98
8. จดั กิจกรรมทเ่ี น้นกระบวนการคดิ ( คิดวเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ )
9. กระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
10. จดั กิจกรรมการเรยี นรูท้ เ่ี ช่ือมโยงกับชีวติ จริงโดยนำภมู ปิ ญั ญา/บรู ณาการเข้ามามีสว่ นร่วม
11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม
12. มกี ารเสรมิ แรงเม่อื นักเรียนปฏิบัติ หรอื ตอบถูกต้อง
13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผ้เู รียน
14. เอาใจใส่ดแู ลผ้เู รยี น อย่างทว่ั ถงึ
15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกบั เวลาที่กำหนด
ดา้ นสือ่ นวตั กรรม แหลง่ การเรียนรู้
16. ใชส้ อ่ื ท่เี หมาะสมกับกิจกรรมและศักยภาพของผเู้ รียน
17. ใช้สื่อ แหล่งการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น บุคคล สถานที่ ของจริง เอกสาร
สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต เปน็ ต้น
ดา้ นการวดั และประเมนิ ผล
18. ผเู้ รียนมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล
19. ประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลายและครบท้ังด้านความรู้ ทกั ษะ และจติ พสิ ยั
20. ครู ผูเ้ รยี น ผปู้ กครอง หรือ ผทู้ ี่เก่ยี วข้องมสี ่วนรว่ ม ในการประเมนิ
หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ตั ิ 5 = ปฏบิ ตั ิดเี ยี่ยม 4 = ปฏิบตั ดิ ี 3 = ปฏบิ ัติพอใช้ รวม
2 = ควรปรับปรงุ 1 = ไม่มกี ารปฏิบัติ คา่ เฉล่ีย
20.2 ปญั หาท่ีพบ และแนวทางแกป้ ัญหา
ปัญหาที่พบ แนวทางแกป้ ญั หา
ดา้ นการเตรยี มการสอน
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
..................................................................................... .....................................................................................
99
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านส่ือ นวัตกรรม แหล่งการเรยี นรู้
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านการวัดและประเมินผล
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านอ่นื ๆ (โปรดระบุเป็นข้อๆ)
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ลงช่ือ ........................................................................ ครูผูส้ อน
(....................................................................)
ตำแหน่ง .......................................................................
............../.................................../....................
21. บันทกึ การนิเทศและติดตาม
วัน-เดอื น-ปี เวลา รายการนเิ ทศและติดตาม ชื่อ-สกุล ผ้นู ิเทศ ตำแหน่ง
100
101
ตารางวิเคราะหส์ มรรถนะรายวชิ า
โดยบุราณการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
รหสั วิชา………………20100-1003…………….วิชา………….งานฝึกฝมี ือ……….หนว่ ยกิต………2 (0-6-2)……..
ระดบั ช้นั ……….ปวช 2…………..สาขาวชิ า……………ช่างไฟฟา้ กำลัง กลุ่ม 1
ทางสายกลาง
3ห่วง 2 เงอ่ื นไข
ความรู้ คุณธรรม
ชือ่ หนว่ ยการสอน/ พอประมาณ(5)
ีมเหตุผล(5)
สมรรถนะรายวิชา ีมภู ิมคุ้ม ักน(5)
รอบรู้(5)
รอบคอบ(5)
ระ ัมดระ ัวง(5)
่ืซอ ัสตย์ ุสจริต(5)
ข ัยนอดทน(5)
ีมส ิตปัญญา(5)
แบ่งปัน(5)
รวม(50)
ลำ ัดบความสำคัญ
หน่วยการสอนท่ี 3 - 1 2 5 2 3 3 5 4 - 25 1
ชอ่ื หน่วยการสอน เคร่อื งมือกลทว่ั ไป - 1 2 5 2 3 2 3 4 - 22 2
และเคร่ืองมือกลเบ้ืองต้น - 2 4 10 4 6 5 8 8 - 47
สมรรถนะประจำหนว่ ยการสอน
1 อธบิ ายวธิ กี ารใช้เครือ่ งมือต่าง ๆ - 76 1 5 3 4 2 2 -
2 บอกประโยชนข์ องเครอื่ งกลึง
รวม
ลำดับความสำคัญ
102
แผนการจัดการเรยี นรู้ แบบมุง่ เน้นสมรรถนะอาชีพ
และบุราณการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
รหสั วชิ า 20100-1003 วชิ า งานฝกึ ฝีมอื จำนวน 6 ชั่วโมง
หนว่ ยท่ี 3 ช่ือหน่วย เครื่องมือกลทวั่ ไปและเครอื่ งมอื กลเบื้องต้น
ช่อื เรื่อง 3.1 เคร่ืองมือทัว่ ไป
3.2 เครือ่ งมือกลเบ้ืองตน้
แบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 3
ใบงานที่ 3 งานตะไบปรบั ขนาด
1. สาระสำคญั
เครื่องมือทั่วไปและเครื่องมือกลเบื้องต้น เป็นเคร่ืองมือพ้ืนฐานสำคัญ ท่ีนักเรียนต้องเรียนรู้และเข้าใจ
ถึงลักษณะและวิธีการใช้ให้ถูกต้อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับพ้ืนความรู้ ความเข้าใจให้เป็นไปในแนวเดียวกัน
และถกู ตอ้ งตามหลกั การ เพอื่ เพ่ิมอายกุ ารใช้งานของเครื่องมือเคร่ืองจกั ร
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้
2.1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับเครื่องมือทั่วไปและเคร่ืองมือกลเบอื้ งต้น
2.2. ตะไบปรบั ผิวงานตามแบบ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จุดประสงค์ท่ัวไป
- ด้านความรู้
3.1.1. อธิบายวธิ ีการใชเ้ คร่อื งมอื ต่าง ๆ
3.1.2. บอกประโยชนข์ องเครอ่ื งกลึง
3.1.3. บอกชนิดของเครือ่ งกลงึ
3.1.4. อธบิ ายหนา้ ที่และสว่ นประกอบของเคร่อื งกลงึ
3.1.5. บอกขน้ั ตอนการใชเ้ ครื่องกลึงและการบำรุงรักษาเครือ่ งกลงึ
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
103
- ดา้ นทกั ษะ
3.2.1. เตรยี มชนิ้ งานตะไบ
3.2.2. ตะไบปรบั ผิวงาน
3.2.3. บำรุงรักษาตะไบ
3.2.4. ใชต้ ะไบได้ถูกต้องและปลอดภยั
3.2.5. ตรวจสอบผิวงานและความฉาก
3.2.6. ทำความสะอาดบรเิ วณพ้ืนท่ีปฏบิ ตั ิงาน
4. เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้
4.1 ด้านความรู้
4.1.1 เครอื่ งมือทว่ั ไป
4.1.1.1 ไขควง (Screwdrivers)
ไขควงป ากแบ น ห รือไขควงธรรมดา (Common Screwdrivers) ไขควงป ากแฉก (Phillips Head
Screwdriver) ไขควงหัวคลัตซ์ (Clutch Head Screwdriver) ไขควงออฟเสท (Offset Screwdriver) ไข
ควงสตารต์ ตงิ (Starting Screwdriver)
4.1.1.2 คอ้ น (Hammers)
ก) คอ้ นหวั แข็ง (Hard Hammers)
ข) ค้อนหัวกลม (Ball Peen Hammer) ค้อนหัวตรง (Straight Peen Hammer)
ค้อนหัวขวาง (Cross Peen Hammer) คอ้ นตีเหล็ก ค้อนเดินสายไฟ (Electrician Hammer) ค้อนช่างไม้หรือ
ค้อนหัวแพะ (Claw Hammer) ค้อนขนาดใหญห่ รือคอ้ นพะเนิน (Heavy Hammer)
ฃ) ค้อนหัวอ่อน (Soft Hammer)
ค)ค้อนทองเหลือง (Brass Hammer) ค้อนพลาสติก (Plastic Hammer) ค้อนยาง
(Rubber Hammer) ค้อนไม้ (Wood Mallet)
4.1.1.3 คมี (Pliers)
คีมเล่ือน คมี ตดั คีมตดั ขา้ ง คีมปากจ้ิงจก คีมลอ็ ก คีมถอดแหวนล็อก
4.1.1.4 ประแจ (Wrenches)
ประแจปากตาย ประแจเลือ่ น ประแจแหวน ประแจจบั ท่อ ประแจกระบอก
ประแจแอล ประแจขอ
4.1.1.5 กรรไกร (Snips)
แบบใบมีดตัดตรง แบบใบมดี ตดั ผสม
4.1.1.6 ปากกาจับงาน (Bench Vises)
104
4.1.2 เคร่อื งมือกลเบ้อื งตน้
4.1.2.1 เครื่องกลงึ (Lathe Machines)
4.1.2.2 ชนดิ ของเคร่ืองกลึง
4.1.2.3 ขนาดของเครอ่ื งกลงึ
4.1.2.4 หนา้ ทแ่ี ละสว่ นประกอบของเคร่อื งกลงึ
4.1.2.5 การบำรุงรกั ษาเครื่องกลึง
4.1.2.6 ความปลอดภยั ในการใชเ้ คร่ืองกลึง
4.1.2.7 ประโยชนข์ องเคร่ืองกลึง
4.1.2.8 การใชเ้ ครือ่ งกลึง
4.2 ดา้ นทักษะหรือการประยุกตใ์ ช้
4.2.1. เตรยี มชนิ้ งานตะไบ
4.2.2. ตะไบปรับผวิ งาน
4.2.3. บำรุงรกั ษาตะไบ
4.2.4. ใช้ตะไบไดถ้ ูกตอ้ งและปลอดภยั
4.2.5. ตรวจสอบผวิ งานและความฉาก
4.3 ด้านคุณธรรม/ จริยธรรม/ และคณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงคแ์ ละบุราณการตามหลักปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียง
ตรงต่อเวลา มวี ินยั มีความรับผดิ ชอบ ละเอยี ดรอบคอบ สนใจใฝร่ ู้ มคี วามซอ่ื สตั ย์ มเี หตุผล
ประหยัด และปฏบิ ัตติ นในแนวทางทด่ี ี
5. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้
ขนั้ ตอนการสอนหรือกิจกรรมครู ขั้นตอนการเรยี นหรอื กจิ กรรมของผเู้ รยี น
ขั้นเตรียม(จำนวน 10 นาที) นักเรียน :- ตอบฟ้งครขู านช่อื
ครู:- ขานช่ือผเู้ รียน
ครู:-แนะนำรายวชิ า วธิ กี ารเรยี นการสอน การวัดผล
และประเมนิ ผล
ครู :- สรปุ ในสปั ดาห์นเ้ี ราจะมาศึกษากันเกย่ี วกบั นักเรียน:- ตอบ คำถามท่ีครถู าม
ความปลอดภัยทัว่ ไป และเคร่ืองมือ อปุ กรณ์ความ
ปลอดภัย
105
ครู :- ถามนักเรียน ถา้ นกั เรยี นทำงานช้ินหนง่ึ สำเรจ็ นักเรียน :- ตอบ ชน้ิ งานสำเร็จโดยไม่เกดิ อุบตั เิ หตุ
โดยท่ไี ม่เกิดอุบตั ิเหตุ กบั ชนิ้ งานสำเรจ็ แต่
ครู :- ใหน้ ักเรยี นทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 2
ครู :- ต้ังคำถามเพ่ือนำเข้าสู่บทเรียนเร่ือง เคร่ืองมือ
ทวั่ ไป
ขนั้ การสอน(จำนวน 30 นาท)ี
ทฤษฎี ( ใช้วิธีการสอนแบบบรรยาย และถาม-ตอบ
)
ครู :- บรรยายเก่ียวกับคำอธิบายรายวิชา จุดประสงค์
รายวิชา การแบ่งคะแนนระหว่างภาค และปลายภาค
การวัดผลประเมนิ ผล
ครู :- บรรยายเก่ียวกับความปลอดภัย เคร่ืองมือ
ทั่วไป และเครือ่ งมอื กลเบือ้ งต้น
ขน้ั สรปุ (จำนวน 20 นาที)
ครู :- สรุปเนื้อหาสาระสำคญั ในบทเรยี นใหน้ กั เรยี น
ตระหนกั ถึงความสำคญั ปัญหาทีเ่ กดิ ขนึ้ และ
แนวทางการแกไ้ ขปญั หาท้งั ทฤษฎแี ละปฏบิ ัติ
ครู :- ให้นักเรยี นทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 2
6. สอ่ื การเรียนการสอน/การเรียนรู้
6.1 สื่อสงิ่ พิมพ์
6.1.1. หนังสอื งานฝึกฝีมือ 1 รหสั 2100-1003 หนว่ ยท่ี 2
6.1.2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้และแบบประเมินพฤตกิ รรม หน่วยที่ 2
6.2 ส่ือของจริง
6.3.1. ใบงานที่ 2/เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน
7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรียนรู้
7.1 ภายในสถานศกึ ษา
7.1.1. ห้องสมดุ วิทยาลัย ศูนย์วิทยุบริการ ห้อง Internet
8. งานท่ีมอบหมาย
ตรวจสอบ/จัดทำแบบฝึกหดั หนว่ ยที่ 2 และใบงานที่ 2 ใหเ้ สร็จสมบรู ณ์ ส่งในครงั้ ตอ่ ไป
106
9. ผลงาน/ช้ินงาน ท่เี กิดจากการเรยี นร้ขู องผู้เรียน
1. ผลการปฏิบัตติ ามใบงานที่ 2 งานตะไบปรบั ขนาด
2. ผลจากการทำแบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 2
3. ผลจากการทดสอบหลังเรียนหนว่ ยท่ี 2
10. เอกสารอา้ งอิง
ประสาน คงจันทร.์ (2556). งานฝึกฝมี ือ นนทบรุ ี: ศูนย์หนังสือเมืองไทย.
11. การบรู ณาการ/ความสมั พนั ธก์ ับรายวชิ าอื่น
12. หลกั การประเมินผลการเรยี น
12.1 ก่อนเรยี น
12.1.1. ใชส้ มดุ บนั ทกึ เวลาเรยี นฯ ขานช่ือผู้เรียนและตรวจการตรงต่อเวลา
12.1.2. ใชแ้ บบสังเกตความพรอ้ มในการเรียน ประเมินความพร้อม เชน่ มีหนังสือ สมดุ
12.1.3. ปากกา การแต่งกาย เปน็ ตน้
12.2 ขณะเรยี น
12.2.1.ใช้แบบสงั เกตพฤติกรรม สงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรบั ผดิ ชอบต่อการ
ปฏิบตั งิ าน
12.3 หลงั เรียน
12.3.1. ภาคทฤษฎี แบบประเมนิ ผลหลังการเรยี นรู้ผา่ นเกณฑ์การประเมิน 50%
12.3.2. ภาคปฏบิ ตั ิ ประเมินการฝึกปฏบิ ตั ิตามใบงานท่ี 1 สง่ งานตามข้อกำหนด
13. รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรียน
จุดประสงค์ข้อที่ 1 อธบิ ายวธิ ีการใชเ้ ครือ่ งมือต่าง ๆ
1. วิธีการประเมิน : แบบประเมนิ ผลการเรยี นรแู้ ละแบบประเมนิ พฤติกรรม หนว่ ย
ที่ 2
2. เครอ่ื งการประเมิน : ใบงานที่ 2/เครอื่ งมือ วสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการปฏบิ ตั ิงาน
3. เกณฑ์การประเมิน : แบบประเมินผลหลังการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4. เกณฑ์การผา่ น : 50%
จดุ ประสงคข์ ้อที่ 2 บอกข้นั ตอนการใช้เครื่องกลงึ และการบำรงุ รักษาเคร่ืองกลึง
107
1. วิธีการประเมิน : แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้และแบบประเมนิ พฤติกรรม หนว่ ย
ที่ 2
2. เคร่ืองการประเมนิ : ใบงานที่ 2/เคร่ืองมือ วสั ดุอุปกรณใ์ นการปฏบิ ัตงิ าน
3. เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมนิ ผลหลงั การเรียนรู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4. เกณฑ์การผา่ น : 50%
14. แบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยการสอนท่ี 2 ช่ือหน่วยการสอน เครื่องมือกลทว่ั ไปและเครอื่ งมือกลเบ้ืองตน้
วัตถปุ ระสงค์ เพื่อ แสดงความรู้เกี่ยวกบั เครอื่ งมือทว่ั ไปและเครื่องมือกลเบ้ืองต้น
ขอ้ คำถาม
เครอ่ื งเจาะมีหนา้ ที่ทำอะไร
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
ตอบ เคร่อื งเจาะมีหน้าที่หลักท่ีสำคญั คือ ใชจ้ ับดอกสว่านเพ่ือเจาะรชู ัน้ งานตามทต่ี ้องการจบั ดอก
สวา่ นเพอ่ื คว้านเจาะรูเรยี บ(รีมเมอร์)โดยใช้แรงขับจารมอเตอรไ์ ฟฟ้าเป็นตัวขับดันและส่งกำลังไปยังหวั ขบั ดอก
สวา่ นด้วยเฟือง
15. แบบทดสอบหลงั เรยี น
หน่วยการสอนที่ 2 ช่อื หน่วยการสอน เครอื่ งมอื กลทั่วไปและเครอ่ื งมือกลเบื้องต้น
วัตถุประสงค์ เพื่อ แสดงความรูเ้ กี่ยวกับเครือ่ งมอื ท่ัวไปและเครอ่ื งมือกลเบื้องต้น
ข้อคำถาม
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..................
16. ใบความรทู้ ี่ 1
หนว่ ยการสอนที่ 3 ชอ่ื หนว่ ยการสอน เครื่องมือทวั่ ไปและเคร่ืองมือกลเบ้ืองตน้
ชอ่ื หัวข้อเรอื่ ง เคร่ืองมือทวั่ ไป
108
ค้อน (Hammers)
ค้อนเป็นเคร่ืองมือทม่ี ีการใช้งานกนั อย่างกว้างขวางที่สุดในปัจจบุ ัน มีอยูห่ ลายประเภท มีรูปรา่ งและ
ลักษณะการใชง้ านแตกตา่ งกันไป ค้อนทีท่ ำจากเหล็กหลอ่ เหนยี ว เหมาะสำหรับรบั แรงกระแทกและแรงอัดได้
ดี ส่วนค้อนที่ทำจากโลหะเบาหรือวัสดุอ่อน เหมาะสำหรับใช้ในการเคาะดัดโค้งพับโลหะแผ่นเปลือยที่มี
เน้ืออ่อน หรือโลหะแผ่นเคลือบซึ่งไม่ต้องการให้โลหะท่ีเคลือบอยู่หลุดล่อนออกค้อนมีส่วนประกอบอยู่ 2
ส่วน คือ ส่วนหัว และส่วนด้าม ด้ามค้อนส่วนใหญ่จะทำด้วยไม้ที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งช่วยลดแรงส่ันสะเทือน
มายังมือจบั ในปัจจบุ นั ไดม้ ีการนำพลาสตกิ แข็งมาทำดามคอ้ นแทนไม้กันบ้างแลว้
ค้อนแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทใหญไ่ ด้ดงั นี้ คอื
1. ค้อนหัวแขง็
2. ค้อนหวั อ่อน
1. คอ้ นหวั แขง็ โดยท่วั ไปจะทำจากเหล็กหล่อเหนยี ว หรือเหลก็ กล้าชบุ แห้ง ทนตอ่ แรงอัด
และแรงกระแทกไดเ้ ปน็ อย่างดี แตล่ ะประเภทมีรูปรา่ งและลกั ษณะการใช้งานที่แตกตา่ งกนั ดังนี้ คอื
1.1 ค้อนหัวกลม (Ball Peen Hammer) ค้อนหวั กลมเปน็ ค้อนทมี่ ีการใช้งานกันอย่าง
แพร่หลายชนิดหนึ่ง หน้าค้อนท่ีใช้ตอกตี หน้าตัดจะมีลักษณะกลม ผิวหน้าของค้อนจะนูนโค้งเล็กน้อยส่วน
ดา้ นบนหรือหงอนค้อนจะมีลักษณะเปน็ ทรงกลม ผวิ หน้าของค้อนจะนูนโคง้ เลก็ นอ้ ย ส่วนด้านบนหรือหงอนค้อน
จะมีลักษณะเป็นทรงกลม นิยมนำมาใช้ในการตอกตีทั่วไป เช่นใช้กับสกัด การนำศูนย์ การดดั งอเหล็กเส้นกลม
หรอื เส้นแบน และเคาะขน้ึ รูปท่ัวไป ดงั แสดงในรูปท่ี 3.1
รูปที่ 3.1 แสดงรปู ร่างและลักษณะการใชง้ านของคอ้ นหวั กลม
วธิ ีการใชง้ าน การใชค้ ้อนหัวกลมทำการเคาะหรือตอกตีนั้น ควรใหผ้ วิ หนา้ ของค้อน
ขนานกบั ผวิ ของช้นิ งาน เพื่อให้ผวิ หนา้ ของค้อนสัมผสั เตม็ หน้า พยายามหลกี เลยี่ งการสมั ผัสทีข่ อบใดของหนึ่ง
ของหวั ค้อน ดังแสดงในรูปท่ี 3.2
109
รปู ท่ี 3.2 แสดงวิธีการใชค้ ้อนหัวกลมทผ่ี ิด
1.2 คอ้ นหัวตรง (Straight Peen Hammer) คอ้ นชนิดนส้ี ่วนหงอนของค้อนจะมี
ลักษณะแบนและอยู่ในตำแหน่งขนานไปกับด้ามค้อน ด้านหน้าค้อนใช้ตอกตี เคาะ ดัดชิ้นงานท่ัวไป ส่วน
หงอนที่มีลักษณะแบบน้ัน ใช้เคาะขึ้นรูปหรือตียืดแผ่นโลหะมีรูปร่างต่างๆ เช่น การเคาะขึ้นรูปเหยือกน้ำ
เป็นต้น ดงั แสดงในรูปที่ 3.3 (ก)
รปู ที่ 3.3 แสดงลกั ษณะของค้อนหวั ตรง ค้อนหัวขวาง และรอยสมั ผสั บนแผน่ โลหะ
ทเ่ี กิดจากค้อนหวั กลม ค้อนหัวกลม และค้อนหัวขวาง
1.3 ค้อนหัวขวาง (Cross Peen Hammer) คอ้ นชนดิ น้มี ีลักษณะการใชง้ านคลา้ ยกบั
คอ้ นหัวกลมและค้อนหัวตรง แตค่ ้อนชนิดนี้หงอนด้านบนมีลักษณะแบน แต่อยู่ในตำแหน่งขวางกับด้านจับดัง
แสดงในรปู ที่ 3.3 (ข)
1.4 ค้อนตีเหล็ก คอ้ นตเี หล็กเป็นคอ้ นสำหรบั งานหนัก ไดร้ บั การออกแบบไวส้ ำหรบั
ตีเหลก็ ทนตอ่ แรงกระแทกและความร้อนได้ดี หน้าตัดของคอ้ นเป็นรูปส่เี หล่ียมลบมุมท้ัง 4 ด้าน ผิวหน้าของ
ค้อนนูนและลาดเอียงไปยังด้านข้าง ด้านบนหรือหงอนค้อนมีลักษณะลาดเอียงบรรจบกันเป็นมุมแหลม มีท้ัง
หงอนแบบตรงและหงอนแบบขวาง ดังแสดงในรปู ท่ี 3.4
รปู ท่ี 3.4 แสดงลกั ษณะของคอ้ นตเี หล็ก
1.5 ค้อนยำ้ ตะเข็บ (Setting Hammer) คอ้ นชนดิ น้ีใช้สำหรับยำ้ ตะเข็บในงานโลหะ
แผ่นโดยเฉพาะการเคาะตะเข็บก้นกระป๋องจำเป็นต้องใช้ค้อนชนิดนี้ พ้ืนที่หน้าตัดของหัวค้อนเป็นรูปสี่เหลี่ยม
มุมฉาก ผิวหน้าเรียบไม่ลบคม ส่วนหางหรือหงอนค้อนจะบากเฉียงเพยี งด้านเดียว ด้านทบ่ี ากเฉียงนี้สามารถ
หลบลำตัวของกระปอ๋ งได้ดขี ณะทำการเคาะตะเข็บกน้ กระปอ๋ ง ดงั แสดงในรปู ที่ 3.5
110
รูปท่ี 3.5 แสดงลกั ษณะของค้อนยำ้ ตะเขบ็ และการใช้งาน
1.6 คอ้ นยำ้ หมุด (Reveting Hammer) คอ้ นชนดิ น้ไี ดร้ ับการออกแบบไว้สำหรบั ช่าง
โลหะแผ่นเพื่อใช้สำหรับย้ำหมุดหน้าตัดของค้อนเป็นรูปสี่เหลี่ยมถูกลบมุมทางด้านข้างและด้านหน้า ผิวหน้า
คอ้ นนูนเลก็ น้อย สว่ นหางหรือหงอนคอ้ นเรียวบรรจบกันเป็นมุมแหลม ดังแสดงในรูปที่ 3.6
รูปที่ 3.6 แสดงลกั ษณะของค้อนย้ำหมดุ
1.7 ค้อนเดินสายไป คอ้ นเดินสายไฟชนิดน้มี ีรปู ร่างคล้ายกบั คอ้ นย้ำหมุดทุกประการ
เพียงแต่ผิวหน้าของค้อนจะเรียบ เพ่ือที่จะได้ใช้ตอกตะปูเดินสายไฟโดยไม่ลื่น ค้อนเดินสายไฟนี้มีขนาดเล็ก
ขนาดทใ่ี ช้กันทั่วไป คอื นำ้ หนัก 150 กรัม และ 200 กรัม
1.8 ค้อนปอนด์ เป็นค้อนทใ่ี ช้งานสำหรบั งานหนักทวั่ ไป หน้าตดั มรี ูปร่างเปน็ รูป
เหล่ียม ผวิ หนา้ จะนูนและลาดเอยี งไปทางขอบ มีต้ังแตข่ นาดกลางถึงขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับงานทต่ี ้องการ
ใชแ้ รงกระแทกสูง เช่น ใชท้ ุบกำแพง ใชต้ เี หล็ก และงานทบุ ตี ดัดงอทั่วไป ดังแสดงในรปู ท่ี 2.7
รูปที่ 3.7 แสดงลกั ษณะของค้อนปอนด์
1.9คอ้ นชา่ งไม้ (Carpenter Hammer) หรือค้อนหวั แพะ เปน็ ค้อนสำหรบั ชา่ งไม้
111
ซึง่ ใชส้ ำหรับตอกตะปู และถอนตะปู หน้าตดั ของค้อนจะมีลกั ษณะกลม ผิวหนา้ เรยี บหรอื มโี ค้งเล็กน้อย
เท่านั้น เพอ่ื ป้องกันไมใ่ ห้ลืน่ ขณะทำการตอกตะปู ส่วนหางหรือหงอนค้อนจะมลี กั ษณะเป็นงา่ มคลา้ ยเขาแพะ
ซึง่ ใชส้ ำหรบั ถอนตะปู ด้ามค้อนอาจทำดว้ ยไม้หรือพลาสติกแขง็ ก็ได้
รูปที่ 3.8 แสดงลักษณะของค้อนชา่ งไม้
หมายเหตุ : ค้อนชา่ งไม้นไ้ี ด้รับการออกแบบไว้สำหรับตอกหวั ตะปูท่ีมีผวิ ออ่ นและรับแรงไม่
มากนกั ดังนั้น ไม่ควรนำค้อนช่างไม้ไปใชต้ อกตงี านอน่ื
2. ค้อนหัวอ่อน เป็นค้อนท่ีทำจากวัสดุอ่อน เหมาะสำหรับใช้ตี เคาะ ดัดช้ินงานที่มีผิว
อ่อน
เพ่ือป้องกันไม่ให้ผิวหน้าของโลหะเป็นรอย หรือโลหะแผ่นเคลือบเพ่ือป้องกันไม่ให้โลหะที่เคลือบอยู่หลุดล่อน
หรอื ลอกออก ค้อนชนิดนี้มหี ลายชนดิ ด้วยกนั คือ
2.1 คอ้ นทองเหลอื ง (Brass Hammer) หวั ค้อนทำจากทองเหลอื งซง่ึ มสี ว่ นผสม
ระหว่างทองแดงกับสงั กะสี ผิวหน้าของค้อนมีลักษณะโค้งเลก็ น้อย ใช้สำหรับเคาะช้ินงานหรือแผ่นโลหะท่ีทำ
จากโลหะทีม่ ีเน้อื ออ่ น เช่นทองแดง อลูมเิ นยี ม ตะก่วั เป็นต้น
รปู ที่ 3.9 แสดงลักษณะของค้อนทองเหลอื ง
2.1ค้อนพลาสติก (Plastic Hammer) หัวค้อนทำด้วยพลาสติกแข็ง หน้าตัดมี
ลกั ษณะกลม ผิวหน้านูนเล็กน้อย บริเวณขอบมน หัวพลาสติกทั้งสองข้างเหมือนกันขันติดอย่กู ับแกนเกลียว
ของอลูมเิ นียมหลอ่ เมอื่ หวั คอ้ นเยินหรือแตก สามารถถอดเปลีย่ นใหม่ได้ ดังแสดงในรปู ที่ 3.10
รปู ที่ 3.10 แสดงลักษณะของค้อนพลาสติก
112
2.3 ค้อนยาง (Rubber Hammer) หัวคอ้ นทำด้วยยางพาราซึ่งผ่านกรรมวธิ ที างเคมี
ทำใหม้ สี ำดำ คุณสมบัตเิ หนียวนุม่ เหมาะสำหรบั ใช้เคาะขึ้นรูปชิ้นงานที่มเี น้ืออ่อนหรอื โลหะแผน่ เคลอื บท่ีบาง
มาก เพ่อื ชว่ ยในการรักษาผิวงานดงั แสดงในรปู ที่ 3.11
รูปท่ี 3.11 แสดงลักษณะของคอ้ นยาง
2.4 ค้อนไม้ (Wooden Mallet) เปน็ ค้อนท่ไี มไ่ ดท้ ำจากโลหะ แตท่ ำจากไม้เนอ้ื แขง็
ซงึ่ อาจจะทำเป็นแท่งกลมตันโดยลบคมบริเวณของท้ังสองข้าง หรืออาจทำเป็นแท่งสี่เหล่ียมโดยลบคมบริเวณ
มุมท่ีกระทำกับผิวหน้าท้ัง 4 ด้าน ใช้เคาะ ดัด ตีวัสดุหรือโลหะท่ีมีผิวอ่อนและโลหะแผ่นเคลือบ ดังแสดง
ในรูปท่ี 3.12
รูปท่ี 3.11 แสดงลักษณะของคอ้ นยาง
2.5คอ้ นหนงั (Rawhide Hammer) ค้อนชนดิ น้ีหัวค้อนทำจากหนังแข็งทยี่ ังไมไ่ ด้
ฟอกม้วนเป็นแทง่ กลม หนา้ ตัดกลมเรยี บ เหมาะสำหรับเคาะพบั โลหะอ่อนท่ัวไป ดังแสดงในรูปท่ี 3.13
รูปท่ี 3.11 แสดงลกั ษณะของคอ้ นยาง
คีม (Pliers)
เป็นเครื่องมือขนาดเล็กที่มีความสำคัญในการปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก เป็นเครื่องมือท่ีใช้สำหรับจับ
บิด บีบ ดึง พับช้ินงานท่ัวไป คีม มีส่วนประกอบท่ีสำคัญอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ ปากบนปากล่าง และ
สลักเกลียว ซ่ึงประกอบยึดให้ติดกัน บางชนิดอาจใช้วิธีการย้ำให้ติดกัน โดยมีสลักเกลียวหรือหมุดย้ำเป็นจุด
หมนุ
113
คีมมีหลายแบบและหลายขนาด แต่ละแบบได้รับการออกแบบให้ใช้งานเฉพาะอย่าง แต่ก็มีคีมบาง
ชนิดได้รับการออกแบบมาสำหรับใช้งานหลายอย่างได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้ปฏิบัติงานต้องเลือกใช้คีมให้ถูกต้อง
และเหมาะสมกับงาน
1. คีมยูนเิ วอรแ์ ซล (Universal Cutting Pliers) คมี ชนดิ นี้ทำงานไดอ้ เนกประสงค์ คอื
สามารถตัดลวดได้ จับพับช้ินงานได้ ปากด้านในจะมีลักษณะแบน มีร่องฟัน ช่วยให้จับช้ินงานโดยไม่ลื่น
ดา้ นข้างขอบของปากคีมจะมีคมตัด สามารถใช้ตดั ลวดและสายไฟไดด้ ี บริเวณด้ามจะหมุ้ ดว้ ยพลาสติกซง่ึ เป็น
ฉนวนไฟฟ้าไดด้ ี เปน็ คมี ท่ชี ่างไฟฟา้ นิยมนำมาใชง้ านกันมาก ดงั แสดงในรูปที่ 2.14
ขนาด ความโตของลวด
ความยาวคมี ลวดแขง็ ลวดอ่อน
150 mm. 1.8 2.3
175 mm. 2.0 2.6
200 mm. 2.3 3.2
รปู ท่ี 3.15 แสดงลกั ษณะของคมี ปากแหลมหรอื คีมปาจ้ิงจก (Long - nose Pliers)
3.คีมปากกลม (Round-nose Pliers) คมี ชนดิ นเี้ มือ่ มองจากดา้ นนอกจะเหน็ ปากของ
คีมมีลักษณะกลมเรียวออกไปทางด้านปลาย ส่วนปากจับด้านในจะเจียระไนให้เรียบและทำร่องฟัน
บริเวณด้ามจะหุ้มด้วยพลาสติก ใช้สำหรับดัดลวดขนาดเลก็ ให้เป็นหว่ งกลม และใช้จับชน้ิ งานที่มีขนาด
เลก็ เชน่ งานช่างไฟฟ้า และชา่ งอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เปน็ ต้น ดังแสดงในรูปที่ 3.16
รปู ที่ 3.16 แสดงลักษณะของคมี ปากกลม
114
5. คมี ปอกสายไฟ รูปรา่ งมลี ักษณะคลา้ ยกับคีมตัดปากเฉียง เพียงแต่ดา้ นข้างๆ ของคม
ตัดได้มีการเว้า เพื่อให้ลวดเข้าอยู่ในร่องโดยไม่ขาด แต่พลาสติกท่ีหุ้มลวดได้ถูกตัดขาดเพียงอยา่ งเดียวเมื่อดึง
คีมออก ปลอกสายไฟก็จะถูกดึงถอดมาจากลวด ส่วนบริเวณที่ไม่ได้เว้าไว้ก็สามารถใช้ตัดลวดได้เช่นกัน ดัง
แสดงในรปู ท่ี 3.18
รูปท่ี 3.18 แสดงลักษณะของคีมปอกสายไฟ
6. คีมปรับความกว้างของปากได้ (Slip Joint Pliers) คีมชนิดน้ีลักษณะของปากด้าน
ใน
โค้งเว้าและมีร่องฟัน บริเวณส่วนปลายของปากจะเป็นพ้ืนท่ีราบและมีร่องฟัน สามารถปรับความกว้างของ
ปากจับได้ โดยการขยับสลักเกลียว ซึ่งทำหน้าท่ีเป็นจุดหมุน ประกอบอยู่ระหว่างปากทั้งสอง มีขนาด
ความยาวตง้ั แต่ 5-10 น้วิ ใช้สำหรบั จบั ชิน้ งานทว่ั ไปทไ่ี ม่ตอ้ งการความละเอียดหรือประณีตมากนัก เช่น ใช้
จับชนิ้ งานเชอ่ื มและ ช้ินงานทหี่ นา ซง่ึ คีมธรรมดาไม่สามารถใชจ้ บั ไดด้ ังแสดงในรปู ท่ี 3.19
รูปที่ 3.19 แสดงลักษณะของคมี ปรับปากความกวา้ งของปากได้
7. คมี ปากนกแก้ว (Pincers) ปากของคมี มีลกั ษณะคลา้ ยปากของนกแกว้ ส่วนปลายของ
ปากมีลักษณะเป็นคมตัดโดยหันขวางกับด้ามคีม ใช้สำหรับตัดเหล็ก เส้นลวด หรือถอนตะปู ขนาดเล็ก
เหมาะสำหรับงานชา่ งไม้ ชา่ งเฟอร์นเิ จอร์ คีมชนิดนไ้ี มส่ ามารถใชจ้ บั ชิ้นงานได้
รปู ท่ี 3.20 แสดงลกั ษณะของคมี ปากนกแก้ว
115
8. คมี ปากแบน (Flat-nose Pliers) คีมชนดิ นี้ปากจะแบน มรี ่องฟัน บริเวณปลายปาก
จะตรงและตั้งฉากกับด้านข้าง ใช้สำหรับจับพับชิ้นงานโลหะแผ่นท่ีบางและมีขนาดเล็ก โดยเฉพาะสามารถใช้พับ
ขอบตะเข็บหรือขอบลวดได้ดี จึงนิยมนำไปใช้ในงานโลหะแผน่ ดงั แสดงในรปู ที่ 3.21
รปู ท่ี 3.21 แสดงลกั ษณะและการใช้งานของคีมปากแบน
9. คีมลอ็ ก (Vise Grip Pliers) ปากของคมี ชนดิ นี้ ไม่สามารถตดั งานได้ แต่สามารถจบั
งานได้ดี ปากจะบีบให้แน่นด้วยกลไกท่ีด้าม บริเวณปากสามารถปรับให้แคบใช้จับงานบาง หรือจะปรับให้
กว้างสำหรับจับงานหนา โดยปรับที่สกรูบริเวณปลายสุดของด้าม ปากจะบีบและล็อกแน่นอยู่กับท่ีแม้จะ
ปล่อยมือก็ไม่หลุดจากชิ้นงาน ทำให้ไม่ต้องจับคีมบีบอยู่ตลอดเวลา นิยมใช้กันมากในงานท่ัวๆ ไป ปกติไม่
นยิ มใช้ขันสลักเกลยี วเพราะจะทำใหห้ วั ของสลักเกลยี วเสียเหล่ยี มได้ ดงั แสดงในรปู ท่ี 2.22
รูปที่ 3.21 แสดงลกั ษณะและการใช้งานของคีมปากแบน
วิธีการใช้และบำรุงรักษาคมี
1. อย่างให้คีมถกู ความร้อน เพราะจะทำใหค้ มี ซึ่งทำจากเหลก็ มีการเปลย่ี นแปลงโครงสร้างและชำรดุ ไดง้ ่าย
2. การใช้คีมตดั ลวดควรตัดในลกั ษณะตัง้ ฉาก ไม่ควรบิดคมี ไปมาขณะตัดลวด
116
3. อย่างใชค้ มี แทนค้อน หรอื ใช้คอ้ นตลี งบนคมี เพราะคีมอาจแตกหักได้
4. อย่าใช้คีมขันนตั หรือหัวของสลกั เกลียวเพราะอาจทำใหเ้ หล่ียมของนตั หรือหัวของสลัก
เกลยี วเสียได้ ควรใชป้ ระแจปากตายขนั จะเหมาะสมกวา่
5. ตอ้ งรกั ษาคีมใหพ้ รอ้ มใชง้ านตลอดเวลา โดยดูแลหยอดน้ำมนั หลอ่ ลน่ื บรเิ วณจุดหมนุ
เพ่ือป้องกนั การฝืดซึง่ เกดิ จากสนทิ
6. เมื่อมีการนำคมี ไปใชเ้ กีย่ วกับกระแสไฟ ต้องแนใ่ จว่าปลอกยางหรอื พลาสตกิ ที่หุ้มอยู่
ต้องไม่ชำรดุ และมีความหนาเพยี งพอทช่ี ว่ ยปอ้ งกันไฟดูดได้
ประแจ (Wrench)
เป็นเครื่องมือที่มีใช้กันอย่างกว้างขวางที่สุด ปัจจุบันได้เข้ามามีความสัมพันธ์กับชีวติ ประจำวันของ
มนุษย์มากข้ึน เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในบ้านเมืองข้ึน เช่น รถยนต์ จักรกลการเกษตร และ
มอเตอร์ไซด์ ซ่ึงมีใช้แทบทุกครัวเรือน จึงเป็นท่ีรู้จักกันโดยทั่วไป หน้าที่หลักของประแจ ใช้จับ หมุนนัต
(Nut) โบลต์ (Bolt) แคปสกรู (Cap Screw) และชนิ้ ส่วนท่มี เี กลยี ว
ประแจมาตรฐาน สามารถนำไปใช้กับงานเกือบทุกประเภท มีทั้งระบบมาตรฐานอเมริกัน (ระบบ
นิ้ว) และระบบมาตรฐานเมตริก (ระบบมิลลิเมตร) และประแจพิเศษ ซึ่งใช้กับงานซ่อมบำรุงเฉพาะงาน
ปัจจุบันมีผู้ใช้ประแจในการซ่อมบำรุงทำให้งานสำเร็จลงได้ แต่ยังไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมทำให้เกิดผลเสีย
ตามมาภายหลังกับงานน้ัน หรือสร้างปัญหาให้กับผู้ท่ีจะมาซ่อมบำรุงต่อไป ดังน้ัน จะต้องขอกล่าวถึงชนิด
ของประแจและวธิ ีการใชง้ านให้เข้าใจต่อไป
1. ประแจปากตาย (Open End Wrench) เป็นประแจที่นิยมใช้กันมากที่สุด เป็น
ประแจที่มีปากเปิดซ่ึงมีทั้งเปิดข้างเดียวและเปิดทั้งสองข้าง แบบปากตายชนิดสองด้าน ปากจะมีขนาด
แตกต่างกัน เช่น ข้างหน่ึงปากจะมีความกว้าง 16 มิลลิเมตร ส่วนอีกข้างหนึ่งจะมีความกว้าง 18
มิลลิเมตร เป็นต้น ขนาดของปากประแจวัดจากขนาดของหัวสลักเกลียวที่ขนาดกัน ไม่ใช้ขนาดของ
117
เส้นผ่าศูนย์กลางของหัวสลักเกลียว (Bolt) ดังแสดงในรูปที่ 2.23 ประแจปากตายจะทำให้ช่อง
ปากเอยี งทำมมุ กบั ดา้ นจับ 15 องศา แตใ่ นท่คี บั แคบสามารถทำการขันได้คร้ังละ 30 องศา
ประแจปากตายชนิดปากมขี ้างเดียว ( Single End )
ประแจปากตายชนดิ ปากมีสองขา้ ง ( Double End )
118
2. ประแจแหวน (Box Wrench) ส่วนปลายของประแจท่ีจะรวมเข้ากับนัต (Nut)
หรือหัวของสลักเกลียว (Bolt) มีลักษณะคล้ายแหวน ภายในวงกลมน้ันโดยทั่วไปจะทำเหล่ียมไว้ 12
เหล่ียม หัวของประแจแหวนจะทำให้เยื้องศูนย์ (Off Set) กับด้าม 15 องศา เพ่ือหลบหัวนัดตัวอ่ืนหรือ
เพ่ือท่ีสามารถใหน้ ้ิวสอดเขา้ ไปยงั ด้ามประแจขันงานได้เหลี่ยมทั้ง 12 เหลี่ยมของประแจ จะมีอยู่หกเหล่ียมท่ี
จบั ยึดหวั นตั ได้อยา่ งแนน่ หนา และแขง็ แรง จึงเหมาะสำหรับขันงานหนัก หรืองานขันให้ตึงในข้นั สุดท้าย ดัง
แสดงในรูปที่ 3.24
รูปท่ี 3.24 ประแจแหวนและลักษณะการวางตำแหนง่ ของประแจขณะใชง้ าน
เครอื่ งมอื กลเบือ้ งต้น
เครอื่ งเจาะ (Drilling Machine)
เครื่องเจาะเป็นเครื่องจักรที่สำคัญท่ีนำมาใช้ร่วมกับดอกสว่านเพ่ือใช้ในการเจาะรูช้ินงาน โดยใช้แรงขับจาก
มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นตัวขับดันและส่งกำลังไปยังหัวขับดอกสว่านด้วยสายพานหรือเฟือง เคร่ืองเจาะมีหลาย
ขนาดและหลายแบบ แต่โดยท่ัวไปแล้วจะประกอบด้วยสว่ นต่างๆ ดงั แสดงในรปู ที่ 3.25
รปู ท่ี 3.25 แสดงส่วนตา่ ง ๆ ของเคร่ืองเจาะ
119
17. ใบงานที่ ........
หนว่ ยการสอนที่ ......... ชือ่ หน่วยการสอน
..............................................................................................................
ชื่อหัวข้อเรื่อง ………………...…………………………………………………………………………………
จุดประสงค์ เพ่ือ
..................................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .................................................
...................................................................................................................................................... ........................
..................
ลำดบั กจิ กรรม/ลำดบั การปฏิบตั ิ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..................
เกณฑ์การพจิ ารณา
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ........................................................
..................
18. แบบประเมินผล 10 %
10 %
แผนการวดั ผลและประเมนิ ผลทง้ั รายวิชา 10 %
- พุทธพิ ิสัย 1) แบบฝึกหดั 30 %
2) ทดสอบหลังเรียน 35 %
3) วัดผลสัมฤทธ์ิ
รวม
- ทกั ษะพิสัย 1) ใบงาน/งานท่ีมอบหมาย
120
2) วัดผลสมั ฤทธ์ิ 15 %
รวม 50 %
- จิตพิสัย 20 %
หมายเหตุ: (คะแนนทดสอบก่อนเรียนไว้สำหรบั เปรียบเทยี บกับคะแนนทดสอบหลงั เรยี น)
19. แบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 2
คำสง่ั จงทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อทถี่ กู ท่ีสุด
1. คอ้ นชนดิ ใดท่ไี มใ่ ช่ดอนหัวอ่อน
ก. ค้อนยาง ข.ค้อนทองเหลือง
ค. ค้อนไม้ ง.คอ้ นหัวแพะ
2. ค้อนชนิดใดทไี่ ม่ใช่คอนหัวแขง็
ก. ค้อนหัวแพะ ข. ค้อนหัวกลม
ค. คอ้ นทองเหลอื ง ง.คอ้ นตีเหลก็
3. ทรงกลมดา้ นบนของค้อนหวั กลม เหมาะสำหรบั งานอะไร
ก. เคาะใหเ้ รยี บ ข. ยำ้ หัวหมุด
ค.ดัดเหล็กเส้น ง.เคาะตะเขบ็
4. ช่างไมค้ วรใช้คอ้ นชนดิ ใด
ก. ค้อนหัวแพะ ข.คอ้ นตเี หล็ก
ค.ค้อนหวั ขวาง ง.ค้อนเดนิ สายไฟ
5. เพราะเหตใุ ดจึงไมค่ วรนำคอ้ นหวั กลมไปตอกตะปู
ก. ผิวหนา้ ไมเ่ รียบเวลาตตี ะปูอาจลนื่ ทำให้ตะปูงอได้
ข. หัวใหญเ่ กนิ ไปเวลาจับตะปูอาจถูกมือผู้ปฏิบัตงิ าน
ค. ถอนตะปูไม่ได้
ง. มีนำ้ หนกั มากเกนิ ไป
6. คอ้ นชนดิ ใดทเ่ี หมาะกับงานทุบผนังปูน
121
ก. ค้อนหวั กลม ข. คอ้ นปอนด์
ค. คอ้ นหวั แพะ ง. ค้อนตีเหลก็
7. ในการพับโลหะแผน่ บาง ไม่ควรใช้ค้อนชนิดใด
ก. ค้อนไม้ ข. ค้อนยาง
ค. ค้อนหวั ขวาง ง. ค้อนทองเหลอื ง
20. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพและบรุ าณการตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
20.1 สรุปผลการจัดการเรียนรู้ ระดับการปฏบิ ัติ
5432 1
รายการ
ดา้ นการเตรียมการสอน
1. จดั หน่วยการเรยี นรไู้ ดส้ อดคล้องกับวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้
2. กำหนดเกณฑ์การประเมนิ ครอบคลุมทงั้ ด้านความรู้ ดา้ นทักษะ และด้านจติ พสิ ยั
3. เตรียมวสั ดุ-อุปกรณ์ สื่อ นวตั กรรม กจิ กรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ก่อนเข้าสอน
ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
4. มีวธิ กี ารนำเขา้ สู่บทเรียนที่นา่ สนใจ
5. มกี ิจกรรมท่ีหลากหลาย เพ่ือช่วยให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ ความเข้าใจ
6. จดั กิจกรรมท่สี ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นค้นควา้ เพ่ือหาคำตอบดว้ ยตนเอง
7. นักเรยี นมีสว่ นร่วมในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
8. จัดกิจกรรมทเ่ี น้นกระบวนการคดิ ( คิดวเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ )
9. กระตนุ้ ใหผ้ ้เู รยี นแสดงความคิดเหน็ อย่างเสรี
10. จดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่เชื่อมโยงกบั ชีวิตจรงิ โดยนำภูมิปัญญา/บุราณการเข้ามามีส่วนร่วม
122
11. จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม
12. มีการเสริมแรงเมือ่ นักเรยี นปฏบิ ัติ หรอื ตอบถูกต้อง
13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน
14. เอาใจใสด่ แู ลผเู้ รยี น อย่างทว่ั ถึง
15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกับเวลาท่กี ำหนด
ด้านสื่อ นวัตกรรม แหล่งการเรยี นรู้
16. ใชส้ อื่ ทเ่ี หมาะสมกบั กิจกรรมและศักยภาพของผู้เรียน
17. ใชส้ ่อื แหลง่ การเรยี นรู้อย่างหลากหลาย เชน่ บุคคล สถานท่ี ของจริง เอกสาร
ส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
ดา้ นการวัดและประเมินผล
18. ผู้เรยี นมสี ว่ นร่วมในการกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล
19. ประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลายและครบทั้งด้านความรู้ ทกั ษะ และจิตพสิ ัย
20. ครู ผเู้ รียน ผ้ปู กครอง หรือ ผู้ทีเ่ กย่ี วข้องมสี ่วนรว่ ม ในการประเมิน
หมายเหตุ ระดับการปฏิบตั ิ 5 = ปฏิบัตดิ เี ยย่ี ม 4 = ปฏิบตั ดิ ี 3 = ปฏิบตั ิพอใช้ รวม
2 = ควรปรับปรงุ 1 = ไม่มกี ารปฏบิ ัติ ค่าเฉล่ยี
20.2 ปญั หาท่ีพบ และแนวทางแกป้ ัญหา
ปัญหาที่พบ แนวทางแกป้ ญั หา
ดา้ นการเตรียมการสอน
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
123
ดา้ นสอื่ นวัตกรรม แหลง่ การเรยี นรู้
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านการวดั และประเมนิ ผล
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ดา้ นอ่ืนๆ (โปรดระบเุ ป็นข้อๆ)
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ลงชอ่ื ........................................................................ ครูผสู้ อน
(....................................................................)
ตำแหนง่ .......................................................................
............../.................................../....................
21. บนั ทกึ การนเิ ทศและตดิ ตาม
วัน-เดอื น-ปี เวลา รายการนิเทศและตดิ ตาม ชื่อ-สกุล ผ้นู ิเทศ ตำแหนง่
124
ตารางวเิ คราะหส์ มรรถนะรายวิชา
โดยบุราณการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รหสั วชิ า………………20100-1003…………….วชิ า………….งานฝกึ ฝมี ือ……….หน่วยกิต………2 (0-6-2)……..
125
ระดับชั้น……….ปวช 2…………..สาขาวชิ า……………ช่างไฟฟา้ กำลงั กลุ่ม 1
ทางสายกลาง
3หว่ ง 2 เง่ือนไข
ความรู้ คณุ ธรรม
ชอ่ื หน่วยการสอน/ พอประมาณ(5)
ีมเหตุผล(5)
สมรรถนะรายวชิ า ีมภู ิมคุ้ม ักน(5)
รอบรู้(5)
รอบคอบ(5)
ระ ัมดระ ัวง(5)
ซ่ือ ัสตย์ ุสจริต(5)
ข ัยนอดทน(5)
ีมส ิตปัญญา(5)
แบ่งปัน(5)
รวม(50)
ลำ ัดบความสำคัญ
หนว่ ยการสอนท่ี 3 - - - 5 2 5 3 5 3 - 23 1
ชือ่ หน่วยการสอน เครือ่ งมือกลทวั่ ไป - -- 5 2 5 3 5 3 -
และเครื่องมือกลเบ้ืองตน้
สมรรถนะประจำหน่วยการสอน - -7 6 5 3 4 1 2 -
3 บอกชนดิ ของเครื่องกลึง
รวม
ลำดบั ความสำคญั
126
แผนการจดั การเรยี นรู้ แบบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชพี
และบุราณการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รหัสวิชา 20100-1003 วชิ า งานฝึกฝีมอื จำนวน 6 ชว่ั โมง
หนว่ ยที่ 3 ชื่อหน่วย เคร่ืองมือกลทว่ั ไปและเคร่ืองมือกลเบื้องตน้
ช่อื เรอื่ ง 3.1 เคร่ืองมือท่ัวไป
3.2 เครื่องมือกลเบ้ืองตน้
แบบฝึกหัดหนว่ ยที่ 3
ใบงานท่ี 3 งานตะไบปรบั ขนาด
1. สาระสำคญั
เคร่ืองมือทั่วไปและเครื่องมือกลเบื้องต้น เป็นเครื่องมือพ้ืนฐานสำคัญ ที่นักเรียนต้องเรียนรู้และเข้าใจ
ถึงลักษณะและวิธีการใช้ให้ถูกต้อง ดังน้ันจึงจำเป็นต้องปรับพื้นความรู้ ความเข้าใจให้เป็นไปในแนวเดียวกัน
และถูกต้องตามหลักการ เพอื่ เพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องมือเคร่ืองจักร
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้
2.1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั เครื่องมือทวั่ ไปและเครอ่ื งมอื กลเบื้องตน้
2.2. ตะไบปรบั ผิวงานตามแบบ
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ทั่วไป
- ดา้ นความรู้
3.1.1. อธิบายวธิ กี ารใช้เครือ่ งมอื ต่าง ๆ
3.1.2. บอกประโยชน์ของเครื่องกลงึ
3.1.3. บอกชนิดของเครือ่ งกลงึ
3.1.4. อธิบายหน้าท่ีและสว่ นประกอบของเครอ่ื งกลงึ
3.1.5. บอกขน้ั ตอนการใช้เครอื่ งกลงึ และการบำรุงรกั ษาเครือ่ งกลึง
3.2 จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
- ด้านทกั ษะ
3.2.1. เตรยี มช้ินงานตะไบ
3.2.2. ตะไบปรับผิวงาน
127
3.2.3. บำรุงรักษาตะไบ
3.2.4. ใช้ตะไบได้ถูกต้องและปลอดภัย
3.2.5. ตรวจสอบผวิ งานและความฉาก
3.2.6. ทำความสะอาดบรเิ วณพ้ืนที่ปฏิบตั งิ าน
4. เน้อื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้
4.1 ด้านความรู้
4.1.1 เคร่อื งมอื ท่ัวไป
4.1.1.1 ไขควง (Screwdrivers)
ไขควงป ากแบ น ห รือไขควงธรรมดา (Common Screwdrivers) ไขควงป ากแฉก (Phillips Head
Screwdriver) ไขควงหัวคลัตซ์ (Clutch Head Screwdriver) ไขควงออฟเสท (Offset Screwdriver) ไข
ควงสตาร์ตตงิ (Starting Screwdriver)
4.1.1.2 คอ้ น (Hammers)
ก) คอ้ นหัวแข็ง (Hard Hammers)
ข) ค้อนหัวกลม (Ball Peen Hammer) ค้อนหัวตรง (Straight Peen Hammer)
คอ้ นหวั ขวาง (Cross Peen Hammer) ค้อนตีเหล็ก ค้อนเดนิ สายไฟ (Electrician Hammer) ค้อนช่างไม้หรือ
ค้อนหัวแพะ (Claw Hammer) ค้อนขนาดใหญ่หรือค้อนพะเนิน (Heavy Hammer)
ฃ) คอ้ นหวั อ่อน (Soft Hammer)
ค)ค้อนทองเหลือง (Brass Hammer) ค้อนพลาสติก (Plastic Hammer) ค้อนยาง
(Rubber Hammer) ค้อนไม้ (Wood Mallet)
4.1.1.3 คมี (Pliers)
คีมเลอ่ื น คมี ตดั คีมตัดข้าง คมี ปากจ้งิ จก คมี ลอ็ ก คมี ถอดแหวนล็อก
4.1.1.4 ประแจ (Wrenches)
ประแจปากตาย ประแจเลือ่ น ประแจแหวน ประแจจับทอ่ ประแจกระบอก
ประแจแอล ประแจขอ
4.1.1.5 กรรไกร (Snips)
แบบใบมีดตัดตรง แบบใบมีดตัดผสม
4.1.1.6 ปากกาจับงาน (Bench Vises)
4.1.2 เคร่อื งมอื กลเบ้อื งต้น
4.1.2.1 เคร่อื งกลึง (Lathe Machines)
4.1.2.2 ชนดิ ของเครือ่ งกลงึ
128
4.1.2.3 ขนาดของเครือ่ งกลงึ
4.1.2.4 หน้าทแี่ ละสว่ นประกอบของเครอื่ งกลึง
4.1.2.5 การบำรงุ รกั ษาเคร่อื งกลึง
4.1.2.6 ความปลอดภัยในการใชเ้ ครอื่ งกลงึ
4.1.2.7 ประโยชนข์ องเครื่องกลงึ
4.1.2.8 การใชเ้ ครอ่ื งกลงึ
4.2 ดา้ นทักษะหรือการประยุกต์ใช้
4.2.1. เตรยี มชิ้นงานตะไบ
4.2.2. ตะไบปรบั ผิวงาน
4.2.3. บำรงุ รักษาตะไบ
4.2.4. ใช้ตะไบได้ถูกตอ้ งและปลอดภยั
4.2.5. ตรวจสอบผวิ งานและความฉาก
4.3 ดา้ นคณุ ธรรม/ จริยธรรม/ และคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคแ์ ละบรุ าณการตามหลักปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียง
ตรงตอ่ เวลา มวี ินัย มคี วามรบั ผดิ ชอบ ละเอียดรอบคอบ สนใจใฝร่ ู้ มคี วามซื่อสตั ย์ มเี หตุผล
ประหยดั และปฏบิ ตั ิตนในแนวทางทีด่ ี
5. กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรอื การเรยี นรู้
ข้ันตอนการสอนหรอื กจิ กรรมครู ขัน้ ตอนการเรียนหรอื กิจกรรมของผเู้ รียน
ขั้นเตรยี ม(จำนวน 10 นาที) นักเรียน :- ตอบฟง้ ครูขานชื่อ
ครู:- ขานชอ่ื ผ้เู รยี น
ครู:-แนะนำรายวิชา วิธกี ารเรียนการสอน การวดั ผล
และประเมินผล
ครู :- สรปุ ในสัปดาห์น้เี ราจะมาศกึ ษากนั เกยี่ วกับ นกั เรยี น:- ตอบ คำถามท่ีครูถาม
ความปลอดภัยทวั่ ไป และเคร่ืองมือ อปุ กรณ์ความ
ปลอดภัย
ครู :- ถามนกั เรยี น ถา้ นักเรยี นทำงานช้นิ หนงึ่ สำเร็จ นักเรยี น :- ตอบ ช้ินงานสำเรจ็ โดยไม่เกิดอบุ ตั ิเหตุ
โดยทีไ่ มเ่ กิดอุบัติเหตุ กบั ชิน้ งานสำเรจ็ แต่
ครู :- ให้นักเรียนทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยท่ี 2
129
ครู :- ต้ังคำถามเพ่ือนำเข้าสู่บทเรียนเร่ือง เครื่องมือ
ท่วั ไป
ขั้นการสอน(จำนวน 30 นาท)ี
ทฤษฎี ( ใช้วิธีการสอนแบบบรรยาย และถาม-ตอบ
)
ครู :- บรรยายเกี่ยวกับคำอธิบายรายวิชา จุดประสงค์
รายวิชา การแบ่งคะแนนระหว่างภาค และปลายภาค
การวัดผลประเมินผล
ครู :- บรรยายเกี่ยวกับความปลอดภัย เครื่องมือ
ทวั่ ไป และเครอ่ื งมอื กลเบ้ืองตน้
ขนั้ สรุป (จำนวน 20 นาที)
ครู :- สรปุ เนื้อหาสาระสำคญั ในบทเรียนให้นกั เรียน
ตระหนกั ถึงความสำคญั ปัญหาท่ีเกิดขึน้ และ
แนวทางการแกไ้ ขปัญหาทัง้ ทฤษฎีและปฏิบตั ิ
ครู :- ให้นักเรยี นทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 2
6. ส่อื การเรียนการสอน/การเรยี นรู้
6.1 ส่ือส่ิงพิมพ์
6.1.1. หนังสืองานฝึกฝมี ือ 1 รหสั 2100-1003 หนว่ ยที่ 2
6.1.2. แบบประเมินผลการเรยี นรแู้ ละแบบประเมินพฤตกิ รรม หนว่ ยที่ 2
6.2 สื่อของจริง
6.3.1. ใบงานท่ี 2/เครื่องมอื วสั ดอุ ุปกรณใ์ นการปฏบิ ัติงาน
7. แหล่งการเรียนการสอน/การเรียนรู้
7.1 ภายในสถานศึกษา
7.1.1. ห้องสมุดวทิ ยาลยั ศูนยว์ ิทยบุ ริการ ห้อง Internet
8. งานที่มอบหมาย
ตรวจสอบ/จัดทำแบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 2 และใบงานท่ี 2 ให้เสรจ็ สมบูรณ์ ส่งในครง้ั ตอ่ ไป
9. ผลงาน/ชน้ิ งาน ที่เกิดจากการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น
1. ผลการปฏบิ ตั ิตามใบงานที่ 2 งานตะไบปรบั ขนาด
2. ผลจากการทำแบบฝกึ หัดหน่วยท่ี 2
130
3. ผลจากการทดสอบหลังเรียนหนว่ ยท่ี 2
10. เอกสารอา้ งอิง
ประสาน คงจนั ทร์. (2556). งานฝกึ ฝมี ือ นนทบรุ ี: ศูนย์หนงั สือเมืองไทย.
11. การบรู ณาการ/ความสัมพนั ธก์ บั รายวิชาอ่ืน
12. หลกั การประเมนิ ผลการเรยี น
12.1 ก่อนเรยี น
12.1.1. ใชส้ มดุ บนั ทกึ เวลาเรียนฯ ขานชื่อผู้เรียนและตรวจการตรงต่อเวลา
12.1.2. ใช้แบบสังเกตความพรอ้ มในการเรียน ประเมนิ ความพร้อม เช่น มีหนังสือ สมุด
12.1.3. ปากกา การแต่งกาย เปน็ ตน้
12.2 ขณะเรียน
12.2.1.ใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรม สงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝ่รู้ ความรับผดิ ชอบตอ่ การ
ปฏิบตั ิงาน
12.3 หลังเรยี น
12.3.1. ภาคทฤษฎี แบบประเมนิ ผลหลงั การเรียนรู้ผา่ นเกณฑ์การประเมิน 50%
12.3.2. ภาคปฏบิ ัติ ประเมินการฝึกปฏบิ ตั ิตามใบงานท่ี 1 ส่งงานตามขอ้ กำหนด
13. รายละเอียดการประเมินผลการเรียน
จุดประสงค์ข้อที่ 1 อธบิ ายวธิ ีการใช้เครอ่ื งมือต่าง ๆ
1. วิธกี ารประเมนิ : แบบประเมินผลการเรียนร้แู ละแบบประเมนิ พฤติกรรม หนว่ ย
ท่ี 2
2. เคร่ืองการประเมนิ : ใบงานท่ี 2/เคร่ืองมือ วสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการปฏิบตั งิ าน
3. เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมนิ ผลหลงั การเรียนรู้ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
4. เกณฑ์การผา่ น : 50%
จดุ ประสงค์ข้อที่ 2 บอกข้ันตอนการใช้เคร่ืองกลงึ และการบำรงุ รกั ษาเครอื่ งกลงึ
1. วิธีการประเมิน : แบบประเมนิ ผลการเรียนรแู้ ละแบบประเมนิ พฤติกรรม หนว่ ย
ที่ 2
2. เครอ่ื งการประเมนิ : ใบงานที่ 2/เคร่ืองมือ วัสดอุ ปุ กรณใ์ นการปฏิบัติงาน
131
3. เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมนิ ผลหลังการเรยี นรู้ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
4. เกณฑ์การผา่ น : 50%
14. แบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยการสอนท่ี 2 ช่อื หนว่ ยการสอน เครอื่ งมือกลท่ัวไปและเครื่องมือกลเบ้ืองต้น
วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือ แสดงความร้เู กย่ี วกับเครอ่ื งมอื ทั่วไปและเครือ่ งมือกลเบ้ืองตน้
ขอ้ คำถาม
เคร่อื งเจาะมีหนา้ ทที่ ำอะไร
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ตอบ เครอื่ งเจาะมหี น้าทีห่ ลักทส่ี ำคัญ คือ ใชจ้ บั ดอกสว่านเพ่ือเจาะรชู ัน้ งานตามทตี่ ้องการจับดอก
สวา่ นเพอื่ ควา้ นเจาะรูเรียบ(รีมเมอร์)โดยใชแ้ รงขับจารมอเตอรไ์ ฟฟ้าเปน็ ตวั ขบั ดันและส่งกำลงั ไปยังหัวขบั ดอก
สว่านดว้ ยเฟอื ง
15. แบบทดสอบหลงั เรียน
หนว่ ยการสอนท่ี 2 ชอ่ื หนว่ ยการสอน เคร่ืองมอื กลท่ัวไปและเคร่อื งมือกลเบื้องต้น
วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือ แสดงความรเู้ กยี่ วกบั เครอื่ งมอื ทัว่ ไปและเครอ่ื งมือกลเบื้องต้น
ข้อคำถาม
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..................
เคร่ืองกลงึ (Lathe)
เป็นเคร่ืองจักรท่ีสำคัญมากในงานอุตสาหกรรมทั่วไป เป็นเคร่ืองจักรที่สามารถปฏิบัติงานได้หลาย
อย่าง เช่น ใช้เจาะ ใช้ลดขนาด และใช้ขึ้นรูปชิ้นงาน เป็นต้น ใช้แรงขับดันจากมอเตอร์ ส่งกำลังไปยังหัว
จบั ชิน้ งานซึ่งปฏิบัติงานในลักษณะหมนุ ในแนวนอน มีสว่ นประกอบต่างๆ ดงั แสดงในรปู ที่ 3.26
132
รูปท่ี 3.26 แสดงส่วนต่าง ๆ ของเครื่องกลึง
เคร่อื งกลงึ มีส่วนท่สี ำคัญซงึ่ นกั ศึกษาจะตอ้ งนำมาใช้ในการปฏิบัติงาน ดงั น้ัน จงึ จำเป็นอย่างยง่ิ ที่ต้อง
รูจ้ ักและศึกษาวธิ กี ารใช้งานให้ถกู ต้อง
เครื่องเลอื่ ย
เคร่ืองเลื่อยเป็นเครื่องจักรกลข้ันพ้ืนฐานที่สำคัญ อย่างมากในงานอุตสาหกรรม ในการปฏิบัติงานแต่ละครั้ง
น้ัน ช้ินงานต้องผา่ นการเลอ่ื ยให้ได้ขนาดใกล้เคยี งอย่างหยาบๆ กอ่ น ต่อจากน้ันจึงนำไปข้ึนรูปให้มีรูปร่างและ
ขนาดทถ่ี ูกต้องอกี ครั้งหน่งึ เคร่อื งเลื่อยท่ีใชใ้ นงานอตุ สาหกรรมมีอยู่หลายแบบ ดงั น้ี
1. เครื่องเลื่อยกลแบบชกั เคร่อื งเลอื่ ยกลชนดิ นี้นยิ านำมาใช้งานกันมาก เนอื่ งจากใชง้ าน
ตัดได้ดี และมีราคาถูกใบเล่ือยจะตัดเฉือนช้ินงานในระยะชักกลับโดยอาศัยแรงขับดันจากมอเตอรไ์ ฟฟ้า โครง
เลื่อยทำจากเหล็กหล่อเพื่อป้องกันการส่ันสะเทือน ใช้ใบเล่ือยชนิดฟันสลับขนาด 36 น้ิว ดังแสดงในรูปท่ี
3.27
รปู ท่ี 3.27 แสดงลกั ษณะของเคร่ืองเล่ือยแบบชกั ชนดิ งานเบา ( ก ) และชนิดงานหนัก ( ข )
133
2. เคร่ืองเลื่อยวงเดือน เป็นเคร่ืองเลื่อยอีกแบบหน่ึงที่นำมาใช้ตัดโลหะในงาน
อุตสาหกรรมเล่ือยชนิดน้ีเม่ือนำมาตัดเหล็กซึ่งแข็งจะใช้เวลาในการตัดมาก แต่จะใช้งานได้ดีเมื่อนำมาทำการ
ตัดวัสดุท่ีอ่อนโดยใช้ความเร็วรอบสูง เช่น ตัดไม้ ตัดอลูมิเนียม เป็นต้น ใบตัดของเล่ือยวงเดือน ทำจาก
เหล็กเครอื่ งมอื หรอื เหลก็ กลา้ ผสมสูงมีลักษณะเปน็ แผ่นกลมมีคมติดอยู่โดยรอบดงั แสดงในรปู ที่ 3.28
รูปที่ 3.28 แสดงลกั ษณะของเลอื่ ยวงเดอื น
134
สรปุ
การเกดิ อุบัติเหตุมีสาเหตุมาจาก
1. ความประมาทเลนิ เลอ่ ของผู้ปฏบิ ตั งิ าน
2. เกดิ จากเคร่ืองมือเครื่องจักรที่ชำรุด
การปอ้ งกันอุบัติเหตุ สามารถกระทำไดโ้ ดย
1. สวมใส่อปุ กรณ์ป้องกนั อุบัตเิ หตุ เช่น หน้ากาก แวน่ ตา และหน้ากากกนั ฝนุ่ ละออง
เป็นตน้
2. กำหนดสัญลักษณ์ความปลอดภยั สามารถกำหนดไดโ้ ดย
- ใชส้ ีแสดงถงึ อันตรายหรือความปลอดภยั เช่น สแี ดง หมายถึง สัญลกั ษณ์เตือนให้
ระวังอนั ตราย เป็นต้น
- เครอ่ื งหมายหา้ ม
- เครอ่ื งหมายบังคบั
- เครื่องหมายสภาวะปลอดภยั
- เครอ่ื งหมายเตือน
135
17. ใบงานที่ ........
หนว่ ยการสอนที่ ......... ชือ่ หนว่ ยการสอน
..............................................................................................................
ช่อื หัวข้อเรอ่ื ง ………………...…………………………………………………………………………………
จดุ ประสงค์ เพื่อ
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..................
ลำดบั กิจกรรม/ลำดบั การปฏบิ ัติ
....................................................................................................................................... .......................................
............................................................................................ ..................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..................
เกณฑ์การพิจารณา
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..................
18. แบบประเมนิ ผล
แผนการวดั ผลและประเมินผลท้งั รายวชิ า
- พทุ ธพิ ิสัย 1) แบบฝึกหัด 10 %
2) ทดสอบหลังเรียน 10 %
3) วดั ผลสมั ฤทธ์ิ 10 %
รวม 30 %
- ทักษะพสิ ัย 1) ใบงาน/งานที่มอบหมาย 35 %
2) วดั ผลสัมฤทธิ์ 15 %
รวม 50 %
- จติ พิสัย 20 %
หมายเหตุ: (คะแนนทดสอบก่อนเรียนไวส้ ำหรบั เปรยี บเทียบกับคะแนนทดสอบหลังเรียน)
136
19. แบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 2
คำสั่งจงทำเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงหนา้ ขอ้ ทถี่ ูกทสี่ ุด
3. ค้อนชนิดใดท่ีไม่ใช่ดอนหัวอ่อน
ก. คอ้ นยาง ข.ค้อนทองเหลือง
ค. ค้อนไม้ ง.คอ้ นหวั แพะ
4. คอ้ นชนิดใดทีไ่ ม่ใช่คอนหัวแข็ง
ก. ค้อนหัวแพะ ข. คอ้ นหัวกลม
ค. ค้อนทองเหลือง ง.ค้อนตเี หลก็
3. ทรงกลมด้านบนของค้อนหวั กลม เหมาะสำหรบั งานอะไร
ก. เคาะใหเ้ รยี บ ข. ย้ำหวั หมุด
ค.ดดั เหล็กเสน้ ง.เคาะตะเขบ็
4. ช่างไมค้ วรใชค้ ้อนชนิดใด
ก. คอ้ นหวั แพะ ข.ค้อนตีเหลก็
ค.ค้อนหวั ขวาง ง.ค้อนเดินสายไฟ
5. เพราะเหตใุ ดจงึ ไมค่ วรนำค้อนหัวกลมไปตอกตะปู
ก. ผวิ หน้าไม่เรยี บเวลาตีตะปูอาจลน่ื ทำให้ตะปงู อได้
ข. หวั ใหญ่เกนิ ไปเวลาจับตะปูอาจถูกมือผปู้ ฏบิ ตั ิงาน
ค. ถอนตะปไู ม่ได้
ง. มีน้ำหนักมากเกินไป
6. ค้อนชนิดใดท่ีเหมาะกับงานทุบผนังปูน
ก. คอ้ นหัวกลม ข. คอ้ นปอนด์
ค. คอ้ นหัวแพะ ง. ค้อนตีเหลก็
7. ในการพับโลหะแผน่ บาง ไมค่ วรใช้คอ้ นชนดิ ใด
ก. คอ้ นไม้ ข. ค้อนยาง
137
ค. คอ้ นหัวขวาง ง. ค้อนทองเหลอื ง
20. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชพี และบรุ าณการตามหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
20.1 สรุปผลการจดั การเรียนรู้ ระดับการปฏบิ ัติ
5432 1
รายการ
ดา้ นการเตรียมการสอน
1. จัดหน่วยการเรียนรไู้ ด้สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้
2. กำหนดเกณฑก์ ารประเมินครอบคลุมทั้งดา้ นความรู้ ดา้ นทักษะ และดา้ นจติ พิสัย
3. เตรยี มวสั ดุ-อุปกรณ์ สอื่ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรยี นรู้ก่อนเขา้ สอน
ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
4. มวี ิธีการนำเข้าสบู่ ทเรียนที่นา่ สนใจ
5. มีกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย เพื่อชว่ ยใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรียนรู้ ความเข้าใจ
6. จัดกจิ กรรมทีส่ ่งเสรมิ ให้ผู้เรียนค้นควา้ เพื่อหาคำตอบดว้ ยตนเอง
7. นักเรียนมสี ว่ นรว่ มในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
8. จัดกจิ กรรมท่เี น้นกระบวนการคดิ ( คิดวิเคราะห์ คดิ สงั เคราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ )
9. กระตนุ้ ให้ผู้เรยี นแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
10. จัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่เช่ือมโยงกับชีวิตจรงิ โดยนำภูมปิ ญั ญา/บรุ าณการเข้ามามีสว่ นร่วม
11. จดั กิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
12. มกี ารเสริมแรงเมอื่ นักเรียนปฏบิ ตั ิ หรือตอบถูกต้อง
13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผ้เู รยี น
14. เอาใจใสด่ แู ลผู้เรียน อย่างทว่ั ถงึ
138
15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด
ด้านส่ือ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้
16. ใชส้ อื่ ท่เี หมาะสมกบั กจิ กรรมและศักยภาพของผู้เรียน
17. ใช้ส่อื แหลง่ การเรยี นรู้อย่างหลากหลาย เชน่ บุคคล สถานท่ี ของจริง เอกสาร
ส่ืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และอนิ เทอร์เน็ต เปน็ ตน้
ด้านการวดั และประเมินผล
18. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล
19. ประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลายและครบท้ังดา้ นความรู้ ทกั ษะ และจิตพิสยั
20. ครู ผูเ้ รียน ผู้ปกครอง หรือ ผู้ท่ีเก่ยี วข้องมีสว่ นร่วม ในการประเมนิ
หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ตั ิ 5 = ปฏบิ ัติดเี ยยี่ ม 4 = ปฏบิ ตั ดิ ี 3 = ปฏิบตั พิ อใช้ รวม
2 = ควรปรับปรุง 1 = ไม่มีการปฏบิ ตั ิ คา่ เฉลย่ี
20.2 ปัญหาทพ่ี บ และแนวทางแก้ปัญหา
ปญั หาท่ีพบ แนวทางแก้ปญั หา
ด้านการเตรยี มการสอน
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านสื่อ นวตั กรรม แหลง่ การเรยี นรู้
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
139
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านการวัดและประเมินผล
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ด้านอ่นื ๆ (โปรดระบเุ ป็นข้อๆ)
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
..................................................................................... .....................................................................................
ลงชื่อ ........................................................................ ครูผสู้ อน
(....................................................................)
ตำแหน่ง .......................................................................
............../.................................../....................
21. บันทกึ การนิเทศและติดตาม
วนั -เดอื น-ปี เวลา รายการนเิ ทศและตดิ ตาม ชื่อ-สกุล ผนู้ เิ ทศ ตำแหน่ง
140
ตารางวเิ คราะห์สมรรถนะรายวิชา
โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
รหัสวิชา………………20100-1003…………….วชิ า………….งานฝึกฝีมือ…………….หนว่ ยกติ ………2 (0-6-2)……..
ระดบั ชัน้ ……….ปวช 2 …………..สาขาวิชา……………ช่างไฟฟ้ากำลงั กลมุ่ 1
ทางสายกลาง
3ห่วง 2 เงอ่ื นไข
รวม
(ล5ำ0 ัด)บ
ความส
ำคัญ
141
ความรู้ คณุ ธรรม
ช่อื หนว่ ยการสอน/ พอประมาณ(5)
สมรรถนะรายวชิ า ีมเห ุตผล(5)
ีมภู ิมคุ้มกัน(5)
รอบรู้(5)
รอบคอบ(5)
ระ ัมดระ ัวง(5)
ซื่อ ัสตย์ ุสจริต(5)
ข ัยนอดทน(5)
ีมสติปัญญา(5)
แบ่งปัน(5)
หน่วยการสอนที่ 4 1 2 3 5 5 5 4 5 5 3 38 1
ช่อื หน่วยการสอน งานตะไบ 1 1 1 2 5 5 3 5 3 3 29 2
สมรรถนะประจำหนว่ ยการสอน 2 3 1 2 3 1 3 4 3 3 25 3
4.1 ตะไบและชนดิ ของตะไบ 3 6 5 9 13 11 10 14 11 9 92
4.2 ชนดิ ของคมตะไบ
4.3 หลักของการตะไบ 8675234 1 3 5
รวม
ลำดับความสำคญั
แผนการจัดการเรยี นรู้ แบบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชพี
และบรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
142
รหสั วชิ า .......20100-1003...... วชิ า ......................งานฝกึ ฝมี ือ..............................
หน่วยท่ี ........4...... ชื่อหนว่ ย ...........งานตะไบ.......... จำนวน ........6......ชวั่ โมง
ช่อื เร่ือง..
1 ตะไบและชนดิ ของตะไบ
2 ชนดิ ของคมตะไบ
3 หลักของการตะไบ
4 ทา่ ตะไบ
5 การกำหนดความถ–่ี หยาบของตะไบ
6 ขอ้ ควรระวังในการตะไบและบำรงุ รักษา
แบบฝึกหดั หนว่ ยที่ 5
ใบงานท่ี 5 งานลบั คมตัดดอกสว่าน
1. สาระสำคัญ
งานตะไบเป็นงานขั้นพ้ืนฐาน ซึ่งนักเรียนท่ีเร่ิมเรียนช่างอุตสาหกรรมทุกคนจะต้องเรียนรู้และ
ให้ความสำคัญ ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีเครื่องจักรท่ีทันสมัย ในการทำให้ผิวเรียบแต่ก็ยังมี ความจำเป็นต้องใช้
ตะไบในการทำงานเป็นประจำ ตะไบเป็นเครื่องมือใช้สำหรับลดขนาดของชิ้นงาน ตกแต่งผิวงานให้เรียบเพ่ือ
งานประกอบช้ินส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งการตัดเฉือนของตะไบจะอาศัยคมตัดที่เรียกว่าฟันตะไบ ในการปฏิบัติงาน
แตล่ ะครั้งความปลอดภยั เป็นสิง่ สำคญั ท่ีสดุ สำหรบั ชา่ งทุกคน
2. สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้
เลอื กใช้ตะไบในการตกแต่งผวิ ชิน้ งานตามลกั ษณะงาน
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ท่ัวไป
1. บอกวธิ ีการป้องกันอันตรายจากการใช้เคร่ืองมอื
2.อธิบายลกั ษณะตะไบและชนดิ ของตะไบ
3.บอกชนิดของคมตะไบ
4.อธบิ ายหลักการทำงานของตะไบ
3.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. ใชเ้ ครอื่ งเจยี ระไนได้ถกู ตอ้ งและปลอดภัย
2. ลบั ดอกสว่าน
143
4. เน้อื หาสาระการสอน/การเรียนรู้
4.1 ด้านความรู้
ตะไบและชนดิ ของตะไบ
4.1.1 ตะไบ (Files)
ตะไบ คือ เคร่ืองมือสำหรับลดขนาดของวัสดุให้มีผิวเรียบได้ขนาดตามต้องการ โดยใช้ฟัน
ตะไบตดั ชนิ้ งาน ตะไบทำมาจากเหลก็ กลา้ คาร์บอนสงู
4.1.2 ชนดิ ของตะไบ
ตะไบแบน ตะไบท้องปลงิ ตะไบกลมหรือตะไบหางหนู ตะไบสีเ่ หลย่ี ม ตะไบสามเหลี่ยม
4.2 ชนดิ ของคมตะไบ
ลกั ษณะคมตัดเด่ยี ว ลักษณะคมตดั คู่และลกั ษณะคมตัดโค้ง
4.3 หลักของการตะไบ
4.3.1 วิธจี บั ตะไบ
4.3.2 วิธีการใช้ตะไบ
4.3.3 การใส่และถอดด้ามตะไบ
4.4 ทา่ ตะไบ
4.5 การกำหนดความถี่–หยาบของตะไบ
4.6 ข้อควรระวังในการตะไบและบำรุงรกั ษา
1. ควรใชต้ ะไบที่มีดา้ ม เพราะตะไบท่ีไม่มดี า้ มทำใหเ้ กิดอนั ตรายแกผ่ ูป้ ฏบิ ตั ิงานได้
2. ควรทำความสะอาดตะไบด้วยแปรงเหลก็ ตามแนวร่องฟนั คมตะไบเสมอ
ฯลฯ
4.2 ดา้ นทกั ษะหรือการประยุกตใ์ ช้
- ดา้ นทกั ษะ
1. ใช้เครื่องเจยี ระไนได้ถูกต้องและปลอดภยั
144
2. ลับดอกสว่าน
3. ตรวจสอบมุมดอกสว่าน
4. ทำความสะอาดบริเวณพนื้ ท่ปี ฏบิ ัติงาน
6. ทำความสะอาดบรเิ วณพ้ืนท่ปี ฏบิ ัตงิ าน
4.3 ดา้ นคณุ ธรรม/ จริยธรรม/ และคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงคแ์ ละบรู ณาการตามหลกั ปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียงตรงตอ่ เวลา มวี นิ ยั มคี วามรับผดิ ชอบ ละเอียดรอบคอบ สนใจใฝ่รู้ มีความซ่อื สตั ย์ มีเหตผุ ล
ประหยัด และปฏบิ ัตติ นในแนวทางที่ดี
5. กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรือการเรียนรู้
ขัน้ ตอนการสอนหรือกิจกรรมครู ขนั้ ตอนการเรยี นหรือกจิ กรรมของผ้เู รยี น
ขนั้ เตรยี ม(จำนวน......15.......นาท)ี ข้นั เตรยี ม
ครูขานช่อื ผูเ้ รยี น
ครูทบทวน ใหข้ ้อมลู ย้อนกลบั เกี่ยวกับส่งิ แวดลอ้ ม
และความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
ขน้ั การสอน(จำนวน.......30.......นาที)
ครใู ห้นักเรยี นทดสอบก่อนเรยี น หน่วยที่ 5
ครูตั้งคำถามเพื่อนำเข้าสู่บทเรียนเรื่อง การตะไบ
(โดยมุ่งเน้นส่ิงที่นักเรียนได้ปฏิบัติไปแล้วตามใบงาน
ท่ี 1)
นกั เรียนตอบคำถามทคี่ รูถาม
ครอู ธบิ าย ถาม-ตอบเน้ือหาเก่ียวกับงานตะไบ นกั เรียนจดบันทึกสาระสำคญั ท่คี รอู ธิบาย
ค รู ส า ธิ ต ก า ร ลั บ ค ม ตั ด ด อ ก ส ว่ า น แ ล ะ ให้ นั ก เรี ย น
ปฏิบัติงานตามใบงานท่ี 5 (หากผลการปฏิบัติตามใบ
งานท่ี 1-2 ยังไม่เรียบร้อย ให้นักเรียนปฏิบัติอย่าง
ต่อเนอ่ื งตอ่ ไป)
ครูให้นักเรียนทดสอบหลังเรยี นหน่วยท่ี 4
ขั้นสรปุ (จำนวน........15........นาที)
145
ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญในบทเรียนให้นักเรียน
ตระหนักถึงความสำคัญ ปัญหาท่ีเกิดขึ้น และ
แนวทางการแก้ไขปัญหาทง้ั ทฤษฎีและปฏิบัติ
6. สอื่ การเรียนการสอน/การเรียนรู้
6.1 สื่อส่งิ พิมพ์
1. หนงั สืองานฝึกฝมี ือ 1 รหัส 2100-1003 หน่วยท่ี 5
2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นร้แู ละแบบประเมนิ พฤติกรรม หนว่ ยท่ี 5
3. ใบงานที่ 5/เครื่องมือ วสั ดอุ ุปกรณ์ในการปฏิบัตงิ าน
4. หอ้ งสมุดวทิ ยาลัย ศูนย์วิทยบริการ หอ้ ง Internet
6.2 ส่ือโสตทัศน์
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
6.3 ส่ือของจรงิ
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................................ ......
7. แหล่งการเรียนการสอน/การเรียนรู้
7.1 ภายในสถานศึกษา
หอ้ งสมุดวทิ ยาลัย ศูนย์วทิ ยบรกิ าร ห้อง Internet
146
7.2 ภายนอกสถานศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
8. งานที่มอบหมาย
ตรวจสอบ/จัดทำแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5 และใบงานท่ี 5 ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ ส่งในครั้งต่อไป
8.1 ก่อนเรียน
1) ใชส้ มดุ บันทึกเวลาเรียนฯ ขานชอื่ ผเู้ รยี นและตรวจการตรงตอ่ เวลา
2) ใชแ้ บบสงั เกตความพร้อมในการเรียน ประเมินความพร้อม เช่น มีเคร่ืองมือ หนังสือ
สมุด ปากกา การแตง่ กาย เป็นตน้
8.2 ขณะเรยี น
1) ใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรม สังเกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรับผดิ ชอบ
ต่อการปฏิบตั ิงาน
8.3 หลังเรียน
1) ภาคทฤษฎี แบบประเมินผลหลงั การเรียนรู้ผา่ นเกณฑ์การประเมิน 50%
2) ภาคปฏบิ ัติ ประเมนิ การฝึกปฏบิ ัตติ ามใบงานท่ี 5 ส่งงานตามขอ้ กำหนด
9. ผลงาน/ช้ินงาน ที่เกดิ จากการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น
1. ผลการปฏบิ ัตติ ามใบงานที่ 5 งานตะไบ
2. ผลจากการทำแบบฝกึ หดั หนว่ ยท่ี 5
3. ผลจากการทดสอบหลังเรียนหน่วยท่ี 5
10. เอกสารอา้ งองิ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
11. การบรู ณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั รายวชิ าอืน่
147
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
12. หลกั การประเมนิ ผลการเรยี น
12.1 ก่อนเรียน
1) ใช้สมดุ บนั ทึกเวลาเรียนฯ ขานชือ่ ผเู้ รยี นและตรวจการตรงต่อเวลา
2) ใช้แบบสงั เกตความพร้อมในการเรียน ประเมนิ ความพร้อม เช่น มีเครื่องมือ หนังสอื
สมุด ปากกา การแตง่ กาย เป็นตน้
12.2 ขณะเรยี น
1) ใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรม สังเกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรับผิดชอบ
ตอ่ การปฏบิ ัตงิ าน
12.3 หลังเรียน
1) ภาคทฤษฎี แบบประเมินผลหลงั การเรียนรู้ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 50%
2) ภาคปฏบิ ัติ ประเมินการฝึกปฏบิ ัติตามใบงานที่ 5 ส่งงานตามขอ้ กำหนด
13. รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรยี น
จดุ ประสงคข์ ้อท่ี 1 อธบิ ายลกั ษณะตะไบและชนิดของตะไบ
1. วธิ กี ารประเมิน : แบบประเมินผลการเรียนรแู้ ละแบบประเมินพฤติกรรม หน่วย
ท่ี 5
2. เครอ่ื งการประเมนิ : ประเมนิ การฝึกปฏบิ ตั ติ ามใบงานที่ 5 งานลบั คมตดั ดอกสว่าน
ส่งงานตามข้อกำหนด
3. เกณฑ์การประเมิน : แบบประเมินผลหลังการเรยี นรู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4. เกณฑ์การผา่ น : 50%
จุดประสงคข์ อ้ ที่ 2 บอกชนิดของคมตะไบ