The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวบรวมสรุปคำพิพากษาและคำสั่งของ
ศาลปกครองและศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง
จัดทำโดย กรมส่งเสริมสหกรณ์
สำนักนายทะเบียนและกฎหมาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by lawcpd2563, 2022-04-29 04:08:25

รวบรวมสรุปคำพิพากษาและคำสั่งของศาลปกครองและศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง

รวบรวมสรุปคำพิพากษาและคำสั่งของ
ศาลปกครองและศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง
จัดทำโดย กรมส่งเสริมสหกรณ์
สำนักนายทะเบียนและกฎหมาย

ย่อคำสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ คำสั่งที่ คร.173/2562

ผฟู้ อ้ งคดี นาย ร. ท่ี 1, นาย ส. ที่ 2, นาย น. ท่ี 3, นาย พ. ท่ี 4 และนาย ว. ท่ี 5

ผู้ถกู ฟ้องคดี อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ ที่ 1, รองอธบิดีกรมส่งเสรมิ สหกรณ์ ท่ี 2

กรณเี รอ่ื ง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่
ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏบิ ัติ (คำร้องอทุ ธรณ์คำส่ังไมร่ บั คำฟ้องบางข้อหาไว้พิจารณา)

กฎหมายท่เี กยี่ วข้อง มาตรา 5 แห่งพระราชบญั ญตั ิวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

ผู้ฟ้องคดที ้ังห้าเปน็ สมาชิกและผู้ถือหุ้นของร้านค้าสหกรณ์ กรงุ เทพ จำกดั ไดร้ ับความเดือดร้อน
หรือเสยี หายจากการท่ีคณะกรรมการสหกรณ์ของร้านสหกรณ์ กรงุ เทพ จำกัด กรณีนำโฉนดท่ีดินจำนวน 3 แปลง
ซง่ึ เปน็ ท่ตี ้ังของร้านสหกรณ์ฯ สำนกั งานใหญแ่ ละสาขาพระปิ่นเกล้า ไปจดสทิ ธกิ ารเช่าใหก้ ับบริษัท บ. ซึง่ ผฟู้ ้องคดี
ทั้งห้าพร้อมสมาชิกได้มีหนังสือร้องเรียนต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนต่อ
กฎหมาย แตผ่ ูถ้ กู ฟ้องคดที ง้ั สองมิไดด้ ำเนินการตามหน้าที่ท่ีกฎหมายกำหนด กลบั มหี นงั สือกรมสง่ เสรมิ สหกรณ์
ด่วนทส่ี ดุ ท่ี กษ 1115/6073 ลงวันท่ี 7 มถิ ุนายน 2561 แจง้ วา่ การให้บริษทั เอกชนเช่าพื้นท่ีบนท่ีดินของ
สหกรณ์เพื่อดำเนินธรุ กจิ ตอ้ งปฏิบัตติ ามหนังสือดังกล่าว ซงึ่ มเี นอื้ หาสาระท่ีระบวุ ่าสหกรณ์สามารถดำเนินการ
ใหบ้ รษิ ัทเอกชนเชา่ ทด่ี ินได้น้ัน เปน็ การออกโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย

ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แลว้ เห็นวา่ การทผ่ี ูถ้ กู ฟ้องคดที ่ี 1 มหี นังสือกรมส่งเสริมสหกรณ์
ด่วนท่สี ดุ ท่ี กษ 1115/6073 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2561 สืบเนอ่ื งจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับทราบว่ามี
บริษัทเอกชนเชิญชวนขอความร่วมมือกับสหกรณ์ที่มีความพร้อม เพื่อขอเช่าที่ดินชองสหกรณ์ในการดำเนินธุรกจิ
ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณไ์ ด้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ จึงขอให้สหกรณ์
จังหวัดแนะนำให้สหกรณ์ถือปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าว เป็นเพียงการอธิบายชี้แนะเพื่อให้สหกรณ์เข้าใจ
ข้อกฎหมายให้ถูกต้องว่า การจะนำพื้นที่หรือที่ดินของสหกรณ์ให้บริษัทเอกชนเช่าทำธุรกิจได้นั้น จะต้อง
ดำเนินการและปฏิบัติให้ถูกต้องตามกรอบของกฎหมายและภายในวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ด้วย เพื่อไม่ให้
สหกรณเ์ สียเปรียบ เท่านน้ั หาใชเ่ ป็นกรณีท่ีผู้ถูกฟ้องคดที ่ี 1 อาศยั อำนาจตามกฎหมายออกหลกั เกณฑ์ดังกล่าว
ขึ้นเพื่อใช้บังคับกับสหกรณ์ตามที่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้ากล่าวอ้างไม่ หนังสือกรมส่งเสริมสหกรณ์ ด่วนที่สุด ที่ กษ
1115/6073 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2561 จึงไม่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ
เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ที่จะอยู่ใน
ความหมายเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.
2539 และไม่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนหรือความเสียหาย หรืออาจะเดือนร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจ
หลีกเลี่ยงได้ ที่จะทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้ามีสิทธิฟ้องเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือดังกล่าวได้ ตามมาตรา 42
วรรคหน่งึ แหง่ พระราชบัญญตั จิ ัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี
ท้งั หา้ ฟงั ไมข่ ้ึน

ศาลปกครองสูงสดุ จงึ มคี ำสัง่ ยืนตามคำสงั่ ของศาลปกครองช้ันต้น

สำนักนายทะเบยี นและกฎหมาย กลมุ่ กฎหมาย/ย่อ

ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่าน้ัน ห้ามมใิ ห้นำไปใช้เพ่อื แสวงหากำไร

























ย่อคำสง่ั ศาลปกครองสงู สุด คำส่ังท่ี คร.4/2563

ผฟู้ อ้ งคดี สหกรณเ์ ครดติ ยเู น่ียน ส. จำกัด

ผู้ถกู ฟ้องคดี อธิบดกี รมสง่ เสรมิ สหกรณ์ ที่ 1, สหกรณจ์ ังหวดั ร้อยเอ็ด ที่ 2, คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์
แห่งชาติ ที่ 3

กรณีเรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย (คำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ไมร่ ับคำฟอ้ งบางข้อหาและผู้ถูกฟ้องบางรายไว้พิจารณา)

กฎหมายทเี่ ก่ียวข้อง มาตรา 20 แหง่ พระราชบญั ญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2542

ผู้ฟ้องคดีเป็นสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ส. จำกัด ได้มีคำสั่ง ที่ 2/2559 ลงโทษไล่นาย ส.
ออกจากการเป็นผู้จัดการสหกรณ์ และมีคำสั่งที่ 3/2559 ลงโทษไล่นาง พ. ออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่บัญชี
สหกรณ์ ต่อมาคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ ชุดที่ 23 มีมติให้ยกเลิก 2 คำสั่งดังกล่าวข้างต้น และให้
นาย ส. และนาง พ. กลบั เขา้ มาปฏิบตั หิ น้าที่ตามเดิม เมื่อผู้ถกู ฟอ้ งคดีที่ 2 ทราบข้อเทจ็ จริงดงั กลา่ ว จึงได้อาศัย
อำนาจตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ออกคำสั่งเพิกถอนมติทีป่ ระชุม ที่ให้นาย ส.
และนาง พ. กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ต่อมาผู้ฟ้องคดีมีหนังสืออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
และผถู้ กู ฟ้องคดีท่ี 3 ไดพ้ จิ ารณาอุทธรณแ์ ลว้ มีมติยกอทุ ธรณ์ ผู้ฟอ้ งคดีจึงนำคดมี าฟอ้ งต่อศาลปกครอง

ศาลปกครองสงู สดุ พิจารณาแล้ว
คดีมีประเด็นต้องวินิจฉันว่า ศาลปกครองมีอำนาจรับคำฟ้องข้อหาที่หนึ่ง ที่ฟ้องว่าคำสั่งของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่สั่งให้เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ส. จำกัด
เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และมีอำนาจรับคำฟ้องในส่วนที่ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 หรือไม่ เห็ นว่า
เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เป็นรองนายทะเบียนสหกรณ์ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์
พ.ศ. 2542 ออกคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ของผู้ฟ้องคดี ชุดที่ 23 ที่มีมติ
ใหร้ บั ผู้จัดการสหกรณแ์ ละเจ้าหน้าที่ของสหกรณก์ ลับเขา้ ทำงานตามเดิม เน่ืองจากคณะกรรมการดงั กล่าวไม่ได้
ใช้อำนาจหน้าทใ่ี ห้เปน็ ไปตามขอ้ บังคบั ของสหกรณผ์ ู้ฟ้องคดี อันเป็นการกำกบั ดูแลการดำเนินงานของผู้ฟ้องคดี
ซึ่งมีผลเป็นการระงับมิให้ผู้ฟ้องคดีรับผู้จัดการสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์กลับเข้าทำงานอันเป็นคำส่ัง
ทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แต่โดยที่มาตรา
26 วรรคหน่งึ แห่งพระราชบญั ญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ท่ีใช้บงั คบั ในขณะน้ัน บญั ญตั ิให้มีการอุทธรณ์ให้แล้ว
เสร็จไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน
พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 เมื่อผู้ฟ้องคดียื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งตอ่ ผูถ้ ูกฟ้อง
คดีที่ 3 แล้ว จึงต้องพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับหนังสืออุทธรณ์
คือวันที่ 27 มกราคม 2561 วันถัดจากวันที่ครบกำหนดระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าว จึงเป็นวันที่ผู้
ฟ้องคดีรู้หรือควรรูถ้ ึงเหตุแหง่ การฟอ้ งคดีที่ใชส่ ิทธิฟอ้ งคดีตอ่ ศาลให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว จงึ ตอ้ งนำคดีมาฟ้อง
ภายในวันที่ 27 เมษายน 2561 การที่ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องข้อหานี้ต่อศาล เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 จึงเป็น
การยื่นฟ้องคดเี มื่อพ้นกำหนดเวลาเก้าสบิ วันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ศาลปกครองไม่อาจ
รบั คำฟอ้ งในข้อหาที่ 1 ไว้พิจารณาได้

ใช้เพ่ือประกอบการศกึ ษาเท่านัน้ หา้ มมใิ ห้นำไปใชเ้ พอ่ื แสวงหากำไร

2
ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 นั้น เห็นว่า เม่ือ
คดีนี้เป็นการฟ้องว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ไม่ชอบด้วย
กฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกลา่ วและคำวินิจฉัยดังกล่าว อันเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจา้ หน้าที่ของรัฐ
กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยคำสงั่ ของผถู้ ูกฟ้องคดที ี่ 2 อันเป็นวัตถุแห่งคดีทผ่ี ู้ฟ้องคดีนำมาฟ้องต่อ
ศาลนน้ั เปน็ การใชอ้ ำนาจตามมาตรา 20 แหง่ พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ซึง่ ผถู้ กู ฟอ้ งคดีที่ 2 อยู่ใน
ฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ เป็นผู้มีอำนาจในการจัดทำคำสั่งทางปกครองที่พิพาท โดยไม่ปรากฏว่า ผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ 1 ได้กระทำการออกคำสั่งให้เพิกถอนมติที่ประชุมตามคำฟ้อง อันจะเป็นผลทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีได้รับ
ความเดือดร้อนหรือเสียหาย ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ใช่ผู้มีสิทธิฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ต่อศาลปกครองตามมาตรา 42
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 คำร้องอุทธรณ์
คำสงั่ ของผู้ฟ้องคดฟี ังไม่ข้นึ
ศาลปกครองสงู สดุ จึงมีคำสั่งยนื ตามคำสั่งของศาลปกครองชน้ั ตน้

สำนักนายทะเบียนและกฎหมาย กลุม่ กฎหมาย/ย่อ

ใชเ้ พื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ห้ามมิใหน้ ำไปใช้เพ่อื แสวงหากำไร

















ย่อคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุดที่ อ.1213/2564

ผู้ฟ้องคดี นำย จ.

ผู้ถกู ฟ้องคดี นำยทะเบยี นสหกรณ์ ท่ี 1 กับพวกรวม 2 คน

กรณีเร่อื ง คดีพิพำทเก่ียวกับกำรท่ีเจ้ำหน้ำที่ของรัฐละเลยต่อหน้ำท่ีตำมที่กฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
(อุทธรณ์คำพพิ ำกษำ)

กฎหมำยทเี่ ก่ียวขอ้ ง มำตรำ 20 แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และท่ีแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ

ผู้ฟ้องคดีเป็นสมำชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก. จำกัด มีหนังสือจำนวน 2 ฉบับ
ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ใช้อำนำจตำมกฎหมำยดำเนินกำรแก่สหกรณ์ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก. จำกัด
กรณีไม่ปฏบิ ัตติ ำมคำสัง่ ของผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 ทำใหเ้ กิดควำมเสียหำยหรือเส่ือมเสียผลประโยชนข์ องสหกรณห์ รือ
สมำชิกตำมพระรำชบัญญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิม่ เติม แต่ผถู้ ูกฟอ้ งคดีท่ี 1 เพิกเฉย ส่วนผถู้ ูกฟอ้ ง
คดีท่ี 2 เป็นผู้บังคับบัญชำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มิได้กำกับดูแลให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 ปฏิบัติหน้ำที่ตำมท่ีกฎหมำย
กำหนดแต่อย่ำงใด ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองละเลยต่อหน้ำที่ตำมที่กฎหมำยกำหนด จึงนำคดีมำฟ้อง
ตอ่ ศำลปกครอง

ศำลปกครองสูงสุดได้ตรวจสอบพิจำรณำกฎหมำย ระเบียบ และข้อบังคับที่เก่ียวข้อง
ประกอบดว้ ยแลว้

คดีมปี ระเดน็ ท่จี ะตอ้ งวนิ จิ ฉัยก่อนว่ำ ผู้ถกู ฟ้องคดีเปน็ ผูม้ ีสิทธิฟอ้ งคดหี รือไม่
พิเครำะห์แล้วเห็นว่ำ กรณีเป็นคดีพิพำทเก่ียวกับเจ้ำหน้ำที่ของรัฐละเลยต่อหน้ำที่ตำมท่ี
กฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ตำมมำตรำ 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลปกครองและวิธี
พิจำรณำคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และแม้ว่ำผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มิได้ปฏิบัติหน้ำที่ตำมกฎหมำยจะมีผลกระทบต่อ
สิทธิหรือหน้ำท่ีของผู้ฟ้องคดีโดยตรง เนื่องจำกผู้ฟ้องคดีเป็นสมำชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก.
จำกัด กำรดำเนินกำรหรือไม่ดำเนินกำรของสหกรณ์ย่อมมีผลประโยชน์หรือมีส่วนได้เสียต่อผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็น
สมำชิกของสหกรณ์อย่ำงหน่ึงอย่ำงใดโดยมิอำจหลีกเล่ียงได้ ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิฟ้องคดีน้ีต่อศำลปกครองตำม
มำตรำ 42 วรรคหนงึ่ แห่งพระรำชบัญญตั ิเดยี วกนั
คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่ำ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองละเลยต่อหน้ำท่ีตำมท่ีกฎหมำย
กำหนดใหต้ อ้ งปฏบิ ัติ ในกำรดำเนินกำรตำมมำตรำ 20 แหง่ พระรำชบัญญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2542 หรอื ไม่
พิเครำะห์แล้วเห็นว่ำ กำรท่ีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำส่ังนำยทะเบียนสหกรณ์ ถือว่ำเป็นกำรออก
คำสั่งเพื่อให้มีกำรปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 โดยมีผลใช้บังคับกับสหกรณ์ออมทรัพย์
มหำวิทยำลัย ก. จำกัด นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ซ่ึงคำสั่งดังกล่ำวมีผลเป็นกำรเพิกถอนข้อบังคับสหกรณ์
ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก. จำกัด แม้สหกรณ์ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก. จำกัด ได้มีหนังสืออุทธรณ์คำส่ังของ
ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 แต่กำรอุทธรณ์ก็ไม่เป็นเหตุให้ทุเลำกำรบังคับตำมคำสั่งทำงปกครอง คำสั่งดังกล่ำวจึงยังมีผล
ตรำบเท่ำที่ยังไม่มีกำรเพิกถอนหรือส้ินผลโดยเงื่อนเวลำหรือโดยเหตุอื่น ดังน้ัน คำส่ังของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
จึงยงั คงมีผลในทำงกฎหมำยอนั เป็นกำรเพกิ ถอนกำรจดทะเบยี นขอ้ บังคบั ของสหกรณ์ออมทรัพยม์ หำวทิ ยำลัย ก.
จำกัด ในส่วนท่ีได้กำหนดคุณสมบัติของสมำชิกสมทบท่ีเป็นนิติบุคคล เมื่อข้อบังคับในส่วนสมำชิกสมทบที่เป็น
นิติบุคคลถูกเพิกถอนแล้ว มหำวิทยำลัย ก. จึงพ้นจำกกำรเป็นสมำชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก.
จำกัด ทันที ต้ังแต่วันที่สหกรณ์ได้รับคำส่ังของผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 แต่สหกรณ์ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก. จำกัด

ใช้เพ่อื ประกอบการศึกษาเท่านนั้ หา้ มมิใหน้ าไปใช้เพอ่ื แสวงหากาไร

2
ยังดำเนินกำรสนับสนุนกำหนดกรอบวงเงินที่จะจัดสรรให้แก่มหำวิทยำลัย ก. จำกัด และนำไปสู่กำรทำสัญญำ
ให้มหำวทิ ยำลยั ก. กู้ยืมเงินตำมสญั ญำอกี 2 ฉบับ ซ่งึ เปน็ เวลำภำยหลงั มหำวิทยำลัย ก. พ้นจำกสมำชกิ ภำพของ
สหกรณ์แล้ว จึงเป็นกรณีที่สหกรณ์ออมทรัพย์มหำวิทยำลัย ก. จำกดั มิได้ดำเนินกำรแก้ไขขอ้ บังคับดังกล่ำวตำม
มำตรำ 44 วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และเป็นกำรดำเนินกำรท่ีก่อนิติสัมพันธ์ขึ้นกับ
นิติบุคคลท่ีมิได้มีคุณสมบัติเป็นสมำชิกภำพของสหกรณ์ ขัดต่อมำตรำ 46 (6) แห่งพระรำชบัญญัติเดียวกัน
อันเป็นกำรฝ่ำฝืนคำส่ังของผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 1 ซ่ึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีหน้ำที่ตำมกฎหมำย ยับยั้ง หรือเพิกถอนมติที่
ประชมุ ใหญท่ ่ีฝ่ำฝืนกฎหมำยหรือคำสั่ง ตำมมำตรำ 20 แห่งพระรำชบัญญตั ดิ ังกลำ่ ว โดยไม่อำจใชด้ ุลยพินจิ เป็น
อย่ำงอืน่ ได้ จงึ ถือได้วำ่ ผถู้ กู ฟ้องคดีที่ 1 ละเลยต่อหน้ำที่ตำมที่กฎหมำยกำหนดใหต้ ้องปฏิบตั ิ

ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 นั้น ไม่ปรำกฏว่ำมีบทบัญญัติแห่งกฎหมำยใดกำหนดให้มีหน้ำท่ีออก
คำส่ังยับยั้งหรือเพิกถอนมติของท่ีประชุมใหญ่หรือที่ประชุมคณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณ์ที่ลงมติฝ่ำฝืน
กฎหมำย ข้อบังคับ ระเบียบของสหกรณ์ ระเบียบหรือคำสั่งของนำยทะเบียนสหกรณ์ ดังน้ัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
จึงมิได้ละเลยต่อหน้ำที่ตำมที่กฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติแต่อย่ำงใด อุทธรณ์ข้องผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 ฟังไม่ขึ้น
ส่วนอุทธรณข์ องผู้ถูกฟอ้ งคดีท่ี 2 ฟงั ขนึ้

กำรท่ีศำลปกครองชั้นต้นพิพำกษำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 2 ในฐำนะ
ผู้บังคับบัญชำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดำเนินกำรตำมอำนำจหน้ำท่ีท่ีบัญญัติไว้ในมำตรำ 20 แห่งพระรำชบัญญัติ
สหกรณ์ พ.ศ. 2542 ภำยใน 30 วัน นับแต่วันท่ีศำลมีคำพิพำกษำถึงที่สุด คำขออื่นให้ยก ศำลปกครองสูงสุด
เหน็ พ้องดว้ ยบำงส่วน

พิพำกษำแก้คำพิพำกษำศำลปกครองช้ันต้น เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 ดำเนินกำรตำมอำนำจ
หน้ำที่ท่ีบัญญัติไว้ในมำตรำ 20 แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ภำยใน 30 วัน นับแต่วันที่ศำลมี
คำพพิ ำกษำถึงทส่ี ดุ คำขออื่นให้ยก และยกฟอ้ งผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 2

สำนกั นำยทะเบียนและกฎหมำย กล่มุ กฎหมำย/ย่อ

ใชเ้ พือ่ ประกอบการศกึ ษาเท่านน้ั ห้ามมใิ หน้ าไปใชเ้ พื่อแสวงหากาไร






























Click to View FlipBook Version