The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บันทึกเล่มนี้เป็นการเก็บข้อมูลสถานการณ์ต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นวิกฤต COVID-19
ในรอบระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ มกราคม 2563 - ธันวาคม 2563 ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมโรงแรมและ Supply Chain ต่างๆ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Hotel Man Travel, 2021-01-03 08:10:32

บันทึก COVID-19 วิกฤตในอุตสาหกรรมโรงแรม

บันทึกเล่มนี้เป็นการเก็บข้อมูลสถานการณ์ต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นวิกฤต COVID-19
ในรอบระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ มกราคม 2563 - ธันวาคม 2563 ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมโรงแรมและ Supply Chain ต่างๆ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

Keywords: Hotelman,Hotelmantravel

P a g e | 101
HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 102

หลังจากที่ COVID-19 เริ่มส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมโรงแรม
ของประเทศไทยทาให้โรงแรมหลายแห่งเลื่อนเปิดให้บริการในปี 2563
ซึ่งแต่เดิมแล้วผู้ประกอบการโรงแรมหลายรายมีแผนเปิดให้บริการ
โรงแรมในช่วงต้นปี 2563 หลายรายหากนับเฉพาะในกรุงเทพ
มีโรงแรมที่สร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการกว่า 1.3 พั นห้อง คิดเป็น
มู ล ค่ า ก ว่ า 5 . 3 ห ม่ื น ล้ า น บ า ท ซ่ึ ง เ ป็ น ค ว า ม พ ย า ย า ม ใ น ก า ร
เปิดให้บริการของผู้ประกอบการ Brand ใหญ่ตามแผนการลงทุน
ต่อเนื่องเพื่ อเร่งเปิดให้บริการให้ทันในช่วงปี 2563 ตามการ
คาดการณ์สถานการณ์การท่องเท่ียวก่อนท่ีจะเกิดวิกฤต COVID-19
ว่า ประเทศไทยจะมีนักท่องเท่ียวเดินทางเข้ามาในปี 2563 นี้มากกว่า
40 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3.3 ล้านล้านบาท (การท่องเท่ียวแห่ง
ประเทศไทย) ในภาคการท่องเที่ยวและน่ีคือเหตุผลที่ผู้ประกอบการ
หลายรายเรง่ เปิดใหบ้ รกิ ารโรงแรมของตนเอง

โรงแรมระดับ Luxury ในกรุงเทพช่วงครึ่งปีแรกของ
ปี 2563 ทผ่ี า่ นมามี Supply ทงั้ สิน้ 12,269 หอ้ ง มโี ครงการใหมเ่ ปิด
ให้บริการ 2 แห่งสร้าง Supply เข้าสู่ระบบ 687 ห้องพั กและมีอีก
6 แห่งคิดเป็น Supply จานวน 1,329 ห้องพั ก ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นผู้
เล่นรายใหญ่ในตลาดอาทิ โครงการ เดอะเรสซิเดนซ์ แอท สินธร
เคมปินสกี้ โฮเทล แบงค็อก และ สินธร เคมปินสกี้ โฮเทล แบงค็อก,
โครงการโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพฯ, คาเพลล่า กรุงเทพฯ
และโครงการโฟร์ซีซ่ันส์ โฮเต็ล แบงค็อก แอท เจ้าพระยาริเวอร์
เป็นต้น ซึ่งจากการมี Supply เข้าสู่ตลาด Luxury Hotel มาก
ใ น ร ะ ดั บ น้ี ท า ใ ห้ ส ถ า น ก า ร ณ์ โ ร ง แ ร ม ร ะ ดั บ Luxury เ กิ ด ภ า ว ะ
“ Over Supply” เ พ ร า ะ มี ห้ อ ง ข า ย ม า ก ก ว่ า แ ข ก ผู้ เ ข้ า พั ก
(Prachachat.net, คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนช่ันแนล ประเทศไทย,
สมาคมโรงแรมไทย, ภัทรชัย ทวีวงศ์, มาริสา สุโกศล หนุนภัพดี,

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 103

ตุลาคม 2563) หลายโรงแรมจึงเล่ียงปัญหา Over Supply นี้โดย
การเล่ือนการเปิดให้บริการออกไปจากกาหนดเดิมท่ีจะเปิดให้บริการ
ช่วงต้นปีไปเป็นการเปิดให้บริการในกลางปีและปลายปีแทนเพื่ อ
ประเมนิ สถานการณ์ผลกระทบจาก COVID-19 ใหช้ ัดเจนก่อน.

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 104

ประกาศเคอร์ฟวิ ส์ ห้ามออกนอกเคหสถานตามเวลาท่ีกาหนด

และห้ามเดินทางข้ามภูมิลาเนาตามสาระสาคัญใน การประกาศ
พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ก า ห น ด ก า ร บ ริ ห า ร ร า ช ก า ร ใ น ส ถ า น ก า ร ฉุ ก เ ฉิ น
(พ.ร.ก.ฉุกเฉนิ ) คลื่นลกู แรกทก่ี ระทบกับอุตสาหกรรมโรงแรม

ทันทีที่ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายแรกนอก
ส า ธ า ร ณ รั ฐ ป ร ะ ช า ช น จี น ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ภ า ค รั ฐ ภ า ค เ อ ก ช น
ภาคประชาชน เริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการเข้ามาของเช้ือ
COVID-19 ในประเทศไทยมากย่ิงข้ึนและมีการเฝ้าสังเกตการณ์
อย่างใกลช้ ดิ เพ่ือหาแนวทางป้องกัน

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 105

จ น ทั น ที ที่ มี เ ห ตุ ก า ร ณ์ ข อ ง ก า ร แ พ ร่ ร ะ บ า ด จ า ก
Super Spreader หรือผู้ติดเช้ือท่ีสามารถแพร่เช้ือมากกว่าค่าเฉลี่ย
หลายๆเท่า หรือแพร่เชื้อได้ถึง 20 คนจากผู้ติดเชื้อปกติท่ีสามารถ
แพร่เช้ือได้ประมาณ 2 คน (นพ.ธนรักษ์ ผลิพั ฒน์ รองอธิบดีกรม
ควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข) และเร่ิมมีการพบผู้ติดเชื้อใน
หลายจังหวัดของประเทศไทยจนในท้ายท่ีสุดรัฐบาลจึงประกาศใช้
พระราชบัญญัติบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)
ซง่ึ ให้มผี ลบังคบั ใช้ในวนั ที่ 26 มีนาคม 2563

ท่ีตามมาด้วยมาตรการห้ามออกนอกสถานที่ตามระยะเวลา
ท่ีกาหนดตั้งแต่ 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มี
ความจาเป็นตามท่ีระบุ (ราชกิจจานุเบกษา, เมษายน 2563) แน่นอน
ว่าเมื่อห้ามเดินทาง ห้ามออกนอกสถานที่ นั่นหมายถึงการปิดประตู
อตุ สาหกรรมการท่องเท่ยี วไปโดยปริยาย

ส รุ ป ใ จ ค ว า ม ท่ี ส า คั ญ แ ล ะ ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ
อุตสาหกรรมโรงแรมใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 1 ท่ีให้อานาจผู้ว่า
ราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดมีอานาจส่ังการ
ส่ังปิดหรือดาเนินการอ่ืนๆ เพื่ อความสงบเรียบร้อยและป้องกัน
การแพรร่ ะบาดของ ประกอบด้วย

1. ก า ร ปิ ด ส ถ า น ที่ เ ส่ี ย ง ต่ อ ก า ร ติ ด ต่ อ โ ร ค ใ ห้ ผู้ ว่ า ร า ช ก า ร
กรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดออกคาส่ัง
ปดิ สถานทเี่ สย่ี งได้โดยอาศัยอานาจตามความในมาตรา 35 (1)

2. การปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นอากาศยาน
หรือ รถยนต์ หรือหาพนะอื่นใดหรือการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่า
ทางอากาศ ทางน้า หรือทางบก เว้นแต่ได้รับอนุญาตนี่เป็น

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 106

สัญญาณของการปิดประเทศและแน่นอนว่านักท่องเที่ยวจะไม่
สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยไดเ้ หมือนแตก่ ่อนอกี ตอ่ ไป

3. การห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทากิจกรรม หรือ
การม่ัวสมุ กัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด แนน่ อนวา่ โรงแรม
มี อี ก กิ จ ก ร ร ม ห นึ่ ง ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง คื อ “ ก า ร ข า ย ห้ อ ง
ประชุมสัมมนา” สาหรับการจัดงานประชุม สัมมนา งานรื่น
เริงต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานเล้ียงประจาปีพนักงาน
ฯลฯ ซึ่งกจิ กรรมเหล่านีจ้ ะถูกสง่ั ห้ามในทันที

4. มาตรการเตรียมรับสถานการณ์ การกักกันตัวเองไว้
สังเกตอาการตามคาสั่งหรือคาแนะนาของเจ้าหน้าท่ีหรือ
เป็นผู้เดนิ ทางข้ามเขตมาจากพื้นที่จงั หวัดอ่นื ผลกระทบคือ
แขกหรือพนักงานท่ีมีการเดินทางมาจากพ้ื นท่ีซ่ึงถูก
ประกาศจากทางราชการว่าเป็นพื้ นที่เสี่ยงจะถูกกักตัวโดย
ทันทีทาให้ไม่สามารถท่องเที่ยวในพื้ นท่ีได้และสาหรับ
พนักงานก็จะไม่สามารถมาทางานได้

น อ ก จ า ก น้ี ก ระท รว งส า ธ า รณ สุ ข โ ด ย ค ณะก รรม ก า ร
โรคติดต่อแห่งชาติ ได้ส่งสัญญาณถึงความร้ายแรงของ COVID-
19 โดยการประกาศให้โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-

19) “เป็นโรคติดต่ออันตรำย ตำม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558
ลำดับที่ 14” สาหรับโรคติดต่ออันตราย 13 โรค ท่ีประกาศไปก่อน

หนา้ น้ี

ได้แก่ 1. กาฬโรค 2. ไข้ทรพิ ษ 3. ไข้เลือดออกไครเมียน
คองโก 4. ไข้เวสต์ไนล์ 5. ไข้เหลือง 6. โรคไข้ลาสซา 7. โรคติดเชื้อ
ไวรัสนิปาห์ 8. โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก 9. โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 107

10. โรคติดเช้ือไวรัสเฮนดรา 11. โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง
หรือโรคซาร์ส 12. โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส
และ 13. วัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก (การประชุม
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ วาระการพิ จารณาออกประกาศให้
โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19), 24 กมุ ภาพันธ์ 2563)

เมือ่ มีกำรประกำศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
กต็ ้องมกี ำรเตรียมควำมพร้อมในโรงแรม

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 108

หลงั ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โรงแรมและสถานประกอบกจิ การ
บริการอื่นๆ ซ่ึงมีส่วนเก่ียวข้องกับนักท่องเท่ียวจาเป็นอย่างยิ่งที่
จะต้องหามาตรการในการป้องกันและบริหารจัดการในห้วงเวลาที่
COVID-19 ไดก้ ลายเป็นโรคตดิ ต่ออนั ตรายเรยี บรอ้ ยแลว้

ซ่ึงจากการท่ีเฮียเองเคยมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการ
โรงแรมในช่วงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉนิ มาคร้ังหน่ึง เฮียจงึ อยาก
ขอแบ่งปันแนวทางในการปฏิบัติและบริหารงานในช่วงวิกฤติจาก
ประสบการณ์ก่อนหน้าน้ีร่วมกับประสบการณ์ส่วนตัวท่ีเคยทางาน
ในช่วงท่ีอุตสาหกรรมโรงแรมได้รับผลกระทบจากโรคระบาดต้ังแต่
โรคซาร์ส โรคเมอร์ส แนะนาวิธีการจัดการโรงแรมในสถานการณ์ที่
เกิดโรคระบาดมาแนะนาเพื่อเป็นแนวทางและนาไปปรับใช้กนั ในอนาคต

1. การกาหนดมาตรการปอ้ งกันนแี้ ละการเฝา้ ระวัง
กรณนี ้ีฝา่ ยบรหิ ารทเี่ ป็นผู้กาหนดนโยบายกับพนักงานซึ่งเป็น

ผู้ ป ฏิ บั ติ ง า น ต้ อ ง ท า ง า น ร่ ว ม กั น อ ย่ า ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ โ ด ย ต้ อ ง

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 109

สรปุ เนื้อหาแนวทางปฏิบตั พิ ร้อมกาหนดขอบเขตรายละเอียดให้ชดั เจน
ว่าสถานการณ์ใดที่เรียกได้ว่าเป็นช่วง “เฝ้าระวัง ?” และสถานการณ์
ใดเป็นช่วง “สังเกตการณ์ ?” และเมื่อเกิดเหตุการณ์ตามท่ีได้ตกลง
และกาหนดนิยามไว้ตามข้างตันแล้วนั้นโรงแรมมวี ิธีการปฎบิ ัติในแต่ละ
ขั้นตอนอย่างไรบ้าง? ซ่ึงต้องมีการควบคุมให้ทุกฝ่ายจะต้องปฎิบัติ
ตามรายละเอียดในแต่ละข้ันตอนให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่าง
เครง่ ครัด เชน่

กรณีการเห็นสัญญาณของจานวนนักท่องเที่ยวในพ้ื นท่ีและ
แขกท่ีเดินทางเข้าพั กในโรงแรมเริ่มลดลงเร่ือยๆ โรงแรมมีการจัด
สถานการณ์นี้อยู่ในระยะ “เฝ้าระวัง” และมีการเก็บข้อมูลตลอดมาโดย
ที่บุคคลากรของโรงแรมทุกคนรับรู้และเข้าใจได้ในแนวทางเดียวกันว่า
สถานการณ์น้ีคอื ระยะ “เฝ้าระวงั ” ตามแนวทางปฎิบตั ขิ องโรงแรม

ซึ่งโรงแรมมีการกาหนดแนวทางการจัดการในข้ันตอนนี้โดย
การเริ่มหามาตรการการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เตรียมพร้อมไว้ เช่น
การวางแผนการเริ่มปิดบางชั้นของโรงแรมเพ่ื อประหยัดพลังงานและ
ตน้ ทุนดา้ นสาธารณปู โภค เป็นตน้

2. กาหนดคณะทางานเฉพาะของโรงแรมข้นึ มา

โดยการกาหนด Crisis Management Team ด้วยความ
ระมัดระวังและยึดหลักการ “เลือกคนให้ตรงกับงาน” Put the right
man on the right job เพื่ อใช้ในการบริหารจัดการโรงแรมในช่วง
วิ ก ฤ ต โ ด ย ก า ร Assign แ ผ น ก ต่ า ง ๆ ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง จั ด ตั้ ง เ ป็ น
“ทีมเฉพาะกิจ” เพ่ื อคอยติดตามและประเมินผลสถานการณ์น้ี
(คล้ายกับทีมผจญเพลิงในโรงแรม) และกาหนดหน้าท่ีและความ
รับผิดชอบและอานาจของแต่ละคนแต่ละตาแหน่งท่ีกาหนดขึ้นมา

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 110

ให้ชัดเจน กาหนดงบประมาณที่ใช้ และอ่ืนๆ ที่เก่ียวข้อง ซึ่งจะทาให้
การติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปญั หาเมอ่ื เกดิ เหตตุ า่ งๆ มีความ
ชัดเจนและรวดเร็วมากขึ้น โดยทีม Crisis Management น้ีต้อง
คอย Update รวมทั้งประเมินสถานการณ์จากข้อมูลท้ังภายใน
โรงแรมและภายนอกโรงแรมอย่างใกล้ชิด

ตั ว อ ย่ า ง ก ร ณี นี้ เ ช่ น ก า ร ก า ห น ด ใ ห้ ฝ่ า ย PR ห รื อ
ฝ่ า ย Marketing Communication เ ป็ น ห น่ึ ง ใ น Crisis
Management Team มีอานาจหนา้ ที่ในการสอื่ สารและประชาสมั พันธ์
เหตุการณ์และรายละเอียดต่างๆ ในหน้า Website และ Social
Media ของโรงแรม และการกาหนดให้ Housekeeping Manager
มีอานาจหน้าท่ีในการวางแผนการดูแลความสะอาดและสุขอนามัย
ตามขอ้ กาหนดของกระทรวงสาธารณสขุ เป็นตน้

3. ตรวจสอบแขกผู้เข้าพั กที่มาจากประเทศท่ีเป็นกลุ่มเส่ียงติดเช้ือ
ซึง่ ทางราชการเฝ้าระวังอยู่

การระบาดของ COVID-19 ก่อนหน้าที่จะเข้ามาในประเทศ
ไทยและกระจายเป็นวงกว้างมีการพบผู้ติดเช้ือในประเทศอื่นๆ ซ่ึงใน
บางประเทศมีการแพร่ระบาดอย่างหนักทาให้หน่วยงานราชการต้อง
ขึ้ น ท ะ เ บี ย น แ ล ะ จั ด ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ท่ี อ ยู่ ใ น ข่ า ย ท่ี ต้ อ ง เ ฝ้ า ร ะ วั ง แ ล ะ
สังเกตการณ์เป็นพิ เศษ กรณีน้ีแม้ทางราชการจะมีการคัดกรองตาม
มาตรการของหน่วยงานที่เก่ียวข้องแล้วก็ตามเพี ยงแต่ในความเป็น
จริงก็อาจเป็นไปได้ท่ีจะมีหลุดรอดการตรวจเช็คหรือแขกเจตนาไม่
บอกว่าตนมาจากประเทศกลมุ่ เสีย่ งกเ็ ปน็ ไปได้

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 111

กรณีน้ีเมื่อแขกเดินทางเข้ามาในโรงแรมอาจใช้การสอบถาม
โดยตรงตั้งแต่ตอน Check In หรือหากกลัวแขกไม่พอใจก็อาจใช้
การสังเกต Passport แขกที่มีตราประทับในเล่มดูก็ได้ว่าแขกไป
ประเทศใดมาบ้างนอกจากน้ีควรแจ้งแขกให้ทราบว่าหากแขกรู้สึกไม่
สบายหรือมีอาการป่วยท่ีเข้าข่ายให้ติดต่อโรงแรมทันทีโดยควรให้
เหตุผลว่าที่เราต้องทาแบบนี้เน่ืองด้วยเหตุใด? การปิดบังแขกโดยไม่
แจ้งบางคนอาจมองว่า "ไม่แจ้งเพราะจะทาให้แขกแตกต่ืนทาให้แขก
กลัวหรือไม่พอใจ" แต่ถ้าลองคิดอีกมุมการไม่บอกความจริงก็อาจ
ทาให้แขกคนอื่นๆ อาจตกอยู่ในภาวะท่ีเส่ียงและบางคนเสี่ยงถึงชีวิต
ไดเ้ ช่นกนั ถงึ ตอนนน้ั ถ้าต้องมานงั่ แก้ปญั หาเมอื่ เหตุเกิดแลว้ มันอาจไม่
ทันต่อเวลาและความสูญเสียอาจมากจนเราไม่สามารถชดเชยอะไรให้
แขกไดเ้ ลยกไ็ ด้

4. การปล่อยให้แขกหรือพนักงานท่ีมีอาการป่วยท่ีน่าสงสัยทางาน
และใช้บรกิ ารโรงแรมได้ตามปกติ

ในกรณีท่ีแขกมีอาการป่วยที่ประเมินแล้วว่าเข้าข่ายน่าสงสัย
เราควรระมัดระวังและหาแนวทางในการป้องกันไม่ให้แขกไปยังพ้ื นที่
อื่นๆ ของโรงแรมเพื่ อป้องกันการระบาดที่จะขยายวงกว้างออกไป
โดยเฉพาะพ้ื นที่สาธารณะ เช่น ห้องอาหาร สระว่ายน้า Lobby ฯลฯ
ทั ศ น ค ติ ห น่ึ ง ท่ี ค่ อ น ข้ า ง ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ส ถ า น ก า ร ณ์ น้ี คื อ
“กำรกลัวแขก Complain หำกไปห้ำมไม่ให้ใช้ส่ิงอำนวยควำมสะดวก
ต่ำงๆ ในโรงแรม” กรณีน้ีโรงแรมต้องคิดเสมอวา่ “ในด้ำนหนง่ึ แขกที่
ป่วยน้ันอำจพอใจที่ไม่มีใครรบกวนแต่ในอีกด้ำนหน่ึงโรงแรมกำลังทำ
ให้แขกอ่ืนเส่ียงไปด้วยที่อำจต้องติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว” จากการกลัวถกู
Complain ของโรงแรมถ้ากงั วลเร่ืองการไปสอบถามอาการจากแขก
ท่ีต้องสงสัยจะทาให้แขกไม่พอใจก็ควรนึกถึงแขกคนอื่นๆ ท่ีต้อง

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 112

เสี่ยงจากการใช้ Facilities ร่วมกับผู้ป่วยต้องสงสัยด้วยเช่นกัน
สถานการณ์แบบน้ีการจัดการข้ันเด็ดขาดแม้เป็นส่ิงท่ีธุรกิจบริการ
ตอ้ งหลีกเลีย่ งให้มากทส่ี ุดแต่กต็ ้องนามาใชใ้ นสถานการณน์ ี้

5. การทางานร่วมกันกับหน่วยงานราชการในส่วนของเจ้าหน้าท่ี
ควบคุมโรคเพ่ื อป้องกันและสกัดกน้ั การแพรร่ ะบาด

การทตี่ อ้ งทางานรว่ มกับเจา้ หน้าทีค่ วบคุมโรคในการสกัดการ
แพร่ระบาดทาให้เราต้องแจ้งแขกว่าในบางกรณีหากแขกป่วยและเข้า
ขา่ ยต้องสงสยั ว่าปว่ ยจาก COVID-19 เราจาเป็นท่จี ะต้องใหเ้ จ้าหน้าที่
เข้ามาตรวจเชค็ อาการแขกทโี่ รงแรมซ่ึงตอ้ งสร้างความเข้าใจตรงน้ใี ห้
แขกก่อนเพราะหากไม่แจ้งอาจทาให้แขกไม่พอใจและเกิดความกังวล
ได้ เราไม่ควรกังวลว่ากรณีท่ีเราแจ้งแขกต้ังแต่ตอน Check In ใน
ก ร ณี ที่ แ ข ก ส อ บ ถ า ม ห รื อ ก ร ณี ท่ี มี Information ต่ า ง ๆ จ า ก
หน่วยงานราชการที่แขกจาเป็นต้องรู้แล้วแขกเกิดความกลัวเพราะ
ดว้ ยสถานการณ์ปจั จุบันแขกยอ่ มทราบอยู่แล้วว่า COVID-19 ระบาด
ในข้ันไหนแขกบางคนก็เข้าใจแต่บางคนก็อาจไม่เข้าใจซึ่งเราก็ต้องหา
วิธีอธิบายให้แขกเข้าใจได้มากท่ีสุดเพราะทุกอย่างก็เพื่ อความ
ปลอดภยั ในชีวติ ของแขกเอง

6. จัดเตรียมอุปกรณ์ท่ีใช้ทาความสะอาดที่ได้มาตรฐานและพอเพี ยง
เพ่ื อปอ้ งกันการแพร่ระบาดในโรงแรม

ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ น้ี ย่ อ ม มี ค า แ น ะ น า จ า ก ท า ง ร า ช ก า ร ใ ห้ กั บ
ประชาชนในการปฎิบัติเพื่ อดูแลรักษาสุขภาพของตนเองสาหรับ
COVID-19 ทางราชการมีคาแนะนาในการใชอ้ ุปกรณ์และส่งิ ท่ีใช้ในการ
ดู แ ล ตั ว เ อ ง เ ช่ น เ จ ล แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ส า ห รั บ ล้า ง มื อ ผ้ า ปิ ด ปา ก

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 113

ปรอทวัดไข้ ซึ่งโรงแรมต้องทาการจัดเตรียมอย่างเร่งด่วนเพ่ื อ
ป้องกันปัญหาตั้งแต่แรกเร่ิมนอกจากน้ีและอาจกาหนดพ้ื นที่กักกัน
โรคไว้ในโรงแรมบางส่วนด้วยก็ได้ในกรณีท่ีหากโรงแรมพบแขกท่ีมี
อาการป่วยต้องสงสัยและต้องรอเจ้าหน้าท่ีมารับจะได้มีพ้ื นที่ในการรอ
คอยซึง่ จะทาให้โรงแรมดูแลจุดเสย่ี งได้ดยี ิ่งขนึ้

7. ทาความเข้าใจกับมาตรการจัดการผู้ป่วยท่ีเข้าข่ายเส่ียงของทาง
หนว่ ยงานราชการและนามากาหนดแนวทางปฎิบัตในโรงแรม

เพ่ื อป้องกันไม่ให้โรงแรมได้รับความเสียหายในการฝ่าฝืนและ
ไม่ปฎิบัติตามข้อกาหนดจากทางราชการ สาหรับขั้นตอนการทาความ
เข้าใจกับมาตรการจัดการผู้ป่วยท่ีเข้าข่ายเสี่ยงว่าเป็นผู้ติดเชื้อจาก
COVID-19 เราอาจต้องแจ้งแขกว่า "หากแขกมีอาการที่เข้าข่าย
เกี่ยวข้องกับ COVID-19" ให้รีบแจ้งทางโรงแรมทันทีเพ่ื อทาง
โรงแรมจะได้ติดต่อให้ทางราชการมารับตัวแขกไปตรวจรักษาอย่าง
ละเอียดอย่ากลัวว่าแขกจะมองวา่ "เรำรังเกียจและกล่ำวหำว่ำแขกเป็น
โรคระบำด" ถ้าเลือกท่ีจะไม่แจ้งแขกเพ่ื อทาให้แขกพอใจโรงแรมต้อง
คานึงถึงโทษที่จะได้รับตามกฏหมายด้วยเพราะหากปล่อยให้แขกท่ีมี
อาการเส่ียงว่าจะติดเช้ือและมีอาการต้องสงสัยยังปฏิบัติตนได้
ตามปกติในพื้ นท่ีสาธารณะของโรงแรมอาจเพิ่ มโอกาสการติดเชื้อให้
แขกและพนักงานคนอื่นๆ และเมื่อใดก็ตามท่ี พ.ร.บ. โรคติดต่อ
ประกาศใช้ในราชกิจานุเบกษาแล้ว (ราชกิจจานุเบกษา, ฉบับท่ี 3,
กุมภาพันธ์ 2563) โทษตาม พ.ร.บ. ท่ีเก่ียวข้องกับแขกและโรงแรมใน
กรณีนคี้ อื

- กรณพี บว่าตวั เองปว่ ยและเขา้ ข่ายตอ้ งสงสัยแลว้ ไมแ่ จง้
ใหห้ น่วยงานราชการทราบมโี ทษปรบั 2 หมน่ื บาท

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 114

- กรณีเจ้าของสถานประกอบการปกปดิ ขอ้ มลู ไมท่ าตาม
คาสั่งมโี ทษจาคุก 2 ปปี รบั 5 แสนบาท

8. แจง้ สายดว่ น 1422 ในกรณีเจอแขกทีต่ อ้ งสงสยั ตดิ เชอื้

โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ท่ีส่งผลกระทบ
ต่อประชาชนทางราชการจะมีช่องทางตรงในการติดต่อสื่อสารที่คอย
ให้ความรู้ ความเข้าใจและความช่วยเหลือให้กับประชาชน กรณีนี้ทาง
โ ร ง แ ร ม โ ด ย ผู้ เ กี่ ย ว ข้ อ ง ทั้ ง ห ม ด จ า เ ป็ น ที่ จ ะ ต้ อ ง ท ร า บ ช่ อ ง ท า ง
ดังกล่าวเพ่ื อประโยชน์ของแขกและประโยชน์ของโรงแรมเองสาหรับ
COVID-19 ทางราชการได้มีกาหนดหมายเลข 1422 โดยกรณีท่ีแขก
หรือพนักงานสงสัยว่าตนเองป่วยจากการได้รับเชื้อ COVID-19
ให้ทางโรงแรมรีบแจ้งสายด่วน 1422 ทันที (แจ้งได้ท่ัวประเทศฟรี)
จากนั้นเจ้าหน้าท่ีจะประสานผู้เกี่ยวข้องจัดทีมควบคุมโรคมารับตัว
ไ ป รั ก ษ า ต่ อ แ ล ะ แ น่ น อ น ว่ า โ ร ง แ ร ม จ า เ ป็ น ที่ จ ะ ต้ อ ง ใ ห้ แ ข ก อ ยู่ ใ น
พ้ืนทีจ่ ากดั ก่อน

9. การจากัดพื้ นท่ีเฉพาะให้แขกหรอื พนักงานท่ตี ้องสงสยั ว่ามีอาการ
เข้าข่ายติดเชอ้ื COVID-19

หากแขกหรือพนักงานแจ้งอาการป่วยด้วยตนเองและสงสัย
ว่าจะติดเช้ือ COVID-19 กับทางโรงแรม กรณีน้ีทางโรงแรมควร
จากัดพื้ นที่เฉพาะให้แขกหรือพนักงานอยู่เป็นสัดส่วนก่อนที่เจ้าหน้าท่ี
จะมารับตวั ไปตรวจรกั ษา เชน่ การใหแ้ ขกอยูเ่ ฉพาะในหอ้ งพักเมื่อแขก
มีอาการป่วยท่ีเข้าข่ายเสี่ยง การให้พนักงานท่ีมอี าการป่วยตอ้ งสงสัย
อยู่ในพ้ืนท่ีส่วนหนึ่งของห้องประชุมเล็กหรือจัด Zone หนึ่งของส่วน
Facilities อื่นๆ ของโรงแรมไว้เพ่ื อกักตัวก็ได้และหลังจากที่แขก

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 115

ออกจากสถานที่เฉพาะแล้วควรมีมาตรการในการทาความสะอาด
พื้นที่น้นั ในลักษณะ Deep Clean หรือขอคาปรกึ ษาจากเจ้าหน้าทกี่ รม
ควบคุมโรคด้วยกไ็ ด้ว่าควรจัดการกับพื้นทดี่ งั กล่าวอย่างไร? ใช้น้ายา
ฆา่ เชือ้ ชนิดใด? และต้องท้งิ ระยะเวลาไว้กว่ี นั ?

นอกจากน้ีเมื่อมีการกาหนดพ้ื นท่ีเฉพาะในลักษณะนี้แล้วการ
ดูแลระมัดระวังไม่ให้บุคคลากรของโรงแรมหรือแขกเข้าไปยังพื้ นที่น้ี
เป็นอีกเร่ืองหน่ึงท่ีโรงแรมต้องหามาตรการป้องกันและรับมือในกรณี
ทีเ่ กดิ ความผิดพลาดและมคี นเขา้ ไป

10. กาหนดแนวทางการปฏิบตั สิ าหรบั กลุม่ Super Spreader

“Super Spreader” คือกลุ่มผู้ติดเชื้อที่สามารถแพร่เชื้อ
ได้มากว่าค่าเฉลี่ยที่ 10-20 คน สาเหตุหน่ึงที่ต้องมีการรีบจากัด
บริเวณของแขกหรือพนักงานที่มีอาการป่วยต้องสงสัยเพราะการ
ป ล่ อ ย ใ ห้ แ ข ก ห รื อ พ นั ก ง า น ที่ ป่ ว ย ห รื อ ต้ อ ง ส ง สั ย ว่ า จ ะ ป่ ว ย จ า ก
COVID-19 ปฏิบัติตนในทางท่ีสุ่มเสี่ยงที่จะทาให้แขกคนอ่ืนๆ และ
พนักงานคนอ่ืนๆ ติดเช้ืออาจทาให้โรงแรมเส่ียงต่อการถูกถูกส่ังปิด
กจิ การได้เพราะตามสาระสาคัญใน พ.ร.บ. โรคตดิ ตอ่ อันตรายระบุไวว้ า่

"กรณีเร่งด่วนให้ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดหรือกรุงเทพมหำนคร
โดยควำมเห็นชอบของคณะกรรมกำรโรคติดต่อจังห วัดหรือ
กรุงเทพมหำนครมีอำนำจส่ังปิดสถำนประกอบกำรได้เป็นกำรช่ัวครำว
และใหผ้ ู้ทีเ่ ปน็ หรอื มเี หตอุ ันควรหยดุ ประกอบอำชพี "

ซึ่ ง ก ร ณี นี้ อ า จ จ ะ ท า ใ ห้ ค ว า ม เ สี ย ห า ย ต่ อ โ ร ง แ ร ม ข ย า ย ว ง
กว้างข้ึนไปอีกและโรงแรมจะกลายเป็นสถานที่แพร่ระบาดส่งผลต่อ
ความเชื่อมัน่ ของโรงแรมในอนาคต

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 116

11. หมัน่ สงั เกตและติดตามอาการของแขกและพนกั งาน
หม่ันสังเกตอาการแขกและพนักงานของโรงแรมและคอย

ติดตามอาการแขกและพนักงานที่เป็นกลุ่มที่เส่ียงต่อการติดเช้ืออยู่
เสมอกรณีท่ีพบพนักงานป่วยและเข้าข่ายเฝ้าระวังควรแจ้งหน่วยงาน
รัฐและใหพ้ นกั งานหยดุ ปฏบิ ตั งิ านทันที

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 117

“บันทึกเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” เพิ่มเติมที่เฮียได้เคยมี

ก า ร Post ไ ว้ ใ น Page “Hotel Man ย อ ด ม นุ ษ ย์ โ ร ง แ ร ม ”
มี ร า ย ล ะ เ อี ย ด ใ ห้ เ ร า ไ ด้ น า ไ ป เ ก็ บ ไ ว้ เ ป็ น ก ร ณี ศึ ก ษ า ดั ง นี้
(24 มนี าคม 2563)

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี 2548 จะถูกนามาใช้
อีกครั้งในวันท่ี 26 มีนาคม 2563 เฮียเองเคยมีประสบการณ์ในการ
ทางานช่วงท่ี พ.ร.ก.ลักษณะนี้เคยถูกประกาศใช้มาแล้วคร้ังหน่ึง
ในปี 2553 วันนี้เฮียจึงอยากมาแบ่งปันแนวทางการบริหารจัดการ
โรงแรมในช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก. 2563 ซ่ึงเป็นอีกเร่ืองท่ีเฮียคิดว่า
สามารถช่วยพวกเราได้บ้างไม่มากก็น้อย "เราจะผ่านมันไปด้วยกัน"
โดยมี Motto จากผู้ประกอบการและฝา่ ยอืน่ ๆ ท่ีต้องทาใจยอมรับการ
จัดการข้ันเด็ดขาดกับสถานการณ์หลังประกาศใช้ว่า “เจ็บแต่จบ”

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 118

ซ่ึงเป็นไปตามความคาดหวังของหลายๆ ฝ่ายที่ต้องการให้
รัฐบาลใช้มาตรการเด็ดขาดในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 ท่ีไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงแต่นับวันการติดเชื้อย่ิงเพิ่ ม
มากข้ึนซึ่งในฐานะทธี่ ุรกจิ โรงแรมเป็นอีกหนึ่งธุรกิจท่ีเกีย่ วข้องกับการ
ประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ทาให้ผู้ประกอบการและบุคคลากรหลายๆ
คนเกิดความกังวลและสงสัยว่าจะบริหารจัดการโรงแรมในช่วงท่ี
พ.ร.ก.ฯ น้ีมีผลบังคับใช้อย่างไร? ในกรณีที่โรงแรมต้องการเปิด
ดาเนินการต่อไปในช่วงที่ประกาศใช้หรือในช่วงท่ีทางราชการยังไม่มี
คาส่ังให้โรงแรม “ปิดให้บริการ” สถานประกอบการโรงแรมต้อง
ปฏิบัติอย่างไรบ้าง? วันน้ี (24 มีนาคม 2563) เฮียเลยมีแนวทางการ
บริหารจัดการในช่วงที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกาศใช้มาให้เป็นแนวทางใน
การเตรียมตัวสาหรับการบริหารจัดการโรงแรมในช่วงดังกล่าวกัน

**สิ่งสาคัญที่สุด** ลาดับแรกของการวางแผนการบริหารจัดการ

โรงแรมในช่วงน้ีคือ “ต้องศึกษาเนื้อหาสาระสาคัญของ พ.ร.ก.ฯ
ที่ประกาศ” อย่างละเอียดถ่ีถ้วนก่อนว่ามีสาระสาคัญอย่างไรบ้าง
แล้วค่อยวางแผนเป็นข้อๆ ไปเพื่ อป้องกันการสับสนในการวาง
นโยบายและเพื่ อช่วยให้เราวางแผนได้เป็นข้ันตอนมากขึ้นง่ายต่อ
การปฏิบัติ สาหรับสาระสาคัญของ พ.ร .ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ที่ ป ร ะ ก า ศ ใ ช้ ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ นี้ มี ทั้ ง ห ม ด 6 ข้ อ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย

1. ห้ามออกจากเคหสถานในระยะเวลาท่ีกาหนด

ยกเว้นแต่ได้รับอนุญาต กรณีนี้เราสามารถอ้างอิงจากแนวทางการ
ปฏิบัตในอดีต เช่น ในช่วงวิกฤตทางการเมืองปี 2553 ท่ี ศอฉ.
ประกาศห้าม มิให้บุคคลใดในเขตพ้ื นท่ี กทม.และพ้ื นที่ประกาศ
สถานการณ์สถานการณฉ์ ุกเฉินทีม่ คี วามร้ายแรงทวั่ ประเทศ ออกนอก
เคหะสถานในชว่ งเวลาท่ีกาหนดแนน่ อนว่ารายละเอยี ดนย้ี ่อมกระทบกบั

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 119

แขกและพนักงานของโรงแรมอย่างแน่นอนซึ่งโรงแรมมีวิธีปฏิบัติ
ในชว่ งเวลานน้ั ซึ่งสามารถนามาปรบั ใช้ในการประกาศครั้งน้ไี ด้คือ

• พนักงานที่ปฏิบัติงาน สาหรับรอบที่ได้รับผลกระทบมากทส่ี ดุ คือ
“รอบบ่าย” (Afternoon Shift) ท่ีตามปกติแล้วจะเลิกงานกลับ
บ้านในช่วง 5 ทุ่ม – เท่ียงคืน ซ่ึงเป็นช่วงเวลาท่ีทางราชการ
ประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน กรณีนี้โรงแรมจะมีการดูแล
พนักงานโดยอนุญาตให้นอนพั กที่โรงแรมได้หลังออกกะแล้ว
ค่อยเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นหลัง 06.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่
ทางราชการอนญุ าตให้เดินทางออกนอกเคหสถานได้

กรณีน้ีถือเป็นการบริหารจัดการบุคคลากรและเป็นการ
ปฏิบัติตามมาตรการของทางราชการและสาหรับพนักงานรอบ
ดึก (Night Shift) จาเป็นเช่นกันที่จะต้องมีการปรับตัวโดย
โรงแรมอาจมีการวางแผนและขอความร่วมมือให้พนักงานรอบ
ดกึ เดินทางมาทางานกอ่ นเวลาจากปกติแลว้ รอบดกึ จะเข้ากะชว่ ง
ประมาณ 22.00 – 23.00 น. ซึ่งชั่วโมงท่ีมาก่อนเวลางานซึ่ง
ควรเป็นเวลาก่อนที่ห้ามออกนอกเคหสถาน ซึ่งถ้าพนักงานมา
กอ่ นเวลาแลว้ ให้ทางานเลยโรงแรมอาจพิจารณาใหเ้ ป็น OT หรอื
วันหยุดเพ่ิ มก็ได้หรือกรณีนี้แล้วแต่โรงแรมจะพิ จารณาตาม
สมควรหรือถ้าให้รอบดึกมาก่อนและรอเข้างานตามเวลาปกติ
อาจจัดทพี่ ักไวใ้ ห้พนกั งานรอบดกึ มาพักผอ่ นเพ่ือรอเข้างานกอ่ น
กไ็ ด้

• แขกผู้เข้าพั ก ทางโรงแรมต้องมีการแจ้งให้แขกทราบถึง
สถานการณ์การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและแจ้งแขก ว่า
“ห้ำมแขกออกนอกบริเวณโรงแรม” เนื่องด้วยการประกาศใช้
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งตรงน้ีหากโรงแรมรับรู้ก่อนล่วงหน้าว่าจะมีการ

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 120

ป ร ะ ก า ศ เ ค อ ร์ ฟ ิว ส์ ห้ า ม อ อ ก น อ ก เ ค ห ส ถ า น โ ร ง แ ร ม จ า เ ป็ น ที่
จะต้องรีบเชค็ “ข้อเท็จจริงของขา่ วและแหล่งท่มี าใหช้ ัดเจน” และ
รีบแจ้งแขกทันทีอาจจะเป็นการแจ้งแบบ face to face โดยจัด
ให้มีพนักงานคอยทางานเชิงรุกในลักษณะของการเดินไปแจ้ง
แขกทุกคนท่ีอยู่บริเวณ Lobby หรือแขกท่ีลงมาติดต่อท่ี
Counter Front Desk และใช้การส่งจดหมายแจ้งแขกไปยัง
ห้องพั ก มีการทาป้ายประกาศเตือนติดในลิฟท์ ล็อบบี้และ
ทางเข้าออกโรงแรมเพ่ื อให้แขกได้เตรียมตัวล่วงหน้าและลดการ
ตื่นตระหนกลงได้สังเกตว่าเฮียจะเน้นคาว่า “เช็คข้อเท็จจริงและ
แหล่งที่มาของข่าว” ก่อนนะครบั เพื่อปอ้ งกนั ขา่ วลวงหรอื ขอ้ มลู
เท็จทจ่ี ะทาใหแ้ ขกแตกต่นื ได้

• จัดเตรียมบริการต่างๆ เพื่ อรองรับความต้องการของแขกให้
พร้อมเน่ืองจากแขกจะไม่สามารถออกไปนอกโรงแรมได้ตาม
เวลาท่ีกาหนดทาให้ในบางครั้งแขกจาเป็นท่ีจะต้องใช้บริการของ
โรงแรมซึ่งอาจทาให้บริการบางอย่างมีความต้องการใช้งานมาก
ข้ึน เช่น Room Service, หรือ In room movie โดยต้องมี
ก า ร ว า ง แ ผ น ด้ า น ก า ลั ง ค น วั ต ถุ ดิ บ ร ะ บ บ ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง
ใหเ้ หมาะสมกบั การคาดการณ์

2. ห้ามชุมนุมหรือม่ัวสุมกัน กรณีนี้ทางโรงแรมอาจ

ต้องเพิ่ มความระมัดระวังในเรื่องของพื้ นท่ีส่วนกลางของโรงแรม
ไ ม่ ใ ห้ มี ก า ร ร ว ม ตั ว ข อ ง แ ข ก ม า ก เ กิ น ไ ป จ น สุ่ ม เ สี่ ย ง ต่ อ ก า ร ฝ่ า ฝื น
กฎระเบียบของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โรงแรมควรงดกจิ กรรมและงานรื่นเริง
ต่างๆ ท่ีมีช่วงเวลาคาบเก่ียวกับการสั่งห้ามตาม พ.ร.ก.ฯ ออกไปก่อน
เพ่ือป้องกันการถูกตคี วามว่าเป็นการชมุ นมุ หรือมัว่ สุมกัน

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 121

โดยเฉพาะโรงแรมที่มรี ้านอาหารติดรมิ ถนนหรือตดิ ริมชายหาดควรปิด
การใหบ้ รกิ ารทันทีเพื่อลดความเสย่ี งในการฝ่าฝนื กฎ

3. ห้ามเสนอข่าวในหนังสือ หรือส่ิงอื่นใดท่ีทาให้เกิด

ความหวาดกลัวหรือบิดเบอื นขอ้ เท็จจรงิ กรณีน้ีจะมงุ่ เน้นไปท่ีตัวของ
พนักงานโรงแรมเป็นหลักท่ีไม่ควรให้รายละเอียดใดๆ ท่ียังไม่ได้รับ
การยืนยันหรือไม่มีแหล่งอ้างอิงท่ีเช่ือถือได้กับแขกรวมท้ังพนักงาน
ด้ ว ย กั น ก็ ต า ม เ ป็ น เ ด็ ด ข า ด เ พ ร า ะ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ม นุ ษ ย์
หากได้รับสารแล้วจะเกิดการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งหากเรื่องท่ี
แจ้งแขกเป็นเร่ืองไม่จริงอาจทาให้เกิดความโกลาหลได้ ผู้บริหารควร
จัดตั้ง Single Command ในการจัดการกลั่นกรองข้อเท็จจริง
ของข่าวสารก่อนที่จะมอบหมายให้พนักงานแจ้งกับแขกหรือพนักงาน
ด้วยกันเอง เช่น ตงั้ กรุ๊ปไลน์เก่ยี วกับสถานการณน์ ี้แยกออกมากเพ่ือ
ก ลั่ น ก ร อ ง ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง ข อ ง ข่ า ว ส า ร ก่ อ น ปิ ด ป ร ะ ก า ศ เ ป็ น ต้ น

4. หา้ มใช้เสน้ ทางคมนาคม ยานพาหนะหรือกาหนดตาม

เงื่อนไข ส่ิงท่ีสาคัญในข้อนี้คือเรื่องของการเดินทางของแขกที่ต้อง
Check in หรือ Check out แล้วเป็นช่วงท่ีอยู่ในกาหนดการห้าม
เดินทางสิ่งท่ีโรงแรมต้องจัดการคือการแจ้งแขกถึงสถานการณ์ที่
เกดิ ข้ึนจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉกุ เฉนิ ตั้งแตแ่ ขกยงั ไมเ่ ดนิ ทางมาท่ี
โรงแรมหากมีช่องทางการติดต่อ เฮียยกตัวอย่างเคสหน่ึงที่เฮียเคย
Deal คือ “แขกมีกำหนดเดินทำงมำในวันท่ีประกำศเคอร์ฟวิ ส์
เฮียเลยส่ง E-mail ไปแจ้งแขกก่อนล่วงหน้ำ เมื่อแขกรับทรำบ
แล้วแขกจึงมีกำรวำงแผนว่ำตอนแขกมำถึงสนำมบินสุวรรณ
ภูมิแขกจึงพั กที่กรุงเทพก่อน 1 คนื ก่อนเดินทำงมำพั ทยำ”

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 122

นอกจากเราจะแจ้งรายละเอียให้แขกแล้วเราควรเสนอทาง
ช่วยเหลือให้กับแขกด้วย เช่น กรณีท่ีแขกต้องการ Check Out
ในช่วงเวลาที่ห้ามเดินทางโรงแรมสามารถแจ้งแขกให้ Check Out
ก่อนกาหนดได้เพ่ือหลีกเล่ียงระยะเวลาดงั กลา่ ว เปน็ ตน้

5. ห้ามใช้อาคาร หรือเข้าไปอยู่ในสถานที่ใดๆ กรณีนี้หาก

อ้างอิงจากเหตุการณ์ก่อนหน้าของประกาศ ศอฉ. ในปี 2553 กรณีน้ี
อนุญาตให้โรงแรมเปิดทาการได้ไม่ต้องปิดให้บริการเพี ยงแต่ต้อง
ควบคุมไม่ให้แขกหรือพนักงานออกมาจากโรงแรมหลังเวลาประกาศ
ห้ามออกจากเคหสถานฯ แต่ในกรณีที่จะประกาศใชใ้ นวันท่ี 26 มีนาคม
2563 นี้ อ า จ ต้ อ ง ร อ ดู ใ น ร า ย ล ะ เ อี ย ด ป ร ะ ก า ศ อี ก ค รั้ ง ว่ า
โ ร ง แ ร ม จ า เ ป็ น ต้ อ ง ปิ ด ก า ร ใ ห้ บ ริ ก า ร ด้ ว ย ห รื อ ไ ม่ ?
ถ้าจาเป็นต้องปิดบริการโรงแรมก็ต้องดาเนินการตามมาตรการรัฐ
โดยปิดการให้บริการก็เป็นอันเสร็จสิ้นแต่ถ้าอนุญาตให้เปิดได้ก็ต้อง
วางแผนในการปฏิบัตตามข้อ 1 - 4 ต่อไปว่าจะดาเนินการอย่างไร

6. ให้อพยพประชาชนออกจากพ้ื นท่ี ที่กาหนดเพื่ อ

ความปลอดภัย กรณีนี้ส่วนใหญ่จะมองในเรื่องของการเกิดความ
โกลาหลจากเหตุรุนแรงจนต้องอพยพแขกออกจากโรงแรมหรือพ้ื นท่ี
เพราะตอ้ งยอมรับวา่ โดยท่ัวไปแลว้ การประกาศมาตรการ “เคอร์ฟวิ ส์”
ผู้คนจะเข้าใจว่าสถานการณ์เข้าข้ันรุนแรงเข้าข่ายไปทางการก่อการ
ร้ายหรือสงครามเป็นหลัก แต่กรณีของ COVID-19 นี้ แตกต่าง
ออกไปเพราะเป็นการประกาศเพื่ อเป้าหมายในการควบคุมการแพร่
ระบาดเป็นหลักซึ่งกรณีเลวร้ายสดุ จนต้องอพยพจะเป็นการท่ีโรงแรม
พ บ ผู้ ป่ ว ย แ บ บ “ Super Spreader” แ ล ะ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ค ว บ คุ ม
สถานการณไ์ ด้

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 123

มาตรการนี้ทางโรงแรมควรจะต้องวางแผนร่วมกับทาง
ภาครัฐโดยทางโรงแรมสามารถเตรียมการได้ด้วยการติดต่อฝ่าย
ปกครองในพื้ นที่ สาธารณสุขจังหวัดหรือกรมควบคุมโรคและหารือ
ถึงมาตรการในการอพยพเน่ืองจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในสถานการณ์
COVID-19 น้ีเป็นเร่ืองของการระบาดและการติดต่อของไวรัสที่เป็น
อันตรายต่อคนหมมู่ ากการเคล่อื นย้ายตอ้ งทาอย่างระมดั ระวัง

ดังนั้นหากเกิดเหตุสุดวิสัยท่ีโรงแรมกลายเป็นพ้ื นท่ีซ่ึงทาง
ราชการต้องอพยพประชาชนออกจากพื้ นท่ีเพ่ื อความปลอดภัยทาง
โ ร ง แ ร ม ต้ อ ง มี แ ผ น ใ น ก า ร อ พ ย พ ร่ ว ม กั บ ท า ง ฝ่ า ย ป ก ค ร อ ง ห รื อ
หน่วยงานราชการในพื้ นท่ีเพราะมีเรื่องระบบสาธารณสุขในการ
เคล่อื นยา้ ยเขา้ มาเกยี่ วข้องซึง่ แตกต่างจากเหตอุ ่นื ๆ ทโ่ี รงแรมค้นุ เคย
เช่น กรณไี ฟไหม้

ท้ั ง นี้ โ ร ง แ ร ม ส า ม า ร ถ เ ต รี ย ม ค ว า ม พ ร้ อ ม ใ น ส่ ว น ข อ ง ก า ร
จั ด เ ต รี ย ม วิ ธี ก า ร อ พ ย พ แ ข ก อ อ ก จ า ก โ ร ง แ ร ม โ ด ย ไ ม่ ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม
โก ลาห ลแ ละวิ ธี ก า รจั ด เ ต รี ยม รา ยชื่ อ แ ข ก expect arrival, in
house guest, expect departure. ลักษณะเดียวกับการอพยพ
หนีไฟเพ่ื อให้ง่ายต่อการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลและการตรวจนับ
จานวนผู้อพยพและส่ิงที่สาคัญอีกอย่างหนึ่งคือ “การกักบริเวณ”
ในกรณีท่ีมีการพบผู้ติดเช้ือก่อนที่จะอพยพแขกออกมาจากโรงแรม
ซึ่งไมค่ วรปล่อยใหแ้ ขกออกมาจากโรงแรมโดยท่ีปราศจากการควบคุม
จ า ก ผู้ เ ช่ี ย ว ช า ญ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข เ พ ร า ะ อ า จ ท า ใ ห้
พ้ื นที่รอบๆ โรงแรมกลายเป็นการแพร่เชื้อท่ีขยายวงกว้างไปได้

ท้ังนี้เราต้องหม่ันศึกษารายละเอียดต่างๆ ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ที่จะประกาศใช้ในวันที่ 26 มีนาคม 2563 อีกครั้งว่าในรายละเอียด
ของสาระสาคญั ท้ัง 6 ข้อน้ีมอี ะไรบา้ งเพราะในการประกาศใช้แตล่ ะครงั้

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 124

จะมีวัตถุประสงค์และรายละเอียดไม่เหมือนกันเหมือนครั้งน้ีท่ีเน้นใน
เร่ืองของการประกาศใช้เพื่ อยับยั้งจานวนผู้ป่วย COVID-19 ซ่ึง
แตกต่างจากปี 2553 ที่ประกาศใช้เพื่ อรักษาความสงบถึงอย่างไรก็
ตามในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสและโอกาสที่ว่าในครั้งนี้คือการเรียนรู้อีก
กระบวนการหนึ่งท่ีต้องนาไปเป็น S.O.P. เพ่ื อเตรียมความพร้อมใน
กรณที ีว่ ิกฤตนี้เกดิ ขึน้ อกี ครั้งในอนาคต...

ท้งั หมดนี้คอื บนั ทึกเกี่ยวกบั แนวทำงกำรปรับ
นโยบำยของโรงแรมใหส้ อดคล้องกับ
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 125

ความกังวลในการให้บริการแขก ที่มาจากกลุ่มประเทศที่

จัดเป็นพ้ื นท่ีเส่ียงเป็นอีกเรื่องราวหน่ึงที่ถูกบันทึกไว้ในเพจ Hotel
Man เนือ่ งจากหลงั การระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย

หลังจากท่ีกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประกาศประเทศท่ี
เป็นกลุ่มเส่ียงเพ่ิ มเติมอีก 2 ประเทศ คือ เยอรมัน และฝร่ังเศส รวม
เป็น 11 ประเทศ (8 ประเทศ+3 เขตปกครองพิ เศษ) จากเดิมที่มี
ประเทศกลุ่มเสี่ยง 9 ประเทศ (6 ประเทศ+3 เขตปกครองพิ เศษ) คือ
จีน, ฮ่องกง, มาเก๊า, ไต้หวัน, สิงคโปร์ ,ญ่ีปุ่น, เกาหลีใต้, อิตาลี และ
อิหร่าน (นพ.สุขุม กาญจนพิมาย, มีนาคม 2563) โดยมีวัตถปุ ระสงค์
เพื่ อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในการตรวจสอบและเฝ้าระวัง
สังเกตอาการแขกท่ีมาจากกลุ่มประเทศดังกล่าวเป็นพิ เศษเพราะใน
ขณะน้ันกลุ่มประเทศเหล่านี้มีสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ใน
ประเทศจานวนมาก

ด้วยเหตุน้ีในส่วนของโรงแรมซ่ึงในระยะแรกที่ยังไม่มีการ
ประกาศปดิ นา่ นฟา้ ไทยยังคงมีแขกจากกลมุ่ ประเทศเหล่านเี้ ดินทางเข้า
มาตามปกติผ่านมาตรการคัดกรองจากทางราชการ

แต่ด้วยความที่ในขณะนั้นความรู้เกี่ยวกับ COVID-19 ว่า
เป็นโรคท่ีติดต่อง่ายและในบางเคสสามารถเป็นอันตรายได้ถึงชีวิตทา
ให้พนักงานโรงแรมท่ีต้องปฎิบัติงานในโรงแรมที่ยังเปิดดาเนินการมี
ความกังวลในการให้บริการแขกจากประเทศดังกล่าว

ความคิดเห็นแตกเป็นสองฝา่ ยคอื “ฝำ่ ยท่ีมองว่ำงำนโรงแรม
คืองำนบริกำรไม่ควรเก่ียงงำนและรังเกียจแขก” กับอีกฝ่ายคือ
“ฝ่ำยที่มองว่ำควำมปลอดภัยของตนเองคือส่ิงท่ีควรให้ควำมสนใจ
เช่นกันเพรำะถ้ำเป็นอะไรข้ึนมำอำจไม่มีใครรับผิดชอบชีวิตของตนเอง
ได้” ด้วยเหตุนี้ฝ่ายบริหารโรงแรมจึงต้องทาการวางแผนการในการ

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 126

ใ ห้ บ ริ ก า ร แ ข ก ใ น ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ดั ง ก ล่ า ว พ ร้ อ ม กั บ ก า ร บ ริ ห า ร
ความสัมพั นธ์ ความเข้าใจและการดูแลรักษาความปลอดภัยของ
ตนเองให้กับพนักงานด้วยเช่นกัน สาหรับบันทึกเร่ืองดังกล่าวที่พู ด
ถงึ กันในเพจจะเป็นแนวทางดังนี้

บันทึกเก่ียวกับการให้บริการ “ประเทศกลุ่มเสี่ยง
จาก COVID-19” ทีเ่ ฮียเคยนามาพู ดคยุ กนั ในเพจคอื โพสต์

ทดลองสร้าง “Worst Case Scenario” ให้กับโรงแรม
วันนี้วันที่ 5 มีนาคม 2563 เฮียเขียนแบบน้ีเพ่ือบันทึกไว้เป็นเร่ืองราว
ว่าวันนี้ในปีนี้เราเจอกับอีกวิกฤตท่ีทาให้เกิดผลกระทบกับพวกเราชาว
โรงแรมและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากและเป็นอีกครั้งท่ีเราต้อง
ร่วมมือร่วมใจกันหาทางป้องกันและบริหารจัดการโรงแรมในสภาวะท่ี
เรียกไดว้ า่ “ผู้คนตกอยูใ่ นความตื่นตระหนก”

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 127

เน่ืองจากยุคปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารมากมายให้บริโภคจริง
บ้างเท็จบ้างเพราะข้อมูลบางอย่างออกมาโดยปราศจากการรับรอง
จากหน่วยงานใดๆ และผลกระทบจากความต่ืนตระหนกและอาจจะ
รวมถึงความกังวลในความปลอดภัยของตนเองนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
ที่จะเกิดภาวะหนึ่งในหมู่นักท่องเท่ียวคือ “กำรหยุดเอำตัวเองไปอยู่ใน
ท่ีเสียง” การงดการเดินทางจึงเป็นสิ่งท่ีถูกนามาใช้ป้องกันตัวเองซึ่ง
โ ร ง แ ร ม เ อ ง ก็ ถื อ เ ป็ น อี ก ส ถ า น ท่ี ๆ ถู ก ม อ ง ว่ า มี ค ว า ม เ สี่ ย ง
ห า ก ต้ อ ง ไ ป พั ก ห รื อ ใ ช้ Facilities ร่ ว ม กั บ ค น อื่ น ๆ ท า ใ ห้ เ กิ ด
ยอดการยกเลิกการจองอย่างมหาศาลแ ละตลาดนักท่องเท่ียว
ภายในประเทศเองกเ็ กดิ การหยุดเดนิ ทางดว้ ยเชน่ กนั

แต่สิ่งท่ีเฮียโดนถามมามากในฐานะผู้ทาเพจด้านการโรงแรม
และการท่องเที่ยวที่พอมีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมประกอบ
กับการค้นคว้าเรียนรู้ด้วยตนเองคาถามน้ันคือ “โรงแรมจะรับแขก
ท่ีมำจำกประเทศกลุ่มเส่ียงที่เกิดกำรระบำดของไวรัส COVID-19
ดไี หม?”

บางโรงแรมมีความกังวลและไม่อยากจะรับแต่ปรากฏว่า
“ แ ข ก จ อ ง ห้ อ ง พั ก ผ่ า น OTA เ ข้ า ม า แ ล้ ว จ ะ ท า ยั ง ไ ง ดี ? ”
ซึ่งคาตอบของสองคาถามสาคัญที่เฮียให้ไปคือพยายามบอกให้พวก
เขาใจเย็นๆ ก่อนต้ังสติและคิดให้รอบด้านเพราะเฮียไม่สามารถ
ตดั สินใจแทนใครได้เนอ่ื งจากไม่ได้มีส่วนได้สว่ นเสยี ในโรงแรม

ถ้าเฮียบอกว่า “โรงแรมไม่ควรรับ” แล้วคาแนะนานี้เกิดไปทา
ให้โรงแรมเสียรายได้ที่ควรจะได้เฮียไม่ใช่คนท่ีเสียหายแต่เป็นโรงแรม
ดังน้ันการตัดสินใจตัองข้ึนอยู่กับทางโรงแรมเองสาหรับเฮียเองขอ
เลือกท่ีจะให้คาแนะนาเพ่ื อให้แต่ละคนได้นาไปพิ จารณาแทนโดยจะใช้
การให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจของแต่ละคนมากกว่า ซึ่งจาก
ค า ถ า ม ส า คั ญ น้ั น ร า ย ล ะ เ อี ย ด ใ น เ ห ตุ ผ ล ที่ เ ฮี ย ใ ห้ ป ร ะ ก อ บ มี ดั ง นี้

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 128

1. เราต้องคิดถึงผลได้ผลเสีย ว่าถ้าโรงแรมรับแขกกลุ่มนี้
เข้ามาแล้วจะได้อะไร? หรือเสียอะไร? การรับแขกเข้ามาแน่นอนว่า
โรงแรมมีรายได้โดยเฉพาะช่วงเวลาท่ียากลาบากเช่นน้ีการมีรายได้เข้า
มาในโรงแรมถือเป็นเร่ืองที่ผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจเป็นพิ เศษ
เพราะเมื่อรายจ่ายท่ีเป็น Fixed Cost ยังต้องจ่ายทุกเดือนในขณะท่ี
รายได้เร่ิมลดลงมันคงไม่มีประโยชน์ถ้าให้โรงแรมปล่อยว่างไปเร่ือยๆ
แต่อีกนัยหน่ึงสาหรับสถานการณ์ที่ “ไม่ปกติ” เช่นน้ีเราต้องคิดถึง
ผลเสียด้วยว่า “ถา้ เรารับแขกมา Worst Case ที่เราจะเจอคืออะไร?”

เ ค ร่ื อ ง มื อ ห นึ่ ง ที่ เ ฮี ย อ ย า ก ใ ห้ ล อ ง ท า ดู คื อ ก า ร ท า
“Worst Case Scenario” ว่าในกรณีเลวร้ายที่สุดถ้าเรารับแขก
กลุ่มน้ีมามันจะเกิดอะไรขึ้นและท่ีสาคัญต้องกาหนดวิธีการปฏิบัติใน
Scenario ด้วยว่า “เราจะแก้ไขยังไง? มีวิธีการอะไร? เริ่มต้นและ
จบแบบไหน” ทาเป็นภาพออกมาเพื่ อเวลาท่ีมันเกิดเหตุเลวร้ายข้ีนเรา
จะได้หยิบเอาแนวทางนี้มาใช้ได้ทันที

ทดลองทาเป็นแผนภาพแต่ละขั้นตอนว่า “ถ้าพบแขกติดเชื้อ
ในโรงแรมเราเราจะทายังไง? เริ่มต้นแบบไหน?” ทาเป็นลาดับข้ันตอน
1 2 3 4 ออกมาและท่ีสาคัญทุกอย่างที่ทา “ต้องสามารถวัดผลได้ว่า”
มีประสิทธิภาพ เช่น เม่ือพบแขกติดเชื้อบริเวณที่เราใช้ในการกักตัว
แขกเพื่ อไม่ให้เช้ือหลุดรอดไปกระจายยังส่วนอื่นของโรงแรมป้องกัน
ไ ด้ ม า ก แ ค่ ไ ห น ? ถ้ า เ กิ ด มี ก า ร ติ ด เ ช้ื อ เ พ่ิ ม ข้ึ น จ ะ ท า อ ย่ า ง ไ ร ?
ระยะเวลาที่เราใช้ในการแจ้งหน่วยงานราชการให้เข้ามาตรวจสอบทาได้
ภายในก่ีนาที? หรือเรามีการปิดโรงแรมเพ่ื อทาความสะอาดตามวิธีท่ี
กรมควบคุมโรคแนะนาด้วยน้ายาหรือสารเคมีอะไร? ทากี่วัน?
และ % การฆา่ เช้อื มปี ระสทิ ธิภาพมากแคไ่ หน

ซ่ึงทั้งหมดนี้เราสามารถวางแผนและจัดทาเป็น Scenario
เอาไว้เป็นภาพจาลองโดยเหตุการณ์ต่างๆ ในสถานการณ์ท่ีไม่ปกติน้ี

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 129

ซ่ึงบางเหตุการร์หรือท้ังหมดอาจไม่ได้เกิดขึ้นข้ึนจริงก็ได้แต่การมี
Scenario จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ เ ร า มี แ น ว ท า ง จั ด ก า ร ใ น ก ร ณี ที่ มั น เ กิ ด ขึ้ น

2. กรณีท่ีแขกจองผ่าน OTA มาแล้วและโรงแรมเพิ่ งทราบ
ว่าเป็นแขกท่ีมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศของทางราชการ
กรณีนี้แม้ประเทศเราจะมีข้ันตอนในการคัดกรองคนท่ีสนามบินมา
แ ล้ ว แ ต่ มั น ก็ อ า จ มี เ ห ตุ สุ ด วิ สั ย ที่ ท า ใ ห้ แ ข ก จ า ก ป ร ะ เ ท ศ เ ห ล่ า นั้ น
หลุดรอดเข้ามาได้ เช่น การตรวจคัดกรองช่วงท่ียังไม่พ้นระยะฟกั ตัว
ทาใหไ้ ม่พบอาการ

ซึง่ แม้เราไดร้ ับ Confirmation Booking จาก OTA แล้วก็
จริงแต่หากเราไม่ม่ันใจและประเมินแล้วว่า “โรงแรมไม่สำมำรถรองรับ
ควำมเสี่ยงกรณีที่แขกเกิดเป็นผู้ติดเช้ือขึ้นมำได้” โรงแรมก็สามารถ
ทา Cancel Booking ได้เลยโดยแจ้งกับ OTA ว่าประเทศเรามี
นโยบายเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มาจากกลุ่มเส่ียงเราจึงต้องการขอ
Cancel Booking นี้” ซ่ึงแน่นอนว่าผลที่ตามมาก็จะมีท้ัง “การได้รับ
มุมมองที่ไม่ดีจากแขกและ OTA ว่าเรารังเกียจแขกและไม่มี Service
Mind” แต่อย่างที่เฮียบอกเสมอว่า “สุดท้ายแล้วเม่ือมันมีปัญหาส่วน
ใหญ่มักจะไม่ค่อยมีใครชว่ ยเราได้มากเทา่ เราชว่ ยตัวเอง”

ผลเสียและความเส่ียงของแขกและพนักงานอ่ืนๆ ก็เป็นสิ่งที่
เราต้องคิดถึงด้วยเช่นกัน แม้กรณีนี้อาจไม่ถูกใจแขกกับ OTA กลุ่ม
นั้น แต่ย่อมเป็นผลดีกับแขกและพนักงานของโรงแรมอีกกลุ่มหนึ่ง
เพราะสถานการณ์วิกฤตนี้เป็นไปได้ยากท่ีเราจะบริหารผลประโยชน์ให้
เปน็ ทพ่ี อใจของทั้งสองฝา่ ย

หรือในอีกทางหน่ึงเพ่ื อป้องกันความขัดแย้งดังกล่าว
โรงแรมอาจทางานเชิงรุกโดยการแจ้ง OTA ไปก่อนเลยว่า “โรงแรม
เราจะไม่รับแขกที่มาจากประเทศอะไรบ้าง” เพ่ื อให้เขาช่วย Monitor

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 130

(ส่วนถ้าเขาจะชว่ ยหรือไม่ชว่ ยกเ็ ป็นอกี เรือ่ ง) หรอื ไมก่ ป็ ิด Allotment
ใน OTA ไปเลยก็ได้เพื่ อตัดปัญหาอย่างเด็ดขาด หากมีเคสจาก
ประเทศกลุม่ เสย่ี งเลด็ ลอดเข้ามาแล้วเราไม่มนั่ ใจและตอ้ งการ Cancel
Booking ก็อย่ากลัวที่จะต้องมีปัญหากับ OTA เพราะถ้าจะให้มีก็ให้มี
กันไปตั้งแต่ตอนเจรจาเพราะหากปล่อยแขกมาพั กแล้วเกิดแขกเป็นผู้
ติ ด เ ช้ื อ เ ร า ก็ จ ะ มี ปั ญ ห า อ ยู่ ดี ฉ ะ น้ั น เ ม่ื อ ม อ ง ถึ ง ปั ญ ห า ดั ง ก ล่ า ว
แลว้ ดูเหมือนว่ายังไงเรากเ็ จอปัญหาแนน่ อน

ดังนั้นควรเลือกวิธีท่ีดีที่สุดเพ่ื อป้องกันมันเกิดคือปรับการ
ทางานเป็นแบบเชิงรุกโดยคุยกับทาง OTA ไปเลยจะดีกว่าเพราะ
ตอนนี้แม้เราอยากได้เงินและผลประโยชน์ทางธุรกิจก็จริงแต่ความ
ปลอดภัยระยะยาวของชื่อเสียงโรงแรมก็เป็นสิ่งที่เราต้องดูแลเชน่ กนั

3. แขกท่ีคึกคะนองทาเป็นป่วย แต่จริงๆ ไม่ป่วยแกล้งไอ
จาม ทาให้พนักงานและแขกคนอ่ืนเกิดความเข้าใจผิด กรณีนี้ตาม
พ.ร.บ.โรงแรมเรามีสิทธิเชิญออกได้เพราะเข้าข่ายก่อความไม่สงบ
ค วาม วุ่น วายให้ กั บโ รงแ รม แ ล ะห า ก เ ตื อ น แ ล้ว แ ต่ แ ข ก ไ ม่ ห ยุ ด
พฤติกรรมนี้เราสามารถใช้ไมแ้ ข็งโดยแจง้ แขกประเภทนไี้ ด้เลยวา่

“ถ้ำยูเป็นแบบน้เี รำจะให้เจำ้ หนำ้ ท่ีทำงรำชกำรโดยกรมควบคมุ
โรคมำรับยูตรวจและอำจต้องมีกำรกักบริเวณซง่ึ ถ้ำคณุ ไม่ยินยอมน่ัน
คือคุณทำผิดกฏหมำยไทยตำม พ.ร.บ.โรคร้ำยแรงฯ เนื่องจำกคุณ
แสดงอำกำรที่เข้ำข่ำยติดเช้ือ COVID-19” เพราะเป็นเร่ืองท่ีไม่ควร
นามาล้อเล่นเน่ืองจากสังคมกาลังอยู่ในภาวะหวาดวิตกกับการแพร่
ระบาดของ COVID-19

ก็ฝากไว้เล็กๆ น้อยๆ สาหรับวันนน้ี ะครับเฮยี หวังวา่ คาแนะนา
ในคาตอบของคาถามท่ีเฮยี มกั จะถกู สอบถามมาทาง Inbox น่าจะชว่ ย
พวกเราได้บา้ งครบั “สูๆ้ ครับเดยี๋ วมันกจ็ ะผ่านไป”

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 131

และนี่คือบนั ทกึ แนวทำงในกำรบริหำรจัดกำรแขกทม่ี ำจำก
ประเทศทเ่ี ปน็ กลุม่ เสย่ี งจำกวกิ ฤต COVID-19

เรื่องของพนักงานโรงแรม สาหรับพนักงาน

โ รงแ รม แ น่ น อ น ว่ าช่ ว งระ ยะ เว ลา ก่ อน ห น้า ที่ COVID-19 จ ะม า
พ นั ก ง า น โ ร ง แ ร ม ถื อ เ ป็ น อ า ชี พ ห น่ึ ง ที่ ไ ด้ รั บ ค ว า ม นิ ย ม แ ล ะ มี ผู้ ค น
มากมายต้องการเข้ามาในอุตสาหกรรมน้ีท่ีกาลังเติบโตขึ้นเรื่อยจนทุก
อย่างดูเหมือนจะเป็นไปในแนวทางท่ีดีการเติบโตในหน้าท่ีการงานของ
พนักงานโรงแรมก็มีทางเลือกมากข้ึนตามจานวนโรงแรมที่เติบโต
อย่างก้าวกระโดดในแต่ละปีหลายคนใช้ระยะเวลาไม่ถึง 5 ปีก็สามารถ
ไ ต่ ข้ึ น ไ ป อ ยู่ ใ น ร ะ ดั บ Middle Management ห รื อ แ ม้ แ ต่
Top Management ได้เลยทเี ดียว

แต่หลังจากท่ี COVID-19 เร่ิมแผลงฤทธ์ิในอุตสาหกรรม
โรงแรมอาชีพพนักงานโรงแรมได้รับผลกระทบโดยตรงเริ่มต้ังแต่
เดือนมกราคม เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันส่งผลให้รายได้ของโรงแรม
แต่ละแห่งลดลงเรอ่ื ยๆ จนตอ้ งปดิ กิจการไปแบบทัง้ ชว่ั คราวและถาวร
แต่เร่ืองราวผลกระทบของพนักงานโรงแรมไม่ได้มีแค่ในเร่ืองของ
ร า ย ไ ด้ เ ท่ า น้ั น แ ต่ ยั ง ร ว ม ถึ ง ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ก า ร ป ฎิ บั ติ ง า น ท่ี ก็ ต้ อ ง
เปล่ยี นแปลงไปดว้ ยเชน่ กนั

บันทึกเก่ียวกับประเด็น “การใส่หน้ากากอนามัย”
ในชว่ งปฎิบัตงิ าน

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 132

อย่างท่ีทราบกันว่า COVID-19 เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ทาง
ระบบทางเดินหายใจเป็นส่วนใหญ่ ซ่ึงคาแนะนาจากบุคคลากรทาง
การแพทย์ ณ ขณะนั้นแนะนาว่าหนึ่งในการป้องตนเองเพื่ อลดความ
เสีย่ งในการตดิ COVID-19 คอื “กำรใส่หน้ำกำกอนำมยั ” เมื่อตอ้ งเขา้
ไปอยู่ในที่ชุมชนและพบเจอกับผู้คนเนื่องจากระยะฟักตัวของโรค
ณ ขณะนั้นท่ีมีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขอยู่ที่ 14 วัน
นั่นหมายถึงเราจะยังไม่รู้ว่าใครติดเชื้อ COVID-19 จนกว่าจะผ่าน
14 วันไปแล้ว ดังนั้นการป้องกันตนเองเอาไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องท่ี
จาเปน็ ที่สดุ

ฟงั ดไู ม่น่าจะมปี ญั หาอะไรมากนะครบั ซง่ึ มนั ก็ควรจะเป็นอย่าง
น้ั น ถ้ า ไ ม่ ไ ด้ มี ปั จ จั ย ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ที่
แตกตา่ งกันในการใส่หนา้ กากอนามยั ของผู้คนในแตล่ ะทวีป

เอเชยี จะคุ้นชนิ กับกำรใส่หน้ำกำกอนำมัยและ
มองคนท่ีใส่หน้ำกำกอนำมยั เป็นเร่ืองปกติ
ของกำรป้องกนั ตัวเองจำกเช้อื โรคแต่ยโุ รปและ
ชำวตะวนั ตกบำงสว่ นจะมองคนที่ใสห่ นำ้ กำก
อนำมยั ว่ำเป็นคนป่วยท่มี ีหนำ้ ท่ีตอ้ งใสห่ นำ้ กำกฯ
เพื่ อป้องกันไม่ให้ตนเองแพร่เช้ือสูค่ นอื่น

สาหรับคนไทยเรานั้นการใส่หน้ากากอนามัยถือเป็นเรื่องปกติ
เช่นกันและเราก็คุน้ ชนิ กับการใส่หน้ากากอนามัยกันมาก่อนหน้าน้นั แลว้
ในช่วงที่ประเทศเกิดปัญหาฝุ่นละออก PM 2.5 ในหลายพื้ นที่แต่จาก
ปัญหาความแตกต่างของสองวัฒนธรรมนแี่ หละครับทท่ี าให้เรอ่ื งของ

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 133

“การใส่หน้ากากอนามัย” เกิดปัญหาในการปฎิบัติงานของพนักงาน
โรงแรมจากทศั นคติท่ีแตกออกเป็นสองส่วนตามภาพ

ฝ่ำยที่สนับสนุนให้ใส่ อนั น้ีเฮยี ตอ้ งบอกก่อนเลยว่าสาเหตุหนึ่ง

ที่พนักงานบางส่วนกังวลและต้องการใส่หน้ากากอนามัยคือในช่วงท่ี
COVID-19 ระบาดใหม่ๆ ท่ีนกั ทอ่ งเท่ียวยังคงเดนิ ทางเข้าประเทศไทย
ไ ด้ ซึ่ ง ก็ อ ย่ า ง ที่ เ ร า ท ร า บ กั น ว่ า นั ก ท่ อ ง เ ท่ี ย ว ห ลั ก ข อ ง เ ร า คื อ
นักท่องเที่ยวชาวจีนทมี่ จี านวนหลกั หลายลา้ นถึงสบิ ล้านคนต่อปี

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 134

แ ต่ ใ น ช่ ว ง นั้ น เ มื อ ง อู่ ฮั่ น ใ น ส า ธ า ร ณ รั ฐ ป ร ะ ช า ช น จี น ก า ลั ง
ประสบภาวะวกิ ฤตจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทาใหพ้ นกั งาน
ที่ต้องต้อนรับแขกผู้เข้าพั กท่ีส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแม้จะไม่ได้มาจาก
เมืองอู่ฮั่นก็ตามเกิดความกังวลและยิ่งเพิ่ มระดับความกังวลมาก
ขึ้นไปอีกเมื่อ COVID-19 ระบาดไปยังหลายประเทศท่ัวโลกทั้งใน
เอเชีย ยุโรป อเมริกา ฯลฯ พนักงานจึงต้องการใส่หน้ากากอนามัยใน
การปฎบิ ตั งิ านเพื่อความปลอดภัยของตนเองและความปลอดภัยของ
แขกด้วยเช่นกันเพราะในทางกลับกันก็เป็นไปได้ว่าพนักงานอาจกาลัง
ตดิ เชื้อและอยู่ในระยะฟกั ตัวซ่งึ หากไม่ใส่หนา้ กากฯ แลว้ ปฎบิ ัตงิ านอาจ
ทาให้แขกติดเช้ือจากพนกั งานไดเ้ ชน่ กัน

ฝ่ำยที่ไม่สนับสนุน ฝ่ายน้ีมีทั้งเจ้าของโรงแรม พนักงาน

โรงแรมบางส่วนและแขกผ้เู ขา้ พัก เนื่องจากมองว่า “งำนโรงแรมเปน็
งำนบริกำรหำกใส่หน้ำกำกฯ จะดูเหมือนรังเกียจแขกและไม่อยำก
ให้บริกำรทำให้แขกมีควำมรู้สึกไม่ดี” อีกสาเหตุหนึ่งฝ่ายนี้กลัวว่าแขก
โดยเฉพาะจากยุโรปซ่ึงมีวัฒนธรรมการใส่หน้ากากอนามัยที่แตกต่าง
จากเอเชียมองพนักงานว่ากาลัง “ป่วย” หรือเปล่า? ถึงใส่หน้ากาก
อนามัยทางาน ข้อขัดแย้งที่หนักที่สุดของฝ่ายที่ไม่สนับสนุนคือถึง
ขนาดท่ี

“ไลใ่ ห้คนที่ใสห่ น้ำกำกอนำมยั ไปหำงำนอ่ืนทำ”

เ พ ร า ะ ม อ ง ว่ า ไ ม่ เ ต็ ม ใ จ ใ ห้ บ ริ ก า ร แ ข ก แ ล ะ ไ ม่ พ ร้ อ ม ใ น ก า ร
ทางานโรงแรมและดว้ ยเพจ Hotel Man เป็นเพจสังคมออนไลนข์ อง
ชาวโรงแรมเฮียก็เป็นอกี คนหน่ึงทส่ี นับสนนุ ให้มกี ารใส่หนา้ กากอนามัย
ซ่ึงก็จะไปขัดแย้งกับฝ่ายท่ีไม่สนับสนุนและเช่นเคยเม่ือความเห็นไม่
ตรงกันการขัดแย้งกันระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงบังเกิดข้ึนถือเป็นอีก
ช่วงเวลาวิกฤตหน่ึงของพนักงานโรงแรมที่เส่ียงต่อการแตกแยกกัน

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 135

มากท่ีสุดแต่ก็ถือเป็นเคสท่ีดีในการศึกษาหาแนวทางป้องกันปัญหาใน
อนาคตอกี ช่วงเวลาหน่งึ เลยทเี ดยี ว

บาง Comment ฝา่ ยท่ีไมส่ นบั สนนุ กจ็ ะ Comment ประมาณว่า
“รงั เกียจแขกขนำดนอ้ี ยำ่ ทำงำนโรงแรมเลย”
“ไมอ่ ำยบำ้ งเหรอใสห่ น้ำกำกบรกิ ำรแขก“
“กลวั ตดิ โรคขนำดน้นั นอนอยบู่ ำ้ นดีกว่ำ“

บาง Comment ฝา่ ยทสี่ นบั สนุนกจ็ ะประมาณวา่
“ถ้ำไมใ่ สแ่ ลว้ ตดิ เชอื้ ขนึ้ มำไปใครจะรับผดิ ชอบ “
“อยำกรวู้ ำ่ ถำ้ คนไม่ใส่แล้วตดิ ขึ้นมำยังจะโลกสวยอีกม้ยั ? “
“ใส่แลว้ ไมไ่ ด้ป้องกนั แคเ่ รำแต่ยังป้องกนั แขกดว้ ยแล้วทำไมไมใ่ หใ้ ส่”

ซ่ึงไม่ได้เพี ยงแค่พนักงานเท่านั้นแต่เจ้าของกับแขกเองก็มี
ทัศนคติท่ีแตกต่างกันด้วยเช่นกันซึ่งเหตุผลในการสนับสนุนแนวคิดก็
จะคล้ายกับที่ท้ังสองฝ่ายยกมาแต่ด้วยต่อมาสถานการณ์การแพร่
ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยและตา่ งประเทศเริ่มรุนแรงมาก
ข้ึนทั้งจานวนผู้ติดเชื้อและพ้ื นท่ีการแพร่ระบาดที่กระจายไปเกือบทุก
ประเทศทั่วโลกจนกระแสของประชากรโลกและคนไทยเองเริ่มให้
ความสาคัญกับการสวมหนา้ กากฯ มากข้ึนเพราะเป็นอกี หนง่ึ วิธีในการ
ดู แ ล ตั ว เ อ ง ท่ี ท า ไ ด้ ง่ า ย ที่ สุ ด ด้ ว ย เ ห ตุ น้ี บ า ง โ ร ง แ ร ม จึ ง เ ร่ิ ม มี ก า ร
อนุญาตให้พนักงานใส่หน้ากากฯ ปฎิบัติงานได้เนื่องด้วยกังวลใน
ความปลอดภยั ของพนักงานทต่ี อ้ งพบเจอแขกจากกลมุ่ ประเทศเส่ียง
บ า ง โ ร ง แ ร ม เ จ้ า ข อ ง มี ก า ร สั่ ง ห น้ า ก า ก อ น า มั ย ม า ใ ห้ พ นั ก ง า น ใ ช้
ปฎิบัตงิ าน

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 136

แต่ถึงกระน้ันก็ยังคงมีบำงโรงแรมที่เจ้ำของหรือฝ่ำยบริหำร
ยังมองว่ำอำชีพบริกำรและธุรกิจโรงแรมพนักงำนไม่ควรใส่หน้ำกำก
ให้บริกำร กลัวเสียภำพลักษณ์และควำมสวยงำมของโรงแรม กลัว
เสียควำมเช่ือม่ัน ดังน้ันแม้พนักงำนจะเร่ิมกังวลและมีกำรเสนอให้ใส่
หน้ำกำกฯ ปฎิบัติงำนแต่ดูเหมือนประเด็นน้ียังไม่จำเป็นและถูกนำมำ
พิ จำรณำอนุญำติ

จนมาถึงการเปิดตัวของมาตรการอนุญาตให้ใส่หน้ากาก
อนามัยในขณะปฎิบัติงานได้เพ่ื อความปลอดภัยของลูกค้าและ
พนักงานปฎิบัติงานหน้าร้านท่ีต้องพบเจอกับลูกค้าของบริษัทช้ันนา
ระดับประเทศอย่าง “King Power” ท่ีประกาศมาตรการควบคุมการ
แ พ ร่ระบาด ข อ ง COVID-19 แ ละ ห น่ึ งใน ม า ต รก า รคื อ “ก ำ รใ ห้
พนักงำนหน้ำร้ำนใส่หน้ำกำกอนำมัยทุกคน” โดยให้เหตุผลว่า “เพื่ อ
ความปลอดภัยของลูกค้าและพนกั งาน” (Chiraphorn, 2020)

ประกอบกับการเรียกร้องของ สำนักข่ำวไทย พี บีเอสผ่ำน
เว็บไซต์ news.thaipbs.or.th ในเน้ือหาท่ีเก่ียวกับ “กำรเรียกร้อง
ห้ำงสรรพสินค้ำ โรงแรม ร้ำนค้ำให้พนักงำนสวมหน้ำกำกอนำมัย”
เพื่ อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นจากการท่ีต้อง
ให้บรกิ ารลกู ค้าจานวนมาก (สานักข่าวไทยพีบีเอส, มกราคม 2563)

และยังมีการนาเสนอภาพของหลายๆ โรงแรมที่เจ้าของและ
ผู้บริหารอนุญาตให้พนักงานใส่หน้ากากฯ ในขณะปฎิบัติงานออกมา
เรื่อยๆ ซ่ึงกระแสสังคมมองมุมบวกว่า “เป็นเร่ืองดีในกำรใส่ใจควำม
ปลอดภัยของแขกและพนกั งำน”

มุมมองของผู้ประกอบการโรงแรมฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยต่อการ
ให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัย จึงลดลงและในเวลาต่อมาจาก

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 137

สถานการณท์ ่ีรนุ แรงในการแพรร่ ะบาดของ COVID-19 ท้ังในประเทศ
ไทยและในหลายประเทศทว่ั โลก

“กำรใสห่ น้ำกำกอนำมัยในขณะปฎบิ ตั งิ ำนจึง
กลำยมำเป็นอกี มำตรฐำนหนึ่งในกำรปฎิบัตงิ ำน

ของพนักงำนโรงแรม”

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 138

รายได้ของพนักงานโรงแรม ก่อนที่จะไปว่ากันเรื่อง

รายได้ของพนักงานโรงแรมเฮียขอพาเรามาดูแนวโน้ม Occupancy
Rate ที่ลดลงของโรงแรมในช่วงวิกฤต COVID-19 เป็นผลสารวจ
การลดลงของรายไดโ้ รงแรมระดับ Budget Hotel ในเมอื งพัทยาซงึ่
เป็นงานวิจัยท่ีเฮียจัดทาในหลักสูตรปริญญาโทของเฮียเองซึ่งขอไม่
เปิดเผยทม่ี าของเจา้ ของขอ้ มลู นะครับ

จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบ Occupancy Rate ตั้งแต่
เดือน ม.ค. – ต.ค. ของปี 2562/2563 ในช่วงเดือนมกราคมถึง
เดือนมีนาคม 2563 อัตรา Occupancy Rate เร่ิมค่อยๆ ลดต่าลง
เรอ่ื ยๆ ตามสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของ COVID-19 และมาต่าลง
มากสุดในเดือนมนี าคม - เมษายน 2563

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 139

ซ่ึ ง เ ป็ น ช่ ว ง เ ว ล า ที่ ท า ง ร า ช ก า ร ป ร ะ ก า ศ ใ ช้ ม า ต ร ก า ร
Lockdown ห้ามออกนอกเคหะสถานตามเวลาที่กาหนดและห้าม
เดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังพื้นทอี่ ่ืนๆ แม้
ต่อมาจะมีมาตรการคลายล็อคในช่วงเดือนพฤษภาคมแต่สถานการณ์
การเข้าพั กของแขกก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อน
หน้าท่ี COVID-19 จะระบาดอีกเลยเพราะยังมีปัจจัยท่ีสาคัญอีก
ประการหน่ึงคือการประกาศปิดน่านฟา้ ของกรมการบินพลเรือนที่ห้าม
อากาศยานเข้า-ออก ราชอาณาจักรไทยยกเว้นแตไ่ ด้รับอนญุ าติ

ส า ห รั บ พ นั ก ง า น โ ร ง แ ร ม แ น่ น อ น ว่ า เ ม่ื อ น า ย จ้ า ง
(ผู้ประกอบการโรงแรม) ไม่มแี ขกเขา้ พักนนั่ หมายถงึ โรงแรมกาลังใกล้
เข้าสู่ภาวะ “ขำดสภำพคล่องทำงกำรเงิน” เพราะรายรับไม่มีแต่
รายจา่ ยยงั คงเดนิ ตอ่ ไป

ในช่วงแรกๆ เร่ืองของเงินเดือนก็มีการจ่ายกันปกติเพราะ
หลายโรงแรมยังมีกระแสเงินสดคงเหลือและมีรายรับที่เป็นผลพลอย
ได้มาจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาอยู่พอสมควรแต่พอนานวันเข้า
กระแสเงนิ สดเรมิ่ ขาดแคลนและไมส่ ามารถจ่ายค่าจา้ งของพนักงานได้
เหมือนเดมิ อีกต่อไปมาตรการหนึ่งทีถ่ กู นามาใชใ้ นชว่ งแรกคือ “การขอ
ความร่วมมอื ใหพ้ นักงานลาไมร่ ับคา่ จา้ ง”

Leave without pay (LWOP) ห รื อ “ ก า ร ล า ไ ม่ รั บ

ค่าจ้าง” เป็นการขอความร่วมมือจากพนักงานให้ลดวันทางานลงเพ่ือ
บ ร ร เ ท า ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ใ น ส่ ว น ข อ ง ค่ า จ้ า ง ใ ห้ กั บ น า ย จ้ า ง เ นื่ อ ง จ า ก
สถานการณโ์ รงแรมไมค่ ่อยดจี ากการทไี่ มม่ แี ขกเขา้ พัก

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 140

แต่การลาในลักษณะนจี้ าเป็นที่จะต้องได้รับความยินยอมจากพนกั งาน
เป็นลายลักษณ์อักษรก่อนเพื่ อป้องกันการกระทาผิดตามกฎหมาย
แรงงานซึ่งประเด็นที่เกิดข้ึนจากการขอความร่วมมือจากพนักงานใน
กรณี LWOP ทเ่ี ฮียรวบรวมได้จากในเพจ Hotel Man มีดังนี้

• ทัศนคติของพนักงาน กรณีน้ีแบ่งพนักงานได้ 2 ประเภทคือ
“พนักงำนที่ยินดีช่วยนำยจ้ำงเพรำะเข้ำใจว่ำลำบำกกันท้ังหมด”
กับ “พนักงำนท่ีไม่ต้องกำรเสียสิทธิตรงน้ีเพรำะมีภำระค่ำใช้จ่ำย
รอ อ ยู่แ ละเ ห็น ว่ ำ ช่ ว งเ ว ลำ ปกติ นำ ยจ้ ำ งท ำ รำ ยไ ด้ไ ปมำก
พอสมควรแล้ว” ต้องยอมรับว่าสัจธรรมหน่ึงในกรณีนี้คือ
“เราจะรู้ว่าใครเป็นมิตรแท้ในยามลาบาก” ฝ่ายท่ีช่วยเจ้าของ
(นายจ้าง) อาจเห็นสภาพของโรงแรมแล้วว่าแย่จริงๆ และไม่ได้
แย่แคโ่ รงแรมเดียวแตแ่ ยก่ ันทั้งโลกตรงน้ีจึงเข้าใจและยอมรับใน
เง่อื นไข LWOP

แต่อีกฝ่ายหนึ่งท่ีไม่ยอมสาเหตุหลักก็เน่ืองจากตนเองมี
ภ า ร ะ ค่ า ใ ช้ จ่ า ย สู ง ก า ร มี ร า ย ไ ด้ ล ด ล ง จ ะ ท า ใ ห้ ต น เ อ ง มี ปั ญ ห า
ตามมาได้จึงไม่ยอมรับ LWOP สถานการณ์น้ีแต่ละโรงแรมจะมี
ไม่เหมอื นกนั อยทู่ ี่ว่าโรงแรมไหนจะเจอพนักงานแบบไหนมากกว่า
และหาทางจดั การอยา่ งไร

ซ่ึงจริงๆ ดูเหมือนว่าตัวเลือกของพนักงานโรงแรมมีไม่
มากนักเพราะหากไม่ยอมรับ LWOP แล้วเดินหน้าร้องเรียนกับ
ทางกระทรวงแรงงานส่วนตัวเฮียก็เช่ือว่านายจ้างบางโรงแรม
ยงั ไงก็ไมน่ ่ามเี งินจา่ ยชดเชยอยดู่ ีเพราะสถานการณแ์ บบนี้มันแย่
กันหมด

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 141

• จานวนวันท่ีให้ LWOP ส่วนใหญ่ก็จะมีตั้งแต่ 7 วันไปจนถึง 15
วันตามแต่สถานการณ์ของแต่ละโรงแรมซ่ึงส่วนใหญ่ฝ่ายท่ีถูก
ใ ห้ LWOP จ า น ว น วั น เ ย อ ะ ๆ จ ะ เ ป็ น พ นั ก ง า น ร ะ ดั บ
Management ข้ึนไปเพราะด้วยฐานเงินเดือนท่ีสูงกว่าและ
มักจะมีคาว่า “ความเสียสละ” ซ่อนอยู่ ส่วนพนักงานระดับ
ร อ ง ล ง ม า จ า น ว น วั น ก็ ล ด ห ล่ั น กั น ไ ป ต า ม ต า แ ห น่ ง ง า น
ซึ่งบางโรงแรมก็จะมีการขัดแย้งกันเพราะ Management ก็จะ
มีมุมมองว่า “ตนก็มีภำระเหมือนกับพนักงำนระดับรองลงมำ
เหมือนกันกำรได้จำนวนวัน LWOP มำกกว่ำจึงไม่เป็นธรรม
เท่ำไหร”่

• ต้องการถูกเลิกจ้าง พนักงานบางคนก็ไม่ยอมถูก LWOP และ
มีการคาดการณ์แล้วว่าสถานการณ์อาจยืดเยื้อจึงไม่ต้องการ
LWOP แต่ต้องการให้เจ้าของ “เลิกกิจการหรอื ทาการจ้างออก”
เพ่ื อรับเงินก้อนตามกฎหมายแรงงานและเงินชดเชยกรณี
ว่างงานมากกว่า ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาปกติอาจจะเป็นเช่นน้ันได้
แต่ในสถานการณ์นี้นายจ้างย่อมเลือกที่จะไม่จ้างออกและไม่เลิก
กิจการเพราะรู้ถึงภาระค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่จะตามมาซ่ึง
ตนเองก็ไม่มีรายได้ท่ีจะไปชาระเป็นค่าชดเชยเหล่านั้นปัญหาจึง
ยังคาราคาซังต่อไปในโรงแรมที่มีเหตุการณ์แบบน้ีและสุดท้ายดู
เหมือนลูกจ้างคงต้องยอมรับเงื่อนไข LWOP ในที่สุดเพราะ
ท้ายที่สุดแล้วถ้าต้องฟ้องร้องกันอาจต้องใช้เวลาดั งนั้น
“ไดบ้ า้ งดีกว่าไมไ่ ดเ้ ลย”

• LWOP แต่ยังไม่มีเงินจ่าย ปัญหาการไม่จ่ายเงินเดือนแม้จะให้
LWOP ซ่ึงทาให้มียอดค้างจ่ายน้อยลงก็ตามยังมีให้เห็นอยู่จาก
การได้ข้อมูลใน Page ของเฮียนะครับด้วยเพราะในข้ันแรกที่

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 142

นายจ้างให้ LWOP นายจ้างน่าจะมีการวางแผนและคาดการณ์
เป็นการซ้อื เวลาว่าจะสามารถหาเงนิ มาจ่ายในจานวนทีน่ ้อยลงน้ัน
ได้ แต่พอถึงเวลาด้วยสถานการณ์ท่ีมันยืดเย้ือนายจ้างอาจไม่มี
เงินมาจ่ายค่าจ้างเพราะหาไม่ได้ซ่ึงบางโรงแรมก็ทยอยจ่ายจน
ครบ แต่บางโรงแรมก็เล่ือนจ่ายไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีเงินบาง
โรงแรมก็ปิดโรงแรมหนีไปเลยก็มี ลูกจ้างจึงได้รับความ
เดอื ดรอ้ นจากปญั หาของนายจา้ งตอ่ กนั มาเปน็ ทอดๆ

น่ี ก็ เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง ปั ญ ห า ข อ ง ลู ก จ้ า ง ซึ่ ง เ กิ ด จ า ก ก า ร ที่
นายจ้างได้รับผลกระทบด้านรายได้จากวิกฤตการแพร่ระบาดของ
COVID-19 ซึ่งหลายโรงแรมทว่ั ประเทศประสบกับปญั หาน้ีและอย่างที่
ท ร า บ ว่ า ท า ง ร า ช ก า ร มี ก า ร ใ ห้ อ า น า จ ผู้ ว่ า ร า ช ก า ร จั ง ห วั ด แ ล ะ
ผู้ว่ากรุงเทพมหานครในการประกาศปิดกิจการท่ีมีความเสี่ยงต่อการ
ตดิ เช้ือ

ประเด็นของการปิดกิจการนี้ทางภาครัฐมีนโยบายในการ

ช่วยเหลือลูกจา้ งว่า “หำกเป็นโรงแรมท่ีรัฐส่ังปิดกิจกำร
ลูกจ้ำงสำมำรถติดต่อขอรับเงินชดเชยจำ ก
สำนักงำนประกันสังคมได้” แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนี้ครับ

เพราะโรงแรมที่แม้ว่ารัฐจะไม่ได้ส่ังปิดแต่มีสถานะ “เปิดก็เหมือนปิด”
เพราะเปิดไปก็ไม่มีแขกเข้าพั ก เจ้าของไม่มีรายได้ ลูกจ้างไม่ได้รับ
เงินเดือนและยังถูกขอความร่วมมือให้ลาไม่รับค่าจ้างอีก ตรงจุดน้ีรัฐ
จะใหค้ วามชว่ ยเหลอื อย่างไร? เพราะเปน็ กันทั้งประเทศ

ในช่วงแรกที่ปัญหาน้ีเกิดข้ึนต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องใหม่
ท่ีไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสาหรับสถานการณ์ท่ี “ลูกจ้ำงได้รับผลกระทบ
จำกกำรไม่ได้รับค่ำจ้ำงเกือบท้ังประเทศในขณะท่ีนำยจ้ำงไม่ได้ปิด
กิจกำรหรือทำเรื่องเลิกจ้ำง” ทาให้หน่วยงานราชการโดยกระทรวง

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 143

แรงงานท่ีเป็นเจ้าภาพในการดูแลลูกจ้างไม่สามารถหาแนวทางในการ
แก้ไขปัญหาได้ในช่วงแรกเพราะดูเหมือนรายละเอียดต่างๆ ของ
สถานการณไ์ มม่ กี ฎหมายใดมารองรับ โดยเฉพาะกรณีของ LWOP ที่
พ นั ก ง า น เ กื อ บ ทุ ก อุ ต ส า ห ก ร ร ม ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ ไ ม่ เ ฉ พ า ะ แ ต่ ใ น ว ง ก า ร
โรงแรมเทา่ นัน้ ต้องประสบปัญหาน้ี

ณ ขณะนั้นส่ิงท่ีลกู จา้ งต้องการคอื แนวทางและวิธีการในการ
ชดเชยรายได้ในส่วนที่ถูกให้ LWOP ไปซึ่งข้อกฎหมายแรงงาน ณ
ขณะนั้นไม่รองรับเพราะไม่เคยมีเคสกรณีนี้มาก่อนว่าจะช่วยเหลือ
ลูกจ้างอยา่ งไร?

ลาพังเฉพาะโรงแรมที่รัฐสัง่ ปิดย่อมไมม่ ีปัญหาเพราะสามารถ
ขนึ้ ทะเบียนรบั เงินชดเชยไดต้ ามประกาศแต่โรงแรมทรี่ ฐั ไม่ไดส้ ั่งปิดแต่
เจ้าของไปต่อไม่ไหวแล้วแถมยังเลิกจ้างหรือเลิกกิจการก็ไม่ได้ เพราะ
ไม่มีเงินจ่ายชดเชยลูกจ้างตรงน้ีคือปัญหาท่ีลูกจ้างกาลังประสบ
ด้วยสถานการณ์นี้ทาให้องค์กรแรกที่ลูกจ้างนึงถึงเพื่ อขอความ
ชว่ ยเหลือในกรณีดงั กลา่ วคอื

“สานกั งานประกันสังคม (สปส.)”

จากปัญหาดังกล่าวมีสายโทรเข้ามากมายจากนายจ้างและ
ลูกจ้างหลั่งไหลไปสู่สานักงานประกันสังคมพื้ นที่ต่างๆ เพื่ อสอบถาม
ถึงมาตรการความช่วยเหลือและขอคาแนะนาซึ่งเจ้าหน้าที่ สปส.
ทางานอย่างหนักแต่ก็ยังไม่สามารถแนะนาอะไรได้อย่างชดั เจนมากนัก
เพราะในระดับสูงกว่านั้นยังคงไม่มีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้
เน่อื งจากกาลังหาแนวทางในการช่วยเหลอื อยู่

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 144

อีกหนึ่งสาเหตุท่ีสาคัญและกดดัน สปส. อย่างมากท่ีสุดคือ
กรณีของลูกจ้างที่ถูกให้ LWOP เพราะนายจ้าง (เจ้าของโรงแรม)
ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้แล้ว ซึ่งปกติแล้วกรณีน้ีไม่เคยเกิด
ข้ึนมาก่อน สปส. ณ ขณะน้ันยังไม่มีแนวทางในการช่วยเหลือรวมทั้ง
ยังมีกรณีที่โรงแรมต้องปิดกิจการแบบชัว่ คราวซงึ่ ไมไ่ ด้มีการเลิกจา้ ง
พ นั ก ง า น แ ต่ ไ ม่ มี ง า น ใ ห้ ท า แ ล ะ ไ ม มี เ งิ น จ่ า ย เ พ ร า ะ แ บ ก รั บ ค่ า ใ ช้ จ่ า ย
ไม่ไหว แม้ประเด็นน้ีจะเป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างไปยังพนักงาน
โรงแรมท่ัวประเทศแล้วก็ตาม เม่ือ “รายได้หายไปและสถานการณ์ยัง
ไม่มีทีท่าว่าจะดีข้ึนในเร็ววัน” ความกดดันในการให้ความช่วยเหลือจึง
ตกไปอยู่กับ สปส. เพราะนายจ้างและลูกจ้างมีมุมมอง ณ ขณะน้ันว่า

“เงินสมทบต่ำงๆ” ท่ีส่งไปให้ สปส. ทุกเดือนนา่ จะยอ้ นกลับมาเป็น

ความชว่ ยเหลือได้บา้ งในเวลาวกิ ฤตแบบน้”ี

แม้จะเริ่มมีการพู ดถึงแนวทางในการให้ สปส. นาเอา
“เงินสะสมชราภาพ” ของลูกจ้าง (ผู้ประกันตน) ออกมาให้ความ
ช่วยเหลืออาจจะด้วยการกยู้ ืมด้วยดอกเบี้ยราคาถูกหรือแบ่งบางสว่ น
ออกมาใช้ก่อน แต่ก็ดูเหมือนจะติดข้อบังคับตามกฎหมายซ่ึงไม่
อนุญาตใหท้ าได้ ดังนั้นความเดือดรอ้ นของลูกจ้างจากการขาดรายได้
จึ ง ส ะ ส ม ม า เ ร่ื อ ย ๆ พ ร้ อ ม กั บ เ สี ย ง เ รี ย ก ร้ อ ง ใ ห้ ท า ง ร า ช ก า ร
“สั่งปิดธุรกิจโรงแรม” เพ่ื อจะได้ทาเรื่องขอรับเงินชดเชยกรณี
โรงแรมปดิ ให้บริการจากเหตสุ ดุ วสิ ยั เพ่ือใหเ้ ข้าขอ้ กาหนดของ สปส.

แต่บำงโรงแรมมกี ำรจัดกำรปัญหำดงั กล่ำว
โดยกำรประกำศปิดโรงแรมช่วั ครำวแต่ยังคง

จ่ำยคำ่ จ้ำงใหล้ กู จ้ำงตำมปกติ

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 145

โดยไม่จาเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากทางภาครัฐโดยมี
เงื่อนไขเพ่ิ มเติมว่าพนักงานที่หยุดงานจากการประกาศปิดโรงแรม
ต้องไม่เดินทางข้ามไปยังจังหวัดอ่ืนหรือกลับภูมิลาเนาแต่ให้อยู่กับ
บ้านตามนโยบายรัฐ (อยู่บ้าน หยุดเช้ือ เพ่ื อชาติ) ถือเป็นมาตรการ
หน่ึงท่ีแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของผู้ประกอบการโรงแรมกับทาง
ราชการ

การเลือกท่ีจะประกาศปิดโรแรมชั่วคราวของผู้ประกอบการ
โรงแรมบางรายเน่ืองจากเล็งเห็นว่าหากยังเปิดโรงแรมต่อไปต้นทุนที่
เกิดข้ึนและต้องแบกรับกับรายได้ที่แทบไม่มีแขกเข้าพั กสอดคล้องกับ
สถานการณ์ท่ีเร่ิมวิกฤตขึ้นเร่ือยๆ เม่ือเทียบสัดส่วนกันแล้วดูเหมือน
“ได้ไม่คุ้มเสีย” จึงเลือกที่จะปิดโรงแรมในช่วงน้ีไปก่อนและรอจนกว่า
สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมค่อยกลับมาพิ จารณาเปิด
โรงแรมแต่ก็ไม่ใช่ทุกโรงแรมจะทาได้เพราะสายป่านด้านเงินทุนที่ยาว
ไม่เทา่ กนั

ตวั อยา่ งของการประกาศปิดโรงแรมช่ัวคราว
และยังคงจา่ ยเงินเดือนใหพ้ นกั งาน

• บริษัท AWC บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จากัด (มหาชน)
ประกาศปิดโรงแรมในเครือประกอบด้วย โรงแรมแบงค็อก แมริ
ออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค, โรงแรมดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน
สุขุมวิท กรุงเทพฯ, โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ, โรง
แรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ และ โรงแรมแบงค็อก แมริ
อ อ ท เ ด อ ะสุ รว งศ์ โ ด ยพ นั ก งา น ทุ ก โ รงแ รม จ า น ว น ก ว่ า

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 146

2,000 คน จะยังคงได้รับค่าจ้าง เงินเดือนและสวัสดิการ
พนักงานตามปกติระหวา่ งการหยุดงาน ภายใตเ้ งอ่ื นไขข้อตกลง
ใหพ้ นกั งานตอ้ งพักอยูท่ บี่ ้านหา้ มเดนิ ทางไปยังจงั หวดั อืน่ ๆ โดย
เด็ดขาดเพ่ื อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19
ตามนโยบายของภาครัฐ (Khaosod Online, มนี าคม 2563)

• เครือโรงแรม Centara ประกาศปิดโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ
ท้ังในและต่างประเทศจานวน 28 แห่ง โดยเริ่มปิดโรงแรมเป็น
ร ะ ย ะ เ ว ล า 1 เ ดื อ น ต้ั ง แ ต่ 1 เ ม ษ า ย น 2 5 6 3 ท ย อ ย ไ ป
จนถึง 16 เมษายน 2563 จนครบท้ัง 28 แห่ง สาหรับพนักงาน
โรงแรมปิดให้บริการทาง เซ็นทารา ยังคงจ่ายค่าจ้างเป็นจานวน
75% ของเงินเดือน พร้อมสวัสดิการตามเดิม (ประชาชาติธุรกิจ
ออนไลน์, 30 มนี าคม 2563)

• Dusit Thani ประกาศปิดโรงแรม 7 แห่งในประเทศไทยเป็นการ
ชั่วคราว โดยคุณศุภจี สุธรรมพันธ์ CEO ของกลุ่มบริษัท ดุสติ
ธานี จากัด (มหาชน) แจ้งว่า “พนักงานของเราจะไม่ไปเพิ่มภาระ
ให้กับประกนั สงั คมเพราะดุสิตธานยี ังพอมีกาลงั เราดูแลทกุ คนได้
อย่างเท่าเทียม” โดยผู้บริหารจะลดเงินเดือนตัวเองลงตาม
สัดส่วนที่ลดหล่ันลงมาตามลาดับตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงลงมาที่
ลดในอัตรา 50% ถึง 25% ส่วนพนักงานระดับปฏิบัติการ
ยังคงได้รับเงินเดือนและสวัสดิการเท่าเดิมไม่มีการลดจานวน
พนักงาน (Forbes Thailand, APR 2563)

• บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ( ERW) เ จ้ า ข อ ง โ ร ง แ ร ม แ บรน ด์
Hop Inn และแบรนด์อ่นื ๆ ภายใต้การบรหิ ารของเชนชัน้ นาระดบั
โลก เช่น ibis, Mercure, JW Marriott, Holiday Inn, ฯลฯ

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 147

ประกาศปิดโรงแรมในประเทศไทยครบทุกแห่งภายในสิ้นเดือน
เมษายน 2563 เพื่ อป้องกันการแพร่ระบาดของเช้ือไวรัส
COVID-19 โดยจ่ายเงินเดือนและให้สวัสดิการให้พนักงาน
ตามปกติในช่วงเวลาดังกล่าวภายใต้ข้อกาหนดให้พนักงาน
งดเว้นการเดินทางไปยังจังหวัดอ่ืนตามมาตรการของภาครัฐ
หากไมจ่ าเปน็ (infoquest, เมษายน 2563)

ทั้งหมดน้ีคือส่วนหน่ึงของผู้ประกอบการโรงแรมท่ีตัดสินใจ
ปิดกิจการชั่วคราวและจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานตามปกติโดยไม่
เก่ยี วข้องกับการรบั เงนิ ชดเชยจากสานักงานประกันสังคม

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 148

ต่อมามีอีกกระแสท่ีเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสถานการณ์ COVID-
19 ส่งผลกระทบหนกั ขนึ้ เรื่อยๆ กับธุรกจิ โรงแรมและยังคงไม่มที ีทา่ ว่า
จะจบลงง่ายๆ ผู้ประกอบการโรงแรมหลายรายจาเป็นต้องปิดกิจการ
อย่างไม่มีกาหนดโดยไม่เลิกจ้างพนักงานเพราะไม่สามารถหาเงินมา
จ่ายชดเชยได้

ท า ใ ห้ พ นั ก ง า น โ ร ง แ ร ม เ ร่ิ ม ป ร ะ ส บ ปั ญ ห า ข า ด ร า ย ไ ด้
หนักเข้าถึงขั้นที่เจา้ ของโรงแรม “ปิดโรงแรมหนี” และติดต่อไม่ได้เลย
ก็มีเพราะไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายพนักงานด้วยเหตุนี้ทางออก
สุดท้ายของลูกจ้างที่เป็นพนักงานโรงแรมซึ่งส่วนใหญ่ตกอยู่ใน
สถานการณ์น้ีเริ่มที่จะตั้งความหวังและหันไปพึ่ งพา “เงินชดเชยจาก
สานักงานประกันสังคม” มากขึ้น ด้วยเห็นตัวอย่างของพนักงานใน
โ ร ง แ ร ม ที่ โ ร ง แ ร ม ถู ก ท า ง ร า ช ก า ร สั่ ง ปิ ด ซึ่ ง เ ข้ า ข่ า ย ไ ด้ รั บ ค ว า ม
ช่วยเหลือจากสานักงานประกันสังคมในการได้รับเงินชดเชยสาหรับ
แนวทางการได้รับเงนิ ชดเชยนั้นจะแบง่ ออกเป็น 2 หนว่ ยงานคอื

กรมสวัสดกิ ำรคมุ้ ครองแรงงำนและ

สำนกั งำนประกันสงั คม

ซ่ึงหลังจากมีการประชุมหามติเพื่ อเป็นข้อสรุปในการ
ก า ห น ด ก า ร จ่ า ย เ งิ น ช ด เ ช ย ใ ห้ ลู ก จ้ า ง โ ร ง แ ร ม ท่ี ค่ อ น ข้ า ง ใ ช้ เ ว ล า
พอสมควรเพราะเป็นเร่ืองใหม่ท่ีไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในท้ายท่ีสุด
คณะรัฐมนตรีโดยข้อเสนอของกระทรวงแรงงานจึงมีมติอนุมัตเรื่อง
ดังกลา่ วตามรายละเอยี ดดา้ นล่าง

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 149

หากดูตามรายละเอียดนี้แล้วการที่เจ้าของโรงแรมปิดกิจการ
ช่ัวคราวโดยไม่ต้องรอให้รัฐส่ังปิดเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤต
COVID-19 ซ่ึงถือเป็นเหตุสุดวิสัย ถ้ามองมุมของลูกจ้างกรณีนี้จะ
เข้าข้อกาหนดของ กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ในข้อกาหนด
เรื่อง “กรณีนำยจ้ำงหยุดกิจกำรช่ัวครำวจำกเหตุจำเป็นต้องจ่ำยเงิน
ให้ลูกจ้ำงไม่น้อยกว่ำร้อยละ 75 ของค่ำจ้ำงตลอดระยะเวลำที่ลูกจ้ำง
หยดุ งำน”

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT

P a g e | 150

แต่คาถามต่อกรณีนี้คือ “นายจ้างจะเอาเงินท่ีไหน?” ในเมื่อ
ไม่มีรายได้เข้ามาเลย? ทาให้นายจ้างหลายรายไม่ยอมประกาศหยุด
กิจการช่ัวคราวแต่เลือกที่จะตัดการติดต่อไปเพราะตนเองก็ได้รับ
ผลกระทบมากอยู่แล้ว แม้จะอยากทาเรื่องปิดกิจการช่ัวคราวแต่ก็ไม่
สามารถหาเงินมาจ่ายชดเชยตามข้อกาหนดได้ ด้วยเหตุนี้ลูกจ้างเลย
ไมส่ ามารถท่จี ะเรยี กร้องกับใครได้เพราะนี่ “ไม่ใช่สถำนกำรณ์ปกต”ิ

แต่เม่ือมองไปทางฝ่ ังของสานักงานประกันสังคม “กรณีท่ี
โรงแรมถูกรัฐส่ังปิดเป็นกำรช่ัวครำวด้วยเหตุสุดวิสัย (โควิด-19)
กรณีน้ีลูกจ้ำงจะได้รับเงินชดเชยร้อยละ 62 ของค่ำจ้ำงตำมกฎหมำย
แรงงำนที่ 15,000 หรือ 9,300 บำท สำหรับผู้ที่มีค่ำจ้ำงต่ำกว่ำ
15,000 บำท สปส.จะจำ่ ยชดเชยใหไ้ ม่ตำ่ กวำ่ 5,000 บำท”

จริงๆ แลว้ ฟงั ดเู หมือนไม่มีอะไรซบั ซ้อน
แต่เอำเขำ้ จรงิ ปัญหำทตี่ ำมมำแมจ้ ะมีมำตรกำร

ออกมำแล้วกต็ ำมมันก็ยงั มีเรือ่ งอืน่ ๆ
ที่เกิดคำถำมตำมมำคือ......???

1. โรงแรมที่ไม่ถูกรัฐสั่งให้ปิด เริ่มมีการเรียกร้องให้รัฐสั่งปิด
การให้บริการมากข้ึนเนื่องจากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ “เปิดก็
เหมือนปิด” เพื่ อนายจ้างจะได้ทาเร่ืองส่งต่อให้ สปส.
ดาเนินการจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้างที่กาลังเดือดร้อน
เ พ ร า ะ โ ร ง แ ร ม ไ ม่ มี ร า ย ไ ด้ ม า จ่ า ย เ งิ น เ ดื อ น พ นั ก ง า น แ ล้ ว

HOTEL MAN | NATTHAPAT KAMOLPOLLAPAT


Click to View FlipBook Version