239 ๒๓๙
สมาธิ จ ึงขยายอ อกม าในภาคปฏิบตั ิเป็นพละ๕ไดแ้ ก่ศ รัทธาวิริยะส ติ
สมาธิ และป ญั ญาซึง่ สตจิ ะเปน็ อ งค์ธ รรมทส่ี ำคัญทค่ี อยตรวจด ใู ห้ศรัทธา
กับป ัญญาส มดลุ ก นั รวมท ้งั ตรวจต ราให้ว ริ ิยะแ ละสมาธิมคี วามสมดลุ เช่น
เดียวกนั
ผู้ที่เอาแต่ใช้ปัญญาครุ่นคิด หากขาดศรัทธา ก็ไปไม่รอดเพราะ
หนทางด จู ะแ หง้ แ ลง้ แ ละช วนใหอ้ อ่ นล า้ ต รงก นั ข า้ มผ ทู้ เ่ี อาแตศ่ รทั ธาน ำ
โดยข าดการพ ิจารณาไตร่ตรองทางปญั ญาก็อาจต กไปสู่ความงมงายหรอื
ไปผดิ ท ิศผิดท างโดยไม่รตู้ วั
ส่วนผู้ที่มีความเพียรในการปฏิบัติ หรือเพียรในการหยิบยกธรรม
ขึ้นพิจารณาโดยขาดปีติ ขาดความสงบ หรือก็คือขาดสมาธิจะพิจารณา
อะไรก็ไมช่ ัดเจนอกี ท ้ังออ่ นล ้าเหมอื นผู้ไมไ่ ด้อาหารไมไ่ ด้พกั ผ่อนท ี่เพยี ง
พอแตถ่ า้ สมาธมิ ากเกนิ โดยไม่มวี ิรยิ ะมาช ่วยให้เกิดก ารทำงานและก าร
เฝ้าระวังของจิต ก็มีแนวโน้มจะเป็นจิตที่ดำดิ่งหรือตกภวังค์ไม่รู้เน้ือรู้ตัว
ไดเ้ ช่นเดียวกัน
ดังน ั้นก ล่าวโดยส รปุ ก็คอื หลวงปู่ท า่ นส อนให้ปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งมี
ปัญญา โดยนำเครื่องมือท่ีพระพุทธเจ้าประทานมาให้นั้นมาใช้อย่างครบ
ถว้ นค รบห มวดค รบห มู่ จ งึ จ ะส ามารถไดร้ บั ผ ลส ำเรจ็ จ ากก ารป ฏบิ ตั ธิ รรม
ตามท ท่ี า่ นมงุ่ หวัง
“ พ อ”
๒๔๐ 240 ๑ ๑๒
ช า้ งมาไหว้หลวงป ู่
มีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในราวปลาย
ปีพ .ศ.๒ ๕๓๒กอ่ นทหี่ ลวงปู่จะละสงั ขารเพียงไม่ถึงเดอื นกลา่ วคือชา้ ง
ใหญ่เชอื กหน่ึงทีเ่ ดินท างมาจากจ งั หวดั ส ุรนิ ทร์ เพ่อื มารว่ มพธิ ีคลอ้ งช้างท ี่
เพนยี ดค ลอ้ งช า้ งจ งั หวดั พ ระนครศรอี ยธุ ยาข ณะเดนิ ท างม าต ามถ นนส าย
เอเชยี ถ งึ บ รเิ วณใกลท้ างเขา้ ว ดั ส ะแกช า้ งก แ็ สดงอ าการไมอ่ ยนู่ งิ่ จ นท ำให้
คนข บั ร ถต อ้ งห ยดุ จ อดพ อร ถจ อดน ง่ิ ช า้ งเชอื กน นั้ ก เ็ ดนิ ล งจ ากร ถแ ลว้ ล ง
ลุยน้ำมาตามคลองข้าวเม่า มุ่งหน้ามาทางวัดสะแก ควาญช้างพยายาม
ควบคุมช้างด้วยการเอาขอเหล็กสับบนศีรษะช้าง กระท่ังเลือดไหลออก
มาท างด ้านหนา้ ถ ึงกระนั้นช ้างก ย็ งั ไม่ยอมห ยดุ สุดทา้ ยช ้างไดม้ าข้นึ ท ฝี่ ่ัง
ตรงข า้ มว ดั ส ะแกแ ลว้ ย กงวงข น้ึ ล งเหมอื นจ ะแ สดงอ าการเคารพม าท างฝ งั่
วัดสะแกมีผนู้ ำควาญช ้างมากร าบหลวงปู่ดู่ แต่ควาญช้างน ้นั ยงั มีอาการ
ตกใจถึงขนาดว่าร้องไห้ออกมาเพราะไม่เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้
เขาพูดด้วยโทสะว่าถ้าควบคุมช้างไม่ได้ เขาก็จะไปเอาปืนที่สุรินทร์มายิง
มนั แ ลว้ คอ่ ยเอาศพมนั ก ลบั ไป
หลวงปู่ให้กำลังใจแก่ควาญช้างว่า ไม่เป็นไรหรอก เอาน้ำมนต์ไป
รด เอาข้าวไปให้มันกิน มันก็จะค่อยๆ ดีข้ึนเอง แล้วสิ่งท่ีไม่คาดคิดก็ได้
241 ๒๔๑
เกิดขึ้น ช้างน ้นั เมือ่ ได้รับนำ้ มนตข์ องห ลวงป กู่ ม็ ีอ าการส งบล งจ รงิ ๆ และ
ที่แปลกกว่าน้ันคือช้างไม่มีอาการสนใจกล้วย อ้อย ที่มีคนเอามาให้ แต่
กลบั เอางวงดูดขา้ วในก าละมังทห่ี ลวงปู่ให้ลูกศ ิษย์จัดเตรยี มให้ มนั ด ูดแค่
๒-๓ทกี ห็ มดกาละมงั ช้างอยู่ท น่ี ัน่ ก ระท่ังงานท เ่ีพนียดค ลอ้ งช้างส น้ิ สุด
และเหมอื นว า่ ม นั จ ะรู้ ม นั ไดเ้ ดนิ ไปรวมก บั ห มชู่ า้ งท จ่ี ะก ลบั จ งั หวดั ส รุ นิ ทร์
โดยควาญช้างไมต่ ้องเอาขอสับบ งั คบั แต่อย่างใด
มีลูกศิษย์ท่ีอยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ท่านว่า “ช้างมัน
เห็นแสงสว่าง มันรู้ มันจะมาไหว้พระ” บางคนก็ได้ยินหลวงปู่บอกว่า
“พ วกแ กส ชู้ า้ งไมไ่ ด้ ช า้ งม นั ย งั รจู้ กั ม าส กั ก าระ ห ลวงป ทู่ วด” บ า้ งไดย้ นิ
หลวงป บู่ อกว า่ “ พ ระพทุ ธเจา้ ตอ้ งม ชี า้ ง” แ ละบ า้ งก ไ็ ดย้ นิ ห ลวงป บู่ อกว า่
“ชา้ งยังมาอ ยู่ก ับขา้ ไมไ่ ด้ต้องไปใช้เวรใชก้ รรมใหห้ มดเสียก อ่ น” ฯ ลฯ
เรอื่ งร าวค วามล กึ ซ งึ้ จ ะเปน็ อ ยา่ งไรก ย็ ากท ใ่ี ครๆ จ ะร ไู้ ด้ แ ตท่ วา่ ค วามบ าก
บั่นข องช้างใหญเ่ ชือกน้นั ท ำให้ผเู้ ขียนอดไมไ่ดท้ ีจ่ ะค รุ่นคดิ ถงึ ค ำส อนของ
หลวงปูท่ ว่ี ่า“แ กเช่ือจ รงิ ไหมล่ะ”
“แ กเชอื่ จ รงิ ไหมล ะ่ ” ม คี วามห มายห ยาบล ะเอยี ดห ลายน ยั เชน่ ก าร
ท่ีชาวพุทธจำนวนไม่น้อยไปยึดถือข้อปฏิบัติอันจัดว่าเป็นสีลพตปรามาส
ประพฤติออกน อกทางพระพุทธศาสนาถ ือเอามงคลภ ายนอกย่งิ กวา่ ก าร
พัฒนาต นให้เป็นท ีพ่ ่งึ แก่ตนข้ามค รอู าจารย์ ข้ามพระพทุ ธเจา้ กล็ ว้ นแ ต่
เพราะ“เชอ่ื ไม่จรงิ ”ค วามลังเลสงสยั ต า่ งๆก ล็ ้วนมาจ าก“เชือ่ ไมจ่ ริง”
นักปฏบิ ัตภิ าวนาพอล มหายใจจ ะด ับเกดิ ตกใจก ลัวต ายถอนจากส มาธิ
๒๔๒ 242
ก็เพราะ“ เชื่อไม่จริง”ปฏิบัติธรรมแบบไฟไหม้ฟางช นิดขยันก ็ทำข้เีกียจ
ก็หยุด น่ันก็เพราะ “เช่ือไม่จริง” การท่ีไม่สามารถรักษาความบากบ่ัน
พากเพียร หรือไม่สามารถรักษาใจไม่ให้ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ก็เพราะ
“เช่ือไม่จริง”ก ารท่ีต้ังอ ยู่ในค วามประมาทม ไิ ดร้ ะลึกถ ึงภยั คอื ความแก่
ความเจบ็ ค วามต ายกเ็ พราะ“เชอื่ ไม่จรงิ ”ฯลฯ
มนิ า่ ล ะ่ ห ลวงป จู่ งึ ม กั ถ ามล กู ศ ษิ ยเ์ ปน็ เชงิ ใหพ้ จิ ารณาต นเองอ ยบู่ อ่ ย
ครง้ั วา่ “แ กเช่ือจริงไหมละ่ ”
น่ีถา้ พ าก นั เชื่อค ณุ พ ระพทุ ธพระธ รรมพ ระสงฆ์ก ันจริงๆ ความ
องอาจกล้าหาญในการปฏิบัติธรรมเพ่ือบูชาคุณความดีของหลวงปู่ ก็คง
พอชว่ ยให้ไม่ต อ้ งอ ายช า้ งเชอื กนี้ไดเ้ ป็นแ น่
“พอ”
243 ๒๔๓
๑๑๓
ห ลวงปู่ทีข่ ้าพเจ้าร ู้จัก
หลวงป ่ดู เู่ ป็นพ ระผ ูใ้ หญท่ ีเ่ข้าหาได้โดยส ะดวกท ่านป ฏเิ สธบ รรดา
ผู้ท่ีเสนอตัวมาจัดการนั่นน่ี เพราะท่านต้องการให้ทุกคนมีโอกาสเข้าหา
ท่านอย่างเสมอห นา้ ก นั หมด
ห ากจ ะถ ามว า่ ท า่ นเมตตาห รอื ใหค้ วามส ำคญั ก บั ท กุ ค นเทา่ ก นั ห รอื
ไม่ กข็ ออนญุ าตให้ความเหน็ สว่ นตวั ว ่า“ไม”่ เพราะสังเกตเหน็ บ ่อยคร้ัง
ว่า หากใครมาสนทนาธรรมกับท่าน ท่านจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเอาปัญหาการปฏิบัติธรรมที่เกิดกับจิตใจตัวเอง
(ไม่ใช่จากอ่านหนังสือ) มาถามท่าน ท่านมักจะค้อมตัวมาหาผู้ฟัง
เล็กน้อยคลา้ ยเงย่ี ห ฟู ัง แล้วต ้งั ใจตอบค ำถามห รอื ให้คำแนะนำท ่เี หมาะ
แก่ภูมจิ ิตห รอื ความพ ร้อมของผ ฟู้ ังเพื่อให้เกิดป ระโยชน์ส ูงสดุ
บางคร้ังจะมีนิสิตนักศึกษามาสนทนาธรรมกับท่านในตอนเย็นๆ
ทา่ นก ท็ ราบล ว่ งห นา้ และใหโ้ ยมอ ปุ ฏั ฐากเกบ็ ผ ลไมไ้ วใ้ หเ้ ดก็ ๆ ไดท้ านแกห้ วิ
(ทราบจากโยมที่เคยอุปัฏฐากท่าน) ท่านให้ความสำคัญกับการสง่ เสรมิ
การปฏิบัติธรรมอย่างย่ิง ท่านเคยตำหนิพระภิกษุซ่ึงอยู่กุฏิใกล้ท่านท่ี
เอาเรอ่ื งโลกๆ มาพดู แ ทรกข ณะทา่ นกำลงั ส นทนาธรรมกบั ญ าตโิ ยมทา่ นวา่
“บาปน ะ ค นเขาก ำลงั ค ยุ เรอื่ งธ รรมะก ลบั ม าข ดั จงั หวะด ว้ ยเรอื่ งโลกๆ ”
๒๔๔ 244
หลวงปู่มีผวิ พ รรณท ผ่ี ่องใสอ ยา่ งย ิง่ ท ัง้ ๆ ท ีท่ ่านสรงน ้ำโดยไม่เคย
ใช้สบเู่ลยอ กี ท ้ังร วิ้ รอยก ็แทบไม่ป รากฏให้เห็น
หลวงปู่ถึงพร้อมด้วยขันติและโสรัจจะ คือ เบ้ืองหน้าของการใช้
ขันติ ท่านก็ยังมีอาการอันสงบเย็นเป็นปรกติ มิได้แสดงออกให้เห็นถึง
ทุกขเวทนาท่แี ผดเผาท า่ น ท้ังในยามเจ็บไข้ไดป้ ่วยและตลอดระยะเวลา
ท่ีท่านน ่งั ป ฏิสนั ถารก ับญาตโิ ยมจนก้นทา่ นเป็นแผลพ ุพอง แตกแ ลว้ แ ตก
อีก ท่านก็ยังนั่งรับแขกได้เป็นปรกติทุกเม่ือเช่ือวันทั้งรอบกลางวันและ
กลางค ืน
หลวงปู่วางตัวเป็นธรรมชาติ ไม่มีการเก๊กหรือวางท่า แต่ก็น่า
ประหลาดใจที่ใครๆ ต่างรู้สึกยำเกรงองค์ท่าน บ่อยคร้ังท่ีหลวงปู่ตอบ
คำถามก ารป ฏบิ ตั ชิ นดิ ท เี่ จา้ ต วั ต อ้ งอ าย เพราะค ลา้ ยก บั ว า่ ห ลวงป อู่ ยรู่ ว่ ม
ปฏบิ ัตทิ ่ีบ้านข องโยมผ นู้ ัน้ ดว้ ยจงึ ไมม่ ีทปี่ กปดิ หลวงป ่ไู ดเ้ ลย
ห ลวงป เู่ ปน็ ผ เู้ รยี บรอ้ ย อ อ่ นนอ้ มถ อ่ มต น ใหก้ ารย กยอ่ งค รอู าจารย์
ทา่ นอ น่ื ๆ โดยเฉพาะอ ยา่ งย งิ่ ห ลวงป มู่ นั่ ห ลวงป แู่ หวนห ลวงพ อ่ เกษมฯ ลฯ
พรอ้ มกันน ัน้ ทา่ นยงั ส อนใหศ้ ิษย์ร ะมดั ระวงั การป รามาสครอู าจารยท์ ม่ี ี
คุณธรรมที่บ างค รงั้ ไม่อาจร้ไู ดโ้ ดยอากปั กิริยาภ ายนอก
เหลา่ นี้เปน็ แ ค่ตวั อย่างน ้อยนดิ ในเร่อื งบุคลกิ ภาพและป ฏิปทาของ
หลวงปู่ที่อยากถ่ายทอดให้ผู้ไม่ทันท่านได้สัมผัสถึงปฏิปทาในองค์หลวงปู่
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความร ูส้ กึ อบอนุ่ ใจแ ละเกิดความแ กลว้ ก ลา้ ในธ รรม
“พอ”
245 ๒๔๕
๑๑๔
ต ่ออายุ
ลงุ ย วงห รอื ห ลวงล งุ ย วงค อื ห ลานหลวงป ทู่ ขี่ า้ พเจา้ ไดไ้ ปก ราบท า่ น
เมอื่ ต อนท่ที า่ นบวชถวายห ลวงป ู่ (ต อนน นั้ ท่านอ ายไุด้๗๒ป ีแตป่ จั จบุ นั
ท่านได้ละสงั ขารแล้ว)
เวลาท ห่ี ลวงล งุ ย วงเลา่ เรอ่ื งใหเ้ ราฟ งั พ อเอย่ ถ งึ ห ลวงป ทู่ ไี ร ท า่ นจ ะ
มนี ้ำตาคลอเบ้าทุกค รง้ั เพราะค วามซ าบซ้งึ ในพ ระคุณของหลวงปู่ทม่ี ตี อ่
ทา่ นจ นท า่ นต อ้ งห ยดุ ใหส้ มั ภาษณเ์ พอื่ ก ลนั้ น ำ้ ตาเปน็ ระยะๆ ท า่ นเปน็ อ กี
ผหู้ น่งึ ท เี่ ชอ่ื อ ย่างส นิทใจว า่ หลวงป ู่ก ็คือหลวงป ่ทู วด เพราะประสบการณ์
ตรงเมอื่ ค ราวท ที่ า่ นเปน็ ฆ ราวาสน อนป ว่ ยห นกั อ ยทู่ โี่ รงพ ยาบาลในอ ยธุ ยา
ตอนน้ันท่านมีอาการท้องเดินอย่างหนัก จนต้องย้ายเตียงมาไว้หน้า
ห้องน้ำ เพ่ือว่าจะได้ลงจากเตียงมาเข้าห้องน้ำได้โดยสะดวก ท่านถ่าย
บ่อยครั้งมากจนท่านอ่อนแรงแล้วก็เจ็บตามเนื้อตามตัวมากด้วย สุดท้าย
ท่านรสู้ กึ เหมอื นจ ะไม่ร อดจงึ ฝ ืนข นึ้ มานั่งส มาธริ ะลกึ ถ ึงหลวงปู่ดู่ (ท า่ น
เรยี กว า่ ห ลวงล งุ ด)ู่ น ง่ั ป ฏบิ ตั ไิ ดเ้ พยี งค รเู่ ดยี วพ ลนั ก เ็ หน็ เปน็ ด วงก ลมส วา่ ง
เหมือนพระอาทิตย์ค่อยๆ ลอยต่ำลงมา แต่ท่ีแปลกคือมีหลวงปู่ดู่นั่งอยู่
บนดวงสว่างน้ัน พอดวงสว่างลอยต่ำลงมาถึงพื้น หลวงปู่ดู่ก็เดินเข้ามา
๒๔๖ 246
หาท่าน พอใกล้เข้ามาก็กลายเป็นหลวงปู่ทวด สลับไปสลับมาอยู่อย่าง
น้ี ห ลวงปู่เดนิ ออ้ มไปทางขา้ งห ลัง แล้วเอาม ือมาจับท หี่ นา้ ทอ้ งท่านด ึง
กระชากอ ยา่ งแรง๓ ค รัง้ จนทา่ นแทบจ ะต อ้ งเอี้ยวต วั ตามแ รงกระชาก
นัน้ แ ล้วท ่านก็ได้ยินเสียงหลวงปู่บอกว ่าหาย
เม่ือลมื ตาข ึ้นท่านก็เลยล องเอ้ียวต ัวด ูกไ็ ม่รู้สกึ เจ็บต ามเน้อื ตาม
ตัว และหายปวดท้องแล้ว ท่านจึงปลุกนางถมยา (โยมภรรยาของท่าน)
แล้วพากันกลับบ้านด้วยความดีใจ จากนั้นท่านได้เดินทางไปกราบ
ขอบพระคุณหลวงปู่ในเช้าวันรุ่งข้ึน เล่าเร่ืองต่างๆ ให้หลวงปู่ฟัง หลวง
ปู่ก็โมทนากับท่าน แล้วกำชับว่าอย่าเล่าให้ใครฟังเพราะคนไม่เช่ือแล้ว
ปรามาสเข้าจ ะบาป
มาบัดนี้ ท้ังหลวงปู่ดู่และหลวงลุงยวงต่างก็ได้ละสังขารไปแล้ว
ข้าพเจ้าจึงเห็นสมควรบันทึกเร่ืองราวไว้ตามความจริงที่ปรากฏ รวมท้ัง
เกร็ดประวัติท่ีน่าสนใจอีกเรื่องหน่ึงที่อยากบันทึกไว้ก็คือ หลวงลุงเล่าว่า
เมื่อคราวท่านยังเป็นฆราวาสอายุได้ ๕๗ ปี หลวงปู่ทวดมาบอกท่านว่า
ท่านน่ะหมดอายุขัยแล้ว แต่หลวงปู่จะต่ออายุโดยกลับตัวเลขให้ น่ันก็
หมายความวา่ ท ่านจะมีอายุไปถึง๗ ๕ป ี
ในตอนท่ีเราไปสัมภาษณ์ท่าน เพ่ือจะทำวิดีโอประวัติหลวงปู่ดู่
ขณะน้ันท า่ นม ีอายไุด้ ๗๒ป ีถดั จากนั้นอกี ป ระมาณ๒ปีพวกเราก็ได้
ขา่ วว า่ ท า่ นอ าพาธต อ้ งล าส กิ ขาเพอ่ื ใหโ้ ยมท บ่ี า้ นด แู ลร กั ษาไดโ้ ดยส ะดวก
อีก๑ปีต ่อมา กท็ ราบข า่ วม รณกรรมข องท ่าน พอขา้ พเจ้าม าระล กึ ถ ึง
247 ๒๔๗
คำที่ท่านเล่าไว้เรื่องหลวงปู่ทวดต่ออายุให้ท่าน ก็ให้นึกอัศจรรย์ใจว่า
นีก่ เ็ ทา่ กบั เป็นเคร่ืองช ่วยย นื ยนั อ กี ท างห นึง่ ว า่ ส ่งิ ท ่ีท ่านเล่าไว้ ตลอดถึง
สงิ่ ท ่ที ่านประสบนัน้ เป็นเรอ่ื งจ รงิ ทง้ั ส้นิ
“พอ”
๒๔๘ 248
๑๑๕
ลืมพ ่อล มื แม่
หลวงปู่จะเมตตาส่ังสอนหลายๆ คนท่ีมากราบท่านในวันแรกว่า
“พวกแกอย่าเอาแต่เท่ียวกราบพระที่น่ันท่ีน่ีจนลืมพระท่ีบ้านนะ
ทำบุญกบั พอ่ แม่ก็เหมือนกบั ทำบญุ กบั พระอรหนั ต์” ห ลวงป ู่มีเรอ่ื งเล่า
มากมายท ่ียืนยันวา่ คุณข องพ่อแมค่ ้มุ ครองเราได้จริงๆ
เร่อื งนีเ้ปน็ เครื่องเตือนใจท่สี ำคัญมาก ไม่ให้เรามองข ้ามพ ระทีอ่ ยู่
ใกลต้ วั เราท ส่ี ดุ เพอื่ จ ะไดร้ ะมดั ระวงั ไมพ่ ดู ไมท่ ำในท างท จ่ี ะท ำใหท้ า่ น
ไม่สบายใจ และให้ความสำคัญกับท่านเป็นลำดับต้นๆ แน่นอนว่าท่าน
อาจไม่ใชพ่ ระอรหันต ์ (ผ หู้ มดกเิ ลส) แต่หลวงปูค่ รบู าอาจารย์ทัง้ หลายก็
ยืนยนั ว ่าการท ำบญุ ก บั ท ่านจ ะไดอ้ านสิ งส์เหมือนท ำกบั พระอรห ันต ์
การปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ของเราจึงเป็นตัววัดผลการปฏิบัติธรรม
อีกตัวหนึ่งว่าเราก้าวหน้าขึ้นไหม มิใช่วัดจากการไปกราบพระมาได้มาก
น้อยแคไ่หน
หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังหลายครั้งเก่ียวกับการระลึกถึงพ่อแม่ว่า
สามารถช ว่ ยค มุ้ ครองป อ้ งกนั ภ ยั แ กเ่ ราไดจ้ รงิ ท า่ นว า่ โยมผ หู้ นงึ่ ม าเลา่ ให้
ท่านฟังเกี่ยวกับประสบการณ์สมัยไปทำงานท่ีต่างจังหวัดทางแถบอีสาน
เขาเลา่ ว า่ ป รกตเิ ขาเปน็ ค นไมแ่ ขวนพ ระ แ ตก่ อ่ นน อนท กุ ค นื เขาจ ะก ราบ
249 ๒๔๙
หมอนพ รอ้ มก บั ระลกึ ถ งึ ค ณุ ข องพ อ่ แ ม่ เขาก ท็ ำงานอ ยทู่ นี่ นั่ อ ยา่ งป รกตสิ ขุ
กระทงั่ เช้าว นั ห นึง่ ทรี่ ้านก าแฟ ม คี นแปลกหนา้ มาทกั เขาว่า คณุ ม อี ะไรด ี
แขวนพ ระอะไรอยหู่ รือ?
ค นแ ปลกห นา้ ผ นู้ นั้ ส ารภาพว า่ เขาเปน็ ค นเลน่ ไสยศาสตร์ เขาต งั้ ใจ
จะทำของใส่คนแ ปลกถิ่น แ ตเ่ ขาส งสัยมากว่า ทำไมค รั้งนเ้ี ขาจ ึงท ำอ ะไร
ไม่ได้ ท้ังๆ ท่ีแต่ก่อนมาก็เคยทำสำเร็จ เขาสารภาพอย่างเปิดเผยเพราะ
หวงั จะขอดขู องดี
โยมท า่ นน น้ั ก บ็ อกว า่ ต วั เขาไมไ่ ดพ้ กว ตั ถมุ งคลใดๆ เลย ค นท ำข อง
กย็ งิ่ งงแ ลว้ ถ ามต อ่ วา่ ในเมอ่ื ค ณุ ไมไ่ ดแ้ ขวนพ ระห รอื พ กพ าว ตั ถมุ งคลใดๆ
ตดิ ตวั แ ล้วกจิ วัตรในแ ต่ละว นั คณุ ทำอะไรบ้าง พอเลา่ มาถึงก ิจวตั รก่อน
นอนท ต่ี อ้ งก ราบห มอนระลกึ ถ งึ ค ณุ ข องพ อ่ แ ม่ คนท ำข องก เ็ ลยส นั นษิ ฐาน
เบอ้ื งต น้ ว า่ อ าจเปน็ เพราะเรอื่ งน กี้ ระมงั ท ค่ี มุ้ ครองช ายแ ปลกถ นิ่ ผ นู้ ี้ คนท ำ
ของจ ึงบ อกว ่า งั้นข อใหค้ ืนน ้ี คุณเวน้ การท ำกจิ วตั รดังกลา่ วห ากข องท่ี
ผมท ำส ง่ ไปม ผี ลผ มจ ะเปน็ ผ แู้ กใ้ หเ้ องไมต่ อ้ งห ว่ งเพราะผ มเพยี งต อ้ งการ
รคู้ วามจ รงิ ข อใหเ้ ราเปน็ เพอื่ นก นั แ ละแ ลว้ ผ ลก เ็ ปน็ ด งั ค าดค อื ค นท ำข อง
สามารถส ่งข องอ อกไปได้สำเรจ็ แล้วกต็ ามมาแกไ้ ขให้ (รายละเอยี ดข อง
การท ำข องนนั้ ขา้ พเจา้ ก็ไม่เคยเรียนถาม)
เรื่องนี้ เป็นตัวอย่างที่หลวงปู่นำมาเล่าเพ่ือยืนยันว่าแม้เราจะไม่มี
วัตถมุ งคลใดๆ ตดิ ตวั ก็ไมต่ อ้ งกลวั ต ราบเทา่ ท ่เีราย ังร ะลกึ ในคณุ ข อง
พอ่ และแ ม่อ ยเู่ ปน็ นติ ย์
“พอ”
๒๕๐ 250
๑๑๖
ปรามาสพระพทุ ธเจา้
ไม่น่าเชื่อว่าเม่ือมีการแลกเปล่ียนประสบการณ์การปฏิบัติภาวนา
กับหมู่เพ่ือนแล้ว ทำให้ทราบว่ามีประสบการณ์บางอย่างท่ีโดยมากมัก
ไม่กล้าเลา่ เพราะแ ม้ตนเองก ็ยงั นึกรงั เกียจ น น่ั กค็ ือ การน ึกปรามาส
พระพุทธเจ้าหรือครูบาอาจารย์โดยไม่เจตนา แต่ก็เป็นการยากจะห้าม
ความค ดิ ของเจ้าของ จ ึงทำใหผ้ ปู้ ฏบิ ัติจำนวนไม่น อ้ ยม ีจติ เศร้าห มองเปน็
เวลานานนบั สปั ดาห์หรือเป็นเดือนๆ หรอื ไมก่ ท็ อ้ ถอย ท้ิงการปฏบิ ตั ิ
ไปเลยก ็มี
กรณเี ชน่ น ้ี ห ลวงป ดู่ เู่ คยเมตตาใหค้ ำแ นะนำแ ละใหก้ ำลงั ใจล กู ศ ษิ ย์
วา่ ม นั เกดิ จ ากเศษก รรมท เ่ี คยป รามาสพ ระรตั นตรยั ไว ้ ใหล้ องถ ามต วั เอง
วา่ เราม เี จตนาไหม ? ถา้ ไมม่ เี จตนาก ว็ างม นั เสยี อ ยา่ ท ำใจเราใหเ้ ศรา้ ห มอง
หมน่ั ก รวดน ำ้ บ อ่ ยๆ ห ากไมส่ บายใจก ต็ งั้ จ ติ เจตนาข อข มาพ ระรตั นตรยั เสยี
ปฏิบตั ิไปๆม ันจะหายไปเอง
ปรากฏว่าต่อมาปัญหานี้ก็หมดไปจริงๆ ย่ิงนักปฏิบัติท่ีวางใจว่า
อารมณ์หรอื ความคิดก ็เป็นส กั แ ตว่ ่าค วามคดิ ความคดิ ไม่ใชเ่ รา เราไมใ่ ช่
ความค ดิ ค วามค ดิ ค อื ส งั ขาร ข น้ึ ช อ่ื ว า่ ส งั ขารม นั ก ย็ อ่ มม เี กดิ ข น้ึ ต งั้ อ ยู่ แ ละ
ดับไปจงึ ไม่ควรท ่ีเราจ ะไปวุ่นว ายกอดร ดั หรอื ผลักไสม นั วางใจเหมอื น
251 ๒๕๑
เจา้ ของบา้ นท เี่ ม่อื มแี ขกมาหาเรา ครั้นเราไมต่ อ้ นรับ แ ขกเขาก จ็ ากไป
เอง ผ ้ทู ่วี างใจไดเ้ ช่นน ้ี ก็มักจะผ ่านพน้ อ ปุ สรรคข้อน ไี้ ปได้โดยเร็ว
“ พ อ”
๒๕๒ 252 ๑๑๗
ชว่ ยชีวิต
เหตุการณ์นี้ เกิดข้ึนประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๘ (หลวงปู่ดู่
มรณภาพล่วงไปแ ล้ว๑ ๕ป)ีเปน็ เรือ่ งท่แี สดงให้เหน็ ถึงค วามเมตตาของ
ครูบาอาจารย์ รวมทั้งยืนยันว่าท่านสามารถช่วยเหลือลูกศิษย์ได้แม้
ท่านจะละสังขารไปแล้วก็ตาม น่าเสียดายที่ไม่อาจติดตามสอบถามช่ือ
บุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากจะนำมาเรียบเรียงบันทึกไว้
เลา่ ส ู่กนั ฟัง
เหตุเกิดเมื่อลูกศิษย์ผู้หน่ึงของหลวงปู่ขับรถยนต์ไปชนเด็กหนุ่มผู้
หน่ึงจ นบาดเจ็บ อ าการสาหสั มาก เปน็ ตายเท่าก ันลูกศ ษิ ยผ์ ู้น ีก้ ก็ ลุม้ ใจ
มาก เพราะเกิดม าไมป่ ระสงคจ์ ะทำบาปท ำกรรมกับใครอีกท ้งั ไม่อยาก
มีบาปกรรมอันเกิดจากปาณาติบาต เขาจึงมาบนหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแก
ร้องขอต่อท่านให้ช ่วยเหลอื เด็กห นุ่มผนู้ ีอ้ ยา่ ใหถ้ ึงข ้นั ตอ้ งเสยี ชวี ิตเลย
เด็กหนุ่มนั้น ครั้งแรกก็เข้ารับการรักษาที่ห้องไอซียู โรงพยาบาล
ในอยุธยา แต่เม่ือหมอเอาไม่อยู่ จึงถูกส่งเข้ารักษาต่อท่ีโรงพยาบาลใน
กรงุ เทพฯภ ายห ลงั จ ๆู่ อาการก ลบั ฟ น้ื ด ขี นึ้ อ ยา่ งอ ศั จรรย์ แ ลว้ ก ไ็ ดม้ โี อกาส
ตามเพื่อนมาท ำบญุ ทว่ี ัดสะแกโดยทไี่ มเ่ คยร จู้ ักหลวงป ู่มาก อ่ น
253 ๒๕๓
เดก็ หนุ่มผ ้นู ้มี าทำบญุ ถวายสังฆทานท กี่ ุฏพิ ระสายหยดุ ค ร้ันเมื่อ
ท่านได้ฟังเรื่องราวของชายผู้นี้แล้ว จึงสามารถปะติดปะต่อและเข้าใจ
เรื่องราวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี เพราะท่านเองก็ได้ยินเร่ืองราวทางฝ่ัง
ลกู ศิษยห์ ลวงป ผู่ ทู้ ี่เปน็ คนขบั รถยนตช์ นเดก็ หนุม่ ผ ู้น ้ีมาก ่อนหนา้ แลว้
ฝ่ายเด็กหนุ่มเม่ือถวายสังฆทานเสร็จก็เหลือบตาไปเห็นรูป
หลวงปู่ดู่ซึ่งแขวนอยู่ที่ผนังกุฏิของพระสายหยุด เขาตกใจต่ืนเต้นอุทาน
ว่าหลวงปู่องค์นี้แหละที่ช่วยชีวิตเขาไว้ หลวงปู่องค์นี้เป็นคนพาดวง
วิญญาณของเขาก ลบั เข้ารา่ ง
เขาเล่าว่า ภายหลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
ได้ไม่นาน เขาก็เสียชีวิต แต่ขณะที่วิญญาณของเขาออกจากร่างมา
กม็ ผี ชู้ ายน งุ่ โจงก ระเบนด ว้ ยผ า้ ส แี ดงจ ะม าเอาต วั เขาไปท นั ใดน น้ั ก ม็ หี ลวง
ปู่องค์หน่ึงมายืนขวางไว้ หลวงปู่ถามเขาว่ารู้จักชายท่ีนุ่งโจงกระเบน
ผู้นั้นไหม ? เขาตอบว่าไม่รู้จัก แล้วรีบบอกท่านว่า หลวงปู่ช่วยด้วย
หลวงปู่ชว่ ยดว้ ยจ ากน นั้ ห ลวงป ู่ทำทา่ โบกมอื ช ายผู้นัน้ กห็ ายไป
หลวงปู่ถามเขาอีกว่า ไหนล่ะร่างแก ? เขาพยายามมอง แต่ก็
จำไม่ได้ว่าอยู่เตียงไหน หลวงปู่จึงพาเขาไปดูที่เตียงๆ หนึ่ง แล้วถามว่า
นน่ั ใชแ่ กไหมละ่ ? เขาเห็นแ ล้วกจ็ ำได้ ก ราบเรยี นท่านว่าใชค่ รบั จากน ้ัน
ท่านก็พ าเขาเขา้ ยังร า่ งท น่ี อนหมดลมอยู่บ นเตียง หลังจ ากฟนื้ ข นึ้ ม า เขา
กอ็ าการด ขี ึน้ ต ามล ำดบั แตท่ วา่ เขาตอ้ งสญู เสยี ข าไปขา้ งห นง่ึ พอกล บั มา
บ้านก ็มีเพอ่ื นพามาทำบญุ ท ว่ี ดั ส ะแก จึงไดม้ าร้วู า่ ท่แี ท้หลวงปู่องคท์ ่ีชว่ ย
๒๕๔ 254
ชีวติ เขาไว้ก็คอื ห ลวงปู่ดู่ ว ดั สะแกน่ันเอง
พระสายหยุดเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เสียดายท่ีไม่รู้รายละเอียดของ
เด็กหนุ่มผู้น้ัน ทราบเพียงคร่าวๆ ว่าเขาเป็นคนอำเภอภาชี จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ประกอบกับท่านก็ยังไม่ได้พบกับลูกศิษย์หลวงปู่ผู้
ที่เป็นคนขับรถชนเด็กหนุ่มคนนั้นอีก แต่ก็แปลกท่ีเร่ืองราวของท้ัง ๒
ฝา่ ยก ลับมาเชอ่ื มตอ่ เป็นเร่อื งเดียวกนั ท ่ีก ฏุ ขิ องท่าน
พระสายหยุดเล่าเรื่องน้ีด้วยความปลื้มปีติในพลังเมตตาบารมี
ของหลวงปู่ที่แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่ก็ยังคงรับทราบและช่วย
ปัดเป่าความทุกข์ของบรรดาลูกศิษย์และสัตว์โลกที่ประสบทุกข์ทั้งหลาย
ได้เสมือนหนึ่งท่านยังดำรงั ขนั ธ์อยู่ ไม่ได้จากศ ิษยานุศษิ ยไ์ ปที่ไหนเลย
“พอ”
255 ๒๕๕
๑ ๑๘
ขัน... ๕ข ันธ์
ประมาณป ี ๒๕๓๑-๒๕๓๒ ญ าติโยมทไ่ี ปก ราบน มัสการหลวงปูด่ ู่
ที่วัดสะแก จะพบว่ามีขันและพานที่ใช้ในพิธีรับขันธ์ ๕ วางเรียงต่อ
กันหลายแ ถวหลายชน้ั จ นท ว่ มศรี ษะ
คนจ ำนวนไมน่ อ้ ยท เ่ี ขา้ พ ธิ รี บั ข นั ธ์ ๕ นยั วา่ เปน็ การเปดิ รบั ก ายท พิ ย์
ของหลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์ บ้างก็อ้างว่าเป็นดวงวิญญาณบุรพ-
กษัตริย์ไทยในอ ดตี ห รอื เทพเจา้ ช้นั ผ ใู้ หญ่ เพ่อื เขา้ ม าค้มุ ครองปอ้ งกนั
ภยั ห รอื เสรมิ ช วี ติ ใหเ้ กดิ ค วามเปน็ ส ริ มิ งคล แ ตแ่ ทจ้ รงิ แ ลว้ ห ลวงป กู่ ลา่ ว
ว่าส ว่ นใหญ่น ้นั ห ลอกลวงก ันแ ทบท ั้งส ิ้น หากจ ะมกี ม็ ักเปน็ ว ิญญาณช ้นั
ต่ำทีม่ าอาศัยกินเคร่อื งบ วงส รวง
พระพุทธองค์สอนให้เราฝึกฝนอบรมจิตใจให้บริบูรณ์ด้วย
สติสัมปชัญญะ แล้วเหตุใดเล่า ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยจึงพากันยินดี
ปฏิบัติในทางตรงกันข้าม โดยให้สิ่งอื่นเข้ามาครอบงำกายใจของเราได้ !
หลวงปู่ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยในแต่ละวันๆ กับการสงเคราะห์ผู้ที่เคย
ไปรับขันธ์แล้วเปลี่ยนใจอยากคืนขันธ์ เพราะต้องการความเป็นไทแก่
ตัว ต้องการควบคุมตนเองให้ได้เหมือนเม่ือก่อน ไม่ใช่อยากจะร่ายรำ
๒๕๖ 256
หรือพูดภาษาแ ปลกๆ หรอื ตวั สน่ั งนั งกในท ี่สาธารณชน ก ็ท ำข ้นึ ม าโดย
ไม่อ าจค วบคมุ ตนเองได้
นอกจากก ารแ ผเ่ มตตาใหแ้ กด่ วงว ญิ ญาณท มี่ าส งิ สรู่ า่ งเหลา่ น นั้ แ ลว้
หลวงป กู่ เ็ นน้ ย ำ้ ว า่ ต วั ผู้ (ป ว่ ย) น น้ั ก ต็ อ้ งช ว่ ยต วั เองด ว้ ยเชน่ ก นั ดว้ ยก าร
ทำภาวนาเพม่ิ ส ติสมั ปชัญญะใหก้ บั ตวั เอง ม ิเช่นนั้นก เ็หมอื นป ระตูบ า้ น
ยังปิดไมม่ ดิ ชดิ ส ง่ิ แ ปลกป ลอมก อ็ าจกลับเข้าม าใหม่ได้อ กี หลวงป ู่สอน
วา่ แคข่ นั ธ์ ๕ ของเราก ห็ นักม ากอ ยูแ่ ลว้ ย ังจ ะห าเรอื่ งไปเอาข นั ธ์อ ืน่ ๆ
เข้ามาแบกอีก เห็นกองขันที่เขาเอามาทิ้งไว้ท่ีวัดก็ให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
แทนห ลวงป ู่ แลว้ ไหนย งั จ ะต อ้ งไปร บั มอื ก บั บ รรดาเจา้ ส ำนกั ท ส่ี ญู เสยี ผ ล
ประโยชน์แลว้ พากนั ท ำคุณไสยใส่หลวงป ู่ บางค รั้งหลวงป ่กู ็เอ่ยข ึน้ มาว่า
“เขาส ง่ ของมาก ะจะเอาเราให้ตาย”
บัดน้ี สิ้นหลวงปู่แล้ว และถึงแม้ว่าเราจะเชื่อม่ันว่าหลวงปู่
ยังคงให้ความคุ้มครองดูแลศิษย์ทั้งหลายอยู่ แต่เราเองก็ต้องไม่ประมาท
ต้องรีบเร่งสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นด้วยตนเอง และก็มิใช่โดยพระเครื่องของ
ท่านเพราะนั่นก็ยงั ไม่ใชท่ พี่ ่งึ อ นั สูงสดุ หากแตต่ ้องอ าศยั ก ารป ฏบิ ัติก าย
วาจาใจข องเราเองใหด้ งี าม เพอ่ื ใหเ้ กดิ เปน็ ธ รรมค มุ้ ครองผ ปู้ ระพฤตธิ รรม
บนฐานทม่ี ัน่ คงของก ารปฏบิ ตั สิ มาธภิ าวนาใหไ้ ด้ต ลอดท ุกๆอ ิรยิ าบถ
“พอ”
257 ๒๕๗
๑ ๑๙
รักห ลวงปทู่ ไี่ หน?
เป็นเร่ืองน่าคิดและน่าถามตัวเองว่า เราผู้ซึ่งอาจเคยพูดกับใครๆ
ว่าเราม ศี รทั ธาในองค์หลวงป ่ดู ู่ แต่ถามกันให้ลึกกว่าน้นั ว ่า เรารักทา่ น
ด้วยความท่ีท่านเป็นท่าน หรือเพราะว่าเราเชื่อว่าท่านคือองค์เดียวกัน
กับหลวงป่ทู วด
ประเด็นน้ี พวกเราก็เคยหยิบยกมาพูดคุยกัน และเม่ือเรานึก
ประมวลเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่ในความทรงจำของพวกเรา อันเป็นภาพ
เหตุการณ์ความรักความเมตตาของหลวงปู่ดู่ที่มีต่อพวกเรา รวมทั้ง
ใครๆ ท่ีมาพึ่งบารมีของท่านแล้ว น้ำตาที่คลอเบ้าพวกเราอยู่ขณะนั้นจึง
เป็นคำต อบท ชี่ ดั เจนในต ัววา่ เรารกั ท ่านในความทท่ี า่ นเป็นท า่ น เราจะย ัง
คงรักทา่ นแม้วา่ ทา่ นจะม ไิ ด้เป็นองคเ์ ดยี วกนั ก ับหลวงปู่ทวดกต็ าม แ ต่
หากแม้นว่าท่านเป็นองค์เดียวกันกับหลวงปู่ทวดจริง พวกเราก็ย่ิงเพ่ิม
ความภูมิใจทวขี นึ้ ไปอ ีกวา่ พ วกเราไมเ่สียชาตเิ กิด
“พอ”
๒๕๘ 258 ๑ ๒๐
ก บั ดกั
นับเป็นเมตตาอย่างใหญ่หลวงท่ีหลวงปู่ดู่ได้สั่งสอน และช้ีแนะ
ให้ลูกศิษย์ของท่านได้ตระหนักถึงกับดักบนหนทางของการปฏิบัติธรรม
โดยเฉพาะอย่างย ิ่งคำวา่ “คนดนี ะ่ เขาไม่ตใี คร”และ “อย่าใหเ้ลย
พระพทุ ธเจา้ ” เปน็ ตน้
ใครจะคิดบ้างเล่าว่า แม้จะเข้ามาในหนทางแห่งการสร้างสม
ความด งี ามก็ยงั ม ีสง่ิ ท่ีเป็นกบั ด ักร ออยู่อยา่ งม ากมายและเป็นส ิ่งท แี่ กไ้ ด้
ยากเสียดว้ ยด ังค ำพูดของหลวงปู่ม ่นั ท ่ีว ่า “ติดดนี ะ่ แก้ยากก ว่าติดช ัว่ ”
เพราะคนที่ถ ือว่าตนเป็นนกั ปฏิบตั ิ ห รอื เปน็ ครเู ป็นอ าจารย์ เป็นคนเขา้
วัดเข้าวา เป็นคนถือศีลกนิ เจ เป็นค นป ฏิบัตสิ มาธภิ าวนา หากเผลอ
ตัวให้กิเลสความหลงตัวหลงตนเข้าครอบงำจนสำคัญว่าตนวิเศษวิโสกว่า
คนอ่ืน ทำตัวเป็นชาล้นถ้วยแล้ว นอกจากจะเป็นตัวปิดก้ันความดีไม่
ใหง้อกงามกย็ งั ทำให้จิตใจเสือ่ มลงๆ เทย่ี วก ลา่ วตีค นโน้นค นน ้ี ย่งิ กวา่
การกล่าวสอนตักเตือนตนเอง เข้าลักษณะที่บัณทิตท้ังหลายกล่าวไว้ว่า
“คนรู้ธรรมชอบเอาชนะผอู้ นื่ แ ต่คนม ธี รรมชอบเอาชนะต นเอง”
ท่ีเลยเถิดไปกว่าน้ันก็เข้าทำนองเลยพระพุทธเจ้า คือเก่งกว่า
พระพทุ ธเจ้าเป็นต้นวา่ คิดคน้ แ ละประกาศส อนแ นวทางก ารป ฏบิ ัตธิ รรม
259 ๒๕๙
ของต นเองว า่ เปน็ ทางล ัดต รง
หากเราพ จิ ารณาค ำเตอื นข องห ลวงป ดู่ ทู่ วี่ า่ อ ยา่ ใหเ้ ลยพ ระพทุ ธเจา้
ก็จะเป็นเคร่ืองเตือนใจว่า จงอย่าอวดดี อย่าบัญญัติสิ่งท่ีพระพุทธองค์
มิได้บัญญัติ หากพ จิ ารณาให้ด ี ในส ามโลกน จ้ี ะห าใครท ี่มีความบริสุทธิ์
อีกท้ังเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาและพระมหาปัญญาเท่ากับพระพุทธองค์
ดังน้ัน หากมีทางลัดกว่าน้ี มีหรือที่พระพุทธองค์จะไม่ทรงบอกทรงสอน
พระองค์สละชีวิตมานับภพนับชาติไม่ถ้วนก็เพื่อค้นหาหนทางหลุดพ้น
คือมรรคมีอ งค์ ๘ หรือศ ลี ส มาธิ แ ละปญั ญาน้มี าป ระกาศส อนแ กส่ ตั ว์
โลกทั้งหลาย แล้วผู้ท่ีประกาศทางลัดเหล่าน้ันเล่า จะมีปัญญาเหนือ
พระองค์เชยี วหรอื ?
แม้หลวงปู่ดู่ก็ยังยืนยันหนักแน่นหลายคร้ังว่าท่านมิได้บัญญัติคำ
สอนแปลกใหม่อันใด ไม่มีคำว่าแบบปฏิบัติของวัดสะแก (นั่นเป็นแค่
ชื่อเรียกท่ีคนอื่นเรียกกันเอง) เพราะมีแต่แนวทางหรือแบบปฏิบัติของ
พระพุทธเจา้ เท่านนั้ อ นั ไดแ้ ก่ มรรคม ีองค์ ๘หรอื บางแหง่ อ าจน ำม รรค
ข้อที่ว่าด้วยสัมมาสติ มามุ่งเน้นเป็นพิเศษดังท่ีเรียกว่าสติปัฏฐาน ๔ คือ
การมสี ติร ะลกึ ในก าย เวทนา จิต แ ละธรรม แ ต่ร ากฐานห รอื ห ลกั ก ารท ่ี
สำคัญท่ีท้ิงไม่ได้ก็คือ “มรรคสมังคี” ได้แก่ความพร้อมบริบูรณ์แห่งศีล
สมาธิและปญั ญามใิ ช่จ ะเอาแตใ่นแงศ่ ลี หรอื ส มาธ ิ ห รอื ปญั ญา เพยี ง
อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ แลว้ ละเลยมรรคตัวอน่ื ๆ ส มาธทิ ่ีไม่อยบู่ นฐานของศ ีล
หรอื ไมม่ ีป ัญญาเปน็ ท ี่หมายหรือไมม่ ีภ าวะแ หง่ ค วามรู้ต่นื เบิกบ านก ็ไม่
๒๖๐ 260
อาจเรยี กวา่ สมั มาส มาธิได้ ป ญั ญาทขี่ าดสมาธิก ็เหมอื นเอาใบม ดี เล็กๆ
ไปโคน่ ต้นไมใ้ หญ่ ย่อมเสียแ รงเปล่า หรือจะเอาแตแ่ กน่ ธรรมแ ล้วล ะเลย
วนิ ยั ห รอื ศ ลี ก เ็ หมอื นแ กน่ ไมท้ ป่ี ราศจ ากเปลอื กแ ละก ระพ้ี ยอ่ มไมอ่ าจต ง้ั
อยู่ไดน้ าน
ดังน้ัน มรรคสมังคีของพระพุทธองค์จึงทรงวางเอาไว้ดีแล้ว ไม่มี
หนทางลัดตรงไปกว่าน้ีแล้ว และข้าพเจ้าก็หมดสงสัยที่เคยคะย้ันคะยอ
ถามหลวงปู่ว่า “แบบปฏิบัติของหลวงปู่เป็นอย่างไรครับ ?” เพราะ
มันจะไม่มีวันได้ การที่หลวงปู่บอกสอนคำบริกรรมไตรสรณาคมน์น้ัน
ก็เป็นเพียงเบ้ืองต้นแห่งการปฏิบัติก่อนจะลาดเอียงเทสู่ครรลองหรือ
แบบป ฏบิ ัติของพระพุทธเจ า้ ต่อไปเทา่ นัน้
ก ารต ดิ ด ี และก ารป ฏบิ ตั จิ นเลยค รอู าจารย ์ เลยพ ระพทุ ธจ า้ เหลา่
นี้ เป็นแค่ตัวอย่างเพียงเล็กน้อยเพ่ือให้ได้ศึกษา เพราะกับดักต่างๆ ยัง
มีอกี มายมาย เช่น ห ลงติดเปน็ เจ้าขา้ วเจา้ ของครูบาอ าจารย์ หรือศ ิษย์
ก้นกุฏิ หลงติดแนวทางที่ตนถนัดว่าเป็นหนทางสายเอกหรือสายเดียว
การย ดึ ติดในความไมย่ ึดต ิดฯ ลฯ
คุณธรรมส ำคัญท ีช่ ว่ ยใหเ้ ราผ า่ นพ น้ ก บั ดกั ไปได้ก็ค ือป ฏปิ ทาท ี่วา่
ปฏิบัตเิ พอ่ื ละ ไม่ใช่ปฏิบตั ิเพอื่ เอาห รอื เพอ่ื ได้เพอ่ื เป็นอะไรท ั้งน้ันรวม
ทั้งควรเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เนืองนิตย์ ประกอบกับยึดถือธรรมคำ
สอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก หากคำสอนใดแม้เป็นของครูอาจารย ์
ที่เรานับถือ แต่ขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ต้องยึดคำสอนของ
261 ๒๖๑
พระพุทธองค์เป็นหลัก หม่ันเข้าหากัลยาณมิตรผู้ปรกติมีปฏิปทาไปใน
ทางห า่ งโลภโกรธห ลงและสุดท้ายไม่ควรลืมค ำสอนคำเตอื นของหลวง
ปู่ดทู่ ี่ว่า“อ ย่าให้เลยพระพทุ ธเจา้ ”
“พ อ”
๒๖๒ 262 ๑๒๑
อารมณข์ ัน
ปรกติหลวงป จู่ ะเปน็ ผ ้มู ีอารมณจ์ ติ แจ่มใสบ อ่ ยครง้ั ท ่านก แ็ สดง
อารมณข์ นั ใหท้ กุ ค นไดน้ งั่ อ มยม้ิ เชน่ เหตกุ ารณค์ รง้ั ห นงึ่ ท ม่ี อี าซ ม่ิ ท า่ นห นง่ึ
ต ามเพอื่ นม ากร าบห ลวงป ู่ ค งด ว้ ยค วามท แี่ กป ระทบั ใจในใบหนา้ ท เ่ี มตตา
ประกอบกับผิวพรรณที่ผุดผ่องของหลวงปู่ แกจึงเผลอจ้องหลวงปู่อยู่
เป็นเวลานาน หลวงปู่จึงหันมาทางอาซิ่มแล้วพูดอมย้ิมว่า “สมัยหนุ่มๆ
ข้าหล่อก ว่าน อี้ กี นะ”ท ำเอาอาซิม่ เกอ้ เขนิ ไปเลยแตแ่ ท้จริงแ ล้วหลวงปู่
จะสอนให้พจิ ารณาอยเู่ นืองๆ ว่าสังขารท้ังห ลายไม่เท่ยี ง ตวั เราในวันนก้ี ็
ไม่เหมอื นกบั ตวั เราในว ันก ่อนอะไรๆม นั กต็ อ้ งเส่ือมไปๆ
อกี ค รง้ั ห นง่ึ น สิ ติ ช ายรว่ ม๑ ๐ค นท มี่ าส นทนาธ รรมป ระจำก บั ท า่ น
มาน่ังเรียงรายอยู่ท่ีม้านั่งข้างหน้าท่านในตอนหัวค่ำวันหน่ึง บางคนก็มา
บ่นเบือ่ โลกให้ทา่ นฟ ังบ างคนก็บอกว า่ อยากบ วชท ่านมองหนา้ ทุกๆ คน
แ ลว้ ก็พูดอ มยิ้มว ่า “พ วกแกน่ะ เบือ่ ไม่จริง เดีย๋ วเบื่อ เดี๋ยวอยาก แ ค่
ไดย้ นิ เสยี งผ หู้ ญงิ เขาพ ดู จ ะ๊ ๆ จา๋ ๆก เ็ สยี วไปถ งึ ก ระดกู ช นั้ ในส ดุ ...เสรจ็
เขา” ท ำเอาบรรดาลูกศิษยท์ ุกคนที่น ั่งอ ยูต่ รงน้ันตอ้ งน่งั ก้มหนา้ ไมก่ ลา้
สบตาท่านเพราะความเขนิ อ ายแ ลว้ ก ็พาก นั ห วั เราะไม่ห ยุด
263 ๒๖๓
นแี่ หล ะห นาค วามไมส่ มำ่ เสมอข องใจเจา้ ของเดยี๋ วเบอ่ื เดยี๋ วอ ยาก
เด๋ยี วฟูเด๋ยี วฟ บุ เดยี๋ วส งบเด๋ยี วไม่ส งบสงั ขารท ง้ั น้นั
ยงั ม เี รอื่ งน า่ ข นั อ กี เรอื่ งก ค็ อื เรอ่ื งข องค นอ ยากถ กู ล อตเตอร่ี เฝา้ ม า
อ้อนวอนขอร้องท่าน ซึ่งโดยปรกติแล้วท่านเป็นผู้ไม่ส่งเสริมและไม่เคย
ให้หวยใครๆ แต่วันน้ัน ท่านคงต้องการให้คนอยากถูกหวยผู้นั้นเลิกมา
ต๊ือทา่ นอ กี ทา่ นจ ึงเขียนเลข๗ตวั ใสก่ ระดาษพ ับไว้ขา้ งต ัวท า่ นแล้วก็
รอเวลาไปเร่อื ยๆจ นกระท่ังใกลเ้วลาห วยออกท ่านจึงย่นื ให้ชายผ ้นู ้ันแ ต่
ทวา่ ส ายเกนิ ไปเสยี แ ลว้ แกวงิ่ ไม่ทันข ้ามป ระตวู ัด ห วยก อ็ อกแ ล้ว ว่ากัน
ว่าตวั เลขตรงไมผ่ ดิ เพ้ียน...คนเราไมป่ ระกอบเหตุอันค วรแตห่ วงั ผ ลเลิศ
ก็จ ะเป็นเชน่ น้เี อง
น อกจากน้ี ย งั มเี รอื่ งช วนให้อมย้มิ เก่ียวกับก ารบ ชู าพระเครอ่ื งข อง
หลวงปู่อีกเรื่องหนึ่ง คือตอนสายวันหนึ่ง มีผู้ไปเช่าพระบูชาขนาดย่อมๆ
ของทางวัดสะแกมาหลายองค์ แล้วก็นำมาขอให้ท่านประสิทธิซ้ำอีก
โดยกล่าวกับหลวงปู่ว่า ขอหลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิตให้ด้วยครับ ผมจะ
นำไปบูชาไว้ทรี่ ถ
หลวงป ่หู วั เราะพร้อมก บั พ ดู ว่า“ ข ้าไม่ใชพ่ ระเฝ้าร ถนะ”
คร้งั ห นึ่ง เคยม ผี กู้ ราบเรียนถ ามหลวงป วู่ ่า “ หลวงป คู่ รับ หลวงป ู่
บวชม าน านเคยค ดิ จ ะส กึ ไหมค รบั ?” ห ลวงป ตู่ อบแ บบอ มยม้ิ ว า่ “ เคยค ดิ
แตถ่ า้ จ ะใหข้ า้ ส กึ ต อ้ งเอาเงนิ ใสใ่ หเ้ ตม็ ป บ๊ี เอาป บ๊ี ม าว างใหท้ ว่ั บ รเิ วณ
นี้แล้วจ ะสึก”
๒๖๔ 264
ท่านก็ชี้มือกวาดไปท่ัวบริเวณ ผู้ท่ีถามก็เลยกราบเรียนท่านว่า
“ถ้าอย่างน ัน้ กค็ งไม่มใี ครหาเงนิ ม าได้เทา่ ที่ห ลวงปูต่ อ้ งการแ น่”
หลวงปทู่ ่านหัวเราะแ ล้วบ อกวา่
“ก ็นนั่ นะ่ ส ิ ข า้ กเ็ลยไม่สกึ ”
“พอ”
265 ๒๖๕
๑ ๒๒
ปัจฉิมโอวาท
แม้ว่าหลวงปู่จะมีอาการเพียบหนัก โดยที่หลายคนไม่ทราบ
เพราะท่านพยายามวางตัวเป็นปรกติธรรมดา หลวงปู่ท่านจะปฏิเสธ
การไปพ บแ พทยม์ าโดยตลอด แ ละท่านก็ไมเ่ คยเดนิ ทางไปรบั การรกั ษา
พยาบาลทโี่รงพยาบาลเลยแ มว้ าระส ุดทา้ ยแห่งส งั ขารข องท่านก็ตาม
ในเรื่องน้ี แม้ครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐานจำนวนมากก็มี
ปฏิปทาเช่นน้ัน ท่านจะไม่ฝืนสังขาร ท่ีสำคัญ ท่านพยายามที่จะไม่เป็น
ภาระรบกวนญาติโยม โดยจะขอใช้วาระสุดท้ายแห่งชีวิตด้วยการเตรียม
จติ เงียบๆอยทู่ ่กี ุฏิของทา่ น
ห ลวงป ไู่ ดก้ ลา่ วก บั ศ ษิ ยท์ ม่ี าก ราบน มสั การท า่ น (ซ ง่ึ เปน็ ค นื ส ดุ ทา้ ย)
ให้ทราบด้วยใบหน้าปรกติว่า “ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดในร่างกายข้า
ทไ่ีมเ่จ็บปวดเลย ถ้าเปน็ คนอ น่ื คงเข้าห อ้ งไอซ ียูไปนานแ ลว้ ” ทา่ นยงั
บอกอีกด้วยวา่ “ข้าจะไปแ ล้วนะ”
สุดท้ายของการส นทนาหลวงปยู่ งั ได้เมตตาอบรมส ่งั สอนซ ่งึ เปน็
เหมอื นด ง่ั ป จั ฉมิ โอวาทวา่ “ถ งึ อ ยา่ งไรก อ็ ยา่ ไดท้ งิ้ ก ารป ฏบิ ตั ิ นกั ป ฏบิ ตั กิ ็
เปน็ เหมอื นน กั ม วย เมอื่ ข น้ึ เวทแี ลว้ ก ต็ อ้ งช กอ ยา่ ม วั แ ตต่ ง้ั ท า่ เงอะๆงะๆ ”
๒๖๖ 266
แม้ว่าหลวงปู่จะละสังขารไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยขันติธรรมและ
จิตใจอันเด็ดเดี่ยวที่ท่านได้กระทำให้ศิษย์ได้เห็นโดยเอาองค์ท่านเองเป็น
แบบอย่างน้ัน จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ศิษย์ทั้งหลายได้ตระหนักใน
คำพ ดู ของท่านที่ว่า“ก ารจ ะป ฏบิ ัตใิ ห้รู้ธรรมเหน็ ธรรมต อ้ งทำจ รงิ ...
จะได้ อ ยู่ทที่ ำจ รงิ ”
การจัดเตรียมงานศพท่านเป็นไปโดยคณะศิษย์ท้ังฝ่ายสงฆ์และ
ฆราวาส ทุกคนแม้ว่าจะได้ทำใจกันมามากแล้ว และดูเหมือนจะ
ยอมรบั ถ งึ ค วามเปน็ ธ รรมดาแ หง่ ส งั ขารแ ตพ่ อค รน้ั ม กี ารเคลอ่ื นศ พห ลวงป ู่
ขึ้นสู่เมรุเท่านั้น บรรดาลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยต้องพยายามหันหน้าหลบ
สายตาผู้คน เพราะมีน้ำตาท่ีไหลพรากออกมาอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย
หลบกันไปมา ก็หันมาเจอหมู่เพื่อนท่ีมีอาการอย่างเดียวกัน ทีน้ี จึง
รอ้ งไห้ออกม าอย่างไมอ่ ายใคร
“ ห ลวงป คู่ รบั ตอ่ แ ตน่ ไ้ี ปใครจ ะเปน็ ท พ่ี งึ่ แ กพ่ วกก ระผมพ วกก ระผม
ย ังไมไ่ ดต้ นเป็นท่ีพงึ่ ธรรมะข องพวกก ระผมยงั น ้อยน กั หนา พ วกกระผม
ยงั ต ้องการหลวงปคู่ รบั ”
...ม าบ ดั นี้ พ วกเราท กุ ค นม ไิ ดร้ สู้ กึ ว า่ ห ลวงป อู่ ยหู่ า่ งจ ากพ วกเราเลย
เพราะพ วกเราเชอื่ ม น่ั อ ยา่ งท ส่ี ดุ ว า่ ห ลวงป คู่ อยจ ะช ว่ ยเหลอื ส นบั สนนุ ก าร
ปฏบิ ัติข องเราแต่ละค นๆ อยทู่ ุกเม่อื แ ละผลการป ฏบิ ัติของเรา กท็ ำให้
เราล กึ ซง้ึ ในค ำสอนของหลวงปู่มากยิง่ ขนึ้ แ ละทำใหเ้ราร้จู ักหลวงป ดู่ ีขึน้
พรอ้ มก บั ค วามเคารพรกั ในอ งคห์ ลวงป ทู่ มี่ มี ากข น้ึ ๆ เปน็ ล ำดบั ด ว้ ยเชน่ ก นั
“พ อ”
267 ๒๖๗
๑๒๓
เปรตปากซอย
นับเป็นระยะเวลาร่วมปีท่ีภายหลังจากทำบุญและปฏิบัติภาวนา
กับหลวงปู่ในยามค่ำคืน หลวงปู่มักจะพากรวดน้ำให้กับเปรตที่อยู่
บรเิ วณป ากท างแ ยกถนนสายเอเชยี ท่ีจ ะเลี้ยวเขา้ วัดสะแก
ตรงบริเวณนี้ ได้ยินมาว่าเกิดอุบัติเหตุบ่อยคร้ัง มีคนตายมาแล้ว
หลายคน ในจำนวนน้ี ข้าพเจ้าคิดเอาเองว่า คงมีบางคนท่ีได้ภพภูมิที่
ไม่ดี เชน่ เปรตและอ สุรก ายเปน็ ต้น ห ลวงปู่จงึ ไดเ้ มตตาใหเ้ ราก รวดน ้ำ
ใหเ้สมอๆท า่ นว า่ เปรตต นน ้ี ก า้ วเดนิ เพยี ง๓ กา้ วก ถ็ ึงว ัดส ะแกข า้ พเจา้
นกึ ในใจว า่ ร ะยะท างจ ากป ากท างว ดั ส ะแกม าถ งึ ทว่ี ดั อ ยา่ งน อ้ ยๆ ก ็ ๓ ก ม.
โอ้โฮเปรตตัวนี้มนั จ ะสูงขนาดไหนห นอ
ท่ีสำคัญ เวลาท่หี ลวงปู่บอกใหพ้ ร ซง่ึ เป็นเวลาค ่ำม ืดอยนู่ นั้ มกั
ทำให้ขา้ พเจา้ พรอ้ มด้วยห มู่คณะต อ้ งข นลกุ ท ุกท ี เพราะบ รรดาส นุ ขั ใน
วดั ท ีม่ ีอยู่นบั ส บิ ต ัว จะพ ากนั หอนรับอย่างพร้อมเพรียงก นั ท้งั ๆ ที่ไม่ได้
ตรี ะฆังให้กระเทือนโสตป ระสาทพวกมนั แต่อ ยา่ งใดเลย
เร่ืองนี้ ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักถึงกฎแห่งกรรมที่พระพุทธองค์
ทรงส่งั ส อนใหพ้ วกเราไดร้ บั รู้ แ ละนี่คงเปน็ เปรตจำพวกสดุ ทา้ ยค อื พวก
๒๖๘ 268
ท่ีมีกรรมเบาบางลงบ้างแล้ว ถึงได้อยู่ในข่ายท่ีสามารถรับบุญ มิเช่นนั้น
แล้วท่านก็คงไม่อาจฝืนก ฎแ หง่ กรรมได้ เปรตต นน้ีรบั บุญจากห ลวงป ู่
อยู่ร่วมปี หลวงปู่จ งึ มไิ ดก้ ลา่ วถ งึ มนั อ ีก กไ็ ด้แ ต่หวังว า่ ม ันคงหลาบจำใน
วบิ ากก รรมแล้วจ ะไดเ้ลอื กทำแ ตก่ รรมทีด่ ๆี เนอ้
“พ อ”
269 ๒๖๙
๑๒๔
พระของหลวงปู่
เม่ือลำดับภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต ในส่วนที่เก่ียวข้องกับ
ปฏิปทาของหลวงปู่ต่อพระเครื่องท่ีท่านอธิษฐานจิต ส่ิงท่ีสังเกตได้
ชดั เจนอ ยา่ งห น่งึ ก็ค ือท่านกำลงั ส รา้ งส ิ่งทีจ่ ะเป็น“เครือ่ งม อื ” ในการ
สรา้ งค วามด ี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป ฏิบตั สิ มาธภิ าวนา มากกวา่ คำว ่า
“เครือ่ งราง”
แมท้ า่ นจ ะกลา่ วว า่ “ ต ิดว ตั ถมุ งคล ก ย็ ังด กี ว่าตดิ ว ัตถุอัปมงคล”
ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันท่านก็ไม่ให้ไปลุ่มหลงหรือยึดติดเสียจน
ละเลยเป้าหมายสำคัญของแต่ละชีวิต น่ันก็คือการพัฒนาให้ตนเป็น
ท่ีพ่งึ แ หง่ ต น
วนั ห นงึ่ เพอื่ นค นห นง่ึ ข องข า้ พเจา้ ไปเชา่ ว ตั ถมุ งคลท ท่ี า่ นอ ธษิ ฐาน
จติ ให้ก บั ทางวัดสะแกจ ำนวนกว่า๒๐ชิน้ นำมาขอให้ท่านอธษิ ฐานจิต
ซ้ำอีก ครั้งนั้น เพ่ือนของข้าพเจ้าต้องสะดุ้งด้วยถ้อยคำท่ีค่อนข้างดัง
ของท า่ นทว่ี า่ “ แ กจ ะเอาไปข ายห รอื พระข องข า้ นะ่ ท ำ (ป ฏบิ ตั )ิ ใหจ้ รงิ
องคเ์ ดยี วก็พ อแล้ว”
ในทางตรงก นั ขา้ ม เพ่อื นของข้าพเจา้ อกี ค นห นึง่ เป็นค นที่ไม่
๒๗๐ 270
สะสมวัตถุมงคลเอาเสียเลย มีก็แต่พระที่หลวงปู่มอบให้กับมือเท่าน้ัน
จนวันหน่ึงทางวัดกำลังนำวัตถุมงคลรุ่นหนึ่งที่หลวงปู่เมตตาอธิษฐานให ้
ออกมาใหเ้ ช่าบูชา แต่ด ้วยความทเี่ พือ่ นค นน ้มี ิไดใ้ สใ่ จ จ งึ ไม่ไดข้ วนขวาย
ไปเชา่ ท หี่ ลงั ว ดั ห ลวงป จู่ งึ เอย่ ก บั เขาว า่ “ถ า้ ข า้ เปน็ แ กข า้ จ ะไปบ ชู าเอาไว้
สักอ งคส์ องอ งค์นะ”
ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลามีคนมาถามหาเพ่ือจะขอ
บูชาพระเครื่องจากท่าน ท่านก็จะบอกว่าไม่มี ฉันไม่ได้ทำ พระเป็น
ของวัด ไปเช่าที่หลังวัดโน่น ท่านเคยบอกให้ข้าพเจ้าฟังว่าท่านมีหน้าท่ี
เสกพระเท่านนั้ เสกแลว้ ก แ็ ลว้ ก นั เร่อื ง(จ ำหน่าย)พระ เป็นเรือ่ งของ
ทางว ดั ถือเป็นของส งฆท์ ้งั หมด
หลวงปู่เคยพูดติดตลกว่า พระท่ีท่านอธิษฐานจิต แม้จะไม่เป็นท่ี
หน่ึงแตก่ ไ็ ม่เปน็ รองใคร
ท่านเคยเตือนให้ระวังรักษาพระของท่านว่า “...ใครเขาจะทำ
(อธษิ ฐาน)ให้เหมอื นอย่างทีข่ ้าท ำพ ระที่ข า้ ท ำแ กจงร ักษาใหด้ ี...”
แต่มีเหตุการณ์ท่ีสำคัญมากท่ีเกิดกับเพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่ง
ซึ่งมีฐานะไม่สู้ดีนัก เขาได้แต่มองดูพระเคร่ืองหลวงปู่ท่ีเพ่ือนๆ ของเขา
ไปห าเช่ากันมาแตต่ ัวเขาเองน้ันไมม่ ีสต างค์จะไปเชา่ บ้าง
คำ่ คนื น ้นั เขานงั่ อยใู่นห้องพระเพยี งลำพงั น กึ นอ้ ยใจในว าสนา
บารมีของตัวเอง แล้วบ่นต่อหน้ารูปหลวงปู่ท่ีบูชาอยู่เบื้องหน้าว่า
ลูกอยากได้พระเครื่องของหลวงปู่เหลือเกิน ทำยังไงลูกจึงจะมีวาสนามี
271 ๒๗๑
พระเครื่องร ุน่ ทเ่ี ขาน ยิ มกันบา้ ง เพราะลูกไมม่ ีเงิน จ ากนน้ั เขาก ็เร่มิ
นั่งส มาธ ิ น ง่ั ปฏบิ ัติไปได้ส ักค ร ู่ ส่ิงอัศจรรยก์ บ็ ังเกิดข ้นึ กับเขา เมือ่ อ ยูๆ่
ปีติเกิดขึ้นท่วมท้นกายใจของเขา เขาเห็นแสงสว่างโพล่งไปหมด แล้วก็
เห็นนิมติ อ งคพ์ ระ พรอ้ มก บั เสียงพ ูดวา่ “ ข า้ ใหพ้ ระก บั แก เป็นพระเกา่
พระแท้” เพ่ือนผู้น้ี ร้องไห้ออกมามาก เขาเข้าใจในทันทีว่า พระเก่า
พระแท้ที่หลวงปู่ตั้งใจให้เขาก็คือการปฏิบัติธรรมน่ันเอง เพราะพระสติ
พระปัญญาอันเป็นผลจากการปฏิบัติธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นท่ีพ่ึงที่
เทยี่ งแท้กว่าพระภายนอก ดงั นนั้ จ งึ ไม่เป็นป ัญหาอีกแล้ว เพราะแ ม้จะ
ไมม่ พี ระเคร่อื งข องท ่าน แตเ่ ขาก็ภมู ใิ จท หี่ ลวงป ูม่ อบพระทีม่ คี ่าสูงสุดแ ก่
เขาแลว้ ซึง่ เป็นพ ระท ใ่ี ครๆ จ ะม าแย่งช ิงเอาไปจากเขามไิ ดเ้ ลยแ ละจะ
อยู่กบั เขาต ลอดไปตราบเทา่ ท่เี ขาไม่ละทิ้งการปฏิบัติ
ในสมัยท่ีข้าพเจ้าและหมู่เพื่อนเข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่นั้น
ด้วยความท่ีพวกเรายังไม่มีปัจจัย เพราะยังเรียนหนังสืออยู่ แม้แต่เงินท่ี
เอาไปซื้อดอกบวั ถวายท่าน ท่านยังบอกว ่าทีหน้าทีหลังไม่ต้องเสยี เงนิ ไป
ซื้อมาถวายนะ แค่นึกน้อมดอกบัวตามบึงตามสระในระหว่างทางท่ีเดิน
ทางผา่ นมาน้อมจ ติ ย กขน้ึ ถวายพ ระพุทธเจ้าก็ใช้ไดแ้ ลว้
ดงั น นั้ เงนิ ท องท จี่ ะเอาไปเชา่ พ ระเครอื่ งม าส ะสม จ งึ ถ อื วา่ เปน็ เรอ่ื ง
ท่ไี กลตวั แ ต่อย่างไรก ็ตาม ด้วยจิตท ย่ี ังมคี วามโลภอยากไดพ้ ระเคร่ือง
โดยเฉพาะข องส ายท า่ นพ ระอ าจารยม์ นั่ แ ละเจา้ ค ณุ น รฯขา้ พเจา้ ก บั เพอ่ื น
บางคน(ทชี่ อบทางน้ี)จ งึ ไปหาเชา่ พระ(ท ่ีท ำเลยี นแ บบ)จากตลาดพระ
๒๗๒ 272
ราคาเหรยี ญล ะ๑ บ าท ม ที ง้ั เหรยี ญห ลวงป ฝู่ น้ั ห ลวงป แู่ หวนห ลวงป ขู่ าว
เจ้าคุณนรฯ ฯลฯ มาขอให้ท่านเมตตาอธิษฐานให้ ซ่ึงท่านก็เมตตา
อธิษฐานให้ตามท ่ีเราปรารถนา
หลวงปู่ยังให้ความรู้เสริมแก่พวกเราว่า หากเป็นรูปถ่ายของ
ครูบาอาจารย์ที่ท่านสำเร็จแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอธิษฐานจิตแต่อย่างใด
สว่ นโลหะน ี่ ตอ้ งท องคำห รอื ต ะกว่ั จ งึ จ ะรบั พ ลงั ไดด้ ที สี่ ดุ ( เพราะอณลู ะเอยี ด
สงั เกตจ ากก ารท ส่ี ามารถน ำม าตเี ปน็ แ ผน่ บ างๆ ได)้ แ ตห่ ากเปน็ พ ลาสตกิ
ทา่ นว่าเสกย าก ต้องใช้เวลามากห นอ่ ยก วา่ จะเตม็
พระเครื่องของท่านถูกเปรียบไว้หลายนัย บ้างก็ว่าเหมือนหม้อ
แบตเตอร่ี เพราะเวลาเอามากำไว้ในมือ จะรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้า
ออ่ นๆ ไหลผ า่ นบ า้ งก ว็ า่ เหมอื นต ำรา เพราะห ากป ฏบิ ตั ไิ ดล้ ะเอยี ดจ ะเปน็
แ หลง่ ค น้ ควา้ ธ รรมะไดไ้ มร่ จู้ บ บา้ งก ว็ า่ เหมอื นส อื่ เพราะส ามารถส อื่ ไปถ งึ
องค์คณุ แ หง่ พระร ัตนตรัยห รือครบู าอาจารย์ท ้ังห ลาย
สำหรับผู้ท่ีคิดแต่ในแง่ “วัตถุมงคล” เพียงอย่างเดียว ก็มีส่ิงน่า
คิดพิจารณาว่าถึงแม้ว่าเราจะมีของดีขนาดไหนติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา
แต่หากเราต้ังอยู่ในความประมาท ก็ไม่มีอะไรมาช่วยให้เราแคล้วคลาด
ได้ ดังตัวอย่างลกู ศิษยค์ นห น่ึงท่ปี ระสบอบุ ตั เิ หตเุ สยี ชวี ิตทัง้ ท่ีหอ้ ยวัตถุ
มงคลข องท า่ น น น่ั ก เ็ พราะค วามท เ่ี ขาม ไิ ดร้ กั ษาศ ลี ๕ แ ถมย งั ข บั ร ถข ณะ
มนึ เมา
นอกจากน้ีก็ยังมีอุทาหรณ์กรณีเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเอาพระท่ี
273 ๒๗๓
ทำใหมแ่ ตผ่ สมผ งพระข องหลวงป่ไู ปล อง โดยใส่ไวใ้ นป ากปลา แลว้ เอา
มดี ก รดี ท ท่ี อ้ งป ลาป รากฏว า่ ก รดี ไปห ลายท กี ย็ งั ไมเ่ ขา้ ก เ็ ลยเอาพ ระอ อก
จากป ากปลา แ ล้วกร ีดใหม่ ทนี ก้ี รดี เขา้ ปลาก็เลยร ับทกุ ขเวทนาม าก
จนตาย แต่ดูเหมือนว่าวิบากกรรมจะตามมารวดเร็วเหลือเกิน เพราะ
ภายห ลังเหตุการณป์ าณาติบาตครงั้ น ้ีไมน่ าน เด็กพวกน ก้ี ไ็ ปม เี รื่องก บั
กลมุ่ เดก็ ว ยั รนุ่ ด ว้ ยก นั เดก็ ค นน น้ั ถ กู ศ ตั รเู อาม ดี ไลฟ่ นั ท ห่ี ลงั จ นเหวอะห วะ
โชคดีที่ย งั ไม่ถ ึงก ับเสยี ช ีวิต
พระเครื่องในแง่หน่ึงจึงเหมือนเครื่องมือทั่วๆ ไปท่ีผู้ใช้ต้องรู้จัก
ใช้ให้ถกู เพือ่ ไมใ่ ห้เกิดโทษ ด งั ทหี่ ลวงปู่เน้นม ากวา่ จะทำอะไรก ต็ ้องท ำ
ด้วยปัญญา
“พ อ”
๒๗๔ 274 ๑ ๒๕
โยมอุปฏั ฐาก
ลงุ แ กละเปน็ ค นท ห่ี ลวงป ชู่ บุ เลยี้ งต งั้ แ ตย่ งั เลก็ ๆ รวมท ง้ั ส อนห นงั สอื
ใหด้ ้วยองคท์ ่านเอง ล งุ แกละเลา่ ใหข้ ้าพเจา้ ฟ งั ว่า สมัยท ่ีลุงย งั เดก็ ๆมา
อาศัยหลวงปู่อ ยนู่ ั้น ท่านด มุ าก เวลาลงุ แ อบหนไี ปเทย่ี วเล่น พ อกล ับมา
หลวงปู่กจ็ ะรอท่าเพอื่ ทำโทษใหร้ ู้วา่ เวลาไหนควรท ำห รอื ไม่ทำอะไร
ลุงแกละช่วยงานหลวงปู่หลายอย่าง เช่น ล้างเท้าถวายท่าน
เช็ดถูปัดก วาดกุฏิ รวมทั้งเทพ ระองค์เล็กองค์นอ้ ย ต ามแต่หลวงป ู่จะ
มอบห มาย
ลุงแกละมีบ้านอยู่คนละฟากฝ่ังคลองของวัดสะแก แต่พายเรือ
เด๋ียวเดียวก็ถึง ทุกวัน ลุงแกละจะพายเรือนำอาหารมาถวายหลวงปู่
ไม่ยกเว้นแม้หลวงปู่จะละสังขารไปแล้ว บางวันความดันขึ้นสูงมาก
ลงุ แกละกจ็ ะอธิษฐานใหพ้ ายเรือไปให้ถ ึงว ัดดว้ ยความป ลอดภัย
ขา้ พเจา้ เคยถามลงุ แ กละวา่ อยู่ต ัวค นเดยี วเช่นน้ี แล้วแ ถมย งั มโี รค
ม ารมุ ล อ้ มไมน่ อ้ ยเลยล งุ แ กละรสู้ กึ ก ลวั ต ายบ า้ งไหมล งุ แ กละต อบข า้ พเจา้
ว่า ลุงซ้อมตายทุกคืน พอจะหลับตานอน ลุงจะบอกตัวเองว่าทรัพย์
สมบตั ิตา่ งๆร วมท ้งั ร า่ งกายข องเรา มันไม่ใช่ของเรา ล งุ จ ะหลับตาน อน
275 ๒๗๕
เสมอื นห นงึ่ ว า่ น คี่ อื ก ารน อนค นื ส ดุ ทา้ ยข องล งุ ล งุ จ ะห ลบั ไปพ รอ้ มก บั ก าร
ระลกึ ถึงองค์ห ลวงป ู่
มเี หตกุ ารณส์ ำคัญทลี่ งุ แกละเล่าให้ขา้ พเจ้าฟัง ซง่ึ เป็นเหตกุ ารณ์
ทีล่ ุงเกอื บเอาชวี ติ ไม่รอด ก ล่าวค อื ในสมยั ท หี่ ลวงป ูย่ ังม ชี ีวิตอ ย่นู ัน้
วันห นงึ่ ลงุ ซงึ่ เทา้ ยงั เปยี กอย่ ู ไม่ทันระวังต อนเสียบปลก๊ั ไฟ ท ำใหไ้ ฟช ็อต
แวบแ รกล งุ รอ้ งต ะโกนในใจใหห้ ลวงป ชู่ ว่ ยด ว้ ย แ ลว้ ก ช็ าไป ส กั อ ดึ ใจเดยี ว
ก็เหมือนมีมือค นแข็งแ รงม ากระชากอยา่ งแรง ทำใหต้ ัวลุงห ลุดออกจาก
ปลก๊ั ไฟ
บ่ายเย็นวันน้ัน ลุงได้ทราบจากคนที่อยู่กับหลวงปู่ในช่วงเวลา
ที่เกิดเหตุ ว่าอยู่ๆ หลวงปู่ก็มีเลือดกำเดาไหล คนท่ีอยู่ที่น่ันเรียนถาม
หลวงปู่ว่าหลวงปู่เป็นอะไร หลวงปู่ตอบว่า “ข้าไปช่วยเจ้าแกละมัน
ถ้าไม่ช่วยมนั อาจตายได้” ช ายค นน ้ันก็อุทานว า่ ทำไมหลวงปตู่ ้องทำ
ถงึ ขนาดน ้ีด ว้ ยหลวงป ู่ตอบว า่ “ แกละเขาชว่ ยอ ุปฏั ฐากข ้า”
พจิ ารณาด เู ถดิ ห ลวงป ทู่ า่ นเมตตาก บั ล กู ศ ษิ ยข์ องท า่ นม ากเพยี งใด
ขนาดว่าชีวิตของท่าน ท่านก็มิได้ใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงบุคคลผู้ท่ีมี
บญุ ค ณุ ต อ่ ท า่ นท ำใหข้ า้ พเจา้ ระลกึ ถ งึ ป ระวตั ขิ องพ ระส ารบี ตุ ร อ คั รส าวก
เบื้องขวาข องพระพทุ ธเจา้ ท มี่ คี วามกตญั ญสู ูง หาผ ู้เสมอเหมือนได้ยาก
แม้ในบุคคลผู้เคยใส่บาตรด้วยข้าวเปล่าแก่ท่านเพียงทัพพีเดียว ท่านก็
ยงั ไมเ่ คยลืมบ ญุ ค ุณของเขา กระทง่ั ได้เปน็ ธ รุ ะจดั การงานบ วชให้แกเ่ขา
ด้วยต้องการต อบแทนคุณแ กเ่ ขา
๒๗๖ 276
บดั น้ี ลุงแกละไดล้ ะสงั ขารไปแลว้ ด ว้ ยจิตใจของนักปฏบิ ตั ิ ส มก บั
เปน็ ลกู ศษิ ยแ์ ละโยมอปุ ฏั ฐากคนสำคญั คนหน่งึ ของหลวงป ดู่ ู่
“พอ”
277 ๒๗๗
๑ ๒๖
หลวงปหู่ าย
หลวงป ู่เปน็ พ ระท รี่ ะมัดระวงั ในเร่ืองว ินัยส งฆ์อย่างย ่งิ โดยเฉพาะ
ในเร่ืองอวดอุตริมนุสธรรม หลวงปู่มักไม่ปรารภถึงภูมิจิตภูมิธรรมของ
ตนเองห ากจ ะป รารภก ม็ กั ป รารภในท างถ อ่ มต วั เชน่ “ข า้ ย งั ม ดื อ ยเู่ ลย”
(แท้จริงแล้ว น่าจะหมายถึงจุดมืดอันเล็กน้อยท่ียังมีในดวงจิตของ
พระโพธิส ัตวเ์ จา้ ท เี่ ปน็ ตวั เหนี่ยวรัง้ ไมใ่หท้ า่ นตดั กระแสเขา้ ส ูน่ ิพพาน--
ความเหน็ สว่ นตวั )
หลวงปู่ดักทายใจและล่วงรู้ความเป็นไปของลูกศิษย์ได้อย่าง
ไม่มีท่ีปกปิด แต่ท่านก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ แต่ลูกศิษย์ต่างก็มี
ประสบการณต์ รงในเรอ่ื งน ้ี ด งั เชน่ ค รง้ั ห นง่ึ ท ข่ี า้ พเจา้ ก ราบเรยี นถ ามห ลวง
ปวู่ า่ เวลาป ตี เิ กดิ ข น้ึ ม กั จ ะรสู้ กึ เหมอื นล งล ฟิ ต์ ล กึ ล งๆ อยา่ งห าท จ่ี บไมไ่ ด ้
หลวงป กู่ ถ็ ามก ลบั ว า่ ใหส้ งั เกตด วู า่ แ กน งั่ ก ม้ ห นา้ ห รอื เปลา่ ข า้ พเจา้ ก ลบั ม า
น่งั ท ่บี า้ นค ืนน ้ันพ อเกิดป ีติอ ย่างเกา่ ก ็ลมื ตาข ้นึ มาด ูต วั เองผ ลคือข ้าพเจ้า
ตอ้ งต กใจเพราะข า้ พเจา้ ก ม้ ห นา้ อ ยา่ งม าก ด ว้ ยค วามท เ่ี ราม อี าการค ลา้ ย
จะเคน้ ปตี ิน้ันให้แรงข นึ้ (ต ามป ระสาค นหลง) โดยท่ีตวั เราเองก ็ไมร่ ู้ตัว
แต่เหตไุ ฉน ห ลวงป จู่ ึงทราบได้ทงั้ ท่เี ราน ่ังป ฏิบัตอิ ยู่ท่ีบ้าน
กับลูกศิษย์บางคนที่ยังต้องอาศัยเรื่องฤทธิ์เดชมาเป็นเคร่ืองล่อ
๒๗๘ 278
หลวงปกู่ ไ็ ดส้ ร้างความอศั จรรย์ให้ปรากฏอกี เช่นคราวห นงึ่ หลวงปเู่ ดนิ
มาคุยกับเพื่อนของข้าพเจ้าท่ีมุมหนึ่งบนหอสวดมนต์ กำลังคุยกันอยู่ดีๆ
เพอ่ื นข องข า้ พเจา้ ห นั ก ลบั ม าท างหลวงป ู่ กไ็ มเ่ หน็ ท า่ น เขาต อ้ งต กต ะลงึ
เมอ่ื ห ลวงป ไู่ ปย นื ย ม้ิ อ ยอู่ กี ม มุ ห นงึ่ ข องห อส วดม นตภ์ ายในเสย้ี วว นิ าที ท ง้ั ๆ
ทที่ า่ นชราภาพมากแลว้ แตป่ รากฏการณท์ ำนองน ้ี หลวงป กู่ ็ไม่เคยพูด
อวดออกมาเลย น้อยหน่ึงก็ไม่มี เพราะหลวงปู่ท่านยังเน้นท่ีธรรมะ
ปฏิบตั มิ ากก ว่าอยา่ งอ ่ืน
เรอ่ื งอ ศั จรรย ์ ห ากไมโ่ ยงไปท ศ่ี รทั ธาในพ ระร ตั นตรยั หรอื ศ รทั ธา
และความเพียรในก ารปฏิบัติข ดั เกลาตนเอง ความอ ัศจรรยน์ นั้ ก็จะก ลับ
ทำให้เราลุม่ ห ลงแ ละเสียเวลาอ นั ม คี ่าไปได้ ด ังที่หลวงปู่กล่าวย ้ำเสมอๆ
วา่ “เวลาเหลอื นอ้ ยแล้ว ใหร้ ีบพากนั ปฏิบัติ”
“พอ”
279 ๒๗๙
๑๒๗
เร่ืองเลา่ ของเฮยี อ ู๋
ผู้ที่ไปกราบนมัสการหลวงปู่ในช่วงหลังๆ มักจะได้พบปะสนทนา
กับเฮียอู๋ เฮียอู๋เป็นคนอำเภอวังน้อย มีบุคลิกภาพเปิดเผย จริงใจ
และตรงไปตรงมา แกพูดจาเสียงดังฟังชัด เล่าเร่ืองต่างๆ อย่าง
สนกุ สนาน
เฮียอู๋คอยดูแลรับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่ด้วยความเคารพนบนอบ
และให้ความยำเกรงในองค์หลวงปู่ กล่าวคือเม่ือท่านให้ความเมตตา
เฮียอู๋ก็ไม่เคยแสดงอาการที่เรียกว่า “ลามปาม” ครูอาจารย์ ...สมเป็น
แบบอยา่ งโยมอปุ ฏั ฐากที่ดี
เฮียอู๋คนนี้เองท่ีนำเร่ืองท่ีไม่เคยมีใครทราบมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง
เลา่ ไปน ำ้ ตาแ กก ไ็ หลอ อกม า แ กเลา่ ใหฟ้ งั ว า่ จ ะห าใครข เี้ กรงใจเทา่ ห ลวงป ู่
เป็นไม่มี ครั้งหน่ึงท่านอาพาธ แค่ท่านจะขอให้แกไปซื้อยาจากร้านค้า
ใกลๆ้ ว ดั ม าใหท้ า่ นทา่ นย งั ต อ้ งค อยใหเ้ ฮยี อ เู๋ สรจ็ ธ รุ ะแลว้ เอย่ ป ากขอรอ้ ง
แกอยา่ งเกรงใจเป็นท ี่สดุ โถครบู าอาจารย์อนั เป็นท ่ีเคารพร กั ส งู สดุ กับ
เรอ่ื งเล็กน อ้ ยเพยี งเท่าน้ีทำไมท า่ นต้องเกรงใจผ มด้วย(เฮียอ ๋นู กึ ในใจ)
แต่เร่ืองที่สะเทือนใจเฮียอู๋มากท่ีสุด ก็คือการท่ีได้พบความจริง
๒๘๐ 280
ตอนขอโอกาสท ายาถวายทา่ นท บ่ี ริเวณก้นเพราะเฮยี อ๋เูพิง่ ไดม้ าเหน็ วา่ ท่ี
ก้นของหลวงปู่เต็มไปด้วยฝีแผลท่ีมีรอยแตกซ้ำๆ ซากๆ เพราะความท่ี
ทา่ นต อ้ งนั่งรบั แขกท ุกวี่ทกุ วนั บนไมก้ ระดานแข็งๆเปน็ เวลาน ับสบิ ๆ ป ี
...เฮียอ ู๋ทายาไปกอ็ ดท ่ีจะกล้นั นำ้ ตาเอาไวไ้มไ่ ด้
เฮียอู๋ได้ทำหน้าท่ีรับใช้หลวงปู่อยู่หลายปี โดยมิได้แสดงอาการ
เป็นเจ้าขา้ วเจ้าของครบู าอาจารยเ์ ลย อกี ท ้งั ยังร ะมัดระวงั ข องส งฆ์เป็น
ท่ีสดุ เฮียอ ู๋ยงั เลา่ เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ให้ฟงั ว่าหลวงป ู่เปน็ ผทู้ ่มี ัธยัสถ์มาก
ในช่วงบ่ายๆ ที่แขกกลับไปหมดแล้ว หลวงปู่จะเดินไปหยิบหนังสติ๊กท่ี
ตกหล่นเอามารวมแขวนไว้ที่ตะปู เพราะท่านเห็นว่ายังใช้ประโยชน์ได้
เฮียอู๋เลา่ ให้ข า้ พเจา้ ฟังว ่า “ คุณรู้ไหมหลวงปรู่ ักเอน็ ดพู วกค ุณข นาดไหน
เวลาคณะของพวกคุณจะเดินทางมาสนทนาธรรม หรือพักค้างปฏิบัติ
ธรรมท่วี ัดห ลวงปจู่ ะท ราบล ว่ งห น้า และจ ะส่ังใหผ้ มเปน็ ผ เู้ ก็บผลไม้ไว้
ใหพ้ วกคณุ รบั ป ระทาน เพราะก ลัวพ วกคณุ จะห ิวรวมท ้งั ใหจ้ ดั หามุ้งร อ
ทา่ ไว้ให้”
เฮียอู๋ไม่เพียงทำหน้าที่โยมอุปัฏฐากที่ดีเย่ียมเท่าน้ัน เฮียอู๋ยังทำ
หนา้ ทศ่ี ษิ ยท์ ดี่ เี ยยี่ มไมแ่ พก้ นั แ มห้ ลวงป จู่ ะจ ากไปแ ลว้ เฮยี อ กู๋ ย็ งั ค งม าด แู ล
ท่กี ุฏหิ ลวงปมู่ ไิ ดข้ าดอ กี ท ั้งไมเ่คยละท้งิ การปฏิบัติ โดยเฉพาะอ ยา่ งยิง่ ใน
ยามคับขันทีส่ ดุ ข องชีวิตแก เฮียอ ูต๋ อ่ สู้อยา่ งห นกั ก บั ท ุกขเวทนาทางกาย
เพราะโรคมะเร็ง
ใน๒-๓ว นั สดุ ทา้ ยแ กบอกคนที่มาเยย่ี มว่า แกข อบใจ แ ตข่ อ
281 ๒๘๑
เวลาแ กปฏิบตั ิเพอ่ื เตรียมจ ติ จ ะเปน็ ป ระโยชนท์ ี่สดุ กับแ ก
ภรรยาของเฮียอู๋เล่าให้ฟ ังวา่ แกพอใจที่แกส ามารถปฏิบัติยกจิต
ขน้ึ เหนือเวทนาได้ และในท ส่ี ุดแ กก ็ได้ล ะสงั ขารไปอ ยา่ งสมศกั ดิศ์ รขี อง
นักปฏิบัติ และสมศักดิ์ศรีของศิษย์มีครูอาจารย์ดี ภายหลังพิธีเผาศพ
ปรากฏว่ากระดูกของเฮียอู๋ มีสีสันแปลกตา หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก
วัดท่งุ สามัคคธี รรม อำเภอสามชุก จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ซึง่ เป็นพ ระผ ู้ใหญ่
อีกท่านหนึ่งท่ีให้ความเมตตาเฮียอู๋ ได้กล่าวรับรองคุณธรรมของเฮียอู๋
และได้เมตตาให้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของเฮียอู๋ท่ีข้างอุโบสถวัดท่าน
ท่ีสุพรรณบรุ ี เปน็ ก รณพี ิเศษอกี ด ว้ ย
“พอ”
๒๘๒ 282 ๑๒๘
หลงน ิมิต
ในช ว่ งป ลายป ี ๒๕๓๒ ก อ่ นท หี่ ลวงป ดู่ จู่ ะล ะส งั ขาร มปี ระสบการณ์
ที่ข้าพเจ้าไม่อาจลืม เพราะมันคืออุทาหรณ์ในการปฏิบัติธรรมอย่าง
ส ำคญั ทค่ี อยเตอื นไม่ให้เราเดินไปในท างทผี่ ิดท ง้ั ท ค่ี ิดว ่าถ ูก
เพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่งเริ่มมาสนใจเร่ืองปฏิบัติสมาธิภาวนา
โดยเร่ิมจากการอ่านตำรับตำรา และซักถามผู้รู้ต่างๆ เขาเป็นคน
มมุ านะเอาจริงเอาจ งั ม ากเขาเป็นคนม นี ิมิตม ากดว้ ยเช่นก นั เขาเริม่ ม อง
เห็นวิญญาณตามข้างถนนเป็นเร่ืองปรกติ เขานั่งสมาธิได้เป็นหลายๆ
ช่ัวโมงแ ละม คี รูบาอาจารยม์ าสอนในทางนมิ ติ
เดิมทีข้าพเจ้ารู้สึกช่ืนชมในความอุตสาหะในการปฏิบัติสมาธิ
ภาวนาของเขา แต่ก็มาต้ังข้อสังเกตในตอนท่ีเห็นประสิทธิภาพในการ
ทำงานของเขาลดลงเพราะดูเขาจ ะไมอ่ ยกู่ ับป ัจจบุ ันแค่เขาห ยิบเอกสาร
ขึน้ มาอ่านไม่ถึงนาที จติ ข องเขากร็ วมดำดิ่งลงไปไมร่ บั รู้โลกภ ายนอก...
ข้าพเจ้าเร่ิมม่ันใจมากขึ้นว่าเขามาผิดทางแล้ว ตรงท่ีเขามากระซิบกับ
ขา้ พเจา้ ว่า เขาบรรลธุ รรมข ้นั ...แลว้
ข้าพเจ้าตัดสินใจพาเขาไปหาหลวงปู่ดู่ ท่ีวัดสะแกและท่ีน้ีเอง
283 ๒๘๓
ทข่ี า้ พเจา้ เหน็ ล ลี าข องห ลวงป ใู่ นก ารแ กจ้ ติ ข องน กั ป ฏบิ ตั ทิ จี่ ติ ต กภ วงั คแ์ ลว้
ไม่มีกำลงั พ อจะออกจากภวงั คด์ ้วยกำลงั ส ตปิ ญั ญาของตนเอง
หลวงปู่ให้เขาไปน่ังสมาธิที่หอสวดมนต์ (สมัยน้ันยังไม่มี
ประตูกน้ั )จากน้ันทา่ นก ็ส นทนาก ับญ าติโยมไปตามป รกติ
ส กั ค รู่ ทา่ นห นั ห นา้ ไปท างเพอ่ื นท ก่ี ำลงั น ง่ั ส มาธอิ ย ู่ แ ลว้ พ ดู ต ะโกน
ออกไปว่า “ถอนจิตขึ้นมา” ข้าพเจ้าสังเกตเห็นเพื่อนคนน้ันขยับกาย
ฮึดฮดั ข ึน้ ม าบ่งบอกวา่ จติ ถอนอ อกมาร้เู นื้อร ้ตู วั มากข ึน้ ...เหตุการณ์เปน็
ดงั นปี้ ระมาณ๒-๓ เท่ยี ว
หลังจากเหตุการณ์ครั้งน้ัน เพื่อนคนนี้ก็กลับมาทำการทำงานได้
ตามป รกติเพราะม ีกำลงั ท จ่ี ะด งึ จ ติ ตวั เองออกจากภวงั คไ์ ด้
แต่แล้วเหตุการณ์เลวร้ายก็ได้เกิดขึ้น ภายหลังจากท่ีหลวงปู่
มรณภาพในต น้ ป ถี ดั ม าเพราะเขาห ลงน มิ ติ แ ละด ำด ง่ิ ก บั ส มาธอิ ยา่ งเกา่ อ กี
เขาเชอ่ื ม นั่ ว า่ ต นบ รรลธุ รรมแ มไ้ ปบ วชเปน็ พ ระอ ยใู่ นส ำนกั ค รบู าอ าจารย์
ช้นั ผู้ใหญ่ในว งก รรมฐานกไ็ม่แคลว้ ต้องเข้าโรงพยาบาลภายห ลงั ท ำร้าย
ตัวเองตามเสียงน มิ ิตท ม่ี าบอกว า่ ให้ฝกึ ขันตขิ นั้ อุกฤ ษฏ์
เร่อื งน จี้ งึ เปน็ เคร่ืองเตอื นใจข ้าพเจา้ ต ลอดมา และบอกก ับต วั เอง
เสมอๆวา่ “ปฏบิ ัติเพื่อล ะมใิ ชป่ ฏบิ ตั ิเพอื่ เอา” ซ ่งึ ห ลวงปชู่ าก ็เตือน
ลูกศิษย์ในเรื่องน้ีเช่นกันว่า ปฏิบัติธรรมเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อเอา เพื่อเป็น
โสดา ส กทิ าฯลฯไม่ต อ้ งเปน็ ทงั้ นั้น
เรื่องน้ี ทำให้ข้าพเจ้าหนักแน่นขึ้นกับคำสอนหลวงปู่ที่ว่า เขาวัด
๒๘๔ 284
ผลก ารปฏิบตั ิท ่กี ารละโลภ โกรธ หลง มใิ ช่ก ารเห็นน มิ ติ น ั่นน ่ี ก าร
เห็นจะเป็นประโยชน์ก็ต่อเม่ือเชื่อมโยงมาสู่การปฏิบัติชำระกิเลสตนเอง
หากมันจะเป็นอะไร (ตามอย่างทฤษฎี) มันก็จะเป็นไปเองตามสภาวะ
ธรรม โดยท่ีเราไม่เสี่ยงเข้าไปยึดม่ันถือมั่นให้กิเลสอุปาทานเข้าครอบงำ
เราได้ง่ายๆ
จึงขอบันทึกเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนรุ่นหลัง
จะไดไ้ มต่ ดิ “ กับดกั ” ในระหวา่ งท างข องเสน้ ท างส ายป ฏบิ ัติ
อทุ าหรณ์เรื่องนี้ ยังส อนให้รู้วา่ ต วั เช็คอ กี อย่างหนึ่งคือ จ ิตทเี่ปน็
สมาธิที่จัดเป็นสัมมาสมาธิ ต้องมีภาวะรู้ ต่ืน เบิก บาน มิใช่ซึมกระทือ
หรือฟูจัด รวมท งั้ ต้องม ศี ีลเปน็ บ าทฐ าน แ ละม ปี ญั ญาเปน็ ตวั ต อ่ ยอด
มิใช่สมาธิเพอ่ื ส มาธ ิ จนกลายเปน็ ค วามดำด ิง่ ทีเ่ ข้าไปส ่โู ลกสว่ นตวั แล้ว
สุดทา้ ยก ็หลงทาง ไมร่ ทู้ ำไปเพื่ออะไร หรอื ห ลงไปว า่ ตนวิเศษว โิ สกวา่
คนอ ่ืน
“พ อ”
285 ๒๘๕
๑๒๙
ส วดมนต์ ส มาธิ พทุ ธคุณ
ผ เู้ ขยี นเปน็ ช าวไทยเชอ้ื ส ายจ นี ต ง้ั แ ตว่ ยั เดก็ จ นถงึ ว ยั ท ำงานไมเ่ คย
มีความคิดหรือความสนใจในแก่นหรือหลักของพระพุทธศาสนา (วิมุตติ)
แตอ่ ยา่ งใด เพยี งม คี วามเขา้ ใจในค ำส ง่ั ส อนข องพ ระพทุ ธศ าสนาอ ยา่ งผ วิ
เผนิ แ ตไ่ ดป้ ระสบเหตกุ ารณบ์ างอ ยา่ งจ ากก ารท ำงานในต า่ งจ งั หวดั ทำให้
เรม่ิ ม ีความสนใจในเร่ืองข อง “พ ระพทุ ธค ุณ” (พ ลังงานทอ่ี ยู่ในอ งค์พ ระ)
ว่ามีจริงหรือเปล่า ? จึงได้เสาะแสวงหาพระเครื่องของบรรดาพระเกจิ
อาจารย์และพระกรุตา่ งๆ โดยใช้หนังสอื พระเคร่ืองห ลายฉ บบั เปน็ ค ่มู ือ
ในการเรียนรู้แ ละก ารเช่าบชู า ซ ่งึ ผเู้ขียนไดเ้ สยี เงนิ ในการเช่าพระเคร่ือง
ไปเป็นจ ำนวนไมน่ อ้ ย
เน่ืองจากผู้เขียนมีพระเคร่ืองจำนวนมากมายหลายร้อยองค์
ทำให้ไม่มกี ารจ ัดเกบ็ ร กั ษาทีเ่ปน็ ระเบยี บ ม ารดาของผ เู้ ขียนซ ง่ึ ป จั จบุ นั
ไดถ้ งึ แกก่ รรมไปแ ลว้ ท า่ นเปน็ ช าวจ นี แ ผน่ ด นิ ใหญ่ มคี วามเคารพศ รทั ธา
ในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นอย่างมาก
มารดาข องผ เู้ ขยี นเคยเลา่ ใหฟ้ งั ว า่ ทา่ นไดส้ วดม นตม์ าต ง้ั แ ตอ่ ยใู่ นป ระเทศ
จีน เมื่ออายุเพียง๑๕ป ี จนถึงอายุ ๗๐ปี และต ้งั แตผ่ ู้เขยี นจ ำค วามได้
ก เ็ หน็ ม ารดาส วดม นตบ์ ชู าพ ระพทุ ธอ งคแ์ ละพ ระโพธสิ ตั วก์ ว นอ มิ ท กุ ว นั ใน
๒๘๖ 286
ชว่ งต อนเยน็ ไมน่ อ้ ยก วา่ ว นั ล ะ๓ชวั่ โมงโดยป กตลิ กู ห ลานจ ะท ราบเพยี ง
วา่ ม ารดาข องผ เู้ ขยี นม คี วามส ามารถในก ารท ำนาย“โหงว เฮง้ ” (ห มายถ งึ
ก ารด ลู กั ษณะเดน่ ข องใบหนา้ ๕ ป ระการเชน่ ต าใบห ู และจ มกู เปน็ ตน้ )
ซ่ึงท่านดูได้อย่างแม่นยำมาก แต่จะพูดหรือบอกให้ทราบเฉพาะกับ
ลูกหลานและญาติเท่าน้ัน ซึ่งมารดาของผู้เขียนไม่เคยสนใจในเร่ือง
พระเคร่ืองและอ่านภาษาไทยไม่ได้เลย แต่ท่านจะทำบุญตักบาตร
เกือบทุกวัน และมีความเคารพศรัทธาในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(ฟ น้ื ช ตุ นิ ธโร)ว ดั ส ามพระยาว รวหิ าร ก รงุ เทพฯเปน็ ท ส่ี ดุ แ ละย งั น บั ถอื
พระเดชพ ระคณุ พ ระธ รรมม ุนี (แพเขมังกโร)ว ดั พ กิ ุลท องต .พกิ ุลท อง
อ.ท่าช้างจ .สงิ ห์บรุ ีอ ยา่ งย ง่ิ
มอี ยู่วนั หน่งึ ซ ง่ึ เป็นวนั ห ยดุ พกั ผอ่ นข องผ ู้เขยี น มารดาของผ้เู ขียน
ได้ใหผ้ ู้เขยี นท ำการจดั เกบ็ พ ระเครอื่ งตา่ งๆ ท่วี างไว้ระเกะร ะกะใหเ้ ปน็ ท่ี
เรียบร้อย ผูเ้ ขยี นจ งึ นำพระเครอื่ งทมี่ ีอยู่ท้ังหมดออกม าทำความส ะอาด
และวางไว้บนโต๊ะ มารดาของผู้เขียน(ปัจจุบันท่านถึงแก่กรรมไปแล้ว)
ได้เดินมาท่ีโต๊ะซึ่งวางพระเครื่อง พร้อมกับได้หยิบพระเครื่องแยกออก
มาจำนวนหนึ่งประมาณ ๔-๕ องค์ แล้วเลือกพระเครื่องออกมาเพียง
๑องค์ย ่นื ใหก้ บั ผเู้ขยี นอ งค์ท่เี หลือได้ว างกลับลงไปที่เดิม
การตรวจหรือจับกระแสพลังงานพระพุทธคุณของมารดาผู้เขียน
ทา่ นท ำโดยก ารนำพ ระเครอ่ื งพ นมไวใ้ นม อื เสมอห วา่ งอ ก เหมอื นล กั ษณะ
การไหว้พระ และป ิดต าลงท ัง้ ๒ ข ้างทำส มาธิ จากน ้ันสกั พ กั ม ารดา
287 ๒๘๗
ของผเู้ ขยี นจะมีการห าวล มพ รอ้ มม อี าการขนลุกชชี้ นั ก รณีท ่ีพระเคร่อื ง
องค์ใดม ีพระพุทธคุณส งู ค วามถใี่ นการหาวลมจ ะมากแ ละอาการขนลุก
จะขึ้นว าบไปถ งึ ศรี ษะ
มารดาข องผ เู้ ขยี นเปน็ ค นจ นี พ ดู ไทยช ดั บ า้ งไมช่ ดั บ า้ งไดพ้ ดู ภ าษา
จีนแ ปลเปน็ ไทยส รุปบ ทส นทนาได้ความด ังนี้
มารดา : พระเครื่องที่เลือกมาทุกองค์ล้วนมี “พระพุทธคุณ”
สูงมาก แต่องค์ท่ีพระพุทธคุณสุดยอดคือองค์น ้ี (เหรียญหลวงปู่ทวดท่ี
ได้รับการอ ธิษฐานจ ติ ป ลกุ เสกเดยี่ วโดยห ลวงป ดู่ ่ ู พรหมปญั โญวัดสะแก
ซ่ึงขณะน้ันผู้เขียนยังไม่รู้จักหลวงปู่ ทั้งนี้ ผู้เขียนขออนุญาตไม่ระบุชื่อ
รนุ่ เพราะจ ะกลายเป็นการส นับสนนุ ให้เกิดพ ุทธพ าณชิ ย)์
ผู้เขียน : แม่รู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นี้ดี และพระองค์ที่คัดแยก
ออกไปมีพระพุทธคุณน้อยกว่า (พระเครื่องที่มารดาของผู้เขียนคัดแยก
ออกไป ๓-๔ องค์ ล้วนแต่เป็นพระเคร่ืองท่ีเป็นที่นิยมในวงการและมี
ราคาเชา่ บูชาสงู ในระดบั ห ลกั หมืน่ ข้นึ ไปท ั้งสิ้น)
ผู้เขียนได้เดินไปหยิบพระเคร่ืองท่ีเช่าบูชามาในราคาสูงย่ืนให้
มารดาตรวจสอบเพมิ่ เตมิ อกี จำนวนห น่งึ แต่ผลก็ยงั ค งเป็นเช่นเดมิ
มารดา:พระองคน์ ดี้ ี (เหรยี ญทแ่ี ม่เลือกให้)เป็นผอ่ สกั (ค ำว า่
ผ่อสักค อื เปน็ พ ระโพธิสตั วเ์ หมือนกบั เจ้าแ ม่ก วนอ ิม)
ผ้เู ขยี น:พ ระเครื่ององค์น้ีไดม้ าจากก ารทำบญุ (ห มายความวา่ ได้
มาฟรีๆ)จ ะดกี วา่ พระเครอ่ื งองคท์ ีม่ รี าคาแ พงๆ ไดอ้ ย่างไร?
๒๘๘ 288
มารดา:พระเครอื่ งอ งค์ราคาแ พงม ีพระพทุ ธค ุณสงู ม าก มพี ลัง
เหมอื นกบั สายน้ำท่ีไหลมาเร่อื ยๆ แ ละไมข่ าดสาย แต่เหรียญท่ีแ ม่เลือก
ให้ มพี ระพุทธคณุ สงู สดุ ย อด ม พี ลงั เหมือนก ับน ้ำตกท่ีไหลแรงม ากและ
ไมข่ าดส ายเชน่ ก นั (แ มไ่ ดก้ ลา่ วย ำ้ ใหข้ า้ พเจา้ น ำพ ระเครอ่ื งอ งคท์ เ่ี ลอื กให้
นำไปเลี่ยมทองต ิดตวั ไว้ เพือ่ เปน็ ส ริ มิ งคลแก่ต วั )
ด้วยความที่ผู้เขียนยังคงคลางแคลงใจและไม่เช่ืออย่างสนิทใจ
จึงได้ทำการทดสอบใหม่อีกครั้งร่วมกับพี่ชายของผู้เขียน (พ่ีชายของผู้
เขียนกลับมาบ้านในช่วงตอนเย็นและรับทราบจากผู้เขียนว่า เช้าวันน้ี
แม่ตรวจส อบพลังงานพระพทุ ธคุณจ ากพ ระเครื่องได้จงึ อยากเข้ามาร ่วม
วงทดสอบวา่ จริงหรือไม่ เนือ่ งจากพี่ชายของผ เู้ขยี นเองก ็มีน สิ ัยน ิยมชม
ชอบในการส ะสมพระเครื่องอย่างมาก) จ งึ ไดน้ ำพ ระเคร่อื งมาอกี จ ำนวน
หนึ่งค ราวน้ีเป็นพ ระเคร่ืองยอดนิยมของวงการท ่ีมีร าคาเชา่ ห าส ูงม าก
พ่ีชายของผู้เขียนมีความทระนงและมั่นใจสูงมากว่าพระเคร่ือง
ของตนเองจะต้องมีพุทธคุณสูงกว่าเหรียญท่ีมารดาของผู้เขียนเลือกให้
อยา่ งแ นน่ อน แ ตต่ อ้ งพ บก บั ค วามผ ดิ ห วงั เพราะผ ลก ารต รวจส อบพ ลงั งาน
พระพุทธคุณพ บว า่ เหรียญดังก ล่าวมีพ ระพทุ ธค ุณเหนอื กวา่ พระเครอื่ ง
ทกุ อ งคท์ พี่ ช่ี ายข องผ เู้ ขยี นน ำม า (ส ว่ นห นง่ึ เปน็ พ ระเครอ่ื งข องพ ช่ี ายผ เู้ ขยี น
อีกส่วนหน่ึงเป็นพระเครื่องท่ีนำมาจากเพื่อนร่วมวงการ) แต่พี่ชายของ
ผู้เขียนก็ยังไม่เช่ือและคลางแคลงใจยิ่งกว่าผู้เขียนเสียอีก จึงได้เสนอ
ค วามค ดิ ทจี่ ะท ดสอบท่านโดยนำเหรียญที่แมเ่ ลือกไว้๑อ งค์ พระเครอ่ื ง