The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวบรวมสรุปคำพิพากษาและคำสั่งของ
ศาลปกครองและศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง
จัดทำโดย กรมส่งเสริมสหกรณ์
สำนักนายทะเบียนและกฎหมาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by lawcpd2563, 2022-04-29 04:08:25

รวบรวมสรุปคำพิพากษาและคำสั่งของศาลปกครองและศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง

รวบรวมสรุปคำพิพากษาและคำสั่งของ
ศาลปกครองและศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง
จัดทำโดย กรมส่งเสริมสหกรณ์
สำนักนายทะเบียนและกฎหมาย

ย่อคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สดุ ที่ อ.344/2564

ผฟู้ อ้ งคดี กรมสง่ เสริมสหกรณ์

ผู้ถูกฟ้องคดี สหกรณโ์ คนมอินทร์บรุ ี จำกัดที่ 1 กบั พวกรวม 25 คน

กรณีเรอ่ื ง คดีพิพำทเกี่ยวกับสัญญำทำงปกครอง

กฎหมำยทเ่ี กี่ยวขอ้ ง มำตรำ 680 มำตรำ 683 และมำตรำ 686 แห่งประมวลกฎหมำยแพง่ และพำณิชย์

ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ตกลงทำสัญญำกู้ยืมเงินกองทุนรวมเพ่ือช่วยเหลือเกษตรกร
ตำมสญั ญำเลขที่ 3/2539 ลงวันท่ี 25 มีนำคม 2539 โดยมีผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 7 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 17 ทำสัญญำ
ค้ำประกัน ลงวันที่ 5 กุมภำพันธ์ 2539 เพื่อประกันกำรชำระหนี้ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ต่อมำเม่ือถึงกำหนด
ชำระหนี้ ผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 1 ชำระหน้ีใหผ้ ู้ฟ้องคดีไม่ครบถ้วน จงึ ดำเนินกำรให้ผู้คำ้ ประกันชำระหน้ีแต่กลับเพกิ เฉย
ไม่ชำระหน้ี ผู้ฟอ้ งคดจี ึงนำคดมี ำฟ้องต่อศำลปกครอง

ศำลปกครองสงู สุดเห็นวำ่ คดมี ปี ระเดน็ ท่จี ะตอ้ งวินจิ ฉัยรวม 3 ประเดน็ ดงั น้ี
ประเดน็ ท่ี 1 ผูฟ้ ้องคดมี ีสทิ ธิฟอ้ งคดตี ่อศำลปกครองหรือไม่
พิเครำะห์แล้วเห็นว่ำ คดีน้ีผู้ฟ้องคดีฟ้องขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 รับผิดตำมสัญญำกู้ยืม
เงินกองทุนรวมเพ่ือช่วยเหลือเกษตรกรตำมสัญญำเลขท่ี 3/2539 ลงวันที่ 25 มีนำคม 2539 และฟ้อง
ผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 2 ถงึ ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 25 ให้รับผดิ ชอบตำมสัญญำคำ้ ประกันเพื่อประกันกำรชำระหน้ีของผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ 1 กรณจี ึงเป็นคดีพพิ ำทเก่ียวกับสญั ญำทำงปกครอง โดยสญั ญำกำหนดใหผ้ ู้ถกู ฟ้องคดีที่ 1 จะต้องชำระหน้ี
เงินท่ีกยู้ ืมตำมสัญญำให้เสร็จสิ้นภำยในวันที่ 30 เมษำยน 2543 เมื่อครบกำหนดเวลำ ผู้ถกู ฟ้องคดีท่ี 1 ไม่อำจ
ชำระเงินตำมสัญญำได้ กรณีจึงถือได้ว่ำมีข้อโต้แย้งเก่ียวกับสัญญำทำงปกครอง และในกำรยุติข้อโต้แย้งดังกล่ำว
ผู้ฟ้องคดีได้มีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้เงินตำมสัญญำ ซึ่งเป็นคำขอท่ีศำลปกครองอำจกำหนดคำบังคับได้
ตำมมำตรำ 72 วรรคหน่ึง (3) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตัง้ ศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ผูฟ้ ้องคดจี งึ เป็นผมู้ ีสทิ ธิฟอ้ งคดตี อ่ ศำลปกครองตำมมำตรำ 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติเดยี วกนั
ประเด็นท่ี 2 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ต้องรับผิดตำมสัญญำกู้ยืมเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือ
เกษตรกรตำมสัญญำเลขที่ 3/2539 ลงวันท่ี 25 มีนำคม 2539 หรือไม่เพียงใด
กำรท่ศี ำลปกครองชัน้ ตน้ มีข้อวินิจฉัย โดยเหน็ ว่ำ ดอกเบย้ี ผิดนัดชำระหนี้ร้อยละ 6 ของต้นเงิน
จำนวน 3,100,000 บำท เป็นเบี้ยปรับและเป็นเบ้ียปรับท่ีสูงเกินส่วน ซ่ึงศำลอำจลดดอกเบ้ียปรับลงเป็น
จำนวนพอสมควรได้ตำมมำตรำ 383 แห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ น้ัน คดีจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำ
ว่ำ ดอกเบ้ียผิดนัดชำระหนี้ตำมมำตรำ 224 วรรคหน่ึง แห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ เป็นเบี้ยปรับ
ตำมมำตรำ 379 แหง่ ประมวลกฎหมำยแพง่ และพำณชิ ย์หรือไม่ พจิ ำรณำแล้วเห็นว่ำ ดอกเบี้ยผิดนัดตำมมำตรำ
224 วรรคหน่ึง เป็นค่ำเสียหำยที่กฎหมำยกำหนดให้เจ้ำหนี้เรียกเอำได้เม่ือลูกหน้ีมีกำรผิดนัดชำระหน้ี
ส่วนเบี้ยปรับตำมมำตรำ 379 แห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ เป็นเงินท่ีลูกหน้ีสัญญำแก่เจ้ำหน้ีจะใช้
เงินจำนวนหน่ึงเป็นเบี้ยปรับเม่ือลูกหน้ีไม่ชำระหนี้ หรือไม่ชำระหน้ีให้ถูกต้องสมควร ดังนั้น เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระ
หน้หี รอื ชำระหนไี้ มถ่ กู ตอ้ ง เจำ้ หนีจ้ งึ มสี ทิ ธริ บิ เบ้ียปรับน้นั ได้ ดอกเบีย้ ร้อยละ 6 ของต้นเงนิ จำนวน 3,100,000
บำท จึงเป็นดอกเบี้ยผิดนัดท่ีมำตรำ 224 วรรคหน่ึง กำหนดให้ลูกหนี้ต้องชำระให้แก่เจ้ำหน้ี เม่ือดอกเบ้ีย
ผิดนัดชำระหนี้ตำมมำตรำ 224 วรรคหนึ่ง เป็นดอกเบี้ยที่กฎหมำยกำนหนดจึงไม่ถือว่ำเป็นเบี้ยปรับ
ตำมควำมหมำยของมำตรำ 379 ดังนั้น ข้อวินิจฉัยของศำลปกครองชั้นต้นที่ว่ำดอกเบ้ียตำมมำตรำ 224
วรรคหน่ึง เป็นเบ้ียปรับ จึงไม่ชอบด้วยมำตรำ 379 และศำลปกครองชั้นต้นไม่อำจอ้ำงมำตรำ 383

ใชเ้ พอ่ื ประกอบการศึกษาเท่านน้ั หา้ มมิใหน้ าไปใช้เพอื่ แสวงหากาไร

2

เพ่ือลดดอกเบ้ยี ดังกล่ำวลงได้ และเม่ือขอ้ วินจิ ฉัยของศำลปกครองชัน้ ต้นไมช่ อบด้วยกฎหมำย ศำลปกครองสูงสุด
ย่อมมีอำนำจยกข้อวินิจฉัยท่ีไม่ชอบด้วยกฎหมำยนั้นขึ้นแก้ไขให้ถูกต้องได้ แม้ว่ำผู้ฟ้องคดีจะไม่ได้อุทธรณ์
คำพิพำกษำของศำลปกครองช้ันต้นในประเด็นดงั กล่ำวก็ตำม ดงั น้ัน ผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 1 จึงตอ้ งรบั ผดิ ชำระดอกเบ้ีย
ผดิ นดั ในอัตรำรอ้ ยละ 6 ของตน้ เงนิ จำนวน 3,100,000 บำท นับต้งั แต่วันท่ี 1 พฤษภำคม 2548 จนถึงวนั ที่
6 มีนำคม 2550 เป็นเงินจำนวน 343,972.61 บำท และดอกเบีย้ ผิดนัดในอตั รำร้อยละ 6 ของตน้ เงินจำนวน
1,552,317.61 บำท นับตั้งแตว่ ันที่ 7 มีนำคม 2550 จนถึงวันท่ี 28 พฤศจิกำยน 2550 จำนวน 267 วัน
เป็นเงนิ 1,552,317.61 บำท นบั ถดั จำกวนั ฟ้องเปน็ ต้นไปจนกว่ำจะชำระเสรจ็

ประเดน็ ที่ 3 ผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 2 ผู้ถูกฟอ้ งคดที ี่ 3 ผู้ถกู ฟอ้ งคดีที่ 5 ผ้ถู ูกฟ้องคดีท่ี 7 ถงึ ผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ 10 ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 14 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 16 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 18 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 25 ต้องรับผิดชอบ
ตำมสัญญำคำ้ ประกนั หรือไม่ เพยี งใด

เม่ือได้วินิจฉัยแล้วว่ำ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตกเป็นผู้ผิดสัญญำกู้ยืมเงินกองทุนรวมเพ่ือช่วยเหลือ
เกษตรกร สัญญำเลขท่ี 3/2539 ลงวันท่ี 25 มีนำคม 2539 และต้องรับผิดชอบชดใช้ต้นเงินกู้และดอกเบ้ีย
ให้แกผ่ ู้ฟอ้ งคดี ดงั น้ัน ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 2 ผถู้ ูกฟ้องคดีที่ 3 ผถู้ ูกฟ้องคดีที่ 5 ผู้ถูกฟอ้ งคดีท่ี 7 ถึงผถู้ ูกฟ้องคดีที่ 10
และผู้ถกู ฟ้องคดีที่ 14 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 25 ซึ่งเปน็ ผู้ค้ำประกนั และทำยำทโดยธรรมของผู้ค้ำประกัน จึงต้องรับ
ผิดร่วมกันกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหน้ีตำมมำตรำ 680 มำตรำ 683 และมำตรำ 686 แห่งประมวล
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ ประกอบกับข้อ 1 ของหนังสือค้ำประกันลงวันที่ 5 กุมภำพันธ์ 2539 หนังสือ
คำ้ ประกนั ลงวันที่ 6 ตุลำคม 2542 และหนังสอื ค้ำประกนั ลงวันท่ี 20 กนั ยำยน 2543

กำรท่ีศำลปกครองช้นั ต้นพิพำกษำ นัน้ ศำลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยบำงสว่ น
พิพำกษำแก้คำพิพำกษำศำลปกครองชั้นต้น เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 5 ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 7 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 10 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 14 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 25 ร่วมกัน
หรือแทนกันชำระเงินจำนวน 1,620,449.47 บำท พร้อมดอกเบ้ียผิดนัดในอัตรำร้อยละ 6 ต่อปี ของต้นเงิน
จำนวน 1,552,317.61 บำท นบั ถัดจำกวนั ฟ้องเป็นตน้ ไปจนกว่ำจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่ผู้ฟอ้ งคดี นอกจำกน้ัน
ให้เป็นไปตำมคำพิพำกษำของศำลปกครองชั้นต้น

สำนกั นำยทะเบยี นและกฎหมำย กลมุ่ กฎหมำย/ย่อ

ใชเ้ พือ่ ประกอบการศกึ ษาเท่านนั้ ห้ามมิใหน้ าไปใชเ้ พ่ือแสวงหากาไร



























































ย่อคำพพิ ำกษำศำลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.593/2564

ผู้ฟอ้ งคดี นำย ส.

ผู้ถกู ฟ้องคดี สหกรณ์จังหวัดอุบลรำชธำนี

กรณีเรื่อง คดีพิพำทเก่ียวกับกำรท่ีเจ้ำหน้ำท่ีของรัฐละเลยต่อหน้ำที่ตำมท่ีกฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
หรือปฏบิ ตั หิ นำ้ ทีด่ งั กลำ่ วล่ำชำ้ เกินสมควร

กฎหมำยทีเ่ ก่ียวข้อง มำตรำ 21 และมำตรำ 22 แห่งพระรำชบญั ญตั สิ หกรณ์ พ.ศ. 2542 และท่แี กไ้ ขเพ่ิมเติม

ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำ กำรจัดซื้อท่ีดินเป็นกำรจัดซื้อท่ีไม่โปร่งใสและมีรำคำสูงเกินควำมเป็นจริง
ส่วนกรณกี ำรจัดให้มสี วัสดิกำรเงนิ กู้เพื่อจดั ซ้ือรถจักรยำนยนต์ คอมพิวเตอร์ และเคร่ืองครัว นั้น ผู้ถูกฟ้องคดแี จ้ง
ใหผ้ ู้ฟอ้ งคดสี อบถำมข้อสงสัยในที่ประชุมใหญ่วิสำมัญของสหกรณ์ออมทรพั ย์ อ. จำกัด แม้ผถู้ ูกฟ้องคดีจะแจ้งผล
กำรตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ำ เป็นกำรดำเนินกำรที่ไม่เป็นไปตำมระเบียบและข้อบังคับของสหกรณ์และได้แจ้งให้
คณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณออมทรัพย์ อ. จำกัด ชุดท่ี 51 ยุติกำรดำเนินกำรโครงกำรดังกล่ำวแล้ว
แต่ผู้ฟ้องคดเี ห็นว่ำผู้ถูกฟอ้ งคดีละเลยต่อหน้ำท่ใี นกำรตรวจสอบวำ่ กำรดำเนนิ กำรดังกล่ำวเปน็ กำรเออื้ ประโยชน์
แก่ร้ำนค้ำหรือบุคคลภำยนอกหรือไม่ ดังนั้น กำรละเลยต่อกำรปฏิบัติหน้ำที่โดยไม่ตรวจสอบกำรดำเนินกำรของ
สหกรณ์ออมทรัพย์ อ. จำกัด จึงทำให้สหกรณ์และสมำชิกสหกรณ์ได้รับควำมเสียหำย จึงนำคดีมำฟ้องต่อศำล
ปกครอง

ศำลปกครองสูงสุด เห็นว่ำ เมื่อข้อเท็จจริงปรำกฏว่ำ ระหว่ำงคดีอยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของ
ศำลปกครองชั้นต้น ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีหนังสือหำรืออธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐำนะนำยทะเบียนสหกรณ์เกี่ยวกับ
กำรกระทำของคณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณอ์ อมทรัพย์ อ. จำกัด ชุดท่ี 51 ซึ่งนำยทะเบียนสหกรณ์ได้มหี นงั สือ
ตอบข้อหำรือว่ำ เม่ือคณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณ์ออมทรัพย์ อ. จำกัด ได้ปฏิบัติตำมมติ ระเบียบ ข้อบังคับ
เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตำมวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ ถือว่ำเป็นกำรดำเนินงำนของสหกรณ์ ซ่ึงเป็นอำนำจของ
คณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณ์ดังกล่ำวและเมื่อที่ประชุมใหญ่ได้รับทรำบและเห็นชอบด้วยแล้ว ถือได้ว่ำสหกรณ์
ไม่เส่ือมเสียประโยชน์ตำมมำตรำ 22 แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 อันแสดงให้เห็นว่ำผู้ถูกฟ้องคดี
ในฐำนะรองนำยทะเบียนสหกรณ์มิได้นิ่งนอนใจต่อกำรปฏิบัติหน้ำที่ของตนท่ีเกี่ยวกับเรื่องกำรจัดซ้ือท่ีดินดังกล่ำว
แต่อย่ำงใด และกำรกระทำของคณะกรรมกำรดำเนินกำรฯ ที่มีมติในกำรประชุมให้ดำเนินกำรจัดซื้อท่ีดินตำมเสนอ
มิได้เป็นกำรทุจริตหรือเป็นมติท่ีฝ่ำฝืนกฎหมำย ข้อบังคับ หรือระเบียบของสหกรณ์ตำมที่บัญญัติไว้ในมำตรำ 20
แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 แต่อย่ำงไร ประกอบกับกำรประชุมใหญ่วิสำมัญ ได้มีมติรับทรำบและ
เห็นชอบในกำรจัดซ้ือท่ีดินแล้ว จึงเห็นว่ำ กำรจัดซื้อท่ีดินดังกล่ำวไม่เป็นกำรทำให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของ
สหกรณ์หรือสมำชิกของสหกรณ์แต่อย่ำงใด กรณีจึงไม่มีเหตุท่ีจะให้ผู้ถูกฟ้องคดีในฐำนะรองนำยทะเบียนสหกรณ์
ดำเนินกำรใช้อำนำจหนำ้ ท่ีตำมที่บัญญัติไว้ในมำตรำ 21 และมำตรำ 22 แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542
กำรปฏิบัติหน้ำท่ีของผู้ถูกฟ้องคดีในฐำนะรองนำยทะเบียนสหกรณ์ ซ่ึงได้รับมอบอำนำจจำกนำยทะเบียนสหกรณ์
จึงหำเป็นกำรละเลยต่อหน้ำท่ีตำมท่ีกฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติตำมท่ีผู้ฟ้องคดีกล่ำวอ้ำงไม่ กำรที่ศำลปกครอง
ชั้นต้นพิพำกษำให้ผู้ถูกฟ้องคดีไปดำเนินกำรตำมมำตรำ 21 แห่งพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 กับ
คณะกรรมกำรดำเนินกำรสหกรณ์ออมทรัพย์ อ. จำกัด ชุดที่ 51 อันเน่ืองจำกกรณีเกี่ยวกับกำรจัดซื้อท่ีดินเพ่ือ
ก่อสร้ำงอำคำรสำนักงำนสหกรณ์ อ. จำกัด แห่งใหม่ ท้ังนี้ภำยใน หกสิบวันนับแต่คดีถึงที่สุด คำขออ่ืนนอกจำกน้ีให้
ยก นัน้ ศำลปกครองสูงสุดไม่เห็นฟ้องด้วย พพิ ำกษำกลับคำพิพำกษำของศำลปกครองช้ันต้น เปน็ ยกฟ้อง

สำนักนำยทะเบยี นและกฎหมำย กลุ่มกฎหมำย/ย่อ

ใช้เพอ่ื ประกอบการศกึ ษาเท่านนั้ หา้ มมิให้นาไปใชเ้ พื่อแสวงหากาไร




















Click to View FlipBook Version