๔. การวิเคราะห์ข้อมลู และการสรุปผล ได้ดาเนนิ การวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลดงั น้ี
............................................................................................................................. ..........................................
............................................................................................................................. ..........................................
๒.๕ ผลการแกป้ ัญหา
ผลการแก้ปัญหาเก่ียวกับ ............................................................................................................
ของผเู้ รยี นกลุ่มเป้าหมาย ปรากฏผลดงั นี้
.......................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
เคร่อื งมอื วัดผล
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน
เลขที่ ช่อื -สกุล ความ ความ ความ ความ ระเบียบ คะแนน
สนใจ ต้งั ใจ ร่วมมือ รับผดิ ชอบ วนิ ัย รวม
เกณฑ์การให้คะแนน ดมี าก ให้คะแนน ๔
ดี ให้คะแนน ๓
พอใช้ ให้คะแนน ๒
ควรปรับปรุง ใหค้ ะแนน ๑
เกณฑก์ ารประเมิน
นกั เรียนได้คะแนนรวม ๑๖ - ๒๐ อยูใ่ นเกณฑ์ดมี าก
นักเรียนได้คะแนนรวม ๑๑ - ๑๕ อยู่ในเกณฑ์ดี
นักเรียนได้คะแนนรวม ๖ - ๑๐ อยใู่ นเกณฑ์พอใช้
นกั เรยี นได้คะแนนรวม ๑ - ๕ อยใู่ นเกณฑ์ควรปรับปรงุ
ลงช่อื .................................................................................................(ผู้ประเมิน)
แบบประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมกลมุ่
กลมุ่ ท่ี..............
ขอ้ ที่ รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควร
(๔) (๓) (๒) ปรบั ปรงุ
(๑)
๑ ความร่วมมือและการจดั การภายในกลมุ่
๒ ความสามารถปฏบิ ัติกจิ กรรมทไ่ี ดร้ ับมอบหมายอยา่ งถูกต้อง
๓ การรกั ษาระเบียบวนิ ัยในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
๔ ความเรียบรอ้ ยในการปฏิบตั ิงาน
๕ ความสนใจและความกระตือรือรน้ ของสมาชกิ ในกลมุ่
ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม............................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
สรปุ ผลการประเมนิ .............................................................................................................................
นักเรยี นได้คะแนนรวม ๒๑ - ๒๕ แสดงวา่ ผลงานนักเรยี นอย่ใู นเกณฑ์ ดีมาก
นักเรียนได้คะแนนรวม ๑๖ - ๒๐ แสดงวา่ ผลงานนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ ดี
นักเรยี นได้คะแนนรวม ๖ - ๑๐ แสดงวา่ ผลงานนักเรียนอยูใ่ นเกณฑ์ พอใช้
นักเรยี นได้คะแนนรวม ๐ - ๕ แสดงว่าผลงานนักเรียนอยใู่ นเกณฑ์ ควรปรบั ปรงุ
ลงชอื่ .................................................................................................(ผู้ประเมิน)
แบบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
คาช้แี จง เขียนเติมคะแนนและระดับคณุ ภาพตามความเป็นจริง
กิจกรรม คะแนน ไดร้ ะดบั คุณภาพ
เต็ม ได้ .........................................
กิจกรรม ๑ ขอ้ ๑ ๑๐ .........................................
ขอ้ ๒ ๕ .........................................
.........................................
ขอ้ ๓ ๕
ตนเอง
ขอ้ ๔ ๔
ขอ้ ๕ ๑๐
รวมคะแนน ๓๔
กิจกรรม ๒ ข้อ ๑ ๑๐
ขอ้ ๒ ๓
ขอ้ ๓ ๑๐
ขอ้ ๔ ๑๒
รวมคะแนน ๓๕
กจิ กรรม ๓ ขอ้ ๑ ๑๐
ขอ้ ๒ ๑๐
ข้อ ๓ ๑๐
ขอ้ ๔ ๘
รวมคะแนน ๓๘
กจิ กรรม ๔ ขอ้ ๑ ๕
ขอ้ ๒ ๑๐
รวมคะแนน ๑๕
ผปู้ ระเมิน ครู เพอื่ น
เกณฑก์ ารประเมิน คาตอบถกู ต้อง ชดั เจน มเี หตุมผี ล
เกณฑ์การจดั อนั ดบั คณุ ภาพ
คะแนนรวมในแต่ละกจิ กรรมไดร้ ้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ให้ ๓ (ดี)
คะแนนรวมในแต่ละกิจกรรมได้รอ้ ยละ ๕๐-๗๙ ให้ ๒ (พอใช้)
คะแนนรวมในแต่ละกจิ กรรมไดร้ ้อยละ ๕๐ ให้ ๑ (ควรปรบั ปรุง)
เกณฑค์ ุณภาพการผ่าน
ได้ระดบั “พอใช้” ขน้ึ ไป
;k, หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๑ นิทานเวตาลเร่อื งท่ี ๑๐
รายวิชาภาษาไทย เวลา ๔ ช่วั โมง
๑. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ
ดาเนนิ ชวี ติ และมีนิสัยรักการอา่ น
ตัวชี้วัดท่ี ๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสม
กบั เร่อื งที่อา่ น
ตวั ชี้วัดที่ ๒ อ่านตีความ แปลความ และขยายความเรือ่ งทอี่ ่าน
ตวั ชวี้ ัดท่ี ๓ วเิ คราะห์และวจิ ารณเ์ ร่อื งทอ่ี า่ นในทกุ ๆ ด้านอย่างมเี หตุผล
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองที่อ่าน และประเมินค่าเพ่ือนาความรู้ ความคิดไปใช้
ตดั สินใจแกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ
ตัวชีว้ ัดท่ี ๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งกับเร่ืองที่อ่าน และเสนอความคิดใหม่
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตวั ชว้ี ัดที่ ๖ ตอบคาถามจากการอา่ นประเภทตา่ งๆ ภายในเวลาทกี่ าหนด
ตวั ช้ีวัดที่ ๙ มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง
ตัวช้วี ดั ท่ี ๑ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์เบอื้ งตน้
ตัวชว้ี ดั ที่ ๒ วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยงกับความรู้ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต
ของสงั คมในอดีต
ตัวชวี้ ดั ท่ี ๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะท่ี
เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
ตวั ช้วี ดั ท่ี ๔ สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพื่อนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
ตวั ชี้วัดที่ ๕ รวบรวมวรรณกรรมพืน้ บ้านและอธบิ ายภูมปิ ญั ญาทางภาษา
ตัวชว้ี ัดที่ ๖ ทอ่ งจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความ
สนใจ และนาไปใช้อา้ งองิ
๒. ทักษะท่ีจาเป็นแหง่ ศตวรรษที่ ๒๑
๒.๑ ทักษะพน้ื ฐานการเรียนรู้
- การอ่าน
- การเขียน
๒.๒ ทักษะการเรียนรู้และนวตั กรรม
- การคดิ เชิงวพิ ากษแ์ ละการแกป้ ญั หา
- การสงั เกต การคดิ วิเคราะห์ และการสงั เคราะห์
- การจดั การความรู้
- การสื่อสาร
- การทางานรว่ มกนั เป็นทมี
๒.๓ ทักษะการรู้ดจิ ติ อล
- การใชข้ อ้ มูลสารสนเทศ
- การใชส้ อ่ื
- การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
๒.๔ ทักษะชวี ิตและการทางาน
- การยืดหยุ่นและความสามารถในการปรบั ตัว
- ทกั ษะทางสงั คมและวฒุ ภิ าวะ
- ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม
- เชือ่ ม่ันในตนเอง
- ความเปน็ ผ้นู า
๓. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
๓.๑ มวี นิ ยั
๓.๒ ใฝเ่ รียนรู้
๓.๓ มงุ่ มนั่ ในการทางาน
๓.๔ รกั การเป็นไทย
๔. สาระการเรียนรู้
๔.๑ ความรเู้ กยี่ วกบั นิทานเวตาล
๔.๒ ประวัติผ้แู ตง่
๔.๓ เรอื่ งย่อนทิ านเวตาล
๔.๔ เน้อื เร่ืองนทิ านเวตาลเรื่องท่ี ๑๐
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้แบบยอ้ นกลับ (Backward Design)
สาระสาคัญ การวดั และประเมนิ ผล
๑. ความร้เู กยี่ วกบั นทิ านเวตาล ๑. การทาแบบทดสอบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน
๒. ประวัตผิ ู้แต่ง ๒. กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
๓. เร่อื งย่อนทิ านเวตาล ๓. การทากิจกรรมในใบความรูแ้ ละใบงาน
๔. เน้ือเรอื่ งนิทานเวตาลเร่ืองท่ี ๑๐ ๔. แบบประเมินพฤติกรรมการเรยี น
๕. แบบประเมินผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม
๖. แบบประเมินพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
กจิ กรรมการเรียนรู้ คาถามสาคัญ
๑. ศึกษาความรู้เก่ียวกับนิทานเวตาล จากหนังสือเรียนแม็ค ๑. เวตาลมีลักษณะอย่างไร
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ ๒. เวตาลมวี ธิ หี ลอกลอ่ พระวกิ รมาทติ ยอ์ ยา่ งไร
๒. ให้นักเรียนค้นคว้าหานิทานเวตาลเรื่องอ่ืนๆ นอกเหนือจาก
เรือ่ งในบทเรยี น แล้วเขยี นสรุปเป็นภาษาของตนเอง
๓. ให้นักเรียนศึกษาประวัติผู้แต่ง แล้วค้นค้วาเพ่ิมเติมว่า ผลงาน
การประพันธอ์ ่ืนๆ ของผูแ้ ตง่ มเี รอ่ื งใดบา้ ง และมเี น้อื หาอย่างไร
๔. ให้นักเรียนอ่านเรื่องย่อของนิทานเวตาล
๕. ให้นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องนิทานเวตาลเรื่องท่ี ๑๐ แล้วเขียน
คุณค่าทีได้รบั จากการศกึ ษา
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑๑ นทิ านเวตาลเรอื่ งท่ี ๑๐
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๑ นิทานเวตาลเรือ่ งที่ ๑๐
เวลา ๔ ชว่ั โมง
๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ
ดาเนินชวี ติ และมนี สิ ยั รักการอ่าน
ตัวชว้ี ัดท่ี ๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสม
กบั เรื่องทอ่ี ่าน
ตวั ช้ีวัดที่ ๒ อ่านตคี วาม แปลความ และขยายความเรอ่ื งที่อ่าน
ตัวชี้วัดที่ ๓ วเิ คราะห์และวจิ ารณ์เร่ืองทอ่ี ่านในทกุ ๆ ด้านอยา่ งมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั ที่ ๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่ีอ่าน และประเมินค่าเพ่ือนาความรู้ ความคิดไปใช้
ตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ิต
ตัวชว้ี ัดที่ ๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งกับเร่ืองที่อ่าน และเสนอความคิดใหม่
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วัดท่ี ๖ ตอบคาถามจากการอ่านประเภทตา่ งๆ ภายในเวลาทกี่ าหนด
ตัวชี้วัดท่ี ๙ มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยุกต์ใช้ในชวี ิตจรงิ
ตวั ชี้วัดท่ี ๑ วิเคราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณ์เบอื้ งต้น
ตวั ชี้วดั ท่ี ๒ วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับความรู้ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต
ของสงั คมในอดตี
ตัวชี้วดั ที่ ๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะท่ี
เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ๔ สังเคราะห์ข้อคดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ
ตวั ชี้วัดท่ี ๕ รวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านและอธบิ ายภมู ิปัญญาทางภาษา
ตวั ชว้ี ัดที่ ๖ ท่องจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองท่ีมคี ุณค่าตามความ
สนใจ และนาไปใช้อา้ งอิง
๒. สาระสาคญั
๒.๑ ความรเู้ ก่ียวกบั นิทานเวตาล
๒.๒ ประวัตผิ แู้ ตง่
๒.๓ เร่ืองยอ่ นทิ านเวตาล
๒.๔ เนือ้ เร่ืองนิทานเวตาลเรื่องท่ี ๑๐
๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๓.๑ วเิ คราะห์คุณค่าทางวรรณศลิ ป์ของวรรณกรรมได้
๓.๒ วเิ คราะห์คุณค่าด้านเนอื้ หาของวรรณกรรมได้
๔. สาระการเรียนรู้
๔.๑ ความรูเ้ กีย่ วกบั นิทานเวตาล
๔.๒ ประวัติผแู้ ต่ง
๔.๓ เรื่องย่อนิทานเวตาล
๔.๔ เน้ือเรื่องนทิ านเวตาลเรื่องท่ี ๑๐
๕. ช้นิ งาน/ ภาระงาน
๕.๑ กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
๕.๒ ภาระงาน “วาดภาพเวตาลตามลกั ษณะทีป่ รากฏในเรือ่ ง”
๕.๓ ภาระงาน “สืบค้นขอ้ มลู เกีย่ วกบั นิทานเวตาลเรอื่ งที่ ๑๐”
๕.๔ แบบทดสอบ
๕.๕ กิจกรรมเสนอแนะ
๖. คาถามสาคญั
๖.๑ เวตาลมลี ักษณะอยา่ งไร
๖.๒ เวตาลมีวธิ หี ลอกล่อพระวิกรมาทิตย์อยา่ งไร
๗. กิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือการเรียนรู้
๗.๑ ข้ันนา
ครใู ห้นกั เรยี นอภิปรายเก่ยี วกบั นิทานเวตาลตามท่ีนกั เรยี นเคยทราบมากอ่ น
๗.๒ ข้นั สอน
ตอนที่ ๑ ความรเู้ กีย่ วกับนิทานเวตาลและประวตั ผิ ้แู ตง่
๓. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เก่ียวกับนิทานเวตาล และศึกษาประวัติของผู้แต่ง จากหนังสือเรียน
แมค็ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๑
๔. นักเรยี น โดยแบง่ กลุ่มนกั เรยี น และใหแ้ ต่ละกลุ่มคน้ ควา้ ดังน้ี
กลุ่มที่ ๑ พระประวตั ขิ องพระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหม่นื พิทยาลงกรณ
กลุม่ ที่ ๒ นิทานกับสังคมไทย
กล่มุ ที่ ๓ ประเภทของนิทาน
กล่มุ ท่ี ๔ นิทานประจาถน่ิ ๔ ภาคของไทย
ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มนาเสนอหน้าช้นั เรยี น ครูใหค้ าแนะนาตามความเหมาะสม
๕. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาประวัตผิ ้แู ตง่ จากหนังสอื เรยี นแม็ค หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑๑
ตอนท่ี ๒ เรือ่ งย่อนทิ านเวตาล
๔. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาเรือ่ งยอ่ นทิ านเวตาล จากหนงั สอื เรียนแมค็ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๑
๕. ใหน้ กั เรียนเขยี นสรปุ เร่อื งย่อนิทานเวตาล ตามทไี ด้ศึกษา เปน็ ภาษาของตนเอง
ตอนท่ี ๓ เน้อื เรื่องนิทานเวตาลเรอ่ื งท่ี ๑๐
๑. ใหน้ ักเรียนศึกษาเนื้อเรอ่ื ง นิทานเวตาลเร่อื งที่ ๑๐ จากหนังสอื เรยี นแมค็ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑๑
๒. ใหน้ กั เรียนหาคาศพั ท์จากเร่ือง พรอ้ มความหมาย
๓. ให้นักเรียนเขียนประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการศึกษาเน้ือเร่ืองนิทานเวตาลเรือ่ งท่ี ๑๐ ครใู ห้คาแนะนา
ตามความเหมาะสม
๔. แบ่งกลุ่ม ให้นักเรียนแสดงละครจากเรื่อง นิทานเวตาลเรื่องท่ี ๑๐ ท้ังนี้สามารถเพ่ิมเติมเนื้อหา
และเขียนบทได้ตามความเหมาะสม
๗.๓ ขั้นสรปุ
๑. ผู้เรียนและผสู้ อนร่วมกันสรุปตามประเด็นดังนี้
๑. ความรเู้ กย่ี วกับนิทานเวตาล
๒. ประวตั ิผูแ้ ต่ง
๓. เร่ืองย่อนิทานเวตาล
๔. เน้ือเร่ืองนทิ านเวตาลเรือ่ งที่ ๑๐
๒. นักเรยี นทากจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจทุกกจิ กรรม
๓. ครูแจ้งผลการปฏบิ ัติงานของนักเรยี นทกุ ข้อ และให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
๘. สื่อการเรียนร้/ู แหลง่ เรียนรู้
๘.๑ สอ่ื การเรียนรู้
๑. หนังสอื เรยี นแม็ค สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑
๒. ใบความรู้ “ประเภทของนิทาน”
๘.๒ แหลง่ การเรยี นรู้
๑. ห้องสมุดโรงเรยี น
๒. หอ้ งสมุดภาษาไทย
๓. หอ้ งสมุดประชาชน
๔. หอสมดุ แห่งชาติ
๕. www.obec.go.th/news/
๙. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้
๙.๑ การทากิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ กจิ กรรม ๑ – ๔
๙.๒ ผลงานจากภาระงาน “วาดภาพเวตาลตามลักษณะทปี่ รากฏในเรื่อง”
๙.๓ ผลงานจากภาระงาน “สบื คน้ ขอ้ มูลเกี่ยวกับนทิ านเวตาล เรื่องท่ี ๑๐”
๙.๔ การทาแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น
๙.๕ การตอบคาถามกจิ กรรมเสนอแนะ
๑๐. านั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้
๑๐.๑ ความสาเร็จในการจัดการเรียนรู้
ดา้ นผเู้ รยี น................................................................................................................. ........
..............................................................................................................................................
ดา้ นวธิ สี อนการวัดผล.......................................................................................................... ..
................................................................................................................................................
ด้านสอ่ื การเรียนร้.ู ................................................................................ ...................................
................................................................................................................................................
๑๐.๒ ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนร.ู้ ........................................................................................
.........................................................................................................................................................
๑๐.๓ ส่ิงท่ีไม่ได้ปฏิบัติตามแผน…..…………………………………………………….………………………………………
.........................................................................................................................................................
เหตผุ ล……..……………………………………………………………………………………………………………………………
........................................................................................................................................................
๑๐.๔ แนวทางการปรบั ปรุงคร้ังต่อไป ..............................................................................................
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
ลงชอื่ ................................................................... ผสู้ อน
๑๑. แาาการประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน
เกณฑค์ ุณภาพการสังเกตพฤติกรรมนกั เรยี นดา้ น.........................................
ระดาั คุณภาพ
ท่ี รายการประเมิน
๑๒๓
๑ การทางานร่วมกัน ยอมรบั มติการทางาน ยอมรับมติของกลุ่ม - ยอมรับมติของกลมุ่
ของกลมุ่ แต่ปฏิบัติ
ตามน้อยครั้ง - รับผิดชอบงานที่รบั
มอบหมายจากกลุ่ม
๒ ความกระตอื รือร้น ช่วยเหลืองานภายใน - ช่วยเหลอื งานในกลุ่ม - ช่วยเหลืองานภายใน
กลุ่มเม่ือมีการร้องขอ
- รว่ มแสดงความ กลุ่ม
คิดเหน็ - รว่ มแสดงความคดิ เห็น
- ใฝร่ ูใ้ ฝเ่ รียน
- ศกึ ษาค้นควา้
๓ การตอบคาถาม มสี ว่ นร่วมในการตอบ มสี ว่ นร่วมในการตอบ ให้ความรว่ มมือในการ
คาถามน้อยมาก คาถามบางคร้ัง ตอบคาถามเปน็ อย่างดี
๔ ความคดิ รเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ รว่ มกิจกรรมตามที่ รบั ฟงั แตแ่ สดงความ รว่ มรับฟังและแสดง
กลุ่มขอรอ้ ง คดิ เห็นทค่ี ล้อยตาม ความคดิ เหน็ ท่ีแตกต่าง
เพื่อนๆ แตม่ ีประโยชน์
แาาการประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นด้านการทางานเปน็ กลมุ่
รายการประเมนิ สรปุ ผล
ท่ี ชื่อ-สกลุ การทางาน ความ การตอา ความคิดริเริ่ม รวม
รว่ มกนั กระตือรือรน้ คาถาม สร้างสรรค์ (๑๒) ผ่าน ไม่ผา่ น
(๓) (๓) (๓) (๓)
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมิน
๙ - ๑๒ คะแนน ระดับ ๓ = ดี
๕ – ๘ คะแนน ระดับ ๒ = พอใช้
ต่ากว่า ๕ คะแนน ระดบั ๑ = ควรปรับปรงุ
สรุปผลการประเมิน
ดี พอใช้ ปรับปรงุ
เกณฑ์การตัดสินใจ
ผา่ น ไม่ผ่าน
หมายเหตุ : เกณฑเ์ ปน็ ไปตามท่โี รงเรยี นกาหนด
ลงชือ่ ............................................................................ผู้ประเมิน
๑๒. กิจกรรมเสนอแนะ
๑๒.๑ กจิ กรรมส่งเสริมการอ่านเชิงวเิ คราะห์ ประกอบด้วยข้ันตอน ดงั นี้
ขนั้ รวบรวมข้อมูล
นักเรียนหาความรู้เกยี่ วกบั นิทานประเภทตา่ งๆ
ขั้นวิเคราะห์
นักเรียนอธิบายลักษณะของนิทานประเภทต่างๆ ท้ังนี้สามารถยกตัวอย่างเร่ืองราวประกอบการ
อธบิ ายได้
ขัน้ สรปุ
นักเรยี นสรปุ ประเภทและลกั ษณะของนิทาน
ขั้นประยกุ ต์ใช้
นกั เรียนเขยี นประเภทและลกั ษณะของนทิ าน แลว้ นาไปจดั บอรด์ หน้าชน้ั เรยี น
๑๒.๒ กจิ กรรมบูรณาการ
กจิ กรรมท่ี ๑
ครูสามารถบูรณาการการเรียนรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ โดยให้นักเรียน
วาดภาพลักษณะของเวตาลที่ปรกาฏในนทิ านเวตาล เรื่องท่ี ๑๐
ภาระงาน “วาดภาพลักษณะของเวตาล ทปี่ รากฏในนิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐”
การบรู ณาการ มฐ. ท ๕.๑ และ มฐ. ศ ๑.๑
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ใหน้ กั เรียนวาดภาพลกั ษณะของเวตาล ทป่ี รากฏในนิทานเวตาล เรื่องท่ี ๑๐
ผลงานทต่ี อ้ งการ ภาพลักษณะของเวตาล ที่ปรากฏในนิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐
ข้ันตอนการทางาน
๑. ใหน้ ักเรยี นศึกษาลักษณะของเวตาลทปี่ รากฏในเนื้อเร่ืองนทิ านเวตาล
เรอ่ื งท่ี ๑๐
๒. ครูให้คะแนนตามความสวยงาม ความครอบคลุม และความคิด
สร้างสรรค์
๓. อาจมีการประกวดและมอบรางวลั ตามความเหมาะสม
เกณฑ์การประเมิน
๑. ความสวยงามของภาพ
๒. ความคดิ สร้างสรรค์
กิจกรรมที่ ๒
ครูสามารถบูรณาการการเรยี นรู้กับกลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สาระที่ ๔ :
เทคโนโลยสี ารสนเทศ โดยใหน้ กั เรียนศึกษาส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์จากของจรงิ และใหน้ กั เรียนปฏิบัติกจิ กรรม ดังนี้
ภาระงาน “สบื คน้ ขอ้ มูลเก่ยี วกบั นทิ านเวตาล เรื่องที่ ๑๐”
การบูรณาการ มฐ. ท ๕.๑ และ ง ๔.๑
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ มที ักษะในการใชส้ ือ่ อิเล็กทรอนิกส์ เพือ่ ศึกษาเกย่ี วกบั นิทานเวตาล เรื่องท่ี ๑๐
ผลงานทีต่ ้องการ ข้อมลู เกยี่ วกบั นิทานเวตาล เร่ืองท่ี ๑๐
ข้ันตอนการทางาน
๑. กาหนดให้นักเรียนเลอื กสืบค้นขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ น็ต
๒. นักเรียนนาผลงานการสืบค้นมาจัดทาเป็นสมุดคู่มือการสืบค้นแหล่งเรียนรู้
เกย่ี วกับนทิ านเวตาล เรือ่ งที่ ๑๐
๓. นาผลงานการศึกษาคน้ ควา้ ดงั กล่าวนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น
เกณฑ์การประเมนิ
๑. ความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณข์ องข้อมูลทคี่ น้ คว้ามานาเสนอ
๒. ความประณตี เรยี บรอ้ ย
๓. ความนา่ สนใจในการนาเสนอ
๑๓. ใบความรู้ ใบงาน และเคร่อื งมือวัดผล
๑๓.๑ ใบความรู้
๑. ประเภทของนทิ าน
ประเภทของนทิ าน
นิทานน้ันแบ่งออกเปน็ ๑๑ ประเภท ดังน้ี
๑. ประเภทเทพนิยายหรือปรัมปรา (Fairy tale) เป็นเร่ืองเกี่ยวกับเทวดา นางฟ้า เรื่องมหัศจรรย์
เหนือธรรมชาติ เป็นความฝันและจินตนาการของผู้แต่ง เรียกหลายอย่างเช่น นิทานมหัศจรรย์ นิทาน บรรพ
บุรุษ เรื่องราวมักเก่ียวข้องกับราชสานัก เจ้าหญิง เจ้าชาย มีแม่มด มียักษ์ สัตว์ประหลาด ตัวละครที่ดีจะเป็น
ฝา่ ยชนะ เชน่ เรื่องพรอภัยมณี คาวี สงั ขท์ อง พระสุธนมโนหร์ า ฯลฯ
๒. ประเภทชีวิตจริง (Novella) เป็นเร่ืองท่ีดาเนินอยู่ในโลกของความจริง มีการบ่งสถานที่และตัว
ละครชัดเจน อาจมีปาฏิหารยิ ์อิทธิฤทธ์ิแต่เปน็ ไปในลักษณะท่เี ป็นไปได้ โดยใช้สถานที่ เวลา ตัวละครทีม่ า จาก
ความจริง เช่น ขุนช้างขุนแผน พระอภยั มณี (บางส่วนทม่ี าจากชีวิตจริงของผู้แต่ง) พระลอ พระรถเมรี พระรว่ ง
ไกรทอง เป็นต้น
๓. ประเภทวีรบรุ ษุ (Hero tale) เปน็ เรอื่ งท่มี ีหลายตอนขนาดยาว อาจคล้ายชวี ติ จริงหรือจินตนาการ
เป็นเรื่องเล่าที่กล่าวถึงวีรบุรุษท่ีต้องผจญภัยท่ีมีลักษณะเหนือมนุษย์ เช่น เรื่องเฮอร์คิวลิส เซซีอุสและเพอร์ซี
อุสของกรกี เปน็ ต้น
๔. ประเภทนทิ านประจาถนิ่ (Sage) มักเป็นเร่อื งแปลกพสิ ดารซง่ึ เชือ่ วา่ เคยเกดิ ขึ้นจริง ณ สถานทใ่ี ด
สถานทีห่ น่ึง บ่งบอกสถานท่แี ละตัวละครชัดเจน อาจมาจากประวตั ิศาสตร์ อาจเปน็ ไปไดท้ ั้งมนุษย์ สัตว์ เทวดา
ผี เช่น เรื่อง พระยาพาน พระร่วง เจ้าแม่สรอ้ ยดอกหมาก ตาม่องล่าย ทา้ วปาจติ กับนางอรพิม เป็นตน้
๕. ประเภทเล่าอธิบายเหตุ (Explanatory tale) เปน็ เรอ่ื งอธิบายกาเนิด ความเป็นมาของสิ่งท่ีเกดิ ข้ึน
ในธรรมชาติ กาเนิดของสัตวว์ ่าเหตุใดจึงมรี ูปรา่ งลกั ษณะ ต่าง ๆ กาเนดิ ของพืช มนษุ ย์ ดวงดาวต่าง ๆ เป็น ต้น
เช่น ทาไมจระเขจ้ ึงไม่มีล้ิน กาเนดิ ดาวลูกไก่ กาเนิดจนั ทรคราส เป็นตน้
๖. ประเภทเทพปกรณัมหรือเทวปกรณ์ (Myth) เป็นเรื่องอธิบายถึงกาเนิดของจักรวาล มนุษย์ สัตว์
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เชน่ ลม ฝน กลางวัน กลางคนื ฟ้ารอ้ ง ฟ้าผา่ แสดงถงึ ความเชื่อทางศาสนา มี เรือ่ ง
ของเทพที่เรารู้จกั กันดี เชน่ เมขลา รามสูร เป็นตน้
๗. ประเภทสัตว์ (Animal tale) เป็นเรื่องท่ีมีสัตว์เป็นตัวเอก โดยจะแสดงให้เห็นความฉลาดและ
ความโง่เขลาของสัตว์ โดยเจตนาจะมุ่งสอนจริยธรรมหรือคติธรรม ซึ่งจัดเป็นเรื่องประเภทให้คติสอนใจ เช่น
นิทานอสี ป และปัญจะตันตระ
๘. ประเภทมุขตลก (Merry tale) เป็นเร่ืองขนาดสั้นอาจเป็นเรื่องเก่ียวกับมนุษย์ หรือสัตว์ จดุ สาคัญ
ของเร่ืองอยู่ที่ความไม่น่าเป็นไปได้ ซ่ึงเก่ียวข้องกับความโง่ ความฉลาด การใช้กลลวง การแข่งขัน การ ปลอม
แปลง ความเกียจครา้ น เรื่องเพศ การโม้ คนหหู นวก นักบวช พระกับชี ลูกเขยกับแมย่ าย ศรีธนญชัย กระต่าย
กบั เตา่ เปน็ ตน้
๙. ประเภทศาสนา (Religious tale) เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา เช่น เร่ืองเล่าเก่ียวกับพระเยซู นักบุญ
พระพุทธเจ้า พระสาวก ซึง่ ไม่มีในพระไตรปฎิ กอยหู่ ลายเรอ่ื ง ซึง่ ทรรศนะของผ้เู ลา่ มกั ถือวา่ เปน็ เรอื่ งจรงิ
๑๐. ประเภทเรื่องผี เป็นเร่ืองเก่ียวกับผีต่าง ๆ ซ่ึงไม่ปรากฏชัดว่ามาจากไหน เกิดอย่างไร เช่น
ผีบา้ บ้องและผีปกกะโหลง้ ของไทยภาคเหนือ หรือผที ่ีเปน็ คนตายแลว้ มาหลอกด้วยรปู รา่ งวิธีการตา่ ง ๆ มี
ผกี องกอย ฯลฯ
๑๑. ประเภทเข้าแบบ (Formular tale) เป็นเร่ืองที่มีโครงเรื่องสาคัญเล่าเพ่ือความสนุกสนานของ
ผู้เล่า และผู้ฟังอาจมีการเล่นเกม แบ่งเป็นนิทานลูกโซ่ เช่นเร่ืองตากับยายปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้า นิทาน
หลอกผู้ฟัง นิทานไม่ร้จู บ เชน่ เกี่ยวการนับจะเลา่ เร่ือยไปแตเ่ ปลย่ี นตัวเลข
(ทีม่ า : http://www.thaigoodview.com)
เครอ่ื งมือวดั ผล
๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัตกิ จิ กรรม ( ดูท้ายหน่วย )
๒. แบบประเมินผลการปฏิบตั กิ จิ กรรม ( ดทู ้ายหน่วย )
๓. แบบประเมินผลการเขยี นย่อความ ( ดูทา้ ยหนว่ ย )
๔. แบบทดสอบผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นหลังเรยี น
๑๔. เฉลยกจิ กรรมและแบบทดสอบ
กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
กิจกรรม ๑
แนวคาตอบ
๑. มีความมายวา่ ให้ตดิ สินบนทหารฝ่ายตรงขา้ ม เพื่อล่อลวงให้มาเปน็ พรรคพวกของตนหนือยอมแพ้
แต่โดยดี สว่ นทหารท่ตี ดิ สนิ บนไม่ได้ใหฆ้ ่าเสยี
๒. พิจารณาตามการใหเ้ หตผุ ลของนักเรยี น
๓. เพราะพระวิกรมาทิตย์สับสน อีกท้ังพระวิกรมาทิตย์ก็มีสติพอท่ีจะไม่ตอบคาถามของเวตาล
มิเชน่ น้นั เวตาลก็จะกลบั ไปห้อยหวั อยทู่ ่ีใต้ตน้ อโศกดงั เดิม
๔. คุณค่าด้านเนื้อหา มีการใช้ความเปรียบท่ีคมคาย เช่น ซ้ือใจทหารด้วยทองและเหล็ก และคุณค่า
ด้านสังคม สะท้อนให้เห็นถึงการครองเรือนว่า ครอบครัวผู้เป็นใหญ่ หากไม่มีแม่เรือนก็เป็น
ครอบครัวท่วี า่ ง และการใหค้ วามเคารพกนั ตามลาดับอาวโุ ส เปน็ ตน้
๕. แนวคิด
๑. ครอบครวั ของผู้เปน็ ใหญ่ หากไมม่ แี มเ่ รอื นกเ็ ปน็ ครอบครัวทวี่ ่าง
๒. ทุกสิ่งไม่ได้เป็นจริงเหมือนที่เราเคยรู้หรือมีประสบการณ์มาท้ังหมด ดังเหตุการณ์ท่ี
พระราชากบั ราชบตุ รทานายถงึ รอยเท้าของหญงิ ท่ีพบกลางปา่
๓. ทรัพย์สินสามารถซื้อใจคนโลภได้ สาหรับข้าศึกศัตรูแล้ว คนโลภไม่ใช่สงิ่ ที่น่ากลัวสาหรับ
เขา คนท่ีน่ากลวั คอื คนท่ซี อื้ ใจไม่ได้ เพราะคนเหล่านม้ี ใี จเข้มแขง็ ไมอ่ อ่ นไหวจากสิง่ ยัว่ ยุ
กิจกรรมที่ ๒
แลว้ แตด่ ุลยพนิ จิ ของอาจารยผ์ ู้สอน
แบบทดสอบกอ่ นเรยี นผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นประจาหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๑
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๑ นทิ านเวตาลเร่อื งที่ ๑๐
เลอื กคาตอบทถ่ี กู ต้องทส่ี ุดเพียงคาตอบเดียว
๑. “ศพนนั้ ลืมตาโพลง ลูกตาสเี ขยี วเรือง ๆ ผมสีนา้ ตาล หน้าท่ีน้าตาล ตวั ผอม เห็นซ่ีโครงเป็นซ่ีๆ ห้อยเอาหัว
ลงมาทานองค้างคาว แต่เป็นค้างคาวตัวใหญ่ท่ีสุด เมือจับถูกตัวก็เย็นชืดเหนียวๆ เหมือนงู ปรากฏเหมือน
หนึง่ ว่าไมม่ ีชวี ติ แต่หางซง่ึ เหมือนหางแพะน้ันกระดกิ ได้” ขอ้ ความท่ียกมาน้จี ดั อยใู่ นโวหาชนิดใด
๑. บรรยายโวหาร ๒. พรรณนาโวหาร
๓. เทศนาโวหาร ๔. อธิบายโวหาร
๒. “ปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลาของตนในเรื่องหนังสือ มิใช่ใช้เวลาในการนอนและการขี้เกียจอย่างคนโง่”
ข้อความนสี้ อนใจในเรอื่ งใด
๑. เวลาและวารไี มเ่ คยท่ีจะคอยใคร
๒. การใชเ้ วลาใหค้ ุม้ คา่
๓. ใหแ้ สวงหาความรจู้ ากการอ่านหนังสือ
๔. เวลาเป็นของมีคา่
๓. ขอ้ ใดคอื วัตถปุ ระสงค์ของการเลา่ นทิ านเวตาล
๑. ทดสอบปัญญาและความอดกลั้นของท้าววกิ รมาทิตย์
๒. เพือ่ แสดงปรศิ นาธรรมในการอบรมสง่ั สอนทา้ ววกิ รมาทติ ย์
๓. เพอ่ื ทดสอบภมู ปิ ญั ญาของท้าววิกรมาทิตย์
๔. เพ่อื เปน็ นทิ านสอนใจใหม้ นษุ ย์กระทาความดี
๔. ขอ้ ใดเป็นความเชอ่ื ตามวิถชี ีวิตของคนไทย
๑. ลนิ้ น้ันตัดคอคนเสยี มากตอ่ มากแล้ว
๒. ขา้ พเจา้ ให้เกิดกระเหมน่ ตาซา้ ย หวั ใจเตน้ แรง แลกม็ ืดมวั
๓. คงจะเป็นสาวนอ้ ยตามขนาดแหง่ เท้า ส่วนนางเทา้ เข่ืองคงจะเปน็ สาวใหญ่
๔. ความสขุ แห่งพอ่ บ้านซ่ึงอยโู่ ดดเด่ียวน้นั มีไมไ่ ด้ในบ้าน แลมไี ม่ไดน้ อกบ้าน
๕. ขอ้ ใดใช้คาคล้องจองในการแสดงภาพใหช้ ดั เจน
๑. แบกสะพายไปมาเปน็ หลายเทย่ี ว
๒. พระราชธดิ ามอี าการแก่เกนิ อายุ
๓. รพ้ี ลของทา้ วมหาพลหรอร่อยย่อยยบั
๔. แมก่ บั ลกู แลพ่กี ับนอ้ งมาปนกันยงุ่
๖. ขอ้ ใดแสดงวาจาเสียดสี
๑. คร้ังนี้ข้าพเจ้าให้เกิดกระเหมน่ ตาซ้าย หัวใจเต้นแรง แลก็มืดมัว เปน็ ลางไม่ดีเสียแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็
เลา่ เรื่องจริงถวายอกี เร่อื งหนง่ึ
๒. แลเพราะเหตขุ า้ พเจา้ เบื่อหนา่ ยการถูกแบกสะพายไปมาเปน็ หลายเทยี่ วแล้ว
๓. แม้พระองค์ไม่ทรงเบื่อเป็นผ้แู บกก็จริง ข้าพเจ้าจะตง้ั ปญั หาท่ียากทูลถามสักที ถ้าทรงตอบได้ พระ
ปัญญาก็มากย่ิงกวา่ ทีข่ ้าพเจ้าคิดว่าจะมีในพระราชาพระองค์ใด
๔. บางทีพระองค์จะโปรดฟงั เร่อื งส้นั ๆ อกี สกั เรื่องหนง่ึ กระมงั
๗. “พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟังปัญหาเวตาลก็ทรงตรึกตรองเอาเรื่องพ่อกับลูก แม่กับลูก แลพ่ีกับน้อง มาปน
กันยุ่ง แลมิหนาซ้ามเี ร่ืองแม่เล้ียงกบั แม่ตัว แลลูกสะใภ้กับลูกตัวอีกเล่า” ท้าววิกรมาทิตย์ไม่ตอบปัญหาของ
เพราะเหตผุ ลในข้อใด
๑. เพราะรู้ทนั ความคดิ ของเวตาล รวมทั้งทรงเหนือ่ ยออ่ น
๒. ไมก่ ล้าพูดเพราะเกรงวา่ จะผดิ คาท่ีให้ไว้กบั เวตาล
๓. เพราะเปน็ เรอื่ งผดิ ขนบประเพณีเกย่ี วกับการแตง่ งานตามที่สังคมกาหนดไว้
๔. เพราะเปน็ ปญั หาทย่ี าว เน่อื งจากเปน็ ความเขา้ ใจผดิ
๘. เวตาลยอมละความมุ่งหมายท่ีจะทาให้พระวิกรมาทิตย์ทรงดาเนินทวนไปทวนมาจนส้ินพระชนม์ลงใน
ระหวา่ งทาง เพราะคุณธรรมข้อใด
๑. ความสุภาพ ความนอบน้อมถ่อมตน และมีสติ
๒. ความกลา้ หาญและความมสี ติ รจู้ ักอดกลน้ั ความเพียรพยายาม
๓. ความเมตตาและความกรณุ าตอ่ ผู้อน่ื
๔. ความเสียสละและความมีสติปญั ญาเฉลยี วฉลาด
๙. ข้อใดใช้โวหารเปรยี บเทียบ
๑. ชายผไู้ มใ่ ช่คนโง่ไม่ยอมคนื สเู่ รอื นซ่ึงไม่มีนางทร่ี ักผู้มีรูปงามคอยรับรองในขณะท่กี ลบั ถึง
๒. เรือนนนั้ แมเ้ รียกว่าเรอื นก็ไม่ใชอ่ นื่ คอื คกุ ซ่งึ ไม่มโี ซ่เทา่ น้นั เอง
๓. พระองค์ยอ่ มทรงทราบด้วยพระองค์เองวา่ ความสุขแห่งพ่อบา้ นซึ่งอยู่เดีย่ วโดดนน้ั มีไม่ได้ในบ้าน
๔. แลมไี ม่ไดน้ อกบา้ นเพราะไมม่ ีหวังจะไดค้ วามสุขเมือกลบั มาส่เู รือนแห่งตน
๑๐. เรื่องเวตาลเขา้ ลกั ษณะนิทานประเภทใดชัดเจนท่ีสดุ
๑. นทิ านอุทาหรณ์เพอื่ แสดงคติธรรม
๒. นิทานพ้นื บ้านของอินเดยี เพอ่ื แสดงคติธรรม
๓. นิทานชาดกแสดงคุณธรรมของพระโพธสิ ัตว์
๔. นทิ านทีเ่ น้นความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ
เฉลย
๑. ๒ ๒. ๒ ๓. ๑ ๔. ๒ ๕. ๓
๖. ๔ ๗. ๑ ๘. ๔ ๙. ๒ ๑๐. ๒
แบบทดสอบหลังเรยี นผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นประจาหน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑๑
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๑ นิทานเวตาลเรื่องที่ ๑๐
เลอื กคาตอบทถี่ กู ตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว
๑. คณุ คา่ ในดา้ นใดไม่ปรากฏในนทิ านเวตาลเรือ่ งท่ี ๑๐
๑. ค่านยิ มเกี่ยวกบั สตรี
๒. ความเชื่อเรอ่ื งโชคลาง
๓. การใชค้ าที่มีความคมคาย
๔. แนวคิดเก่ียวกับการทาศกึ สงคราม
๒. ข้อใดไมใ่ ช่การใช้ความเปรยี บ
๑. บา้ นของผู้เป็นใหญใ่ นครอบครวั น้นั ถ้าไมม่ ีแมเ่ รือนกเ็ ปน็ บ้านทว่ี ่าง
๒. รอยเท้าเหลา่ นเี้ ปน็ รอยเท้าหญงิ สองคน รอยเท้าชายคงจะโตกว่าน้ี
๓. หญิงท่ีพระราชาพบในป่ามักจะงามกว่าหญิงท่ีจะหาได้ในกรุง เหมือนดอกไม้ป่าที่งามกว่าดอกไม้
ในสวน
๔. ชายผู้ไมใ่ ช่คนโง่ไมย่ อมคนื สูเ่ รอื นซึง่ ไมม่ ีนางทร่ี ักผู้มีรูปงามคอยรบั รองในขณะท่ีกลับถึงเรือนนนั้ แม้
เรยี กวา่ เรือนกไ็ มใ่ ชอ่ นื่ คือคุกซ่งึ ไม่มโี ซ่เทา่ นนั้ เอง
๓. สญั ญาแบ่งนางตามท่ที า้ วจนั ทรเสนไดต้ รัสกับพระราชบตุ รนัน้ ใช้สง่ิ ใดเปน็ เครอ่ื งมือตดั สิน
๑. อายขุ องหญงิ สาว
๒. ความสมคั รใจของหญิงสาว
๓. ขนาดของรอยเท้าหญิงสาว
๔. วัยทเ่ี หมาะสมระหว่างพระองค์ พระราชบุตร และหญิงสาว
๔. เวตาลอาศัยอยู่บนตน้ ไม้ชนิดใด
๑. ต้นสน ๒. ตน้ อโศก ๓. ตน้ โกงกาง ๔. ต้นตาลโตนด
๕. ความหมายของคาศพั ท์ในข้อใดไม่ถกู ต้อง
๑. ภิลล์ – ชาวปา่ พวกหนึ่ง
๒. ซ้ือนา้ ใจ – การให้ใจคนด้วยการทาดี
๓. โกรศ – มาตราวัด เทา่ กบั ๕๐๐ คันธนู
๔. เครือ่ งประหลาด – ส่ิงทีท่ าให้ประหลาดใจ
๖. ขอ้ ใดไม่ใช่ลักษณะของเวตาล
๑. แขนขาส้นั มือสัน้ ทอ้ งพลยุ้
๒. ปากอ้า แกม้ ตอบ ขากรรไกรกว้าง
๓. หนา้ เป็นรูปเหลี่ยม นยั นต์ าเรยี วเลก็
๔. จมูกยาวเป็นขอ ปกี คล้ายคา้ งคาว
๗. เง่ือนไขท่ีเวตาลต้ังไวข้ ณะที่พระวิกรมาทติ ยจ์ ับตวั ไปให้ฤๅษีศานติศลี คือข้อใด
๑. ตอ้ งตอบปัญหาของเวตาลทกุ คร้ัง
๒. ต้องให้เวตาลเลา่ นิทานให้ฟงั ทุกคร้งั
๓. ตอ้ งไม่พดู อะไรออกมาขณะทีก่ าลงั พาตัวเวตาลไป
๔. ต้องหาผลไมใ้ หเ้ วตาลรับประทานขณะทพ่ี าตัวเวตาลไป
๘. นิทานเวตาลเขา้ ขา่ ยลักษณะตามข้อใด
๑. นิทานไมร่ ู้จบ ๒. นทิ านซ้อนนิทาน
๓. นทิ านอธบิ ายเหตุ ๔. นิทานอิงประวตั ศิ าสตร์
๙. การวิวาห์แบบ “อาวาหมงคล” คอื ข้อใด
๑. ฝา่ ยชายต้องไปอยู่บา้ นของฝ่ายหญิง
๒. ฝา่ ยหญงิ ต้องมาอยู่บา้ นของฝา่ ยชาย
๓. ฝา่ ยชายต้องนาสินสอดมามอบใหฝ้ ่ายหญิง
๔. ฝ่ายหญงิ ตอ้ งนาสินสอดมามอบให้ฝ่ายชาย
๑๐. ค่านิยมทางสงั คมในข้อใดไมป่ รากฏในนทิ านเวตาลเร่ืองท่ี ๑๐
๑. การนบั ถอื คนมที รัพย์
๒. การเหยียดวรรณะ คนช้นั ตา่
๓. การครองเรือนของผเู้ ป็นใหญ่
๔. การเคารพนบั ถือตามลาดับอาวโุ ส
เฉลย
๑. ๔ ๒. ๒ ๓. ๓ ๔. ๒ ๕. ๒
๖. ๓ ๗. ๓ ๘. ๒ ๙. ๒ ๑๐. ๑
การประเมินและสะทอ้ นตนเองหลงั เสรจ็ สนิ้ การเรียนในหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๑
(Self Reflection)
๑. การประเมินตนเองของผู้เรยี น ใหด้ าเนินการดงั นี้
๑.๑ ผูส้ อนทบทวนผลการเรยี นรู้ประจาหนว่ ยทุกข้อใหผ้ ้เู รียนได้ทราบ โดยอาจเขียนไวบ้ นกระดาน
พรอ้ มทง้ั ทบทวนถึงหัวข้อกิจกรรมการเรยี นว่าได้เรยี นอะไรบา้ ง
๑.๒ ให้ผู้เรยี นเขียนบันทกึ การประเมินตนเองไว้ในสมุดงานดา้ นหลงั ตามหวั ข้อ ดงั นี้
บนั ทกึ การประเมินและสะท้อนตนเองประจาหน่วยการเรียนรู้ท่.ี .............
วัน/เดอื น/ปี ทีบ่ ันทกึ ................./................../...................
รายการบันทึก
๑. จากการเรียนทผ่ี า่ นมาได้มคี วามรู้อะไรบ้าง
............................................................................................................................. ..........................................
............................................................................................................................. ..........................................
๒. ปัจจบุ นั น้ีมคี วามสามารถปฏิบตั สิ งิ่ ใดไดแ้ ลว้ บ้าง
............................................................................................................................. ..........................................
....................................................................................... ................................................................................
๓. สิ่งทยี่ ังไมร่ ู้ ไม่กระจา่ ง ไม่เข้าใจ มีอะไรบ้าง
.......................................................................................................................... .............................................
............................................................................................................................. ..........................................
๔. ผลงานหรือชิ้นงานทีเ่ นน้ ความภาคภูมิใจจากการเรยี นในหน่วยนค้ี ืออะไร ทาไมจึงภาคภูมิใจ
............................................................................................................................. ..........................................
.......................................................................................................................................................................
๒. การพัฒนาการเรยี นการสอนโดยใช้กระบวนการวจิ ัยในชั้นเรยี นของผ้สู อน
ชื่อเรอื่ งทวี่ จิ ัย......................................................................................................
๒.๑ ความเป็นมาของปัญหา
สิง่ ท่คี าดหวงั
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
สิ่งที่เปน็ จริง
........................................................................................................................................ ...............................
.......................................................................................................................................................................
ปญั หาที่พบคอื
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
สาเหตุของปญั หาคือ
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
แนวทางการแกไ้ ขปัญหาคือ
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
๒.๒ วตั ถปุ ระสงค์ในการแก้ปญั หา
๑. เพือ่ แกป้ ัญหาเร่ือง...............................................................................................
ของผเู้ รยี นชั้น............................... ห้อง................ จำนวน.................คน โดยใช.้ ...........................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
๒. เพื่อศึกษาผลการแกไ้ ขปัญหาเกย่ี วกับ......................................................................................
หลงั จากท่ีได้ทดลองใช้วธิ แี กป้ ัญหาโดย..........................................................................................
......................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒.๓ ขอบเขตของการแกป้ ัญหา
๑. กลุม่ เป้าหมายในการแกป้ ญั หาคือ ผเู้ รยี นชั้น................................ หอ้ ง.......................................
จานวน......................คน ในภาคเรยี นที่................. ปีการศึกษา................... ท่มี ปี ญั หาเกย่ี วกบั .......................
๒. เนื้อหาทใี่ ชใ้ นการศึกษาคอื เรอ่ื ง........................................................... หน่วยการเรียนร.ู้ .............
วชิ า.................................................................................................
๓. ระยะเวลาในการศกึ ษา ประมาณ....... สัปดาห์/เดือน ตง้ั แตว่ ันท่ี ......... เดอื น............. พ.ศ. .......
ถึงวันที่ ............. เดือน ................................ พ.ศ. ...................
๒.๔ วธิ ดี าเนนิ การในการแกไ้ ขปัญหา
๑. เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการแก้ปญั หาคือ
............................................................................................................................. ..........................................
....................................................................................... ................................................................................
ซึ่งมีขนั้ ตอนในกำรสรำ้ งและพัฒนำดังน้ี
............................................................................................................................. ..........................................
............................................................................................................................. ..........................................
๒. เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู คอื
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
ซง่ึ มขี ัน้ ตอนในการสรา้ งและตรวจสอบคุณภาพดังน้ี
................................................................................................................................................................ .......
.......................................................................................................................................................................
๓. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ไดด้ าเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมูลตามวธิ กี ารดงั นี้
๑. นาเคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการแก้ปัญหาไปทดลองใชก้ บั ผู้เรยี นในเวลา ...............................................
โดย..............................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
๒. นาเครื่องมือเก็บรวบรวมขอ้ มูลไปเกบ็ ข้อมลู เกีย่ วกับ................................................................
โดย................................................................................................................. ..........................
.....................................................................................................................................................
๔. การวิเคราะห์ข้อมลู และการสรุปผล ไดด้ าเนินการวเิ คราะห์ข้อมลู และสรปุ ผลดงั นี้
............................................................................................................................. ..........................................
.......................................................................................................................................................................
๒.๕ ผลการแกป้ ัญหา
ผลการแก้ปัญหาเก่ียวกบั ............................................................................................................
ของผเู้ รยี นกลุ่มเป้าหมาย ปรากฏผลดงั นี้
.......................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
เคร่อื งมอื วัดผล
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน
เลขที่ ช่อื -สกุล ความ ความ ความ ความ ระเบียบ คะแนน
สนใจ ต้งั ใจ ร่วมมือ รับผดิ ชอบ วนิ ัย รวม
เกณฑ์การให้คะแนน ดมี าก ให้คะแนน ๔
ดี ให้คะแนน ๓
พอใช้ ให้คะแนน ๒
ควรปรับปรุง ใหค้ ะแนน ๑
เกณฑก์ ารประเมิน
นกั เรียนได้คะแนนรวม ๑๖ - ๒๐ อยูใ่ นเกณฑ์ดมี าก
นักเรียนได้คะแนนรวม ๑๑ - ๑๕ อยู่ในเกณฑ์ดี
นักเรียนได้คะแนนรวม ๖ - ๑๐ อยใู่ นเกณฑ์พอใช้
นกั เรยี นได้คะแนนรวม ๑ - ๕ อยใู่ นเกณฑ์ควรปรับปรงุ
ลงช่อื .................................................................................................(ผู้ประเมิน)
แบบประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมกลมุ่
กล่มุ ท่.ี .............
ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควร
(๔) (๓) (๒) ปรับปรุง
(๑)
๑ ความร่วมมือและการจดั การภายในกลุม่
๒ ความสามารถปฏบิ ัติกจิ กรรมทไ่ี ดร้ ับมอบหมายอยา่ งถูกต้อง
๓ การรกั ษาระเบียบวนิ ัยในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
๔ ความเรียบรอ้ ยในการปฏิบตั ิงาน
๕ ความสนใจและความกระตือรือรน้ ของสมาชกิ ในกลมุ่
ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม............................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
สรปุ ผลการประเมนิ ......................................................................................................................... ....
นักเรยี นได้คะแนนรวม ๒๑ - ๒๕ แสดงวา่ ผลงานนักเรยี นอย่ใู นเกณฑ์ ดีมาก
นักเรียนได้คะแนนรวม ๑๖ - ๒๐ แสดงวา่ ผลงานนักเรยี นอยู่ในเกณฑ์ ดี
นักเรยี นได้คะแนนรวม ๖ - ๑๐ แสดงวา่ ผลงานนักเรียนอยูใ่ นเกณฑ์ พอใช้
นักเรยี นได้คะแนนรวม ๐ - ๕ แสดงว่าผลงานนักเรียนอยใู่ นเกณฑ์ ควรปรับปรุง
ลงชอื่ .................................................................................................(ผปู้ ระเมิน)
แบบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
คาช้แี จง เขียนเติมคะแนนและระดับคณุ ภาพตามความเป็นจริง
กิจกรรม คะแนน ไดร้ ะดบั คุณภาพ
เต็ม ได้ .........................................
กิจกรรม ๑ ขอ้ ๑ ๑๐ .........................................
ขอ้ ๒ ๕ .........................................
.........................................
ขอ้ ๓ ๕
ตนเอง
ขอ้ ๔ ๔
ขอ้ ๕ ๑๐
รวมคะแนน ๓๔
กิจกรรม ๒ ข้อ ๑ ๑๐
ขอ้ ๒ ๓
ขอ้ ๓ ๑๐
ขอ้ ๔ ๑๒
รวมคะแนน ๓๕
กจิ กรรม ๓ ขอ้ ๑ ๑๐
ขอ้ ๒ ๑๐
ข้อ ๓ ๑๐
ขอ้ ๔ ๘
รวมคะแนน ๓๘
กจิ กรรม ๔ ขอ้ ๑ ๕
ขอ้ ๒ ๑๐
รวมคะแนน ๑๕
ผปู้ ระเมิน ครู เพอื่ น
เกณฑก์ ารประเมิน คาตอบถกู ต้อง ชดั เจน มเี หตุมผี ล
เกณฑ์การจดั อนั ดบั คณุ ภาพ
คะแนนรวมในแต่ละกจิ กรรมไดร้ ้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ให้ ๓ (ดี)
คะแนนรวมในแต่ละกิจกรรมได้รอ้ ยละ ๕๐-๗๙ ให้ ๒ (พอใช้)
คะแนนรวมในแต่ละกจิ กรรมไดร้ ้อยละ ๕๐ ให้ ๑ (ควรปรบั ปรุง)
เกณฑค์ ุณภาพการผ่าน
ได้ระดบั “พอใช้” ขน้ึ ไป