I I/2 I/2
P1 = I2R P2 = (I/2)2(R/2)2== (1/4)I2R
ก. การติดต้ังทางด้านข้างของหอ้ ง ข. การติดต้ังบรเิ วณกลางห้อง
รปู ที่ 10-12 การตดิ ต้งั ต้จู ่ายไฟฟ้าในหอ้ งสเ่ี หลีย่ มผืนผ้า
2-33 | P a g e
และห้องสี่เหล่ียมจตุรัส จากรูปที่ 10-13ก เป็นการติดตั้งตู้จ่ายไฟฟ้าให้อยู่บริเวณด้านใดด้านหนึ่ง
ของห้อง เม่ือเปรียบเทียบกับการติดตั้งบริเวณกลางห้อง ดังรูปท่ี 10-13ข จะพบว่าพลังงานสูญเสียในสาย
ลดลงเป็น 2/3 เท่า
II
L2 L2
L1
L2
I I
I L2 I L2
L2 L2
I I
P1 = 3I2R + 3I2R=6I2R P2 = 4I2R
ก. การติดตั้งทางดา้ นขา้ งของห้อง ข. การตดิ ตัง้ บริเวณกลางของหอ้ ง
รูปที่ 10-13 การติดตงั้ ตู้จ่ายไฟฟ้าในห้องสเ่ี หลย่ี มจตั ุรัส
10.9.7 การปรบั ปรุงค่าตวั ประกอบกําลงั ไฟฟ้า
ในระบบกระแสไฟฟ้าสลบั การวดั ค่ากําลงั ไฟฟ้าสามารถวัดแยกออกเป็น 2 ส่วน ประกอบดว้ ย
กําลังไฟฟา้ จริง (P) เป็นกาํ ลงั ไฟฟา้ ท่ใี ชง้ านจริงมหี น่วยวดั เป็นวตั ตห์ รือกิโลวตั ต์
กําลังไฟฟ้ากําลังไฟฟ้ารีแอกทีฟ (Q) เป็นกําลังไฟฟ้าท่ีต้องการสําหรับสร้างสนามแม่เหล็ก มี
หนว่ ยวดั เปน็ วาร์หรือกโิ ลวาร์
กําลังไฟฟ้าทั้งสองส่วนสามารถรวมเข้าด้วยกันทางเฟสเซอร์ เป็นกําลังไฟฟ้าปรากฏ (S) มีหน่วยเป็น
โวลต์แอมป์ หรือ เควเี อ (kVA) ดงั รปู ที่ 10-14
kVA = ( kW)2 ( kVAr)2
กําลงั ไฟฟ้าจริง (kW) กําลังไฟฟา้ รีแอกทฟี (kVAr)
กําลงั ไฟฟา้ ปรากฏ (kVA)
รูปท่ี 10-14 คา่ กาํ ลงั ไฟฟ้าท่ีวัดได้ในระบบไฟฟ้ากระแสสลับ
2-34 | P a g e
คําจํากัดความของตัวประกอบกําลังไฟฟ้า ตัวประกอบกําลังไฟฟ้าหมายถึงอัตราส่วนระหว่าง
กําลังไฟฟ้าจริง มีหน่วยเป็นวัตต์ ต่อกําลังไฟฟ้าท่ีปรากฏ มีหน่วยเป็นโวลต์-แอมป์ ซึ่งอยู่ในรูปของ cos
เราสามารถเขียนสมการตวั ประกอบกําลังไฟฟ้าไดด้ ังน้ี
ตวั ประกอบกาํ ลังไฟฟา้ = กําลงั ไฟฟ้าจรงิ
กําลงั ไฟฟ้าปรากฏ
หรอื
cos = kW
kVA
หรอื
kW = kVA cos
kVAr = kVA sin หรอื kW tan
ตวั อย่างการคาํ นวณ
อาคารชุดแห่งหน่ึงใช้ระบบแรงดัน 3 เฟส 380 V อ่านกระแสจากมเิ ตอร์ได้ 1,266 A อ่านกําลังไฟฟ้า
จริงจากมิเตอร์ได้ 500 kW ตัวประกอบกาํ ลังไฟฟ้าอาคารชดุ แหง่ น้มี ีค่าเท่าใด
วิธที าํ
กาํ ลงั ไฟฟ้าปรากฏ = 3 x 380 x 1,266 = 833 kVA
1,000
ตวั ประกอบกาํ ลงั ไฟฟา้ = 500/833
= 0.60
= 60 % ตอบ
การปรับปรุงค่าตัวประกอบกําลังไฟฟ้า สามารถช่วยลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าและแรงดันตกใน
ระบบส่งจ่ายไฟฟ้าของอาคารชุดได้ โดยการติดตั้งตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Capacitor bank) ในระบบไฟฟ้า เพื่อ
จ่ายกําลังไฟฟ้ารีแอคทีฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟา้ ที่มีค่าตัวประกอบกําลังไฟฟ้าต่ํา เช่น มอเตอร์ หลอดไฟฟลูออเรส
เซนต์ จะช่วยลดกระแสไฟฟ้าท่ีไหลในระบบ แสดงตัวอย่างการเปรียบเทียบกระแสไฟฟ้าของมอเตอร์ท่ีติดต้ัง
และไมต่ ดิ ต้ังตัวเก็บประจุ ดังรปู ท่ี 10-15
2-35 | P a g e
ไมต่ ดิ ตั้งตวั เกบ็ ประจไุ ฟฟา้ ตดิ ตงั้ ตวั เก็บประจุไฟฟ้า
รูปท่ี 10-15 การลดการสญู เสียพลังงานไฟฟ้าดว้ ยวิธีการปรบั ปรุงคา่ ตวั ประกอบกําลงั ไฟฟา้
ประโยชน์ของการปรบั ปรุงค่าตัวประกอบกาํ ลงั ไฟฟ้าใหส้ ูงขึ้น
ประหยัดค่าไฟฟ้า คือ ถ้าผู้ใช้ไฟฟ้ามีตัวประกอบกําลังไฟฟ้าล้าหลังต่ํากว่า 0.85 และถ้าผู้ใช้ไฟฟ้ามี
ความต้องการกําลังไฟฟ้ารีแอกทีฟเฉล่ียใน 15 นาทีที่สูงสุด เม่ือคิดเป็นกิโลวาร์เกินกว่า 61.97
เปอร์เซ็นต์ของความต้องการกําลังไฟฟ้ารีแอกทีฟเฉลี่ย เมื่อคิดเป็นกิโลวัตต์แล้วเฉพาะส่วนท่ีเกินต้อง
เสียคา่ ตัวประกอบกําลงั ไฟฟา้ ในอัตรากิโลวาร์ละ 56.07 บาท
ลดค่ากําลงั สญู เสยี ในสายไฟฟ้าเพราะกระแสลดลง
ระบบไฟฟ้าสามารถจ่ายโหลดเพ่ิมมากข้ึน เนื่องจากกระแสของระบบลดลงเพราะเม่ือปรับปรุง
กําลงั ไฟฟา้ รแี อกทฟี ให้น้อยลงกจ็ ะจา่ ยกําลงั ไฟฟา้ จรงิ ไดม้ ากข้ึน
kVA(เหลอื ) kW ( โหลด) 1 1
cos 1 cos 2
ลดคา่ กําลังสญู เสยี ในหม้อแปลง ลดกําลงั สญู เสียในขดลวดทองแดง
กําลงั สญู เสียของหมอ้ แปลงที่ลดลง = I12R I12R cos 1 2
cos 2
ระดบั แรงดนั ไฟฟ้าดขี นึ้ เมอ่ื ตัวประกอบกําลังไฟฟา้ สูงขึ้นแรงดันตกครอ่ มในสายไฟจะลดลง
2-36 | P a g e
แนวทางการลดการสูญเสยี ในระบบจา่ ยกาํ ลงั ไฟฟ้า
แนวทางการพจิ ารณาตาํ แหนง่ ตดิ ตง้ั ตวั เก็บประจุไฟฟา้ (Capacitor bank)
การติดตั้งตัวเก็บประจุไฟฟ้าเพ่ือปรับปรุงค่าตัวประกอบกําลังไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับ ชนิด ขนาด และ
จํานวนของโหลด ลักษณะการใช้งาน ลักษณะของวงจรไฟฟ้า ขนาดและความยาวของสายไฟฟ้าช่วง
ต่างๆ โดยสามารถพิจารณาเลือกตาํ แหน่งตดิ ต้งั ได้ดงั น้ี
ติดตั้งแยกเฉพาะสําหรับอุปกรณ์แต่ละตัว เหมาะสําหรับโหลดท่ีมีค่าตัวประกอบกําลังไฟฟ้าต่ํา ท่ี
มีขนาดค่อนข้างแน่นอนและใช้งานเป็นระยะเวลานาน เช่น หม้อแปลงย่อย มอเตอร์ขนาดใหญ่
รวมท้งั หลอดฟลอู อเรสเซ็นต์ ซ่ึงจะช่วยลดการสูญเสียต้ังแต่สายส่ง สายป้อนจนถึงวงจรย่อย แต่มี
ขอ้ เสียคอื ลงทนุ สูง เพราะจาํ นวนอปุ กรณท์ ต่ี อ้ งตดิ ตั้งมีจาํ นวนมาก
ติดตั้งแบบชุดเดียวท่ีจุดรวมของกลุ่มโหลด เช่น แผงไฟฟ้าประธาน (MDB) หรือแผงจ่ายไฟฟ้า
ให้แก่กล่มุ มอเตอร์เล็กๆ ที่ทํางานพร้อมกันหลายๆ ตัว จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานและแรงดัน
ตกในสายปอ้ นแต่ไมล่ ดการสูญเสยี ในวงจรย่อยของโหลดแตล่ ะตวั
ติดต้ังที่ด้านปฐมภูมิหรือด้านแรงสูงของหม้อแปลง เป็นแบบที่มีค่าลงทุนต่ํา แต่ให้ผลดีน้อยท่ีสุด
เหมาะสําหรับการปรับปรุงค่าตัวประกอบกําลังไฟฟ้า เพ่ือไม่ให้การไฟฟ้าคิดค่าปรับจากตัว
ประกอบกาํ ลงั ไฟฟา้ ตํ่าเท่านน้ั ไมไ่ ด้ช่วยลดการสูญเสยี พลงั งานในระบบ
ขอ้ มลู จาก หนังสือการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร รหสั B11 โดย กรมพฒั นาและส่งเสรมิ พลงั งาน
2-37 | P a g e
เฉลย
แบบประเมนิ ผลการเรียน หนว่ ยที่ 10
ระบบไฟฟา้ สาํ หรับอาคารชุด
คาํ ส่งั จงทาํ เคร่ืองหมาย X ลงในข้อที่ถูก
1. การออกแบบระบบไฟฟ้าควรคํานงึ ถงึ ส่ิงใดเป็นสาํ คัญ
ก. ความปลอดภัย (Safety) ข. ความเชอ่ื ถือได้ (Reliability)
ค. การดแู ลรักษา (Maintenance) ง. ความสม่ําเสมอของแรงดนั (Voltage regulation)
2. การตดิ ตั้งแหลง่ จ่ายไฟอย่ทู ศ่ี นู ยก์ ลางของโหลดเพราะสาเหตใุ ด
ก. ลดการใช้สายไฟฟ้า ข. ลดการสญู เสยี กาํ ลงั ไฟฟา้ ในอปุ กรณไ์ ฟฟา้
ค. ลดกาํ ลังสญู เสียในสายไฟฟ้า ง. ลดกระแสในหมอ้ แปลงไฟฟ้า
3. ขอ้ ใดเป็นการอนรุ ักษ์พลังงานไฟฟ้าท่มี ีผลการประหยดั มากทส่ี ดุ สําหรบั หม้อแปลงทมี่ ีขนาดเทา่ กนั
ก. เปลย่ี นหม้อแปลงไฟฟา้ ชนดิ ประสทิ ธิภาพสงู และมขี นาดเหมาะสมกบั โหลด
ข. ปลดแรงดนั ไฟฟา้ ดา้ นปฐมภมู ขิ องหม้อแปลงไฟฟ้าในขณะทไ่ี มม่ โี หลด
ค. การปรับแรงดนั ไฟฟ้าดา้ นทุติยภมู ิอย่รู ะดบั ทเ่ี หมาะสม
ง. การปรับปรงุ คา่ เพาเวอร์แฟกเตอร์ในหมอ้ แปลงไฟฟ้า
4. ระบบจา่ ยไฟฟ้าควรเลอื กอุปกรณ์ตัดวงจรลกั ษณะอย่างไร
ก. กระแสต่ํากวา่ โหลด
ข. กระแสเทา่ กบั โหลด
ค. กระแสสงู กว่าโหลด
ง. แรงดนั สูงกวา่ โหลด
5. การพจิ ารณาการใชไ้ ฟฟา้ ในแตล่ ะวันของโรงงานหรืออาคาร ตอ้ งดูจากการแสดงคา่ ของเคร่อื งวัดใด
ก. คา่ แรงดันไฟฟ้า
ข. คา่ กาํ ลังไฟฟา้
ค. คา่ เพาเวอร์แฟกเตอร์
ง. คา่ กระแสไฟฟ้า
2-38 | P a g e
6. อาคารชุดแห่งหน่ึง ระบบแรงดัน 3 เฟส 380 V อ่านกําลังไฟฟ้าจริงจากมิเตอร์ได้ 500 kW 1,000 A
ตัวประกอบกาํ ลงั ไฟฟ้ามคี า่ เทา่ ใด
ก. 65 %
ข. 75 %
ค. 85 %
ง. 90 %
7. สตู รตัวประกอบกาํ ลงั ไฟฟ้าเท่ากบั ข้อใด
ก.
ข.
ค.
ง.
จงใช้โจทย์ตอ่ ไปนี้ตอบคําถามข้อ 8-16
โจทย์ อาคารชุดท่อี ยอู่ าศยั แหง่ หนึ่งสูง 7 ชน้ั มีการจดั แบ่งพน้ื ทด่ี งั นี้
- ชน้ั ล่างมรี ้านค้า 5 ร้าน แต่ละร้านมีพ้นื ที่ 20 m2 พื้นที่ทเ่ี หลอื เปน็ ท่ีจอดรถ
- ชั้น 2-4 เป็นหอ้ งชดุ รูปแบบ A พน้ื ที่ 150 m2 ต่อหอ้ ง 4 ห้องต่อชน้ั ใชไ้ ฟฟ้า 1 เฟส 2 สาย
- ชน้ั 5-7 เป็นหอ้ งชดุ รูปแบบ B พ้ืนท่ี 50 m2 ตอ่ ห้อง 12 ห้องต่อชัน้ ใชไ้ ฟฟ้า 1 เฟส 2 สาย
- โหลดไฟสว่ นกลางรวม 50 kVA
8. หอ้ งชุดแบบ A ขนาด 150 m2 ควรใชส้ ายไฟขนาดเท่าไหร่เม่ือคิดว่าใชส้ าย THW เดินในทอ่ ร้อยสาย
ก. 16 mm2
ข. 6 mm2
ค. 50 mm2
ง. 24 mm2
9. หอ้ งชดุ แบบ B ขนาด 50 m2 ควรใชส้ ายไฟขนาดเท่าไหรเ่ มือ่ คิดวา่ ใช้สาย THW เดินในทอ่ รอ้ ยสาย
ก. 16 mm2
ข. 6 mm2
ค. 50 mm2
ง. 24 mm2
2-39 | P a g e
10. หอ้ งชดุ แบบ A หอ้ งขนาด 150 m2 ควรใช้ขนาดเครอ่ื งวดั ขนาดเทา่ ไหร่
ก. 5(15) A1P
ข. 15(45) A 1P
ค. 30(100) A 1P
ง. 50(150) A 1P
11. หอ้ งชดุ แบบ B หอ้ งขนาด 50 m2 ควรใชข้ นาดเครื่องวัดขนาดเท่าไหร่
ก. 5(15) A1P
ข. 15(45) A 1P
ค. 30(100) A 1P
ง. 50(150) A 1P
12. โหลดตํา่ สดุ ของหอ้ งชดุ แบบ A ขนาด 150 m2 มีค่าเทา่ ไหร่
ก. 6.5 kVA
ข. 12.5 kVA
ค. 10.5 kVA
ง. 16.5 kVA
13. โหลดตํ่าสดุ ของหอ้ งชดุ แบบ B ขนาด 50 m2 มคี า่ เทา่ ไหร่
ก. 10 kVA
ข. 8 kVA
ค. 6 kVA
ง. 3 kVA
14. โหลดร้านค้ารวมมคี า่ ตา่ํ ท่ีสดุ เท่ากับเท่าไหร่ (เมอ่ื คดิ ค่าโคอินซเิ ดนซแ์ ฟกเตอร์จากตารางท่ี 10-4)
ก. 8.5 kVA
ข. 10.5 kVA
ค. 12.5 kVA
ง. 15.5 kVA
15. โหลดห้องชดุ แบบ A และ แบบ B รวม มคี ่าต่าํ ทสี่ ดุ เท่ากับเทา่ ไหร่ (เมื่อคิดคา่ โคอนิ ซเิ ดนซแ์ ฟกเตอร์
จากตารางที่ 10-3)
ก. 271.2 kVA
ข. 241.5 kVA
ค. 182.5 kVA
ง. 155.5 kVA
2-40 | P a g e
16. ถา้ รวมโหลดทั้งหมดของอาคารชดุ หลังนไี้ ด้ 336.7 kVA ควรเลือกใช้หมอ้ แปลงประสทิ ธิภาพสูงขนาด
เท่าไหร่ (ใหใ้ ชต้ ารางท่ี 10-6 ในบทเรียนในการเลอื ก)
ก. 630 kVA
ข. 400 kVA
ค. 315 kVA
ง. 500 kVA
17. ระบบสายไฟในอาคารแบบ 1 เฟส 3 สาย มีสายไฟท่ีมีกระแสไฟฟ้ากี่เสน้
ก. 1 เสน้
ข. 2 เสน้
ค. 3 เส้น
ง. ไม่มีเส้นไหนทีม่ กี ระแสไฟฟา้
18. ระบบสายไฟในอาคารแบบ 3 เฟส 5 สาย มสี ายไฟท่มี กี ระแสไฟฟา้ ก่เี ส้น
ก. 1 สาย
ข. 2 สาย
ค. 3 สาย
ง. ไม่มสี ายที่มีกระแสไฟฟ้าเลย
19. ข้อใดกลา่ วถกู ต้องสําหรบั การออกแบบสายไฟในอาคารชุดเพื่อลดการสูญเสยี ในสายสง่
ก. การเดินสายไฟควรมรี ะยะทางจากแผงจา่ ยไฟถึงห้องชุดแตล่ ะหอ้ งน้อยที่สุดเท่าที่เปน็ ไปได้
ข. สายไฟขนาดเลก็ มีนํ้าหนักเบาสามารถลดการสญู เสียในสายสง่ ไดด้ ีกวา่ สายทีม่ ขี นาดใหญ่กว่า
ค. เลือกใชส้ ายไฟฟา้ ควรเลอื กใช้สายท่ีมรี าคาถูก
ง. ไม่มีขอ้ ถกู
20. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชน์ของการปรบั ปรงุ ตัวประกอบกําลงั ไฟฟา้
ก. ประหยัดค่าไฟฟ้า
ข. ลดคา่ กาํ ลงั สญู เสยี ในหมอ้ แปลง
ค. ลดค่ากําลังสญู เสยี ในสายไฟฟ้า
ง. ถูกทกุ ขอ้
2-41 | P a g e
โครงการพฒั นาหลกั สูตรการอนรุ กั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน
สําหรบั สํานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
รายวชิ าท่ี 3
ระบบควบคุมในงานอุตสาหกรรม รหสั 3104-2006
หนว่ ยท่ี 5 การประยกุ ต์ใช้ PLC ร่วมกบั เซน็ เซอร์และอปุ กรณ์ควบคมุ
3-ก
หลักสูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพชัน้ สงู (ปวส.) พุทธศักราช 2557
ประเภทวชิ าอุตสาหกรรม
สาขาวชิ าไฟฟ้า
……………………………………………………………………………………
จดุ ประสงค์สาขาวชิ า
1. เพ่ือให้สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะด้านการส่ือสาร ทักษะการคิดและการแก้ปัญหา และ
ทกั ษะทางสังคมและการดาํ รงชวี ิตในการพัฒนาตนเองและวิชาชพี
2. เพ่ือให้มีความเข้าใจหลักการบริหารและจัดการวิชาชีพ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและหลักการ
ของงานอาชีพท่ีสัมพันธ์เก่ียวข้องกับการพัฒนาวิชาชีพไฟฟ้า ให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงและ
ความก้าวหนา้ ของเศรษฐกิจ สงั คมและเทคโนโลยี
3. เพ่ือให้มีความเข้าใจในหลักการและกระบวนการทํางานในกลุ่มงานพื้นฐานประยุกต์ใช้ความรู้ทักษะ
ประสบการณ์และเทคโนโลยีพัฒนางานอาชีพ วิเคราะห์ค่าพารามิเตอร์ทางไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์
ดว้ ยทฤษฎีและปฏิบัติ การออกแบบ เขยี นแบบและประมาณราคา
4. เพื่อให้สามารถออกแบบ วิเคราะห์ แก้ปัญหาในงานติดต้ัง ควบคุมระบบไฟฟ้า เครื่องทําความเย็น
และปรบั อากาศ
5. เพื่อใหส้ ามารถปฏิบตั ิงานติดตง้ั ซ่อมบาํ รุง ทดสอบ ควบคุมระบบไฟฟ้า เครอ่ื งทําความเย็นและปรับ
อากาศ
6. เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานด้านเทคนิคในสถานประกอบการและประกอบอาชีพอิสระ รวมท้ังการใช้
ความรูแ้ ละทักษะเป็นพ้นื ฐานในการศึกษาตอ่ ในระดับสงู ขึ้นได้
7. เพื่อให้มีเจตคติท่ีดีต่องานอาชีพ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย เป็นผู้มี
ความรับผดิ ชอบต่อสังคม สง่ิ แวดลอ้ ม ตอ่ ตา้ นความรนุ แรงและสารเสพติด
3-ข
แผนการจัดการเรยี นรู้
รหัสวิชา 3104-2006 ชื่อรายวิชา ระบบควบคุมในงานอุตสาหกรรม
ระดบั ชัน้ ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชั้นสงู สาขาวิชา ชา่ งไฟฟ้ากําลัง
ทฤษฎีรวม 2 คาบ ปฏิบัตริ วม 3 คาบ 3 หนว่ ยกติ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จุดประสงค์รายวิชา
1. เข้าใจโครงสร้างส่วนประกอบ การทํางานของโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์คอมพิวเตอร์
เซนเซอร์ และอุปกรณ์ควบคุมแบบตา่ ง ๆ
2. เขียนโปรแกรมคําส่ังควบคุมการทํางานของโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์ร่วมกับเซนเซอร์และ
อปุ กรณ์ควบคมุ แบบต่าง ๆ
3. มีกิจนิสัยในการทํางานร่วมกับผอู้ ่ืนด้วยความประณตี รอบคอบ ปลอดภัย
สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับระบบควบคุมในงานอุตสาหกรรม
2. ออกแบบวงจรควบคมุ
3. ตอ่ วงจรทดสอบการทาํ งาน
คําอธบิ ายรายวิชา
ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกี่ยวกบั โครงสร้างของโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์การเขียนคําส่ังควบคุมการ
ทาํ งานของโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์ หลกั การทาํ งานของหนว่ ยอนิ พตุ เอาทพ์ ตุ เซนเซอร์ที่ใช้วัดและ
ตรวจจับความเร็ว ความดัน อุณหภูมิ อัตราการไหล ระดับน้ําหนัก แสงพร็อกซิมิต้ี สวิตซ์อุปกรณ์ควบคุม
ตัวตั้งเวลา ตัวนับลิมิตสวิตซ์ ฯลฯ การนําเอาโปรแกรมคอนโทรลเลอร์และคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้
ร่วมกับเซนเซอรแ์ ละอปุ กรณ์ควบคุมแบบต่างๆ
3-ค
หน่วยการสอน
รหัส 3104-2006 วิชาระบบควบคุมในงานอุตสาหกรรม จาํ นวน 5 ช่วั โมง/สัปดาห์
หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วยการสอน จาํ นวนชวั่ โมง
1 ประวตั ิความเปน็ มาของ PLC 15
2 ภาษาท่ใี ช้ในการเขยี นโปรแกรม 20
3 การเขียนคําสัง่ ควบคุมการทํางานของ PLC 15
- สอบกลางภาค 5
4 อปุ กรณด์ า้ นอินพตุ และเอาท์พุต 15
5 การประยุกตใ์ ช้ PLC ร่วมกับ เซน็ เซอร์และอปุ กรณ์ควบคุม 15
- สอบปลายภาค 5
รวม 90
3-ง
โครงการเรียน/การสอน
วชิ า ระบบควบคมุ ในงานอุตสาหกรรม (3104-2006) จาํ นวน 4 ชั่วโมง / สปั ดาห์
แผนการ หัวข้อ จาํ นวน
สัปดาหท์ ่ี หน่วยที่ จดั การ นาที
เรียนรู้ที่
1-2 1 1 1. ประวัติความเปน็ มาของ PLC 900
1.1.ลกั ษณะของอปุ กรณ์ควบคุม
1.2.ความแตกตา่ งระหวา่ ง PLC และ PC
1.3.การแบง่ ประเภทของ PLC
1.4.โครงสรา้ งและหลักการทาํ งานของ PLC
- สรุปสาระการเรยี นรู้
- แบบฝึกหัดที่ 1
- แบบทดสอบท่ี 1
3 2 2 2. ภาษาทีใ่ ช้ในการเขียนโปรแกรม 1200
2.1.ภาษาทใ่ี ช้ในการเขียนคําสั่งโปรแกรม PLC
2.2.การอ้างแอดเดรสของ PLC
- สรปุ สาระการเรียนรู้
- แบบฝกึ หัดที่ 2
- แบบทดสอบที่ 2
4-8 3 3 3. การเขยี นคาํ ส่งั ควบคุมการทาํ งานของ PLC 900
3.1.การเขียนโปรแกรมเบื้องตน้ ของ PLC
3.2.คาํ สั่ง Timer
3.3.คาํ สง่ั Counter
3.4.คาํ สั่ง Move
3.5.คําสัง่ Compare
- สรุปสาระการเรยี นรู้
- ใบงานท่ี 1-19
- แบบฝกึ หดั ท่ี 3
- แบบทดสอบท่ี 3
.
3-จ
สัปดาห์ท่ี หน่วยท่ี แผนการ หัวข้อ จาํ นวน
9 - จดั การ นาที
เรียนรูท้ ี่
300
- สอบกลางภาค
10-12 4 4 4. อุปกรณ์ด้านอนิ พุตและเอาท์พตุ 900
4.1.อปุ กรณ์ดา้ นอินพตุ
4.2.อปุ กรณ์ดา้ นเอาท์พตุ
- สรุปสาระการเรยี นรู้
- ใบงานที่ 20-23
- แบบฝึกหัดที่ 4
- แบบทดสอบที่ 4
13-17 5 5 5. การประยุกต์ใช้ PLC ร่วมกับ เซ็นเซอร์และอุปกรณ์ 900
ควบคมุ
5.1. การออกแบบโปรแกรม
5.2.การประยกุ ตใ์ ชง้ านกับงานควบคุมมอเตอร์
5.3.การประยุกต์ใชง้ านกับงานนวิ เมตกิ ไฟฟา้
5.4.การประยุกต์ใช้งานกบั ระบบจําลองการทํางาน
- สรุปสาระการเรยี นรู้
- ใบงานที่ 24-38
- แบบฝึกหัดที่ 5
- แบบทดสอบท่ี 5
18 - - สอบปลายภาค 300
3-ฉ
คณุ ลักษณะทตี่ อ้ งการบูรณาการคณุ ธรรมจริยธรรมและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ลาํ ดับที่ คณุ ธรรม/จรยิ ธรรม พฤตกิ รรมบง่ ชี้ คะแนน
1 และคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์ 1.1.ปฏบิ ตั ิงานตามขน้ั ตอนทีว่ างไว้ 2
- ตั้งใจปฏิบัติงานตามข้ันตอนได้อย่างถูกต้อง 1
ความรับผดิ ชอบ ปลอดภัยตลอดเวลา 0
- ไม่ต้ังใจปฏิบัติงานตามข้ันตอนแต่เสร็จสมบูรณ์
ดว้ ยความปลอดภยั เป็นบางครงั้
- ไม่ปฏิบัติงาน,ปฏิบัติงานไม่สําเสร็จสมบูรณ์ ไม่
ปลอดภยั
2 ความมีวินยั 2.1.ตรงตอ่ เวลาในการเขา้ ช้ันเรยี นและเข้าแถวหน้าเสาธง
- เข้าชน้ั เรียนตรงตามเวลาทคี่ รูเชค็ ช่ือ
- เข้าเรยี นช้าไมเ่ กิน 30 นาที 2
- เขา้ ชั้นเรียนเกิน 30 นาที 1
0
2.2.มีวินัยในการทํางานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
- ทํางานท่ไี ด้รบั มอบหมายสง่ ตรงเวลาทก่ี ําหนด 2
- ทาํ งานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายสง่ ไม่ตรงเวลาท่กี าํ หนด 1
- ไม่ทาํ งานส่งตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย 0
3 ความซื่อสตั ย์ 3.1.ซอ่ื ตรงต่อเวลาสอบ
- ทําการสอบโดยสจุ รติ
- ทําการสอบโดยพิสูจน์ได้ว่ามีการทุจริตไม่ว่าจะ 1
0
เลก็ นอ้ ยหรอื มาก
1
3.2.ซอื่ สตั ยต์ อ่ ผลงานไมเ่ อาผลงานของผ้อู น่ื มาแอบอา้ ง 0
- ไมเ่ คยเอาผลงานของผู้อ่นื มาแอบอ้าง
- เอาผลงานของผู้อื่นมาแอบอ้างไม่ว่าเล็กน้อยหรือ
มาก
3-ช
ลาํ ดับที่ คณุ ธรรม/จรยิ ธรรม พฤติกรรมบ่งชี้ คะแนน
4 และคุณลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์ 4.1.แสดงกรยิ าทา่ ทางพูดจาสุภาพตอ่ ผอู้ ืน่ 2
- แสดงกรยิ าท่าทางพดู จาสุภาพต่อผอู้ ืน่ ตลอดเวลา 1
มมี นุษย์สมั พันธ์ - แสดงกริยาท่าทางพูดจาไม่สุภาพต่อผู้อื่นเป็นบาง 0
ครง้ั
- แสดงกริยาท่าทางพูดจาไม่สุภาพต่อผู้อื่นเป็น 2
ประจาํ 1
0
4.2.ให้ความรว่ มมือและช่วยเหลอื ผู้อื่น
- ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือผู้อื่นในการทํางาน 2
ตลอดเวลา 1
- ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ช่วยเหลือผู้อื่นในการ 0
ทํางานเป็นบางครัง้
- ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ช่วยเหลือผู้อ่ืนในการ
ทํางานเลย
4.3.รับฟังความคิดเห็นและชื่นชมยินดีในความสําเร็จ ของ
ผู้อ่ืน
- รับฟังความคิดเห็นและแสดงชื่นชมยินดีในความ
สําเรจ็ ของผู้อ่ืนด้วยความจริงใจตลอดเวลา
- ไม่รับฟังความคิดเห็นและแสดงช่ืนชมยินดีใน
ความสาํ เรจ็ ของผ้อู ่นื เปน็ บางครัง้
- ไม่รับฟังความคิดเห็นและแสดงช่ืนชมยินดีใน
ความสําเรจ็ ของผูอ้ นื่ เลย
5 ค ว า ม เ ชื่ อ ม่ั น ใ น 5.1.กล้าแสดงความคิดเห็นอยา่ งมเี หตุผล 2
ตนเอง - กล้าแสดงความคดิ เหน็ ในสิ่งที่ถูกต้อง 1
- แสดงความคดิ เห็นเปน็ บางคร้ัง 0
- ไม่แสดงความคดิ เหน็
3-ซ
ลําดับที่ คุณธรรม/จริยธรรม พฤติกรรมบ่งชี้ คะแนน
6 และคุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์ 6.1.กระตอื รือรน้ ค้นหา แสวงหาความรูใ้ หม่ๆ ดว้ ยตวั เอง 2
- ขยันค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและเมื่อได้รับ 1
ความสนใจใฝร่ ู้ มอบหมาย 0
- ไม่ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองบ้างและเม่ือได้รับ
มอบหมายบ้างเป็นบางครัง้
- ไมค่ ้นคว้าหาความรู้และเมอ่ื ได้รบั มอบหมาย
7 ความรกั สามคั คี 7.1.รว่ มมือในการทํางาน
- ให้ความร่วมมือกับเพื่อนในการปฏิบัติงาน
2
ตลอดเวลา 1
- ไม่ให้ความร่วมมือกับเพ่ือนในการปฏิบัติงาน 0
บางเวลา
- ไมร่ ่วมมอื กับเพ่อื นในการปฏบิ ตั ิงาน
8 ความกตญั ญกู ตเวที 8.1.อาสาช่วยเหลอื งานคร-ู อาจารย์
- ช่วยเหลืองานครู-อาจารย์ทุกคร้ังท่ีขอความ 2
รว่ มมอื และไม่ขอความรว่ มมอื
- ไม่ช่วยเหลืองานครู-อาจารย์เป็นบางครั้งท่ีขอ 1
ความรว่ มมือและไมข่ อความร่วมมอื
- ไม่ช่วยเหลอื งานคร-ู อาจารยเ์ ลย 0
9 ค ว า ม คิ ด ริ เ ริ่ ม 9.1.มคี วามคิดหลากหลายในการแก้ปญั หา
สรา้ งสรรค์ - มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานและ 1
แกไ้ ขปัญหา
- ไม่มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงาน 0
และ แก้ไขปญั หา
3-ฌ
คณุ ธรรม/จริยธรรม
ลําดบั ท่ี และคณุ ลักษณะ พฤติกรรมบ่งชี้ คะแนน
10
อนั พึงประสงค์ 1
0
ความอดกลัน้ 10.1. มสี ติและสามารถควบคมุ อารมณไ์ ด้ดี
- ในเวลาปฏิบัติงานสามารควบคุมอารมณ์ได้เม่ือมี
เพอื่ นมาหยอกล้อ
- ในเวลาปฏิบัติงานไม่สามารควบคุมอารมณ์ได้
เม่ือมีเพื่อนมาหยอกล้อ
11 มารยาทไทย 11.1. กิรยิ ามารยาท
- มสี ัมมาคารวะต่อคร-ู อาจารย์เป็นประจาํ
- ไมม่ ีสมั มาคารวะต่อคร-ู อาจารยเ์ ปน็ บางครง้ั 2
- ไม่มีสัมมาคารวะตอ่ ครู-อาจารย์เลย 1
0
3-ญ
เกณฑ์การประเมนิ ผล คะแนน
วิชา ระบบควบคุมในงานอตุ สาหกรรม รหสั 3104-2006 20
รายการ 5
30
1. คณุ ลักษณะทต่ี อ้ งการบูรณาการคุณธรรม จรยิ ธรรมและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
2. ทดสอบ 10
30
2.1 แบบทดสอบหลงั เรยี น 5
2.2 สอบปลายภาค
3. ภาระงาน 100
3.1 แบบฝึกหัด
3.2 การปฏิบัตกิ ารทดลอง
3.3 รายงาน
รวม
3-ฎ
ขนั้ ตอนกิจกรรมการเรยี นการสอน
วิชาระบบควบคมุ ในงานอตุ สาหกรรม
รหสั 3104 – 2006
ข้ันตอนกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาระบบควบคุมในงานอุตสาหกรรมรหัส 3104 – 2006
ผู้จัดทาํ ไดด้ าํ เนนิ การจัดการเรียนการสอน โดยมีขน้ั ตอนและรายละเอียดดังน้ี
เวลาในการสอน 4 ช่วั โมงต่อสปั ดาห์ มีขนั้ ตอนกจิ กรรมดังนี้
1. ขั้นเตรยี ม
2. ขน้ั ประเมินผลก่อนเรียน
3. ข้ันนาํ เขา้ สูบ่ ทเรียน
4. ขั้นสอน
5. ข้นั สรุป
6. ข้นั ประเมินผลหลังเรยี น
รายละเอียดของกิจกรรมการเรียนการสอนของวิชาระบบควบคุมในงานอุตสาหกรรมรหัส
3104 – 2006 อธบิ ายไดด้ งั นี้
1. ขั้นเตรียม เป็นขั้นเตรียมความพร้อมของนักเรียนก่อนเร่ิมเรียนประกอบด้วยกิจกรรมการเช็คช่ือ
นักเรยี น และการจดั เตรียมอุปกรณใ์ นการเรยี นการสอน
2. ข้ันประเมินผลก่อนเรียน ทดสอบกอ่ นเรยี น เปน็ ขั้นท่ีทําการวัดพืน้ ความรู้เดิม ของนักเรียนก่อนท่ี
ดําเนินการเรียนการสอนในแตล่ ะหนว่ ยเพือ่ ท่จี ะใช้เป็นข้อมูลในการจดั การเรยี นการสอน
3. ข้ันนําเข้าสู่บทเรียน เป็นข้ันการสร้างความสนใจ โดยเร้าความสนใจให้ผู้เรียนอยากรู้ อยากเห็น
อยากคิด อยากทํา โดยการเช่ือมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่เข้าด้วยกัน ซ่ึงในข้ันตอนนี้ครูจะใช้
คําถามประกอบกับสื่อการสอน ในการนําเข้าสู่บทเรียน พร้อมทั้งบอกสมรรถนะในการเรียนการ
สอนของแผนการเรยี นนนั้
4. ขั้นสอน เป็นขน้ั ที่จะชว่ ยใหผ้ ้เู รียนเกดิ ประสบการณ์การเรียนรู้ ซึง่ ประกอบไปด้วยข้นั ตอนดงั นี้
4.1.สอนเน้อื หา ในขน้ั ตอนน้ีครูจะดําเนินการสอนเนื้อหาตามหัวข้อที่กําหนดไว้ โดยมีส่ือการ
สอนชนิดตา่ งๆ เพ่ือใหน้ กั เรยี นเกิดความรู้ ความเขา้ ใจในเนือ้ หาอย่างถกู ต้องและรวดเรว็
4.2.ทําแบบฝึกหัด เป็นข้ันที่ให้นักเรียนได้ทําแบบฝึกหัดตามหัวข้อที่ระบุไว้ โดยแบ่งเป็น
กลุ่มๆ ละ 3 – 4 คน ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันจะทําให้เกิดความรู้
ความเข้าใจ ตามสมรรถนะท่ีพงึ ประสงค์
4.3.เฉลยแบบฝึกหัด เป็นข้ันที่ครูมอบหมายให้นักเรียน แต่ละกลุ่มเฉลยคําตอบ ในกรณีท่ี
เฉลยไม่ถูกต้อง ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติม
3-ฏ
4.4.ปฏบิ ตั กิ ารทดลองตามใบงานทีก่ าํ หนด ในขน้ั ตอนนคี้ รจู ะให้นักเรียนลงมือปฏิบัติตามใบ
งานที่กําหนดไว้ในแต่ละหน่วยการสอน จะเป็นผลให้นักเรียนมีความรู้และทักษะในการ
ปฏบิ ตั งิ านซึ่งสอดคลอ้ งกบั สมรรถนะในแต่ละหน่วยการสอน
4.5.ประเมินผลการปฏิบัติการทดลอง เป็นการวัดผลการปฏิบัติการทดลองตามเกณฑ์ท่ีได้
กาํ หนดไว้ โดยให้ครเู ป็นผู้ประเมิน
5. ขั้นสรปุ เปน็ ขนั้ สุดทา้ ยของกจิ กรรมการเรียนการสอน ข้ันน้ีเป็นขั้นทบทวนเร่ืองที่เรียนตามเนื้อหา
หรือทักษะปฏิบัติการทดลองที่กําหนด เป็นการย้ําและสรุปแก่นความรู้หรือการนําความรู้ไปใช้
การสรุปทด่ี คี วรเปน็ การสรปุ โดยผเู้ รยี น ถา้ เปน็ ไปไดค้ วรใหผ้ ู้เรียนทง้ั กลุม่ รว่ มกันสรปุ
6. ขั้นประเมนิ ผลหลังเรยี น
6.1.ทดสอบหลังเรียน เป็นขั้นทดสอบเพ่ือวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามสมรรถนะที่
กําหนดไว้ รวมท้ังยังเป็นการตรวจปรับให้กับนักเรียน กรณีที่นักเรียนยังไม่เข้าใจใน
เน้อื หาบางเรือ่ ง นอกจากน้ียงั ใชเ้ ปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรยี นอีกดว้ ย
6.2.ประเมินตนเองและเพ่ือนร่วมงาน เร่ืองกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะที่
ต้องการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม เป็นการวัดผลเร่ืองกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน
และคุณลักษณะที่ต้องการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม เกณฑ์ที่ต้องการไม่ควรตํ่ากว่า
70 %
การนาํ แผนการจดั การเรยี นรไู้ ปใช้
เพอ่ื ใหก้ ารนําแผนการจดั การเรียนรวู้ ิชาระบบควบคุมในงานอุตสาหกรรม รหสั 3104 – 2006
ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดน้ันก่อนการนําแผนการจัดการเรียนรู้นี้ไปใช้ครูผู้สอนควรดําเนินการ
ดงั ต่อไปน้ี
1. ครูผู้สอนควรศกึ ษาและทําความเขา้ ใจเกย่ี วกับแผนการจัดการเรียนร้ใู หล้ ะเอียด
2. จดั เตรยี มสอื่ วสั ดุ อุปกรณ์ที่จะใช้ในการเรยี นการสอนให้ครบถ้วน
3. ดําเนนิ การสอนตามขนั้ ตอนกิจกรรมการเรียนการสอน
ใบสาระการเรยี น หนว่ ยท่ี 5
ชื่อวชิ า ระบบควบคมุ ในงานอุตสาหกรรม
ชอ่ื หน่วย การประยกุ ตใ์ ช้ PLC ร่วมกบั เซ็นเซอร์ เวลาเรียน
20 ชว่ั โมง
และอปุ กรณ์ควบคุม
ช่อื เรอ่ื งหรอื ชอื่ งาน การประยกุ ต์ใช้ PLC ร่วมกบั เซน็ เซอร์และอุปกรณค์ วบคุม
สาระสําคัญ
การนําโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์ไปใช้ในงานควบคุมทั้งขนาดเล็กตลอดจนถึงการควบคุมการผลิต
ในโครงงานอตุ สาหกรรมนน้ั มใี ชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลาย เน่ืองจากคุณสมบัติของโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์ดังท่ีได้
กล่าวไปแล้วในหน่วยเรียนท่ีผ่านมา ในหน่วยเรียนนี้จะเป็นการประยุกต์การใช้งานของโปรแกรมเมเบิล
คอนโทรลเลอรใ์ นรูปแบบต่างๆ สิ่งสาํ คัญในการออกแบบโปรแกรม คือ จะต้องศึกษาทําความเข้าใจระบบของงาน
ข้ันตอนการทํางาน การกําหนดอินพุต/เอาท์พุต รวมถงึ การประยุกต์ใช้งานกลุ่มคําสั่งต่างๆ จากหน่วยเรียนที่ผ่าน
มา
เร่อื งทีจ่ ะศึกษา
1. การออกแบบโปรแกรม
2. การประยกุ ตใ์ ช้งานกับงานควบคมุ มอเตอร์
3. การประยุกต์ใช้งานกบั งานนิวแมติกสไ์ ฟฟ้า
4. การประยุกต์ใชง้ านกับระบบจาํ ลองการทํางาน
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. ออกแบบคาํ สั่งควบคุมการทํางานของ PLC ได้
2. ประยกุ ต์ใช้งาน PLC ออกแบบโปรแกรมควบคุมมอเตอร์ได้
3. ประยกุ ต์ใชง้ าน PLC ออกแบบโปรแกรมควบคมุ นิวแมติกสไ์ ฟฟา้ ได้
4. ประยุกต์ใช้งาน PLC ออกแบบโปรแกรมควบคุมระบบจาํ ลองการทาํ งานได้
กิจกรรมการเรียนการสอน
ข้ันตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ขัน้ ตอนการเรยี นหรือกจิ กรรมของนกั เรยี น
ข้นั เตรียม ขั้นเตรียม
1. เชค็ ชื่อนักเรียน 1. เรียกช่ือตามเลขท่ี
2. เตรียมเคร่อื งโปรเจคเตอร์ 2. ชว่ ยครเู ตรียมเครอ่ื งฉาย Power Point
ขัน้ ประเมินผลก่อนเรยี น ขน้ั ประเมินผลก่อนเรยี น
ถามพ้ืนความรู้เก่ียวกับการประยุกต์ใช้ PLC ตอบคําถามด้วยความต้ังใจและสุจริตใจ โดยใช้
ร่วมกับ เซ็นเซอร์และอุปกรณ์ควบคุม และทดสอบ ความรพู้ น้ื ฐานทม่ี อี ยู่
กอ่ นเรียน
ข้ันนําเขา้ สูบ่ ทเรียน ขนั้ นําเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ถามคําถามที่เก่ียวข้องกับเนื้อหาเพื่อสร้างความ 1. ฟงั ตอบคําถามและซักถามข้อสงสยั
สนใจ
2. บอกสมรรถนะที่พึงประสงค์ในเรื่องการ
ประยุกต์ใช้ PLC ร่วมกับ เซ็นเซอร์และอุปกรณ์
ควบคุม
ขน้ั สอน ข้นั สอน
1. สอนเนื้อหาตามหัวข้อของแผนการจัดการเรียนรู้ 1. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามข้อสงสัยตรงตาม
โดยใชว้ ิธีถาม-ตอบกับนกั เรียน โดยใช้ความรู้เดิม เน้อื หาดว้ ยวาจาทสี่ ภุ าพเรยี บรอ้ ย
ของนักเรียนมาต่อยอดเป็นความรู้ใหม่พร้อมใช้ 2. ตัวแทนนักเรียนรับเอกสารประกอบการสอนเรื่อง
Power Point และกระดานไวทบ์ อรด์ เป็นส่ือ
การประยุกต์ใช้ PLC ร่วมกับ เซ็นเซอร์และอุปกรณ์
2. มอบหมายใหท้ าํ แบบฝึกหดั
ควบคุม ไปศึกษาร่วมกันและนําเสนอผลงานจาก
3. เฉลยแบบฝกึ หัด โดยใช้ Power Point
การศึกษาโดยครูคอยสังเกตและให้คําแนะนํา
4. มอบหมายให้ทําใบทดลองท่ี 24-38
เพ่ิมเตมิ และมอบหมายใหท้ ําแบบฝกึ หัด
5. อธิบายพร้อมสาธิตและตอบข้อซักถามเก่ียวกับ 3. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามข้อสงสัยด้วยวาจาที่
งานที่จะปฏิบัติและข้อควรระวัง โดยใช้Power สุภาพเรียบร้อย ตรวจแบบฝึกหัดโดยสลับกันตรวจ
Point และกระดานไวทบ์ อรด์ เป็นสือ่
กบั เพือ่ นด้วยความถกู ต้องและเปน็ ธรรม
6. แบ่งกลมุ่ ปฏิบัติงานกลุ่มละ 4- 5 คน
4. ศกึ ษาใบทดลอง ซักถามข้อสงสยั ด้วยความตัง้ ใจ
7. จ่ายวัสดุ-อุปกรณ์และเครื่องมือทดลอง
5. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามข้อสงสัยตรงตาม
8. ควบคุมดูแลและให้คําแนะนําขณะทําการ เนอื้ หา ดว้ ยวาจาทสี่ ุภาพเรียบรอ้ ย
ทดลอง 6. แบ่งกลุ่มตามความสมัครใจเลือกประธานและ
9. ตรวจเชค็ วสั ด-ุ อปุ กรณแ์ ละเครื่องมอื
เลขานุการ
7. ตัวแทนกลุม่ เบิกวสั ดุ-อปุ กรณ์และเครือ่ งมอื ทดลอง
3-2 | P a g e
กิจกรรมการเรยี นการสอน
ขั้นตอนการสอนหรอื กิจกรรมของครู ขัน้ ตอนการเรยี นหรอื กจิ กรรมของนกั เรยี น
10. ควบคุมและดูแลทําความสะอาดพื้นที่ปฏิบัติงาน 8. ปฏิบัติการทดลองตามใบทดลองด้วยความต้ังใจและ
ของนกั เรียน คํ า นึ ง ถึ ง ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ข อ ง วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ
เคร่ืองมือทดลอง ตลอดจนตัวผู้ปฏิบัติงานเองโดยครู
คอยสงเกตอย่างใกลช้ ดิ
9. เก็บวัสดุ-อุปกรณ์และเครื่องมือทดลองให้มีสภาพ
พร้อมทจี่ ะใชง้ านต่อไป ส่งคืน
10. ร่วมกนั ทําความสะอาดพ้ืนท่ีปฏิบตั ิงานอภิปรายและ
รว่ มสรปุ เรือ่ งทีเ่ รยี นร่วมกัน
ขนั้ สรุป ขัน้ สรุป
นํ า อ ภิ ป ร า ย ส รุ ป ส า ร ะ สํ า คั ญ เ ร่ื อ ง ก า ร อภปิ รายและร่วมสรปุ เรือ่ งทเ่ี รยี นรว่ มกนั
ประยุกต์ใช้ PLC ร่วมกับ เซ็นเซอร์และอุปกรณ์
ควบคมุ
ขนั้ ประเมนิ ผลหลังเรยี น
ข้นั ประเมินผลหลงั เรียน 1. ทําทดสอบหลังเรียน ดว้ ยความม่ันใจ และสจุ ริตใจ
1. มอบหมายใหท้ ําทดสอบหลงั เรียน 2. ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ซักถามข้อสงสยั
2. สรุปผลการประเมินผลรวมการประยุกต์ใช้ PLC
ร่วมกับ เซ็นเซอร์และอุปกรณ์ควบคุม เก่ียวกับ กิจ
นิสัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะท่ีต้องการ
บรู ณาการคณุ ธรรม จริยธรรม ใบแบบฝึกหัด และใบ
ทดสอบ
3-3 | P a g e
งานท่มี อบหมายหรือกจิ กรรม
ก่อนเรียน
1. เช็คช่ือนกั เรยี น
2. เตรยี มเครือ่ งฉาย Power point
ขณะเรียน
1. ทําแบบฝกึ หดั
2. เฉลยแบบฝึกหดั
3. ปฏบิ ัติการทดลอง
4. ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน
5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสาระสําคัญเร่ือง การประยุกต์ใช้ PLC ร่วมกับ เซ็นเซอร์และอุปกรณ์
ควบคุม
หลงั เรยี น
1. ประเมินผลการปฏิบัตงิ าน และคุณลักษณะทีต่ อ้ งการบรู ณาการคุณธรรม จริยธรรม
สอ่ื การเรยี นการสอน
1. ส่อื การสอนอเิ ล็กทรอนคิ ส์ E-learning
ส่อื สิง่ พมิ พ์
1. Power point
2. เอกสารประกอบการสอนเร่อื งการประยกุ ตใ์ ช้ PLC ร่วมกับ เซน็ เซอร์และอุปกรณค์ วบคมุ
สื่อโสตทศั น์
1. Power point
2. กระดานไวทบ์ อร์ด
3-4 | P a g e
การประเมินผล
ขณะเรียน
1. สังเกตความสนใจ
2. สงั เกตการณน์ าํ เสนอผลงาน
3. ตรวจแบบฝกึ หดั
4. สงั เกตการณ์ปฏิบตั กิ จิ กรรม
5. ประเมินผลการปฏิบัตกิ ารทดลองตามใบทดลอง
หลังเรยี น
1. ทําทดสอบหลงั เรยี น
2. ประเมินตนเองและเพื่อนร่วมงาน เร่ืองกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะท่ีต้องการบูรณา
การคุณธรรม จรยิ ธรรม
3-5 | P a g e
บันทกึ หลังการสอน
ผลการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้
ผลการใช้แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 5 เร่ืองการประยกุ ตใ์ ช้ PLC รว่ มกบั เซน็ เซอรแ์ ละอุปกรณค์ วบคมุ
ดังนี้
1. เวลาทใี่ ช้สอน………………………………………………………………………………………..……………………………………
2. เนื้อหา……………………………………………………………………………………………….………………………………………
3. ส่ือการสอน………………………………………………………………………………………….………………………………….…
ผลการเรยี นของนักเรียน
……………………………………………………………………………………………………………….…………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….…………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………….……………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….
ผลการสอนของครู
…………………………………………………………………………………………………….……………………………………………….
…………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่อื ผบู้ นั ทึก……………….……………
(…………………………..)
ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ สถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชือ่ …………………….……………….
(…………….....………………)
ตาํ แหน่ง ……………….…………………
3-6 | P a g e
หน่วยที่ 5
การประยกุ ต์ใช้ PLC ร่วมกบั เซน็ เซอร์และอุปกรณ์ควบคมุ
การนําโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์ไปใช้ในงานควบคุมทั้งขนาดเล็กตลอดจนถึงการควบคุมการ
ผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมน้ันมีใช้กันอย่างแพร่หลาย เน่ืองจากคุณสมบัติของโปรแกรมเมเบิลคอนโทรลเลอร์
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในหน่วยเรียนที่ผ่านมา ในหน่วยเรียนน้ีจะเป็นการประยุกต์การใช้งานของโปรแกรมเมเบิล
คอนโทรลเลอร์ในรูปแบบต่างๆ สิ่งสําคัญในการออกแบบโปรแกรมคือ จะต้องศึกษาทําความเข้าใจระบบของ
งาน ขั้นตอนการทํางาน การกําหนดอินพุต/เอาท์พุต รวมถึงการประยุกต์ใช้งานกลุ่มคําสั่งต่างๆ จากหน่วย
เรียนทผ่ี า่ นมา
5.1 การออกแบบโปรแกรม
การออกแบบโปรแกรมควบคุมการทาํ งานของ PLC จะต้องเข้าใจระบบของงาน ขั้นตอนการทํางาน
การกําหนดอินพุต/เอาท์พุต รวมถึงการประยุกต์ใช้งานกลุ่มคําส่ังต่างๆ เพ่ือให้ได้โปรแกรมควบคุมการทํางาน
ของ PLC ตามท่ีต้องการ ซึ่งในการออกแบบสามารถออกแบบได้ท้ังจากขั้นตอนการทํางาน และจาก
Timing Diagram
1. ตัวอยา่ งการออกแบบโปรแกรมจากข้ันตอนการทํางาน
การออกแบบโปรแกรมจากขัน้ ตอนการทํางาน สามารถทําไดด้ งั นี้
1. ให้ศกึ ษาทําความเข้าใจขน้ั ตอนการทํางานของโปรแกรม
2. กําหนดอนิ พตุ /เอาทพ์ ตุ
3. ออกแบบ Ladder Diagram ตามขน้ั ตอนการทํางาน
ตวั อย่างท่ี 5.1 การออกแบบโปรแกรมจากขัน้ ตอนการทํางาน
คําสั่ง จงออกแบบโปรแกรมจากขน้ั ตอนการทาํ งานท่กี าํ หนด
ขั้นตอนการทาํ งาน
1. เมื่อ ON สวทิ ช์อินพตุ I0.0 สง่ ผลให้เอาทพ์ ตุ Q0.0 จะมสี ภาวะ ON
2. เมอ่ื ON สวิทชอ์ นิ พตุ I0.1 ส่งผลใหเ้ อาทพ์ ตุ Q0.0 จะมีสภาวะ OFF
3-7 | P a g e
วธิ ีการออกแบบโปรแกรม
1. กาํ หนดอนิ พุต/เอาทพ์ ตุ
ตําแหน่ง ความหมาย
I0.0 สวิทช์อนิ พุต Start
I0.1 สวทิ ช์อนิ พุต Stop
Q0.0 เอาทพ์ ตุ จดุ ท่ี 1
2. เขียน Ladder Diagram
ตวั อย่างที่ 5.2 การออกแบบโปรแกรมจากขน้ั ตอนการทาํ งาน
คาํ สัง่ จงออกแบบโปรแกรมจากข้นั ตอนการทาํ งานทกี่ าํ หนด
ขัน้ ตอนการทาํ งาน
1. เมอ่ื ON สวทิ ชอ์ ินพุต I0.0 ให้เอาทพ์ ุต Q0.0 มสี ภาวะ ON
2. เมอ่ื เอาทพ์ ุต Q0.0 มสี ภาวะ ON จะหนว่ งเวลา 3 วนิ าทใี หเ้ อาทพ์ ุต Q0.0 มีสภาวะ OFF
3. เม่ือ ON สวิทชอ์ ินพุต I0.1 ใหเ้ อาทพ์ ตุ มสี ภาวะ OFF ทงั้ หมด
วิธกี ารออกแบบโปรแกรม
1. กําหนดอินพตุ /เอาทพ์ ตุ
ตาํ แหนง่ ความหมาย
I0.0 สวิทชอ์ ินพตุ Start
I0.1 สวทิ ชอ์ นิ พตุ Stop
Q0.0 เอาท์พุต จดุ ท่ี 1
T101 ตัวตง้ั เวลา TON
3-8 | P a g e