39 ๓๙
๑๑
ต ้องส ำเร็จ
หลวงปู่เคยสอนว่า...
“ความสำเร็จนั้น มิใช่อยู่ที่การสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้ามา
ประทานให้ห ากแตต่ อ้ งลงมือท ำด ว้ ยต นเองถา้ ตง้ั ใจท ำต ามแ บบแล้ว
ทกุ อ ยา่ งต อ้ งส ำเรจ็ ไมใ่ ชจ่ ะส ำเรจ็ พ ระพทุ ธเจา้ ท า่ นว างแ บบเอาไวแ้ ลว้
ครูบาอาจารย์ทุกองค์มีพระพุทธเจ้าเป็นท่ีสุด ก็ได้ทำตามแบบ เป็น
ตัวอย่างให้เราดู อัฐิทา่ นก็กลายเป็นพระธาตุกันหมด เมอ่ื ได้ไตร่ตรอง
พิจารณาให้รอบคอบแล้ว ขอให้ลงมือทำทันที ข้าขอรับรองว่าต้อง
สำเร็จส่วนจ ะช า้ หรอื เรว็ น น้ั อยทู่ ่ีความเพียรข องผ้ปู ฏิบตั ิ”
ขอให้ต ง้ั ป ัญหาถ ามต วั เองว า่
“สงิ่ น้นั บัดน้ีเราได้ลงมอื ทำแลว้ หรือยงั ?”
๔๐ 40 ๑๒
จะเอาโลกห รอื เอาธรรม?
บ่อยคร้ังท่ีมีผู้มาถามปัญหากับหลวงปู่ โดยมักจะนำเอาเร่ืองราว
ตา่ งๆทีเ่ กยี่ วก ับห น้าทกี่ ารงานสามี ภ รรยาลกู เตา้ ญาติมิตรหรือค นอ ่นื
มาป รารภให้หลวงปฟู่ งั อย่เู สมอ
ครั้งหนึง่ ท า่ นได้ใหค้ ตเิ ตอื นใจผเู้ ขียนวา่
“โลกเทา่ แผ่นด นิ ธ รรมเท่าป ลายเขม็ ”
ซ่งึ ต ่อมาท ่านไดเ้ มตตาข ยายค วามให้ฟงั ว า่
“เรือ่ งโลกม แี ตเ่ รอ่ื งย ุง่ ของค นอ ่ืนท ้งั นัน้ ไม่มที ี่สิ้นส ุดเราไปแก้ไข
เขาไมไ่ ด้ ส ว่ นเรอ่ื งธ รรมน นั้ ม ที สี่ ดุ ม าจ บท ต่ี วั เราใหม้ าไลด่ ตู วั เองแ กไ้ ข
ทต่ี ัวเราเองต นข องต นเตือนต นดว้ ยต นเอง
ถ้าคิดสิ่งท่ีเป็นธรรมแล้ว ต้องกลับเข้ามาหาตัวเอง ถ้าเป็นโลก
แล้วจะมีแตส่ ่งอ อกไปข้างน อกตลอดเวลาเพราะธ รรมแ ทๆ้ ยอ่ มเกิด
จากในต วั ข องเราน ี้ท้งั น ้นั ”
41 ๔๑
๑๓
แนะวิธีป ฏิบตั ิ
เคยมสี ุภาพส ตรที ่านหนึ่งม ีปญั หาถามว ่าน ง่ั ปฏบิ ัตภิ าวนาแลว้ จิต
ไมร่ วมไมส่ งบควรจะท ำอยา่ งไรท่านแก้ให้วา่
“ ก ารป ฏบิ ตั ิถ า้ อ ยากให้เป็นเร็วๆ มนั ก ไ็ มเ่ ปน็ ห รือไม่อยากให้
เป็นม ันก็ประมาทเสียไม่เปน็ อ ีกเหมอื นก ันอ ยากเปน็ ก ็ไมว่ า่ ไม่อยาก
เปน็ ก ไ็ มว่ า่ ท ำใจใหเ้ ปน็ กลางๆตง้ั ใจใหแ้ นว่ แนใ่ นก มั มฏั ฐานท เ่ี รายดึ ม น่ั
อยนู่ นั้ แล้วภาวนาเรือ่ ยไป
เหมือนกับเรากินข้าวไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆ กินไปมันก็
อิ่มเองภาวนาก ็เช่นกันไมต่ ้องไปค าดห วงั ให้มนั ส งบห น้าทข่ี องเราค อื
ภาวนาไป ก็จะถึงของดี ของวิเศษในตัวเราแล้วจะรู้ชัดข้ึนมาว่าอะไร
เปน็ อ ะไรให้หม่นั ทำเรอ่ื ยไป”
๔๒ 42
การบ วช๑จติ ๔-บวชใน
หลวงปู่เคยป รารภไวว้ า่ ...
จ ะเปน็ ชายหรือห ญิงก ็ดี ถ ้าต ง้ั ใจประพฤตปิ ฏิบัติ มีศลี รักในก าร
ปฏิบัติ จิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นท่ีสุด ย่อมมีโอกาสเป็นพระกัน
ได้ทุกๆคนมโี อกาสท่ีจะบรรลมุ รรคผลนิพพานไดเ้ ทา่ เทยี มก นั ท กุ ค น
ไม่เลอื กเพศเลอื กวยั ห รือฐานะแ ตอ่ ยา่ งใดไม่มอี ะไรจะม าเปน็ อปุ สรรค
ในค วามสำเรจ็ ได้นอกจากใจของผฏู้ ิบตั ิเอง
ท่านไดแ้ นะเคลด็ ในการบวชจ ิตว่า.....
ในข ณะท ี่เราน่ังส มาธิเจริญภ าวนาน้ันคำกล่าววา่
พทุ ธงั สรณังค ัจฉาม ิ ให้นึกถึงว ่าเราม ีพ ระพทุ ธเจ้า
เป็นพ ระอ ปุ ชั ฌายข์ องเรา
ธัมมงั ส รณังคัจฉาม ิ ให้นกึ ว า่ เราม พี ระธ รรม
เปน็ พระกรร มวาจ าจ ารย์
สังฆังสรณังค ัจฉามิ ใหน้ ึกวา่ เราม พี ระอ รยิ สงฆ์
เป็นพระอนสุ าวนาจ ารย ์
43 ๔๓
แล้วอย่าส นใจขนั ธ์ ๕ห รือร ่างกายเราน ้ี
ใหส้ ำรวมจ ิตให้ดีมีความยนิ ดใีนก ารบวช
ชายก็เป็นพระภิกษุห ญิงกเ็ป็นพ ระภ ิกษณุ ี
อยา่ งน จ้ี ะม อี านสิ งสส์ งู ม ากจ ดั เปน็ เนกขมั บ ารมขี น้ั อ กุ ฤษฏท์ เี ดยี ว
๔๔ 44 ๑ ๕
ควรทำห รือไม่?
ครง้ั ห นงึ่ ม ลี กู ศ ษิ ยห์ ลวงปผู่ สู้ นใจธ รรมป ฏบิ ตั กิ ำลงั น ง่ั ภ าวนาเงยี บ
อยู่ไม่หา่ งจ ากท่านเท่าใดน กั บงั เอญิ ม แี ขกมาห าศ ิษย์ผ นู้ นั้ แ ต่ไมเ่ ห็นก ม็ ี
ศษิ ยอ์ กี ท า่ นห นง่ึ เดนิ เรยี กช อ่ื ท า่ นผ กู้ ำลงั น ง่ั ภ าวนาอ ยดู่ ว้ ยเสยี งอ นั ด งั แ ละ
เม่ือเดินมาเห็นศิษย์ผู้น้ันกำลังภาวนาอยู่ก็จับแขนดึงขึ้นมาทั้งที่กำลังนั่ง
ภาวนา
เมือ่ ผู้นน้ั หา่ งไปแ ล้วหลวงปูท่ ่านจ งึ เปรยข ึ้นม าวา่
“ในพุทธกาลครั้งก่อน มีพระอรหันต์องค์หน่ึงกำลังเข้านิโรธ-
สมาบ ตั ิ ไดม้ นี กแ สกต วั ห นง่ึ บ นิ โฉบผ า่ นห นา้ ท า่ นพ รอ้ มก บั รอ้ ง“ แ ซก”
ทา่ นว า่ น กแ สกต วั น น้ั เมอ่ื ต ายแ ลว้ ไดไ้ ปอ ยใู่ นน รกแ มก้ ปั น พี้ ระพทุ ธเจา้
ผา่ นไปได้พระองคท์ ส่ี ่แี ล้วน กแสกต วั นน้ั ย ังไม่ไดข้ ึน้ ม าจ ากนรกเลย”
45 ๔๕
๑๖
ก ารอ ุทศิ สว่ นก ศุ ลภ ายนอกภ ายใน
มีบางท่านเข้าใจคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย
ของหลวงปู่ ซ่ึงท่านเมตตาทำเป็นปกติ จึงมีความหวังว่าเม่ือตนตาย
หลวงปทู่ า่ นจ ะเมตตาใหบ้ ญุ สง่ ว ญิ ญาณส ง่ จ ติ ไปส วรรคไ์ ปน พิ พานได้ ด ว้ ย
ตนเป็นผ เู้ ขา้ วัดท ำท านและปรนนบิ ัตหิ ลวงปูม่ าน านหลวงปู่ทา่ นก็เมตตา
เตอื นวา่
“ถ้าข้าต ายไปก อ่ นแล้วใครจะส ่ง(บ ญุ )ให้แกล ะ่ ”
ดว้ ยความไมเ่ข้าใจท า่ นผ ู้น ัน้ จึงมีคำต อบว า่
“ข อให้หลวงปู่อยู่ตอ่ ไปน านๆใหพ้ วกผมตายกอ่ น”
น ีเ่ป็นจดุ ช วนค ิดในค ำเตือนของท่านท ่ีบอกเป็นน ยั ว่า การไปสคุ ติ
หรือการห ลุดพ้นน ั้นต ้องป ฏิบตั ิ ตอ้ งสร้างดว้ ยต นเองเป็นสำคัญม ิใช่หวงั
พ่ึงบุญพ่ึงกุศลผู้อ่ืน การอาศัยผู้อื่นเมื่อตายแล้วนั้น เป็นเพียงส่วนน้อยท่ี
อาจจะได้ อีกทั้งยังเป็นความไม่แน่นอนด้วย สู้ทำด้วยตัวเองไม่ได้ เป็น
แง่ให้คิดว่าต้องปฏิบัติตนให้มั่นใจในตนเองต้ังแต่ก่อนตาย เมื่อถึงเวลา
จำตอ้ งทง้ิ ขันธ์จ ะไม่ตอ้ งม วั ก ังวลตอ่ ภพชาติภายหนา้ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง
การป ฏิบตั ใิ ห้รูแ้ จง้ ในธรรมต้ังแ ตป่ จั จุบนั ช าติน้เี ป็นดยี ่ิงทเีดยี ว
๔๖ 46
๑๗
ส ตธิ รรม
บ่อยครั้งท่ีพวกเราถูกหลวงปู่ท่านดุในเร่ืองของการไม่สำรวมระวัง
ท่านม ักจะดวุ ่า
“ใหท้ ำ(ป ฏบิ ตั )ิ ไมท่ ำทำประเดย๋ี วเดยี วเดย๋ี วอ อกมาจ บั ก ลมุ่ ก นั
อีกแลว้ ทเี วลาคยุ ค ยุ กันได้นาน”
ป ฏปิ ทาข องท า่ นต อ้ งการใหพ้ วกเราต ง้ั ใจป ฏบิ ตั ิ ต ง้ั ใจท ำใหจ้ รงิ ม สี ติ
สำรวมระวงั แมเ้ วลาก นิ ขา้ วทา่ นกใ็ หร้ ะวงั อยา่ พ ดู ค ยุ กนั เอะอะเสยี งดงั
“สติ” นั้นเป็นส่ิงสำคัญที่สุดอย่างหน่ึงที่จะทำให้เราได้หยุดคิด
พิจารณาก่อนที่จะทำจะพูดและแ มแ้ ต่จะค ดิ ส ่งิ ใดส งิ่ หนึง่ ว า่ ส ิ่งน ั้นด ีหรอื
ชวั่ ม คี ณุ ป ระโยชนห์ รอื เสยี ห ายค วรก ระทำห รอื ค วรงดเวน้ อ ยา่ งไรเมอ่ื ย งั้
คิดได้ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดประณีต และสามารถ
กลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เป็นประโยชน์ออกให้หมด คงเหลือแต่
เน้ือท่ีถูกต ้องและเปน็ ธรรมซ ง่ึ เป็นของควรค ิดค วรพูดควรทำแทๆ้
47 ๔๗
๑ ๘
ธรรมะจ ากซองยา
บอ่ ยค รงั้ ท หี่ ลวงปมู่ กั จ ะห ยบิ ยกเอาส ง่ิ ของรอบต วั ท า่ นม าอ ปุ มาเปน็
ข้อธรรมะให้ศิษยไ์ดฟ้ งั กนั เสมอ
ครง้ั ห นงึ่ ทา่ นไดอ้ บรมศ ษิ ยผ์ หู้ นง่ึ เกย่ี วก บั ก ารรเู้ หน็ แ ละไดธ้ รรมว า่
มที ้งั ช น้ั ห ยาบช ้นั กลางชนั้ ละเอียดอปุ มาเหมอื นอย่างซ องย าน่ี(ห ลวงปู่
ทา่ นช้ไี ปทซี่ องบหุ รี)่
“แรกเรมิ่ เราเห็นแคซ่ องของมนั ต่อม าเราจะไปเห็นม วนบ หุ ร่ี
อยู่ในซองนั่น ในมวนบุหรี่แต่ละมวนก็ยังมียาเส้นอยู่ภายในอีก แล้ว
ท่ีสุดจะเกิดตวั ป ัญญาข้ึน ร ดู้ ว้ ยว่าย าเส้นนที้ ำม าจากอะไร จ ะเรยี กว่า
“เหน็ ในเห็น”กไ็ ด้ล องไปต รองด แู ลว้ เทียบก ับตัวเราให้ดเีถอะ”
๔๘ 48 ๑ ๙
ธ รรมะจ ากโรงพ ยาบาล
โรงพยาบาลเป็นสถานท่ีบำบัดทุกข์ของมนุษย์เรา อย่างน้อย ๓
ประการซึง่ พ ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงไวใ้ นพระส ูตรสำคัญห ลายเร่ืองคอื
ชาติทกุ ข์ -ค วามเดอื ดร ้อนเวลาเกิด
ช ราทุกข์-ความเดือดร อ้ นเม่ือค วามแกม่ าถงึ และ
พยาธิทุกข์ -ค วามเดอื ดร้อนในย ามเจ็บไข้ได้ป่วย
หลวงปูเ่ คยบ อกก ับผ ู้เขยี นว่าท ี่โรงพยาบาลน ่ันแหละมขี องดเียอะ
เป็นเหมือนโรงเรียนเวลาไปอ ยา่ ล มื ดตู วั เกดิ แก่ เจบ็ ตายอยู่ในน นั้ หมด
“ ดูข า้ งน อกแล้วย ้อนมาด ูตวั เราเหมอื นกันไหม?”
49 ๔๙
๒ ๐
ของจ ริงข องปลอม
เม่ือหลายปีก่อน ได้เกิดไฟไหม้ท่ีวัดสะแกบริเวณกุฏิตรงข้ามกุฏิ
หลวงปู่ แ ตไ่ ฟไมไ่ หมก้ ฏุ หิ ลวงปู่ เปน็ ท น่ี า่ อ ศั จรรยใ์ จแ กศ่ ษิ ยแ์ ละผ ทู้ พี่ บเหน็
เปน็ อ ยา่ งย งิ่ ถ งึ ข นาดม ฆี ราวาสท า่ นห นง่ึ ค ดิ ว า่ ห ลวงปทู่ า่ นม พี ระด ี ม ขี องดี
ไฟจ งึ ไม่ไหมก้ ุฏทิ า่ น
ผู้ใหญ่ทา่ นน้ันได้มาที่วดั แ ละก ราบเรยี นหลวงปวู่ ่า
“หลวงป่คู รบั ผ มขอพระดีทก่ี นั ไฟได้หนอ่ ยค รับ”
หลวงปู่ยิม้ ก่อนต อบว า่
“พุทธงั ธ มั มงั สังฆงัไตรสรณคมน์น แี่ หละพระด”ี
ผู้ใหญท่ ่านนนั้ ก็รบี บอกว่า
“ไม่ใชค่ รบั ผ มขอพ ระเป็นองค์ๆอยา่ งพ ระส มเด็จน ะ่ ค รบั ”
หลวงปกู่ ก็ ล่าวยนื ยันหนกั แน่นอ กี ว า่
“ก พ็ ทุ ธงั ธ ัมมังสงั ฆงั น แี่ หละม ีแคน่ ล้ี ่ะภาวนาให้ด”ี
แล้วหลวงปู่ก็มิได้ให้อะไร จนผู้ใหญ่ท่านน้ันกลับไป หลวงปู่จึงได้
ปรารภธรรมอบรมศ ษิ ย์ท ี่ยงั อยวู่ ่า
“คนเรานก่ี ็แปลกข า้ ใหข้ องจ รงิ ก ลบั ไม่เอาจะเอาข องป ลอม”
๕๐ 50
๒ ๑
คำสารภาพของศ ษิ ย์
เราเปน็ ศ ษิ ยร์ นุ่ ป ลายอ อ้ ป ลายแ ขม(อยหู่ า่ งไกล) แ ละม คี วามข เี้ กยี จ
เปน็ ป กติ ก อ่ นท เี่ ราจ ะไปว ดั เราไมเ่ คยส นใจท ำอ ะไรจ รงิ จงั ย าวนานค อื เรา
สนใจทำจริงจังแต่ก็ประเดี๋ยวเดียว เม่ือเราได้ไปวัด ด้วยความอยากเห็น
อยากร ้เู หมอื นท่ีเพ่ือนบางค นเขาร ู้เขาเห็นเราจึงพยายามท ำแ ต่ม นั ไม่ได้
ความพ ยายามข องเราก เ็ ลยล ดน อ้ ยถ อยล งต ามว นั เวลาท ผี่ า่ นไปแ ตค่ วาม
อยากของเรามนั ไมไ่ ดห้ มดไปดว้ ย พอขเ้ี กยี จห นกั เขา้ เราจงึ ถามห ลวงปวู่ า่
“ห นูขี้เกยี จเหลอื เกินค ะ่ จะท ำย ังไงด ”ี
เราจำได้ว่าท่านน่ังเอนอยู่ พอเรากราบเรียนถาม ท่านก็ลุกข้ึนน่ัง
ฉบั ไวมองหน้าเราแลว้ บ อกว่า
“ถ ้าขา้ บอกแกไม่ใหก้ ลัวต ายแกจะเชื่อข า้ ไหมละ่ ”
เราเงียบเพราะไมเ่ขา้ ใจท ่ีท่านพ ูดต อนน นั้ เลย
อีกคร้ังหน่ึงป ลอดคนเรากราบเรยี นถ ามท่านว ่า
“ค นขเ้ีกียจอ ยา่ งหนนู ี้ มีส ทิ ธถิ์ ึงน ิพพานไดห้ รือไม่”
หลวงป่ทู ่านนง่ั ส ูบบหุ รี่ย ้มิ อยูแ่ ละบ อกเราว า่
“ ถ้าข้าให้แกเดนิ จากน ่ีไปกรงุ เทพฯแ กเดินไดไ้หม”
51 ๕๑
เราเงยี บแ ลว้ ย้มิ แ ห้งๆ ท า่ นจึงพ ดู ต่อว่า
“ถา้ แกก นิ ข ้าวส ามม ้อื มนั ก็ม ีกำลังวังชาเดนิ ไปถ ึงได้ถ้าแกกิน
ข้าวมื้อเดียว มันก็พอไปถึงได้แต่ช้าหน่อย แต่ถ้าแกไม่กินข้าวไปเลย
มนั ก็คงไปไม่ถ ึงใชไ่ หมละ่ ”
เรารู้สึกเข้าใจความข้อนี้ซึมซาบเลยทีเดียว แล้วหลวงปู่ท่านก็พูด
ตอ่ วา่
“เรือ่ งท ำมง้ ธรรมะอ ะไรข ้าพ ูดไม่เปน็ ห รอกขา้ ก ็เปน็ แ ตพ่ ูดข อง
ขา้ อย่างน้ีแ หละ”
อ รพนิ ท์
๕๒ 52 ๒๒
ทรรศนะต า่ งกัน
เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในวงของผู้ปฏิบัติธรรม หลวงปู่ท่านได้ให้
โอวาทเตอื นผ ปู้ ฏบิ ตั ไิ วว้ า่ “ ก ารม าอ ยดู่ ว้ ยก นั ป ฏบิ ตั ดิ ว้ ยก นั ม ากเขา้ ย อ่ มมี
เรอ่ื งก ระทบก ระทง่ั ก นั เปน็ ธ รรมดาต ราบใดท ย่ี งั เปน็ ป ถุ ชุ นค นธ รรมดาอยู่
ทฏิ ฐคิ วามเหน็ ย อ่ มต า่ งก นั ข อใหเ้ อาแตส่ ว่ นด มี าสน บั ส นนุ กนั อ ยา่ เอาเลว
มาอ วดก นั ก ารป รามาสพ ระก ด็ ี ก ารพ ดู จาจ าบจ ว้ งในพ ระพทุ ธพ ระธ รรม
พระสงฆ์ หรอื ทา่ นทม่ี ศี ลี มธี รรมกด็ ี จะเปน็ กรรมตดิ ตวั เราและขดั ขวาง
ก ารป ฏบิ ตั ธิ รรมในภ ายห นา้ ด งั น น้ั ห ากเหน็ ใครท ำความด ี ก ค็ วรอ นโุ มทนา
ยนิ ดดี ว้ ยแมต้ า่ งวดั ต า่ งส ำนกั ห รอื แ บบปฏบิ ตั ติ า่ งก นั ก ต็ าม”
ไมม่ ใี ครผ ดิ ห รอกเพราะจ ดุ ม งุ่ ห มายต า่ งก เ็ ปน็ ไปเพอ่ื ค วามพ น้ ท กุ ข์
เชน่ กนั เพียงแตเ่ ราจะท ำให้ดีดียงิ่ ด ที ี่สุด
ขอให้ถามต ัวเราเองเสยี ก่อนว่า...แล้วเราล ะ่ ถ งึ ทส่ี ดุ แ ล้วห รือยงั ?
53 ๕๓
๒ ๓
อ ุเบกขาธรรม
เรามักจะเห็นการกระทำท่ีเป็นคำพูดและการแสดงออกอยู่บ่อยๆ
สว่ นการกระทำท เ่ี ปน็ การนง่ิ ท เ่ี รยี กวา่ มอี เุ บกขานน้ั มกั ไมค่ อ่ ยไดเ้ หน็ ก นั
ในเรอ่ื งก ารส รา้ งอ เุ บกขาธ รรมข น้ึ ในใจน น้ั ผ ปู้ ฏบิ ตั ใิ หมเ่ มอ่ื ไดเ้ ขา้ ม า
รธู้ รรมเหน็ ธ รรมไดพ้ บเหน็ ส ง่ิ แปลกๆแ ละค ณุ คา่ ข องพทุ ธศาสนาม กั เกดิ
อารมณค์ วามรสู้ กึ วา่ อ ยากช วนค นม าวดั ม าป ฏบิ ตั ใิ หม้ ากๆ โดยล มื ด พู น้ื ฐ าน
จติ ใจข องบคุ คลท ก่ี ำลงั จ ะช วนวา่ เขาม คี วามส นใจมากน อ้ ยเพยี งใด
หลวงปู่ท่านบ อกว่า
“ ใหร้ ะวงั ใหด้ จี ะเปน็ บ าปเปรยี บเสมอื นก บั ก ารจ ดุ ไฟไวต้ รงก ลาง
ระหวา่ งค นส องค นถ า้ เราเอาธ รรมะไปช วนเขาเขาไมเ่ หน็ ด ว้ ยป รามาส
ธรรมน ซ้ี งึ่ เปน็ ธ รรมข องพ ระพทุ ธเจา้ ก เ็ ทา่ กบั เราเปน็ ค นก อ่ แ ลว้ เขาเปน็
คนจดุ ไฟ...บ าปท ้งั คเู่ รยี กว า่ เมตตาจ ะพ าต กเหว”
แ ล้วท่านย กอุทาหรณ์สอนต ่อว่า
“เหมือนกบั มชี ายค นหน่งึ ต กอยูใ่ นเหวล ึกม ผี ู้จะม าช่วยค นท ่ี๑
มเีมตตาจ ะม าช ว่ ยเอาเชอื กด ึงข นึ้ จ ากเหวด งึ ไมไ่ หวจ ึงต กลงไปในเหว
เหมอื นก นั ค นท ่ี ๒ ม กี รณุ าม าช ว่ ยด งึ อ กี ก ต็ กลงเหวอ กี ค นท ี่ ๓ ม มี ทุ ติ า
มาช่วยดึงอ ีกก ็พลาดต กเหวอกี เชน่ กัน
๕๔ 54
คนท ่ี ๔ส ดุ ท้ายเปน็ ผมู้ ีอเุ บกขาธรรมเห็นวา่ เหวนล้ี กึ เกนิ ก วา่
กำลงั ข องต นท จ่ี ะช ว่ ยก ม็ ไิ ดท้ ำป ระการใด ท ง้ั ๆ ท จ่ี ติ ใจก ม็ เี มตตาธ รรม
ทจี่ ะชว่ ยเหลืออ ยู่ ค นสดุ ทา้ ยนี้จงึ รอดช ีวติ จากก ารตกเหวตามเพราะ
อุเบกขาธ รรมนแี้ ล”
55 ๕๕
๒ ๔
ให้รู้จกั บญุ
การทำบุญทำกุศลน้ัน โปรดอย่านึกว่าจะต้องหอบข้าวหอบของ
ไปใสบ่ าตรท่วี ัดท ุกว นั ห รอื บ ญุ จ ะเกิดได้ก็ต้องท อดก ฐินส ร้างโบสถ์ สรา้ ง
ศาลาและอนื่ ๆ อ ย่างท ่ีเขาโฆษณาขายบญุ กนั ท ัง้ ทางว ิทยุ หนังสอื พมิ พ์
และใบเรยี่ ไรก นั เกลอื่ นก ลาดจ นรสู้ กึ ว า่ จ ะต อ้ งเปน็ ภ าระท ตี่ อ้ งบ รจิ าคเมอ่ื
ไปวดั หรอื สำนกั น น้ั ๆ เป็นป ระจำ
บทส วดม นต์ช่อื พ ระพุทธช ยั มงคลคาถาทข่ี ้นึ ต น้ ด ว้ ย“ พ าหงุ ...”
มีอยู่ทอ่ นหนึง่ ซ ง่ึ กลา่ วถึงพระพุทธเจ้าทรงชนะม ารคอื ก เิ ลสว า่
“ ทานาทิธัมมวธิ นิ าช ิตว าม ุนนิ โท”แปลว ่า
“พระพทุ ธเจ้าผ้ทู รงเป็นจ อมปราชญ์ท รงชนะมารคือก เิ ลสดว้ ย
วธิ บี ำเพ็ญบ ารมีธรรมค ือค วามด ี มีการบ รจิ าคทานเปน็ ต้น”
พระพทุ ธเจา้ ท รงส อนก ารท ำบญุ ท ำก ศุ ลด ว้ ยก ารใหท้ านร กั ษาศ ลี
และสวดมนต์เจริญส มาธิภาวนาให้ทานทกุ ค รง้ั ให้ทำลายความโลภคอื
กเิ ลสท กุ ค รงั้ รกั ษาศ ลี เจรญิ ภ าวนาเพอื่ ท ำลายค วามโกรธค วามเหน็ แ กต่ วั
ให้ใจสะอาด ใจไม่เศร้าหมอง มองเห็นบาปบุญคุณโทษได้ทุกครั้ง ทำได้
ดงั นี้จึงช ือ่ วา่ ทำต ามพระพทุ ธเจา้
๕๖ 56 ๒๕
อบุ ายวธิ ีทำความเพียร
ครง้ั ห นง่ึ ท ไ่ี ดส้ นทนาป ญั หาธ รรมก บั ห ลวงปู่ ท า่ นเลา่ ใหผ้ เู้ ขยี นฟ งั วา่
เขามาถ ามปัญหาข า้ ข า้ ก ต็ อบไม่ได้อยู่ปัญหาห นึ่ง
ผเู้ ขียนเรียนถ ามท า่ นวา่ “ปญั หาอ ะไรครับ”
ท่านเล่าวา่ “ เขาถ ามว่าข ี้เกียจ(ป ฏบิ ตั ิ)จะท ำอยา่ งไรด”ี
หลวงปูห่ ัวเราะก่อนท ่จี ะตอบตอ่ ไปวา่
“บะ๊ ขี้เกียจก็หมดกนั กไ็ ม่ต ้องท ำซิ”
สกั ครู่ท่านจงึ เมตตาส อนวา่
“ห มน่ั ท ำเขา้ ไว.้ ..ถา้ ข เ้ี กยี จใหน้ กึ ถงึ ขา้ ข า้ ท ำม า๕ ๐ป ี อ ปุ ชั ฌาย์
ขา้ เคยส อนไวว้ า่ ถ า้ ว นั ไหนย งั ก นิ ข า้ วอ ยู่ กต็ อ้ งท ำว นั ไหนเลกิ ก นิ ข า้ ว...
นน่ั แ หละถ ึงไมต่ อ้ งทำ”
57 ๕๗
๒๖
พระเก่าของหลวงปู่
ส ำหรบั พ ระเครอ่ื งแ ลว้ พ ระส มเดจ็ ว ดั ร ะฆงั ฯ เปน็ ท ร่ี จู้ กั ก นั ด ใี นห มู่
นกั เลงพระว า่ เปน็ ของหาย ากและม รี าคาแ พงใครไดไ้ วบ้ ูชานบั เปน็ ม งคล
อย่างย ่งิ
หลวงปไู่ ดส้ อนว า่ ก ารน บั ถอื พ ระเชน่ น เ้ี ปน็ ส ง่ิ ท ดี่ ี แ ตเ่ ปน็ ด ภี ายนอก
มิใชด่ ีภายในท ่านบอกว า่ “ใหห้ าพระเกา่ ใหพ้ บน ซ่ี ขิ องแทข้ องดจี รงิ ”
ผู้เขยี นเรียนถามทา่ นว ่า“พระเก่าหมายความวา่ อ ย่างไรครบั ”
ท่านว ่า“ กห็ มายถงึ พระพ ทุ ธเจ้าน่ะซ ิ น นั่ ท่านเป็นพระเก่าพระ
โบราณพระองคแ์ รกท ี่สดุ ”
๕๘ 58
๒๗
ข ้อควรค ดิ
การไปวัดไปไหว้พระตลอดจ นการสนทนาธ รรมก บั ท ่านสมควร
ทจี่ ะต อ้ งม คี วามต งั้ ใจแ ละเตรยี มใหพ้ รอ้ มท จ่ี ะร บั ธ รรมจ ากท า่ นม ฉิ ะนน้ั ก ็
อาจเกิดเปน็ โทษได้ด ังเร่ืองตอ่ ไปน ี.้ .. ปกติข องห ลวงปู่ทา่ นม ีความเมตตา
อบรมสั่งสอนศิษย์และสนทนาธรรมกับผู้สนใจตลอดมา วันหน่ึงมีผู้มา
กราบน มัสการท ่านและเรียนถ ามป ญั หาต่างๆจากนั้นจ งึ กลบั ไป
หลวงปู่ท่านได้ยกเป็นคติเตือนใจให้ผู้เขียนฟังว่า “คนท่ีมาเม่ือก้ี
หากไปเจอพระดลี ะ่ กล็ งน รกไมไ่ ปสวรรค์ นิพพานห รอก”
ผ้เู ขยี นจ งึ เรยี นถามท ่านว่า“เพราะเหตุไรค รบั ”
ทา่ นต อบวา่ “ กจ็ ะไปป รามาสพ ระท า่ นน ะ่ ซ ีไมไ่ ดไ้ ปเอาธรรมจ ากทา่ น”
หลวงปเู่ คยเตอื นพวกเราไวว้ า่ “ การไปอ ยกู่ บั พ ระอรห นั ต์ อยา่ อ ยู่
กบั ท า่ นน านเพราะเมอ่ื เกดิ ค วามม กั ค นุ้ แ ลว้ ม กั ท ำใหล้ มื ตวั เหน็ ท า่ นเปน็
เพอ่ื นเลน่ คยุ เลน่ หวั ทา่ นบา้ ง ใหท้ า่ นเหาะใหด้ บู า้ ง ถงึ กบั ออกปากใช้
ทา่ นเลยก ม็ ี ก ารก ระทำเชน่ น ้ี ถ อื เปน็ การป รามาสพ ระล บหลคู่ รอู าจารย์
และเปน็ บ าปม ากป ดิ ก น้ั ท างม รรคผลน พิ พานได้ จ งึ ข อใหพ้ วกเราส ำรวม
ระวงั ใหด้ ”ี
59 ๕๙
๒๘
ไมพ่ ยากรณ์
เกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติธรรมแล้วจะได้สำเร็จมรรคผลนิพพานหรือไม่
เคยมพี ระภิกษทุ ่านหนง่ึ ได้มากราบนมัสการและเรยี นถ ามหลวงปู่ว ่า
“หลวงปู่ครับ กระผมจะได้สำเร็จหรือไม่ หลวงปู่ช่วยพยากรณ์
ทีครับ”
หลวงปนู่ ิง่ สักค ร่หู นงึ่ ก่อนต อบว า่
“พยากรณไ์ม่ได้”
พ ระภิกษรุ ูปนั้นไดเ้ รียนถ ามตอ่ ว่า
“เพราะเหตุไรห รือครบั ”
หลวงป่จู งึ ต อบวา่
“ถา้ ผ มบ อกวา่ ท า่ นจะได้สำเรจ็ แลว้ ท่านเกิดป ระมาทไมป่ ฏิบตั ิ
ต่อ มันจะสำเร็จได้อย่างไร และถ้าผมบอกว่าท่านจะไม่สำเร็จ ท่านก็
คงจะข ้ีเกยี จและล ะทงิ้ ก ารป ฏิบตั ิไปนมิ นตท์ า่ นท ำตอ่ เถอะครับ”
๖๐ 60
๒๙
จ ะตามม าเอง
หลายปีมาแล้ว มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ได้มาบวชปฏิบัติธรรมอยู่ท่ี
วัดสะแก ก่อนที่จะลาสิกขาเข้าสู่เพศฆราวาส ท่านได้นัดแนะกับเพื่อน
พระภ กิ ษุทีจ่ ะส กึ ด้วยก นั ๓ องคว์ า่ เพ่อื ค วามเปน็ ส ิรมิ งคลก่อนส ึกพวก
เราจ ะไปกราบขอใหห้ ลวงป่พู รมน ำ้ มนต์และใหพ้ ร
ท่านได้เลา่ ให้ผู้เขียนฟ ังว า่
ขณะท หี่ ลวงปพู่ รมน ำ้ มนต์ ใหพ้ รอ ยนู่ น้ั ท า่ นก น็ กึ อ ธษิ ฐานอ ยใู่ นใจ
ว่า“ ขอความร ำ่ รวยมหาศาลขอลาภข อผ ลพูนทวี มีกินมใี ช้ ไมร่ ้หู มดจ ะ
ไดแ้ บง่ ไปทำบ ุญมากๆ”
หลวงปู่หันมามองหน้าหลวงพ่ีที่กำลังคิดละเมอเพ้อฝันถึงความ
ร่ำรวยน้ี ก อ่ นท่ีจ ะบ อกว า่
“ท า่ น...ท่ที ่านค ดิ นะ่ มนั ต ่ำค ดิ ใหม้ นั สูงไว้ไมด่ หี รือแลว้ เรื่องที่
ทา่ นคิดน่ะจะตามมาท ีหลัง”
61 ๖๑
๓๐
แ นะวธิ วี างอารมณ์
หลวงปู่เคยพูดเสมอว่า “ผู้ปฏิบัติต้องหม่ันตามดูจิต รักษาจิต”
สำหรบั ค นท ไ่ี มเ่ คยป ฏบิ ตั แิ ลว้ ไมร่ จู้ ะด ทู ไ่ี หนจ ะด อู ะไรรสู้ กึ ส บั สนแ ยกไมถ่ กู
เพราะไมเ่ คยด ู ไม่เคยส ังเกตอ ะไร เคยอยูแ่ ต่ในค วามคิดปรุงแ ตง่ อ ยู่กบั
อารมณ์แต่แยกอารมณ์ไม่ได้ ยิ่งคนที่ยังไม่เคยบวช คนท่ีอยู่ในโลกแบบ
ว่นุ วายย่ิงด ูจิตของตนไดย้ าก
หลวงปไู่ ดเ้ ปรยี บใหผ้ เู้ ขยี นฟ งั โดยท า่ นไดก้ ำม อื แ ละย นื่ น ว้ิ ก ลางม า
ขา้ งห นา้ ผ เู้ ขยี นวา่ เราภ าวนาท แี รกก เ็ ปน็ อ ยา่ งน ี้ ส กั ค รทู่ า่ นก ย็ นื่ น ว้ิ ช อี้ อกม า
สกั ค รกู่ ย็ น่ื น ว้ิ น างพ รอ้ มก บั ม อื ไหวเลก็ น อ้ ย แ ละท า่ นก ย็ น่ื น วิ้ ห วั แ มม่ อื แ ละ
นว้ิ ก อ้ ยอ อกมาตามล ำดบั จ นค รบ๕ น ว้ิ ทา่ นท ำม อื โคลงไปโคลงม าเปรยี บ
การภ าวนาของน กั ป ฏบิ ตั ทิ จ่ี ติ แ ตกไมส่ ามารถรวมใจใหเ้ ปน็ หนง่ึ ได้
ผู้ฝึกจิตถ้าทำจิตให้มีอารมณ์หลายอย่างจะสงบไม่ได้ และไม่เห็น
สภาพข องจิตต ามเปน็ จริงถ ้าทำจิตใจใหด้ ง่ิ แน่วแ นอ่ ย่ใู นอ ารมณ์อนั เดยี ว
แล้ว จิตก็มีกำลังเปล่งรัศมีแห่งความสว่างออกมาเต็มที่ มองสภาพของ
จติ ตามค วามเปน็ จ รงิ ได้ว่าอะไรเปน็ จติ อะไรเปน็ กเิ ลสอ ะไรท ่คี วรรกั ษา
อะไรท่คี วรละ
๖๒ 62
๓๑
อย่าพ ูดม าก
“เวลาป ฏิบัติ พอจะได้ดหี น่อยมันอ ยากจะพ ูดอยากจ ะเลา่ ให้
ใครฟ ังจรงิ ไหมละ่ แกข ้ารู้ ข้าก ็เคยเป็นม า” ห ลวงปู่ทา่ นกล่าวแ ลว้ เลา่
เร่อื งเป็นอุทาหรณ์วา่
“ ม พี ระองคห์ นึ่งปฏิบตั จิ ติ ส งบด ี แ ลว้ เกดิ น ิมิตเห็นพ ระพทุ ธเจา้
นบั ร อ้ ยอ งคเ์ ดนิ เขา้ ม าห าท า่ นม คี วามป ตี เิ อบิ อ ม่ิ ย นิ ดมี ากอ ยากจ ะเลา่
ให้หมู่เพื่อนฟัง ตอนเช้าจึงเล่าผลการปฏิบัติของตนให้หมู่เพื่อนทราบ
ผลปรากฏว่าพระรูปนั้นทำสมาธิอีกเป็นเดือนก็ยังไม่ปรากฏจิตสงบดี
ถงึ ระดบั ท ่ีเคยน นั้ เลย”
ถึงตรงน้ีท ่านสง่ั เลยว า่
“ แ กจ ำไวเ้ ลยน ะค นท ที่ ำเปน็ เขาไมพ่ ดู ค นท พ่ี ดู น น่ั ย งั ท ำไมเ่ ปน็ ”
63 ๖๓
๓๒
เช่อื จริงห รือไม่?
สำหรบั ผ ูป้ ฏบิ ตั แิ ลว้ คำด ดุ ่าวา่ ก ล่าวของค รูอาจารย์ นบั เปน็ เรือ่ ง
สำคัญและม คี ณุ คา่ ย่งิ หากค รูบาอ าจารยเ์ มินเฉยไมด่ ุด ่าว า่ ก ล่าวกเ็ หมือน
เป็นการล งโทษ
ผ้เู ขยี นเคยถกู ห ลวงปู่ดุวา่
“แกย งั เชอ่ื ไมจ่ รงิ ถ า้ เชอ่ื จ รงิ พทุ ธงั ธ มั มงั ส งั ฆงัส รณงัคจั ฉามิ
ตอ้ งเชอ่ื แ ละย อมรบั พ ระพทุ ธพ ระธ รรมพ ระส งฆ์ เปน็ ท พ่ี ง่ึ แ ทนทจ่ี ะเอา
ค วามโลภมาเปน็ ทพ่ี ง่ึ เอาค วามโกรธม าเปน็ ท พ่ี ง่ึ เอาค วามห ลงม าเปน็
ทพ่ี ง่ึ ”
ห ลวงปทู่ า่ นกลา่ วก บั ผูเ้ ขียนวา่
“โกรธโลภห ลงเกดิ ข น้ึ ใหภ้ าวนาแ ลว้ โกรธโลภห ลงจ ะค ลายล ง
ข า้ รบั รองถ า้ ท ำแ ลว้ ไมจ่ รงิ ใหม้ าดา่ ข า้ ได”้
๖๔ 64 ๓ ๓
คดิ วา่ ไม่มีดี
ผ้ปู ฏบิ ัติส ว่ นใหญม่ ักจะไม่พอใจในผ ลก ารปฏบิ ตั ิของตน โดยทมี่ ัก
จะขาดการไตร่ตรองว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะอะไร ดังที่เคยมีลูกศิษย์คน
หน่ึงของหลวงปู่ ได้มาน่ังบ่นให้ท่านฟังในความอาภัพอับวาสนาของตน
ในก ารภ าวนาว า่ ต นไมไ่ ดร้ ู้ ไมไ่ ดเ้ หน็ ส ง่ิ ต า่ งๆภ ายในม นี มิ ติ ภ าวนาเปน็ ตน้
ลงท้ายก็ต ำหนวิ า่ ตนนั้นไมม่ ีความร ้อู รรถรธู้ รรมแ ละความด อี ะไรเลย
หลวงปู่น่ังฟังอยู่สักครู่ ท่านจึงย้อนถามลูกศิษย์จอมข้ีบ่นผู้น้ันว่า
“แกแ น่ใจห รอื ว่าไมม่ อี ะไรด ีแ ล้วแกร ู้จักพระพทุ ธพ ระธรรมพ ระส งฆ์
หรอื เปล่า”
ล กู ศษิ ยผ์ ู้นั้นน ิ่งอ งึ้ ส กั ค รจู่ งึ ต อบว ่า“ รจู้ ักครบั ”
ห ลวงปู่จงึ กลา่ วสรปุ วา่ “เออนัน่ ซี แ ล้วแกท ำไมจงึ ค ิดวา่ ต วั เรา
ไมม่ ดี ”ี
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งท่ีแสดงถึงความเมตตาของท่าน ท่ีหาทางออก
ทางป ัญญาให้ศิษย์ผู้กำลังท้อถอยด้อยความค ิด และตำหนิวาสนาต นเอง
หากปลอ่ ยไว้ยอ่ มทำให้ไมม่ กี ำลังใจในการป ฏบิ ัตเิ พ่อื ผ ลท ี่ควรได้แห่งตน
65 ๖๕
๓ ๔
พระท คี่ ลอ้ งใจ
เมอ่ื ม ผี ไู้ ปข อข องดจี ำพวกว ตั ถมุ งคลจ ากหลวงปไู่ วห้ อ้ ยค อห รอื พก
ตดิ ตวั หลวงปจู่ ะส อนว า่
“จ ะเอาไปท ำไมข องดภี ายนอกท ำไมไมเ่ อาข องดภี ายในพ ทุ ธงั
ธัมมงั ส งั ฆังน ่ีแหละของว เิ ศษ”
ท่านใหเ้หตผุ ลว ่า
“คนเราน ั้นถ ้าไม่มพี ุทธังธมั มังสังฆังเปน็ ข องดภี ายในถ ึงแ ม้
จะไดข้ องดภี ายนอกไปแ ลว้ ก ไ็ มเ่ กดิ ป ระโยชนอ์ ะไร...ทำอ ยา่ งไรจ งึ จ ะได้
เหน็ พ ระจ รงิ ๆ เหน็ ม แี ตพ่ ระป นู พ ระไม้ พ ระโลหะพ ระรปู ถ า่ ยพ ระส งฆ์
ลองกลบั ไปค ดิ ด”ู
๖๖ 66 ๓๕
จ ะเอาดีหรอื เอาร วย?
อีกคร้ังหน่ึงที่คณะผู้เขียนได้มานมัสการหลวงปู่ เพ่ือนของผู้เขียน
ท่านหน่ึงต้องการเช่าพระอุปคุตท่ีวัดเพ่ือนำไปบูชา โดยกล่าวกับผู้ท่ีมา
ด้วยกนั ว ่าบ ชู าแลว้ จะได้รวย
เพอื่ นของผูเ้ ขยี นท ่านน ้นั แ ทบตะลงึ เมอ่ื มากร าบหลวงปู่ แล้วท า่ น
ไดต้ ักเตอื นว่า“ ร วยก ับซวยม นั ใกลๆ้ ก นั นะ”
ผ้เู ขียนได้เรยี นถ ามหลวงปู่ว่า“ใกลก้ นั ยงั ไงค รับ”
ท่านย ้มิ แ ละต อบว่า“มันอ อกเสียงค ลา้ ยก ัน”
พวกเราต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สักครู่ท่านจึงขยายความให้พวกเรา
ฟังว่า “จะเอารวยนะ่ จ ะหาม ายังไงก ็ทุกข์ จะร ักษาม นั ก ็ทกุ ข์หมดไป
ก็เปน็ ทกุ ข์อีกกลวั คนจะจ จี้ ะป ลน้ ไปคิดด ูเถอะมนั ไมจ่ บห รอกมีแต่
เรอื่ งยงุ่ เอาดีด ีก วา่ ”
คำว า่ “ ด”ี ข องห ลวงปูม่ คี วามหมายลกึ ซ ึ้งม ากผเู้ขยี นข ออัญเชิญ
พระบรมร าโชวาทข องในหลวงข องเราในเรอื่ งก ารท ำความด ี ม าเปรยี บณ
ที่น้ีความต อนหนง่ึ ว่า
67 ๖๗
“...ค วามด ีนี้ไมต่ ้องแ ย่งก นั ความดีน้ี ท กุ ค นทำได้เพราะความดี
น้ีทำแลว้ กด็ ตี ามคำวา่ ‘ดี’น้ี ดีทั้งนน้ั ฉะนัน้ ถ้าชว่ ยก ันทำด ีความด ีนั้น
กจ็ ะใหญโ่ตจ ะด ยี ง่ิ ด เี ย่ียม...”
๖๘ 68
๓๖
ห ลักพ ระพทุ ธศาสนา
เล่ากันว่า มีโยมท่านหน่ึง ไปนมัสการพระเถระองค์หนึ่งอยู่เป็น
ประจำและในว ันหน่งึ ไดถ้ ามปญั หาธรรมก บั ท่านว่า
“ห ลกั ข องพ ระพทุ ธศาสนาคอื อะไร...”
พ ระเถระต อบว่า
“ ละความช ่ัวทำความด ี ท ำจ ิตข องต นให้ผอ่ งแผ้ว”
โยมทา่ นน ั้นได้ฟังแล้วพ ูดว่า
“ อยา่ งน ้เี ดก็ ๗ขวบก ็รู้”
พ ระเถระย ิม้ เลก็ นอ้ ยก่อนตอบว า่
“ จ รงิ ข องโยมเดก็ ๗ ข วบก ร็ ู้ แ ตผ่ ใู้ หญอ่ ายุ ๘ ๐ก ย็ งั ป ฏบิ ตั ไิ มไ่ ด”้
อย่างนีก้ ระมังทีผ่ ู้เขยี นเคยได้ยินห ลวงปพู่ ูดเสมอว ่า
“ของจ ริงต อ้ งห มัน่ ทำ”
พระพทุ ธศ าสนาน นั้ ถ า้ ป ราศจ ากก ารน อ้ มนำเขา้ ไปไวใ้ นใจแ ลว้ ก าร
“ถ อื ”พทุ ธศาสนาก็ไมม่ ีความหมายแ ต่อย่างใด
69 ๖๙
๓ ๗
“ พ ” พานข องห ลวงปู่
หลวงปูเ่ คยป รารภธรรมกับผู้เขยี นวา่
“ ถ้าแ กเขยี นต วั พ พ านไดเ้ มื่อไรน่นั แ หละจ งึ จ ะด ี”
ผเู้ ขียนถ ามท่านว า่ “ เปน็ อย่างไรค รับพ พาน”
ทา่ นตอบวา่ “กต็ ัวพ อน ะ่ ซ ี ”
ค นเราจะม ชี ีวิตอ ยู่ในโลกไมจ่ ำเป็นต ้องร ำ่ รวยมฐี านะแลว้ จงึ จะมี
ความส ขุ ม คี นท ลี่ ำบากอ กี ม ากแ ตเ่ ขารจู้ กั ว า่ อ ะไรค อื ส ง่ิ ท พ่ี อตวั ก ส็ ามารถ
อยู่อยา่ งเป็นสุขได้
น่ีก็อ ย่ทู ค่ี นเรารจู้ กั ค ำวา่ “ พอ”ห รือไม่
รจู้ กั “ พอ”ก็จ ะมีแต่ค วามส ุข
หากไมร่ ู้จกั “พอ” ถ งึ แ ม้จ ะร ำ่ รวยม ีเกยี รติตำแหน่งใหญโ่ตมนั ก ็
ไมม่ ีความสขุ ได้เหมอื นกัน
คนท ่มี ีเงินก ย็ ง่ิ อยากมีเงินเพิม่ ข้ึนอ ีก
คนท ี่ท ำงานก อ็ ยากก นิ ต ำแหน่งสงู ขึน้
มีส ิง่ ใดก็เปน็ ท กุ ขเ์ พราะส ิง่ น ้นั ไม่มีทส่ี ้ินส ดุ
๗๐ 70
๓๘
การส อนข องทา่ น
ว ธิ วี ดั อ ยา่ งห นงึ่ ว า่ ผ ใู้ ดป ฏบิ ตั ธิ รรมไดด้ เี พยี งใดน นั้ ท า่ นใหส้ งั เกตด ู
วา่ ผ นู้ นั้ ส ามารถฝ กึ ต นส อนต วั เองไดด้ เี พยี งใดก ารเตอื นผ อู้ นื่ ไมใ่ หห้ ลงผ ดิ
ได้น้นั เปน็ ส่ิงท ด่ี ี แ ตก่ ารเตือนต นใหไ้ดย้ อ่ มด ีกวา่
การส อนข องห ลวงปทู่ า่ นจ ะท ำใหเ้ ราด เู ปน็ ต วั อยา่ งท า่ นส อนใหเ้ รา
ทำอย่างที่ท่านทำ มิได้สอนให้ทำตามท่ีท่านสอน ทุกอย่างที่ท่านสอน
ท่านได้ทดลองทำและปฏิบัติทางจิตจนรู้จนเห็นหมดแล้วท้ังสิ้น จึงนำมา
อบรมแก่ศิษย์
เหมอื นเปน็ แ บบอ ยา่ งใหเ้ ราไดย้ ดึ ถอื ต ามค รอู าจารยว์ า่ ก ารแ นะนำ
อบรมหรอื สอนธ รรมผ ูอ้ ืน่ นน้ั เราต ้องป ฏิบัตจิ นแนใ่ จตนเองเสยี ก ่อนและ
ควรค ำนงึ ถ งึ ส ตปิ ญั ญาค วามส ามารถข องต นถ า้ ก ำลงั ไมพ่ อแ ตจ่ ะรบั ภ าระ
มากนอกจากผ มู้ าศกึ ษาจ ะไมไ่ ด้รบั ประโยชน์แล้วตนเองย ังจะกลายเป็น
คนเสียไปด้วย ท่านว่าเป็นการไม่เคารพธรรม และไม่เคารพครูอาจารย์
อีกด้วย
71 ๗๑
๓๙
หดั มองช้ันลึก
ทกุ ส ง่ิ ท กุ อ ยา่ งท อ่ี ยรู่ อบต วั เราล ว้ นม คี วามห มายช น้ั ล กึ โดยต วั ข อง
มนั เองอ ยเู่ สมอไอนส์ ไตนม์ องเหน็ ว ตั ถุ เขาค ดิ ท ะลเุ ลยไปถ งึ ก ารท จ่ี ะส ลาย
วตั ถใุ หเ้ ปน็ ป รมาณู ส องพน่ี อ้ งต ระก ลู ไรทม์ องเหน็ น กบ นิ ไปม าในอ ากาศก ็
คิดเลยไปถึงก ารส รา้ งเครอ่ื งบนิ ได้
พระพุทธเจา้ แ ตค่ รง้ั เปน็ เจ้าชายส ทิ ธตั ถ ะได้ท รงพ บคนแ ก่คนเจบ็
คนตายทา่ นก็มองเหน็ ถ ึงความไมแ่ ก่ไมเ่ จ็บไม่ตาย
หลวงปเู่ คยเตอื นส ตลิ กู ศ ษิ ยร์ นุ่ ห นมุ่ ท ย่ี งั ม องเหน็ ส าวๆ วา่ ส วยวา่ งาม
น า่ หลงใหลใฝ่ฝนั กนั น กั ว า่ ...
“ แ กมนั ดตู วั เกิดไม่ดตู ัวด บั ไม่สวยไมง่ ามตายเน่าเหม็น
ใหเ้ ห็นอยา่ งน้ีได้เม่ือไรข้าว ่าแ กใช้ได้”
๗๒ 72
๔ ๐
เวลาเป็นของมคี า่
หลวงป่เู คยบอกว า่ ...
“คนฉลาดน่ะเขาไม่เคยม ีเวลาว ่าง”
เวลาเป็นของมีค่า เพราะไม่เหมือนส่ิงอ่ืน แก้วแหวน เงิน ทอง
ส่ิงของท ้งั หลายเมือ่ หมดไปแ ล้วสามารถหาม าใหมไ่ ด้
แต่สำหรับเวลาแล้ว หากปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
ขอใหต้ ้งั ปัญหาถามตัวเองวา่ ...
“สมควรแล้วหรอื ก ับวันค นื ที่ลว่ งไปๆค ้มุ ค่าแ ลว้ หรอื ก ับล มหายใจ
ทีเ่ หลือนอ้ ยลงท ุกข ณะ”
73 ๗๓
๔ ๑
ต อ้ งท ำจรงิ
ในเรื่องของความเคารพครูอาจารย์ และความต้ังใจจริงในการ
ปฏิบัติหลวงปูเ่ คยบอกว่า
“ก ารป ฏบิ ตั ิถ ้าหยบิ จากต ำราโน้นน ้ี (ห รือ)แ บบแผนมาส งสัย
ถามม ักจะโตเ้ ถียงก นั เปล่าโดยม ากชอบเอาอ าจารยโ์ น่นน ว่ี ่าอ ยา่ งน ้ัน
อยา่ งนมี้ า
การจ ะป ฏิบตั ิให้รธู้ รรมเหน็ ธ รรมตอ้ งทำจ รงิ จ ะได้ อ ย่ทู ่ีทำจริง
ขา้ เปน็ ค นม ที ฏิ ฐแิ รงเรยี นจ ากค รบู าอ าจารยน์ ี้ ย งั ไมไ่ ดผ้ ลก จ็ ะต อ้ ง
เอาใหจ้ รงิ ให้รู้ ย ังไม่ไปเรยี นก บั อาจารยอ์ ืน่ ถา้ เกดิ ไปเรยี นก ับอาจารย์
อืน่ โดยย งั ไม่ทำให้จริงให้รู้ ก เ็ หมอื นด ูถกู ดหู มิ่นครอู าจารย”์
๗๔ 74
๔ ๒
ของจ ริงน นั้ มอี ยู่
ม คี นจ ำนวนไมน่ อ้ ยท ปี่ ฏบิ ตั ธิ รรมแ ลว้ เกดิ ค วามท อ้ ใจป ฏบิ ตั อิ ยเู่ ปน็
เวลาน านก ย็ งั ร สู้ กึ ว า่ ต นเองไมไ่ ดพ้ ฒั นาข น้ึ ห ลวงปเู่ คยเมตตาส อนผ เู้ ขยี น
ว่า“ของท่ีมมี ันยังไมจ่ ริงของจ รงิ เขามีเม่อื ยงั ไมจ่ ริงมนั กย็ ังไมม่ ”ี
หลวงปู่เมตตากล่าวเสรมิ อกี ว่า
“ค นท ี่กลา้ จ รงิ ท ำจรงิ เพยี รป ฏิบตั อิ ยูเ่ สมอจ ะพบค วามส ำเรจ็
ในท่ีสดุ ถา้ ทำจ รงิ แ ลว้ ต ้องได้แน่ๆ”
หลวงปู่ยืนยันอย่างหนักแน่นและให้กำลังใจแก่ลูกศิษย์ของท่าน
เสมอ เพื่อให้ตั้งใจทำจริง แล้วผลท่ีเกิดจากความต้ังใจจริงจะเกิดข้ึน
ใหต้ ัวผู้ปฏิบตั ไิด้ชนื่ ชมยินดีในทีส่ ุด
75 ๗๕
๔๓
ล้มให้ร บี ล ุก
เป็นปกติของผู้ปฏิบัติธรรม ช่วงใดเวลาใดที่สามารถปฏิบัติธรรม
ได้ก้าวหน้า จิตใจสงบเยน็ เป็นสมาธิได้ง่าย สามารถพิจารณาอรรถธรรม
ให้ผ่านทะลุจิตใจได้โดยตลอดสาย ช่วงดังกล่าวมักจะต้องมีปัญหา และ
อปุ สรรคท เ่ี ขา้ ม าในรปู แ บบใดรปู แ บบห นง่ึ เพอ่ื ม าข วางก นั้ ก ารป ฏบิ ตั ธิ รรม
ของผ้ปู ฏิบัตนิ น้ั ๆ ถ า้ ผ ู้ปฏิบัติธ รรมไม่ส ามารถเตรยี มใจรบั ก ับสถานก ารณ์
นั้นๆ ได้ ธรรมที่กำลังพิจารณาดีๆ ก็ต้องโอนเอนไปมา หรือล้มลุก
คลกุ คลานอีกได้
ผ เู้ ขยี นเคยก ราบเรยี นใหห้ ลวงปทู่ ราบถ งึ ป ญั หาแ ละอ ปุ สรรคท ก่ี ำลงั
ประสบอ ยู่
หลวงปูเ่ มตตาให้กำลงั ใจว า่ ....
“ พอลม้ ใหร้ ีบล กุ ร ู้ตวั ว ่าลม้ แลว้ ต้องรบี ลกุ แล้วตง้ั หลกั ใหม่จ ะ
ไปยอ มมนั ไมไ่ ด้
...ก็เหมือนกับตอนที่แกเป็นเด็กคลอดออกมา กว่าจะเดินเป็น
แกก ต็ อ้ งหัดเดินจนเดินได้แ กต้องล ้มก่ที ีเคยนับไหมพ อล ม้ แกก็ต้อง
ลุกข ้ึนมาใหม่ใชไ่ หม...ค อ่ ยๆ ทำไป”
๗๖ 76
ห ลวงปูเ่ พง่ สายตามาท่ีผ เู้ ขยี นแ ล้วเมตตาสอนว ่า...
“ของข้าเสียมามากกวา่ อ ายแุ กซ ะอกี ไม่เป็นไรตั้งมันกลบั ขึ้น
มาใหม”่
ผเู้ ขยี น“ แล้วจ ะม ีวิธปี อ้ งกันไม่ใหล้ ม้ บ ่อยได้อ ย่างไร”
หลวงปู่ “ ต อ้ งป ฏบิ ตั ธิ รรมใหม้ ากถ า้ รวู้ า่ ใจเราย งั แ ขง็ แกรง่ ไมพ่ อ
ถ ูกโลกเล่นงานงา่ ยๆ แกต้องทำให้ใจแกแขง็ แกรง่ ให้ได้ แกถงึ จะสู้กับ
มันได”้
เพ่ือเป็นการเพ่ิมกำลังใจของนักปฏิบัติไม่ว่าจะล้มสักก่ีคร้ังก็ตาม
แตท่ กุ ๆ ค รงั้ เราจ ะไดบ้ ทเรยี นไดป้ ระสบการณท์ แี่ ตกต า่ งก นั ไปใหน้ อ้ มนำ
สงิ่ ท เี่ ราเผชญิ ม าเปน็ ค รู เปน็ อ ทุ าหรณส์ อนใจข องเราเองเตรยี มใจข องเรา
ให้พร้อมอกี ครั้งถ า้ เกดิ เหตกุ ารณเ์ ชน่ น ้ันอกี
77 ๗๗
๔๔
ส นทนาธรรม
เมื่อคร้ังท่ีผู้เขียนกับหมู่เพื่อนใกล้สำเร็จการศึกษา ได้มากราบ
นมสั การห ลวงปู่ ท า่ นไดส้ นทนาก บั พ วกเราอ ยนู่ านสาระส ำคญั ท เี่ กย่ี วก บั
การปฏิบตั คิ อื
เมื่อพ บแ สงส วา่ งในข ณะภาวนาใหไ้ ลด่ ู ถ ามท า่ นไลแ่ สงห รือไล่จิต
ทา่ นต อบวา่ ให้ไลจ่ ิตโดยเอาแสงเปน็ ป ระธาน(เข้าใจว่าอ าศยั ปตี ิคือค วาม
สวา่ งม าส อนจ ติ ต นเอง)เชน่ ไลว่ า่ พ ระพทุ ธพ ระธ รรมพ ระส งฆ์ ม จี รงิ ห รอื
ไม่ ม ีจริงก็เป็นพ ยานแ ก่ตน
ถามท่านว ่าไล่ดูเห็นแ ตส่ ิง่ ป กปิดค ือกเิ ลสในใจ
ท่านว า่
“ถ้าแกเกลียดกิเลสเหมือนเป็นหมาเน่า หรือของบูดเน่าก็ดี
ให้เกลยี ดให้ได้อย่างน้นั ”
๗๘ 78
๔๕
ผูบอกทาง
ค รง้ั ห นง่ึ ม ผี มู าห าซ อ้ื ย าล มภ ายในวดั ไมท ราบวา ม จี ำห นา ยท ก่ี ฏุ ไิ หน
หลวงปทู่ า นไดบ อกทางให เมอ่ื ผ นู น้ั ผ า นไปแลว หลวงปทู่ า นไดป รารภธ รรม
ใหล กู ศษิ ยท น่ี ง่ั อยฟู ง วา
“ข านง่ั อ ยู กเ็ หมอื นคนค อยบ อกท างเขามาหาขาแลว กไ็ ป...”
ผเู ขยี นไดฟ ง แลว ระลกึ ถ งึ พ ระพทุ ธเจา ผเู ปน “ ก ลั ยาณมติ ร” ค อยช แ้ี นะ
ใหท างเดนิ ด งั พ ทุ ธภ าษติ วา “จ งรบี พ ากเพยี รพ ยายามด ำเนนิ ต ามท างท บ่ี อก
เสยี แตเ ดย๋ี วน ้ี ต ถาคตท ง้ั ห ลายเปน เพยี งผ ชู ท้ี างใหเ ทา น น้ั ”
หลวงปเู่ ปน ผบู อกแ ตพ วกเราต อ งเปน ค นท ำแ ละตอ งทำเดย๋ี วน้ี
79 ๗๙
๔ ๖
อ ยา่ ทำเล่น
เคยมีผ ูป้ รารภกบั ผ้เู ขยี นว า่ ป ฏิบตั ธิ รรมมาหลายปีเต็มที แต่ภูมิจติ
ภูมิธรรม ไม่ค่อยจะก้าวหน้าถึงขั้น “น่าชมเชย” ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่
มองไปท างไหนก เ็ หน็ แ ตต่ วั เองแ ละห มเู่ พอ่ื นเปน็ โรคระบาดค อื โรคขาออ่ น
หลังอ่อน ไม่สามารถจะเดินจงกรม นั่งสมาธิได้ ต้องอาศัยนอนภาวนา
พจิ ารณา“ค วามหลบั ”เปน็ อารมณ์ เลยต ้องพ า่ ยแพต้ อ่ เจ้ากรรมน ายเวร
คือเส่ือและห มอนตลอดชาติ
พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขย กำไรแสนมหากัป
ครัน้ ออกบวชก็ทรงเพยี รปฏบิ ตั อิ ย่หู ลายปี กวา่ จ ะไดบ้ รรลพุ ระโพธิญ าณ
หลวงปมู่ ่ันหลวงป ฝู่ ้นั หลวงปู่แหวนฯลฯท า่ นปฏบิ ตั ิธ รรมตามป ่าต าม
เขาบางองค์ถึงก บั ส ลบเพราะพษิ ไขป้ ่าก ็หลายค ร้งั ห ลวงปู่ดทู่ า่ นก็ป ฏิบตั ิ
อย่างจ รงิ จังมาตลอดหลายส ิบพรรษากว่าจ ะได้ธรรมแท้ๆ ม าอบรมพ รำ่
สอนเรา
แ ล้วเราล ะ่ ปฏบิ ตั ิกันจริงจังแ ค่ไหน
“ ป ฏบิ ัตธิ รรมส มควรแ กธ่ รรม”แลว้ หรือยงั
๘๐ 80
๔๗
อะไรมีค ่าท่สี ดุ
ถา้ เราม าล องค ดิ ด กู นั แ ลว้ ส งิ่ ท ม่ี คี า่ ม ากท สี่ ดุ ในช วี ติ เราต ง้ั แ ตว่ นั เกดิ
จนก ระทง่ั ว นั ต ายค อื อ ะไรห ลายค นอ าจต อบว า่ ทรพั ยส์ มบตั ิ ส ามี ภ รรยา
บ ุคคลท่รี กั หรือบุตรหรอื อ ะไรอื่นๆ แ ตท่ ้ายทีส่ ดุ ก็ต ้องย อมรับวา่ ชีวติ
ของเราน ัน้ มีค่าท่สี ดุ เพราะถ้าเราสน้ิ ชวี ติ แลว้ ส ง่ิ ท่ีกล่าวข ้างต้นกไ็ม่มีคา่
ความหมายใดๆ ชีวิตเป็นของมีค่าที่สุด ในจำนวนสิ่งที่เรามีอยู่ในโลกนี้
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ากเ็ ป็นข องมีคา่ ทสี่ ดุ ในโลกสง่ิ ต า่ งๆใน
โลกช่วยให้เราพ ้นท ุกข์ชนิดถ าวรไมไ่ด้แต่พ ระธรรมชว่ ยเราได้ ผมู้ ปี ญั ญา
ท้งั หลายควรจะผนวกเอาสง่ิ ท่ีมีคุณค่าท่สี ุดทง้ั สองน้ใี ห้ขนานทาบทับเป็น
เสน้ เดยี วกนั อยา่ ใหแ้ ตกแยกจ ากกนั ไดเ้ ลยดงั พระพทุ ธพจนต์ อนห นง่ึ วา่
กจิ โฉม นสุ สะปฏิลาโภ การไดเ้ กิดเปน็ ม นุษย์เปน็ ของย าก
กิจฉงั ม จั จ านัง ชีวติ ัง การไดม้ ีช ีวติ อ ยเู่ปน็ ของยาก
ก จิ ฉัง สัทธัมมัสสะวะนัง การไดฟ้ งั พระส ัทธ รรมข อง
พระพุทธเจา้ เปน็ ข องย าก
กจิ โฉพุทธานะมปุ ปะโท การบ งั เกดิ ข นึ้ ของพระพุทธเจา้
เปน็ ข องยาก
81 ๘๑
อะไรจ ะม คี า่ ทส่ี ดุ ส ำหรบั ผ ทู้ ไี่ ดม้ าน มสั การห ลวงปนู่ น้ั ค งไมใ่ ชพ่ ระ
พรหมผ งหรอื เหรยี ญอ นั ม ชี อ่ื ของท ่าน
หลวงปเู่ คยเตือนศิษยเ์ สมอว ่า
“ข้าไมม่ ีอ ะไรให้แก
(ธรรม)ท ี่ส อนไปน้นั แหละ
ให้รกั ษาเท่าชีวิต”
๘๒ 82
๔ ๘
น ายระนาดเอก
เกี่ยวกับเร่ืองไหวพริบ ปฏิภาณและตัวปัญญา หลวงปู่ท่านได้ยก
ตัวอย่าง เร่ืองของนายระนาดเอกไว้ให้ฟังว่า สมัยก่อนการเรียนระนาด
น้นั อาจารย์จะสอนวชิ าการตรี ะน าดแ ม่ไมต้ ่างๆโดยท ่วั ไปแกศ่ ิษย์ ส่วน
แม่ไมว้ ชิ าค รูจะเก็บไว้เฉพาะต นมิได้ถ ่ายทอดใหแ้ กศ่ ษิ ย์ผู้หน่งึ ผ้ใู ดอ ยู่มา
วนั ห นง่ึ น ายร ะนาดเอกพ กั ผ อ่ นน อนเลน่ อ ยใู่ ตถ้ นุ เรอื นท บี่ า้ นอ าจารยข์ อง
ตน ได้ยินเสียงอาจารย์ของเขากำลังบรรเลงระนาดทบทวนแม่ไม้วิชาครู
อยู่ น ายร ะนาดเอกก็แ อบฟงั ต ัง้ ใจจดจำไว้จ นขึน้ ใจ
วนั ห นง่ึ อ าจารยไ์ ดเ้ รยี กศ ษิ ยท์ กุ ค นม าแ สดงระนาดใหด้ เู พอื่ ท ดสอบ
ฝมี อื ถ งึ ค ราน ายระนาดเอกก ไ็ ดแ้ สดงแ มไ่ มว้ ชิ าค รซู งึ่ ไพเราะก วา่ ศ ษิ ยผ์ อู้ น่ื
อาจารยร์ สู้ กึ แ ปลกใจม ากท ศี่ ษิ ยส์ ามารถแ สดงแ มไ่ มข้ องค รไู ด้ โดยทต่ี นไม่
เคยสอนมาก่อน จึงถามนายระนาดเอกว่าไปได้แม่ไม้น้ีมาจากไหน นาย
ระนาดเอกจงึ ตอบว่า“ ไดม้ าจากใต้ถนุ เรอื นครับ”
แ ลว้ ห ลวงปไู่ ดส้ รปุ ใหพ้ วกเราฟ งั วา่ ก ารเรยี นรธู้ รรมก เ็ ชน่ ก นั ต อ้ งล กั เขา
แอบเขาเรยี นคอื จดจำเอาสง่ิ ทด่ี งี ามของผอู้ น่ื มาปฏบิ ตั แิ กไ้ ขตนเองใหไ้ ด้ ตวั
ทา่ นเองส อนไดบ้ อกทางไดแ้ ตไ่ มห่ มดทเ่ี หลอื เราต อ้ งคน้ ควา้ และฝกึ ฝนป ฏบิ ตั ิ
ดว้ ยตนเองใครไหวพ รบิ ด กี เ็ รยี นไดเ้ รว็ เหมอื นนายระนาดเอกในเรอ่ื งน้ี
83 ๘๓
๔๙
เสกขา้ ว
คร้งั ห นง่ึ เคยม ีศิษยบ์ างท่านนำขา้ วมาใหห้ ลวงปู่ท่านเสกอธิษฐาน
จิตใหท้ านเสมอซง่ึ ท า่ นก เ็มตตาไมข่ ดั แ ตบ่ ่อยๆเขา้ ท ่านก็พูดว า่
“ เสกอะไรก ันใหบ้ อ่ ยๆเสกเองบ า้ งส ิ ”
คำพูดน ้ีท ่านไดข้ ยายความให้ฟงั ในภายหลังว า่ ค ำวา่ เสกเองค ือ
การเสกต นเองให้เปน็ พ ระซ ง่ึ หมายถ ึงก ารป ฏิบัตติ ่อจติ ใจของตนเองยก
ระดบั ใหส้ งู ข นึ้ ห รอื ม ใี จเปน็ พ ระบ า้ งม ใิ ชจ่ ะเปน็ ท า่ นอ ธษิ ฐานเสกเปา่ ข อง
ภายนอกเพอื่ หวงั เป็นม งคลถ่ายเดยี วโดยไม่คิดเสกต นเองด้วยตนเอง
๘๔ 84 ๕ ๐
สำเรจ็ ท่ไี หน ?
มีผู้ปฏิบัติธรรมบางท่านข้องใจข้อปฏิบัติธรรมะเกี่ยวกับการวาง
ทีต่ ัง้ ต ามฐ านข องจติ ในก ารภาวนาจ งึ ไดไ้ปเรียนถ ามห ลวงปู่ตามท ี่เคยได้
รบั รู้รับฟงั มาว่า“ การภ าวนาท ถ่ี ูกต ้องห รือจ ะส ำเรจ็ ม รรคผลได้น ั้นต อ้ ง
ตงั้ จิตวางจิตไว้ท กี่ ลางท อ้ งเทา่ นัน้ ใชห่ รือไม่ ?”
หลวงปทู่ ่านต อบอย่างห นกั แ นน่ ว ่า
“ท่ีว่าสำเร็จนั้นสำเร็จท่ีจิต ไม่ได้สำเร็จที่ฐาน คนท่ีภาวนาเป็น
แลว้ จะตง้ั จติ ไวท้ ป่ี ลายน ้วิ ชก้ี ็ยงั ได้ ”
แลว้ ทา่ นกบ็ อกจ ำนวนท ี่ต้งั ต ามฐ านต ่างๆของจ ติ ให้ฟ งั
จะเห็นได้ว่า ท่านไม่ได้เน้นว่าต้องวางจิตใจท่ีเดียวท่ีนั่นที่นี่เพราะ
ฐานต่างๆ ของจิตเป็นทางผ่านของลมหายใจทั้งสิ้น ท่านเน้นท่ีสติและ
ปญั ญาท่มี าก ำกบั ใจต า่ งห ากสมด งั ในพ ระพทุ ธพจนท์ ว่ี ่า
“ม โนปพุ พังคะมาธ มั มามโนเสฏฐามโนมยาฯ
ธรรมท้งั ห ลายมีใจถงึ ก ่อนมีใจเป็นใหญ่เป็นประธาน
ส ำเร็จได้ดว้ ยใจ”
85 ๘๕
๕๑
เรารกั ษาศ ีลศีลรักษาเรา
ศีลเปน็ พ้ืนฐ านทส่ี ำคญั ท ่สี ดุ ของการป ฏบิ ัติธรรมทกุ อ ยา่ งห ลวงปู่
มักจะเตือนเสมอว่า ในขั้นต้นให้หม่ันสมาทานรักษาศีลให้ได้ แม้จะเป็น
โลกยี ศ ลี รกั ษาไดบ้ า้ งไมไ่ ดบ้ า้ งบ รสิ ทุ ธบิ์ า้ งไมบ่ รสิ ทุ ธบ์ิ า้ งก ใ็ หเ้ พยี รระวงั
รกั ษาไปส ำคญั ท เ่ี จตนาท จ่ี ะรกั ษาศ ลี ไว้ แ ละป ญั ญาท ค่ี อยต รวจต ราแ กไ้ ขต น
“เจต นาหังภกิ ขเวส ีลงั ว ะทาม ิ”เจตนาเปน็ ตัวศ ีล
“เจต นาหังภ ิกขเวป ุญญงั ว ะท ามิ”เจตนาเปน็ ตัวบุญ
จงึ ขอให้พ ยายามสัง่ สมบญุ น ้ีไว้โดยอบรมศ ลี ใหเ้ กิดขึ้นทจี่ ิตเรยี ก
วา่ เรารกั ษาศ ลี ส ่วนจ ติ ท ่อี บรมศ ีลด ีแล้วจนเป็นโลกตุ รศลี เป็นศีลทก่ี อ่
ให้เกิดปัญญาในอริยมรรคอริยผลนี้ จะคอยรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติมิให้
เสือ่ มเสียหรอื ต กตำ่ ไปในท างท ี่ไมด่ ีไม่งามน ี้แลเรียกว่าศ ีลรกั ษาเรา
๘๖ 86 ๕๒
ค นด ขี องหลวงปู่
ธรรมะที่หลวงปู่นำมาอบรมพวกเราเป็นธรรมที่สงบเย็นและไม่
เบียดเบยี นใครด ว้ ยกรรมทัง้ สามค ือค วามค ิดก ารกระทำ และคำพูด
คร้ังหน่ึงท่านเคยอบรมศิษย์เก่ียวกับวิธีสังเกตคนดีส้ันๆ ประโยค
หน่งึ ค ือ
“คนด ีเขาไม่ตีใคร”
ท กุ ส งิ่ ท กุ อ ยา่ งไมว่ า่ จ ะเปน็ การป ฏบิ ตั ธิ รรมห รอื ก ารท ำงานในท าง
โลกนั้นย่อมมีการกระทบกระท่ังกันเป็นธรรมดาของโลกปุถุชน หากเรา
กระทำการสิ่งใดซึ่งชอบด้วยเหตุและผล คือ ได้พยายามทำอย่างดีท่ีสุด
แล้วอย่าไปกลัวว่า ใครเขาจะว่าอะไรเรา ใครเขาจะโกรธเรา แต่ให้กลัว
ทเ่ีราจะไปว า่ อ ะไรเขาก ลัวทเ่ี ราจ ะไปโกรธเขา
87 ๘๗
๕๓
ส้นั ๆ ก็มี
เคยมผี ู้ปฏิบัตกิ ราบเรียนถามหลวงป่วู ่า
“หลวงปู่ครบั ข อธ รรมะสน้ั ๆในเรื่องวธิ ีปฏิบตั เิ พอื่ ใหก้ เิ ลส๓ ตวั
คอื โกรธโลภห ลงห มดไปจ ากใจเราจะทำไดอ้ ย่างไรค รับ”
หลวงป่ตู อบเสยี งดงั ฟ ังช ดั จ นพ วกเราในท่ีน้ันได้ยนิ ก ันท กุ คนวา่
“สต”ิ
๘๘ 88
๕ ๔
แ บบปฏิบัตธิ รรมหลวงปดู่ เู่ป็นเช่นใด?
ในยุคปัจจุบันท่ีสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนเผชิญ
กบั ค วามท กุ ขค์ วามเดอื ดร อ้ นก นั ถ ว้ นห นา้ ไมว่ า่ จ ะเปน็ ป ญั หาในเรอื่ งป าก
ท้องความป ลอดภยั ในช ีวติ แ ละท รัพย์สนิ ผ ูค้ นต ่างแ สวงหาท ี่พงึ่ แสวงหา
คำตอบของชีวิต ในขณะเดียวกันก็มีผู้ต้ังตนเป็นอาจารย์สอนการปฏิบัติ
ธรรมกนั ม าก
เกี่ยวกับเรื่องแบบปฏิบัติธรรมนี้ หลวงปู่ได้เล่าไว้ว่าเคยมีผู้พิมพ์
แบบปฏิบัติธรรมมาถวายและใช้คำว่า “แบบปฏิบัติธรรมวัดสะแก”
ท่านแก้ใหว้ ่า อย่างน ี้ไมถ่ กู ต้อง เพราะเป็นแบบข องพระพุทธเจ้าไมค่ วร
ใช้ว่าเปน็ แ บบของวัดใด
อีกครั้งหนึง่ ท ีเ่ คยม ีผู้ตงั้ คำถามในอ ินเตอร์เน็ตว่า
“ แบบป ฏิบตั ธิ รรมข องหลวงปดู่ เู่ ปน็ อ ย่างไร”
ข้าพเจ้าหวนระลึกถึงบทสนทนาตอนหน่ึงที่หลวงปู่เคยเล่าให้ฟัง
เมอื่ ค รงั้ ม ลี กู ศ ษิ ยม์ าข อศ กึ ษาธ รรมต ามแ บบข องท า่ นห ลวงปไู่ ดต้ อบศ ษิ ย์
ผนู้ นั้ ไปว า่ ข า้ ไมใ่ ชอ่ าจารยห์ รอกอ าจารยน์ นั่ ต อ้ งพ ระพทุ ธเจา้ ห ลวงปทู่ วด
นัน่ ขา้ เป็นล กู ศษิ ย์ทา่ น