The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

239 ๒๓๙

สมาธ​ิ จ​ ึง​ขยายอ​ อกม​ าใ​น​ภาค​ปฏิบตั ิ​เป็น​พละ​​๕​​ไดแ้ ก่​ศ​ รัทธา​​วิริยะ​ส​ ติ​
สมาธ​ิ ​และป​ ญั ญา​​ซึง่ ​สต​จิ ะเ​ปน็ อ​ งค์ธ​ รรม​ท​ส่ี ำคัญ​ท​ค่ี อย​ตรวจด​ ใ​ู ห​้ศรัทธา​
กับป​ ัญญาส​ มดลุ ก​ นั ​​รวมท​ ้งั ​ตรวจต​ รา​ให้ว​ ริ ิยะแ​ ละ​สมาธิ​มคี​ วาม​สมดลุ ​เช่น​
เดียวกนั ​
​ ผู้​ที่​เอาแต่​ใช้​ปัญญา​ครุ่นคิด​ ​หาก​ขาด​ศรัทธา​ ​ก็​ไป​ไม่​รอด​เพราะ​
หนทางด​ จ​ู ะแ​ หง้ แ​ ลง้ ​แ​ ละช​ วนใ​หอ​้ อ่ นล​ า้ ​ต​ รงก​ นั ข​ า้ ม​ผ​ ท​ู้ เ​่ี อาแตศ​่ รทั ธาน​ ำ​
โดยข​ าด​การพ​ ิจารณา​ไตร่ตรอง​ทาง​ปญั ญา​ก​็อาจต​ กไ​ป​ส​ู่ความ​งมงาย​​หรอื ​
ไป​ผดิ ท​ ิศ​ผิดท​ างโ​ดยไ​ม่รต​ู้ วั ​
​ ส่วน​ผู้​ที่​มี​ความ​เพียร​ใน​การ​ปฏิบัติ​ ​หรือ​เพียร​ใน​การ​หยิบยก​ธรรม​
ขึ้น​พิจารณา​โดย​ขาด​ปีติ​ ​ขาด​ความ​สงบ​ ​หรือ​ก็​คือ​ขาด​สมาธิ​จะ​พิจารณา​
อะไรก​็ไมช​่ ัดเจน​​อกี ท​ ้ัง​ออ่ นล​ ้า​เ​หมอื น​ผู้ไ​ม​ไ่ ด​้อาหาร​ไมไ​่ ด​้พกั ​ผ่อนท​ ี​่เพยี ง​
พอ​​แต​ถ่ า้ ​สมาธ​มิ ากเ​กนิ ​​โดยไ​ม่มว​ี ิรยิ ะ​มาช​ ่วยใ​ห้​เกิดก​ าร​ทำงาน​และก​ าร​
เฝ้า​ระวัง​ของ​จิต​ ​ก็​มี​แนว​โน้ม​จะ​เป็น​จิต​ที่​ดำ​ดิ่ง​หรือ​ตก​ภวังค์​ไม่รู้​เน้ือ​รู้ตัว​
ไดเ​้ ช่นเ​ดียวกัน​
​ ดังน​ ั้น​ก​ ล่าวโ​ดยส​ รปุ ​ก็​คอื ​​หลวงปู่ท​ า่ นส​ อนใ​ห้​ปฏ​บิ ตั ธิ รรม​อยา่ ง​ม​ี
ปัญญา​ ​โดย​นำ​เครื่อง​มือ​ท่ี​พระพุทธเจ้า​ประทาน​มา​ให้​นั้นมาใช้​อย่าง​ครบ​
ถว้ น​ค​ รบห​ มวดค​ รบห​ ม​ู่ จ​ งึ จ​ ะส​ ามารถไ​ดร​้ บั ผ​ ลส​ ำเรจ็ จ​ ากก​ ารป​ ฏบิ ตั ธ​ิ รรม​
ตามท​ ท​่ี า่ น​มงุ่ ​หวัง​

“​ พ​ อ​”​

๒๔๐ 240 ๑​​ ๑๒​​​

​ ช​ า้ ง​มาไ​หว​้หลวงป​ ู่

​มี​เหตุการณ์​ที่​ค่อน​ข้าง​แปลก​อยู่​เรื่อง​หนึ่ง​ ​ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​ใน​ราว​ปลาย​
ปี​พ​ ​.​ศ​.​๒​ ๕๓๒​​กอ่ น​ทหี​่ ลวง​ป​ู่จะ​ละ​สงั ขารเ​พียง​ไม​่ถึง​เดอื น​​กลา่ ว​คือ​​ชา้ ง​
ใหญ่เ​ชอื ก​หน่ึง​ที​เ่ ดินท​ าง​มา​จากจ​ งั หวดั ส​ ุรนิ ทร​์ ​เพ่อื ​มา​รว่ ม​พธิ ี​คลอ้ ง​ช้างท​ ี​่
เพนยี ดค​ ลอ้ งช​ า้ ง​จ​ งั หวดั พ​ ระนครศรอี ยธุ ยา​ข​ ณะเ​ดนิ ท​ างม​ าต​ ามถ​ นนส​ าย​
เอเชยี ​ถ​ งึ บ​ รเิ วณใ​กลท​้ างเ​ขา้ ว​ ดั ส​ ะแก​ช​ า้ งก​ แ​็ สดงอ​ าการไ​มอ​่ ยน​ู่ งิ่ ​จ​ นท​ ำให​้
คนข​ บั ร​ ถต​ อ้ งห​ ยดุ จ​ อด​พ​ อร​ ถจ​ อดน​ ง่ิ ​ช​ า้ งเ​ชอื กน​ นั้ ก​ เ​็ ดนิ ล​ งจ​ ากร​ ถ​แ​ ลว้ ล​ ง​
ลุย​น้ำ​มา​ตาม​คลอง​ข้าวเม่า​ ​มุ่ง​หน้า​มา​ทาง​วัด​สะแก​ ​ควาญ​ช้าง​พยายาม​
ควบคุม​ช้าง​ด้วย​การ​เอา​ขอ​เหล็ก​สับ​บน​ศีรษะ​ช้าง​ ​กระท่ัง​เลือด​ไหล​ออก​
มาท​ างด​ ้าน​หนา้ ​ถ​ ึง​กระนั้น​ช​ ้างก​ ​ย็ งั ​ไม​่ยอมห​ ยดุ ​​สุดทา้ ยช​ ้างไ​ดม​้ า​ข้นึ ท​ ฝ​ี่ ่ัง​
ตรงข​ า้ มว​ ดั ส​ ะแก​แ​ ลว้ ย​ กง​วงข​ น้ึ ล​ งเ​หมอื นจ​ ะแ​ สดงอ​ าการเ​คารพม​ าท​ างฝ​ งั่ ​
วัด​สะแก​​ม​ีผนู้ ำ​ควาญช​ ้าง​มากร​ าบ​หลวง​ป่​ูด​ู่ ​แต่​ควาญ​ช้างน​ ้นั ​ยงั ​มี​อาการ​
ตกใจ​ถึง​ขนาด​ว่า​ร้องไห้​ออก​มา​เพราะ​ไม่​เคย​ประสบ​กับ​เหตุการณ์​เช่น​นี้​​
เขา​พูด​ด้วย​โทสะ​ว่า​ถ้า​ควบคุม​ช้าง​ไม่​ได้​ ​เขา​ก็​จะ​ไป​เอา​ปืน​ที่​สุรินทร์​มา​ยิง​
มนั ​แ​ ลว้ ​คอ่ ย​เอา​ศพ​มนั ก​ ลบั ไ​ป​​
​ หลวง​ปู่​ให้​กำลัง​ใจ​แก่​ควาญ​ช้าง​ว่า​ ​ไม่​เป็นไร​หรอก​ ​เอา​น้ำมนต์​ไป​
รด​ ​เอา​ข้าว​ไป​ให้​มัน​กิน​ ​มัน​ก็​จะ​ค่อย​ๆ​ ​ดี​ข้ึน​เอง​ ​แล้ว​สิ่ง​ท่ี​ไม่​คาด​คิด​ก็ได้​

241 ๒๔๑

เกิด​ขึ้น​ ​ช้างน​ ้นั เ​มือ่ ไ​ด้​รับ​นำ้ มนตข​์ องห​ ลวงป​ กู​่ ม็​ ีอ​ าการส​ งบล​ งจ​ รงิ ๆ​ ​ ​และ​
ที่​แปลก​กว่า​น้ัน​คือ​ช้าง​ไม่มี​อาการ​สนใจ​กล้วย​ ​อ้อย​ ​ที่​มี​คน​เอา​มา​ให้​ ​แต่​
กลบั ​เอาง​วง​ดูด​ขา้ ว​ในก​ าละมัง​ทห่​ี ลวง​ป่​ูให​้ลูกศ​ ิษย​์จัดเ​ตรยี มใ​ห​้ ​มนั ด​ ูด​แค​่
๒​-​๓​​ทกี​ ห็​ มด​กาละมงั ​​ช้าง​อยู่ท​ ​น่ี ัน่ ​ก​ ระท่ังง​านท​ เ่ี​พนียดค​ ลอ้ ง​ช้างส​ น้ิ ​สุด​
และเ​หมอื นว​ า่ ม​ นั จ​ ะร​​ู้ ม​ นั ไ​ดเ​้ ดนิ ไ​ปร​วมก​ บั ห​ มช​ู่ า้ งท​ จ​่ี ะก​ ลบั จ​ งั หวดั ส​ รุ นิ ทร​์
โดย​ควาญ​ช้างไ​ม​ต่ ้องเ​อา​ขอสับบ​ งั คบั ​แต่​อย่าง​ใด​​
​มี​ลูก​ศิษย์​ท่ี​อยู่​ใน​เหตุการณ์​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า​ ​หลวง​ปู่​ท่าน​ว่า​ ​“​ช้าง​มัน​
เห็น​แสง​สว่าง​ ​มัน​รู้​ ​มัน​จะ​มา​ไหว้​พระ​”​ ​บาง​คน​ก็ได้​ยิน​หลวง​ปู่​บอก​ว่า​
“พ​ วกแ​ กส​ ช​ู้ า้ งไ​มไ​่ ด​้ ช​ า้ งม​ นั ย​ งั ร​จู้ กั ม​ าส​ กั ก​ าระ​ ห​ ลวงป​ ทู่ วด”​ ​​บ​ า้ งไ​ดย้ นิ ​
หลวงป​ บ​ู่ อกว​ า่ ​“​ พ​ ระพทุ ธเจา้ ​ตอ้ งม​ ช​ี า้ ง”​ ​แ​ ละบ​ า้ งก​ ไ็ ดย​้ นิ ห​ ลวงป​ บ​ู่ อกว​ า่ ​
“​ชา้ ง​ยัง​มาอ​ ยู่ก​ ับขา้ ​ไมไ​่ ด้​​ต้องไ​ป​ใช้เ​วร​ใชก​้ รรม​ใหห้​ มด​เสียก​ อ่ น”​ ​ฯ​ ลฯ​
เรอื่ งร​ าวค​ วามล​ กึ ซ​ งึ้ จ​ ะเ​ปน็ อ​ ยา่ งไรก​ ย​็ ากท​ ใ​่ี ครๆ​ ​จ​ ะร​ ไ​ู้ ด​้ แ​ ตท​่ วา่ ค​ วามบ​ าก​
บั่นข​ อง​ช้างใหญเ​่ ชือก​น้นั ​ท​ ำให้​ผเู​้ ขียน​อดไ​มไ่​ดท้ ​ีจ่ ะค​ รุ่นคดิ ​ถงึ ค​ ำส​ อน​ของ​
หลวง​ปูท​่ ​ว่ี ่า​​“แ​ ก​เช่ือจ​ รงิ ไ​หม​ล่ะ”​ ​​
​ “แ​ กเ​ชอื่ จ​ รงิ ไ​หมล​ ะ่ ”​ ​ม​ ค​ี วามห​ มายห​ ยาบล​ ะเอยี ดห​ ลายน​ ยั ​เ​ชน่ ​ก​ าร​
ท่ี​ชาว​พุทธ​จำนวน​ไม่​น้อย​ไป​ยึดถือ​ข้อ​ปฏิบัติ​อัน​จัด​ว่า​เป็น​สีลพต​ปรามาส​​
ประพฤต​ิออกน​ อก​ทาง​พระพุทธ​ศาสนา​ถ​ ือ​เอา​มงคลภ​ ายนอก​ย่งิ ​กวา่ ก​ าร​
พัฒนาต​ น​ให​้เป็นท​ ีพ่​ ่งึ ​แก​่ตน​​ข้ามค​ ร​อู าจารย​์ ​ข้าม​พระพทุ ธเจา้ ​​ก​ล็ ว้ นแ​ ต​่
เพราะ​​“​เชอ่ื ​ไม​่จรงิ ​”​ค​ วาม​ลังเล​สงสยั ต​ า่ ง​ๆ​ก​ ล​็ ้วน​มาจ​ าก​​“​เชือ่ ​ไม​จ่ ริง”​ ​
นัก​ปฏบิ ัตภ​ิ าวนา​​พอล​ ม​หายใจจ​ ะด​ ับ​​เกดิ ​ตกใจ​ก​ ลัวต​ าย​​ถอน​จากส​ มาธิ​

๒๔๒ 242

ก​็เพราะ​“​ ​เชื่อ​ไม่​จริง​”​​​ปฏิบัต​ิธรรม​แบบไ​ฟ​ไหม้​ฟางช​ นิด​ขยันก​ ็​ทำ​​ข้เี​กียจ​
ก็​หยุด​ ​น่ัน​ก็​เพราะ​ ​“​เช่ือ​ไม่​จริง​”​ ​ ​การ​ท่ี​ไม่​สามารถ​รักษา​ความ​บาก​บ่ัน​
พากเพียร​ ​หรือ​ไม่​สามารถ​รักษา​ใจ​ไม่​ให้​ย่อท้อ​ต่อ​อุปสรรค​ใด​ๆ​ ​ก็​เพราะ​​
“​เช่ือ​ไม​่จริง​”​​ก​ ารท่ีต้ังอ​ ยู่​ในค​ วาม​ประมาท​ม​ ไิ ดร้​ ะลึกถ​ ึง​ภยั ​คอื ​ความ​แก่​
ความ​เจบ็ ​ค​ วามต​ าย​​ก​เ็ พราะ​​“เ​ชอื่ ไ​ม่​จรงิ ​”​​ฯลฯ ​
มนิ า่ ล​ ะ่ ​ห​ ลวงป​ จ​ู่ งึ ม​ กั ถ​ ามล​ กู ศ​ ษิ ยเ​์ ปน็ เ​ชงิ ใ​หพ​้ จิ ารณาต​ นเองอ​ ยบ​ู่ อ่ ย​
ครง้ั ​วา่ ​​“แ​ กเ​ช่ือ​จริงไ​หม​ละ่ ​”​​
น่ี​ถา้ พ​ าก​ นั ​เชื่อค​ ณุ พ​ ระพทุ ธ​​พระธ​ รรม​พ​ ระ​สงฆ์​ก​ ัน​จริงๆ​ ​​ความ​
องอาจ​กล้า​หาญ​ใน​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​เพ่ือ​บูชา​คุณ​ความ​ดี​ของ​หลวง​ปู่​ ​ก็​คง​
พอ​ชว่ ย​ให​้ไม่ต​ อ้ งอ​ ายช​ า้ ง​เชอื ก​น​ี้ได​เ้ ป็นแ​ น่​​

“​พอ​”​
​​

243 ๒๔๓

๑๑๓​

ห​ ลวง​ป​ู่ทีข​่ ้าพเจ้าร​ ู้จัก​

​ หลวงป​ ​่ดู ​เู่ ป็นพ​ ระผ​ ูใ้ หญท​่ ีเ่​ข้าหาไ​ด้​โดยส​ ะดวก​ท​ ่านป​ ฏเิ สธบ​ รรดา​
ผู้​ท่ี​เสนอ​ตัว​มา​จัดการ​นั่น​น่ี​ ​เพราะ​ท่าน​ต้องการ​ให้​ทุก​คน​มี​โอกาส​เข้าหา​
ท่าน​อย่างเ​สมอห​ นา้ ก​ นั ​หมด​​​
ห​ ากจ​ ะถ​ ามว​ า่ ท​ า่ นเ​มตตาห​ รอื ใ​หค​้ วามส​ ำคญั ก​ บั ท​ กุ ค​ นเ​ทา่ ก​ นั ห​ รอื ​
ไม​่ ​ก​ข็ อ​อนญุ าต​ให​้ความเ​หน็ ​สว่ น​ตวั ว​ ่า​​“​ไม”่​ ​เ​พราะ​สังเกตเ​หน็ บ​ ่อย​คร้ัง​
ว่า ​หาก​ใคร​มาส​นท​นา​ธรรม​กับ​ท่าน​ ​ท่าน​จะ​ให้​ความ​สำคัญ​เป็น​พิเศษ​
โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​หาก​เอา​ปัญหา​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​ที่​เกิด​กับ​จิตใจ​ตัว​เอง ​
(​ไม่ใช่​จาก​อ่าน​หนังสือ​) มา​ถาม​ท่าน​ ​ท่าน​มัก​จะ​ค้อม​ตัว​มา​หา​ผู้​ฟัง​
เล็กน้อย​​คลา้ ยเ​งย่ี ห​ ฟ​ู ัง​ ​แล้วต​ ้งั ใจ​ตอบค​ ำถามห​ รอื ใ​ห้​คำ​แนะนำท​ ่​เี หมาะ​
แก่​ภูม​จิ ิตห​ รอื ​ความพ​ ร้อม​ของผ​ ฟู​้ ัง​​เพื่อ​ให้​เกิดป​ ระโยชน์ส​ ูงสดุ ​
​ บาง​คร้ัง​จะ​มี​นิสิต​นัก​ศึกษา​มาส​นท​นา​ธรรม​กับ​ท่าน​ใน​ตอน​เย็น​ๆ​
ทา่ นก​ ท​็ ราบล​ ว่ งห​ นา้ ​​และใ​หโ​้ ยมอ​ ปุ ฏั ฐากเ​กบ็ ผ​ ลไ​มไ​้ วใ​้ หเ​้ ดก็ ๆ​ ​ไ​ดท​้ านแกห​้ วิ ​
(​ทราบ​จาก​โยม​ที่​เคย​อุปัฏฐาก​ท่าน​)​ ​ท่าน​ให้​ความ​สำคัญ​กับ​การ​สง่ ​เสรมิ ​
​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​อย่าง​ย่ิง​ ​ท่าน​เคย​ตำหนิ​พระ​ภิกษุ​ซ่ึง​อยู่​กุฏิ​ใกล้​ท่าน​ท่ี​
เอา​เรอ่ื ง​โลกๆ​ มา​พดู แ​ ทรกข​ ณะ​ทา่ น​กำลงั ส​ นทนา​ธรรม​กบั ญ​ าตโิ ยม​ทา่ น​วา่ ​
“บาปน​ ะ ค​ นเ​ขาก​ ำลงั ค​ ยุ เ​รอื่ งธ​ รรมะ​ก​ ลบั ม​ าข​ ดั จงั หวะด​ ว้ ยเ​รอื่ งโ​ลกๆ​ ”​

๒๔๔ 244

​หลวง​ปู่​ม​ีผวิ พ​ รรณท​ ​ผ่ี ่องใสอ​ ยา่ งย​ ิง่ ​ ท​ ัง้ ​ๆ​ ท​ ีท่​ ่าน​สรงน​ ้ำ​โดยไ​ม่เ​คย​
ใช​้สบเู่​ลย​อ​ กี ท​ ้ังร​ วิ้ ​รอยก​ ​็แทบไ​ม่ป​ รากฏใ​ห​้เห็น​​
​หลวง​ปู่​ถึง​พร้อม​ด้วย​ขัน​ติ​และ​โสรัจ​จะ​ ​คือ​ เบ้ือง​หน้า​ของ​การ​ใช้​
ขันติ​ ​ท่าน​ก็​ยัง​มี​อาการ​อัน​สงบ​เย็น​เป็น​ปรกติ​ ​มิได้​แสดงออก​ให้​เห็น​ถึง​
ทุกขเวทนา​ท​่แี ผด​เผาท​ า่ น​ ​ท้ัง​ใน​ยามเ​จ็บ​ไข้​ไดป​้ ่วย​​และ​ตลอด​ระยะเ​วลา​
ท่ี​ท่านน​ ่งั ป​ ฏ​ิสนั ถารก​ ับ​ญาตโิ ยม​จน​ก้น​ทา่ น​เป็น​แผลพ​ ุพอง ​​แตกแ​ ลว้ แ​ ตก​
อีก​ ​ท่าน​ก็​ยัง​นั่ง​รับแขก​ได้​เป็น​ปรกติ​ทุก​เม่ือ​เช่ือ​วัน​ทั้ง​รอบ​กลาง​วัน​และ​
กลางค​ ืน​​
​ หลวง​ปู่​วางตัว​เป็น​ธรรมชาติ​ ​ไม่มี​การ​เก๊ก​หรือ​วางท่า​ ​แต่​ก็​น่า​
ประหลาด​ใจที่​ใคร​ๆ​ ​ต่าง​รู้สึก​ยำเกรง​องค์​ท่าน​ ​ ​บ่อย​คร้ัง​ท่ี​หลวง​ปู่​ตอบ​
คำถามก​ ารป​ ฏบิ ตั ช​ิ นดิ ท​ เ​ี่ จา้ ต​ วั ต​ อ้ งอ​ าย ​ เพราะค​ ลา้ ยก​ บั ว​ า่ ห​ ลวงป​ อ​ู่ ยร​ู่ ว่ ม​
ปฏบิ ัต​ทิ ่​ีบ้านข​ อง​โยมผ​ ​นู้ ัน้ ​ดว้ ย​​จงึ ไ​มม่ ี​ท​ปี่ กปดิ ​หลวงป​ ่​ไู ด​เ้ ลย​
ห​ ลวงป​ เ​ู่ ปน็ ผ​ เ​ู้ รยี บรอ้ ย ​ อ​ อ่ นนอ้ มถ​ อ่ มต​ น ​ใ​หก้ ารย​ กยอ่ งค​ รอ​ู าจารย​์
ทา่ นอ​ น่ื ๆ​ ​โ​ดยเ​ฉพาะอ​ ยา่ งย​ งิ่ ห​ ลวงป​ ม​ู่ นั่ ​ห​ ลวงป​ แ​ู่ หวน​ห​ ลวงพ​ อ่ เ​กษม​ฯ​ ลฯ​
พรอ้ ม​กันน​ ัน้ ​ ​ทา่ น​ยงั ส​ อน​ให​ศ้ ิษย์ร​ ะมดั ระวงั ​การป​ รามาส​คร​อู าจารยท์​ ม​่ี ​ี
คุณ​ธรรม​ที่บ​ างค​ รงั้ ​ไม่​อาจ​ร้​ไู ดโ​้ ดย​อากปั กิริยาภ​ ายนอก​​​
​ เหลา่ ​นี้เ​ปน็ แ​ ค่​ตวั อย่างน​ ้อย​นดิ ใ​นเ​ร่อื ง​บุคลกิ ภาพ​และป​ ฏิปทา​ของ​
หลวง​ปู่​ที่​อยาก​ถ่ายทอด​ให้​ผู้​ไม่ทัน​ท่าน​ได้​สัมผัส​ถึงปฏิปทาใน​องค์​หลวง​ป​ู่
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความร​ ูส้ กึ อบอนุ่ ​ใจแ​ ละเกิดความแ​ กลว้ ก​ ลา้ ​ในธ​ รรม​

“​พอ​”

245 ๒๔๕

๑๑๔

ต​ ่อ​อายุ​

​ ลงุ ย​ วง​ห​ รอื ห​ ลวงล​ งุ ย​ วงค​ อื ห​ ลานหลวงป​ ท​ู่ ข​ี่ า้ พเจา้ ไ​ดไ​้ ปก​ ราบท​ า่ น​
เมอื่ ต​ อน​ท่ท​ี า่ น​บวช​ถวายห​ ลวง​ป ่​ู (​ต​ อนน​ นั้ ​ท่านอ​ ายไุ​ด้​​๗๒​ป​ ี​​​แตป​่ จั จบุ นั ​
ท่านไ​ด้​ละ​สงั ขาร​แล้ว)​​​
เ​วลาท​ ห​่ี ลวงล​ งุ ย​ วงเ​ลา่ เ​รอ่ื งใ​หเ​้ ราฟ​ งั ​พ​ อเ​อย่ ถ​ งึ ห​ ลวงป​ ท​ู่ ไ​ี ร ​ ท​ า่ นจ​ ะ​
มน​ี ้ำตา​คลอเ​บ้า​ทุกค​ รง้ั ​ เ​พราะค​ วามซ​ าบซ้งึ ​ในพ​ ระคุณ​ของ​หลวง​ปู่​ทม่​ี ต​ี อ่ ​
ทา่ น​จ​ นท​ า่ นต​ อ้ งห​ ยดุ ใ​หส​้ มั ภาษณเ​์ พอื่ ก​ ลนั้ น​ ำ้ ตาเ​ปน็ ร​ะยะๆ​ ​ ท​ า่ นเ​ปน็ อ​ กี ​
ผห​ู้ น่งึ ท​ เี​่ ชอ่ื อ​ ย่างส​ นิท​ใจว​ า่ ​หลวงป​ ู่ก​ ็​คือ​หลวงป​ ่ทู วด ​ เ​พราะ​ประสบการณ์​
ตรงเ​มอื่ ค​ ราวท​ ท​ี่ า่ นเ​ปน็ ฆ​ ราวาสน​ อนป​ ว่ ยห​ นกั อ​ ยท​ู่ โ​ี่ รงพ​ ยาบาลใ​นอ​ ยธุ ยา​
ตอน​น้ัน​ท่าน​มี​อาการ​ท้อง​เดิน​อย่าง​หนัก​ ​จน​ต้อง​ย้าย​เตียง​มา​ไว้​หน้า​
ห้องน้ำ​ ​เพ่ือ​ว่า​จะ​ได้​ลง​จาก​เตียง​มา​เข้า​ห้องน้ำ​ได้​โดย​สะดวก​ ​ท่าน​ถ่าย​
บ่อย​ครั้ง​มาก​จน​ท่าน​อ่อน​แรง​แล้ว​ก็​เจ็บ​ตาม​เนื้อ​ตาม​ตัว​มาก​ด้วย​ ​สุดท้าย​
ท่าน​รสู้ กึ ​เหมอื นจ​ ะ​ไม่ร​ อด​​จงึ ฝ​ ืนข​ นึ้ ​มา​นั่งส​ มาธร​ิ ะลกึ ถ​ ึง​หลวง​ป​ู่ดู่​ ​ (ท​ า่ น​
เรยี กว​ า่ ห​ ลวงล​ ง​ุ ด)​ู่ ​น​ ง่ั ป​ ฏบิ ตั ไ​ิ ดเ​้ พยี งค​ รเ​ู่ ดยี ว​พ​ ลนั ก​ เ​็ หน็ เ​ปน็ ด​ วงก​ ลมส​ วา่ ง​
เหมือน​พระอาทิตย์​ค่อย​ๆ​ ​ลอย​ต่ำ​ลง​มา​ ​แต่​ท่ี​แปลก​คือ​มี​หลวง​ปู่​ดู่​นั่ง​อยู่​
บน​ดวง​สว่าง​น้ัน​ ​พอ​ดวง​สว่าง​ลอย​ต่ำ​ลง​มา​ถึง​พื้น​ ​หลวง​ปู่​ดู่​ก็​เดิน​เข้า​มา​

๒๔๖ 246

หา​ท่าน​ ​พอ​ใกล้​เข้า​มา​ก็​กลาย​เป็น​หลวง​ปู่ทวด​ ​สลับ​ไป​สลับ​มา​อยู่​อย่าง​
น​้ี ห​ ลวง​ปู่​เดนิ ​ออ้ มไ​ป​ทาง​ขา้ งห​ ลัง ​ ​แล้ว​เอาม​ ือ​มา​จับท​ ​หี่ นา้ ​ทอ้ ง​ท่าน​ด​ ึง​
กระชากอ​ ยา่ ง​แรง​๓​ ​ค​ รัง้ ​​จน​ทา่ น​แทบจ​ ะต​ อ้ ง​เอี้ยวต​ วั ​ตามแ​ รง​กระชาก​
นัน้ ​แ​ ล้วท​ ่าน​ก็ได​้ยิน​เสียง​หลวง​ปู่​บอกว​ ่า​หาย​
​ เม่ือ​ลมื ตาข​ ึ้น​​ท่าน​ก็เ​ลยล​ อง​เอ้ียวต​ ัวด​ ู​​ก​ไ็ ม่ร​ู้สกึ ​เจ็บต​ าม​เน้อื ​ตาม​
ตัว​ ​และ​หาย​ปวด​ท้อง​แล้ว​ ​ท่าน​จึง​ปลุก​นาง​ถม​ยา​ ​(​โยม​ภรรยา​ของ​ท่าน​)​
​แล้ว​พา​กัน​กลับ​บ้าน​ด้วย​ความ​ดีใจ​ ​จาก​นั้น​ท่าน​ได้​เดิน​ทาง​ไป​กราบ​
ขอบพระคุณ​หลวง​ปู่​ใน​เช้า​วัน​รุ่ง​ข้ึน​ ​เล่า​เร่ือง​ต่าง​ๆ​ ​ให้​หลวง​ปู่​ฟัง​ ​หลวง​
ปู่​ก็โม​ทนา​กับ​ท่าน​ ​แล้ว​กำชับ​ว่า​อย่า​เล่า​ให้​ใคร​ฟัง​เพราะ​คน​ไม่​เช่ือ​แล้ว​
ปรามาสเ​ข้าจ​ ะ​บาป​​
​ มา​บัดนี้​ ​ท้ัง​หลวง​ปู่​ดู่​และ​หลวง​ลุง​ยวง​ต่าง​ก็ได้​ละ​สังขาร​ไป​แล้ว​​
ข้าพเจ้า​จึง​เห็น​สมควร​บันทึก​เร่ือง​ราว​ไว้​ตาม​ความ​จริง​ที่​ปรากฏ​ ​รวม​ท้ัง​
เกร็ด​ประวัติ​ท่ี​น่า​สนใจ​อีก​เรื่อง​หน่ึง​ที่​อยาก​บันทึก​ไว้​ก็​คือ​ ​หลวง​ลุง​เล่า​ว่า​
เมื่อ​คราว​ท่าน​ยัง​เป็น​ฆราวาส​อายุ​ได้​ ​๕๗​ ​ปี​ ​หลวง​ปู่ทวด​มาบ​อก​ท่าน​ว่า​
ท่าน​น่ะ​หมด​อายุ​ขัย​แล้ว​ ​แต่​หลวง​ปู่​จะ​ต่อ​อายุ​โดย​กลับ​ตัวเลข​ให้​ ​น่ัน​ก็​
หมายความ​วา่ ท​ ่าน​จะ​มีอายุ​ไป​ถึง​๗​ ๕​ป​ ​ี ​
​ใน​ตอน​ท่ี​เรา​ไป​สัมภาษณ์​ท่าน​ ​เพ่ือ​จะ​ทำ​วิดีโอ​ประวัติ​หลวง​ปู่​ดู่​
ขณะ​น้ันท​ า่ นม​ ีอายไุ​ด​้ ​๗๒​ป​ ี​​ถดั ​จา​ก​นั้น​อกี ป​ ระมาณ​​๒​​ปี​​พวกเ​รา​ก็ได​้
ขา่ วว​ า่ ท​ า่ นอ​ าพาธ​ต​ อ้ งล​ าส​ กิ ขาเ​พอ่ื ใ​หโ​้ ยมท​ บ​่ี า้ นด​ แู ลร​ กั ษาไ​ดโ​้ ดยส​ ะดวก​
อีก​​๑​​ปี​ต​ ่อ​มา ​ ​กท็​ ราบข​ า่ วม​ รณกรรมข​ องท​ ่าน​ ​พอ​ขา้ พเจ้าม​ าระล​ กึ ถ​ ึง​

247 ๒๔๗

คำ​ที่​ท่าน​เล่า​ไว้​เรื่อง​หลวง​ปู่ทวด​ต่อ​อายุ​ให้​ท่าน ​ ​ก็​ให้​นึก​อัศจรรย์​ใจ​ว่า​
นี​ก่ เ​็ ทา่ กบั ​เป็น​เคร่ืองช​ ่วยย​ นื ยนั อ​ กี ท​ างห​ นึง่ ว​ า่ ส​ ่งิ ท​ ่ีท​ ่าน​เล่า​ไว​้ ​ ตลอด​ถึง​
สงิ่ ท​ ่ท​ี ่าน​ประสบ​นัน้ เ​ป็น​เรอ่ื งจ​ รงิ ​ทง้ั ​ส้นิ ​​


“​พอ​”

๒๔๘ 248

​๑๑๕​

ลืมพ​ ่อล​ มื ​แม่​

​หลวง​ปู่​จะ​เมตตา​ส่ัง​สอน​หลาย​ๆ​ ​คน​ท่ีมา​กราบ​ท่าน​ใน​วัน​แรก​ว่า​​
“​พวก​แก​อย่า​เอาแต่​เท่ียว​กราบ​พระ​ที่​น่ัน​ท่ี​น่ี​จน​ลืม​พระ​ท่ี​บ้าน​นะ​
​ทำบุญ​กบั ​พอ่ ​แม่​ก็​เหมือน​กบั ​ทำบญุ ​กบั ​พระ​อร​หนั ​ต์​”​ ห​ ลวงป​ ู​่ม​ีเรอ่ื งเ​ล่า​
มากมายท​ ​่ียืนยัน​วา่ ​คุณข​ อง​พ่อ​แมค​่ ้มุ ครอง​เราไ​ด้​จริงๆ​ ​​
​ เร่อื ง​นีเ้​ปน็ เ​ครื่อง​เตือนใ​จ​ท่ส​ี ำคัญ​มาก ​ ไ​ม่​ให้​เรา​มองข​ ้ามพ​ ระ​ทีอ​่ ยู่​
ใกลต​้ วั เ​ราท​ ส่ี ดุ ​ เ​พอื่ จ​ ะไ​ดร​้ ะมดั ระวงั ไ​มพ​่ ดู ​ ไ​มท​่ ำ​​ในท​ างท​ จ​่ี ะท​ ำใหท​้ า่ น​
​ไม่​สบายใจ​ ​และ​ให้​ความ​สำคัญ​กับ​ท่าน​เป็น​ลำดับ​ต้น​ๆ​ ​แน่นอน​ว่า​ท่าน​
อาจไ​ม่ใช​พ่ ระ​อร​หันต​ ​์ (​ผ​ ​หู้ มด​กเิ ลส​) ​ ​แต่​หลวง​ปูค่ รบู​ า​อาจารย์​ทัง้ ​หลาย​ก​็
ยืนยนั ว​ ่าการท​ ำบญุ ก​ บั ท​ ่านจ​ ะ​ไดอ​้ านสิ งส​์เหมือนท​ ำ​กบั ​พระ​อรห​ ันต​ ​์ ​
​ การ​ปฏิบัติ​ดี​ต่อ​พ่อ​แม่​ของ​เรา​จึง​เป็น​ตัว​วัดผล​การ​ปฏิบัติ​ธรรม ​
อีก​ตัว​หนึ่ง​ว่า​เรา​ก้าวหน้า​ขึ้น​ไหม​ ​มิใช่​วัด​จาก​การ​ไป​กราบ​พระ​มา​ได้​มาก​
น้อย​แคไ่​หน​​
​หลวง​ปู่​เคย​เล่า​ให้​ฟัง​หลาย​ครั้ง​เก่ียว​กับ​การ​ระลึก​ถึง​พ่อ​แม่​ว่า​
สามารถช​ ว่ ยค​ มุ้ ครองป​ อ้ งกนั ภ​ ยั แ​ กเ​่ ราไ​ดจ​้ รงิ ​ ​ท​ า่ นว​ า่ โ​ยมผ​ ห​ู้ นงึ่ ม​ าเ​ลา่ ใ​ห​้
ท่าน​ฟัง​เกี่ยว​กับ​ประสบการณ์​สมัย​ไป​ทำงาน​ท่ี​ต่าง​จังหวัด​ทาง​แถบ​อีสาน​​
เขาเ​ลา่ ว​ า่ ​ป​ รกตเ​ิ ขาเ​ปน็ ค​ นไ​มแ​่ ขวนพ​ ระ​ แ​ ตก​่ อ่ นน​ อนท​ กุ ค​ นื ​เ​ขาจ​ ะก​ ราบ​

249 ๒๔๙

หมอนพ​ รอ้ มก​ บั ร​ะลกึ ถ​ งึ ค​ ณุ ข​ องพ​ อ่ แ​ ม​่ ​ เขาก​ ท​็ ำงานอ​ ยท​ู่ น​ี่ นั่ อ​ ยา่ งป​ รกตส​ิ ขุ ​
กระทงั่ ​เช้าว​ นั ห​ นึง่ ​ทรี่​ ้านก​ าแฟ​ ม​ ค​ี น​แปลก​หนา้ ​มา​ทกั ​เขา​ว่า ​ คณุ ม​ อ​ี ะไรด​ ​ี
​แขวนพ​ ระ​อะไร​อยห​ู่ รือ​?​
ค​ นแ​ ปลกห​ นา้ ผ​ น​ู้ นั้ ส​ ารภาพว​ า่ เ​ขาเ​ปน็ ค​ นเ​ลน่ ไ​สยศาสตร​์ เ​ขาต​ งั้ ใจ​
จะ​ทำ​ของ​ใส่​คนแ​ ปลก​ถิ่น ​ แ​ ต​เ่ ขาส​ งสัย​มากว่า ​ทำไมค​ รั้ง​นเ​้ี ขาจ​ ึงท​ ำอ​ ะไร​
ไม่​ได้​ ​ท้ัง​ๆ​ ​ท่ี​แต่​ก่อน​มา​ก็​เคย​ทำ​สำเร็จ​ ​เขา​สารภาพ​อย่าง​เปิด​เผย​เพราะ​
หวงั ​จะ​ขอ​ด​ขู องดี​
​ โยมท​ า่ นน​ น้ั ​ก​ บ​็ อกว​ า่ ต​ วั เ​ขาไ​มไ​่ ดพ​้ กว​ ตั ถม​ุ งคลใ​ดๆ​ ​เ​ลย ​ ค​ นท​ ำข​ อง​
กย​็ งิ่ ง​ง​แ​ ลว้ ถ​ ามต​ อ่ วา่ ​ใ​นเ​มอ่ื ค​ ณุ ไ​มไ​่ ดแ​้ ขวนพ​ ระห​ รอื พ​ กพ​ าว​ ตั ถม​ุ งคลใ​ดๆ​ ​
ตดิ ตวั ​แ​ ล้ว​กจิ วัตร​ในแ​ ต่ละว​ นั ​​คณุ ​ทำ​อะไร​บ้าง ​ ​พอเ​ลา่ ​มา​ถึงก​ ิจวตั ร​ก่อน​
นอนท​ ต​่ี อ้ งก​ ราบห​ มอนร​ะลกึ ถ​ งึ ค​ ณุ ข​ องพ​ อ่ แ​ ม​่ ​ คนท​ ำข​ องก​ เ​็ ลยส​ นั นษิ ฐาน​
เบอ้ื งต​ น้ ว​ า่ อ​ าจเ​ปน็ เ​พราะเ​รอื่ งน​ ก​ี้ ระมงั ท​ ค​่ี มุ้ ครองช​ ายแ​ ปลกถ​ นิ่ ผ​ น​ู้ ​ี้ ​คนท​ ำ​
ของจ​ ึงบ​ อกว​ ่า ​​งั้นข​ อใ​ห​ค้ ืนน​ ​้ี ​ คุณเ​วน้ ​การท​ ำ​กจิ วตั ร​ดัง​กลา่ ว​ห​ ากข​ อง​ท่ี​
ผมท​ ำส​ ง่ ไ​ปม​ ผ​ี ล​ผ​ มจ​ ะเ​ปน็ ผ​ แ​ู้ กใ​้ หเ​้ อง​ไ​มต​่ อ้ งห​ ว่ ง​เ​พราะผ​ มเ​พยี งต​ อ้ งการ​
รค​ู้ วามจ​ รงิ ​ข​ อใ​หเ​้ ราเ​ปน็ เ​พอื่ นก​ นั ​แ​ ละแ​ ลว้ ผ​ ลก​ เ​็ ปน็ ด​ งั ค​ าด​ค​ อื ค​ นท​ ำข​ อง​
สามารถส​ ่งข​ องอ​ อก​ไป​ได้​สำเรจ็ ​​แล้ว​กต็ าม​มา​แกไ้ ขใ​ห​้ ​(​ราย​ละเอยี ดข​ อง​
การท​ ำข​ อง​นนั้ ​ขา้ พเจา้ ​ก็​ไม่​เคยเ​รียน​ถาม​)​​
​ เรื่อง​นี้​ ​เป็น​ตัวอย่าง​ที่​หลวง​ปู่​นำ​มา​เล่า​เพ่ือ​ยืนยัน​ว่า​แม้​เรา​จะ​ไม่มี​
วัตถม​ุ งคล​ใดๆ​ ​​ตดิ ตวั ​​ก็ไ​มต​่ อ้ ง​กลวั ​ ต​ ราบเ​ทา่ ท​ ่เี​ราย​ ังร​ ะลกึ ​ใน​คณุ ข​ อง​
พอ่ ​และแ​ ม่อ​ ยเู​่ ปน็ ​นติ ย​์

“​พอ”​ ​

๒๕๐ 250

​๑๑๖​

ปรามาส​พระพทุ ธเจา้ ​

​ ไม่​น่า​เชื่อ​ว่า​เม่ือ​มี​การ​แลก​เปล่ียน​ประสบการณ์​การ​ปฏิบัติ​ภาวนา​
กับ​หมู่​เพ่ือน​แล้ว​ ​ทำให้​ทราบ​ว่า​มี​ประสบการณ์​บาง​อย่าง​ท่ี​โดย​มาก​มัก​
ไม่​กล้าเ​ลา่ ​ เ​พราะแ​ ม้​ตนเองก​ ​็ยงั ​นึก​รงั เกียจ ​ น​ น่ั ​กค​็ ือ​ ​การน​ ึก​ปรามาส​
พระพุทธเจ้าหรือ​ครูบา​อาจารย์​โดย​ไม่​เจตนา​ ​แต่​ก็​เป็นการ​ยาก​จะ​ห้าม​
ความค​ ดิ ​ของ​เจ้าของ ​ จ​ ึง​ทำใหผ​้ ​ปู้ ฏบิ ัต​ิจำนวน​ไม่น​ อ้ ยม​ ี​จติ เ​ศร้าห​ มอง​เปน็ ​
เวลา​นาน​นบั ​สปั ดาห​์หรือเ​ป็น​เดือน​ๆ​ ​ หรอื ​ไมก​่ ​ท็ อ้ ถอย ​ ​ท้ิง​การ​ปฏบิ ตั ิ​
ไปเ​ลยก​ ​็มี​
​ กรณเ​ี ชน่ น​ ​้ี ห​ ลวงป​ ด​ู่ เ​ู่ คยเ​มตตาใ​หค​้ ำแ​ นะนำแ​ ละใ​หก​้ ำลงั ใ​จล​ กู ศ​ ษิ ย​์
วา่ ​ม​ นั เ​กดิ จ​ ากเ​ศษก​ รรมท​ เ​่ี คยป​ รามาสพ​ ระร​ตั นตรยั ไ​ว​ ้ ใ​หล​้ องถ​ ามต​ วั เ​อง​
ว​า่ เ​ราม​ เ​ี จตนาไ​หม ?​ ​ ถา้ ไ​มม่ เ​ี จตนาก​ ว​็ างม​ นั เ​สยี ​ อ​ ยา่ ท​ ำใจเ​ราใ​หเ​้ ศรา้ ห​ มอง​
หมน่ั ก​ รวดน​ ำ้ บ​ อ่ ยๆ​ ​ห​ ากไ​มส​่ บายใจก​ ต​็ งั้ จ​ ติ เ​จตนาข​ อข​ มาพ​ ระร​ตั นตรยั เ​สยี ​
ปฏิบตั ิ​ไป​ๆ​ม​ ัน​จะ​หาย​ไป​เอง​​
​ ปรากฏ​ว่า​ต่อ​มา​ปัญหา​นี้​ก็​หมด​ไป​จริง​ๆ​ ​ย่ิง​นัก​ปฏิบัติ​ท่ี​วางใจ​ว่า​
อารมณ์​หรอื ​ความ​คิดก​ ็เ​ป็นส​ กั แ​ ตว่​ ่าค​ วาม​คดิ ​ ​ความ​คดิ ​ไม่ใช​เ่ รา ​ เ​รา​ไมใ่ ช​่
ความค​ ดิ ​ ค​ วามค​ ดิ ค​ อื ส​ งั ขาร ​ ข​ น้ึ ช​ อ่ื ว​ า่ ส​ งั ขารม​ นั ก​ ย​็ อ่ มม​ เ​ี กดิ ข​ น้ึ ​ต​ งั้ อ​ ย​ู่ แ​ ละ​
ดับไ​ป​​จงึ ไ​ม​่ควรท​ ่ีเ​ราจ​ ะไ​ป​วุ่นว​ าย​กอดร​ ดั ​หรอื ​ผลักไสม​ นั ​วางใจเ​หมอื น​

251 ๒๕๑

เจา้ ของ​บา้ นท​ ​เี่ ม่อื ​มแ​ี ขก​มา​หาเ​รา​​ ครั้นเ​รา​ไม​ต่ อ้ นรับ​ แ​ ขกเ​ขาก​ ​จ็ ากไ​ป​
เอง​ ผ​ ้ท​ู ่​วี างใจไ​ด​เ้ ช่นน​ ​้ี ​ก็​มัก​จะผ​ ่าน​พน้ อ​ ปุ สรรค​ข้อน​ ไ​ี้ ปไ​ด้​โดยเ​ร็ว​


“​ พ​ อ​”

๒๕๒ 252 ​๑๑๗​

​ ชว่ ย​ชีวิต​

​เหตุการณ์​นี้​ ​เกิด​ข้ึน​ประมาณ​ปี​ ​ พ​.​ศ​.​ ​๒๕๔๘​ ​(​หลวง​ปู่​ดู่​
มรณภาพ​ล่วง​ไปแ​ ล้ว​๑​ ๕​​ป)ี​​​เปน็ เ​รือ่ ง​ท่แี​ สดง​ให้​เหน็ ​ถึงค​ วามเ​มตตา​ของ​
ครูบา​อาจารย์​ ​ รวม​ทั้ง​ยืนยัน​ว่า​ท่าน​สามารถ​ช่วย​เหลือ​ลูก​ศิษย์​ได้​แม้​
ท่าน​จะ​ละ​สังขาร​ไป​แล้ว​ก็ตาม​ ​ น่า​เสียดาย​ที่​ไม่​อาจ​ติดตาม​สอบถาม​ช่ือ​
บุคคล​ที่​เกี่ยวข้อง​ ​แต่​ถึง​กระนั้น​ก็​ยัง​อยาก​จะ​นำ​มา​เรียบ​เรียง​บันทึก​ไว้​
เลา่ ส​ ู่​กนั ​ฟัง​​
​เหตุ​เกิด​เมื่อ​ลูก​ศิษย์​ผู้​หน่ึง​ของ​หลวง​ปู่​ขับ​รถยนต์​ไป​ชน​เด็ก​หนุ่ม​ผู้​
หน่ึงจ​ น​บาด​เจ็บ​ อ​ าการ​สาหสั ​มาก​ เ​ปน็ ​ตายเ​ท่าก​ ัน​​ลูกศ​ ษิ ยผ์​ ู้น​ ีก้​ ก​็ ลุม้ ​ใจ​
มาก ​ เ​พราะ​เกิดม​ า​ไม​ป่ ระสงค​จ์ ะ​ทำบาปท​ ำกรรม​กับใ​คร​​อีกท​ ้งั ไ​ม่​อยาก​
มี​บาปกรรม​อัน​เกิด​จาก​ปาณาติบาต​ ​เขา​จึง​มา​บน​หลวง​ปู่​ดู่​ที่​วัด​สะแก​
ร้องขอ​ต่อ​ท่านใ​ห้ช​ ่วยเ​หลอื ​เด็กห​ นุ่ม​ผน​ู้ ีอ​้ ยา่ ใ​หถ้​ ึงข​ ้นั ​ตอ้ ง​เสยี ​ชวี ิตเ​ลย​
​ ​เด็ก​หนุ่ม​นั้น​ ​ครั้ง​แรก​ก็​เข้า​รับ​การ​รักษา​ที่​ห้อง​ไอ​ซี​ยู​ ​โรง​พยาบาล​
ใน​อยุธยา​ ​แต่​เม่ือ​หมอ​เอา​ไม่​อยู่​ ​จึง​ถูก​ส่ง​เข้า​รักษา​ต่อ​ท่ี​โรง​พยาบาล​ใน​
กรงุ เทพฯ​ภ​ ายห​ ลงั จ​ ๆ​ู่ ​​อาการก​ ลบั ฟ​ น้ื ด​ ข​ี นึ้ อ​ ยา่ งอ​ ศั จรรย​์ แ​ ลว้ ก​ ไ็ ดม​้ โ​ี อกาส​
ตาม​เพื่อน​มาท​ ำบญุ ​ทว่ี​ ัด​สะแก​​โดยทไ​ี่ มเ​่ คยร​ จู้ ัก​หลวงป​ ่​ูมาก​ อ่ น​

253 ๒๕๓

​ ​เดก็ ​หนุ่มผ​ ้​นู ้ม​ี า​ทำบญุ ​ถวาย​สังฆทานท​ ​กี่ ุฏ​พิ ระ​สาย​หยดุ ​ ค​ ร้ันเ​มื่อ​
ท่าน​ได้​ฟัง​เรื่อง​ราว​ของ​ชาย​ผู้​นี้​แล้ว​ ​ จึง​สามารถ​ปะ​ติด​ปะ​ต่อ​และ​เข้าใจ​
เรื่อง​ราว​ทั้งหมด​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​ ​เพราะ​ท่าน​เอง​ก็ได้​ยิน​เร่ือง​ราว​ทาง​ฝ่ัง ​
ลกู ​ศิษยห์​ ลวงป​ ​ผู่ ท​ู้ ี​่เปน็ ​คน​ขบั ​รถยนตช์​ นเ​ดก็ ​หนุม่ ผ​ ู้น​ ้​ีมาก​ ่อน​หนา้ ​แลว้ ​​
​ ​ฝ่าย​เด็ก​หนุ่ม​เม่ือ​ถวาย​สังฆทาน​เสร็จ​ก็​เหลือบ​ตา​ไป​เห็น​รูป​
หลวง​ปู่​ดู่​ซึ่ง​แขวน​อยู่​ที่​ผนัง​กุฏิ​ของ​พระ​สาย​หยุด ​ ​เขา​ตกใจ​ต่ืน​เต้น​อุทาน​
ว่า​หลวง​ปู่​องค์​นี้​แหละ​ที่​ช่วย​ชีวิต​เขา​ไว้​ ​ หลวง​ปู่​องค์​นี้​เป็น​คน​พาด​วง​
วิญญาณ​ของ​เขาก​ ลบั เ​ข้า​รา่ ง​
​ ​เขา​เล่า​ว่า​ ​ภาย​หลัง​เข้า​รับ​การ​รักษา​ตัว​ที่​โรง​พยาบาล​ใน​กรุงเทพฯ​
ได้​ไม่​นาน​ ​เขา​ก็​เสีย​ชีวิต​ ​แต่​ขณะ​ที่​วิญญาณ​ของ​เขา​ออก​จาก​ร่าง​มา​
กม​็ ผ​ี ชู้ ายน​ งุ่ โ​จงก​ ระเบนด​ ว้ ยผ​ า้ ส​ แ​ี ดง​จ​ ะม​ าเ​อาต​ วั เ​ขาไ​ป​ท​ นั ใดน​ น้ั ก​ ม​็ ห​ี ลวง​
ปู่​องค์​หน่ึง​มา​ยืน​ขวาง​ไว้​ ​หลวง​ปู่​ถาม​เขา​ว่า​รู้จัก​ชาย​ท่ี​นุ่ง​โจง​กระเบน​
ผู้​นั้น​ไหม​ ​? เขา​ตอบ​ว่า​ไม่รู้​จัก​ ​แล้ว​รีบ​บอก​ท่าน​ว่า​ ​หลวง​ปู่​ช่วย​ด้วย​
หลวง​ปู่​ชว่ ย​ดว้ ย​จ​ ากน​ นั้ ​ห​ ลวงป​ ู่​ทำทา่ โบกมอื ​ช​ าย​ผู้​นัน้ ​กห​็ ายไ​ป​​​​
​ ​หลวง​ปู่​ถาม​เขา​อีก​ว่า​ ​ไหน​ล่ะ​ร่าง​แก​ ? ​เขา​พยายาม​มอง​ ​แต่​ก็​
จำ​ไม่​ได้​ว่า​อยู่​เตียง​ไหน​ ​หลวง​ปู่​จึง​พา​เขา​ไป​ดู​ที่​เตียง​ๆ​ ​หนึ่ง​ ​แล้ว​ถาม​ว่า​
นน่ั ​ใชแ่​ ก​ไหม​ละ่ ​? ​เขา​เห็นแ​ ล้ว​กจ​็ ำไ​ด​้ ก​ ราบ​เรยี น​ท่าน​ว่า​ใ​ชค่​ รบั ​ ​จากน​ ้ัน​
ท่าน​ก็พ​ าเ​ขาเ​ขา้ ​ยังร​ า่ งท​ น่ี อน​หมด​ลม​อยู่บ​ น​เตียง ​​หลังจ​ าก​ฟนื้ ข​ นึ้ ม​ า ​​เขา​
กอ็​ าการด​ ​ขี ึน้ ต​ ามล​ ำดบั ​​แต​ท่ วา่ เ​ขา​ตอ้ ง​สญู เ​สยี ข​ า​ไป​ขา้ งห​ นง่ึ ​​พอกล​ บั ​มา​
บ้านก​ ​็มีเ​พอ่ื น​พา​มา​ทำบญุ ท​ ว่ี​ ดั ส​ ะแก​ ​จึงไ​ดม้​ า​ร้​วู า่ ท่​แี ท้​หลวง​ปู่​องคท​์ ่ี​ชว่ ย​

๒๕๔ 254

ชีวติ ​เขา​ไว​้ก็​คอื ​​ห​ ลวง​ปู่​ด​ู่ ว​ ดั ​สะแก​​น่ันเอง​
​ ​พระ​สาย​หยุด​เล่า​ให้​ข้าพเจ้า​ฟัง​ว่า​ ​เสียดาย​ท่ี​ไม่รู้​ราย​ละเอียด​ของ​
เด็ก​หนุ่ม​ผู้​น้ัน​ ​ทราบ​เพียง​คร่าว​ๆ​ ​ว่า​เขา​เป็น​คน​อำเภอ​ภาชี​ ​ ​จังหวัด​
พระนครศรีอยุธยา​ ​ประกอบ​กับ​ท่าน​ก็​ยัง​ไม่​ได้​พบ​กับ​ลูก​ศิษย์​หลวง​ปู่​ผู้​
ที่​เป็น​คน​ขับ​รถ​ชน​เด็ก​หนุ่ม​คน​นั้น​อีก ​ ​แต่​ก็​แปลก​ท่ี​เร่ือง​ราว​ของ​ท้ัง​ ​๒​ ​
ฝา่ ยก​ ลับ​มา​เชอ่ื ม​ตอ่ เ​ป็นเ​ร่อื งเ​ดียวกนั ท​ ่ีก​ ฏุ ​ขิ อง​ท่าน​​
​ พระ​สาย​หยุด​เล่า​เรื่อง​น้ี​ด้วย​ความ​ปลื้ม​ปีติ​ใน​พลัง​เมตตา​บารมี​
ของ​หลวง​ปู่​ที่​แม้​ท่าน​จะ​ละ​สังขาร​ไป​แล้ว​ ​แต่​ก็​ยัง​คง​รับ​ทราบ​และ​ช่วย​
ปัด​เป่า​ความ​ทุกข์​ของ​บรรดา​ลูก​ศิษย์​และ​สัตว์​โลก​ที่​ประสบ​ทุกข์​ทั้ง​หลาย ​
ได​้เสมือน​หนึ่ง​ท่าน​ยัง​ดำ​รงั ​ขนั ธ์​อย่​ู ​ไ​ม่​ได้​จากศ​ ิษยานุศษิ ยไ​์ ป​ที่ไหนเ​ลย​


“​พอ”​

255 ๒๕๕

๑​ ๑๘​

ขัน... ​๕​ข​ ันธ์​

​ ประมาณ​ป ี​ ​๒๕๓๑-​​๒๕๓๒​ ญ​ าติโยม​ทไ​่ี ปก​ ราบน​ มัสการ​หลวง​ปูด​่ ู่​
ที่​วัด​สะแก​ ​จะ​พบ​ว่า​มี​ขัน​และ​พาน​ที่​ใช้​ใน​พิธี​รับ​ขันธ์​ ​๕​ ​วาง​เรียง​ต่อ​
กัน​หลายแ​ ถว​หลาย​ชน้ั จ​ นท​ ว่ ม​ศรี ษะ​​
​ คนจ​ ำนวนไ​มน​่ อ้ ยท​ เ​่ี ขา้ พ​ ธิ ร​ี บั ข​ นั ธ​์ ๕​ ​​นยั วา่ เ​ปน็ การเ​ปดิ ร​บั ก​ ายท​ พิ ย​์
ของ​หลวง​พ่อ​หลวง​ปู่ครู​บา​อาจารย์​ ​ บ้าง​ก็​อ้าง​ว่า​เป็น​ดวง​วิญญาณ​บุรพ-​
กษัตริย์​ไทย​ในอ​ ดตี ​ห​ รอื เ​ทพ​เจา้ ​ช้นั ผ​ ใู้ หญ​่ เ​พ่อื เ​ขา้ ม​ า​ค้มุ ครอง​ปอ้ งกนั ​
ภยั ​ห​ รอื เ​สรมิ ช​ วี ติ ใ​หเ​้ กดิ ค​ วามเ​ปน็ ส​ ริ ม​ิ งคล ​ แ​ ตแ​่ ทจ้ รงิ แ​ ลว้ ​ห​ ลวงป​ ก​ู่ ลา่ ว​
ว่าส​ ว่ น​ใหญ่น​ ้นั ห​ ลอก​ลวงก​ ันแ​ ทบท​ ั้งส​ ิ้น​ ​ หากจ​ ะ​ม​กี ม​็ ักเ​ปน็ ว​ ิญญาณช​ ้นั ​
ต่ำ​ทีม่ า​อาศัย​กิน​เคร่อื งบ​ วงส​ รวง​​
​พระพุทธ​องค์​สอน​ให้​เรา​ฝึกฝน​อบรม​จิตใจ​ให้​บริบูรณ์​ด้วย​
สติสัมปชัญญะ​ ​แล้ว​เหตุ​ใด​เล่า ​ชาว​พุทธ​จำนวน​ไม่​น้อย​จึง​พา​กัน​ยินดี​
ปฏิบัติ​ใน​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม​ ​โดย​ให้​สิ่ง​อื่น​เข้า​มา​ครอบงำ​กาย​ใจ​ของ​เรา​ได้ !​
หลวง​ปู่​ต้อง​เสีย​เวลา​ไป​ไม่​น้อย​ใน​แต่ละ​วัน​ๆ​ ​กับ​การ​สงเคราะห์​ผู้​ที่​เคย​
ไป​รับ​ขันธ์​แล้ว​เปลี่ยน​ใจ​อยาก​คืน​ขันธ์​ ​เพราะ​ต้องการ​ความ​เป็น​ไท​แก่​
ตัว​ ​ต้องการ​ควบคุม​ตนเอง​ให้​ได้​เหมือน​เม่ือ​ก่อน​ ​ไม่ใช่​อยาก​จะ​ร่าย​รำ​

๒๕๖ 256

หรือ​พูด​ภาษาแ​ ปลกๆ​ ​ ​หรอื ​ตวั ​สน่ั ง​นั งก​ในท​ ​ี่สาธารณชน​ ก​ ็ท​ ำข​ ้นึ ม​ าโ​ดย​
ไม่อ​ าจค​ วบคมุ ​ตนเองไ​ด​้
​ นอกจากก​ ารแ​ ผเ​่ มตตาใ​หแ​้ กด​่ วงว​ ญิ ญาณท​ มี่ าส​ งิ สร​ู่ า่ งเ​หลา่ น​ นั้ แ​ ลว้ ​
หลวงป​ ก​ู่ เ​็ นน้ ย​ ำ้ ว​ า่ ต​ วั ผ​ู้ (​ป​ ว่ ย)​​ น​ น้ั ก​ ต​็ อ้ งช​ ว่ ยต​ วั เ​องด​ ว้ ยเ​ชน่ ก​ นั ​ ​ ดว้ ยก​ าร​
ทำ​ภาวนา​เพม่ิ ส​ ติสมั ปชัญญะ​ใหก​้ บั ​ตวั เ​อง​ ม​ ิเ​ช่น​นั้นก​ เ็​หมอื นป​ ระตูบ​ า้ น​
ยัง​ปิด​ไมม​่ ดิ ชดิ ​ ส​ ง่ิ แ​ ปลกป​ ลอมก​ อ​็ าจ​กลับเ​ข้าม​ าใ​หม่​ได้อ​ กี ​ ​ หลวงป​ ​ู่สอน​
วา่ ​แคข่​ นั ธ์​ ​๕​ ​ของ​เราก​ ห​็ นักม​ ากอ​ ยูแ​่ ลว้ ​ ย​ ังจ​ ะห​ าเ​รอื่ ง​ไป​เอาข​ นั ธ์อ​ ืน่ ​ๆ​​
เข้า​มา​แบก​อีก​ ​เห็น​กอง​ขัน​ที่​เขา​เอา​มา​ทิ้ง​ไว้​ท่ี​วัด​ก็​ให้​รู้สึก​เหน็ดเหนื่อย​
แทนห​ ลวงป​ ​ู่ ​ แลว้ ไ​หนย​ งั จ​ ะต​ อ้ งไ​ปร​ บั มอื ก​ บั บ​ รรดาเ​จา้ ส​ ำนกั ท​ ส​่ี ญู เ​สยี ผ​ ล​
ประโยชน์​​แลว้ ​พา​กนั ท​ ำคุณไ​สย​ใส​่หลวงป​ ​ู่ ​บางค​ รั้ง​หลวงป​ ่​กู ็​เอ่ยข​ ึน้ ​มา​ว่า​
“เขาส​ ง่ ​ของ​มา​ก​ ะ​จะ​เอาเ​ราใ​ห​้ตาย”​​
​บัดน้ี​ ​ สิ้น​หลวง​ปู่​แล้ว​ ​และ​ถึง​แม้ว่า​เรา​จะ​เชื่อ​ม่ัน​ว่า​หลวง​ปู่​
ยัง​คง​ให้​ความ​คุ้มครอง​ดูแล​ศิษย์​ทั้ง​หลาย​อยู่​ ​แต่​เรา​เอง​ก็​ต้อง​ไม่​ประมาท​​
ต้อง​รีบ​เร่ง​สร้าง​ภูมิคุ้มกัน​ขึ้น​ด้วย​ตนเอง​ ​และ​ก็​มิใช่​โดย​พระ​เครื่อง​ของ​
ท่าน​เ​พราะ​นั่น​ก็​ยงั ไ​ม่ใชท​่ พ​ี่ ่งึ อ​ นั ​สูงสดุ ​​หาก​แตต่​ ้องอ​ าศยั ก​ ารป​ ฏบิ ัติก​ าย​
วาจา​ใ​จข​ องเ​ราเ​องใ​หด​้ ง​ี าม​ ​ เพอ่ื ใ​หเ​้ กดิ เ​ปน็ ธ​ รรมค​ มุ้ ครองผ​ ป​ู้ ระพฤตธ​ิ รรม​
บน​ฐาน​ท​ม่ี ัน่ คง​ของก​ าร​ปฏบิ ตั ส​ิ มาธภิ​ าวนา​ให​ไ้ ด้ต​ ลอดท​ ุก​ๆ​อ​ ิรยิ าบถ​​


​“​พอ​”

257 ๒๕๗

๑​ ๑๙​

รักห​ ลวง​ปท​ู่ ไี่ หน​?

​ ​เป็น​เร่ือง​น่า​คิด​และ​น่า​ถาม​ตัว​เอง​ว่า​ ​เรา​ผู้​ซึ่ง​อาจ​เคย​พูด​กับ​ใคร​ๆ​​
ว่า​เราม​ ​ศี รทั ธา​ใน​องค์​หลวงป​ ่​ดู ​ู่ ​ แต​่ถาม​กัน​ให​้ลึก​กว่า​น้นั ว​ ่า ​ เ​รา​รัก​ทา่ น​
ด้วย​ความ​ท่ี​ท่าน​เป็น​ท่าน ​ ​หรือ​เพราะ​ว่า​เรา​เชื่อ​ว่า​ท่าน​คือ​องค์​เดียวกัน​
กับ​หลวง​ป่ทู วด​
​ ​ประเด็น​น้ี​ ​พวก​เรา​ก็​เคย​หยิบ​ยก​มา​พูด​คุย​กัน​ ​และ​เม่ือ​เรา​นึก​
ประมวล​เรื่อง​ราว​ต่าง​ๆ​ ​ที่​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​พวก​เรา​ ​อัน​เป็น​ภาพ​
เหตุการณ์​ความ​รัก​ความ​เมตตา​ของ​หลวง​ปู่​ดู่​ที่​มี​ต่อ​พวก​เรา​ ​รวม​ทั้ง​
ใคร​ๆ​ ​ท่ีมา​พึ่ง​บารมี​ของ​ท่าน​แล้ว​ ​น้ำตา​ที่​คลอ​เบ้า​พวก​เรา​อยู่​ขณะ​นั้น​จึง​
เป็น​คำต​ อบท​ ​ชี่ ดั เจน​ในต​ ัว​วา่ เ​รา​รกั ท​ ่าน​ใน​ความ​ท​ท่ี า่ น​เป็นท​ า่ น ​ ​เรา​จะย​ ัง​
คง​รัก​ทา่ น​แม้วา่ ​ทา่ น​จะม​ ไิ ด้​เป็น​องคเ​์ ดยี วกนั ก​ ับ​หลวง​ปู่ทวด​กต็ าม ​ แ​ ต่​
หาก​แม้น​ว่า​ท่าน​เป็น​องค์​เดียวกัน​กับ​หลวง​ปู่ทวด​จริง​ ​พวก​เรา​ก็​ย่ิง​เพ่ิม​
ความ​ภูมิใจ​ทว​ขี นึ้ ไ​ปอ​ ีก​วา่ ​​พ​ วก​เรา​ไมเ่​สีย​ชาตเ​ิ กิด​​


“​พอ​”

๒๕๘ 258 ๑​ ๒๐​

​ ก​ บั ​ดกั ​

นับ​เป็น​เมตตา​อย่าง​ใหญ่​หลวง​ท่ี​หลวง​ปู่​ดู่​ได้​สั่ง​สอน ​และ​ช้ีแนะ ​
ให้​ลูก​ศิษย์​ของ​ท่าน​ได้​ตระหนัก​ถึง​กับ​ดัก​บน​หนทาง​ของ​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​
โดย​เฉพาะ​อย่างย​ ิ่ง​คำ​วา่ ​ ​“​คน​ดนี ะ่ ​​เขา​ไม่​ตใ​ี คร​”​​​และ​ ​“​อย่าใ​หเ้​ลย​
พระพทุ ธเจา้ ”​ ​ เ​ปน็ ตน้ ​
​ใคร​จะ​คิด​บ้าง​เล่า​ว่า​ ​แม้​จะ​เข้า​มา​ใน​หนทาง​แห่ง​การ​สร้าง​สม​
ความด​ ​งี าม​​ก​็ยงั ม​ ​ีสง่ิ ​ท​่ีเป็น​กบั ด​ ักร​ อ​อย่​ูอยา่ งม​ ากมาย​​และ​เป็นส​ ิ่งท​ แ​ี่ ก​ไ้ ด้​
ยากเ​สีย​ดว้ ย​ด​ ังค​ ำ​พูด​ของ​หลวง​ปู่ม​ ่นั ท​ ่ีว​ ่า ​ ​“​ติด​ดนี ะ่ ​​แก​้ยากก​ ว่า​ติดช​ ัว่ ”​ ​
เพราะ​คน​ที่ถ​ ือว่า​ตนเ​ป็น​นกั ​ปฏิบตั ​ิ ห​ รอื ​เปน็ ​คร​เู ป็นอ​ าจารย์​ ​เป็น​คนเ​ขา้ ​
วัดเ​ข้า​วา ​​เป็น​คน​ถือศีล​กนิ เ​จ ​เ​ป็นค​ นป​ ฏิบัตสิ​ มาธ​ภิ าวนา​ ​หากเ​ผลอ​
ตัว​ให้​กิเลส​ความ​หลง​ตัว​หลง​ตน​เข้า​ครอบงำ​จน​สำคัญ​ว่า​ตน​วิเศษ​วิ​โสก​ว่า​
คน​อ่ืน​ ​ทำตัว​เป็น​ชา​ล้น​ถ้วย​แล้ว​ ​นอกจาก​จะ​เป็น​ตัว​ปิด​ก้ัน​ความ​ดี​ไม่​
ใหง้​อกงาม​​กย​็ งั ​ทำให้​จิตใจเ​สือ่ ม​ลงๆ​ ​​เทย่ี วก​ ลา่ ว​ตีค​ น​โน้นค​ นน​ ้​ี ​ ย่งิ ​กวา่ ​
การ​กล่าว​สอน​ตัก​เตือน​ตนเอง​ ​เข้า​ลักษณะ​ที่บัณ​ทิต​ท้ัง​หลาย​กล่าว​ไว้​ว่า​ ​
“​คน​ร้​ูธรรม​ชอบเ​อาชนะ​ผ​อู้ นื่ ​แ​ ต​่คนม​ ​ธี รรม​ชอบ​เอาชนะต​ นเอง​”​​
​ ท่ี​เลย​เถิด​ไป​กว่า​น้ัน​ก็​เข้า​ทำนอง​เลย​พระพุทธเจ้า​ ​คือ​เก่ง​กว่า​
พระพทุ ธเจ้า​เ​ป็นต้น​วา่ ​คิดคน้ แ​ ละ​ประกาศส​ อนแ​ นวทางก​ ารป​ ฏบิ ัตธ​ิ รรม​

259 ๒๕๙

ของต​ นเองว​ า่ เ​ปน็ ​ทางล​ ัดต​ รง​​
​ หากเ​ราพ​ จิ ารณาค​ ำเ​ตอื นข​ องห​ ลวงป​ ด​ู่ ท​ู่ ว​ี่ า่ ​อ​ ยา่ ใ​หเ​้ ลยพ​ ระพทุ ธเจา้ ​
ก็​จะ​เป็น​เคร่ือง​เตือน​ใจ​ว่า​ จง​อย่า​อวดดี​ ​ อย่า​บัญญัติ​สิ่ง​ท่ี​พระพุทธ​องค์​
มิได้​บัญญัต​ิ ​​หากพ​ จิ ารณาใ​ห้ด​ ี​ ใ​นส​ ามโ​ลกน​ จ้​ี ะห​ าใ​ครท​ ​ี่มี​ความ​บริสุทธ​ิ์
อีก​ท้ัง​เปี่ยม​ด้วย​พระ​มหา​กรุณา​และ​พระ​มหา​ปัญญา​เท่ากับ​พระพุทธ​องค์​
ดัง​น้ัน​ ​หาก​มี​ทาง​ลัด​กว่า​น้ี​ ​มี​หรือ​ที่​พระพุทธ​องค์​จะ​ไม่​ทรง​บอก​ทรง​สอน​​
พระองค์​สละ​ชีวิต​มา​นับ​ภพ​นับ​ชาติ​ไม่​ถ้วน​ก็​เพื่อ​ค้นหา​หนทาง​หลุด​พ้น ​
คือ​​มรรค​มีอ​ งค​์ ๘​ ​​หรือ​ศ​ ลี ​ส​ มาธ​ิ แ​ ละ​ปญั ญา​​น้ม​ี าป​ ระกาศส​ อนแ​ กส​่ ตั ว​์
โลก​ทั้ง​หลาย​ ​แล้ว​ผู้​ท่ี​ประกาศ​ทาง​ลัด​เหล่า​น้ัน​เล่า​ ​ จะ​มี​ปัญญา​เหนือ​
พระองค​์เชยี ว​หรอื ​? ​
​แม้​หลวง​ปู่​ดู่​ก็​ยัง​ยืนยัน​หนัก​แน่น​หลาย​คร้ัง​ว่า​ท่าน​มิได้​บัญญัติ​คำ​
สอน​แปลก​ใหม่​อัน​ใด​ ​ไม่มี​คำ​ว่า​แบบ​ปฏิบัติ​ของวัด​สะแก​ ​(​นั่น​เป็น​แค่​
ชื่อ​เรียก​ท่ี​คน​อื่น​เรียก​กันเอง​)​ ​เพราะ​มี​แต่​แนวทาง​หรือ​แบบ​ปฏิบัติ​ของ​
พระพุทธเจา้ ​เท่านนั้ ​อ​ นั ไ​ดแ้ ก​่ ​มรรคม​ ​ีองค​์ ​๘​​​หรอื ​บาง​แหง่ อ​ าจน​ ำม​ รรค​
ข้อ​ที่​ว่า​ด้วย​สัมมา​สติ​ ​มา​มุ่ง​เน้น​เป็น​พิเศษ​ดัง​ท่ี​เรียก​ว่า​สติ​ปัฏ​ฐาน​ ​๔​ ​คือ​​
การ​มสี​ ติร​ ะลกึ ​ในก​ าย​ ​เวทนา​ ​จิต​ แ​ ละ​ธรรม​ แ​ ต่ร​ ากฐานห​ รอื ห​ ลกั ก​ ารท​ ​่ี
สำคัญ​ท่ี​ท้ิง​ไม่​ได้​ก็​คือ​ “มรรค​สมังคี​” ​ได้แก่​ความ​พร้อม​บริบูรณ์​แห่ง​ศีล​​
สมาธิ​​และ​ปญั ญา​​มใิ ช่จ​ ะเ​อาแตใ่​น​แง​ศ่ ลี ​ ​หรอื ส​ มาธ​ ิ ห​ รอื ​ปญั ญา ​ ​เพยี ง​
อยา่ งใ​ด​อยา่ ง​หนงึ่ ​ ​แลว้ ​ละเลย​มรรค​ตัว​อน่ื ๆ​ ​ ส​ มาธท​ิ ่ี​ไม​่อยบู่​ น​ฐาน​ของศ​ ีล​
หรอื ​ไมม่ ีป​ ัญญา​เปน็ ท​ ​ี่หมาย​​หรือ​ไมม่ ีภ​ าวะแ​ หง่ ค​ วาม​รู้​​ต่นื ​​เบิกบ​ าน​ก​ ็​ไม่​

๒๖๐ 260

อาจเ​รยี ก​วา่ ​สมั มาส​ มาธ​ิได้​ ​ ป​ ญั ญา​ทขี่​ าด​สมาธิก​ ็​เหมอื น​เอา​ใบม​ ดี เ​ล็ก​ๆ​
​ไป​โคน่ ​ต้นไมใ​้ หญ​่ ​ย่อม​เสียแ​ รง​เปล่า ​​หรือ​จะ​เอาแตแ่​ กน่ ​ธรรมแ​ ล้วล​ ะเลย​
วนิ ยั ห​ รอื ศ​ ลี ก​ เ​็ หมอื นแ​ กน่ ไ​มท​้ ป​่ี ราศจ​ ากเ​ปลอื กแ​ ละก​ ระพ​้ี ​ยอ่ มไ​มอ​่ าจต​ ง้ั ​
อย​ู่ได​น้ าน​
​ ดัง​น้ัน​ ​มรรค​สมังคี​ของ​พระพุทธ​องค์​จึง​ทรง​วาง​เอา​ไว้​ดีแล้ว​ ​ไม่มี​
หนทาง​ลัด​ตรง​ไป​กว่า​น้ี​แล้ว​ ​และ​ข้าพเจ้า​ก็​หมด​สงสัย​ที่​เคย​คะย้ันคะ​ยอ​
​ถาม​หลวง​ปู่​ว่า​ ​“​แบบ​ปฏิบัติ​ของ​หลวง​ปู่​เป็น​อย่างไร​ครับ ?​”​ ​เพราะ​
มัน​จะ​ไม่มี​วัน​ได้​ ​การ​ที่​หลวง​ปู่​บอก​สอน​คำ​บริ​กรรม​ไต​รส​รณา​คมน​์น้ัน​​
ก็​เป็น​เพียง​เบ้ือง​ต้น​แห่ง​การ​ปฏิบัติ​ก่อน​จะ​ลาด​เอียง​เทสู่​ครรลอง​หรือ​
แบบป​ ฏบิ ัติ​ของ​พระพุทธเจ​ า้ ​ต่อ​ไป​เทา่ นัน้ ​​
ก​ ารต​ ดิ ด​ ​ี และก​ ารป​ ฏบิ ตั จ​ิ นเ​ลยค​ รอ​ู าจารย ​์ เ​ลยพ​ ระพทุ ธจ​ า้ ​ เ​หลา่ ​
นี้​ เป็น​แค่​ตัวอย่าง​เพียง​เล็ก​น้อย​เพ่ือ​ให้​ได้​ศึกษา​ เพราะ​กับ​ดัก​ต่าง​ๆ​ ​ยัง​
ม​ีอกี ​มาย​มาย​ เ​ช่น​ ห​ ลง​ติด​เปน็ เ​จ้า​ขา้ ว​เจา้ ของ​ครูบาอ​ าจารย​์ ​ หรือศ​ ิษย์​
ก้น​กุฏิ​ ​ หลง​ติด​แนวทาง​ที่​ตน​ถนัด​ว่า​เป็น​หนทาง​สายเอก​หรือ​สาย​เดียว​
การย​ ดึ ​ติด​ใน​ความไ​ม​ย่ ึดต​ ิด​ฯ​ ลฯ​
​ คุณ​ธรรมส​ ำคัญท​ ​ีช่ ว่ ย​ใหเ​้ ราผ​ า่ นพ​ น้ ก​ บั ​ดกั ​ไปไ​ด้​​ก็ค​ ือป​ ฏปิ ทาท​ ​ี่วา่ ​
ปฏิบัต​เิ พอ่ื ​ละ​ ​ไม่ใช​่ปฏิบตั ิ​เพอื่ ​เอา​ห​ รอื เ​พอ่ื ไ​ด้​เ​พอ่ื เ​ป็น​อะไรท​ ั้ง​น้ัน​​รวม​
ทั้ง​ควร​เป็น​ผู้​อ่อนน้อม​ถ่อม​ตน​อยู่​เนือง​นิตย์​ ​ ประกอบ​กับ​ยึดถือ​ธรรม​คำ​
สอน​ของ​พระพุทธเจ้า​เป็น​หลัก​ ​ หาก​คำ​สอน​ใด​แม้​เป็น​ของ​ครู​อาจารย ์​
ที่​เรา​นับถือ​ ​แต่​ขัด​กับ​คำ​สอน​ของ​พระพุทธ​องค์​ ​ก็​ต้อง​ยึด​คำ​สอน​ของ​

261 ๒๖๑

พระพุทธ​องค์​เป็น​หลัก​ ​ ​หม่ัน​เข้าหา​กัลยาณมิตร​ผู้​ปรกติ​มี​ปฏิปทา​ไป​ใน​
ทางห​ า่ งโ​ลภ​​โกรธ​ห​ ลง​​และ​สุดท้าย​ไม​่ควร​ลืมค​ ำ​สอน​คำ​เตอื น​ของ​หลวง​
ปู่​ด​ทู่ ี่​ว่า​​“อ​ ย่าใ​ห้​เลย​พระพทุ ธเจา้ ”​ ​​​

“พ​ อ​”



๒๖๒ 262 ๑๒๑​

​ อารมณข์​ ัน​

​​​​​​​​​​​​ปรกติ​หลวงป​ จ​ู่ ะ​เปน็ ผ​ ้มู​ ​ีอารมณจ​์ ติ ​แจ่มใส​บ​ อ่ ย​ครง้ั ท​ ่านก​ แ็​ สดง​
อารมณข​์ นั ใ​หท​้ กุ ค​ นไ​ดน​้ งั่ อ​ มยม้ิ ​เ​ชน่ ​เ​หตกุ ารณค​์ รง้ั ห​ นงึ่ ท​ ม​่ี อ​ี าซ​ ม่ิ ท​ า่ นห​ นง่ึ ​
ต​ ามเ​พอื่ นม​ ากร​ าบห​ ลวงป​ ​ู่ ค​ งด​ ว้ ยค​ วามท​ แ​ี่ กป​ ระทบั ใ​จใ​นใ​บหนา้ ท​ เ​่ี มตตา​
ประกอบ​กับ​ผิว​พรรณ​ที่​ผุดผ่อง​ของ​หลวง​ปู่​ ​แก​จึง​เผลอ​จ้อง​หลวง​ปู่​อยู่​
เป็น​เวลา​นาน​ ​หลวง​ปู่​จึง​หัน​มา​ทาง​อา​ซิ่ม​แล้ว​พูด​อมย้ิม​ว่า​ ​“​สมัย​หนุ่ม​ๆ​ ​
ข้า​หล่อก​ ว่าน​ อี้​ กี ​นะ​”​ท​ ำเอา​อา​ซิม่ เ​กอ้ เ​ขนิ ไ​ปเ​ลย​​แต​แ่ ท้จริงแ​ ล้ว​หลวง​ปู​่
จะ​สอน​ให​้พจิ ารณา​อยเ่​ู นือง​ๆ​ ​ว่า​สังขาร​ท้ังห​ ลาย​ไม​่เท่ยี ง​ ​ตวั ​เราใ​น​วัน​นก​้ี ็​
ไม​่เหมอื น​กบั ​ตวั ​เรา​ในว​ ันก​ ่อน​​อะไร​ๆ​ม​ นั ​กต็​ อ้ ง​เส่ือมไ​ป​ๆ​​
​ อกี ค​ รง้ั ห​ นง่ึ ​น​ สิ ติ ช​ ายร​ว่ ม​๑​ ๐​ค​ นท​ มี่ าส​ นทนาธ​ รรมป​ ระจำก​ บั ท​ า่ น​
มา​น่ัง​เรียง​ราย​อยู่​ท่ี​ม้า​นั่ง​ข้าง​หน้า​ท่าน​ใน​ตอน​หัวค่ำ​วัน​หน่ึง​ ​บาง​คน​ก็​มา​
บ่น​เบือ่ ​โลก​ให้​ทา่ นฟ​ ัง​บ​ าง​คน​ก็​บอกว​ า่ ​อยากบ​ วช​ท​ ่าน​มอง​หนา้ ​ทุกๆ​ ​​คน​
แ​ ลว้ ​ก็​พูดอ​ มยิ้มว​ ่า​ ​“พ​ วก​แกน​่ะ​ ​เบือ่ ​ไม​่จริง​ เ​ดีย๋ ว​เบื่อ​ เ​ดี๋ยว​อยาก​ แ​ ค่​
ไดย้ นิ เ​สยี งผ​ ห​ู้ ญงิ เ​ขาพ​ ดู จ​ ะ๊ ๆ จา๋ ๆ​ก​ เ​็ สยี วไ​ปถ​ งึ ก​ ระดกู ช​ นั้ ใ​นส​ ดุ ​.​.​.​เ​สรจ็ ​
เขา”​ ​ท​ ำเอา​บรรดา​ลูก​ศิษยท​์ ุก​คน​ที่น​ ั่งอ​ ย​ูต่ รง​น้ัน​​ตอ้ ง​น่งั ​ก้ม​หนา้ ​​ไมก​่ ลา้ ​
สบตา​ท่าน​เ​พราะ​ความเ​ขนิ อ​ าย​แ​ ลว้ ก​ ็​พาก​ นั ห​ วั เราะ​ไม่ห​ ยุด​​

263 ๒๖๓

นแ​ี่ หล​ ะห​ นา​ค​ วามไ​มส​่ มำ่ เสมอข​ องใ​จเ​จา้ ของ​เ​ดยี๋ วเ​บอ่ื เ​ดยี๋ วอ​ ยาก​
เด๋ยี ว​ฟ​ูเด๋ยี วฟ​ บุ ​​เดยี๋ วส​ งบเ​ด๋ยี ว​ไม่ส​ งบ​​สงั ขารท​ ง้ั ​น้นั ​
​ ยงั ม​ เ​ี รอื่ งน​ า่ ข​ นั อ​ กี เ​รอื่ ง​ก​ ค​็ อื เ​รอ่ื งข​ องค​ นอ​ ยากถ​ กู ล​ อตเตอร​่ี เ​ฝา้ ม​ า​
​อ้อนวอน​ขอร้อง​ท่าน​ ​ซึ่ง​โดย​ปรกติ​แล้ว​ท่าน​เป็น​ผู้​ไม่​ส่ง​เสริม​และ​ไม่​เคย​
ให้​หวย​ใคร​ๆ​ ​ แต่​วัน​น้ัน​ ​ท่าน​คง​ต้องการ​ให้​คน​อยาก​ถูก​หวย​ผู้​นั้น​เลิก​มา​
ต๊ือ​ทา่ นอ​ กี ​​ทา่ นจ​ ึง​เขียน​เลข​​๗​​ตวั ​​ใสก​่ ระดาษ​พ​ ับ​ไว้​ขา้ งต​ ัวท​ า่ น​​แล้ว​ก็​
รอเ​วลาไ​ป​เร่อื ย​ๆ​จ​ น​กระท่ังใ​กลเ้​วลาห​ วย​ออก​ท​ ่าน​จึง​ย่นื ​ให้​ชายผ​ ้​นู ้ัน​แ​ ต​่
ทวา่ ส​ าย​เกนิ ไ​ปเ​สยี แ​ ลว้ ​ ​แก​วงิ่ ไ​ม่ทันข​ ้ามป​ ระตว​ู ัด​ ห​ วยก​ อ็​ อกแ​ ล้ว​ ​ว่า​กัน​
ว่าตวั เลข​ตรง​ไมผ่ ดิ เพ้ียน​​...คน​เรา​ไมป​่ ระกอบเ​หตุ​อันค​ วร​​แต​ห่ วงั ผ​ ลเ​ลิศ​
ก็จ​ ะ​เป็น​เชน่ ​น้เ​ี อง​
น​ อกจาก​น้​ี ย​ งั ​มเ​ี รอื่ งช​ วนใ​ห้​อมย้มิ เ​ก่ียว​กับก​ ารบ​ ชู า​พระเ​ครอ่ื งข​ อง​
หลวง​ปู่​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ ​คือ​ตอน​สาย​วัน​หนึ่ง​ ​มี​ผู้​ไป​เช่า​พระ​บูชา​ขนาด​ย่อม​ๆ​
ของ​ทาง​วัด​สะแก​มา​หลาย​องค์​ ​แล้ว​ก็​นำ​มา​ขอ​ให้​ท่าน​ประสิทธิซ้ำ​อีก​
โดย​กล่าว​กับ​หลวง​ปู่​ว่า​ ​ขอ​หลวง​ปู่​เมตตา​อธิษฐาน​จิต​ให้​ด้วย​ครับ​ ​ผม​จะ​
นำไ​ป​บูชาไ​ว​้ท​รี่ ถ​​
​ หลวงป​ ่​หู วั เราะ​พร้อมก​ บั พ​ ดู ​ว่า​“​ ข​ ้าไ​ม่ใชพ​่ ระ​เฝ้าร​ ถ​นะ”​ ​
​ คร้งั ห​ นึ่ง​ ​เคยม​ ผ​ี ​กู้ ราบ​เรียนถ​ าม​หลวงป​ ​วู่ ่า​ “​ ​หลวงป​ ​คู่ รับ​ ​หลวงป​ ู่​
บวชม​ าน​ าน​เ​คยค​ ดิ จ​ ะส​ กึ ไ​หมค​ รบั ?”​ ​ห​ ลวงป​ ต​ู่ อบแ​ บบอ​ มยม้ิ ว​ า่ ​“​ เ​คยค​ ดิ ​
แตถ​่ า้ จ​ ะใ​หข​้ า้ ส​ กึ ​ต​ อ้ งเ​อาเ​งนิ ใ​สใ​่ หเ​้ ตม็ ป​ บ๊ี ​​เ​อาป​ บ๊ี ม​ าว​ างใ​หท​้ ว่ั บ​ รเิ วณ​
นี้​​แล้วจ​ ะ​สึก​”​​

๒๖๔ 264

​ ท่าน​ก็​ชี้​มือ​กวาด​ไป​ท่ัว​บริเวณ​ ​ ผู้​ท่ี​ถาม​ก็​เลย​กราบ​เรียน​ท่าน​ว่า​ ​
“​ถ้า​อย่างน​ ัน้ ​​กค​็ ง​ไม่ม​ใี คร​หาเงนิ ม​ าไ​ด​้เทา่ ​ที่ห​ ลวงปูต​่ อ้ งการแ​ น่”​ ​​
​ หลวง​ปท่​ู ่าน​หัวเราะแ​ ล้วบ​ อก​วา่ ​​
“ก​ ็​นนั่ ​นะ่ ส​ ​ิ ข​ า้ ​กเ็​ลย​ไม​่สกึ ”​ ​


“พอ”


265 ๒๖๕

๑​ ๒๒​

ปัจฉิม​โอวาท​​



แม้ว่า​หลวง​ปู่​จะ​มี​อาการ​เพียบ​หนัก ​ ​โดยที่​หลาย​คน​ไม่​ทราบ ​ ​
เพราะ​ท่าน​พยายาม​วางตัว​เป็น​ปรกติ​ธรรมดา ​ ​หลวง​ปู่​ท่าน​จะ​ปฏิเสธ​
การ​ไปพ​ บแ​ พทย​ม์ าโ​ดย​ตลอด​ แ​ ละ​ท่าน​ก็​ไม​เ่ คย​เดนิ ​ทางไ​ป​รบั ​การ​รกั ษา​
พยาบาล​ทโี่​รง​พยาบาลเ​ลยแ​ ม​ว้ าระส​ ุดทา้ ย​แห่งส​ งั ขารข​ อง​ท่าน​ก็ตาม​
​ใน​เรื่อง​น้ี​ ​ แม้​ครูบา​อาจารย์​ใน​สาย​กรรม​ฐาน​จำนวน​มาก​ก็​มี​
ปฏิปทา​เช่น​น้ัน​ ​ท่าน​จะ​ไม่​ฝืน​สังขาร​ ​ท่ี​สำคัญ​ ​ท่าน​พยายาม​ที่​จะ​ไม่​เป็น​
ภาระ​รบกวน​ญาติโยม​ ​โดย​จะ​ขอ​ใช้​วาระ​สุดท้าย​แห่ง​ชีวิต​ด้วย​การเต​รี​ยม​
จติ ​เงียบ​ๆ​​อยทู่​ ่​กี ุฏิ​ของ​ทา่ น​
ห​ ลวงป​ ไ​ู่ ดก​้ ลา่ วก​ บั ศ​ ษิ ยท​์ ม่ี าก​ ราบน​ มสั การท​ า่ น ​(​ซ​ ง่ึ เ​ปน็ ค​ นื ส​ ดุ ทา้ ย)​​
ให้​ทราบ​ด้วย​ใบหน้า​ปรกติ​ว่า​ ​“​ไม่มี​ส่วนหนึ่งส่วน​ใด​ใน​ร่างกาย​ข้า​
ทไ่ี​มเ่​จ็บ​ปวด​เลย​​ ถ้าเ​ปน็ ​คนอ​ น่ื ​คงเ​ข้าห​ อ้ งไ​อซ​ ​ียูไ​ป​นานแ​ ลว้ ”​ ​​​ทา่ น​ยงั ​
บอก​อีก​ด้วย​วา่ ​​“​ข้า​จะไ​ปแ​ ล้ว​นะ”​ ​​
​ สุดท้าย​ของ​การส​ นทนา​​หลวง​ปย​ู่ งั ไ​ด้เ​มตตา​อบรมส​ ่งั ​สอนซ​ ่งึ ​เปน็ ​
เหมอื นด​ ง่ั ป​ จั ฉมิ โ​อวาทว​า่ ​ ​ “ถ​ งึ อ​ ยา่ งไรก​ อ​็ ยา่ ไ​ดท​้ งิ้ ก​ ารป​ ฏบิ ตั ​ิ ​นกั ป​ ฏบิ ตั ก​ิ ​็
เปน็ เ​หมอื นน​ กั ม​ วย ​เมอื่ ข​ น้ึ เ​วทแ​ี ลว้ ก​ ต​็ อ้ งช​ ก​อ​ ยา่ ม​ วั แ​ ตต​่ ง้ั ท​ า่ เงอะๆ​ง​ะๆ​ ”​ ​

๒๖๖ 266

​ ​ ​แม้ว่า​หลวง​ปู่​จะ​ละ​สังขาร​ไป​แล้ว​ก็ตาม ​ ​แต่​ด้วย​ขันติ​ธรรม​และ​
จิตใจ​อัน​เด็ด​เดี่ยว​ที่​ท่าน​ได้​กระทำ​ให้​ศิษย์​ได้​เห็น​โดย​เอา​องค์​ท่าน​เอง​เป็น​
แบบ​อย่าง​น้ัน​ ​จะ​เป็น​แรง​บันดาล​ใจ​ให้​แก่​ศิษย์​ทั้ง​หลาย​ได้​ตระหนัก​ใน ​
คำพ​ ดู ​ของ​ท่าน​ที่​ว่า​​“ก​ ารจ​ ะป​ ฏบิ ัต​ใิ ห้​รู้​ธรรม​​เหน็ ​ธรรม​ต​ อ้ ง​ทำจ​ รงิ ​​.​.​.​
จะ​ได​้ อ​ ยู่​ทที่​ ำจ​ รงิ ”​ ​
​ การ​จัด​เตรียม​งาน​ศพ​ท่าน​เป็น​ไป​โดย​คณะ​ศิษย์​ท้ัง​ฝ่าย​สงฆ์​และ​
ฆราวาส​ ​ทุก​คน​แม้ว่า​จะ​ได้​ทำใจ​กัน​มา​มาก​แล้ว​ ​และ​ดู​เหมือน​จะ​
ยอมรบั ถ​ งึ ค​ วามเ​ปน็ ธ​ รรมดาแ​ หง่ ส​ งั ขาร​แ​ ตพ​่ อค​ รน้ั ม​ ก​ี ารเ​คลอ่ื นศ​ พห​ ลวงป​ ​ู่
ขึ้น​สู่​เมรุ​เท่านั้น​ ​บรรดา​ลูก​ศิษย์​จำนวน​ไม่​น้อย​ต้อง​พยายาม​หัน​หน้า​หลบ​
สายตา​ผู้คน​ ​เพราะ​มี​น้ำตา​ท่ี​ไหล​พราก​ออก​มา​อาบ​แก้ม​อย่าง​ไม่​ขาด​สาย​​
หลบ​กัน​ไป​มา​ ​ก็​หัน​มา​เจอ​หมู่​เพื่อน​ท่ี​มี​อาการ​อย่าง​เดียวกัน​ ​ ทีน้ี​ ​ จึง​
รอ้ งไห้​ออกม​ า​อย่าง​ไมอ​่ าย​ใคร​​
“​ ห​ ลวงป​ ค​ู่ รบั ​​ตอ่ แ​ ตน​่ ไ​้ี ปใ​ครจ​ ะเ​ปน็ ท​ พ​่ี งึ่ แ​ กพ​่ วกก​ ระผม​พ​ วกก​ ระผม​
ย​ ัง​ไม​ไ่ ด​ต้ น​เป็น​ท​่ีพงึ่ ​ ​ธรรมะข​ อง​พวกก​ ระผม​ยงั น​ ้อยน​ กั หนา​ พ​ วก​กระผม​
ยงั ต​ ้องการ​หลวง​ปค่​ู รบั ”​ ​​
​ ..​.​ม​ าบ​ ดั น​ี้ พ​ วกเ​ราท​ กุ ค​ นม​ ไิ ดร​้ สู้ กึ ว​ า่ ห​ ลวงป​ อ​ู่ ยห​ู่ า่ งจ​ ากพ​ วกเ​ราเ​ลย​
เพราะพ​ วกเ​ราเ​ชอื่ ม​ น่ั อ​ ยา่ งท​ ส่ี ดุ ว​ า่ ​ ห​ ลวงป​ ค​ู่ อยจ​ ะช​ ว่ ยเ​หลอื ส​ นบั สนนุ ก​ าร​
ปฏบิ ัติข​ อง​เรา​แต่ละค​ นๆ​ ​​อยท​ู่ ุก​เม่อื ​ แ​ ละ​ผล​การป​ ฏบิ ัติ​ของ​เรา ​​กท​็ ำให้​
เราล​ กึ ​ซง้ึ ​ในค​ ำ​สอน​ของ​หลวง​ป​ู่มาก​ยิง่ ​ขนึ้ ​ แ​ ละ​ทำใหเ้​รา​ร้จู ัก​หลวงป​ ด​ู่ ​ีขึน้ ​
พรอ้ มก​ บั ค​ วามเ​คารพร​กั ใ​นอ​ งคห​์ ลวงป​ ท​ู่ ม​ี่ ม​ี ากข​ น้ึ ๆ​ ​เ​ปน็ ล​ ำดบั ด​ ว้ ยเ​ชน่ ก​ นั

“พ​ อ​”​

267 ๒๖๗

๑๒๓​

เปรต​ปาก​ซอย​

​ นับ​เป็น​ระยะ​เวลา​ร่วม​ปี​ท่ี​ภาย​หลัง​จาก​ทำบุญ​และ​ปฏิบัติ​ภาวนา​
กับ​หลวง​ปู่​ใน​ยาม​ค่ำคืน​ ​ หลวง​ปู่​มัก​จะ​พาก​รวด​น้ำ​ให้​กับ​เปรต​ที่​อยู่​
บรเิ วณป​ ากท​ างแ​ ยก​ถนน​สายเ​อเชยี ​ท่ีจ​ ะเ​ลี้ยวเ​ขา้ ​วัด​สะแก​​
​ ตรง​บริเวณ​นี้​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​เกิด​อุบัติเหตุ​บ่อย​คร้ัง​ ​มี​คน​ตาย​มา​แล้ว​
หลาย​คน​ ​ใน​จำนวน​น้ี​ ​ข้าพเจ้า​คิด​เอา​เอง​ว่า​ ​คง​มี​บาง​คน​ท่ี​ได้​ภพ​ภูมิ​ที่​
ไม​่ด​ี ​เชน่ ​​เปรต​​และอ​ สุรก​ าย​​เปน็ ต้น ​ ห​ ลวง​ป่​ูจงึ ไ​ดเ​้ มตตา​ใหเ​้ ราก​ รวดน​ ้ำ
ใ​หเ้​สมอ​ๆ​ท​ า่ นว​ า่ เ​ปรตต​ นน​ ​้ี ก​ า้ วเ​ดนิ ​เพยี ง​๓​ ​​กา้ วก​ ​ถ็ ึงว​ ัดส​ ะแก​ข​ า้ พเจา้ ​
นกึ ใ​นใ​จว​ า่ ร​ ะยะท​ างจ​ ากป​ ากท​ างว​ ดั ส​ ะแกม​ าถ​ งึ ทว​่ี ดั อ​ ยา่ งน​ อ้ ยๆ​ ​ก​ ​็ ๓​ ​ก​ ม.​​
​โอ้โฮ​เ​ปรต​ตัว​นี​้มนั จ​ ะ​สูง​ขนาดไ​หนห​ นอ​
​ ท่​ีสำคัญ ​เ​วลา​ท่​หี ลวง​ป่​ูบอกใ​หพ้​ ร​ ​ซง่ึ เ​ป็น​เวลาค​ ่ำม​ ืด​อยน​ู่ นั้ ​ ​ มกั ​
ทำให​้ขา้ พเจา้ ​พรอ้ ม​ด้วยห​ ม่​ูคณะต​ อ้ งข​ นลกุ ท​ ุกท ​ี เ​พราะบ​ รรดาส​ นุ ขั ใ​น​
วดั ท​ ีม่​ ี​อย่​ูนบั ส​ บิ ต​ ัว​ ​จะพ​ า​กนั ​หอน​รับ​อย่าง​พร้อม​เพรียงก​ นั ​​ท้งั ๆ​ ​​ที่ไ​ม​่ได้​
ตรี​ ะฆัง​ให้​กระเทือน​โสตป​ ระสาท​พวก​มนั ​แต่อ​ ยา่ งใ​ด​เลย​
​เร่ือง​นี้​ ​ ทำให้​ข้าพเจ้า​ตระหนัก​ถึง​กฎ​แห่ง​กรรม​ที่​พระพุทธ​องค์​
ทรง​ส่งั ส​ อนใ​หพ​้ วกเ​รา​ไดร้​ บั ​ร้​ู แ​ ละ​นี่​คงเ​ปน็ ​เปรต​จำพวก​สดุ ทา้ ยค​ อื ​พวก​

๒๖๘ 268

ท่ี​มี​กรรม​เบาบาง​ลง​บ้าง​แล้ว​ ​ถึง​ได้​อยู่​ใน​ข่าย​ท่ี​สามารถ​รับ​บุญ​ ​มิ​เช่น​นั้น​
แล้ว​​ท่าน​ก​็คง​ไม​่อาจ​ฝืนก​ ฎแ​ หง่ ​กรรม​ได​้ ​ เปรตต​ น​น้​ีรบั ​บุญ​จากห​ ลวง​ป ​ู่
อยู​่ร่วม​ป​ี ​หลวง​ปู่จ​ งึ ​มไิ ดก้​ ลา่ วถ​ งึ ​มนั อ​ ีก​​ กไ็ ด้แ​ ต่​หวังว​ า่ ม​ ัน​คง​หลาบจำ​ใน​
วบิ ากก​ รรม​​แล้วจ​ ะ​ไดเ้​ลอื ก​ทำแ​ ต​ก่ รรม​ทีด​่ ​ๆี ​เ​นอ้ ​

“พ​ อ​”

269 ๒๖๙

​๑๒๔​

พระ​ของหลวงป่​ู



เม่ือ​ลำดับ​ภาพ​เหตุการณ์​ต่าง​ๆ​ ​ใน​อดีต​ ​ใน​ส่วน​ที่​เก่ียวข้อง​กับ​
ปฏิปทา​ของ​หลวง​ปู่​ต่อ​พระ​เครื่อง​ท่ี​ท่าน​อธิษฐาน​จิต​ ​ส่ิง​ท่ี​สังเกต​ได้​
ชดั เจนอ​ ยา่ งห​ น่งึ ​ก็ค​ ือ​​ท่าน​กำลงั ส​ รา้ งส​ ิ่ง​ที​จ่ ะเ​ป็น​​“​เครือ่ งม​ อื ”​ ​​ใน​การ​
สรา้ งค​ วามด​ ​ี โ​ดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​การป​ ฏิบตั ส​ิ มาธภิ​ าวนา​ ​มาก​กวา่ ​คำว​ ่า ​
“​เครือ่ งราง”​ ​
​ ​ ​แม​ท้ า่ นจ​ ะ​กลา่ วว​ า่ ​“​ ต​ ิดว​ ตั ถมุ​ งคล​ ก​ ​ย็ ังด​ ก​ี ว่า​ตดิ ว​ ัตถุ​อัปมงคล​” ​
​ก็ตาม​ ​ แต่​ใน​ขณะ​เดียวกัน​ท่าน​ก็​ไม่​ให้​ไป​ลุ่ม​หลง​หรือ​ยึด​ติด​เสีย​จน​
ละเลย​เป้า​หมาย​สำคัญ​ของ​แต่ละ​ชีวิต​ ​น่ัน​ก็​คือ​การ​พัฒนา​ให้​ตน​เป็น​
ท่​ีพ่งึ แ​ หง่ ต​ น​​​
​ วนั ห​ นงึ่ ​ เ​พอื่ นค​ นห​ นง่ึ ข​ องข​ า้ พเจา้ ​ ไ​ปเ​ชา่ ว​ ตั ถม​ุ งคลท​ ท​่ี า่ นอ​ ธษิ ฐาน​
จติ ​ให้ก​ บั ​ทาง​วัด​สะแก​จ​ ำนวน​กว่า​​๒๐​​ชิน้ ​ ​นำ​มา​ขอใ​ห้​ท่าน​อธษิ ฐาน​จิต​
ซ้ำ​อีก​ ​ครั้ง​นั้น​ ​เพ่ือน​ของ​ข้าพเจ้า​ต้อง​สะดุ้ง​ด้วย​ถ้อยคำ​ท่ี​ค่อน​ข้าง​ดัง​
ของท​ า่ นทว​่ี า่ ​ “​ แ​ กจ​ ะเ​อาไ​ปข​ ายห​ รอื ​​พระข​ องข​ า้ นะ่ ​ท​ ำ ​(​ป​ ฏบิ ตั )​ิ ​ใ​หจ​้ รงิ
องค​เ์ ดยี ว​ก็พ​ อแล้ว​”​
​​ ใ​น​ทาง​ตรงก​ นั ​ขา้ ม​ เ​พ่อื น​ของ​ข้าพเจา้ ​อกี ค​ นห​ นึง่ ​ ​เป็นค​ น​ที​่ไม่​

๒๗๐ 270

สะสม​วัตถุ​มงคล​เอา​เสีย​เลย​ ​มี​ก็​แต่​พระ​ที่​หลวง​ปู่​มอบ​ให้​กับ​มือ​เท่าน้ัน​​
จน​วัน​หน่ึง​ทาง​วัด​กำลัง​นำ​วัตถุ​มงคล​รุ่น​หนึ่ง​ที่​หลวง​ปู่​เมตตา​อธิษฐาน​ให ้​ ​
ออก​มาใ​หเ​้ ช่า​บูชา ​ ​แต่ด​ ้วย​ความ​ท​เี่ พือ่ นค​ นน​ ้มี​ ิได​ใ้ สใ่ จ ​ จ​ งึ ไ​ม่​ไดข้​ วนขวาย​
ไ​ปเ​ชา่ ท​ ห​ี่ ลงั ว​ ดั ​ ห​ ลวงป​ จ​ู่ งึ เ​อย่ ก​ บั เ​ขาว​ า่ ​​“ถ​ า้ ข​ า้ เ​ปน็ แ​ ก​ข​ า้ จ​ ะไ​ปบ​ ชู าเ​อาไ​ว​้
สักอ​ งคส​์ องอ​ งค​์นะ”​ ​
​​ ​ข้อ​สังเกต​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ก็​คือ​ ​ เวลา​มี​คน​มา​ถาม​หา​เพ่ือ​จะ​ขอ​
บูชา​พระ​เครื่อง​จาก​ท่าน​ ​ ท่าน​ก็​จะ​บอก​ว่า​ไม่มี​ ​ฉัน​ไม่​ได้​ทำ​ ​พระ​เป็น​
ของวัด​ ​ไป​เช่า​ที่​หลัง​วัด​โน่น ​ ​ท่าน​เคย​บอก​ให้​ข้าพเจ้า​ฟัง​ว่า​ท่าน​มีหน้า​ท่ี​
เสก​พระ​เท่านนั้ ​ ​เสก​แลว้ ก​ แ​็ ลว้ ก​ นั ​​เร่อื ง​​(จ​ ำหน่าย​)​พระ ​ เ​ป็นเ​รือ่ ง​ของ​
ทางว​ ดั ​​ถือ​เป็น​ของส​ งฆท์​ ้งั หมด​
​ ​ ​หลวง​ปู่​เคย​พูด​ติดตลก​ว่า​ ​พระ​ท่ี​ท่าน​อธิษฐาน​จิต​ ​แม้​จะ​ไม่​เป็น​ท่ี​
หน่ึง​​แต​ก่ ​ไ็ ม่​เปน็ ​รองใ​คร​
​ ท่าน​เคย​เตือน​ให้​ระวัง​รักษา​พระ​ของ​ท่าน​ว่า​ ​“​.​.​.​ใคร​เขา​จะ​ทำ​​
(​อธษิ ฐาน​)​ใ​ห​้เหมอื น​อย่าง​ทีข​่ ้าท​ ำ​พ​ ระ​ที่ข​ า้ ท​ ำ​แ​ ก​จงร​ ักษา​ใหด้​ ี.​.​​.​”​
​ ​ ​แต่​มี​เหตุการณ์​ท่ี​สำคัญ​มาก​ท่ี​เกิด​กับ​เพื่อน​ของ​ข้าพเจ้า​คน​หนึ่ง​ ​
ซึ่ง​มี​ฐานะ​ไม่สู้​ดี​นัก​ ​เขา​ได้​แต่​มอง​ดู​พระ​เคร่ือง​หลวง​ปู่​ท่ี​เพ่ือน​ๆ​ ​ของ​เขา​
​ไปห​ าเ​ช่า​กัน​มา​​แต​ต่ ัว​เขาเ​อง​น้ันไ​มม่​ ​ีสต​ างค์จะ​ไป​เชา่ ​บ้าง​​
​ คำ่ คนื น​ ้นั ​ ​เขา​นงั่ ​อยใู่​น​ห้อง​พระเ​พยี ง​ลำพงั ​ น​ กึ ​นอ้ ยใจใ​นว​ าสนา​
บารมี​ของ​ตัว​เอง​ ​แล้ว​บ่น​ต่อ​หน้า​รูป​หลวง​ปู่​ท่ี​บูชา​อยู่​เบื้อง​หน้า​ว่า​
ลูก​อยาก​ได้​พระ​เครื่อง​ของ​หลวง​ปู่​เหลือ​เกิน​ ​ทำ​ยัง​ไง​ลูก​จึง​จะ​มี​วาสนา​มี​

271 ๒๗๑

พระ​เครื่องร​ ุน่ ​ท​เ่ี ขาน​ ยิ ม​กัน​บา้ ง ​เ​พราะ​ลูก​ไมม่ ​ีเงิน ​ จ​ าก​นน้ั ​ ​เขาก​ ็เ​ร่มิ ​
นั่งส​ มาธ​ ิ น​ ง่ั ​ปฏบิ ัต​ิไปไ​ด้ส​ ักค​ ร ู่​ ​ส่ิง​อัศจรรยก​์ บ​็ ังเกิดข​ ้นึ ​กับ​เขา ​ เ​มือ่ อ​ ยูๆ​่ ​
​ปีติ​เกิด​ขึ้น​ท่วมท้น​กาย​ใจ​ของ​เขา​ ​เขา​เห็น​แสง​สว่าง​โพล่ง​ไป​หมด​ ​แล้ว​ก็​
เห็น​นิมติ อ​ งคพ​์ ระ ​ ​พรอ้ มก​ บั ​เสียงพ​ ูด​วา่ ​“​ ข​ า้ ใ​หพ้​ ระก​ บั ​แก​ ​เป็น​พระเ​กา่ ​
พระ​แท้​”​ ​เพ่ือน​ผู้​น้ี​ ​ร้องไห้​ออก​มา​มาก ​ ​เขา​เข้าใจ​ใน​ทันที​ว่า ​ ​พระ​เก่า
พระ​แท้​ที่​หลวง​ปู่​ตั้งใจ​ให้​เขา​ก็​คือ​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​น่ันเอง​ ​เพราะ​พระ​สติ​
พระ​ปัญญา​อัน​เป็น​ผล​จาก​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​เท่านั้น​ ​ที่​จะ​เป็น​ท่ี​พ่ึง​ที่
​เทยี่ งแท​้กว่า​พระ​ภายนอก ​​ดงั ​นนั้ ​ จ​ งึ ​ไม​่เป็นป​ ัญหา​อีก​แล้ว ​ เ​พราะแ​ ม้​จะ​
ไมม่ ​พี ระ​เคร่อื งข​ องท​ ่าน ​ ​แตเ​่ ขา​ก็​ภมู ใิ จท​ หี​่ ลวงป​ ูม่​ อบ​พระ​ทีม่​ ​คี ่า​สูงสุดแ​ ก่​
เขา​แลว้ ​ ​ซึง่ เ​ป็นพ​ ระท​ ใ​่ี ครๆ​ ​จ​ ะม​ า​แย่งช​ ิง​เอาไ​ป​จาก​เขา​มไิ ด​เ้ ลย​แ​ ละ​จะ​
อยู่​กบั ​เขาต​ ลอด​ไป​​ตราบเ​ทา่ ​ท่​เี ขา​ไม่​ละทิ้ง​การ​ปฏิบัต​ิ
​ ใน​สมัย​ท่ี​ข้าพเจ้า​และ​หมู่​เพื่อน​เข้าไป​กราบ​นมัสการ​หลวง​ปู่​นั้น​
ด้วย​ความ​ท่ี​พวก​เรา​ยัง​ไม่มี​ปัจจัย​ ​เพราะ​ยัง​เรียน​หนังสือ​อยู่​ ​แม้แต่​เงิน​ท่ี​
เอา​ไป​ซื้อ​ดอกบวั ​ถวาย​ท่าน​ ​ท่าน​ยัง​บอกว​ ่า​ท​ีหน้า​ทีหลังไ​ม​่ต้อง​เสยี เ​งนิ ​ไป​
ซื้อ​มา​ถวาย​นะ​ ​แค่​นึก​น้อม​ดอกบัว​ตาม​บึง​ตาม​สระ​ใน​ระหว่าง​ทาง​ท่ี​เดิน​
ทาง​ผา่ น​มา​​น้อมจ​ ติ ย​ ก​ขน้ึ ​ถวายพ​ ระพุทธเจ้า​​ก​็ใช้ไดแ​้ ลว้ ​​
​ ดงั น​ นั้ ​เ​งนิ ท​ องท​ จ​ี่ ะเ​อาไ​ปเ​ชา่ พ​ ระเ​ครอื่ งม​ าส​ ะสม ​จ​ งึ ถ​ อื วา่ เ​ปน็ เ​รอ่ื ง​
ท่ไ​ี กล​ตวั ​แ​ ต่​อย่างไรก​ ็ตาม ​​ด้วย​จิตท​ ​ย่ี ัง​มคี​ วาม​โลภ​​อยากไ​ดพ้​ ระ​เคร่ือง​
โดยเ​ฉพาะข​ องส​ ายท​ า่ นพ​ ระอ​ าจารยม​์ นั่ ​แ​ ละเ​จา้ ค​ ณุ น​ รฯ​​ขา้ พเจา้ ก​ บั เ​พอ่ื น​
บาง​คน​(​​ทช​ี่ อบ​ทาง​น้ี)​​จ​ งึ ​ไป​หา​เชา่ ​พระ​​(ท​ ่ีท​ ำเ​ลยี นแ​ บบ)​​​จาก​ตลาด​พระ​

๒๗๒ 272

ราคาเ​หรยี ญล​ ะ​๑​ ​บ​ าท ​ ม​ ท​ี ง้ั เ​หรยี ญห​ ลวงป​ ฝ​ู่ น้ั ​ ห​ ลวงป​ แ​ู่ หวน​ห​ ลวงป​ ข​ู่ าว​
เจ้า​คุณ​นรฯ​ ​ฯลฯ​ ​มา​ขอ​ให้​ท่าน​เมตตา​อธิษฐาน​ให้​ ​ ซ่ึง​ท่าน​ก็​เมตตา​
อธิษฐานใ​ห​้ตามท​ ​่ีเรา​ปรารถนา​​
​ หลวง​ปู่​ยัง​ให้​ความ​รู้​เสริม​แก่​พวก​เรา​ว่า​ ​หาก​เป็น​รูป​ถ่ายของ​
​ครูบา​อาจารย์​ที่​ท่าน​สำเร็จ​แล้ว​ ​ก็​ไม่​จำเป็น​ต้อง​อธิษฐานจิต​แต่​อย่าง​ใด ​ ​
สว่ นโ​ลหะน​ ​ี่ ตอ้ งท​ องคำห​ รอื ต​ ะกว่ั ​ จ ​ งึ จ​ ะร​บั พ​ ลงั ไ​ดด​้ ท​ี สี่ ดุ ​ ( ​เ​พร​าะอณล​ู ะเอยี ด​
สงั เกตจ​ ากก​ ารท​ ส​่ี ามารถน​ ำม​ าตเ​ี ปน็ แ​ ผน่ บ​ างๆ​ ​ไ​ด)​้ ​ แ​ ตห​่ ากเ​ปน็ พ​ ลาสตกิ ​
ทา่ น​ว่าเ​สกย​ าก ​ ​ต้องใ​ช้เ​วลา​มากห​ นอ่ ยก​ วา่ ​จะ​เตม็ ​
​ พระ​เครื่อง​ของ​ท่าน​ถูก​เปรียบ​ไว้​หลาย​นัย​ ​ บ้าง​ก็​ว่า​เหมือน​หม้อ​
แบตเตอร่ี​ ​เพราะ​เวลา​เอา​มา​กำ​ไว้​ใน​มือ​ ​จะ​รู้สึก​เหมือน​มี​กระแส​ไฟฟ้า ​
ออ่ นๆ​ ​ไ​หลผ​ า่ น​บ​ า้ งก​ ว​็ า่ เ​หมอื นต​ ำรา ​ เพราะห​ ากป​ ฏบิ ตั ไ​ิ ดล​้ ะเอยี ด​จ​ ะเ​ปน็ ​
แ​ หลง่ ค​ น้ ควา้ ธ​ รรมะไ​ดไ​้ มร่ จ​ู้ บ​ ​ บา้ งก​ ว​็ า่ เ​หมอื นส​ อื่ เ​พราะส​ ามารถส​ อื่ ไ​ปถ​ งึ ​
องค์​คณุ แ​ หง่ ​พระร​ ัตนตรัย​ห​ รือ​ครบู า​อาจารย์ท​ ้ังห​ ลาย​​
​ สำหรับ​ผู้​ท่ี​คิด​แต่​ใน​แง่​ ​“​วัตถุ​มงคล​”​ ​เพียง​อย่าง​เดียว​ ​ก็​มี​ส่ิง​น่า​
คิด​พิจารณา​ว่า​ถึง​แม้ว่า​เรา​จะ​มี​ของดี​ขนาด​ไหน​ติดตัว​เรา​อยู่​ตลอด​เวลา​ ​
แต่​หาก​เรา​ต้ัง​อยู่​ใน​ความ​ประมาท​ ​ก็​ไม่มี​อะไร​มา​ช่วย​ให้​เรา​แคล้วคลาด​
ได​้ ​ดัง​ตัวอย่าง​ลกู ​ศิษยค​์ นห​ น่ึง​ท​่ปี ระสบ​อบุ ตั เิ หตเ​ุ สยี ​ชวี ิต​​ทัง้ ​ท​่ีหอ้ ย​วัตถุ​
มงคลข​ องท​ า่ น​ น​ น่ั ก​ เ​็ พราะค​ วามท​ เ​่ี ขาม​ ไิ ดร​้ กั ษาศ​ ลี ​๕​ ​ แ​ ถมย​ งั ข​ บั ร​ ถข​ ณะ​
มนึ เมา​
​ นอกจาก​น้ี​ก็​ยัง​มี​อุทาหรณ์​กรณี​เด็ก​วัย​รุ่น​กลุ่ม​หนึ่ง​เอา​พระ​ท่ี ​

273 ๒๗๓

ทำใ​หมแ่​ ตผ​่ สมผ​ ง​พระข​ อง​หลวง​ป่​ไู ปล​ อง​ โ​ดยใ​ส​่ไวใ​้ นป​ ากปลา ​ ​แลว้ เ​อา​
มดี ก​ รดี ท​ ท​่ี อ้ งป​ ลา​ป​ รากฏว​ า่ ก​ รดี ไ​ปห​ ลายท​ ก​ี ย​็ งั ไ​มเ​่ ขา้ ​ ก​ เ​็ ลยเ​อาพ​ ระอ​ อก​
จากป​ ากปลา ​ แ​ ล้วกร​ ีดใ​หม​่ ​ทนี ก​้ี รดี เ​ขา้ ​​ปลา​ก็​เลยร​ ับ​ทกุ ขเวทนาม​ าก​
จน​ตาย​ ​แต่​ดู​เหมือน​ว่า​วิบาก​กรรม​จะ​ตาม​มา​รวดเร็ว​เหลือ​เกิน​ ​ เพราะ​
ภายห​ ลังเ​หตุการณป​์ าณาติบาต​ครงั้ น​ ​้ีไม​น่ าน ​เ​ด็ก​พวกน​ ก​้ี ไ​็ ปม​ เ​ี รื่องก​ บั ​
กลมุ่ เ​ดก็ ว​ ยั ร​นุ่ ด​ ว้ ยก​ นั ​เ​ดก็ ค​ นน​ น้ั ถ​ กู ศ​ ตั รเ​ู อาม​ ดี ไ​ลฟ​่ นั ท​ ห​่ี ลงั จ​ นเ​หวอะห​ วะ ​
โชค​ด​ีที่ย​ งั ​ไม่ถ​ ึงก​ ับ​เสยี ช​ ีวิต​
​ พระ​เครื่อง​ใน​แง่​หน่ึง​จึง​เหมือน​เครื่อง​มือ​ทั่ว​ๆ​ ​ ไป​ท่ี​ผู้​ใช้​ต้อง​รู้จัก​
ใช้​ให​้ถกู ​​เพือ่ ​ไมใ​่ ห​้เกิด​โทษ​ ด​ งั ​ทหี่​ ลวง​ป​ู่เน้นม​ ากวา่ ​จะ​ทำ​อะไรก​ ต็​ ้องท​ ำ​
ด้วย​ปัญญา​


“พ​ อ​”

๒๗๔ 274 ๑​ ๒๕​

​ โ​ยม​อุปฏั ฐาก​

ลงุ แ​ กละเ​ปน็ ค​ นท​ ห​่ี ลวงป​ ช​ู่ บุ เ​ลยี้ งต​ งั้ แ​ ตย​่ งั เ​ลก็ ๆ​ ​ร​วมท​ ง้ั ส​ อนห​ นงั สอื ​
ใหด​้ ้วย​องคท์​ ่าน​เอง ​ ล​ งุ ​แกละเ​ลา่ ​ให​ข้ ้าพเจา้ ฟ​ งั ​ว่า​ ​สมัยท​ ่ี​ลุงย​ งั เ​ดก็ ​ๆ​​มา​
อาศัย​หลวง​ปู่อ​ ย​นู่ ั้น​ ​ท่านด​ มุ​ าก​ เ​วลา​ลงุ แ​ อบ​หนไ​ี ป​เทย่ี ว​เล่น​ พ​ อกล​ ับ​มา​
หลวง​ป่​ูก​จ็ ะ​รอ​ท่าเ​พอื่ ​ทำโทษใ​หร้​ ​ู้วา่ เ​วลา​ไหน​ควรท​ ำห​ รอื ไม่​ทำ​อะไร​​
​ ลุง​แกละ​ช่วย​งาน​หลวง​ปู่​หลาย​อย่าง​ ​เช่น​ ​ล้าง​เท้า​ถวาย​ท่าน ​ ​
เช็ด​ถ​ูปัดก​ วาด​กุฏิ​ ​รวม​ทั้ง​เทพ​ ระองค์เ​ล็ก​องค์​นอ้ ย​ ต​ าม​แต่​หลวงป​ ู่​จะ​
มอบห​ มาย​
​ ลุง​แกละ​มี​บ้าน​อยู่​คนละ​ฟาก​ฝ่ัง​คลอง​ของวัด​สะแก ​ ​แต่​พาย​เรือ​
เด๋ียว​เดียว​ก็​ถึง​ ​ทุก​วัน​ ​ลุง​แกละ​จะ​พาย​เรือ​นำ​อาหาร​มา​ถวาย​หลวง​ปู่ ​
​ไม่​ยกเว้น​แม้​หลวง​ปู่​จะ​ละ​สังขาร​ไป​แล้ว​ ​บาง​วัน​ความ​ดัน​ขึ้น​สูง​มาก​
ลงุ ​แกละ​กจ​็ ะ​อธิษฐานใ​ห​พ้ ายเ​รือไ​ปใ​ห้ถ​ ึงว​ ัด​ดว้ ย​ความป​ ลอดภัย​
​ขา้ พเจา้ ​เคย​ถาม​ลงุ แ​ กละ​วา่ ​อยู่ต​ ัวค​ น​เดยี วเ​ช่น​น้ี​ ​แล้วแ​ ถมย​ งั ​มโ​ี รค​
ม​ าร​มุ ล​ อ้ มไ​มน​่ อ้ ยเ​ลย​ล​ งุ แ​ กละร​สู้ กึ ก​ ลวั ต​ ายบ​ า้ งไ​หม​ล​ งุ แ​ กละต​ อบข​ า้ พเจา้ ​
ว่า​ ​ลุง​ซ้อม​ตาย​ทุก​คืน​ ​พอ​จะ​หลับตา​นอน​ ​ลุง​จะ​บอก​ตัว​เอง​ว่า​ทรัพย์​
สมบตั ิ​ตา่ ง​ๆ​ร​ วมท​ ้งั ร​ า่ งกายข​ องเ​รา​​ มัน​ไม่ใช่​ของเ​รา ​ ล​ งุ จ​ ะ​หลับตาน​ อน​

275 ๒๗๕

เสมอื นห​ นงึ่ ว​ า่ น​ ค​ี่ อื ก​ ารน​ อนค​ นื ส​ ดุ ทา้ ยข​ องล​ งุ ​ล​ งุ จ​ ะห​ ลบั ไ​ปพ​ รอ้ มก​ บั ก​ าร​
ระลกึ ​ถึง​องค์ห​ ลวงป​ ู่​
​ มเ​ี หตกุ ารณ​ส์ ำคัญ​ทลี่​ งุ ​แกละ​เล่าใ​ห​้ขา้ พเจ้า​ฟัง ​ ​ซง่ึ เ​ป็น​เหตกุ ารณ​์
ที​ล่ ุง​เกอื บ​เอา​ชวี ติ ไ​ม​่รอด ​ ก​ ล่าวค​ อื ​ ​ใน​สมยั ท​ หี​่ ลวงป​ ​ูย่ ังม​ ชี​ ีวิตอ​ ย่​นู ัน้ ​​
วันห​ นงึ่ ​ลงุ ​ซงึ่ เ​ทา้ ​ยงั ​เปยี ก​อย่​ ู ​ไม่ทัน​ระวังต​ อน​เสียบ​ปลก๊ั ไ​ฟ ​ ท​ ำ​ให​ไ้ ฟช​ ็อต​
แวบแ​ รกล​ งุ ร​อ้ งต​ ะโกนใ​นใ​จใ​หห​้ ลวงป​ ช​ู่ ว่ ยด​ ว้ ย ​แ​ ลว้ ก​ ช​็ าไ​ป ​ ส​ กั อ​ ดึ ใจเ​ดยี ว​
ก็​เหมือน​ม​ีมือค​ น​แข็งแ​ รงม​ า​กระชาก​อยา่ ง​แรง ​​ทำใหต้​ ัว​ลุงห​ ลุด​ออก​จาก​
ปลก๊ั ​ไฟ​
​ บ่าย​เย็น​วัน​น้ัน​ ​ลุง​ได้​ทราบ​จา​ก​คน​ที่​อยู่​กับ​หลวง​ปู่​ใน​ช่วง​เวลา​
ที่​เกิด​เหตุ​ ​ว่า​อยู่​ๆ​ หลวง​ปู่​ก็​มี​เลือด​กำเดา​ไหล ​ ​คน​ท่ี​อยู่​ที่​น่ัน​เรียน​ถาม​
หลวง​ปู่​ว่า​หลวง​ปู่​เป็น​อะไร​ ​ หลวง​ปู่​ตอบ​ว่า ​ ​“ข้า​ไป​ช่วย​เจ้า​แกละ​มัน​
ถ้า​ไม่​ช่วย​มนั ​อาจ​ตาย​ได้​” ช​ ายค​ นน​ ้ัน​ก็​อุทานว​ า่ ​​ ทำไม​หลวง​ปตู​่ ้อง​ทำ​
ถงึ ​ขนาดน​ ้ีด​ ว้ ย​​หลวงป​ ่​ูตอบว​ า่ ​ “​ แกละเ​ขา​ชว่ ยอ​ ุปฏั ฐากข​ ้า”​ ​
​ พจิ ารณาด​ เู ถดิ ​ห​ ลวงป​ ท​ู่ า่ นเ​มตตาก​ บั ล​ กู ศ​ ษิ ยข​์ องท​ า่ นม​ ากเ​พยี งใ​ด​
​ขนาด​ว่า​ชีวิต​ของ​ท่าน​ ​ท่าน​ก็​มิได้​ใส่ใจ​ ​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ย่ิง​บุคคล​ผู้​ท่ี​มี​
บญุ ค​ ณุ ต​ อ่ ท​ า่ น​ท​ ำใหข​้ า้ พเจา้ ร​ะลกึ ถ​ งึ ป​ ระวตั ข​ิ องพ​ ระส​ าร​บ​ี ตุ ร​ อ​ คั รส​ าวก​
เบื้อง​ขวาข​ อง​พระพทุ ธเจา้ ​ท​ ​มี่ คี​ วาม​กตญั ญส​ู ูง​​ หาผ​ ​ู้เสมอ​เหมือนไ​ด​้ยาก​
แม้​ใน​บุคคล​ผู้​เคย​ใส่​บาตร​ด้วย​ข้าว​เปล่า​แก่​ท่าน​เพียง​ทัพพี​เดียว​ ​ท่าน​ก็​
ยงั ​ไม​เ่ คย​ลืมบ​ ญุ ค​ ุณ​ของเ​ขา​ ​ กระทง่ั ​ได้​เปน็ ธ​ รุ ะ​จดั การง​านบ​ วชใ​ห​้แกเ่​ขา​ ​
ด้วย​ต้องการต​ อบแทน​คุณแ​ กเ​่ ขา​

๒๗๖ 276

​ บดั น​้ี ​ลุง​แกละไ​ดล​้ ะ​สงั ขารไ​ป​แลว้ ด​ ว้ ย​จิตใจ​ของ​นัก​ปฏบิ ตั ิ​ ส​ มก​ บั ​
เปน็ ​ลกู ​ศษิ ยแ์​ ละ​โยม​อปุ ฏั ฐาก​คน​สำคญั ​คน​หน่งึ ​ของ​หลวงป​ ด่​ู ู่​​


“​พอ”​



277 ๒๗๗

๑​ ๒๖​

หลวง​ปห​ู่ าย



หลวงป​ ​ู่เปน็ พ​ ระท​ ​รี่ ะมัดระวงั ใ​น​เร่ืองว​ ินัยส​ งฆ์​อย่างย​ ่งิ ​​โดย​เฉพาะ​
ใน​เร่ือง​อวด​อุตริ​มนุ​สธรรม​ ​หลวง​ปู่​มัก​ไม่​ปรารภ​ถึง​ภูมิ​จิต​ภูมิธร​รม​ของ​
ตนเอง​ห​ ากจ​ ะป​ รารภก​ ม​็ กั ป​ รารภใ​นท​ างถ​ อ่ มต​ วั ​ เ​ชน่ ​ ​ “ข​ า้ ย​ งั ม​ ดื อ​ ยเ​ู่ ลย”​ ​
(​แท้จริง​แล้ว​ ​น่า​จะ​หมาย​ถึง​จุด​มืด​อัน​เล็ก​น้อย​ท่ี​ยัง​มี​ใน​ดวง​จิต​ของ ​
พระ​โพธิส​ ัตวเ​์ จา้ ​ ท​ ​เี่ ปน็ ​ตวั เ​หนี่ยว​รัง้ ​ไมใ่​ห​ท้ า่ น​ตดั ​กระแส​เขา้ ส​ ู​น่ ิพพาน​-​-​​
ความเ​หน็ ​สว่ น​ตวั ​)​
​ หลวง​ปู่​ดัก​ทาย​ใจ​และ​ล่วง​รู้​ความ​เป็น​ไป​ของ​ลูก​ศิษย์​ได้​อย่าง​
ไม่มี​ท่ี​ปกปิด​ ​แต่​ท่าน​ก็​ไม่​เคย​พูด​ออก​มา​ตรง​ๆ​ ​แต่​ลูก​ศิษย์​ต่าง​ก็​มี​
ประสบการณต​์ รงใ​นเ​รอ่ื งน​ ​้ี ด​ งั เ​ชน่ ค​ รง้ั ห​ นง่ึ ท​ ข​่ี า้ พเจา้ ก​ ราบเ​รยี นถ​ ามห​ ลวง​
ปว​ู่ า่ เ​วลาป​ ตี เ​ิ กดิ ข​ น้ึ ​ ม​ กั จ​ ะร​สู้ กึ เ​หมอื นล​ งล​ ฟิ ต​์ ล​ กึ ล​ งๆ​ อยา่ งห​ าท​ จ​่ี บไ​มไ​่ ด​ ้
หลวงป​ ก​ู่ ถ​็ ามก​ ลบั ว​ า่ ใ​หส​้ งั เกตด​ ว​ู า่ แ​ กน​ งั่ ก​ ม้ ห​ นา้ ห​ รอื เ​ปลา่ ​ข​ า้ พเจา้ ก​ ลบั ม​ า​
น่งั ท​ ่​บี า้ นค​ ืนน​ ้ัน​พ​ อ​เกิดป​ ีติอ​ ย่างเ​กา่ ก​ ็​ลมื ตาข​ ้นึ ​มาด​ ูต​ วั เ​อง​ผ​ ล​คือ​ข​ ้าพเจ้า​
ตอ้ งต​ กใจ​เ​พราะข​ า้ พเจา้ ก​ ม้ ห​ นา้ อ​ ยา่ งม​ าก ​ ด​ ว้ ยค​ วามท​ เ​่ี ราม​ อ​ี าการค​ ลา้ ย​
จะเ​คน้ ​ปตี ิ​น้ัน​ให​้แรงข​ นึ้ ​ ​(ต​ ามป​ ระสาค​ น​หลง​)​ ​ โดยท่ี​ตวั ​เราเ​องก​ ็​ไมร่ ู้​ตัว​
แต่เ​หต​ไุ ฉน​ ห​ ลวงป​ ​จู่ ึง​ทราบไ​ด้​​ทงั้ ​ท่​เี ราน​ ่ังป​ ฏิบัตอ​ิ ยู่​ท่ี​บ้าน​​​
​ กับ​ลูก​ศิษย์​บาง​คน​ที่​ยัง​ต้อง​อาศัย​เรื่อง​ฤทธิ์​เดช​มา​เป็น​เคร่ือง​ล่อ​

๒๗๘ 278

หลวง​ปกู่​ ไ็ ดส้​ ร้าง​ความ​อศั จรรย์​ให​้ปรากฏ​อกี ​​เช่น​​คราวห​ นงึ่ ​ ​หลวง​ปเ​ู่ ดนิ ​
มา​คุย​กับ​เพื่อน​ของ​ข้าพเจ้า​ท่ี​มุม​หนึ่ง​บน​หอ​สวด​มนต์​ ​กำลัง​คุย​กัน​อยู่ดี​ๆ​​
เพอ่ื นข​ องข​ า้ พเจา้ ห​ นั ก​ ลบั ม​ าท​ างหลวงป​ ​ู่ ​กไ​็ มเ​่ หน็ ท​ า่ น​ เ​ขาต​ อ้ งต​ กต​ ะลงึ ​
เมอ่ื ห​ ลวงป​ ไ​ู่ ปย​ นื ย​ ม้ิ อ​ ยอ​ู่ กี ม​ มุ ห​ นงึ่ ข​ องห​ อส​ วดม​ นตภ​์ ายในเ​สย้ี วว​ นิ าท​ี ท​ ง้ั ๆ​ ​
​ทที​่ า่ น​ชราภาพ​มาก​แลว้ ​ ​แตป่​ รากฏการณท์​ ำนองน​ ้​ี ​ หลวงป​ ก​ู่ ​็ไม่​เคย​พูด​
อวด​ออก​มา​เลย​ น้อยห​น่ึง​ก็​ไม่มี​ ​ เพราะ​หลวง​ปู่​ท่าน​ยัง​เน้น​ท่ี​ธรรมะ​
ปฏิบตั ม​ิ ากก​ ว่า​อยา่ งอ​ ่ืน​
​ เรอ่ื งอ​ ศั จรรย ​์ ห​ ากไ​มโ​่ ยงไ​ปท​ ศ​่ี รทั ธาใ​นพ​ ระร​ ตั นตรยั ​ ​ หรอื ศ​ รทั ธา​
และ​ความ​เพียรใ​นก​ าร​ปฏิบัติข​ ดั เกลา​ตนเอง ​ ความอ​ ัศจรรยน​์ นั้ ​ก​็จะก​ ลับ​
ทำให้เ​รา​ลุม่ ห​ ลงแ​ ละ​เสียเ​วลาอ​ นั ม​ คี​ ่าไ​ป​ได้​ ​ ด​ ัง​ท​ี่หลวง​ปู่​กล่าวย​ ้ำเ​สมอ​ๆ​
วา่ ​ ​“​เวลา​เหลอื ​นอ้ ย​แล้ว​ ใ​หร​้ ีบ​พา​กนั ​ปฏิบัติ​”​

“​พอ​”


279 ๒๗๙

​๑๒๗​

เร่ืองเ​ลา่ ของ​เฮยี อ​ ู๋​​



ผู้​ที่​ไป​กราบ​นมัสการ​หลวง​ปู่​ใน​ช่วง​หลัง​ๆ​ ​มัก​จะ​ได้​พบปะ​สนทนา​
กับ​เฮีย​อู๋​ ​ เฮีย​อู๋​เป็น​คน​อำเภอ​วังน้อย​ ​มี​บุคลิกภาพ​เปิด​เผย​ ​จริงใจ ​ ​
และ​ตรง​ไป​ตรง​มา​ ​แก​พูดจา​เสียง​ดัง​ฟัง​ชัด​ ​เล่า​เร่ือง​ต่าง​ๆ​ ​อย่าง​
สนกุ สนาน​
​ เฮีย​อู๋​คอย​ดูแล​รับ​ใช้​อุปัฏฐาก​หลวง​ปู่​ด้วย​ความ​เคารพ​นบนอบ ​ ​
และ​ให้​ความ​ยำเกรง​ใน​องค์​หลวง​ปู่​ ​ กล่าว​คือ​เม่ือ​ท่าน​ให้​ความ​เมตตา​ ​
เฮีย​อู๋​ก็​ไม่​เคย​แสดง​อาการ​ที่​เรียก​ว่า​ ​“​ลามปาม​”​ ​ครู​อาจารย์​ ​.​.​.​สม​เป็น​
แบบ​อยา่ ง​โยม​อปุ ฏั ฐาก​ที​่ด​ี
​เฮีย​อู๋​คน​นี้​เอง​ท่ี​นำ​เร่ือง​ท่ี​ไม่​เคย​มี​ใคร​ทราบ​มา​เล่า​ให้​ข้าพเจ้า​ฟัง ​ ​
เลา่ ไ​ปน​ ำ้ ตาแ​ กก​ ไ​็ หลอ​ อกม​ า ​ แ​ กเ​ลา่ ใ​หฟ​้ งั ว​ า่ จ​ ะห​ าใ​ครข​ เ​ี้ กรงใจเ​ทา่ ห​ ลวงป​ ​ู่
เป็น​ไม่มี​ ​ครั้ง​หน่ึง​ท่าน​อาพาธ​ ​ แค่​ท่าน​จะ​ขอ​ให้​แก​ไป​ซื้อ​ยา​จาก​ร้าน​ค้า​
ใกลๆ​้ ​ว​ ดั ​ม​ าใ​หท​้ า่ น​​ทา่ นย​ งั ต​ อ้ งค​ อยใ​หเ​้ ฮยี อ​ เ​ู๋ สรจ็ ธ​ รุ ะ​แลว้ เ​อย่ ป​ ากขอร​อ้ ง​
แก​อยา่ งเ​กรงใจเ​ป็นท​ ี่สดุ ​​​โถ​​ครบู า​อาจารย​์อนั ​เป็นท​ ​่ีเคารพร​ กั ส​ งู สดุ ​ ​กับ​
เรอ่ื ง​เล็กน​ อ้ ยเ​พยี งเ​ท่า​น้ี​​ทำไมท​ า่ น​ต้องเ​กรงใจผ​ มด้วย​​(​เฮียอ​ ​๋นู กึ ​ใน​ใจ​)​
​แต่​เร่ือง​ที่​สะเทือน​ใจ​เฮีย​อู๋​มาก​ท่ีสุด ​ ​ก็​คือ​การ​ท่ี​ได้​พบ​ความ​จริง​

๒๘๐ 280

ตอน​ขอ​โอกาสท​ ายา​ถวาย​ทา่ นท​ บ่ี​ ริเวณ​ก้น​เ​พราะเ​ฮยี ​อ๋เู​พิง่ ​ได​ม้ าเ​หน็ ​วา่ ท​่ี
ก้น​ของ​หลวง​ปู่​เต็ม​ไป​ด้วย​ฝี​แผล​ท่ี​มี​รอย​แตก​ซ้ำ​ๆ ​ ​ซาก​ๆ​ ​เพราะ​ความ​ท่ี​
ทา่ นต​ อ้ ง​นั่ง​รบั แขกท​ ุกวี​่ทกุ ​วนั ​บนไ​ม​ก้ ระดาน​แข็ง​ๆ​​เปน็ ​เวลาน​ ับ​สบิ ๆ​ ​ ป​ ​ี
.​.​.​เฮียอ​ ​ู๋ทายา​ไป​กอ็​ ดท​ ่ี​จะ​กล้นั ​นำ้ ตา​เอา​ไวไ้​ม​ไ่ ด้​
​เฮีย​อู๋​ได้​ทำ​หน้าท่ี​รับ​ใช้​หลวง​ปู่​อยู่​หลาย​ปี​ ​ โดย​มิได้​แสดง​อาการ​
เป็น​เจ้า​ขา้ ว​เจ้าของ​ครบู า​อาจารย​เ์ ลย​ ​อกี ท​ ้งั ​ยังร​ ะมัดระวงั ข​ องส​ งฆ​์เป็น​
ท่ีสดุ ​​เฮียอ​ ู๋​ยงั เ​ลา่ เ​กร็ด​เล็กๆ​ ​​น้อยๆ​ ​ ​ให​้ฟงั ​ว่า​​หลวงป​ ู่เ​ปน็ ​ผท​ู้ ่​มี ัธยัสถ​์มาก​
ใน​ช่วง​บ่าย​ๆ​ ​ที่​แขก​กลับ​ไป​หมด​แล้ว​ ​หลวง​ปู่​จะ​เดิน​ไป​หยิบ​หนัง​สติ๊ก​ท่ี​
ตกหล่น​เอา​มา​รวม​แขวน​ไว้​ที่​ตะปู​ ​ เพราะ​ท่าน​เห็น​ว่า​ยัง​ใช้​ประโยชน์​ได้​
เฮีย​อ๋​ูเลา่ ใ​ห้ข​ า้ พเจา้ ​ฟังว​ ่า​ “​ ​คุณ​ร​ู้ไหม​​หลวง​ปร​ู่ ักเ​อน็ ดพู​ วกค​ ุณข​ นาดไ​หน​
เวลา​คณะ​ของ​พวก​คุณ​จะ​เดิน​ทาง​มาส​นท​นา​ธรรม​ ​หรือ​พัก​ค้าง​ปฏิบัติ​
ธรรม​ท่ว​ี ัด​ห​ ลวง​ป​จู่ ะท​ ราบล​ ว่ งห​ น้า​​ และจ​ ะ​ส่ัง​ใหผ​้ มเ​ปน็ ผ​ เู​้ ก็บ​ผล​ไม้ไ​ว้​
ใหพ​้ วก​คณุ ​รบั ป​ ระทาน​ ​เพราะก​ ลัวพ​ วก​คณุ ​จะห​ ิว​​รวมท​ ้งั ใ​หจ​้ ดั หา​มุ้งร​ อ​
ทา่ ไ​ว้​ให้”​ ​
​เฮีย​อู๋​ไม่​เพียง​ทำ​หน้าที่​โยม​อุปัฏฐาก​ที่​ดี​เย่ียม​เท่าน้ัน​ ​เฮีย​อู๋​ยัง​ทำ​
หนา้ ทศ​่ี ษิ ยท​์ ด​ี่ เ​ี ยยี่ มไ​มแ​่ พก​้ นั ​แ​ มห​้ ลวงป​ จ​ู่ ะจ​ ากไ​ปแ​ ลว้ ​เ​ฮยี อ​ ก​ู๋ ย​็ งั ค​ งม​ าด​ แู ล​
ท่ก​ี ุฏ​หิ ลวง​ป​มู่ ไิ ดข​้ าด​อ​ กี ท​ ั้ง​ไมเ่​คย​ละท้งิ ​การ​ปฏิบัต​ิ ​โดย​เฉพาะอ​ ยา่ ง​ยิง่ ​ใน​
ยาม​คับขัน​ทีส่ ดุ ข​ อง​ชีวิต​แก ​ ​เฮียอ​ ​ูต๋ อ่ สู้​อยา่ งห​ นกั ก​ บั ท​ ุกขเวทนา​ทาง​กาย​
เพราะ​โรค​มะเร็ง​​
​ ใน​​๒​-​๓​ว​ นั ​​สดุ ทา้ ย​แ​ ก​บอก​คน​ที่มาเ​ยย่ี ม​ว่า​ แกข​ อบใจ ​ แ​ ต​ข่ อ​

281 ๒๘๑

เวลาแ​ ก​ปฏิบตั ิเ​พอ่ื เ​ตรียมจ​ ติ จ​ ะเ​ปน็ ป​ ระโยชน​ท์ ี่สดุ ​กับแ​ ก​​
​ภรรยา​ของ​เฮีย​อู๋​เล่า​ให้ฟ​ ัง​วา่ ​ ​แก​พอใจ​ที่​แกส​ ามารถ​ปฏิบัติ​ยก​จิต​
ขน้ึ ​เหนือ​เวทนา​ได้​​ และ​ในท​ ส่ี ุดแ​ กก​ ็ได้ล​ ะ​สงั ขารไ​ปอ​ ยา่ ง​สม​ศกั ด​ิศ์ รข​ี อง​
นัก​ปฏิบัติ​ ​และ​สม​ศักดิ์​ศรี​ของ​ศิษย์​มี​ครู​อาจารย์​ดี​ ​ ภาย​หลัง​พิธี​เผา​ศพ​​
ปรากฏ​ว่า​กระดูก​ของ​เฮีย​อู๋​ ​มี​สีสัน​แปลก​ตา​ ​ หลวง​ปู่​สังวาล​ย์​ เขมโก​
วัดท่งุ สามัคคธี รรม อำเภอสามชุก จังหวัด​สพุ รรณบรุ ​ี ​ซึง่ ​เป็นพ​ ระผ​ ู้ใหญ่​
อีก​ท่าน​หนึ่ง​ท่ี​ให้​ความ​เมตตา​เฮีย​อู๋​ ​ได้​กล่าว​รับรอง​คุณ​ธรรม​ของ​เฮีย​อู๋​ ​
และ​ได้​เมตตา​ให้​สร้าง​สถูป​บรรจุ​อัฐิ​ของ​เฮีย​อู๋​ท่ี​ข้าง​อุโบสถ​วัด​ท่าน​
ท​่ีสุพรรณบรุ ​ี ​เปน็ ก​ รณพี​ ิเศษ​อกี ด​ ว้ ย​

“​พอ”​

๒๘๒ 282 ๑๒๘​

​ หลงน​ ิมิต​

ในช​ ว่ งป​ ลายป​ ​ี ​๒๕๓๒ ​ ก​ อ่ นท​ ห​ี่ ลวงป​ ด​ู่ จ​ู่ ะล​ ะส​ งั ขาร ​ มป​ี ระสบการณ​์
ที่​ข้าพเจ้า​ไม่​อาจ​ลืม​ ​เพราะ​มัน​คือ​อุทาหรณ์​ใน​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​อย่าง
ส​ ำคญั ​ทค​่ี อยเ​ตอื น​ไม่​ให้​เราเ​ดิน​ไปในท​ างท​ผี่ ิดท​ ง้ั ท​ ค​่ี ิดว​ ่าถ​ ูก​
​ เพื่อน​ของ​ข้าพเจ้า​คน​หนึ่ง​เริ่ม​มา​สนใจ​เร่ือง​ปฏิบัติ​สมาธิ​ภาวนา ​ ​
โดย​เร่ิม​จาก​การ​อ่าน​ตำรับ​ตำรา​ ​และ​ซัก​ถาม​ผู้​รู้​ต่าง​ๆ​ ​เขา​เป็น​คน​
มมุ านะ​เ​อา​จริง​เอาจ​ งั ม​ าก​เ​ขา​เป็น​คนม​ น​ี ิมิตม​ าก​ดว้ ยเ​ช่นก​ นั ​เ​ขา​เริม่ ม​ อง​
เห็น​วิญญาณ​ตาม​ข้าง​ถนน​เป็น​เร่ือง​ปรกติ​ ​เขา​นั่ง​สมาธิ​ได้​เป็น​หลาย​ๆ​
ช่ัวโมง​แ​ ละม​ คี​ รูบา​อาจารยม์​ า​สอนใ​น​ทาง​นมิ ติ ​​
​เดิมที​ข้าพเจ้า​รู้สึก​ช่ืนชม​ใน​ความ​อุตสาห​ะ​ใน​การ​ปฏิบัติ​สมาธิ​
ภาวนา​ของ​เขา​ ​แต่​ก็​มา​ต้ัง​ข้อ​สังเกต​ใน​ตอน​ท่ี​เห็น​ประสิทธิภาพ​ใน​การ​
ทำงาน​ของ​เขา​ลด​ลง​​เพราะ​ดูเ​ขาจ​ ะไ​มอ​่ ยกู่​ ับป​ ัจจบุ ัน​​แค​่เขาห​ ยิบ​เอกสาร​
ขึน้ ​มา​อ่าน​ไม​่ถึง​นาท​ี ​จติ ข​ องเ​ขา​กร็​ วม​ดำ​ดิ่ง​ลงไ​ป​ไ​มร​่ บั ​รู้​โลกภ​ ายนอก.​​.​.​
​ข้าพเจ้า​เร่ิม​ม่ันใจ​มาก​ขึ้น​ว่า​เขา​มา​ผิด​ทาง​แล้ว​ ​ตรง​ท่ี​เขา​มา​กระซิบ​กับ​
ขา้ พเจา้ ​ว่า ​เขา​บรรลธุ​ รรมข​ ้นั .​​..​​แลว้ ​​
​ ข้าพเจ้า​ตัดสิน​ใจ​พา​เขา​ไป​หา​หลวง​ปู่​ดู่​ ​ท่ี​วัด​สะแก​และ​ท่ี​น้ี​เอง​ ​

283 ๒๘๓

ทข​่ี า้ พเจา้ เ​หน็ ล​ ลี าข​ องห​ ลวงป​ ใ​ู่ นก​ ารแ​ กจ​้ ติ ข​ องน​ กั ป​ ฏบิ ตั ท​ิ จ​ี่ ติ ต​ กภ​ วงั คแ​์ ลว้ ​
ไม่ม​ีกำลงั พ​ อ​จะ​ออก​จาก​ภวงั ค​ด์ ้วย​กำลงั ส​ ตป​ิ ญั ญา​ของ​ตนเอง​
​ หลวง​ปู่​ให้​เขา​ไป​น่ัง​สมาธิ​ที่​หอ​สวด​มนต์​ ​ (​สมัย​น้ัน​ยัง​ไม่มี​
ประต​ูกน้ั )​​​จาก​น้ัน​ทา่ นก​ ็ส​ นทนาก​ ับญ​ าติโยม​ไป​ตามป​ รกต​ิ ​
ส​ กั ค​ ร​ู่ ​ทา่ นห​ นั ห​ นา้ ไ​ปท​ างเ​พอ่ื นท​ ก​่ี ำลงั น​ ง่ั ส​ มาธอ​ิ ย ​ู่ แ​ ลว้ พ​ ดู ต​ ะโกน
​ออก​ไป​ว่า ​ ​“​ถอน​จิต​ขึ้น​มา​”​ ​ ข้าพเจ้า​สังเกต​เห็น​เพื่อน​คน​น้ัน​ขยับ​กาย​
ฮึดฮดั ข​ ึน้ ม​ า​​บ่ง​บอก​วา่ ​จติ ​ถอนอ​ อก​มา​ร​้เู นื้อร​ ้ตู วั ​มากข​ ึน้ ​...เ​หตุการณ์เ​ปน็ ​
ดงั นป​ี้ ระมาณ​​๒-​๓​ ​เ​ท่ยี ว​
​ หลังจากเหตุการณ์ครั้งน้ัน เพื่อน​คน​นี้​ก็​กลับ​มา​ทำการ​ทำงาน​ได้​
ตามป​ รกติ​​เพราะม​ ี​กำลงั ท​ จ่ี ะด​ งึ จ​ ติ ​ตวั ​เอง​ออก​จาก​ภวงั คไ​์ ด้​​
​ แต่​แล้ว​เหตุการณ์​เลว​ร้าย​ก็ได้​เกิด​ขึ้น​ ​ภาย​หลัง​จาก​ท่ี​หลวง​ปู่​
มรณภาพใ​นต​ น้ ป​ ถ​ี ดั ม​ า​เ​พราะเ​ขาห​ ลงน​ มิ ติ แ​ ละด​ ำด​ ง่ิ ก​ บั ส​ มาธอ​ิ ยา่ งเ​กา่ อ​ กี ​
เขาเ​ชอ่ื ม​ นั่ ว​ า่ ต​ นบ​ รรลธ​ุ รรม​แ​ มไ​้ ปบ​ วชเ​ปน็ พ​ ระ​อ​ ยใ​ู่ นส​ ำนกั ค​ รบู าอ​ าจารย​์
ช้นั ​ผู้ใหญ​่ในว​ งก​ รรม​ฐาน​​กไ็​ม่​แคลว้ ​ต้อง​เข้าโ​รง​พยาบาล​​ภายห​ ลงั ท​ ำร้าย​
ตัว​เอง​​ตาม​เสียงน​ มิ ิตท​ ม่ี า​บอกว​ า่ ​ ให้​ฝกึ ​ขันตขิ​ นั้ ​อุกฤ​ ษฏ​์
​เร่อื งน​ จี​้ งึ เ​ปน็ เ​คร่ืองเ​ตอื น​ใจข​ ้าพเจา้ ต​ ลอด​มา​ ​และ​บอกก​ ับต​ วั เ​อง​
เ​สมอ​ๆ​​วา่ ​ “​ปฏบิ ัติเ​พื่อล​ ะ​​มใิ ชป​่ ฏบิ ตั ​ิเพอื่ ​เอา” ​ ซ​ ่งึ ห​ ลวง​ปชู่​ าก​ ็​เตือน​
ลูก​ศิษย์​ใน​เรื่อง​น้ี​เช่น​กัน​ว่า​ ​ปฏิบัติ​ธรรม​เพื่อ​ละ​ ​ไม่ใช่​เพื่อ​เอา​ ​เพื่อ​เป็น ​ ​
โสดา​ ส​ กทิ​ า​​ฯลฯ​​ไม่ต​ อ้ ง​เปน็ ​ทงั้ ​นั้น​​
​เรื่อง​น้ี​ ​ทำให้​ข้าพเจ้า​หนัก​แน่น​ขึ้น​กับ​คำ​สอน​หลวง​ปู่​ที่​ว่า​ เขา​วัด

๒๘๔ 284

ผลก​ าร​ปฏิบตั ิท​ ่กี​ าร​ละโ​ลภ​ ​โกรธ​​ หลง​ ​มใิ ช่ก​ ารเ​ห็นน​ มิ ติ น​ ั่นน​ ​่ี ก​ าร​
เห็นจะ​เป็น​ประโยชน์​ก็​ต่อ​เม่ือ​เชื่อม​โยง​มา​สู่​การ​ปฏิบัติ​ชำระ​กิเลส​ตนเอง​​
หาก​มัน​จะ​เป็น​อะไร​ ​(​ตาม​อย่าง​ทฤษฎี​)​ ​มัน​ก็​จะ​เป็น​ไป​เอง​ตาม​สภาวะ ​
ธรรม​ ​โดยท่ี​เรา​ไม่​เสี่ยง​เข้าไป​ยึด​ม่ัน​ถือ​มั่น​ให้​กิเลส​อุปาทาน​เข้า​ครอบงำ​
เรา​ได้​ง่ายๆ​ ​​
​ จึง​ขอ​บันทึก​เรื่อง​นี้​ไว้​อีก​เรื่อง​เพื่อ​เป็น​อุทาหรณ์​แก่​คน​รุ่น​หลัง​
จะ​ได​ไ้ มต่​ ดิ ​ “​ ​กับ​ดกั ”​ ​ ​ใน​ระหวา่ งท​ างข​ อง​เสน้ ท​ างส​ ายป​ ฏบิ ัต​ิ
​ อทุ าหรณ์​เรื่อง​น​ี้ ​ยังส​ อนใ​ห​้ร​ู้วา่ ต​ วั เ​ช็คอ​ กี ​อย่าง​หนึ่ง​คือ ​ จ​ ิต​ทเี่​ปน็ ​
สมาธิ​ที่​จัด​เป็น​สัมมา​สมาธิ​ ​ต้อง​มี​ภาวะ​รู้​ ​ต่ืน​ ​เบิก​ ​บาน​ ​มิใช่​ซึม​กระ​ทือ​
หรือ​ฟู​จัด​ ​ รวมท​ งั้ ​ต้องม​ ศี​ ีลเ​ปน็ บ​ าทฐ​ าน​ แ​ ละม​ ป​ี ญั ญา​เปน็ ​ตวั ต​ อ่ ย​อด​
มิใช่​สมาธ​ิเพอ่ื ส​ มาธ ิ​ ​จน​กลาย​เปน็ ค​ วาม​ดำด​ ิง่ ​ทีเ​่ ข้าไปส​ ่โ​ู ลก​สว่ น​ตวั ​ ​แล้ว​
สุดทา้ ยก​ ​็หลง​ทาง​ ​ ไมร่ ท​ู้ ำ​ไป​เพื่อ​อะไร​​ หรอื ห​ ลงไ​ปว​ า่ ​ตน​วิเศษว​ ​โิ สก​วา่ ​
คนอ​ ่ืน​

“พ​ อ”​ ​

285 ๒๘๕

๑๒๙​

ส​ วด​มนต์ ส​ มาธ​ิ ​พทุ ธ​คุณ



ผ​ เ​ู้ ขยี นเ​ปน็ ช​ าวไ​ทยเ​ชอ้ื ส​ ายจ​ นี ​ต​ ง้ั แ​ ตว​่ ยั เ​ดก็ จ​ นถงึ ว​ ยั ท​ ำงาน​ไ​มเ​่ คย​
มี​ความ​คิด​หรือ​ความ​สนใจ​ใน​แก่น​หรือ​หลัก​ของ​พระพุทธ​ศาสนา​ ​(​วิมุตติ​)​​
แตอ​่ ยา่ งใ​ด​ เ​พยี งม​ ค​ี วามเ​ขา้ ใจใ​นค​ ำส​ ง่ั ส​ อนข​ องพ​ ระพทุ ธศ​ าสนาอ​ ยา่ งผ​ วิ ​
เผนิ ​แ​ ตไ​่ ดป​้ ระสบเ​หตกุ ารณบ​์ างอ​ ยา่ งจ​ ากก​ ารท​ ำงานใ​นต​ า่ งจ​ งั หวดั ​​ทำให​้
เรม่ิ ม​ ​ีความ​สนใจ​ในเ​ร่ืองข​ อง ​ ​“พ​ ระพทุ ธค​ ุณ”​ (​พ​ ลังงาน​ทอ่​ี ย่​ูในอ​ งค์พ​ ระ​)​
ว่า​มี​จริง​หรือ​เปล่า​ ​?​ ​ จึง​ได้​เสาะ​แสวงหา​พระ​เครื่อง​ของ​บรรดา​พระ​เกจิ​
อาจารย​์และ​พระ​กรุ​ตา่ งๆ​ ​ ​ โดยใ​ช​้หนังสอื ​พระ​เคร่ืองห​ ลายฉ​ บบั ​เปน็ ค​ ่มู ือ​
ใน​การเ​รียน​รู้แ​ ละก​ ารเ​ช่า​บชู า​ ซ​ ่งึ ​ผเู้​ขียน​ไดเ​้ สยี เ​งนิ ​ใน​การ​เช่า​พระเ​คร่ือง​
ไป​เป็นจ​ ำนวน​ไมน่​ อ้ ย​
​ ​เน่ืองจาก​ผู้​เขียน​มี​พระ​เคร่ือง​จำนวน​มากมาย​หลาย​ร้อย​องค์ ​
ทำให้​ไม่มก​ี ารจ​ ัด​เกบ็ ร​ กั ษา​ทีเ่​ปน็ ​ระเบยี บ​ ม​ ารดา​ของผ​ ​เู้ ขียนซ​ ง่ึ ป​ จั จบุ นั ​
ไดถ​้ งึ แกก​่ รรมไ​ปแ​ ลว้ ​ท​ า่ นเ​ปน็ ช​ าวจ​ นี แ​ ผน่ ด​ นิ ใ​หญ​่ ​ มค​ี วามเ​คารพศ​ รทั ธา​
ใน​สมเด็จ​พระ​สัมมา​สัม​พุทธ​เจ้า​และ​พระ​โพธิ​สัตว์​ก​วน​อิม​เป็น​อ​ย่าง​มาก​
มารดาข​ องผ​ เ​ู้ ขยี นเ​คยเ​ลา่ ใ​หฟ​้ งั ว​ า่ ​ ​ ทา่ นไ​ดส​้ วดม​ นตม​์ าต​ ง้ั แ​ ตอ​่ ยใ​ู่ นป​ ระเทศ​
จีน ​ ​เมื่อ​อาย​ุเพียง​​๑๕​​ป​ ี ​จนถึง​อาย​ุ ​๗๐​​ปี​ ​และต​ ้งั ​แต​ผ่ ู้​เขยี นจ​ ำค​ วาม​ได​้
ก​ เ​็ หน็ ม​ ารดาส​ วดม​ นตบ​์ ชู าพ​ ระพทุ ธอ​ งคแ​์ ละพ​ ระโ​พธส​ิ ตั วก​์ ว​ นอ​ มิ ท​ กุ ว​ นั ใ​น​

๒๘๖ 286

ชว​่ งต​ อนเ​ยน็ ไ​มน​่ อ้ ยก​ วา่ ว​ นั ล​ ะ​​๓​​ชวั่ โมง​​โดยป​ กตล​ิ กู ห​ ลานจ​ ะท​ ราบเ​พยี ง​
วา่ ม​ ารดาข​ องผ​ เ​ู้ ขยี นม​ ค​ี วามส​ ามารถใ​นก​ ารท​ ำนาย​​“โ​หงว​ เ​ฮง้ ”​ ​(​ห​ มายถ​ งึ ​
ก​ ารด​ ล​ู กั ษณะเ​ดน่ ข​ องใ​บหนา้ ​​๕ ​ ป​ ระการ​เ​ชน่ ​ต​ า​ใ​บห​ ​ู และจ​ มกู ​​เปน็ ตน้ )​​
ซ่ึง​ท่าน​ดู​ได้​อย่าง​แม่นยำ​มาก​ ​ แต่​จะ​พูด​หรือ​บอก​ให้​ทราบ​เฉพาะ​กับ​
ลูก​หลาน​และ​ญาติ​เท่าน้ัน​ ​ซึ่ง​มารดา​ของ​ผู้​เขียน​ไม่​เคย​สนใจ​ใน​เร่ือง​
พระ​เคร่ือง​และ​อ่าน​ภาษา​ไทย​ไม่​ได้​เลย​ ​แต่​ท่าน​จะ​ทำบุญ​ตักบาตร​
เกือบ​ทุก​วัน ​และ​มี​ความ​เคารพ​ศรัทธา​ใน​สมเด็จ​พระ​พุทธ​โฆษา​จาร​ย์​
(​ฟ​ น้ื ​​ช​ ต​ุ นิ ธโร)​​ว​ ดั ส​ ามพระยาว​ รวหิ าร​ ก​ รงุ เทพฯ​​เ​ปน็ ท​ ส่ี ดุ ​แ​ ละย​ งั น​ บั ถอื ​
พระ​เดชพ​ ระคณุ พ​ ระธ​ รรมม​ ุน​ี ​​(​แพ​​เ​ขมัง​กโร​)​​ว​ ดั พ​ กิ ุลท​ อง​​​ต​ ​.​พกิ ุลท​ อง​
อ​.​ท่าช้าง​​จ​ .​​สงิ ห์บรุ ี​​อ​ ยา่ งย​ ง่ิ ​
​ ​ม​อี ย​ู่วนั ​หน่งึ ซ​ ง่ึ เ​ป็น​วนั ห​ ยดุ ​พกั ​ผอ่ นข​ องผ​ ​ู้เขยี น​ ​มารดา​ของ​ผ้​เู ขียน​
ได้ใ​หผ้​ ​ู้เขยี นท​ ำการ​จดั ​เกบ็ พ​ ระเ​ครอื่ ง​ตา่ ง​ๆ​​ ท่​วี าง​ไว้ระเ​กะร​ ะกะ​ใหเ​้ ปน็​ ท​่ี
เรียบร้อย​ ​ผูเ​้ ขยี นจ​ งึ ​นำ​พระเ​ครอื่ ง​ท​มี่ ี​อยู่​ท้ังหมด​ออกม​ า​ทำความส​ ะอาด​
และ​วาง​ไว้​บน​โต๊ะ​ ​ มารดา​ของ​ผู้​เขียน​(​ปัจจุบัน​ท่าน​ถึงแก่​กรรม​ไป​แล้ว​)​
ได้​เดิน​มา​ท่ี​โต๊ะ​ซึ่ง​วาง​พระ​เครื่อง​ ​ พร้อม​กับ​ได้​หยิบ​พระ​เครื่อง​แยก​ออก​
มา​จำนวน​หนึ่ง​ประมาณ​ ​๔​-​๕​ ​องค์​ ​แล้ว​เลือก​พระ​เครื่อง​ออก​มา​เพียง​
๑​​องค์​ย​ ่นื ​ให​ก้ บั ​ผเู้​ขยี น​อ​ งค​์ท​่เี หลือไ​ด้ว​ าง​กลับ​ลง​ไป​ที​่เดิม​​
​ การ​ตรวจ​หรือ​จับ​กระแส​พลังงาน​พระพุทธ​คุณ​ของ​มารดา​ผู้​เขียน
ทา่ นท​ ำโ​ดยก​ ารนำพ​ ระเ​ครอ่ื งพ​ นมไ​วใ​้ นม​ อื เ​สมอห​ วา่ งอ​ ก​ เ​หมอื นล​ กั ษณะ​
การไ​หว​้พระ​​ ​และป​ ิดต​ า​ลงท​ ัง้ ​๒​ ​ ข​ ้าง​​ทำส​ มาธิ​ ​จากน​ ้ัน​สกั พ​ กั ​ ม​ ารดา​

287 ๒๘๗

ของ​ผ​เู้ ขยี น​จะ​มี​การห​ าวล​ มพ​ รอ้ มม​ ​อี าการ​ขนลุก​ชชี​้ นั ​ ก​ รณีท​ ​่ีพระเ​คร่อื ง​
องค์​ใดม​ ี​พระพุทธ​คุณส​ งู ​ ค​ วามถใ​ี่ น​การ​หาว​ลมจ​ ะ​มากแ​ ละอาการ​ขนลุก​
จะ​ขึ้นว​ าบ​ไปถ​ งึ ​ศรี ษะ​
​ มารดาข​ องผ​ เ​ู้ ขยี นเ​ปน็ ค​ นจ​ นี พ​ ดู ไ​ทยช​ ดั บ​ า้ งไ​มช​่ ดั บ​ า้ ง​​ไ​ดพ​้ ดู ภ​ าษา​
จีนแ​ ปล​เปน็ ไ​ทยส​ รุปบ​ ทส​ นทนาไ​ด้​ความด​ ังนี​้
​ มารดา​ ​:​ ​พระ​เครื่อง​ที่​เลือก​มา​ทุก​องค์​ล้วน​มี​ ​ ​“​พระพุทธ​คุณ​”​ ​
สูง​มาก​ ​แต่​องค์​ท่ี​พระพุทธ​คุณ​สุด​ยอด​คือ​องค์​น ้ี​ ​(​เหรียญ​หลวง​ปู่ทวด​ท่ี​
ได้​รับ​การอ​ ธิษฐานจ​ ติ ป​ ลกุ ​เสกเ​ดยี่ วโ​ดยห​ ลวงป​ ด​ู่ ่​ ู ​พรหม​ปญั โญ​​วัด​สะแก​
ซ่ึง​ขณะ​น้ัน​ผู้​เขียน​ยัง​ไม่รู้​จัก​หลวง​ปู่​ ​ทั้งนี้​ ​ผู้​เขียน​ขอ​อนุญาต​ไม่​ระบุ​ชื่อ​
รนุ่ ​ ​เพราะจ​ ะ​กลายเ​ป็นการส​ นับสนนุ ​ให้เ​กิดพ​ ุทธพ​ าณชิ ย​)์ ​​
​ผู้​เขียน​ ​:​ ​แม่​รู้​ได้​อย่างไร​ว่า​พระองค์​นี้​ดี​ ​และ​พระองค์​ที่​คัด​แยก​
ออก​ไป​มี​พระพุทธ​คุณ​น้อย​กว่า ​ ​(​พระ​เครื่อง​ที่​มารดา​ของ​ผู้​เขียน​คัด​แยก​
ออก​ไป​ ​๓​-​๔​ ​องค์​ ​ล้วน​แต่​เป็น​พระ​เคร่ือง​ท่ี​เป็น​ที่​นิยม​ใน​วงการ​และ​มี​
ราคาเ​ชา่ ​บูชา​สงู ใ​น​ระดบั ห​ ลกั ​หมืน่ ​ข้นึ ​ไปท​ ั้ง​สิ้น​)
ผู้​เขียน​ได้​เดิน​ไป​หยิบ​พระ​เคร่ือง​ท่ี​เช่า​บูชา​มา​ใน​ราคา​สูง​ย่ืน​ให้​
มารดา​ตรวจ​สอบเ​พมิ่ เ​ตมิ ​อกี ​จำนวนห​ น่งึ ​​​​แต่​ผล​ก็​ยงั ค​ ง​เป็น​เช่น​เดมิ ​​
​ มารดา​:​​​​พระองคน​์ ดี​้ ​ี ​(เ​หรยี ญ​ทแ​่ี ม่​เลือก​ให้​)​​เป็น​​ผอ่ ​สกั ​(​ค​ ำว​ า่ ​
ผ่อ​สัก​ค​ อื ​เ​ปน็ พ​ ระโ​พธิ​สตั วเ​์ หมือน​กบั ​เจ้าแ​ ม่ก​ วนอ​ ิม​)​​
​ผ​้เู ขยี น​:​​​พ​ ระ​เครื่อง​องค​์น้​ีไดม้​ า​จากก​ าร​ทำบญุ ​ (​ห​ มายความ​วา่ ไ​ด้​
มา​ฟรี​ๆ​)​จ​ ะ​ด​กี วา่ ​พระเ​ครอ่ื ง​องคท​์ ​ีม่ ​รี าคาแ​ พงๆ​ ​ไ​ด​อ้ ย่างไร​?​​

๒๘๘ 288

​ มารดา​​:​​พระ​เครอื่ งอ​ งค์​ราคาแ​ พง​ม​ ​ีพระพทุ ธค​ ุณ​สงู ม​ าก​ ​มพ​ี ลัง​
เหมอื น​กบั ​สายน้ำ​ท่ีไ​หล​มาเ​ร่อื ยๆ​ ​ แ​ ละ​ไม​ข่ าด​สาย​ ​แต่​เหรียญ​ท่ีแ​ ม​่เลือก​
ให้​ ​มพ​ี ระพุทธ​คณุ ​สงู สดุ ย​ อด ​ม​ พ​ี ลงั เ​หมือนก​ ับน​ ้ำตก​ท​่ีไหล​แรงม​ าก​และ​
ไมข​่ าดส​ ายเ​ชน่ ก​ นั ​ (​แ​ มไ​่ ดก​้ ลา่ วย​ ำ้ ใ​หข​้ า้ พเจา้ น​ ำพ​ ระเ​ครอ่ื งอ​ งคท​์ เ​่ี ลอื กใ​ห​้
นำ​ไปเ​ลี่ยม​ทองต​ ิดตวั ​ไว​้ ​เพือ่ ​เปน็ ส​ ริ ม​ิ งคล​แก่ต​ วั )​​
​ ด้วย​ความ​ที่​ผู้​เขียน​ยัง​คง​คลา​ง​แคลงใจ​และ​ไม่​เช่ือ​อย่าง​สนิท​ใจ​ ​
จึง​ได้​ทำการ​ทดสอบ​ใหม่​อีก​ครั้ง​ร่วม​กับ​พี่​ชาย​ของ​ผู้​เขียน​ ​ (​พ่ี​ชาย​ของ​ผู้​
เขียน​กลับ​มา​บ้าน​ใน​ช่วง​ตอน​เย็น​และ​รับ​ทราบ​จาก​ผู้​เขียน​ว่า​ ​เช้า​วัน​น้ี​ ​
แม​่ตรวจส​ อบ​พลังงาน​พระพทุ ธ​คุณจ​ ากพ​ ระ​เครื่อง​ได้​​จงึ ​อยากเ​ข้า​มาร​ ่วม​
วง​ทดสอบ​วา่ ​จริง​หรือ​ไม่​ ​ ​เนือ่ งจาก​พ​ี่ชาย​ของผ​ เู้​ขยี นเ​องก​ ​็มีน​ สิ ัยน​ ิยม​ชม​
ชอบใ​น​การส​ ะสม​พระเ​ครื่อง​อย่าง​มาก​)​ จ​ งึ ไ​ดน​้ ำพ​ ระ​เคร่อื ง​มา​อกี จ​ ำนวน​
หนึ่ง​ค​ ราว​น​้ีเป็นพ​ ระ​เคร่ือง​ยอด​นิยม​ของ​วงการท​ ่​ีมีร​ าคา​เชา่ ห​ าส​ ูงม​ าก​​
​ พ่ี​ชาย​ของ​ผู้​เขียน​มี​ความ​ทระนง​และ​มั่นใจ​สูง​มากว่าพระ​เคร่ือง​
ของ​ตนเอง​จะ​ต้อง​มี​พุทธ​คุณ​สูง​กว่า​เหรียญ​ท่ี​มารดา​ของ​ผู้​เขียน​เลือก​ให้​
อยา่ งแ​ นน่ อน ​ แ​ ตต​่ อ้ งพ​ บก​ บั ค​ วามผ​ ดิ ห​ วงั ​เ​พราะผ​ ลก​ ารต​ รวจส​ อบพ​ ลงั งาน​
พระพุทธ​คุณพ​ บว​ า่ ​ ​เหรียญ​ดังก​ ล่าว​มีพ​ ระพทุ ธค​ ุณเ​หนอื ​กวา่ ​พระ​เครอื่ ง​
ทกุ อ​ งคท​์ พ​ี่ ช​่ี ายข​ องผ​ เ​ู้ ขยี นน​ ำม​ า​ (​ส​ ว่ นห​ นง่ึ เ​ปน็ พ​ ระเ​ครอ่ื งข​ องพ​ ช​่ี ายผ​ เ​ู้ ขยี น​
อีก​ส่วน​หน่ึง​เป็น​พระ​เครื่อง​ท่ี​นำ​มา​จาก​เพื่อน​ร่วม​วงการ​)​ ​แต่​พี่​ชาย​ของ​
​ผู้​เขียน​ก็​ยัง​ไม่​เช่ือ​และ​คลา​ง​แคลงใจ​ยิ่ง​กว่า​ผู้​เขียน​เสีย​อีก​ ​จึง​ได้​เสนอ​
ค​ วามค​ ดิ ท​จี่ ะท​ ดสอบ​ท่านโ​ดย​นำ​เหรียญ​ที่​แม​เ่ ลือกไ​ว้​​๑​อ​ งค​์ ​พระ​เครอ่ื ง​


Click to View FlipBook Version