189 ๑๘๙
๙ ๘
หลวงปดู่ ู่ ห ลวงป ทู่ วด
วนั ห นง่ึ ในค ราวท ป่ี ลอดค นข า้ พเจา้ ไดม้ โี อกาสอ ยทู่ ก่ี ฏุ ขิ องห ลวงปู่
กับท่านโดยล ำพงั หลวงปู่ได้เลา่ ให้ขา้ พเจ้าฟ งั ว า่ ม ลี ูกศษิ ย์นายท หารคน
หนึง่ มาเลา่ ให้ท า่ นฟงั ว่าหลวงป ทู่ วดท ่านไปห ลอกเขา
“หลอกยังไงห รือค รับ”ขา้ พเจา้ ถ ามท า่ น
“เขาว่าเวลาท่ีเขาภาวนาอยู่ หลวงปู่ทวดไปยืนอยู่ข้างหน้าเขา
สักพักต ัวท ่านก็เปล่ยี นไปหวั เป็นหลวงป ่ทู วดตวั เปน็ ข า้ ...”
หลวงปตู่ อบข้าพเจา้ ยังไมจ่ บขา้ พเจ้าอดถ ามแ ทรกไม่ได้ว่า“ เขาร ู้
ได้อย่างไรครบั ว ่าต วั เป็นห ลวงป”ู่
ทา่ นต อบข า้ พเจา้ ว า่ “ เขาจ ำร อยส กั ร ปู ผ เี สอื้ ท มี่ อื ข า้ ได้ ” ห ลวงปู่
ได้เล่าต่อว่า “เมื่อหลวงปู่ทวดไปหลอกเขาโดยแสดงให้เห็น หัวเป็น
หลวงป ่ทู วดตัวเปน็ ข้าแ ลว้ สกั พกั กเ็ปลยี่ นใหม่ ทีน้ีหวั เป็นข ้าส่วนต วั
เปน็ หลวงป ูท่ วดถ ือไม้เทา้ ก ลบั ไปกลับม าอ ย่างน ี้”
เรอ่ื งท หี่ ลวงปไู่ ดเ้ ลา่ ใหข้ า้ พเจา้ ฟ งั น ี้ ต รงก บั น มิ ติ ท ศี่ ษิ ยข์ องห ลวงปู่
หลายค นเคยม นี มิ ติ เกย่ี วก บั ท า่ นค อื เปน็ น มิ ติ รปู พ ระพทุ ธเจา้ อ ยตู่ รงก ลาง
ดา้ นข วาด า้ นซ า้ ยม รี ปู ห ลวงป ทู่ วดแ ละห ลวงปดู่ ู่ ส กั พ กั ภ าพท งั้ ส ามก ค็ อ่ ยๆ
เลื่อนมารวมเป็นภาพเดียวกันคือเป็นภาพพระพุทธเจ้า ...หากหลวงปู่ดู่
๑๙๐ 190
และหลวงปู่ทวดมิใช่พระองค์เดียวกันแล้ว สมควรแล้วหรือท่ีนิมิตที่ศิษย์
นายทหารท่านน้ันจะเห็นศีรษะหลวงปู่ดู่ไปวางบนลำตัวหลวงปู่ทวด
สมควรแ ลว้ หรอื ท ีศ่ รี ษะห ลวงป่ทู วดม าวางบนลำตัวห ลวงปู่ดู่ และส มควร
แล้วหรือทภี่ าพพ ระพทุ ธเจ้าหลวงปทู่ วดแ ละหลวงป่ดู ู่มารวมเปน็ ภาพ
เดยี วกนั
ข้าพเจ้าเชื่อว่าหลวงปู่ดู่เป็นพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาพุทธภูมิ
เช่นเดียวกบั ห ลวงป ูท่ วดส่วนท่านจะเป็นองคเ์ ดยี วกนั ห รือไม่นน้ั ข ้าพเจา้
ไมท่ ราบได้ เพราะเปน็ ว สิ ยั ข องผ มู้ ญี าณเทา่ นนั้ ท จี่ ะพ งึ ท ราบเหตทุ บี่ นั ทกึ
เร่ืองน้ีไว้ก็เพียงเพ่ือเตือนใจตัวเองท่ีครั้งหน่ึงหลวงปู่ได้เคยเมตตาเล่า
เร่ืองน้ีให้ข้าพเจ้าฟัง และหากจะเป็นประโยชน์กับใครบ้าง ช่วยสร้าง
ศรัทธาปสาทะให้เกิดความพากความเพียร ที่จะก้าวล่วงความทุกข์ให้ได้
แล้วขา้ พเจา้ ขออนุโมทนาด้วยอ ย่างย ิ่งค รับ
191 ๑๙๑
๙ ๙
หลวงปูบ่ อกหวย
ความจ รงิ แ ลว้ ข า้ พเจา้ ค วรต ง้ั ช อื่ เรอื่ งน วี้ า่ “ ว ดี โี อป ระวตั แิ ละค ำส อน
ของหลวงปู่” มากก วา่ แตช่ ือ่ เร่ืองย าวไปและไมช่ วนอ ่านเทา่ “ห ลวงปู่
บอกหวย”จ งึ ข ออนญุ าตใชช้ ือ่ เร่ืองนี้แทน
ขา้ พเจา้ แ ละห มคู่ ณะอ กี ห ลายค นม คี วามต ง้ั ใจท จี่ ะท ำว ดิ โี อป ระวตั ิ
และค ำส อนข องห ลวงปู่ เพอื่ เปน็ อ นสุ รณร์ ำลกึ ถ งึ ท า่ นโดยจ ดั ท ำด ว้ ยค วาม
เคารพท ่านเปน็ ท สี่ ุดไมต่ อ้ งการหาผ ลกำไรจากการนี้
จากน น้ั ก ไ็ ดป้ รกึ ษาก นั ในเรอ่ื งท นุ ท จี่ ะด ำเนนิ ก ารแ ละห ลงั จ ากท ไ่ี ด้
แบง่ งานก นั แ ลว้ ท กุ ค นพ รอ้ มใจก นั ม ากร าบน มสั การห ลวงปตู่ อ่ ห นา้ ส รรี ะ
ของท า่ นท ตี่ งั้ ไวท้ หี่ อส วดม นต์ ซ ง่ึ อ ยตู่ รงข า้ มก บั ก ฏุ ขิ องห ลวงปใู่ นป จั จบุ นั
ขา้ พเจา้ จ ำไดว้ า่ ค ำอ ธษิ ฐานข องพ วกเราในว นั น น้ั ค อื ข ออ นญุ าตต อ่ ห ลวงปู่
ในการจัดทำวิดีโอประวัติและคำสอนของท่าน และหากหลวงปู่อนุญาต
ขอให้ห ลวงปู่บ อกพวกเราด้วยจะโดยน มิ ติ มาเข้าฝ ันหรือวิธีใดกแ็ ล้วแ ต่
เพือ่ ให้พวกเราส บายใจว ่าไม่ได้ทำโดยที่หลวงปไู่ มอ่ นญุ าตแ ละขอให้สงิ่ ท ่ี
จะต้องทำท กุ อย่างส ะดวกร าบร น่ื ไมต่ ดิ ขัดจนงานส ำเร็จแตห่ ากหลวงปู่
ไมอ่ นญุ าตแ ลว้ ข อใหก้ ารท ำงานข องพ วกเราต ดิ ขดั ม อี ปุ สรรคท ำใหท้ อ้ ใจ
และเลิกล ม้ ค วามต้ังใจท จ่ี ะทำก ันในท่ีสุด
๑๙๒ 192
จากวันที่พวกเราได้ขออนุญาตหลวงปู่แล้ว พวกเราสิบกว่าคนใช้
เวลากนั ป ระมาณห น่งึ ป ีเพ่อื จ ัดทำวิดโี อทีม่ ีความย าวประมาณ๓๐นาที
เรม่ิ ต ง้ั แ ตก่ ารเขยี นบ ทเปลยี่ นจ ากบ ทใหเ้ ปน็ ส คร ปิ ต์ ต ดิ ตอ่ ห าข อ้ มลู เกยี่ ว
กบั ห ลวงปตู่ งั้ แ ตช่ วี ติ ข องท า่ นในว ยั เยาว์ จ นก ระทงั่ อ ปุ สมบทเปน็ พ ระภ กิ ษุ
สอบถามจากพระเถระครูอาจารย์ท่ีเคยร่วมธุดงค์กับท่าน ผู้เฒ่าผู้แก่ท่ี
รู้จักท่าน ติดต่อช่างภาพท่ีจะมาถ่ายทำวิดีโอนอกสถานที่ โดยต้องไป
ถ า่ ยท ำท บ่ี า้ นเกดิ ข องท า่ นเปน็ ตน้ จ นก ระทงั่ ว ดิ โี อท ชี่ ว่ ยก นั จ ดั ท ำแ ลว้ เสรจ็
ข้าพเจ้ายังจำได้ดีวันนั้นเป็นวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๖ เวลา
กลางคืนประมาณสามทุ่ม ข้าพเจ้าน่ังดูวิดีโออยู่คนเดียวที่ชั้นล่าง ดูไปก็
คดิ ถงึ ท า่ นไปผ า่ นไปไดค้ อ่ นเรอ่ื งด ว้ ยค วามค ดิ ถงึ ท า่ นน ำ้ ตาเจา้ ก รรมข อง
ข้าพเจ้าก็เอ่อล้นข้ึนมา ในขณะเดียวกันน้ันเอง ข้าพเจ้าแลเห็นหลวงปู่ดู่
ทางด้านขวามือข้าพเจ้า ท่านเดินเข้ามาหาแล้วหยุดห่างจากข้าพเจ้า
ประมาณเมตรเศษแ ล้วบอกข า้ พเจา้ ว่า
“ข า้ อนโุ มทนากับพวกแ กดว้ ยท่ที ำใหค้ นอ ่ืนไดบ้ ุญหลาย”
ขา้ พเจา้ เหน็ ท า่ นด ว้ ยห างต าค รนั้ เมอ่ื ห นั ไปม องท า่ นต ร งๆป รากฏ
วา่ ท ่านหายไปแ ล้วข า้ พเจ้าถามต วั เองว า่ ค ดิ เอาเองห รอื เปล่าเสียงจิ้งจก
ทกั ทนั ทที ี่ความคดิ นีเ้กิดขึ้นในใจข ้าพเจา้ น ึกถึงค ำท ่ีหลวงป่เู คยบ อกพวก
เราไว้วา่
“ถ้าขา้ ไปหาแกให้คอยฟังเสียงจ งิ้ จกใหด้ ี”
พอดวี ดิ โี อจ บข า้ พเจา้ จ งึ ข น้ึ ไปห อ้ งพ ระช น้ั บ นข ณะท ข่ี า้ พเจา้ ก ำลงั
193 ๑๙๓
จะก้มล งก ราบพ ระภาพห ลวงปูก่ ็ปรากฏเบือ้ งหน้าทางด า้ นซ า้ ยของโต๊ะ
บชู าพ ระห รือขวาม อื ข องข า้ พเจา้ แ ล้วท ่านก ็บอกข้าพเจ้าอีกว ่า“ พ ร่งุ น้ี
หวยอ อก๒ ๑”ข า้ พเจา้ ย งั งนุ งงก บั เหตกุ ารณท์ กี่ ำลงั เกดิ ข น้ึ ในเวลาน น้ั ว า่
คิดเอาเองอีกหรือเปลา่ ทำไมถ งึ เป็นเรอื่ งเป็นราวท ีเดียวห ลวงปู่ท่านค งร ู้
ความคดิ ข องข า้ พเจ้าในข ณะน ัน้ ท ่านจ งึ บอกขา้ พเจ้าอ ีกว า่ “ ไม่เชอื่ ใหด้ ู
ในรปู ข า้ ป ฏทิ ิน๒๑”
ข้าพเจา้ รีบเดินเข้าใกลท้ ่ีบูชาพระซ่งึ ม ีร ูปหลวงปู่ ขนาด ๘ x ๑ ๐
น้ิวใส่กรอบต ั้งอยู่เปน็ ร ปู หลวงป่นู ั่งสมาธิห นา้ ก ุฏิทา่ นเองท ขี่ ้างฝาก ุฏิ
มีปฏิทินแบบฉีกใบละวันแขวนไว้ วันที่ในปฏิทินท่ีเห็นนั้นเป็นวันที่ ๒๑
ซ่ึงตรงกับท่ีข้าพเจ้าได้ยินหลวงปู่บอกอยู่ในเวลาน้ี ข้าพเจ้าก้มลงกราบ
พระ๓ค รั้งแ ละเรยี นหลวงปวู่ ่าข า้ พเจ้าไมเ่ คยคิดจ ะข อห วยห ลวงปู่เลย
ขา้ พเจา้ เรม่ิ เขา้ ใจแ ลว้ ล ะ่ ห ากว นั น หี้ ลวงปมู่ าจ รงิ ไมใ่ ชภ่ าพน มิ ติ ท ข่ี า้ พเจา้
คิดข้ึนเองก็ขอให้พรุ่งน้ีหวยออก ๒๑ จริง แต่ถ้าพรุ่งนี้หวยไม่ออก ๒๑
แปลว่าภาพนิมิตทั้งหมดเป็นเรื่องไม่จริงและข้าพเจ้าเพ้ียนเองต้ังแต่ต้น
จนจบร ายการน ี้
วันรุ่งข้ึนข้าพเจ้ามีงานที่ทำงาน จำได้ว่ากำลังยุ่งอยู่กับการจัดทำ
แผนงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ข้าพเจ้าลืมเรื่องน้ีไปสนิทตลอดท้ังวัน
ตกเย็นก็ต้องทำงานล่วงเวลากว่าจะได้กลับบ้านก็เป็นเวลาค่ำ เส้นทางท่ี
ข้าพเจ้าขับรถกลับบ้านต้องข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าเป็นประจำทุกวัน
วนั น น้ั ข า้ พเจา้ ข บั ร ถม าต ดิ ไฟแ ดงอ ยทู่ ห่ี นา้ ส ำนกั งานส ลากก นิ แ บง่ ร ฐั บาล
๑๙๔ 194
พอดี พลันข ้าพเจา้ น ึกข ้ึนมาได้จ ึงเหลอื บไปม องผลก ารอ อกสลากก นิ แบง่
รฐั บาลท ต่ี ดิ ป ระกาศเปน็ ต วั เลขเดน่ อ ยหู่ นา้ ส ำน กั งานฯ ส ง่ิ ท ขี่ า้ พเจา้ ไดเ้ หน็
กค็ อื เลขท า้ ยส องตัวข องหวยงวดประจำว นั ที่ ๑ก มุ ภาพันธ์พ .ศ.๒ ๕๓๖
ออกเลข๒๑ซ งึ่ ตรงก บั ท่หี ลวงปู่ไดบ้ อกข ้าพเจ้าไวต้ ้ังแ ตเ่มือ่ คนื น้ี
เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ข้ึนน ี้ ขา้ พเจ้ามาสรปุ เองไดว้ ่าห ลวงป่ตู ้องการม า
บอ กใหข้ า้ พเจ้าทราบว า่ ท ่านอนุญาตใหพ้ วกเราท ำว ิดีโอเรอ่ื งของท า่ นได้
ซง่ึ ข า้ พเจา้ ไดน้ ำเรอื่ งน ม้ี าเลา่ ใหห้ มคู่ ณะไดร้ บั ท ราบว า่ พ วกเราไมไ่ ดท้ ำก นั
โดยพลการ ห ลวงปอู่ นญุ าตแลว้ จรงิ ๆ ซึ่งหากท า่ นไมบ่ อกเหตุการณล์ ว่ ง
หน้าโดยมาผูกเรื่องกับหวยท่ีจะออกในวันรุ่งข้ึน ข้าพเจ้าก็คงจะไม่เช่ือ
ว่าท่านอนุญาตสำหรับข้าพเจ้าแล้ว นี้เป็นเหตุการณ์ท่ีประทับใจข้าพเจ้า
มากที่สุดคร้ังหนึ่งท่ีแสดงถึงความรัก ความเมตตา และความห่วงใยของ
หลวงปู่ท่มี ีตอ่ บรรดาศษิ ยานุศิษย์ ข ้าพเจ้าม ีความเชอ่ื ๑ ๐๐% เต็มว ่า
ถึงแม้หลวงปู่ดูจ่ ะมรณภาพไปแ ลว้ กเ็ ป็นการจ ากไปแต่กายข องท า่ นแต่
หลวงปดู่ อู่ งคจ์ รงิ ท เี่ ปน็ อ งคธ์ รรมข องท า่ นย งั อ ยคู่ อยช ว่ ยเหลอื พ ระศ าสนา
และค อยช ว่ ยเหลอื ผ ปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมท ง้ั ห ลายอ ยา่ งท ไี่ มเ่ สอ่ื มถ อยไปก วา่ ส มยั ท ี่
ท่านย งั ม ีชวี ติ อยู่เลย
เหตุการณ์เร่อื งห ลวงปบู่ อกห วยน ้ี เปน็ เพยี งต ัวอย่างห นงึ่ ในห ลาย
เหตกุ ารณ์ทห่ี ลวงปทู่ า่ นเมตตาม าช ว่ ยเหลือห มคู่ ณะซ ่งึ ข า้ พเจา้ แ ละศิษย์
หลายค นที่เคยม ปี ระสบการณ์คงไมม่ ใี ครป ฏเิ สธว า่ หลวงป่ดู ู่ท ่าน...มาได้
จริงๆ
195 ๑๙๕
๑๐๐
อ ยากได้ว ตั ถมุ งคลข องหลวงปู่
ผมได้รับทราบคำสอนและปฏิปทาเกี่ยวกับหลวงปู่ดู่จากศิษย์ของ
ท่านคนหน่ึง จนเกิดศรัทธาปสาทะ กระท่ังได้มีโอกาสเดินทางไปถวาย
สังฆทานกับหลวงปู่คร้ังหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งเดียวท่ีได้พบได้กราบท่าน หลัง
จากน้ันเวลาผ่านไป...ผมได้รับทราบเรื่องราวของหลวงปู่มากขึ้นเรื่อยๆ
ความรักความเคารพบูชามีมากขึ้นตามกาลเวลา แต่ก็ไม่เคยได้ไปกราบ
ท่านอีกจนทา่ นมรณภาพ
วนั น้นั ...เมื่อค ราวไปท ำบญุ กับห ลวงป ู่ ผมเคยค ิดน อ้ ยใจท่ีไม่ได้รับ
โอวาทค ำส อนห รอื ว า่ ส ง่ิ ใดจ ากห ลวงป เู่ ลยค วามค ดิ เชน่ น แ้ี มไ้ มถ่ กู ต อ้ งน กั
เพราะเป็นการทำบุญที่หวังผล แต่นี่คือความรู้สึกของปุถุชนคนหนึ่งที่ยัง
ต้องการก ำลังใจต ้องการท ี่พ ่ึงพ ิงทางใจอ ยู่
ถึงวันนี้...ผมเช่ือในความเมตตาของท่าน เพียงแต่จะแผ่มาถึงเรา
ในลักษณะใดเท่านั้นผมได้รับฟ งั เรื่องร าวเก่ยี วกบั ค ณุ ธ รรมแ ละค ณุ ว ิเศษ
ของหลวงปู่หลายเรื่องหลายลักษณะ แต่ไม่เคยได้ประสบกับตนเอง จน
ครง้ั หน่ึงในชวี ิต...ไดเ้กิดข ึน้
ผ มเปน็ ค นท ชี่ อบส ะสมแ ละส นใจพ ระเครอื่ งแ ละเชอื่ ว า่ พ ระท หี่ ลวง
ปอู่ ธษิ ฐานจ ติ ม คี วามศ กั ดสิ์ ทิ ธแิ์ ละเปน็ ม งคลก บั ผ คู้ รอบค รองผ มเองก ไ็ ด้
๑๙๖ 196
แสวงหาก ระท่ังไดเ้ หรียญรุ่น“เปดิ โลก” จากล ูกศ ษิ ยห์ ลวงปู่ ท นี ีป้ ัญหา
เกดิ ตรงท วี่ ่าตัวเองได้แล้วยังไมพ่ อ...ยังอยากไดเ้ ผ่อื ไว้ให้ร ุน่ พ่ีทีท่ ำงานซ ึง่
เปน็ คนนสิ ยั ดมี ีนำ้ ใจเกิดค วามรู้สกึ อยากใหพ้ ค่ี นน ้มี พี ระของห ลวงป ู่ โดย
เฉพาะเหรียญร ุ่นเปดิ โลกน แี่ หละ
ทกุ ขเ์ กดิ ข นึ้ แ ลว้ ...ต วั เองก ไ็ มม่ ี แ ตอ่ ยากใหเ้ ขา...จ ะไปข อใครก ก็ ลวั
เขาว ่าไดไ้ ม่รจู้ ักพอห รอื ไง
ปกติผมจะสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนทุกคืน คืนนี้ก็เช่นเดียวกัน
ใจกย็ งั ค งม คี วามคดิ วา่ จะห าพระใหพ้ ค่ี นน ย้ี งั ไงจติ กค็ ดิ วา่ พระของหลวงปู่
ขอจ ากห ลวงป กู่ แ็ ลว้ ก นั น กึ แ ลว้ จ งึ ห นั ห นา้ ไปท างรปู ห ลวงป แู่ ลว้ เรยี นทา่ น
ว่า “หลวงปู่ครับ ผมอยากได้เหรียญเปิดโลกของหลวงปู่ไปให้คุณ...เพ่ือ
ให้เป็นสิริมงคลคุ้มครองตัว แต่ผมไม่มีพระของหลวงปู่ ขอให้ผมได้พระ
ของหลวงปดู่ ้วยค รับ”
ขอโทษครับ...ความรู้สึกว่าจะได้พระน้ันไม่มี เพราะเป็นเพียงการ
นึกเอง คิดเองและพูดเอง คิดว่าท่านคงไม่ได้รับรู้สิ่งที่บอกกับตนเองคือ
นอนดกี ว่าค ดิ มากก ฟ็ ้งุ ซ ่านเปล า่ ๆเช้าของสองวันต่อม าลกู ศิษยห์ ลวงป ู่
เจอผมบอกวา่ “ เดี๋ยวว่างๆ มเี รื่องจะถ ามพ่หี น่อย”
จากเช้า...จนบ่าย เขาก็ยังไม่ว่างและคงลืมไปแล้ว ตกเย็นเขาจะ
กลบั บา้ นผ มนึกได้เลยถ ามเขาเองว า่ “เม่อื เช้าจะถ ามอะไรผ มห รอื ค รบั ”
“อ อ้ !ค อื อ ยา่ งน ้ี จ ะถ ามว า่ เหรยี ญเปดิ โลกน ่ี พ จ่ี ะเอาก เ่ี หรยี ญค รบั ”
เขาถาม
197 ๑๙๗
“ ฮ า้ !พ ดู ใหมอ่ กี ท ซี คิ รบั พ ดู ช า้ ๆ ช ดั ๆ ” ผ มอ ทุ านด ว้ ยค วามแ ปลก
ใจและร้สู ึกได้ทนั ทวี ่าม อี ะไรผดิ ปกตแิ น่นอน
เพื่อนผมคนน น้ั กท็ วนค ำถามเดมิ แลว้ เล่าให้ฟ งั ว่า
“เม่อื คืนส วดมนตไ์ หวพ้ ระต ามป กติขณะทจี่ ิตส งบอยู่ก็ม ีนิมติ เป็น
หน้าพ่ีปรากฏข้ึนและได้ยินเสียงของหลวงปู่ดู่บอกว่าเอาเหรียญเปิดโลก
ของขา้ ไปให้เขาพอต อนเชา้ มาว า่ จะถ ามพ ี่แล้วก ล็ มื ”
เขาย งั ไดเ้ ลา่ ให้ฟังเพ่มิ เตมิ วา่
“เห็นนมิ ติ เชน่ เดียวกันนี้ตงั้ แต่คืนวานแ ล้วแตไ่ม่แน่ใจนึกว ่าคิดไป
เองจนก ระทง่ั เมอ่ื ค นื เกดิ น มิ ติ เหมอื นเดมิ อ กี ภ าพป รากฏช ดั เจนข น้ึ เสยี ง
ของหลวงปู่ที่ส ัง่ ก็ดงั ฟ ังชดั จ ึงคดิ ว่าไม่น่าท่ีจะค ิดเอาเอง”
ผมจึงได้เล่ารายละเอียดสิ่งท่ีได้คิดได้ทำให้เพื่อนผมฟัง และขอ
เหรยี ญเปดิ โลกม าให้พ ีค่ นด ขี องผมไดต้ ามท่ตี ง้ั ใจไว้ เหตุการณน์ เ้ี ปน็ เร่อื ง
จริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง และคงยืนยันถึงความเมตตาของหลวงปู่ที่
สงเคราะห์ผมและคนร อบขา้ งด ว้ ย
“แ กคดิ ถึงข้าข ้าก็คิดถงึ แ ก” คำพ ดู น ย้ี งั กอ้ งอ ยใู่นห ูข องผ มแ ละ
คงก้องอยู่ในหูของลูกศิษย์ของหลวงปู่ตลอดไป และสิ่งที่แปลกสำหรับ
ปถุ ชุ นคนธรรมดาอ ย่างเรากค็ ือหลวงปทู่ า่ นมรณภาพไปแลว้ ท ำไมย งั ม า
ชว่ ยเราไดอ้ กี
เราคงเคยไดย้ นิ ผ ปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมไดพ้ บพระพทุ ธเจา้ พระส งฆผ์ ปู้ ฏบิ ตั ดิ ี
ปฏบิ ตั ชิ อบท ง้ั ห ลายท ที่ า่ นม รณภาพไปแ ลว้ เชน่ ก นั ม าส อนม าโปรดล กู ศษิ ย์
๑๙๘ 198
ในรูปแบบตา่ งๆแ ตค่ นธรรมดาอ ยา่ งเราตายกันไปแล้วมากมายบ างค รง้ั
อยากให้ม าก ็ไม่เหน็ ม า
สงิ่ เหลา่ น เี้ กดิ ข นึ้ ไดอ้ ยา่ งไรเปน็ เพราะบ ญุ บ ารมขี องแ ตล่ ะท า่ นห รอื
เปล่า?...ขอฝากใหช้ ่วยกันคดิ ต อ่ ไป
ลาภะ ปญั โญ
199 ๑๙๙
๑๐๑
ทสี่ ดุ แห่งท กุ ขเวทนา
“ธรรมน นั้ อยฟู่ ากตายไมร่ อดต ายไม่เห็นธ รรม”
เป็นค ำสอนธรรมท ไ่ีพเราะ ก นิ ใจ และเปน็ ประโยชนใ์นการนำมา
ขบคดิ พิจารณาใหแ้ จม่ แจ้งก ับตนเองอ ย่างย ่งิ
วันหนึ่งขณะท่ีข้าพเจ้าน่ังปฏิบัติภาวนา ใจมีความสงบระงับพอ
สมควรเวลาผา่ นไปได้สกั ๒ -๓ ช ่ัวโมงท กุ ขเวทนาอ นั เนอื่ งม าจากความ
ปวดเมือ่ ยตามร า่ งกายเริ่มทวีข้นึ เร่อื ยๆ
ในคร้ังแรก ข้าพเจ้าอาศัยกำลังสมาธิเข้าข่มความเจ็บปวด โดย
พยายามใหจ้ ติ จ ดจอ่ อยกู่ บั คำภ าวนาใหม้ น่ั คงขน้ึ ค วามป วดเมอ่ื ยกห็ ายไป
แต่กเ็ปน็ เพียงช ว่ั ขณะไม่น านนัก ความปวดเม่ือยน้ันก ็กลับค นื ม าอ ีกและ
รนุ แรงขึ้นข้าพเจา้ จึงต ั้งคำถามต วั เองว่า...
“ทว่ี า่ เจบ็ ป วดมันปวดตรงไหนทจ่ี ิตหรอื ท ีก่ าย”
“เจบ็ ท ก่ี าย” ข า้ พเจา้ ตอบตวั เอง
“เออเจบ็ ท ่ีก ายมนั ก ต็ ้องไม่เกีย่ วก ับจิตถา้ เราเชอ่ื พระพุทธเจ้าว ่า
จติ ก บั กายเปน็ ค นละส ่วนกนั เราจ ะต ้องเห็นจิตเห็นก ายว า่ เปน็ คนละส ่วน
ดว้ ยต วั เราแ ละต อ้ งไมท่ รุ นท รุ ายจ ากค วามเจบ็ ป วดอ นั น ”้ี ข า้ พเจา้ บ อกก บั
ตวั เองอกี
๒๐๐ 200
เวลาผ า่ นไปอ ยา่ งช า้ ๆแ ตอ่ นจิ จาค วามเจบ็ ป วดม ไิ ดห้ ายไปไหนเลย
กลับทวีความรุนแรง ถึงขนาดท่ีขาทั้งสองข้างของข้าพเจ้าส่ันระริก
แ ละกระตุกด ้วยความเจบ็ ปวดเองข ณะนั้นเกิดเป็นความรอ้ นท่ัวร า่ งกาย
โดยเฉพาะท ห่ี วั เขา่ ท นี่ งั่ ข ดั ส มาธเิ กดิ ค วามเจบ็ ป วดแ สนส าหสั เหมอื นม ใี คร
มาบ ดิ ข าและดงึ ให้ยืดออกเปน็ ความทรมานท ่ีสดุ ค รั้งห นง่ึ ของก ารปฏบิ ตั ิ
ภาวนาของขา้ พเจ้าทีเดียว
ข้าพเจ้าบอกกับตนเองว่าวันน้ีต้องให้เห็นที่สุดของทุกขเวทนาให้
ได้ เราจ ะไม่ย อมล กุ จ ากทีน่ งั่ โดยไมผ่ า่ นทุกข์ ไมเ่ หน็ ท่ีสดุ ของทกุ ขเวทนา
ถา้ เราล กุ แ ปลว า่ เราไมเ่ ชอ่ื พ ระพทุ ธเจา้ ถ า้ เราเชอ่ื พ ระพทุ ธเจา้ จ รงิ เราต อ้ ง
ผา่ นท กุ ขใ์ หไ้ ด้ ใหใ้ จเราเหน็ ใหไ้ ดว้ า่ “ จติ ก บั ก ายน เ้ี ปน็ ค นละส ว่ นก นั ”ถ า้
หากว นั น เ้ี ราแ พก้ ไ็ ปห าผ า้ ถงุ ม าน งุ่ เสยี แ ลว้ ไมต่ อ้ งม าป ฏบิ ตั อิ กี เลยป ฏบิ ตั ิ
ไปก ต็ ายเปลา่ เพราะคนข ีแ้ พท้ ำอะไรม ันก ็แ พ้อ ยู่วันยงั ค่ำเวลาจ ะต ายม นั
เจบ็ ปวดเพยี งไรจ ะทนไหวห รือ
เมอ่ื ต กลงก บั ต วั เองด งั นแี้ ลว้ ค วามเจบ็ ป วดก ย็ งั ม ไิ ดห้ ายไปไหนเลย
คราวนีก้ ลับเพ่มิ ความรุนแรงขึ้นจ นน ้ำตาข ้าพเจา้ ไหลออกมาเปน็ ส าย ใน
ใจข ณะน ัน้ ข า้ พเจ้าไม่หวงั อ ะไรท ัง้ ส้ินไมต่ อ้ งการแ ม้กระท่ังความส งบน ึก
เพยี งอ ยา่ งเดยี วว า่ ทเ่ี ราท ำอ ยนู่ ้ี ท ำด ว้ ยศ รทั ธาด ว้ ยค วามร กั ห ลวงปดู่ แู่ ละ
ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เม่ือความเจ็บปวดรุมเร้าข้าพเจ้าอย่างแสนสาหัส
ถึงขนาดเจียนอยู่เจียนไป จนข้าพเจ้ารู้ตัวดีว่าไม่สามารถทนต่อไปได้อีก
แล้วแต่ใจกย็ ังไม่ย อมแ พ้ไมย่ อมลุกแ ละไม่ยอมข ยับเขย้อื น
201 ๒๐๑
ขา้ พเจา้ ร สู้ กึ ว า่ ต วั เองเหมอื นเดก็ ท ยี่ นื ก ำห มดั ก ดั ฟนั แ ลว้ ว งิ่ เขา้ ไป
ชกกับคู่ต่อสู้ท่ีรูปร่างสูงใหญ่ได้เปรียบกว่าทุกประตู ข้าพเจ้าทั้งร้องไห้
ทั้งตะโกนอยใู่ นใจว า่ “ ผมทำถวายห ลวงป่คู รับ”
ส้ินคำกล่าวของข้าพเจ้านี้ เหมือนกับหลวงปู่ท่านรับทราบ พลัน
เกิดเหตุอัศจรรย์เป็นนิมิตที่ข้าพเจ้าจดจำได้ตลอดชีวิต คือ ข้าพเจ้าเห็น
หลวงปู่ดู่เป่าพรวดล งมาที่ก ระหม่อมข องข า้ พเจ้าความรูส้ กึ ข ณะน ้นั ดจุ ม ี
นำ้ ท พิ ยช์ โลมร ดต ง้ั แ ตศ่ รี ษะ จนจ รดป ลายเทา้ ท กุ ขเวทนาค วามป วดเมอ่ื ย
ทเี่ มอื่ ส กั ค รรู่ าวกบั ถ กู ก อ้ นห นิ ท มี่ นี ำ้ ห นกั ห นงึ่ รอ้ ยก โิ ลท บั ไว้ ก พ็ ลนั ห ายไป
ในพ รบิ ต าเกดิ เปน็ ค วามเยน็ ก ายเยน็ ใจต งั้ แ ตศ่ รี ษะจ นจ รดป ลายเทา้ ไมม่ ี
ที่ใดทีค่ วามเจ็บป วดซ ่อนเร้นห รือหลงเหลืออ ยู่เลย
ขา้ พเจ้าเรมิ่ ม คี วามม ่นั ใจในก ารปฏิบัตมิ ากขน้ึ ความล งั เลสงสัยใน
วิถีทางปฏิบัติเร่ิมหมดไป มีแต่ความปลาบปล้ืมปีติในธรรมอย่างท่ีไม่เคย
เปน็ ม าก อ่ นส งั เกตด จู ติ ก บั อ ารมณถ์ กู แ ยกอ อกเปน็ ค นละส ว่ นเหมอื นแ กว้
ทใ่ี สน่ ำ้ ไว้ แ กว้ ก บั น ำ้ แ มอ้ ยดู่ ว้ ยก นั แ กว้ ก เ็ ปน็ แ กว้ น ำ้ ก เ็ ปน็ น ำ้ อ ยกู่ นั ค นละ
สว่ นฉนั ใดจ ติ ก็เป็นจิต..เปน็ ผู้รู้อารมณก์ เ็ ปน็ อารมณ์..เป็นผถู้ ูกร ู้ฉ นั น นั้
เมอ่ื ห ยดุ อ ยสู่ กั พ กั ห นง่ึ จ งึ น อ้ มเอาค วามส งบม าพ จิ ารณาธ รรมารมณต์ า่ งๆ
ทม่ี ากระทบใจต ่อไป
อยา่ งน ก้ี ระมงั ท ท่ี า่ นหลวงต า(พระอาจารยม์ หาบ วั ญาณส มั ปนั โน)
เคยส อนไวว้ า่ ก ารต ่อสกู้ ับก เิ ลสถา้ สู้ก บั ม ันช กก ับมันห ากส ู้ไมไ่ หวถ กู
มนั จับได้ จบั ม ือเราม ัดไว้ข าเรามี ก็ต้องเตะถบี ม นั ห ากถ กู ม ันจ ับขาได้อ กี
๒๐๒ 202
ปากเราม ีก็ต้องก ัดต อ้ งด า่ ม ันให้สู้จนย ิบต า
ขา้ พเจา้ เรมิ่ เขา้ ใจบ ทเรยี นบ ทน แ้ี ลว้ ค วามเขา้ ใจเรม่ิ ม มี ากข น้ึ พ รอ้ ม
กบั ความร ักท ม่ี ตี อ่ ห ลวงปดู่ ู่ก็มมี ากข นึ้ เชน่ กัน
203 ๒๐๓
๑๐๒
เปรียบศีล
ดิฉันเป็นคนช่างสังเกตและขี้สงสัยว่า ทำไมในบทสวดสมาทาน
พระกรรมฐานของหลวงปู่ถึงได้ต้องมีการอาราธนาศีล ซึ่งมีผู้แนะนำให้
ทำเปน็ ป ระจำทกุ ว ัน
ด้วยความอดรนทนไม่ได้ เมื่อสบโอกาสที่ได้มากราบนมัสการ
หลวงปู่ จงึ เรยี นถ ามท่าน
“หลวงป่เู จ้าค ะทำไมเวลาสวดมนต์จึงตอ้ งขอศ ลี ท ุกว ันคะ”
หลวงปู่อธบิ ายว ่า
“กเ็ หมอื นเชอื กล ะ่ เอง็ เคยเห็นเชือกไหมห้าเสน้ ค วน่ั เปน็ เกลยี ว
ถา้ เสน้ ห นงึ่ ข าดเราก ผ็ กู ใหม่ สองเสน้ ข าดเราก ผ็ กู ส องเสน้ ใหม่ แ ลว้ ถ า้
เอง็ ไมผ่ กู ม นั จะเป็นยังไงล ่ะ?”
หลวงปจู่ บค ำตอบด้วยคำถาม
ดิฉันน่ังนึกอย่างเห็นภาพ...เชือกก็คงบางลง และคงขาดทีละเส้น
สองเส้น...จนห มด
หลวงป่มู องดิฉันแ ลว้ ยม้ิ
อรพนิ ท ์
๒๐๔ 204 ๑๐๓
บ ทเรียนทางธรรม
บทท ่ี๑ค วามกตญั ญู แ ละก ศุ โลบายในก ารหาบญุ
ครงั้ แรกท ่ีขา้ พเจา้ ไดไ้ปกราบหลวงปู่ดู่ ในปีพ.ศ .๒ ๕๒๖โอวาทท ี่
ทา่ นม อบใหก้ บั ล กู ศ ษิ ยห์ นา้ ใหมค่ นน กี้ ค็ อื “ ท ำบญุ ก บั พ ระท ไ่ี หนๆ ก ต็ อ้ ง
ไม่ลมื พ ระท่ีบา้ นพ อ่ แมเ่ ราน ี้แ หละ...อย่าม องข ้ามทา่ นไป”
ค ร้ังนัน้ ยงั จ ำไดว้ ่าข า้ พเจ้าแ ละเพอ่ื นๆได้ซ ้ือดอกบัวไปถ วายท ่าน
ด้วยท่านร บั และนำไปบูชาพระพุทธรปู แล้วก็ให้โอวาทอ กี ว า่ “พ วกแก
ยงั เปน็ น กั เรยี นน กั ศ ึกษายงั ต้องแ บมือขอเงนิ พ อ่ แมอ่ ยู่ คราวห นา้ อ ยา่
ไปเสียเงินเสยี ท องซ ้ือดอกไม้มาถ วายร ะหว่างทางมาว ดั ห ากเห็นส ระ
บวั ท ่ีไหนก ็ให้ตั้งจิตน กึ นอ้ มเอาดอกบวั ถวายเปน็ พ ุทธบูชาธรรมบชู า
สังฆบูชาก็ใช้ได้แลว้ ”
นอกจากนี้ วิธีหาบุญแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียสตางค์ สามารถ
ทำไดท้ ้ังวันคือต น่ื เชา้ มาข ณะล้างห น้าหรือดืม่ น ำ้ ก ใ็หว้ า่ “ พ ุทธงัสรณงั
คจั ฉาม ิ,ธัมมงั ส รณังคจั ฉาม,ิ ส ังฆงั ส รณงั คจั ฉาม”ิ ก อ่ นจ ะกินข้าว
ก็ให้นึกถวายข้าวพระพุทธ ออกจากบ้านเห็นคนอ่ืนเขากระทำความดี
เปน็ ต้นว า่ ใส่บ าตรพระจูงค นแกข่ ้ามถนนฯลฯก ใ็ หน้ กึ อนุโมทนากบั เขา
ผา่ นไปเหน็ ด อกไมท้ ใ่ี สก่ ระจาดว างข ายอ ยู่ ห รอื ด อกบวั ในส ระข า้ งท างก ใ็ ห้
205 ๒๐๕
นกึ อ ธษิ ฐานถ วายเปน็ เครอ่ื งบ ชู าพ ระรตั นตรยั โดยว า่ “ พ ทุ ธสั ส ะธ มั มสั สะ
สงั ฆสั ส ะป เู ชม ”ิ แ ลว้ ต อ้ งไมล่ มื อ ทุ ศิ บ ญุ ใหแ้ มค่ า้ ข ายด อกไมแ้ ละรกุ ขเทว า
ท่ีดแู ลสระบวั น้นั ด ว้ ย
ตอนเย็นน่ังรถกลับบ้าน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมบูชาพระ
รัตนตรยั โดยว า่ “โอมอ ัคคไี ฟฟา้ พ ุทธบ ชู าธ รรมบชู าสังฆบ ูชา” กลับ
มาบ้าน ก่อนนอนก็นั่งสมาธิ เอนตัวนอนลงก็ให้นึกคำบริกรรมภาวนา
ไตร สร ณาค มนจ์ นหลับต ืน่ ขนึ้ ม าก็บรกิ รรมภาวนาตอ่ อ กี
น่ีเรียกว่าเป็นกุศโลบายของหลวงปู่ดู่ ที่ต้องการให้พวกเราคอย
ตะล่อมจ ิตให้อยู่แตใ่ นบ ญุ ในก ุศลตลอดทั้งวันเลยท ีเดยี ว
บทท ่ี ๒ระวงั จ ะตกตน้ ตาล
ด้วยความที่ข้าพเจ้าเป็นคนที่สนใจอ่านหนังสือธรรมอยู่เสมอๆ
ทำใหส้ ญั ญาห รอื ค วามจ ดจำม นั ล ว่ งห นา้ ไปไกลก วา่ ก ารป ฏบิ ตั ชิ นดิ ไมเ่ หน็
ฝนุ่ เลยทีเดียว
เชา้ ว นั ห นง่ึ ในช ว่ งท ข่ี า้ พเจา้ รจู้ กั แ ละไปก ราบห ลวงป ใู่ หมๆ่ ข า้ พเจา้
ถามท า่ นวา่
“หลวงปคู่ รบั พ ระท า่ นส อนว่าบุญก็ไม่ให้เอาบาปกไ็ มใ่หเ้อาแ ละ
อยา่ ไปย นิ ดยี นิ รา้ ยก บั ส งิ่ ท ง้ั ป วงท นี ที้ ำอ ยา่ งไรผ มถ งึ จ ะห มดค วามย นิ ดยี นิ
รา้ ยครบั ”
หลวงปู่ท่านยิ้มแ ละตอบพลางห วั เราะว า่
๒๐๖ 206
“เบ้อื งต ้นกจ็ ะข ึน้ ย อดต าลมหี วังตกลงม าต ายเทา่ นั้น”
คำตอบของท่านทำเอาข้าพเจ้ารู้สึกเขิน และคิดได้ว่าการปฏิบัติ
ธรรมท ถี่ กู ท คี่ วรน น้ั ไมค่ วรจ ะอ า่ นต ำรบั ต ำราม ากแ ตค่ วรป ฏบิ ตั อิ ยา่ งค อ่ ย
เปน็ ค อ่ ยไปม งุ่ ป ระกอบเหตทุ ด่ี อี ยา่ งเสมอต น้ เสมอป ลายโดยไมเ่ รง่ รดั ห รอื
คาดคัน้ เอาผลและทสี่ ำคัญค อื อย่าสำคญั ผ ิดค ดิ ว า่ “ ส ัญญา”(ความจำ)
เปน็ “ ป ญั ญา” (ความจริง) เพราะหากยังเป็นแคส่ ญั ญาหรือความรทู้ ่ีเป็น
เพียงการจดการจำม ันย งั ไมช่ ่วยใหเ้ ราเอาตัวร อดหรือพ ้นทกุ ข์ได้
บทที่๓อ ย่าประมาท
หลวงปทู่ า่ นพ ดู เตอื นเสมอเพอ่ื ใหพ้ วกเราไมป่ ระมาทรบี ทำความดี
เสยี แ ตย่ งั แ ขง็ แ รงอ ยู่ เพราะเมอ่ื แ กเ่ ฒา่ ล งห รอื ม โี รคภ ยั ไขเ้ จบ็ ม าเบยี ดเบยี น
ก็จะปฏิบตั ิได้ยากท า่ นว่า
“ปฏิบัติธรรมเสียต้ังแต่ยังเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นสาว นี้แหละ
ดี เพราะเม่อื แก่เฒ่าไปแล้วจะน ่ังกโ็ อยจะล กุ ก โ็ อยห ากจ ะร อไว้ใหแ้ ก่
เสยี ก อ่ นแ ลว้ จ งึ ค อ่ ยป ฏบิ ตั ิ ก เ็ หมอื นค นท คี่ ดิ จ ะห ดั ว า่ ยน ำ้ เอาต อนท แ่ี พ
ใกล้จะแ ตกม ันจะไม่ทนั การณ”์
นอกจากนน้ั ท ่านยังแนะใหห้ าโอกาสไปโรงพยาบาลท ่านว ่า
“โรงพ ยาบาลน้แี หละเป็นโรงเรยี นส อนธ รรมะม ีให้เหน็ ท งั้ เกิด
แก่ เจบ็ และต ายให้พ ิจารณาให้เห็นค วามจริงทกุ ข์ท ั้งน้นั ...อนิจจ ัง
ทุกข งั อ นตั ตา”
207 ๒๐๗
บ ทที่ ๔ให้หม่นั ดูจติ
คำสอนของหลวงปู่ที่ข้าพเจ้าได้ยินแทบจะทุกคร้ังที่ ไปนมัสการ
ท่านก็คอื
“ ข องดอี ยู่ทต่ี วั เราข องไมด่ กี ็อ ยทู่ ตี่ ัวเรา
ให้หม่นั ดูจิตร กั ษาจติ ”
นบั เปน็ โอวาทท ส่ี น้ั แ ตเ่ อาไปป ฏบิ ตั ไิ ดย้ าวจ นช ว่ั ช วี ติ ห รอื ย าวนาน
จนกว่าจะพน้ จ ากว ัฏฏะส งสารนไี้ปได้ซ ึ่งสอดคล้องก ับพทุ ธพจนท์ ีว่ า่
“ผ ใู้ ดหมัน่ ตามดูจติ ผ ู้น้ันจะพ ้นจ ากบ่วงแห่งมาร”
การขาดการต ามด ูจิตรักษาจิตเปน็ เหตุให้เราไมฉ่ ลาดในความคดิ
หรอื อ ารมณ์ ซ งึ่ ถ งึ แ มว้ า่ เราจ ะเคยไดย้ นิ ไดฟ้ งั ค ำส อนข องค รบู าอ าจารยม์ า
มากก ไ็ มอ่ าจช ว่ ยอ ะไรเราไดั เพราะเพยี งแ คก่ ารฟ งั ธ รรมจ ากค รบู าอ าจารย์
ภายนอกโดยป ราศจ ากโยนโิ สม นสกิ ารห มน่ั ต รกึ พ จิ ารณาส ง่ิ ต า่ งๆใหเ้ ปน็
ธรรมหรอื อ กี นยั หนึง่ คอื ขาดการฟงั ธ รรมในใจเราเองบ า้ ง ธ รรมตา่ งๆ ท ่ี
ไดย้ นิ ได้ฟังม าน ้นั กย็ ่อมไมอ่ าจสำเร็จประโยชนเ์ ป็นความดบั ทกุ ข์ได้เลย
บทท ี่๕ ร ู้จกั หลวงปอู่ ยา่ งไร
เชา้ วนั ห นง่ึ ในเดือนมกราคมพ .ศ .๒๕๓๓กอ่ นห น้าที่หลวงปู่จ ะ
ละส งั ขารไมก่ ว่ี นั ในข ณะท ร่ี อใสบ่ าตรอ ยทู่ ห่ี นา้ ก ฏุ ขิ องท า่ นห ลวงปไู่ ดพ้ ดู
เปน็ ค ตแิ กส่ านุศิษย์ ณทน่ี ั้นว า่ ...
๒๐๘ 208
“ต ราบใดกต็ ามท่ีแกย งั ไมเ่ห็นความด ใี นต ัว
ก็ยังไมน่ บั ว ่าแ กร ู้จักข ้า
แต่ถา้ เมอื่ ใด แ กเร่มิ เหน็ ความด ีในต วั เองแ ลว้
เมอื่ นน้ั ...ข้าจ ึงวา่ แกร ้จู กั ข า้ ดขี น้ึ แลว้ ”
คำพูดน้ี ถือเป็นคำพูดเตือนสติแก่ผู้ท่ีมาปฏิบัติในสมัยที่ท่านยังมี
ชีวิตอยู่ว่า อย่าได้สำคัญตนว่าเคยได้อยู่ใกล้ชิด หรือเคยได้รับฟังคำสอน
โดยตรงจากท่าน เพราะตัววัดว่ารู้จักท่านดีหรือไม่น้ัน ท่านว่าอยู่ที่การ
ฝกึ ฝนตนให้เปน็ คนท ด่ี ีขนึ้ ไดห้ รอื ไม่ ถ า้ ไม่ได้ก ็เท่ากบั วา่ ไม่รจู้ ักท่านจรงิ
ในทางกลับกัน คำพูดน้ีช่วยให้เกิดกำลังใจแก่ผู้ท่ีไม่มีโอกาสได้
มาสัมผัสท่านในขณะที่ท่านยังมีชีวิต หากแต่มีศรัทธาน้อมเอาธรรมะ
คำสอนของท่านมาป ฏบิ ัตขิ ัดเกลาตนเองจนความโลภ โกรธ หลง ลดลง
เรียกวา่ เหน็ ความดีในตัวเอง หลวงปู่ท่านกร็ ับรองว่าเป็นผ ้ทู ร่ี จู้ กั ทา่ นจริง
คำพูดของหลวงปู่น้นั ท ำใหผ้ เู้ ขยี นน กึ ถึงพทุ ธพ จนท์ ี่ว า่
“ ผ ้ใู ดเห็นธรรมผ นู้ ้นั เห็นเรา...ตถาคต”
“พ อ”
209 ๒๐๙
๑ ๐๔
พ ลกิ ช วี ิต
ดิฉนั ได้ม ีโอกาสม าพบหลวงปดู่ ู่ทีว่ ัดสะแกต้งั แตป่ ีพ .ศ .๒ ๕๒๙
คอื ก อ่ นท ท่ี า่ นจ ะล ะส งั ขารป ระมาณ๔ ป ี โดยก ารแ นะนำข องเพอื่ นร กั ค น
หนงึ่ แ ละน น่ั ค อื จ ดุ ห กั เหช วี ติ ท สี่ ำคญั ท ส่ี ดุ ข องด ฉิ นั เพราะก อ่ นท ดี่ ฉิ นั จ ะได้
มาพ บห ลวงปู่ ช วี ติ ข องด ฉิ นั ช า่ งไรส้ าระว นั ค นื ห มดไปก บั ก ารด มื่ ส รุ าแ ละ
เลน่ ก ารพ นนั เพยี งเพอ่ื จ ะก ลบเกลอ่ื นท กุ ขไ์ ปว นั ๆ โดยไมม่ สี ตปิ ญั ญาท จ่ี ะ
เตือนตวั เองได้วา่ น ั่นไม่ใช่การแกป้ ญั หาตรงกนั ข า้ มก ลับเป็นการซ้ำเตมิ
ชีวติ ใหเ้ ลวร ้ายล งไปเรอ่ื ยๆ ก ระทัง่ ได้ม าพบหลวงปู่ ผ ูท้ พี่ ลิกช วี ิตของด ิฉนั
จากด้านมืดมาให้ได้เห็นแสงสว่าง ท่านทำให้ดิฉันรู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร
จงึ จะเกดิ ค ณุ ค่าแก่ชีวติ ท ่เี หลืออยู่ ท้ังแ ก่ต นเองต อ่ ค รอบครัวแ ละต่อค น
รอบข้าง
หลวงปทู่ า่ นม กี ศุ โลบายในก ารพ ลกิ ช วี ติ ข องด ฉิ นั ใหส้ ามารถล ะเลกิ
อบายมขุ ไดท้ ลี ะอ ยา่ งโดยเดด็ ข าดแ ละท สี่ ำคญั ค อื ด ว้ ยค วามส มคั รใจข อง
ตัวดิฉันเอง เป็นต้นว่า ท่านสอนให้ดิฉันพิจารณาเห็นโทษและความไม่ดี
ตา่ งๆของการเมาส รุ าโอกาสในก ารสอนของทา่ นม าถงึ เมอ่ื เช้าวันหนึ่งที่
ดฉิ นั เดนิ ท างไปถ วายภ ตั ต าห ารแ กท่ า่ นพ อดกี บั ม ชี าวบ า้ นเมาส รุ าห ลบั อ ยู่
ใกลๆ้ ก ับบ นั ไดท างขึน้ กุฏิ หลวงปทู่ ่านพดู ว่า
๒๑๐ 210
“ข า้ วา่ ค นเมาเหล้านะ่ เลวกวา่ ห มาแ กว่าไหม?”
“เลวกว่ายงั ไงเจา้ คะ”
ดฉิ ันถามอยา่ งขึงขังเพราะร สู้ กึ จ ะเป็นเร่อื งใกลต้ วั เขา้ ม าท ุกที
ท่านก็ย้อนถ ามม าอีกว ่า
“ถ า้ เราเอาขกี้ บั เอาเหล้าไปตั้งไว้แกวา่ ห มาม ันจ ะก ินอะไร”
แล้วท ่านก ็เฉลยต อ่ วา่
“ม นั ก เ็ ลอื กก นิ ข นี้ ะส ิ ม นั ไมเ่ ลอื กก นิ เหลา้ น ะข า้ จ งึ ว า่ ค นก นิ เหลา้
นี่เลวก ว่าห มา”
เทา่ นน้ั แ หละด ฉิ นั ก บ็ งั เกดิ ค วามล ะอายใจบอกก บั ต วั เองว า่ ฉ นั จ ะ
ไม่กินเหลา้ อกี พ รอ้ มก บั ท อ่ งบน่ ในใจวา่
“…หมามนั กินข ี้ ม ันไม่กนิ เหลา้ ค นก นิ เหลา้ นเ่ี ลวก วา่ หมา ฉันไม่
ตอ้ งการจ ะเปน็ คนท เี่ ลวกว่าห มา… ”
ไม่ใช่เพียงแค่การดื่มสุรายาเมาเท่าน้ันที่ดิฉันสามารถเลิกได้ หาก
แตด่ ว้ ยอ บุ ายก ารส อนข องห ลวงปู่ ดฉิ นั จ งึ ส ามารถเลกิ อ บายมขุ อ ยา่ งอ นื่ ๆ
ด้วย รวมไปถึงการใช้เคร่ืองสำอางท่ีท่านว่าเกินงามและเป็นอันตรายต่อ
สุขภาพ ทั้งนี้ทั้งน้ัน ท่านคงทราบว่าขณะนั้นดิฉันยังมากด้วยทิฏฐิมานะ
ท่านจึงหลีกเลยี่ งก ารส อนหรือว ่าก ล่าวทตี่ ัวดิฉนั โดยตรง หากแตใ่ช้ว ธิ ียก
สงิ่ ต า่ งๆ ข น้ึ เปน็ อ ปุ มาอ ปุ ไมยแ ลว้ ใหค้ ดิ พ จิ ารณาต ามจ นเหน็ ท กุ ขเ์ หน็ โทษ
และเปน็ ฝ า่ ยส มคั รใจล ะเลกิ ส ง่ิ ไมด่ ไี มง่ ามต า่ งๆ ด ว้ ยต วั เองด ฉิ นั จ งึ ส ามารถ
รบั การขัดเกลาท ีละเล็กทลี ะนอ้ ยจากท่านได้
211 ๒๑๑
หลวงปทู่ า่ นฉ ลาดและอดทนในการอ บรมล กู ศ ิษยอ์ ยา่ งย งิ่ ท่านไม่
เพียงแนะนำการปฏิบัติธรรมแก่ดิฉันเท่าน้ัน หากแต่ยังได้เมตตาให้ดิฉัน
เกดิ ป ญั ญารคู้ วามเหมาะค วรในก ารด ำรงช วี ติ ในเพศฆ ราวาสเพอ่ื ใหด้ ำเนนิ
ไปไดท้ งั้ ทางโลกแ ละทางธ รรมอย่างทท่ี ่านพดู ว า่ โลกก ไ็ ม่ให้ชำ้ ธรรมก ็
ไมใ่ ห้เสยี
การจากไปของหลวงปู่ ยากที่ดิฉันจะยอมรับได้ แม้ว่าท่านจะได้
เมตตาพดู เปรยใหท้ ราบม าเปน็ ระยะๆ รวมท ง้ั ส งั่ ด ฉิ นั ไมใ่ หร้ อ้ งไหเ้ มอ่ื ท า่ น
ละส งั ขารแ ล้วก็ตาม
ในเช้าวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๓ วันที่ทราบข่าวมรณกรรมของ
หลวงปู่ ดิฉันเรง่ รบี เดินท างไปที่วัดโดยทันที และเม่อื ไปถึงด ิฉนั ก ไ็ ม่อาจ
กล้ันความเศร้าโศกเสียใจ รวมทั้งไม่อาจทรงตัวยืนอยู่ได้ ต้องอาศัยกอด
ต้นไม้ข้างกุฏิ ร้องไห้ฟูมฟายอยู่พักใหญ่ ดิฉันรู้สึกว่าเวลาแห่งการได้พบ
ไดเ้ ห็น และได้ยินไดฟ้ งั คำสอนของหลวงปู่นั้น มันชา่ งน้อยเสียเหลอื เกนิ
แม้ว่าหลวงปู่ดู่ ผู้ที่ฉุดชีวิตของดิฉันขึ้นจากโคลนตม ได้ละสังขาร
ไปแลว้ แตด่ ฉิ นั กต็ ง้ั ส จั อ ธษิ ฐานว า่ จ ะข อย ดึ มน่ั ในไตรสรณาค มน์ แ ละจ ะ
ไมท่ ง้ิ การป ฏิบัติธรรมไปจนตลอดชีวติ เพอื่ บชู าค ุณห ลวงปดู่ ู่ ท ่ไี ด้เมตตา
ต่อดิฉันและครอบครวั อย่างห าท สี่ ดุ แ ละหาบคุ คลอ ื่นเสมอเหมือนมไิ ด้
“น ”ิ
๒๑๒ 212 ๑๐๕
บาป
หลวงปดู่ ทู่ า่ นเปน็ พ ระท มี่ คี วามล ะเอยี ดอ ยา่ งม ากโดยเฉพาะอ ยา่ ง
ย่ิงในเร่ืองความระมดั ระวังไม่ให้เกดิ บาปตลอดระยะเวลาป ระมาณ๘ ปี
ทพ่ี บแ ละป ฏบิ ตั ธิ รรมก บั ท า่ นย งิ่ น านว นั ก ย็ ง่ิ ป ระทบั ใจในป ฏปิ ทาในเรอื่ ง
นข้ี องท า่ นแ ละบ างเรอื่ งข า้ พเจา้ เหน็ ว า่ เปน็ เรอื่ งท นี่ า่ ค ดิ เพราะก อปรด ว้ ย
เหตุผล อีกทั้งไม่เคยได้ยินได้ฟังใครกล่าวสอนอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
มาก อ่ นจ งึ เปน็ แ รงบ นั ดาลใจท จี่ ะถ า่ ยทอดไว้ ณ ท นี่ ้ี เผอ่ื ว า่ จ ะเกดิ ป ระโยชน์
แก่ผู้อา่ นบา้ งไม่มากกน็ อ้ ยโดยให้ชอ่ื ห ัวข้อเร่ืองว่า“ ป กิณก บาป”
พาเด็กเลก็ เขา้ ว ดั -บ าป
เร่ืองนี้ค่อนข้างเป็นเร่ืองท่ีสวนกับความรู้สึกของคนท่ัวไป แต่
หากได้พิจารณาความจริงไปตามเหตุผลท่ีหลวงปู่ได้เมตตาช้ีแนะก็จะ
เข้าใจได้ ท่านว่าเด็กเล็กที่พามาวัดน้ันยังควบคุมดูแลตนเองไม่ได้ จึง
มักซุกซนและคึกคะนองไปตามประสาเด็ก แต่เน่ืองจากที่วัดมักมีผู้มา
ฝึกหัดปฏิบัติสมาธิภาวนาอยู่เสมอๆ ดังนั้น เสียงรบกวนของเด็ก จึง
อาจรบกวนผู้ทกี่ ำลงั ป ฏิบตั ภิ าวนาอยู่ ดังน ้นั บ าปจึงเกดิ กบั เด็กอ ย่างไมร่ ู้
ตวั ท ้ังนก้ี ็ดว้ ยพ ่อแ ม่ผปู้ กครองไม่เข้าใจแ ละปล่อยปละละเลย
213 ๒๑๓
ภาพแห่งความเมตตาที่ท่านเมตตาอบรมช้ีแนะข้าพเจ้ายังชัดเจน
อยู่ในความทรงจำ วันนั้นข้าพเจ้าพาลูกซึ่งยังเล็กไปวัดสะแกด้วย จำได้
วา่ การไปวดั ในว ันนน้ั ข้าพเจา้ ไมส่ รู้ สู้ กึ ปลอดโปร่งนักเพราะวา่ ต อ้ งม ามัว
กงั วลก บั ล กู น อ้ ยท เ่ี ดย๋ี วก ส็ ง่ เสยี งรอ้ งไห้ เดยี๋ วก ป็ สั สาวะรดพ อห ลวงปทู่ า่ น
เห็นจ ังหวะเหมาะท ่านก็เรียกขา้ พเจา้ ให้เขา้ ไปใกลๆ้ แ ล้วบอกว่า
“นี่เพราะข้ารักแกหรอกนะ จึงบอกจึงสอนให้รู้ คนเขาภาวนา
กันอยู่แกพาเดก็ ๆม าว ่งิ เลน่ ซุกซนสง่ เสยี งร บกวนม ันบ าปนะ
อนั ท จ่ี รงิ แ กเอาเดก็ เลก็ ไวท้ บ่ี า้ นก ไ็ ด้ เวลาท แ่ี กภ าวนาก ใ็ หน้ กึ ถงึ
เขา แผเ่มตตาใหเ้ ขาเขาก ไ็ ด้บุญเหมือนกนั ”
ชวนค นเข้าวัด– บ าป
บางทคี นเราก็มองอะไรไมร่ อบด า้ นดังนั้นแ ม้จะม ีค วามปรารถนา
ดีกไ็ มเ่ป็นหลกั รับป ระกนั ว่าทุกอ ยา่ งจ ะออกม าดี ด งั เช่นท่ีขา้ พเจ้าได้ร บั
การอบรมจากหลวงปู่ว่า
“แ กเท่ียวชวนค นเขาม าวัดร ะวังน ะจะก ลายเป็นต้นบ าป”
ทา่ นช ีแ้ นะเพิม่ เติมว่า
“แ กจ ะไปรเู้ หรอว า่ ส งิ่ ท แี่ กเหน็ ว า่ ด ี เขาจ ะเหน็ ว า่ ด ตี ามแ กไปด ว้ ย
ถา้ เขาป รามาสจ นเกดิ บ าปแ กต อ้ งม สี ว่ นร บั บ าปน น้ั ไปด ว้ ยค รง่ึ ห นง่ึ ใน
ฐานะทพ่ี าเขามาใหเ้ กิดบ าป”
๒๑๔ 214
อ ยู่ใกล้พ ระอ รหนั ต์นานๆ–บ าป
เรอื่ งน กี้ เ็ ปน็ อ กี เรอื่ งห นง่ึ ท ดี่ จู ะส วนท างก บั ค วามรสู้ กึ ข องค นท ว่ั ๆ ไป
เพราะทุกคนย่อมจะคิดว่าหากเราได้อยู่ใกล้ชิดพระอรหันต์ ก็ย่อมจะมี
โอกาสสั่งสมบุญกุศลได้อย่างเต็มท่ี แต่การณ์หาเป็นเช่นน้ันไม่ หลวงปู่ดู่
ท่านส อนวา่
“ อย่าไปอยูใ่ กล้พระอ รห นั ต์นานประเดย๋ี วจ ะบาปจะบ าปยงั ไง
ก็บ าปต รงท อี่ าศยั ความค นุ้ เคยเลยเอาทา่ นเป็นเพอื่ นเล่นบ ้างใช้ทา่ น
ทำโนน่ ท ำน ่ใี หบ้ า้ ง แ ล้วจะไม่ให้บาปไดย้ งั ไง”
ถ่ายรปู กบั พ ระทม่ี ีค ณุ ธ รรม– บ าป
หลวงปเู่ คยต ้ังคำถามกบั ข า้ พเจ้าว ่า
“เวลาที่แกถ่ายรูปกับพระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครูอาจารย์ท่ี
ทา่ นมคี ณุ ธรรมแกจ ะเอารปู ไปต ้งั ไว้ท ่ีไหน
หากแ กเอาร ปู ไปไว้ในท ่ีๆไม่บังควรก ็จะเกดิ บ าปข น้ึ ได้ส ว่ นว่า
จะเอาร ปู ไปต ั้งบ ูชาในทีส่ ูงใครผ า่ นไปผ่านม ากย็ กมือไหว้แ ล้วตรองด ู
ซิว่า แกมีคุณธรรมเสมอกับท่านเหรอ หรือแกมีคุณธรรมอะไรท่ีจะให้
เขายกมอื ไหวแ้ ก”
“อ ๋ยุ ”
215 ๒๑๕
๑๐๖
ความเมตตาและขันตธิ รรมของห ลวงปู่
จะมีใครทราบบ้างว่าเบ้ืองหลังภาพการปฏิสันถารพูดจาปราศรัย
ให้แง่คดิ และก ำลงั ใจแก่ผ ู้ทม่ี าก ราบนมัสการหลวงปดู่ ู่นนั้ บ ่อยค ร้ัง ทา่ น
ต้องใช้ขันติมากสักเพียงใด โดยปรกติหลวงปู่ท่านรับแขกตั้งแต่เช้ามืด
กระทงั่ จ นดกึ จนด ่ืนท กุ ๆ วนั ต่อเนอื่ งนับระยะเวลาเป็นสบิ ๆ ป ี ซง่ึ ไม่ว ่า
ใครจ ะท กุ ขร์อ้ นว นุ่ ว ายใจมาอ ยา่ งไรห ลวงปทู่ า่ นก จ็ ะป ฏสิ นั ถารด ว้ ยค วาม
เมตตาเสมอโดยจ ะม ใี ครบ า้ งไหมท จ่ี ะส งั เกตห รอื ส งสยั ว า่ ท า่ นน ง่ั ร บั แขก
บนพ นื้ ก ระดานแ ขง็ ๆ อ ยา่ งน น้ั ต ง้ั แ ตเ่ ชา้ จ รดค ำ่ ในแ ตล่ ะว นั ท า่ นแ ทบจ ะไม่
ไดล้ กุ ไปไหนเลยท า่ นไมป่ วดไมเ่ มอ่ื ยบ า้ งห รอื ท า่ นไมป่ วดท อ้ งห นกั ท อ้ งเบา
บ้างห รอื ท่านเจบ็ ไข้ไม่ส บายบ้างหรอื เปล่าสว่ นวา่ จะร อฟ ังท า่ นเอย่ ปาก
ออกมาก็คงเป็นเร่ืองที่ยาก เพราะหลวงปู่เป็นพระท่ีขี้เกรงใจอย่างมาก
แค่จะใช้สอยลูกศิษย์ให้เดินออกไปซื้อยาที่หน้าวัด ก็ยังต้องเอ่ยปากถาม
ลกู ศิษยอ์ ย่างเกรงอ กเกรงใจ
ขา้ พเจา้ เองไดม้ าป ระจกั ษค์ วามอ ดทนข องท า่ นจ นมอิ าจก ลนั้ น ำ้ ตา
เอาไว้ได้ ก็ในต อนท ่ไี ด้อุปัฏฐากร ับใช้ท า่ นในยามทที่ า่ นชราม ากแ ล้วโดย
มีโอกาสถวายการทายาแผลท่ีก้นของท่าน ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของ
ขา้ พเจา้ น น้ั ค อื ร อ่ งร อยข องแ ผลท แี่ ตกซ ำ้ ๆ ซ ากๆ ในท เี่ ดมิ น คี่ งเปน็ แ ผลท ี่
๒๑๖ 216
เกดิ จ ากก ารท ที่ า่ นต อ้ งน ง่ั บ นพ น้ื ก ระด านแ ขง็ ๆต อ่ เนอ่ื งเปน็ แ รมป ี ข า้ พเจา้
รสู้ กึ แ ปลกใจม ากท ที่ า่ นเปน็ ถ งึ ข นาดน แ้ี ลว้ ข า้ พเจา้ ห รอื ล กู ศ ษิ ยค์ นอ น่ื ๆ ก ็
ไมเ่ คยไดย้ ินทา่ นเอ่ยหรือบ ่นใหใ้ ครไดร้ บั ร้บู า้ งเลยตรงก นั ข า้ ม เราทกุ ค น
ยงั ค งเหน็ ท า่ นท ำห นา้ ทคี่ รอู าจารยท์ คี่ อยใหก้ ำลงั ใจล กู ศ ษิ ยด์ ว้ ยอ าการย มิ้
แย้มแจ่มใสเป็นปรกตอิ ย่อู ยา่ งน ั้นช่วยใหเ้ ขาเหล่าน้นั กลบั บ ้านด้วยความ
ปีติทกุ รายไป
ข้าพเจ้าเห็นแผลของท่านแล้วก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ได้แต่
ซาบซงึ้ ใจในเมตตาแ ละข นั ตธิ รรมอ นั ย ง่ิ ข องท า่ นอ กี ท ง้ั ภ มู ใิ จท ไ่ี มเ่ สยี ช าติ
เกิดท ่ีได้มีโอกาสมาเปน็ ลกู ศ ิษย์รบั ก ารอบรมส ัง่ ส อนจ ากท า่ นเพราะท า่ น
ไมเ่ พยี งพ ดู ส อนเพยี งอ ยา่ งเดยี วห ากแ ตท่ า่ นย งั ส อนด ว้ ยก ารท ำใหด้ ู ข า้ พเจา้
จงึ ภาคภมู ใิ จทม่ี ีครูอาจารย์เชน่ ท่าน...หลวงปูด่ ู่ พ รหมปัญโญพระแทท้ ี่
จะอยู่ในด วงใจข องขา้ พเจา้ ตลอดไป
“นาย อ”ู๋
217 ๒๑๗
๑ ๐๗
หลวงปตู่ ายแลว้ ต ้องลงนรก?
วนั ห นง่ึ ห ลวงปดู่ ทู่ า่ นม องไปท ลี่ กู ศ ษิ ยใ์ กลช้ ดิ ก ลมุ่ ห นง่ึ แ ลว้ เอย่ ข น้ึ
ว่า“ ข ้าต ายแลว้ ต อ้ งล งนรก”
พอลูกศิษย์ได้ยินเชน่ น น้ั กต็ กใจเรยี นถ ามทา่ นในท ันทวี ่า
“หลวงปู่จ ะตกนรกไดอ้ ย่างไร ในเมื่อหลวงปบู่ ำเพ็ญคุณงามค วาม
ดมี ามากออกอย่างน ี”้
หลวงปตู่ อบกลับไปว่า
“ข้าก ็จะล งนรกเพือ่ ไปด งึ พ วกแกข ้นึ มาน่ะ สิ!”
คำพ ดู เตอื นข องห ลวงปนู่ น้ั ช วนใหศ้ ษิ ยท์ ง้ั ห ลายต อ้ งม าน กึ ท บทวน
ตัวเองวา่ การท ไี่ ดม้ โี อกาสอยู่ใกลค้ รบู าอ าจารย์นั้นก็มิใช่เป็นห ลกั ประกนั
ว่าจะไม่ลงนรก ตรงกันข้าม หลวงปู่ท่านได้พูดเตือนทำนองน้ีหลายคร้ัง
หลายหน เพราะช่องทางทำบาปของคนเรานั้น มันมีมากเหลือเกิน
ทา่ นเคยกลา่ วว ่าค นเราเปน็ อ ยโู่ ดยบ าปทง้ั น น้ั เพยี งแ ตผ่ ทู้ ่ตี ั้งอย่ใูนค วาม
ไม่ประมาทก บ็ าปน้อยหน่อย
หลวงปทู่ า่ นเปน็ แ บบอ ยา่ งท ห่ี าไดย้ ากในเรอื่ งก ารร ะมดั ระวงั ไมใ่ ห้
เปน็ ห นสี้ งฆ์ ถ งึ ข นาดว า่ ก อ่ นท ที่ า่ นจ ะม รณภาพไมก่ ว่ี นั ทา่ นไดบ้ อกช อ่ งล บั
สำหรับเปิดประตูกุฏิ ให้โยมอุปัฏฐากได้ทราบ เพ่ือว่าจะได้สามารถเปิด
๒๑๘ 218
ประตูเขา้ กฏุ ิทา่ นในกรณฉี ุกเฉินได้ โดยไม่ต อ้ งไปงัดป ระตู อ นั จะเปน็ การ
ทำลายของสงฆ์ซ งึ่ ในท ่สี ดุ ก ม็ ีเหตใุห้ไดเ้ ปดิ ป ระตูกุฏทิ ่านผ่านทางช ่องลบั
น้นั จรงิ ๆ ในเชา้ ตร่ขู องวันพ ุธท ี่๑ ๗มกราคม๒ ๕๓๓อ นั เปน็ ว นั ท ีท่ า่ นล ะ
สังขาร
นอกจากน ้ี ท ่านยงั ไดพ้ ดู เตือนอกี ห ล ายๆ เรอื่ งซ งึ่ เปน็ สง่ิ ท พี่ วกเรา
อาจมองข้ามเปน็ ตน้ วา่ เอย่ ป ากใช้พระหยิบโนน่ หยบิ น ี่ ไมย่ กเว้นแม้กรณี
ขอใหพ้ ระท า่ นห ยบิ ซ องใหเ้ พอ่ื จ ะใสป่ จั จยั ถ วายก ารห ยบิ ฉ วยข องส งฆไ์ ป
ใชส้ ว่ นตวั การพ ดู ช ักไปในท างโลกในขณะทผี่ ู้อ่นื ก ำลงั ส นทนาธรรมการ
สง่ เสยี งรบกวนผ ทู้ กี่ ำลงั ป ฏบิ ตั ภิ าวนาก ารข ายพ ระก นิ ซ ง่ึ เรอ่ื งห ลงั น ้ี ท า่ น
พูดเอาไว้คอ่ นข ้างรุนแรงว า่ ใครขายพระกินจะฉ ิบหายสมัยทา่ นยังม ีช วี ติ
ทา่ นจ ะพ ดู ก ระห นาบบ อ่ ยค รงั้ โดยเฉพาะเวลาร บั ป ระทานอ าหารท า่ นไม่
ใหพ้ ดู ค ยุ ก นั จะท ำก จิ อ นั ใดอ ยู่ ก ใ็ หม้ สี ติ พ ยายามบ รกิ รรมภ าวนาไวเ้ รอื่ ยๆ
เรียกว่าเกล่ียจิตไว้ให้ได้ทั้งวัน เมื่อถึงคราวน่ังภาวนา จิตจะได้เป็นสมาธิ
ได้เรว็ เวลาจ ติ เกิดโลภโกรธห ลงขึน้ มาก ็จะได้รูเ้ทา่ ท นั ไดโ้ ดยเร็ว
ดังท่ีหลวงปู่สอนว่า การตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเท่าน้ันจึงจะ
ชว่ ยใหเ้ ราห า่ งจ ากน รกได้ ด งั น น้ั เราจ งึ จ ำเปน็ ต อ้ งค อยส อบท านต วั เองอ ยู่
เสม อๆว า่ เราเขา้ ว ดั เพอ่ื อ ะไรเพอ่ื ค วามเดน่ ค วามด งั ห วงั ล าภส กั ก าระ ห วงั
เป็นผูจ้ ดั การพ ระผ ู้จัดการวดั ฯลฯห รือเพ่อื ม ุ่งละโลภโกรธหลงซึง่ เปน็
ตัวกอ่ ทกุ ขก์ อ่ โทษข ้ามภ พข้ามช าตไิมร่ จู้ ักจ บจกั สนิ้ ท่ีม อี ยใู่นใจเราน ี้
ปฏปิ ทาท จี่ ะช ว่ ยใหเ้ ราป ลอดภยั แ ละห า่ งไกลจ ากน รกค อื ก ารเกรง
219 ๒๑๙
กลัวและละอายใจในการทำบาปกรรม หรือสิ่งที่จะทำจิตใจเราให้เศร้า
หมองขุ่นมัวทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลี
กับหมู่คณะโดยไม่จำเป็น หากแต่ควรมุ่งเน้นการปฏิบัติภาวนาเป็นหลัก
เป็นผ้พู รอ้ มร บั ฟ ังค ำต กั เตอื นข องผู้อนื่ โดยเฉพาะค ำตักเตือนจ ากครูบา-
อ าจารย์ อย่างท่ีทางพระท า่ นสอนวา่ ใหอ้ ดทนในคำส ่งั สอนใหค้ ดิ ว า่ ท ่าน
กำลังดุด ่ากิเลสข องเราอ ยู่
ทอ่ นซ งุ ท ้งั ท ่อนถ า้ ไม่ไดข้ วานช่วยสบั ช ่วยบากไม่ไดก้ บไสไม้ ช ่วย
ทำพื้นไม้หยาบๆ ให้เกลี้ยงเกลาข้ึน ไม่ได้กระดาษทรายช่วยขัดให้พื้นไม้
เรียบเนียน ไม่ถูกดัดถูกประกอบ ก็คงไม่กลายมาเป็นเครื่องเรือนเคร่ือง
ใช้ที่มีประโยชน์ ฉันใดก็ฉันน้ัน จิตใจของเราท่ีหยาบอยู่ หากไม่ได้รับ
การขัดเกลาหรืออบรมจากครูอาจารย์ ไม่ได้รับการอบรมด้วยธรรมของ
พระพทุ ธเจ้าจ ิตใจน ้นั กย็ ่อมใช้งานใชก้ ารไมไ่ ด้ ...เอาเปน็ ทพี่ ง่ึ ไมไ่ ด้
ครงั้ หนึ่งได้มโี อกาสเรียนถ ามห ลวงปวู่ ่า
“หลวงป่คู รับทีว่ ่าธ รรมย่อมร ักษาผ ู้ประพฤติธรรมน ั้นธรรมท ีว่ ่า
นัน้ ท่านหมายถ งึ ธ รรมเรอื่ งใดครบั ”
เม่ือส น้ิ เสยี งค ำถามของข้าพเจา้ ห ลวงป่ทู า่ นก ็ตอบในทันทวี ่า
“กายส ุจริตว าจาส ุจริตแ ละม โนสุจริต”
ซงึ่ คำส อนข องท่านข ้างต น้ ก ็เป็นการต อบให้ชดั อีกครั้งวา่ อานสิ งส์
แหง่ ก ารป ระพฤตคิ วามด ที งั้ ท างก ายท างว าจาแ ละท างใจน แ้ี หละจ ะก ลบั
มาร ักษาเราไมใ่ หต้ กไปส ู่โลกท ช่ี ว่ั จึงเปน็ หลกั ประกันที่ช ว่ ยให้เราห ่างไกล
๒๒๐ 220
จากน รกอ กี ท ง้ั ย งั ช ว่ ยใหเ้ ราส ามารถเขา้ ใกลห้ ลวงปดู่ ว้ ยก ารเพม่ิ พนู ค ณุ ธรรม
ความดีให้ย่ิงๆ ขึ้นไป เพ่ือว่าในท่ีสุดจะได้ไม่ต้องรบกวนหลวงปู่ให้ต้อง
ลำบากลงนรกม าส งเคราะหศ์ ิษย์ ดงั ทที่ า่ นปรารภดว้ ยความห่วงใยตงั้ แ ต่
ครั้งท่ีทา่ นย ังมชี ีวิตอยู่
“พอ”
221 ๒๒๑
๑๐๘
ทม่ี าของวัตถมุ งคลร นุ่ “เปดิ โลก”
จากก ารท ่มี ผี ้สู นใจวตั ถมุ งคลร ุน่ “ เปดิ โลก” เป็นจำนวนม ากและ
มีแนวโน้มมากข้ึนทุกที ประกอบกับพบว่าข้อมูลบางอย่างท่ีปรากฏตาม
หนงั สอื ต่างๆ ร วมทัง้ ทางอินเทอร์เน็ตห รือสอื่ อ ่นื ๆม ีความคลาดเคลือ่ น
จากข้อเท็จจริง และบางเร่ืองก็เป็นความคลาดเคล่ือนที่มีนัยสำคัญ โดย
เฉพาะอยา่ งยง่ิ มกี ารโนม้ นา้ วผอู้ า่ นใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ไปในทางอภนิ หิ ารจน
มองขา้ มเจตนารมยท์ แี่ ทจ้ รงิ ในการสร้างพระ อธษิ ฐานพระของหลวงปดู่ ู่
ด ว้ ยเหตนุ ้ี ในฐ านะท ข่ี า้ พเจา้ เปน็ ผ ปู้ ระสานงานด ำเนนิ ก ารจ ดั ส รา้ ง
พระรุ่นน้ี จึงขออนุญาตให้ข้อมูล เพื่อให้ท่านผู้สนใจได้ทราบท่ีมาและ
วัตถุประสงค์ รวมทั้งรายละเอียดของการจัดสร้างพระรุ่นนี้ เพื่อความ
เข้าใจทถ่ี ูกตอ้ งต รงกนั
๒๒๒ 222
๑ .ท ่มี าแ ละว ตั ถปุ ระสงคข์ องก ารส รา้ ง
จดุ เรมิ่ ข องก ารจ ดั ส รา้ งว ตั ถมุ งคลรนุ่ น ี้ เกดิ ขน้ึ เมอ่ื ป ระมาณก ลางปี
พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยข้าพเจ้าได้รับการติดต่อจากคุณวรวิทย์ ด่านชัยวิจิตร
ให้เป็นธุระในการประสานงานการจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่เพ่ือ
เอาไว้แจกให้กับผู้ศรัทธา โดยเฉพาะอย่างย่ิงผู้ท่ีสนใจปฏิบัติกรรมฐาน
เพราะพจิ ารณาเหน็ ว า่ พ ระเครอ่ื งพ ระบ ชู าข องห ลวงป ดู่ ู่ ม แี นวโนม้ จ ะเปน็
ทต่ี อ้ งการแ ละห ายากม ากข น้ึ เรอ่ื ยๆ ป ระกอบก บั อ งคห์ ลวงป ดู่ ทู่ า่ นก ม็ อี ายุ
มากแลว้ กลา่ วคือ อายุข องทา่ นนน้ั ยา่ งเข้าปที ี่ ๘๖ แล้ว
ทั้งนี้ คุณวรวิทย์และคณะได้นำเรื่องน้ีไปกราบเรียนขออนุญาต
จากหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เมตตาอนุญาตท้ังที่ท่านได้งดอธิษฐานจิต
วตั ถมุ งคลม าเปน็ ร ะยะเวลาก วา่ ๑ ป แี ลว้ ด ว้ ยเหตผุ ลส ว่ นต วั บ างป ระการ
อย่างไรก็ดี สำหรับวัตถุมงคลรุ่นน้ี หลวงปู่ท่านกำหนดวันประกอบพิธี
อธิษฐานจิตในวันท่ีท่านเรียกว่า “วันธงชัย” ซ่ึงตรงกับวันอังคารที่ ๒๙
สงิ หาคมพ .ศ .๒ ๕๓๒เวลา๒ ท มุ่ ส ว่ นก ำหนดเวลา๒ ท มุ่ น นั้ ส นั นษิ ฐาน
ว่าน่าจะเป็นเพราะท่านไม่ต้องการให้ไปรบกวนเวลาที่ญาติโยมมาทำบุญ
หรือสนทนาธรรมกับท่านในช่วงระหว่างวัน รวมท้ังอาจไม่ต้องการให้ดู
เอิกเกริก
๒ .การออกแบบเหรียญ
เดิมทีคุณวรวิทย์และคณะต้องการจะจัดสร้างเหรียญรูปเหมือน
223 ๒๒๓
ของหลวงปู่ดู่ แต่ท ่านกลับแนะนำว า่ ควรส ร้างรูปเคารพค รูบาอาจารยค์ อื
หลวงปู่ทวดดีกว่า นอกจากน้ี ท่านยังเน้นด้วยว่า ต้องมีข้อความ
“หลวงพอ่ ทวดเหยยี บน ำ้ ท ะเลจ ดื ”ป ระกอบรปู เหมอื นองคห์ ลวงปทู่ วด
ดว้ ยนค้ี ือกรอบการออกแบบเหรียญในเบื้องต ้นท ขี่ า้ พเจา้ ไดร้ บั
ข้าพเจ้าเองแม้จะเคยมีประสบการณ์ในการจัดทำหนังสือธรรมะ
ของหลวงปู่ แต่ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างพระใดๆ มาก่อนเลย
แต่ด้วยความเกรงใจในคุณวรวิทย์ จึงตกปากรับคำในการติดต่อหาช่าง
แกะพระ รวมท้งั การประสานงานดำเนนิ การจัดสรา้ งเหรียญให้แลว้ เสรจ็
เพราะขา้ พเจา้ อยทู่ างกรงุ เทพฯ จงึ นา่ จะคลอ่ งตวั กวา่ คณุ วรวทิ ยซ์ ง่ึ อยทู่ าง
อยธุ ยา
ในเร่ืองช่างแกะพระน้ัน มีผู้แนะนำข้าพเจ้าให้รู้จักกับช่างอ๊อด
หรือคุณประหยัด ลออพันธ์สกุล ซึ่งเม่ือข้าพเจ้าเห็นผลงานในอดีตของ
ช่างผู้น้ีแล้วก็รู้สึกพึงพอใจ จึงตกลงให้ดำเนินการแม้ว่าจะมีราคาท่ีค่อน
ขา้ งสงู เมอ่ื เทยี บกบั ชา่ งรายอน่ื ๆ ดว้ ยคดิ วา่ โอกาสสรา้ งพระถวายหลวงปดู่ ู่
นน้ั ไมไ่ ดม้ งี า่ ยๆ จงึ อยากใหเ้ หรยี ญออกมาสวยงามและแลดเู หมอื นมชี วี ติ
สำหรบั รปู ตน้ แบบหลวงปทู่ วดน น้ั ข า้ พเจา้ ไดอ้ าศยั เคา้ โครงจากรปู
หนุ่ ข ผ้ี ง้ึ ห ลวงป ทู่ วดท พ่ี พิ ธิ ภณั ฑห์ นุ่ ขผ้ี ง้ึ ไทยเพราะใหร้ ายล ะเอยี ดท ช่ี ดั เจน
สะดวกส ำหรบั ช า่ งแ กะพ ระ แ ละจากรปู แ บบห นา้ ตาห ลวงปทู่ วดท ล่ี งตวั แลว้
ขา้ พเจา้ แ ละค ณะจ งึ ไดค้ อ่ ยๆ เรม่ิ ออกแบบเพม่ิ เตมิ รายละเอยี ดท ง้ั ด า้ นห นา้
และดา้ นห ลงั ด งั น้ี
๒๒๔ 224
• ฐานบัว บ่งบอกเอกลักษณ์ขององค์หลวงปู่ทวด ในความเป็น
พระโพธสิ ตั ว์ท่ีบารมีเตม็ แล้ว
• ลูกแก้วบนฝ่ามือหลวงปู่ทวด สร้างตามอย่างความนิยมของวัด
พะโคะจังหวดั ส งขลาและส่ือถงึ ลกู แก้วสารพดั นกึ
•อ ักขระ“ พ ทุ ธะส งั ม ”ิ ท่ีด้านห น้าหมายถงึ ห วั ใจพ ระไตร-
สรณาคมณ์ คอื “พ ทุ ธงั สรณงั คจั ฉาม,ิ ธมั มงั สรณงัค จั ฉาม ,ิ แ ละสงั ฆงั
สรณงัค จั ฉาม ”ิ ซง่ึ เปน็ คำทห่ี ลวงปใู่ หใ้ ชเ้ ปน็ คำบรกิ รรมภ าวนาอกี ทง้ั ยงั
เป็นคำทีใ่ ช้อธษิ ฐานบวชจติ อกี ด้วย
•อกั ขระ“นะโมพุทธายะ” ท ่ีดา้ นห ลังหมายถึงพระนามย่อ
ของพระพทุ ธเจา้ ๕ พ ระองค์ในภทั รกปั นี้
• เสน้ ร ศั มโี ดยร อบอ กั ขระ“ น ะโมพ ทุ ธ าย ะ” ห มายถ งึ อานภุ าพ
แหง่ ค ณุ พ ระพทุ ธพ ระธ รรมพ ระส งฆ์ ท มี่ มี ากอ ยา่ งจ ะน บั จ ะป ระมาณม ไิ ด้
ซ่ึงแผ่ออกไปได้ทกุ ท ิศท ุกทาง
• สัญลักษณ์“นะปิดล้อม”ท่ีอยู่ก่ึงกลางอักขระ“นะ โม พุท
ธา ยะ” เป็นสัญลักษณ์ท่ีหลวงปู่ดู่ใช้จารในวัตถุมงคลของท่านเสมอๆ
อีกประการหน่ึง ข้าพเจ้าเคยได้ยินท่านผู้รู้กล่าวว่า “นะ”มีความหมาย
ตั้งแตห่ ยาบสดุ ไปหาละเอยี ดสดุ นะเบอ้ื งต่ำหมายถงึ ธาตดุ ิน นะเบื้องสูง
หมายถงึ พระธาตุ กล่าวคือ หากเราพฒั นาจติ ของเราให้บรสิ ุทธ์ถึงทีส่ ุด
แล้ว ความบริสุทธิ์ของจิตนั้นก็สามารถท่ีจะกลั่นกระดูก ซ่ึงเป็นธาตุดิน
ของเราใหก้ ลายเปน็ พระธาตไุ ด้ นะเบอ้ื งสงู ก็คือ “พระนิพพาน” นน่ั เอง
225 ๒๒๕
•ดา้ นซ า้ ยข องช อื่ พ ระพ รหมป ญั โญจ ะม พี ยญั ชนะท ด่ี คู ลา้ ยท งั้ “ ๑ ”
และ“ด ”ในข ณะทส่ี ญั ลักษณ์คล้ายกากบาท ท างด้านข วาของช่ือทา่ น
ลว้ นเปน็ สัญลกั ษณ์เฉพาะของหลวงปู่ดู่
มีเร่ืองแปลกเก่ียวกับการแกะองค์หลวงปู่ทวดท่ีขออนุญาตบันทึก
ไว้ ณ ที่น้ี กล่าวคือในตอนแรกน้ัน ผู้เขียนตกลงกับช่างอ๊อดว่าอยากให้
หลวงปู่ทวดห่มจีวรให้เรียบร้อย กล่าวคือไม่ต้องการให้เห็นนมหลวงปู่
อย่างที่เขานิยมแกะกัน จากนั้นข้าพเจ้าก็เทียวไปเทียวมาในการปรับ
แก้แบบ โดยช่างอ๊อดใช้เวลาแกะบล็อคเหล็กต่อเนื่องกันนาน ๑๕ วัน
ก็แล้วเสร็จ จากน้ันก็เริ่มดำเนินการปั๊มจริง แต่พอปั๊มไปได้กว่าหนึ่งพัน
เหรียญ ช่างอ๊อดก็เพิ่งมาสังเกตเห็นว่าเหรียญที่ป๊ัมออกมามีนมปรากฏ
ทง้ั ๆ ที่ไม่ไดแ้ กะบล็อค ข า้ พเจ้าแ ละช่างอ็อ ดช ว่ ยก นั ด ู ในท ี่สุดก พ็ บว า่ มี
เศษเหล็กปุ่มเล็กๆ ไปฝังติดอยู่ท่ีบล็อคในตำแหน่งหัวนมพอดี เมื่อเป็น
เชน่ น ี้ ข า้ พเจา้ จ งึ ใหช้ า่ งอ อ๊ ดเขย่ี เศษเหลก็ อ อกแ ลว้ ป รบั ปรงุ บ ลอ็ คด ว้ ยก าร
แกะน มข ้ึนม าให้เปน็ เรื่องเปน็ ราวดว้ ยสงสยั วา่ ห ลวงปูท่ วดอ าจต้องการ
รกั ษาเอกลักษณ์รปู แ บบข องท่านก็เป็นได้
๓.ช นดิ แ ละจำนวนก ารสรา้ ง
การจ ัดท ำเหรยี ญหลวงป ทู่ วดครงั้ น ้ี นอกจากเหรยี ญทองแดงแ ล้ว
ยังม เี หรยี ญโลหะอ่ืนๆ รวมท ัง้ พ ระเนื้อผงโปสเตอร์และล กู แก้วซง่ึ ส รปุ
ไดด้ งั น้ี
๒๒๖ 226
ชนิด จำนวน หมายเหตุ
๑.เหรยี ญเน้อื ๒๔๐ ใชท้ องคำช นดิ ๙๖%แ ต่ละเหรียญม ีน ำ้ หนกั ๙.๙
ทองคำ เหรยี ญ กรัมให้สั่งจ องเทา่ ร าคาท องคำร วมค่าก ำเหน็จท่ี
ช่างแ กะพ ระค ิดค อื เหรียญล ะ๓,๔๐๐บ าทซ่งึ
ในจ ำนวนน ี้ มี ๓เหรยี ญทคี่ ณุ ว รวทิ ย์ส่งั ท ำพเิ ศษ
แต่ละเหรียญมนี ้ำหนกั ๑ บาท
๒.เหรยี ญเนื้อ ๑,๐๓๗ ใหส้ ง่ั จองเท่าราคาท ่ีช า่ งแกะพระค ิดค อื
เงิน เหรยี ญ เหรียญล ะ๑๓๐บาท
๓.เหรียญเนือ้ ๑๐,๐๐๐ ไมน่ บั เหรยี ญท ช่ี า่ งแ กะพ ระป ม๊ั เกนิ ม าอ กี จ ำนวน๕ ๐๐
ทองแดง เหรยี ญ เหรียญ ซ ่งึ เหรียญเน้อื ท องแดงน้ี ไม่ได้เปิดใหส้ ่งั จ อง
เพราะเปน็ ส่วนทมี่ เีจตนาไว้แจกแก่ผ ปู้ ฏิบัติธ รรม
๔ .เหรยี ญเนือ้ ๑,๐๐๐ ไม่นับเหรยี ญท ี่มขี ้อความ“หลวงปทู่ วดฯ ”อ กี
ตะกั่ว เหรียญ จำนวน๔ ๐๐เหรียญเพราะเจตนาเดมิ ไม่ใหม้ ี
ข้อความ“ห ลวงป่ทู วดฯ”บ นเหรียญเนือ้ ต ะกวั่
ห มายเหตุ เนอ้ื ต ะกัว่ ท่ีใช้ได้ผ สมพลวงป ระมาณ
๗% เพื่อเพ่ิมความแกรง่ และความม ันวาว
๕.เนื้อผ ง ๕,๐๐๐ ใช้ผงม วลสารท ำจ ากว า่ น๑๐๘ซ ึ่งห ลวงป ดู่ ่อู ธิษฐาน
(รปู ท รง๔ องค์ ให้ ในจำนวนน ี้ ม ี ๓ ๖๐อ งค์ ท ่บี รรจุพ ระธ าตุแต่
เหลย่ี ม ข อบ
มนเลก็ นอ้ ย) เปน็ ท ีน่ า่ เสยี ดายท ่ีพระผ งจำนวนก ว่า๑,๐๐๐อ งค์
ชำรดุ ร ะหวา่ งก ารข นสง่ เน่อื งจากค วามร ีบเร่งขนสง่
ในขณะที่เนื้อผงยงั ไมแ่ หง้ สนทิ ด ี
227 ๒๒๗
สำหรับเหรียญเน้ือทองคำและเน้ือเงินน้ัน ศิษย์ของหลวงปู่ท่าน
หนง่ึ ไดล้ งเหลก็ จ ารบ นเหรยี ญก อ่ นท จ่ี ะน ำเขา้ พ ธิ ี น อกจากน ค้ี ณะผ จู้ ดั ส รา้ ง
ยังได้จัดทำโปสเตอร์หลวงปู่ดู่ในอิริยาบถต่างๆ บนฉากหลังรูปใบโพธิ์
ขนาด๑ ๐x ๑ ๒นิ้วอ ีกจ ำนวน๑๐,๐๐๐แ ผน่ และลกู แกว้ ใสเคลือบ
ปรอทบ างๆ อ กี จ ำนวน๕ ,๐๐๐ล กู (ไมร่ วมล กู แ กว้ ช นดิ เคลอื บป รอทส สี นั
ตา่ งๆอ กี จำนวนประมาณ๕๐ลูก)
๔.เหตกุ ารณใ์ นวันพิธี (วันองั คารท่ี๒ ๙สิงหาคมพ .ศ .๒ ๕๓๒)
เยน็ ว นั นั้นฝนตกลงมาอ ย่างหนกั ขณะท ่ขี า้ พเจ้าแ ละนอ้ งช ายของ
คณุ วร วทิ ยเ์ รง่ ข บั ร ถฝา่ พ ายฝุ นเพอื่ จ ะน ำว ตั ถมุ งคลท เ่ี หลอื (ส ว่ นม ากเปน็
พระเนือ้ ผง)ไปท ่กี ุฏขิ องห ลวงป ดู่ ใู่ หท้ นั พธิ ี แตพ่ อม าถงึ ว ัดฝ นก็หยดุ ตก
ทอ้ งฟ้าแจ่มใสม ากราวกับว า่ ไดป้ ัดเป่าส งิ่ สกปรกอ อกไปจนห มดสนิ้
เมอื่ ใกลเ้ วลา๒ท มุ่ กป็ รากฏว ่าม ีผ ู้คนม าร่วมพ ิธกี นั จ นเตม็ ตลอด
พืน้ ทีห่ นา้ ก ุฏหิ ลวงป ู่ ห ลายค นไดน้ ำวัตถมุ งคลส่วนตวั ม าร ่วมพ ิธีด ้วยเปน็
จำนวนมาก คุณวรวิทย์ได้เปิดกล่องพร้อมนำตัวอย่างวัตถุมงคลที่จัดทำ
แตล่ ะชนดิ ออกใหห้ ลวงป ไู่ ดช้ มทง้ั เนอ้ื ท องคำเงนิ ท องแดงต ะกว่ั พระผง
โปสเตอร์แ ละล ูกแก้ว
พอถ งึ เวลา๒ ท มุ่ ห ลวงป เู่ รม่ิ อ ธษิ ฐานจ ติ อ ญั เชญิ บ ารมพี ระพทุ ธเจา้
ทงั้ แ สนโกฏจิ กั รวาลร วมท ง้ั บ ารมคี รบู าอ าจารยแ์ ละส ง่ิ ศ กั ดสิ์ ทิ ธทิ์ งั้ ห ลาย
มาประดิษฐานที่วัตถุมงคล และหลวงปู่ได้ต้ังจิตอธิษฐานให้สว่างไปทั้ง
๒๒๘ 228
สามโลกคอื พรหมโลกเทวโลกแ ละม นุษยโลกสักคร่หู นึง่ หลวงป ลู่ มื ตา
ข้นึ ย กมือข้างขวาข ้นึ ลบู พ ระที่อยเู่ บ้อื งห น้า จากน้ันท ่านก็บ อกกล่าวข อ
ให้หลวงปู่ทวดและเทวดาปกปักรักษาวัตถุมงคลน้ีตลอดไป ให้ปิดก้ันภัย
อันตรายท ุกอย่าง
พอเสร็จพ ิธีท่านให้ผ้ทู มี่ ารว่ มงานต ัง้ จิตอทุ ศิ บุญไปท่วั โดยร อบส ุด
ขอบจกั รวาลอนนั ตจักรวาลห ลังจากก ราบลาหลวงปู่แล้วค ุณวรวิท ย์ก ็
แจกจ่ายว ตั ถุมงคลให้กับตวั แทนหมู่ค ณะหลายคน ส ำหรบั ม อบตอ่ ให้ก บั
ผู้ท ี่เหมาะสมในโอกาสต อ่ ไป
๕.ท ำไมจ ึงช ื่อว า่ ร ุน่ เปดิ โลก ?
เชา้ ว นั รงุ่ ข น้ึ ไดม้ ลี กู ศ ษิ ยห์ ลวงป ทู่ เ่ี ปน็ น กั ป ฏบิ ตั บิ างค นซ งึ่ ไมไ่ ดม้ า
ร่วมงานไดก้ ราบเรียนหลวงป ู่วา่ เมื่อคืนไม่รู้ที่วดั สะแกม ีอ ะไรก ำหนดจติ
ดเู ห็นห ลวงป่ทู วดล อยอ ย่เู ตม็ ท้องฟา้ ว ัดสะแก
หลวงป เู่ ลา่ ใหศ้ ษิ ยผ์ นู้ นั้ รวมท งั้ ล กู ศ ษิ ยค์ นอ น่ื ๆ ฟ งั เกยี่ วก บั เรอื่ งท มี่ ี
คณะศ ิษยม์ าข อใหท้ า่ นอ ธษิ ฐานจ ิตเหรียญหลวงป ู่ทวดเม่ือคืนแล้วท ่านก ็
พูดเปรยๆข ้ึนว่า“เม่อื ค ืน ข ้าเสกให้แบบเปดิ ส ามโลกเลยน ะ” นีเ่ องนา่
จะเปน็ ท มี่ าข องก ารพ ดู ป ากต อ่ ป ากก ระทง่ั ก ลายม าเปน็ ช อ่ื ร นุ่ ว า่ “ รนุ่ เปดิ
สามโลก” หรือเรียกส ัน้ ๆวา่ “ รุน่ เปิดโลก”
229 ๒๒๙
๖.ว ตั ถุมงคลร ุ่นเปิดโลกม ีความศ ักดส์ิ ทิ ธิก์ ว่าพ ระรนุ่ อ่นื จ ริงหรอื ?
แม้ว่าวัตถุมงคลรุ่น “เปิดโลก” นี้ จะได้รับการอธิษฐานจิตคร้ัง
ใหญ่ครั้งสุดท้ายของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก กล่าวคือท่านได้
เมตตาอธิษฐานจิตก่อนท่ีท่านจะมรณภาพประมาณ ๔ เดือนเศษ และ
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยท่ีช่ืนชอบและศรัทธาถึงขนาดพูดว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้
ดที สี่ ดุ ศ กั ดส์ิ ทิ ธทิ์ ส่ี ดุ แ ตใ่ นท ศั นะข องผ สู้ รา้ งรวมถ งึ ศ ษิ ยก์ รรมฐ านห ลายๆ
ทา่ นม ิไดค้ ดิ เช่นนนั้ เลยเพราะเหตุทห่ี ลวงปเู่ คยพ ูดใหพ้ วกเราฟ ังว า่ เวลา
ทที่ ่านต ัง้ จ ิตอธิษฐานพ ระน ้นั น อกจากท่านจะสง่ กระแสจ ิตอัญเชญิ พทุ ธ-
คุณธรรมคุณส งั ฆค ณุ บรรจเุ ข้าในว ตั ถมุ งคลด งั ก ลา่ วแ ลว้ ท า่ นยังเผ่อื แ ผ่
ไปถ ึงวัตถุมงคลร ุน่ ก่อนหนา้ ทง้ั หมดของท ่านไมว่ ่าว ตั ถมุ งคลน ้ันจะอ ยู่ณ
ที่ใดก็ตาม
ดังนั้นเมอ่ื ท ราบความตามน แ้ี ล้วกข็ อใหผ้ ้มู วี ตั ถุมงคลข องหลวงปู่
รนุ่ ใดๆก ต็ ามขอไดโ้ปรดอ ยา่ ห ว่นั ไหวไปต ามคา่ น ิยมท ่ีตลาดเขาแ ตง่ แต้ม
ให้เลย และเหนืออ่ืนใด ขอท่านโปรดอย่าลืมระลึกถึงพระที่หลวงปู่ให้
ความสำคัญส ูงสดุ ทหี่ ลวงป เู่ รียกว ่า“ พ ระเก่าพ ระแ ท้” น ัน่ ก ็ค อื จ ติ ท่ี
ฝกึ ฝนอ บรมด แี ลว้ น น่ั เองเพราะพ ระองคน์ เ้ี ทา่ นน้ั ท จ่ี ะเปน็ ท พี่ ง่ึ ท เ่ี ทย่ี งแ ท้
แน่นอนข องเราท ุกคน
พระภายนอกท่ีหลวงปู่สร้างขึ้น ก็ล้วนต้องการใช้เป็นเครื่องมือที่
จะโยงเขา้ หาการสรา้ งพระภ ายในให้เกดิ ให้มขี น้ึ หากปราศจากก ารส ร้าง
พระภ ายในแ ลว้ ไซร้ ก ารม พี ระภ ายนอกแ มม้ ากเทา่ ใดก ย็ งั ไมไ่ ดช้ อ่ื ว า่ เปน็
๒๓๐ 230
ผปู้ ลอดภยั อ ยา่ งแ ทจ้ รงิ อ กี ท งั้ ย งั ไมน่ บั ว า่ รจู้ กั อ งคแ์ ทข้ องห ลวงป ู่ ด งั ท ท่ี า่ น
กลา่ วเชงิ ท้าทายน ักป ฏบิ ตั ิว ่า
“ต ราบใดก็ตามท่ีแกยังไมเ่ หน็ ความด ใีนต วั ก ็ยงั ไมน่ ับวา่ แ กรจู้ ักข้า
แต่ถ้าเมอ่ื ใดแ กเรม่ิ เหน็ ความดใีนต ัวเองแลว้
เม่อื น นั้ ...ข า้ จงึ ว า่ แกเริ่มร้จู ักข า้ ด ขี ้ึนแ ลว้ ”
“ พ อ”
231 ๒๓๑
๑ ๐๙
ปฏิบัติแบบโง่ๆ
นับเปน็ เวลาทีค่ อ่ นข้างยาวนานทีเดียวกว่าท่คี ำพ ดู ท ห่ี ลวงป่ดู ู่เคย
พูดสอนว่าในเวลาปฏิบัติสมาธิภาวนา ให้ปฏิบัติแบบโง่ๆ นั้น จะค่อยๆ
กระจา่ งช ัดขน้ึ เรอ่ื ยๆ
การอา่ นมากร มู้ ากบางครั้งก ็เป็นดาบสองคมเพราะในดา้ นหนง่ึ
การรู้มาก อาจช่วยให้สามารถมองเห็นเส้นทางเดินรวมทั้งเห็นส่ิงท่ีต้อง
ระมดั ระวงั ล ว่ งห น้าฯ ลฯ
แ ตอ่ กี ด า้ นห นง่ึ ก ารรมู้ ากก จ็ ะม าเปน็ ต วั อ ปุ สรรคเสยี เองเชน่ เผลอ
คิดว่าความรู้ (ร จู้ ำ)นั้นเป็นปัญญา(ร จู้ รงิ )เกดิ เป็นทิฏฐิมานะป ิดกั้นก าร
ด ดู ซ บั ค วามร จู้ ากภ ายนอกน อกจากน้ี ยงั อาจเปน็ อปุ สรรคในข ณะป ฏบิ ตั ิ
จิตภาวนาน้ัน เพราะการรู้มากนี้ก็กลายเป็นสิ่งรุงรังในจิตใจ ใช้ความคิด
ผดิ ก าลเทศะจ นก ลายเปน็ น วิ รณข์ ดั ขวางไมใ่ หจ้ ติ รวมเปน็ สมาธิ ค ดิ ไปลว่ ง
หนา้ ต ามประสาค นรูม้ ากบ ้างคอยใสช่ ่ือเรยี กใหก้ ับส ภาวะต า่ งๆท่กี ำลัง
ประสบบา้ งค อยส งสัยนน่ั น บี่ า้ ง
การร ับร ู้หรือสัมผัสจ งึ ไมเ่ ป็นไปอ ย่างตรงไปต รงมาแล้วเจา้ ตัวก ย็ ัง
สำคัญตัวว่ากำลังคิดพิจารณาหรือมองดูสภาวะต่างๆ ตามความเป็นจริง
๒๓๒ 232
ทั้งๆ ทีข่ องจรงิ “น ิง่ เปน็ ใบ”้ พ อจ ติ เขา้ ไปป รุงแ ต่งจ นรุงรงั ไปห มดแ ลว้ จ งึ
ยากที่จะถอยออกมาให้เห็นไปตามสภาวะที่มันเป็นอย่างธรรมชาติ หาก
แตเ่ป็นไปอย่างท ่จี ิตเราอยากใหม้ นั เป็น
จึงมาตระหนักว่า “การปฏิบัติแบบโง่ๆ” ที่หลวงปู่ท่านสอนน้ี
ส ำคญั ม ากแ ละจ ะต อ้ งว างค วามร ตู้ า่ งๆไวข้ า้ งน อกเสยี ก ระทงั่ เพกิ สญั ญา
ความม่ันหมายว่าเราว่าเขา ว่านั่นว่านี่ออกเสีย แล้วรู้ส่ิงท่ีมากระทบใจ
ไปตามสภาวะท่ีมนั เปน็
น่ีแหละห นาห ลวงปดู่ ู่ถ งึ วา่
“สอนค นร ูม้ ากน ้ันส อนยากส ูส้ อนเด็กๆห รือคนร ู้น้อยไมไ่ ด”้
“พ อ”
233 ๒๓๓
๑ ๑๐
พ ุทธค ุณกบั การเชค็ พ ระ!
คงไมม่ ใี ครป ฏเิ สธว า่ พ ระพทุ ธช นิ ราชท จ่ี งั หวดั พ ษิ ณโุ ลกน น้ั ม คี วาม
งามย ง่ิ เปน็ อ งคพ์ ระท ไี่ ดร้ บั ก ารย กยอ่ งว า่ เปน็ พ ระพทุ ธรปู ท มี่ คี วามงดงาม
ทส่ี ดุ ในป ระเทศไทยข า้ พเจา้ เองก ร็ สู้ กึ เชน่ น น้ั ครง้ั ห นง่ึ ในช ว่ งเทศกาลป ใี หม่
ขา้ พเจา้ ไดห้ าซ อ้ื ส .ค .ส .อ ยใู่ นรา้ นแ ละไดแ้ ลเหน็ โปสการด์ ภ าพพ ระพทุ ธ-
ชินราชจึงได้หยิบมาดู ขณะท่ีเพ่งมองภาพอยู่น้ัน ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมี
พลงั งานบ างอ ยา่ งว ่งิ ออกจ ากภ าพเขา้ สู่ตวั ข้าพเจา้ จ นเกดิ ป ีตขิ นลุกน ้ำตา
ไหลเปน็ ค วามร สู้ ึกที่ชดั เจนท ้งั ส องม ือที่จ บั ภ าพอยู่
เหตกุ ารณเ์ ชน่ น ไ้ี มเ่ คยเกดิ ข น้ึ ม าก อ่ นเลยในช วี ติ ท ำใหข้ า้ พเจา้ เกดิ
ความส งสยั แ ละส นใจใครร่ ขู้ นึ้ ม าท นั ที ข า้ พเจา้ พ ยายามท บทวนเหตกุ ารณ์
ทเ่ี กดิ ข นึ้ พ บว า่ เหมอื นก บั เมอื่ ค รงั้ ท ห่ี ลวงปดู่ เู่ คยม อบพ ระบ ชู าใหข้ า้ พเจา้
เปน็ เหตกุ ารณข์ ณะท ท่ี า่ นย น่ื ส องม อื จ บั ท อ่ี งคพ์ ระพทุ ธรปู แ ละส วดม นตใ์ หพ้ ร
ขา้ พเจ้าเองก ห็ ลับตาแ ละย่นื สองมือแตะทอ่ี งคพ์ ระเชน่ กนั ในร ะหวา่ งน นั้
รู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างว่ิงออกจากท่านผ่านองค์พระพุทธรูปเข้าสู่ตัว
ข้าพเจา้ และรู้สกึ ส ว่างไสวไปหมดทง้ั ๆ ท่ียงั หลบั ตาอยู่
เมอ่ื ท า่ นใหพ้ รเสรจ็ ท า่ นม องข า้ พเจา้ แ ลว้ ว า่ แ ก“เปน็ ” ด ี ข า้ พเจา้
เรยี นถามท า่ นว่าหลวงปู่ท ราบไดอ้ ยา่ งไร
๒๓๔ 234
ท่านต อบว า่ “ มปี ีตอิ อกจากข้าไหลไปทีแ่ กแลว้ กล บั ม าห าข ้า”
หลวงปู่ได้สอนข้าพเจ้าให้หัดจับพระ ซึ่งในหมู่ศิษย์เรียกกันเองว่า
“เช็คพระ” วิธีการคือใช้มือขวาหรือท้ังสองมือแตะที่ภาพพระ หรือกำ
หากเปน็ พ ระเครอ่ื งห รอื จ บั ท อี่ งคพ์ ระห ากเปน็ พ ระพทุ ธรปู จากน นั้ ท ำจ ติ
ให้นิง่ และจ ะรู้สกึ ส ัมผัสไดถ้ งึ พุทธค ุณท่ีครูบาอาจารย์ท ่านได้อธิษฐานไว้
ห ลวงปเู่ คยเลา่ เรอ่ื งก ารป ลกุ เสกพ ระใหฟ้ งั ว า่ เรอ่ื งค งกระพนั ช าตรี
นน้ั ท ำงา่ ยแ คข่ นลกุ ก เ็ หนยี วแ ลว้ แ คลว้ คลาดย งั ด กี วา่ เพราะไมเ่ จบ็ ต วั แ ต่
ท่ีดีท่ีสุดคือเมตตา เพราะแคล้วคลาดยังมีศัตรูแต่รอดพ้นได้ ส่วนเมตตา
น้นั ม ีแตค่ นรัก ไม่มีศ ัตรูการเสกพระใหม้ พี ทุ ธค ณุ ทางเมตตาจึงทำไดย้ าก
ท่ีสดุ
มีเรื่องปรากฏในพระธรรมบทว่า ในกรุงราชคฤห์ เด็กคนหนึ่งไป
เกบ็ ฟ นื ก บั บ ดิ าโคท เ่ี ทยี มเกวยี นไดห้ นเี ขา้ ไปในเมอื ง บ ดิ าจ งึ ต ามโคเขา้ ไป
แต่เวลาจะออกจากเมืองนั้น ประตูปิดเสียแล้วจึงต้องทิ้งบุตรน้อยคน
เดียวไว้นอกเมืองนั้นเอง ถึงเวลากลางคืนขณะท่ีเด็กนอนหลับ ได้มีพวก
อมนุษย์เข้ามาทำร้ายโดยพากันลากเท้าของเด็กนั้นไปมา เม่ือเด็กตกใจ
ตื่นขึ้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วร้องออกมาว่า นะโมพุทธัสสะ (ข้าขอ
นมัสการพระพุทธเจ้า) พวกอมนุษย์ก็ถอยกลับทันที ไม่กล้าทำร้ายเด็ก
นนั้ อ กี ค วามท ราบถ งึ พ ระเจา้ ก รงุ ร าชคฤหจ์ งึ เสดจ็ ไปเฝา้ ท ลู เรอ่ื งร าวน ตี้ อ่
พระพทุ ธเจา้
พระพทุ ธอ งคท์ รงร บั สั่งว า่ ก ารระลึกถึงพ ระองค์นั้นย ังไมพ่ อต้อง
235 ๒๓๕
ระลึกถ ึงพ ระธรรมพ ระส งฆ์ตง้ั สตมิ น่ั ไมเ่ บยี ดเบยี นใครและมจี ติ เมตตา
ด้วยพระพทุ ธพ จน์ข้อน้ีเองท ถ่ี ือเป็นห ลกั ต่อมาว ่าส ง่ิ ท ่ปี อ้ งกนั อนั ตรายที่
ดีทีส่ ุดนัน้ คอื เมตตาน ัน่ เอง
ข้าพเจ้ารู้สึกว่า การสอนของหลวงปู่โดยการให้เช็คพระเช่นน้ี
เปน็ อ บุ ายว ธิ กี ารฝ กึ ใหศ้ ษิ ยไ์ ดเ้ กดิ พ ทุ ธา นสุ ติ เพราะท กุ ค รงั้ ท จ่ี บั อ งคพ์ ระ
จิตจะมีอารมณ์น้อมไปสู่ความเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพุทธเจ้าเสมอ
ทำให้เราระลกึ และทำแ ตส่ ิ่งท ่ีดี
มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ท่ีจับองค์พระและสามารถสัมผัสถึงพุทธคุณ
ไดเ้ ลา่ ว า่ พระบ ชู าท ผี่ า่ นก ารป ลกุ เสกม าแ ลว้ น นั้ ห ากเดน่ ในเรอื่ งค งกระพนั
ชาตรีเมอ่ื จ ับดูก็จ ะม อี าการปีติข นลกุ ขนพองสยองเกลา้ แ ต่หากเด่นท าง
เมตตา เม่ือจับดูก็จะมีปีติน้ำตาไหลและบังเกิดความสงบเยือกเย็นถึงจิต
ถงึ ใจ
ทำไมหลวงปู่จึงสอนเรื่องเช็คพระ ข้าพเจ้ามาใคร่ครวญดูแล้วพบ
ว่านอกจากเพื่อให้เกิดพุทธานุสติแล้ว หลวงปู่ต้องการให้ศิษย์แต่ละคน
สามารถเปน็ ป ระจกั ษพ์ ยานแ กต่ นเองได้ ใหเ้ ปน็ ป จั จตั ต งั ไดร้ เู้ องเหน็ เอง
เปน็ พ ยานใหต้ นเองได้ จ ะไดเ้ กดิ ค วามม น่ั ใจในก ารป ฏบิ ตั ธิ รรมย งิ่ ข น้ึ น นั่ เอง
มิใช่ให้ไปอวดเด่นอวดดี หรืออวดคุณวิเศษในตัว หรือเที่ยวไปเช็คพระ
ใหผ้ ู้อ นื่ ซ ่งึ จ รงิ ๆแ ล้วห ากผ ู้อ่ืนย ังทำไม่เปน็ ถ ึงเขาจะบ อกว า่ เชือ่ อยา่ งไร
โดยส่วนลึกเขาก็ยังมีความลังเลสงสัยอยู่นั่นเอง เพราะไม่รู้ไม่เห็นด้วย
ตนเอง
๒๓๖ 236
ปจั จบุ นั ม ผี อู้ า้ งต นเปน็ ศ ษิ ยห์ ลวงปดู่ แู่ ละแ สดงค วามส ามารถในการ
เชค็ พระไมว่ า่ จะเปน็ พระเครอ่ื งพ ระบ ชู าห รอื รปู เหมอื นพ ระสงฆอ์ งคเ์ จา้
ว่าท า่ นเหล่านนั้ ม ีคณุ ธรรมในระดบั น ั้นระดับน้ีโดยห วงั อาม ิสแ ละล าภผล
ไม่วา่ จ ะโดยท างตรงห รือท างออ้ ม
การห ลงเชือ่ ดงั กลา่ วอาจนำท ่านไปส ู่ค วามเสยี หาย ต ง้ั แต่ก ารเสีย
ทรพั ย์ หรือหลงออกน อกลู่นอกท างท ี่พระพทุ ธเจ้า ร วมท้ังท่หี ลวงปดู่ ู่พา
ดำเนิน กระทั่งการทำบาปกรรมจากการไปปรามาสครูอาจารย์ท่ีท่านมี
คณุ ธ รรมโดยไมเ่ จตนาเพราะส งิ่ ท หี่ ลวงปดู่ พู่ รำ่ ส อนน นั้ จ ะต อ้ งเปน็ ไปเพอื่
การล ดละความโลภความโกรธค วามหลงท ิฏฐิมานะความถือตวั ถอื ตน
จงึ เป็นข ้อพึงพจิ ารณาร ะมดั ระวงั ไม่ให้ผิดท าง
237 ๒๓๗
๑ ๑๑
ธรรมทำใหค้ รบ
แต่ก่อนเคยแต่ได้ยินว่าธรรมะทุกข้อล้วนพาคนไปให้ถึงนิพพาน
ได้ ซง่ึ ฟ ังแ ลว้ ก ็นกึ คล้อยต าม แต่ก อ็ ดจ ะเกบ็ ความล ังเลส งสัยในบางส ว่ น
ไว้ไม่ได้กระทง่ั หลวงปู่ดูพ่ ดู ถึง“เมตตาพ าตกเหว”ประกอบกบั ค ำสอน
ของทา่ นเจา้ ค ณุ อ าจารย์ พ ระพ รหมคณุ าภรณ์ (ป .อ .ปย ตุ โต)ขยายค วาม
ในเร่อื งทำนองเดียวกันน้ี จึงค่อยเกิดความกระจ่างและตระหนักมากข้นึ
ว่าการปฏบิ ตั ธิ รรมน ต้ี อ้ งม ปี ญั ญาก ำกับในท ุกๆเรือ่ งท เี ดียว
ดงั ท หี่ ลวงปยู่ กม าก ลา่ วเตอื นข า้ งต น้ ซง่ึ “เมตตา” กเ็ ปน็ ธรรมข อ้ ห นงึ่
ในห มวดพ รหมว หิ าร๔ ซ งึ่ ป ระกอบด ว้ ยเมตตาก รณุ าม ทุ ติ าแ ละอ เุ บกขา
ซงึ่ ช ว่ ยใหม้ นษุ ยอ์ ยรู่ ว่ มก นั อ ยา่ งผ าสกุ เพราะท า่ นส อนว า่ ก ารว างทา่ ท ตี อ่
คนปกต ทิ ่ัวๆไปค ือวางจ ติ ไว้ดว้ ยเมตตาส่วนก บั คนท่ีแยก่ ว่าเราก็ตอ้ ง
กรุณา ช่วยเหลือสงเคราะห์อะไรได้ก็พร้อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ส่วน
กับคนที่ดีกว่าหรือประสบความสำเร็จในทางที่ชอบที่ควร เราก็มุทิตา
คือพลอยยินดีกับเขาไปด้วยจ ติ ใจกแ็ ช่มช น่ื เบิกบานไม่ค บั แคบ
แต่ก็มีบางกรณีท่ีควรวางอุเบกขา กล่าวคืออย่าเพ่ิงแสดงความ
เมตตา กรุณา หรือมุทิตา ออกไป โดยไม่ได้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้
รอบคอบ
๒๓๘ 238
ตวั อยา่ งเชน่ ก ารนำเงนิ ไปช ว่ ยเหลอื ผ อู้ น่ื ด ว้ ยเมตตาแ ละด ว้ ยก รณุ า
โดยข าดก ารป ระมาณฐ านะก ำลงั ห รอื ค วามพ อดี ซ งึ่ น อกจากจ ะช ว่ ยเหลอื
ผู้อื่นไม่สำเร็จแล้วก็ยังพาครอบครัวตัวเองเดือดร้อนไปด้วย น้ีเรียกว่า
เมตตาแ ละกรณุ าแต่ขาดอุเบกขา
อ กี ต วั อยา่ งห นง่ึ ค อื ก ารน กึ ย นิ ดกี บั ค วามส ำเรจ็ ข องผ อู้ น่ื โดยทค่ี วาม
สำเร็จนั้นมิได้มาโดยชอบธรรม หากแต่มาจากการเอารัดเอาเปรียบหรือ
ทุศีลอ ยา่ งน ก้ี ็ไมค่ วรน ึกย นิ ดีไปกบั เขาดว้ ยจำต้องวางอุเบกขา
อีกตัวอย่างหนึ่ง หากผู้ท่ีเป็นผู้หลักผู้ใหญ่เอาแต่ปฏิบัติธรรมะข้อ
เมตตาโดยขาดอุเบกขา สงั คมและบ ้านเมืองคงเตม็ ไปด ว้ ยร ะบบอปุ ถมั ภ์
เพราะเอาแต่ช่วยเหลือเพื่อนฝูงคนรู้จัก โดยไม่ปล่อยสิ่งต่างๆ ดำเนินไป
ตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบยี บที่วางเอาไว้
ผไู้ มร่ อบคอบเนน้ ป ฏบิ ตั ธิ รรมข อ้ ใดข อ้ ห นง่ึ แ ลว้ ล ะเลยธ รรมเครอื่ ง
ประกอบข้ออ่ืนๆ ก็อาจทำให้ไม่ได้ผลดังท่ีหมาย นั่นไม่ใช่ว่าธรรมะเป็น
เครื่องมือไม่ดี หากแตเ่ ป็นค วามบ กพรอ่ งข องผู้ใช้เครือ่ งมอื ต่างหาก
แม้ในการปฏิบัติสมาธิภาวนาก็เช่นกัน สัมมาสมาธิในมรรคมีองค์
แปดห รอื ท ยี่ น่ ยอ่ ม าเปน็ ศ ลี ส มาธิ แ ละป ญั ญาน น้ั ในค ราวท นี่ ำม าป ฏบิ ตั ิ
จริงๆ ท่านก็ให้ปฏิบัติธรรมข้ออื่นๆ เพ่ือให้เกิดความครบถ้วนเพียงพอ
ไม่ผิดพลาด กล่าวคือ จากสัมมาสมาธิซึ่งได้แก่ ความเพียรชอบ (สัมมา
วายามะ) ความระลึกชอบ (สัมมาสติ) และความตั้งใจม่ันชอบ (สัมมา
สมาธิ)น้นั ทา่ นกใ็ หเ้ พ่ิมในเรอ่ื งศ รทั ธาแ ละปัญญาเข้าไปด ว้ ยจากสมั มา