ย่อคำพพิ ำกษำศำลปกครองกลำง
ผฟู้ อ้ งคดี สหกรณ์ออมทรัพย์ จำกัด
ผูถ้ ูกฟ้องคดี นำยทะเบยี นสหกรณ์ ท่ี 1 กับพวกรวม 3 คน
กรณเี รอื่ ง คดีพิพำทเก่ียวกับกำรที่หน่วยงำนทำงปกครองหรือเจ้ำหน้ำที่ของรัฐกระทำกำรโดย
ไมช่ อบดว้ ยกฎหมำย
กฎหมำยท่เี กี่ยวข้อง มำตรำ 20 แหง่ พระรำชบัญญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2542
คดีน้ีศำลปกครองกลำงได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องของสหกรณ์ฯ (ผู้ฟ้องคดี) ไว้พิจำรณำและ
ใหจ้ ำหน่ำยคดอี อกจำกสำรบบควำม ด้วยศำลเห็นว่ำ กำรทีร่ องนำยทะเบียนสหกรณ์ (ผ้ถู ูกฟอ้ งคดที ี่ 2) มีคำส่ัง
รองนำยทะเบียนสหกรณ์ ท่ี (สสพ.1) 2/2562 ลงวันท่ี 23 ธันวำคม 2562 ให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่
วิสำมัญสหกรณ์ฯ เมื่อวนั ที่ 11 ตลุ ำคม 2562 เป็นกำรใช้อำนำจตำมมำตรำ 20 แห่งพระรำชบญั ญัตสิ หกรณ์
พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม เพิกถอนกำรลงมติของที่ประชุมใหญ่ท่ีฝ่ำฝืนกฎหมำย ซ่ึงมีผลกระทบต่อ
สถำนภำพของสิทธิหรือหน้ำท่ีในกำรดำเนินกิจกำรของผู้ฟ้องคดี อันมีลักษณะเป็นคำส่ังทำงปกครอง จึงเป็น
คดีพิพำทเก่ียวกับกำรที่หน่วยงำนทำงปกครองหรือเจ้ำหน้ำที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย
เม่ือผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 2 มีหนังสือแจ้งคำส่ังดังกล่ำว ลงวันที่ 23 ธันวำคม 2562 ผู้ฟ้องคดีจึงต้องย่ืนอุทธรณ์
ภำยในสำมสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งคำส่ังดังกล่ำว คือ ภำยในวันที่ 22 มกรำคม 2563 แม้ข้อเท็จจริง
ปรำกฏว่ำนำย ส. ประธำนกรรมกำรของผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสืออุทธรณ์คำสั่งรองนำยทะเบียนสหกรณ์
ซ่ึงกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับหนังสือดังกล่ำวเม่ือวันที่ 21 มกรำคม 2563 ก็ตำม แต่เนื่องจำกกำรอุทธรณ์
คำส่ังทำงปกครองดังกล่ำวต้องกระทำโดยคณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณ์ฯ ซึ่งเป็นผู้แทนของผู้ฟ้องคดี
ในกิจกำรอันเกี่ยวกับบุคคลภำยนอกเมื่อไม่ปรำกฏว่ำผู้ฟ้องคดีได้มีมติมอบหมำยให้นำย ส. ประธำนกรรมกำร
ของผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีอำนำจในกำรย่ืนอุทธรณ์ กรณีจึงรับฟังได้ว่ำ นำย ส. อุทธรณ์คำสั่งรองนำยทะเบียนสหกรณ์
โดยไม่มีมติมอบหมำยจำกผู้ฟ้องคดี จึงเป็นกำรย่ืนอุทธรณ์ในฐำนะส่วนตัวมิใช่กำรย่ืนอุทธรณ์คำส่ังในฐำนะ
ผู้แทนของผู้ฟ้องคดี กำรที่ผู้ฟ้องคดีนำคดีมำฟ้องต่อศำลขอให้เพิกถอนคำสั่งรองนำยทะเบียนสหกรณ์ ที่ (สสพ.1)
2/2562 ลงวันท่ี 23 ธันวำคม 2562 เป็นกำรยื่นฟ้องโดยยังมิได้อุทธรณ์คำส่ังดังกล่ำวต่อคณะกรรมกำร
พิจำรณำอุทธรณ์ (ผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 3) อันเป็นกรณีท่ีผฟู้ ้องคดยี งั มิได้ดำเนินกำรแกไ้ ขควำมเดือดร้อนเสยี หำยก่อน
ศำลจึงไม่อำจรับคำฟ้องส่วนนี้ไว้พิจำรณำได้ และในสว่ นกรณีท่ีผู้ฟ้องคดีขอให้ศำลมีคำสั่งเพิกถอนมติทีป่ ระชุม
ของผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 3 ในกำรประชุมครั้งท่ี 2/2563 เมื่อวันที่ 16 มีนำคม 2563 ท่ีให้ยกอุทธรณ์ของนำย ส.
ประธำนกรรมกำรของผู้ฟ้องคดีและไม่รับคำขอทุเลำกำรบังคับตำมคำส่ังนั้น ศำลเห็นว่ำเมื่อกำรย่ืนอุทธรณ์
คำส่ังรองนำยทะเบยี นสหกรณ์ เป็นกำรยื่นอุทธรณ์ในฐำนะส่วนตวั มิใช่กำรย่นื อุทธรณ์คำส่งั ในฐำนะผู้แทนของ
ผูฟ้ ้องคดีผู้ฟ้องคดีจึงมิใช่ผู้ท่ีได้รับควำมเดือดร้อนเสียหำย หรืออำจจะเดือดร้อนเสียหำยโดยมิอำจหลีกเลี่ยงได้
จำกกำรที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีมติ ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีในข้อหำน้ี ดังน้ัน กำรที่ศำลมีคำส่ังรับฟ้องของ
ผู้ฟ้องคดีไว้พิจำรณำและดำเนินกระบวนพิจำรณำต่อไปตำมรูปคดี เป็นกำรดำเนินกระบวนพิจำรณำท่ีผิดหลง
ซึง่ ศำลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มีนำคม 2565 เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจำรณำ รวมทงั้ กระบวน
พิจำรณำที่มีต่อมำภำยหลังท้ังหมด ด้วยเหตุผลท่ีกล่ำวมำข้ำงต้นศำลจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจำรณำและให้
จำหนำ่ ยคดีออกจำกสำรบบควำม
สำนักนำยทะเบยี นและกฎหมำย กลุม่ กฎหมำย/ย่อ
ใช้เพอ่ื ประกอบการศกึ ษาเท่าน้ัน หา้ มมใิ หน้ าไปใชเ้ พือ่ แสวงหากาไร