ยอ่ คำพพิ ำกษำศำลปกครองสูงสดุ คดหี มำยเลขแดง ที่ อ.931/2564
ผฟู้ ้องคดี กรมส่งเสรมิ สหกรณ์
ผู้ถูกฟ้องคดี สหกรณ์ชำวสวนลำไยภำคเหนือ จำกัด ท่ี 1 กับพวกรวม 16 คน
กรณีเรอ่ื ง คดีพพิ ำทเกย่ี วกบั สัญญำทำงปกครอง
กฎหมำยท่เี กย่ี วข้อง มำตรำ 3 แห่งพระรำชบัญญตั ิจัดตงั้ ศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดปี กครอง พ.ศ. 2542
คดีน้ีสหกรณ์ชำวสวนลำไยภำคเหนือ จำกัด โดยคณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณ์
ได้ทำสัญญำกู้ยืมเงินจำกกรมส่งเสริมสหกรณ์กองทุนสงเครำะห์เกษตรกร จำนวน 3 ฉบับ รวมเป็นเงินท้ังสิ้น
131,225,301.69 บำท ตำมโครงกำรบริหำรจัดกำรลำไยปี 2548 ซ่ึงโครงกำรดังกล่ำวเป็นโครงกำรที่
คณะรัฐมนตรีมอบให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้รับผิดชอบในกำรขอใช้เงินจำกกองทุนสงเครำะห์เกษตรกร
จำนวน 1,430 ล้ำนบำท เพื่อนำไปดำเนินกำรจัดสรรให้กับสหกรณ์และสถำบันกำรเกษตรและสหกรณ์
ท่ีมีศักยภำพแต่ไม่สำมำรถกู้ยืมเงินตำมหลักเกณฑ์และกลไกปกติของธนำคำรเพ่ือกำรเกษตรและสหกรณ์ได้
โดยให้กู้ยืมเงินในอัตรำร้อยละ 1 ต่อปี มีเงื่อนไขเพื่อนำไปใช้ในกำรรวบรวมผลผลิตลำไยจำกสมำชิกซึ่งเป็น
เกษตรกรรำยย่อยผู้ประกอบกำรทำสวนลำไยแล้วกระจำยไปจังหวัดปลำยทำงหรือเพื่อให้สหกรณ์และสถำบัน
เกษตรนำไปจำหน่ำยเอง โครงกำรมีวัตถุประสงค์เพ่ือบริหำรจัดกำรผลผลิตลำไยให้มกี ำรกระจำยสู่ตลำดต่ำงๆ
อย่ำงเหมำะสม เพ่ือปอ้ งกันรำคำผลผลิตลำไยท่ีอำจตกต่ำได้ซ่งึ ภำยหลงั เม่อื ครบกำหนดระยะเวลำชำระหนต้ี ำม
สญั ญำทั้งสำมฉบบั สหกรณฯ์ ได้นำเงินมำชำระหนี้บำงส่วน เปน็ เงิน 128,250 บำท โดยกรมสง่ เสริมสหกรณ์
ได้นำเงินไปหักชำระดอกเบ้ียจำนวน 82,880.13 บำทและค่ำปรับจำนวน 45,369.87 บำท
ต่อมำกรมส่งเสรมิ สหกรณไ์ ด้มีหนังสือแจ้งใหส้ หกรณ์ฯ และผู้ค้ำประกันคืนเงินกู้พร้อมดอกเบ้ียและค่ำปรับและ
แจ้งไม่อนุญำตขยำยระยะเวลำในกำรชำระหน้ี แต่สหกรณ์ฯและผู้ค้ำประกันก็เพิกเฉยไม่ชำระหน้ี กรมส่งเสริม
สหกรณ์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญำเงินกู้ทั้งสำมฉบับ และฟ้องสหกรณ์ฯ พร้อมทั้งผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยรวม
16 คน ต่อศำลปกครอง ซ่ึงศำลปกครองชั้นต้นได้มีคำพิพำกษำให้สหกรณ์ฯ และผู้คำ้ ประกันร่วมกันหรือแทนกัน
ชำระหน้ีให้แก่กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 141,076,726.48 บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 1 ต่อปี
และค่ำปรับในอัตรำร้อยละ 6 ต่อปี ของต้นเงิน จำนวน 131,225,301.69 บำท นับถัดจำกวันฟ้องไป
จนกว่ำจะชำระเสร็จ โดยใหช้ ำระให้แล้วเสรจ็ ภำยใน 60 วนั นับแต่วนั ท่คี ดีถึงทีส่ ุดกับให้คนื ค่ำธรรมเนยี มศำล
ทงั้ หมดแก่กรมสง่ เสรมิ สหกรณผ์ ฟู้ อ้ งคดี
ต่อมำสหกรณ์ฯ และผู้ค้ำประกันไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพำกษำของศำลปกครองชั้นต้นจึงได้
อุทธรณ์คัดค้ำนคำพิพำกษำศำลปกครองชั้นต้น ซ่ึงศำลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยว่ำ สัญญำกู้ยืมเงินกองทุน
สงเครำะห์เกษตรกรตำมมำตรกำรบริหำรจัดกำรลำไย ปี 2548 ทั้งสำมฉบับ เป็นสัญญำท่ีจัดทำขึ้นเน่ืองจำก
โครงกำรบรหิ ำรจัดกำรลำไยปี 2548 ตำมโครงกำรของภำครฐั ซง่ึ มีหลกั เกณฑ์ต้องขำยลำไยให้กบั ทำงบริษัทที่
รัฐเป็นผู้จัดหำให้หรือสำมำรถขำยให้กับผู้ซื้อรำยอ่ืนได้ หำกได้รำคำที่สูงกว่ำ ดังน้ันจึงเป็นโครงกำรที่มี
วัตถุประสงค์เพ่ือช่วยเหลือเกษตรกร โดยรัฐจะประสำนงำนด้ำนกำรตลำดให้ผู้ซ้ือและผู้ขำย อันมีลักษณะเป็น
กำรจัดทำบริกำรสำธำรณะ สหกรณ์ฯ ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐในกำรดำเนินโครงกำร และรัฐจะเข้ำช่วยเหลือ
ผู้เข้ำร่วมโครงกำรหรือไม่เพียงใดก็ต้องปรำกฏพฤติกำรณ์พิเศษหรือมีเหตุอันมิอำจคำดหมำยได้ ซึ่งก็ต้องเป็น
/กำรดำเนนิ ...
ใช้เพอื่ ประกอบการศึกษาเท่านัน้ ห้ามมใิ หน้ าไปใชเ้ พอื่ แสวงหากาไร
2
กำรดำเนินกำรทว่ั ไปของผเู้ ข้ำร่วมโครงกำร มใิ ช่วำ่ รัฐจะต้องมีหน้ำที่ช่วยเหลือในกรณีท่ีเกดิ ปัญหำหรืออปุ สรรค
แก่คู่สัญญำทุกรำย เม่ือสหกรณ์ฯ ตัดสินใจนำลำไยออกขำยสู่ประเทศจีนแต่ประสบปัญหำรำคำลำไยต่ำ
ปัญหำดังกล่ำวเป็นปัญหำท่ีเกิดจำกกำรดำเนินกำรสหกรณ์ฯ เอง สหกรณ์ฯ มิอำจนำปัญหำดังกล่ำวมำเพื่อ
ปฏิเสธกำรชำระหนี้ตำมสัญญำได้ เมื่อสัญญำข้อ 13 กำหนดว่ำ ผู้กู้ยืมตกลงยินยอมจ่ำยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้
ในอัตรำร้อยละ 1 ต่อปี ตำมยอดเงินกู้ทุกขั้นตอนท่ีเป็นหน้ี กำรคิดดอกเบี้ยจึงต้องเร่ิมคิดตงั้ แต่วันถัดจำกวันที่
ผู้กู้ยืมได้รับเงินกู้จนถึงวันท่ีผู้ให้กู้ได้รับชำระหน้ีจำกผู้ยืมครบถ้วนถูกต้องภำยในวันที่ 15 มิถุนำยน 2549
และสัญญำข้อ 16 กำหนดว่ำ ถ้ำผู้กู้ยืมไม่ชำระคืนเงินที่กู้ยืมตำมข้อ 13 หรือไม่ชำระหน้ีคืนเงินเมื่อผู้ ให้กู้
เรียกให้ชำระหน้ีเงินกู้ยืม ผู้กู้ต้องเสียค่ำปรับสำหรับต้นเงินท่ีค้ำงชำระในอัตรำร้อยละ 6 ต่อไป นับต้ังแต่
วนั ถัดจำกวนั ที่ได้มีกำรผิดนัดชำระหนีจ้ นกว่ำจะได้ชำระเสร็จส้ิน ประกอบกับสัญญำข้อ 4 กำหนดว่ำ สหกรณ์
จะขำยลำไยอบแห้งของสหกรณ์ให้กับบริษัท CNR จำกัด แต่สหกรณ์จะขอขำยลำไยอบแห้งให้กับผู้ซ้ือรำยอ่ืน
ได้ ถ้ำขำยได้รำคำสูงกว่ำบริษัท CNR จำกัด แล้วให้นำเงินจำกกำรขำยมำชำระเงินกองทุนสงเครำะหเ์ กษตรกร
ตำมจำนวนที่กู้ไป เม่ือสหกรณ์ผิดนัดชำระหนี้และกรมส่งเสริมสหกรณ์มีหนังสือแจ้งให้สหกรณ์ฯ และ
ผคู้ ้ำประกันชำระหนีแ้ ล้ว แตก่ ็ยงั เพกิ เฉย กรมส่งเสริมสหกรณจ์ ึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญำได้โดยชอบด้วยกฎหมำย
โดยสหกรณ์ฯ และผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชำระคืนเงินต้นตำมสัญญำกู้ยืมเงินทั้งสำมฉบับให้แก่กรมส่งเสริม
สหกรณ์ จำนวน 131,225,301.69 บำท ชำระดอกเบี้ย จำนวน 2,195,846.81 บำท และชำระค่ำปรับ
จำนวน 7,655,577.98 บำท รวมเป็นเงินจำนวน 141,076,726.48 บำท และยังต้องรับผิดดอกเบ้ีย
ในอัตรำร้อยละ 1 ต่อปี และค่ำปรับในอัตรำร้อยละ 6 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 131,225,301.69 บำท
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ ให้ชำระให้แล้วเสร็จภำยใน 60 วัน นับแต่วันท่ี
คดถี งึ ที่สุดกับให้คนื ค่ำธรรมเนียมทัง้ หมดแก่กรมสง่ เสริมสหกรณ์
สำนักนำยทะเบยี นและกฎหมำย กลุ่มกฎหมำย/ย่อ
ใชเ้ พื่อประกอบการศึกษาเท่าน้นั หา้ มมใิ หน้ าไปใช้เพื่อแสวงหากาไร