The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

39 ๓๙

​๑๑​

ต​ ้องส​ ำเร็จ​



​ ​หลวงปู่เ​คย​สอน​ว่า​.​..​​​
“​ความ​สำเร็จ​นั้น​ ​มิใช่​อยู่​ที่​การ​สวด​มนต์​อ้อนวอน​พระเจ้า​มา​
ประทานใ​ห้​ห​ าก​แตต​่ อ้ ง​ลงมือท​ ำด​ ว้ ยต​ นเอง​​ถา้ ​ตง้ั ใจท​ ำต​ ามแ​ บบ​แล้ว​
ทกุ อ​ ยา่ งต​ อ้ งส​ ำเรจ็ ​ไ​มใ่ ชจ​่ ะส​ ำเรจ็ ​พ​ ระพทุ ธเจา้ ท​ า่ นว​ างแ​ บบเ​อาไ​วแ​้ ลว้ ​
ครูบา​อาจารย์​ทุก​องค์​มี​พระพุทธเจ้า​เป็น​ท่ีสุด​ ​ก็ได้​ทำ​ตาม​แบบ​ ​เป็น​
ตัวอย่าง​ให้​เรา​ดู​ ​อัฐ​ิทา่ น​ก​็กลาย​เป็น​พระ​ธาต​ุกัน​หมด​ เ​มอ่ื ​ได​้ไตร่ตรอง​
พิจารณา​ให้​รอบคอบ​แล้ว​ ​ขอ​ให้​ลงมือ​ทำ​ทันที​ ​ข้า​ขอรับ​รอง​ว่า​ต้อง​
สำเร็จ​​ส่วนจ​ ะช​ า้ ​หรอื เ​รว็ น​ น้ั ​​อยทู่​ ​่ีความ​เพียรข​ อง​ผ​้ปู ฏิบตั ​ิ”​
​ ขอ​ให้ต​ ง้ั ป​ ัญหาถ​ ามต​ วั เ​องว​ า่ ​​
“​สงิ่ ​น้นั ​​บัดน้ีเ​ราไ​ด​้ลงมอื ​ทำ​แลว้ ​หรือ​ยงั ​?​​”​

๔๐ 40 ๑๒​

​ ​จะ​เอา​โลกห​ รอื เ​อา​ธรรม​?

บ่อย​คร้ัง​ท่ี​มี​ผู้​มา​ถาม​ปัญหา​กับ​หลวงปู่​ ​โดย​มัก​จะ​นำ​เอา​เร่ือง​ราว​

ตา่ งๆ​​ที​เ่ กยี่ วก​ ับห​ น้าทก​ี่ าร​งาน​​สาม​ี ภ​ รรยา​​ลกู เ​ตา้ ​​ญาติมิตร​​หรือค​ นอ​ ่นื ​

มาป​ รารภ​ให้​หลวงปฟู่​ งั ​อย​่เู สมอ​

​ ครั้ง​หนึง่ ท​ า่ นไ​ด้ใ​หค้​ ต​เิ ตอื นใ​จ​ผเ​ู้ ขียน​วา่ ​
​“​โลกเ​ทา่ ​แผ่นด​ นิ ​ธ​ รรมเ​ท่าป​ ลายเ​ขม็ ​​”​
​ ซ่งึ ต​ ่อ​มาท​ ่าน​ได​เ้ มตตาข​ ยายค​ วาม​ให้​ฟงั ว​ า่ ​
​“เ​รือ่ งโ​ลกม​ ​แี ตเ​่ รอ่ื งย​ ุง่ ​ของค​ นอ​ ่ืนท​ ้งั ​นัน้ ​ไ​ม่มท​ี ี​่สิ้นส​ ุด​เราไ​ป​แก้ไข​
เขาไ​มไ​่ ด​้ ส​ ว่ นเ​รอ่ื งธ​ รรมน​ นั้ ม​ ท​ี สี่ ดุ ​ม​ าจ​ บท​ ต​่ี วั เ​ราใ​หม​้ าไ​ลด​่ ต​ู วั เ​อง​แ​ กไ้ ข​
ท​ต่ี ัวเ​รา​เอง​ต​ นข​ องต​ น​เตือนต​ น​ดว้ ยต​ นเอง​
​ ถ้า​คิด​สิ่ง​ท่ี​เป็น​ธรรม​แล้ว​ ​ต้อง​กลับ​เข้า​มา​หา​ตัว​เอง ​ถ้า​เป็น​โลก​
แล้ว​​จะ​มี​แตส่​ ่งอ​ อก​ไป​ข้างน​ อก​ตลอดเ​วลา​​เพราะธ​ รรมแ​ ทๆ้ ​​ยอ่ มเ​กิด​
จาก​ในต​ วั ข​ องเ​ราน​ ี​้ท้งั น​ ้นั ”​ ​

41 ๔๑

​๑๓​

​แนะ​วิธีป​ ฏิบตั ​ิ



เคย​มสี​ ุภาพส​ ตร​ที ่าน​หนึ่งม​ ​ีปญั หา​ถามว​ ่า​น​ ง่ั ​ปฏบิ ัตภิ​ าวนา​แลว้ ​จิต​
ไม​ร่ วม​​ไมส​่ งบ​​ควร​จะท​ ำ​อยา่ งไร​​ท่าน​แก้ใ​ห้​วา่ ​
​ “​ ก​ ารป​ ฏบิ ตั ิ​ถ​ า้ อ​ ยาก​ให้​เป็น​เร็วๆ​ ​​มนั ก​ ​ไ็ มเ​่ ปน็ ​ห​ รือไ​ม่​อยาก​ให​้
เป็น​ม​ ัน​ก็​ประมาทเ​สีย​​ไม่​เปน็ อ​ ีก​เหมอื นก​ ัน​อ​ ยากเ​ปน็ ก​ ​็ไมว่​ า่ ​​ไม่​อยาก​
เปน็ ก​ ​ไ็ ม​ว่ า่ ​ท​ ำใจใ​หเ​้ ปน็ ​กลาง​ๆ​​ตง้ั ใจ​ให​แ้ นว่ ​แนใ​่ นก​ มั มฏั ​ฐานท​ ​เ่ี รา​ยดึ ม​ น่ั ​
อยน​ู่ นั้ ​​แล้ว​ภาวนาเ​รือ่ ย​ไป​
​ เหมือน​กับ​เรา​กิน​ข้าว​ไม่​ต้อง​อยาก​ให้​มัน​อิ่ม​ ​ค่อย​ๆ​ ​กิน​ไป​มัน​ก็​
อิ่ม​เอง​​ภาวนาก​ ​็เช่น​กัน​​ไมต่​ ้อง​ไปค​ าดห​ วงั ​ให้​มนั ส​ งบ​ห​ น้าทข่ี​ องเ​ราค​ อื ​
ภาวนา​ไป​ ​ก็​จะ​ถึง​ของดี​ ​ของ​วิเศษ​ใน​ตัว​เรา​แล้ว​จะ​รู้​ชัด​ข้ึน​มา​ว่า​อะไร​
เปน็ อ​ ะไร​ใ​ห​้หม่นั ​ทำ​เรอ่ื ยไ​ป​”​

๔๒ 42

ก​ารบ​ วช๑​จติ ๔​-​​​​บวชใ​น​

​หลวงป่​ูเคยป​ รารภไ​วว​้ า่ .​.​.​​
จ​ ะ​เปน็ ​ชาย​หรือห​ ญิงก​ ็​ด​ี ถ​ ้าต​ ง้ั ใจ​ประพฤต​ปิ ฏิบัติ​ ​ม​ีศลี ​ ​รักใ​นก​ าร​
ปฏิบัติ​ ​จิต​มุ่ง​หวัง​เอาการ​พ้น​ทุกข์​เป็น​ท่ีสุด​ ​ย่อม​มี​โอกาส​เป็น​พระ​กัน ​
ได​้ทุก​ๆ​​คน​​ม​โี อกาส​ท​่ีจะ​บรรลม​ุ รรคผล​​นิพพาน​ไ​ด​เ้ ทา่ ​เทยี มก​ นั ท​ กุ ค​ น​​
ไม่​เลอื ก​เพศ​​เลอื ก​วยั ​ห​ รือ​ฐานะแ​ ต​อ่ ยา่ งใ​ด​​ไม่มอ​ี ะไร​จะม​ า​เปน็ ​อปุ สรรค​
ในค​ วาม​สำเรจ็ ไ​ด้​​นอกจากใ​จ​ของ​ผฏู้ ิบตั ิ​เอง​
​ ท่านไ​ด​แ้ นะ​เคลด็ ​ใน​การ​บวชจ​ ิต​ว่า.​​..​.​.​​
​ในข​ ณะท​ ี่​เรา​น่ังส​ มาธิ​เจริญภ​ าวนา​น้ัน​​คำ​กล่าว​วา่ ​
​ พทุ ธ​งั ​​สรณัง​​ค​ ัจฉาม​ ​ิ ​ ให​้นึกถึงว​ ่า​เราม​ ีพ​ ระพทุ ธเจ้า​​
เป็นพ​ ระอ​ ปุ ชั​ ฌายข​์ อง​เรา​
​ ธัมมงั ​ส​ รณัง​​​คัจฉาม​ ​ิ ​ ให​้นกึ ว​ า่ เ​ราม​ พ​ี ระธ​ รรม​​
เปน็ ​พระกรร​ ม​วาจ​ าจ​ าร​ย์​
​ สังฆ​ัง​​สรณ​ัง​ค​ ัจฉา​มิ ​ ใหน​้ ึก​วา่ เ​ราม​ พ​ี ระอ​ รยิ ​สงฆ​์ ​
​เป็น​พระ​อนสุ​ าว​นาจ​ ารย​ ​์


43 ๔๓

แล้ว​อย่าส​ นใจ​ขนั ธ​์ ​๕​ห​ รือร​ ่างกาย​เราน​ ้​ี
ใ​หส้​ ำรวมจ​ ิต​ให้​ดี​​มี​ความ​ยนิ ดใี​นก​ าร​บวช​
​ ชาย​ก​็เป็น​พระ​ภิกษุ​ห​ ญิง​กเ็​ป็นพ​ ระภ​ ิกษ​ณุ ี​
​ อยา่ งน​ จ​้ี ะม​ ​อี านสิ งส​ส์ งู ม​ าก​จ​ ดั เ​ปน็ เ​นกขมั บ​ ารมข​ี น้ั อ​ กุ ​ฤษฏ​ท์ ​เี ดยี ว

๔๔ 44 ๑​ ๕​

​ ​ควร​ทำห​ รือ​ไม่​​?​

ครง้ั ห​ นงึ่ ​ม​ ล​ี กู ศ​ ษิ ยห​์ ลวงปผ​ู่ ส​ู้ นใจธ​ รรมป​ ฏบิ ตั ก​ิ ำลงั น​ ง่ั ภ​ าวนาเ​งยี บ​
อยู่​​ไม่​หา่ งจ​ าก​ท่าน​เท่าใดน​ กั ​​บงั เอญิ ม​ แี​ ขก​มาห​ าศ​ ิษย์ผ​ นู้​ นั้ แ​ ต​่ไมเ​่ ห็น​ก​ ม​็ ี​
ศษิ ยอ​์ กี ท​ า่ นห​ นง่ึ เ​ดนิ เ​รยี กช​ อ่ื ท​ า่ นผ​ ก​ู้ ำลงั น​ ง่ั ภ​ าวนาอ​ ยด​ู่ ว้ ยเ​สยี งอ​ นั ด​ งั ​แ​ ละ​
เม่ือ​เดิน​มา​เห็น​ศิษย์​ผู้​น้ัน​กำลัง​ภาวนา​อยู่​ก็​จับ​แขน​ดึง​ขึ้น​มา​ทั้ง​ที่​กำลัง​นั่ง​
ภาวนา​
​เมือ่ ​ผ้​ูนน้ั ​หา่ งไ​ปแ​ ล้ว​​หลวงป​ูท่ ่านจ​ งึ เ​ปรยข​ ึ้นม​ า​วา่ ​
​ “​ใน​พุทธ​กาล​ครั้ง​ก่อน​ ​มี​พระ​อร​หัน​ต์​องค์​หน่ึง​กำลัง​เข้า​นิ​โรธ​-
สมาบ​ ตั ​ิ ไ​ดม​้ น​ี กแ​ สกต​ วั ห​ นง่ึ บ​ นิ โ​ฉบผ​ า่ นห​ นา้ ท​ า่ นพ​ รอ้ มก​ บั ร​อ้ ง​“​ แ​ ซก”​ ​
ทา่ นว​ า่ น​ กแ​ สกต​ วั น​ น้ั เ​มอ่ื ต​ ายแ​ ลว้ ไ​ดไ​้ ปอ​ ยใ​ู่ นน​ รก​แ​ มก​้ ปั น​ พ​ี้ ระพทุ ธเจา้ ​
ผา่ น​ไป​ได้​พระองคท​์ ส​่ี ่​แี ล้ว​น​ ก​แสกต​ วั ​นน้ั ย​ ัง​ไม​่ไดข้​ ึน้ ม​ าจ​ าก​นรก​เลย”​ ​


45 ๔๕

​๑๖​

ก​ ารอ​ ุทศิ ​สว่ นก​ ศุ ลภ​ ายนอกภ​ ายใน​

​มี​บาง​ท่าน​เข้าใจ​คลาด​เคล่ือน​เกี่ยว​กับ​การ​อุทิศ​ส่วน​กุศล​ให้​ผู้​ตาย​
ของ​หลวงปู่​ ​ซ่ึง​ท่าน​เมตตา​ทำ​เป็น​ปกติ​ ​จึง​มี​ความ​หวัง​ว่า​เม่ือ​ตน​ตาย​​
หลวงปท​ู่ า่ นจ​ ะเ​มตตาใ​หบ​้ ญุ สง่ ว​ ญิ ญาณ​ส​ ง่ จ​ ติ ไ​ปส​ วรรคไ​์ ปน​ พิ พานไ​ด​้ ด​ ว้ ย​
ตนเ​ป็นผ​ ​เู้ ขา้ ​วัดท​ ำท​ าน​และ​ปรนนบิ ัต​หิ ลวงปูม​่ าน​ าน​​หลวงปู​่ทา่ น​ก็​เมตตา​
เตอื น​วา่ ​
​ “​ถ้า​ข้าต​ าย​ไปก​ อ่ น​​แล้วใ​คร​จะส​ ่ง​​(บ​ ญุ )​​ใ​ห​้แกล​ ะ่ ”​ ​
​ ดว้ ย​ความ​ไมเ่​ข้าใจ​ท​ า่ นผ​ ู้น​ ัน้ ​จึง​มี​คำต​ อบว​ า่ ​
​ “ข​ อใ​ห​้หลวงป​ู่อย่​ูตอ่ ​ไปน​ าน​ๆ​​ให​พ้ วก​ผม​ตาย​กอ่ น”​ ​
น​ ีเ่​ป็น​จดุ ช​ วนค​ ิด​ในค​ ำ​เตือน​ของ​ท่านท​ ​่ีบอก​เป็นน​ ยั ว่า​ ​การ​ไป​สคุ ติ​
หรือ​การห​ ลุด​พ้นน​ ั้น​ต​ ้องป​ ฏิบตั ​ิ ​ตอ้ ง​สร้าง​ดว้ ยต​ นเองเ​ป็น​สำคัญ​ม​ ิใช​่หวงั ​
พ่ึงบุญ​พ่ึง​กุศล​ผู้​อ่ืน​ ​การ​อาศัย​ผู้​อื่น​เมื่อ​ตาย​แล้ว​นั้น​ เป็น​เพียง​ส่วน​น้อย​ท่ี​
อาจ​จะ​ได้​ ​อีก​ทั้ง​ยัง​เป็น​ความ​ไม่​แน่นอน​ด้วย​ ​สู้​ทำ​ด้วย​ตัว​เอง​ไม่​ได้​ ​เป็น​
แง่​ให้​คิด​ว่า​ต้อง​ปฏิบัติ​ตน​ให้​มั่นใจ​ใน​ตนเอง​ต้ัง​แต่​ก่อน​ตาย​ ​เมื่อ​ถึง​เวลา​
จำ​ตอ้ ง​ทง้ิ ​ขันธ์จ​ ะ​ไม่​ตอ้ งม​ วั ก​ ังวล​ตอ่ ​ภพ​ชาติ​ภาย​หนา้ ​ ​โดยเ​ฉพาะ​อยา่ ง​ย่ิง​
การป​ ฏิบตั ใ​ิ ห​้รูแ้​ จง้ ใ​น​ธรรม​ต้ังแ​ ต​ป่ จั จุบนั ช​ าติ​น​้เี ป็น​ดย​ี ่ิง​ทเี​ดยี ว

๔๖ 46

​๑๗​

ส​ ตธ​ิ รรม​

​บ่อย​ครั้ง​ท่ี​พวก​เรา​ถูก​หลวงปู่​ท่าน​ดุ​ใน​เร่ือง​ของ​การ​ไม่​สำรวม​ระวัง​
ท่านม​ ัก​จะ​ด​วุ ่า​
​ “​​ใหท​้ ำ​​(ป​ ฏบิ ตั ​)ิ ​​ไมท​่ ำ​​ทำ​ประเ​ดย๋ี ว​เดยี ว​​เดย๋ี วอ​ อก​มาจ​ บั ก​ ลมุ่ ก​ นั ​
อีก​แลว้ ​​ทเ​ี วลา​คยุ ​ค​ ยุ ​กันไ​ด้​นาน​”​
ป​ ฏปิ ทาข​ องท​ า่ นต​ อ้ งการใ​หพ​้ วกเ​ราต​ ง้ั ใจป​ ฏบิ ตั ​ิ ต​ ง้ั ใจท​ ำใหจ​้ รงิ ​ม​ ส​ี ต​ิ
สำรวม​ระวงั ​​แมเ​้ วลาก​ นิ ​ขา้ ว​​ทา่ น​ก​ใ็ หร​้ ะวงั ​อยา่ พ​ ดู ค​ ยุ ​กนั ​เอะอะเ​สยี ง​ดงั ​
​“​สติ​”​ ​นั้น​เป็น​ส่ิง​สำคัญ​ที่สุด​อย่าง​หน่ึง​ที่​จะ​ทำให้​เรา​ได้​หยุด​คิด​
พิจารณา​ก่อน​ที่​จะ​ทำ​​จะ​พูด​​และแ​ มแ้ ต่​จะค​ ดิ ส​ ่งิ ​ใดส​ งิ่ ​หนึง่ ว​ า่ ส​ ิ่งน​ ั้นด​ ​ีหรอื ​
ชวั่ ​ม​ ค​ี ณุ ป​ ระโยชนห​์ รอื เ​สยี ห​ าย​ค​ วรก​ ระทำห​ รอื ค​ วรง​ดเ​วน้ อ​ ยา่ งไร​เ​มอ่ื ย​ งั้ ​
คิด​ได้​ก็​จะ​ช่วย​ให้​พิจารณา​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ละเอียด​ประณีต​ ​และ​สามารถ​
กลั่น​กรอง​เอา​สิ่ง​ที่​ไม่​เป็น​สาระ​ไม่​เป็น​ประโยชน์​ออก​ให้​หมด​ ​คง​เหลือ​แต่​
เน้ือท่​ีถูกต​ ้อง​และ​เปน็ ​ธรรมซ​ ง่ึ ​เป็น​ของ​ควรค​ ิด​ค​ วร​พูด​​ควร​ทำ​แทๆ้ ​

47 ๔๗

๑​ ๘​

​ธรรมะจ​ าก​ซอง​ยา​



บอ่ ยค​ รงั้ ท​ ห​ี่ ลวงปม​ู่ กั จ​ ะห​ ยบิ ยกเ​อาส​ ง่ิ ของร​อบต​ วั ท​ า่ นม​ าอ​ ปุ มาเ​ปน็ ​
ข้อ​ธรรมะ​ให้​ศิษยไ์​ดฟ​้ งั ​กนั ​เสมอ​
​ ครง้ั ห​ นงึ่ ​ทา่ นไ​ดอ​้ บรมศ​ ษิ ยผ​์ ห​ู้ นง่ึ เ​กย่ี วก​ บั ก​ ารร​เ​ู้ หน็ แ​ ละไ​ดธ​้ รรมว​ า่ ​
มท​ี ้งั ช​ น้ั ห​ ยาบ​ช​ ้นั ​กลาง​​ชนั้ ​ละเอียด​​อปุ มา​เหมอื น​อย่างซ​ องย​ า​น่ี​​(ห​ ลวงป​ู่
ทา่ น​ช้​ไี ป​ทซ​ี่ อง​บหุ รี)​่ ​
​ “​แรกเ​รมิ่ ​​เราเ​ห็น​แคซ่​ อง​ของ​มนั ​​ต่อม​ า​​เรา​จะไ​ป​เห็นม​ วนบ​ หุ ร่ี​
อยู่​ใน​ซอง​นั่น​ ​ใน​มวน​บุหรี่​แต่ละ​มวน​ก็​ยัง​มี​ยาเส้น​อยู่​ภายใน​อีก​ ​แล้ว​
ท่ีสุด​จะ​เกิด​ตวั ป​ ัญญา​ข้ึน​ ร​ ด​ู้ ว้ ย​ว่าย​ าเส้น​นที้​ ำม​ า​จาก​อะไร​ จ​ ะ​เรยี ก​ว่า​​
“เหน็ ​ในเ​ห็น”​กไ็ ด้​ล​ องไ​ปต​ รองด​ แ​ู ลว้ ​เทียบก​ ับ​ตัว​เราใ​ห้​ดเี​ถอะ​”​

๔๘ 48 ๑​ ๙​

​ ธ​ รรมะจ​ าก​โรงพ​ ยาบาล​

โรง​พยาบาล​เป็น​สถาน​ท่ี​บำบัด​ทุกข์​ของ​มนุษย์​เรา​ ​อย่าง​น้อย​ ​๓​​
ประการ​​ซึง่ พ​ ระพทุ ธเจา้ ​ทรง​แสดง​ไวใ​้ น​พระส​ ูตร​สำคัญห​ ลายเ​ร่ือง​​คอื ​
​ ชาต​ิทกุ ข​์ ​-​ค​ วาม​เดอื ดร​ ้อน​เวลาเ​กิด​
ช​ รา​ทุกข์​​-​​ความเ​ดือดร​ อ้ นเ​ม่ือค​ วาม​แก​ม่ า​ถงึ ​​และ​
​ พยาธิ​ทุกข์ ​-​ค​ วาม​เดอื ด​ร้อนใ​นย​ ามเ​จ็บ​ไข​้ได้​ป่วย​
​ หลวงปูเ​่ คยบ​ อกก​ ับผ​ ู้​เขยี น​ว่า​ท​ ี่​โรง​พยาบาลน​ ่ัน​แหละ​มขี​ องดเี​ยอะ​
เป็น​เหมือน​โรงเรียน​​เวลา​ไปอ​ ยา่ ล​ มื ​ดต​ู วั เ​กดิ ​​แก​่ เ​จบ็ ​​ตาย​​อย่​ูในน​ นั้ ​หมด​
“​ ​ดูข​ า้ งน​ อก​แล้วย​ ้อน​มาด​ ​ูตวั เ​รา​​เหมอื น​กัน​ไหม​?”​


49 ๔๙

๒​ ๐​

​ของจ​ ริง​ข​ อง​ปลอม​

​เม่ือ​หลาย​ปี​ก่อน​ ​ได้​เกิด​ไฟ​ไหม้​ท่ี​วัด​สะแก​บริเวณ​กุฏิ​ตรง​ข้าม​กุฏิ​
หลวงป​ู่ แ​ ตไ​่ ฟไ​มไ​่ หมก​้ ฏุ ห​ิ ลวงป​ู่ เ​ปน็ ท​ น​่ี า่ อ​ ศั จรรยใ​์ จแ​ กศ​่ ษิ ยแ​์ ละผ​ ท​ู้ พ​ี่ บเหน็ ​
เปน็ อ​ ยา่ งย​ งิ่ ​ถ​ งึ ข​ นาดม​ ฆ​ี ราวาสท​ า่ นห​ นง่ึ ค​ ดิ ว​ า่ ห​ ลวงปท​ู่ า่ นม​ พ​ี ระด​ ​ี ม​ ข​ี องด​ี
ไฟจ​ งึ ไ​ม่​ไหมก้​ ุฏทิ​ า่ น​
​ ผู้ใหญ่​ทา่ น​น้ัน​ได​้มา​ท​ี่วดั แ​ ละก​ ราบ​เรยี น​หลวงปวู่​ ่า​
​“​หลวงป่​คู รบั ​ผ​ ม​ขอ​พระ​ดี​ทก่​ี นั ​ไฟ​ได้​หนอ่ ยค​ รับ”​ ​
​หลวงปู่​ยิม้ ​ก่อนต​ อบว​ า่ ​
​ “​พุทธ​งั ​ธ​ มั มงั ​​สังฆงั​​ไ​ตร​สรณ​คมน์น​ แี​่ หละ​​พระ​ด​”ี ​
​ ผู้ใหญ​ท่ ่าน​นนั้ ​ก​็รบี ​บอก​ว่า​
​ “​ไม่ใชค​่ รบั ผ​ ม​ขอพ​ ระเ​ป็น​องค์​ๆ​​อยา่ งพ​ ระส​ มเ​ด็จน​ ะ่ ค​ รบั ”​ ​
​ หลวงปก​ู่ ก็​ ล่าว​ยนื ยัน​หนกั ​แน่นอ​ กี ว​ า่ ​
​ “ก​ พ​็ ทุ ธ​งั ​ธ​ ัมมัง​​สงั ฆง​ั ​น​ แี่​ หละม​ ​ีแค​น่ ล​้ี ่ะ​​ภาวนาใ​ห้​ด”ี​ ​
​ ​แล้ว​หลวงปู่​ก็​มิได้​ให้​อะไร​ ​จน​ผู้ใหญ่​ท่าน​น้ัน​กลับ​ไป​ ​หลวงปู่​จึง​ได้​
ปรารภ​ธรรม​อบรมศ​ ษิ ย์ท​ ี​่ยงั ​อย​วู่ ่า​
​ “​คนเ​รา​นก่ี​ ​็แปลก​ข​ า้ ​ให​ข้ องจ​ รงิ ก​ ลบั ไ​ม่​เอา​​จะเ​อาข​ องป​ ลอม​”​


๕๐ 50

๒​ ๑​

​คำ​สารภาพ​ของศ​ ษิ ย์​

เ​ราเ​ปน็ ศ​ ษิ ยร​์ นุ่ ป​ ลายอ​ อ้ ป​ ลายแ​ ขม​(อยหู่ า่ งไกล) แ​ ละม​ ค​ี วามข​ เ​ี้ กยี จ​
เปน็ ป​ กต​ิ ก​ อ่ นท​ เ​ี่ ราจ​ ะไ​ปว​ ดั ​เ​ราไ​มเ​่ คยส​ นใจท​ ำอ​ ะไรจ​ รงิ จงั ย​ าวนาน​ค​ อื เ​รา​
สนใจ​ทำ​จริงจัง​แต่​ก็​ประ​เดี๋ยว​เดียว​ ​เม่ือ​เรา​ได้​ไป​วัด​ ​ด้วย​ความ​อยาก​เห็น​​
อยากร​ ​้เู หมอื น​ท​่ีเพ่ือน​บางค​ นเ​ขาร​ ู้​เ​ขาเ​ห็น​เ​รา​จึง​พยายามท​ ำ​แ​ ต่ม​ นั ไ​ม่​ได​้
ความพ​ ยายามข​ องเ​ราก​ เ​็ ลยล​ ดน​ อ้ ยถ​ อยล​ งต​ ามว​ นั เ​วลาท​ ผ​ี่ า่ นไ​ป​แ​ ตค​่ วาม​
อยาก​ของ​เรา​มนั ไ​มไ​่ ดห​้ มด​ไป​ดว้ ย ​พอ​ข​เ้ี กยี จห​ นกั ​เขา้ ​เ​รา​จงึ ​ถามห​ ลวงป​วู่ า่ ​
​ “ห​ น​ูขี้​เกยี จเ​หลอื ​เกินค​ ะ่ ​​จะท​ ำย​ ัง​ไงด​ ”ี​ ​
​เรา​จำ​ได้​ว่า​ท่าน​น่ัง​เอน​อยู่​ ​พอ​เรา​กราบ​เรียน​ถาม ​ท่าน​ก็​ลุก​ข้ึน​น่ัง​
ฉบั ไว​​มอง​หน้าเ​รา​​แลว้ บ​ อก​ว่า​
​ “ถ​ ้า​ขา้ ​บอก​แกไ​ม่​ใหก​้ ลัวต​ าย​​แก​จะเ​ชื่อข​ า้ ไ​หม​ละ่ ”​ ​
เ​รา​เงียบเ​พราะไ​มเ่​ขา้ ใจท​ ​่ีท่านพ​ ูดต​ อนน​ นั้ เ​ลย​
​ อีก​คร้ัง​หน่ึงป​ ลอด​คน​​เรา​กราบ​เรยี นถ​ าม​ท่านว​ ่า​
​ “ค​ น​ขเ้ี​กียจอ​ ยา่ ง​หนนู​ ​ี้ ​มีส​ ทิ ธถิ​์ ึงน​ ิพพานไ​ดห​้ รือไ​ม่​”​
​หลวงป​่ทู ่าน​นง่ั ส​ ูบ​บหุ รี่ย​ ้มิ ​อยู​แ่ ละบ​ อก​เราว​ า่ ​
​ “​ ​ถ้า​ข้าใ​ห้​แกเ​ดนิ ​จากน​ ​่ีไป​กรงุ เทพฯ​แ​ ก​เดินไ​ดไ้​หม”​ ​

51 ๕๑

​เรา​เงยี บแ​ ลว้ ​ย้มิ แ​ ห้งๆ​ ​ท​ า่ น​จึงพ​ ดู ​ต่อว่า​
​ “​ถา้ ​แกก​ นิ ข​ ้าวส​ ามม​ ้อื ​​มนั ​ก็ม​ ​ีกำลังวังชา​​เดนิ ไ​ปถ​ ึงไ​ด้​ถ้า​แก​กิน​
ข้าว​มื้อ​เดียว​ ​มัน​ก็​พอ​ไป​ถึง​ได้​แต่​ช้า​หน่อย​ ​แต่​ถ้า​แก​ไม่​กิน​ข้าว​ไป​เลย​​
มนั ​ก​็คงไ​ป​ไม่ถ​ ึง​ใ​ช​ไ่ หม​ละ่ ”​ ​
​เรา​รู้สึก​เข้าใจ​ความ​ข้อ​นี้​ซึมซาบ​เลย​ที​เดียว​ ​แล้ว​หลวงปู่​ท่าน​ก็​พูด​
ตอ่ วา่ ​
​ “เ​รือ่ งท​ ำมง้ ​ธรรมะอ​ ะไรข​ ้าพ​ ูด​ไม​่เปน็ ห​ รอก​​ขา้ ก​ ็​เปน็ แ​ ตพ​่ ูดข​ อง​
ขา้ ​อย่าง​น้ีแ​ หละ​”​
อ​ รพนิ ​ท​์

๕๒ 52 ๒๒​

​ ​ทรรศนะต​ า่ ง​กัน​

เกี่ยว​กับ​การ​อยู่​ร่วม​กัน​ใน​วง​ของ​ผู้​ปฏิบัติ​ธรรม​ ​หลวงปู่​ท่าน​ได้​ให้​

โอวาทเ​ตอื นผ​ ป​ู้ ฏบิ ตั ไ​ิ วว​้ า่ ​“​ ก​ ารม​ าอ​ ยด​ู่ ว้ ยก​ นั ​ป​ ฏบิ ตั ด​ิ ว้ ยก​ นั ม​ ากเ​ขา้ ย​ อ่ มม​ี
เรอ่ื งก​ ระทบก​ ระทง่ั ก​ นั เ​ปน็ ธ​ รรมดา​ต​ ราบใ​ดท​ ย​่ี งั เ​ปน็ ป​ ถุ ชุ นค​ นธ​ รรมดาอย​ู่
ทฏิ ฐค​ิ วามเ​หน็ ย​ อ่ มต​ า่ งก​ นั ​ข​ อใ​หเ​้ อาแตส​่ ว่ นด​ ม​ี าสน​ บั ส​ นน​ุ กนั ​อ​ ยา่ เ​อาเ​ลว​
มาอ​ วดก​ นั ​ก​ ารป​ รามาสพ​ ระก​ ด​็ ​ี ก​ ารพ​ ดู จาจ​ าบจ​ ว้ งใ​นพ​ ระพทุ ธ​พ​ ระธ​ รรม​
พระ​สงฆ​์ หรอื ​ทา่ น​ท​ม่ี ​ศี ลี ​ม​ธี รรม​ก​ด็ ​ี ​จะ​เปน็ ​กรรม​ตดิ ตวั ​เรา​และ​ขดั ​ขวาง
ก​ ารป​ ฏบิ ตั ธ​ิ รรมใ​นภ​ ายห​ นา้ ​ด​ งั น​ น้ั ​ห​ ากเ​หน็ ใ​ครท​ ำความด​ ​ี ก​ ค​็ วรอ​ นโุ มทนา​
ยนิ ด​ดี ว้ ย​​แม​ต้ า่ ง​วดั ต​ า่ งส​ ำนกั ห​ รอื แ​ บบ​ปฏบิ ตั ​ติ า่ งก​ นั ก​ ต็ าม​”
ไ​มม่ ใ​ี ครผ​ ดิ ห​ รอก​เ​พราะจ​ ดุ ม​ งุ่ ห​ มายต​ า่ งก​ เ​็ ปน็ ไ​ปเ​พอ่ื ค​ วามพ​ น้ ท​ กุ ข​์

เชน่ ​กนั ​​เพียง​แตเ​่ รา​จะท​ ำให้​ดี​​ด​ียงิ่ ​ด​ ท​ี ี่สุด​

​ ขอใ​ห้​ถามต​ ัวเ​ราเ​องเ​สยี ​ก่อน​ว่า.​.​​.​​แล้วเ​ราล​ ะ่ ถ​ งึ ทส่ี​ ดุ แ​ ล้วห​ รือ​ยงั ?​

53 ๕๓

๒​ ๓​

อ​ ุเบกขา​ธรรม​

​เรา​มัก​จะ​เห็น​การ​กระทำ​ท่​ีเป็น​คำ​พูด​และ​การ​แสดงออก​อย่​ูบ่อย​ๆ​​
สว่ น​การ​กระทำท​ ​เ่ี ปน็ การ​นง่ิ ​ท​ ​เ่ี รยี ก​วา่ ​มอ​ี เุ บกขา​นน้ั ​มกั ไ​ม​ค่ อ่ ย​ไดเ​้ หน็ ก​ นั ​
​ ในเ​รอ่ื งก​ ารส​ รา้ งอ​ เุ บกขาธ​ รรมข​ น้ึ ใ​นใ​จน​ น้ั ​ผ​ ป​ู้ ฏบิ ตั ใ​ิ หมเ​่ มอ่ื ไ​ดเ​้ ขา้ ม​ า​
ร​ธู้ รรม​​เหน็ ธ​ รรม​​ได​พ้ บเหน็ ส​ ง่ิ ​แปลก​ๆ​แ​ ละค​ ณุ คา่ ข​ อง​พทุ ธ​ศาสนา​ม​ กั เ​กดิ ​
อารมณค​์ วามร​สู้ กึ ว​า่ อ​ ยากช​ วนค​ นม​ าว​ดั ม​ าป​ ฏบิ ตั ใ​ิ หม​้ ากๆ​ ​โ​ดยล​ มื ด​ พ​ู น้ื ฐ​ าน​
จติ ใจข​ อง​บคุ คลท​ ก​่ี ำลงั จ​ ะช​ วน​วา่ ​เขาม​ ค​ี วามส​ นใจ​มากน​ อ้ ย​เพยี งใ​ด​
​ หลวงป่​ูท่านบ​ อก​ว่า​
“​ ใ​หร​้ ะวงั ใ​หด​้ จ​ี ะเ​ปน็ บ​ าป​เ​ปรยี บเ​สมอื นก​ บั ก​ ารจ​ ดุ ไ​ฟไ​วต​้ รงก​ ลาง​
ระหวา่ งค​ นส​ องค​ น​ถ​ า้ เ​ราเ​อาธ​ รรมะไ​ปช​ วนเ​ขา​เ​ขาไ​มเ​่ หน็ ด​ ว้ ย​ป​ รามาส​
ธรรมน​ ซ​้ี งึ่ เ​ปน็ ธ​ รรมข​ องพ​ ระพทุ ธเจา้ ก​ เ​็ ทา่ กบั เ​ราเ​ปน็ ค​ นก​ อ่ ​แ​ ลว้ เ​ขาเ​ปน็ ​
คน​จดุ ไ​ฟ.​.​​.​บ​ าปท​ ้งั ​คเ​ู่ รยี กว​ า่ ​เ​มตตาจ​ ะพ​ าต​ ก​เหว​”​
แ​ ล้ว​ท่านย​ ก​อุทาหรณ์​สอนต​ ่อว่า​
​“​เหมือน​กบั ​มช​ี ายค​ น​หน่งึ ต​ ก​อย​ูใ่ น​เหวล​ ึก​ม​ ผ​ี ู้​จะม​ า​ช่วยค​ นท​ ่ี​​๑​
มเี​มตตาจ​ ะม​ าช​ ว่ ย​​เอาเ​ชอื กด​ ึงข​ นึ้ จ​ ากเ​หว​ด​ งึ ไ​มไ​่ หวจ​ ึงต​ กลงไ​ปใ​นเ​หว​
เหมอื นก​ นั ​ค​ นท​ ​่ี ๒​ ​ม​ ก​ี รณุ าม​ าช​ ว่ ยด​ งึ อ​ กี ก​ ต​็ กลงเ​หวอ​ กี ​ค​ นท​ ​ี่ ๓​ ​ม​ ม​ี ทุ ติ า​
มา​ช่วย​ดึงอ​ ีกก​ ​็พลาดต​ กเ​หว​อกี ​เชน่ ​กัน​

๕๔ 54

​ คนท​ ่​ี ​๔​ส​ ดุ ท้าย​​เปน็ ​ผมู​้ ี​อเุ บกขา​ธรรม​เ​ห็น​วา่ เ​หว​นล​้ี กึ ​เกนิ ก​ วา่ ​
กำลงั ข​ องต​ นท​ จ​่ี ะช​ ว่ ย​ก​ ม​็ ไิ ดท​้ ำป​ ระการใ​ด ท​ ง้ั ๆ​ ​ท​ จ​่ี ติ ใจก​ ม​็ เ​ี มตตาธ​ รรม​
ทจ​ี่ ะ​ชว่ ย​เหลืออ​ ย่​ู ค​ น​สดุ ทา้ ย​น​ี้จงึ ​รอดช​ ีวติ ​จากก​ าร​ตกเ​หว​ตาม​เ​พราะ​
อุเบกขาธ​ รรม​นแี้​ ล​”​


55 ๕๕

๒​ ๔​

ใ​ห้ร​ู้จกั ​บญุ ​



การ​ทำบุญ​ทำ​กุศล​น้ัน​ ​โปรด​อย่า​นึก​ว่า​จะ​ต้อง​หอบ​ข้าว​หอบ​ของ​
ไปใ​สบ​่ าตร​ท่ว​ี ัดท​ ุกว​ นั ​ห​ รอื บ​ ญุ จ​ ะ​เกิดไ​ด​้ก็​ต้องท​ อดก​ ฐินส​ ร้าง​โบสถ​์ ​สรา้ ง​
ศาลา​​และ​อนื่ ๆ​ ​อ​ ย่างท​ ่ี​เขา​โฆษณา​​ขาย​บญุ ​กนั ​ท​ ัง้ ​ทางว​ ิทย​ุ ​หนังสอื พมิ พ์​
และใ​บเ​รยี่ ไ​รก​ นั เ​กลอื่ นก​ ลาด​จ​ นร​สู้ กึ ว​ า่ จ​ ะต​ อ้ งเ​ปน็ ภ​ าระท​ ต​ี่ อ้ งบ​ รจิ าคเ​มอ่ื ​
ไป​วดั ​หรอื ​สำนกั น​ น้ั ​ๆ​ ​​เป็นป​ ระจำ​
​ บทส​ วดม​ นต​์ช่อื พ​ ระพุทธช​ ยั มงคล​คาถา​​ทข​่ี ้นึ ต​ น้ ด​ ว้ ย​“​ พ​ า​หงุ .​.​​.​”​
ม​ีอย​ู่ทอ่ น​หนึง่ ​ซ​ ง่ึ ​กลา่ ว​ถึง​พระพุทธเจ้า​ทรง​ชนะม​ าร​คอื ก​ เิ ลส​ว​ า่ ​
“​ ​ทา​นาท​ิธัมม​วธิ น​ิ า​ช​ ิตว​ า​ม​ ​ุนนิ โ​ท​”​​แปลว​ ่า​
​ “​พระพทุ ธเจ้า​ผ้ทู รงเ​ป็นจ​ อม​ปราชญ์​ท​ รง​ชนะ​มาร​คือ​ก​ เิ ลส​​ดว้ ย​
วธิ ​บี ำเพ็ญบ​ ารมี​ธรรมค​ ือ​ค​ วามด​ ​ี ​ม​ีการบ​ รจิ าค​ทาน​เ​ปน็ ต้น”​ ​
​ พระพทุ ธเจา้ ท​ รงส​ อนก​ ารท​ ำบญุ ท​ ำก​ ศุ ล​ด​ ว้ ยก​ ารใ​หท​้ าน​ร​ กั ษาศ​ ลี ​
และ​สวด​มนต์​เจริญส​ มาธิ​ภาวนา​ใ​ห้​ทาน​ทกุ ค​ รง้ั ​ใ​ห้​ทำลาย​ความโ​ลภ​​คอื ​
กเิ ลสท​ กุ ค​ รงั้ ​ร​กั ษาศ​ ลี ​เ​จรญิ ภ​ าวนาเ​พอื่ ท​ ำลายค​ วามโ​กรธ​ค​ วามเ​หน็ แ​ กต​่ วั ​
​ให้​ใจ​สะอาด​ ​ใจ​ไม่​เศร้า​หมอง​ มอง​เห็น​บาป​บุญ​คุณโทษ​ได้​ทุก​ครั้ง​ ​ทำได้​
ดงั นี้​​จึงช​ ือ่ ​วา่ ​ทำต​ าม​พระพทุ ธเจา้ ​

๕๖ 56 ​๒๕​

​ ​อบุ าย​วธิ ​ีทำความ​เพียร​

ครง้ั ห​ นง่ึ ท​ ไ​่ี ดส​้ นทนาป​ ญั หาธ​ รรมก​ บั ห​ ลวงป​ู่ ท​ า่ นเ​ลา่ ใ​หผ​้ เ​ู้ ขยี นฟ​ งั วา่ ​

เขา​มาถ​ าม​ปัญหาข​ า้ ​ข​ า้ ก​ ต็​ อบ​ไม่ไ​ด​้อย​ู่ปัญหาห​ นึ่ง​​
ผเ้​ู ขียนเ​รียนถ​ ามท​ า่ นวา่ ​​“​ปญั หาอ​ ะไร​ครับ”​ ​​
ท่านเ​ล่า​วา่ ​“​ ​เ​ขาถ​ าม​ว่า​ข​ ​ี้เกียจ​​(ป​ ฏบิ ตั ิ​)​​จะท​ ำอยา่ งไรด”ี ​
​หลวงปู​ห่ ัวเราะ​​ก่อนท​ ​่จี ะ​ตอบ​ตอ่ ไ​ป​วา่ ​​
“​บะ๊ ​​ขี​้เกียจ​ก​็หมดกนั ​​ก​ไ็ ม่ต​ ้องท​ ำ​ซิ​”​
​ สกั ​ครู่​ท่าน​จงึ เ​มตตาส​ อน​วา่ ​​
“ห​ มน่ั ท​ ำเ​ขา้ ไ​ว.​้ ​.​.​​ถา้ ข​ เ​้ี กยี จใ​หน​้ กึ ถงึ ขา้ ​ข​ า้ ท​ ำม​ า​๕​ ๐​ป​ ​ี อ​ ปุ ช​ั ฌาย​์
ขา้ เ​คยส​ อนไ​วว​้ า่ ​ถ​ า้ ว​ นั ไ​หนย​ งั ก​ นิ ข​ า้ วอ​ ย​ู่ กต​็ อ้ งท​ ำ​ว​ นั ไ​หนเ​ลกิ ก​ นิ ข​ า้ ว.​.​.​​
นน่ั แ​ หละถ​ ึง​ไม​ต่ อ้ ง​ทำ”​ ​

57 ๕๗

​๒๖​

​พระ​เก่า​ของ​หลวงป​ู่

ส​ ำหรบั พ​ ระเ​ครอ่ื งแ​ ลว้ ​พ​ ระส​ มเดจ็ ว​ ดั ร​ ะฆงั ฯ​ ​เ​ปน็ ท​ ร​่ี จู้ กั ก​ นั ด​ ใ​ี นห​ ม​ู่
นกั เลง​พระว​ า่ ​เ​ปน็ ​ของ​หาย​ าก​และม​ รี​ าคาแ​ พง​​ใครไ​ดไ​้ วบ​้ ูชา​นบั เ​ปน็ ม​ งคล​
อย่างย​ ่งิ ​
​ หลวงปไ​ู่ ดส​้ อนว​ า่ ​ก​ ารน​ บั ถอื พ​ ระเ​ชน่ น​ เ​้ี ปน็ ส​ ง่ิ ท​ ด​ี่ ​ี แ​ ตเ​่ ปน็ ด​ ภ​ี ายนอก​
มิใชด​่ ​ีภายใน​ท​ ่าน​บอกว​ า่ ​​“ใ​หห้ า​พระ​เกา่ ใ​ห​พ้ บ​น​ ซ​่ี ​ขิ อง​แทข​้ องดจ​ี รงิ ​”​ ​
ผู​้เขยี น​เรียน​ถาม​ทา่ นว​ ่า​​“​พระ​เก่า​หมายความ​วา่ อ​ ย่างไร​ครบั ”​ ​
​ท่านว​ ่า​“​ ​กห​็ มาย​ถงึ ​พระพ​ ทุ ธ​เจ้าน่ะซ​ ​ิ น​ นั่ ​​ท่านเ​ป็น​พระ​เก่า​​พระ​
โบราณ​​พระองคแ์​ รกท​ ี่สดุ ”​ ​

๕๘ 58

​๒๗​

ข​ ้อ​ควรค​ ดิ ​

​การ​ไป​วัด​ไ​ป​ไหว้​พระ​​ตลอดจ​ น​การ​สนทนาธ​ รรมก​ บั ท​ ่าน​สมควร​

ทจ​ี่ ะต​ อ้ งม​ ค​ี วามต​ งั้ ใจแ​ ละเ​ตรยี มใ​หพ​้ รอ้ มท​ จ​่ี ะร​ บั ธ​ รรมจ​ ากท​ า่ น​ม​ ฉ​ิ ะนน้ั ก​ ​็

อาจ​เกิด​เปน็ ​โทษไ​ด้​ด​ ังเ​ร่ือง​ตอ่ ​ไปน​ ี​.้ .. ปกติข​ องห​ ลวงป​ู่ทา่ นม​ ​ีความเ​มตตา​

อบรม​สั่ง​สอน​ศิษย์​และ​สนทนา​ธรรม​กับ​ผู้​สนใจ​ตลอด​มา​ ​วัน​หน่ึง​มี​ผู้​มา​

ก​ราบน​ มัสการท​ ่าน​และเ​รียนถ​ ามป​ ญั หา​ต่างๆ​​จาก​นั้นจ​ งึ ​กลบั ​ไป​
​ หลวงปู่​ท่าน​ได้​ยก​เป็น​คติ​เตือน​ใจ​ให้​ผู้​เขียน​ฟัง​ว่า​ “คน​ท่ีมา​เม่ือ​ก้ี​​
หาก​ไปเ​จอ​พระ​ดลี ะ่ ​ก​ล็ งน​ รก​ไ​มไ​่ ป​สวรรค​์ ​นิพพานห​ รอก​”
​ผ้​เู ขยี นจ​ งึ ​เรยี น​ถามท​ ่าน​ว่า​​“​เพราะเ​หตุไ​รค​ รบั ”​ ​
​ ทา่ นต​ อบว​า่ “​ ก​​จ​็ ะไ​ปป​ รามาสพ​ ระท​ า่ นน​ ะ่ ซ​ ​ี​ไมไ​่ ดไ​้ ปเ​อาธ​รรมจ​ ากทา่ น”​
​หลวงปเ​ู่ คย​เตอื น​พวกเ​รา​ไวว​้ า่ ​“​ ​การไ​ปอ​ ย​กู่ บั พ​ ระ​อรห​ นั ​ต​์ ​อยา่ อ​ ย​ู่
กบั ท​ า่ นน​ าน​เ​พราะเ​มอ่ื เ​กดิ ค​ วามม​ กั ค​ นุ้ แ​ ลว้ ​ม​ กั ท​ ำใหล​้ มื ตวั ​เหน็ ท​ า่ นเ​ปน็ ​
เพอ่ื น​เลน่ ​ ​คยุ ​เลน่ ​หวั ​ทา่ น​บา้ ง​ ​ให​ท้ า่ น​เหาะ​ให​ด้ ​บู า้ ง​ ​ถงึ ​กบั ​ออกปาก​ใช้​
ทา่ นเ​ลยก​ ม​็ ​ี ก​ ารก​ ระทำเ​ชน่ น​ ​้ี ถ​ อื เ​ปน็ การป​ รามาสพ​ ระ​ล​ บหลค​ู่ รอ​ู าจารย​์
และเ​ปน็ บ​ าปม​ าก​ป​ ดิ ก​ น้ั ท​ างม​ รรคผลน​ พิ พานไ​ด​้ จ​ งึ ข​ อใ​หพ​้ วกเ​ราส​ ำรวม​
ระวงั ​ใหด​้ ”​ี ​

59 ๕๙

​๒๘​

ไ​มพ่​ ยากรณ์​

​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ปฏิบัติ​ธรรม​แล้ว​จะ​ได้​สำเร็จ​มรรคผล​นิพพาน​หรือ​ไม่​
เคย​มพี​ ระ​ภิกษ​ทุ ่าน​หนง่ึ ไ​ด้​มาก​ราบ​นมัสการ​และเ​รยี นถ​ าม​หลวงปู่ว​ ่า​
​ “​หลวงปู่​ครับ​ ​กระผม​จะ​ได้​สำเร็จ​หรือ​ไม่​ ​หลวงปู่​ช่วย​พยากรณ์​
ที​ครับ”​
​หลวงปนู่​ ิง่ ​สักค​ ร่​หู นงึ่ ​ก่อนต​ อบว​ า่ ​
​ “​พยากรณไ์​ม​่ได​้”​
พ​ ระ​ภิกษ​รุ ูป​นั้น​ได​เ้ รียนถ​ าม​ตอ่ ว่า​
​ “​เพราะ​เหต​ุไรห​ รือ​ครบั ​”​
​หลวงป่จู​ งึ ต​ อบ​วา่ ​
​ “​ถา้ ผ​ มบ​ อก​วา่ ท​ า่ น​จะ​ได​้สำเรจ็ ​​แลว้ ​ท่านเ​กิดป​ ระมาท​ไมป​่ ฏิบตั ​ิ
ต่อ​ ​มัน​จะ​สำเร็จ​ได้​อย่างไร​ ​และ​ถ้า​ผม​บอก​ว่า​ท่าน​จะ​ไม่​สำเร็จ​ ​ท่าน​ก็​
คงจะข​ ​้ีเกยี จ​และล​ ะทงิ้ ก​ ารป​ ฏิบตั ิ​ไป​​นมิ นตท​์ า่ นท​ ำ​ตอ่ เ​ถอะ​ครับ​”​

๖๐ 60

​๒๙​

จ​ ะ​ตามม​ า​เอง​

​หลาย​ปี​มา​แล้ว​ ​มี​พระ​ภิกษุ​รูป​หนึ่ง​ ​ได้​มา​บวช​ปฏิบัติ​ธรรม​อยู่​ท่ี ​
วัด​สะแก​ ​ก่อน​ที่​จะ​ลา​สิกขา​เข้า​สู่​เพศ​ฆราวาส​ ​ท่าน​ได้​นัดแนะ​กับ​เพื่อน​
พระภ​ กิ ษุ​ทีจ่​ ะส​ กึ ​ด้วยก​ นั ​๓​ ​​องคว์​ า่ ​เ​พ่อื ค​ วาม​เปน็ ส​ ิรมิ​ งคล​​ก่อนส​ ึก​พวก​
เราจ​ ะ​ไป​กราบ​ขอ​ให​ห้ ลวงป่พู​ รมน​ ำ้ มนต์​และใ​หพ้​ ร​
​ท่าน​ได้เ​ลา่ ใ​ห้​ผู้เ​ขียนฟ​ ังว​ า่ ​
​ ขณะท​ ห​ี่ ลวงปพ​ู่ รมน​ ำ้ มนต​์ ใ​หพ​้ รอ​ ยน​ู่ น้ั ​ท​ า่ นก​ น​็ กึ อ​ ธษิ ฐานอ​ ยใ​ู่ นใ​จ​
ว่า​“​ ​ขอ​ความร​ ำ่ รวย​มหาศาล​​ขอ​ลาภข​ อผ​ ล​พูน​ทว​ี ​ม​ีกิน​ม​ใี ช​้ ​ไมร่ ้หู​ มด​จ​ ะ​
ไดแ​้ บง่ ​ไป​ทำบ​ ุญ​มากๆ​”​
​ หลวงปู่​หัน​มา​มอง​หน้า​หลวง​พ่ี​ที่​กำลัง​คิด​ละเมอ​เพ้อ​ฝัน​ถึง​ความ​
ร่ำรวย​น​้ี ก​ อ่ น​ท่ีจ​ ะบ​ อกว​ า่ ​
​“ท​ า่ น.​​..​​​ท่ท​ี ่านค​ ดิ นะ่ ​มนั ต​ ่ำ​ค​ ดิ ใ​หม​้ นั ​สูง​ไว้ไ​มด​่ หี​ รือ​​แลว้ เ​รื่อง​ท​ี่
ทา่ น​คิดน่ะ​จะ​ตาม​มาท​ ีหลัง​”​


61 ๖๑

​๓๐​

แ​ นะ​วธิ วี​ าง​อารมณ​์

​หลวงปู่​เคย​พูด​เสมอ​ว่า​ ​“​ผู้​ปฏิบัติ​ต้อง​หม่ัน​ตาม​ดู​จิต​ ​รักษา​จิต​”​​
สำหรบั ค​ นท​ ไ​่ี มเ​่ คยป​ ฏบิ ตั แ​ิ ลว้ ไ​มร่ จ​ู้ ะด​ ท​ู ไ่ี หน​จ​ ะด​ อ​ู ะไร​ร​สู้ กึ ส​ บั สน​แ​ ยกไ​มถ​่ กู ​
เ​พราะ​ไมเ​่ คยด​ ู​ ​ไม​่เคยส​ ังเกตอ​ ะไร​ ​เคย​อยู​แ่ ต​่ในค​ วาม​คิด​ปรุงแ​ ตง่ ​ อ​ ย​ู่กบั ​
อารมณ์​แต่​แยก​อารมณ์​ไม่​ได้​ ​ยิ่ง​คน​ที่​ยัง​ไม่​เคย​บวช​ ​คน​ท่ี​อยู่​ใน​โลก​แบบ​
ว่นุ ​วาย​​ย่ิงด​ ​ูจิต​ของ​ตนไ​ดย​้ าก​
​ หลวงปไ​ู่ ดเ​้ ปรยี บใ​หผ​้ เ​ู้ ขยี นฟ​ งั ​โ​ดยท​ า่ นไ​ดก​้ ำม​ อื แ​ ละย​ นื่ น​ ว้ิ ก​ ลางม​ า​
ขา้ งห​ นา้ ผ​ เ​ู้ ขยี นว​า่ ​เ​ราภ​ าวนาท​ แ​ี รกก​ เ​็ ปน็ อ​ ยา่ งน​ ​ี้ ส​ กั ค​ รท​ู่ า่ นก​ ย​็ นื่ น​ ว้ิ ช​ อ​ี้ อกม​ า
สกั ค​ รก​ู่ ย​็ น่ื น​ ว้ิ น​ างพ​ รอ้ มก​ บั ม​ อื ไ​หวเ​ลก็ น​ อ้ ย แ​ ละท​ า่ นก​ ย​็ น่ื น​ วิ้ ห​ วั แ​ มม​่ อื แ​ ละ​
นว้ิ ก​ อ้ ยอ​ อกมาตามล​ ำดบั จ​ นค​ รบ​๕​ ​น​ ว้ิ ​ทา่ นท​ ำม​ อื โ​คลงไ​ปโ​คลงม​ า​เ​ปรยี บ​
การภ​ าวนา​ของน​ กั ป​ ฏบิ ตั ท​ิ ​จ่ี ติ แ​ ตก​​ไมส​่ ามารถ​รวมใจ​ให​เ้ ปน็ ​หนง่ึ ​ได้​
​ผู้​ฝึก​จิต​ถ้า​ทำ​จิต​ให้​มี​อารมณ์​หลาย​อย่าง​จะ​สงบ​ไม่​ได้​ ​และ​ไม่​เห็น​
สภาพข​ อง​จิตต​ าม​เปน็ ​จริง​ถ​ ้า​ทำ​จิตใจ​ใหด​้ ง่ิ ​แน่วแ​ น​อ่ ย่​ใู นอ​ ารมณ์​อนั เ​ดยี ว​
แล้ว​ ​จิต​ก็​มี​กำลัง​เปล่ง​รัศมี​แห่ง​ความ​สว่าง​ออก​มา​เต็ม​ที่​ ​มอง​สภาพ​ของ​
จติ ​ตามค​ วาม​เปน็ จ​ รงิ ​ได​้ว่า​​อะไรเ​ปน็ ​จติ ​​อะไร​เปน็ ​กเิ ลส​อ​ ะไรท​ ​่คี วร​รกั ษา​
อะไร​ท่คี​ วร​ละ​

๖๒ 62

​๓๑​

​อย่าพ​ ูดม​ าก​

​“​เวลาป​ ฏิบัต​ิ ​พอ​จะไ​ด​้ดหี​ น่อย​​มันอ​ ยาก​จะพ​ ูด​​อยากจ​ ะ​เลา่ ใ​ห้​
ใครฟ​ ัง​​จรงิ ​ไหม​ละ่ ​แก​ข​ ้า​รู​้ ​ข้าก​ ็​เคยเ​ป็นม​ า”​ ​ห​ ลวงป่​ูทา่ น​กล่าว​แ​ ลว้ เ​ลา่ ​
เร่อื ง​เป็น​อุทาหรณ์​วา่ ​

“​ ม​ พ​ี ระองคห์​ นึ่ง​ปฏิบตั ​จิ ติ ส​ งบด​ ​ี แ​ ลว้ ​เกดิ น​ ิมิต​เห็นพ​ ระพทุ ธเจา้ ​
นบั ร​ อ้ ยอ​ งคเ​์ ดนิ เ​ขา้ ม​ าห​ า​ท​ า่ นม​ ค​ี วามป​ ตี เ​ิ อบิ อ​ ม่ิ ย​ นิ ดม​ี าก​อ​ ยากจ​ ะเ​ลา่ ​
ให้​หมู่​เพื่อน​ฟัง​ ตอน​เช้า​จึง​เล่า​ผล​การ​ปฏิบัติ​ของ​ตน​ให้​หมู่​เพื่อน​ทราบ​​
ผล​ปรากฏ​ว่า​พระรูป​นั้น​ทำ​สมาธิ​อีก​เป็น​เดือน​ก็​ยัง​ไม่​ปรากฏ​จิต​สงบ​ดี​
ถงึ ​ระดบั ท​ ​่ีเคยน​ นั้ ​เลย​”​​
ถึง​ตรง​น้ี​ท​ ่าน​สง่ั ​เลยว​ า่ ​

“​ แ​ กจ​ ำไ​วเ​้ ลยน​ ะ​ค​ นท​ ท​ี่ ำเ​ปน็ ​เ​ขาไ​มพ​่ ดู ​ค​ นท​ พ​่ี ดู น​ น่ั ย​ งั ท​ ำไ​มเ​่ ปน็ ”​ ​


63 ๖๓

​๓๒​

เ​ช่อื ​จริงห​ รือ​ไม่​?

​สำหรบั ผ​ ูป้​ ฏบิ ตั แ​ิ ลว้ ​ ​คำด​ ด​ุ ่า​วา่ ก​ ล่าว​ของค​ ร​ูอาจารย์​ ​นบั ​เปน็ ​เรือ่ ง​
สำคัญ​และม​ ​คี ณุ คา่ ​ย่งิ ​​หากค​ รูบาอ​ าจารย​เ์ มินเ​ฉย​ไม​ด่ ุด​ ่าว​ า่ ก​ ล่าว​กเ​็ หมือน​
เป็นการล​ งโทษ​
​ ผ้​เู ขยี นเ​คย​ถกู ห​ ลวงปู่​ดุ​วา่ ​
​ “​แกย​ งั ​เชอ่ื ไ​ม​จ่ รงิ ​ถ​ า้ ​เชอ่ื จ​ รงิ ​​พทุ ธง​ั ​ธ​ มั มงั ​ส​ งั ฆงั​​ส​ รณงั​​​คจั ฉา​มิ​
ตอ้ งเ​ชอ่ื แ​ ละย​ อมรบั พ​ ระพทุ ธ​พ​ ระธ​ รรม​พ​ ระส​ งฆ​์ เ​ปน็ ท​ พ​่ี ง่ึ ​แ​ ทนทจ​่ี ะเ​อา
ค​ วาม​โลภ​มา​เปน็ ​ทพ​่ี ง่ึ ​เ​อาค​ วามโ​กรธม​ าเ​ปน็ ท​ ​พ่ี ง่ึ ​​เอาค​ วามห​ ลงม​ า​เปน็ ​
ทพ​่ี ง่ึ ”​ ​
ห​ ลวงป​ทู่ า่ น​กลา่ วก​ บั ​ผูเ​้ ขียน​วา่ ​
​ “โ​กรธ​โ​ลภ​ห​ ลง​เ​กดิ ข​ น้ึ ​ใ​หภ​้ าวนา​แ​ ลว้ โ​กรธ​โ​ลภ​ห​ ลงจ​ ะค​ ลายล​ ง​
ข​ า้ ร​บั รอง​ถ​ า้ ท​ ำแ​ ลว้ ​ไม​จ่ รงิ ​ใ​หม​้ า​ดา่ ข​ า้ ไ​ด​”้ ​

๖๔ 64 ๓​ ๓​

​ ​คดิ ​วา่ ​ไม่ม​ีดี​

ผ้​ปู ฏบิ ัติส​ ว่ นใ​หญม​่ ัก​จะไ​ม่​พอใจ​ในผ​ ลก​ าร​ปฏบิ ตั ิ​ของ​ตน​ โดยทมี่​ ัก​
จะ​ขาด​การ​ไตร่ตรอง​ว่า​สาเหตุ​นั้น​เป็น​เพราะ​อะไร​ ​ดัง​ที่​เคย​มี​ลูก​ศิษย์​คน​
หน่ึง​ของ​หลวงปู่​ ได้​มา​น่ัง​บ่น​ให้​ท่าน​ฟังใน​ความ​อาภัพ​อับ​วาสนา​ของ​ตน​
ใ​นก​ ารภ​ าวนาว​ า่ ​ต​ นไ​มไ​่ ดร​้ ​ู้ ไ​มไ​่ ดเ​้ หน็ ส​ ง่ิ ต​ า่ งๆ​ภ​ ายใน​ม​ น​ี มิ ติ ภ​ าวนา​เ​ปน็ ตน้ ​
ลงท้าย​ก็ต​ ำหน​วิ า่ ​ตน​นั้น​ไมม่ ​ีความร​ ้อ​ู รรถ​ร​ธู้ รรมแ​ ละ​ความด​ อี​ ะไรเ​ลย​
​หลวงปู่​น่ัง​ฟัง​อยู่​สัก​ครู่​ ​ท่าน​จึง​ย้อน​ถาม​ลูก​ศิษย์​จอม​ข้ี​บ่น​ผู้​น้ัน​ว่า​​
“​แกแ​ น่ใจห​ รอื ​ว่า​ไมม่ อี​ ะไรด​ ี​แ​ ล้ว​แกร​ ู้จัก​พระพทุ ธ​พ​ ระ​ธรรม​พ​ ระส​ งฆ​์
หรอื ​เปล่า”​ ​
ล​ กู ​ศษิ ยผ​์ ​ู้นั้นน​ ิ่งอ​ งึ้ ส​ กั ค​ รจู่​ งึ ต​ อบว​ ่า​“​ ​รจู้ ัก​ครบั ​”​
ห​ ลวงป​ู่จงึ ​กลา่ ว​สรปุ ​วา่ ​​“เ​ออ​​นัน่ ซ​ี แ​ ล้ว​แกท​ ำไม​จงึ ค​ ิด​วา่ ต​ วั ​เรา​
ไมม่ ดี​ ​”ี ​
​ นี่​เป็น​ตัวอย่าง​หนึ่ง​ท่ี​แสดง​ถึง​ความ​เมตตา​ของ​ท่าน​ ​ท่ี​หา​ทางออก​
ทางป​ ัญญา​ให​้ศิษย์​ผ​ู้กำลัง​ท้อถอย​ด้อย​ความค​ ิด​ ​และ​ตำหนิ​วาสนาต​ นเอง​​
หาก​ปลอ่ ย​ไว​้ยอ่ ม​ทำให​้ไมม่ ก​ี ำลัง​ใจใ​น​การป​ ฏบิ ัตเ​ิ พ่อื ผ​ ลท​ ี่​ควรไ​ด้​แห่ง​ตน​


65 ๖๕

๓​ ๔​

​พระท​ ค​ี่ ลอ้ ง​ใจ​

เ​มอ่ื ม​ ผ​ี ไ​ู้ ปข​ อข​ องดจ​ี ำพวกว​ ตั ถม​ุ งคลจ​ าก​หลวงปไู​่ วห​้ อ้ ยค​ อห​ รอื ​พก​

ตดิ ตวั ​​หลวงปจ​ู่ ะส​ อนว​ า่ ​
​ “จ​ ะเ​อาไ​ปท​ ำไม​ข​ องดภ​ี ายนอก​ท​ ำไมไ​มเ​่ อาข​ องดภ​ี ายใน​พ​ ทุ ธงั ​
ธัมมงั ​ส​ งั ฆ​ัง​น​ ​่ีแหละ​ของว​ เิ ศษ”​ ​
​ ท่าน​ใหเ้​หตผุ ลว​ ่า​
​“​คน​เราน​ ั้น​ถ​ ้า​ไม่​มพ​ี ุทธ​ัง​​ธมั มัง​​สังฆัง​​​เปน็ ข​ องดภ​ี ายใน​ถ​ ึงแ​ ม้​
จะไ​ดข​้ องดภ​ี ายนอกไ​ปแ​ ลว้ ​ก​ ไ​็ มเ​่ กดิ ป​ ระโยชนอ​์ ะไร.​.​.​​ทำอ​ ยา่ งไรจ​ งึ จ​ ะได​้
เหน็ พ​ ระจ​ รงิ ๆ​ ​เ​หน็ ม​ แ​ี ตพ​่ ระป​ นู ​พ​ ระไ​ม​้ พ​ ระโ​ลหะ​พ​ ระรปู ถ​ า่ ยพ​ ระส​ งฆ​์
ลอง​กลบั ​ไปค​ ดิ ​ด​”ู ​


๖๖ 66 ​๓๕​

​ จ​ ะ​เอา​ดี​หรอื เ​​อาร​ วย​?

อีก​คร้ัง​หน่ึง​ที่​คณะ​ผู้​เขียน​ได้​มา​นมัสการ​หลวงปู่​ ​เพ่ือน​ของ​ผู้​เขียน​
ท่าน​หน่ึง​ต้องการ​เช่า​พระ​อุป​คุต​ท่ี​วัด​เพ่ือ​นำ​ไป​บูชา​ โดย​กล่าว​กับ​ผู้​ท่ีมา​
ด้วย​กนั ว​ ่า​บ​ ชู า​แลว้ ​จะ​ได้​รวย​
เ​พอื่ น​ของ​ผูเ​้ ขยี นท​ ่านน​ ้นั แ​ ทบ​ตะลงึ ​​เมอ่ื ​มากร​ าบ​หลวงป​ู่ ​แล้วท​ า่ น​
ได​ต้ ักเ​ตอื น​ว่า​“​ ร​ วยก​ ับ​ซวยม​ นั ​ใกลๆ​้ ​ก​ นั ​นะ”​ ​
​ ผ้​เู ขียน​ได้เ​รยี นถ​ าม​หลวงปู่​ว่า​“ใ​กลก​้ นั ​ยงั ไ​งค​ รับ”​ ​
​ ท่านย​ ้มิ แ​ ละต​ อบ​ว่า​​“​มันอ​ อก​เสียงค​ ลา้ ยก​ ัน​”​​
พวก​เรา​ต่าง​ยิ้ม​น้อย​ยิ้ม​ใหญ่​ ​สัก​ครู่​ท่าน​จึง​ขยาย​ความ​ให้​พวก​เรา​
ฟังว่า “​จะ​เอา​รวย​นะ่ ​จ​ ะ​หาม​ ายังไ​งก​ ็​ทุกข​์ ​จะร​ ักษาม​ นั ก​ ็​ทกุ ข์​หมดไ​ป​
ก​็เปน็ ​ทกุ ข์​อีก​​กลวั ​คน​จะจ​ จ​ี้ ะป​ ลน้ ​​ไป​คิดด​ ูเถอะ​​มนั ไ​ม​จ่ บห​ รอก​​มี​แต​่
เรอื่ ง​ยงุ่ ​เ​อา​ดี​ด​ ีก​ วา่ ​”​
​ คำว​ า่ ​“​ ​ด”​ี ​ข​ องห​ ลวงปู​ม่ คี​ วาม​หมาย​ลกึ ซ​ ึ้งม​ าก​​ผเู้​ขยี นข​ อ​อัญ​เชิญ​
พระบรมร​ าโชวาทข​ องใ​นหลวงข​ องเ​ราใ​นเ​รอื่ งก​ ารท​ ำความด​ ​ี ม​ าเ​ปรยี บ​ณ​ ​
ที่​น้ี​​ความต​ อน​หนง่ึ ​ว่า​

67 ๖๗

​ “​.​.​.ค​ วามด​ ​ีนี้​ไ​มต่​ ้องแ​ ย่งก​ นั ​​ความ​ดี​น​้ี ท​ กุ ค​ น​ทำได้​เ​พราะ​ความ​ด​ี
น​้ีทำ​แลว้ ​กด็​ ต​ี าม​​คำ​วา่ ​​‘​ดี​’​​น​้ี ​ด​ีทั้ง​นน้ั ​​ฉะนัน้ ​​ถ้า​ชว่ ยก​ ัน​ทำด​ ี​​ความด​ ี​นั้น​
ก​จ็ ะ​ใหญโ่​ต​จ​ ะด​ ย​ี ง่ิ ​ด​ เ​ี ย่ียม.​​.​.”​ ​


๖๘ 68

​๓๖​

ห​ ลักพ​ ระพทุ ธ​ศาสนา​

​เล่า​กัน​ว่า​ ​มี​โยม​ท่าน​หน่ึง​ ​ไป​นมัสการ​พระ​เถระ​องค์​หนึ่ง​อยู่​เป็น​
ประจำ​​และ​ในว​ ัน​หน่งึ ไ​ด​ถ้ าม​ปญั หา​ธรรมก​ บั ​ท่าน​ว่า​
​ “ห​ ลกั ข​ องพ​ ระพทุ ธ​ศาสนา​คอื ​อะไร...​”​
พ​ ระ​เถระต​ อบ​ว่า​
“​ ​ละ​ความช​ ่ัว​​ทำความด​ ​ี ท​ ำจ​ ิตข​ องต​ นใ​ห​้ผอ่ ง​แผ้ว​”​
​ โยม​ทา่ นน​ ั้นไ​ด้​ฟัง​แล้ว​พ​ ูด​ว่า​
“​ ​อยา่ งน​ ​้เี ดก็ ​​๗​​ขวบก​ ​็ร​ู้”​
พ​ ระ​เถระย​ ิม้ เ​ลก็ ​นอ้ ย​ก่อน​ตอบว​ า่ ​
“​ จ​ รงิ ข​ องโ​ยม​เ​ดก็ ​๗​ ​ข​ วบก​ ร​็ ​ู้ แ​ ตผ​่ ใู้ หญอ​่ าย​ุ ๘​ ๐​ก​ ย​็ งั ป​ ฏบิ ตั ไ​ิ มไ​่ ด”​้ ​
​อย่าง​นีก​้ ระมัง​ทีผ​่ ​ู้เขยี น​เคยไ​ด้ยินห​ ลวงปพ่​ู ูดเ​สมอว​ ่า​
​“​ของจ​ ริง​ต​ อ้ งห​ มัน่ ​ทำ​”​
​ พระพทุ ธศ​ าสนาน​ นั้ ​ถ​ า้ ป​ ราศจ​ ากก​ ารน​ อ้ มนำเ​ขา้ ไปไ​วใ​้ นใ​จแ​ ลว้ ​ก​ าร​
“ถ​ อื ​”​​พทุ ธ​ศาสนา​ก็​ไมม่ ​ีความ​หมายแ​ ต​่อย่าง​ใด​

69 ๖๙

๓​ ๗​

“​ พ​ ”​ ​​พานข​ องห​ ลวงป​ู่



หลวงปู​เ่ คยป​ รารภ​ธรรม​กับ​ผู้​เขยี น​วา่ ​
“​ ​ถ้าแ​ ก​เขยี นต​ วั ​พ​ ​พ​ าน​​ไดเ​้ มื่อไร​​น่นั แ​ หละจ​ งึ จ​ ะด​ ​ี”​
​ผ​เู้ ขียนถ​ าม​ท่านว​ า่ ​“​ ​เปน็ ​อย่างไรค​ รับ​พ​ ​​พาน”​ ​
​ ทา่ น​ตอบ​วา่ ​​“​กต็​ ัว​พ​ อ​น​ ะ่ ซ​ ​ี ”​ ​
ค​ นเ​รา​จะม​ ชี​ ีวิตอ​ ยู่​ใน​โลก​​ไม​จ่ ำเป็นต​ ้องร​ ำ่ รวย​​มฐ​ี านะ​แลว้ ​จงึ ​จะ​มี​
ความส​ ขุ ​ม​ ค​ี นท​ ล​ี่ ำบากอ​ กี ม​ าก​แ​ ตเ​่ ขาร​จู้ กั ว​ า่ อ​ ะไรค​ อื ส​ ง่ิ ท​ พ​่ี อตวั ​ก​ ส​็ ามารถ​
อย่​ูอยา่ งเ​ป็นสุขไ​ด​้
​ น่​ีก็อ​ ย่ท​ู ค​่ี น​เรา​​รจู้ กั ค​ ำ​วา่ ​“​ ​พอ​”​ห​ รือไ​ม​่ ​
รจู้ กั ​“​ ​พอ​”​​ก็จ​ ะ​มี​แต่ค​ วามส​ ุข​​
หากไมร่ ู้​จกั ​​“​พอ”​ ​ถ​ งึ แ​ ม้จ​ ะร​ ำ่ รวย​ม​ ี​เกยี รติ​​ตำแหน่ง​ใหญโ่​ต​​มนั ก​ ็​
ไมม่ ี​ความ​สขุ ไ​ด้​เหมอื น​กัน​
​คนท​ ่​มี ีเ​งิน​ก​ ย็​ ง่ิ ​อยาก​มี​เงินเ​พิม่ ​ข้ึนอ​ ีก​
​ คนท​ ี่ท​ ำงาน​ก​ อ​็ ยากก​ นิ ต​ ำแหน่ง​สงู ​ขึน้ ​
​ มีส​ ิง่ ​ใด​ก็เ​ปน็ ท​ กุ ขเ​์ พราะส​ ิง่ น​ ้นั ​​ไม่ม​ีท​ส่ี ้ินส​ ดุ ​


๗๐ 70

​๓๘​

​การส​ อนข​ อง​ทา่ น​

ว​ ธิ ว​ี ดั อ​ ยา่ งห​ นงึ่ ว​ า่ ผ​ ใ​ู้ ดป​ ฏบิ ตั ธ​ิ รรมไ​ดด​้ เ​ี พยี งใ​ดน​ นั้ ​ท​ า่ นใ​หส​้ งั เกตด​ ​ู
วา่ ผ​ น​ู้ นั้ ส​ ามารถฝ​ กึ ต​ น​ส​ อนต​ วั เ​องไ​ดด​้ เ​ี พยี งใ​ด​ก​ ารเ​ตอื นผ​ อ​ู้ นื่ ไ​มใ​่ หห​้ ลงผ​ ดิ ​
ได้​น้นั ​เปน็ ​ส่ิงท​ ด​่ี ​ี แ​ ตก​่ าร​เตือนต​ นใ​หไ้​ด​ย้ อ่ มด​ ​ีกวา่ ​
​ การส​ อนข​ องห​ ลวงปท​ู่ า่ นจ​ ะท​ ำใหเ​้ ราด​ เ​ู ปน็ ต​ วั อยา่ ง​ท​ า่ นส​ อนใ​หเ​้ รา​
ทำ​อย่าง​ที่​ท่าน​ทำ ​มิได้​สอน​ให้​ทำ​ตาม​ท่ี​ท่าน​สอน ทุก​อย่าง​ที่​ท่าน​สอน​
ท่าน​ได้​ทดลอง​ทำ​และ​ปฏิบัติ​ทาง​จิต​จน​รู้​จน​เห็น​หมด​แล้ว​ท้ัง​สิ้น​ ​จึง​นำ​มา​
อบรม​แก่​ศิษย์​
เ​หมอื นเ​ปน็ แ​ บบอ​ ยา่ งใ​หเ​้ ราไ​ดย​้ ดึ ถอื ต​ ามค​ รอ​ู าจารยว​์ า่ ​ก​ ารแ​ นะนำ​
อบรม​หรอื ​สอนธ​ รรมผ​ ูอ​้ ืน่ ​นน้ั ​​เราต​ ้องป​ ฏิบัต​จิ น​แนใ่ จ​ตนเองเ​สยี ก​ ่อน​​และ​
ควรค​ ำนงึ ถ​ งึ ส​ ตป​ิ ญั ญาค​ วามส​ ามารถข​ องต​ น​ถ​ า้ ก​ ำลงั ไ​มพ​่ อแ​ ตจ​่ ะร​บั ภ​ าระ​
มาก​​นอกจากผ​ ม​ู้ า​ศกึ ษาจ​ ะไ​มไ​่ ด​้รบั ​ประโยชน์​แล้ว​​ตนเองย​ ัง​จะ​กลาย​เป็น​
คน​เสีย​ไป​ด้วย​ ​ท่าน​ว่า​เป็นการ​ไม่​เคารพ​ธรรม​ ​และ​ไม่​เคารพ​ครู​อาจารย์​
อีก​ด้วย​


71 ๗๑

​๓๙​

​หดั ​มอง​ช้ัน​ลึก​



ทกุ ส​ ง่ิ ท​ กุ อ​ ยา่ งท​ อ​่ี ยร​ู่ อบต​ วั เ​รา​ล​ ว้ นม​ ค​ี วามห​ มายช​ น้ั ล​ กึ โ​ดยต​ วั ข​ อง​
มนั เ​องอ​ ยเ​ู่ สมอ​ไ​อนส์ ไ​ตนม​์ องเ​หน็ ว​ ตั ถ​ุ เ​ขาค​ ดิ ท​ ะลเ​ุ ลยไ​ปถ​ งึ ก​ ารท​ จ​่ี ะส​ ลาย​
วตั ถใ​ุ หเ​้ ปน็ ป​ รมาณ​ู ส​ องพน่ี อ้ งต​ ระก​ ลู ไ​รทม​์ องเ​หน็ น​ กบ​ นิ ไ​ปม​ าใ​นอ​ ากาศ​ก​ ​็
คิด​เลย​ไป​ถึงก​ ารส​ รา้ ง​เครอ่ื ง​บนิ ไ​ด​้
​พระพุทธเจา้ แ​ ตค​่ รง้ั ​เปน็ เ​จ้า​ชายส​ ทิ ธตั ถ​ ะ​ไ​ด้ท​ รงพ​ บ​คนแ​ ก่​​คน​เจบ็ ​
คน​ตาย​​ทา่ น​ก็​มอง​เหน็ ถ​ ึง​ความไ​ม​แ่ ก่​ไม​เ่ จ็บ​​ไม่​ตาย​
​ หลวงปเ​ู่ คยเ​ตอื นส​ ตล​ิ กู ศ​ ษิ ยร​์ นุ่ ห​ นมุ่ ท​ ย​่ี งั ม​ องเ​หน็ ส​ าวๆ​ ​วา่ ส​ วยว​า่ ง​าม
น​ า่ ​หลงใหลใ​ฝ่ฝนั ​กนั น​ กั ​ว​ า่ ​..​.​​
“​ แ​ ก​มนั ​ดต​ู วั เ​กิด​ไ​ม่​ดตู​ ัวด​ บั ​ไม​่สวย​​ไมง​่ าม​​ตาย​เ​น่า​​เหม็น​
​ใหเ​้ ห็น​อยา่ ง​น​้ีได้​เม่ือไร​​ข้าว​ ่าแ​ ก​ใช้ได้​”



๗๒ 72

๔​ ๐​

​เวลา​เป็น​ของ​มค​ี า่ ​

​หลวงป่เ​ู คย​บอกว​ า่ .​​.​.​
​“​คน​ฉลาด​น่ะ​เ​ขา​ไม​่เคยม​ ีเ​วลาว​ ่าง”​ ​
​เวลา​เป็น​ของ​มี​ค่า​ ​เพราะ​ไม่​เหมือน​ส่ิง​อ่ืน​ ​แก้ว​แหวน​ ​เงิน​ ​ทอง​​
ส่ิงของท​ ้งั ​หลาย​​เมือ่ ​หมด​ไปแ​ ล้ว​สามารถ​หาม​ า​ใหม​ไ่ ด​้
​แต่​สำหรับ​เวลา​แล้ว​ ​หาก​ปล่อย​ให้​ผ่าน​เลย​ไป​โดย​เปล่า​ประโยชน์​​
ขอ​ให​ต้ ้งั ​ปัญหา​ถาม​ตัวเ​อง​วา่ ​..​​.​
​“​สมควร​แล้ว​หรอื ก​ ับ​วันค​ นื ​ที่​ลว่ ง​ไปๆ​ค​ ้มุ ​ค่าแ​ ลว้ ​หรอื ก​ ับล​ ม​หายใจ​
ทีเ​่ หลือ​นอ้ ย​ลงท​ ุกข​ ณะ​”​


73 ๗๓

๔​ ๑​

ต​ อ้ งท​ ำ​จรงิ ​



ใน​เรื่อง​ของ​ความ​เคารพ​ครู​อาจารย์​ ​และ​ความ​ต้ังใจ​จริง​ใน​การ​
ปฏิบัติ​​หลวงปูเ​่ คย​บอก​ว่า​
​ “ก​ ารป​ ฏบิ ตั ิ​ถ​ ้า​หยบิ ​จากต​ ำราโ​น้นน​ ้​ี (​ห​ รือ​)​แ​ บบแผน​มาส​ งสัย​
ถาม​ม​ ัก​จะ​โต​เ้ ถียงก​ นั ​เปล่า​​โดยม​ าก​ชอบเ​อาอ​ าจารยโ​์ น่นน​ ว​่ี ่าอ​ ยา่ งน​ ้ัน​
อยา่ ง​นม​ี้ า​
การจ​ ะป​ ฏิบตั ​ิให้​รธู้​ รรม​​เหน็ ธ​ รรม​​ตอ้ ง​ทำจ​ รงิ ​จ​ ะไ​ด​้ อ​ ย​่ทู ่​ีทำ​จริง​
ขา้ เ​ปน็ ค​ นม​ ท​ี ฏิ ฐแ​ิ รง​เ​รยี นจ​ ากค​ รบู าอ​ าจารยน​์ ​ี้ ย​ งั ไ​มไ​่ ดผ​้ ลก​ จ​็ ะต​ อ้ ง
​เอา​ใหจ้​ รงิ ใ​ห​้ร้​ู ย​ ัง​ไม​่ไปเ​รยี นก​ บั ​อาจารยอ​์ ืน่ ​​ถา้ ​เกดิ ไ​ป​เรยี นก​ ับ​อาจารย์​
อืน่ ​โดยย​ งั ​ไม​่ทำให​้จริงใ​ห้​รู​้ ก​ ​เ็ หมอื นด​ ูถกู ​ดหู​ มิ่น​ครอ​ู าจารย”​์ ​



๗๔ 74

๔​ ๒​

​ของจ​ ริงน​ นั้ ​ม​อี ยู่​

ม​ ค​ี นจ​ ำนวนไ​มน​่ อ้ ยท​ ป​ี่ ฏบิ ตั ธ​ิ รรมแ​ ลว้ เ​กดิ ค​ วามท​ อ้ ใจ​ป​ ฏบิ ตั อ​ิ ยเ​ู่ ปน็ ​
เวลาน​ าน​ก​ ย​็ งั ร​ สู้ กึ ว​ า่ ต​ นเองไ​มไ​่ ดพ​้ ฒั นาข​ น้ึ ​ห​ ลวงปเ​ู่ คยเ​มตตาส​ อนผ​ เ​ู้ ขยี น​
ว่า​“​ของ​ท​่ีมม​ี ัน​ยังไ​มจ​่ ริง​​ของจ​ รงิ เ​ขา​มี​​เม่อื ​ยงั ​ไมจ่​ ริง​​มนั ​กย​็ ัง​ไมม่ ”​ี ​
​หลวงป​ู่เมตตา​กล่าวเ​สรมิ ​อกี ​ว่า​
​ “ค​ นท​ ี​่กลา้ จ​ รงิ ​ท​ ำ​จรงิ ​​เพยี รป​ ฏิบตั อิ​ ย​ูเ่ สมอ​จ​ ะ​พบค​ วามส​ ำเรจ็ ​
ใน​ท่ีสดุ ​​ถา้ ​ทำจ​ รงิ แ​ ลว้ ต​ ้องไ​ด​้แน​่ๆ”​ ​
​หลวงปู่​ยืนยัน​อย่าง​หนัก​แน่น​และ​ให้​กำลัง​ใจ​แก่​ลูก​ศิษย์​ของ​ท่าน​
เสมอ​ ​เพื่อ​ให้​ตั้งใจ​ทำ​จริง​ ​แล้ว​ผล​ท่ี​เกิด​จาก​ความ​ต้ังใจ​จริง​จะ​เกิด​ข้ึน​
ใหต้​ ัวผ้​ูปฏิบตั ไิ​ด้​ชนื่ ชม​ยินดี​ใน​ทีส่ ุด​

75 ๗๕

​๔๓​

​ล้มใ​ห้ร​ บี ล​ ุก​

​เป็น​ปกติ​ของ​ผู้​ปฏิบัติ​ธรรม​ ​ช่วง​ใด​เวลา​ใด​ที่​สามารถ​ปฏิบัติ​ธรรม​
ได้​ก้าวหน้า​ ​จิตใจ​สงบ​เยน็ ​เป็น​สมาธิ​ได้​ง่าย​ ​สามารถ​พิจารณา​อรรถ​ธรรม​
ให้​ผ่าน​ทะลุ​จิตใจ​ได้​โดยตลอด​สาย​ ​ช่วง​ดัง​กล่าว​มัก​จะ​ต้อง​มี​ปัญหา​ ​และ​
อปุ สรรคท​ เ​่ี ขา้ ม​ าใ​นร​ปู แ​ บบใ​ดร​ปู แ​ บบห​ นง่ึ ​เพอ่ื ม​ าข​ วางก​ นั้ ก​ ารป​ ฏบิ ตั ธ​ิ รรม
​ของ​ผ้​ปู ฏิบัตน​ิ น้ั ๆ​ ​ถ​ า้ ผ​ ​ู้ปฏิบัติธ​ รรม​ไม่ส​ ามารถเ​ตรยี มใ​จ​รบั ก​ ับ​สถานก​ า​รณ​์
นั้น​ๆ​ ​ได้​ ​ธรรม​ที่​กำลัง​พิจารณา​ดีๆ​ ​ก็​ต้อง​โอนเอน​ไป​มา​ หรือ​ล้มลุก​
​คลกุ ​คลาน​อีก​ได​้
ผ​ เ​ู้ ขยี นเ​คยก​ ราบเ​รยี นใ​หห​้ ลวงปท​ู่ ราบถ​ งึ ป​ ญั หาแ​ ละอ​ ปุ สรรคท​ ก​่ี ำลงั ​
ประสบอ​ ย่​ู
​ หลวงปู​เ่ มตตาใ​ห​้กำลงั ใ​จว​ า่ ​.​.​.​.​
“​ ​พอ​ลม้ ​ใหร้​ ีบล​ กุ ​ร​ ู้ตวั ว​ ่า​ลม้ ​แลว้ ​ต้อง​รบี ​ลกุ ​​แล้ว​ตง้ั ​หลกั ใ​หม่​จ​ ะ​
ไปยอ​ ม​มนั ไ​มไ​่ ด​้
​ .​.​.​ก็​เหมือน​กับ​ตอน​ที่​แก​เป็น​เด็ก​คลอด​ออก​มา​ ​กว่า​จะ​เดิน​เป็น​
​แกก​ ​ต็ อ้ ง​หัด​เดิน​จน​เดินไ​ด้​แ​ ก​ต้องล​ ้ม​ก่​ที ี​เคย​นับไ​หม​พ​ อล​ ม้ ​แก​ก็​ต้อง​
ลุกข​ ้ึน​มาใ​หม่ใ​ช​ไ่ หม​.​​..​ค​ อ่ ยๆ​ ​​ทำไ​ป​”​

๗๖ 76

​ ห​ ลวงปู​เ่ พง่ ​สายตา​มา​ท่ีผ​ เ​ู้ ขยี นแ​ ล้ว​เมตตา​สอนว​ ่า.​​.​.​
​ “​ของ​ข้า​เ​สีย​มา​มาก​กวา่ อ​ าย​แุ กซ​ ะ​อกี ​​ไม่​เป็นไร​​ตั้ง​มัน​กลบั ​ขึ้น​
มาใ​หม”​่ ​
​ ผเ​ู้ ขยี น​“​ ​แล้วจ​ ะม​ ี​วิธป​ี อ้ งกันไ​ม​่ใหล้​ ม้ บ​ ่อยไ​ด้อ​ ย่างไร”​ ​
​ หลวงป​ู่ “​ ต​ อ้ งป​ ฏบิ ตั ธ​ิ รรมใ​หม​้ าก​ถ​ า้ ร​ว​ู้ า่ ใ​จเ​ราย​ งั แ​ ขง็ แกรง่ ไ​มพ​่ อ
ถ​ ูก​โลก​เล่น​งาน​งา่ ยๆ​ ​แก​ต้อง​ทำให​้ใจ​แก​แขง็ แกรง่ ​ให​้ได้​ ​แก​ถงึ ​จะ​สู้​กับ​
มันไ​ด​”้ ​
​เพ่ือ​เป็นการ​เพ่ิม​กำลัง​ใจ​ของ​นัก​ปฏิบัติ​​ไม่​ว่า​จะ​ล้ม​สัก​ก่ี​คร้ัง​ก็ตาม​
แตท​่ กุ ๆ​ ​ค​ รงั้ ​เ​ราจ​ ะไ​ดบ​้ ทเ​รยี น​ไ​ดป​้ ระสบการณท​์ แ​ี่ ตกต​ า่ งก​ นั ไ​ป​ใ​หน​้ อ้ มนำ​
สงิ่ ท​ เ​ี่ ราเ​ผชญิ ม​ าเ​ปน็ ค​ ร​ู เ​ปน็ อ​ ทุ าหรณส​์ อนใ​จข​ องเ​ราเ​อง​เ​ตรยี มใ​จข​ องเ​รา​
ให​้พร้อม​อกี ​ครั้ง​ถ​ า้ เ​กดิ เ​หตกุ ารณ​เ์ ชน่ น​ ้ัน​อกี ​


77 ๗๗

​๔๔​

ส​ นทนา​ธรรม​

​เมื่อ​คร้ัง​ท่ี​ผู้​เขียน​กับ​หมู่​เพื่อน​ใกล้​สำเร็จ​การ​ศึกษา​ ​ได้​มาก​ราบ​
นมสั การห​ ลวงป​ู่ ท​ า่ นไ​ดส​้ นทนาก​ บั พ​ วกเ​ราอ​ ยน​ู่ าน​สาระส​ ำคญั ท​ เ​ี่ กย่ี วก​ บั ​
การ​ปฏิบตั ค​ิ อื ​
เ​มื่อพ​ บแ​ สงส​ วา่ งใ​นข​ ณะ​ภาวนา​ให​ไ้ ลด่​ ​ู ถ​ ามท​ า่ นไ​ลแ่​ สงห​ รือ​ไล่​จิต​​
ทา่ นต​ อบ​วา่ ใ​ห​้ไลจ​่ ิตโ​ดย​เอา​แสงเ​ปน็ ป​ ระธาน​(​เ​ข้าใจ​ว่าอ​ าศยั ​ปตี ​ิคือค​ วาม​
สวา่ งม​ าส​ อนจ​ ติ ต​ นเอง)​​เ​ชน่ ​ไ​ลว​่ า่ พ​ ระพทุ ธ​พ​ ระธ​ รรม​พ​ ระส​ งฆ​์ ม​ จ​ี รงิ ห​ รอื ​
ไม​่ ม​ ี​จริง​ก็​เป็นพ​ ยานแ​ ก​่ตน​
​ถาม​ท่านว​ ่า​ไล​่ด​ูเห็นแ​ ต​ส่ ิง่ ป​ กปิด​ค​ ือ​กเิ ลสใ​น​ใจ​
​ ท่านว​ า่ ​
“​ถ้า​แก​เกลียด​กิเลส​เหมือน​เป็น​หมา​เน่า​ ​หรือ​ของ​บูด​เน่า​ก็​ดี​
ใ​ห้เ​กลยี ดใ​ห้​ได้​อย่าง​น้นั ​”​

๗๘ 78

๔๕

ผูบอกทาง

ค​ รง้ั ห​ นง่ึ ​ม​ ผี ม​ู าห​ าซ​ อ​้ื ย​ าล​ มภ​ ายใ​นวด​ั ​ไ​มท​ ราบว​า​ ม​ จ​ี ำห​ นา​ ยท​ ก​่ี ฏุ ไ​ิ หน​
หลวง​ปทู่ ​า นไ​ดบ​ อก​ทางให​ ​เมอ่ื ผ​ น​ู น้ั ผ​ า​ น​ไป​แลว​ ​​หลวง​ปทู่ ​า นไ​ดป​ รารภธ​ รรม​
ให​ล กู ​ศษิ ยท​ ​น่ี ง่ั ​อย​ฟู ง​ ว​า ​
“ข​ า​​​นง่ั อ​ ย​ู​ ​กเ​็ หมอื น​คนค​ อยบ​ อกท​ าง​​เขา​มา​หาขา​​แลว​​ ก​ไ็ ป.​.​.​”​ ​​
ผเ​ู ขยี นไ​ดฟ​ ง​ แลว​ ร​ะลกึ ถ​ งึ พ​ ระพทุ ธเ​จา​ ผเ​ู ปน​ ​“​ ก​ ลั ยาณมติ ร”​ ค​ อยช​ แ​้ี นะ
ใ​หท​ างเ​ดนิ ​ด​ งั พ​ ทุ ธภ​ าษติ วา​ ​“จ​ งร​บี พ​ ากเพยี รพ​ ยายามด​ ำเนนิ ต​ ามท​ างท​ บ​่ี อก​
เสยี แต​เ ดย๋ี วน​ ​้ี ต​ ถาคตท​ ง้ั ห​ ลายเ​ปน​ เ​พยี งผ​ ​ชู ​ท้ี างใ​ห​เ ทา​ น​ น้ั ”​
​หลวง​ปเู่ ป​น ผบ​ู อก​แ​ ตพ​ วกเ​ราต​ ​อ งเป​น ค​ นท​ ำ​แ​ ละ​ตอ​ ง​ทำ​เดย๋ี ว​น้ี

79 ๗๙

๔​ ๖​

อ​ ยา่ ​ทำ​เล่น​

​เคย​มีผ​ ​ูป้ รารภ​กบั ​ผ​้เู ขยี นว​ า่ ป​ ฏิบตั ธ​ิ รรม​มา​หลาย​ปี​เต็มท​ี ​แต​่ภูมิจติ ​
ภูมิธร​รม​ ​ไม่​ค่อย​จะ​ก้าวหน้า​ถึง​ขั้น​ ​“​น่า​ชมเชย​”​ ​ยัง​ล้มลุก​คลุก​คลานอยู่​
มองไ​ปท​ างไ​หนก​ เ​็ หน็ แ​ ตต​่ วั เ​องแ​ ละห​ มเ​ู่ พอ่ื นเ​ปน็ โ​รคร​ะบาด​ค​ อื โ​รคขาออ่ น​
หลัง​อ่อน ​ไม่​สามารถ​จะ​เดิน​จงกรม​ ​นั่ง​สมาธิ​ได้​ ​ต้อง​อาศัย​นอน​ภาวนา​
พจิ ารณา​​“ค​ วาม​หลบั ​”​เ​ปน็ ​อารมณ​์ เลยต​ ้องพ​ า่ ย​แพต​้ อ่ ​เจ้า​กรรมน​ ายเวร​
คือเ​ส่ือ​และห​ มอน​ตลอด​ชาติ​
​พระพุทธเจ้า​ทรง​บำเพ็ญ​บารมี​ถึง​ ​๔​ ​อสงไขย​ ​กำไร​แส​นม​หาก​ัป​​
ครัน้ ​ออกบวช​ก​็ทรง​เพยี ร​ปฏบิ ตั อ​ิ ย่​หู ลาย​ปี​ ​กวา่ จ​ ะ​ไดบ้​ รรลพ​ุ ระโ​พธิญ​ าณ​​
หลวง​ปม​ู่ ่ัน​​หลวงป​ ฝู่​ ้นั ​​หลวง​ปู่​แหวน​​ฯลฯ​ท​ า่ น​ปฏบิ ตั ิธ​ รรม​ตามป​ ่าต​ าม​
เขา​​บาง​องค์​ถึงก​ บั ส​ ลบเ​พราะ​พษิ ​ไขป้ ่าก​ ็​หลายค​ ร้งั ​ห​ ลวงปู่​ดท​ู่ า่ น​ก็ป​ ฏิบตั ิ​
อย่างจ​ รงิ จัง​มา​ตลอด​หลายส​ ิบ​พรรษา​​กว่าจ​ ะ​ได​้ธรรม​แท้ๆ​ ​ม​ า​อบรมพ​ รำ่ ​
สอน​เรา​
แ​ ล้วเ​ราล​ ะ่ ​​ปฏบิ ตั ิ​กัน​จริงจังแ​ ค่​ไหน​
“​ ป​ ฏบิ ัตธ​ิ รรมส​ มควรแ​ กธ​่ รรม​”​​แลว้ ​หรือ​ยงั ​


๘๐ 80

​๔๗​

​อะไร​มีค​ ่าท่​สี ดุ ​

ถา้ เ​ราม​ าล​ องค​ ดิ ด​ ก​ู นั แ​ ลว้ ​ส​ งิ่ ท​ ม​่ี ค​ี า่ ม​ ากท​ สี่ ดุ ใ​นช​ วี ติ เ​ราต​ ง้ั แ​ ตว​่ นั เ​กดิ ​
จนก​ ระทง่ั ว​ นั ต​ าย​ค​ อื อ​ ะไร​ห​ ลายค​ นอ​ าจต​ อบว​ า่ ​ทรพั ยส​์ มบตั ​ิ ส​ าม​ี ภ​ รรยา ​
บ​ ุคคล​ท่รี กั ​​หรือ​บุตร​​หรอื อ​ ะไร​อื่นๆ​ ​แ​ ตท่​ ้าย​ทีส่ ดุ ​ก็ต​ ้องย​ อมรับ​วา่ ​ชีวติ ​
ของ​เราน​ ัน้ ​ม​ีค่าท่​สี ดุ ​ ​เพราะ​ถ้าเ​รา​สน้ิ ​ชวี ติ ​แลว้ ​ ส​ ง่ิ ​ท่ี​กล่าวข​ ้าง​ต้น​กไ็​ม่ม​ีคา่ ​
ความ​หมาย​ใด​ๆ​ ชีวิต​เป็น​ของ​มี​ค่าที่​สุด​ ​ใน​จำนวน​สิ่ง​ที่​เรา​มี​อยู่​ใน​โลก​นี้​​
พระ​ธรรม​คำ​สอน​ของ​พระพุทธเจ้า​กเ​็ ป็นข​ อง​มี​คา่ ท​สี่ ดุ ใ​น​โลก​​สง่ิ ต​ า่ ง​ๆ​ใ​น​
โลก​ช่วย​ให้​เราพ​ ้นท​ ุกข์​ชนิดถ​ าวร​ไมไ่​ด้​​แต่พ​ ระ​ธรรม​ชว่ ย​เราไ​ด​้ ผมู้​ ​ปี ญั ญา​
​ท้งั ​หลาย​ควร​จะ​ผนวก​เอา​สง่ิ ​ท​่ีมี​คุณค่า​ท่สี ุด​ทง้ั ​สอง​น้​ใี ห้​ขนาน​ทาบ​ทับ​เป็น​
เสน้ เ​ดยี วกนั ​​อยา่ ​ให​แ้ ตกแยกจ​ าก​กนั ไ​ด​เ้ ลย​​ดงั ​พระพทุ ธ​พจน​ต์ อนห​ นง่ึ วา่ ​
​ กจิ โ​ฉ​ม​ น​สุ ส​ะปฏิ​ลาโภ​​ การไ​ด​เ้ กิด​เปน็ ม​ นุษย์​เปน็ ​ของย​ าก​
​ กิจ​ฉงั ม​ จั จ​ านัง​ ชี​วติ ัง การ​ได​ม้ ีช​ ีวติ อ​ ยเู่​ปน็ ​ของ​ยาก​
ก​ จิ ​ฉัง สัทธัมมัสสะวะน​ัง การไ​ด​ฟ้ งั ​พระส​ ัทธ​ รรมข​ อง ​
พระพุทธเจา้ เ​ปน็ ข​ องย​ าก​
กจิ ​โฉ​​พุทธา​​นะมปุ ป​ะโท​ ​ การบ​ งั เกดิ ข​ นึ้ ​ของ​พระพุทธเจา้ ​
​ เปน็ ข​ อง​ยาก​

81 ๘๑

​ อะไรจ​ ะม​ ค​ี า่ ทส​่ี ดุ ​ส​ ำหรบั ผ​ ท​ู้ ไ​ี่ ดม​้ าน​ มสั การห​ ลวงปน​ู่ น้ั ​ค​ งไ​มใ่ ชพ​่ ระ​
พรหมผ​ ง​​หรอื ​เหรยี ญอ​ นั ม​ ชี อ่ื ​ของท​ ่าน​
​ หลวงปเ​ู่ คย​เตือน​ศิษยเ​์ สมอว​ ่า​
​“​ข้า​ไมม่ ีอ​ ะไรใ​ห้​แก​
​(​ธรรม)​​ท​ ี่ส​ อน​ไป​น้นั ​แหละ​​
ให​้รกั ษาเ​ท่า​ชีวิต”​ ​

๘๒ 82

​๔​ ๘​

น​ าย​ระนาดเ​อก​

​เกี่ยว​กับ​เร่ือง​ไหว​พริบ​ ปฏิภาณ​และ​ตัว​ปัญญา​ ​หลวงปู่​ท่าน​ได้​ยก​
ตัวอย่าง​ ​เร่ือง​ของ​นาย​ระนาด​เอก​ไว้​ให้​ฟัง​ว่า​ ​สมัย​ก่อน​การ​เรียน​ระนาด​
น้นั ​​อาจารย์​จะ​สอน​วชิ า​การ​ตรี ะน​ าดแ​ ม​่ไมต​้ ่างๆ​​โดยท​ ่วั ไป​แกศ​่ ิษย​์ ​ส่วน​
แม​่ไมว้​ ชิ าค​ ร​ูจะเ​ก็บไ​ว้​เฉพาะต​ น​​มิได้ถ​ ่ายทอดใ​หแ้​ กศ​่ ษิ ย์​ผู​้หน่งึ ​ผ้​ใู ด​อ​ ย​ู่มา​
วนั ห​ นง่ึ ​น​ ายร​ ะนาดเ​อกพ​ กั ผ​ อ่ นน​ อนเ​ลน่ อ​ ยใ​ู่ ตถ้ นุ เ​รอื นท​ บ​ี่ า้ นอ​ าจารยข​์ อง​
ตน​ ​ได้ยิน​เสียง​อาจารย์​ของ​เขา​กำลัง​บรรเลง​ระนาด​ทบทวน​แม่​ไม้​วิชา​ครู​
อย​ู่ น​ ายร​ ะนาด​เอก​ก็แ​ อบ​ฟงั ​ต​ ัง้ ใจ​จดจำไ​ว้จ​ น​ขึน้ ใจ​
​ วนั ห​ นง่ึ อ​ าจารยไ​์ ดเ​้ รยี กศ​ ษิ ยท​์ กุ ค​ นม​ าแ​ สดงร​ะนาดใ​หด​้ เ​ู พอื่ ท​ ดสอบ​
ฝมี อื ​ถ​ งึ ค​ ราน​ ายร​ะนาดเ​อกก​ ไ็ ดแ​้ สดงแ​ มไ​่ มว​้ ชิ าค​ รซ​ู งึ่ ไ​พเราะก​ วา่ ศ​ ษิ ยผ​์ อ​ู้ น่ื ​
อาจารยร​์ สู้ กึ แ​ ปลกใ​จม​ ากท​ ศ​ี่ ษิ ยส​์ ามารถแ​ สดงแ​ มไ​่ มข​้ องค​ รไ​ู ด​้ โ​ดยทต​่ี นไ​ม​่
เคย​สอน​มา​ก่อน​ ​จึง​ถาม​นาย​ระนาด​เอก​ว่า​ไป​ได้​แม่​ไม้​น้ี​มา​จาก​ไหน​ ​นาย​
ระนาดเ​อก​จงึ ​ตอบ​ว่า​“​ ​ไดม​้ า​จากใ​ต้ถนุ ​เรอื น​​ครับ​”​
แ​ ลว้ ห​ ลวงปไ​ู่ ดส​้ รปุ ใ​หพ​้ วกเ​ราฟ​ งั ว​า่ ​ก​ ารเ​รยี นร​ธ​ู้ รรมก​ เ​็ ชน่ ก​ นั ​ต​ อ้ งล​ กั เ​ขา​
แอบ​เขา​เรยี น​​คอื ​​จดจำ​เอา​สง่ิ ​ท​ด่ี ​งี าม​ของ​ผ​อู้ น่ื ​มา​ปฏบิ ตั ​แิ กไ้ ข​ตนเอง​ให​ไ้ ด​้ ​ตวั ​
ทา่ นเ​องส​ อน​ได​บ้ อก​ทางไ​ดแ​้ ต​ไ่ มห​่ มด​ท​เ่ี หลอื เ​ราต​ อ้ ง​คน้ ควา้ ​และ​ฝกึ ฝนป​ ฏบิ ตั ิ​
ดว้ ย​ตนเอง​ใ​คร​ไหวพ​ รบิ ด​ ​กี เ​็ รยี นไ​ด​เ้ รว็ ​​เหมอื น​นาย​ระนาดเ​อก​ในเ​รอ่ื ง​น้ี

83 ๘๓

​๔๙​

​เสก​ขา้ ว​

​คร้งั ห​ นง่ึ ​เคยม​ ี​ศิษยบ​์ าง​ท่าน​นำ​ขา้ ว​มาใ​หห้​ ลวงปู่​ท่านเ​สก​อธิษฐาน​
จิต​ใหท​้ าน​เสมอ​​ซง่ึ ท​ า่ นก​ เ็​มตตาไ​มข่​ ดั ​แ​ ตบ่​ ่อย​ๆ​​เขา้ ท​ ่าน​ก​็พูดว​ า่ ​
“​ เ​สก​อะไรก​ ัน​ให​บ้ อ่ ย​ๆ​เ​สกเ​องบ​ า้ งส​ ​ิ ​”​
​คำ​พูดน​ ้ีท​ ่าน​ไดข้​ ยาย​ความ​ให​้ฟงั ​ใน​ภาย​หลังว​ า่ ​ค​ ำ​วา่ ​​เสก​เอง​ค​ ือ​
การเ​สกต​ นเอง​ให้​เปน็ พ​ ระ​ซ​ ง่ึ ​หมายถ​ ึงก​ ารป​ ฏิบัตต​ิ ่อ​จติ ใจ​ของ​ตนเอง​​ยก​
ระดบั ใ​หส​้ งู ข​ นึ้ ​ห​ รอื ม​ ใ​ี จเ​ปน็ พ​ ระบ​ า้ ง​ม​ ใิ ชจ​่ ะเ​ปน็ ท​ า่ นอ​ ธษิ ฐานเ​สกเ​ปา่ ข​ อง​
ภายนอก​เ​พอื่ ​หวงั เ​ป็นม​ งคล​ถ่ายเ​ดยี ว​โ​ดย​ไม่​คิด​เสกต​ นเอง​ด้วย​ตนเอง​


๘๔ 84 ๕​ ๐​

​ ​สำเรจ็ ​ท่ไี หน ?​

มี​ผู้​ปฏิบัติ​ธรรม​บาง​ท่าน​ข้องใจ​ข้อ​ปฏิบัติ​ธรรมะ​เกี่ยว​กับ​การ​วาง​
ทีต่​ ัง้ ต​ ามฐ​ านข​ อง​จติ ใ​นก​ าร​ภาวนา​จ​ งึ ​ไดไ้​ปเ​รียนถ​ ามห​ ลวงป่​ูตามท​ ี่เ​คย​ได​้
รบั ​ร​ู้รับ​ฟงั ​มา​ว่า​“​ ​การภ​ าวนาท​ ถ่​ี ูกต​ ้อง​ห​ รือจ​ ะส​ ำเรจ็ ม​ รรคผล​ได้น​ ั้น​ต​ อ้ ง​
ตงั้ ​จิต​วาง​จิตไ​ว้ท​ ก​ี่ ลางท​ อ้ ง​เทา่ นัน้ ​​ใชห่ ​รือ​ไม่ ​?​”​
​ หลวงปทู่​ ่านต​ อบ​อย่างห​ นกั แ​ นน่ ว​ ่า​
​“​ท่ี​ว่า​สำเร็จ​นั้น​สำเร็จ​ท่ี​จิต​ ​ไม่​ได้​สำเร็จ​ที่​ฐาน​ ​คน​ท่ี​ภาวนา​เป็น​
แลว้ ​จะ​ตง้ั ​จติ ไ​วท้​ ป​่ี ลายน​ ้วิ ​ชก​้ี ​็ยงั ไ​ด​้ ”​ ​
​ แลว้ ​ทา่ น​กบ​็ อกจ​ ำนวนท​ ี​่ต้งั ต​ ามฐ​ านต​ ่างๆ​​ของจ​ ติ ใ​ห้ฟ​ งั ​
​ จะ​เห็น​ได้​ว่า ​ท่าน​ไม่​ได้​เน้น​ว่า​ต้อง​วาง​จิตใจ​ท่ี​เดียว​ท่ี​นั่น​ที่​นี่​เพราะ​
ฐาน​ต่างๆ​ ​ของ​จิต​เป็น​ทาง​ผ่าน​ของ​ลม​หายใจ​ทั้ง​สิ้น​ ​ท่าน​เน้น​ท่ี​สติ​และ​
ปญั ญา​ท่มี าก​ ำกบั ​ใจต​ า่ งห​ าก​​สมด​ งั ใ​นพ​ ระพทุ ธ​พจน​ท์ ว​่ี ่า​
​ “ม​ โน​​ปพุ พังคะมา​ธ​ มั มา​​มโน​เสฏฐา​​มโน​ม​ยาฯ ​ ​
ธรรม​ท้งั ห​ ลายม​ีใจถงึ ก​ ่อน​​มี​ใจ​เป็นใ​หญ​่เป็น​ประธาน
ส​ ำเร็จไ​ด้​ดว้ ยใ​จ​”​

85 ๘๕

​๕๑​

​เรา​รกั ษาศ​ ีล​​ศีล​รักษา​เรา​

​ศีลเ​ปน็ ​พ้ืนฐ​ าน​ท​ส่ี ำคญั ท​ ่สี ดุ ​ของ​การป​ ฏบิ ัต​ิธรรม​ทกุ อ​ ยา่ ง​ห​ ลวงปู่​
มัก​จะ​เตือน​เสมอ​ว่า ​ใน​ขั้น​ต้น​ให้​หม่ัน​สมาทาน​รักษา​ศีล​ให้​ได้​ ​แม้​จะ​เป็น​
โลกยี ศ​ ลี ​ร​กั ษาไ​ดบ​้ า้ ง​ไ​มไ​่ ดบ​้ า้ ง​บ​ รสิ ทุ ธบ​ิ์ า้ ง​ไ​มบ​่ รสิ ทุ ธบ​์ิ า้ ง​ก​ ใ​็ หเ​้ พยี รร​ะวงั ​
รกั ษาไ​ป​ส​ ำคญั ท​ เ​่ี จตนาท​ จ​่ี ะร​กั ษาศ​ ลี ไ​ว​้ แ​ ละป​ ญั ญาท​ ค​่ี อยต​ รวจต​ ราแ​ กไ้ ขต​ น​
​“​เจต​ นาหัง​​ภกิ ขเว​ส​ ี​ลงั ​ว​ ะ​ทาม​ ิ​”​​เจตนาเ​ปน็ ​ตัวศ​ ีล​
​“เ​จต​ นาหัง​ภ​ ิกขเว​ป​ ุญญงั ​ว​ ะท​ า​มิ​”​เ​จตนา​เปน็ ​ตัว​บุญ​
​ จงึ ​ขอใ​ห้พ​ ยายาม​สัง่ สม​บญุ น​ ้​ีไว้​โ​ดย​อบรมศ​ ลี ใ​ห​เ้ กิด​ขึ้น​ทจี่​ ิต​เ​รยี ก​
วา่ ​เ​รา​รกั ษาศ​ ลี ​ส​ ่วนจ​ ติ ท​ ่​อี บรมศ​ ีลด​ ีแล้ว​​จน​เป็นโ​ลกตุ​ ร​ศลี ​​เป็น​ศีล​ทก่​ี อ่ ​
ให้​เกิด​ปัญญา​ใน​อริย​มรรค​อริยผล​นี้​ จะ​คอย​รักษา​ผู้​ประพฤติ​ปฏิบัติ​มิ​ให้​
เสือ่ ม​เสีย​หรอื ต​ กตำ่ ไ​ป​ในท​ างท​ ​ี่ไมด่​ ี​ไม่ง​ามน​ ี​้แลเ​รียก​ว่า​ศ​ ีล​รกั ษาเ​รา​


๘๖ 86 ​๕๒​

​ ค​ นด​ ข​ี อง​หลวงป​ู่

ธรรมะ​ที่​หลวงปู่​นำ​มา​อบรม​พวก​เรา​เป็น​ธรรม​ที่​สงบ​เย็น​และ​ไม่​
เบียดเบยี นใ​ครด​ ว้ ย​กรรม​ทัง้ ​สามค​ ือ​ค​ วามค​ ิด​ก​ าร​กระทำ ​และ​คำ​พูด​
​ คร้ัง​หน่ึง​ท่าน​เคย​อบรม​ศิษย์​เก่ียว​กับ​วิธี​สังเกต​คน​ดี​ส้ัน​ๆ​ ​ประโยค​
หน่งึ ค​ ือ​
​ “​คนด​ ี​เ​ขาไ​ม​่ตี​ใคร​”​
ท​ กุ ส​ งิ่ ท​ กุ อ​ ยา่ งไ​มว​่ า่ จ​ ะเ​ปน็ การป​ ฏบิ ตั ธ​ิ รรม​ห​ รอื ก​ ารท​ ำงานใ​นท​ าง​
โลก​นั้น​ย่อม​มี​การ​กระทบ​กระท่ัง​กัน​เป็น​ธรรมดา​ของ​โลก​ปุถุชน​ ​หาก​เรา​
กระทำ​การ​สิ่ง​ใด​ซึ่ง​ชอบ​ด้วย​เหตุ​และ​ผล​ ​คือ​ ​ได้​พยายาม​ทำ​อย่าง​ดี​ท่ีสุด​​
แล้ว​อย่า​ไป​กลัว​ว่า ​ใคร​เขา​จะ​ว่า​อะไร​เรา ​ใคร​เขา​จะ​โกรธ​เรา​ ​แต่​ให้​กลัว​
ทเ่ี​รา​จะ​ไปว​ า่ อ​ ะไรเ​ขา​ก​ ลัว​ทเ​่ี ราจ​ ะไ​ป​โกรธเ​ขา​


87 ๘๗

​๕๓​

​ส้นั ๆ​ ​​ก​็มี​

​เคย​มผี​ ​ู้ปฏิบัต​กิ ราบ​เรียน​ถาม​หลวงป​่วู ่า​
​ “​หลวงป​ู่ครบั ​ข​ อธ​ รรมะ​สน้ั ​ๆ​ใ​น​เรื่อง​วธิ ​ีปฏิบตั เ​ิ พอื่ ​ใหก​้ เิ ลส​๓​ ​​ตวั ​
คอื ​​โกรธ​​โลภ​ห​ ลง​ห​ มด​ไปจ​ ากใ​จ​เรา​​จะ​ทำไดอ​้ ย่างไรค​ รับ”​ ​
​ หลวงป่ต​ู อบ​เสยี ง​ดงั ฟ​ ังช​ ดั ​จ​ นพ​ วก​เราใ​น​ท่ี​น้ันไ​ด้ยนิ ก​ ันท​ กุ ​คน​วา่ ​​
“​สต​”ิ ​

๘๘ 88

๕​ ๔​

แ​ บบ​ปฏิบัต​ธิ รรม​หลวงปดู่​ เู่​ป็นเ​ช่น​ใด​?



ใน​ยุค​ปัจจุบัน​ท่ี​สังคม​มี​การ​เปลี่ยนแปลง​อย่าง​รวดเร็ว​ ​ผู้คน​เผชิญ​
กบั ค​ วามท​ กุ ขค​์ วามเ​ดอื ดร​ อ้ นก​ นั ถ​ ว้ นห​ นา้ ​ไ​มว​่ า่ จ​ ะเ​ปน็ ป​ ญั หาใ​นเ​รอื่ งป​ าก​
ท้อง​​ความป​ ลอดภยั ใ​นช​ ีวติ แ​ ละท​ รัพย์​สนิ ​ผ​ ูค้ นต​ ่างแ​ สวงหาท​ ​ี่พงึ่ ​​แสวงหา​
คำ​ตอบ​ของ​ชีวิต​ ​ใน​ขณะ​เดียวกัน​ก็​มี​ผู้​ต้ัง​ตน​เป็น​อาจารย์​สอน​การ​ปฏิบัติ​
ธรรม​กนั ม​ าก​
​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​แบบ​ปฏิบัติ​ธรรม​นี้​ ​หลวงปู่​ได้​เล่า​ไว้​ว่า​เคย​มี​ผู้​พิมพ์​
แบบ​ปฏิบัติ​ธรรม​มา​ถวาย​และ​ใช้​คำ​ว่า​ ​“​แบบ​ปฏิบัติ​ธรรม​วัด​สะแก​”​
ท่านแก้​ใหว้​ ่า อย่างน​ ี้​ไมถ่​ กู ​ต้อง ​เพราะเ​ป็น​แบบข​ อง​พระพุทธเจ้า​ไ​ม​ค่ วร​
ใช​้ว่าเ​ปน็ แ​ บบ​ของวัดใ​ด​
​ อีก​ครั้ง​หนึง่ ท​ ีเ​่ คยม​ ี​ผู​้ตงั้ ​คำถาม​ในอ​ ิน​เตอร์เ​น็ต​ว่า​
“​ ​แบบป​ ฏิบตั ธิ​ รรมข​ อง​หลวงป​ดู่ เ​ู่ ปน็ อ​ ย่างไร​”​
​ข้าพเจ้า​หวน​ระลึก​ถึง​บท​สนทนา​ตอน​หน่ึง​ที่​หลวงปู่​เคย​เล่า​ให้​ฟัง​
เมอื่ ค​ รงั้ ม​ ล​ี กู ศ​ ษิ ยม​์ าข​ อศ​ กึ ษาธ​ รรมต​ ามแ​ บบข​ องท​ า่ น​ห​ ลวงปไ​ู่ ดต​้ อบศ​ ษิ ย​์
ผน​ู้ นั้ ไ​ปว​ า่ ​ข​ า้ ไ​มใ่ ชอ​่ าจารยห​์ รอก​อ​ าจารยน​์ นั่ ​ต​ อ้ งพ​ ระพทุ ธเจา้ ​ห​ ลวงปทู่ วด​
นัน่ ​​ขา้ ​เป็นล​ กู ​ศษิ ย​์ทา่ น​


Click to View FlipBook Version