ยอ่ คำส่งั ศำลปกครองสงู สดุ ท่ี 143/2563
ผู้ฟ้องคดี เทศบำลตำบล ว.
ผถู้ กู ฟ้องคดี กรมส่งเสรมิ สหกรณ์ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน
กรณีเร่ือง คดีพิพำทเกยี่ วกับกำรทหี่ นว่ ยงำนทำงปกครองและเจ้ำหน้ำทข่ี องรัฐกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย
(คำรอ้ งอทุ ธรณค์ ำสงั่ ไม่รับคำฟ้องไว้พจิ ำรณำ)
กฎหมำยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง มำตรำ 42 แหง่ พระรำชบญั ญตั ิวิธีปฏิบตั ิรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ. 2539 และที่แกไ้ ขเพิม่ เตมิ
เดิมผู้ฟ้องคดีมีฐำนะเป็นสุขำภิบำลตำมประกำศประกำศกระทรวงมหำดไทย ต่อได้
เปล่ียนแปลงฐำนะเป็นเทศบำลตำบล ตำมพระรำชบัญญัติเปลี่ยนแปลงฐำนะของสุขำภิบำลเป็นเทศบำล
เม่ือผู้ฟ้องคดีได้ขออนุญำตใช้ที่ดินภำยในเขตนิคมสหกรณ์สังขละบุรีจำนวน 9 แปลง ต่อผู้ฟ้องคดีท่ี 1
โดยย่ืนผ่ำนผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 5 เพ่ือให้เป็นไปตำมมำตรำ 15 แห่งพระรำชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อกำรครองชีพ
พ.ศ. 2511 ต่อมำผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจำรณำแล้วเห็นว่ำเพื่อสำธำรณประโยชน์และจัดหำประโยชน์เพื่อ
พัฒนำท้องถิ่น จึงอนุญำตให้ผู้ฟ้องคดีใช้ที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์ จำนวน 6 แปลง ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับควำม
เสียหำยไม่สำมำรถจัดบริกำรสำธำรณะในท่ีดินท้ัง 9 แปลง ได้ อีกทั้ง มีประชำชนบำงรำยนำท่ีดินบำงส่วนของ
ที่ดินท้ัง 9 แปลงดังกล่ำวมำออกหนังสืออนุญำตเข้ำทำประโยชน์ในที่ดิน (กสน. 3) และ/หรือหนังสือแสดงกำร
ทำประโยชน์ในที่ดิน (กสน. 5) ซึ่งทบั สทิ ธใิ นทีด่ ินของผฟู้ อ้ งคดี ผฟู้ ้องคดจี งึ นำมำฟอ้ งต่อศำลปกครองชัน้ ต้น
ศำลปกครองสูงสุด เห็นว่ำ ในช้ันพิจำรณำอุทธรณ์ทบทวนของเจ้ำหน้ำท่ี กฎหมำยได้กำหนด
ระยะเวลำท่ีผู้มีอำนำจพิจำรณำอุทธรณ์อำจพิจำรณำอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จได้เป็นระยะเวลำสูงสุด จำนวนเก้ำสิบวัน
นับแต่วันท่ีได้รับคำอุทธรณ์และเอกสำรหลักฐำน ข้อเท็จจริงตำมฟ้องปรำกฏว่ำ เมื่อผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำคำสั่งของ
ผ้ถู ูกฟอ้ งคดีท่ี 1 ทอี่ นญุ ำตให้ผู้ฟ้องคดใี ชท้ ดี่ นิ ในเขตนคิ มสหกรณส์ ังขละบุรีบำงแปลง และบำงแปลงอนุญำตให้
ใช้ท่ีดินเพียงบำงส่วน ตลอดจนเงือ่ นไขตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้ท่ดี ินในเขตนคิ มสหกรณ์ไม่ถูกตอ้ งตำมกฎหมำย
และไม่เป็นไปตำมแนวทำงของมติคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมกำรประสำนงำนอพยพรำษฎรฯ ผูฟ้ ้องคดีจึงได้
มีหนังสือลงวันท่ี 24 กรกฎำคม 2558 อุทธรณ์ไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 ได้รับหนังสือ
อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีไว้เม่ือวันที่ 7 สิงหำคม 2558 แต่ยังไม่ได้แจ้งผลกำรพิจำรณำดำเนินกำรใดๆ ให้ผู้ฟ้อง
คดีทรำบ ผู้ฟ้องคดีนำคดีมำฟ้องต่อศำลปกครองชั้นต้นเมื่อวันท่ี 8 กันยำยน 2558 อันมีกำหนดเวลำเพียง
สำมสิบวัน นับแต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้รับหนังสืออุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี กระบวนกำรพิจำรณำอุทธรณ์ของผู้ถูก
ฟอ้ งคดีจึงยงั ไมแ่ ลว้ เสร็จตำมที่กฎหมำยกำหนดเวลำพิจำรณำอุทธรณ์ไว้ให้ผู้มอี ำนำจพจิ ำรณำอุทธรณ์พจิ ำรณำ
ตำมนับมำตรำ 45 แหง่ พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบตั ิรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ. 2539 ในขณะท่ีผฟู้ ้องคดยี ื่นฟ้อง
คดีน้ีจึงยังไม่อำจถือได้ว่ำผู้ฟ้องคดีได้ดำเนินกำรตำมขั้นตอนหรือวิธีกำรสำหรับกำรแก้ไขควำมเดือดร้อนหรือ
เสียหำยตำมท่ีกฎหมำยกำหนดไว้โดยเฉพำะก่อนนำคดีมำฟ้องต่อศำลตำมมำตรำ 42 วรรคสอง แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ผู้ฟ้องคดีจึงยังไม่อำจใช้สิทธิฟ้อง
คดตี อ่ ศำลปกครองได้
กำรท่ีศำลปกครองชั้นต้นมีคำส่ังไม่รับคำฟ้องไว้พิจำรณำและให้จำหน่ำยคดีออกจำกสำรบบ
ควำมนน้ั ศำลปกครองสงู สุดเหน็ พ้องดว้ ยในผล จึงมคี ำสง่ั ยืนตำมคำสัง่ ของศำลปกครองชัน้ ตน้
สำนักนำยทะเบียนและกฎหมำย กลุ่มกฎหมำย/ย่อ
ใช้เพ่ือประกอบการศึกษาเท่านัน้ ห้ามมิใหน้ าไปใชเ้ พอ่ื แสวงหากาไร
ย่อคำสงั่ ศำลจังหวดั นครสวรรค์
โจทก์ พนกั งำนอัยกำรจังหวดั นครสวรรค์
จำเลย จำเลยท่ี 1 กบั พวกรวม 15 คน
กรณีเร่อื ง ควำมผดิ ตอ่ พระรำชบญั ญัติสหกรณ์ ลหุโทษ
กฎหมำยที่เกี่ยวข้อง มำตรำ 22 (1) และมำตรำ 132 แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ประกอบ
มำตรำ 83 แหง่ ประมวลกฎหมำยอำญำ
ท่ปี ระชุมคณะกรรมกำรดำเนนิ กำรสหกรณ์ฯ คร้ังท่ี 5/2562 เม่ือวันที่ 14 มกรำคม 2563
โดยมีจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และท่ี 9 ถึงท่ี 15 มีมติให้จัดซื้อปั๊มแก๊ส LPG ไม่ชอบ ซ่ึงเป็นกำรกระทำอันอำจ
ทำให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์ฯ หรือสมำชิก นำยทะเบียนสหกรณ์จึงได้มีคำสั่งท่ี นว.10/2563
ลงวันที่ 25 พฤษภำคม 2563 ให้จำเลยท้ังสิบห้ำในฐำนะ คณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณ์ฯ
แก้ไขข้อบกพร่องโดยให้ชดใช้ค่ำเสียหำยเป็นเงิน 26,000,000 บำท ภำยใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำส่ัง
อันเป็นคำส่ังกำรตำมอำนำจหน้ำที่มีกฎหมำยให้ไว้ และต่อมำนำยทะเบียนสหกรณ์ได้มีคำสั่งขยำยระยะเวลำ
กำรแก้ไข้ข้อบกพร่องและชดใช้ค่ำเสียหำยออกไปอีก 45 วัน เมื่อจำเลยทั้งสิบห้ำทรำบคำส่ังดังกล่ำวและล่วงพ้น
กำหนดเวลำที่จะต้องปฏิบัติตำมคำสั่งแล้ว จำเลยท้ังสิบห้ำขัดขืนไม่ปฏิบัติตำมคำสั่งนำยทะเบียนสหกรณ์
โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร ศำลจึงได้พิพำกษำวำ่ จำเลยทั้งสิบห้ำมีควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ 386 พระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 มำตรำ 22 (1), 132 ประกอบประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ 83 กำรกระทำของจำเลยท้งั สิบหำ้ เป็นกรรมเดยี วผิดต่อกฎหมำยหลำยบท ให้ลงโทษฐำนร่วมกันฝ่ำฝืน
ไม่แก้ไขข้อบกพรอ่ งตำมท่ีนำยทะเบยี นสหกรณ์สั่งกำรซึ่งเป็นบทท่ีมโี ทษหนักที่สุด ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ 90 จำคุกคนละ 4 เดือน และปรับ 20,000 บำท จำเลยท้ังสิบห้ำให้กำรรับสำรภำพเป็นประโยชน์
แก่กำรพิจำรณำมีเหตุบรรเทำโทษ ลดโทษให้ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ 78 คนละกึ่งหน่ึง
คงจำคุกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 10,000 บำท โทษจำคุกใหร้ อกำรลงโทษไว้ มีกำหนดคนละ 1 ปี ตำม
ประมวลกฎหมำยอำญำมำตรำ 56 หำกไมช่ ำระค่ำปรับ ให้จัดกำรตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ 29, 30
สำนักนำยทะเบียนและกฎหมำย กล่มุ กฎหมำย/ย่อ
ใชเ้ พอ่ื ประกอบการศกึ ษาเท่านน้ั หา้ มมิใหน้ าไปใช้เพ่ือแสวงหากาไร
ยอ่ คำพพิ ำกษำศำลปกครองกลำง
ผ้ฟู อ้ งคดี ผฟู้ ้องคดที ี่ 1 กับพวกรวม 3 คน
ผู้รอ้ งสอด สหกรณ์ จำกัด
ผู้ถูกฟ้องคดี นำยทะเบียนสหกรณ์
กรณีเรือ่ ง คดีพพิ ำทเก่ียวกับกำรท่ีเจ้ำหน้ำท่ขี องรัฐละเลยตอ่ หน้ำที่ตำมท่ีกฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
หรือปฏิบตั ิหน้ำทด่ี ังกลำ่ วล่ำช้ำเกนิ สมควร
กฎหมำยท่ีเกยี่ วข้อง มำตรำ 16 (5) และมำตรำ 22 (1) (2) แห่งพระรำชบญั ญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2542
ทใ่ี นคดีดังกลำ่ วศำลปกครองกลำงได้มีคำพิพำกษำว่ำ ให้ผูถ้ กู ฟอ้ งคดีท่ี 1 มีคำส่ังใหผ้ ู้ร้องสอด
จดทะเบียนยกเลิกสัญญำเช่ำที่ดิน ฉบับลงวันท่ี 16 ธันวำคม 2559 ภำยใน 30 วัน นับแต่วันที่คำพิพำกษำ
ถึงท่สี ุดสูงสุด คำขออื่นนอกจำกนี้ให้ยก และใหจ้ ำหน่ำยคดใี นส่วนของผู้ฟอ้ งคดีท่ี 2 และท่ี 4 ออกจำกสำรบบ
ควำม โดยศำลได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี ซ่ึงเป็นสำระสำคัญควำมว่ำ กำรแจ้งเป็นหนังสือเชิญประชุมใหญ่
วิสำมัญสมำชิกของผู้ร้องสอดท่ีกำหนดนัดประชุมวันที่ 20 พฤศจิกำยน 2559 แจ้งสมำชิกเพียงบำงส่วน
(ส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งเป็นหนังสือ) แม้หนังสือแจ้งเชิญประชุมลงนำมโดยประธำนกรรมกำรดำเนินกำร
จะมีสำระสำคญั ครบถ้วน แตก่ ำรส่งหนังสือแจ้งให้สมำชิกบำงส่วนทรำบลว่ งหน้ำนัน้ สมำชิกบำงรำยได้รับหนังสือ
แจ้งล่วงหน้ำไม่ถึง 7 วัน และบำงรำยก็ไม่ได้รับ แม้จะถือว่ำเปน็ กำรประชุมด่วนสมำชิกบำงรำยก็ได้รับหนังสือ
แจ้งล่วงหน้ำไม่ถึง 3 วัน ปรำกฏตำมรำยงำนกำรประชุมในวันดังกล่ำว ส่วนกำรลงประกำศแจ้งกำหนด
กำรประชุมใหญ่ดังกล่ำวทำงหนังสือพิมพ์สยำมรัฐ ก็ไม่ได้แจ้งเร่ืองที่จะทำกำรประชุมให้สมำชิกของผู้ร้องสอด
ทรำบแต่อย่ำงใด ท้ังที่เรื่องที่จะประชุมเป็นเร่ืองสำคัญเก่ียวกับกำรนำทรัพย์สินของผู้ร้องสอดให้เอกชนเช่ำ
เพื่อดำเนินธุรกิจมีกำหนดถึง 30 ปี กำรแจ้งกำหนดกำรประชุมใหญ่วิสำมัญสมำชิกของผู้ร้องสอด ในวันท่ี
20 พฤศจิกำยน 2559 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมำยตำมข้อบังคับฯ ข้อ 64 เม่ือกำรแจ้งกำหนดกำรประชุมใหญ่
วิสำมัญดังกล่ำวไม่ชอบด้วยกฎหมำย ย่อมเป็นผลทำให้กำรประชุมใหญ่วิสำมัญดังกล่ำวท่ีแม้จะมีสมำชิกของ
ผู้ร้องสอดมำประชุมไม่น้อยกว่ำ 100 คน และถือเป็นองค์ประชุมตำมข้อ 65 ของข้อบังคับฯ ย่อมไม่ชอบ
ด้วยกฎหมำยไปด้วย กำรท่ีผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 โดยผู้อำนวยกำรสำนักงำนส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหำนคร พื้นที่
1 ในฐำนะรองนำยทะเบียนสหกรณ์ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตำมมำตรำ 16 วรรคหน่ึง (4) แห่ง
พระรำชบัญญัติสหกรณ์ฯ และตำมท่ีได้รับมอบอำนำจจำกผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 แล้วได้มีหนังสือแจ้งผู้ฟ้องคดีที่ 1
สรปุ ควำมว่ำ เม่อื พจิ ำรณำหนังสือเชญิ สมำชกิ เข้ำประชมุ ใหญว่ ิสำมญั ในวันท่ี 20 พฤศจิกำยน 2559 พบว่ำ มี
สำระสำคัญครบถ้วนและประธำนกรรมกำรเป็นผู้ลงนำม แม้สหกรณ์จะไม่มีหนังสือแจ้งสมำชิกเป็นรำยบุคคล
แต่ในวันประชุมมีสมำชิกมำประชุมครบเป็นองค์ประชุม และไม่มีผู้ใดคัดค้ำนในวันที่มีกำรประชุม กำรประชุม
ดังกลำ่ วจึงมีผลโดยชอบ จงึ เปน็ กำรวิจยั ทไ่ี ม่ตรงตำมข้อเท็จจริง ดังนั้น เมือ่ ไดว้ ินิจฉัยแล้วว่ำกำรแจ้งกำหนดกำร
ประชุมใหญ่วิสำมัญของผู้ร้องสอดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกำยน 2559 ไม่ชอบด้วยข้อบังคับฯ ข้อ 64 มติของ
ท่ีประชุมใหญ่วิสำมัญท่ีให้บริษัท บำงปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป จำกัด เช่ำที่ดินของผู้ร้องสอด
จึงเป็นมติท่ไี ม่ชอบด้วยกฎหมำยเชน่ กัน ดงั นนั้ กำรที่ผถู้ กู ฟ้องคดีท่ี 2 ไมไ่ ดส้ ่ังกำรให้คณะกรรมกำรดำเนินกำรของ
/ผู้รอ้ งสอด...
ใช้เพือ่ ประกอบการศึกษาเท่านน้ั หา้ มมใิ ห้นาไปใชเ้ พอื่ แสวงหากาไร
2
ผู้ร้องสอดแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับกำรแจ้งกำหนดกำรประชุมใหญ่วิสำมัญดังกล่ำว ให้ถูกต้องครบถ้วนตำม
ข้อ 64 ของข้อบังคับฯ และดำเนินกำรประชุมใหญ่วิสำมัญอีกคร้ังให้ถูกต้องต่อไป รวมทั้งไม่ได้ส่ังระงับหรือ
ยกเลิกกำรดำเนนิ กำรตำมมตทิ ี่ประชุมใหญว่ ิสำมัญดงั กลำ่ ว
ตำมมำตรำ 16 วรรคหนึ่ง (5) และมำตรำ 22 (1) (2) แห่งพระรำชบญั ญัติสหกรณ์ฯ ตำมท่ี
ได้รับมอบอำนำจจำกผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กรณีจึงถือได้ว่ำผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองละเลยต่อหน้ำท่ีตำมท่ีกฎหมำยที่
เก่ียวกับสหกรณ์กำหนดให้ต้องปฏิบัติ ไม่จำตอ้ งวินิจฉัยในประเด็นอื่นตำมคำฟอ้ งของผู้ฟอ้ งคดีท่ี 1 ,ที่ 3 และ
ที่ 5 อกี ตอ่ ไปเน่อื งจำกไม่ทำใหผ้ ลแหง่ คดเี ปลีย่ นแปลงไป
สำนกั นำยทะเบยี นและกฎหมำย กลมุ่ กฎหมำย/ย่อ
ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น หา้ มมิใหน้ าไปใช้เพื่อแสวงหากาไร